ธรรม๒อันอทยํำา่�ใงหง้ าม หนงั สือสอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ด็ก นายเกษม บุญศรี เปรียญ แต่งทลู เกลา้ ฯ ถวาย พุทธศกั ราช ๒๔๙๐
“…กจิ การงานทง้ั หลาย โดยเฉพาะงานใหญ่ ๆ นน้ั จะประสบความ สำ�เร็จได้ จำ�เป็นต้องอาศัยคนหลายคนหลายฝ่ายมาช่วยกันคิดช่วยกันทำ� แต่เม่อื คนจ�ำ นวนมากมาท�ำ งานรว่ มกนั กเ็ ปน็ ธรรมดาท่แี ต่ละคนจะคิดเหน็ แตกตา่ งกนั ไปตามพน้ื ฐานความรแู้ ละประสบการณข์ องตน ความคดิ ความเหน็ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ดงั น้ี อาจเปน็ อปุ สรรคขดั ขวางความส�ำ เรจ็ ของงานได้ ถา้ ตา่ งคน ต่างยึดถือความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ แต่ก็อาจเป็นประโยชน์อย่างย่ิงต่อ งานเช่นกัน ถ้าแต่ละคนยึดถือความสำ�เร็จของงานเป็นท่ีต้ัง ยอมรับฟัง ความคิดความเห็นที่แตกต่างของกันและกัน ด้วยเหตุและผล แล้วร่วมมือ
ร่วมความคิดกันปฏิบัติกิจการงานให้สำ�เร็จผลอย่างมีประสิทธิภาพ บัณฑิต จึงชอบที่จะพิจารณาให้เข้าใจชัดถึงประโยชน์และโทษของความคิดความ เหน็ ทแ่ี ตกตา่ งกนั แลว้ ฝกึ ฝนตนเองใหเ้ ปน็ ผมู้ ใี จเปดิ กวา้ ง ยอมรบั ฟงั ความคดิ ความเห็นท่ีแตกต่างกัน จะได้สามารถปฏิบัติงานร่วมกับทุกคนทุกฝ่ายได้ อยา่ งราบรน่ื และประสานสอดคลอ้ ง ยงั ผลใหง้ านทกุ อยา่ งทท่ี �ำ บรรลถุ งึ ความ ส�ำ เรจ็ และความเจรญิ ไดแ้ ท้จรงิ …” พระราโชวาท สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั รแกผ่ ู้สำ�เร็จการศกึ ษาจาก มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ประจ�ำ ปีการศึกษา ๒๕๕๖ -๒๕๕๗ ณ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ จังหวดั เชียงใหม่ วนั พฤหสั บดี ที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๘
พระพุทธรูปปางมารวิชยั สมยั สโุ ขทยั ในพพิ ิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ
คำ�นำ� สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชประสงค์ที่จะให้เด็กไทยสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาให้ มากขึ้น จึงมีพระราชบัญชาให้คัดเลือกหนังสือท่ีชนะการประกวด หนงั สอื สอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ด็ก นบั ตง้ั แตป่ พี ทุ ธศกั ราช ๒๔๗๑ ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๗ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้พิมพ์พระราชทานในงานพระราชพิธีวิสาขบูชา มาจัดพิมพ์ใหม่ เพอ่ื พระราชทานให้แก่โรงเรียนและห้องสมุดตา่ ง ๆ สำ�นักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยาม- บรมราชกุมารี ไดค้ ดั เลอื กหนงั สอื เรอ่ื ง ธรรมอนั ท�ำ ใหง้ าม ๒ อยา่ ง ซ่ึงแต่งโดยนายเกษม บุญศรี เปรยี ญ มาจดั พมิ พใ์ หม่ ได้ปรับปรุง รปู แบบท�ำ เชงิ อรรถการสะกดค�ำ และมภี าพประกอบเพอ่ื ใหน้ า่ สนใจ และเหมาะสมต่อเด็กและเยาวชนมากย่ิงขึ้น สว่ นเนอ้ื หาสาระคงไว้ ตามตน้ ฉบบั เดมิ หวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ หนงั สอื นจ้ี ะเปน็ ประโยชนต์ อ่ เดก็ เยาวชน และผสู้ นใจทว่ั ไป สมตามพระราชประสงคข์ องสมเดจ็ พระเทพรตั น- ราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ส�ำ นักงานโครงการ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี พทุ ธศักราช ๒๕๕๙
สารบญั ๙ ๒๐ บทนำ� ๒๑ ค�ำ ถามประจำ�บท ๒๘ บทที่ ๑ ขันติ ความอดทน ๓๖ เรื่องเทวดากบั อสรู ๔๐ เรื่องพระปุณณะ ๔๑ คำ�ถามประจ�ำ บท ๔๖ บทที่ ๒ โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม ๕๐ เรื่องนางเวเทหิกา ๕๖ เรือ่ งทีฆาวุกุมาร ๕๗ ค�ำ ถามประจ�ำ บท ๖๔ บทส่งท้าย คำ�ถามประจำ�บท
ทธ�ำรใรหม้งอานั ม ๒ อย่าง บทน�ำ ๑. พอพูดถึงความงาม ใคร ๆ ก็ต้องการท้ังนั้น เพราะ ความงามเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่ง ซึ่งมีอยู่แก่คน สัตว์ สถานท่ี และส่ิงของ เช่นที่เคยพูดกันว่า คนน้ีงาม สัตว์ตัวนี้งาม บ้านเรือน หลงั นง้ี าม ตน้ ไมต้ น้ นง้ี าม ทกุ คนกอ็ ยากใหต้ นเองงาม มสี ตั วเ์ ลย้ี งก็ อยากใหส้ ตั วเ์ ลย้ี งงาม มบี า้ นเรอื นกอ็ ยากใหบ้ า้ นเรอื นงาม มสี ง่ิ ของ กอ็ ยากให้ส่ิงของงาม เม่อื ได้ยินใครชมวา่ งามกพ็ อใจ 9
๒. เด็ก ๆ ที่โตจนมาโรงเรียนได้แล้ว ก็คงจะเคยได้ยิน ผู้ใหญ่หรือครูบาอาจารย์ชมว่า เด็กคนน้ีงามน่ารักน่าเอ็นดูจริง หรือเด็กคนน้ีเขยี นหนังสอื งามดีจรงิ หนูนเ่ี ปน็ เด็กดีจรงิ ๆ เดก็ คนใดมีกิริยา มรรยาท๑เรยี บร้อย ผใู้ หญ่เชน่ พอ่ แม่ หรอื พี่ ปา้ น้า อา ปู่ ยา่ ตาและยาย ก็ชมเด็กคนนนั้ วา่ เปน็ เด็กดี นเี้ ป็นเรือ่ งของ ความงามท้งั น้ัน ไกด่ ูดเี พราะมีขน คนดูงามเพราะแต่งตัว ๓. ท่านวา่ ไก่งามเพราะขน ๑ มารยาท ถกู กาลเทศะคะ่ คนงามเพราะแตง่ ตามค�ำ นี้ แสดงว่า ความงามเกิดขึ้น ตามธรรมชาติ คือเปน็ ขน้ึ เอง อย่างหนึ่ง เกิดขน้ึ เพราะ คนตกแตง่ อยา่ งหน่งึ 10
ความงามท่ีเกิดขนึ้ ตามธรรมชาติน้นั จะเหน็ ไดด้ งั นี้ ท�ำํ บุญดีจงึ มรี ปู ร่างงามตาม ในคน ธรรมชาติครบั คนทเี่ กิดมาแล้ว จะเป็นชาตใิ ด ภาษาใดกต็ าม มรี ูปพรรณสณั ฐาน ไมส่ งู นักไม่ตำ�่ นกั ไม่ดำ�นกั ไม่ขาวนัก ไม่อว้ นนักไม่ผอมนัก มผี วิ พรรณเหมาะสมกบั เชอื้ สายและแกภ่ มู ปิ ระเทศทเ่ี กดิ ขน้ึ นั้น มีร่างกายสมสว่ นด่ังน๒้ี จดั ว่างามตามธรรมชาติ ๔. ในสตั ว์ สัตว์มชี ะนดิ ๓ตา่ ง ๆ เช่น สตั วส์ องเท้า สัตว์ส่ีเทา้ สตั ว์มเี ท้ามาก สตั ว์ไมม่ เี ทา้ บางชะนิดบินไปในอากาศได้ บางชะนดิ เดนิ ไปบนพืน้ ดิน บางชะนดิ อยู่ใต้พ้นื ดนิ บางชะนดิ อยใู่ นน้�ำ ๒ ดงั น้ี ๓ ชนดิ 11
สตั วต์ า่ งประเภทเหลา่ นี้ ไปเที่ยวกันไหมคุณเม่น ทีค่ วรมขี นยาวก็ยาว ได้เลย ทค่ี วรมีขนสน้ั ก็ส้ัน ทคี่ วรมขี นออ่ นกอ็ อ่ น ทค่ี วรมขี นแขง็ กแ็ ขง็ ทคี่ วรมสี อี ย่างใด ก็มสี อี ย่างนน้ั เชน่ แดง ดำ� ขาว เหลอื ง เขยี ว หรอื ประสมกนั ตามชะนิดนั้น ๆ สัตว์ท่ีมีรูปร่างสมส่วนควรแก่ชะนิดของตน ๆ และควรแก่ ภมู ปิ ระเทศในถน่ิ ที่เกดิ นน้ั อยา่ งน้เี รียกวา่ สัตวง์ ามตามธรรมชาติ ๕. ในสถานที่ พ้ืนที่ บางแห่งเปน็ ท่ีราบ บางแห่งเปน็ ทส่ี งู บางแหง่ มปี า่ ไมม้ าก บางแหง่ มีป่าไมน้ อ้ ย บางแห่งเปน็ ทอ้ งทงุ่ บางแหง่ เปน็ โขดเขา 12
บางแห่งเป็นเว้าวุ้งคดเค้ียวเป็นคุ้งเป็นแคว บางแห่งเป็น ทดี่ อน บางแหง่ เป็นทนี่ �ำ้ ขัง บางแหง่ เปน็ ถ�้ำ บางแห่งเป็นชะโงก บางแห่งเหมาะแก่การเพาะปลกู บางแหง่ เหมาะแก่การอย่อู าศยั บางแห่งเหมาะแก่การคา้ ขาย พ้ืนท่อี ันเหมาะแก่กจิ การนัน้ อยา่ งนีเ้ รยี กวา่ สถานที่งาม ๖. ในสิ่งของ สิ่งอันเกิดขึ้นตามธรรมชาติสำ�หรับบำ�รุง ความสขุ ของหมมู่ นษุ ยแ์ ละสตั วอ์ นั อยบู่ นพน้ื โลกนน้ั ยอ่ มมตี า่ งชะนดิ ต่างพรรณ เชน่ ต้นไม้ มีทงั้ ไมม้ ีผล ไมไ้ มม่ ีผล ไม้มแี ก่น ไม้ไมม่ แี ก่น ไมม้ ีดอก ไม้ไม่มีดอก ไม้ใหญ่ไมเ้ ลก็ ไม้ยืนต้นไม้เล้อื ย ไม้ต้นไมเ้ ถาไมเ้ ครือ เหลือเฟือสุดที่จะพรรณนา 13
อนั ผลไมเ้ ลา่ ก็มตี ่างชะนดิ ต่างพรรณ มรี สเปรยี้ ว รสหวาน รสขม รสเฝอื่ น รสฝาด บางชะนิดก็เปน็ อาหาร ของคนและสัตว์ บางชะนดิ กเ็ ป็นพษิ ตน้ ไมอ้ นั เหมาะสมแกพ่ ชื พนั ธขุ์ องมนั อยา่ งนจี้ ดั เปน็ ของงาม ๗. ความงามตามที่กล่าวมานี้ จัดเป็นความงามตาม ธรรมชาติ แม้งามอย่างนั้นแล้วก็ยังไม่เป็นที่พอใจของคนท้ังหลาย เพราะอย่างนั้นคนทั้งหลายจึงพยายามปรับปรุงดัดแปลงแก้ไข ใหม้ คี วามงามเพม่ิ จากธรรมชาตขิ น้ึ อกี โดยวธิ อี นโุ ลมตามธรรมชาติ บ้าง ฝืนธรรมชาติบ้าง ความงามที่เกิดจากการตกแต่งเพ่ิมข้ึนจาก ที่ธรรมชาติสรา้ งมานี้ เรียกวา่ งามเพราะแต่ง ดังทีท่ ่านกล่าวไว้วา่ คนงามเพราะแตง่ ๘. ความจริงความงามเพราะแต่งน้ี มิใช่ว่าจะจำ�กัดเพียง แต่คนเท่านั้นท่ีต้องแต่ง ถึงอย่างอ่ืนก็ต้องตกแต่งเพ่ิมเติมด้วย 14
เหมอื นกนั บา้ นเรอื นจะงดงาม กเ็ พราะเจา้ ของบา้ นปลกู ไดล้ กั ษณะ และตกแตง่ ประกอบดว้ ย จงึ จะเรยี กวา่ บา้ นงาม ตน้ ไมจ้ ะงาม กต็ อ้ งอาศยั การรดน้ำ�พรวนดนิ และตดั ตอ่ ตกแตง่ ประกอบดว้ ย จึงจะงามยิ่งขึ้น พื้นที่จะงามก็ต้องจัดการบำ�รุงและตกแต่งเข้าประกอบ ทุกสิ่งทกุ อยา่ งต้องมีการตกแตง่ ประกอบทง้ั นน้ั แต่งหล่อสักหนอ่ ยเรา จิบ๊ ๆ ๙. เด็ก ๆ คงเคยเหน็ เปด็ ไกห่ รือนกต่างชะนิด มนั ไซข้ นของมัน ตามรา่ งกายท่วั ไป การทส่ี ตั วม์ นั ทำ�เช่นน้ัน นน่ั แหละมนั แต่งตวั ของมนั ถ้ามนั ไม่ทำ�เชน่ น้นั ขนมนั ก็จะเปอ้ื นเปรอะ เลอะเทอะหรือรุงรังไม่นา่ ดู 15
แตเ่ มอ่ื มนั ท�ำ อยา่ งนน้ั แลว้ กแ็ ลดงู ดงามขน้ึ ท�ำ ใหน้ า่ ดนู า่ ชม มาก ข้อท่ที �ำ ใหน้ า่ ดูนา่ ชมมากขึน้ น้ี เป็นความงามเพราะแตง่ ๑๐. คนเรากเ็ ชน่ เดยี วกนั ตอ้ งอาศยั การตกแตง่ ชว่ ยธรรมชาติ เพิม่ ขนึ้ จึงจะดูงาม การแตง่ มสี องอยา่ ง คนเราต้องงามนอกงามในนะคะ คอื แตง่ ภายนอกอยา่ งหนง่ึ แตง่ ภายในอยา่ งหนึง่ แต่งกายภายนอกใหง้ าม เรียกวา่ รูปงาม เปน็ ความงามภายนอก แตง่ ใจให้งามเรียกวา่ ใจงาม เป็นความงามภายใน ๑๑. การแตง่ กายใหง้ ามกย็ งั มเี ปน็ ๒ ชน้ั แตง่ กายภายนอก เชน่ แตง่ ผมใหเ้ รียบร้อย แตง่ กายดที ำํ�ใหม้ เี สนห่ ค์ รับ ตามความนิยมของกาลเทศะ ควรตัดกต็ ดั ควรดดั กด็ ดั ควรโกนก็โกน ควรกันกก็ ัน ควรเกล้าก็เกล้า ควรมุ่นก็มุน่ ควรหวกี ห็ วี 16
ผหู้ ญงิ เราควรแตง่ กาย หรือแตง่ อวยั วะสว่ นอน่ื ใหม้ ิดชิดนะคะ ด้วยเครื่องอย่างอื่น ควรปดิ ก็ปดิ ควรเปดิ ก็เปิด นงุ่ หม่ ตามควรแก่เพศและวัย ประดับประดารา่ งกาย ดว้ ยเครอ่ื งประดับ ตา่ งชะนิดตามสมควร ให้เหมาะแกเ่ พศและวัย อย่างนจ้ี ดั เปน็ การแต่งกายภายนอก ๑๒. การแต่งกายอย่างนั้น ถึงจะแลดูงดงามเพียงไร ก็จัด เป็นความงามภายนอกเท่าน้ัน ยังไม่เป็นการเพียงพอ จะต้องแต่ง กายภายในให้งดงามต่อไปอีก เช่นต้องฝึกตัวให้เดินให้ยืน ให้น่ัง ใหน้ อน ใหพ้ ดู จาปราศรยั ให้ถูกระเบียบ จะ้ หนมู ารยาทดีจรงิ ๆ ขณะเดิน รอสักครนู่ ะครบั เมือ่ ผู้ใหญเ่ ดนิ สวนทาง คณุ พ่อกำํ�ลังมาครบั ตอ้ งหลกี ทางให้ ขณะยืนไมย่ ืนขวางทาง หรือกดี ขวางคนอื่น ขณะน่งั เห็นผใู้ หญ่มาต้องลกุ รับ ไม่ควรนงั่ ทส่ี ูงกวา่ ผใู้ หญ่ ต้องรทู้ น่ี ัง่ ของตน 17
ไม่พดู เสยี งดงั ใหเ้ อด็ อึง ฮลั โล... วา่ อะไรนะ ไม่เอาใจกันเลย เป็นการรบกวนคนอื่น พดู แตถ่ ้อยคำ�ที่ออ่ นหวาน นมิ่ นวลควรดื่มไวใ้ นใจ แสดงกิรยิ าอาการ สุภาพราบเรียบ อย่างนีจ้ ัดเป็น ความงามทางกายภายใน ๑๓. ความงามอันเป็นภายใน คือใจงามน้ันเป็นความงาม อันแท้จริง และเป็นเหตุให้กายภายในงามตามไปด้วย ความงาม ภายในคือใจงามน้ี ต้องอาศัยการฝึกหัดต้ังแต่ยังเป็นเด็กอยู่อย่างนี้ เพราะถ้าปล่อยจนโตเป็นผู้ใหญ่เสียแล้วก็แต่งยาก และมักจะ ไมส่ �ำ เร็จได้ เพราะฉะนนั้ เดก็ ๆ ต้องฝกึ หัดแตง่ กายแต่งใจ ของตนใหง้ ามไว้ แตย่ งั เปน็ เด็กอย่อู ย่างน้ี โตเป็นผูใ้ หญ่จะได้ เป็นคนมีรูปงามและใจงาม ซึง่ รวมเรยี กวา่ คนงาม 18
๑๔. การที่แต่งกายแต่งใจให้งามเพ่ือเป็นคนงามนั้น ต้อง อาศัยธรรมะคำ�สอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก พระพุทธเจ้าทรง แสดงหลักธรรม สำ�หรับทำ�ให้งามไว้ เรียกว่า ธรรมอันทำ�ให้งาม มี ๒ ประการ คอื ๑. ขนั ติ ความอดทน ๒. โสรัจจะ ความสงบเสงย่ี ม เด็ก ๆ จงจำ�หัวข้อธรรมทั้งสองนี้ไว้ก่อน จะขยายความ ขอ้ ธรรมทั้งสองน้ตี อ่ ไป ธรรมที่ทำํ�ใหเ้ ราเป็นคนงามนอกงามใน มี ๒ อย่างนะครบั จ�ํำ ไว้ 19
ค�ำ ถาม ประ จำ� บท ๑. ความงามน้นั อย่างไร ? ๒. ๓. ความงาม ความงามภายนอกนัน้ เกดิ ข้นึ อย่างไร ? อยา่ งไร ? ๔. ๕. ความงามภายในน้นั ธรรมทำ�ใหง้ าม มเี ท่าไร คืออะไร ? อยา่ งไร ? 20
บท๑ท่ี ขนั ติ ความอดทน ความทน ความทน ลำ�บาก ตรากตร�ำ ความ อดใจ ๑. ในบทน้ีจะได้แสดงธรรมะท่ีทำ�ให้เป็นคนงามข้อต้น คือ ความอดทน ต่อไป ความอดทนคือความทนทานประกอบ การงานให้สำ�เร็จลุล่วงไปตามความประสงค์ของตน กล่าวโดย ลกั ษณะความอดทนนน้ั มี ๓ ประการ (ก) ความทนลำ�บาก (ข) ความทนตรากตรำ� (ค) ความอดใจ 21
๒. เดก็ ๆ คงเคยไมส่ บายกายหรอื ไมส่ บายใจบา้ ง หรอื คง เคยเจบ็ ไขม้ าบา้ ง ถา้ ไมเ่ ปน็ เองกค็ งเคยเหน็ เขาเปน็ ในเวลาเจบ็ ไขน้ น้ั เช่นปวดหวั หรือปวดตามรา่ งกายส่วนอน่ื ๆ ในขณะนน้ั เรามคี วามกะวนกะวาย๔ โอย..! ต้องการจะใหห้ ายปวด ทํำ�ไมปวดหัวอย่างนีน้ ะ เราทนไมไ่ หว เราจะตอ้ งร้องคราง หรือรอ้ งไห้ หรือแสดงอาการ กะสับกะสา่ ย๕ทุรนทรุ าย ผดุ ลุกผดุ นั่งไม่เป็นอนั กินอันนอน ได้อยา่ งปรกติ เราถูกความเจ็บปวดครอบงำ�อยู่อย่างนั้น เรียกว่าถูกทุกข- เวทนาครอบงำ� เมื่อเราแสดงอาการอย่างนั้น หมายความว่า เรา ทนไม่ได้ เม่ือเราทนต่อทุกขเวทนาในเวลาเช่นน้ันไม่ได้ เรียกว่าเรา ไม่มีความอดทน ถ้าเราทนต่อทุกขเวทนาในเวลาเช่นนั้นได้ จัดว่า เรามีความทนล�ำ บาก ๓. เด็กมีอายุถึงเพียงน้ีแล้ว ต้องเล่าเรียนหาวิชาความรู้ ใส่ตัวไว้ เพื่อประกอบการงานหาเลี้ยงตัวไปภายหน้า เมื่อเป็นดังน้ี เด็ก ๆ ต้องมาโรงเรยี นซ่ึงตง้ั อยไู่ กลบ้านบา้ ง ใกลบ้ า้ นบ้าง ขณะท่ี ๔ กระวนกระวาย ๕ กระสับกระสา่ ย 22
มาโรงเรียน บางวันบางเวลาก็ต้องตรำ�แดดตรำ�ฝนทนลมนานบ้าง เร็วบา้ งตามระยะทางทีม่ านนั้ นัง่ เขียนนาน ๆ อยากได้ความรู้ เมอื่ มาถงึ โรงเรียนแลว้ กต็ ้องอดทน ไดเ้ วลาเรยี นก็ต้องนงั่ ฟัง การส่ังสอนบ้าง ตอ้ งฝกึ หดั กายกรรมบ้าง ในขณะเชน่ นั้น กต็ อ้ งนั่งอยู่นาน ๆ บ้าง ต้องยนื อยู่นาน ๆ บา้ ง ต้องเดินต้องวิ่งอยนู่ าน ๆ บา้ ง เมื่อต้องทำ�อยู่อย่างนั้น เราจะรู้สึกเหน็ดเหน่ือยเม่ือยล้า เหลือทจี่ ะทนทานได้ ทนไมไ่ หวแล้ว ไมเ่ รียนแลว้ ๔. เดก็ บางคนถกู ตรากตรำ�เข้า เชน่ น้ันทนไมไ่ หว กห็ าอบุ ายหลกี เลี่ยง มาสายบ้าง ขาดโรงเรยี นบา้ ง หลบหนไี ปเสยี บา้ ง ในท่ีสดุ ก็ต้องเลกิ เรียน เสยี กลางคนั ยังไมท่ ันสำ�เร็จ 23
เมือ่ ทนตรากตร�ำ ไม่ได้ ใครเปน็ คนบอกครูวา่ จนถงึ เป็นเหตุให้ต้อง เราหนเี รยี น เลกิ เรยี นไปอย่างน้ัน ก็กลายเป็นคนเกเร เทยี่ วเกะกะระราน ทำ�ชาวบ้านใหเ้ ดือดรอ้ น เปน็ ทห่ี นกั ใจของพอ่ แม่ เป็นคนไม่มีวชิ าความรู้ เม่อื โตขึน้ จะประกอบการงานอะไร ก็ไม่เป็นล่ำ�เป็นสัน หาได้ไม่พอเล้ียงปากเลี้ยงท้อง ต้องอดอยาก ปากแหง้ นีเ้ พราะความไมอ่ ดทน ๕. เด็กบางคน ยังไงเรากต็ ้อง ไปเรยี นหนังสอื ใหไ้ ด้ เมือ่ ถกู ตรากตรำ�เช่นน้ัน ก็สอู้ ดทนไม่เห็นแก่ ความเหนด็ เหนื่อย อดทนไดท้ กุ วิถที าง เมอ่ื ถงึ เวลาเรียนแม้ฝนตก แดดจะออกลมจะกล้า กท็ นแดดทนฝนทนลมมาเรียน 24
ขณะท่ีเรียนแม้จะต้องน่งั อย่นู านก็ทนเหน็ดเหน่อื ยเม่อื ยล้า ขณะทฝ่ี กึ หดั กท็ นท�ำ จนสำ�เร็จ ไม่คิดเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยยาก อย่างใด ขอแต่ให้ได้วิชาความร้เู ป็นเบ้อื งหน้า เด็กเช่นน้ใี นท่สี ุดก็ เรียนสำ�เร็จถึงท่สี ุดของวิชาตามควรแก่อัตตภาพของตน นี้เป็นผล ของความอดทน เราตอ้ งต้งั ใจทํ�ำ งาน ๖. เม่ือเรยี นสำ�เรจ็ แล้ว เพ่อื ครอบครัวของเรา โตเปน็ ผู้ใหญ่ ต้องประกอบการงาน หาเลี้ยงตวั และครอบครัวของตวั ก็ต้องมีความอดทน แมต้ ้องตรำ�แดดตร�ำ ฝน กอ็ ดทนทำ�งาน จนสำ�เร็จตามความมุ่งหมาย ได้ทรัพย์มาเป็นผล อาศัยทรัพย์น้ันเล้ียงตนและครอบครัว ของตนใหอ้ ยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ตามควรแกฐ่ านะ ไมต่ อ้ งเดอื ดรอ้ น นก้ี เ็ ปน็ ผลของความอดทน การทอ่ี ดทนตอ่ ความหนาวรอ้ นในเวลาประกอบ การงานได้เช่นน้เี รียกวา่ ทนตรากตรำ� 25
๗. คนเราท่อี ยูร่ ่วมกัน เราไมผ่ ิด นายนน่ั แหละผดิ จะมากคนหรือนอ้ ยคนก็ตาม นายแหละผดิ เพราะความอยู่ใกลก้ นั นัน้ กจ็ �ำ ต้องมกี ะทบกะทง่ั ๖กนั บ้าง เป็นบางคร้ังบางคราว ยิง่ มีงานรว่ มกันด้วยแลว้ กย็ ิ่งตอ้ งมีความกะทบกะทงั่ กนั แน่นอนขน้ึ จนถึงมีคำ�กล่าวไว้ว่า “ธรรมดาล้ินกับฟันก็ต้องกะทบกัน” อันความกะทบกะท่ังกันนี้ ถ้าต่างคนต่างไม่มีความอดทนพอแล้ว เรอ่ื งนอ้ ยกจ็ ะกลายเปน็ เรอ่ื งใหญ่ ในทส่ี ดุ กจ็ ะตอ้ งแตกรา้ วกนั จะเหน็ ไดเ้ ชน่ เด็ก ๆ ท่ีมาอย่โู รงเรียนรว่ มกนั เราต้องอดทน แบร่... บางครง้ั ก็ถกู เพอื่ น ๆ กนั ไม่ตอบโต้ ลอ้ เลน่ บา้ ง หรอื วา่ เอาจรงิ ๆ บา้ ง ถ้าผู้ถูกลอ้ หรือถกู วา่ ไม่อดทนแล้ว ก็ตอ้ งทะเลาะกนั ถงึ แตกร้าวกันก็มี แต่ถ้าอดทนได้ เร่อื งทะเลาะกันก็ไมม่ ี น้กี เ็ พราะความอดทน ๖ กระทบกระทัง่ 26
นี่เหน็ ว่าชอบทำํ�งานเอาหน้านะ ๘. คนที่ถกู วา่ กล่าวเสยี ดสี ดว้ ยถ้อยค�ำ อันหยาบคายแล้ว อดไวไ้ ด้ ไม่โกรธตอบ ไมว่ ่าตอบ ไมด่ ่าตอบ เชน่ นีเ้ รยี กวา่ มีความอดใจ มีคำ�บาลีว่า “อธิวาสนขันติ” แปลว่า ความอดใจ หรือ อดกล้นั ความอดกลั้นน้ันมิใช่เพราะกลัวผู้กล่าวเสียดสีนั้น โดยท่ี เห็นว่าผู้น้ันเป็นผู้มีอำ�นาจหรือเป็นผู้มีกำ�ลังมาก หรือโดยประการ อน่ื ใด ถา้ อดกลน้ั เพราะเหตนุ น้ั ยงั ไมจ่ ดั วา่ เปน็ ความอดทนทแ่ี ทจ้ รงิ ถ้าอดกลั้นด้วยเห็นว่าการกล่าวตอบหรือด่าตอบเป็นโทษ เช่นน้ี จดั เปน็ ความอดทนอนั แทจ้ ริง ๙. เมื่อเราถูกกล่าวเสียดสีด้วยถ้อยคำ�อันหยาบคายแล้ว แมเ้ ราจะรตู้ วั วา่ เราเปน็ ผมู้ อี �ำ นาจกวา่ เขา เปน็ ผมู้ กี �ำ ลงั มากกวา่ เขา สามารถจะ ทำ�ตอบไดท้ นั ที และท�ำ ให้ผู้นน้ั ถงึ ความพนิ าศ ยอ่ ยยบั ก็ยังระงับไว้ได้ ไมท่ ำ�ตอบ มเี ร่อื งเล่าไวด้ ังต่อไปน้ี 27
เรอื่ งเทวดากบั อสรู ๑๐. ครง้ั หน่ึง ท่านแพ้แลว้ จอมอสรู เทวดากับอสูร รบกนั เปน็ สงครามใหญ่ ฝ่ายเทวดามีท้าวสกั กะ เป็นจอมทพั ฝ่ายอสรู มที ้าวเวปจติ ตเิ ปน็ จอมทัพ วันนเ้ี จ้าชนะ ในที่สุดของการสงคราม จะทํำ�อะไรขา้ กต็ ามใจ ทพั อสรู เป็นฝ่ายแพ้ ทพั เทวดาจบั ทา้ วเวปจิตติได้ มัดมือไพล่หลังแน่น น�ำ เขา้ มาสู่ที่เฝา้ ท้าวสักกะ ตลอดเวลาทอ่ี ยู่ ณ ที่เฝา้ ทา้ วเวปจติ ตไิ ดด้ ่าเสียดสี ท้าวสกั กะด้วยถ้อยคำ�หยาบคาย มปี ระการต่าง ๆ และยังแช่งทา้ วสักกะอกี วา่ 28
เอาไว้ถึงทขี า้ บา้ ง ชง่ั เถอะ๗คราวนี้ จะตอบแทนให้สาสม เราเปน็ ฝา่ ยแพ้ ท่านเป็นฝา่ ยชะนะ๘ ทา่ นคงไม่ชะนะไดเ้ สมอไป คงมวี นั แพ้บา้ ง ถา้ ถึงคราวท่านแพบ้ ้าง เราจะจบั ทา่ นมดั ใหน้ อน อย่ทู ป่ี ระตูเขา้ ออก ใหพ้ วกอสูรเหยียบหลังท่าน จนกว่าท่านจะตาย ท้าวสกั กะ ได้ฟงั ดงั นั้น มิได้พูดว่ากะไร๙ ไดแ้ ตค่ ดิ วา่ เราเป็นฝ่ายชะนะ มิควรจะกล่าวตอบ ทงั้ น้ีเพราะท้าวเธอ มีความอดกลัน้ เป็นก�ำ ลัง ๗ ช่างเถอะ ๘ ชนะ ๙ กระไร 29
มาตลเี ทพสารถี เหน็ ดงั นน้ั นกึ แปลกใจ จงึ ทลู ถามวา่ เหตไุ ร จงึ ทรงนงิ่ อยู่ ทรงอดกลั้นไว้ได้เพราะกลวั หรอื เพราะอดใจไว้ ท้าวสกั กะ ทํำ�ไมพระองค์ทรงนิ่งอยไู่ ด้ ตรสั ตอบว่า พระเจา้ ขา้ เราอดกลนั้ ไวไ้ ด้ มิใช่เพราะความกลวั แล้วตรัสเตือน มิใช่เพราะเรา มาตลเี ทพสารถีว่า มีก�ำ ลงั นอ้ ย บรรดาประโยชน์ แต่เราใหอ้ ภยั แก่ ประโยชน์ของตนเป็นเย่ยี ม ทา้ วเวปจิตติ บรรดาประโยชน์ของตน ขันติ ความอดกล้นั เปน็ เยย่ี ม คนท่มี คี วามอดทนได้ คนมกี ำ�ลังมากอดใจตอ่ ถงึ จะชนะทกุ ส่ิงนะมาตลี คนมีก�ำ ลงั นอ้ ยนั้น น่ันเปน็ ความอดใจอย่างสงู 30
เรือ่ งทีเ่ ล่ามานี้ สอนใหเ้ รารูว้ ่า เมื่อถกู ด่าว่าเสียดสีแล้ว ต้อง ใหอ้ ภยั หรอื ยกโทษใหแ้ กค่ นเชน่ นน้ั แลว้ อดใจไว้ ไมท่ �ำ ตอบ อยา่ งน้ี จัดเป็นความอดใจ ใจก็จะงามยามเป็น ๑๑. ความอดทนน้นั ผูใ้ หญค่ รับ เราตอ้ งฝึกหดั เป็นขนั้ ๆ ไป และหดั ตงั้ แตย่ งั เป็น ฝึกอดทนแตเ่ ด็กได้ เด็กอยอู่ ย่างน้ี ถ้าจะรอไว้เมอื่ โต เปน็ ผู้ใหญ่แลว้ จึงจะหัดเป็น คนอดทนเชน่ นน้ั กจ็ ะเป็นการสายไป หรอื ไม่เปน็ การสมควร เม่อื ปล่อยไว้เช่นน้นั ความท่เี คยชินมาแต่เป็นเด็กจนโตเป็น ผใู้ หญน่ น้ั จะทำ�ให้หัดยากหรือหัดไม่ได้ เมื่อเป็นดังน้ี เราก็จะเป็น คนไม่มีความงามตลอดชีวิตเป็นการเสียทีเกิด ไหน ๆ เกิดมาทั้งที ก็ควรจะทำ�ตัวให้เป็นคนงามกับเขาบ้าง แม้ร่างกายจะไม่งาม ให้ ใจงามกย็ ังจดั วา่ เปน็ คนงามได้ 31
๑๒. การหัดอดทนนน้ั อดทนไว้ไม่สบายเดีย๋ วก็หาย เชน่ เด็กป่วยไข้ อดกล้นั ได้ ไม่รอ้ งคราง หรอื แสดงอาการ กะวนกะวาย ใหเ้ ปน็ ทรี่ ำ�คาญ หรอื ตระหนกตกใจ ของคนอื่น เพราะกลัวหมอ หรือเพราะกลัวพ่อแม่ หรือเพราะกลัว ผปู้ กครองของตน บอกอาการของโรคตามเปน็ จรงิ เชน่ นก้ี จ็ ดั วา่ ดไี ด้ ถ้าอดทนได้เองโดยไม่ใช่เพราะกลัวใคร ๆ ก็ยิ่งดีมาก และเป็น ความประสงค์ในข้อน้ี เด็กท่ีอดทนได้เช่นน้ี จัดว่าเป็นเด็กท่ีน่ารัก น่าเอ็นดูมาก ๆ ถา้ ไม่กลัวโดนด่า โดดเรยี นไปแล้ว ๑๓. เดก็ ท่ตี อ้ ง ออกจากบา้ นมาโรงเรียน ต้องตร�ำ ฝนทนหนาว ทนร้อน ในระหว่างทางท่ีมา เพราะกลวั พอ่ แม่หรือ ผปู้ กครองจะดุดา่ วา่ กลา่ วเฆยี่ นตี 32
คร้นั มาถึงโรงเรียนแล้วต้องทนน่งั เรียน ต้องทนฝึกหัดตาม บทเรียนด้วยความฝืนใจ เพราะกลัวครบู าอาจารย์จะลงโทษเฆย่ี นตี หรอื ท�ำ อยา่ งอน่ื เปน็ การทรมานใหอ้ บั อายขายหนา้ เพอ่ื นฝงู กนั เชน่ น้ี ก็จัดว่าเป็นดี เพราะได้มาโรงเรียนทุกวัน มาถึงแล้วแม้ไม่ต้งั ใจจริง แตต่ อ้ งทนนง่ั เรยี น ตอ้ งทนฝกึ หดั ถงึ จะไมไ่ ดห้ มดกย็ งั ไดบ้ า้ ง จงึ จดั วา่ เป็นสว่ นดี ๑๔. ถ้าเด็ก ๆ อดทนได้เช่นน้ันเพราะอยากเรียนอยากรู้ สู้อุตส่าห์ตรำ�แดดตรำ�ฝน สู้ทนเหน็ดเหน่ือยเมื่อยล้า เช่นน้ีจัดว่า ดแี ท้ ผลของความอดทนเพยี ร เด็กท่มี คี วามอดทน เรยี นหนงั สือครบั เล่าเรยี นอย่างน้ี จะเป็นคนมวี ิชาความรู้ ถงึ คราวสอบไลก่ ็ได้ และไดค้ ะแนนมาก หรืออาจสอบ ไดท้ ่ี ๑ ดว้ ยกไ็ ด้ เดก็ เชน่ นเ้ี มอ่ื เรยี นส�ำ เรจ็ โตเปน็ ผใู้ หญแ่ ลว้ จะเปน็ คนอดทน ถึงคราวประกอบการงาน ก็จะมีความอดทนทำ�การงานไม่เห็นแก่ เหนด็ เหนอ่ื ย ไดผ้ ลของการงานนน้ั มาเลย้ี งตนและครอบครวั ของตน ใหม้ คี วามสขุ ตามสมควรแกอ่ ตั ตภาพ๑๐ ๑๐ อัตภาพ 33
๑๕. เดก็ ๆ มาอยู่โรงเรียน แน่จรงิ กม็ าแยง่ คนื มากคนดว้ ยกนั คงจะตอ้ งถกู อดทนไว้ ๆ พวกเด็กนักเรียนด้วยกนั วา่ บ้าง ด่าบ้าง พดู เสยี ดสีบา้ ง หรอื ทุบตีเอาบ้าง เม่ือเด็กถูกทำ�เช่นน้ัน ก็อดไว้ได้ไม่ทำ�ตอบเพราะกลัวเขา ด้วยเห็นเขาโตกว่าสู้ไม่ได้ หรือเห็นเขาเป็นลูกผู้มีอำ�นาจราชศักดิ์ ไมก่ ลา้ ท�ำ ตอบกลวั จะเจบ็ ตวั เชน่ นก้ี จ็ ดั วา่ ดไี ด้ เพราะไมต่ อ้ งทะเลาะ ววิ าทกนั ถ้าอดไม่ได้ มาสิมา วันนข้ี ้าจะสง่ั สอนแก ไดเ้ ลย ถูกเขาดา่ ด่าตอบ ถูกเขาทบุ ตี ทบุ ตีตอบ เชน่ น้กี ็ตอ้ งเกดิ ทะเลาะววิ าทกัน เม่อื รถู้ งึ ครหู รือครูจบั ได้ ก็จะตอ้ งถกู ลงโทษ ด้วยกันทงั้ คู่ 34
แต่ถ้าอดไวไ้ ด้ ถึงครูจะรู้หรอื จบั ได้ ฝา่ ยที่อดไวไ้ ด้จะไมต่ อ้ ง ถูกลงโทษ แม้จะอดไว้ได้เพราะกลวั เขา ก็ยังจดั ว่าเปน็ ส่วนดี ถงึ จะ ไมด่ แี ทก้ ย็ ังนับวา่ เป็นสว่ นดีอยนู่ ่ันเอง ๑๖. เด็ก ๆ ที่ถูกทำ�เช่นน้ันแล้ว ไม่ทำ�ตอบเขา เพราะคิด เห็นว่า ใครท�ำ ใครได้ หรอื เห็นวา่ ให้ทุกข์แกท่ า่ นทกุ น้ันถงึ ตัว หรือ เหน็ วา่ ใครท�ำ ดไี ดด้ ี ท�ำ ชว่ั ไดช้ ว่ั เชน่ นแ้ี ลว้ ไมท่ �ำ ตอบ ถกู ดา่ ไมด่ า่ ตอบ ถกู ทบุ ตไี ม่ทุบตีตอบ เชน่ น้ีจดั วา่ ดแี ท้ ดแี ล้วลูกทอ่ี ดทนไว้ พอ่ ภมู ิใจในตวั ลูกนะ เดก็ ทอ่ี ดทนไดด้ ังนี้ ก็เป็นเด็กท่ีนา่ รักนา่ เอน็ ดู พ่อแมห่ รอื ผู้ปกครอง กร็ ักใครใ่ หท้ ุนเลา่ เรียน ใหเ้ ครื่องแตง่ ตัว ครูบาอาจารยก์ ็รักใคร่ ตงั้ ใจสอนวชิ าความรู้ ใหจ้ นสิ้นเชงิ ก็จะเป็นเดก็ ดี โตเป็นผใู้ หญ่กเ็ ป็นคนดี ๑๗. วิธีท่ีจะฝึกหัดเป็นคนอดทนนั้น มีหลายวิธี มีวิธีหน่ึง ท่านสอนให้คิดเป็นข้ัน ๆ เช่น ถูกด่าก็ให้คิดว่ายังดีกว่าถูกตี ถูกตี กย็ ังดีกว่าถกู ฆา่ มีเรือ่ งเลา่ ไวด้ งั นี้ 35
เรื่องพระปณุ ณะ ๑๘. มชี ายคนหน่ึงเปน็ คนมัง่ ค่งั ออกบวชดกี วา่ วนั หน่งึ ไดฟ้ ังค�ำ ส่งั สอน ของพระพุทธเจา้ เกิดความเลือ่ มใส มอบสมบัตติ ่าง ๆ ทั้งหมดของตนใหน้ ้องชาย ตนเองออกบวช ในพระพุทธศาสนา อยปู่ รนนบิ ตั พิ ระอปุ ชั ฌายอ์ าจารยพ์ อสมควรแลว้ ปรารถนาจะ ไปอยปู่ ระเทศสนุ าปรนั ตปะ เมอ่ื ตกลงใจแลว้ จงึ ไปทลู ลาพระพทุ ธเจา้ พระองค์จึงรับสงั่ กะท่านพระปณุ ณะว่า ชาวสนุ าปรนั ตปะนน้ั เจา้ คนหัวโล้น คนดุร้ายนกั เธอไปอยทู่ น่ี ่นั ต้องถูกชาวสุนาปรันตปะ ดา่ แช่งเป็นแน่ เธอจะทำ�อย่างไร 36
กจ็ รงิ หวั เรากโ็ ล้น กราบทลู ว่า จรงิ ๆ แหละ เม่อื ถกู เขาดา่ ขา้ พระองคก์ ค็ ิดว่า ยงั ดีกว่าถกู แช่ง เม่ือถกู แช่งกย็ ังดีกว่าถกู ตบ เมื่อถูกตบกย็ งั ดีกว่าถกู ขว้าง เมอื่ ถกู ขวา้ งกย็ ังดีกวา่ ถกู ตี เมื่อถูกตีกย็ ังดีกว่าถูกฟัน เมือ่ ถกู ฟันกย็ ังดกี วา่ ถกู ฆา่ เมื่อถกู ฆ่าเสีย กร็ ู้แลว้ รู้รอดไปไมต่ อ้ งลำ�บาก เพราะคนบางคนเบอ่ื หนา่ ย ตายดกี ว่า โธ่..! นีเ่ รอ่ื งแคน่ ี้เอง ชวี ติ ร่างกายของตน ไมน่ า่ คดิ สนั้ คดิ ฆา่ ตัวเอง ตอ้ งจา้ งเขาฆา่ บา้ ง กนิ ยาตายบ้าง เชือดคอตายบา้ ง ผกู คอตายบ้าง โดดนำ�้ ตายบ้าง แทงตัวตายบา้ ง ยงิ ตวั ตายบา้ ง 37
เมอ่ื เขาฆา่ ตายไม่ตอ้ งล�ำ บากอยา่ งนน้ั ก็เป็นความดีแล้ว พระพุทธเจ้าได้ทรงฟังพระปุณณะกราบทูลเช่นน้ัน จึงว่า เธออดทนได้ดีมาก เธอไปอย่ใู นประเทศน้นั ได้ พระปุณณะก็ไปอยู่ ในประเทศนน้ั จนตลอดชีวิต เรอ่ื งนแี้ สดงใหเ้ รารวู้ า่ การฝกึ หดั ตวั ใหเ้ ปน็ คนมคี วามอดทน นั้น ตอ้ งฝกึ หัดเป็นขัน้ ๆ ดงั เร่อื งที่เล่ามานี้ และเมื่อฝึกหดั ท�ำ ตามได้ แล้วจะอยู่ในท่ีใด ๆ ก็ถงึ ความเปน็ ผปู้ ลอดภัยทุกเม่ือ ๑๙. คนที่ยบั ย้ังใจของตนไว้ นายไม่แน่น่ี ไม่ผลนุ ผลันโกรธตอบ ไม่ยอมสู้ฉนั เลย หรือวา่ ตอบ ประทษุ รา้ ยตอบ ต่อใคร ๆ ได้เช่นน้ี ทา่ นเรียกว่า เปน็ สารถีแห่งตน ส่วนสารถีนอกนี้ ทา่ นเรยี กวา่ เปน็ คนถอื เชือกเทา่ น้ัน คนทม่ี คี วามอดทนไดเ้ ชน่ นจ้ี ะท�ำ อะไรกส็ �ำ เรจ็ เพราะไมย่ อ่ ทอ้ ตอ่ ความขัดขอ้ งทงั้ หลายอนั จะมีมาถงึ ตน กลับเหน็ ว่าความขัดข้อง 38
เหล่าน้ันเป็นเหมือนเครื่องชูกำ�ลัง สำ�หรับกะตุ้น๑๑เตือนให้มีความ มานะอดทนยง่ิ ขน้ึ อกี คนเชน่ นจ้ี ดั วา่ มเี ครอ่ื งประดบั อนั ส�ำ คญั ส�ำ หรบั ตัวทำ�ให้เป็นคนงดงามในหมู่ในสมาคมเป็นที่นิยมนับถือของคน ทั้งหลายทว่ั ไป เด็ก ๆ จงพยายามฝึกหัดตนให้เป็นคนมีความอดทนเถิด ตอ่ ไปจะไดเ้ ป็นคนงามประจำ�ชาตบิ า้ นเมอื ง สารถีทจี่ ะน�ํำ พาชีวติ ตน ใหป้ ระสบผลส�ํำ เรจ็ ได้ ข้อปฏิบัติหนึ่งในน้ัน คอื ใช้ความอดทนนะครับ ๑๑ กระตนุ้ 39
ค�ำ ถาม ประ จ�ำ บท ๑. ขันติ แปลวา่ กะไร ? ๒. ๓. อยา่ งไรเรียกว่า อยา่ งไรเรยี กวา่ ทนล�ำ บาก ? ทนตรากตรำ� ? ๔. ๕. อยา่ งไรเรียกว่า เดก็ จ�ำ เป็นอย่างไร ความอดใจหรอื ทนเจ็บใจ ? จงึ ต้องมี ความอดทน ? 40
บท๒ท่ี โสรจั จะ ความ สงบเสงี่ยม ๑. เด็ก ๆ ได้อ่านในบทท่ี ๑ ซ่ึงได้แสดงถึงความอดทน พร้อมท้ังวิธีฝึกหัดให้เป็นคนอดทนมาแล้ว ในบทน้ีจะได้แสดงถึง โสรจั จะ ความสงบเสงย่ี ม ซง่ึ เปน็ ธรรมอนั ท�ำ ใหง้ ามอกี ประการหนง่ึ ต่อไป ความสงบเสง่ียม คือความระมัดระวังตัว ความเรียบร้อย ความเจียมตัว ความแช่มช่ืนย้ิมแย้มแจ่มใส เป็นคุณสมบัติสำ�คัญ 41
ประการ ๑ ถา้ เราจะมเี พยี งความอดทนเทา่ นน้ั ถงึ จะงามก็ยงั ไมพ่ อ ต้องมีความสงบเสงี่ยมเข้าประกอบด้วยจึงจะงามแท้ ด้วยเหตุนี้ ความสงบเสงย่ี มจงึ เปน็ ธรรมอนั ท�ำ ใหง้ ามอนั ส�ำ คญั อกี ประการหนง่ึ ๒. เด็ก ๆ คงเคยเห็นเด็กบางคนที่เรียนอยู่ในโรงเรียน เดยี วกนั ถกู ครูดุหรอื ท�ำ โทษอย่างอื่น เช่นเฆยี่ นตี แมเ้ ด็กคนน้ัน ใหท้ �ํำ การบา้ นมาส่ง จะไมเ่ ถียงครจู ะไมว่ ่าร้ายครู ก็ไมเ่ คยท�ํำ ในขณะนั้นก็จรงิ แตถ่ ึงอย่างน้นั นายนี่มันเหลือเกินจรงิ เดก็ ทีถ่ ูกทำ�เช่นนน้ั บางคนกแ็ สดงอาการแชม่ ช่นื อดใจไว้ ๆ บางคนก็หนา้ น่วิ คว้ิ ขมวด หรือหน้าแดงปากสัน่ มือไม้สน่ั ไปหมด ท่ีเป็นอย่างนั้นก็แสดงว่าเด็กคนนั้นมีแต่เพียงความอดทน เด็กบางคนก็แสดงอาการให้แปลกออกไป เช่นหน้าน่ิวคิ้วขมวด หรอื ทำ�ปากหมุบหมิบ ซ่งึ เป็นการเสียกริ ยิ าเปน็ ตน้ แต่ถ้าเด็กคนใด มคี วามอดทนดว้ ย มคี วามสงบเสงย่ี มดว้ ย เดก็ คนนน้ั กแ็ สดงอาการ เป็นปรกติหรอื ย้ิมแย้มแจ่มใส 42
ส่นั ไปทง้ั ตัวแลว้ เนี้ย ๓. คนบางคนเม่อื ถูก ความปว่ ยไข้ครอบงำ� กอ็ ดทนต่อความเจ็บปวดได้ ไม่ร้องเอ็ดองึ แตย่ งั มคี วามกะวนกะวาย อยา่ งนจ้ี ัดว่ามีความอดทน แต่ไม่มีความสงบเสงี่ยม ต่อเม่ืออดทนได้แล้วไม่แสดงความกะวนกะวาย อย่างน้ี จัดว่ามีความอดทนและความสงบเสงี่ยม เด็ก ๆ คงเคยเห็นคน เป็นเช่นนี้มาบ้าง หรือแม้ตนเองก็คงเคยเจ็บป่วย ขณะท่ีไม่มีความ อดทน กค็ งรอ้ งกะวนกะวาย ขณะทที่ นไดก้ ไ็ มแ่ สดงอาการอยา่ งนนั้ ๔. คนบางคน เม่อื ต้องทำ�งาน เบอ่ื จรงิ ๆ อะไรกด็ ว่ น ๆ งานท่ที �ำ น้ัน ใหญ่บ้างเลก็ บ้าง ต้องท�ำ ในเวลานานบ้าง เร็วบา้ ง เม่ือตอ้ งทำ�เชน่ น้ัน ก็ทนทำ�ไปจนส�ำ เร็จ ขณะทท่ี �ำ กบ็ น่ ไปท�ำ ไป ต้องท�ำ ดว้ ยความฝนื ใจ 43
แต่เพราะถูกเขาบังคับ หรือถูกหน้าที่บังคับ ก็ต้องทำ�และต้องทำ� จนส�ำ เร็จ เช่นนีจ้ ัดว่ามีความอดทนแต่ไม่มคี วามสงบเสง่ียม ถา้ ตอ้ ง ทำ�เช่นน้นั เช่น เด็กมาเรียนหนังสือท่โี รงเรียน ในระหว่างทางท่ีมา กต็ อ้ งเดนิ มาในระยะทางไกล ๆ บางวันก็ต้องตรำ�แดดตรำ�ฝน ตอ้ ง ทนร้อน ทนหนาว มาถึงแล้วก็ต้องทนน่ัง ทนฝึกหัดอยู่ตามเวลา ที่โรงเรียนกำ�หนด พวกเด็กก็ทนได้ไม่แสดงอาการเบื่อหน่าย ต้ังใจ เล่าเรียนด้วยความเต็มอกเต็มใจจนถึงที่สุดของการเล่าเรียน เช่นนี้ จัดวา่ มคี วามอดทนและมีความสงบเสงยี่ ม ๕. คนบางคน ทีถ่ กู กะทบกะท่งั ด้วยถ้อยค�ำ เสยี ดสี อดใจไว้ ๆ โธ่.. ไอก้ ระจอก ท่ีปรารภชาติบ้าง สกุลบา้ ง การงานบ้าง ความเป็นอยู่ตามปรกตบิ ้าง ก็อดใจไว้ไดไ้ ม่กล่าวตอบ เป็นแต่แสดงหน้าตาหรอื ท่าทางกะวนกะวาย ผดิ ปรกตไิ ปบา้ ง 44
อยา่ งนจ้ี ดั วา่ มคี วามอดทนแตไ่ มม่ คี วามสงบเสงย่ี ม คนบางคนถกู เขา้ เชน่ นน้ั กอ็ ดไดไ้ มก่ ลา่ วตอบทง้ั แสดงอาการ เปน็ ปรกตแิ มห้ นา้ ก็ไม่สยิ้ว กลับยม้ิ แย้มแจม่ ใสอ่อนโยนละมุนละไม สุภาพเรยี บรอ้ ย เชน่ นจ้ี ดั วา่ มคี วามอดทนและมีความสงบเสงย่ี ม อจิ ฉา ๆ แหม..! คณุ น่ีทํำ�งานดีจรงิ ๆ ๖. แตค่ นบางคน ต้องหาทางกํำ�จัด ขอบคณุ นะ ไม่เป็นอยา่ งน้นั แสดงอาการภายนอก สภุ าพเรยี บรอ้ ย ยิม้ แย้มแจ่มใส แตภ่ ายในจิตต์ใจ๑๒นน้ั คิดอาฆาตมาดร้าย อย่ตู ลอดเวลา คนเช่นน้ีท่านเรียกว่า “หน้าเน้ือใจเสือ” ซ่ึงท่านเปรียบไว้ ดงั น้ี กเ็ พราะดแี ตภ่ ายนอก สว่ นภายในนน้ั เสยี แมร้ ปู รา่ งหรอื กริ ยิ า อาการภายนอกจะสุภาพราบเรยี บอย่างไร กจ็ ัดวา่ งามไมไ่ ด้ เพราะ ภายในคอื จติ ต์ใจเสีย ๑๒ จติ ใจ 45
เรือ่ งนางเวเทหกิ า ๗. มีเรื่องเลา่ วา่ ครงั้ โบราณมหี ญงิ คนหนึ่ง นายหญิงของพวกเรา ช่อื นางเวเทหิกา เรียบร้อยดีจริง ๆ เปน็ คนมงั่ คัง่ สมบรู ณ์ ดว้ ยทรพั ยส์ มบัติ นางเปน็ คนสงบเสงีย่ ม สุภาพเรยี บร้อย คนทัง้ หลายกพ็ ากนั ยกยอ่ งสรรเสริญนาง อยา่ งนน้ั ท่ัวไป นายหญงิ ทำํ�ดีหรอื อย่างไรนะ นางมหี ญิงสาวใช้คนหนึ่ง ต้องทดสอบ ช่ือนางกาฬี นางกาฬเี ห็นเชน่ น้นั จึงคิดแตใ่ นใจว่า คณุ นายของเราน้ี มคี วามสภุ าพ เรียบรอ้ ยจรงิ หรือฝืนใจท�ำ หนอ เราควรทดลองใหเ้ ห็นจริง แล้วจงึ แกลง้ นอนตน่ื จนสาย 46
ดฉิ ันนอนเพลนิ ไปหน่อยคะ่ นางเวเทหกิ าเห็นนางกาฬี คณุ นาย กาฬวี นั นที้ ํำ�ไมตนื่ สาย ทำ�เชน่ นนั้ จงึ ถามว่า แมก่ าฬี ท�ำ ไมเธอจึง นอนตื่นสาย ไม่สบายหรอื นางกาฬตี อบว่า ดิฉันไม่สบาย มไิ ด้เจ้าค่ะคณุ นาย นางเวเทหิกาโกรธสยิ้วหนา้ เจ้าเป็นคนใช้มานอนตื่นสาย ด่านางกาฬวี า่ อยา่ งน้ไี ด้อยา่ งไร นางถอ่ ย ก็เมือ่ ไม่ปว่ ยไข้ ท�ำ ไมจงึ นอนต่ืนสาย ชว่ั ชา้ จริง ๆ นางกาฬกี ็คดิ วา่ คณุ นายของเรา มคี วามโกรธอยู่ภายใน ไมใ่ ชไ่ ม่มคี วามโกรธ 47
เราจะต้องทดลองให้ย่ิงข้ึนไปอีกสักหนอ่ ย วันร่งุ ขน้ึ นางกาฬกี แ็ สดงอาการเช่นน้ันใหย้ ่งิ กวา่ กอ่ น นางเวเทหิกาเหน็ เขา้ ช่วยด้วย ขเ้ี กียจสันหลงั ยาวดีนกั กโ็ กรธจนตัวสั่น คณุ นายไลต่ ฉี นั ต้องโดนซะบ้าง ควา้ ล่มิ ไดก้ ็ฟาด นางกาฬีลงไป ท่ีศรี ษะจนแตก เลอื ดไหลโทรม นางกาฬวี ิ่งหนไี ปหา คนบา้ นใกลช้ ิดกันชว่ ยเหลือ แลว้ พดู ว่า คุณนายใจดี จงดเู อาเถอะคะ่ ท่ีคุณทั้งหลายยกย่อง คนทง้ั หลาย ที่จรงิ เปน็ อย่างนเี้ อง ยกยอ่ งกนั นักหนาวา่ คณุ นายของดฉิ นั เปน็ คนสุภาพเรียบร้อย แตค่ วามจรงิ กเ็ ปน็ อย่างนีแ้ หละ 48
Search