Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ไผ่ บงหวาน

Description: ไผ่ บงหวาน

Search

Read the Text Version

ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Bambusa. วงศ์ : Gramineae ไผ่เป็นพืชที่เราคุ้นเคยมานาน เป็นพืชมงคลชนิดหนึ่งที่ควรหามาปลูกประดับบ้าน บางพื้นที่ ก็ปลูกเพื่อการบริโภคหน่อ บ้างก็ปลูกเชิงการค้าเป็นไม้ใช้สอยเป็นพืชที่มีประโยชน์นานัปการ ผลผลิตจากผ่ที่สำคัญคือ หน่อไม้ ซึ่งเป็นอาหารที่คนไทยนิยมกันมาก โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสาน สามารถนำหน่อไม้มาทำอาหารได้ทั้งประเภทแกง ผัด ต้มหรือใช้ถนอมอาหารเก็บไว้กินได้นานๆ โดยทั่วไปแล้ว หน่อไม้ที่ใช้รับประทาน มักจะต้องต้มหรือนึ่ง เพื่อเอารสขื่นทิ้งไป แล้วจึงจะนำมาปรุง อาหารหรือรับประทาน แต่ยังมีหน่อไม้อีกพันธุ์หนึ่งที่เราสามารถรับประทานดิบได้ โดยไม่ต้องต้มเอา รสขมทิ้งไปก่อน และมีความหวานกรอบ คล้ายยอดมะพร้าว นั่นคือ ไผ่บงหวาน ด้วยคุณลักษณะเด่นของ ไผ่ชนิดนี้ น่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ที่มีอนาคตให้แก่เกษตรกร หากมีการรวมกลุ่มหรือปลูกกันอย่าง จริงจัง ลักษณะพนั ธ์ุ เป็นไผ่ขนาดกลาง ลำต้นคดไม่สวยงาม ต้นโตเต็มที่สูงประมาณ 7-12 เมตร หน่อที่เก็บจากต้นที่ โตเต็มที่จะมีขนาด 4-5 หน่อต่อกิโลกรัมมีลักษณะเด่น คือหน่อไผ่มีรสหวาน ไม่ขื่น เมื่อปอกเปลือกแล้ว สามารถกินดิบๆ โดยไม่มีรสขมติดลิ้นเหมือนไผ่พันธุ์อื่นๆ นำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เป็น ไผ่ที่ออกหน่อมากและมีแขนงมากด้วย ต้องหมั่นตัดแขนงอยู่บ่อยๆหรือเรียกว่า “สางกอ” แต่ต้นไหนที่ ตัดแขนงไปแล้ว ก็ไม่ต้องตัดซ้ำ นอกจากนี้ยังเป็นไผ่ที่มีใบมาก และลำต้นคด ทำให้ลำต้นโน้มเอียงออก จากกอได้มาก ในฤดูที่ลมแรง ต้องคอยนำสายรัดหรือเชือกมัดรอบลำต้นทั้งกอเอาไว้ เพื่อไม่ให้โน้มเอน ลง ช่วยให้การปฏิบัติดูแลรักษาในสวนไผ่ได้ง่ายขึ้น ข้อคำนึงก่อนตัดสินใจปลูกไผ่หวาน 1. ไม่ควรเป็นพื้นที่น้ำท่วมขัง หรือพื้นที่ลุ่มต่ำ 2. จะต้องมีแหล่งน้ำเพียงพอ 3. ระยะปลูกที่เหมาะสม ต้องพิจารณาเพื่อให้เข้าไปปฏิบัติดูแลได้สะดวก สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ควรมีลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย ถ้าเป็นดินเหนียว หรือดินโคกลูกรัง จะต้องปรับปรุงดินก่อนปลูกด้วยการใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก มีการเตรียมดินก่อนปลูก ด้วยการไถตากหน้า ดินทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อฆ่าเชื้อโรคและกำจัดวัชพืช หลังจากนั้นให้ไถอีกครั้งเพื่อปรับสภาพดิน ให้ร่วนซุย เหมาะต่อการปลูกไผ่

การเตรียมพื้นทีป่ ลกู โดยเตรียมพื้นที่ไว้ตั้งแต่ฤดูแล้ง ซึ่งจะทำงานได้สะดวก สามารถลงมือปลูกได้ทันในต้นฤดูฝน ถ้า เป็นพื้นที่ที่เป็นแอ่ง ที่ลุ่มน้ำขัง มีเนินหรือมีตอไม้อยู่ต้องไถบุกเบิกกำจัดตอออกให้หมด ปรับสภาพพื้นที่ ให้เรยี บแต่ถ้าเป็นพ้นื ราบอยแู่ ลว้ แค่ไถพรวนกำจดั วัชพืชอยา่ งเดยี วก็พอแล้ว พ้นื ทท่ี ่จี ะปลูก ควรเป็นที่โล่ง ไม่มีไม้ใหญ่ เพราะจะบังแสงและแย่งอาหารจากไผ่ ถ้าได้พื้นที่ใกล้แหล่งน้ำจะดีมาก เพราะไผ่เป็นพืชที่ ต้องการน้ำมาก แต่ไม่ชอบน้ำขังในแหล่งที่สามารถมห้น้ำได้ตลอดทั้งปี ก็สามารถปลูกไผ่หวานได้ตลอด ปีเช่นกัน เริ่มโดยการไถดะ ตากดินไว้สัก 7-10 วันเพื่อฆ่าเชื้อโรค แล้วไถพรวนให้ดินร่วนซุย แล้วขุดหลุม ปลูกส่วนระยะปลูก จะใช้ระยะระหว่างต้นเท่าใด ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ปลูก พิจารณาดังนี้ ระยะปลูก 3x3 เมตร จะใช้ต้นพันธุ์ 178 ต้นต่อไร่ ระยะปลูก 3.5x3.5 เมตร จะใช้ต้นพันธุ์ 131 ต้นต่อไร่ ระยะปลูก 4x4 เมตร จะใช้ต้นพันธุ์ 100 ต้นต่อไร่ ทั้งนีก้ ข็ นึ้ อยวู่ ่า จะเว้นระยะหา่ งเท่าไหร่จงึ จะเหมาะสมเพราะต้องข้ึนอยู่กบั เครอื่ งมอื ที่ใชจ้ ดั การกบั แปลงปลูก และการดูแลรักษาของเกษตรกรเองด้วย การปลกู ระยะหา่ ง 2x4 เมตร และ 3x3 เมตร ถือวา่ วะดวก และเหมาะสมกับการจดั การกบั แปลงปลูก ควรปลูกไผ่บงหวานในช่วงก่อนเข้าฤดูฝน คือเดือนมีนาคม-เมษายน เพราะต้นไผ่จะมีการเจริญเติบโต เร็วกว่าการปลูกในช่วงฤดูฝน เหตุผลคือ ต้นไผ่จะตั้งตัวและออกรากก่อนเข้าฤดูฝน เมื่อฝนมาก็จะทำให้ ไผ่เจริญเติบโตเร็วมาก แต่หากปลูกในช่วงฤดูฝน ต้นไผ่ก็ต้องการปรับสภาพในช่วงแรก บางครั้งฝนตก มากน้ำขังแฉะ ก็ทำให้ต้นไผ่ชะงัก การเจริญเติบโตบ้าง วิธีการปลูกก่อนฤดูฝนจะดีกว่าปลูกในฤดูฝน

วิธีการปลกู ขุดหลุมปลูกขนาด กว้าง x ยาว x ลึก 30-50 x 30-50 x 30-50 เซนติเมตร แล้วใช้ปุ๋ยหินฟอสเฟต 1 กระป๋องนม (ประมาณ 300-500 กรัม) ต่อหลุมผสมปุ๋ยคอกเก่าที่สลายตัวแล้วประมาณ 1 กิโลกรัม ปละสารฆ่าแมลงฟูราดาน 1 ช้อนแกง (10 กรัม) คลุกเคล้ากับดินคนให้ทั่ว แล้วใส่ลงไปในหลุมส่วนหนึ่ง แล้วจึงนำถุงต้นกล้าไผ่หวาน ใช้ดินส่วนที่เหลือกลบให้ถึงโคนจนพูน กลบโคนให้แน่น อนึ่ง ก่อนปลูก ควรนำกล้าพันธุ์วางไว้กลางแจ้งสัก 2 - 4 สัปดาห์ เพื่อให้ต้นกล้าพันธุ์ชินกับสภาพแสงแดด ช่วงที่ ปลูกใหม่ๆ หากไม่มีฝนตกต้องช่วยรดน้ำประมาณ 2 - 3 วัน/ครั้ง การใหน้ ำ้ ให้น้ำด้วยการขังให้ท่วมแปลงแล้วปล่อยให้แห้งภายใน 1 วัน หรือให้ด้วยระบบสปริงเกอร์ก็ได้ ซึ่งการให้ด้วยระบบสปริงเกอร์ จะช่วยให้มีออกซิเจนในอากาศเพิ่มขึ้น ทำให้บรรยากาศในสวนปลอด โปร่ง มีส่วนช่วยให้ไผ่ออกหน่อดกมากขึ้น การให้น้ำ ควรดูตามสภาพอากาศช่วงปกติ ให้น้ำวันละครั้ง ช่วงผลิตนอกฤดู ควรให้น้ำเพิ่มเป็น 2-3 ครั้ง/วัน แต่ให้ในระยะเวลาสั้นๆ ถ้าเป็นช่วงฤดูฝน ถ้าฝนตกเรื่อยๆ ดินชื้นตลอด ไม่ต้องให้น้ำ ถ้าฝนขาดช่วง สังเกตว่าดินแห้ง จึงค่อยให้น้ำ การใหป้ ยุ๋ ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเช่น มูลวัว มูลควาย มูลไก่ มูลหมู และวัสดุที่เหลือจากภาคเกษตรกรรม เช่น ฟางข้าว ซังข้าวโพด แกลบ ขี้เถ้า กากถั่วเหลือง ใบไม้แห้ง เป็นต้น ใส่ที่โคนไผ่กอละประมาณ 5-10 กิโลกรัม ร่วมกับปุ๋ยยูเรีย และจะใส่ปุ๋ยยูเรียสูตร 8-24-24 หรือ 13-13-21 ใส่สลับกับปุ๋ยยูเรีย กอละ 0.5-1ขีด เพื่อเพิ่มความหวานให้หน่อไผ่ ใส่ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง ใส่ครั้งแรกช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม แล้วให้น้ำ ตามและ 2-3 เดือน ก็ใส่อีกครั้ง โดยใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักร่วมกับปุ๋ยเคมีทุกครั้ง การนำปุ๋ยหมักมาเป็น วัสดุใส่โคนไผ่ เพื่อช่วยในการอุ้มน้ำให้มีความชุ่มชื้น และช่วยทำให้ดินร่วนซุย สามารถแทงหน่อออก มาได้ง่าย จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำเจือจางรดผสมร่วมไปด้วยก็ได้ การดแู ลรกั ษาทีเ่ น้นเป็นพิเศษ 1. ในช่วง 1 ปีแรก ต้องหมั่นตัดหญ้าต้องดูแลให้ส่วนไผ่สะอาด และโปร่งอยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่เมื่อไผ่มีอายุ 2 ปีขึ้นไป ต้นไผ่มีใบปกคลุมให้ร่มเงาแล้ว แสงแดดส่องไม่ถึงหญ้าก็จะไม่ขึ้น ก็จะลด ภาระการตัดหญ้าลงไป 2. เรื่องการสางก่อไผ่ ไผ่จะมีการแตกหน่อเจริญเป็นลำไผ่ และจะมีกิ่งแขนงเล็กๆ ที่แตกออกมา ตาม ส่วนต่างๆมากมาย จะต้องใช้มีดหรือกรรไกรตัดแต่งกิ่งแขนงเหล่านั้นออกให้หมด ให้กอไผ่มีแต่ ลำไผ่หลักเท่านั้น ต้องหมั่นสางกอให้ทรงต้นโปร่ง แปลงสะอาดอยู่เป็นประจำ

3. การพิจารณาเลือกไว้ลำไผ่นั้นให้เลือกลำไผ่ที่อวบใหญ่ และมีทิศทางการเจริญเติบโตเป็นกอ ใหญ่และมีหน่อมากขึ้นในฤดูถัดไป 4. สิ่งที่สำคัญคือ ต้องหมั่นระวังไฟป่า หรือมีแนวกันไฟรอบสวนไผ่จะดีมาก การดแู ลจดั การท่วั ๆไป เมื่ออายุ 1-2 ปี จะมีหน่อแทงขึ้นมาอีก 5-6 หน่อ ในปีนี้จะยังไม่มีการตัดหน่อปล่อยให้เป็นลำต่อไป การดูแลกอ เพียงแต่ตัดเองหน่อเน่า ลำแคระแกร็น และตัดแต่งกิ่งแขนงทิ้ง เมื่อขึ้นปีที่ 3 จะมีลำประมาณ 8-12 ลำ ไผ่หวานเมื่ออายุ 3 ปี ก็มีหน่อพอที่จะตัดขายได้ในการตัดหน่อนี้ ควรจะตัดจากกลางก่อนแล้วขยาย ออกมารอบนอกกอ ซึ่งหน่อนอกๆ ต้องมีการรักษาไว้บ้างเพื่อให้เป็นลำแม่ โดยเลือกหน่อที่อวบใหญ่ และ อยู่ในลักษณะที่จะขยายออกเป็นวงกลม จะทกฃำให้กอใหญ่ขึ้นมีหน่อมากขึ้นในฤดูต่อไป ช่วงฤดูฝน จะปล่อยให้หน่อเจริญเป็นลำ ให้เหลือไว้ 8-12 ลำ/กอ เพื่อเป็นลำแม่ที่จะให้หน่อในฤดู ถัดไปลำที่เหลือไว้นี้ จะเป็นลำแม่ที่ค้ำจุนและบังลมให้ลำที่เพิ่งแตกใหม่ ลำที่ตัดออกนี้ ให้ตัดติดดินหรือ เหลืออยู่เหนือพื้นดินประมาณ 5 เซนติเมตร เพราะลำแก่ที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป จะแตกหน่อได้น้อย ทั้งยังเป็นการเร่งให้หน่อใหม่มีขน่ดใหญ่และสมบูรณ์ดีขึ้น ลำที่ขึ้นมาใหม่จะมีกิ่งแขนงเล็กๆแตกออกมา ต้องตัดกิ่งแขนงทิ้งไปและต้องตัดแต่งต้นแก่ออก อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในช่วงเดือนพฤศจิกายนลำไผ่ที่ ตัดทิ้งนั้นนำไปใช้ทำไม้ค้ำยังต้นไม้และผักในสวน หรือจะนำไปใช้เผาถ่านไม้ไผ่ไว้ใช้ในครัวเรือน เหลือ ก็ขายมีรายได้เพิ่มอีกส่วน เศษใบเศษกิ่งไผ่ก็ทิ้งไว้ในแปลง ปล่อยให้จุลินทรีย์ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยให้ต้น ไผ่ต่อไป นอกจากตัดแต่งต้นเก่าออกปีละครั้งแล้วช่วงเวลาฤดูฝนเป็นช่วงที่ต้องปล่อยให้หน่อไผ่ที่แทง ออกห่างกอเจริญไปเป็นลำไผ่ โดยกอหนึ่งจะปล่อยให้ขึ้นลำ ประมาณ 8-12 ลำ เพื่อเป็นลำแม่ที่จะให้หน่อ ในฤดูถดั ไป ลำท่ปี ลอ่ ยข้ึนใหม่จะมแี ขนงออกตามขอ้ ต้องคอยตัดแขนงทง้ิ ในชว่ งนอกฤดู แขนงจะไมอ่ อก เพราะหน่อไผ่ที่ออกมาจะถูกขุดขายตลอด ยิ่งขุดยิ่งออกหน่อมาเรื่อยๆ ไผ่บงหวานอายุ 3 ปีขึ้นไป จะให้ผลผลิตได้ 8-12 กิโลกรัมต่อไร่ต่อวัน ช่วงนอกฤดูตั้งแต่เดือน มกราคมถึงเดือนพฤษภาคม ราคาหน้าสวนจะขายกิโลกรัมละ 50 บาท ช่วงในฤดูตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึง เดือนตุลาคม ราคาหน้าสวนขะขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 35 บาท (ราคา พ.ศ. 2553) ไผ่บงหวานจะออกหน่อง่าย ออกได้เรื่อยๆทั้งปี ในช่วงนอกฤดูจะออกหน่อดก แต่ในช่วงฤดูฝนก็ ต้องปล่อยให้เจริญเป็นลำไปบ้าง จึงเก็บผลผลิตได้น้อยกว่าในช่วงนอกฤดู ในช่วงฤดูฝนเมื่อหน่อไผ่ ธรรมชาติออกมาทางสวนก็ยังขายหน่อไผ่หวานได้ แม้จะได้ราคาไม่สูงมากเหมือนในช่วงนอกฤดู แต่เมื่อ เทียบกับการไม่ต้องมีต้นทุนเรื่องน้ำ เพราะส่วนมากจะอาศัยน้ำฝน ซึ่งก็ถือว่าพอใช้ได้ ถ้าป็นไผ่สายอื่นๆ จะมีปัญหาการขายหน่อในช่วงฤดูฝน

การทำใหอ้ อกหนอ่ นอกฤดู ประมาณเดือนพฤศจิกายน ของปีที่ 2 ที่เริ่มปลูกไผ่ให้เริ่มทำการตัดแต่งกิ่ง ตัดแต่งต้น โดย 1 กอ จะเหลือลำหลังการตัดแต่งกิ่งเพียง 8-12 ลำเท่านั้น วิธีตัด ให้ตัดชิดพื้นดิน เลือกลำต้นที่สมบูรณ์คงไว้หลัง การตัดแต่งเสร็จ ให้ขดุ ดินรอบๆ กอ ลึก 1 หน้าจอบ ใสป่ ยุ๋ คอก กอละ 1-2 กิโลกรัม และปุย๋ เคมสี ตู ร 8-24-24 หรือ 13-13-21 กอละ 1-2 ขีดร่วมกับปุ๋ยหมัก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพความสมบูรณ์ของแต่ละกอ กลบดิน ให้แน่น ระหว่างนี้ดินยังมีความชื้นอยู่ ปุ๋ยที่ถูกฝังไว้จะค่อยๆ ละลายและปลดปล่อยธาตุอาหารไปเรื่อยๆ ให้น้ำสม่ำเสมอประมาณต้นเดือนมีนาคม ไผ่หวานจะเริ่มทยายแทงหน่อออกมา โดยธรรมชาติของไผ่จะมี ความทะวายอยู่แล้วแม้ไม่ได้รดน้ำ ก็สามารถออกหน่อได้ตามปกติ เพียงแต่ปริมาณและคุรภาพอาจจะไม่ มาก หรือดีเท่ากับการให้น้ำเพียงพอและสม่ำเสมอ ศตั รทู ีส่ ำคญั หนู จะกัดกินหน่ออ่อน วิธีป้องกันและกำจัดควรใช้กับดัก ถ้าระบาดมาก อาจจะมีความจำเป็น ต้องใช้สารเคมี เช่น ซิงฟอสไฟด์ ราคูมิน แต่ไม่ควรใช้ในแปลงที่อยู่ในบริเวณบ้าน เพราะอาจสร้างปัญหา กับสัตว์เลี้ยงได้ ตุ่น อ้น เม่น กัดกินหน่ออ่อน เหง้า ทำให้ไผ่ตายได้ วิธีการป้องกันกำจัดให้ใช้กับดักหรือเบ็ดดัก ในรูตุ่นหรืออ้น เพลี้ยแป้ง และเพลี้ยหอย จะดูดกินน้ำเลี้ยง ที่กาบหน่ออ่อนจะทำให้เนื้อแข็งและมีเส้นใย ซึ่งอาจจะ เป็นเหตุให้หน่อไม้ไผ่หวานรสชาติเปลี่ยนไป วิธีการป้องกัน คือ รักษาแปลงให้สะอาด ตัดแต่งกอให้โปร่ง และควรลอกกาบที่มีเพลี้ยเกาะอยู่ ไม่ควรใช้สารเคมี เพราะจะมีผลต่อผู้บริโภค ด้วงงวง เจาะดูดกินน้ำเลี้ยงและวางไข่ในหน่ออ่อน ทำให้หน่อเหี่ยวตาย วิธีการป้องกันและกำจัด คือ ให้รักษาแปลงให้สะอาด เมื่อพบตัวแก่ให้จับไปทำลาย ไม่ควรใช้สารเคมีฉีดพ่น

------------------------------เรียบเรียง------------------------------ กลมุ่ สื่อส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสรมิ การเกษตร ------------------------------ภาพ------------------------------ นายวิเซ็น ดวงสา สถานวี จิ ยั ลำตะคอง -------------------จดั ทำเป็นหนังสอื อเิ ล็กทรอนกิ ส์------------------- ศนู ย์วทิ ยบรกิ ารเพ่อื สง่ เสริมการเกษตร สำนกั พฒั นาการถา่ ยทอดเทคโนโลยี กรมส่งเสรมิ การเกษตร โทร. 0-2579-5517 E-Mail: [email protected]