Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การลดต้นทุนการผลิตพืชสวน(พืชสวนอุตสาหกรรม)เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้เกษตรกรไทย

การลดต้นทุนการผลิตพืชสวน(พืชสวนอุตสาหกรรม)เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้เกษตรกรไทย

Description: การลดต้นทุนการผลิตพืชสวน(พืชสวนอุตสาหกรรม)เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้เกษตรกรไทย

Search

Read the Text Version

การลดตน้ ทุนการผลิตพืชสวน (พชื สวนอตุ สาหกรรม) เพื่อเพมิ่ ขดี ความสามารถให้แก่เกษตรกรไทย สถาบันวิจัยพชื สวน กรมวชิ าการเกษตร

ทปี่ รกึ ษา ผ้อู ำนวยกำรสถำบนั วจิ ัยพชื สวน (จำรอง ดำวเรือง) คณะผูจ้ ัดทา นำยสมพล นลิ เวศน์ นำงสุภัทรำ เลิศวฒั นำเกียรติ นำงวไิ ลวรรณ ทวชิ ศรี นำยพจิ ิตร ศรีปินตำ นำยอนนั ต์ ปัญญำเพิม่ นำงสำวปำนหทยั นพชนิ วงศ์ นำงสำวฉตั ต์นภำ ขม่ อำวธุ นำงสำวทพิ ยำ ไกรทอง นำงสำวหยกทิพย์ สุดำรี นำงสำววีรำ คล้ำยพุก นำงปำรชิ ำติ พจนศิลป์ พมิ พ์คร้งั ที่ 1 สิงหำคม 2559

คานา ปัจจุบันต้นทนุ กำรผลติ พืชสวนของเกษตรกรสูงข้นึ ทุกปี ซ่ึงต้นทนุ กำรผลิตส่วนใหญ่เปน็ คำ่ ปัจจัยกำรผลิตและค่ำจ้ำงแรงงำน และในปลำยปี 2558 จะเปิด ประชำคมเศรษฐกจิ อำเซยี น สินค้ำเกษตรมกี ำรแขง่ ขนั เชงิ พำณิชยเ์ พ่ิมมำกข้ึน ดงั นั้นเกษตรกรต้องปรบั ตัวโดยกำรเพ่มิ ประสิทธิภำพกำรผลิตและลดตน้ ทุนกำรผลิต โดยปรับแนวทำงกำรผลิตเพื่อลดกำรใช้ปัจจัยกำรผลิต ลดกำรใช้แรงงำน และเพิ่มประสิทธิภำพกำรผลิต รวมทั้งมีกำรรวมกลุ่มกำรผลิต ใช้เครื่ องจักรกลทำง กำรเกษตรร่วมกัน วำงแผนกำรผลติ และกำรตลำด และบริหำรจดั กำรทั้งกำรผลติ และกำรตลำดใหเ้ กิดประสทิ ธภิ ำพมำกสุดเพื่อเพมิ่ ควำมสำมำรถในกำรแขง่ ขัน สถำบันวิจัยพืชสวน กรมวิชำกำรเกษตร เป็นหน่วยงำนท่ีดำเนินงำนวิจัยและพัฒนำพืชสวนที่หลำกหลำย ทั้งไม้ผล พืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับ พืชสวน อุตสำหกรรม และพืชสมุนไพรและเครื่องเทศ ดังน้นั เพื่อให้เกษตรกรได้มแี นวทำงในกำรเพม่ิ ประสิทธิภำพกำรผลิตและลดต้นทุนกำรผลิตพืชสวนท่ีสำมำรถนำไป ปฏิบัติและเกิดผลเป็นรูปธรรม สถำบันวิจัยพืชสวนจึงได้จัดทำเอกสำรคำแนะนำกำรลดต้นทุนกำรผลิตพืชสวนเพ่ือเพ่ิมขีดควำมสำมำรถของเกษตรกรไทย โดย เอกสำรฉบับน้ีจะเปน็ คำแนะนำในสว่ นของ (พืชสวนอตุ สำหกรรม) ซึ่งได้เสนอแนวทำงกำรลดตน้ ทนุ กำรผลติ ในภำพรวมที่เกษตรกรสำมำรถดำเนินกำรได้ทันทีและ แนวทำงกำรลดต้นทุนกำรผลิตระยะยำว รวมทง้ั เทคโนโลยกี ำรผลติ เป็นรำยพืชที่สำคญั เพื่อเผยแพร่ใหเ้ กษตรกรและผู้สนใจได้นำไปใชใ้ นกำรพฒั นำกำรผลติ พืชท่ี ถูกต้องและเหมำะสม มีกำรใช้ปัจจัยกำรผลิตอย่ำงมีประสิทธิภำพ และหวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำเอกสำรคำแนะนำฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร ท่ีจะนำ ขอ้ เสนอแนะและเทคโนโลยีทเี่ หมำะสมของแต่ละพชื ไปปรับใช้ เพื่อช่วยเพมิ่ ประสิทธิภำพกำรผลติ และลดต้นทุนกำรผลิต ทำให้ไดร้ ับผลตอบแทนสูงข้ึนและมีชีวิต ควำมเป็นอย่ทู ีด่ ขี นึ้ (นำยจำรอง ดำวเรือง) ผู้อำนวยกำรสถำบันวิจยั พืชสวน กรกฎำคม 2559

สารบัญ หนา้ แนวทางการลดต้นทุนการผลิต 1 กำรลดต้นทนุ กำรผลิตทนั ที 2 กำรลดต้นทุนกำรผลิตระยะยำว 3 กิจกรรมสนบั สนนุ ในกำรลดต้นทนุ กำรผลิต 4 การลดต้นทุนการผลติ พชื สวนอุตสาหกรรมเพ่อื เพ่มิ ขีดความสามารถใหแ้ กเ่ กษตรกร 10 กำแฟอะรำบกิ ำ 17 กำแฟโรบสั ตำ 22 โกโก้ 28 ชำ 35 มะคำเดเมีย มะพรำ้ ว

แนวทางการลดต้นทุนการผลิต ต้นทุนกำรผลิตของเกษตรกรส่วนใหญ่จะเป็นค่ำปัจจัยกำรผลิตและค่ำแรงงำน ในด้ำนปัจจัยกำรผลติ ท่ีสำคัญ ได้แก่ ปุ๋ยและสำรเคมีในกำรกำจัดศตั รูพืช สำรควบคุมกำรเจรญิ เติบโตพืช สำรกำจัดวัชพืชต่ำงๆ ปัจจัยกำรผลิตเหล่ำนี้สำมำรถลดลงได้ เช่น มีกำรใช้ปุ๋ยอย่ำงถูกต้องและตรงกบั ควำมต้องกำรของพืชหรือ กำรใช้สำรเคมีปอ้ งกันกำจัดศัตรูพืชที่ตรงกับโรคและแมลงศัตรูพืชชนิดน้ันๆ และใช้ตำมอตั รำที่แนะนำ โดยมีข้อสังเกต คำแนะนำและผลท่ีได้รับในกำรลดตน้ ทุน กำรผลิตทนั ที กำรลดตน้ ทนุ กำรผลติ ระยะยำว และกิจกรรมท่สี นับสนุนและมสี ว่ นชว่ ยใหล้ ดตน้ ทนุ กำรผลติ และเพิม่ ประสทิ ธภิ ำพกำรผลติ ดังน้ี การลดต้นทนุ การผลิตทันที วธิ ีปฏบิ ัตโิ ดยทวั่ ไป คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร ผลท่ไี ดร้ ับ 1. การใชป้ ุ๋ย 1) ทรำบแนวทำงในกำรปรับปรุงดนิ และกำร จดั กำรปุ๋ยได้อย่ำงเหมำะสมกบั ดินและพืชท่ีปลกู 1) ใช้ปุ๋ยเกินควำมจำเป็น ไม่เหมำะสมกับสภำพ 1) วเิ ครำะหด์ นิ และใส่ปยุ๋ ตำมวิเครำะห์ ของดินและชนิดของพืชที่ปลูก เกษตรกรสว่ นใหญ่ ไ ม่ มี ก ำ ร วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ค ว ำ ม อุ ด ม ส ม บู ร ณ์ ข อ ง ดิ น กอ่ นปลกู 2) เลือกใช้ปุ๋ยอินทรีย์ หรอื ป๋ยุ เคมหี รือป๋ยุ ชีวภำพ 2) ใช้ปุ๋ยอินทรียร์ ่วมกับปุย๋ เคมแี ละปยุ๋ ชีวภำพ 2) ดนิ มีคณุ สมบัติทำงกำยภำพดีและมีควำมอุดม เพยี งอยำ่ งใดอย่ำงหนง่ึ สมบูรณส์ งู ขึน้ 3) ผสมปุย๋ เคมีใชเ้ อง 3) ลดต้นทุนคำ่ ปยุ๋ ได้ 30-50 เปอร์เซ็นต์ 3) ใช้ป๋ยุ สำเร็จท่ีมีขำยตำมทอ้ งตลำด 2. การใช้สารเคมี 1) สำรวจและประเมินควำมเสยี หำยจำกกำรทำลำย 1) ลดกำรใช้สำรเคมี และควบคุมศัตรพู ชื ไม่ให้ทำ 1) ไมม่ กี ำรสำรวจและประเมินควำมเสยี หำยจำก ของศตั รพู ืชกอ่ นตดั สินใจใช้สำรเคมี ควำมเสียหำยในระดบั เศรษฐกิจ กำรทำลำยของศัตรพู ชื ก่อนตัดสนิ ใจใช้สำรเคมี 2) ใช้สำรเคมีใหถ้ ูกตอ้ งตรงกบั ชนิดของศตั รพู ืชและ 2) สำมำรถควบคุมศัตรูพชื อย่ำงมีประสทิ ธิภำพ 2) ใช้สำรเคมีไมถ่ กู ต้อง และสูงกวำ่ อัตรำแนะนำ ใชต้ ำมอัตรำที่แนะนำของผลิตภัณฑ์ และลดปริมำณกำรใช้สำรเคมี ลดตน้ ทนุ การผลติ พชื อตุ สาหกรรม 1

วิธีปฏิบตั ิโดยทว่ั ไป คาแนะนากรมวิชาการเกษตร ผลทีไ่ ด้รบั 3) ควำมเปน็ กรดด่ำงของนำ้ (pH)ท่ีใชผ้ สมสำรเคมี 3) ปรบั ควำมเปน็ กรดด่ำง (pH) ของน้ำทใ่ี ช้ผสม 3) ประสทิ ธภิ ำพในกำรปอ้ งกันกำจัดศัตรพู ืชดีขนึ้ หัวพ่นสำรและเวลำในกำรพ่นสำรไม่เหมำะสม สำรเคมีใหอ้ ยรู่ ะหวำ่ ง 5.5-6.5 เลือกหัวพน่ สำรและ และประหยัดค่ำสำรเคมี พ่นสำรในเวลำทีเ่ หมำะสม 3. การเลอื กใชพ้ ันธ์พุ ืช 1) ใช้สำยพนั ธุ์ดัง้ เดิมหรือพนั ธุพ์ ืน้ เมือง และไม่มี 1) ใชพ้ นั ธุแ์ นะนำของกรมวชิ ำกำรเกษตร หรอื พนั ธ์ุ 1) ผลผลิตสงู และมีคุณภำพดี กำรคดั พันธ์ุ กำรค้ำ การลดต้นทนุ การผลิตระยะยาว วธิ ีปฏิบตั ิโดยท่ัวไป คาแนะนากรมวิชาการเกษตร ผลทีไ่ ดร้ บั 1) เกษตรกรสว่ นใหญ่มกี ำรจัดกำรสวนแบบดงั้ เดิม 1) ควรจัดกำรสวนตำมระบบเกษตรดที ี่เหมำะ 1) ผลผลิตมีคุณภำพและปลอดภยั ตอ่ บริโภค 2) ไม่มีกำรวำงแผนกำรผลิตพืชให้ตรงตำมควำม 2) วำงแผนกำรผลิตและกระจำยกำรผลติ พชื ใหต้ รง 2) ผลผลิตกระจำยออกสู่ตลำดสม่ำเสมอ ไม่ล้น ต้องกำรของตลำด ทำให้ผลผลิตล้นตลำดและรำคำ ตำมควำมต้องกำรของตลำด ตลำดและรำคำผลผลติ สงู ข้นึ ตกตำ่ 3) กำรใช้เครื่องจักรกลกำรเกษตรมีน้อยและไม่ 3) ใช้เคร่ืองจักรกลกำรเกษตรท่ีเหมำะสมและ 3) ลดกำรจ้ำงแรงงำน และมีกำรใช้เครื่องจักรกล ลงทนุ ใช้รว่ มกัน รวมกลมุ่ ใช้ร่วมกัน กำรเกษตรอยำ่ งมีประสิทธภิ ำพ 4) กำรให้น้ำตำมรอ่ งหรอื ใชส้ ำยยำงนำ้ 4) วำงระบบน้ำและใหป้ ยุ๋ ทำงระบบนำ้ 4) กำรใหน้ ้ำและปุ๋ยมีประสิทธิภำพมำกขึ้น ลดกำร ใชป้ ยุ๋ และลดกำรใชแ้ รงงำน ลดตน้ ทุนการผลติ พชื อุตสาหกรรม 2

กิจกรรมสนบั สนนุ ในการลดต้นทุนการผลติ วธิ ปี ฏิบตั โิ ดยทั่วไป คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร ผลท่ไี ด้รับ 1. เกษตรกรส่วนใหญ่เข้ำไม่ถึงแหล่งควำมรู้และ 1. ศึกษำและติดตำมควำมก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยี 1. มีควำมรู้มำปรับใช้ในกำรเพิ่มประสิทธิภำพกำร เทคโนโลยกี ำรผลติ พืช กำรผลิตและเข้ำรับกำรฝึกอบรมเพื่อเพ่ิมพูนควำมรู้ ผลิตและผลผลติ ได้คณุ ภำพเพม่ิ มำกขึ้น อย่ำงต่อเนื่อง 2. เกษตรกรขำดควำมร้ดู ำ้ นกำรตลำดและขำดกำร 2. หม่ันติดตำมข่ำวสำรด้ำนกำรตลำดเพ่ือใช้เป็น 2. ผลผลิตออกตรงตำมควำมตอ้ งกำรของตลำด ทำ บริหำรจดั กำรผลผลิตและกำรตลำดอย่ำงเหมำะสม แนวทำงในกำรวำงแผนกำรผลิตให้ตรงตำมควำม ให้ไม่ลน้ ตลำดและรำคำผลผลติ ดี ตอ้ งกำรของตลำด 3. เกษตรกรขำดกำรรวมกล่มุ 3. เกษตรกรควรมีกำรรวมกลุ่มหรือเป็นสมำชิก 3. มีอำนำจต่อรองในกำรซื้อปัจจัยกำรผลิตและ สหกรณก์ ำรเกษตร หรอื วสิ ำหกิจชมุ ชน สำมำรถกำหนดรำคำผลผลิตได้ 4. เกษตรกรปลกู พืชเชงิ เดยี่ ว 4. ปลูกพชื แบบผสมผสำน 4. เกษตรกรมีผลผลิตจำหน่ำยทั้งปี มีรำยได้เพม่ิ ข้ึน ลดต้นทุนการผลิตพืชอุตสาหกรรม 3

ขนั้ ตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วิธปี ฏิบัตขิ องเกษตรกร การลดตน้ ทนุ 1. พนั ธุ์ - ใช้พันธ์ุแนะนำ/พันธ์รุ ับรองของกรมวิชำกำรเกษตร ซ่งึ มี - ขยำยพันธเุ์ องจำกเมล็ดในสวน - ใชพ้ ันธุท์ ีก่ รมวิชำกำรเกษตร แนะนำ ควำมต้ำนทำนตอ่ โรครำสนมิ และให้ผลผลิตสูงคอื พันธุ์ ซึ่งเป็นต้นจำกแปลงคดั เลอื ก/ต้นเสยี บ เชียงใหม่ 80 ยอด/ต้นท่ีขยำยพนั ธโ์ุ ดยใช้ เทคนิค กำรเพำะเลี้ยงเนอื้ เย่ือ 2. พ้ืนที่ปลูก - สภาพพน้ื ท่ี ควำมสงู ตัง้ แต่ 700 เมตร จำกระดบั นำ้ ทะเล - ปลูกตำมพื้นท่ที ม่ี ีอยู่ - ควรปลูกกำแฟอะรำบกิ ำในสภำพ ขึ้นไป ระดับหน้ำดนิ ลกึ ไมน่ ้อยกว่ำ 50 เซนติเมตร มีควำม พน้ื ทแ่ี ละอำกำศที่เหมำะสม เพื่อลด 3.การเตรียมพืน้ ท่ี เป็นกรดด่ำง 5.5-6.0 ไม่มีน้ำท่วมขัง และลำดเอียงไม่เกิน ตน้ ทนุ ปจั จยั กำรผลติ ปลูก 30 เปอรเ์ ซ็นต์ - สภาพภมู ิอากาศ อุณหภมู ิ อย่รู ะหว่ำง 15-25 องศำ - ปฏิบัติตำมคำแนะนำของกรม เซลเซยี ส และมีควำมชน้ื สมั พัทธ์มำกกว่ำ 60 เปอรเ์ ซน็ ต์ มี วชิ ำกำรเกษตร ปรมิ ำณนำ้ ฝนมำกกว่ำ 1,500 มลิ ลิเมตร/ปี มีกำรกระจำย ของฝนตงั้ แต่ 5-8 เดือน - ควรปลกู ร่วมกบั ไม้บงั รม่ โดยปลูกกำแฟหลังปลูกไม้บงั ร่ม - ไม่มีกำรเตรียมพน้ื ที่ ช่ัวครำว 2-3 ปี โดยมีร่มเงำ 50 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่ ซิล ลดตน้ ทุนการผลติ พชื อุตสาหกรรม 4

ขนั้ ตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วิธปี ฏบิ ัตขิ องเกษตรกร การลดต้นทนุ 4. การปลูก เวอร์โอ๊ค พฤกษ์ ถ่อน กำงหลวง ถั่วหูช้ำง สะตอ เหลียง 5. การใส่ป๋ยุ ระยะปลกู 6x6 เมตร - สำมำรถปลูกสภำพกลำงแจ้ง แต่ควำมสูง 1,000 เมตร จำกระดับน้ำทะเลขน้ึ ไป - ปลูกต้นกล้ำ ท่มี ใี บจริง 4-5 คู่ อำยุไมน่ ้อยกว่ำ 8-12 - ปลูกในสภำพกลำงแจ้ง แม้พ้ืนท่ีไม่ - กำรเตรียมพื้นท่ีปลูกที่เหมำะสม เดือน เหมำะสมทำใหต้ ้นโทรมเรว็ สำมำรถช่วยลดปัญหำน้ำท่วมขังและ - ระยะปลูก 2×2 เมตร ขนำดหลุมปลูก 50×50×50 - ปลกู ในตน้ ไมใ้ หญท่ ท่ี บึ ทำให้ต้น โรคทจ่ี ะตำมมำ เซนติเมตร เจรญิ เตบิ โตช้ำผลผลิตต่ำพบปญั หำ - ใช้ปุ๋ยจลุ นิ ทรียย์ อ่ ยสะลำยฟอสเฟต - รองกน้ หลุมด้วยหนิ ฟอสเฟต อัตรำ 100 กรัม/หลุม และ กำรเข้ำทำลำยของโรคแมลง อตั รำ 20 กรัม/ตน้ ร่วมกบั หิน ปยุ๋ คอก 5 กโิ ลกรัม/หลมุ ฟอสเฟตสำมำรถลดตน้ ทุนปยุ๋ ฟอสฟอรสั 50 % - กำแฟเปน็ พืชทีต่ อ้ งกำรปุ๋ยค่อนข้ำงสูง โดยเฉพำะช่วงเริ่ม - ไม่มีกำรวิเครำะห์ธำตอุ ำหำรของดิน - ใส่ปุ๋ยตำมค่ำวิเครำะห์ดินและควำม ออกดอก ตดิ ผล และใบพืช ตอ้ งกำรของพืช เพื่อลดกำรใช้ปุ๋ยมำก กำรใส่ปุ๋ยแบ่งได้ดงั นี้ - ใสป่ ยุ๋ คอก เกนิ ควำมจำเป็น - อำยุ 1 ปี ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรำ 100 กรัม/ต้น/ปี - ใชป้ ๋ยุ อนิ ทรียร์ ่วมกบั ปยุ๋ เคมี แบ่งเป็น 2 ครั้ง ในช่วงเดือนพฤษภำคมและสิงหำคม ใส่ - ให้ป๋ยุ ในระบบนำ้ เพอื่ ให้พืชดดู ใช้ ปยุ๋ สูตร 46-0-0 ครั้งที่ 2 สิงหำคมอัตรำ 150 กรัม/ต้น/ปี ปุ๋ยได้ดีข้ึน และลดตน้ ทุนแรงงำน ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ครั้งท่ี 1 เดือนสิงหำคม อัตรำ 100 กรัม/ตน้ /ปี ครั้งที่ 2 เดือนตลุ ำคมอตั รำ 150 กรัม/ตน้ /ปี ลดตน้ ทนุ การผลิตพชื อุตสาหกรรม 5

ข้ันตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วิธีปฏิบตั ขิ องเกษตรกร การลดต้นทนุ - อำยุ 2 ปีข้ึนไป ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรำ 150 กรัม/ ต้น/ปี แบ่งใส่ 2 คร้ังเช่นเดิม ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรำ 200 กรัม/ตน้ /ปี แบ่งใส่ 2 คร้ังในเดือนพฤษภำคมและสงิ หำคม ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ครั้งที่ 1 อตั รำ 150 กรัม/ต้น/ปี ครั้งที่ 2 อัตรำ 250 กรมั /ตน้ /ปี และเมอ่ื กำแฟอำยุ 3 ปี ข้ึนไปให้ ใสป่ ุ๋ยดังกล่ำวในอัตรำ 300 กรัม/ต้น/ปี ทั้ง 2 คร้ัง 6. การใหน้ ้า - พ้ืนท่ีกำรปลูกกำแฟอะรำบิกำ อยู่ในระดับสูง 700เมตร - ใหน้ ้ำไมส่ อดคล้องกับควำมตอ้ งกำร - ให้นำ้ ตำมควำมต้องกำรของพชื เหนือระดบั นำ้ ทะเล ซึ่งจะอำศยั น้ำฝน ตำมธรรมชำติ ซ่งึ มี ของพืช ปริมำณน้ำฝนเฉล่ียต่อปีมำกกว่ำ 1,500 มิลลิเมตร มีกำร กระจำยของฝนตั้งแต่ 5-8 เดอื น ในรอบปี นอกจำกน้ียังมี สภำพอำกำศหนำวเยน็ ควำมชื้นสูง จงึ ทำให้ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ ง อำศยั ระบบกำรให้นำ้ กับต้นกำแฟ 7. การดแู ลรักษา - กำรตัดแต่งทรงพุ่มแบบต้นเดี่ยว เป็นวิธีกำรท่ีใช้กับ - มีกำรตัดแต่งทรงพุม่ ตำมควำม - กำรตัดแตง่ ทรงพุ่ม สำมำรถนำก่งิ กำแฟอะรำบิกำท่ีปลูกภำยใตส้ ภำพรม่ เงำ จำเปน็ พนั ธุ์ไปคดั เลือกใช้ขยำยพันธตุ์ อ่ ได้ - กำรตัดแต่งทรงพุ่มแบบหลำยต้น เป็นวิธีกำรท่ีใช้กับ เพอื่ ลดตน้ ทนุ กำรผลิตตน้ กลำ้ อะรำบิกำ กำแฟอะรำบกิ ำท่ปี ลกู ภำยใต้สภำพกลำงแจ้ง และกำรตดั แต่งทรงพุม่ ชว่ ยลดปรมิ ำณ โรคแมลง 8. การป้องกัน - สำรวจกำรระบำดของโรคและแมลง ประเมินควำม - ไมม่ ีกำรสำรวจปริมำณโรคและแมลง - สำรวจโรคพืชและแมลงศัตรูพืชเป็น จากดั โรคและแมลง เสียหำยก่อนทำกำรฉีดพ่นสำรเคมี โรคและแมลงศัตรูที่ ท่เี ขำ้ ทำลำยก่อนใช้สำรเคมปี ้องกัน ประจำ เพ่ือหำทำงแก้ไขก่อนกำร ศตั รพู ืช สำคญั เช่น โรค รำสนิม โรคเน่ำดำ โรคเน่ำคอดนิ โรครำก และกำจัด ระบำด และลดกำรใช้สำรมำกเกิน ควำมจำเป็น ลดตน้ ทุนการผลิตพืชอุตสาหกรรม 6

ขั้นตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วิธีปฏิบัตขิ องเกษตรกร การลดต้นทนุ 9. การป้องกนั เน่ำแห้ง โรคใบจุดตำกบ เพลี้ยหอยสีเขียว หนอนเจำะลำ - เลือกชนิดของกลุ่มสำรป้องกันกำจัด กาจัดวชั พชื 10.การเกบ็ เกย่ี ว ต้นกำแฟ หนอนกำแฟสแี ดง ให้ตรงตำมโรคพชื และแมลงศตั รกู ำแฟ - กำรป้องกันกำจัด เช่น กำรเผำทำลำยเศษซำกพืชท่ีเป็น เพ่ือประสิทธภิ ำพทด่ี ี โรคเพือ่ ลดกำรระบำด กำรใชส้ ำรปอ้ งกนั กำจัดศตั รูพชื - กำรจัดกำรศัตรูพืชแบบผสมผสำน (IPM) - กำจดั วัชพชื เพื่อไม่ให้แข่งขนั กบั กำแฟหรือเป็นทอ่ี ยู่อำศัย - ใช้แรงงำนและเครื่องจักรกลตัด - ควรดูแลต้นสม่ำเสมอ ถอนวัชพืช และแพร่พันธ์ุของศตั รูกำแฟ - กำรปลกู พชื คลุมดินตระกูลถ่ัว รอบโคนต้น - ควรเก็บเศษกิ่งแห้ง ที่ติดค้ำงอยู่บนต้นและหล่นอยู่ - ใช้สำรปอ้ งกันกำจัดวัชพชื บริเวณพืชออกเผำทำลำย - เก็บผลสกุ แก่เต็มทีแ่ ละแยกเก็บแต่ละผล - เกบ็ คละปน ผลสุกแก่ ไมเ่ ต็มที่ - ให้คำแนะนำและสรำ้ งควำมเข้ำใจให้ - หลังเกบ็ เก่ียวควรแปรรูปทันที ไม่ควรเก็บผลผลิตไว้นำน - หลังเก็บเกี่ยวไม่แปรรูปทันที ทิ้งไว้ เห็นถึงควำมสำคัญในเร่ืองกำรจัดกำร เกนิ 1 วนั เกนิ 1 วัน กอ่ นและหลงั กำรเก็บเกย่ี วทถี่ ูกต้อง - กำรผลิตสำรกำแฟวิธีเปียก ขัน้ ตอนคอื - ไม่ปฏิบัติตำมขั้นตอนกำรแปรรูปวิธี 1. ลอยนำ้ เพอ่ื คดั เมลด็ เปียก คอื 2. ลอกเปลอื กนอกด้วยเครื่องสี 1. ไม่ลอยน้ำก่อนและหลังสีเปลือก 3. ลอยนำ้ นอก 4. หมกั 2 คืน 2. หมกั เกนิ 2 คนื (บำงรำย 5 คนื ) 5. ล้ำงขดั เมอื กใหส้ ะอำด 3. ลำ้ งขดั เมอื ก ไมส่ ะอำด 6. ตำกบนแคร่ยกพนื้ สงู อำกำศถำ่ ยเทสะดวก 4. ตำกบนพ้ืนดิน หรือซีเมนต์ - แปรรปู โดยวิธแี หง้ ข้ันตอนคอื โดยตรง 1. ลอยนำ้ เพือ่ คดั เมลด็ ลดตน้ ทุนการผลติ พชื อุตสาหกรรม 7

ข้ันตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วธิ ปี ฏบิ ัตขิ องเกษตรกร การลดต้นทนุ 2. ตำกบริเวณทมี่ ีอำกำศถ่ำยเทได้ดี - ไม่ปฏิบัติตำมวิธีแปรรูปโดยวิธีแห้ง 3.ลอกเปลือกนอกด้วยเครอื่ งสี คอื - ควำมช้นื ก่อนเกบ็ รักษำคือ 12.5% 1. ไม่ลอยน้ำเพือ่ คดั เมล็ด - ใชเ้ ครื่องสที ม่ี ีประสทิ ธภิ ำพมำตรฐำน 2. ตำกบรเิ วณที่มอี ำกำศถ่ำยเทไม่ดี - กำรเก็บรักษำผลผลิต ต้องบรรจุในถุงกระสอบป่ำนท่ี - ไม่มีกำรตรวจวัดควำมช้ืนทแ่ี นน่ อน สะอำด ใหม่ ปรำศจำกกลิน่ บนชน้ั วำงท่ยี กพื้นสงู 15 ซม. - ใช้เครื่องสีท่ีไม่มีประสิทธิภำพ เมล็ด แตกหักเสียหำย - เกบ็ รักษำผลผลติ บรรจุในถุงปยุ๋ หรอื ถงุ พลำสติก ทไี่ มส่ ะอำด มีกลิน่ วำงบนพืน้ โดยไมม่ ีชั้นรองดำ้ นลำ่ ง ลดตน้ ทุนการผลติ พืชอตุ สาหกรรม 8

ลักษณะแปลง ภำพต้นกำแฟทเ่ี ป็นโรครำสนิม ลกั ษณะอำกำรท่พี บบนใบกำแฟอะรำบิกำ ภำพต้นกำแฟท่เี ปน็ โรคแอนแทรคโนส ลักษณะอำกำรท่พี บบนผล ลดต้นทุนการผลิตพชื อุตสาหกรรม 9

ขนั้ ตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วธิ ปี ฏบิ ัตขิ องเกษตรกร การลดตน้ ทุน 1. พนั ธ์ุ - ใช้พนั ธ์ุกรมวิชำกำรเกษตรแนะนำ - ใช้พันธ์ุแนะนำ/พนั ธ์ุรับรองของกรมวชิ ำกำรเกษตร - ขยำยพันธุ์เองจำกเมลด็ ในสวน - หำกคัดพันธ์ุเอง ควรคัดเลือกพันธุ์ท่ี 2. พื้นที่ปลกู ที่ ให้ผลผลิตสูง มีควำมสม่ำเสมอและ เหมาะสม ได้แก่ พันธุ์ชุมพร 2 พันธุ์ชุมพร 84-4 พันธุ์ชุมพร คุณภำพดี และนำไปขยำยพันธุ์แบบ ไม่อำศัยเพศ (เสียบยอด/เทคนิค 84-5 ทั้งนีค้ วรปลูกมำกกวำ่ 3 พันธุ์ในแปลงปลกู เพ่ือ Somatic embryo genesis) - ปลูกในสภำพพื้นที่ท่ีเหมำะสม ช่วยผสมเกสรทำให้มกี ำรติดผลดขี ึน้ สำมำรถลดตน้ ทุนปจั จยั กำรผลติ ได้ - พืน้ ไม่มีน้ำทว่ มขงั และลำดเอยี งไม่เกนิ 3เปอร์เซน็ ต์ - ปลกู ตำมพ้ืนท่ที ่มี ีอยู่ ลดตน้ ทนุ การผลติ พชื อุตสาหกรรม 10 ระดับหน้ำดินลึกไม่น้อยกว่ำ 80 เซนติเมตร ควำมสูง ไม่เกิน 700 เมตรจำกระดับน้ำทะเล ควรเป็นดนิ ร่วน หรอื ดินรว่ นปนทรำย และมี ควำมเปน็ กรด-ดำ่ ง 5.5- 6.0 - สภำพภูมิอำกำศร้อนชื้น อยู่ในช่วง 25-32 องศำ เซลเซียส ปรมิ ำณนำ้ ฝนไมน่ อ้ ยกว่ำ 1,500 มลิ ลิเมตร/ ปี และมีกำรกระจำยตัวสม่ำเสมอ ไมน่ ้อยกว่ำ 7 เดอื น มชี ่วงแล้งนำน 8-10 สปั ดำห์

ขั้นตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วิธีปฏิบัติของเกษตรกร การลดตน้ ทนุ 3. การเตรยี มพนื้ ที่ ปลกู - กรณปี ลูกแซมพชื อืน่ ควรปลูกพืชให้ร่มเงำกอ่ นปลูก - ปลูกในแปลงพืชหลักท่ัวไป โดยไม่ - เตรียมพ้ืนท่ีปลูกโดยปฏิบัติตำม 4. การปลูก กำแฟ 6-12 เดือน พืชทน่ี ยิ มปลกู คือ คำนึงถึงชนิดของพืชหลักและระยะ คำแนะนำของกรมวชิ ำกำรเกษตร 5. การใสป่ ุ๋ย สะตอ ระยะปลกู 15×15 เมตร แค ระยะปลกู 12×12 ปลูก เมตร และกระถนิ ระยะปลูก 9×9 เมตร - ระยะปลกู ที่ 3×3, 3×4 หรือ 3.5×3.5 เมตร - ปลูกแบบกระจำย หรือแบบสุ่ม - ปลกู ตำมคำแนะนำของกรมวิชำกำร - ขนำดหลุมปลูก 50×50×50 หรือ 30×30×30 ไมป่ ลกู ตำมระยะท่ีกำหนด เกษตร เซนติเมตร และรองก้นหลมุ ด้วยหินฟอสเฟต (0-3-0) - ไม่มีกำรวิเครำะห์สมบัติของดินก่อน - กรณีปลกู เปน็ พืชแซมพืชหลกั ควรมี อตั รำ 200-300 กรัม ร่วมกันดนิ ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ย ปลูก โดยเฉพำะควำมเปน็ กรดด่ำงของ แสงแดดสอ่ งถงึ ดว้ ย หมัก อัตรำ 3-5 กิโลกรัม และถ้ำควำมเป็นกรด-ด่ำง ดิน - ใส่ปุ๋ยจุลินทรีย์ย่อยละลำยฟอสเฟต ต่ำกว่ำ 5 ควรใส่ปูนขำวรองกน้ หลุม ก่อนปลูกอัตรำ 20 กรัม/ต้น ลดปุ๋ย ฟอสฟอรัส 50 % - เร่ิมปลูก 1-2 ปี ควรใส่ปุ๋ย 15-15-15 อัตรำ 100- - ไมม่ ีกำรวเิ ครำะห์ธำตอุ ำหำรของดิน - วิเครำะห์ธำตุอำหำรในดินและพืช 300 กรมั /ต้น/ปี ใส่ทุก 2-3 เดอื น กอ่ นกำรตดั สนิ ใจใช่ป๋ยุ และใส่ปุ๋ยตำมค่ำวิเครำะห์ จะช่วยลด - เมื่อเริ่มให้ผลผลิตแล้ว 3 ปีขึ้นไป ควรใส่ปุ๋ยช่วง ต้นทุนในกำรใช้ป๋ยุ 30-50 % เดือนเมษำยน หรือ พฤษภำคม ใสป่ ุ๋ยยเู รีย อัตรำ 60 กรมั /ตน้ 18-46-0,0-0-60 อตั รำ 60 กรัม/ต้น - ช่วงเดือนกรกฎำคม ใช้ปุ๋ยยูเรีย อัตรำ 60 กรมั /ต้น 0-0-60 อตั รำ 60 กรัม/ต้น - ช่วงเดือนกนั ยำยน ใช้ปุ๋ยยเู รีย อตั รำ 60 กรัม/ตน้ 0-0-60 อัตรำ 60 กรมั /ต้น ลดต้นทนุ การผลติ พืชอตุ สาหกรรม 11

ขน้ั ตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วิธีปฏิบัติของเกษตรกร การลดต้นทุน - ช่วงเดือนธันวำคม ใช้ปุ๋ยยูเรีย 0-0-60 อัตรำ 60 กรัม/ต้นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ใช้อัตรำ 3,000-5,000 กรัม/ต้น ปูนขำวหรือโดโลไมท์ ใช้อัตรำ 500-1,000 กรัม/ตน้ 6. การใหน้ ้า - ให้น้ำช่วงฤดูแล้งโดยเฉพำะช่วงปีแรกที่ปลูก กำร - ปล่อยให้ขำดน้ำในช่วงฤดูแล้งในปี - ให้น้ำเพิ่มในช่วงฤดูแล้งในช่วงปี 7. การดูแลรกั ษา ปลูกนน้ั โดยมำกจะอำศยั น้ำฝน หรือหำกปลูกเป็นพืช แรก ทำใหต้ ้นกล้ำแหง้ ตำย แรกๆ ท่ีปลูกเพ่ือลดอัตรำกำรตำยของ แซมกอ็ ำศัยนำ้ ทเ่ี หลือจำกพืชหลกั ได้ด้วย ตน้ กล้ำกำแฟ - ปแี รกทปี่ ลกู จำกก่งิ หลัก 1 ตน้ กำแฟจะแตกก่ิงหลัก - ปล่อยใหม้ ีกิง่ หลักมำกเกินไป - หำกมีควำมเสียหำยหรือให้ผลผลิต หลำยก่ิง ตัดแต่งกิ่งโดยเลือกก่ิงหลักที่แตกใหม่ท่ี - ไม่ปลิดกิ่งแขนงออกตำมระยะ เวลำ นอ้ ย ควรทำกำรตัดพ้ืนตน้ สมบูรณไ์ ว้ 3-4 กิ่ง รวมกิง่ หลกั เดิม ทตี่ ้องปลิด - กำรตดั พืน้ ต้นมี 2 วธิ ี ดงั น้ี - กิ่งหลักทเี่ ว้นไว้ 3-4 กิ่งหลักควรมกี ำรกระจำยตัวไม่ - ไม่ทำกำรตัดฟ้ืนตน้ เม่ือกง่ิ หลกั ใหผ้ ล วิธีท่ี 1 เบยี ดชดิ กัน ผลติ มำกกว่ำ 8 ปขี ้ึนไป - ตัดให้เหลือแต่ตอสูงจำกพื้นดิน - ปที ่ี 2-4 เมื่อกิ่งหลัก 3-4 กิง่ หลกั โตเต็มท่ี หมั่นปลิด ประมำณ 50 เซนติเมตร รอยแผลควร ก่งิ แขนงทแ่ี ตกออกจำกก่ิงหลักเหล่ำนี้ออกทุกๆ 2-4 มีหน้ำตัดเอียงเล็กน้อยเพ่ือไม่ให้น้ำขัง เดือน บนตอ - สำหรับกำแฟให้ผลผลิตเต็มที่แล้วเมื่ออำยุ 7-9 ปี - ทำปูนแดงหรือสีบรเิ วณรอยตัด เพ่ือ จะตัดก่ิงหลกั ท่ีไมส่ มบรู ณอ์ อก ปีละ 1 กิ่ง พร้อมเลย้ี ง ปอ้ งกันโรค กงิ่ ใหม่ทดแทนปีละ 1 ก่ิง ทำซ้ำทกุ ปีจนครบท้ัง 4 ก่ิง - เม่ือมีก่ิง ใหม่ยำวประ มำณ 1 0 หลกั ซ่ึงจะได้ก่งิ หลักใหมท่ ่ีใหผ้ ลผลิตสูงเชน่ เดิม เซนติเมตร เลือกก่ิงท่ีสมบูรณ์ไว้ 3-4 กง่ิ เพ่ือเป็นกงิ่ หลกั ลดต้นทุนการผลิตพืชอุตสาหกรรม 12

ข้ันตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วิธีปฏิบตั ิของเกษตรกร การลดต้นทนุ 8. การปอ้ งกัน - เม่ือต้นกำแฟอำยุมำกจนให้ผลผลิตลดลง ไม่คุ้มค่ำ วธิ ีที่ 2 จากัดโรคและ แมลงศัตรูพืช ต้นทุนควรทำกำรตัดพ้นื ตน้ ใหม่ทง้ั กอ - ตดั กงิ่ ระดับ 50 เซนติเมตร แต่เหลือ กงิ่ พ่ีเลี้ยงไว้ 1 กิง่ เพอ่ื เปน็ หลกั ประกนั วำ่ ต้นยงั ไม่ตำยเมือ่ กิ่งใหม่เจริญเติบโต ดแี ล้ว ให้ตัดก่ิงพีเ่ ล้ยี งทิ้งไป - เหมำะสมกับต้นโทรม ไม่แข็งแรง หรอื พ้ืนทแ่ี ห้งแล้ง ฝนตกไม่แนน่ อน - หำกก่งิ พี่เลี้ยงบังร่มกิ่งทีเ่ กดิ ใหม่ ให้ โน้มก่ิงท่ีเล้ียงออกห่ำง และตัดกิ่งพ่ี เลี้ยงทิ้งไป เม่ือกิ่งที่เล้ียงใหม่โตเต็ม ท่แี ล้ว - โรคท่ีสาคัญ ได้แก่ โรคใบไหม้สีน้ำตำล โรคผลเน่ำ - เม่ือมีกำรระบำดที่รุนแรงของโรค - ปฏิบัติตำมคำแนะนำของกรม โรคกิ่งแห้ง และแมลงศัตรูพืชแล้วถึงจะทำกำร วชิ ำกำรเกษตร - แมลงศัตรูทสี่ าคญั ไดแ้ ก่ มอดเจำะผลกำแฟหนอน ป้องกันกำจดั - สำรวจโรคและแมลงศัตรูพืชเป็น เจำะต้นกำแฟและมอดเจำะก่งิ กำแฟเป็นตน้ - ไม่ปฏิบัติตำมคำแนะนำในกำร ประจำ เพ่ือหำทำงแก้ไขก่อนกำร - ควรตัดแต่งกิ่งท่ีเป็นโรคเผำทำลำย เพื่อลดกำร ป้องกันจำกัด ทำให้โรคและแมลง ระบำด และลดกำรใช้สำรมำกเกิน ระบำด เก็บผลกำแฟท่ีตกค้ำงในแปลงออกให้หมด กลับมำสร้ำงควำมเสียหำยในฤดูกำร ควำมจำเป็น เพอ่ื ลดกำรสะสมของมอดเจำะผลกำแฟขำ้ มฤดูกำล ถัดไป - เลือกชนิดของกลมุ่ สำรป้องกันกำจัด - กำรใช้สำรป้องกันกำจัดศัตรูพืชตำมชนิดของโรค - ใช้สำรป้องกันกำจัดไม่ถูกต้องกับ ให้ตรงตำมโรคพชื และแมลงศัตรกู ำแฟ และแมลงศตั รูพืช ศตั รูพืช - ใชก้ ำรจดั กำรศัตรพู ืชแบบผสมผสำน (IPM) ลดตน้ ทุนการผลติ พชื อุตสาหกรรม 13

ขั้นตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วธิ ปี ฏบิ ตั ขิ องเกษตรกร การลดต้นทุน 9. การปอ้ งกนั - กำจัดวัชพืชเพื่อไม่ให้แขง่ ขันกับกำแฟหรือเป็นท่ีอยู่ - ใช้แรงงำนและเครือ่ งจักรกลตดั - ควรดูแลต้นสม่ำเสมอ ถอนวัชพืช กาจดั วชั พชื อำศัยและแพร่พนั ธุข์ องศัตรูกำแฟ - ปลูกพชื ตระกลู ถัว่ คลมุ ดนิ รอบโคนตน้ - ควรเก็บเศษกิ่งแห้ง ท่ีติดค้ำงอยู่บนต้นและหล่นอยู่ - ใช้สำรป้องกนั กำจัดวชั พืช บรเิ วณพนื้ ออกไปเผำทำลำย 10. การจดั การกอ่ น - เก็บผลสุกแก่เตม็ ที่ คือเลือกผลที่มีสีแดง สีเหลือง สี - เกบ็ คละปน ผลสุกแก่ ไมเ่ ต็มที่ - ปฏิบัติตำมคำแนะนำของกรม และหลงั การเก็บ ส้มแดง ไม่น้อยกว่ำ 90% ของพ้ืนที่ผิวผล หลังเก็บ - หลังเก็บเกี่ยวไม่แปรรูปทันที ทิ้งไว้ วชิ ำกำรเกษตร เกย่ี ว เก่ียวควรแปรรูปทันที ไม่เกิน 1 วัน แปรรูปโดยวิธี เกิน 1 วนั แหง้ ขัน้ ตอนคอื - ไม่ปฏิบัติตำมวิธีแปรรูปโดยวิธีแห้ง 1. ลอยนำ้ เพอื่ คัดเมล็ด คอื 2. ตำกบริเวณท่ีมีอำกำศถ่ำยเทได้ดี ได้รับแสงแดด 1. ไมล่ อยน้ำเพ่อื คดั เมลด็ ตลอดวัน ควำมสูงของช้ันผลควรเกิน 5 เซนติเมตร 2. ตำกบรเิ วณทม่ี อี ำกำศถ่ำยเทไมด่ ี และพลกิ กลบั ผลกำแฟอย่ำงสม่ำเสมอ วนั ละ 4 ครัง้ - ไม่มีกำรตรวจวัดควำมชน้ื ทีแ่ นน่ อน 3. หลงั จำกตำกได้ 5-7 วัน ระวังไม่ใหผ้ ลกำแฟเปียก - ใช้เครื่องสีท่ีไม่มีประสิทธิภำพ เมล็ด ฝนหรือน้ำค้ำง โดยกำรคลุมกองกำแฟในเวลำ แตกหกั เสยี หำย กลำงคืน ผลกำแฟจะแห้งเหมำะสม เม่ือตำกแดด - กำรเกบ็ รักษำผลผลิต บรรจุในถุงปุ๋ย เตม็ ทปี่ ระมำณ 15 วัน หรือถุงพลำสติก ที่ไม่สะอำด มีกลิ่น 4. ลอกเปลอื กนอกดว้ ยเคร่ืองสี วำงบนพ้ืน - ควำมชน้ื ก่อนเกบ็ รักษำคอื 12.5% - ใช้เครื่องสที มี่ ีประสทิ ธิภำพและไดม้ ำตรฐำน ลดต้นทุนการผลิตพชื อตุ สาหกรรม 14

ข้นั ตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วิธปี ฏิบตั ิของเกษตรกร การลดต้นทุน - กำรเก็บรักษำผลผลิต ต้องบรรจุในถุงกระสอบป่ำน ที่สะอำด ใหม่ ปรำศจำกกล่ิน วำงบนชั้นท่ียกพ้ืนสูง 15 เซนติเมตร ลดต้นทุนการผลติ พชื อตุ สาหกรรม 15

พนั ธ์ุชมุ พร 2 พนั ธ์ุชุมพร 84-4 พนั ธ์ุชมุ พร 84-5 ภาพขนั้ ตอนการตดั ฟืน้ ต้นกาแฟโรบสั ตา ลดต้นทุนการผลิตพืชอตุ สาหกรรม 16

ข้นั ตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วธิ ีปฏิบัตโิ ดยทัว่ ไป การลดต้นทนุ 1. พนั ธุ์ 2. พื้นทป่ี ลกู ท่ี - ใช้พันธ์ุแนะนำของกรมวิชำกำรเกษตร ได้แก่ พันธ์ุ - ใช้พันธุ์แนะนำของกรมวิชำกำร - ใชพ้ ันธ์ุท่ีกรมวชิ ำกำรเกษตรแนะนำ เหมาะสม ชมุ พร 1 เกษตร 3. การเตรยี มพ้นื ที่ ปลูก - สภาพพ้ืนท่ี พ้นื ท่ีรำบ มีหนำ้ ดินลึกดินมรี ะบำยน้ำดี - เกษตรกรสนใจปลูกโดยไม่คำนึง - เลือกพ้ืนท่ีปลูกให้เหมำะสมต่อกำร ค่ำควำมเปน็ กรดดำ่ ง 6.0-7.5 พนื้ ทปี่ ลูกที่เหมำะสม ปลกู - สภาพภูมิอากาศ มีปริมำณน้ำฝนท่ีกระจำย สม่ำเสมอประมำณ 1,500-2,000 มิลลิเมตร/ปี ไม่มี ลมกรรโชกแรง - เก็บตัวอย่ำงดิน วิเครำะห์ดินและปรับสภำพดินให้ - ปลูกในพื้นท่ีของเกษตรกรโดยไม่มี - เตรียมพื้นที่ปลูกตำมคำแนะนำของ เหมำะสมกอ่ นปลูก กำรเตรยี มพน้ื ทีป่ ลูก กรมวชิ ำกำรเกษตร - ปลูกแบบมีร่มเงำ พืชร่มเงำชั่วครำวควรเป็นพ้ืนท่ี - ปลกู ในพ้นื ท่ที ี่ไมเ่ หมำะสม ปลูกง่ำยโตเร็ว ผลผลิตสำมำรถบริโภคและจำหน่ำยได้ ในท้องถิ่น เช่น กลว้ ย มะละกอ มันสำปะหลัง ข้ำวโพด ข้ำวฟ่ำง ปอเทือง ฯลฯ พืชร่มเงำช่ัวครำวอำจถูกตัด ออกภำยหลงั เมอ่ื โกโกต้ ัง้ ตวั ไดแ้ ล้ว หรือ ตัดออกในช่วง เก็บเกี่ยวผลผลติ สำหรับพืชรม่ เงำถำวรควรมีชั้นเรือน ลดต้นทุนการผลิตพืชอตุ สาหกรรม 17

ข้นั ตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วิธปี ฏบิ ตั โิ ดยท่ัวไป การลดตน้ ทุน 4. การปลกู ยอดแคบ ต้นสูงและไม่ท้ิงใบ ได้แก่ มะพร้ำว ไม้ผล 5. การใส่ปุ๋ย เป็นต้น 6. การใหน้ า้ ระยะปลูก 6 × 3 เมตร - ปลกู ตำมพ้ืนที่ที่เกษตรกรมอี ยู่ ปลูก - ปฏิบัติตำมคำแนะนำของกรม - ควรปลูกโกโก้อย่ำงน้อย 3-5 พันธ์ุ ในกำรปลูก เพื่อ ในระยะชดิ วิชำกำรเกษตร ชว่ ยในกำรผสมละอองเกสร - ขนำดหลุมปลูก 50×50×50เซนติเมตร ควรรองก้น หลุมด้วยขยุ มะพร้ำว รว่ มกบั ปุ๋ยคอก และหนิ ฟอสเฟต - ควรมีกำรบังร่มเงำโดยใช้ใบมะพร้ำว หลังจำกปลูก ใหม่ - ควรแบ่งใส่ปีละ 2-3 คร้งั โดยหลังปลกู 4-5 เดือน ใส่ - ใส่ปยุ๋ ตำมท่ีเกษตรกรคนุ้ เคย โดยไม่ - ปฏิบัติตำมคำแนะนำของกรม ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรำ 100-150 กรัม/ต้น/ อำยุ 8 คำนึงถงึ สภำพตน้ โกโก้ วิชำกำรเกษตร และ 12 เดือน ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ครั้งละอัตรำ 300 กรัม/ต้น/ ปีท่ี 2 ใส่ 3 ครั้ง ใช้สูตร 15-15-15 ครั้งละ อัตรำ 500 กรัม/ต้น ปีท่ี 3 เป็นต้นไปใส่สูตร 12-12- 17 อตั รำ 1 กิโลกรมั /ต้น/ปี ชว่ งต้นและปลำยฤดูฝน - ฤดูแล้งควรให้นำ้ เพรำะโกโก้มีควำมจำเป็นต้องให้น้ำ - ขำดควำมเข้ำใจในกำรให้น้ำแก่ต้น - ปฏิบัติ ตำมคำแนะ นำขอ งก ร ม ในช่วงหน้ำแล้งเน่ืองจำกมีควำมต้องกำรน้ำมำก กำร โกโก้ วิชำกำรเกษตร ใสป่ ุ๋ยคอกหรอื ปุ๋ยหมักรอบ ๆ โคน โดยขดุ เป็นรอ่ งรอบ - กำรให้น้ำเพียงพอกับควำมต้องกำร ๆ ทรงพุ่ม ก่อนที่จะหมดฤดูฝน และกำรคลุมโคนจะ ของพืชในแต่ละช่วงกำรเจริญเติบโต ชว่ ยในกำรอมุ้ นำ้ ได้ดี ช่วยใหผ้ ลผลติ มคี ุณภำพดี ลดต้นทนุ การผลติ พชื อตุ สาหกรรม 18

ข้ันตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วิธปี ฏบิ ัติโดยทวั่ ไป การลดตน้ ทุน 7. การดูแลรักษา - กำรตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้ท่ีง่ำยต่อกำรเข้ำปฏิบัติงำน - ไ ม่มีก ำร ตัดแต่ง กิ่ ง ปล่อ ยตำม - ปฏิบัติตำมคำแนะ นำขอ งก ร ม 8. การกาจดั ศตั รูพืช ช่วยลดกำรระบำดของแมลงและโรคนั้น โดยเร่ิมตัด ธรรมชำติ วชิ ำกำรเกษตร 9. การปอ้ งกัน แต่งหลังปลูก 5-6 เดอื น เพอื่ เล้ยี งลำต้นเดีย่ ว และเมื่อ - เมือ่ มีแสงสว่ำงเพม่ิ ขน้ึ จะทำให้มีดอก กาจดั วัชพชื มคี วำมสูง 1.2-1.5 เมตร เริ่มให้มีกำรตัดแต่งก่ิง ตดั ให้ และผลผลติ เพม่ิ ข้ึน เหลือ 3 กิ่งในบริเวณก่ิงข้ำง จะมีกิ่งแขนงแตกออกใน ปีแรก ให้ตัดก่ิงแขนงในช่วง 6 นิ้วแรก จำกจุดคำคบ ออกจำกจุดคำคบออกให้หมด และในปีท่ี 2 จะขยำย เนื้อท่ีเป็น 8-12 นิ้ว จำกจุดคำคบ และให้เว้นก่ิงแขนง ที่บดบังคำคบไว้บ้ำง เพ่ือป้องกันไม่ให้เปลือกแตกซึ่ง จะเหตใุ หเ้ กดิ โรคได้ - ปีที่ 1หลังปลูกควรฉีดพ่นสำรป้องกันแมลงที่จะ - ซื้อสำรเคมีตำมท้องตลำดมำฉีด - ปฏิบัติตำมคำแนะน ำของกร ม ทำลำยยอด โดยใช้ ออลดิคำร์บ หยอดบริเวณรอบ พ่นโดยไม่มีควำมรู้ควำมเข้ำใจเก่ียว วิชำกำรเกษตร โคน หรือพ่นด้วยสำรกำจัดแมลง เช่น คำร์บำริล กับพืช - ใช้สำรเคมีให้ถูกชนิดกับแมลงศัตรู เปน็ ตน้ และใช้อัตรำตำมคำแนะนำของกรม วิชำกำรเกษตร ช่วยลดต้นทุนกำรใช้ สำรเคมี - ควรกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกโกโก้ ในช่วง 2 ปีแรก - ใช้วิธีกำรกำจดั แบบพ้ืนบ้ำน คือกำร - ปฏิ บัติตำมคำแนะ นำขอ งก ร ม หลังปลูกบริเวณรอบโคนต้นในรัศมี 50 เซนติเมตร ตัดหญำ้ ออก วิชำกำรเกษตร เมื่อโกโก้โตเต็มที่แล้วปัญหำเรอ่ื งวชั พืชจะหมดไป - ฉีดพ่นสำรเคมีฆ่ำวัชพืชโดยไม่ - ใช้สำรเคมีให้ถูกชนิดของแมลง คำนงึ ถงึ ต้นพชื ศัตรูพืช และใช้อัตรำตำมคำแนะนำ ลดต้นทนุ การผลติ พืชอุตสาหกรรม 19

ข้นั ตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วธิ ีปฏิบัติโดยท่วั ไป การลดตน้ ทุน ของกรมวชิ ำกำรเกษตร ชว่ ยลดตน้ ทุน กำรใช้สำรเคมี และเกดิ ประสิทธภิ ำพ 10. การเก็บเก่ียว - ควรเก็บเกี่ยวผลโกโก้ท่ีสุกพอเหมำะ ไม่อ่อนไม่แก่ - ใช้วิธีกำรเก็บทุกผลท่ีสุกโดยไม่ - ปฏิบัติตำมคำแนะ นำขอ งก ร ม เกินไปเปลือกผลสีเหลอื ง วิธเี ก็บเก่ียวให้ใชก้ รรไกคมๆ คำนึงถึงคุณภำพของผล วิชำกำรเกษตร ตัดขั้วผลหลังจำกเก็บเก่ียวผลชุดแรกไปแล้ว อีก 2-3 - ไม่รักษำต้นโกโก้ระหว่ำงทำกำรเก็บ สปั ดำห์โกโก้จะออกดอก ณ บริเวณใกล้เคียงอีก ถ้ำใช้ เกย่ี ว วิธีดึงผลจนเปลือกฉีกเป็นแผลบริเวณน้ันจะไม่ออก ดอกหรอื ต้องใชร้ ะยะเวลำนำน ลดตน้ ทุนการผลิตพืชอตุ สาหกรรม 20

ตน้ โกโก้ทคี่ วำมสงู 1-5 เมตร ลักษณะฝักออ่ นโกโก้ ลักษณะฝักแก่โกโก้ ฝกั แก่โกโก้ และเมล็ดที่พรอ้ มเกบ็ เกี่ยว ลดตน้ ทุนการผลติ พืชอุตสาหกรรม 21

ข้ันตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วิธีปฏบิ ัติโดยทั่วไป การลดตน้ ทนุ 1. พันธ์ุ มี 3 กลมุ่ พันธต์ุ ำมกำรใชป้ ระโยชน์ - นิยมซ้ือต้นพันธุ์จำกเรือนเพำะชำ - เกษตรกรต้องเลือกกล้ำที่สมบูรณ์ไม่ 2. พนื้ ที่ปลกู 1) กลุม่ พนั ธ์ุชำจีน ใชแ้ ปรรปู เป็นชำใบ ทว่ั ไป แคระแกร็นหรือเป็นโรค 3. การเตรยี มพ้นื ที่ ปลกู 2) กลุ่มพันธุ์ชำอัสสัม ใช้ยอดชำแปรรูปเป็น - เกษตรกรควรขยำยพนั ธุ์เองด้วยกำร ผลติ ภัณฑช์ ำฝรง่ั ปกั ชำ เพื่อลดตน้ ทุนค่ำต้นกล้ำและค่ำ 3) กลุ่มชำลูกผสม สำมำรถใช้แปรรูปเป็น ขนส่ง ผลติ ภณั ฑ์ชำไดท้ ัง้ ชำใบและชำฝรั่ง - สภาพพื้นที่ ชำจีนควรปลูกในพ้ืนที่สูงจำ ก - ปลูกตำมพืน้ ที่ท่ีมีอยู่โดยไม่พจิ ำรณำ - ควรปลูกชำในสภำพพื้นที่และ ระดับน้ำทะเล 700 เมตร ขน้ึ ไป พ้ืนท่ีลำดเอียง 15% ถงึ ตน้ ทุนปจั จัยที่เพ่ิมขึ้น อำกำศที่เหมำะสม ดงั น้ี หรอื ถ้ำลำดชนั มำกกว่ำ 15% ควรทำขนั้ บันได (กวำ้ ง -- ชำจนี ควรปลกู ในท่มี ีอำกำศเยน็ ไม่น้อยกว่ำ 150 เซนติเมตร) ควำมเป็นกรดด่ำงของ -- ชำอัสสัม ปลูกได้ทุกภำค (ถ้ำมี ดนิ 4-6 ต้องมีแหล่งนำ้ ในฤดูแล้ง ระบบชลประทำนทีด่ ี) - ภูมอิ ากาศ ชำมีควำมสำมำรถในกำรปรบั ตวั เข้ำกับ สภำพภมู ิอำกำศได้ดี ขึ้นอยู่กบั ชนดิ ของชำทป่ี ลกู - เลอื กพ้ืนท่ี กำจัดวัชพืช อำจจะต้องเหลอื ตน้ ไม้ใหญ่ - ปลกู ตำมพ้นื ทท่ี ม่ี ีอยู่ - กำรเตรียมพื้นที่ปลูกท่ีเหมำะสม ให้ร่มเงำแก่ชำ ถ้ำเป็นพื้นที่ลำดชันมำกกว่ำ 15 % สำมำรถช่วยลดปัญหำน้ำท่วมขังและ โรคทจี่ ะตำมมำ ลดต้นทุนการผลติ พืชอตุ สาหกรรม 22

ข้นั ตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วธิ ีปฏิบตั โิ ดยทั่วไป การลดต้นทนุ 4.การปลกู ควรทำเป็นขั้นบันไดก็ได้ ระยะระหว่ำงแถวปลูก 5. การใสป่ ยุ๋ ประมำณ 2 เมตร - สำหรับพื้นที่รำบควรทำกำรขุดหลุม โดยขุดเป็นรอ่ ง กว้ำง 40 เซนติเมตร ลึก 40 เซนติเมตร ให้ระยะ ระหว่ำงร่องห่ำงกันประมำณ 180 เซนติเมตร ส่วนท่ี ลำดชันให้ขุดเป็นร่องเดย่ี วกลำงแนวขัน้ บนั ได และขุด เปน็ หลมุ เดย่ี วขนำด 40x40 เซนตเิ มตร - เตรียมหลุมปลูกก่อนปลูก 6 เดือน โดยรองก้นหลุม - ปลูกต้นกล้ำชำโดยไม่คำนึงฤดูกำล - ใชร้ ะยะปลูกและวิธีปลูกท่ีเหมำะสม ด้วยปุ๋ยอินทรีย์ 2 ตัน/ไร่ และหินฟอสเฟตอัตรำ 50 และเมื่อปลูกในฤดูแล้งอำจทำให้ต้น ทำให้ง่ำยต่อกำรจัดกำรกำรป้องกัน กโิ ลกรัม/ไร่ กล้ำตำยเนอื่ งจำกขำดน้ำและขำดกำร กำจัดโรคและแมลงทำให้ผลผลิตสูง - สำหรับพื้นท่ีไม่มรี ะบบน้ำ ควรปลกู ให้ช่วงฤดฝู น ใช้ พรำงแสงต้นกล้ำชำ และมีคณุ ภำพ ตน้ กล้ำชำ อำยุ 12-18 เดอื น ระยะระหว่ำงต้น 40- - ใช้วัชพืชคลุกกับปุ๋ยอินทรีย์รองก้น 50 เซนติเมตร(สำหรับชำจีน) และระยะระหว่ำงต้น หลุมลงกลบไวใ้ นพืน้ ที่ปลูก 60-75 เซนติเมตร(สำหรับชำอัสสัม) สำหรับแปลง ปลกู ทีร่ ำบและบนขนั้ บนั ได สว่ นแปลงปลูกแบบเจำะ หลุมใช้ระยะระหว่ำงต้น 50-60 เซนติเมตร ตำม ควำมเหมำะสมในแต่ละสภำพพื้นที่ - ควรมีกำรพรำงแสงต้นกล้ำในกรณีฝนท้ิงช่วงและ แดดจดั - ปุ๋ยอินทรีย์ ใส่ปุ๋ยคอกทุกปีๆละ 2 ตัน/ไร่ โดยใส่ - ไมม่ กี ำรวิเครำะหด์ นิ และใบพชื - ใส่ปุ๋ยตำมค่ำวิเครำะห์ดินและควำม ชว่ งก่อนกำรตัดแตง่ ทรงพมุ่ ประจำปี และคลุมโคนต้น - ใส่ปยุ๋ คอก ตอ้ งกำรของพชื ลดตน้ ทนุ การผลิตพชื อุตสาหกรรม 23

ขั้นตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วธิ ีปฏิบตั ิโดยทว่ั ไป การลดต้นทนุ 6. การใหน้ า้ 7.การดแู ลรักษา เพื่อรักษำควำมชื้นและเพิ่มอุณหภูมิในดินในช่วงฤดู - ใชป้ ยุ๋ อนิ ทรีย์ร่วมกบั ปุย๋ เคมี หนำว - ใหป้ ุ๋ยในระบบนำ้ เพ่อื ใหพ้ ชื ดูดใชป้ ุ๋ย - ปุ๋ยเคมี ใช้ปยุ๋ สูตรผสมสูตร 80-24-26 กโิ ลกรมั /ไร่ ได้ดีข้ึน ลดกำรใช้แรงงำน (สำหรับชำเขียว) ส่วนชำจีนเพอื่ ผลิตชำก่ึงหมัก หรือ ชำอัสสัม ใช้ปุ๋ยสูตรผสมสูตร 25-7-7 กิโลกรัม/ไร่ โดยในปีที่ 1 ใส่อัตรำ 20% ปีท่ี 2 ใส่ อัตรำ 40% ปี ท่ี 3 ใส่ 60 % หลังจำกปีท่ี 4 เป็นต้นไปให้ใส่ตำม อัตรำแนะนำ (ช่วงตน้ และปลำยฤดฝู น) - ให้น้ำใหเ้ พียงพอต่อกำรเจรญิ เตบิ โตของตน้ ชำ หำก - วำงระบบนำ้ ทีไ่ ม่มีประสิทธิภำพ - วำงระบบน้ำทม่ี ีประสิทธภิ ำพและให้ ขำดน้ำในช่วงอำยุยังน้อยชำจะชะงักกำรเจริญเติบโต - ใหน้ ้ำไมส่ อดคลอ้ งกับควำมต้องกำร ปุ๋ยทำงระบบน้ำ จะลดกำรใช้แรงงำน กำรให้นำ้ ตน้ ชำ มี 2 วธิ ี ของพืช และลดตน้ ทนุ กำรผลิต 1) กำรให้น้ำปล่อยท่วมแปลง หรือ กำรปล่อยนำ้ ตำม - ให้นำ้ ตำมควำมต้องกำรของพืช พน้ื ที่ลำดเอียง (ไมค่ วรเกนิ 5%) 2) กำรให้น้ำด้วยระบบพ่นฝอย หรือกำรให้น้ำด้วย ระบบนำ้ หยด กำรตดั แตง่ และควบคมุ ทรงพุ่ม ปฏิบัตดิ ังนี้ - มีกำรตัดแต่งทรงพุ่มตำมควำม - กำรตัดแต่งทรงพุ่ม สำมำรถนำกิ่ง - ปีที่ 1 เมื่อกล้ำต้ังตัวดีแล้ว ตัดยอดที่ระดับควำมสูง จำเป็น พันธ์ุไปคัดเลือกใช้ขยำยพันธุ์ต่อได้ 10-15 เซนติเมตร แล้วปล่อยให้ต้นชำเจริญเติบโต เพ่ือลดต้นทุนกำรผลิตต้นกล้ำชำ และ ในช่วงฤดูฝน จนหยุดกำรเจรญิ เติบโตในช่วงฤดูหนำว กำรตัดแต่งทรงพุ่มช่วยระบำยโรค จึงตัดแต่งทรง พุ่มในช่วงต้นฤดูหนำว (ปลำย แมลงและเพ่ิมผลผลิตใบชำ ลดต้นทนุ การผลิตพชื อตุ สาหกรรม 24

ขนั้ ตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วิธปี ฏิบัติโดยท่วั ไป การลดต้นทนุ พฤศจิกำยน -ตน้ มกรำคม) ควรตดั เฉพำะดำ้ นบนของ ทรงพ่มุ เทำ่ น้นั - ปีท่ี 2 ปล่อยต้นชำเจริญเตบิ โตในชว่ งฤดูฝน จนหยุด เจริญเติบโตในชว่ งฤดูหนำว จึงตัดแต่งทรงพุ่มทรี่ ะดับ ควำมสงู 25-30 เซนติเมตร - ปีที่ 3 ตัดแต่งทรงพุ่มที่ระดับควำมสูง 30-35 เซนตเิ มตร - ปีท่ี 4 ตัดแต่งทรงพุ่มท่ีระดับควำมสูง 40-45 เซนตเิ มตร (ชว่ งต้นฤดหู นำว) 8.การปอ้ งกนั กาจัด - สำรวจชนิดของโรค/ กำรระบำดของแมลงและ - ไม่มกี ำรสำรวจปรมิ ำณโรคและแมลง - ปฏิบัติตำม GAP โดยมีกำรสำรวจ โรคและศัตรพู ืช ประเมินควำมเสียหำยก่อนทำกำรฉีดพ่นสำรเคมี โดย ท่ีเข้ำทำลำยก่อนใช้สำรเคมีป้องกัน โรคและแมลงก่อนกำรพ่นสำรเคมี โรคและแมลงศัตรูที่สำคัญ ได้แก่ โรคใบพุพอง โรค และกำจัด เพอื่ ลดกำรใชส้ ำร ใบจุดสีน้ำตำล มวนยุง เพล้ียอ่อน เพลี้ยไฟ และ - กำรจัดกำรศัตรูพืชแบบผสมผสำน หนอนม้วนใบ (IPM) 9.การเก็บเกี่ยวและ การเก็บเกีย่ ว - อำศัยประสบกำร ณ์และควำม - มีกำรควบคุมทรงพุ่ม เพื่อสะดวกใน วทิ ยาการหลังการ - กำรเก็บยอดชำโดยท่ัวไปมี 3 วธิ ี (1) กำรใชเ้ ก็บโดย ชำนำญในกำรตดั สินใจเก็บยอดชำ กำรจัดกำรเกบ็ เกยี่ ว รวมทั้งชว่ ยเพ่ิม เกบ็ เก่ียว ใช้มือเด็ด นิยมในสวนชำขนำดเล็ก (2) กำรใช้ ผ ล ผ ลิ ต ย อ ด ใ บ ช ำ แ ล ะ ล ด ก ำ ร ใ ช้ กรรไกรตัด นิยมในสวนชำขนำดเล็กหรือสวนตำม แรงงำน ไหล่เขำ (3) กำรเก็บยอดชำโดยใช้เคร่ืองจักรกล - ลดกำรสูญเสียของผลผลิตให้ไม่เกิน นิยมใช้กับสวนชำที่มีขนำดใหญ่ วิธีน้ีจะไม่สำมำรถ 10% ต่อกำรเก็บเก่ียวยอดชำแต่ละ เลือกขนำดใบชำได้ ครั้ง เพมิ่ ผลผลติ ท่ีมีคุณภำพ ลดต้นทนุ การผลิตพืชอตุ สาหกรรม 25

ขนั้ ตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วธิ ปี ฏิบตั โิ ดยท่วั ไป การลดต้นทนุ - เก็บชำเม่ือมีใบยอด 5-7 ใบไม่ต่ำกว่ำ 70% ของ - กำรแปรรูปชำต้องใช้เครื่องมือท่ี พ้ืนทปี่ ลกู และเลือกเกบ็ 1 ยอด 2 ใบบำน สำหรับชำ เหมำะสมสำหรับกำรแปรรูปชำแต่ละ อื่นๆและชำดำ หรือ 3-4 ใบ สำหรับชำเขียว ชนิด เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงตำม วทิ ยาการหลงั การเก็บเกยี่ ว ค ว ำ ม ต้ อ ง ก ำ ร ข อ ง ต ล ำ ด ต ำ ม (1) ชำเขยี ว นำยอดชำ 3-4 ใบ มำคว่ั หรอื อบไอน้ำ มำตรฐำนชำแต่ละชนิด โดยต้องผ่ำน ก ำ ร ค ว บ คุ ม ข อ ง ผู้ ท่ี มี ค ว ำ ม รู้ ทนั ที นวด ขนึ้ รูป และอบใหแ้ หง้ จนเหลือ ควำมสำมำรถเฉพำะดำ้ น ควำมชน้ื ไมเ่ กิน 13% (2) ชำจีน นำยอดชำที่เกบ็ เกีย่ วได้ ผึ่งแดดจนยอด ชำเริม่ เห่ยี ว และผ่งึ ต่อในท่รี ่ม ในหอ้ งท่ีสำมำรถ ควบคุมควำมช้นื และอณุ หภมู ิ เขย่ำกระตุ้น ปฏกิ ิริยำเคมี นวด ข้ึนรูป อบแหง้ (3) ชำฝรัง่ นำยอดชำทเี่ ก็บเกี่ยวยอดตมู 2 ใบ บำน ผงึ่ ในรม่ จนเหลอื ควำมชน้ื ในยอดชำสด 70 -75% ตดั ยอดชำดว้ ยเครือ่ งตดั ชำ หรอื นวด ดว้ ยเคร่อื งนวดชำ อบแห้งจนควำมชน้ื เหลือไม่ เกิน 13% ลดต้นทนุ การผลติ พืชอุตสาหกรรม 26

แปลงชา ชาจีน ชาส้ม ชาเขียว ชาจีน ชาฝร่ัง ลดตน้ ทนุ การผลติ พืชอตุ สาหกรรม 27

ขน้ั ตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วธิ ีปฏบิ ตั ิโดยทว่ั ไป การลดต้นทุน 1. พนั ธุ์ - ใช้พนั ธแ์ุ นะนำ/รบั รองของกรมวิชำกำรเกษตร ดังนี้ - เกษตรกรปลูกมะคำเดเมียพันธุ์ - ควรปลูกอย่ำงน้อย 2 พันธ์ุในแต่ละ 1. พันธุ์เชียงใหม่ 400 เป็นพันธ์ุเบำออกดอกดก ใช้ เดียวกัน ทำให้กำรผสมเกสรติดผล พ้ืนท่ี เช่น ปลูกพันธุ์ที่สำมำรถเติบโต ปลูกร่วมกับพันธุ์อ่ืนเพื่อช่วยผสมเกสร ผลผลิตต่อ นอ้ ย ทำใหผ้ ลผลติ น้อยตำมไปดว้ ย ได้ดีในพื้นท่ีท่ีต้องกำรปลูก และปลูก ต้น 11-17 กิโลกรัมเมื่อมีอำยุที่ 10 ปีข้ึนไป และ - เกษตรกรปลูกต้นเพำะเมล็ดไม่ได้ พนั ธ์ุเชยี งใหม่ 400 ร่วมกับพนั ธุ์หลักที่ เจริญเติบโตได้ดีในท่ีควำมสูงจำกระดับน้ำทะเล ปลูกตน้ พนั ธทุ์ ีไ่ ดจ้ ำกกำรเสียบยอด ปลกู ในพื้นทีเ่ นือ่ งจำกจะช่วยผสมเกสร 700 เมตรขึ้นไป และติดผลเพม่ิ มำกขน้ึ 2. พนั ธุ์เชียงใหม่ 700 ผลค่อนขำ้ งใหญ่ เนอื้ ในน้ำหนัก - ควรปลูกต้นพันธุ์ดีท่ีได้จำกกำรทำบ มำก ผลิตต่อต้น 13-21 กิโลกรัม เมื่อมีอำยุ 10 ปี กิ่งเสียบยอด ขนึ้ ไป เจรญิ เตบิ โตได้ดีในพนื้ ที่สูงจำกระดับน้ำทะเล 700 เมตรข้นึ ไป 3. พันธุ์เชียงใหม่ 1000 ผลขนำดปำนกลำง เนื้อใน คณุ ภำพดี ผลผลติ ตอ่ ต้น 21-33 กิโลกรัม เมื่อมีอำยุ 10 ปีขึ้นไป เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่สูงจำก ระดับน้ำทะเล 1,000 เมตรขึ้นไป ลดต้นทนุ การผลิตพืชอุตสาหกรรม 28

ขั้นตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วิธีปฏบิ ัติโดยทั่วไป การลดตน้ ทุน 2. พ้นื ทีป่ ลูก - สภาพพ้ืนท่ี ปลูกในพ้ืนที่สูงจำกระดับน้ำทะเล 700 - ปลกู ในพื้นทท่ี ่ีมีอยู่โดยไม่ปฏิบตั ิตำม - ปรับพ้ืนที่ปลูกตำมคำแนะนำของ 3.การเตรียมพืน้ ที่ ปลกู เมตรขึ้นไป ไม่มีลมพัดแรงและน้ำขัง ปริมำณน้ำฝน คำแนะนำกอ่ นปลกู กรมวิชำกำรเกษตร หรือหำข้อมูล 4. การปลูก เฉล่ียต่อปีอย่ำงน้อย 1,000 มิลลิเมตร หรืออยู่ใกล้ เบื้องต้นของพ้ืนที่เพ่ือประกอบ กำร แหลง่ นำ้ ดินรว่ นปนทรำย ระบำยน้ำดี อินทรียวตั ถสุ ูง ตัดสินใจก่อนปลูก เพื่อลดต้นทุน ค่ำควำมเป็นกรด-ด่ำงที่ 5.5-6.5 ปัจจยั กำรผลติ - อณุ หภูมิ 10-30 องศำเซลเซยี ส และมีชว่ งฤดูหนำว ที่ต่ำกว่ำ 18 องศำเซลเซียสนำนประมำณ 1 เดือน เพ่ือกระตุ้นกำรออกดอก และพ้ืนท่ีปลูกควรอยู่ใกล้ แหล่งรับซื้อ หรืออยู่ในแหล่งผลิตรวมกันประมำณ 1,000 ไร่ข้นึ ไป เพ่อื มีปรมิ ำณส่งโรงงำน - ในพ้ืนที่ที่มีควำมลำดชัด ควรวำงแผนผังกำรปลูก - ไมม่ ีกำรวำงแผนผงั กำรปลูก - ปฏิบัติตำมคำแนะนำกรมวิชำกำร โดยให้ระหว่ำงแถวอยู่ในระดับ และระหว่ำงต้นอยู่ เกษตร แนวขวำงหรือตั้งฉำกกับควำมลำดชัน เปน็ ระยะๆ ละ 8-12 เมตร - ต้นพันธุ์ที่ปลูกควรมำจำกกำรเสียบยอด ทำบก่ิง - นิยมปลูกแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสทำให้ - เลือกต้นพันธุ์ที่สมบูรณ์แข็งแรง มี ควำมสูง 0.6-1 เมตร อำยุไมเ่ กิน 2 ปี โดยใช้ต้นตอท่ี จำนวนต้นตอ่ ไรน่ ้อย ลักษณะตรงตำมพนั ธ์ุ เพำะจำกเมล็ด และควรปลูกอย่ำงน้อย 2 พันธ์ุใน - อัตรำปุ๋ยที่ใช้รองก้นหลุมน้อยกว่ำ - ใช้ระยะปลูกตำมที่คำแนะนำของ พื้นที่เดียวกัน เพ่ือช่วยในกำรผสมเกสร และติด อตั รำแนะนำทีก่ ำหนด กรมวชิ ำกำรเกษตร ผลดีขน้ึ - ใช้ปุย๋ รองก้นหลุมตำมคำแนะนำเพื่อ ชว่ ยให้พืชเจริญเติบโต ลดตน้ ทนุ การผลิตพชื อตุ สาหกรรม 29

ขน้ั ตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วธิ ีปฏบิ ัตโิ ดยทัว่ ไป การลดต้นทนุ 5. การใสป่ ยุ๋ - ระยะปลูกระหว่ำงต้น-แถว 8×8 และ 8×10 เมตร และหำกมีที่ว่ำงสำมำรถปลูกพืชแซมในระหว่ำงแถว เช่น กำแฟ พชื ล้มลุก และผกั เป็นต้น - หลุมปลูกขนำด 75×75×75 เซนติเมตร หรือ 1×1×1 เมตร รองก้นหลุมด้วยหินฟอสเฟต หลุมละ 0.5-1.0 กิโลกรัม และใช้ปุ๋ยอินทรีย์คลุกเคล้ำกับดิน ปลกู อัตรำ 3-5 กโิ ลกรมั ต่อหลมุ - ปฏบิ ัติตำมคำแนะนำดงั น้ี - ไม่มีกำรวิเครำะห์ธำตุอำหำรในดิน - ใส่ปุ๋ยตำมคำแนะนำกรมวิชำกำร ปที ี่ 1 ใสป่ ุ๋ย 15-15-15 ต้นละ 600 กรมั กอ่ นปลกู เกษตร ปีที่ 2 ใส่ปยุ๋ 15-15-15 ตน้ ละ 1,200 กรมั - ใส่ปลูกในช่วงระยะปีกำรเจริญ ปที ่ี 3 ใสป่ ยุ๋ 15-15-15 ตน้ ละ 1,800 กรมั เติบโตโดยปฏิบัติตำมคำแนะนำของ ปที ี่ 4 ใส่ป๋ยุ 15-15-15 ต้นละ 2,400 กรมั กรมวิชำกำรเกษตร ทั้งน้ีต้องพิจำรณำ แบ่งใส่ 4 คร้ัง โดยแต่ละคร้ังเพ่ิมปุ๋ยยูเรีย 20% ถงึ ผลคำ่ วเิ ครำะห์ดิน เพือ่ ลดกำรใสป่ ๋ยุ ของป๋ยุ สตู ร ปีท่ี 5 เริ่มให้ผลผลิตแล้ว ใส่ปุ๋ย 12:12:17:2 (N:P:K:Mg) หรือสูตร 15-15-15 ต้นละ 3 กิโลกรัม และเพ่ิมขึ้นปีละ 500-600 กรัม เพิ่มปุ๋ยยูเรีย และ โพแทสเซียมคลอไรด์ 10% และ 15% ของปุ๋ยสูตร แบ่งใสป่ ีละ 4 ครัง้ คือ 1) ชว่ ง 3 เดือนก่อนออกดอก 2) ระยะติดผลขนำดเท่ำหัวไม้ขดี ไฟ ลดตน้ ทุนการผลติ พชื อตุ สาหกรรม 30

ขั้นตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วิธีปฏิบตั โิ ดยทั่วไป การลดตน้ ทนุ 6. การให้นา้ 3) ระยะตน้ ฝน (พฤษภำคม-มถิ ุนำยน) 7. การตดั แต่ง 4) ปลำยฝน (สิงหำคม-กนั ยำยน) 8. การปอ้ งกนั ควรใสป่ ยุ๋ คอกทุกปี กาจัดโรคและ ศัตรูพชื - ควรให้น้ำสม่ำเสมอต้ังแต่หลังกำรปลูก 1-2 ปีแรก - ปลูกตำมสภำพธรรมชำติ ขำดกำร - ป ลู ก ใ น พ้ื น ท่ี ที่ ใ ก ล้ แ ห ล่ ง น้ ำ 2-3 วัน/ครั้ง และหลังจำกน้ันต้องให้น้ำอย่ำงน้อย ดแู ล ชลประทำน หรือในพ้ืนท่ีท่ีมีปริมำณ สัปดำห์ละ 1 คร้ัง ส่วนระ ยะติดผลจน ถึงผล นำ้ ฝนไม่นอ้ ยกว่ำ 1,000 มลิ ลเิ มตร/ปี เจริญเตบิ โต ซึง่ เปน็ ชว่ งหนำ้ แลง้ ไมค่ วรขำดนำ้ - ระยะ 6-12 เดือนแรก บังคับทรงต้นใหม้ กี ิ่งประธำน - ตดั แต่งกง่ิ ตำมควำมจำเป็น - ตัดแต่งกิ่งตำมที่กรมวิชำกำรเกษตร เพียงก่ิงเดียว เม่ือต้นสูง 80-100 เซนติเมตร และยัง แนะนำ ไม่แตกก่ิงข้ำง ต้องตัดยอดก่ิงประธำนออก เพื่อให้ แตกก่ิงข้ำง 1-2 ก่ิง แล้วเลือกก่ิงที่ต้ังตรงเป็นกิ่ง ประธำน พร้อมกงิ่ ข้ำง ซึง่ เป็นก่งิ ทที่ ำ มุมกว้ำงกับกิ่งประธำน หลังติดผลแล้ว จะตัดเฉพำะ กงิ่ ทเี่ ป็นโรคและกิ่งที่แน่นเกนิ ไปออกบ้ำง - มะคำเดเมียมีโรคและแมลงศัตรูพืชรบกวน - ไมม่ ีกำรสำรวจโรคและแมลงศัตรพู ืช - แนะนำให้มีกำรสำรวจโรคและแมลง นอ้ ยมำก ก่อนกำรฉดี พน่ สำร เป็นประจำก่อนใช้สำรในกำรป้องกัน - โรคที่สาคัญ ได้แก่ โรคโคนเน่ำหรือเปลือกผุ โรค กำจัด หรือใช้กำรปอ้ งกนั กำจัดแบบวิธี รำกเน่ำ โรคใบจุด ผสมผสำน (IPM) - แมลงท่ีสาคัญ ได้แก่ ไรแดง หนอนควั่นก่ิงหรือลำ ต้น หนอกัดกินดอก หนอนเจำะก่ิงลำต้น และแมลง ลดตน้ ทนุ การผลิตพืชอุตสาหกรรม 31

ขน้ั ตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วิธีปฏิบัตโิ ดยทั่วไป การลดตน้ ทนุ ค่อมทอง กำรป้องกันกำจัดโดยใช้สำรเคมีฉีดพ่นตำม ลดตน้ ทนุ การผลิตพชื อตุ สาหกรรม 32 คำแนะนำของกรมวชิ ำกำรเกษตร 9. การเกบ็ เกี่ยว - บนพ้ืนทีส่ งู มะคำเดเมียจะออกดอกปีละ 2 คร้งั คือ และวทิ ยาการเกบ็ ช่วงพฤศจิกำยน-ธันวำคม และ กรกฎำคม-สิงหำคม หลงั การเก็บเก่ียว ผลจะพร้อมเก็บ ประมำณ 6-9 เดือน หลังดอกบำน ถึงแก่ ผลจะร่วงลงพ้ืนหลังเก็บผลต้องรีบกะเทำะ เปลือกออก เพรำะหำกเก็บกองรวมกันมำกจะเกิด ควำมรอ้ นทำให้เนือ้ ในคณุ ภำพไม่ดี - เมื่อเก็บผลมะคำเดเมียแล้วให้รีบเอำเปลือกนอก ออกทันที เนอ่ื งจำกผลมะคำเดเมียสดมเี ปลอื กนอกสี เขียวที่มีควำมชื้นสูง หลังจำกน้ัน นำเมล็ดตำกแดด หรืออบแห้งให้เหลือประมำณ 3.5% และนำเข้ำ เคร่ืองกะเทำะเปลือกออกและนำเน้ือในไปอบแห้ง ภำยใน 24 ชั่วโมง ให้เหลอื ควำมช้นื ไม่เกิน 1.5 % มาตรฐานเมลด็ - ลักษณะตรงตำมพันธ์ุ - เส้นผำ่ ศนู ยก์ ลำงมำกกวำ่ 7/8 นว้ิ - ปรำศจำกแมลง และสิ่งปลอมปน - เมล็ดสะอำด และแหง้ - เมลด็ ไมม่ ีรอยกำรทำลำยของหนหู รือแมลง

ข้ันตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วธิ ีปฏบิ ตั ิโดยท่วั ไป การลดตน้ ทนุ - เมล็ดหรือเนอื้ ใน ไมเ่ กดิ เชอ้ื รำ ไม่มกี ำรแตก ไม่ มีกลน่ิ เหมน็ หนื - ควำมชืน้ เมล็ดไมเ่ กนิ 3 % โดยนำ้ หนกั และ ควำมชน้ื เนือ้ เมล็ดหลังอบไม่มำกกวำ่ 1.5 % - เน้ือเมล็ดมีสีขำวนวล ลดตน้ ทุนการผลติ พืชอตุ สาหกรรม 33

ทรงตน้ ของมะคำเดเมยี ลกั ษณะชอ่ ดอก และผลมะคำเดเมยี ลักษณะผลอำยุ 10-11 เดือน ลดต้นทุนการผลิตพชื อตุ สาหกรรม 34

ข้นั ตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วิธปี ฏบิ ัติโดยทัว่ ไป การลดต้นทุน 1. พนั ธ์ุ - ใช้พนั ธ์ุมะพร้ำว พันธ์ุรับรอง พนั ธ์ุแนะนำ ของกรม - ไม่มีกำรเปลี่ยนพนั ธุ์ หรือปลกู ใหม่ - ใชพ้ ันธ์ทุ ีก่ รมวิชำกำรเกษตรแนะนำ 2. พน้ื ทีป่ ลูกที่ เหมาะสม วิชำกำรเกษตร ได้แก่ สวีลูกผสม1 ชุมพรลูกผสม 60 3. การเตรยี มพืน้ ที่ ลูกผสมชุมพร 2 กะทิลูกผสมชุมพร 84-1 และ 84-2 ปลูก เปน็ ตน้ - เลอื กซอื้ พันธจ์ุ ำกแหลง่ ท่ีเช่ือถือได้ - สภาพพ้ืนที่ ควำมสูงไม่เกิน 500 เมตร จำก - ไม่มีกำรวำงแผนเพ่ือปลูกทดแทน - เลือกพนื้ ทป่ี ลกู ท่เี หมำะสม ระดับน้ำทะเล ไม่ควรปลูกในพ้ืนท่ีท่ีมีหินดำนอยู่ลึก สวนเสื่อมโทรม - วำงแผนกำรปลูกอย่ำงเป็นระบบ จำกผวิ ดนิ น้อยกว่ำ 1 เมตร - สภาพภูมิอากาศ ควรได้รับแสงแดดวนั ละ 7 ชวั่ โมง ปริมำณน้ำฝนมำกว่ำ 1,500 มิลลิเมตร/ปี ไม่ควรมี อุณหภมู ติ ำ่ กวำ่ 15 องศำเซลเซยี ส ติดตอ่ กันหลำยวนั - กำรปลูกมะพร้ำวในท่ีลุ่ม ควรยกเป็นคันร่องสูงกว่ำ - กำรเตรียมหลุมปลูก ส่วนใหญ่ไม่ได้ - เตรียมพื้นท่ีปลูกตำมคำแนะนำของ ระดบั นำ้ 60 เซนติเมตร ในฤดูน้ำสูงสุด ปฏิบัติตำมคำแนะนำของกรมวิชำกำร กรมวชิ ำกำรเกษตร - กำรเตรียมหลุมปลูก ควรขุดหลมุ โดยเอำดินผิวหน้ำ เกษตร ไว้ข้ำงหนึ่งและช้ันล่ำงไว้ข้ำงหน่ึง ตำกดินไว้ 7 วัน ลดต้นทุนการผลิตพืชอุตสาหกรรม 35

ขน้ั ตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วธิ ีปฏิบัติโดยท่ัวไป การลดตน้ ทนุ 4. การปลูก 5. การใสป่ ยุ๋ รองก้นหลุมด้วยกำบมะพร้ำว เอำดินบนใส่ลงไป ให้ ปุ๋ยคอก 10 กิโลกรัม/หลุม หรือหินฟอสเฟต 0.5 กิโลกรัม/หลมุ - มะพร้ำวพันธ์ุกะทิลูกผสม ควรเลือกพ้ืนที่ปลูกให้ ปลอดจำกมะพร้ำวธรรมดำอย่ำงน้อย 300 เมตร และ ควรมีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ ถ้ำเป็นทุ่งโล่งให้ปลูกห่ำง จำกมะพร้ำวธรรมดำ 5 กิโลเมตร เพ่ือให้ได้ผลผลิต เป็นมะพร้ำวกะทมิ ำกสดุ - ควรปลูกในฤดูฝน หลังจำกฝนตกแล้ว 2 ครั้ง ปลูก - ปลูกแบบสี่เหลี่ยม หรือปลูกไม่ได้ - ปลูกแบบสำมเหลี่ยมด้ำนเท่ำซ่ึงให้ ต่ำกว่ำปำกหลุม 15 เซนติเมตร และปลูกให้เสมอ ระยะท่ีเหมำะสม ได้จำนวนต้นต่อไร่ จำนวนต้นต่อไร่มำกกว่ำกำรปลูก ปำกหลุมหำ่ งระดับน้ำใตด้ ินสูง น้อย แบบส่ีเหลี่ยมจัตุรัส ประมำณ 15 - มะพรำ้ วพันธ์ไุ ทยตน้ สูง ปลูกแบบสำมเหล่ยี ม ระยะ เปอรเ์ ซน็ ต์ ชว่ ยเพม่ิ ผลผลติ ต่อไรไ่ ด้ ปลูก 9×7.80 เมตร ได้ 22 ตน้ /ไร่ - มะพร้ำวน้ำหอม ปลกู แบบสำมเหลี่ยม ท่ีระยะปลูก 6.5×5.6 เมตร ได้ 43 ต้น/ไร่ - มะพร้ำวพันธุ์ลูกผสม ปลูกแบบสำมเหล่ียมระยะ 8.5×7.5 เมตร ปลูกได้ 25 ตน้ /ไร่ การใสป่ ยุ๋ เคมี - ควรนำตัวอย่ำงดินไปวิเครำะห์ธำตุอำหำร ใส่ปุ๋ย - ไม่มกี ำรวเิ ครำะห์ดนิ - ควรใส่ปุ๋ยตำมค่ำวิเครำะห์ดิน เพื่อ ตำมคำ่ วเิ ครำะหด์ ิน - ไม่ได้ใส่ปุ๋ยตำมคำแนะนำ แต่จะใส่ ลดตน้ ทุน ปยุ๋ ใหก้ บั พชื อื่นทป่ี ลูกร่วมกับมะพรำ้ ว ลดตน้ ทุนการผลติ พืชอตุ สาหกรรม 36

ข้นั ตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วธิ ปี ฏิบัตโิ ดยท่วั ไป การลดตน้ ทนุ - พื้นที่ปลูกมะพร้ำวที่มีชุดดินคล้ำยกับดินใน อ.ทับ เช่น สับปะรด กำแฟ เป็นต้น หรือใส่ - ป รั บ ค่ ำ ค ว ำ ม เ ป็ น ก ร ด ด่ ำ ง ที่ สะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ แนะนำให้ปุ๋ยสูตร ป๋ยุ ขไ้ี ก่อดั เม็ด ไมใ่ สป่ ุย๋ เคมี เหมำะสมสำหรับมะพรำ้ ว คอื 5.5-6.5 13-13-21 อัตรำ 4 กโิ ลกรัม/ต้น/ปี แบ่งใส่ 2 ครั้ง/ปี - ส่วนใหญ่ไม่ใส่เกลือแกง มะพร้ำว ทำให้พืชสำมำรถนำธำตุอำหำรในดิน ช่วงต้นฤดูฝน และก่อนส้ินฤดูฝน ควรถำกหญ้ำรอบ น้ำหอม ใส่ข้ีแดดนำเกลือ ไ ป ใ ช้ อ ย่ ำ ง มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ ำ พ ม ำ ก ข้ึ น โคนต้นมะพร้ำวก่อน และหว่ำนปุ๋ยในรศั มไี ม่เกิน 1.5 มะพร้ำวมีผลผลิตที่มีคุณภำพมำกข้ึน เมตร รอบโคนต้น กรณีมีกำรให้น้ำในสวนมะพร้ำว ขนำดและผลสมบูรณ์มีเนื้อหนำ น้ำมี หรือมฝี นเกอื บตลอดปี อำจแบง่ ใสป่ ยุ๋ 4 ครั้ง/ปี รสชำตดิ ี - ควรใสป่ ุ๋ยแมกนีเซียมซัลเฟต อตั รำ 500-750 กรมั / - ก ำ ร ใ ส่ ปุ๋ ย อิ น ท รี ย์ เ พ่ื อ เ พ่ิ ม ต้น/ปี โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง/ปี ในชว่ งต้นฤดูฝนและก่อน อนิ ทรีย์วัตถุในดิน และพรวนดินอย่ำง ส้ินฤดูฝน หรือหินปูนโดโลไมท์ โดยเลือกใช้อย่ำงใด สม่ำเสมอ อย่ำงหนึ่ง ถ้ำใช้หินปูนโดโลไมท์ให้หว่ำนก่อนใส่ปุ๋ย - กำรใส่เกลือแกง สำมำรถเพ่ิมผลผลิต อื่นอยำ่ งนอ้ ย 1 เดือน ได้ 125 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งช่วยให้เน้ือ การใส่ป๋ยุ อินทรียแ์ ละเศษวสั ดุ มะพร้ำวหนำขึ้น และได้น้ำหนักเน้ือ - ควรใส่ปยุ๋ เคมรี ว่ มกับปุ๋ยอนิ ทรยี ์ มะพรำ้ วแห้งมำกข้ึน - ควรให้ปุ๋ยคอก อัตรำ 20 กิโลกรัม/ต้น/ปี โดยขุด ร่อง กว้ำง 12 เซนติเมตร รอบรัศมีต้น หรือขุดหลุม ขนำด 30×30×30 เซนติเมตร 3 หลุมรอบต้น ห่ำง จำกต้น 1 เมตร ใสป่ ุ๋ยลงในรอ่ งหรือหลมุ แลว้ กลบดิน กรณีขุดหลมุ ให้เปลี่ยนจุดไปรอบๆ ตน้ ทกุ ปี การใสเ่ กลอื แกง ลดต้นทนุ การผลติ พืชอตุ สาหกรรม 37

ขน้ั ตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วิธปี ฏิบัตโิ ดยท่วั ไป การลดต้นทนุ 6. การใหน้ ้า - พ้ืนท่ีหำ่ งไกลจำกชำยฝั่ง ควรให้เกลือแกงหรอื ขีแ้ ดด 7. การดแู ลรกั ษา นำเกลือ อัตรำ 1.5 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี แบ่งใส่ ช่วง ต้นฤดูฝน และปลำยฤดูฝน ไม่แนะนำให้ใส่ในแปลง ปลูกมะพร้ำวท่ีมีพืชปลูกร่วม และไม่แนะนำให้ใส่ใน พื้นทเี่ ป็นดินเหนยี ว และมนี ้ำทะเลทว่ มถึง - ฤดูแล้งควรให้น้ำโดยใช้ระบบสปริงเกอร์ให้ทั่วท้ัง - ไมม่ กี ำรให้นำ้ อยำ่ งสมำ่ เสมอ - กำรให้น้ำจะทำให้ผลผลิตออกอย่ำง แปลง ถ้ำต้นขำดน้ำจะทำให้มะพร้ำวผลเล็กเน้ือบำง - ไมม่ กี ำรคลมุ รอบโคน ต่อเน่ือง เกษตรกรมีรำยได้ต่อเน่ือง หรือเกิดมะพร้ำวทุย (คือผลมีลักษณะผลขนำดเล็ก - ไม่มีกำรปลกู พืชคลุมดิน และสร้ำงควำมช้ืนในแปลง กำรเข้ำ ผิดปกติ ด้ำนในจะไม่มีเนื้อไม่มีน้ำเป็นรูโล่ง) ผลผลิต ทำลำยของแมลงศัตรูมะพร้ำว ทำให้ ลดลงหรือไมต่ ิดผลใน 2-3 ปขี ำ้ งหนำ้ ลดตน้ ทุนกำรกำจดั แมลงศัตรู - ควรรักษำควำมชื้นในดิน โดยขุดหลุม 1x4x0.6 - กำรฝงั กำบมะพร้ำวในดนิ ช่วยรักษำ เมตร ใส่กำบมะพร้ำวลงไป หรือใช้กำบมะพร้ำวกลบ ควำมช้ืนในดินทำให้ ประหยัดน้ำและ บนผิวดินรอบโคนในรัศมี 1-2 เมตร หรือปลูกพชื คลุม เป็นแหล่งปุ๋ยโพแทสเซียม ทำให้ ดินตระกูลถ่ัว ช่วยรักษำควำมช้ืนและช่วยเพ่ิมธำตุ มะพร้ำวตดิ ผลดกขึ้น ไนโตรเจนในดิน - ควรตัดทำงใบมะพรำ้ วแก่ออก ทุก 45 วนั ให้เหลือ - - เกษตรกรไม่ตัดทำงใบ หรือมีกำรตัด - กำรตัดแต่งทำงใบ ใบทำให้อ่อน 23 ทำงใบ ตดั ทำงใบล่ำงสุด 10-12 ทำง จะชว่ ยลด ออกบ้ำงเพ่ือให้เก็บเกี่ยวได้ง่ำย แต่ ไดร้ ับธำตุอำหำรและลดอัตรำกำรคำย กำรคำยนำ้ ลง 25-50 เปอร์เซน็ ต์ ไมไ่ ด้ตดั เพอ่ื ใหเ้ พิ่มผลผลิต น้ำมำกข้ึน และทำให้มะพร้ำวมีขนำด - ควรไถพรวน ระหว่ำงแถวปลูก ไม่ไถลึกไม่เกิน 20 ผลใหญ่ขึ้น เซนติเมตร และไถสลับกันทุกปีช่วงปลำยฤดูแล้ง ลดตน้ ทุนการผลติ พืชอตุ สาหกรรม 38

ข้ันตอน คาแนะนากรมวชิ าการเกษตร วิธปี ฏบิ ัติโดยทัว่ ไป การลดต้นทนุ 8. การปอ้ งกนั กาจดั โรคและ เพ่ือให้เกิดรำกใหม่ เน่ืองจำกรำกมะพร้ำวที่อยู่ติดผิว - กำรไถตัดรำก ทำให้เกิดรำกใหม่ มี ศตั รพู ชื ดินจะแห้งไม่ดดู อำหำร ประสิทธิภำพในกำรนำแร่ธำตุไปบำรุง 9. การป้องกนั กาจดั วัชพืช ตน้ ชว่ ยให้มีผลผลติ มำกขึ้น - แมลงศัตรทู ่ีสาคญั ไดแ้ ก่ แมลงดำหนำม หนอนหัว - ส่วนใหญ่ ไม่ให้ควำมสำคัญกับกำร - กำรทำควำมสะอำดสวน ป้องกัน ดำมะพรำ้ ว ดว้ งแรด และด้วงงวง ทำควำมสะอำดแปลงปลกู มะพร้ำว ศัตรูมะพร้ำว จะช่วยลดต้นทุนค่ำ - โรคท่ีสาคัญ ได้แก่ โรคผลร่วง โรคยอดเน่ำ โรคใบ - ไม่ค่อยสังเกตและเฝ้ำระวังกำร สำรเคมีและค่ำแรงงำนในกำรกำจัด จุด และโรคเออื นกนิ ระบำดของศัตรูพืช แมลงศัตรู รวมทั้งลดกำรสูญเสีย - ควรเฝ้ำระวัง และสังเกตอำกำรต้นมะพร้ำวเป็น ปริมำณผลผลิตและรำยได้ ประจำ หำกพบว่ำมกี ำรระบำดควร ทำตำมคำแนะนำ - กำรสังเกต และเฝ้ำระวงั จะสำมำรถ ของ กรมวิชำกำรเกษตร อย่ำงเครง่ ครดั แก้ปัญหำได้ทันเหตุกำรณ์ ไม่ส่งผล - หม่ันดูแลทำควำมสะอำดสวนมะพร้ำวไม่ให้มีกอง ใหผ้ ลผลิตลดลง ขยะ กองปุ๋ยหมัก กองเศษไม้ และตอผุ เพื่อทำลำย แหล่งวำงไข่ของด้วงแรด ตัดหญ้ำให้ส้ันเตียน ไม่ให้ เป็นที่อำศัยของหนู และไม่ปล่อยให้ยอดมะพร้ำวรก ให้เป็นท่อี ำศัยทำรังของหนู หรือ กระรอก ตดั เกบ็ ใบ มะพร้ำวทถ่ี ูกศัตรูพชื ทำลำย มำเผำ เพ่ือตัดวงจรชีวิต ของศัตรมู ะพร้ำว - ควรกำจดั วัชพืชก่อนใส่ป๋ยุ เพื่อไมใ่ ห้แย่งน้ำและ - มกี ำรเล้ยี งวัวในสวนมะพร้ำวเพ่อื กิน - กำรกำจัดวัชพืชทำให้มะพร้ำวได้รับ ธำตุอำหำรจำกมะพร้ำว และควรตัดหญำ้ ทำควำม สะอำดแปลงอย่ำงสม่ำเสมอ วชั พชื เปน็ อำหำร ปุ๋ยและธำตุอำหำรเต็มท่ี ช่วยลด - ไมไ่ ด้ทำควำมสะอำดคอตน้ มะพร้ำว ลดตน้ ทนุ การผลิตพชื อตุ สาหกรรม 39

ขัน้ ตอน คาแนะนากรมวิชาการเกษตร วธิ ีปฏบิ ตั โิ ดยทัว่ ไป การลดต้นทนุ 10. การเกบ็ เก่ยี ว ปริมำณกำรใส่ปุ๋ยและใช้ปุ๋ยอย่ำงมี - มะพร้ำวผลแก่ ควรเก็บเก่ยี วทกุ 45 วัน หรอื อย่ำง - เกบ็ มะพรำ้ วแก่ โดยเกบ็ เกยี่ ว 2-3 ประสทิ ธภิ ำพ น้อย 8 รอบ/ปี หำกมกี ำรเกบ็ ควบ 2-3 ทะลำย/ครงั้ ทะลำย/ครงั้ - กำรเก็บเก่ียวผลผลิตตำมระยะท่ี - มะพร้ำวผลออ่ น ควรเก็บเกยี่ วที่อำยุผล 7-7½ เหมำะสมทำให้ ได้ผลผลิตที่มีคุณภำพ เดือน ทำใหไ้ ดเ้ นื้อมะพรำ้ วท่ีมีเนื้อออ่ นและมีน้ำทม่ี ี และรำคำสูง รสหวำน และนำ้ มะพรำ้ วมีรสหวำน ลดตน้ ทุนการผลติ พืชอุตสาหกรรม 40

พนั ธ์สุ วลี ูกผสม 1 หรือ มาว่า (MAWA) พันธ์ชุ ุมพรลูกผสม 60 พนั ธ์ลุ ูกผสมชมุ พร 2 ลดต้นทุนการผลิตพชื อตุ สาหกรรม 41