Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ยกนคร (เครื่องทอ, ผ้า)

Description: ยกนคร (เครื่องทอ, ผ้า)

Search

Read the Text Version

ผา้ ยกนคร หตั ถศลิ ป์ล�ำ้ คา่ แหง่ เมืองนครศรธี รรมราช

ผ้ายกเมืองนคร สันนิษฐานว่าเกิดข้ึนในสมัยอาณาจักร ในปี พ.ศ.2354 เกิดกบฎข้นึ ทเี่ มอื งไทรบรุ ี เจ้าพระยานคร (หนู) ตามพรลิงค์ (อาณาจักรโบราณที่มีมาตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษ ได้ออกไปปราบปรามและกวาดต้อนชาวไทรบุรีเข้ามาอยู่ในเมือง ที่ 7) มีศูนย์กลางอยู่ท่ีจังหวัดนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน ใน นครศรธี รรมราช ในการวาดต้อนในครั้งนน้ั คงกวาดเอาชา่ งหล่อ อดีตนครศรีธรรมราช เคยเป็นเมืองท่าศูนย์กลางการซื้อขายแลก ช่างทอง ช่างเงนิ ทม่ี ีความสามารถในการผลติ เครอื่ งประดับ รวม เปลย่ี นสนิ คา้ และการเผยแพรศ่ ลิ ปวฒั นธรรม มสี นิ คา้ มาจ�ำ หนา่ ย ท้ังช่างทอผ้ายกเข้ามาด้วย (เพราะเมืองไทรบุรีได้มีชาวอินเดียเข้า มากมายโดยเฉพาะผา้ ดว้ ยเหตผุ ลทางการคา้ เมอื งนครนา่ จะไดร้ บั มาตงั้ ถน่ิ ฐานและสอนการทอผ้าให้แก่ชาวไทรบุร)ี เหตนุ ี้เองที่เกิด วัฒนธรรมการทอผ้าใชเ้ องมาตง้ั แต่โบราณแลว้ โดยสัณนษิ ฐาน การผสมผสานทางวัฒนธรรมผ้าพ้ืนเมือง และพัฒนาวิธีการทอ ว่าน่า จะได้รับอทิ ธิพลมาจากหลากหลายเชอ้ื ชาติ เชน่ ประเทศจีน ท่ีสลับซับซ้อนด้วยความพิถีพิถัน ช่างทอผ้าท่ีมีความชำ�นาญสูง ประเทศอนิ เดยี และประเทศอาหรับ เปน็ ต้น จากการทีช่ นชาติดัง ไดป้ รบั ปรงุ บางส่ิงบางอย่างให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมของตน จน กล่าว ได้นำ�พาผา้ ผืนงามประจำ�ชาติของตนมาเผยแพร่ไว้ บางส่วน นครศรีธรรมราชมีเอกลักษณ์ของการทอผ้ายกเมืองนครท่ีขึ้นช่ือ ของผ้ายกไทยจึงอาจได้รับอิทธิพลการสร้างสรรค์ผลงานมาจาก ในเวลาตอ่ มา ชนชาติเหล่านี้ และเร่ิมมีการทอผ้ายกกันอย่างจริงจังในช่วงสมัย อยุธยาตอนปลาย หรอื รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ 1

หลักฐานบางชิ้นระบุว่า ผ้ายกทองใช้เฉพาะเจ้าเมือง นครศรีธรรมราชและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในวังหลวง จนในสมัย สมเดจ็ พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั รชั กาลท่ี 5 ได้ กำ�หนดให้ผ้ายกเมืองนครเป็นของกำ�นัลสำ�หรับพระมหากษัตริย์ พระราชทานให้กับบุคคลสำ�คัญ เจ้านายและข้าราชบริพารชั้น สูง ใช้สวมใส่เวลาเข้าเฝ้า เพ่ือเป็นเครื่องแสดงสถานะของบุคคล นอกจากน้ีผ้ายกทอง ยังเป็นเครื่องราชบรรณาการ ซึ่งเจ้าเมือง นครศรธี รรมราช สง่ ไปถวายยงั ราชส�ำ นกั ในสมยั กรงุ ธนบรุ อี กี ดว้ ย ต่อมาผ้ายกเมืองนคร เป็นผ้าที่บุคคลทั่วไปสามารถ ครอบครองได้ และได้กลายเป็นผ้าทอประจำ�ท้องถิ่นของจังหวัด นครศรีธรรมราช ด้วยความละเอียด ประณีต งดงามของผืนผ้า จึงเปน็ ที่รูจ้ กั กนั อยา่ งแพรห่ ลายและเป็นทตี่ อ้ งการอย่างกว้างขวาง ดงั ปรากฏในจดหมายเหตรุ ชั กาลท่ี 2 บทเพลงกล่อมเดก็ ไว้ว่า “ไป เมอื งคอนเหอ ไปซอื้ ผา้ ลายทองสลบั ซอื้ มาทงั้ พบั สลบั ทองหา่ งหา่ ง หยิบนุ่งหยิบห่ม ให้สมขุนนาง สลับทองห่าง ห่าง ทุกหมู่ขุนนาง นุ่ง เหอ” อีกทง้ั ในวรรณคดีเร่ืองขุนช้าง ขุนแผน ยงั ได้มกี ารกล่าว ถงึ ผา้ ยกเมอื งนครไวเ้ ชน่ เดยี วกนั นน่ั แสดงใหเ้ หน็ วา่ ชา่ งทอผา้ เมอื ง นครศรธี รรมราช มีฝีมือทางการทอผ้าเปน็ เลศิ จึงมีผูก้ ล่าขานถงึ ความงดงามเอาไวอ้ ย่างตอ่ เนือ่ งตง้ั แตอ่ ดตี จนถึงปัจจุบัน 2

3

คณุ ค่า ความส�ำ คญั ทางวฒั นธรรมของงานผา้ ยกนคร “ผา้ ยกเมอื งนคร” เปน็ ผา้ ทอมอื ทถ่ี อื เปน็ มรดกเกา่ แกอ่ นั ในอดตี ชาวเมอื งนคร นยิ มนงุ่ ผา้ โจงกระเบนกนั ทงั้ หญงิ ล�้ำ คา่ ของชาวจงั หวดั นครศรธี รรมชาติ เปน็ ผา้ ทไี่ ดร้ บั การยกยอ่ งมา และชาย ท้งั ข้าราชการกรมเมือง ข้าราชการศาล และราษฎรท่ัวไป แต่โบราณถงึ ลวดลายทมี่ คี วามละเอยี ด ประณตี เงางามและถอื เปน็ โดยเฉพาะเจา้ นายผหู้ ญงิ ในเมอื งนครศรธี รรมราช นงุ่ ผา้ ยกจบี เวลา ผ้าทอชัน้ ดีของไทย แสดงถึงความเป็นเลศิ ทางด้านฝมี ือการทอผา้ ออกรบั แขกเมอื ง หรอื ไปร่วมพธิ ที �ำ บญุ ท่ีวัดอย่เู ปน็ ประจำ� ส่วนผ้า ของชา่ งทอผา้ ชาวนครศรธี รรมราช ทร่ี งั สรรคผ์ า้ ยกออกมาไดอ้ ยา่ ง ยกทองนั้นมักใช้เฉพาะเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช และข้าราชการ ดี มีคณุ ภาพ จนไดร้ บั การกลา่ วขานวา่ เป็นผ้าทอมอื ช้นั เลศิ ดว้ ย ชัน้ ผู้ใหญ่ ผ้ายกเมอื งนคร จึงเปน็ ผา้ ท่ีมีคณุ ค่าและมชี ือ่ เสียงมาก ลวดลายอันวิจิตรและกระบวนการผลิตที่สลับซับซ้อนจึงเป็นผ้าท่ี ในสมัยโบราณ และเป็นผ้าที่ใช้กันมากสำ�หรับเจ้านายช้ันสูงใน ทรงคุณคา่ ทเี่ ปน็ ท่ตี อ้ งการในหมชู่ นช้ันสงู และชนชน้ั ปกครอง ราชสำ�นักสยามในอดีต ทั้งที่ใช้เป็นผ้านุ่งโจงกระเบน และผ้านุ่ง จีบ รวมทั้งใช้ห่อพระคัมภีร์ในพุทธศาสนาด้วย ช่างทอแห่งเมือง นครศรธี รรมราช นน้ั มชี อื่ เสยี งดา้ นฝมี อื ในการทอผา้ ยกเปน็ เลศิ มา ตัง้ แต่ในอดีต ผ้ายกเมอื งนคร จึงเปน็ ทร่ี จู้ กั แพร่หลายจนคนทว่ั ไป กลา่ วตดิ ปากวา่ ถา้ จะซอื้ ผา้ ดๆี จะตอ้ งหาซอ้ื ผา้ ยกเมอื งนครเอามา ไว้ในความครอบครอง ด้วยเพราะเป็นผ้าท่ีมีเน้ือผ้าและลวดลาย ที่มีความสวยงามเป็นแบบฉบับของช่างฝีมือชั้นสูงแห่งหนึ่งใน ประเทศไทย 4

เอกลักษณ์ทางกายภาพ และเอกลกั ษณ์ ท่ีโดดเดน่ ในงานผา้ ยกนคร ผ้ายก มีลักษณะเป็นผ้าท่ีมีลายนูนเด่นกว่าส่วนท่ีเป็น ผา้ ยกเมอื งนคร มีความงดงามแตกตา่ งจากผา้ ทอแหลง่ พื้นผ้า การทอยกดอกจะต้อง เตรียมเส้นยืนโดยการก่อเขา หรือ อนื่ ๆ ดว้ ยกรรมวธิ ที สี่ ลบั ซบั ซอ้ นจนไดผ้ า้ ผนื งดงามเปน็ เอกลกั ษณ์ เก็บตะกอลายผ้าเพ่ือยกหรือดึงเส้นยืนบางส่วนขึ้น และข่มหรือ ในอดตี ถือเปน็ ผ้าชนช้ันกษัตรยิ ์ พระบรมวงศานุวงศ ์ และขา้ ราช ดึงเส้นยนื บางสว่ นลง ทำ�ให้เกดิ ชอ่ งว่างส�ำ หรบั พุ่งกระสวยเส้นพุง่ บริพานท่ีได้รับพระราชทานให้นำ�ไปใช้สวมใส่เวลาเข้าเฝ้าเป็นการ เข้าไปสานขัดกับเส้นยืน เน่ืองจากผ้ายกจะทอลายพิเศษโดยใช้ แสดงสถานะของบคุ คล ตอ่ มามกี ารดดั แปลงเปน็ ผา้ ทสี่ ามารถใช้ได้ เสน้ ดา้ ยพงุ่ พเิ ศษ อยา่ งไหม ด้นิ เงินดน้ิ ทอง เพ่ือเพ่มิ ลวดลายใน ส�ำ หรับคหบดี เจ้านาย ลูกหลานเจา้ เมอื ง และสามัญชนทว่ั ไปใช้นงุ่ ผา้ ให้งดงามยิง่ ขึ้น บางครัง้ ผา้ ยกจะมชี ายมเี ชิงที่แปลกตา เรยี กผา้ ในงานพธิ สี �ำ คญั กรวยเชงิ บนผนื ผา้ เปน็ ตวั แบง่ สถานะของผทู้ สี่ วม ยกท่มี ีเชงิ ตามลกั ษณะของวัสดุทใี่ ช้ เช่น เรียกผ้ายกเชงิ เงนิ หรือ ใส่ ลกั ษณะผา้ ยกเมอื งนครมี 3 ลกั ษณะ แตกตา่ งกนั ในการทอ และ ผ้ายกเชิงทอง ปจั จุบนั ผ้ายกใชเ้ ก็บตะกอ ตะกอลอย หรือเขา ลวดลาย ดงั น้ี ลอย เพ่ือความสะดวกและรวดเร็ว ผู้ทอไม่ต้องคัดเก็บลายแล้ว ถอดออก หรอื ต้องเก็บลายใหม่ ทุกครง้ั เมือ่ จะทอ ท�ำ ได้โดยการ ยกตะกอแยกเสน้ ด้ายยืน และในบางครั้งการยกดอกจะมีการเพ่มิ ดา้ ยเส้นด้ายพ่งุ จ�ำ นวนสองเสน้ หรอื มากกวา่ น้นั เข้าไปในผืนผา้ 5

ลกั ษณะที่ 1 กรวยเชิงซอ้ นหลายชัน้ เปน็ ผา้ ยกทใี่ ช้ส�ำ หรบั ชนชั้น กรวยเชิงซอ้ นหลายช้นั กษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพารช้ันสูง นิยมทอ ด้วยเส้นไหมทอง ลักษณะกรวยเชิงจะมีความละเอียดอ่อนช้อย ลวดลายหลายลกั ษณะประกอบกนั ริมผา้ จะมลี ายขอบผา้ เปน็ แนว ยาวตลอดทงั้ ผนื กรวยเชงิ มตี ง้ั แต่ 2 ชน้ั และ 3 ชน้ั ลกั ษณะพเิ ศษ ของกรวยเชิงรูปแบบนี้ คือ พื้นผ้าจะมีการทอสลับสีด้วยเทคนิค การมดั หมเ่ี ปน็ สตี ่าง ๆ เชน่ แดง น�้ำ เงิน ม่วง สม้ น้าตาล ทอผ้า ลวดลายบนผา้ พืน้ และยกดอกเป็นลวดลาย เช่น ลายเกรด็ พิมเสน ลายดอกพกิ ุล เปน็ ตน้ ลักษณะท่ี 2 กรวยเชิงช้นั เดียว เป็นผา้ ยกทใ่ี ช้สำ�หรบั คหบดี และ เจ้านาย ลูกหลานเจ้าเมือง นิยมทอผ้าด้วยเส้นไหมทองหรือเส้น ไหมเงิน ลกั ษณะกรวยเชิงจะสน้ั ทอคั่นดว้ ยลายประจ�ำ ยามก้ามปู ลายประจำ�ยามเกลียวใบเทศ ไม่มีลายขอบในส่วนของลายท้องผ้า ยกดอกลวดลาย เช่น ลายดอกพกิ ุล ลายก้านแยง่ ลายดอกเขมร ลายลูกแกว้ ฝูง เป็นต้น ลักษณะท่ี 3 กรวยเชิงขนานกับริมผา้ ผ้ายกท่ใี ช้ส�ำ หรบั สามญั ชน ท่ัวไป ลวดลายกรวยเชิงถูกดัดแปลงมาไว้ท่ีริมผ้าด้านใดด้านหน่ึง โดยดัดแปลงลายอ่ืนมาเป็นลายกรวยเชิงเพ่ือให้สะดวกในการทอ และการสามารถเกบ็ ลายในการทอไดร้ วดเรว็ นยิ มทอดว้ ยเสน้ ไหม หรอื เสน้ ฝา้ ยหรอื ทอผสม (ฝา้ ยแกมไหม) ทอเปน็ ผา้ ผนื ใหญ่ใชเ้ ปน็ ผ้านงุ่ สำ�หรับสตรีสวมใส่ในโอกาสพเิ ศษ กรวยเชิงขนานกับริมผ้า กรวยเชงิ ชั้นเดยี ว 6

ลวดลายอนั เปน็ เอกลกั ษณข์ องผา้ ยกเมอื งนครทสี่ บื ทอด ลายดอกพิกลุ กา้ นแยง่ ต่อกันมา มักเป็นลวดลายท่ีพบเห็นได้จากธรรมชาติรอบตัวแบ่ง ลายเรขาคณติ ตามประเภทได้ดังน้ี 1. ลายพนั ธ์ุไม้ เป็นลวดลายจากดอกไม้และตน้ ไม้ เชน่ ลายใบไม้ ลายเครอื เถา ลายดอกพกิ ลุ ลายดอกพกิ ลุ แกว้ ลายดอก พิกุลเถื่อน ลายดอกพิกุลล้อม ลายดอกพิกุลก้านแยก ลายดอก พกิ ลุ สลับลายลูกแกว้ ลายดอกมะลริ ่วง ลายดอกมะลติ ูมก้านแย่ง ลายดอกเขมร ลายตาย่านัด ลายหัวพลู เม็ดพรกิ ไทย เปน็ ตน้ 2. ลายสัตว์ เป็นลวดลายท่ีได้จากสัตว์นานาพันธ์ุ เช่น ลายมา้ ลายหางกระรอก ลายหง่ิ หอ้ ยชมสวน ลายแมงมุมก้านแย่ง เป็นตน้ 3. ลายเรขาคณติ เปน็ ลวดลายทไี่ ดจ้ ากรปู ทรงตา่ ง ๆ เชน่ ลายเกล็ดพิมเสนทรงส่ีเหลี่ยม ลายเกล็ดพิมเสนรูปเพชรเจียระไน ลายกา้ นแย่ง ลายราชวัตร ลายเก้าก่ี ลายดาสมุก ลายตาราง ลาย ลูกโซ่ ลายลกู แกว้ ลายลกู แกว้ ฝงู เป็นต้น 4. ลายเบ็ดเตล็ด เป็นลวดลายท่ีประดิษฐ์ข้ันจาก จินตนาการของช่างทอ เช่น ลายไทยประยุกต์ ลายไทยประยุกต์ ผสม ลายพมิ พ์ทอง เป็นตน้ ลวดลายท่ีได้รับความนิยมมากท่ีสุด คือ ลายเกล็ด พิมเสน เป็นลวดลายโบราณท่ีมีความสวยงามมาก ช่างทอนิยม ทอเป็นลวดลายบริเวณท้องผ้า ลักษณะลวดลายเป็นรูปสี่เหลี่ยม ขนาดเลก็ ทอเปน็ ทงั้ ผา้ ยกทองและผา้ ยกไหม สว่ นอกี หนงึ่ ลวดลาย ท่ีไดร้ บั ความนิยม คอื ลายราชวตั ร “ลายยกดอกกา้ นแยง่ ” หรือ ทีช่ าวบ้านเรียกว่า “ลายหลงั นกเขา” เน่ืองจากว่ามีลวดลายคลา้ ย ลายขนบนหลังนกเขา ความโดดเด่นอยู่ท่ีความนูนเด่นชัด ของ ลวดลายท่ที ำ�การยกดอก ประกอบกับเส้นไหมคณุ ภาพดีที่ชว่ ยขบั ให้ลวดลายเงางาม โดดเด่น ตลอดทงั้ ผนื ผา้ ทำ�ใหผ้ ้ายกเมอื งนคร ได้รับการยอมรับวา่ เป็นผ้าทอช้ันเลิศของไทยจนถึงทกุ วันนี้ ลายไทยประยกุ ต์ 7

ลวดลายที่ได้รับความนิยมมากท่ีสุด คือ ลายเกล็ด ลายราชวัตร พิมเสน เป็นลวดลายโบราณที่มีความสวยงามมาก ช่างทอนิยม ทอเป็นลวดลายบริเวณท้องผ้า ลักษณะลวดลายเป็นรูปส่ีเหลี่ยม ขนาดเลก็ ทอเปน็ ทงั้ ผา้ ยกทองและผา้ ยกไหม สว่ นอกี หนงึ่ ลวดลาย ท่ีได้รับความนิยม คือ ลายราชวัตร เป็นช่ือลวดลายผ้าที่ได้รับ พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้ง เสดจ็ นวิ ตั เิ มืองสงขลาเมื่อปี พ.ศ. 2475 เปน็ ผา้ “ลายยกดอก ก้านแยง่ ” หรอื ทชี่ าวบา้ นเรียกว่า “ลายหลงั นกเขา” เนอ่ื งจากว่ามี ลวดลายคล้ายลายขนบนหลังนกเขา ความโดดเด่นอยู่ท่ีความนูน เดน่ ชดั ของลวดลายทที่ �ำ การยกดอก ประกอบกบั เสน้ ไหมคณุ ภาพ ดที ชี่ ว่ ยขบั ใหล้ วดลายเงางาม โดดเดน่ ตลอดทงั้ ผนื ผา้ ท�ำ ใหผ้ า้ ยก เมอื งนครไดร้ บั การยอมรบั วา่ เปน็ ผา้ ทอชนั้ เลศิ ของไทยจนถงึ ทกุ วนั น้ี ลายเกล็ดพิมเสน ลายหลังนกเขา 8

ภมู ิปญั ญาทีส่ ะทอ้ นทกั ษะเชงิ ชา่ ง และเทคนิค หรือขั้นตอน กระบวนการในงานผา้ ยกนคร ผา้ ยกเมอื งนครเปน็ ผา้ ทมี่ คี วามโดดเดน่ เปน็ เอกลกั ษณ์ แตกต่างจากผ้าทอแหลง่ อ่ืน ๆ ท้งั ทางด้านกระบวนการผลติ และ รูปแบบผ้ายกท่ีจะมีกรวยเชิงหน้านาง ลวดลายผ้าและผืนผ้าจะอยู่ ในผืนเดียวกัน มีกระบวนการทอท่ียากและสลับซับซ้อนด้วยการ เพิ่มลวดลายผ้าให้เป็นพิเศษขึ้น กรรมวิธีคล้ายการทอผ้าขิดหรือ ผ้าจก แตกต่างกันเพียงมีตะกอเขาลอยยกดอกแยกเส้นยืนต่าง หาก สามารถยกครั้งละก่ีเสน้ ก็ได้ ข้ึนอยกู่ บั การออกแบบลวดลาย ของชา่ งทอ มลี ายมเี ชงิ ทแี่ ปลกออกไป การทอจงึ ตอ้ งใชข้ น้ั ตอนและ วิธกี ารเก็บลายด้วยไม้เรยี วปลายแหลม ตามลวดลายทีก่ ำ�หนดจน ครบ คดั ยกเสน้ ยนื ขนึ้ เปน็ จงั หวะ มลี วดลายเฉพาะสว่ นสอดเสน้ พงุ่ ไปสานขัดตามลายท่ีคัดไว้ ปัจจบุ ันมกี ารเก็บตะกอเขาลอยยกดอก เอาไว้เพอื่ ความสะดวกในการทอ ไมต่ อ้ งคัดเกบ็ ลายทีละเสน้ ตอ้ ง ใช้ความสามารถและความชำ�นาญของช่างทอในการแกะดอกผูก ลาย ซ่ึงการร้อยตะกอเขาลายนี้ใช้เวลามาก เพราะต้องทำ�ด้วยมือ ทั้งหมด บางลายเสียเวลาหลายเดือนกว่าจะมัดเขาเสร็จ และเม่ือ ร้อยตะกอเสร็จแล้ว ถ้าเป็นก่ีกระตุกก็จะทอได้รวดเร็วกว่าการใช้ กี่โบราณ การทอผ้ายกดอกน้ีสามารถตกแต่งลวดลายให้สวยงาม และทอออกมาได้หลายสี โดยมกี ระบวนการทีส่ ำ�คญั ดงั นี้ 9

• การกรอเสน้ ดา้ ย โดยการน�ำ เสน้ ดา้ ยมาท�ำ การหมนุ เขา้ กบั ระวงิ ใหเ้ สน้ ดา้ ย หมนุ มาอยู่ในหลอดดา้ ยจนเตม็ หลอดดา้ ย เปน็ ขน้ั ตอนการกรอเสน้ ด้ายเพอ่ื นำ�ไปใช้เป็นเส้นด้ายพงุ่ ในการทอ 10

• การหวเี ส้นด้าย เป็นการทำ�ให้เส้นด้ายท่ีไม่เป็นระเบียบ เรียบเสมอกัน ตลอดทงั้ เสน้ แล้วมว้ นเกบ็ เขา้ แกนสำ�หรบั ต้ังบนกี่ต่อไป จากนนั้ จะ ตอ้ งเอาปลายดา้ นหนงึ่ ของเสน้ ยนื เขา้ กบั ฟนั หวแี ลว้ ผกู เขา้ กบั แกน • การร้อยฟนั หวี ดว้ ยการคน้ หรอื รอ้ ยเสน้ ยนื แลว้ น�ำ เสน้ ดา้ ยมารอ้ ยเขา้ กบั ฟืม โดยการรอ้ ยผา่ นช่องฟันหวีแตล่ ะช่อง ช่องละ 2 เส้น แล้วใช้ ทอ่ นไม้ไผ่เล็ก ๆ สอดเข้าในห่วงเสน้ ดา้ ยที่ร้อยเข้าชอ่ งฟนั หวี เพือ่ ท�ำ การขงึ เสน้ ดา้ ยใหต้ รงึ และจดั เรยี งเสน้ ดา้ ยใหเ้ รยี บรอ้ ย สว่ นดา้ น หนา้ ของฟมื จะมที อ่ นไม้ไผเ่ ชน่ เดยี วกบั ดา้ นหลงั เพอื่ ขงึ เสน้ ดา้ ยให้ ตรึงเช่นเดียวกับด้านหลังของฟืม จากน้ันทำ�การเก็บตะกอฟืม 2 ตะกอ ก็จะไดช้ ุดฟืมทอผ้าท่ีพรอ้ มส�ำ หรับการทอผา้ ยกเมืองนคร 11

• การต่อเสน้ ดา้ ยยืน ดว้ ยวธิ กี ารน�ำ เสน้ ยนื มาผกู ตอ่ กบั เสน้ ดา้ ยในซฟ่ี นั หวี โดย ตอ่ ทลี ะเสน้ จนหมด เมอื่ ตอ่ เสน้ ไหมเขา้ กบั เสน้ ไหมทอ่ี ยู่ในซฟ่ี นั หวี เรยี บรอ้ ยแลว้ ท�ำ การมว้ นเสน้ ยนื ดว้ ยแผน่ ไม้ ท�ำ การจดั เรยี งระเบยี บ เส้นไหมตามช่องฟันฟืมให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วนำ�ไปติดต้ัง เข้ากับกท่ี อผ้า 12

• การเกบ็ ตะกอ เปน็ ขน้ั ตอนทสี่ �ำ คญั มาก ชา่ งทอตอ้ งน�ำ เสน้ ยนื แตล่ ะเสน้ มาตอ่ กนั และผกู เสน้ ยนื แตล่ ะเสน้ ไวด้ ว้ ยกนั เพอื่ ใหเ้ กดิ ลวดลายตาม ที่ตอ้ งการ ทำ�การแยกเสน้ ยนื ให้ขนึ้ ลงขัดกบั ดา้ ยเส้นพงุ่ โดยมหี ว่ ง หรือตะกอคลอ้ งเส้นยืน มีไม้สอดเปน็ โครงยดึ ไว้กบั โครงก่ี และโยง เข้ากับไม้เหยียบหูก ซ่ึงการยกตะกอเป็นการแยกเส้นยืนโดยการ เหยยี บหูกขนึ้ ลงขณะทอ 13

• การทอผา้ ยกนคร วิธีการทอโดยการใช้เส้นด้ายสองกลุ่มขัดกัน คือ เส้น ดา้ ยยนื และเส้นด้ายพงุ่ ตง้ั ฉากขดั กนั ลักษณะการขัดของด้ายพงุ่ และด้ายยืนจะขัดกันแบบธรรมดาที่เรียกว่า ลายขัด หรืออาจจะ เพ่มิ เทคนคิ พเิ ศษ เพื่อให้ผา้ มลี วดลายทสี่ วยงามยง่ิ ข้นึ ด้วยการขึง ด้ายเข้ากับกี่แล้วใช้กระสวย ที่บรรจุเอาหลอดด้ายใส่ไว้ในร่องของ กระสวยสำ�หรับสอดเส้นด้ายในแนวขวา (พุ่ง) การสอดก็จะต้อง สอดกลบั ไปกลบั มาอยู่เสมอเวลาสอด 1 คร้ังกต็ อ้ งเหยยี บ 1 คร้งั และใชฟ้ ืมกระทบจดั ให้เขา้ กัน เพ่อื คัดเส้นด้ายให้แนน่ แลว้ ทำ�การ ม้วนเขา้ ไปในไมม้ ว้ นผ้าให้ตงึ ท�ำ ไปเรอ่ื ยๆ จนเสร็จ 14

สสี นั ของผา้ ยกนครไมม่ กี ฏขอ้ หา้ มตายตวั ขน้ึ อยกู่ บั ความ เหมาะสมและความตอ้ งการของผสู้ วมใส่ วธิ กี ารทอผา้ ยกนครมขี น้ั ตอนทย่ี าก และสลบั ซบั ซอ้ นกวา่ การทอผา้ ยกดอกทว่ั ไป ในสว่ นของ การทอกรวยเชงิ จงึ จ�ำ เปน็ ตอ้ งใชช้ า่ งทอมากถงึ 3 คน เพราะเปน็ ผา้ ทีม่ คี วามละเอยี ด และต้องใชร้ ะยะเวลาในการผลิต ด้วยความยาก นเี้ องจงึ เปน็ สาเหตทุ เ่ี หลอื ชา่ งทอผา้ ยกนครนอ้ ยลงไปมาก จนแทบ จะหาผู้มฝี ีมอื และทอผ้าได้งดงามตามจารีตประเพณโี บราณได้ยาก มากแล้วในปัจจุบนั 15

ครวู ิไล จติ รเวช ครชู า่ งศลิ ปหตั ถกรรม ประจ�ำ ปี 2557 การอนรุ กั ษส์ ืบสานภมู ปิ ญั ญา ของงานผ้ายกนคร ผ้ายกเมืองนคร ได้ชื่อว่าเป็นหน่ึงในภูมิปัญญาผ้าทอท่ี จนเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ มีความวิจิตรงดงามทีส่ ดุ และเป็นงานช่างชนั้ สงู ท่เี กือบสูญหายไป พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงเล็งเห็นถึงปัญหาการที่ผ้ายก จากสงั คมไทย ด้วยข้อจ�ำ กดั หลากประการ โดยเฉพาะในอดตี ทผี่ ้า นคร อาจสูญหายไปจากผืนแผ่นดินถ่ินจังหวัดนครศรีธรรมราช ยกเมืองนครถือเป็นผ้าท่ีมีคุณค่า และมีราคาสูงจึงสามารถครอบ พระองค์ทรงมีพระราชเสาวณีย์ให้ฟ้ืนฟู “ผ้ายกเมืองนคร” ข้ึน ครองได้ในกลมุ่ ผ้มู ีฐานนั ดรศกั ดเ์ิ ทา่ นน้ั และเม่อื วัฒนธรรมตะวัน มาอีกครั้ง เพื่อรักษาภูมิปัญญา และมรดกทางวัฒนธรรมของ ตกหลงั่ ไหลเข้ามามีอทิ ธพิ ลในสังคมไทยมากขน้ึ ความนยิ มในการ ผ้ายกเมืองนครท่ีมีมาแต่โบราณให้คงอยู่ต่อไป อีกทั้งยังเป็นการ ใช้ผ้ายกเมืองนคร ได้เริ่มถูกกลืนกินตามกระแสโลกาภิวัฒน์ตาม เพ่ิมรายได้แก่ช่างทออีกด้วย การทอผ้ายกเมืองนคร ในจังหวัด ไปด้วย ประกอบกับ ขาดการส่งเสริมหรือสืบทอดศิลปะการทอ นครศรีธรรมราช จึงได้รับการส่งเสริม ฟื้นฟูการทออีกคร้ัง และ ผ้า รวมทง้ั กรรมวิธกี ารทอทยี่ ากใช้เวลานาน ทำ�ให้ผทู้ อคดิ ว่าจะได้ ผ้ายกเมืองนคร ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งจนสร้างช่ือเสียงให้เมือง รายได้ไม่คุ้มกับความเหน่ือยและความพยายาม ผู้ทอท่ีเหลือส่วน นครศรีธรรมราช โดดเดน่ ด้านศิลปวัฒนธรรม ด้วยการนำ�ผา้ ยก ใหญ่จึงเป็นผู้สูงอายุ ส่วนคนในวัยหนุ่มสาว มักจะหันไปประกอบ ทองแบบโบราณตามแบบฉบบั ของ ผา้ ยกเมืองนคร จากฝีมือของ อาชพี อนื่ ทมี่ รี ายไดด้ กี วา่ ท�ำ ใหค้ รง้ั หนงึ่ ผา้ ยกอนั ทรงคณุ คา่ นเ้ี กอื บ สมาชกิ ศิลปาชีพทศี่ นู ยศ์ ิลปาชีพบ้านเนินธมั มัง และสมาชศิ ิลปา จะสญู หายไปจากสงั คมไทย ชีพทศี่ นู ย์ศลิ ปาชพี บ้านตรอกแค มาเปน็ สว่ นหนึ่งของเคร่อื งแตง่ กายสำ�หรับการแสดง โขนพระราชทาน มูลนธิ สิ ง่ เสรมิ ศลิ ปาชีพฯ ท่ีมีการจัดการแสดงขึ้นทุกปี นับจนถึงในปัจจุบันนี้ นับเป็นความ ภาคภูมิใจของชาวจังหวัดนครศรีธรรมชาติ ที่นอกจากจะเป็นการ สร้างอาชีพให้กับชาวบ้านแล้ว ยังนับเป็นการฟื้นฟูและอนุรักษ์ผ้า ยกแบบโบราณแหง่ เมืองนครศรีธรรมราชให้คงอยสู่ ืบไปอีกดว้ ย 16

กลุ่มช่างทอผ้าบ้านตรอกแค อำ�เภอชะอวด จังหวัด นครศรีธรรมราช เป็นอีกกลุ่มหนึ่งท่ีได้รับพระมหากรุณาธิคุณใน สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปี หลวง ซงึ่ นอกจากชา่ งทอซง่ึ เปน็ สมาชกิ ศลิ ปาชพี ในมลู นธิ สิ ง่ เสรมิ ศิลปาชพี ในสมเด็จพระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ ทไี่ ดร้ ับ การถา่ ยทอดฝมี อื การทอผา้ ยกแบบโบราณดงั้ เดมิ แลว้ ยงั มชี า่ งทอ ในพื้นท่อี ยา่ งครวู ไิ ล จิตรเวช เปน็ อกี ผ้หู นงึ่ ที่เปน็ ก�ำ ลงั หลกั ส�ำ คญั ในการอนรุ กั ษภ์ มู ปิ ญั ญาโบราณ ถา่ ยทอดภมู ปิ ญั ญาการทอผา้ ยก เมอื งนครแกส่ มาชิกในกลุม่ ร่วมกันสบื สานต่อ 17

18

การถ่ายทอดสง่ ตอ่ ภูมปิ ัญญาเพอ่ื อนรุ กั ษส์ ืบสาน และพฒั นาสร้างสรรค์ตอ่ ยอดงานผา้ ยกนคร และดว้ ยการเลง็ เหน็ ถงึ ปญั ญาการทอผา้ ยกนคร ทกี่ �ำ ลงั จะสญู หายไปอกี ครง้ั ครวู ไิ ล จติ รเวช จงึ มงุ่ มน่ั ตงั้ ใจฟน้ื ฟภู มู ปิ ญั ญา ทก่ี �ำ ลงั จะสญู หายน้ี ใหเ้ ยาวชน คนรนุ่ ใหม่ไดเ้ หน็ ถงึ คณุ คา่ และความ สำ�คัญโดยเฉพาะการปลูกฝังเยาวชนให้เห็นการใช้ผ้าไทยในชีวิต ประจำ�วันเป็นค่านิยมที่ทันสมัย เป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษใน ท้องถ่ินที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ รักษาไว้ในพ้ืนถ่ินเมืองนครให้อยู่ ถงึ ลูกถงึ หลานสบื ตอ่ ไป 19

“ผ้ายกนครเป็นผา้ ท่ีมคี วามวจิ ติ ร งดงาม เปน็ ของสูงคา่ ทเ่ี คยสูญหายไปจากแผ่นดินไทยแลว้ ครงั้ หนง่ึ เม่ือเรามีโอกาสไดร้ ้ือฟนื้ ภูมปิ ญั ญา โบราณแขนงนข้ี น้ึ มาอีกครัง้ จึงมคี วามภาค ภมู ิใจที่จะรกั ษามรดกภูมปิ ัญญาแขนงนเ้ี อา ไว้ใหอ้ ย่คู ู่แผ่นดนิ ตลอดไป จงึ ตัง้ ม่นั สบื สาน ถ่ายทอด ส่งต่อองคค์ วามรู้ให้แก่ลกู หลาน เพือ่ สกั วันหน่งึ จะเหน็ คุณคา่ และหวงแหนผ้ายกนคร เหมอื นที่เราหวงแหนมาท้งั ชีวติ ” ครวู ิไล จติ รเวช ครชู า่ งศลิ ปหตั ถกรรม ประจ�ำ ปี 2557 20