Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางต้องรู้และควรรู้ ภายใต้สถานการณ์ Covid-19 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางต้องรู้และควรรู้ ภายใต้สถานการณ์ Covid-19 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

Description: ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางต้องรู้และควรรู้ ภายใต้สถานการณ์ Covid-19 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

Search

Read the Text Version

ตัวชี้วดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลางต้องรแู้ ละควรรู้ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สาหรบั การจัดการเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ ภายใตส้ ถานการณแ์ พร่ระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ โรงเรยี นวัดสายลาโพงใต้ สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต ๓

สารบัญ หน้า สรปุ ตัวชว้ี ดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลางต้องรแู้ ละควรรู้ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 3 1 ภาษาไทย 2 คณติ ศาสตร์ 6 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 9 สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม 14 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 20 ศลิ ปะ 22 การงานอาชพี 25 ภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ) 26

สรปุ ตัวชี้วดั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลางตอ้ งรู้และควรรู้ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั ต้องรู้ ควรรู้ หมายเหตุ ท้ังหมด ภาษาไทย คณิตศาสตร์ 31 24 7 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม 28 22 6 สขุ ศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ 25 19 7 ว 2.3 ป.3/2 เป็นท้งั ตอ้ งร้แู ละควรรู้ การงานอาชพี ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) 39 11 28 18 9 9 29 12 17 3 30 18 13 5

๒ ตัวชีว้ ดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลางต้องรู้และควรรู้ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ช้ัน ท่ี รหสั ตัวชี้วัด ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.๓ ๑ ท ๑.๑ ป.๓/๑ อำ่ นออกเสยี งคำ ข้อควำม  กำรอำ่ นออกเสยี งและกำรบอก  เร่ืองสน้ั ๆ และบทร้อยกรองง่ำย ๆ ควำมหมำยของคำ และขอ้ ควำม ไดถ้ ูกต้อง คล่องแคล่ว ทปี่ ระกอบด้วยคำพืน้ ฐำน ไม่น้อยกวำ่ ๑,๒๐๐ คำ โดยเพ่ิมคำจำก ป.2 ดังน้ี 2 ท ๑.๑ ป.๓/๒ อธิบำยควำมหมำยของคำ - คำพ้อง  และข้อควำมท่ีอำ่ น - คำพเิ ศษอืน่ ๆ เช่น คำที่ใช้ ฑ ฤฤๅ - คำที่อ่ำนได้ 2 ลกั ษณะ ทัง้ ตำมอักขรวธิ ีและตำมควำมนิยม 3 ท ๑.๑ ป.๓/๓ ต้ังคำถำมและตอบคำถำมเชิงเหตผุ ล  กำรอำ่ นจบั ใจควำมจำกสือ่ ตำ่ ง ๆ  เกี่ยวกับเรอ่ื งทีอ่ ่ำน เชน่ 4 ท ๑.๑ ป.๓/๔ ลำดบั เหตกุ ำรณ์และคำดคะเน เหตุกำรณจ์ ำกเร่อื งท่อี ่ำนโดยระบุ - ฉลำกยำและสินคำ้ เหตุผลประกอบ - นทิ ำน  5 ท ๑.๑ ป.๓/๕ สรปุ ควำมรูแ้ ละข้อคิดจำกเร่ือง ท่อี ่ำนเพอ่ื นำไปใช้ในชวี ิตประจำวัน - เรื่องเล่ำสัน้ ๆ ในท้องถนิ่ 6 ท ๑.๑ ป.๓/๖ อำ่ นหนงั สอื ตำมควำมสนใจ - ข่ำวและเหตุกำรณ์ในชีวิตประจำวัน อย่ำงสมำ่ เสมอและนำเสนอเรื่อง ทีอ่ ำ่ น - วรรณคดีและวรรณกรรม 7 ท ๑.๑ ป.๓/๗ อำ่ นข้อเขียนเชิงอธบิ ำยและปฏิบัติ ในหนังสอื เรียน  ตำมคำสง่ั หรือข้อแนะนำ - บทเรยี นจำกกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ 8 ท ๑.๑ ป.๓/๘ อธิบำยควำมหมำยของข้อมูล จำกแผนภำพ แผนท่ี และแผนภูมิ อ่ืน ๆ 9 ท ๑.๑ ป.๓/๙ มมี ำรยำทในกำรอ่ำน  กำรอ่ำนหนงั สือตำมควำมสนใจ เชน่  - หนังสอื ที่นักเรยี นสนใจและ เหมำะสมกบั วัย - หนังสือที่ครแู ละนักเรยี นกำหนด ร่วมกนั  กำรอำ่ นข้อเขียนเชงิ อธิบำยและ  ปฏิบัติตำมคำสง่ั หรือขอ้ แนะนำ - คำแนะนำต่ำง ๆ ในชีวิตประจำวนั - ประกำศ ป้ำยโฆษณำ และคำขวญั  กำรอ่ำนข้อมลู จำกแผนภำพ แผนที่  และแผนภูมิ  มำรยำทในกำรอำ่ น เช่น  - ไม่อ่ำนเสียงดังรบกวนผอู้ นื่ - ไม่เลน่ กันขณะท่อี ำ่ น - ไมท่ ำลำยหนงั สอื - ไมค่ วรแย่งอำ่ น หรอื ชะโงกหนำ้ ไปอ่ำนขณะที่ผ้อู ่นื กำลงั อ่ำน 10 ท ๒.๑ ป.๓/๑ คดั ลำยมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทัด  กำรคดั ลำยมือตวั บรรจงเตม็ บรรทดั  ตำมรูปแบบกำรเขยี นตัวอักษรไทย สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๓ ชนั้ ที่ รหัสตัวชี้วัด ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 11 ท ๒.๑ ป.๓/๒ เขียนบรรยำยเกี่ยวกบั สิ่งใดสง่ิ หนง่ึ  กำรเขียนบรรยำยสั้น ๆ  ไดอ้ ยำ่ งชดั เจน  กำรเขียนสะกดคำพืน้ ฐำน ไม่นอ้ ยกวำ่ 1,200 คำ 12 ท ๒.๑ ป.๓/๓ เขียนบนั ทกึ ประจำวัน  กำรเขยี นบนั ทึกประจำวัน  13 ท ๒.๑ ป.๓/๔ เขยี นจดหมำยลำครู  กำรเขียนจดหมำยลำครู  14 ท ๒.๑ ป.๓/๕ เขยี นเร่อื งตำมจนิ ตนำกำร  กำรเขียนเร่ืองตำมจนิ ตนำกำร  อยำ่ งสั้น ๆ 15 ท ๒.๑ ป.๓/๖ มีมำรยำทในกำรเขียน  มำรยำทในกำรเขียน เชน่  - เขียนใหอ้ ่ำนงำ่ ย สะอำด ไม่ขีดฆ่ำ - ไม่ขีดเขยี นในท่ีสำธำรณะ - ใชภ้ ำษำเขียนเหมำะสมกบั เวลำ สถำนท่ี และบุคคล - ไม่เขียนล้อเลยี นผู้อ่ืนหรือทำให้ ผู้อน่ื เสียหำย 16 ท ๓.๑ ป.๓/๑ เล่ำรำยละเอียดเกยี่ วกับเรื่องท่ีฟังและดู  กำรจับใจควำม และพูดแสดง  ทง้ั ที่เป็นควำมร้แู ละควำมบันเทงิ ควำมคดิ เหน็ ควำมรู้สึกจำกเร่ือง 17 ท ๓.๑ ป.๓/๒ บอกสำระสำคัญจำกกำรฟังและกำรดู ที่ฟังและดู ท้งั ท่ีเปน็ ควำมรู้และ  ควำมบันเทงิ เชน่ - สำรคดสี ำหรบั เดก็ 18 ท ๓.๑ ป.๓/๓ ตั้งคำถำมและตอบคำถำมเก่ียวกบั - ขำ่ วและเหตุกำรณ์ในชีวติ ประจำวนั  เรื่องท่ีฟังและดู 19 ท ๓.๑ ป.๓/๔ พูดแสดงควำมคดิ เหน็ และควำมร้สู กึ  จำกเร่ืองทีฟ่ งั และดู 20 ท ๓.๑ ป.๓/๕ พดู สื่อสำรไดช้ ัดเจนตรงตำมวตั ถปุ ระสงค์  กำรพูดส่ือสำรในชวี ติ ประจำวัน เชน่  - กำรพดู แนะนำสถำนท่ี - กำรพดู โน้มนำ้ วใจอย่ำงสนั้ ๆ 21 ท ๓.๑ ป.๓/๖ มมี ำรยำทในกำรฟัง กำรดู  มำรยำทในกำรฟัง เชน่  และกำรพดู - ต้งั ใจฟงั ตำมองผู้พูด - ไมร่ บกวนผูอ้ นื่ ขณะที่ฟัง - ไมค่ วรนำอำหำร หรือเครื่องด่ืม ไปรับประทำนขณะท่ีฟัง - ไม่แสดงกิรยิ ำที่ไมเ่ หมำะสม เช่น โห่ ฮำ หำว - ใหเ้ กียรตผิ พู้ ูดดว้ ยกำรปรบมือ - ไมพ่ ดู สอดแทรกขณะทฟ่ี งั  มำรยำทในกำรดู เช่น - ตง้ั ใจดู - ไม่ส่งเสียงดงั หรือแสดงอำกำร รบกวนสมำธขิ องผู้อื่น สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๔ ชน้ั ท่ี รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3  มำรยำทในกำรพูด เชน่ - ใช้ถ้อยคำและกริ ิยำทส่ี ุภำพ เหมำะสมกับกำลเทศะ - ใช้น้ำเสยี งนุ่มนวล - ไมพ่ ดู สอดแทรกในขณะที่ผู้อืน่ กำลงั พดู - ไมพ่ ดู ล้อเลียนให้ผูอ้ นื่ ได้รบั ควำมอับอำย หรือเสยี หำย 22 ท ๔.๑ ป.๓/๑ เขยี นสะกดคำและบอกควำมหมำย  ทบทวนหลักกำรใชภ้ ำษำไทย  ของคำ ช้นั ป.2 และเรยี นรู้เพ่มิ เตมิ เรอื่ งต่อไปน้ี - หลักกำรอ่ำนและเขยี น คำท่ีประวสิ รรชนยี ์ และ คำทีไ่ ม่ประวิสรรชนีย์ - หลกั กำรอ่ำนและเขยี นคำทม่ี ี ฑ ฤ ฤำ - หลกั กำรอ่ำนและเขียนคำทม่ี ี บนั บรร - หลกั กำรอ่ำนและเขยี นคำท่ใี ช้ รร - หลักกำรอำ่ นและเขียนคำ ท่มี ีตัวกำรันต์ - คำที่อ่ำนได้ 2 ลักษณะ ทั้งตำมอักขรวธิ ีและตำมควำมนยิ ม - คำพ้อง 23 ท ๔.๑ ป.๓/๒ ระบุชนิดและหนำ้ ทข่ี องคำในประโยค  ชนดิ และหน้ำที่ของคำ ได้แก่  - คำนำม - คำสรรพนำม - คำกรยิ ำ 24 ท ๔.๑ ป.๓/๓ ใช้พจนำนุกรมค้นหำควำมหมำยของคำ  กำรใช้พจนำนุกรม  25 ท ๔.๑ ป.๓/๔ แต่งประโยคง่ำย ๆ  กำรแต่งประโยคเพ่ือกำรสอ่ื สำร  ไดแ้ ก่ - ประโยคบอกเลำ่ - ประโยคปฏิเสธ - ประโยคคำถำม - ประโยคขอร้อง - ประโยคคำส่ัง สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๕ ชั้น ที่ รหัสตัวชี้วดั ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.3 26 ท ๔.๑ ป.๓/๕ แตง่ คำคลอ้ งจองและคำขวญั  คำคล้องจอง   กำรแตง่ คำขวัญ 27 ท ๔.๑ ป.๓/๖ เลอื กใชภ้ ำษำไทยมำตรฐำนและ  ภำษำไทยมำตรฐำน  ภำษำถนิ่ ได้เหมำะสมกบั กำลเทศะ  ภำษำถ่ิน 28 ท ๕.๑ ป.๓/๑ ระบุข้อคิดที่ไดจ้ ำกกำรอ่ำนวรรณกรรม  วรรณคดแี ละวรรณกรรม  เพ่ือนำไปใช้ในชีวติ ประจำวัน - นิทำนพืน้ บำ้ น 29 ท ๕.๑ ป.๓/๒ รจู้ กั เพลงพืน้ บำ้ นและเพลงกล่อมเด็ก - ปริศนำคำทำย  เพื่อปลูกฝังควำมชืน่ ชมวัฒนธรรมทอ้ งถิ่น - บทรอ้ ยกรองที่มีคณุ ค่ำ 30 ท ๕.๑ ป.๓/๓ แสดงควำมคิดเหน็ เกย่ี วกบั วรรณคดี - เพลงพ้ืนบ้ำน หรอื เพลงกลอ่ มเดก็  ทีอ่ ่ำน ทม่ี คี ณุ ค่ำ 31 ท ๕.๑ ป.๓/๔ ทอ่ งจำบทอำขยำนตำมทกี่ ำหนดและ - บทอำขยำน  บทรอ้ ยกรองที่มคี ุณค่ำตำมควำมสนใจ - วรรณคดีและวรรณกรรมในบทเรียน รวม ๓๑ ตัวชี้วดั ๒4 7 สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๖ ตัวชีว้ ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลางต้องรแู้ ละควรรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ชนั้ ที่ รหัสตวั ชี้วัด ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.3 1 ค 1.1 ป.3/1 อำ่ นและเขยี น ตัวเลขฮินดูอำรบิก จานวนนบั ไมเ่ กิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐  ตวั เลขไทย และตัวหนังสอื แสดง - กำรอำ่ น กำรเขยี นตวั เลขฮินดอู ำรบิก จำนวนนบั ไมเ่ กิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ตวั เลขไทย และตัวหนังสอื แสดงจำนวน 2 ค 1.1 ป.3/2 เปรยี บเทยี บและเรียงลำดบั - หลกั ค่ำของเลขโดดในแต่ละหลกั และ  จำนวนนบั ไมเ่ กนิ ๑๐๐,๐๐๐ กำรเขียนตวั เลขแสดงจำนวนในรปู กระจำย จำกสถำนกำรณต์ ำ่ ง ๆ - กำรเปรียบเทียบและเรียงลำดบั จำนวน 3 ค 1.1 ป.3/3 บอก อ่ำน และเขียนเศษส่วน เศษส่วน  แสดงปริมำณสิ่งต่ำง ๆ และแสดง - เศษส่วนทตี่ ัวเศษน้อยกวำ่ หรือเท่ำกบั ส่ิงตำ่ ง ๆตำมเศษส่วนท่กี ำหนด ตัวส่วน 4 ค 1.1 ป.3/4 เปรียบเทียบเศษส่วนท่ีตวั เศษ - กำรเปรียบเทียบและเรยี งลำดับเศษสว่ น  เท่ำกันโดยท่ีตวั เศษนอ้ ยกวำ่ หรอื เทำ่ กบั ตวั ส่วน 5 ค 1.1 ป.3/5 หำคำ่ ของตัวไม่ทรำบค่ำ การบวก การลบ การคูณ การหาร  ในประโยคสัญลกั ษณ์ แสดง จานวนนบั ไมเ่ กนิ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ กำรบวกและประโยคสัญลกั ษณ์ - กำรบวกและกำรลบ แสดงกำรลบของจำนวนนับ - กำรคูณ กำรหำรยำวและกำรหำรสน้ั ไมเ่ กนิ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ - กำรบวก ลบ คณู หำรระคน 6 ค 1.1 ป.3/6 หำคำ่ ของตัวไม่ทรำบค่ำ - กำรแก้โจทยป์ ญั หำและกำรสร้ำงโจทย์  ในประโยคสัญลักษณ์ แสดง ปญั หำ พรอ้ มทั้งหำคำตอบ กำรคณู ของจำนวน ๑ หลกั กบั จำนวนไม่เกนิ ๔ หลักและ จำนวน ๒ หลกั กบั จำนวน ๒ หลัก 7 ค 1.1 ป.3/7 หำค่ำของตัวไม่ทรำบค่ำ  ในประโยคสญั ลกั ษณ์ แสดง กำรหำรทีต่ ัวตงั้ ไมเ่ กิน ๔ หลัก ตัวหำร ๑ หลกั 8 ค 1.1 ป.3/8 หำผลลัพธก์ ำรบวก ลบ คณู  หำรระคนของจำนวนนบั ไมเ่ กิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ 9 ค 1.1 ป.3/9 แสดงวิธีหำคำตอบของโจทย์  ปัญหำ 2 ข้นั ตอนของจำนวนนบั ไมเ่ กนิ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ 10 ค 1.1 ป.3/10 หำผลบวกของเศษสว่ นทมี่ ตี ัวสว่ น การบวก การลบเศษส่วน  เทำ่ กนั และผลบวกไม่เกิน ๑ และ - กำรบวกและกำรลบเศษสว่ น หำผลลบของเศษส่วนทมี่ ตี วั สว่ น - กำรแก้โจทยป์ ญั หำกำรบวกและโจทย์ เท่ำกนั ปญั หำกำรลบเศษส่วน สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน ร่วมกับ สถำบนั ส่งเสริมกำรสอนวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๗ ชน้ั ท่ี รหสั ตัวชี้วัด ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.3 11 ค 1.1 ป.3/11 แสดงวธิ หี ำคำตอบของโจทย์  ปัญหำกำรบวกเศษสว่ นทีม่ ีตัวสว่ น เทำ่ กนั และผลบวกไมเ่ กิน ๑ และโจทยป์ ัญหำกำรลบเศษส่วน ท่มี ีตัวสว่ นเทำ่ กนั 12 ค 1.2 ป.3/1 ระบุจำนวนท่ีหำยไปในแบบรูป แบบรูป  ของจำนวนท่ีเพิ่มขน้ึ หรอื ลดลง - แบบรปู ของจำนวนที่เพม่ิ ข้ึนหรอื ลดลง ทลี ะเทำ่ ๆ กัน ทีละเท่ำ ๆ กัน 13 ค 2.1 ป.3/1 แสดงวธิ ีหำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ เงนิ  เกี่ยวกับเงิน - กำรบอกจำนวนเงินและเขียนแสดง 14 ค 2.1 ป.3/2 แสดงวธิ ีหำคำตอบของโจทย์ปญั หำ จำนวนเงิน แบบใชจ้ ุด  เกย่ี วกบั เวลำ และระยะเวลำ - กำรเปรียบเทียบจำนวนเงนิ และ กำรแลกเงนิ - กำรอำ่ นและเขยี นบนั ทึกรำยรบั รำยจ่ำย - กำรแก้โจทย์ปญั หำเกย่ี วกบั เงนิ เวลา - กำรบอกเวลำเป็นนำฬกิ ำและนำที - กำรเขยี นบอกเวลำโดยใชม้ หพั ภำค (.) หรอื ทวภิ ำค (:) และกำรอ่ำน - กำรบอกระยะเวลำเป็นชว่ั โมงและนำที - กำรเปรียบเทียบระยะเวลำโดยใช้ ควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงชัว่ โมงกับนำที - กำรอ่ำนและกำรเขยี นบันทึกกิจกรรม ท่รี ะบเุ วลำ - กำรแก้โจทย์ปญั หำเก่ียวกบั เวลำและ ระยะเวลำ 15 ค 2.1 ป.3/3 เลอื กใช้เครื่องวัดควำมยำว ความยาว  ทเี่ หมำะะสมวัดและบอกควำมยำว - กำรวดั ควำมยำวเป็นเซนติเมตรและ ของสงิ่ ตำ่ ง ๆ เป็นเซนตเิ มตรและ มลิ ลเิ มตร เมตรและเซนติเมตรกโิ ลเมตร มลิ ลิเมตร เมตรและเซนตเิ มตร และเมตร 16 ค 2.1 ป.3/4 คำดคะเนควำมยำวเป็นเมตรและ - กำรเลือกเคร่ืองวัดควำมยำวท่ีเหมำะสม  เปน็ เซนติเมตร - กำรคำดคะเนควำมยำวเปน็ เมตรและ 17 ค 2.1 ป.3/5 เปรียบเทียบควำมยำวระหวำ่ ง เป็นเซนติเมตร  เซนติเมตรกบั มิลลเิ มตร เมตรกับ - กำรเปรยี บเทียบควำมยำวโดยใช้ เซนติเมตร กิโลเมตรกบั เมตร ควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งหน่วยควำมยำว - กำรแกโ้ จทย์ปญั หำเกีย่ วกับควำมยำว จำกสถำนกำรณต์ ่ำง ๆ สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พ้นื ฐำน รว่ มกบั สถำบนั สง่ เสรมิ กำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘ ชั้น ที่ รหสั ตัวช้ีวัด ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 18 ค 2.1 ป.3/6 แสดงวิธหี ำคำตอบของโจทย์  ปัญหำเกย่ี วกับควำมยำว ทีม่ ีหนว่ ยเปน็ เซนติเมตรและ มลิ ลิเมตร เมตรและเซนติเมตร และมลิ ลิเมตร เมตรและ เซนติเมตร 19 ค 2.1 ป.3/7 เลือกใชเ้ ครื่องชัง่ ทีเ่ หมำะะสม น้าหนัก  วัดและบอกน้ำหนักเป็นกโิ ลกรมั - กำรเลือกเครอื่ งช่งั ที่เหมำะะสม และขีด กโิ ลกรัมและกรัม - กำรคำดคะเนนำ้ หนกั เป็นกโิ ลกรัมและ 20 ค 2.1 ป.3/8 คำดคะเนนำ้ หนักเป็นกโิ ลกรัม เปน็ ขีด - กำรเปรียบเทียบนำ้ หนักโดยใช้  และเป็นขีด ควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำงกโิ ลกรมั กับกรัม  21 ค 2.1 ป.3/9 เปรยี บเทียบนำ้ หนกั ระหวำ่ ง กิโลกรัมกบั กรัมเมตริกตนั กับ เมตริกตันกับกโิ ลกรมั กโิ ลกรัม จำกสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ - กำรแก้โจทยป์ ัญหำเก่ยี วกบั น้ำหนัก 22 ค 2.1 ป.3/10 แสดงวิธหี ำคำตอบของโจทย์  ปญั หำเกี่ยวกับนำ้ หนักท่ีมีหน่วย เป็นกโิ ลกรมั กบั กรัม เมตริกตันกบั กิโลกรัม 23 ค 2.1 ป.3/11 เลอื กใช้เคร่ืองตวงท่ีเหมำะะสม ปรมิ าตรและความจุ  วดั และเปรียบเทยี บปรมิ ำตร - กำรวัดปรมิ ำตรและควำมจเุ ป็นลติ รและ ควำมจุเปน็ ลติ รและมิลลิลติ ร มิลลลิ ิตร 24 ค 2.1 ป.3/12 คำดคะเนปรมิ ำตรและควำมจุ - กำรเลือกเครื่องตวงท่เี หมำะะสม - กำรคำดคะเนปริมำตรและควำมจุเป็นลิตร  เปน็ ลิตร 25 ค 2.1 ป.3/13 แสดงวธิ ีหำคำตอบของโจทย์ - กำรเปรยี บเทียบปริมำตรและควำมจุ  ปญั หำเก่ยี วกบั ปรมิ ำตรและ โดยใช้ควำมสมั พันธ์ระหว่ำงลิตรกับ ควำมจุทม่ี ีหนว่ ยเปน็ ลิตรและ มลิ ลิลติ รชอ้ นชำ ช้อนโตะ๊ ถ้วยตวงกับ มิลลิลิตร มิลลิลติ ร - กำรแก้โจทยป์ ัญหำเกีย่ วกับปรมิ ำตรและ ควำมจทุ ี่มีหน่วยเปน็ ลติ รและมิลลิลิตร 26 ค 2.2 ป.3/1 ระบรุ ปู เรขำคณิตสองมิติที่มีแกน รปู เรขาคณติ สองมติ ิ  สมมำตรและจำนวนแกนสมมำตร - รูปทีม่ แี กนสมมำตร 27 ค 3.1 ป.3/1 เขยี นแผนภมู ริ ูปภำพ และใช้ข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมูลและการนาเสนอ  จำกแผนภูมิรูปภำพในกำรหำ ขอ้ มูล คำตอบของโจทย์ปญั หำ - กำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และจำแนกข้อมลู 28 ค 3.1 ป.3/2 เขียนตำรำงทำงเดยี วจำกข้อมูล - กำรอ่ำนและกำรเขียนแผนภมู ิรูปภำพ ที่เป็นจำนวนนบั และใช้ข้อมูล - กำรอ่ำนและกำรเขยี นตำรำงทำงเดียว  จำกตำรำงทำงเดยี วในกำรหำ (one - way table) คำตอบของโจทย์ปัญหำ รวม 28 ตัวช้วี ัด ๒2 6 สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพนื้ ฐำน รว่ มกบั สถำบนั ส่งเสรมิ กำรสอนวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลางต้องรู้และควรรู้ ๙ กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ชัน้ ท่ี รหสั ตวั ชี้วดั ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 1 ว 1.2 ป.3/1 บรรยำยสง่ิ ท่ีจำเปน็ ต่อกำร • มนุษย์และสัตวต์ ้องกำรอำหำร นำ้  ดำรงชีวติ และกำรเจรญิ เตบิ โต และอำกำศ เพอ่ื กำรดำรงชวี ิตและ ของมนษุ ย์และสตั ว์ โดยใช้ขอ้ มูลท่ี กำรเจรญิ เตบิ โต รวบรวมได้ • อำหำรชว่ ยใหร้ ำ่ งกำยแข็งแรงและ 2 ว 1.2 ป.3/2 ตระหนักถึงประโยชน์ของอำหำร เจริญเตบิ โต นำ้ ช่วยใหร้ ่ำงกำยทำงำนได้  นำ้ และอำกำศ โดยกำรดูแลตนเอง อยำ่ งปกติ อำกำศใช้ในกำรหำยใจ และสตั วใ์ หไ้ ดร้ ับส่งิ เหลำ่ น้ี อยำ่ งเหมำะสม 3 ว 1.2 ป.3/3 สรำ้ งแบบจำลองที่บรรยำย • สตั วเ์ มอ่ื เป็นตัวเตม็ วยั จะสืบพันธ์ุมีลูก  วัฏจักรชีวติ ของสัตวแ์ ละปรียบ เมอ่ื ลกู เจรญิ เตบิ โตเปน็ ตวั เตม็ วัยก็สบื พนั ธ์ุ เทียบวัฏจักรชีวิตของสตั ว์บำงชนิด มลี กู ตอ่ ไปไดอ้ ีก หมนุ เวยี นต่อเน่อื ง 4 ว 1.2 ป.3/4 ตระหนกั ถึงคุณค่ำของชีวติ สตั ว์ เป็นวฏั จกั รชีวิตของสัตว์ซึ่งสตั ว์แตล่ ะชนดิ  โดยไมท่ ำใหว้ ฏั จักรชวี ติ ของสัตว์ เช่น ผเี ส้อื กบ ไก่ มนุษย์ จะมีวัฏจกั รชีวิต ท่เี ฉพำะและแตกต่ำงกัน เปลยี่ นแปลง 5 ว 2.1 ป.3/1 อธิบำยว่ำวตั ถุประกอบขนึ้ จำก • วัตถุอำจทำจำกชิ้นส่วนย่อย ๆ ซ่ึงแต่ละชน้ิ  ชิน้ สว่ นยอ่ ย ๆ ซงึ่ สำมำรถ มลี ักษณะเหมือนกันมำประกอบเข้ำด้วยกัน แยกออกจำกกันไดแ้ ละประกอบกนั เมื่อแยกช้นิ สว่ นยอ่ ย ๆ แตล่ ะช้ินของวัตถุ เปน็ วตั ถุชน้ิ ใหม่ได้ โดยใช้หลักฐำน ออกจำกกนั สำมำรถนำชนิ้ ส่วนเหลำ่ นน้ั เชงิ ประจกั ษ์ มำประกอบเปน็ วตั ถชุ ้ินใหม่ได้ เช่น กำแพงบำ้ นมีก้อนอฐิ หลำย ๆ ก้อน ประกอบเขำ้ ดว้ ยกัน และสำมำรถนำ ก้อนอฐิ จำกกำแพงบำ้ นมำประกอบเปน็ พ้ืนทำงเดนิ ได้ 6 ว 2.1 ป.3/2 อธิบำยกำรเปล่ยี นแปลงของวสั ดุ • เม่ือใหค้ วำมร้อนหรอื ทำให้วัสดรุ ้อนข้ึน  เมื่อทำใหร้ อ้ นขึ้นหรือทำให้เย็นลง และเมื่อลดควำมร้อนหรือทำใหว้ ัสดุเย็นลง โดยใชห้ ลกั ฐำนเชิงประจกั ษ์ วสั ดุจะเกิดกำรเปลย่ี นแปลงได้ เช่น สเี ปล่ยี น รปู รำ่ งเปล่ยี น 7 ว 2.2 ป.3/1 ระบุผลของแรงท่ีมตี อ่ • กำรดึงหรอื กำรผลกั เป็นกำรออกแรง  กำรเปล่ียนแปลงกำรเคล่อื นที่ กระทำต่อวตั ถุ แรงมีผลตอ่ กำรเคลอื่ นท่ี ของวัตถจุ ำกหลักฐำนเชงิ ของวตั ถุ แรงอำจทำใหว้ ัตถุเกิดกำรเคลอ่ื นที่ ประจักษ์ โดยเปล่ยี นตำแหนง่ จำกท่ีหนึ่งไปยังอกี ทห่ี นงึ่ • กำรเปลย่ี นแปลงกำรเคล่ือนทขี่ องวตั ถุ ได้แก่ วตั ถุทอี่ ยนู่ ิ่งเปล่ียนเป็นเคล่อื นที่ วตั ถุที่กำลังเคลอื่ นที่เปลย่ี นเป็นเคลื่อนที่ เร็วขึน้ หรือชำ้ ลงหรอื หยดุ น่ิง หรือเปลีย่ น ทศิ ทำงกำรเคลื่อนที่ สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พนื้ ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๑๐ ช้นั ที่ รหสั ตัวช้ีวัด ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้  ป.3 8 ว 2.2 ป.3/2 เปรียบเทียบและยกตวั อย่ำง • กำรดึงหรอื กำรผลักเป็นกำรออกแรง แรงสมั ผสั และแรงไมส่ ัมผัส ทเ่ี กดิ จำกวัตถุหน่ึงกระทำกบั อกี วัตถหุ น่งึ ที่มผี ลตอ่ กำรเคลือ่ นที่ของวตั ถุ โดยวัตถุทง้ั สองอำจสัมผัสหรือไม่ต้อง โดยใช้หลกั ฐำนเชงิ ประจกั ษ์ สัมผัสกัน เชน่ กำรออกแรงโดยใช้มอื ดึง หรือกำรผลักโต๊ะให้เคลื่อนท่ี เปน็ กำร ออกแรงทีว่ ัตถุต้องสัมผสั กนั แรงนี้จงึ เปน็ แรงสัมผัส ส่วนกำรที่แม่เหลก็ ดงึ ดดู หรือ ผลกั ระหว่ำงแมเ่ หล็กเป็นแรงทเี่ กิดขึ้น โดยแมเ่ หลก็ ไม่จำเป็นตอ้ งสัมผสั กัน แรงแม่เหลก็ น้จี งึ เปน็ แรงไมส่ ัมผัส 9 ว 2.2 ป.3/3 จำแนกวัตถโุ ดยใชก้ ำรดึงดูดกับ • แมเ่ หลก็ สำมำรถดึงดูดสำรแม่เหล็กได้  แม่เหลก็ เป็นเกณฑจ์ ำกหลกั ฐำน • แรงแม่เหลก็ เป็นแรงทเ่ี กิดขึ้นระหว่ำง เชิงประจกั ษ์ แมเ่ หลก็ กบั สำรแมเ่ หลก็ หรอื แมเ่ หล็กกบั 10 ว 2.2 ป.3/4 ระบุข้วั แม่เหล็กและพยำกรณ์ แม่เหลก็ แม่เหลก็ มี ๒ ขว้ั คือ ข้ัวเหนอื  ผลทเ่ี กดิ ข้ึนระหวำ่ งขว้ั แม่เหล็ก และข้วั ใต้ขั้ว แม่เหลก็ ชนิดเดียวกัน เมื่อนำมำเข้ำใกลก้ ันจำกหลักฐำน จะผลกั กัน ต่ำงชนดิ กันจะดึงดูดกนั เชิงประจกั ษ์ 11 ว 2.3 ป.3/1 ยกตัวอยำ่ งกำรเปลี่ยนพลังงำนหน่งึ • พลังงำนเปน็ ปรมิ ำณทแี่ สดงถึงควำมสำมำรถ  ไปเป็นอีกพลังงำนหนึง่ ในกำรทำงำน พลังงำนมีหลำยแบบ เช่น จำกหลกั ฐำนเชิงประจักษ์ พลังงำนกล พลังงำนไฟฟ้ำ พลงั งำนแสง พลังงำนเสยี ง และพลังงำนควำมร้อน โดย พลงั งำนสำมำรถเปลย่ี นจำกพลังงำนหน่ึง ไปเปน็ อีกพลงั งำนหนง่ึ ได้ เชน่ กำรถูมือ จนรสู้ กึ รอ้ นเปน็ กำรเปลย่ี นพลงั งำนกล เปน็ พลงั งำนควำมร้อน แผงเซลลส์ ุริยะ เปล่ียนพลงั งำนแสงเปน็ พลังงำนไฟฟ้ำ หรอื เครอ่ื งใชไ้ ฟฟำ้ เปล่ียนพลังงำนไฟฟำ้ เปน็ พลงั งำนอ่นื 12 ว 2.3 ป.3/2 บรรยำยกำรทำงำนของ • ไฟฟ้ำผลติ จำกเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้ำ ซ่ึงใช้   เคร่ืองกำเนิดไฟฟำ้ และระบุ พลงั งำนจำกแหลง่ พลังงำนธรรมชำติ แหล่งพลังงำนในกำรผลิตไฟฟ้ำ หลำยแหล่ง เชน่ พลังงำนจำกลม พลังงำน จำกข้อมลู ท่รี วบรวมได้ จำกน้ำ พลงั งำนจำกแก๊สธรรมชำติ 13 ว 2.3 ป.3/3 ตระหนกั ในประโยชน์และโทษ • พลงั งำนไฟฟำ้ มีควำมสำคัญต่อชีวิตประจำวัน  ของไฟฟำ้ โดยนำเสนอวิธีกำรใช้ กำรใช้ไฟฟำ้ นอกจำกต้องใช้อย่ำงถูกวธิ ี ไฟฟ้ำอย่ำงประหยัด และปลอดภัย ประหยัดและคมุ้ ค่ำแล้ว ยงั ต้องคำนงึ ถึง ควำมปลอดภัยดว้ ย 14 ว 3.1 ป.3/1 อธิบำยแบบรูปเส้นทำงกำรขึ้น • คนบนโลกมองเห็นดวงอำทิตย์ปรำกฏขนึ้  และตกของดวงอำทติ ย์ ทำงด้ำนหน่ึงและตกทำงอีกด้ำนหนึ่งทุกวนั โดยใช้หลกั ฐำนเชงิ ประจกั ษ์ หมนุ เวียนเป็นแบบรปู ซ้ำ ๆ • โลกกลมและหมุนรอบตัวเองขณะโคจร รอบดวงอำทิตย์ ทำใหบ้ รเิ วณของโลก สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พ้นื ฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๑๑ ชั้น ที่ รหัสตวั ชี้วดั ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.3 15 ว 3.1 ป.3/2 อธบิ ำยสำเหตุกำรเกดิ ไดร้ บั แสงอำทิตยไ์ มพ่ ร้อมกัน โลกดำ้ นท่ไี ดร้ ับ  ปรำกฏกำรณ์กำรขึน้ และตก แสงจำกดวงอำทติ ยจ์ ะเปน็ กลำงวนั ของดวงอำทิตย์ กำรเกิดกลำงวัน สว่ นดำ้ นตรงข้ำมที่ไม่ไดร้ บั แสงจะเปน็ กลำงคืนและกำรกำหนดทิศ กลำงคนื นอกจำกน้ีคนบนโลกจะมองเหน็ โดยใช้แบบจำลอง ดวงอำทิตย์ปรำกฏข้นึ ทำงด้ำนหนง่ึ 16 ว 3.1 ป.3/3 ตระหนกั ถึงควำมสำคญั ของ ซึง่ กำหนดใหเ้ ป็นทศิ ตะวันออก และ  ดวงอำทติ ย์ โดยบรรยำยประโยชน์ มองเห็นดวงอำทติ ย์ตกทำงอีกด้ำนหน่งึ ของดวงอำทติ ย์ตอ่ สิ่งมีชวี ติ ซง่ึ กำหนดใหเ้ ป็นทิศตะวันตกและเม่ือให้ ด้ำนขวำมอื อยู่ทำงทิศตะวนั ออก ดำ้ นซ้ำยมืออยู่ทำงทิศตะวนั ตก ด้ำนหนำ้ จะเปน็ ทิศเหนือ และดำ้ นหลงั จะเป็นทศิ ใต้ • ในเวลำกลำงวันโลกจะได้รบั พลังงำนแสง และพลงั งำนควำมร้อนจำกดวงอำทติ ย์ ทำใหส้ ่งิ มีชวี ิตดำรงชวี ิตอยู่ได้ 17 ว 3.2 ป.3/1 ระบุสว่ นประกอบของอำกำศ • อำกำศโดยท่ัวไปไมม่ ีสี ไม่มีกล่นิ  บรรยำยควำมสำคญั ของอำกำศ ประกอบด้วยแกส๊ ไนโตรเจน แกส๊ ออกซิเจน และผลกระทบของมลพษิ แก๊สคำรบ์ อนไดออกไซด์ แกส๊ อน่ื ๆ ทำงอำกำศตอ่ สิ่งมชี ีวติ จำกข้อมูล รวมทั้งไอนำ้ และฝนุ่ ละออง อำกำศ ทีร่ วบรวมได้ มคี วำมสำคญั ต่อส่งิ มีชีวติ หำกส่วนประกอบ 18 ว 3.2 ป.3/2 ตระหนกั ถงึ ควำมสำคัญของอำกำศ ของอำกำศไม่เหมำะสม เนื่องจำกมีแก๊ส  โดยนำเสนอแนวทำงกำรปฏิบัติ บำงชนดิ หรอื ฝนุ่ ละอองในปริมำณมำก อำจเป็นอนั ตรำยต่อส่งิ มชี วี ติ ชนดิ ตำ่ ง ๆ ตนในกำรลดกำรเกิดมลพิษ จดั เป็นมลพษิ ทำงอำกำศ ทำงอำกำศ • แนวทำงกำรปฏบิ ตั ติ นเพื่อลดกำรปล่อย มลพษิ ทำงอำกำศ เชน่ ใช้พำหนะรว่ มกัน หรอื เลอื กใชเ้ ทคโนโลยที ี่ลดมลพิษทำงอำกำศ 19 ว 3.2 ป.3/3 อธบิ ำยกำรเกดิ ลม จำกหลกั ฐำน • ลม คอื อำกำศทเ่ี คลือ่ นที่ เกิดจำก  เชิงประจกั ษ์ ควำมแตกต่ำงกนั ของอณุ หภมู ิอำกำศบริเวณ ทอ่ี ยู่ใกล้กัน โดยอำกำศบรเิ วณท่ีมีอุณหภูมิสูง จะลอยตวั สูงขึ้น และอำกำศบรเิ วณทม่ี ี อณุ หภมู ติ ่ำกว่ำจะเคลื่อนเข้ำไปแทนท่ี 20 ว 3.2 ป.3/4 บรรยำยประโยชน์และโทษของลม • ลมสำมำรถนำมำใชเ้ ป็นแหล่งพลังงำน  จำกข้อมลู ที่รวบรวมได้ ทดแทนในกำรผลิตไฟฟ้ำ และนำไปใช้ ประโยชน์ในกำรทำกจิ กรรมต่ำง ๆ ของ มนษุ ย์ หำกลมเคล่ือนที่ด้วยควำมเรว็ สูง อำจทำให้เกิดอนั ตรำยและควำมเสียหำย ต่อชวี ิตและทรัพย์สนิ ได้ สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพน้ื ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

๑๒ ชน้ั ท่ี รหัสตวั ชี้วดั ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 21 ว 4.2 ป.3/1 แสดงอลั กอริทึมในกำรทำงำน • อลั กอรทิ มึ เปน็ ขน้ั ตอนที่ใช้ในกำรแก้ปัญหำ  หรอื กำรแกป้ ัญหำอย่ำงงำ่ ย • กำรแสดงอัลกอริทึม ทำได้โดยกำรเขียน โดยใชภ้ ำพ สัญลกั ษณ์ หรือ บอกเล่ำ วำดภำพ หรือใช้สญั ลกั ษณ์ ข้อควำม • ตัวอย่ำงปัญหำ เช่น เกมเศรษฐี เกมบันไดงู เกม Tetris เกม OX กำรเดิน ไปโรงอำหำร กำรทำควำมสะอำดหอ้ งเรยี น 22 ว 4.2 ป.3/2 เขียนโปรแกรมอย่ำงงำ่ ย โดยใช้ • กำรเขียนโปรแกรมเป็นกำรสร้ำงลำดับ  ซอฟตแ์ วร์หรือส่อื และตรวจหำ ของคำสง่ั ให้คอมพวิ เตอร์ทำงำน ข้อผิดพลำดของโปรแกรม • ตัวอย่ำงโปรแกรม เชน่ เขียนโปรแกรม ทสี่ ่ังใหต้ วั ละครทำงำนซำ้ ไม่สิ้นสดุ • กำรตรวจหำขอ้ ผดิ พลำด ทำไดโ้ ดย ตรวจสอบคำส่งั ทแ่ี จง้ ขอ้ ผิดพลำด หรือ หำกผลลัพธ์ไมเ่ ปน็ ไปตำมทต่ี ้องกำร ใหต้ รวจสอบกำรทำงำนทลี ะคำส่ัง • ซอฟตแ์ วร์หรือสือ่ ท่ใี ช้ในกำรเขยี นโปรแกรม เช่น ใช้บตั รคำสง่ั แสดงกำรเขียนโปรแกรม , Code.org 23 ว 4.2 ป.3/3 ใช้อินเทอรเ์ น็ตค้นหำควำมรู้ • อินเทอร์เนต็ เป็นเครือขำ่ ยขนำดใหญ่  ช่วยให้กำรตดิ ตอ่ สื่อสำรทำได้สะดวก และรวดเร็วและเป็นแหลง่ ขอ้ มลู ควำมรู้ ทช่ี ว่ ยในกำรเรียนและกำรดำเนนิ ชวี ติ • เว็บเบรำว์เซอร์เป็นโปรแกรมสำหรับอ่ำน เอกสำรบนเว็บเพจ • กำรสบื ค้นขอ้ มูลบนอินเทอร์เนต็ ทำไดโ้ ดย ใชเ้ วบ็ ไซต์สำหรบั สบื คน้ และต้องกำหนด คำคน้ ที่เหมำะสมจงึ จะได้ขอ้ มูลตำมตอ้ งกำร • ขอ้ มลู ควำมรู้ เช่น วิธที ำอำหำร วธิ ีพบั กระดำษเป็นรูปตำ่ ง ๆ ขอ้ มูลประวตั ิศำสตร์ ชำตไิ ทย (อำจเปน็ ควำมรู้ในวชิ ำอ่นื ๆ หรอื เรื่องทเ่ี ปน็ ประเด็นท่ีสนใจในช่วงเวลำน้ัน) • กำรใช้อนิ เทอรเ์ น็ตอย่ำงปลอดภัย ควรอยใู่ นกำรดูแลของครู หรือผ้ปู กครอง 24 ว 4.2 ป.3/4 รวบรวม ประมวลผล และ • กำรรวบรวมข้อมูล ทำไดโ้ ดยกำหนดหัวข้อ  นำเสนอข้อมูล โดยใช้ ทีต่ อ้ งกำร เตรยี มอปุ กรณ์ในกำรจดบนั ทึก ซอฟต์แวร์ตำมวัตถุประสงค์ • กำรประมวลผลอยำ่ งง่ำย เช่น เปรียบเทียบ จดั กลุ่ม เรียงลำดบั • กำรนำเสนอข้อมูลทำไดห้ ลำยลกั ษณะ ตำมควำมเหมำะสม เชน่ กำรบอกเลำ่ กำรทำเอกสำรรำยงำน กำรจดั ทำป้ำยประกำศ สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขน้ั พน้ื ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๑๓ ชน้ั ท่ี รหสั ตวั ช้ีวัด ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 • กำรใชซ้ อฟต์แวร์ทำงำนตำมวัตถุประสงค์ เชน่ ใช้ซอฟตแ์ วร์นำเสนอ หรอื ซอฟต์แวร์ กรำฟิก สรำ้ งแผนภูมิรปู ภำพ ใช้ซอฟต์แวร์ ประมวลคำ ทำปำ้ ยประกำศหรือ เอกสำรรำยงำน ใช้ซอฟตแ์ วร์ตำรำง ทำงำนในกำรประมวลผลขอ้ มูล 25 ว 4.2 ป.3/5 ใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ • กำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศอย่ำงปลอดภัย  อยำ่ งปลอดภยั ปฏบิ ตั ิตำม เชน่ ปกปอ้ งข้อมูลสว่ นตวั ข้อตกลงในกำรใช้อินเทอร์เน็ต • ขอควำมชว่ ยเหลือจำกครหู รือผู้ปกครอง เมือ่ เกิดปญั หำจำกกำรใช้งำน เมื่อพบ ขอ้ มลู หรือบคุ คลทีท่ ำให้ไมส่ บำยใจ • กำรปฏบิ ตั ิตำมข้อตกลงในกำรใช้ อนิ เทอรเ์ นต็ จะทำให้ไมเ่ กิดควำมเสียหำย ต่อตนเองและผู้อื่น เช่น ไม่ใช้คำหยำบ ลอ้ เลยี น ด่ำทอ ทำให้ผ้อู น่ื เสียหำยหรือ เสยี ใจ • ขอ้ ดีและข้อเสยี ในกำรใชเ้ ทคโนโลยี สำรสนเทศและกำรสอ่ื สำร รวม 25 ตัวช้ีวัด 19 7 หมายเหตุ: ตวั ชี้วดั ว 2.3 ป.3/2 มลี กั ษณะเฉพำะคอื เป็นท้ังตัวชว้ี ัดตอ้ งรูแ้ ละควรรู้ รำยละเอียดดังน้ี ต้องรู้ : กำรทำงำนของเครือ่ งกำเนิดไฟฟ้ำ ควรรู้ : แหล่งพลังงำนในกำรผลติ ไฟฟ้ำ เป็นเน้ือหำทน่ี กั เรียนสำมำรถสืบคน้ ข้อมลู หรือศึกษำ เพอื่ ทำควำมเขำ้ ใจได้ด้วยตนเอง และครอู ำจช่วยสรปุ ให้ภำยหลงั สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พืน้ ฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๑๔ ตัวชีว้ ดั และสาระการเรยี นรูแ้ กนกลางทีต่ ้องรแู้ ละควรรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ชั้น ท่ี รหัสตัวช้ีวดั ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.๓ 1 ส ๑.๑ ป.๓/๑ อธิบำยควำมสำคัญ   พระพุทธศำสนำมอี ิทธิพล ของพระพุทธศำสนำ ต่อกำรสร้ำงสรรค์ผลงำน หรอื ศำสนำที่ตนนับถือ ทำงวัฒนธรรมไทยอันเกดิ จำก ในฐำนะทเ่ี ปน็ รำกฐำนสำคญั ควำมศรทั ธำ เช่น วัด ภำพวำด ของวฒั นธรรมไทย พระพทุ ธรูป วรรณคดี 2 ส ๑.๑ ป.๓/๒ สรุปพทุ ธประวตั ิต้งั แต่ สถำปตั ยกรรมไทย   สรปุ พทุ ธประวัตโิ ดยยอ่ กำรบำเพ็ญเพยี ร จนถึง (ทบทวน) ปรินพิ พำน หรือประวตั ิ ของศำสดำท่ีตนนับถอื ตำมทก่ี ำหนด  ศำสนกิ ชนตวั อย่ำง  3 ส ๑.๑ ป.๓/๓ ช่นื ชมและบอกแบบอยำ่ ง กำรดำเนินชวี ิตและข้อคิด  สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ จำกประวตั สิ ำวก ชำดก เรื่องเลำ่ (โต พฺรหมฺ รสี) และศำสนิกชนตัวอยำ่ ง ตำมทก่ี ำหนด  ควำมสำคัญของพระไตรปิฎก  4 ส ๑.๑ ป.๓/๔ บอกควำมหมำย ควำมสำคัญ เชน่ เป็นแหล่งอ้ำงองิ ของพระไตรปิฎก หรือคัมภีร์ ของศำสนำทีต่ นนบั ถือ ของหลักธรรมคำสอน 5 ส ๑.๑ ป.๓/๕ แสดงควำมเคำรพพระรัตนตรัย  หลักธรรมสำคญั  และปฏิบตั ติ ำมหลกั ธรรมโอวำท ๓ o สติ-สัมปชัญญะ ในพระพุทธศำสนำหรอื หลักธรรม o สังคหวัตถุ ๔ ของศำสนำท่ตี นนบั ถือตำมท่ีกำหนด  พุทธศำสนสุภำษติ  อตฺตำ หิ อตตฺ โน นำโถ ตนแลเปน็ ทพี่ ึ่งของตน 6 ส ๑.๑ ป.๓/๖ เห็นคุณค่ำและสวดมนต์ แผ่เมตตำ  ฝกึ สวดมนต์ ไหวพ้ ระ  สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย มสี ติที่เป็นพ้ืนฐำนของสมำธิ ในพระพทุ ธศำสนำ หรือกำรพฒั นำจติ และแผเ่ มตตำ ตำมแนวทำงของศำสนำท่ตี นนบั ถือ  ควำมหมำยและประโยชน์ ของสติและสมำธิ ตำมทก่ี ำหนด  ประโยชน์ของกำรฝึกสติ  ฝึกสมำธิเบื้องตน้ ดว้ ยกำรนับ ลมหำยใจ  ฝึกกำรยืน กำรเดนิ กำรน่งั และกำรนอนอย่ำงมสี ติ  ฝึกให้มีสมำธิในกำรฟงั กำรอ่ำน กำรคิด กำรถำม และกำรเขียน สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๑๕ ช้ัน ที่ รหัสตัวชี้วดั ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 7 ส ๑.๑ ป.๓/๗ บอกช่อื ควำมสำคญั และปฏบิ ตั ติ น  ชือ่ และควำมสำคัญของศำสนวตั ถุ  ได้อยำ่ งเหมำะสมตอ่ ศำสนวตั ถุ ศำสนสถำน และศำสนบคุ คล ในพระพุทธศำสนำ ศำสนำ ศำสนสถำน และศำสนบุคคล อสิ ลำม คริสตศ์ ำสนำ ของศำสนำอ่ืน ๆ  กำรปฏิบตั ิตนที่เหมำะสม ตอ่ ศำสนวตั ถุ ศำสนสถำน และศำสนบคุ คลในศำสนำอ่ืน ๆ  8 ส ๑.๒ ป.๓/๑ ปฏิบตั ิตนอย่ำงเหมำะสมต่อสำวก  ฝึกปฏบิ ัติมรรยำทชำวพทุ ธ ศำสนสถำน ศำสนวัตถขุ องศำสนำ o กำรลกุ ขนึ้ ยืนรับ ท่ตี นนบั ถือตำมท่ีกำหนดได้ถูกตอ้ ง o กำรต้อนรับ o กำรรบั สง่ ส่ิงของแก่พระภิกษุ o มรรยำทในกำรสนทนำ o กำรสำรวมกริ ยิ ำมำรยำท o กำรแตง่ กำยทเี่ หมำะสม เมอ่ื อยใู่ นวัดและพุทธสถำน o กำรดูแลรักษำศำสนวัตถุ และศำสนสถำน 9 ส ๑.๒ ป.๓/๒ เห็นคุณค่ำและปฏบิ ตั ิตน  ปฏบิ ตั ิตนในศำสนพิธี  ในศำสนพิธี พิธกี รรม และวนั สำคญั o กำรอำรำธนำศลี  กำรปฏบิ ัตติ นในวันอำสำฬหบชู ำ ทำงศำสนำตำมทีก่ ำหนด ได้ถูกต้อง 10 ส ๑.๒ ป.๓/๓ แสดงตนเปน็ พุทธมำมกะ  ควำมเปน็ มำของกำรแสดงตน  เป็นพุทธมำมกะ หรือแสดงตนเป็นศำสนิกชน ของศำสนำทีต่ นนบั ถอื 11 ส ๒.๑ ป.๓/๑ สรุปประโยชน์และปฏิบตั ติ น  ประเพณีและวัฒนธรรม  ในครอบครวั กำรกระทำ ตำมประเพณีและวัฒนธรรม กิจกรรมร่วมกันในครอบครวั ตำมศำสนำที่ตนนบั ถือ ในครอบครวั และท้องถิ่น  ประเพณแี ละวฒั นธรรม ในท้องถ่ิน 12 ส ๒.๑ ป.๓/๒ บอกพฤติกรรมกำรดำเนนิ ชีวิต  พฤติกรรมของตนเองและเพ่ือน ๆ  ของตนเองและผ้อู ื่นที่อยใู่ นกระแส ในชีวิตประจำวนั เชน่ กำรทกั ทำย กำรทำควำมเคำรพ กำรปฏบิ ัติ วฒั นธรรมท่ีหลำกหลำย ตำมศำสนพธิ ี กำรรบั ประทำน อำหำร กำรใชภ้ ำษำ (ภำษำถ่นิ กับภำษำรำชกำรและภำษำอื่น ๆ ฯลฯ)  สำเหตทุ ที่ ำให้พฤติกรรม กำรดำเนนิ ชีวติ ในปัจจบุ นั ของนักเรยี นและผู้อน่ื แตกตำ่ งกัน สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๑๖ ชน้ั ที่ รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 13 ส ๒.๑ ป.๓/๓ อธิบำยควำมสำคัญ  วนั หยดุ รำชกำรท่ีสำคัญ เช่น  o วนั หยุดเกี่ยวกบั ชำติ ของวนั หยุดรำชกำรที่สำคัญ และพระมหำกษตั รยิ ์ เชน่ วันจักรี วนั รัฐธรรมนญู วนั ฉตั รมงคล วนั เฉลิม พระชนมพรรษำ o วันหยดุ รำชกำรเก่ยี วกบั ศำสนำ เช่น วนั มำฆบูชำ วันวสิ ำขบูชำ วันอำสำฬหบูชำ วันเขำ้ พรรษำ o วนั หยดุ รำชกำรเก่ยี วกบั ประเพณีและวฒั นธรรมไทย เชน่ วนั สงกรำนต์ วันพืชมงคล  14 ส ๒.๑ ป.๓/๔ ยกตวั อย่ำงบุคคลซงึ่ มผี ลงำน  บคุ คลทมี่ ผี ลงำนเป็นประโยชน์ ทีเ่ ปน็ ประโยชนแ์ ก่ชุมชน แก่ชุมชนและท้องถิ่นของตน และท้องถิ่นของตน  ลกั ษณะผลงำนที่เป็นประโยชน์ แกช่ ุมชนและท้องถิน่ 15 ส ๒.๒ ป.๓/๑ ระบุบทบำทหนำ้ ที่ของสมำชิก  บทบำทหนำ้ ท่ขี องสมำชิก  ของชมุ ชนในกำรมสี ่วนร่วม ในชุมชน ในกิจกรรมต่ำง ๆ ตำมกระบวนกำร  กำรมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมต่ำง ๆ ประชำธปิ ไตย ตำมกระบวนกำรประชำธิปไตย 16 ส ๒.๒ ป.๓/๒ วิเครำะหค์ วำมแตกต่ำง  กำรออกเสยี งโดยตรง  ของกระบวนกำรกำรตดั สนิ ใจ และกำรเลอื กตัวแทนออกเสยี ง ในชัน้ เรยี น โรงเรยี นและชุมชน  วธิ ีกำรเลือกตวั แทนอย่ำงถกู ต้อง โดยวิธีกำรออกเสยี งโดยตรงและ และเหมำะสม กำรเลอื กตัวแทนออกเสยี ง 17 ส ๒.๒ ป.๓/๓ ยกตวั อย่ำงกำรเปลีย่ นแปลง  กำรตัดสินใจของบุคคล และ  ในชัน้ เรียน โรงเรียนและชมุ ชน กลุ่มทีม่ ผี ลต่อกำรเปลี่ยนแปลง ทเ่ี ป็นผลจำกกำรตัดสนิ ใจ ในชนั้ เรียน โรงเรียน และชมุ ชน ของบุคคลและกลุ่ม o กำรเปลี่ยนแปลงในช้นั เรยี น เชน่ กำรเลือกหวั หน้ำห้อง คณะกรรมกำรห้องเรียน o กำรเปล่ียนแปลงในโรงเรียน เชน่ เลือกประธำนนักเรียน คณะกรรมกำรนักเรยี น o กำรเปล่ยี นแปลงในชุมชน เช่น กำรเลือกผใู้ หญบ่ ้ำน กำนัน สมำชกิ อบต. อบจ. สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๑๗ ชั้น ที่ รหสั ตัวชี้วัด ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 18 ส ๓.๑ ป.๓/๑ จำแนกควำมต้องกำรและ  ควำมจำเปน็ ในกำรใชส้ ินค้ำและ  สนิ คำ้ ท่ีจำเป็นในกำรดำรงชีวติ 19 ส ๓.๑ ป.๓/๒ บริกำรในกำรดำรงชีวติ  ทีเ่ รียกว่ำ ปัจจยั ๔  20 ส ๓.๑ ป.๓/๓ วเิ ครำะหก์ ำรใช้จ่ำยของตนเอง  21 ส ๓.๒ ป.๓/๑  สินคำ้ ท่ีเป็นควำมตอ้ งกำร  22 ส ๓.๒ ป.๓/๒ อธิบำยไดว้ ่ำทรัพยำกร 23 ส ๓.๒ ป.๓/๓ ทม่ี ีอยู่จำกดั มีผลต่อกำรผลิต ของมนุษย์ อำจเป็นสินค้ำ และบรโิ ภคสินค้ำและบริกำร ทีจ่ ำเป็นหรอื ไมจ่ ำเปน็ บอกสนิ คำ้ และบริกำรท่ีรัฐจดั หำ และให้บริกำรแกป่ ระชำชน ตอ่ กำรดำรงชวี ิต บอกควำมสำคญั ของภำษี  หลักกำรเลอื กสินค้ำทจ่ี ำเปน็ และบทบำทของประชำชน ในกำรเสยี ภำษี  ใชบ้ ญั ชรี ับจ่ำยวิเครำะห์  อธบิ ำยเหตุผลกำรแข่งขัน กำรใช้จ่ำยท่ีจำเป็น ทำงกำรคำ้ ทม่ี ผี ลทำให้รำคำ สนิ คำ้ ลดลง และเหมำะสม  วำงแผนกำรใชจ้ ่ำยเงิน ของตนเอง  วำงแผนกำรนำเงนิ ท่ีเหลือจำ่ ย มำใช้อย่ำงเหมำะสม  ควำมหมำยของกำรผลติ และกำรบรโิ ภค  ปัญหำพ้ืนฐำนทำงเศรษฐกิจ ทเ่ี กดิ จำกควำมหำยำก ของทรัพยำกรกับควำมตอ้ งกำร ของมนษุ ยท์ ี่มีไม่จำกดั  สนิ คำ้ และบริกำรท่ีภำครัฐ ทุกระดับจดั หำและให้บรกิ ำร แกป่ ระชำชน เช่น ถนน โรงเรยี น สวนสำธำรณะ กำรสำธำรณสุข กำรบรรเทำสำธำรณภยั  ควำมหมำยและควำมสำคัญ ของภำษีทีร่ ฐั นำมำสรำ้ ง ควำมเจริญและใหบ้ ริกำร แกป่ ระชำชน  บทบำทหนำ้ ที่ของประชำชน ในกำรเสยี ภำษี  ควำมสำคญั และผลกระทบ ของกำรแข่งขันทำงกำรคำ้ ที่มีผล ทำให้รำคำสนิ ค้ำลดลง เชน่ กิจกรรมตลำดนดั นกั เรยี น สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๑๘ ชน้ั ท่ี รหัสตัวช้ีวดั ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.3 24 ส ๔.๑ ป.๓/๑ เทยี บศักรำชท่ีสำคัญตำมปฏิทิน  วิธีกำรเทยี บ พ.ศ. เปน็ ค.ศ.  ทใ่ี ชใ้ นชีวิตประจำวนั หรอื ค.ศ. เป็น พ.ศ.  ตวั อยำ่ งกำรเทียบศักรำช ในเหตุกำรณ์ทเ่ี กย่ี วข้องกบั นกั เรยี น เชน่ ปเี กิดของนักเรียน 25 ส ๔.๑ ป.๓/๒ แสดงลำดบั เหตุกำรณส์ ำคญั  วธิ กี ำรสืบค้นเหตุกำรณส์ ำคญั  ของโรงเรียนและชมุ ชน ของโรงเรยี น และชุมชน โดยระบหุ ลักฐำนและ โดยใช้หลกั ฐำนและแหล่ง แหลง่ ขอ้ มูลทเ่ี ก่ยี วข้อง ขอ้ มูลท่ีเกย่ี วข้อง  ใชเ้ ส้นเวลำ (Time Line) ลำดบั เหตกุ ำรณ์ ทเ่ี กิดขึน้ ในโรงเรยี น และชมุ ชน 26 ส ๔.๒ ป.๓/๑ ระบุปัจจัยที่มอี ิทธพิ ล  ปัจจยั กำรตงั้ ถ่นิ ฐำนของชมุ ชน  ตอ่ กำรตัง้ ถิน่ ฐำน ซงึ่ ขึน้ อยกู่ บั ปัจจัยทำงภมู ศิ ำสตร์ และพัฒนำกำรของชมุ ชน และปจั จยั ทำงสงั คม เชน่ ควำมเจรญิ ทำงเทคโนโลยี กำรคมนำคม ควำมปลอดภยั  ปจั จัยที่มีอิทธิพลตอ่ พฒั นำกำร ของชมุ ชน ทง้ั ปัจจัยทำงภมู ศิ ำสตร์ และปจั จัยทำงสงั คม 27 ส ๔.๒ ป.๓/๒ สรปุ ลักษณะทสี่ ำคัญ  ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี  ของขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรม ชุมชนของตน และวฒั นธรรมของชุมชน ท่เี กิดจำกปัจจัยทำงภมู ิศำสตร์ และปจั จยั ทำงสังคม 28 ส ๔.๒ ป.๓/๓ เปรียบเทียบควำมเหมือน  ขนบธรรมเนียม ประเพณี  และควำมต่ำงทำงวฒั นธรรม และวฒั นธรรมของชุมชน ของชุมชนตนเองกับชุมชน อ่ืน ๆ ใกล้เคียงทีม่ คี วำมเหมอื น และควำมต่ำงกับชมุ ชน ของตนเอง 29 ส ๔.๓ ป.๓/๑ ระบุพระนำมและพระรำชกรณยี กจิ  พระรำชประวตั พิ ระรำชกรณยี กิจ  โดยสงั เขปของพระมหำกษตั ริยไ์ ทย โดยสงั เขปของพระบำทสมเด็จ ท่ีเป็นผูส้ ถำปนำอำณำจักรไทย พระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลก มหำรำช ผู้สถำปนำอำณำจักร รตั นโกสินทร์ 30 ส ๔.๓ ป.๓/๒ อธิบำยพระรำชประวตั ิ  พระรำชประวัติ และพระรำช  และพระรำชกรณยี กิจ กรณยี กจิ ของพระบำทสมเด็จ ของพระมหำกษตั รยิ ์ พระเจ้ำอยูห่ วั ภมู ิพลอดลุ ยเดช ในรัชกำลปัจจบุ นั โดยสงั เขป และสมเดจ็ พระนำงเจ้ำสริ ิกติ ิ์ พระบรมรำชนิ นี ำถ โดยสงั เขป สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๑๙ ช้ัน ท่ี รหัสตัวช้ีวดั ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.3 31 ส ๔.๓ ป.๓/๓ เลำ่ วรี กรรมของบรรพบุรุษไทย  วีรกรรมของบรรพบรุ ษุ ไทย  ทม่ี สี ว่ นปกป้องประเทศชำติ ทม่ี ีส่วนปกป้องประเทศชำติ เช่น ชำวบำ้ นบำงระจนั สมเด็จพระนเรศวรมหำรำช 32 ส 5.1 ป.3/1 สำรวจข้อมลู ทำงภมู ิศำสตร์  ข้อมูลทำงภูมิศำสตร์ในชุมชน  ในโรงเรยี นและชุมชน โดยใช้  แผนท่ี แผนผงั และรปู ถำ่ ย แผนผงั แผนท่ี และรูปถ่ำย  ควำมสัมพันธ์ของตำแหน่ง เพ่ือแสดงควำมสมั พนั ธ์ของ ระยะ ทิศทำง ตำแหนง่ ระยะ ทิศทำง 33 ส 5.1 ป.3/2 วำดแผนผงั เพอื่ แสดงตำแหนง่  ตำแหน่งท่ตี ั้งของสถำนทส่ี ำคญั  ท่ีตง้ั ของสถำนทีส่ ำคญั ในบรเิ วณ ในบรเิ วณโรงเรียนและชุมชน โรงเรียนและชมุ ชน เชน่ สถำนท่ีรำชกำร ตลำด โรงพยำบำล ไปรษณยี ์ 34 ส 5.2 ป.3/1 เปรียบเทยี บกำรเปล่ียนแปลง  สง่ิ แวดลอ้ มของชมุ ชนในอดตี  ส่งิ แวดลอ้ มของชุมชนในอดตี กับ กบั ปัจจุบัน ปจั จบุ นั - สิง่ แวดลอ้ มทำงธรรมชำติ - สงิ่ แวดล้อมท่ีมนุษยส์ ร้ำงขน้ึ 35 ส 5.2 ป.3/2 อธิบำยกำรใช้ประโยชน์  กำรใช้ประโยชนจ์ ำก  จำกสง่ิ แวดลอ้ ม และ สง่ิ แวดล้อมในกำรดำเนินชวี ิต ทรัพยำกรธรรมชำติในกำรสนอง ของมนษุ ย์ เชน่ กำรคมนำคม ควำมตอ้ งกำรพนื้ ฐำนของมนุษย์ บ้ำนเรอื น และกำรประกอบ และ กำรประกอบอำชพี อำชพี ในชุมชน  กำรประกอบอำชีพท่เี ปน็ ผลมำจำกสิ่งแวดลอ้ ม ทำงธรรมชำตใิ นชุมชน 36 ส 5.2 ป.3/3 อธบิ ำยสำเหตทุ ท่ี ำใหเ้ กดิ มลพิษ  ควำมหมำยและประเภทของ  โดยมนุษย์ มลพษิ โดยมนุษย์  สำเหตขุ องกำรเกดิ มลพิษ ทเี่ กดิ จำกกำรกระทำของมนุษย์ 37 ส 5.2 ป.3/4 อธบิ ำยควำมแตกตำ่ งของลักษณะ  ลักษณะของเมืองและชนบท  เมืองและชนบท เชน่ สิ่งปลกู สร้ำง กำรใชท้ ด่ี ิน กำรประกอบอำชพี 38 ส 5.2 ป.3/5 อธบิ ำยควำมสัมพนั ธ์ระหวำ่ ง  ภูมปิ ระเทศ และภูมิอำกำศ  ลักษณะทำงกำยภำพกับ ทมี่ ผี ลตอ่ กำรดำเนินชีวิตของคน กำรดำเนนิ ชวี ติ ของคนในชุมชน ในชมุ ชน 39 ส 5.2 ป.3/6 มสี ว่ นรว่ มในกำรจัดกำร  ผลกระทบของกำรเปลย่ี นแปลง  สิง่ แวดลอ้ มในชุมชน สง่ิ แวดลอ้ มทีม่ ตี อ่ ชมุ ชน  กำรจดั กำรส่ิงแวดล้อมในชุมชน รวม ๓9 ตัวชี้วัด 11 28 สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๒๐ ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลางตอ้ งรู้และควรรู้ กลุ่มสาระการเรียนรูส้ ุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ชน้ั ที่ รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.3 1 พ 1.1 ป.3/1 อธบิ ำยลกั ษณะและกำรเจริญเติบโต  ลกั ษณะกำรเจรญิ เติบโตของร่ำงกำย  ของร่ำงกำยมนุษย์ มนุษยท์ มี่ ีควำมแตกต่ำงกัน ในแต่ละบุคคล - ลักษณะรปู ร่ำง - น้ำหนกั - สว่ นสูง 2 พ 1.1 ป.3/2 เปรยี บเทยี บกำรเจริญเติบโต  เกณฑ์มำตรฐำนกำรเจริญเติบโต  ของตนเองกบั เกณฑ์มำตรฐำน ของเด็กไทย 3 พ 1.1 ป.3/3 ระบปุ จั จัยท่ีมีผลต่อกำรเจริญเตบิ โต  ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ กำรเจรญิ เติบโต  - อำหำร - กำรออกกำลังกำย - กำรพกั ผ่อน 4 พ 2.1 ป.3/1 อธิบำยควำมสำคัญและควำมแตกต่ำง  ควำมสำคญั ของครอบครัว  ของครอบครวั ทมี่ ีต่อตนเอง ควำมแตกตำ่ งของแตล่ ะครอบครวั - เศรษฐกิจ - สงั คม - กำรศกึ ษำ 5 พ 2.1 ป.3/2 อธบิ ำยวิธสี ร้ำงสมั พนั ธภำพ  วธิ กี ำรสรำ้ งสัมพันธภำพในครอบครวั  ในครอบครวั และกลุ่มเพ่ือน และกลมุ่ เพื่อน 6 พ 2.1 ป.3/3 บอกวิธหี ลีกเลยี่ งพฤตกิ รรม  พฤติกรรมท่นี ำไปส่กู ำรถกู ลว่ งละเมิด  ที่นำไปส่กู ำรถกู ลว่ งละเมิดทำงเพศ ทำงเพศ (กำรแต่งกำย กำรเทีย่ วกลำงคืน กำรคบเพอื่ น กำรเสพสำรเสพติด ฯลฯ)  วธิ หี ลีกเลี่ยงพฤตกิ รรมท่ีนำไปสู่ กำรถกู ล่วงละเมิดทำงเพศ (ทกั ษะปฏเิ สธและอนื่ ๆ ) 7 พ 3.1 ป.3/1 ควบคมุ กำรเคล่อื นไหวร่ำงกำย  กำรเคลอ่ื นไหวร่ำงกำยแบบอยู่กบั ท่ี  ขณะอยู่กับที่ เคล่ือนท่ี และใช้ เชน่ ย่อยืด เขยง่ พับตัว เคล่ือนไหว อุปกรณ์ประกอบอยำ่ งมที ิศทำง ลำตวั กำรเคลอ่ื นไหวแบบเคลื่อนท่ี เชน่ เดินตอ่ เท้ำ เดินถอยหลงั กระโจน และแบบใช้อปุ กรณ์ประกอบ โดยมกี ำรบงั คับทิศทำง เชน่ ดดี ขว้ำง โยน และรบั  วิธีกำรควบคุมกำรเคล่ือนไหวร่ำงกำย แบบต่ำง ๆ อยำ่ งมีทิศทำง 8 พ 3.1 ป.3/2 เคลื่อนไหวรำ่ งกำยท่ีใช้ทักษะ  กจิ กรรมทำงกำยทใี่ ช้ทักษะกำรเคล่ือนไหว  กำรเคลอื่ นไหวแบบบงั คบั ทิศทำง แบบบังคับทิศทำง ในกำรเลน่ เกม ในกำรเล่นเกมเบ็ดเตลด็ เบด็ เตลด็ สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๒๑ ชน้ั ท่ี รหัสตัวชี้วดั ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 9 พ 3.2 ป.3/1 เลือกออกกำลังกำย กำรละเลน่  แนวทำงกำรเลือกออกกำลังกำย  พ้ืนเมือง และเล่นเกมทีเ่ หมำะสมกับ กำรละเลน่ พ้ืนเมอื งและเล่นเกม จดุ เดน่ จุดด้อย และขอ้ จำกดั ทีเ่ หมำะสมกบั จดุ เด่น จดุ ด้อย ของตนเอง และข้อจำกดั ของแต่ละบุคคล 10 พ 3.2 ป.3/2 ปฏิบตั ติ ำมกฎ กติกำและข้อตกลง  กำรออกกำลังกำย เกม และกำรละเล่น  ของกำรออกกำลังกำย กำรเล่นเกม พืน้ เมือง กำรละเล่นพนื้ เมอื งได้ด้วยตนเอง  กฎ กตกิ ำและข้อตกลง ในกำร ออกกำลังกำย กำรเลน่ เกม และกำรละเลน่ พ้นื เมอื ง 11 พ 4.1 ป.3/1 อธิบำยกำรติดต่อและวิธีกำร  กำรติดต่อและวิธีกำรป้องกัน  ป้องกันกำรแพร่กระจำยของโรค กำรแพร่กระจำยของโรค 12 พ 4.1 ป.3/2 จำแนกอำหำรหลกั ๕ หมู่  อำหำรหลกั ๕ หมู่  13 พ 4.1 ป.3/3 เลือกกินอำหำรท่ีหลำกหลำย  กำรเลือกกินอำหำรท่ีเหมำะสม  ครบ ๕ หมู่ ในสัดสว่ นทเี่ หมำะสม - ควำมหลำกหลำยของชนิดอำหำร ในแต่ละหมู่ - สัดส่วนและปริมำณของอำหำร (ตำมธงโภชนำกำร) 14 พ 4.1 ป.3/4 แสดงกำรแปรงฟนั ใหส้ ะอำด  กำรแปรงฟันใหส้ ะอำดอย่ำงถูกวิธี  อยำ่ งถูกวธิ ี (ครอบคลุมบริเวณขอบเหงือกและคอฟนั ) 15 พ 4.1 ป.3/5 สรำ้ งเสริมสมรรถภำพทำงกำยได้  กำรสร้ำงเสริมสมรรถภำพทำงกำย  ตำมคำแนะนำ เพ่ือสุขภำพ - วิธีกำรทดสอบสมรรถภำพทำงกำย - วธิ กี ำรสรำ้ งเสรมิ สมรรถภำพ เพื่อสุขภำพ โดยกำรออกกำลังกำย กำรพักผอ่ น และกจิ กรรมนนั ทนำกำร 16 พ 5.1 ป.3/1 ปฏิบัตติ นเพอื่ ควำมปลอดภัย  วธิ ปี ฏิบตั ิตนเพอื่ ควำมปลอดภัย  จำกอบุ ัตเิ หตุในบำ้ น โรงเรียน จำกอุบัตเิ หตุในบำ้ น โรงเรียน และกำรเดินทำง และกำรเดินทำง 17 พ 5.1 ป.3/2 แสดงวธิ ขี อควำมชว่ ยเหลอื  กำรขอควำมช่วยเหลือจำกบุคคล  จำกบุคคลและแหลง่ ตำ่ ง ๆ และแหล่งต่ำง ๆ เม่อื เกิดเหตุร้ำย เมื่อเกดิ เหตรุ ำ้ ย หรอื อบุ ตั ิเหตุ หรอื อุบตั เิ หตุ 18 พ 5.1 ป.3/3 แสดงวธิ ปี ฐมพยำบำล เม่อื บำดเจบ็  กำรบำดเจ็บจำกกำรเล่น  จำกกำรเล่น - ลักษณะของกำรบำดเจบ็ - วิธปี ฐมพยำบำล (บำดเจบ็ ห้ำมเลือด ฯลฯ) รวม 18 ตัวช้ีวัด 99 สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๒๒ ตวั ชี้วัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลางตอ้ งรู้และควรรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ชั้น ที่ รหัสตวั ชี้วดั ตัวช้วี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.๓ 1 ศ ๑.๑ ป.๓/๑ บรรยำยรปู ร่ำง รปู ทรงในธรรมชำติ  รูปรำ่ ง รูปทรงในธรรมชำติ ส่ิงแวดล้อม  2 ศ ๑.๑ ป.๓/๖ สิ่งแวดล้อม และงำนทัศนศิลป์ และกำรใชเ้ สน้ รปู รำ่ ง รูปทรง สี พืน้ ผิว  ในงำนทัศนศลิ ปแ์ ละวำดภำพ วำดภำพถำ่ ยทอดควำมคดิ ควำมรสู้ ึก ถำ่ ยทอดควำมคดิ ควำมรู้สกึ จำกเหตุกำรณ์ชีวิตจริง โดยใชเ้ สน้ รปู ร่ำง รปู ทรง สี และพน้ื ผิว 3 ศ ๑.๑ ป.๓/๒ ระบุ วสั ดุ อุปกรณ์ที่ใช้สรำ้ งผลงำน  วัสดุ อุปกรณท์ ่ีใชส้ ร้ำงงำนทัศนศลิ ป์  4 ศ ๑.๑ ป.๓/๕ เมอื่ ชมงำนทศั นศลิ ป์ ประเภทงำนวำด งำนปั้น งำนพิมพ์ภำพ  และเทคนิควธิ ีกำรในกำรสร้ำงงำนทัศนศิลป์ มที กั ษะพื้นฐำน ในกำรใชว้ ัสดุ อุปกรณ์ สรำ้ งสรรค์งำนป้ัน 5 ศ ๑.๑ ป.๓/๗ บรรยำยเหตผุ ลและวธิ กี ำร  ในกำรสรำ้ งงำนทัศนศิลป์ โดยเน้นถึงเทคนิค และวสั ดุ อุปกรณ์ 6 ศ ๑.๑ ป.๓/๓ จำแนกทัศนธำตุของสงิ่ ตำ่ ง ๆ  เส้น สี รปู ร่ำง รูปทรง พื้นผวิ ในธรรมชำติ  ในธรรมชำติ ส่ิงแวดลอ้ ม สงิ่ แวดล้อมและงำนทัศนศลิ ป์ และงำนทัศนศลิ ป์ โดยเนน้ เรื่องเส้น สี รปู ร่ำง รปู ทรง และพื้นผิว 7 ศ ๑.๑ ป.๓/๔ วำดภำพ ระบำยสสี งิ่ ของรอบตวั  กำรวำดภำพระบำยสสี ิ่งของรอบตัว  ดว้ ยสเี ทยี น ดินสอสี และสโี ปสเตอร์ 8 ศ ๑.๑ ป.๓/๘ ระบสุ ง่ิ ท่ชี ่ืนชมและสงิ่ ทค่ี วรปรบั ปรงุ  กำรแสดงควำมคิดเหน็ ในงำนทัศนศลิ ป์  ในงำนทศั นศลิ ป์ของตนเอง ของตนเอง 9 ศ ๑.๑ ป.๓/๙ ระบแุ ละจัดกล่มุ ของภำพตำมทศั นธำตุ  กำรจัดกลมุ่ ของภำพตำมทัศนธำตุ  ท่ีเน้นในงำนทัศนศลิ ป์นั้น ๆ 10 ศ ๑.๑ ป.๓/๑๐ บรรยำยลกั ษณะรูปร่ำง รปู ทรง  รูปรำ่ ง รูปทรง ในงำนออกแบบ  ในงำนกำรออกแบบส่งิ ต่ำง ๆ ท่มี ใี นบ้ำนและโรงเรยี น 11 ศ ๑.๒ ป.๓/๑ เลำ่ ถึงทมี่ ำของงำนทัศนศลิ ปใ์ นท้องถิ่น  ทีม่ ำของงำนทัศนศิลป์ในท้องถ่นิ  12 ศ ๑.๒ ป.๓/๒ อธิบำยเกยี่ วกบั วสั ดุอุปกรณ์และวิธีกำร วัสดุ อุปกรณ์ และวธิ ีกำรสร้ำงงำน  สรำ้ งงำนทศั นศลิ ปใ์ นท้องถน่ิ ทศั นศลิ ป์ในทอ้ งถ่ิน 13 ศ 2.1 ป.3/1 ระบุรปู ร่ำงลกั ษณะของเครื่องดนตรี  รปู ร่ำงลักษณะของเครอ่ื งดนตรี  ท่ีเห็นและได้ยินในชีวิตประจำวัน  เสียงของเครอ่ื งดนตรี 14 ศ 2.1 ป.3/2 ใช้รปู ภำพหรอื สญั ลกั ษณแ์ ทนเสียง  สญั ลักษณแ์ ทนคุณสมบตั ิของเสียง  และจังหวะเคำะ (สูง - ต่ำ ดงั - เบำ ยำว - สั้น)  สญั ลักษณแ์ ทนรูปแบบจงั หวะ สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๒๓ ชน้ั ท่ี รหัสตัวชี้วัด ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 15 ศ 2.1 ป.3/3 บอกบทบำทหน้ำท่ีของเพลงที่ได้ยนิ   บทบำทหน้ำท่ีของบทเพลงสำคัญ 16 ศ 2.1 ป.3/4 ขบั ร้องและบรรเลงดนตรงี ำ่ ย ๆ - เพลงชำติ  17 ศ 2.1 ป.3/6 - เพลงสรรเสรญิ พระบำรมี  แสดงควำมคิดเหน็ เก่ียวกบั เสยี งดนตรี - เพลงประจำโรงเรียน 18 ศ 2.1 ป.3/5 เสยี งขบั ร้องของตนเองและผูอ้ นื่  19 ศ 2.1 ป.3/7  กำรขับร้องเดยี่ วและหมู่  20 ศ 2.2 ป.3/1 เคลอื่ นไหวท่ำทำงสอดคล้องกับ  อำรมณ์ของเพลงที่ฟงั  กำรบรรเลงเครื่องดนตรปี ระกอบจงั หวะ 21 ศ 2.2 ป.3/2 นำดนตรีไปใช้ในชวี ิตประจำวันหรอื  22 ศ 3.1 ป.3/1 โอกำสต่ำง ๆ ไดอ้ ยำ่ งเหมำะสม  กำรแสดงควำมคดิ เหน็ เกีย่ วกับเสียงร้อง  และเสยี งดนตรี 23 ศ 3.1 ป.3/2 ระบลุ ักษณะเดน่ และเอกลักษณ์ - คุณภำพเสียงร้อง  24 ศ 3.1 ป.3/3 ของดนตรีในท้องถน่ิ - คณุ ภำพเสยี งดนตรี  2๕ ศ 3.1 ป.3/4  ระบคุ วำมสำคัญและประโยชน์  กำรเคลือ่ นไหวตำมอำรมณ์ของบทเพลง ของดนตรีต่อกำรดำเนนิ ชวี ิต ของคนในท้องถิ่น  กำรใช้ดนตรใี นโอกำสพิเศษ สร้ำงสรรค์กำรเคล่ือนไหว - ดนตรีในงำนรน่ื เรงิ ในรูปแบบตำ่ ง ๆ ในสถำนกำรณ์สั้น ๆ - ดนตรีในกำรฉลองวันสำคญั ของชำติ แสดงท่ำทำงประกอบเพลง  เอกลกั ษณ์ของดนตรีในท้องถิ่น ตำมรูปแบบนำฏศลิ ป์ - ลกั ษณะเสยี งรอ้ งของดนตรใี นทอ้ งถิน่ - ภำษำและเน้ือหำในบทร้องของดนตรี เปรยี บเทียบบทบำทหนำ้ ทข่ี องผู้แสดง ในท้องถนิ่ และผชู้ ม - เครอ่ื งดนตรีและวงดนตรีในท้องถิ่น มีสว่ นร่วมในกจิ กรรมกำรแสดง ทเ่ี หมำะสมกบั วยั  ดนตรีกับกำรดำเนนิ ชวี ิตในท้องถนิ่ - ดนตรีในชวี ิตประจำวัน - ดนตรีในวำระสำคัญ  กำรเคลือ่ นไหวในรปู แบบต่ำง ๆ - รำวงมำตรฐำน - สถำนกำรณส์ ้ัน ๆ - สถำนกำรณ์ที่กำหนดให้  หลักและวิธกี ำรปฏบิ ตั นิ ำฏศลิ ป์ - ภำษำท่ำสื่ออำรมณ์ของมนุษย์ - นำฎยศัพทใ์ นส่วนขำ  หลักในกำรชมกำรแสดง - ผูแ้ สดง - ผู้ชม - กำรมสี ว่ นรว่ ม สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๒๔ ชน้ั ที่ รหสั ตัวชี้วดั ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้  ป.3 2๖ ศ 3.1 ป.3/5 บอกประโยชน์ของกำรแสดงนำฏศลิ ป์  กำรบูรณำกำรนำฏศลิ ปก์ ับสำระ  กำรเรยี นรู้อน่ื ๆ ในชีวิตประจำวัน   กำรแสดงนำฏศิลป์พ้ืนบำ้ นหรือท้องถ่ิน  2๗ ศ 3.2 ป.3/1 เล่ำกำรแสดงนำฏศิลปท์ เี่ คยเห็น ของตน ๑๒ ๑๗ ในท้องถิน่  ทมี่ ำของกำรแสดงนำฏศลิ ป์ 2๘ ศ 3.2 ป.3/2 ระบุส่ิงทเี่ ปน็ ลกั ษณะเด่นและ เอกลักษณ์ของกำรแสดงนำฏศิลป์ ๒๙ ศ 3.2 ป.3/3 อธิบำยควำมสำคัญของกำรแสดง นำฏศลิ ป์ รวม ๒๙ ตัวช้ีวัด สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลางตอ้ งรู้และควรรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ๒๕ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ การดารงชวี ติ ประกอบด้วย งานบา้ น งานเกษตร งานช่าง งานประดษิ ฐ์ งานธุรกิจ และงานอืน่ ๆ แตไ่ มไ่ ด้กาหนดให้ จัดการเรยี นรคู้ รบท้ัง ๕ งาน เป็นการเปิดโอกาสใหเ้ ลือกตามความเหมาะสม ในทน่ี ้ีเปน็ เพยี งตัวอยา่ งของงาน เท่านนั้ ชั้น ที่ รหัสตัวช้ีวัด ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.๓ ๑ ง ๑.๑ ป.๓/๑  อธิบายวธิ กี ารและประโยชน์  ทักษะการใช้วัสดุ อปุ กรณ์ และเครื่องมือ  2 ง ๑.๑ ป.๓/๒  3 ง ๑.๑ ป.๓/๓ การทางาน เพอื่ ชว่ ยเหลอื ตนเอง ใหต้ รงกับลักษณะงานอย่างเป็นขั้นตอน 3- ครอบครัว และสว่ นรวม เพอ่ื ชว่ ยเหลือตนเอง ครอบครัว และ ใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือ สว่ นรวม โดยคานงึ ถึงความสะอาด ตรงกับลักษณะงาน รอบคอบ และอนุรกั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม โดยฝึกปฏบิ ัติผา่ นงาน เช่น ทางานอย่างเป็นข้นั ตอน - ปลกู และดแู ลไมด้ อกไมป้ ระดับ ตามกระบวนการทางาน - บารุงรกั ษาหรือซอ่ มแซมของเล่น ดว้ ยความสะอาด ความรอบคอบ และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรอื ของใช้ในครอบครัว และสว่ นรวม - ประดษิ ฐข์ องใช้โดยใช้วสั ดใุ นทอ้ งถนิ่ ในโอกาสตา่ ง ๆ - ดูแล ทาความสะอาด และตกแต่ง หอ้ งเรียนให้สวยงาม - เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ใหต้ รงกบั ลักษณะงาน รวม 3 ตัวชว้ี ัด ยกเลกิ มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้วี ัดสาระที่ 2 และสาระท่ี 3 คงเหลอื 2 สาระ คอื สาระท่ี 1 การดาเนนิ ชีวติ และครอบครัว และสาระที่ 4 การอาชพี และเปลี่ยนชอื่ สาระที่ 4 การอาชพี เป็นสาระท่ี 2 การอาชีพ ตามคาสงั่ สพฐ. ท่ี 921/2561 ลงวันท่ี 3 พฤษภาคม 2561 สาหรบั การจัดการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19)

๒๖ ตัวชวี้ ดั และสาระการเรยี นร้แู กนกลางต้องรู้และควรรู้ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ชน้ั ที่ รหัสตวั ช้ีวัด ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.3 1 ต 1.1 ป.3/1 ปฏิบัตติ ำมคำสัง่ และคำขอร้อง  คำสั่งและคำขอร้องท่ีใช้ในห้องเรยี น  ท่ฟี งั หรืออ่ำน - คำส่ัง เช่น Give me a/an.../Draw and color the picture./Put a/an…in/on/ under a/an…/Don’t eat in class. etc. - คำขอรอ้ ง เช่น Please take a queue./ Take a queue, please./Don’t make a loud noise, please./Please don’t make a loud noise./Can you help me, please? etc. 2 ต 1.1 ป.3/2 อ่ำนออกเสยี งคำ สะกดคำ  คำ กลมุ่ คำ ประโยคเด่ียว และบทพูดเข้ำจังหวะ  อ่ำนกลมุ่ คำ ประโยค และบทพดู และกำรสะกดคำ เขำ้ จังหวะ (chant) งำ่ ย ๆ  หลกั กำรอ่ำนออกเสยี ง เชน่ ถกู ต้องตำมหลักกำรอ่ำน - กำรออกเสียงพยัญชนะต้นคำและพยัญชนะ ท้ำยคำ - กำรออกเสยี งเนน้ หนัก-เบำในคำและกลุ่มคำ 3 ต 1.1 ป.3/3 เลอื ก/ระบภุ ำพหรอื สัญลักษณ์  กลมุ่ คำ ประโยคเดี่ยว สญั ลักษณ์ และควำมหมำย  ตรงตำมควำมหมำยของกลมุ่ คำ เก่ียวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน และประโยคท่ฟี ัง สง่ิ แวดลอ้ มใกลต้ ัว อำหำร เครือ่ งด่ืม และนนั ทนำกำร เปน็ วงคำศัพท์สะสมประมำณ ๓๕๐ - ๔๕๐ คำ (คำศัพทท์ ่เี ป็นรปู ธรรม) 4 ต 1.1 ป.3/4 ตอบคำถำมจำกกำรฟังหรืออ่ำน  ประโยค บทสนทนำ หรือนิทำนที่มีภำพประกอบ  ประโยค บทสนทนำ หรือนิทำน  ประโยคคำถำมและคำตอบ ง่ำย ๆ - Yes/No Question เชน่ Is/Are/Can…? Yes,…is/are/can./ No,…isn’t/aren’t/can’t. etc. - Wh-Question เชน่ What is this/that/it? This/that/It is a/an… How many…? There is/are… Where is/are…? It is in/on/under… They are etc. สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๒๗ ชน้ั ที่ รหัสตัวช้ีวดั ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.3 5 ต 1.2 ป.3/1 พูดโตต้ อบด้วยคำสน้ั ๆ ง่ำย ๆ  บทสนทนำทใ่ี ช้ในกำรทักทำย กล่ำวลำ  ในกำรสื่อสำรระหวำ่ งบคุ คล ขอบคุณ ขอโทษ และประโยค/ขอ้ ควำม ตำมแบบที่ฟงั ท่ใี ช้แนะนำตนเอง เช่น Hi/Hello/ Good morning /Good afternoon/ Good evening/I am sorry. How are you? I’m fine. Thank you. And you?/ Nice to see you./Nice to see you too./ Goodbye./Bye./See you soon/later./ Thanks./Thank you./Thank you very much./You’re welcome. etc. 6 ต 1.2 ป.3/2 ใช้คำส่งั และคำขอร้องง่ำย ๆ  คำสง่ั และคำขอร้องท่ีใช้ในห้องเรยี น  ตำมแบบท่ีฟงั 7 ต 1.2 ป.3/3 บอกควำมต้องกำรง่ำย ๆ  คำศัพท์ สำนวนภำษำ และประโยคที่ใช้บอก  ของตนเองตำมแบบที่ฟัง ควำมต้องกำร เชน่ Please,…/May I go out?/ May I come in? etc. 8 ต 1.2 ป.3/4 พูดขอและให้ข้อมลู ง่ำย ๆ เกีย่ วกบั  คำศัพท์ สำนวนภำษำ และประโยคที่ใช้ขอ  ตนเองและเพ่ือนตำมแบบท่ีฟัง และใหข้ ้อมลู เกีย่ วกบั ตนเองและเพ่ือน เชน่ What’s your name? My name is… What time is it? It is one o’clock. What is this? It is a/an… How many…are there? There is a/an…/ There are… Who is…? He /She is… etc. 9 ต 1.2 ป.3/5 บอกควำมรู้สึกของตนเองเกี่ยวกบั  คำและประโยคทใ่ี ช้แสดงควำมรสู้ กึ เชน่ ดใี จ  ส่งิ ตำ่ ง ๆ ใกลต้ ัว หรอื กจิ กรรมต่ำง ๆ เสยี ใจ ชอบ ไมช่ อบ เช่น Yeah!/Great!/ ตำมแบบท่ีฟงั Cool!/I’m happy./I like cats./ I don’t like snakes. etc. 10 ต 1.3 ป.3/1 พดู ให้ข้อมูลเกี่ยวกบั ตนเอง  คำและประโยคที่ใชใ้ นกำรพูดใหข้ ้อมูลเกีย่ วกบั  และเรอื่ งใกล้ตวั ตนเอง บคุ คลใกลต้ วั และเร่ืองใกลต้ วั เชน่ บอกชือ่ อำยุ รปู รำ่ ง สว่ นสูง สง่ิ ตำ่ ง ๆ จำนวน ๑ - ๕๐ สี ขนำด ตำแหน่งของส่งิ ของ สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)

๒๘ ช้ัน ท่ี รหัสตวั ชี้วดั ตัวช้วี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.3 11 ต 1.3 ป.3/2 จดั หมวดหม่คู ำตำมประเภทของ  คำ กลุ่มคำที่มีควำมหมำยเกยี่ วกับบุคคล สัตว์  บคุ คล สัตว์ และสิ่งของตำมที่ฟงั และสิ่งของ เช่น กำรระบุ/เช่ือมโยง หรอื อำ่ น ควำมสัมพนั ธข์ องภำพกับคำหรอื กลมุ่ คำ โดยใชภ้ ำพ แผนภูมิ แผนภำพ แผนผัง 12 ต 2.1 ป.3/1 พูดและทำทำ่ ประกอบตำมมำรยำท  มำรยำทสงั คม/วฒั นธรรมของเจำ้ ของภำษำ  สงั คม/วัฒนธรรมของเจำ้ ของภำษำ เช่น กำรขอบคุณ ขอโทษ กำรใช้สหี น้ำทำ่ ทำง ประกอบกำรพูดขณะแนะนำตนเอง กำรสัมผัสมือ กำรโบกมือ กำรแสดงอำกำรตอบรับหรือปฏเิ สธ 13 ต 2.1 ป.3/2 บอกชื่อและคำศัพท์ง่ำย ๆ เกีย่ วกับ  คำศพั ทเ์ กย่ี วกับเทศกำล/วนั สำคัญ/งำนฉลอง  เทศกำล/วนั สำคญั /งำนฉลอง และ และชีวิตควำมเป็นอยู่ของเจำ้ ของภำษำ ชีวติ ควำมเปน็ อยู่ของเจ้ำของภำษำ เช่น วนั ครสิ ต์มำส วนั ข้ึนปใี หม่ เครอื่ งแต่งกำย อำหำร เคร่ืองดม่ื 14 ต 2.1 ป.3/3 เขำ้ รว่ มกิจกรรมทำงภำษำ  กจิ กรรมทำงภำษำและวัฒนธรรม เชน่  และวัฒนธรรมท่เี หมำะกบั วัย กำรเล่นเกม กำรรอ้ งเพลง กำรเล่ำนทิ ำน ประกอบทำ่ ทำง วนั คริสต์มำส วนั ข้ึนปใี หม่ 15 ต 2.2 ป.3/1 บอกควำมแตกต่ำงของเสยี งตวั อักษร  ควำมแตกตำ่ งของเสยี งตัวอกั ษร คำ กลมุ่ คำ  คำ กลมุ่ คำ และประโยคง่ำย ๆ และประโยคของภำษำตำ่ งประเทศ ของภำษำต่ำงประเทศและภำษำไทย และภำษำไทย 16 ต 3.1 ป.3/1 บอกคำศัพท์ทีเ่ กย่ี วข้องกบั กลุ่มสำระ  คำศพั ท์ท่ีเก่ียวข้องกับกลุม่ สำระกำรเรยี นรู้อน่ื  กำรเรยี นรู้อน่ื 17 ต 4.1 ป.3/1 ฟงั /พูดในสถำนกำรณ์ง่ำย ๆ  กำรใช้ภำษำในกำรฟัง/พูดในสถำนกำรณง์ ่ำย ๆ  ทีเ่ กดิ ขนึ้ ในห้องเรยี น ทีเ่ กดิ ข้ึนในหอ้ งเรียน 18 ต 4.2 ป.3/1 ใชภ้ ำษำตำ่ งประเทศเพื่อรวบรวม  กำรใชภ้ ำษำต่ำงประเทศในกำรรวบรวมคำศัพท์  คำศัพทท์ ่เี กี่ยวขอ้ งใกล้ตวั ท่เี ก่ียวข้องใกลต้ วั จำกส่ือต่ำง ๆ รวม 18 ตัวช้ีวดั 13 5 สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)