๑
๒ ตัวชีว้ ัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๓ สำนักงำนคณะกรรม กำรกำรศกึ ษำข้ันพ้ืนฐำน คำนำกระทรวงศึกษำธิกำร กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรูส้ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคาส่ังกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ และคาสั่งสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ ๓๐/ ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ให้เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) โดยมีคาส่ังให้โรงเรียนดาเนินการใช้หลักสูตรในปี การศกึ ษา ๒๕๖๑ โดยใหใ้ ชใ้ นช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๑ และ ๔ ตั้งแตป่ ีการศกึ ษา ๒๕๖๑ เปน็ ต้นมา คณะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์จึงได้จัดทาหลักสูตรสถานศึกษา สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาหรับใช้เป็นแนวทางในการจัดหลักสูตรและการเรียนการสอนให้บรรลุเจตนารมณ์ของหลักสูตรการศึกษาข้ัน พื้นฐาน ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ท่ีเกี่ยวข้องทุกคนที่มีส่วนร่วมในการจัดทาเอกสารดังกล่าวให้มีความสมบูรณ์ และเหมาะสมสาหรบั การจดั การเรียนการสอนในแต่ละระดบั ชน้ั สามารถพัฒนาผู้เรยี นให้มคี ุณภาพตามมาตรฐาน การเรียนรู้และตัวช้ีวัดที่กาหนดในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) ต่อไป คณะผจู้ ดั ทำ ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรียนร้แู กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๔ สำรบัญ เรื่อง หนา้ คานา สารบัญ 1 ส่วนนา 3 5 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ 5 เป้าหมายของวิทยาศาสตร์ 6 เรยี นรอู้ ะไรในวิทยาศาสตร์ 7 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 11 คุณภาพผ้เู รยี น 12 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ 17 ตวั ชี้วัดและสาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 18 โครงสรา้ งหลกั สูตรช้ันปี 19 คาอธิบายรายวชิ า 20 โครงสรา้ งรายวิชา 21 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 2 26 ตัวช้วี ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง 27 โครงสร้างหลักสตู รช้ันปี 28 คาอธิบายรายวชิ า 29 โครงสร้างรายวิชา 30 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 36 ตวั ช้ีวัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง 37 โครงสรา้ งหลักสตู รชั้นปี 38 คาอธบิ ายรายวชิ า โครงสรา้ งรายวชิ า ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
เรอ่ื ง ๕ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 หน้า ตัวช้วี ัดและสาระการเรียนร้แู กนกลาง 39 โครงสร้างหลกั สตู รชั้นปี 40 คาอธิบายรายวิชา 47 โครงสร้างรายวิชา 48 49 ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 50 ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง 51 โครงสรา้ งหลักสตู รชน้ั ปี 59 คาอธิบายรายวิชา 60 โครงสร้างรายวชิ า 61 62 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 63 ตัวชว้ี ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 73 โครงสรา้ งหลกั สูตรชั้นปี 74 คาอธบิ ายรายวิชา 75 โครงสร้างรายวิชา 76 78 การตัดสินผลการเรียนตามหลักสูตรแกนกลาง 83 ศพั ท์ท่ีเกีย่ วข้อง คาสั่ง ตวั ช้ีวดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๖ สว่ นท่ี ๑ สว่ นนา ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๗ ควำมนำ กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมศิ าสตร์ในกลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคาส่ังกระทรวงศึกษาธกิ ารท่ี สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ และคาส่ังสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ท่ี ๓๐/ ๒๕๖๑ ลงวันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ให้เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) โดยมีคาส่ังให้โรงเรียนดาเนินการใช้หลักสูตรในปี การศึกษา ๒๕๖๑ โดยให้ใช้ในช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ และ ๔ ต้ังแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นต้นมา ให้เป็น หลักสูตรแกนกลางของประเทศ โดยกาหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรยี นร้เู ป็นเปา้ หมายและกรอบทศิ ทางใน การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนมีพัฒนาการเต็มตามศักยภาพ มีคุณภาพและมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ เพื่อใหส้ อดคล้องกบั นโยบายและเป้าหมายของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐานกลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิจึงได้ทาการปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เพื่อนาไปใช้ประโยชน์และเป็น กรอบในการวางแผนและพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษาและจัดการเรียนการสอน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนา คุณภาพผู้เรียน ให้มีกระบวนการนาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ โดยมีการกาหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะ สาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด โครงสร้างเวลาเรียน ตลอดจน เกณฑ์การวัดประเมินผลให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ มีการบูรณาการหลักสูตรท้องถิ่น และ กิจกรรมสะเต็มศึกษา มากาหนดทิศทางในการจัดทาหลักสูตรการเรียนการสอนในแต่ละระดับตามความพร้อม และจุดเน้น โดยมีกรอบแกนกลางเป็นแนวทางที่ชัดเจนเพื่อตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ มีความพร้อมใน การก้าวสู่สงั คมคุณภาพ มคี วามรอู้ ยา่ งแท้จริง และมที ักษะในศตวรรษท่ี ๒๑ มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชีว้ ัดท่ีกาหนดไว้ในเอกสารน้ี ช่วยทาให้หนว่ ยงานที่เกี่ยวข้อง ในทุกระดับเห็น ผลคาดหวังท่ีต้องการในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนที่ชัดเจนตลอดแนว ซ่ึงจะสามารถช่วยให้หน่วยงานท่ี เก่ียวข้องในระดับท้องถิ่นและสถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรได้อย่างม่ันใจ ทาให้การจัดทาหลักสูตรในระดับ สถานศึกษามีคุณภาพและมีความเป็นเอกภาพยิ่งข้ึน อีกทั้งยังช่วยให้เกิดความชัดเจนเร่ืองการวดั และประเมินผล การเรียนรู้ และช่วยแก้ปัญหาการเทียบโอนระหว่างสถานศึกษา ดังนั้นในการพัฒนาหลักสูตรในทุกระดับต้ังแต่ ระดับชาติจนกระท่ังถึงสถานศึกษา จะต้องสะท้อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดท่ีกาหนดไว้ใน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน รวมท้ังเป็นกรอบทิศทางในการจัดการศึกษาทุกรูปแบบ และครอบคลุม ผเู้ รยี นทุกกลุ่มเปา้ หมายในระดับการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน การจัดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานจะประสบ ความสาเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวังได้ ทุกฝ่าย ที่เก่ียวข้องทั้งระดับชาติ ชุมชน ครอบครัว และบุคคลต้องร่วม ตวั ชีว้ ดั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๘ รับผิดชอบ โดยร่วมกันทางานอย่างเป็นระบบ และต่อเน่ือง ในการวางแผน ดาเนินการ ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรบั ปรุงแกไ้ ข เพ่ือพฒั นาเยาวชนของชาติไปสคู่ ุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรทู้ ่ีกาหนดไว้ กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ บทนา ตัวชี้วดั และสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตาม หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ น้ี ไดก้ าหนดสาระการเรียนรู้ออกเปน็ ๔ สาระ ไดแ้ ก่ สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ สาระท่ี ๓ วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ และ สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มีสาระเพมิ่ เตมิ ๔ สาระ ได้แก่ สาระชีววิทยา สาระเคมี สาระฟิสิกส์ สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ซ่ึงองค์ประกอบของหลักสูตร ทงั้ ในด้านของเนื้อหา การจดั การเรียนการสอน และการวัดและ ประเมนิ ผลการเรยี นรนู้ ้ัน มคี วามสาคญั อย่างย่งิ ในการวางรากฐานการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรข์ องผเู้ รียนในแตล่ ะ ระดบั ชนั้ ใหม้ คี วามต่อเนื่องเชอื่ มโยงกนั ต้งั แต่ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ จนถงึ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ สาหรับกลุ่ม สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ไดก้ าหนดตัวช้วี ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง ที่ผู้เรยี นจาเปน็ ต้องเรยี นเปน็ พ้นื ฐาน เพอ่ื ให้สามารถนาความรู้น้ไี ปใชใ้ นการดารงชีวิตหรือศึกษาต่อในวิชาชพี ท่ีต้องใช้วทิ ยาศาสตรไ์ ด้ โดยจดั เรียงลาดบั ความยากง่ายของเนอื้ หาแต่ละสาระในแต่ละระดับชนั้ ให้มีการเช่อื มโยงความรู้กบั กระบวนการเรียนรู้ และการจัด กิจกรรมการเรียนรูท้ ่ีสง่ เสรมิ ให้ผ้เู รียนพฒั นาความคิด ท้ังความคดิ เป็นเหตเุ ปน็ ผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วจิ ารณ์ มที กั ษะทส่ี าคัญทงั้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะในศตวรรษท่ี ๒๑ ในการค้นคว้าและ สรา้ งองค์ความรูด้ ว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นระบบ สามารถตดั สินใจ โดยใช้ ขอ้ มลู หลากหลายและประจักษพ์ ยานที่ตรวจสอบได้ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สสวท.) ตระหนักถงึ ความสาคัญของการจดั การ เรยี นรวู้ ิทยาศาสตรท์ ีม่ ุ่งหวงั ให้เกดิ ผลสัมฤทธต์ิ ่อผเู้ รยี นมากทส่ี ุด จงึ ไดจ้ ัดทาตัวชี้วดั และสาระการเรยี นร้แู กนกลาง กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ขึน้ เพอ่ื ใหส้ ถานศกึ ษา ครูผสู้ อนตลอดจนหน่วยงานตา่ ง ๆ ได้ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา หนังสอื เรยี น คู่มือครู สื่อประกอบการเรียนการสอน ตลอดจนการวดั และประเมินผล โดยตัวช้ีวดั และสาระการ เรยี นร้แู กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสตู รแกนกลาง การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ทจ่ี ดั ทาข้ึนนี้ได้ปรับปรุง เพอื่ ใหม้ คี วามสอดคล้องและเชื่อมโยงกนั ภายในสาระการเรียนรูเ้ ดยี วกันและระหวา่ งสาระการเรยี นรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ตลอดจนการ เชือ่ มโยงเน้ือหาความร้ทู างวิทยาศาสตรก์ บั คณิตศาสตร์ด้วยนอกจากน้ียงั ได้ปรับปรุงเพื่อให้มีความทนั สมัยต่อการ เปล่ียนแปลงและความเจรญิ ก้าวหน้าของวทิ ยาการตา่ ง ๆ และทัดเทยี มกบั นานาชาติ ตัวช้ีวดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๙ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ สรปุ เป็นแผนภาพได้ ดงั นี้ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ -มาตรฐาน ว ๒.๑-ว ๒.๓ สาระท่ี ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์โลก -มาตรฐาน ว ๑.๑-ว ๑.๓ และอวกาศ -มาตรฐาน ว ๓.๑-ว ๓.๒ สาระที่ ๔ เทคโนโลยี -มาตรฐาน ว ๔.๑ - ว ๔.๒ วิทยำศำสตรเ์ พม่ิ เตมิ • สาระชวี วทิ ยา • สาระเคมี • สาระฟิสิกส์ • สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ตัวชวี้ ัดและสาระการเรยี นร้แู กนกลาง กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๑๐ เป้าหมายของวทิ ยาศาสตร์ ในการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตรม์ งุ่ เน้นให้ผเู้ รียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองมากท่ีสดุ เพ่ือใหไ้ ด้ทั้ง กระบวนการและความรู้ จากวธิ กี ารสงั เกต การสารวจตรวจสอบ การทดลอง แลว้ นาผลท่ีได้มาจัดระบบเป็น หลักการ แนวคดิ และองคค์ วามรู้ การจดั การเรยี นการสอนวิทยาศาสตรจ์ งึ มเี ป้าหมายทสี่ าคัญ ดังน้ี ๑. เพือ่ ให้เขา้ ใจหลักการ ทฤษฎี และกฎที่เป็นพนื้ ฐานในวิชาวิทยาศาสตร์ ๒. เพือ่ ใหเ้ ข้าใจขอบเขตของธรรมชาตขิ องวชิ าวิทยาศาสตรแ์ ละข้อจากัดในการศึกษาวิชา วทิ ยาศาสตร์ ๓. เพ่อื ใหม้ ที ักษะท่ีสาคญั ในการศึกษาคน้ ควา้ และคิดค้นทางเทคโนโลยี ๔. เพ่อื ให้ตระหนักถึงความสัมพันธร์ ะหวา่ งวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนษุ ย์ และสภาพแวดลอ้ ม ในเชิงที่มีอิทธพิ ลและผลกระทบซง่ึ กนั และกนั ๕. เพ่อื นาความรู้ ความเขา้ ใจ ในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ สังคมและการ ดารงชีวติ ๖. เพ่อื พฒั นากระบวนการคิดและจนิ ตนาการ ความสามารถในการแกป้ ัญหา และการจัดการ ทักษะใน การส่ือสาร และความสามารถในการตัดสนิ ใจ ๗. เพือ่ ใหเ้ ปน็ ผูท้ มี่ จี ิตวทิ ยาศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มในการใช้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์ เรยี นรอู้ ะไรในวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่เน้นการเช่ือมโยงความรู้กับ กระบวนการ มที ักษะสาคัญในการค้นควา้ และสร้างองค์ความรู้ โดยใชก้ ระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ และ แก้ปัญหาท่ีหลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน มีการทากิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริง อยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกับระดบั ชั้น โดยกาหนดสาระสาคัญ ดงั น้ี ✧วทิ ยำศำสตรช์ วี ภำพ เรยี นรู้เกยี่ วกบั ชวี ติ ในสงิ่ แวดลอ้ ม องคป์ ระกอบของส่งิ มชี ีวติ การดารงชีวิต ของมนษุ ย์และสัตว์ การดารงชีวิตของพืช พนั ธกุ รรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวฒั นาการของสง่ิ มชี วี ิต ✧ วิทยำศำสตร์กำยภำพ เรียนรู้เก่ียวกับ ธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสารการเคล่ือนท่ี พลงั งาน และคลื่น ✧วิทยำศำสตร์โลกและอวกำศ เรียนรู้เกี่ยวกับ องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบ สุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปล่ียนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และ ผลต่อสงิ่ มีชวี ิตและส่ิงแวดลอ้ ม ✧ เทคโนโลยี ตัวชว้ี ดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๑๑ ●กำรออกแบบและเทคโนโลยี เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการดารงชีวิตในสังคมท่ีมีการ เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืนๆ เพ่ือแกป้ ัญหา หรือพั ฒ นางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิ งวิศวกรรมเลือกใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสมโดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ิต สังคม และส่งิ แวดล้อม ● วิทยำกำรคำนวณ เรียนร้เู กยี่ วกบั การคิดเชงิ คานวณ การคิดวิเคราะห์ แกป้ ัญหาเปน็ ขนั้ ตอน และเปน็ ระบบประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวทิ ยาการคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการ แกป้ ัญหาที่พบในชวี ิตจริงได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ สำระและมำตรฐำนกำรเรียนรู้ สำระท่ี ๑ วิทยำศำสตร์ชวี ภำพ มำตรฐำน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสัมพันธร์ ะหว่างสงิ่ ไม่มีชีวติ กบั สงิ่ มีชวี ติ และ ความสมั พันธ์ระหว่างส่งิ มีชีวติ กบั ส่ิงมชี วี ิตตา่ ง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ เปล่ยี นแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปญั หาและผลกระทบทมี่ ีตอ่ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและการ แกไ้ ขปญั หาสงิ่ แวดล้อม รวมทัง้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ มำตรฐำน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวติ หนว่ ยพ้ืนฐานของส่งิ มชี ีวิต การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ ง และหนา้ ทข่ี องระบบต่าง ๆ ของสัตวแ์ ละมนุษย์ท่ที างานสัมพันธ์ กัน ความสมั พนั ธข์ องโครงสรา้ งและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพชื ทที่ างานสัมพนั ธ์กนั รวมท้ังนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มำตรฐำน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม สารพันธกุ รรม การเปลยี่ นแปลงทางพนั ธุกรรมทมี่ ีผลต่อสง่ิ มีชีวติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและ วิวฒั นาการของสง่ิ มชี ีวิต รวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สำระที่ ๒ วิทยำศำสตรก์ ำยภำพ มำตรฐำน ว๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยดึ เหน่ียวระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะ ของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี มำตรฐำน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคล่ือนท่ี แบบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมท้ังนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ มำตรฐำน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ที่ เก่ยี วข้องกบั เสยี ง แสง และคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทัง้ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ สำระท่ี ๓ วทิ ยำศำสตรโ์ ลก และอวกำศ มำตรฐำน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาว ฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการ ประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ ตวั ช้วี ดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๑๒ มำตรฐำน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมท้ังผลต่อสิ่งมีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม สำระที่ ๔ เทคโนโลยี มำตรฐำน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยเี พอื่ การดารงชีวติ ในสงั คมทมี่ ีการเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเรว็ ใช้ ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือ พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้ เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมโดยคานงึ ถึงผลกระทบตอ่ ชีวิต สงั คม และสง่ิ แวดล้อม มำตรฐำน ว ๔.๒ เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชวี ิตจริงอย่างเปน็ ขนั้ ตอน และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทางานและการแกป้ ัญหาได้ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทัน และมจี ริยธรรม คุณภาพผูเ้ รยี น จบชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ ❖ เข้าใจลกั ษณะทัว่ ไปของสง่ิ มชี ีวติ และการดารงชวี ิตของสงิ่ มชี ีวติ รอบตวั ❖ เข้าใจลักษณะที่ปรากฏ ชนิดและสมบัติบางประการของวัสดุท่ีใช้ทาวัตถุ และการเปล่ียนแปลงของ วสั ดรุ อบตวั ❖ เข้าใจการดึง การผลัก แรงแม่เหล็ก และผลของแรงท่ีมีต่อการเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนที่ของวัตถุ พลงั งานไฟฟา้ และการผลติ ไฟฟา้ การเกิดเสียง แสงและการมองเห็น ❖ เข้าใจการปรากฏของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาว ปรากฏการณ์ข้ึนและตกของดวงอาทิตย์ การเกิด กลางวันกลางคืน การกาหนดทิศ ลักษณะของหิน การจาแนกชนิดดินและการใช้ประโยชน์ ลักษณะและความสาคัญ ของอากาศ การเกดิ ลม ประโยชนแ์ ละโทษของลม ❖ ต้งั คาถามหรือกาหนดปัญหาเก่ียวกับสิ่งที่จะเรยี นรูต้ ามที่กาหนดให้หรอื ตามความสนใจสงั เกต สารวจ ตรวจสอบโดยใช้เครื่องมอื อย่างงา่ ย รวบรวมข้อมูล บันทึก และอธิบายผลการสารวจตรวจสอบดว้ ยการเขียนหรือ วาดภาพ และสอื่ สารสง่ิ ทีเ่ รยี นรู้ดว้ ยการเล่าเรือ่ ง หรอื ด้วยการแสดงท่าทางเพอื่ ใหผ้ อู้ ่ืนเขา้ ใจ ❖ แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ ส่อื สารเบอื้ งตน้ รักษาข้อมูลส่วนตัว ❖ แสดงความกระตือรือร้น สนใจที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเร่ืองท่ีจะศึกษาตามที่ กาหนดใหห้ รือตามความสนใจ มีส่วนร่วมในการแสดงความคดิ เห็น และยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ผู้อน่ื ❖ แสดงความรับผิดชอบด้วยการทางานท่ีได้รับมอบหมายอย่างมุ่งม่ัน รอบคอบ ประหยัด ซ่ือสัตย์ จน งานลุลว่ งเป็นผลสาเรจ็ และทางานร่วมกบั ผูอ้ ่ืนอย่างมีความสุข ❖ ตระหนักถึงประโยชน์ของการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดารงชีวิต ศึกษาหา ความรู้เพ่มิ เตมิ ทาโครงงานหรอื ชนิ้ งานตามท่ีกาหนดให้หรอื ตามความสนใจ จบช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๖ ❖ เข้าใจโครงสร้าง ลักษณะเฉพาะและการปรับตัวของส่ิงมีชีวิต รวมท้ังความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตใน แหลง่ ที่อยู่ การทาหนา้ ทขี่ องส่วนตา่ ง ๆ ของพืช และการทางานของระบบยอ่ ยอาหารของมนุษย์ ❖ เข้าใจสมบัติและการจาแนกกลุ่มของวัสดุ สถานะและการเปลี่ยนสถานะของสสารการละลาย การ เปลยี่ นแปลงทางเคมี การเปล่ียนแปลงทผ่ี ันกลับไดแ้ ละผันกลับไมไ่ ด้ และการแยกสารอยา่ งงา่ ย ตวั ชีว้ ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๑๓ ❖ เข้าใจลักษณะของแรงโน้มถ่วงของโลก แรงลัพธ์ แรงเสียดทาน แรงไฟฟ้าและผลของแรงต่างๆ ผลท่ี เกิดจากแรงกระทาต่อวัตถุ ความดัน หลักการท่ีมีต่อวัตถุ วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ปรากฏการณ์เบื้องต้นของเสียง และแสง ❖ เขา้ ใจปรากฏการณ์การขนึ้ และตก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ องค์ประกอบ ของระบบสุริยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ ความแตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การข้ึนและตกของ กล่มุ ดาวฤกษ์ การใช้แผนทีด่ าว การเกดิ อปุ ราคา พฒั นาการและประโยชนข์ องเทคโนโลยอี วกาศ ❖ เข้าใจลักษณะของแหล่งน้า วัฏจักรน้า กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้าค้าง น้าค้างแข็ง หยาดน้าฟ้า กระบวนการเกิดหิน วัฏจักรหิน การใช้ประโยชน์หินและแร่ การเกิดซากดึกดาบรรพ์ การเกิดลมบก ลมทะเล มรสุม ลักษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณีพิบัติภัย การเกิดและผลกระทบของปรากฏการณ์เรือน กระจก ❖ ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเช่ือถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูลใช้เหตุผลเชิง ตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการทางานร่วมกัน เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของ ตน เคารพสิทธขิ องผูอ้ ่นื ❖ ตั้งคาถามหรือกาหนดปัญหาเกี่ยวกับส่ิงที่จะเรียนรู้ตามที่กาหนดให้หรือตามความสนใจ คาดคะเน คาตอบหลายแนวทางสรา้ งสมมติฐานที่สอดคล้องกับคาถามหรอื ปัญหาที่จะสารวจตรวจสอบ วางแผนและสารวจ ตรวจสอบโดยใช้เครือ่ งมอื อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสม ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลทั้งเชิงปริมาณ และคุณภาพ ❖ วิเคราะห์ข้อมูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลท่ีมาจากการสารวจตรวจสอบใน รูปแบบทีเ่ หมาะสม เพอ่ื สอื่ สารความรจู้ ากผลการสารวจตรวจสอบไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ลและหลกั ฐานอ้างอิง ❖ แสดงถึงความสนใจ มุ่งม่ัน ในส่ิงที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องท่ีจะศึกษาตามความ สนใจของตนเอง แสดงความคิดเหน็ ของตนเอง ยอมรับในข้อมลู ที่มหี ลักฐานอา้ งองิ และรบั ฟังความคิดเหน็ ผู้อนื่ ❖ แสดงความรับผิดชอบด้วยการทางานท่ีได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบ ประหยัด ซ่ือสัตย์ จน งานลุลว่ งเปน็ ผลสาเรจ็ และทางานร่วมกบั ผู้อ่ืนอย่างสร้างสรรค์ ❖ ตระหนักในคุณค่าของความรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการดารงชีวิต แสดงความช่ืนชม ยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คดิ ค้นและศกึ ษาหาความรูเ้ พ่ิมเติม ทา โครงงานหรือชิน้ งานตามท่กี าหนดให้หรอื ตามความสนใจ ❖ แสดงถึงความซาบซ้ึง ห่วงใย แสดงพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมอย่างรคู้ ุณคา่ ตัวช้ีวดั และสาระการเรียนร้แู กนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๑๔ โครงสร้างเวลาเรยี น หลักสูตรโรงเรยี นวดั พืชนมิ ิต (คาสวสั ดิ์ราษฎรบ์ ารงุ ) ได้กาหนดเวลาเรียนของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ 8 กลมุ่ สาระ ที่เป็นเวลาเรยี นพื้นฐาน เวลาเรยี นเพิม่ เติมและเวลาในการจัดกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน จาแนกแต่ละชน้ั ปี ดงั น้ี กลุ่มสาระการเรยี นรู้/กิจกรรม เวลาเรียนระดับประถมศกึ ษา ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ • กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย 200 200 200 ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ คณติ ศาสตร์ 200 200 200 ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๘๐ ๘๐ ๘๐ 120 120 120 สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 80 80 80 120 120 120 - ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม - หนา้ ท่ีพลเมอื ง วัฒนธรรม และการดาเนนิ ชีวิตในสงั คม (40) (40) (40) (80) (80) (80) - เศรษฐศาสตร์ - ภูมศิ าสตร์ - ประวัตศิ าสตร์ (40) (40) (40) (40) (40) (40) สขุ ศึกษาและพลศึกษา 40 40 40 80 80 80 ศลิ ปะ 40 40 40 40 4๐ 4๐ การงานอาชีพ ๔๐ ๔๐ ๔๐ 4๐ 4๐ 4๐ ภาษาต่างประเทศ 160 160 160 120 120 120 รวมเวลาเรียน (พื้นฐาน) ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ • รายวิชาเพ่ิมเตมิ ภาษาอังกฤษ 40 40 40 40 40 40 รวมเวลาเรยี น (เพ่ิมเติม) 40 40 40 40 40 40 • กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน O กิจกรรมแนะแนว 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ O กิจกรรมนักเรยี น - ลูกเสอื เนตรนารี 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ - กจิ กรรมชุมนุม ชมรม 3๐ 3๐ 3๐ 3๐ 3๐ 3๐ O กิจกรรมเพ่ือสังคมและ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ สาธารณประโยชน์ รวมเวลา กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ กิจกรรมลดเวลา เรยี นเพิ่มเวลารู้ บรู ณาการ บูรณาการ บรู ณาการ บรู ณาการ บูรณาการ บรู ณาการ รวมเวลาเรยี นทงั้ หมด ๑,๐0๐ ๑,๐0๐ ๑,๐0๐ ๑,๐0๐ ๑,๐0๐ ๑,๐0๐ คาอธิ ตัวชีว้ ัดและสาระการเรยี นร้แู กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๑๕ คาอธบิ ายประกอบโครงสร้างหลักสตู ร 1. การจัดโครงสร้างเวลาเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ในระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔-๖ จานวน ๑2๐ ชั่วโมง โรงเรียนดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยจัดการเรียนรู้สาระที่ ๑ – ๓ จานวน 80 ช่ัวโมง โดยครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ และ จัดการเรียนรู้สาระที่ ๔ เทคโนโลยี จานวน ๔๐ ช่ัวโมง โดย ครผู ู้สอนคอมพิวเตอร์ ตัวชี้วดั และสาระการเรียนร้แู กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๑๖ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๑๗ ตัวชีว้ ัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พนั ธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับส่งิ มีชวี ติ และ ความสมั พันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศการถา่ ยทอดพลังงาน การปลี่ยนแปลงแทนที่ ในระบบนิเวศ ความหมายของ ประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละการแกไ้ ขปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมท้งั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ชน้ั ปี ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ป.1 ๑. ระบุชือ่ พชื และสัตว์ที่อาศัยอยบู่ รเิ วณ • บรเิ วณตา่ ง ๆ ในท้องถน่ิ เช่น สนามหญา้ ใต้ ต่างๆจากข้อมูลท่ีรวบรวมได้ ต้นไม้ สวนหยอ่ ม แหล่งนา้ อาจพบพืชและสัตว์ ๒. บอกสภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมกับการ หลายชนดิ อาศยั อยู่ ดารงชวี ติ ของสัตว์ในบริเวณท่ีอาศยั อยู่ • บริเวณทีแ่ ตกต่างกนั อาจพบพชื และสัตวแ์ ตกตา่ ง กัน เพราะสภาพแวดลอ้ มของแตล่ ะบรเิ วณจะมี ความเหมาะสมต่อการดารงชีวิตของพชื และสตั ว์ ที่อาศัยอยู่ในแตล่ ะบริเวณ เช่น สระน้า มีนา้ เป็น ทอ่ี ยู่อาศัยของหอย ปลา สาหร่าย เป็นทีห่ ลบภัย และมีแหล่งอาหารของหอยและปลา บรเิ วณ ตน้ มะมว่ งมตี ้นมะม่วงเป็นแหลง่ ท่ีอยู่ และมี อาหารสาหรับกระรอกและมด • ถา้ สภาพแวดลอ้ มในบรเิ วณท่ีพชื และสตั ว์อาศยั อยมู่ ีการเปลี่ยนแปลง จะมีผลต่อการดารงชีวิต ของพชื และสัตว์ สำระที่ ๑ วิทยำศำสตร์ชวี ภำพ มำตรฐำน ว ๑.๒ เข้ำใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐำนของสิ่งมีชีวิต กำรลำเลียงสำรเข้ำและออกจำก เซลล์ ควำมสัมพันธ์ของโครงสร้ำงและหน้ำที่ของระบบต่ำง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงำนสัมพันธ์กัน ควำมสัมพันธ์ของโครงสร้ำงและหน้ำท่ีของ อวัยวะต่ำง ๆ ของพืชท่ีทำงำนสัมพันธ์กนั รวมท้ังนำควำมรู้ไปใช้ ประโยชน์ ช้ันปี ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ป.1 ๑. ระบุช่ือ บรรยายลกั ษณะและบอก • มนษุ ยม์ สี ่วนต่าง ๆ ท่ีมลี กั ษณะและหน้าที่ หน้าทีข่ องสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายมนษุ ย์ แตกตา่ งกัน เพ่ือให้เหมาะสมในการดารงชีวิต เช่น สัตว์ และพืช รวมทัง้ บรรยายการทาหน้าท่ี ตามีหน้าที่ไว้มองดู โดยมีหนังตาและขนตา เพื่อ รว่ มกนั ของสว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกายมนุษย์ ปอ้ งกันอันตรายให้กบั ตา หูมีหนา้ ทีร่ ับฟังเสยี ง ในการทากจิ กรรมตา่ ง ๆจากข้อมลู ท่ี โดยมีใบหแู ละรหู ู เพ่ือเป็นทางผา่ นของเสยี งปากมี รวบรวมได้ หนา้ ทีพ่ ดู กินอาหาร มชี ่องปากและมรี ิมฝีปากบน ล่าง แขนและมอื มหี นา้ ที่ยก หยิบ จบั มที อ่ นแขน ตวั ชี้วัดและสาระการเรียนร้แู กนกลาง กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๑๘ ชัน้ ปี ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ๒. ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของสว่ นต่าง ๆ และนิว้ มอื ทข่ี ยับได้ สมองมหี นา้ ท่คี วบคมุ การ ของร่างกายตนเอง โดยการดูแลสว่ นต่าง ๆ ทางานของสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย อยูใ่ นกะโหลก อยา่ งถูกต้อง ใหป้ ลอดภยั และรักษาความ ศรี ษะ โดยส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกายจะทาหน้าท่ี สะอาดอยูเ่ สมอ ร่วมกนั ในการทากิจกรรมในชีวิตประจาวัน • สัตว์มหี ลายชนดิ แต่ละชนดิ มสี ่วนต่าง ๆ ทีม่ ี ลักษณะและหนา้ ที่แตกต่างกัน เพือ่ ใหเ้ หมาะสม ในการดารงชวี ติ เช่น ปลามีครีบเป็นแผน่ ส่วนกบ เตา่ แมว มขี า ๔ ขา และมีเท้าสาหรับใช้ในการ เคล่ือนที่ • พชื มสี ว่ นตา่ ง ๆ ทมี่ ีลกั ษณะและหน้าทีแ่ ตกต่าง กัน เพ่ือให้เหมาะสมในการดารงชวี ิต โดยทัว่ ไป รากมลี ักษณะเรยี วยาว และแตกแขนงเปน็ ราก เล็ก ๆ ทาหนา้ ท่ีดดู น้า ลาตน้ มลี กั ษณะเปน็ ทรงกระบอกต้ังตรงและมีก่ิงก้าน ทาหน้าท่ีชูกง่ิ กา้ น ใบและดอก ใบมลี ักษณะเปน็ แผน่ แบน ทา หนา้ ทส่ี ร้างอาหาร นอกจากน้ีพืชหลายชนิด อาจ มีดอกท่ีมสี ี รูปรา่ งต่าง ๆ ทาหนา้ ทีส่ ืบพันธุ์ รวมทง้ั มผี ลทม่ี ีเปลือก มีเน้ือห่อห้มุ เมลด็ และมี เมล็ด • มนษุ ยใ์ ชส้ ว่ นต่าง ๆ ของร่างกายในการทา กจิ กรรมต่าง ๆ เพ่ือการดารงชวี ติ มนุษยจ์ ึงควรใช้ สว่ นต่าง ๆ ของร่างกายอย่างถูกต้อง ปลอดภยั และรกั ษาความสะอาดอยูเ่ สมอ เช่น ใช้ตามอง ตัวหนงั สอื ในท่ที ี่มีแสงสว่างเพียงพอ ดูแลตาให้ ปลอดภยั จากอนั ตราย และรักษาความสะอาดตา อย่เู สมอ สำระที่ ๑ วิทยำศำสตร์ชวี ภำพ มำตรฐำน ว ๑.๓ เข้ำใจกระบวนกำรและควำมสำคัญของกำรถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธุกรรมสำร พันธุกรรม กำรเปลี่ยนแปลงทำงพันธุกรรมที่มีผลต่อส่ิงมีชีวิต ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพและวิวัฒนำกำร ของสิ่งมีชีวิต รวมท้งั นำควำมรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ชั้นปี ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ตัวชว้ี ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๑๙ สำระที่ ๒ วิทยำศำสตร์กำยภำพ มำตรฐำน ว ๒.๑ เขำ้ ใจสมบัตขิ องสสำร องค์ประกอบของสสำร ควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงสมบตั ิของสสำรกบั โครงสรำ้ งและแรงยึดเหนย่ี วระหว่ำงอนุภำค หลักและธรรมชำติของกำรเปล่ียนแปลงสถำนะของสสำร กำร เกดิ สำรละลำย และกำรเกิดปฏกิ ริ ยิ ำเคมี ชั้นปี ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ป.1 ๑. อธิบายสมบัตทิ ่สี ังเกตไดข้ องวัสดุท่ีใช้ทา • วัสดทุ ใ่ี ช้ทาวตั ถทุ ีเ่ ป็นของเล่น ของใช้ มีหลาย วัตถซุ ง่ึ ทาจากวสั ดชุ นิดเดยี วหรือหลายชนดิ ชนดิ เชน่ ผ้า แก้ว พลาสติก ยาง ไม้ อฐิ หิน ประกอบกนั โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ กระดาษ โลหะ วัสดแุ ต่ละชนดิ มีสมบัติทส่ี ังเกตได้ ๒. ระบุชนิดของวัสดุและจดั กลมุ่ วสั ดุ ตา่ ง ๆ เชน่ สี นุ่ม แข็ง ขรขุ ระ เรยี บ ใส ข่นุ ยืด ตามสมบตั ิท่สี ังเกตได้ หดไดบ้ ิดงอได้ • สมบัตทิ สี่ ังเกตได้ของวัสดแุ ต่ละชนิดอาจ เหมือนกัน ซ่ึงสามารถนามาใชเ้ ปน็ เกณฑ์ในการ จดั กล่มุ วัสดไุ ด้ • วสั ดุบางอยา่ งสามารถนามาประกอบกนั เพื่อ ทาเป็นวตั ถุต่าง ๆ เชน่ ผา้ และกระดมุ ใช้ทาเส้ือ ไมแ้ ละโลหะ ใช้ทากระทะ สำระท่ี ๒ วิทยำศำสตร์กำยภำพ มำตรฐำน ว ๒.๒ เข้ำใจธรรมชำตขิ องแรงในชีวิตประจำวนั ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะกำร เคล่อื นท่แี บบต่ำง ๆ ของวตั ถุ รวมทง้ั นำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์ ช้นั ปี ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สำระท่ี ๒ วิทยำศำสตร์กำยภำพ มำตรฐำน ว ๒.๓ เข้ำใจควำมหมำยของพลังงำน กำรเปลีย่ นแปลงและกำรถำ่ ยโอนพลงั งำนปฏิสัมพันธ์ ระหว่ำงสสำรและพลังงำน พลงั งำนในชวี ติ ประจำวนั ธรรมชำติของ คลืน่ ปรำกฏกำรณท์ ่เี กยี่ วข้องกับเสียง แสง และคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้ำรวมท้ังนำควำมรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ชน้ั ปี ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๑. บรรยายการเกดิ เสยี งและทิศทางการ • เสียงเกิดจากการสน่ั ของวตั ถุ วัตถทุ ท่ี าให้เกิด เคลอ่ื นที่ของเสียงจากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ เสยี งเปน็ แหล่งกาเนิดเสียง ซ่ึงมีทัง้ แหล่งกาเนดิ เสยี งตามธรรมชาตแิ ละแหลง่ กาเนิดเสยี งท่ีมนษุ ย์ สรา้ งขนึ้ เสียงเคล่ือนที่ออกจากแหลง่ กาเนิดเสยี ง ทกุ ทิศทาง ตัวชวี้ ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๐ สำระท่ี ๓ วิทยำศำสตร์โลก และอวกำศ มำตรฐำน ว ๓.๑ เข้ำใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนกำรเกิด และวิวัฒนำกำรของเอกภพกำแลก็ ซี ดำว ฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพนั ธ์ภำยในระบบสุรยิ ะทส่ี ่งผลต่อสิง่ มชี ีวิต และกำรประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อวกำศ ชั้นปี ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ๑. ระบุดาวทีป่ รากฏบนทอ้ งฟา้ ในเวลา • บนทอ้ งฟ้ามีดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และดาว กลางวนั และกลางคืนจากขอ้ มูลที่รวบรวม ซึง่ ในเวลากลางวนั จะมองเห็นดวงอาทิตย์และอาจ ได้ มองเหน็ ดวงจนั ทร์บางเวลาในบางวนั แตไ่ ม่ สามารถมองเห็นดาว ๒. อธบิ ายสาเหตทุ ม่ี องไมเ่ หน็ ดาวส่วนใหญ่ • ในเวลากลางวนั มองไม่เห็นดาวสว่ นใหญ่ ในเวลากลางวันจากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ เน่ืองจากแสงอาทติ ยส์ ว่างกว่าจงึ กลบแสงของดาว สว่ นในเวลากลางคืนจะมองเห็นดาวและมองเห็น ดวงจนั ทร์เกอื บทกุ คนื สำระท่ี ๓ วิทยำศำสตรโ์ ลก และอวกำศ มำตรฐำน ว ๓.๒ เข้ำใจองค์ประกอบและควำมสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนกำรเปล่ียนแปลงภำยในโลก และบนผิวโลก ธรณพี ิบตั ิภยั กระบวนกำรเปลี่ยนแปลงลมฟำ้ อำกำศและภูมิอำกำศโลก รวมทัง้ ผลต่อสิ่งมีชวี ิต และส่ิงแวดล้อม ชนั้ ปี ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ๑. อธบิ ายลักษณะภายนอกของหนิ จาก • หนิ ทอ่ี ยใู่ นธรรมชาติมีลกั ษณะภายนอก ลักษณะเฉพาะตวั ท่ีสงั เกตได้ เฉพาะตัว ทส่ี ังเกตได้ เช่น สี ลวดลาย นา้ หนัก ความแข็ง และเน้ือหิน สำระท่ี ๔ เทคโนโลยี มำตรฐำน ว ๔.๒ เข้ำใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในกำรแกป้ ญั หำท่พี บในชีวติ จรงิ อย่ำงเป็นขั้นตอนและ เปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศและกำรส่ือสำรในกำรเรียนรูก้ ำรทำงำน และกำรแก้ปัญหำไดอ้ ยำ่ งมี ประสทิ ธิภำพ รเู้ ท่ำทนั และมจี ริยธรรม ช้ันปี ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ป.1 ๑. แกป้ ัญหาอยา่ งง่ายโดยใชก้ ารลองผิด • การแก้ปัญหาให้ประสบความสาเร็จทาได้โดยใช้ ลองถูก การเปรยี บเทยี บ ขนั้ ตอนการแก้ปัญหา • ปญั หาอยา่ งงา่ ย เช่น เกมเขาวงกต เกมหา จุดแตกตา่ งของภาพ การจัดหนังสือใสก่ ระเปา๋ ๒. แสดงลาดบั ขนั้ ตอนการทางานหรือการ • การแสดงขั้นตอนการแก้ปญั หา ทาได้โดยการเขยี น แกป้ ัญหาอยา่ งงา่ ยโดยใชภ้ าพ สัญลักษณ์ บอกเลา่ วาดภาพ หรือใชส้ ญั ลกั ษณ์ หรอื ขอ้ ความ • ปัญหาอย่างง่าย เชน่ เกมเขาวงกต เกมหาจุด แตกตา่ งของภาพ การจัดหนังสอื ใสก่ ระเปา๋ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนร้แู กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๑ ช้นั ปี ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.1 ๓. เขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใช้ • การเขียนโปรแกรมเป็นการสรา้ งลาดบั ของคาสงั่ ให้ ซอฟต์แวร์หรอื สื่อ คอมพิวเตอร์ทางาน • ตัวอยา่ งโปรแกรม เช่น เขยี นโปรแกรมสง่ั ให้ ๔. ใช้เทคโนโลยีในการสรา้ ง จดั เก็บ ตวั ละครย้ายตาแหนง่ ย่อขยายขนาด เปลีย่ นรปู รา่ ง เรยี กใช้ขอ้ มลู ตามวตั ถปุ ระสงค์ • ซอฟต์แวร์หรือสื่อทใ่ี ชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ ใช้ บัตรคาส่ังแสดงการเขียนโปรแกรม, Code.org ๕. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงในการใช้คอมพวิ เตอร์ • การใช้งานอุปกรณเ์ ทคโนโลยีเบอ้ื งตน้ เชน่ การใช้ ร่วมกัน ดูแลรักษาอปุ กรณเ์ บ้ืองตน้ ใช้งาน เมาส์ คียบ์ อร์ด จอสมั ผสั การเปิด-ปดิ อปุ กรณ์ อย่างเหมาะสม เทคโนโลยี • การใชง้ านซอฟต์แวรเ์ บือ้ งต้น เชน่ การเข้าและออก จากโปรแกรม การสรา้ งไฟล์ การจัดเก็บ การเรียกใชไ้ ฟล์ ทาได้ในโปรแกรม เช่น โปรแกรม ประมวลคา โปรแกรมกราฟกิ โปรแกรมนาเสนอ • การสรา้ งและจดั เกบ็ ไฟล์อย่างเป็นระบบจะทาให้ เรยี กใช้ ค้นหาข้อมลู ไดง้ า่ ยและรวดเรว็ • การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เช่น รจู้ กั ข้อมลู สว่ นตวั อันตรายจากการเผยแพร่ข้อมลู สว่ นตัว และไมบ่ อกข้อมูลสว่ นตัวกับ บคุ คลอน่ื ยกเว้นผูป้ กครองหรือครู แจง้ ผูเ้ กยี่ วขอ้ งเมอื่ ตอ้ งการความช่วยเหลอื เกี่ยวกบั การใชง้ าน • ขอ้ ปฏบิ ตั ิในการใชง้ านและการดแู ลรกั ษาอปุ กรณ์ เชน่ ไมข่ ดี เขยี นบนอุปกรณ์ ทาความสะอาดใช้อปุ กรณ์อย่าง ถกู วิธี • การใชง้ านอย่างเหมาะสม เช่น จัดท่านงั่ ให้ถูกต้อง การพักสายตาเม่ือใช้อุปกรณ์เปน็ เวลานาน ระมัดระวงั อุบัตเิ หตจุ ากการใชง้ าน ตัวช้วี ัดและสาระการเรยี นร้แู กนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๒ โครงสรา้ งหลักสตู รชัน้ ปี โครงสร้างหลักสูตรชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 รหสั กลุม่ สาระการเรยี นร/ู้ กิจกรรม เวลาเรียน (ชม./ปี) ท ๑๑๑๐๑ รายวชิ าพน้ื ฐาน (๘๔๐) ค ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ว ๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๒๐๐ ส ๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส ๑๑๑๐๒ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๘๐ พ ๑๑๑๐๑ ประวตั ิศาสตร์ 4๐ ศ ๑๑๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๔๐ ง ๑๑๑๐๑ ศิลปะ 4๐ อ ๑๑๑๐๑ การงานอาชีพ 4๐ ภาษาอังกฤษ ๔๐ อ 11201 160 รายวชิ าเพม่ิ เติม (40) ภาษาองั กฤษ 40 (๑๒๐) กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น 4๐ แนะแนว กิจกรรมนกั เรยี น 4๐ 3๐ • ลกู เสือ เนตรนารี ๑๐ • ชุมนมุ 1,000 กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด ตัวช้วี ัดและสาระการเรียนร้แู กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒๓ คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน รหสั วิชา ว ๑1๑๐๑ ชื่อรายวิชาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 80 ช่ัวโมง ศึกษาการเรียนรู้แบบนักวิทยาศาสตร์ ลักษณะ หน้าที่และการดูแลรักษาส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ ลักษณะและหน้าที่ของส่วนต่างๆ ของสัตว์และพืชรอบตัว และสภาพแวดล้อมในบริเวณท่ีสัตว์และพืชอาศัยอยู่ ชนิดและสมบัติของวัสดุท่ีใช้ทาวัตถุรอบตัว การเกิดเสียงและทิศทางการเคลื่อนที่ของเสียง ลักษณะของหิน และ การมองเห็นดาวบนท้องฟ้าในเวลากกลางวันและกลางคืน การแก้ปัญหาโดยการลองผิดลองถูก การเปรียบเทียบ การเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ซอฟต์แวร์หรือส่ือการใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีเบื้องต้น การใช้งานซอฟต์แวร์ เบ้ืองต้น ใช้การสืบเสาะหาความรู้ สังเกต สารวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมืออย่างง่าย รวบรวมข้อมูลบันทึก และ อธิบายผลการสารวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพ้ืนฐาน และมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารเบื้องต้น สามารถ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืนได้ แสดงขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างง่าย เขียนโปรแกรมโดยใชส้ อ่ื สร้าง จดั เกบ็ และเรียกใช้ไฟลต์ ามวตั ถุประสงค์ ตระหนักถงึ ประโยชน์ของการใชค้ วามรูแ้ ละกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการดารงชีวิต ใช้เทคโนโลลยี สารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้งาน ดูแลรักษาอุปกรณ์และใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างเหมาะสม มจี ิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคา่ นิมที่เหมาะสม รหสั ตัวชี้วัด ว 1.1 ป.1/1 , ป.1/2 ว 1.2 ป.1/1 , ป.1/2 ว 2.1 ป.1/1 , ป.1/2 ว 2.3 ป.1/1 ว 3.1 ป.1/1 , ป.1/2 ว 3.2 ป.1/1 ว 4.2 ป.1/1 , ป.1/2 , ป.1/3 , ป.1/4 , ป.1/5 รวม 15 ตัวช้ีวัด ตวั ชี้วดั และสาระการเรยี นร้แู กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๔ โครงสร้างรายวิชา รายวชิ า วิทยาศาสตร์ 1 ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 รหสั วชิ า ว11101 เวลา 80 ชั่วโมง / ปี ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ัด จานวน นา้ หนัก คะแนน (ชัว่ โมง) 24 ตวั เรา สตั ว์ และพชื รอบตัวเรา ว 1.1 ป1/1, ป1/2 ว 1.2 ป1/1, ป1/2 20 23 สง่ิ ตา่ งๆ รอบตัวเรา ว 2.1 ป1/1, ป1/2 ว 2.3 ป1/1 20 23 โลกและทอ้ งฟา้ ของเรา ว 3.1 ป1/1, ป1/2 ว 3.2 ป1/1 20 30 วิทยาการคานวณ ว 4.2 ป1/1, ป1/2, ป1/3, ป1/4, ป1/5 20 100 รวม 15 80 ตวั ช้วี ัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๕ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒๖ ตัวชี้วัดและสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชวี ิตกับสิ่งมีชีวิต และ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวติ กบั สง่ิ มีชีวติ ต่าง ๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงานการเปลย่ี นแปลงแทนที่ ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละการแกไ้ ขปญั หาส่ิงแวดล้อมรวมทัง้ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ชนั้ ปี ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สำระท่ี ๑ วิทยำศำสตร์ชวี ภำพ มำตรฐำน ว ๑.๒ เข้ำใจสมบัติของสง่ิ มชี ีวติ หน่วยพนื้ ฐำนของสง่ิ มชี ีวติ กำรลำเลยี งสำรเข้ำและออกจำก เซลล์ ควำมสมั พนั ธข์ องโครงสรำ้ งและหนำ้ ที่ของระบบต่ำง ๆ ของสัตวแ์ ละมนษุ ย์ที่ทำงำนสมั พนั ธก์ นั ควำมสมั พนั ธ์ของโครงสรำ้ งและหน้ำทขี่ องอวัยวะตำ่ ง ๆ ของพืชท่ีทำงำนสัมพันธก์ ัน รวมทั้งนำควำมรู้ไปใช้ ประโยชน์ ชัน้ ปี ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง • พืชต้องการน้า แสง เพ่ือการเจรญิ เติบโต ป.2 ๑. ระบวุ ่าพืชต้องการแสงและนา้ เพื่อการ เจริญเติบโต โดยใช้ขอ้ มลู จากหลกั ฐานเชิง • พืชดอกเมื่อเจริญเตบิ โตและมดี อก ดอกจะมีการ ประจกั ษ์ สบื พันธเ์ุ ปลย่ี นแปลงไปเปน็ ผล ภายในผลมีเมลด็ ๒. ตระหนกั ถงึ ความจาเปน็ ที่พืชต้องได้รับ เมือ่ เมลด็ งอก ต้นอ่อนที่อยภู่ ายในเมลด็ จะ นา้ และแสงเพื่อการเจรญิ เติบโต โดยดแู ล เจรญิ เตบิ โตเป็นพืชตน้ ใหม่ พืชตน้ ใหม่จะ พืชใหไ้ ดร้ บั สิ่งดงั กล่าวอยา่ งเหมาะสม เจรญิ เตบิ โต ออกดอกเพื่อสบื พันธุม์ ีผลตอ่ ไปได้อกี หมนุ เวียนตอ่ เนอ่ื งเป็นวัฏจักรชีวติ ของพชื ดอก ๓. สรา้ งแบบจาลองทบี่ รรยายวฏั จักรชวี ิต ของพืชดอก ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๒๗ สำระที่ ๑ วิทยำศำสตรช์ ีวภำพ มำตรฐำน ว ๑.๓ เข้ำใจกระบวนกำรและควำมสำคญั ของกำรถำ่ ยทอดลกั ษณะทำงพันธุกรรมสำรพันธุกรรม กำรเปล่ยี นแปลงทำงพนั ธกุ รรมทีม่ ีผลต่อส่ิงมชี ีวิต ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพและวิวัฒนำกำรของสิ่งมีชวี ติ รวมท้ังนำควำมรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ชัน้ ปี ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป.2 ๑. เปรยี บเทยี บลกั ษณะของส่ิงมชี ีวติ และ • ส่งิ ทอี่ ยู่รอบตัวเรามที ้ังท่เี ป็นสิ่งมชี ีวิตและ สิ่งไม่มชี วี ติ จากข้อมูลทร่ี วบรวมได้ ส่งิ ไมม่ ชี ีวิต สิ่งมชี ีวิตต้องการอาหาร มกี ารหายใจ เจริญเติบโต ขับถา่ ย เคล่ือนไหว ตอบสนองต่อสงิ่ เรา้ และสืบพันธุ์ได้ลูกท่มี ลี ักษณะคล้ายคลึงกับพ่อ แม่ สว่ นสิ่งไม่มชี วี ติ จะไมม่ ลี กั ษณะดังกลา่ ว สำระท่ี ๒ วิทยำศำสตร์กำยภำพ มำตรฐำน ว ๒.๑ เขำ้ ใจสมบตั ขิ องสสำร องคป์ ระกอบของสสำร ควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงสมบัติของสสำรกบั โครงสร้ำงและแรงยึดเหนย่ี วระหว่ำงอนุภำค หลกั และธรรมชำตขิ องกำรเปล่ียนแปลงสถำนะของสสำร กำร เกิดสำรละลำย และกำรเกดิ ปฏกิ ิรยิ ำเคมี ชั้นปี ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ป.1 ๑. เปรยี บเทยี บสมบตั ิการดูดซับน้าของ • วัสดแุ ตล่ ะชนดิ มสี มบตั กิ ารดูดซับนา้ แตกต่างกัน จงึ นาไปทาวตั ถุเพื่อใชป้ ระโยชนไ์ ด้แตกต่างกัน วสั ดุโดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ และระบุ เชน่ ใช้ผ้าท่ีดดู ซับน้าไดม้ ากทาผ้าเชด็ ตวั ใช้ การนาสมบตั ิ พลาสติก ซงึ่ ไม่ดดู ซบั นา้ ทารม่ การดูดซับนา้ ของวสั ดุไปประยุกตใ์ ชใ้ นการ ทาวัตถใุ นชวี ติ ประจาวัน • วัสดบุ างอยา่ งสามารถนามาผสมกันซ่งึ ทาใหไ้ ด้ ๒. อธิบายสมบัตทิ ี่สังเกตไดข้ องวัสดทุ ีเ่ กิด สมบตั ทิ ่เี หมาะสม เพ่ือนาไปใชป้ ระโยชนต์ าม จากการนาวสั ดมุ าผสมกันโดยใชห้ ลักฐาน ต้องการ เช่น แปง้ ผสมน้าตาลและกะทิ ใช้ทา เชงิ ประจักษ์ ขนมไทย ปูนปลาสเตอรผ์ สมเยือ่ กระดาษใช้ทา กระปุกออมสิน ปนู ผสมหิน ทราย และนา้ ใช้ทา ๓. เปรยี บเทียบสมบตั ทิ ่สี ังเกตได้ของวสั ดุ คอนกรีต เพ่อื นามาทาเป็นวตั ถใุ นการใชง้ านตาม • การนาวสั ดุมาทาเป็นวัตถุในการใชง้ านตาม วตั ถปุ ระสงค์ และอธบิ ายการนาวสั ดทุ ่ีใช้ วตั ถปุ ระสงค์ขึน้ อยู่กบั สมบตั ิของวัสดุ วัสดทุ ่ีใช้ แล้วกลับมาใชใ้ หมโ่ ดยใชห้ ลักฐานเชิง แลว้ อาจนากลับมาใช้ใหมไ่ ด้ เช่น กระดาษใช้แลว้ ประจักษ์ อาจนามาทาเป็นจรวดกระดาษ ดอกไมป้ ระดิษฐ์ ๔. ตระหนกั ถึงประโยชน์ของการนาวสั ดทุ ี่ ถุงใสข่ อง ใชแ้ ลว้ กลบั มาใชใ้ หม่ โดยการนาวสั ดทุ ี่ใช้ แล้วกลบั มาใช้ใหม่ ตัวช้วี ดั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒๘ สำระท่ี ๒ วิทยำศำสตรก์ ำยภำพ มำตรฐำน ว ๒.๒ เข้ำใจธรรมชำตขิ องแรงในชวี ติ ประจำวนั ผลของแรงท่ีกระทำต่อวัตถุ ลกั ษณะกำร เคลื่อนท่แี บบต่ำง ๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนำควำมร้ไู ปใช้ประโยชน์ ชัน้ ปี ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สำระท่ี ๒ วิทยำศำสตรก์ ำยภำพ มำตรฐำน ว ๒.๓ เขำ้ ใจควำมหมำยของพลังงำน กำรเปล่ียนแปลงและกำรถ่ำยโอนพลังงำนปฏิสัมพันธ์ ระหว่ำงสสำรและพลังงำน พลังงำนในชีวิตประจำวนั ธรรมชำตขิ องคลน่ื ปรำกฏกำรณ์ท่ีเกีย่ วข้องกับเสยี ง แสง และคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟำ้ รวมท้ังนำควำมรไู้ ปใช้ประโยชน์ ชนั้ ปี ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๑. บรรยายแนวการเคล่ือนท่ีของแสงจาก • แสงเคล่ือนท่ีจากแหลง่ กาเนิดแสงทกุ ทศิ ทาง แหล่งกาเนดิ แสง และอธบิ ายการมองเหน็ เปน็ แนวตรง เมอื่ มีแสงจากวตั ถมุ าเขา้ ตาจะทาให้ วัตถุจากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ มองเหน็ วัตถุน้ัน การมองเหน็ วตั ถทุ ี่เปน็ ๒. ตระหนักในคณุ คา่ ของความรขู้ องการ แหลง่ กาเนดิ แสง แสงจากวตั ถุนัน้ จะเข้าสู่ตา มองเหน็ โดยเสนอแนะแนวทางการป้องกนั โดยตรงสว่ นการมองเห็นวัตถุทไี่ ม่ใช่แหล่งกาเนิด อนั ตรายจากการมองวตั ถุท่อี ยู่ในบรเิ วณท่มี ี แสง ตอ้ งมีแสงจากแหล่งกาเนิดแสงไปกระทบ แสงสว่างไมเ่ หมาะสม วตั ถแุ ลว้ สะทอ้ นเขา้ ตา ถ้ามแี สงทส่ี ว่างมาก ๆ เขา้ สตู่ าอาจเกิดอนั ตรายต่อตาได้ จึงตอ้ ง หลกี เล่ยี งการมองหรอื ใชแ้ ผ่นกรองแสงทีม่ ี คุณภาพเม่อื จาเป็น และต้องจัดความสวา่ งให้ เหมาะสมกบั การทากิจกรรมต่าง ๆ เช่น การอ่าน หนงั สอื การดูจอโทรทัศน์ การใชโ้ ทรศพั ท์เคลอ่ื นท่ี และแทบ็ เลต็ สำระที่ ๓ วิทยำศำสตรโ์ ลก และอวกำศ มำตรฐำน ว ๓.๑ เข้ำใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนกำรเกดิ และวิวัฒนำกำรของเอกภพ กำแลก็ ซี ดำว ฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมท้ังปฏิสมั พนั ธภ์ ำยในระบบสรุ ิยะท่สี ่งผลต่อสิ่งมชี ีวติ และกำรประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยี อวกำศ ชั้นปี ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ตัวช้วี ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๒๙ สำระที่ ๓ วิทยำศำสตรโ์ ลก และอวกำศ มำตรฐำน ว ๓.๒ เข้ำใจองค์ประกอบและควำมสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนกำรเปล่ียนแปลงภำยในโลก และบนผิวโลก ธรณีพบิ ตั ิภยั กระบวนกำรเปลี่ยนแปลงลมฟำ้ อำกำศและภูมิอำกำศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชวี ติ และสิ่งแวดล้อม ชั้นปี ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป.2 ๑. ระบสุ ่วนประกอบของดิน และจาแนก • ดนิ ประกอบดว้ ยเศษหิน ซากพืช ซากสัตวผ์ สม ชนดิ ของดนิ โดยใช้ลกั ษณะเนื้อดินและการ อยใู่ นเนื้อดนิ มอี ากาศและน้าแทรกอยูต่ าม จบั ตวั เปน็ เกณฑ์ ช่องว่างในเนอื้ ดนิ ดินจาแนกเปน็ ดนิ ร่วน ดิน ๒. อธบิ ายการใชป้ ระโยชนจ์ ากดิน จาก เหนยี ว และดนิ ทราย ตามลกั ษณะเนื้อดนิ และ ข้อมูลที่รวบรวมได้ การจับตัวของดินซ่งึ มีผลต่อการอุม้ น้าท่ีแตกต่าง กัน • ดินแต่ละชนดิ นาไปใช้ประโยชนไ์ ด้แตกตา่ งกนั ตามลักษณะและสมบัติของดิน สำระที่ ๔ เทคโนโลยี มำตรฐำน ว ๔.๑ เข้ำใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือกำรดำรงชีวิตในสังคมท่ีมีกำรเปล่ียนแปลงอย่ำง รวดเร็ว ใช้ควำมรู้และทักษะทำงด้ำนวิทยำศำสตร์ คณิตศำสตร์ และศำสตร์อ่ืน ๆ เพื่อแก้ปัญหำหรือพัฒนำ งำนอย่ำงมีควำมคิดสรำ้ งสรรค์ดว้ ยกระบวนกำรออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอยำ่ งเหมำะสมโดย คำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อชีวติ สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม ชน้ั ปี ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สำระท่ี ๔ เทคโนโลยี มำตรฐำน ว ๔.๒ เข้ำใจและใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณในกำรแกป้ ัญหำทพี่ บในชีวิตจริงอย่ำงเปน็ ขัน้ ตอนและ เปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสือ่ สำรในกำรเรยี นรกู้ ำรทำงำน และกำรแก้ปญั หำได้อย่ำงมี ประสทิ ธิภำพ รู้เทำ่ ทนั และมจี รยิ ธรรม ช้ันปี ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.2 ๑. แสดงลาดบั ข้ันตอนการทางานหรอื การ • การแสดงข้นั ตอนการแกป้ ัญหา ทาไดโ้ ดยการ แกป้ ญั หาอยา่ งงา่ ยโดยใชภ้ าพ สัญลกั ษณ์ เขยี น บอกเลา่ วาดภาพ หรอื ใชส้ ัญลักษณ์ หรอื ข้อความ • ปญั หาอย่างงา่ ย เช่น เกมตวั ต่อ ๖-๑๒ ชน้ิ การแตง่ ตัวมาโรงเรียน ตัวช้วี ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๓๐ ชน้ั ปี ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ๒. เขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใช้ ซอฟต์แวร์หรอื ส่อื และตรวจหา • ตัวอย่างโปรแกรม เช่น เขียนโปรแกรมส่งั ให้ ข้อผิดพลาดของโปรแกรม ตวั ละครทางานตามท่ตี ้องการ และตรวจสอบ ข้อผิดพลาด ปรบั แก้ไขให้ไดผ้ ลลพั ธต์ ามท่ีกาหนด ๓. ใชเ้ ทคโนโลยีในการสรา้ ง จัดหมวดหมู่ • การตรวจหาข้อผดิ พลาด ทาได้โดยตรวจสอบ ค้นหา จดั เกบ็ เรียกใชข้ อ้ มูลตาม คาสง่ั ทแ่ี จ้งข้อผิดพลาด หรือหากผลลัพธ์ไมเ่ ปน็ ไป วัตถุประสงค์ ตามที่ต้องการใหต้ รวจสอบการทางานทีละคาสงั่ • ซอฟต์แวรห์ รอื สื่อทใี่ ช้ในการเขียนโปรแกรม เชน่ ๔. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย ใช้บตั รคาสั่งแสดงการเขยี นโปรแกรม, Code.org ปฏิบัตติ ามข้อตกลงในการใช้คอมพวิ เตอร์ ร่วมกัน ดูแลรกั ษาอุปกรณเ์ บ้ืองตน้ ใชง้ าน • การใชง้ านซอฟตแ์ วรเ์ บือ้ งต้น เชน่ การเขา้ อยา่ งเหมาะสม และออกจากโปรแกรม การสร้างไฟล์ การจัดเก็บ การเรียกใชไ้ ฟล์ การแก้ไขตกแตง่ เอกสาร ทาได้ ในโปรแกรม เช่น โปรแกรมประมวลคา โปรแกรม กราฟิก โปรแกรมนาเสนอ • การสรา้ ง คัดลอก ยา้ ย ลบ เปลยี่ นชื่อ จดั หมวดหมู่ไฟล์ และโฟลเดอรอ์ ยา่ งเป็นระบบจะทา ให้เรยี กใช้ คน้ หาข้อมลู ไดง้ า่ ยและรวดเรว็ • การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เช่น รจู้ ักข้อมลู ส่วนตัว อันตรายจากการเผยแพร่ข้อมลู ส่วนตัว และไมบ่ อกข้อมูลส่วนตวั กบั บคุ คลอืน่ ยกเว้นผปู้ กครองหรอื ครู แจ้งผเู้ ก่ยี วขอ้ งเมอื่ ตอ้ งการความชว่ ยเหลอื เกี่ยวกบั การใช้งาน • ข้อปฏิบตั ใิ นการใช้งานและการดูแลรักษา อปุ กรณ์ เชน่ ไม่ขดี เขยี นบนอุปกรณ์ ทาความ สะอาดใชอ้ ุปกรณ์อยา่ งถูกวิธี • การใชง้ านอยา่ งเหมาะสม เช่น จัดท่านั่งให้ ถกู ต้อง การพกั สายตาเมื่อใช้อปุ กรณ์เป็น เวลานาน ระมดั ระวงั อุบัตเิ หตุจากการใช้งาน ตัวชวี้ ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
โครงสร้างหลักสตู รชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๒ ๓๑ รหสั กลมุ่ สาระการเรยี นร/ู้ กจิ กรรม เวลาเรียน (ชม./ปี) ท ๑๒๑๐๑ รายวชิ าพ้นื ฐาน (๘๔๐) ค ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ว ๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ส ๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ส ๑๒๑๐๒ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 8๐ พ ๑๒๑๐๑ ประวตั ิศาสตร์ 8๐ ศ ๑๒๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา 4๐ ง ๑๒๑๐๑ ศิลปะ ๔๐ อ ๑๒๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ ภาษาอังกฤษ ๔๐ อ 12201 160 รายวิชาเพิม่ เติม (4๐) ภาษาอังกฤษ 40 (๑๒๐) กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น 4๐ แนะแนว กจิ กรรมนักเรียน 4๐ 3๐ • ลูกเสอื เนตรนารี ๑๐ 1,000 • ชมุ นุม กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๓๒ คาอธบิ ายรายวชิ าพืน้ ฐาน รหัสวิชา ว ๑2๑๐๑ ชื่อรายวชิ าวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 2 เวลา 80 ช่วั โมง ศกึ ษาการเรียนรู้แบบนกั วทิ ยาศาสตร์ ลกั ษณะของส่ิงมชี ีวิตและสิง่ ไมม่ ีชีวิต ความจาเป็นของแสง และน้า ตอ่ การเจริญเติบโตของพืช วัฏจักรชีวติ ของพชื ดอก สมบัติการดูดซับน้าของวสั ดุและการนาไปใชป้ ระโยชน์ สมบัติ ของวัสดุท่ีเกิดจากการนาวัสดุมาผสมกัน การเลือกวัสดุมาใช้ทาวัตถุตามสมบัติของวัสดุ การนาวัสดุที่ใช้แล้ว กลับมาใช้ใหม่ การเคล่ือนท่ีของแสง การมองเห็นวัตถุ การป้องกันอันตรายจากการมองวัตถุในบริเวณท่ีมีแสง สว่างไม่เหมาะสม ส่วนประกอบและการจาแนกชนิดของดิน การใช้ประโยชน์จากดิน การแสดงข้ันตอนการ แก้ปัญหา การตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม การใชง้ านซอฟต์แวร์เบื้องต้น การจดั การไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ การ ใช้งานและดูแลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีในชีวิตประจาวัน การใช้เทคโนโลยีสาร สนเทศอย่าง ปลอดภยั ใช้การสืบเสาะหาความรู้ สังเกต จาแนกประเภท รวบรวมข้อมูล บันทึก และอธิบายผลการสารวจ ตรวจสอบ เพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ข้ันพื้นฐานและมีทักษะการเรียนรู้ ในศตวรรษท่ี ๒๑ ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเบ้ืองต้น สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มี ความคิดสร้างสรรค์ สามารถทางานร่วมกับผู้อื่น แสดงขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างง่าย เขียนโปรแกรมแบบมี เง่อื นไขโดยใชบ้ ตั รคาส่งั และตรวจหาข้อผดิ พลาด ใช้งานซอฟต์แวร์ สรา้ ง จัดหมวดหมไู่ ฟล์และโฟลเดอร์ ตระหนักถึงประโยชน์ของการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดารงชีวิต ตระหนักถึง ความสาคัญของการปกป้องขอ้ มลู ส่วนตัว ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ดแู ลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมทเี่ หมาะสม รหสั ตัวชีว้ ดั ว 1.2 ป.2/1, ป.2/2 , ป.2/3 ว 1.3 ป.2/1 ว 2.1 ป.2/1, ป.2/2 , ป.2/3 , ป.2/4 ว 2.3 ป.2/1 , ป.2/2 ว 3.2 ป.2/1 , ป.2/2 ว 4.2 ป.2/1 , ป.2/2 , ป.2/3 , ป.2/4 รวม 16 ตัวชี้วัด ตัวชวี้ ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๓๓ โครงสร้างรายวชิ า รายวิชา วิทยาศาสตร์ 2 ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 2 รหสั วิชา ว12101 เวลา 80 ชั่วโมง / ปี ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ ตัวชว้ี ัด จานวน(ช่ัวโมง) นา้ หนัก คะแนน วสั ดแุ ละการใช้ประโยชน์ ว 2.1 ป2/1, ป2/2, ป2/3,ป2/4 แสงและสงิ่ มชี ีวิต 20 25 ว 1.3 ป2/1 ว 2.3 ป2/1, ป2/2 ว1.2 ป 20 25 ดินรอบตัวเรา 2/1 ป2/2 ป2/3 วิทยาการคานวณ 20 20 ว 3.2 ป2/1, ป2/2 20 30 รวม 80 100 ว 4.2 ป2/1 ,ป2/2, ป2/3, ป2/4 16 ตัวชี้วดั และสาระการเรียนร้แู กนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๓๔ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๓๕ ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระที่ ๑ วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสิ่งไม่มชี วี ิตกับสิ่งมีชวี ติ และ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลง แทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ สิง่ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม รวมทั้งนาความรู้ไป ใชป้ ระโยชน์ ชน้ั ปี ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สำระท่ี ๑ วิทยำศำสตร์ชีวภำพ มำตรฐำน ว ๑.๒ เข้ำใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐำนของส่ิงมีชีวิต กำรลำเลียงสำรเข้ำและออกจำก เซลล์ ควำมสัมพันธ์ของโครงสร้ำงและหน้ำที่ของระบบต่ำง ๆ ของสัตว์ และมนุษย์ที่ทำงำนสัมพันธ์กัน ควำมสัมพันธ์ของโครงสร้ำงและหน้ำท่ีของอวัยวะต่ำง ๆ ของพืชท่ีทำงำนสัมพันธ์กัน รวมท้ังนำควำมรู้ไปใช้ ประโยชน์ ชนั้ ปี ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.3 ๑. บรรยายสงิ่ ทจ่ี าเป็นต่อการดารงชีวิต • มนุษยแ์ ละสัตวต์ ้องการอาหาร นา้ และอากาศ และการเจริญเติบโตของมนุษย์และสัตว์ เพื่อการดารงชีวิตและการเจริญเติบโต โดยใชข้ ้อมลู ทีร่ วบรวมได้ • อาหารชว่ ยใหร้ ่างกายแขง็ แรงและเจริญเติบโต ๒. ตระหนกั ถึงประโยชน์ของอาหาร น้า น้าช่วยใหร้ า่ งกายทางานได้อย่างปกติ อากาศใช้ และอากาศ โดยการดแู ลตนเองและสตั ว์ให้ ในการหายใจ ได้รับส่ิงเหล่านอ้ี ยา่ งเหมาะสม ๓. สร้างแบบจาลองทบี่ รรยายวัฏจักรชวี ิต • สัตวเ์ มือ่ เป็นตัวเตม็ วยั จะสบื พนั ธ์ุมลี ูก เมื่อลกู ของสตั ว์ และเปรยี บเทียบวัฏจักรชีวิตของ เจริญเตบิ โตเปน็ ตวั เตม็ วยั กส็ ืบพันธม์ุ ีลูกต่อไป สตั วบ์ างชนดิ ไดอ้ ีก หมุนเวยี นต่อเนื่องเปน็ วัฏจักรชวี ิตของสตั ว์ ๔. ตระหนักถงึ คุณค่าของชีวิตสตั ว์ โดยไม่ ซ่ึงสัตว์แตล่ ะชนดิ เชน่ ผีเสอื้ กบ ไก่ มนุษย์ ทาให้วฏั จักรชวี ิตของสัตว์เปล่ียนแปลง จะมวี ัฏจกั รชวี ิตทเ่ี ฉพาะและแตกต่างกนั สำระท่ี ๑ วิทยำศำสตร์ชวี ภำพ มำตรฐำน ว ๑.๓ เข้ำใจกระบวนกำรและควำมสำคัญของกำรถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธุกรรมสำรพันธุกรรม กำรเปลีย่ นแปลงทำงพนั ธกุ รรมทม่ี ผี ลต่อส่ิงมชี ีวิต ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพและวิวัฒนำกำรของสง่ิ มีชีวิต รวมท้งั นำควำมร้ไู ปใช้ประโยชน์ ช้นั ปี ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ตัวชี้วัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๓๖ สำระท่ี ๒ วิทยำศำสตรก์ ำยภำพ มำตรฐำน ว ๒.๑ เข้ำใจสมบัติของสสำร องคป์ ระกอบของสสำร ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสมบัติของสสำรกับ โครงสร้ำงและแรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงอนุภำค หลกั และธรรมชำตขิ องกำรเปล่ยี นแปลงสถำนะของสสำร กำร เกดิ สำรละลำย และกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี ช้ันปี ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ป.3 ๑. อธิบายว่าวตั ถปุ ระกอบข้นึ จากชิน้ • วตั ถอุ าจทาจากช้ินส่วนยอ่ ย ๆ ซ่ึงแต่ละช้ิน สว่ นย่อย ๆ ซงึ่ สามารถแยกออกจากกันได้ มีลักษณะเหมือนกนั มาประกอบเข้าด้วยกนั เม่ือ และประกอบกนั เปน็ วัตถชุ นิ้ ใหมไ่ ด้ โดยใช้ แยกชน้ิ ส่วนย่อย ๆ แต่ละชิน้ ของวตั ถุออกจากกนั หลักฐานเชิงประจักษ์ สามารถนาชนิ้ ส่วนเหล่านัน้ มาประกอบเป็นวัตถุ ชน้ิ ใหมไ่ ด้ เช่น กาแพงบ้านมีก้อนอฐิ หลาย ๆ ก้อนประกอบเขา้ ด้วยกัน และสามารถนาก้อนอฐิ จากกาแพงบา้ นมาประกอบเป็นพ้นื ทางเดนิ ได้ ๒. อธบิ ายการเปล่ยี นแปลงของวัสดเุ ม่ือทา • เม่อื ใหค้ วามรอ้ นหรือทาให้วสั ดุร้อนขนึ้ และเม่ือ ให้รอ้ นขึ้นหรือทาให้เยน็ ลง โดยใชห้ ลักฐาน ลดความรอ้ นหรือทาใหว้ ัสดเุ ย็นลง วสั ดุจะเกดิ เชิงประจกั ษ์ การเปลีย่ นแปลงได้ เชน่ สเี ปลีย่ น รปู รา่ งเปลย่ี น สำระที่ ๒ วิทยำศำสตรก์ ำยภำพ มำตรฐำน ว ๒.๒ เขำ้ ใจธรรมชำตขิ องแรงในชีวิตประจำวนั ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะกำร เคล่อื นทีแ่ บบตำ่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทง้ั นำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์ ช้ันปี ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ป.3 ๑. ระบผุ ลของแรงท่ีมีต่อการเปลีย่ นแปลง • การดึงหรือการผลักเป็นการออกแรงกระทาตอ่ การเคลอ่ื นทขี่ องวัตถจุ ากหลกั ฐานเชงิ วตั ถุ แรงมผี ลตอ่ การเคลื่อนท่ีของวัตถุ แรงอาจทา ประจักษ์ ให้วตั ถเุ กดิ การเคลื่อนที่โดยเปลย่ี นตาแหน่งจากท่ี หนงึ่ ไปยงั อกี ทห่ี น่ึง • การเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถุ ไดแ้ ก่ วตั ถุ ที่อยูน่ ง่ิ เปลี่ยนเปน็ เคลือ่ นที่ วัตถทุ ีก่ าลังเคลื่อนท่ี เปล่ยี นเป็นเคล่อื นทีเ่ ร็วขนึ้ หรือช้าลงหรอื หยุดน่งิ หรอื เปลี่ยนทศิ ทางการเคลือ่ นท่ี ๒. เปรยี บเทียบและยกตัวอย่างแรงสมั ผสั • การดงึ หรอื การผลักเป็นการออกแรงทเี่ กิดจาก และแรงไมส่ ัมผสั ท่มี ีผลต่อการเคล่ือนที่ของ วัตถหุ นงึ่ กระทากบั อกี วตั ถหุ น่ึง โดยวัตถุทัง้ สอง วัตถุโดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ อาจสมั ผสั หรือไม่ต้องสมั ผสั กัน เช่น การออกแรง โดยใชม้ ือดึงหรือการผลักโต๊ะใหเ้ คลื่อนท่เี ปน็ การ ออกแรงทีว่ ตั ถตุ ้องสมั ผัสกัน แรงน้ีจึงเปน็ แรงสมั ผสั ส่วนการทแี่ ม่เหลก็ ดึงดดู หรือผลกั ระหวา่ งแมเ่ หล็ก เปน็ แรงทเ่ี กิดขน้ึ โดยแม่เหล็กไม่เป็นต้องสัมผสั กัน แรงแมเ่ หล็กนีจ้ ึงเป็นแรงไมส่ ัมผัส ตวั ชี้วดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๓๗ ชนั้ ปี ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ๓. จาแนกวตั ถโุ ดยใช้การดงึ ดูดกับแม่เหล็ก • แมเ่ หลก็ สามารถดงึ ดดู สารแม่เหลก็ ได้ เป็นเกณฑจ์ ากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ • แรงแม่เหล็กเป็นแรงทเ่ี กิดข้ึนระหว่างแม่เหล็ก กบั ๔. ระบขุ ั้วแมเ่ หล็กและพยากรณผ์ ลที่ สารแม่เหล็ก หรือแม่เหล็กกับแมเ่ หล็ก เกิดข้ึนระหว่างขว้ั แม่เหล็กเมื่อนามาเขา้ ใกล้ แมเ่ หลก็ มี ๒ ข้วั คือ ขัว้ เหนือและขว้ั ใต้ กันจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ข้ัวแม่เหลก็ ชนดิ เดยี วกันจะผลักกนั ต่างชนิดกันจะ ดงึ ดดู กนั สำระที่ ๒ วิทยำศำสตร์กำยภำพ มำตรฐำน ว ๒.๓ เข้ำใจควำมหมำยของพลังงำน กำรเปล่ียนแปลงและกำรถ่ำยโอนพลังงำนปฏิสัมพันธ์ ระหว่ำงสสำรและพลังงำน พลังงำนในชีวิตประจำวัน ธรรมชำติของคล่ืน ปรำกฏกำรณ์ท่ีเก่ียวข้องกับเสียง แสง และคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟำ้ รวมทั้งนำ ควำมรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ชน้ั ปี ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ๑. ยกตัวอยา่ งการเปล่ียนพลงั งานหน่ึงไป • พลังงานเป็นปริมาณทแี่ สดงถงึ ความสามารถ เปน็ อกี พลงั งานหนงึ่ จากหลกั ฐานเชิง ในการทางาน พลงั งานมีหลายแบบ เช่น พลงั งานกล ประจกั ษ์ พลังงานไฟฟ้า พลงั งานแสง พลงั งานเสียง และ พลังงานความร้อน โดยพลงั งานสามารถเปล่ียนจาก พลังงานหน่งึ ไปเปน็ อีกพลงั งานหนง่ึ ได้ เชน่ การถูมือ จนรู้สกึ รอ้ น เปน็ การเปล่ยี นพลังงานกลเปน็ พลงั งาน ความร้อน แผงเซลลส์ ุริยะเปลย่ี นพลงั งานแสงเป็น พลงั งานไฟฟา้ หรือเครื่องใช้ไฟฟา้ เปล่ียนพลังงาน ไฟฟ้าเป็นพลังงานอน่ื ๒. บรรยายการทางานของเคร่ืองกาเนิด • ไฟฟ้าผลิตจากเคร่อื งกาเนดิ ไฟฟ้าซงึ่ ใช้พลังงานจาก ไฟฟ้าและระบแุ หลง่ พลังงานในการผลติ แหลง่ พลังงานธรรมชาติหลายแหล่ง เช่น พลังงาน ไฟฟา้ จากขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ จากลม พลังงานจากน้า พลังงานจากแกส๊ ธรรมชาติ ๓. ตระหนกั ในประโยชนแ์ ละโทษของ • พลังงานไฟฟ้ามีความสาคญั ตอ่ ชวี ติ ประจาวัน ไฟฟ้า โดยนาเสนอวธิ ีการใช้ไฟฟา้ อยา่ ง การใช้ไฟฟ้านอกจากต้องใชอ้ ยา่ งถกู วธิ ี ประหยดั ประหยัด และปลอดภยั และคมุ้ ค่าแลว้ ยงั ต้องคานงึ ถึงความปลอดภยั ด้วย ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๓๘ สำระท่ี ๓ วิทยำศำสตรโ์ ลก และอวกำศ มำตรฐำน ว ๓.๑ เข้ำใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนกำรเกิด และวิวฒั นำกำรของเอกภพ กำแล็กซี ดำว ฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมทั้งปฏสิ ัมพันธภ์ ำยในระบบสรุ ยิ ะที่ส่งผลต่อสิ่งมชี ีวติ และกำรประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อวกำศ ช้ันปี ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ๑. อธิบายแบบรูปเสน้ ทางการขน้ึ และตก • คนบนโลกมองเห็นดวงอาทิตยป์ รากฏขึ้น ของดวงอาทติ ยโ์ ดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ทางด้านหน่งึ และตกทางอีกด้านหนึ่งทุกวัน ๒. อธบิ ายสาเหตุการเกิดปรากฏการณ์การ หมนุ เวยี นเปน็ แบบรปู ซ้า ๆ ข้นึ และตกของดวงอาทติ ย์ การเกดิ กลางวัน • โลกกลมและหมนุ รอบตัวเองขณะโคจรรอบดวง กลางคืน และการกาหนดทศิ โดยใช้ อาทิตย์ ทาให้บริเวณของโลกได้รบั แสงอาทิตย์ แบบจาลอง ไม่พร้อมกัน โลกดา้ นท่ีได้รบั แสงจากดวงอาทิตย์ ๓. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของดวงอาทติ ย์ จะเปน็ กลางวนั ส่วนด้านตรงข้ามท่ีไมไ่ ดร้ บั แสง โดยบรรยายประโยชนข์ องดวงอาทติ ย์ตอ่ จะเปน็ กลางคืน นอกจากนี้คนบนโลกจะมองเห็น ส่งิ มีชวี ติ ดวงอาทติ ยป์ รากฏขึน้ ทางด้านหน่งึ ซึง่ กาหนดให้ เปน็ ทิศตะวนั ออก และมองเห็นดวงอาทิตย์ ตกทางอกี ด้านหนึ่ง ซึ่งกาหนดใหเ้ ป็นทศิ ตะวันตก และเม่ือให้ดา้ นขวามอื อยทู่ างทศิ ตะวนั ออก ดา้ นซา้ ยมืออยู่ทางทิศตะวันตก ดา้ นหน้าจะเป็น ทศิ เหนอื และด้านหลงั จะเปน็ ทศิ ใต้ • ในเวลากลางวันโลกจะไดร้ บั พลงั งานแสงและ พลังงานความร้อนจากดวงอาทติ ย์ ทาให้สิ่งมชี วี ติ ดารงชวี ติ อย่ไู ด้ สำระท่ี ๓ วิทยำศำสตรโ์ ลก และอวกำศ มำตรฐำน ว ๓.๒ เข้ำใจองค์ประกอบและควำมสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนกำรเปล่ียนแปลงภำยในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบตั ภิ ยั กระบวนกำรเปล่ียนแปลงลมฟ้ำอำกำศ แ ล ะภู มิ อ ำก ำศ โล ก รวม ท้ั งผ ล ต่ อ สิ่งมชี ีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม ชั้นปี ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๑. ระบสุ ่วนประกอบของอากาศ บรรยาย • อากาศโดยท่วั ไปไม่มีสี ไมม่ ีกลนิ่ ประกอบด้วย ความสาคญั ของอากาศ และผลกระทบของ แกส๊ ไนโตรเจน แกส๊ ออกซิเจน แกส๊ มลพษิ ทางอากาศต่อสิ่งมีชีวติ จากขอ้ มลู ที่ คารบ์ อนไดออกไซด์ แก๊สอ่นื ๆ รวมท้ังไอนา้ และ รวบรวมได้ ฝ่นุ ละออง อากาศมีความสาคัญตอ่ ส่งิ มีชวี ติ หาก ๒. ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของอากาศ โดย ส่วนประกอบของอากาศไมเ่ หมาะสม เน่ืองจากมี นาเสนอแนวทางการปฏบิ ัตติ นในการลด แก๊สบางชนดิ หรือฝุ่นละอองในปรมิ าณมาก อาจ การเกดิ มลพิษทางอากาศ เปน็ อนั ตรายต่อส่งิ มีชวี ติ ชนดิ ต่าง ๆ จดั เปน็ มลพิษ ทางอากาศ • แนวทางการปฏิบตั ิตนเพ่ือลดการปล่อยมลพษิ ตัวช้วี ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๓๙ ชนั้ ปี ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ทางอากาศ เชน่ ใชพ้ าหนะรว่ มกัน หรอื เลือกใช้ เทคโนโลยที ีล่ ดมลพษิ ทางอากาศ ๓. อธบิ ายการเกิดลมจากหลักฐานเชิง • ลม คอื อากาศทีเ่ คล่อื นที่ เกิดจากความแตกตา่ ง ประจกั ษ์ กันของอุณหภูมิอากาศบริเวณท่ีอยู่ใกลก้ นั โดย อากาศบริเวณที่มอี ุณหภมู ิสงู จะลอยตัวสงู ขึน้ และ อากาศบรเิ วณที่มอี ุณหภูมติ ่ากว่าจะเคล่ือนเข้าไป แทนท่ี ๔. บรรยายประโยชนแ์ ละโทษของลม จาก • ลมสามารถนามาใช้เป็นแหล่งพลงั งานทดแทน ข้อมูลทรี่ วบรวมได้ ในการผลติ ไฟฟ้า และนาไปใช้ประโยชนใ์ นการ ทากิจกรรมตา่ ง ๆ ของมนุษย์ หากลมเคลื่อนท่ี ด้วยความเรว็ สงู อาจทาใหเ้ กิดอันตรายและ ความเสียหายต่อชวี ติ และทรัพยส์ ินได้ สำระท่ี ๔ เทคโนโลยี มำตรฐำน ว ๔.๒ เข้ำใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในกำรแก้ปัญหำท่ีพบในชีวิตจริงอย่ำงเป็นขั้นตอนและ เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำรในกำรเรียนรู้กำรทำงำน และกำรแก้ปัญหำได้อย่ำงมี ประสิทธภิ ำพ รเู้ ท่ำทัน และมีจริยธรรม ชนั้ ปี ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ๑. แสดงอัลกอรทิ ึมในการทางานหรือ • อัลกอริทึมเปน็ ขน้ั ตอนทีใ่ ชใ้ นการแก้ปัญหา การแก้ปัญหาอย่างงา่ ยโดยใช้ภาพ • การแสดงอลั กอรทิ มึ ทาไดโ้ ดยการเขยี น บอกเลา่ วาด สัญลกั ษณ์ หรอื ข้อความ ภาพ หรือใช้สญั ลักษณ์ • ตวั อยา่ งปัญหา เช่น เกมเศรษฐี เกมบันไดงู เกม Tetris เกม OX การเดนิ ไปโรงอาหาร การทาความสะอาดหอ้ งเรยี น ๒. เขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใช้ • การเขยี นโปรแกรมเปน็ การสรา้ งลาดบั ของคาส่งั ให้ ซอฟตแ์ วรห์ รอื สอ่ื และตรวจหา คอมพิวเตอร์ทางาน ข้อผดิ พลาดของโปรแกรม • ตัวอยา่ งโปรแกรม เช่น เขยี นโปรแกรมที่สั่งให้ ตัวละครทางานซ้าไม่สน้ิ สดุ • การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด ทาได้โดยตรวจสอบคาสั่งท่ีแจ้ง ขอ้ ผดิ พลาด หรือหากผลลัพธ์ไมเ่ ป็นไปตามทตี่ อ้ งการให้ ตรวจสอบการทางานทลี ะคาสั่ง • ซอฟต์แวร์หรือส่ือทใ่ี ชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ ใช้บตั ร คาสง่ั แสดงการเขียนโปรแกรม, Code.org ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๔๐ ช้นั ปี ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ๓. ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ • อินเทอรเ์ น็ตเป็นเครือขา่ ยขนาดใหญ่ชว่ ยใหก้ าร ๔. รวบรวม ประมวลผล และ ติดตอ่ สอ่ื สารทาได้สะดวกและรวดเรว็ และเป็น นาเสนอข้อมูล โดยใช้ซอฟต์แวร์ตาม แหล่งขอ้ มูลความร้ทู ช่ี ว่ ยในการเรียน และการดาเนินชวี ิต วัตถปุ ระสงค์ • เว็บเบราว์เซอรเ์ ป็นโปรแกรมสาหรบั อา่ นเอกสารบนเวบ็ เพจ ๕. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง • การสืบค้นขอ้ มูลบนอินเทอร์เนต็ ทาได้โดยใชเ้ ว็บไซต์ ปลอดภัย ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงในการ สาหรับสืบคน้ และต้องกาหนดคาคน้ ท่ีเหมาะสมจึงจะได้ ใชอ้ ินเทอร์เนต็ ขอ้ มลู ตามตอ้ งการ • ขอ้ มูลความรู้ เช่น วิธีทาอาหาร วธิ พี บั กระดาษ เปน็ รูป ตา่ ง ๆ ข้อมลู ประวตั ศิ าสตร์ชาติไทย(อาจเปน็ ความรู้ใน วชิ าอ่ืน ๆ หรือเร่อื งทีเ่ ปน็ ประเด็นที่สนใจในชว่ งเวลาน้นั ) • การใช้อินเทอร์เน็ตอยา่ งปลอดภัยควรอยใู่ นการดแู ลของ ครู หรอื ผูป้ กครอง • การรวบรวมขอ้ มูล ทาไดโ้ ดยกาหนดหัวข้อท่ีต้องการ เตรียมอปุ กรณ์ในการจดบันทึก • การประมวลผลอยา่ งงา่ ย เช่น เปรียบเทียบ จัดกลุ่ม เรยี งลาดบั • การนาเสนอขอ้ มูลทาไดห้ ลายลกั ษณะตามความ เหมาะสม เช่น การบอกเล่า การทาเอกสารรายงาน การ จดั ทาปา้ ยประกาศ • การใชซ้ อฟต์แวรท์ างานตามวัตถุประสงค์ เชน่ ใชซ้ อฟต์แวร์นาเสนอ หรอื ซอฟตแ์ วรก์ ราฟกิ สรา้ งแผนภมู ิ รูปภาพ ใชซ้ อฟต์แวรป์ ระมวลคาทาปา้ ยประกาศหรอื เอกสารรายงาน ใชซ้ อฟต์แวร์ตารางทางานในการ ประมวลผลขอ้ มลู • การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เชน่ ปกป้อง ข้อมลู ส่วนตวั • ขอความช่วยเหลอื จากครหู รือผู้ปกครอง เมื่อ เกดิ ปัญหาจากการใช้งาน เม่ือพบข้อมูลหรือบุคคลท่ีทาให้ ไมส่ บายใจ • การปฏิบัตติ ามขอ้ ตกลงในการใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต จะทาให้ไมเ่ กิดความเสียหายต่อตนเองและผู้อ่นื เชน่ ไมใ่ ช้ คาหยาบ ลอ้ เลยี น ดา่ ทอ ทาให้ผูอ้ ่ืนเสียหายหรอื เสียใจ • ข้อดแี ละขอ้ เสียในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ และการ สอ่ื สาร ตัวชีว้ ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
โครงสร้างหลกั สตู รช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ ๔๑ รหสั กลุ่มสาระการเรยี นรู้/กจิ กรรม เวลาเรียน (ชม./ปี) ท ๑๓๑๐๑ รายวชิ าพ้ืนฐาน (๘๔๐) ค ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ว ๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ส ๑๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส ๑๓๑๐๒ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 8๐ พ ๑๓๑๐๑ ประวตั ิศาสตร์ 8๐ ศ ๑๓๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ง ๑๓๑๐๑ ศิลปะ ๔๐ อ ๑๓๑๐๓ การงานอาชพี ๔๐ ภาษาองั กฤษ ๔๐ อ 13201 160 รายวิชาเพม่ิ เติม (4๐) ภาษาอังกฤษ 40 (๑๒๐) กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน 4๐ แนะแนว กจิ กรรมนกั เรียน 4๐ 3๐ • ลูกเสือ เนตรนารี ๑๐ 1,000 • ชมุ นุม กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ รวมเวลาเรยี นท้ังหมด ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรียนร้แู กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๔๒ คาอธิบายรายวิชาพ้นื ฐาน รหสั วิชา ว ๑3๑๐๑ ช่ือรายวิชาวิทยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3 เวลา 80 ชว่ั โมง ศึกษา วิเคราะห์ ส่ิงท่ีจาเป็นต่อการดารงชีวิต และการเจริญเติบโตของมนุษย์และสัตว์ ประโยชน์ของ อาหาร น้า และอากาศ การดูแลตนเองและสัตว์ให้ได้รับส่ิงเหล่านี้อย่างเหมาะสม วัฏจักรชีวิตของสัตว์ ส่วนประกอบของวัตถุ และการเปล่ียนแปลงของวัสดุเม่ือทาให้ร้อนขึ้นหรือทาให้ เย็นลง แรงท่ีมีต่อการ เปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัสที่มีผลต่อการเคลื่อนท่ีของวัตถุ การดึงดูดระหว่าง แม่เหล็กกับวัตถุ ขั้วแม่เหล็ก การเปล่ียนพลังงาน การทางานของเครื่องกาเนิดไฟฟ้า และแหล่งพลังงานในการ ผลิตไฟฟ้า ประโยชน์และโทษของไฟฟ้า วิธีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด และปลอดภัย เส้นทางการข้ึนและตกของ ดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคืน และการกาหนดทิศ ความสาคัญของดวงอาทิตย์ต่อส่ิงมีชีวิต ส่วนประกอบ ของอากาศ ความสาคัญของอากาศ และผลกระทบของมลพษิ ทางอากาศตอ่ สิ่งมีชีวติ การปฏบิ ัติตนในการลดการ เกิดมลพิษทางอากาศ การเกิดลม ประโยชน์และโทษของลม แสดงอัลกอริทึมในการทางานหรือการแก้ปัญหา อย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือส่ือ และตรวจหา ข้อผิดพลาดของโปรแกรม ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ รวบรวม ประมวลผล และนาเสนอข้อมูล โดยใช้ ซอฟต์แวร์ตามวัตถุประสงค์ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้อินเทอร์เน็ต โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจ ตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การ เปรียบเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์ และการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นาความรู้ไปใช้ ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ มที่เหมาะสม รหัสตัวช้วี ดั ว 1.2 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3 , ป.3/4 ว 2.1 ป.3/1 , ป.3/2 ว 2.2 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3, ป.3/4 ว 2.3 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3 ว 3.1 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3 ว 3.2 ป.3/1 , ป.3/2, ป.3/3 , ป.3/4 ว 4.2 ป.3/1 , ป.3/2, ป.3/3 , ป.3/4, ป3/5 รวม 25 ตวั ชี้วัด ตวั ชวี้ ดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๔๓ โครงสรา้ งรายวิชา รายวิชา วิทยาศาสตร์ 3 ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 รหัสวิชา ว13101 เวลา 80 ช่วั โมง / ปี ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ ตวั ชี้วัด จานวน(ชั่วโมง) น้าหนักคะแนน 10 15 วฏั จักรชีวิตของสตั ว์ ว 1.2 ป3/1, ป3/2, ป3/3, ป3/4 10 10 วัสดรุ อบตัว ว 2.1 ป3/1, ป3/2 10 10 ธรรมชาติของแรง ว 2.2 ป3/1, ป3/2, ป3/3, ป3/4 10 15 10 พลงั งานและไฟฟ้า ว 2.3 ป3/1, ป3/2, ป3/3 10 30 ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ว 3.1 ป3/1, ป3/2, ป3/3 10 100 อากาศ ว 3.2 ป3/1, ป3/2, ป3/3, ป3/4 10 วิทยาการคานวณ ว 4.2 ป3/1, ป3/2, ป3/3, ป3/4, ป3/5 20 80 รวม 25 ตวั ช้ีวดั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๔๔ ช้นั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๔ ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรยี นร้แู กนกลาง กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๔๕ ตัวชว้ี ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งส่ิงไม่มีชีวิตกับส่งิ มีชวี ติ และ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลง แทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อมแนวทางในการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปญั หาส่งิ แวดล้อมรวมท้ังนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ช้ันปี ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สำระท่ี ๑ วิทยำศำสตรช์ ีวภำพ มำตรฐำน ว ๑.๒ เข้ำใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐำนของส่ิงมีชีวิต กำรลำเลียงสำรเข้ำและออกจำก เซลล์ ควำมสัมพันธ์ของโครงสร้ำงและหน้ำที่ของระบบต่ำง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงำนสัมพันธ์กัน ควำมสัมพันธ์ของโครงสร้ำงและหน้ำท่ีของอวัยวะต่ำง ๆ ของพืชที่ทำงำนสัมพันธ์กัน รวมท้ังนำควำมรู้ไปใช้ ประโยชน์ ช้นั ปี ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ป.4 ๑. บรรยายหน้าทข่ี องราก ลาตน้ ใบ และ • ส่วนต่าง ๆ ของพชื ดอกทาหน้าทแี่ ตกต่างกัน ดอกของพืชดอก โดยใช้ขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ - รากทาหน้าที่ดูดน้าและธาตุอาหารข้ึนไปยงั ลาตน้ - ลาตน้ ทาหนา้ ทีล่ าเลยี งน้าตอ่ ไปยงั ส่วนต่าง ๆ ของ พืช - ใบทาหน้าทีส่ ร้างอาหาร อาหารท่พี ชื สร้างขนึ้ คือ น้าตาลซ่งึ จะเปล่ียนเป็นแป้ง - ดอกทาหน้าที่สืบพันธ์ุ ประกอบด้วยสว่ นประกอบ ต่าง ๆ ไดแ้ ก่ กลบี เล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และ เกสรเพศเมีย ซงึ่ ส่วนประกอบแต่ละสว่ นของดอก ทาหน้าทแ่ี ตกตา่ งกนั ตวั ช้วี ัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๔๖ สำระท่ี ๑ วิทยำศำสตร์ชีวภำพ มำตรฐำน ว ๑.๓ เข้ำใจกระบวนกำรและควำมสำคัญของกำรถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธุกรรมสำรพันธุกรรม กำรเปลย่ี นแปลงทำงพันธุกรรมทมี่ ผี ลต่อสิง่ มีชีวติ ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพและวิวัฒนำกำรของสิง่ มีชีวิต รวมท้ังนำควำมรไู้ ปใช้ประโยชน์ ช้นั ปี ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ป.4 ๑. จาแนกสิง่ มชี ีวิตโดยใช้ความเหมอื น • ส่งิ มีชีวิตมีหลายชนิด สามารถจัดกลมุ่ ได้ โดยใช้ และความแตกตา่ งของลกั ษณะของ ความเหมอื นและความแตกต่างของลักษณะต่าง สง่ิ มชี วี ติ ออกเปน็ กลุม่ พชื กลุ่มสตั ว์ และ ๆ เช่น กลุ่มพืชสรา้ งอาหารเองได้ และเคล่ือนที่ กลุ่มที่ไม่ใชพ่ ชื และสัตว์ ดว้ ยตนเองไม่ได้ กลุ่มสัตวก์ นิ สิ่งมชี วี ิตอื่นเปน็ อาหารและเคล่อื นทไี่ ด้ กลุ่มท่ีไม่ใชพ่ ชื และสัตว์ เชน่ เหด็ รา จลุ นิ ทรีย์ ๒. จาแนกพชื ออกเปน็ พืชดอกและพชื ไม่มี • การจาแนกพชื สามารถใชก้ ารมีดอกเปน็ เกณฑ์ ดอกโดยใชก้ ารมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ ในการจาแนก ได้เป็นพืชดอกและพืชไมม่ ีดอก ขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ ๓. จาแนกสตั ว์ออกเปน็ สัตว์มีกระดูกสัน • การจาแนกสัตว์ สามารถใช้การมีกระดกู สนั หลงั หลงั และสตั วไ์ ม่มีกระดกู สนั หลัง โดยใช้การ เป็นเกณฑ์ในการจาแนก ไดเ้ ปน็ สตั วม์ ีกระดูกสนั มกี ระดูกสนั หลังเปน็ เกณฑ์ โดยใชข้ อ้ มูลที่ หลงั และสัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลัง รวบรวมได้ • สตั วม์ กี ระดูกสนั หลงั มหี ลายกล่มุ ไดแ้ ก่ กล่มุ ๔. บรรยายลักษณะเฉพาะทสี่ ังเกตไดข้ อง ปลา กลุ่มสตั ว์สะเทินน้าสะเทินบก กลุ่ม สตั วม์ กี ระดูกสนั หลังในกลุ่มปลา กล่มุ สตั ว์ สัตวเ์ ลือ้ ยคลาน กลมุ่ นก และกลุ่มสตั วเ์ ลย้ี งลกู สะเทินน้าสะเทินบก กลุม่ สัตว์เล้อื ยคลาน ดว้ ยน้านม ซงึ่ แตล่ ะกลุ่มจะมีลักษณะเฉพาะที่ กล่มุ นก และกลุ่มสัตวเ์ ลี้ยงลูกดว้ ยน้านม สังเกตได้ และยกตวั อยา่ งสง่ิ มชี วี ิตในแต่ละกล่มุ สำระท่ี ๒ วิทยำศำสตรก์ ำยภำพ มำตรฐำน ว ๒.๑ เข้ำใจสมบตั ขิ องสสำร องคป์ ระกอบของสสำร ควำมสัมพันธร์ ะหว่ำงสมบตั ิของสสำรกบั โครงสร้ำงและแรงยึดเหนี่ยวระหวำ่ งอนุภำค หลกั และธรรมชำติของ กำรเปลี่ยนแปลงสถำนะของสสำร กำร เกิดสำรละลำย และกำรเกิดปฏกิ ริ ยิ ำเคมี ชน้ั ปี ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.4 ๑. เปรยี บเทยี บสมบัติทางกายภาพดา้ น • วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัตทิ างกายภาพแตกตา่ งกนั ความแขง็ สภาพยืดหยนุ่ การนาความรอ้ น วสั ดทุ ่ีมคี วามแข็งจะทนต่อแรงขูดขดี วัสดุทม่ี ี และการนาไฟฟา้ ของวสั ดโุ ดยใชห้ ลักฐาน สภาพยดื หยนุ่ จะเปลย่ี นแปลงรูปรา่ งเมอ่ื มแี รง เชงิ ประจักษ์จากการทดลองและระบุการ มากระทาและกลับสภาพเดิมได้ วสั ดุท่ีนาความ นาสมบัตเิ รอ่ื งความแขง็ สภาพยดื หยุน่ การ ร้อนจะร้อนไดเ้ ร็วเม่ือได้รบั ความรอ้ นและวัสดุท่ี นาความรอ้ น และการนาไฟฟ้าของวัสดุไป นาไฟฟ้าได้ จะให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ดังน้นั จึงอาจ ใชใ้ นชีวติ ประจาวันผา่ นกระบวนการ นาสมบัตติ ่าง ๆ มาพิจารณาเพอื่ ใช้ใน ตวั ชวี้ ัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๔๗ ชัน้ ปี ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง กระบวนการออกแบบชนิ้ งานเพ่ือใชป้ ระโยชน์ ออกแบบชิ้นงาน ในชีวิตประจาวัน ๒. แลกเปลยี่ นความคดิ กบั ผู้อ่ืนโดยการ อภิปรายเก่ียวกบั สมบัติทางกายภาพของ • วสั ดเุ ปน็ สสารเพราะมีมวลและตอ้ งการท่ีอยู่ วสั ดอุ ยา่ งมเี หตุผลจากการทดลอง สสารมีสถานะเปน็ ของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส ของแขง็ มปี ริมาตรและรูปร่างคงท่ี ของเหลวมี ๓. เปรียบเทยี บสมบตั ขิ องสสารทง้ั ๓ ปริมาตรคงท่ี แต่มีรปู ร่างเปลี่ยนไปตามภาชนะ สถานะ จากขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการสังเกตมวล เฉพาะส่วนท่ีบรรจขุ องเหลว ส่วนแกส๊ มปี ริมาตร การต้องการท่ีอยู่ รูปร่างและปรมิ าตรของ และรปู รา่ งเปล่ียนไปตามภาชนะที่บรรจุ สสาร ๔. ใช้เครื่องมอื เพื่อวดั มวล และปริมาตร ของสสารทั้ง ๓ สถานะ สำระที่ ๒ วิทยำศำสตรก์ ำยภำพ มำตรฐำน ว ๒.๒ เขำ้ ใจธรรมชำตขิ องแรงในชีวติ ประจำวนั ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลกั ษณะกำร เคลอื่ นท่ีแบบตำ่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนำควำมรไู้ ปใช้ประโยชน์ ช้ันปี ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ๑. ระบผุ ลของแรงโนม้ ถว่ งท่ีมีต่อวตั ถจุ าก หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ • แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นแรงดึงดูดทีโ่ ลกกระทา ๒. ใช้เครื่องชัง่ สปริงในการวดั น้าหนักของ ตอ่ วัตถุ มที ิศทางเขา้ สู่ศูนย์กลางโลก และเปน็ วตั ถุ แรงไมส่ ัมผสั แรงดึงดูดท่ีโลกกระทากับวตั ถหุ น่งึ ๆ ทาให้วัตถุตกลงสู่พื้นโลก และทาให้วตั ถุมี ๓. บรรยายมวลของวัตถทุ ม่ี ีผลต่อการ นา้ หนัก วดั น้าหนกั ของวตั ถุไดจ้ ากเคร่ืองช่งั สปรงิ เปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ขี องวัตถจุ าก น้าหนกั ของวัตถขุ นึ้ กบั มวลของวตั ถุ โดยวัตถทุ ีม่ ี หลักฐานเชงิ ประจักษ์ มวลมากจะมีน้าหนกั มาก วตั ถทุ ีม่ มี วลนอ้ ยจะมี น้าหนักน้อย • มวล คอื ปริมาณเน้อื ของสสารทงั้ หมดท่ี ประกอบกันเป็นวัตถุ ซ่ึงมผี ลต่อความยากง่ายใน การเปลีย่ นแปลงการเคลอ่ื นที่ของวตั ถุ วตั ถุท่ีมี มวลมากจะเปลย่ี นแปลงการเคลือ่ นท่ีไดย้ ากกวา่ วัตถทุ ่มี ีมวลน้อย ดังนั้นมวลของวตั ถนุ อกจาก จะหมายถึงเนอื้ ทง้ั หมดของวตั ถุนนั้ แลว้ ยงั หมายถงึ การต้านการเปลี่ยนแปลง การเคล่อื นที่ของวัตถนุ ัน้ ดว้ ย ตวั ชวี้ ัดและสาระการเรยี นร้แู กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๔๘ สำระที่ ๒ วิทยำศำสตร์กำยภำพ มำตรฐำน ว ๒.๓ เข้ำใจควำมหมำยของพลังงำน กำรเปลี่ยนแปลงและกำรถำ่ ยโอนพลังงำนปฏสิ ัมพนั ธ์ ระหวำ่ งสสำรและพลังงำน พลงั งำนในชวี ิตประจำวัน ธรรมชำติของ คลื่น ปรำกฏกำรณท์ ่เี กี่ยวข้องกับเสยี ง แสง และคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟำ้ รวมทั้งนำ ควำมร้ไู ปใช้ประโยชน์ ชัน้ ปี ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ๑. จาแนกวตั ถเุ ป็นตัวกลางโปร่งใส • เมื่อมองสงิ่ ต่าง ๆ โดยมีวัตถุต่างชนิดกันมาก้นั ตัวกลางโปร่งแสง และวตั ถุทึบแสง จาก แสง จะทาให้ลักษณะการมองเห็นสิง่ นั้น ๆ ลกั ษณะการมองเหน็ สิ่งตา่ ง ๆ ผ่านวัตถุน้นั ชดั เจนต่างกนั จึงจาแนกวัตถุท่มี ากน้ั ออกเปน็ เปน็ เกณฑโ์ ดยใชห้ ลักฐานเชิงประจักษ์ ตัวกลางโปรง่ ใส ซ่งึ ทาให้มองเหน็ สิ่งตา่ ง ๆ ได้ ชัดเจน ตวั กลางโปร่งแสงทาใหม้ องเห็นสง่ิ ต่าง ๆ ได้ไมช่ ดั เจน และวัตถุทบึ แสงทาให้มองไม่เหน็ ส่งิ ตา่ ง ๆ นั้น สำระท่ี ๓ วิทยำศำสตรโ์ ลก และอวกำศ มำตรฐำน ว ๓.๑ เข้ำใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนกำรเกดิ และววิ ฒั นำกำรของเอกภพ กำแล็กซี ดำว ฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมท้ังปฏสิ ัมพนั ธภ์ ำยในระบบสรุ ยิ ะทีส่ ่งผลต่อส่ิงมีชีวิต และกำรประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยี อวกำศ ช้นั ปี ตัวช้วี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ๑. อธิบายแบบรูปเสน้ ทางการขึ้นและตก • ดวงจนั ทร์เป็นบรวิ ารของโลก โดยดวงจนั ทร์ ของดวงจันทร์ โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ หมุนรอบตัวเองขณะโคจรรอบโลก ขณะที่โลกก็ หมนุ รอบตัวเองดว้ ยเชน่ กนั การหมนุ รอบตวั เอง ของโลกจากทิศตะวนั ตกไปทิศตะวนั ออกใน ทิศทางทวนเขม็ นาฬกิ าเมื่อมองจากข้วั โลกเหนือ ทาใหม้ องเห็นดวงจันทรป์ รากฏขึน้ ทางด้าน ทิศตะวนั ออกและตกทางดา้ นทิศตะวนั ตก หมนุ เวียนเป็นแบบรปู ซ้า ๆ ๒. สร้างแบบจาลองทอ่ี ธบิ ายแบบรูป • ดวงจนั ทรเ์ ป็นวตั ถุทเี่ ปน็ ทรงกลม แตร่ ปู ร่างของ การเปลี่ยนแปลงรปู ร่างปรากฏของดวง ดวงจนั ทร์ท่มี องเหน็ หรอื รูปรา่ งปรากฏของ จันทร์ และพยากรณ์รปู ร่างปรากฏของดวง ดวงจันทร์บนทอ้ งฟา้ แตกต่างกันไปในแต่ละวัน จันทร์ โดยในแต่ละวนั ดวงจันทรจ์ ะมีรปู ร่างปรากฏเป็น เสยี้ วทม่ี ีขนาดเพมิ่ ข้ึนอยา่ งต่อเนอ่ื งจนเต็มดวง จากน้นั รูปรา่ งปรากฏของดวงจนั ทรจ์ ะแหวง่ และมขี นาดลดลงอยา่ งต่อเนื่องจนมองไม่เห็น ดวงจันทร์ จากนัน้ รปู รา่ งปรากฏของดวงจนั ทร์ จะเปน็ เสี้ยวใหญ่ขึน้ จนเต็มดวงอีกครั้งการ เปลย่ี นแปลงเช่นนเ้ี ป็นแบบรูปซา้ กนั ทุกเดอื น ตัวช้วี ัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๔๙ ชน้ั ปี ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๓. สรา้ งแบบจาลองแสดงองค์ประกอบของ • ระบบสรุ ิยะเป็นระบบท่ีมดี วงอาทิตยเ์ ปน็ ระบบสรุ ิยะ และอธิบายเปรยี บเทยี บคาบ ศูนยก์ ลางและมบี ริวารประกอบด้วย ดาวเคราะห์ การโคจรของดาวเคราะห์ต่าง ๆ จาก แปดดวง และบรวิ าร ซึ่งดาวเคราะหแ์ ต่ละดวงมี แบบจาลอง ขนาดและระยะหา่ งจากดวงอาทติ ย์แตกต่างกนั และยังประกอบด้วย ดาวเคราะห์แคระ ดาว เคราะห์น้อย ดาวหาง และวตั ถขุ นาดเล็กอ่นื ๆ โคจรอยู่รอบดวงอาทติ ย์ วตั ถุขนาดเล็กอืน่ ๆ เมื่อ เขา้ มาในช้นั บรรยากาศเน่ืองจากแรงโน้มถ่วงของ โลก ทาให้เกิดเปน็ ดาวตกหรอื ผพี ่งุ ไต้และ อกุ กาบาต สำระที่ ๓ วิทยำศำสตรโ์ ลก และอวกำศ มำตรฐำน ว ๓.๒ เข้ำใจองค์ประกอบและควำมสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนกำรเปล่ียนแปลงภำยในโลก และบนผวิ โลก ธรณีพิบัตภิ ัย กระบวนกำรเปลย่ี นแปลงลมฟำ้ อำกำศ แ ล ะภู มิ อ ำก ำศ โล ก รวม ทั้ งผ ล ต่ อ สิ่งมชี ีวิตและสง่ิ แวดล้อม ชั้นปี ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง สำระที่ ๔ เทคโนโลยี มำตรฐำน ว ๔.๒ เข้ำใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในกำรแก้ปัญหำที่พบในชีวิตจริงอย่ำงเป็นขั้นตอนและ เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำรในกำรเรียนรู้กำรทำงำน และกำรแก้ปัญหำได้อย่ำงมี ประสทิ ธภิ ำพ รเู้ ทำ่ ทนั และมีจริยธรรม ช้นั ปี ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ๑. ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหา • การใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะเป็นการนากฎเกณฑ์ การอธบิ ายการทางาน การคาดการณ์ หรอื เง่ือนไขทีค่ รอบคลุมทุกกรณีมาใชพ้ จิ ารณาใน ผลลพั ธ์ จากปญั หาอยา่ งงา่ ย การแก้ปัญหา การอธิบายการทางาน หรอื การ คาดการณผ์ ลลัพธ์ • สถานะเริม่ ต้นของการทางานท่ีแตกต่างกันจะให้ ผลลพั ธ์ท่ีแตกตา่ งกนั • ตวั อย่างปัญหา เชน่ เกม OX โปรแกรมที่มี การคานวณ โปรแกรมท่ีมตี ัวละครหลายตัว และมกี ารสัง่ งานท่ีแตกตา่ งหรอื มกี ารส่อื สาร ระหว่างกัน การเดินทางไปโรงเรียน โดยวิธกี าร ตา่ ง ๆ ตัวช้วี ัดและสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๕๐ ชั้นปี ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ๒. ออกแบบ และเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใช้ซอฟต์แวรห์ รือสือ่ และตรวจหา • การออกแบบโปรแกรมอย่างงา่ ย เชน่ การ ขอ้ ผดิ พลาดและแก้ไข ออกแบบโดยใช้ storyboard หรอื การออกแบบ อลั กอริทมึ ๓. ใช้อินเทอรเ์ น็ตคน้ หาความรู้ และ • การเขยี นโปรแกรมเปน็ การสรา้ งลาดับของคาสั่ง ประเมนิ ความนา่ เช่ือถือของข้อมูล ใหค้ อมพิวเตอรท์ างาน เพื่อให้ได้ผลลพั ธ์ตาม ความต้องการ หากมขี ้อผดิ พลาดใหต้ รวจสอบ ๔. รวบรวม ประเมิน นาเสนอขอ้ มูลและ การทางานทลี ะคาส่ัง เมอื่ พบจดุ ทท่ี าใหผ้ ลัลพั ธ์ สารสนเทศ โดยใชซ้ อฟต์แวร์ท่หี ลากหลาย ไม่ถูกตอ้ ง ใหท้ าการแก้ไขจนกวา่ จะไดผ้ ลลัพธ์ เพ่ือแกป้ ญั หาในชีวติ ประจาวัน ที่ถูกต้อง • ตวั อยา่ งโปรแกรมทีม่ เี รื่องราว เชน่ นทิ านท่มี ี การโตต้ อบกบั ผู้ใช้ การ์ตนู สั้น เล่ากจิ วตั ร ประจาวนั ภาพเคลอื่ นไหว • การฝกึ ตรวจหาขอ้ ผิดพลาดจากโปรแกรมของ ผอู้ ื่นจะช่วยพฒั นาทักษะการหาสาเหตุของปัญหา ได้ดีย่ิงข้ึน • ซอฟต์แวรท์ ีใ่ ช้ในการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, logo • การใชค้ าคน้ ท่ีตรงประเด็น กระชบั จะทาให้ได้ ผลลัพธท์ ี่รวดเร็วและตรงตามความต้องการ • การประเมินความนา่ เชอ่ื ถือของขอ้ มลู เชน่ พจิ ารณาประเภทของเว็บไซต์ (หนว่ ยงานราชการ สานักข่าว องค์กร) ผ้เู ขยี น วันท่เี ผยแพร่ข้อมูล การอ้างองิ • เม่อื ได้ข้อมูลทีต่ ้องการจากเว็บไซตต์ า่ ง ๆ จะต้อง นาเน้ือหามาพจิ ารณา เปรยี บเทียบ แล้วเลอื ก ข้อมลู ท่ีมีความสอดคล้องและสัมพันธ์กัน • การทารายงานหรอื การนาเสนอข้อมูลจะต้อง นาขอ้ มลู มาเรียบเรียง สรปุ เป็นภาษาของตนเอง ทเี่ หมาะสมกบั กล่มุ เปา้ หมายและวิธีการนาเสนอ (บูรณาการกับวชิ าภาษาไทย) • การรวบรวมขอ้ มลู ทาได้โดยกาหนดหัวข้อ ทีต่ ้องการ เตรียมอุปกรณ์ในการจดบันทกึ • การประมวลผลอย่างงา่ ย เช่น เปรียบเทยี บ จัดกล่มุ เรียงลาดบั การหาผลรวม • วเิ คราะหผ์ ลและสรา้ งทางเลือกทเ่ี ป็นไปได้ ประเมินทางเลือก (เปรยี บเทียบ ตัดสนิ ) • การนาเสนอข้อมูลทาได้หลายลักษณะตามความ เหมาะสม เช่น การบอกเลา่ เอกสารรายงาน ตวั ช้วี ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
Search