Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore OBEC ARWARD

OBEC ARWARD

Published by kunnakitsudpan, 2021-03-27 15:51:34

Description: เล่มรายงาน OBEC ARWARD ของนายคุณกิตต์ สุดแป้น โรงเรียนพญาไท

Search

Read the Text Version

คำรบั รองของผู้บังคบั บัญชา แบบรายงานผลการปฏิบัติงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเอกสารประกอบสำหรับใช้ในการ ประเมินเพื่อขอรับรางวัลทรงคุณค่า สพฐ. (OBEC AWARDS) ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพ่ือ การเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับประถมศึกษา ระดับสำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษา จังหวัดกรุงเทพมหานคร ของนายคุณกิตต์ สุดแป้น ตำแหน่ง ครู โรงเรียน พญาไท เขตราชเทวี กรงุ เทพมหานคร สำนกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษากรุงเทพมหานคร ข้าพเจ้า ขอรับรองว่าแบบรายงานฉบับนี้เป็นมีความถูกต้อง และเป็นจริงทุกประการ และเป็นบุคคลยอดเยี่ยมมคี วามเหมาะสมแก่การยกยอ่ งเชิดชูเกียรติ เพื่อรับรางวัลประเภทครูผูส้ อน ยอดเยี่ยม ระดับประถมศึกษา ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน กลุ่มสาระ การเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ (นางพรี านุช ไชยพเิ ดช) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นพญาไท

คำนำ แบบรายงานผลการปฏิบัติงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเอกสารประกอบสำหรับใช้ ในการประเมินเพื่อขอรับรางวัลทรงคุณค่า สพฐ. (OBEC AWARDS) ประเภทครูผู้สอนยอดเยี่ยม ระดับประถมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการเรียน การสอนยอดเยี่ยม ของนายคุณกิตต์ สุดแป้น ตำแหน่ง ครู คศ.1 โรงเรียนพญาไท สังกัดสำนักงาน เขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร ผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์อยา่ งยิ่งแก่ผู้ทีส่ นใจศึกษาในการการประเมนิ เพื่อขอรับรางวัลทรงคุณค่า สพฐ. (OBEC AWARDS) ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการเรียน การสอน ของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับประถมศึกษา หากแบบรายงานฉบับนี้มี ข้อผิดพลาดประการใดผู้จัดทำยินดีน้อมรับคำแนะนำในการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เอกสารมีความ ถกู ต้องสมบรู ณย์ ิ่งข้นึ นายคุณกิตต์ สุดแปน้ ผเู้ สนอขอรบั รางวัล

สารบญั หนา้ เรือ่ ง 2 คณุ สมบตั ิเบ้อื งต้น 2 ตวั ชี้วดั ที่ 1 6 ตัวชี้วดั ที่ 2 9 ตัวชี้วัดท่ี 3 9 ตัวชว้ี ัดท่ี 4 11 ตวั ชว้ี ัดท่ี 5 ตวั ชว้ี ัดที่ 6 14 การประเมินตัวชี้วดั เฉพาะ องค์ประกอบที่ 1 14 ตัวชี้วดั ที่ 1 17 ตวั ชี้วดั ท่ี 2 35 ตวั ชว้ี ัดท่ี 3 ตวั ชว้ี ัดที่ 4 39 การประเมินตวั ชวี้ ดั เฉพาะ องค์ประกอบท่ี 2 39 ตวั ชี้วดั ท่ี 1 42 ตัวชี้วดั ท่ี 2 ตัวชีว้ ัดที่ 3 43 การประเมินตัวชว้ี ดั เฉพาะ องค์ประกอบท่ี 3 43 ตวั ชว้ี ัดท่ี 1 ตวั ชว้ี ัดท่ี 2 47 การประเมินตวั ชว้ี ัดร่วม องคป์ ระกอบท่ี 1 61 ตัวชว้ี ัดท่ี 1.1 61 ตวั ช้วี ดั ท่ี 1.2 64 ตัวชี้วดั ที่ 1.3 ตวั ชว้ี ัดที่ 1.4 67 การประเมนิ ตวั ชว้ี ัดร่วม องคป์ ระกอบท่ี 2 69 ตัวช้วี ดั ที่ 1 ตัวช้ีวดั ท่ี 2 72 การประเมนิ ตวั ชี้วดั รว่ ม องคป์ ระกอบที่ 3 73 ตัวชี้วดั ท่ี 1 ตวั ชี้วดั ที่ 2

1 แบบประเมนิ ผลงานดา้ นนวัตกรรมและเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนการสอนยอดเยยี่ ม (OBEC AWARDS) 1. ช่ือรางวัลทเ่ี สนอขอ ครูผูส้ อนยอดเยีย่ ม ชือ่ นายคุณกิตต์ สุดแปน้ ตำแหน่ง ครู คศ.1 โรงเรยี นพญาไท ประเภท ✓ บุคคลยอดเยี่ยม สังกัด ✓ สำนกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษา  สำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษา ดา้ น  ดา้ นวิชาการยอดเยยี่ ม  ด้านบรหิ ารจัดการยอดเยี่ยม ✓ ดา้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพอื่ การเรียนการสอนยอดเยี่ยม ระดับ ( ) กอ่ นประถมศึกษา ระดบั (✓) ประถมศึกษา ( ) มธั ยมศึกษาตอนตน้ ( ) มัธยมศึกษาตอนปลาย กล่มุ สาระการเรียนรู้ (✓) คณติ ศาสตร์ ( ) ภาษาไทย ( ) สังคมศกึ ษา ( ) วิทยาศาสตร์ ( ) สุขศึกษาและพลศึกษา ( ) ศิลปะ ( ) การงานอาชพี และเทคโนโลยี ( ) ภาษาตา่ งประเทศ ( ) บรู ณาการ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ( ) กจิ กรรมแนะแนว ( ) กจิ กรรมนักเรียน (ระบุ ลกู เสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด ผู้บำเพญ็ ประโยชน์นกั ศกึ ษาวชิ าทหารกจิ กรรมชุมนมุ ชมรม) ( ) กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์

2 1. คณุ สมบัติเบื้องต้น ตัวชี้วัดท่ี 1 คุณสมบัติเบื้องต้นเชิงประจักษ์ ตาราง 1 คุณสมบัติเบ้อื งต้น ตัวชี้วัด รายการประเมนิ เอกสารอ้างอิง ก.พ.7 1. ดำรงตำแหนง่ ครู สังกัด ขา้ พเจ้าตำรงตำแหนง่ ครู อตั ราเงนิ เดอื น (ภาคผนวก) สำนักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษา 20,810 บาท โรงเรยี นพญาไท สงั กัด ก.พ.7 ประถมศึกษากรุงเทพมหานคร สำนกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา (ภาคผนวก) กรงุ เทพมหานคร ก.พ.7 (ภาคผนวก) 2. ปฏิบตั ิหน้าท่ีเปน็ ครู ในการ ข้าพเจา้ ปฏิบตั หิ น้าที่ในตำแหน่งครมู าแลว้ 4 จัดการเรยี นการสอนไมน่ ้อยกว่า 2 ปี 5 เดือนนับถึงวนั ทีย่ ่นื ขอรับการประเมิน ปีนับถงึ วันทยี่ ืน่ ขอรับการประเมนิ 3. เปน็ ผูไ้ ม่เคยถกู โทษทางวินัย ข้าพเจา้ ไมเ่ คยถกู โทษทางวนิ ยั ภายใน 2 ปี ภายใน 2 ปี นับถึงวันทย่ี น่ื ขอรับ นบั ถึงวันทีย่ ืน่ ขอรบั การประเมิน การประเมนิ ตัวช้ีวัดที่ 2 การครองตน (มีคุณธรรม จริยธรรมทพ่ี ึงประสงค)์ ข้าพเจ้าได้ประพฤติและปฏิบัติตน ประกอบไปด้วยคุณธรรม ควรแก่การยกย่องตามค่านิยม พื้นฐาน 5 ประการ ได้แก่ การพึ่งตนเอง ขยันหมั่นเพียรและมีความรับผิดชอบ มีความตั้งใจที่จะ ทำงานในหน้าที่ให้ได้รับความสำเร็จด้วยตนเอง มีความอดทน ไม่ย่อท้อต่อปัญหา อุปสรรค มีความ รับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว และผู้อื่น รู้จักการประหยัดและเก็บออม รักษาระเบียบวินัยและ เคารพกฎหมาย การปฏิบัติตนตามคุณธรรมของศาสนา มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสถาบัน พระมหากษตั รยิ ์ โดยตลอดระยะเวลาทร่ี ับราชการครมู าขา้ พเจา้ ได้ยดึ หลกั ในการครองตน ดังนี้ 1. การพ่ึงตนเองขยันหม่ันเพียรและมีความรับผิดชอบต่อข้าพเจ้าได้พยายามพัฒนาตนเองให้ มคี วามกา้ วหน้าในวชิ าชพี ครูด้วยความขยันความพยายามและอดทนในหนา้ ทร่ี ับผดิ ชอบมีความตั้งใจที่ จะทำงานให้สำเรจ็ ดว้ ยตนเองสังเกตไดจ้ ากการต้งั ใจสงั่ สอนศษิ ย์ให้มีความรู้มีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน ที่ดขี นึ้ มีความอดทนไม่ย่อท้อตอ่ อปุ สรรคปญั หาและมีความรับผิดชอบต่อตนเองและครอบครัว มีจิตใจ ทม่ี น่ั คงเปน็ แบบอยา่ งที่ดีแก่เพ่อื นร่วมงานและบคุ คลในชมุ ชน 2. การประหยัดและเก็บออมรู้จักใช้จ่ายตามฐานะโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงรู้จักใช้เงนิ อย่างประหยัดรู้จักใส่ทรัพย์สินของทางราชการให้เป็นประโยชน์และประหยัดปิดไฟ ปิดพัดลม ปิดเคร่อื งคอมพวิ เตอรเ์ มอ่ื เลิกใช้งานเลกิ สอนให้นักเรียนรู้จกั รกั ษาทรัพย์สินของโรงเรยี นรจู้ กั เกบ็ ออม

3 ข้าพเจ้าเป็นผู้รู้จักใช้จ่ายและดำรงตนอยู่บนรากฐานของหลักเศรษฐกิจพอเพียงและไม่ทำให้ขัดสน ทางดา้ นการเงนิ ไม่สรา้ งภาระหนส้ี ิน 3. การรกั ษาระเบียบวนิ ัยและเคารพกฎหมายของบ้านเมือง ข้าพเจา้ ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และกฎหมายที่กำหนดไวท้ ุกอย่างและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่บุคคลทั่วไปเป็นแบบอยา่ งที่ดีแก่ลูกศิษย์ พูดจาไพเราะมีมารยาทดีการแตง่ กายสะอาดเรียบร้อยเหมาะสมกบั กาลเทศะเป็นแบบอย่าง ความมี น้ำใจเสียสละ เชื่อฟังให้ความเคารพต่อผู้บังคับบญั ชาเป็นผูต้ รงต่อเวลาปฏิบัติงานไม่เคยหนีราชการ ไม่เคยขาดราชการและไมเ่ คยรบั โทษทางวนิ ยั และโทษทางกฎหมาย 4. การปฏิบตั ติ ามธรรมของศาสนา ข้าพเจ้าเป็นผปู้ ฏิบัติตนตามศีลห้าละเว้นต่อการประพฤติ ชั่วและไม่ลุ่มหลงอบายมุขมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่น ช่วยเหลือบริจาคทรัพย์ให้กับทางราชการ และส่วนรวมเปน็ ประจำ เช่น ในการทำบุญตา่ ง ๆ ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นและยงั เป็นผูบ้ ริจาคพลาสมา่ ในเลอื ดทกุ 14 วนั ให้แก่สภากาชาดเพอื่ นำไปทำวคั ซีนให้กับคนไทย เปน็ ตน้ 5. ข้าพเจ้ามีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุน ระบบประชาธปิ ไตย และปฏิบตั ติ ามนโยบายของทางราชการและรัฐบาลได้เข้ารว่ มในการทำกิจกรรม ศาสนกิจทำนุบำรุงศาสนาและปฏิบัติตนเป็นพลเมืองท่ีดีของสังคม มีการยื่นภาษีและเสียภาษี เคารพกฎหมายจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้เข้าร่วมในพิธีการวัดสำคัญทุกคร้ัง ข้าพเจ้าสำนึกอยู่เสมอว่าตนเองเป็นครูต้องเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกศิษย์โดยยึดถือแนวปฏิบัติใน จรรยาบรรณครู ปฏิบตั ติ นเปน็ แบบอย่างทีด่ ีแกส่ ิทธท์ิ ั้งกายวาจาและจิตใจไมก่ ระทำตนใหเ้ ป็นปฏิปักษ์ ต่อการเจริญทั้งทางกายสติปัญญาจิตใจอารมณ์และสังคมของสิทธิ์ไม่แสวงหาผลประโยชน์อันเป็น อามิสสินจ้างจากสิทธิ์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติและไม่ใช้ให้สิทธิ์กระทำการใดใดอันเป็นการหา ผลประโยชนใ์ หแ้ ก่ตนโดยชอบด้านบุคลกิ ภาพและวิสัยทัศนม์ กี ารพัฒนาตนเองในด้านวทิ ยาการต่าง ๆ ท้งั ทางด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ สงั คม การเมอื งอยู่เสมอ มคี วามรักและศรทั ธาในวิชาชพี ครูและเป็น สมาชิกที่ดีขององคก์ รวิชาชีพครู ช่วยเหลือเกลื้อกลู ครูและชุมชน ประพฤติปฏบิ ัตติ นเป็นผู้นำในการ อนุรกั ษ์และพฒั นาภูมปิ ญั ญาและวัฒนธรรมมีการส่ังสอนสขุ จติ ตด์ ว้ ยความรับผิดชอบต่อหนา้ ท่สี อน เนื้อหาความรู้ควบคู่ไปกับคุณธรรมจริยธรรมและทักษะชีวิตในด้านตา่ ง ๆ ในการเรียนการสอนมีการ สอดแทรกความรู้ด้านคุณธรรมจริยธรรมแก่นักเรียนตลอดเวลาในฐานะท่ีทำหน้าที่เป็นครูประจำช้นั เมื่อมีโฮมรูมนักเรียนที่ประจำชั้น ก็ได้ชี้แนะสั่งสอนนักเรียนในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นด้านวินัย ด้านคุณธรรม เป็นตัวอย่างที่ดีแก่นักเรียนได้อย่างเต็มภาคภูมิ และสนับสนุนนักเรียนในทุก ๆ ดา้ นรวมทัง้ การพฒั นา ทักษะชีวติ สขุ ภาพกาย สุขภาพจิตของผู้เรียนสง่ เสริมใหน้ กั เรยี นไดใ้ ชร้ ะบอบ ประชาธิปไตยในการเลอื กตั้งคณะกรรมการประจำห้องเรยี น คณะกรรมการโรงเรียน โดยใช้การตัดสิน ในเสียงข้างมากและยอมรับและรับฟังเสียงข้างน้อย มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ร่วมงานทุกคน ทุกกลุ่ม ทกุ เพศทุกวยั และเป็นท่ียอมรับของผรู้ ่วมงาน ประสานงานกบั ผ้อู ืน่ รว่ มแก้ปญั หาตา่ ง ๆ ท่เี กิดขน้ึ

4 วางตัวเป็น ผู้นำ ผู้ตาม ผู้รับและผู้ให้ ด้วยความยุติธรรมโปร่งใสปราศจากอคติทำให้งานในองค์กร เกิดความสำเร็จจากการทำงานเป็นทมี 6. มีความซื่อสัตย์ สุจริต รักษาประโยชน์ส่วนรวม ไม่อาศัย หรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้อำนาจ หน้าที่ของตนเอง เพื่อแสวงหาประโยชน์ ข้าพเจ้าปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตยสุจริต เที่ยงตรงและ เท่ยี งธรรม ได้รับการยอมรับจากเพือ่ นรว่ มงานและผู้บงั คับบัญชาในด้านความซอื่ สัตย์สุจริต รักษาผล ประโยชนของทางราชการอย่างคุ้มค่า ไม่ใช้ช่องว่างทางระเบียบและกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตน และผู้อืน่ (การรับอามิสสินจ้างผู้อ่ืน) ไม่แสวงหาผลประโยชน์ที่เกิดจากช่องว่างทางระเบยี บกฎหมาย จากผู้ปกครอง และนักเรียนในงานที่เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ และภารกิจที่ตนรับผิดชอบไม่มี ผลประโยชนท์ ับซอ้ น 7. การปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย นโยบาย และคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ข้าพเจ้าปฏิบัติ ตามระเบียบ กฎหมาย นโยบาย และคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยพิจารณาจากการใช้ความรู้ที่มี และปฏิบัติตามคำสั่งหรือนโยบายที่ชอบด้วยกฎหมายอย่างเคร่งครัดของผู้บริหารสถานศึกษาหรือ หนว่ ยงานตน้ สังกดั และไม่ใช้ช่องว่างทางระเบียบ และกฎหมายกล่ันแกล้งผู้อืน่ เป็นผู้มีวินัยในตนเอง ยอมรับและถือปฏิบัติตามกฎ กติกา มารยาท ขนบธรรมเนียมและแบบแผนอันดีงาม อีกทั้งเป็น แบบอย่างทดี่ ขี องสงั คม 8. มีความวริ ิยะ อุตสาหะ ตรงต่อเวลา และอทุ ศิ เวลาใหแ้ ก่ทางราชการ ขา้ พเจา้ มคี วามวิริยะ อุตสาหะ ตรงต่อเวลา และอุทิศเวลาให้แก่ทางราชการ โดยรักษา กำหนดเวลา ในการปฏิบัติงานให้ แล้วเสรจ็ ทนั เวลาทุกครงั้ ดังน้ี 8.1 มีการวางแผนในการปฏิบัติงาน และวางแผนชีวิตตนเอง และครอบครัวอย่างมแี บบ แผน ใชเ้ วลาอย่างคุ้มค่าเหมาะสม ทำใหง้ านสำเรจ็ ตามกำหนดหรือก่อนกำหนดเวลาอยา่ งมคี ณุ ภาพ 8.2 ตรงต่อเวลาในการไปร่วมในพิธีการเข้าประชุม การเข้ารับการอบรม สัมมนา ตรงต่อเวลาในการนัดหมาย ที่มีการเจรจาติดต่อจะเตรียมพร้อมและไปก่อนเวลานัดหมายอีกด้วย หรอื แม้แต่การนดั หมายในตา่ งจงั หวดั จะไปตรงตอ่ เวลาทุกครั้ง 8.3 ปฏิบัติหน้าที่อุทิศตนด้วยความเอาใจใส่ขยันหมั่นเพียร อดทนในการแก้ปัญหาต่อสู้ อุปสรรค ไมย่ อ่ ท้อแต่จะพยายามจนสำเร็จ 8.4 ปฏบิ ตั ิราชการดว้ ยความวิริยะ อตุ สาหะ ถงึ แมจ้ ะเป็นคนท่ีมีสขุ ภาพไม่แข็งแรงก็ พยายามอุทิศเวลาที่ไม่ใช่วันทำงานมาพฒั นาโรงเรียน และมีความพร้อมที่จะศึกษาหาความรู้มาโดย ตลอด 8.5 การมีจิตสำนึกที่ดี มุ่งบริการต่อกลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการโดยไม่เลือกปฏิบัติ ข้าพเจ้าเป็นผู้มีจิตสำนึกที่ดี มุ่งบริการต่อกลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการโดยไม่เลือกปฏิบัติ โดยพิจารณา จากการมพี ฤติกรรมเชิงบวก ในการให้บรกิ ารกบั กลุ่มเปา้ หมายหรือผู้รบั บริการ (ผูเ้ รียน) ใหบ้ ริการ

5 กับกลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนโดยไมเ่ ลือกปฏิบัติกับกลมุ่ บคุ คลใดคนหน่ึงเท่านัน้ ทุกคนมีสทิ ธทิ ีจ่ ะไดร้ ับการบริการทเี่ ทา่ เทยี มกนั อยา่ งเสมอภาค 9. การรักษาคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณวิชาชีพ ข้าพเจ้ารักษาคุณภาพ ตามมาตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณวิชาชพี โดยพิจารณาจาก การปฏบิ ตั งิ าน โดยเข้ารว่ มกิจกรรม ของวิชาชีพ หรือองค์กรวิชาชีพ เพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพ ของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ปฏิบัติงานโดยให้คำปรึกษาหรือช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการด้วยความเมตตากรุณาอย่างเต็ม กำลังความสามารถและเสมอภาค ปฏิบัติตนดว้ ยการดำรงชวี ิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ป้องกันความเสี่ยงในการดำเนินชีวิตภายใต้ความรู้และคุณธรรมอันดี ประพฤติตนเป็นผู้นำในการ อนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น และสิ่งแวดล้อม ไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญ ทางกาย สตปิ ัญญา จิตใจอารมณ์ และสังคมของผเู้ รยี นและผู้รว่ มงาน 10. การรักษาภาพลักษณ์และความสามัคคีในองค์กร ชุมชน และสังคม ข้าพเจ้าประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีตามบทบาทและหน้าที่ท้ังทางกาย วาจา และจิตใจ โดยปฏิบัติต่อเพื่อน ร่วมงานทุกคนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี สามารถทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน และมีความสามารถในการสรา้ งทีมงานร่วมกันทุกคน ในทกุ รปู แบบ สามารถควบคุมสติ ในการอดทน อดกลั้นและยอมรบั ฟังความเหน็ ของเพื่อนร่วมงานที่แสดงออกด้วยเหตุและผลทีย่ ดึ ผลประโยชน์ของ ส่วนรวมเป็นสำคัญ มีความมุ่งม่ัน แน่วแน่ในการที่จะสละเวลาช่วยเหลือ เกื้อกูล แบ่งปัน ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับเพือ่ นร่วมงานทกุ คนดว้ ยความเอื้ออาทร เป็นผ้ทู ี่ปรับปรงุ วิธที ำงานดว้ ยความเต็มใจและมี ความสุขอยู่ตลอดเวลา มีนิสัยชอบช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานและกระตือรือร้นอาสาช่วยเหลืองาน โรงเรยี น ชุมชนและสงั คมด้วยความเตม็ ใจ สนบั สนุนและบริจาคทรพั ย์ให้กับกิจกรรมการกุศล มีส่วน ร่วมและร่วมมือในการอนรุ ักษ์พัฒนาส่ิงแวดล้อมทัง้ ทางตรงและทางออ้ ม เอาใจใส่ สนใจดูแลสถานท่ี ทำงาน ใหอ้ ยใู่ นสภาพสะดวก สะอาด เรยี บรอ้ ย เปน็ ระเบียบ สวยงาม เป็นผ้ทู ใ่ี ห้อภัยกับผู้อ่ืนทุกคน อยู่เสมอ แสดงความช่ืนชมและยินดีในความสามารถและความสำเร็จของเพือ่ นร่วมงานและไม่นินทา วา่ รา้ ยผู้อ่ืนท้ังต่อหน้าและลับหลังมีแนวคิดเปิดกว้างเพอื่ รับส่งิ ใหม่ ๆ ตลอดเวลา และพยายามสืบค้น เสาะแสวงหาความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาวิชาชีพครู อยา่ งต่อเนอ่ื ง

6 ตวั ช้ีวัดท่ี 3 การครองคน (ทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ่ืนได้ดี เป็นทีย่ อมรบั รักใครข่ องศษิ ย์ ผรู้ ่วมงาน) (ตอ้ ง ปฏิบตั คิ รบท้งั 3 กจิ กรรมรวมแล้วไม่นอ้ ยกวา่ 10รายการ/ปกี ารศึกษา) ข้าพเจ้าประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีตามบทบาทและหน้าที่ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ โดยปฏบิ ัตติ ่อเพื่อนรว่ มงานทกุ คนอย่างเสมอภาคเทา่ เทียมกนั มมี นษุ ยส์ มั พนั ธท์ ่ีดี สามารถ ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานและมีความสามารถในการสร้างทีมงานร่วมกันทุกคน ในทุกรูปแบบ สามารถควบคมุ สติ ในการอดทน อดกล้ันและยอมรับฟงั ความเห็นของเพ่อื นรว่ มงานท่ีแสดงออกด้วย เหตุและผลที่ยึดผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ มีความมุ่งมั่น แน่วแน่ในการที่จะสละเวลา ช่วยเหลือ เกื้อกูล แบ่งปัน ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับเพื่อนร่วมงานทุกคนด้วยความเอื้ออาทรเป็นผู้ท่ี ปรับปรุงวิธีทำงานด้วยความเต็มใจและมีความสุขอยู่ตลอดเวลา มีนิสัยชอบช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน และกระตือรอื ร้นอาสาช่วยเหลอื งานโรงเรยี น ชมุ ชนและสงั คมด้วยความเต็มใจ สนบั สนุนและบริจาค ทรัพย์ใหก้ ับกิจกรรมการกุศล มีส่วนร่วมและร่วมมือในการอนุรกั ษ์พัฒนาสิ่งแวดลอ้ มทั้งทางตรงและ ทางอ้อม เอาใจใส่ สนใจดูแลสถานที่ทำงาน ให้อยู่ในสภาพสะดวก สะอาด เรียบร้อย เป็นระเบียบ สวยงาม เป็นผู้ที่ให้อภัยกับผู้อื่นทุกคน อยู่เสมอ แสดงความชื่นชมและยินดีในความสามารถและ ความสำเร็จของเพื่อนร่วมงาน และไม่นินทาว่าร้ายผู้อื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง มีแนวคิดเปิดกว้าง เพื่อรับสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา และพยายามสืบค้น เสาะแสวงหาความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยี ใหม่ ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาวิชาชีพครูอย่างต่อเนื่อง ปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างที่ได้รับ มอบหมายและทำงานร่วมกันผู้อื่นได้อย่างมีความสุข มีการวางแผนงาน ยอมรับฟังความคิดเห็น ของผู้อื่น ในการทำงานร่วมกับผู้อ่ืนข้าพเจ้าใช้หลกั การกัลยาณมติ รและมีมนุษย์สัมพันธ์ท่ีดี สามารถ ทำงานร่วมกับอื่นได้ทุกกลุ่มทุกเพศ และทุกวัยจึงได้รับการยอมรับจากผู้บริหารโรงเรียนผู้ร่วมงาน นักเรียนผู้ปกครองและประชาชนทั่วไปอีกทั้งมีความเผื่อแผ่มีบุคลิกภาพที่ดีมีความสามารถในการ ประสานงานมีเหตุผลแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ดีมีเทคนิคในการพูดชักชวนเสนอแนะให้กำลังใจสามารถ ทำงานร่วมกบั ผู้อนื่ โดยสามารถวางตัวเป็นผู้นำ ผ้ตู าม ผู้ให้ และผ้รู ับทดี่ มี ีหลกั ในการทำงานท่ียุติธรรม โปร่งใสปราศจากอคติมีประโยชน์เขาได้เรียนและสว่ นรวมไปที่ต้ังจึงประสบความสำเร็จในการทำงาน เป็นทีมไดร้ ับการยอมรับจากทกุ ฝ่ายและได้ทำกิจกรรมรว่ มกับนักเรียนครูในโรงเรียนมีกิจกรรมระบบ ดูแลช่วยเหลือนกั เรียนและกจิ กรรมร่วมกบั ชุมชนมากกว่า 10 รายการตอ่ ปีดงั ต่อไปน้ี

7 ตาราง 2 ทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ืน่ ได้ดี เป็นทย่ี อมรบั รักใคร่ของศษิ ย์ ผูร้ ว่ มงาน ตัวชีว้ ัด รายการประเมิน เอกสารอ้างอิง 1. กจิ กรรมทที่ ำร่วมกับ ผรู้ ่วมงานในโรงเรียน ข้าพเจา้ ได้เข้ารว่ มกิจกรรมกบั ภาพถ่ายการเข้ารว่ มกิจกรรม ผู้ร่วมงานในโรงเรียนปฏบิ ัติ กจิ กรรมมากกวา่ 10 รายการ ตอ่ ปีการศึกษา ดังนี้ กจิ กรรม ปรับปรงุ หลักสูตรสถานศกึ ษา กิจกรรมสง่ เสรมิ ประชาธิปไตย (การเลอื กตง้ั คณะกรรมการ นักเรียน) กิจกรรมวันสำคญั ต่างๆ เช่น กิจกรรมวันพอ่ แห่งชาติกจิ กรรมวันแม่ แหง่ ชาตกิ ิจกรรมทาง พระพุทธศาสนา เช่น การ ทำบุญตกั บาตร การฟังเทศน์ ฟังธรรม กิจกรรมหล่อเทียน พรรษา การไปแห่เทยี นพรรษา กจิ กรรมตกั บาตรวันข้นึ ปีใหม่ กจิ กรรมวนั ไหว้ครู ช่วยเหลือ งานสถานที่ กจิ กรรมสง่ ท้ายปี เก่าตอ้ นรบั ปีใหมค่ รู กิจกรรม วันครู กิจกรรมเลยี้ งส่งครูใน โรงเรียน กิจกรรมพานักเรียน ไปแขง่ ขันศลิ ปหัตถกรรม นักเรียน กิจกรรมพิธีมอบใบ ประกาศนียบัตรนักเรียน กจิ กรรมการเข้าค่าย คณิตศาสตรข์ องนักเรยี น การ เขา้ คา่ ยลกู เสือ ดแู ลงาน ทศั น ศกึ ษาของโรงเรยี น

8 ตาราง 2 (ตอ่ ) ทำงานร่วมกับผอู้ ่ืนได้ดี เปน็ ท่ียอมรับ รักใครข่ องศิษย์ ผูร้ ว่ มงาน ตัวช้วี ัด รายการประเมนิ เอกสารอา้ งอิง 2. จัดและเข้ารว่ มจดั กิจกรรม ตามระบบดแู ลชว่ ยเหลือ ข้าพเจ้าไดร้ ับมอบหมายให้ - คำส่งั นักเรียน ปฏิบัติหน้าที่ครูผูส้ อนวิชา - บนั ทกึ การศกึ ษานักเรยี นเปน็ 3. กิจกรรมร่วมกบั ชมุ ชนโดย ตอ้ งปฏิบัติครบทัง้ 3 กิจกรรม คณติ ศาสตรช์ ้ันประถมศึกษา รายบคุ คล ซงึ่ รวมกนั แลว้ ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่า 10 รายการตอ่ ปีการศกึ ษา ปีที่ 5 และ 6 และรับหนา้ ที่ - บนั ทึกการเยีย่ มบา้ นนักเรียน เป็น ครปู ระจำช้นั ป.6/4 - ภาพถ่าย โดยขา้ พเจา้ มกี ารจดั กจิ กรรม ระบบดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียน ทุกคนโดยการจดั ทำรายการ วเิ คราะห์ผู้เรียนเป็นรายบคุ คล และออกเยย่ี มบ้านนักเรยี นใน ชั้นเรียนทกุ คน เพือ่ ดูแลและใหค้ วามช่วยเหลือ อย่างใกล้ชิด รวมถงึ การจดั ประชมุ ช้นั เรยี นทุกภาคเรยี น ปฏิบัตหิ น้าทหี วั หน้าเวร ประจำวนั พธุ ดูแลสอดส่อง นกั เรียนและคุ้มครองนกั เรยี น ข้าพเจ้าไดเ้ ข้าร่วมกิจกรรมกับ - ภาพถา่ ย ชุมชนมากกว่า 10 รายการ/ปี การศกึ ษา กิจกรรมท่ที ำ รว่ มกบั ชมุ ชนคอื การร่วม กิจกรรมทำบญุ ตักบาตรวันข้ึน ปีใหม่ การรณรงคต์ อ่ ต้านยา เสพตดิ ร่วมกบั ชุมชน กจิ กรรม ร่วมกับตำรวจ กจิ กรรมรว่ มกับ บรษิ ทั ตา่ ง ๆ ท่ีเขา้ มาใหค้ วามรู้ กบั นักเรยี น กิจกรรมพญาไท รว่ มจติ ทีร่วมกบั ผู้ปกครอง รวมทั้งกจิ กรรมวง่ิ เพอ่ื การกุศล

9 ตวั ช้ีวัดที่ 4 การครองงาน (รบั ผิดชอบ มงุ่ มนั่ ตงั้ ใจทำงานตามภารกจิ ทไ่ี ด้รบั มอบหมายจนเกดิ ความสำเรจ็ ) ข้าพเจา้ เปน็ ผู้ทีม่ ีความมงุ่ ม่นั ต้ังใจในการทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายอยา่ งเตม็ ศกั ยภาพ รวมถงึ มคี วามรับผดิ ชอบต่องานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย สละเวลาอุทศิ ตนตอ่ งานจนงานนนั้ สำเรจ็ ลุล่วงไป ได้ดว้ ยดี นำมาซึ่งการเปน็ ทยี่ อมรับของเพ่อื นรว่ มงาน และสร้างผลงานชอ่ื เสยี งใหก้ ับโรงเรียนนักเรยี น และตนเองอยู่เสมอ ตาราง 3 รับผดิ ชอบ มุ่งมนั่ ตง้ั ใจทำงานตามภารกิจ/ที่ได้รบั มอบหมายอย่างสรา้ งสรรค์จนเกิด ความสำเร็จ ตัวช้วี ัด รายการประเมนิ เอกสารอา้ งอิง 1. ไมเ่ คยหนรี าชการ ข้าพเจา้ ไมเ่ คยละทงิ้ หน้าท่ใี น - ก.พ. 7 2. ลากจิ ไม่เกิน 2 ครั้ง/ภาค เรียน และไม่เกิน 4 ครั้ง/ปี การปฏบิ ัติงานตามทไี่ ด้รบั การศึกษา 3. มชี ่ัวโมงสอนตามเกณฑ์ท่ี มอบหมาย ก.ค.ศ. กำหนด ขา้ พเจา้ ลากจิ ไม่เกนิ 2 ครงั้ / สรุปการลา ภาคเรียน และไมเ่ กนิ 4 คร้งั /ปี การศึกษา ขา้ พเจ้ามีชัว่ โมงสอนภาคเรยี น - ตารางสอน ละ 18 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ตาม เกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กำหนด ผลการประเมิน “ผา่ น” ทุกรายการ ตวั ชีว้ ัดท่ี 5 มีผลงานที่เกิดจากพฒั นาคุณภาพการศึกษา ขา้ พเจา้ มีความต้งั ใจมุ่งมนั่ ในการทำงาน พฒั นาคุณภาพการศึกษา รวมถึงการพัฒนาตนเอง อยู่ตลอดเวลา หมน่ั ศึกษาหาความรเู้ พอ่ื มาปรบั ใช้ในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อมงุ่ พฒั นา ผเู้ รียนใหเ้ ป็นผู้ที่มีความรคู้ วามสามารถ

10 ตาราง 4 ผลงานทเี่ กิดจากการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา ตวั ชวี้ ัด รายการประเมนิ เอกสารอ้างอิง 1. ผ้สู ่งเสรมิ พัฒนาผ้เู รยี นให้มี 1. รางวลั ครผู สู้ ่งเสรมิ พัฒนา - เกยี รติบตั รทไ่ี ดร้ บั ผลการประเมนิ คุณภาพผเู้ รียน ผเู้ รียนให้มีผลการประเมนิ NT ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 3 คณุ ภาพผู้เรยี น NT ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 ความสามารถทางคณติ ศาสตร์ ได้คะแนนเตม็ 100 คะแนน ปี 2561 2. รางวลั ครผู ู้สง่ เสริมพฒั นา ผู้เรยี นใหม้ ีผลการประเมิน คณุ ภาพผู้เรียน NT ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 ความสามารถทางคณิตศาสตร์ ได้คะแนนเตม็ 100 คะแนน ปี 2562 2. ครูผู้ส่งเสริมพัฒนาผูเ้ รียนให้ 1. รางวัลครูผ้สู ่งเสริมพัฒนา - เกยี รติบตั รทไ่ี ดร้ บั มีผลการทดสอบทางการศึกษา ผเู้ รียนให้มผี ลการทดสอบทาง ระดบั ชาตขิ นั้ พื้นฐาน O-NET การศกึ ษาระดับชาติขนั้ พนื้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ O-NET กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษา คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศึกษา ปที ่ี 6 ปที ่ี 6 ไดค้ ะแนนเตม็ 100 คะแนน ปี 2561 2. รางวัลครผู สู้ ง่ เสรมิ พฒั นา ผ้เู รียนให้มผี ลการทดสอบทาง การศึกษาระดับชาติขัน้ พ้ืนฐาน O-NET กล่มุ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษา ปีที่ 6 ไดค้ ะแนนเตม็ 100 คะแนน ปี 2562

11 ตวั ช้ีวัดท่ี 6 ได้รบั รางวัลยกยอ่ งเชดิ ชเู กียรติ จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน เปน็ ท่ยี อมรบั ในวิชาชพี และสังคม ข้าพเจา้ มกี ารพัฒนาตนเอง พัฒนางานในดา้ นการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมบรู ณาการหรอื กจิ กรรมดา้ นวิชาการต่าง ๆ จนได้รับการยกย่องเชดิ ชเู กยี รติจากหน่วยงานทั้ง ภาครัฐและเอกชนจนเป็นทีย่ อมรับของเพ่อื นร่วมงานในวิชาชีพ ตาราง 5 การไดร้ ับรางวัลยกย่องเชดิ ชเู กียรติ ตัวชีว้ ัด รายการประเมิน เอกสารอ้างอิง 1. ได้รบั รางวลั ยกยอ่ งเชิดชู 1. สำนกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษา - เกียรตบิ ัตร เกียรตจิ ากหนว่ ยงานภาครฐั / กรงุ เทพมหานครมอบรางวลั ครผู ูส้ ง่ เสรมิ พัฒนา เอกชนเป็นท่ียอมรบั ในวง ผเู้ รยี น ใหม้ ีผลการทดสอบทางการศกึ ษา วชิ าชพี (ภายใน 2 ปี นบั ถึง ระดบั ชาติขัน้ พน้ื ฐาน (O-NET) ชน้ั ประถมศกึ ษา วันทยี่ นื่ ขอรับการประเมนิ ) ปีท่ี 6 ปกี ารศกึ ษา 2560 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ได้คะแนนเต็ม 100 2. สำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษา - เกียรติบตั ร กรุงเทพมหานครมอบรางวัลครผู สู้ ง่ เสรมิ พัฒนา ผเู้ รยี น ใหม้ ผี ลการทดสอบทางการศกึ ษา ระดบั ชาตขิ ัน้ พนื้ ฐาน (O-NET) ชั้นประถมศึกษา ปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2561 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ได้คะแนนเตม็ 100 3. สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา - เกียรตบิ ตั ร กรงุ เทพมหานครมอบรางวัลครูผู้สอนเสริม ศกั ยภาพนกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ าปที ี่ 6 ประจำปี การศกึ า 2561 มผี ลการทดสอบทางการศกึ ษา ระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) เฉล่ยี รวม 4 กลมุ่ สาระการเรียนรู้เป็นลำดบั ที่ 2 ของสำนักงานเขต พื้นทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษากรุงเทพมหานคร

12 ตาราง 5 (ต่อ) การได้รับรางวลั ยกย่องเชิดชเู กยี รติ เอกสารอ้างอิง - เกยี รติบตั ร ตวั ชวี้ ัด รายการประเมนิ 1. ไดร้ ับรางวลั ยกย่องเชดิ ชู 4. สำนักงานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา เกียรติจากหนว่ ยงานภาครัฐ/ กรงุ เทพมหานครมอบรางวัลครผู ้สู ่งเสริมพฒั นา เอกชนเปน็ ที่ยอมรับในวง ผูเ้ รยี นให้มผี ลการทดสอบความสามารถพื้นฐาน วชิ าชีพ(ภายใน 2 ปี นับถงึ ของนกั เรยี นระดบั ชาติ NT ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี วันท่ีย่นื ขอรับการประเมิน) 3 ปกี ารศึกา 2561 ความสามารถด้านคำนวณ ได้คะแนนเตม็ ร้อยละ 100 5. สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษา - เกียรติบัตร กรงุ เทพมหานครมอบครูผู้สอนนักเรียนไดเ้ ข้า ร่วม กิจกรรมการแข่งขนั เวทคณิต ระดบั ชน้ั ป. 4-6 งานมหกรรมความสามารถทาง ศิลปหัตถกรรม วิชาการ และเทคโนโลยีของ นกั เรยี น ปีการศกึ ษา 2561 ระดบั เขตพืน้ ที่ การศกึ ษา 6. เดอะพซิ ซ่า คอมปะนี กบั สำนกั งาน - เกยี รตบิ ัตร คณะกรรมการการ ศึกษาข้นั พ้นื ฐาน และกรม สง่ เสรมิ วัฒนธรรม มอบเกียรติบตั รเพื่อแสดงวา่ เป็นครูผ้รู ับผิดชอบโครงการ เดอะพซิ ซา่ คอม ปะนี ชวนนอ้ งอ่าน ประจำปี 2561 7. มูลนธิ ิร่มฉตั รมอบเกยี รตบิ ตั รเพ่ือแสดงว่าเป็น - เกียรตบิ ตั ร ครผู เู้ ขา้ ร่วมส่งนักเรยี นใน การแข่งขนั คณติ ศาสตรเ์ พชรยอดมงกฎุ ครั้งที่ 21 ปี การศึกษา 2562 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระ กนษิ ฐาธริ าชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ทนุ การศึกษาสมเด็จพระมหารัชมงคลมนุ ี

13 ตาราง 5 (ตอ่ ) การไดร้ บั รางวลั ยกย่องเชดิ ชเู กยี รติ ตัวชีว้ ัด รายการประเมิน เอกสารอ้างอิง 1. ได้รับรางวลั ยกยอ่ งเชดิ ชู 8. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน - เกียรตบิ ัตร เกียรตจิ ากหนว่ ยงานภาครฐั / มอบวฒุ บิ ัตรเพื่อแสดงวา่ เปน็ ผ้สู ำเรจ็ การพฒั นา เอกชนเปน็ ทีย่ อมรบั ในวง และผา่ นการทดสอบความรตู้ ามหลกั สูตรการ วิชาชพี (ภายใน 2 ปี นับถงึ พัฒนาครูและบคุ ลากรทางการศึกษาโดยยึด วันทย่ี น่ื ขอรบั การประเมนิ ) ภารกจิ และพนื้ ท่ีปฏิบตั งิ านเป็นฐาน ดว้ ยระบบ TEPE Online หลกั สูตรการเตรียมความพร้อม และพฒั นาอยา่ งเข้มครูผู้ช่วย กอ่ นแตง่ ต้ังให้ ดำรงตำแหน่งครู 9. สำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษา - เกยี รติบตั ร กรงุ เทพมหานคร มอบเกยี รติบตั รเพอ่ื แสดงวา่ ได้ เข้าร่วมการเป็นกรรมการตดั สนิ การแขง่ ขัน กิจกรรม การแขง่ ขนั คิดเลขเร็ว ระดับชนั้ ป.4-6 ในงานศลิ ปหัตถกรรมนกั เรียน ประจำปี การศึกษา 2560 10. สำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษา - เกยี รตบิ ัตร กรุงเทพมหานคร มอบเกียรติบัตรเพ่อื แสดงวา่ เปน็ ครูผสู้ อนนกั เรียนไดเ้ ขา้ ร่วม กจิ กรรมการ แข่งขนั อัจฉรยิ ภาพทางคณิตศาสตร์ ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4-6 ในงานมหกรรม ความสามารถทางศิลปหตั ถกรรม ปกี ารศึกษา 2561 11. โรงเรยี นรัตนโกสินทร์สมโภช บางเขน - เกียรตบิ ตั ร ร่วมกับ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย รามคำแหง มอบเกียรติบัตร เพือ่ แสดงว่า ได้รว่ ม เปน็ วทิ ยากรกิจกรรมค่ายคณิตศาสตร์ ใน โครงการ “RU. READY? RBS. MATHS DAY 2018” ประจำปกี ารศกึ ษา 2561 12. สพฐ. และ สสส. มอบรางวลั ครูดีไมม่ ี - เกียรตบิ ตั ร อบายมขุ ประจำปีการศึกษา 2563 เนื่องในวัน ครแู ห่งชาติ ประจำปี 2564

14 2. การประเมินตวั ช้ีวดั เฉพาะ องค์ประกอบท่ี 1 คุณภาพ ตัวชว้ี ัด 1 คณุ ลักษณะของนวัตกรรม นวัตกรรมทนี่ ำมาเข้ารบั การประเมนิ ในครง้ั นี้ คือ นวตั กรรมรปู แบบการสอนการแก้โจทย์ ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (Solving Problem) ด้วยเทคนคิ KWDL รว่ มกบั การทำงานกลมุ่ นวัตกรรม การสอนนีเ้ กดิ จากการทค่ี รูสอนวิชาคณิตศาสตร์อยากทจี่ ะแก้ปัญหาท่เี กิดข้ึนกับตวั ผเู้ รยี น ในเรือ่ งของ ทักษะการแก้โจทยป์ ัญหาและเจตคติท่นี กั เรียนมตี อ่ การแกโ้ จทยป์ ัญหาทางคณิตศาสตรซ์ ่ึงพบวา่ ทัง้ 2 ตวั แปรขา้ งตน้ มีผลอย่างยงิ่ ต่อผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของตัวนักเรียนเอง ถา้ นวตั กรรมนี้สามารถ แก้ปัญหาทักษะการแกโ้ จทย์ปญั หาทางคณติ ศาสตร์และเจตคตขิ องนักเรยี นได้ ผลท่ีจะตามมาในที่สุด กค็ ือ ผลสมั ฤทธท์ิ างเรยี นวชิ าคณติ ศาสตรใ์ นการทดสอบระดับชาติ (O-net) มคี ะแนนสงู ขนึ้ มา โดย เทคนิค KWDL ถอื วา่ เปน็ รูปแบบการสอนท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพสูงในด้านของการพัฒนาทักษะการ แก้โจทยป์ ญั หาของนักเรียนทัง้ ในด้านคณติ ศาสตร์ ซงึ่ เปน็ เทคนิคทแี่ พร่หลายและมคี วามนา่ เช่ือถือใน ระดบั วงการทางดา้ นการศึกษา วตั ถปุ ระสงค์ของนวัตกรรมมีดังน้ี 1. เพอ่ื พฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นและทกั ษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของ นักเรยี นให้สูงขน้ึ 2. เพอ่ื ให้นักเรียนมเี จตคติทดี ตี อ่ วิชาคณติ ศาสตรใ์ นเรอื่ งของการแกโ้ จทย์ปัญหา โดยนวตั กรรมรปู แบบการสอนการแก้โจทย์ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (Solving Problem) ดว้ ยเทคนิค KWDL รว่ มกบั การทำงานกล่มุ มีสว่ นประกอบจำนวน 2 สว่ นดว้ ยกัน คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ ทใ่ี ชเ้ ทคนคิ KWDL 2) แบบฝกึ ทกั ษะการแกโ้ จทย์ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมท่ถี ูกตอ้ ง ครบถ้วนตามประเภทนวัตกรรมทรี่ ะบุ มคี วามสอดคลอ้ งกบั ความรู้ ความสามารถและการปฏบิ ตั ิหน้าทใ่ี นดา้ นท่ีขอรับการประเมนิ คัดเลือกมรี ูปแบบการจัดพมิ พจ์ ดั รปู ล่ม นวัตกรรมการนำเสนอนา่ สนใจ มีการจัดเรียงลำดับอยา่ งเป็นข้นั ตอน ผลการประเมิน ทำได้ 3 รายการ ได้ระดบั “ดเี ยี่ยม” ตัวชวี้ ัด 2 คุณภาพขององค์ประกอบในนวตั กรรม ข้าพเจา้ ได้สร้างนวัตกรรมชนิ้ น้ีขนึ้ มา โดยมีวตั ถุประสงค์ดงั น้ี 1. เพื่อพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นและทกั ษะการแก้โจทยป์ ญั หาทางคณติ ศาสตรข์ อง นกั เรียนให้สงู ข้นึ

15 2. เพื่อใหน้ กั เรียนมเี จตคติทีดีต่อวิชาคณิตศาสตร์ ในเรื่องของการแก้โจทย์ปญั หาทาง คณติ ศาสตร์โดยการใชน้ วัตกรรมรปู แบบการสอนการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (Solving Problem) ด้วยเทคนคิ KWDL รว่ มกับการทำงานกลมุ่ นวัตกรรมรปู แบบการสอนการแก้โจทยป์ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ (Solving Problem) ดว้ ย เทคนิค KWDL ร่วมกับการทำงานกลุ่ม มอี งค์ประกอบและแนวคิด ดงั น้ี งานวจิ ยั ของ วีระศกั ด์ิ เลศิ โสภา (2544, หน้า 5) กล่าวว่า เทคนิค KWDL เปน็ เทคนิคในการ แก้โจทย์ปญั หาคณติ ศาสตร์ ซึง่ จะช่วยให้ผู้เรยี นได้พฒั นาความสามารถ ซึง่ สรุปไดด้ ังต่อไปนี้ เทคนิค KWDL จะชว่ ยให้ผเู้ รยี นไดพ้ ฒั นาสตปิ ัญญา พฒั นาทกั ษะทางสังคม มที กั ษะและ ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปัญหาท่ีจะช่วยให้เกิดผลสะทอ้ นหลายรูปแบบทางคณิตศาสตร์ ซึ่งจะ ส่งผลให้เปน็ นักแก้ปัญหาท่ดี ี โดยการใหน้ กั เรยี นคดิ พิจารณาจากขอ้ ความหรือคำถามทก่ี ำหนดให้แล้ว ซง่ึ เปน็ การกำหนดกรอบความคดิ ไม่ใหเ้ บย่ี งเบนไปในทิศทางอืน่ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เปรยี บเทียบ แยกแยะก่อนหาขอ้ สรุปด้วยตนเอง และยังชว่ ยให้นักเรยี นออ่ น ปานกลาง และเก่ง มีโอกาสไดเ้ รยี นรู้ ไดร้ ับการฝกึ วธิ ีคดิ อยา่ งมีระบบและฝกึ การทำงานร่วมกนั งานวจิ ยั ของ นิรันดร์ แสงกหุ ลาบ (2547, หน้า 7-8) ไดส้ รปุ การจัดการเรยี นรู้โดยใช้เทคนคิ KWDL จะช่วยใหผ้ เู้ รียนพัฒนาความสามารถตา่ ง ๆ ซง่ึ สรปุ ไดด้ ังน้ี 1. พัฒนากระบวนการทางคณิตศาสตร์อย่างหลากหลาย 2. ชว่ ยสง่ เสริมพฒั นาความสามารถในการคดิ เชิงวิเคราะหแ์ ละสงั เคราะห์ 3. ชว่ ยใหผ้ ู้เรียนสามารถแก้โจทย์ปัญหาคณติ ศาสตรไ์ ด้อยา่ งถูกตอ้ งมากย่ิงข้นึ 4. ช่วยให้ผู้เรยี นพฒั นาสติปญั ญา พัฒนาการคดิ พัฒนาทางสงั คมโดยเฉพาะถ้าจัดใหผ้ ู้เรยี น ฝึกการทำงานร่วมกนั เปน็ กล่มุ จากงานวจิ ัยท่ีเกีย่ วกับประโยชน์และผลท่นี กั เรยี นไดร้ ับหลงั จากการเรียนด้วยการจัดการ เรียนรู้โดยใชเ้ ทคนคิ KWDL คือ ความสามารถทางดา้ นการคดิ ซง่ึ เปน็ ทกั ษะท่จี ำเป็นสำหรบั นักเรยี น ในศตวรรษที่ 21 มีการพัฒนาในหลาย ๆ ดา้ น ให้มคี วามสามารถในระดบั ทสี่ งู ขนึ้ ซง่ึ ความสามารถใน ดา้ นการคิดเหล่านถ้ี ือวา่ เปน็ พนื้ ฐานและหวั ใจหลักทสี่ ำคญั ที่สดุ ท่จี ะทำใหน้ กั เรยี นช้นั ประถมศึกษา เปน็ นักเรยี นที่มีความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์และมเี จตคติทดี่ ีตอ่ การเรยี นคณิตศาสตร์ตอ่ ไป การจัดการเรียนร้วู ิชาคณิตศาสตร์ดว้ ยเทคนคิ KWDL เป็นเทคนิคการจัดการเรยี นรู้ที่ฝึกให้ นักเรียนอา่ นเพอ่ื การคดิ วเิ คราะหโ์ จทยป์ ัญหาอย่างเปน็ ขน้ั ตอน โดยขนั้ ตอนการจดั การเรยี นรู้วิชา คณิตศาสตร์ด้วยเทคนคิ KWDL ประกอบดว้ ย 4 ขนั้ ตอน ดังตาราง 6

16 ตาราง 6 ขั้นตอนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาคณติ ศาสตรด์ ้วยเทคนิค KWDL ขั้นตอนการจดั การเรยี นรู้ บทบาทของครผู ู้สอน 1. ขัน้ นำ 1. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ทบทวนความรู้ และเรา้ ความ สนใจของผู้เรยี นด้วยสือ่ หรอื คำถามทางคณิตศาสตร์ 2. ขน้ั สอนเน้ือหาใหม่ 2. ครนู ำเสนอโจทย์ปญั หาใหก้ ับนกั เรยี นทกุ คน และแนะนำ ขนั้ ตอนการแกป้ ัญหาดว้ ยเทคนิค KWDL แล้วใหน้ ักเรยี นทกุ คน เรยี นรู้การแก้โจทยป์ ญั หาโดยปฏิบัติตามขัน้ ตอน 4 ขนั้ ตอน ของ เทคนคิ KWDL 2.1 ขน้ั K 2.1 นักเรยี นอ่านโจทยแ์ ละหาส่ิงที่โจทย์กำหนดมาให้ จากน้นั (What we Know) ครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 2.2 ขน้ั W 2.2 นกั เรียนหาสิง่ ท่โี จทย์ต้องการและพจิ ารณาหา (What we Want to know) ความสมั พันธห์ รือความเช่อื มโยงระหว่างส่ิงทีโ่ จทย์ต้องการกับสงิ่ ท่ี โจทย์กำหนดมาใหพ้ ร้อมท้งั ให้ระบวุ ธิ ีท่ใี ช้ในการแก้ปญั หา จากนัน้ ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง 2.3 ขน้ั D 2.3 แกโ้ จทย์ปญั หาตามวธิ หี รือแผนทวี่ างไว้ นักเรยี นนำเสนอ (What we Do) ผลการแก้โจทย์ปัญหา โดยครูและนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความ ถูกตอ้ ง 2.4 ขน้ั L 2.4 ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ ส่ิงท่ไี ดจ้ ากการเรยี นและการ (What we have Learned) แกป้ ญั หาจากใช้เทคนิค KWDL 3. ขั้นสรปุ 3. ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นได้ซกั ถามข้อสงสยั ที่เกดิ จาก การเรยี น 4. ขน้ั ฝกึ ฝนทักษะ 4. นักเรียนทำแบบฝกึ ทกั ษะการแกโ้ จทยป์ ญั หาด้วยเทคนิค KWDL ทีค่ รูสรา้ งขึ้น ผลการประเมนิ ทำได้ 3 รายการ ได้ระดับ “ดเี ยี่ยม

17 ตวั ช้ีวัดที่ 3 การออกแบบนวัตกรรม การออกแบบนวตั กรรมชิน้ นี้ เร่มิ ต้นจากการเกดิ ปญั หาในชน้ั เรยี นในรายวิชาคณิตศาสตร์ เม่อื ครูผสู้ อนได้สอน เร่อื ง การแก้โจทย์ปัญหาทางคณติ ศาสตร์ ซงึ่ พบวา่ นักเรยี นสว่ นใหญไ่ ม่สามารถ แก้โจทยป์ ญั หาได้ด้วยตวั เอง มเี พียงนกั เรยี นส่วนนอ้ ยเท่าน้ันท่สี ามารถเริ่มตน้ แกป้ ัญหาและนำตัวเอง ไปสู่ผลลพั ธ์ของโจทยป์ ัญหาได้ ครูจงึ ตอ้ งหาวธิ กี ารสอนใหม่ ๆ เพอ่ื ท่ีจะได้นำมาใชเ้ พอื่ พัฒนาทกั ษะ การแก้โจทย์ปญั หาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียน โดยเริ่มตน้ จากการศึกษางานวิจยั ที่เก่ียวข้องกับการ พัฒนาทักษะแกโ้ จทยป์ ัญหาทางคณติ ศาสตรข์ องนักเรยี น และทฤษฎีการเรยี นรู้ตา่ ง ๆ ดงั ต่อไปน้ี ความหมายของปญั หาทางคณิตศาสตร์ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (2551) ไดใ้ ห้ความหมายของปัญหาทาง คณติ ศาสตรว์ ่า หมายถึง สถานการณ์ทเ่ี กี่ยวกับคณิตศาสตรซ์ ึ่งเผชิญอยแู่ ละต้องการค้นหาคำตอบโดย ที่ยังไม่รู้วธิ ีการหรือขน้ั ตอนที่จะได้คำตอบของสถานการณน์ นั้ ในทนั ที Anderson and Pingry (1973, p. 288) ได้ให้ความหมายของปัญหาทางคณิตศาสตร์ว่า เปน็ สถานการณ์หรอื ปัญหาท่ีตอ้ งการคำตอบ โดยผ้แู กป้ ญั หาจะแกป้ ัญหานนั้ ต้องไดจ้ ะต้องใชว้ ิธีการท่ี เหมาะสมกับปัญหาโดยอาศัยความรู้ ประสบการณ์ การวางแผนและการตัดสินใจของผแู้ กป้ ัญหา Krulik and Rudnick (1993, p. 6) ได้ให้ความหมายของปัญหาทางคณิตศาสตร์ สรุปได้วา่ ปัญหาทางคณิตศาสตร์ หมายถงึ สถานการณ์ทเ่ี ป็นประโยคภาษา คำตอบท่ไี ด้จะเกยี่ วขอ้ งกับปริมาณ ในตวั ปัญหานนั้ ไมไ่ ดร้ ะบุวธิ ีการหรือการดำเนินการในการแก้ปญั หาไว้อยา่ งชัดเจน ผแู้ ก้ปญั หาจะต้อง คน้ หาว่าจะใชว้ ธิ กี ารใดในการหาคำตอบของปญั หา จงึ จะทำให้ได้มาซึง่ คำตอบของปัญหา Cruikshank and Sheffield (2000, p. 38) กล่าวว่า ปญั หาเป็นคำถามหรือสถานการณท์ ่ี ทำให้เกิดความงนุ งง ซ่ึงนักเรยี นไมค่ นุ้ เคย ไมส่ ามารถหาวิธกี ารแก้ได้ทันทีหรือรู้วิธกี ารหาคำตอบได้ อย่างรวดเรว็ ปัญหาทางคณติ ศาสตรเ์ ปน็ คำถามหรือสถานการณ์ที่มเี น้ือหาเกย่ี วขอ้ งกับคณิตศาสตร์ ไมไ่ ด้หมายความว่าจะเกย่ี วกับจำนวนเท่าน้ัน แต่อาจมคี วามหมายเกีย่ วขอ้ งกบั ปรภิ ูมหิ รอื การให้ เหตผุ ลทางตรรกศาสตรด์ ้วย สรปุ ได้ว่า ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เปน็ สถานการณท์ ่ีเป็นประโยคภาษาในเชงิ คำถามท่ี ต้องการใหบ้ ุคคลคิดคน้ หาคำตอบ ซ่ึงการหาคำตอบต้องอาศัยความรู้และประสบการณท์ าง คณิตศาสตรม์ ากำหนดวิธกี ารในการหาคำตอบเพราะคำตอบของปัญหาทางคณิตศาสตร์ ไมส่ ามารถ หาคำตอบไดใ้ นทันทที ันใด

18 ความหมายของการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ สิรพิ ร ทพิ ย์คง (2545) กล่าววา่ การแก้ปัญหาเปน็ กระบวนการท่ีใช้เพ่ือไดม้ าซึ่ง คำตอบ ปญั หาของคน ๆ หน่ึงอาจจะไมใ่ ช่ปัญหาของอีกคนหนึง่ ในการแก้ปญั หาจะต้อง มีการวางแผนการรวบรวมข้อมลู ตา่ ง ๆ การกำหนดสารสนเทศท่ีต้องการเพ่ิมเตมิ และมีการแสดง ความเหน็ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (2551) ไดใ้ ห้ความหมายของการ แกป้ ัญหาทางคณิตศาสตรว์ ่าเป็นกระบวนการในการประยุกตค์ วามรู้ทางคณติ ศาสตร์ ข้ันตอนและ กระบวนการแก้ปญั หา ยทุ ธวิธีแกป้ ัญหา และประสบการณ์ท่มี อี ยู่ไปใช้ในการค้นหาคำตอบของปญั หา ทางคณติ ศาสตร์ อัมพร มา้ คนอง (2553) กลา่ วไว้ว่า การแกป้ ัญหาเป็นการทำงานโดยใช้กระบวนการทย่ี ังไม่ ทราบมากอ่ นลว่ งหน้าในการหาคำตอบของปญั หา การแกป้ ญั หาเปน็ ทัง้ ทักษะซ่งึ เปน็ ความสามารถ พ้นื ฐานในการทำความเข้าใจปัญหาและการหาคำตอบของปญั หา และกระบวนการซ่ึงเปน็ วิธกี ารหรอื ขน้ั ตอนการทำงานทมี่ ีการวเิ คราะหแ์ ละวางแผนโดยมกี ารใชเ้ ทคนคิ ต่าง ๆ ประกอบ Polya (1980) กลา่ ววา่ การแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์เป็นการค้นหาวิธใี นการขจดั สง่ิ ที่ ยุ่งยากและเปน็ อุปสรรคออกไป แต่ไมส่ ามารถบรรลเุ ป้าหมายได้ในทนั ทีทันใด การแกป้ ญั หาเปน็ ความสำเร็จของสตปิ ญั ญาและเป็นความสามารถเฉพาะบคุ คล Krulik and Rudnick (1987, p. 4) ได้กล่าวถึง ความหมายของการแกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ว่า เปน็ การท่แี ต่ละบุคคลใช้ความรทู้ ่ีมอี ยู่กอ่ นเดมิ ตลอดจนทักษะและความเข้าใจในการ แกส้ ถานการณ์ท่ีไมค่ ุ้นเคย จากทก่ี ล่าวมาขา้ งตน้ สรปุ ไดว้ ่า การแก้ปญั หาทางคณติ ศาสตร์ หมายถึง กระบวนการคิดท่ี ประยุกตใ์ ช้ความรู้ทางคณติ ศาสตร์ในการหาคำตอบ โดยที่ผแู้ กป้ ญั หาจะตอ้ งใช้ท้ังความรู้ ประสบการณแ์ ละความคดิ ทางคณติ ศาสตรเ์ ขา้ มาใช้เป็นเคร่ืองมือในการแก้ปญั หา

19 กระบวนการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ วิลสัน เฟอรน์ ันเดซ และฮาดาเวย์ (Wilson, Fernandez, & Hadaway, 1993) กล่าวว่า กระบวนการแก้ปญั หาท่ีเปน็ พลวตั (Dynamics problem-solving process) เป็นกระบวนการทม่ี ีมี ลำดบั ไมต่ ายตัว สามารถวนเวยี นไปมาไดด้ งั ภาพ ทมี่ า Rungfa Janjaruporn (2005). The Development of a Problem-Solving Instructional Program to Develop Preservice Teachers' Competence in Solving Mathematical Problems and Their Beliefs Related to Problem Solving. p. 15. จากกระบวนการแกป้ ัญหาท่เี ปน็ พลวตั ในภาพประกอบ อธบิ ายไดด้ ังน้ี เม่อื นกั เรยี นตอ้ งเผชญิ กับสถานการณ์ท่ีเปน็ ปญั หา อนั ดบั แรกจะตอ้ งเร่ิมทำความเข้าใจกบั ปญั หากอ่ นหลงั จากนั้น วางแผน แกป้ ญั หา และดำเนินการตามแผนทวี่ างไว้ จนกระท่งั หาคำตอบได้ สุดท้ายตรวจสอบผล พรอ้ มทง้ั พจิ ารณาความถูกต้อง ความสมเหตุสมผลของคำตอบทไี่ ด้ โดยทิศทางลูกศรนนั้ เป็นการพิจารณา หรือตัดสินใจทจี่ ะเคลือ่ นการกระทำจากข้นั ตอนหนง่ึ ไปสูอ่ กี ขนั้ ตอนหนงึ่ หรือพจิ ารณายอ้ นกลบั ไป ขนั้ ตอนก่อนหนา้ เมอ่ื มปี ญั หาหรือขอ้ สงสัย เช่น เมื่อนกั เรยี นทำความเข้าใจปญั หา และคิดวา่ มีความ เข้าใจปญั หาดีแลว้ ก็เคล่ือนการกระทำไปสขู่ ้ันวางแผนการแก้ปญั หา และดำเนินการ แก้ปัญหาตาม แผนทวี่ างไว้ แตไ่ ม่สามารถหาคำตอบได้ นกั เรียนกอ็ าจจะย้อนกลับไปวางแผนใหม่ หรืออาจตอ้ ง กลบั ไปทำความเขา้ ใจปญั หาใหม่ เพื่อปรบั ปรงุ วิธกี ารแกป้ ัญหาให้ดยี ่งิ ขึน้

20 ขนั้ ตอนการสอนแบบ KWDL นิรนั ดร์ แสงกุหลาบ (2547, หน้า 52-53) ไดน้ ำเทคนคิ KWDL มาใชใ้ นการเรยี นการสอน และจดั กจิ กรรมการเรียนร้แู บบรว่ มมือ ซงึ่ มี 4 ขัน้ ตอน คือ 1.ขัน้ นำเข้าส่บู ทเรียน 1.1 ทบทวนความรเู้ ดิม โดยการยกสถานการณ์ปญั หาในเรื่องทเ่ี รยี นมาแลว้ สนทนาซักถาม นกั เรยี นให้ร่วมกันตอบคำถาม 1.2 แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรใู้ หน้ กั เรยี นทราบ และบทบาทการทำงานกล่มุ 1.3 เรา้ ความสนใจ โดยใชเ้ กมคณิตศาสตร์ 2. ขน้ั สอนเนือ้ หาใหม่ 2.1 ครนู ำเสนอโจทย์ปัญหาคณิตศาสตรใ์ ห้กับนักเรียนแลว้ ให้นักเรียนร่วมกนั อา่ น วิเคราะห์โจทยแ์ ละแก้ปัญหา ตามแผนผงั KWDL ดงั น้ี 2.1.1 K : ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันหาสงิ่ ท่โี จทย์บอกให้ทราบหรือส่งิ ทีร่ ้เู กย่ี วกับโจทย์ 2.1.2 W : ครแู ละนกั เรียนร่วมกันหาสง่ิ ทโี่ จทย์ต้องการทราบและวางแผนแกป้ ัญหา พรอ้ มท้ังเลอื กทางเลือกที่เหมาะสมท่ีสุดและให้เหตุผลประกอบ 2.1.3 D : ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ดำเนนิ การแก้โจทย์ปญั หาคณติ ศาสตรต์ ามแผนทีไ่ ด้ วางไว้ 2.1.4 L : ครูและนักเรยี นร่วมกันสรปุ การแก้ปัญหาและอธิบายขัน้ ตอนการแกโ้ จทย์ ปญั หา 2.2 นกั เรียนฝกึ ปฏิบตั ิเป็นกลุ่มย่อยโดยครคู อยแนะนำ ดว้ ยการแบง่ นกั เรียนเปน็ กลมุ่ ๆ ละ 4-5 คน ร่วมกันปฏบิ ัตติ ามบัตรกิจกรรม KWDL 3. ขัน้ ฝกึ ทักษะโดยอิสระ 3.1 แบ่งนกั เรียนเป็นกลมุ่ ๆ ละ 4-5 คน (อาจใช้กลุม่ เดมิ หรือจดั กล่มุ ใหมก่ ไ็ ด้) 3.2 ให้นกั เรยี นร่วมกันทำแบบฝึกทกั ษะทีเ่ ก่ยี วข้องกบั บทเรียนโดยตรงและในสถานการณ์ อื่น ๆ ทีแ่ ตกต่างจากตัวอย่าง เพ่อื ฝึกทกั ษะการนำไปใชจ้ ากแบบฝกึ หัดที่ครู สรา้ งขึน้ 3.3 ให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันประเมนิ การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลมุ่ ของสมาชิกในกลมุ่ ตนเอง

21 4. ข้นั สรุปบทเรียนและประเมนิ ผล 4.1 นักเรียนและครูรว่ มกันสรปุ เน้ือหาสาระสำคญั ของการเรยี นรู้ 4.2 ครปู ระเมินผลการเรยี นรใู้ นดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ การนำไปใช้และทกั ษะการแก้ โจทยป์ ญั หาคณิตศาสตร์จากแบบทดสอบประจำหน่วย 4.3 นักเรยี นเสนอแนวทางในการพฒั นาปรับปรงุ กระบวนการทำงานร่วมกนั เพื่อ ประสทิ ธภิ าพการพฒั นาการทำงานกลมุ่ วัชรา เล่าเรยี นดี (2554, หน้า 131) ไดส้ รปุ ถงึ ขนั้ ตอนการจัดการเรยี นรู้โดยใช้ เทคนคิ KWDL ในการแก้โจทย์ปญั หาคณิตศาสตร์ ซงึ่ ประกอบไปดว้ ยขน้ั ตอน 4 ขนั้ ตอนดงั นี้ 1. ขั้นนำ ทบทวนความรูเ้ ดมิ แจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ และเรา้ ความสนใจ 2. ข้ันสอนเน้ือหาใหม่ 2.1 ครนู ำเสนอโจทยป์ ัญหาคณิตศาสตร์ใหก้ บั นกั เรยี นท้งั ชน้ั แล้วให้ นกั เรียนรว่ มกนั อา่ นโจทยแ์ ละแกป้ ัญหาตามแผนผัง KWDL ดังนี้ 2.1.1 K : ครูและนักเรยี นร่วมกนั หาสงิ่ ท่โี จทยบ์ อกใหท้ ราบ 2.1.2 W : ครแู ละนักเรียนร่วมกนั หาสิ่งท่โี จทย์ตอ้ งการทราบและวางแผน แก้โจทย์ปัญหาคณติ ศาสตร์ 2.1.3 D : ครแู ละนักเรียนร่วมกันดำเนินการแกโ้ จทย์ปญั หาคณติ ศาสตร์ 2.1.4 L : ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรปุ การแกป้ ัญหา 2.2 นักเรียนฝึกปฏิบตั โิ ดยครูคอยแนะนำร่วมกนั ปฏิบตั กิ จิ กรรม KWDL 3. ขั้นฝกึ ทักษะโดยอิสระ นักเรียนทำแบบฝกึ หัดจากแบบฝึกหัดท่ีครูสรา้ งข้นึ โดยเปน็ โจทยป์ ญั หาคณติ ศาสตร์ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั เรื่องทเ่ี รยี นและสถานการณอ์ ืน่ ๆ 4. ขน้ั สรปุ บทเรยี นและประเมินผล นักเรียนทำแบบทดสอบประจำหนว่ ยการ เรยี น มีการซ่อมเสรมิ เมอ่ื นักเรียนยังไมเ่ ข้าใจ นอกจากขัน้ ตอนของเทคนิค KWDL ดังกลา่ วแล้ว การใชเ้ ทคนคิ KWDL ในการสอนวชิ าคณติ ศาสตร์ ครูตอ้ งเตรยี มแผนผัง KWDL โดยครู และนกั เรยี นรว่ มกนั เรยี นรทู้ ำความเขา้ ใจ โดยมแี ผนผัง KWDL ประกอบใหเ้ หน็ ชัดเจนทุกคน ดัง ตาราง 7

22 ตาราง 7 แผนผัง KWDL เรื่อง โจทยป์ ญั หาคณิตศาสตร์ L K WD คำตอบที่ได้และบอก โจทยบ์ อกอะไรบ้าง โจทยใ์ หห้ าอะไร ดำเนนิ การตาม วธิ ีคดิ คิดคำตอบ อยา่ งไร มวี ิธีการอยา่ งไร กระบวนการแก้โจทย์ คำตอบ.. ใชว้ ธิ ีอะไรได้บ้าง ปญั หาอย่างไร สรปุ ข้ันตอบ.... 1… 1… แสดงวิธที ำ... 2… 2… วธิ ที ่ี 1…. 3… 3… วิธที ี่ 2…. 4… 4… วธิ ีที่ 3…. ที่มา. จากหนังสอื เทคนิคการจดั การเรียนรสู้ ำหรับครมู ืออาชีพ (หนา้ 97), โดย วัชรา เลา่ เรียนดี, 2547 เมอื่ ได้ศึกษางานวิจัยและทฤษฎที ี่เก่ียวข้องแล้ว ข้าพเจ้ากไ็ ดเ้ ร่ิมสร้างแผนการจดั การเรยี นรู้ และแบบฝกึ ทกั ษะเรื่อง การแกโ้ จทยป์ ญั หาทางคณติ ศาสตร์ ดว้ ยเทคนคิ KWDL ซ่ึงเป็นนวัตกรรม รูปแบบการจดั การเรียนร้ทู ่จี ะนำมาแก้ปญั หาท่ีเกิดข้นึ กับนกั เรยี น โดยมตี วั อยา่ งแผนการจัดการ เรยี นรู้และแบบฝกึ ทักษะ เรอ่ื งการแก้โจทยป์ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ ดังนี้

23

24

25

26

27

28

29

30

31

32

33

34 ผลการประเมนิ ทำได้ 3 รายการ ได้ระดับ “ดเี ย่ียม”

35 ตัวช้ีวัด 4 ประสิทธภิ าพของนวัตกรรม นวตั กรรมรูปแบบการสอนการแก้โจทย์ปญั หาทางคณติ ศาสตร์ (Solving Problem) ดว้ ย เทคนิค KWDL รว่ มกบั การทำงานกลมุ่ เมื่อได้สร้างเคร่อื งมอื ซ่ึงทจี่ ะใช้พัฒนานกั เรียน ซึง่ ไดแ้ ก่ แผนการจัดการเรียนรแู้ ละแบบฝกึ ทักษะเรอื่ ง การแกโ้ จทยป์ ญั หาทางคณติ ศาสตร์ ดว้ ยเทคนคิ KWDL แล้วกไ็ ดใ้ ห้ผเู้ ชยี่ วชาญทีม่ ีประสบการณ์ในการเน้ือหาทางคณิตศาสตรแ์ ละมีประสบการณ์ด้านการสอน คณิตศาสตรจ์ ำนวน 3 ท่าน เป็นผู้ตรวจสอบความเทย่ี งตรงเชงิ เนื้อหา (IOC) และความถูกต้องอน่ื ๆ ซ่งึ มีรายละเอียด ตามตวั อย่างท่ไี ด้นำเสนอใบประเมินคุณภาพของผู้เชียวชาญ 3 ท่าน ดังนี้

36 โดยพบวา่ แผนการจัดการเรยี นร้แู ละแบบฝึกทกั ษะเร่ือง การแกโ้ จทยป์ ัญหาทางคณิตศาสตร์ ท่ใี ช้เทคนิค KWDL ผ่านเกณฑ์ทุกแผนการจัดการเรียนรู้ โดยมีคา่ IOC มากกว่า 0.5 ทุกแผน ซงึ่ คา่ IOC คำนวณมาจากสูตร ดังนี้ คา่ ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจดั การเรยี นรู้ คำนวณจากสูตร IOC =  R n เมื่อ IOC แทน ดชั นคี วามสอดคล้อง  R แทน คะแนนรายข้อตามดุลยพนิ จิ ของผู้เช่ียวชาญ n แทน จำนวนผ้เู ช่ยี วชาญ

37 และเมอื่ นำนวตั กรรมนไี้ ปทดลองใช้กบั นักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 ตั้งแตป่ ีการศกึ ษา 2561 ถึงปกี ารศกึ ษา 2562 และนำมาหาค่าประสิทธภิ าพ พบวา่ นวตั กรรมมีประสทิ ธิภาพ 80/80 ทงั้ 2 ปี ซ่ึงถือว่าเปน็ นวัตกรรมทม่ี ีประสิทธิภาพสงู ที่สามารถแกป้ ญั หาของนักเรยี นเกย่ี วกบั ทกั ษะ การแก้โจทยป์ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ได้ จากการหาประสิทธิภาพของนวัตกรรมสามารถอธิบายได้ ดงั น้ี 80 ตัวแรก หมายถงึ คะแนนเฉล่ียในระหวา่ งการจดั การเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ดว้ ยเทคนคิ KWDL โดยคดิ เปน็ ร้อยละของคะแนนเฉลยี่ ท่ีนกั เรียนทำได้จากการทำ 80 ตวั หลัง หมายถึง คะแนนเฉลยี่ ของผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นหลงั จากการจดั การเรียนรู้วิชา คณิตศาสตร์ดว้ ยเทคนิค KWDL โดยคิดเป็นรอ้ ยละของคะแนนเฉล่ยี ท่ีนักเรียนทำไดจ้ ากแบบทดสอบ หลงั เรยี น โดยการคำนวณมรี ายละเอยี ดดังนี้ ประสิทธภิ าพของของแผนการจดั การเรียนรูว้ ิชาคณิตศาสตรด์ ว้ ยเทคนิค KWDL เรือ่ ง โจทย์ ปัญหาทางคณิตศาสตร์ x คะแนนเฉลย่ี ระหวา่ งเรียนคิดเป็นร้อยละ = N ×100 T1 เม่ือ x แทน คะแนนระหวา่ งเรยี น N แทน จำนวนนกั เรียนท้ังหมด T1 แทน คะแนนเตม็ ระหวา่ งเรียน y คะแนนเฉลยี่ หลังเรียนคดิ เป็นร้อยละ = N ×100 T2 เม่อื y แทน คะแนนแบบทดสอบหลังเรยี น N แทน จำนวนนักเรียนทง้ั หมด T2 แทน คะแนนเตม็ ของแบบทดสอบหลังเรียน

38 งานวจิ ยั ที่เกีย่ วขอ้ งเกย่ี วกบั การนำเทคนิค KWDL มาใชใ้ นการพัฒนาทกั ษะและผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี น เรื่อง การแก้โจทย์ปญั หาทางคณติ ศาสตรข์ องนักเรยี น มีดงั น้ี ชญาณิศา เป็งจนั ทร์ (2559) ศึกษาเรือ่ ง การจัดการเรยี นรู้โดยใช้เทคนิค KWDL เพ่ือพัฒนา ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นคณิตศาสตร์ เรือ่ งโจทยป์ ัญหา ของนกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ผลการวิจยั พบวา่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นกลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ เรื่องโจทยป์ ัญหาของนกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรยี นจติ ราวทิ ยาสูงกวา่ คะแนนก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสำคัญทางสถิตทิ ่ีระดบั .05 พชรพล อารชี าติ (2563) ศึกษาเร่อื ง การศึกษาผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นและการแกป้ ัญหา คณิตศาสตร์หน่วยการเรียนรู้ ทฤษฎบี ทพที าโกรัส ของนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 2 โดยใช้เทคนิค KWDL ผลการวจิ ยั พบว่า ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น หน่วยการเรียนรู้ ทฤษฎบี ทพที าโกรัส ของนกั เรยี น ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 โดยใชเ้ ทคนคิ KWDL สงู กว่าคะแนนกอ่ นเรียน อย่างมนี ยั สำคัญทางสถิติที่ .05 มนธชิ า สาโดด (2563) ศึกษาเรอ่ื ง การพัฒนาการจัดกจิ กรรมการเรยี นรูเ้ รือ่ ง สถติ ิ โดยใช้ เทคนิค KWDL สำหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ผลการวจิ ยั พบว่า นักเรยี นที่ไดร้ ับการจดั กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใชเ้ ทคนคิ KWDL มีผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นหลงั เรียนสูงกว่าเกณฑร์ อ้ ยละ 80 อย่างมีนยั สำคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั .05 Shaw, Chamless, Chessin, Price & Beardain, (1997) ไดท้ ำการอบรมครูผูส้ อนเกรด 4 เก่ยี วกบั การรวมกลุ่มแก้โจทยป์ ญั หาคณติ ศาสตร์โดยใช้เทคนิค KWDL และให้นำไปทดลองสอน นักเรียนแลว้ นำผลไปเปรียบเทียบกับนักเรยี นทเ่ี รยี นโดยการสอนแบบปกติ ผลการวจิ ยั พบวา่ นกั เรยี น ที่รวมกลุ่มแกป้ ญั หาคณิตศาสตร์โดยใช้เทคนิค KWDL สามารถคดิ คำตอบไดล้ ะเอียดมากกวา่ และยังมี เจตคติทางบวกกบั วชิ าคณติ ศาสตร์ จากตัวอยา่ งงานวจิ ัยท่ีขา้ พเจา้ ได้นำมาอ้างอิงขา้ งตน้ กถ็ อื วา่ เป็นเครอ่ื งยืนยันได้วา่ นวตั กรรม ท่ีสรา้ งข้ึนมาน้ีสามารถนำมาใชเ้ พ่ือแกป้ ัญหาเก่ยี วกับทกั ษะการแก้โจทยป์ ญั หาทางคณิตศาสตร์และ ผลสมั ฤทธข์ิ องนักเรียนได้จรงิ และมคี วามนา่ เชือ่ ถือในวงการศึกษา ผลการประเมิน ทำได้ 3 รายการ ได้ระดับ “ดีเย่ียม”

39 องคป์ ระกอบที่ 2 คณุ ประโยชน์ ตัวช้วี ัดที่ 1 ความสามารถในการแกป้ ัญหาหรอื พฒั นา นวัตกรรมรูปแบบการสอนการแกโ้ จทย์ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (Solving Problem) ดว้ ย เทคนิค KWDL ร่วมกับการทำงานกลุ่ม สามารถช่วยแกป้ ัญหาท้ังทางด้านการเรียนและด้านเจตคติ ของนกั เรยี น จากการสงั เกตจากการสอนในชัน้ เรยี นโดยดูจากการทำกิจกรรมและการมสี ่วนร่วมในชนั้ เรยี นของนักเรยี นพบวา่ นักเรยี นจะมีสมาธิ มคี วามตง้ั ใจในการทำกจิ กรรมท่ีไดร้ ับมอบหมาย โดยเฉพาะเมอื่ นกั เรียนได้รว่ มกนั ทำกิจกรรมกล่มุ พบว่านักเรียนจะมคี วามสุขในการคดิ สนกุ กบั การได้ แสดงความคิดเหน็ ของตัวเองและมีความสุขในการเรยี นซง่ึ เหน็ ได้อยา่ งชดั เจน โดยการใหน้ ักเรียนได้ ทำงานแบบกลุ่มเล็ก ๆ กล่มุ ละ 3 - 5 คน จะทำให้นกั เรียนมกี ารรว่ มมอื ร่วมแรงกนั ในระหว่างสมาชกิ ช่วยให้ผ้เู รยี นกระตอื รือรน้ ในการเรียนเพราะสมาชิกแต่ละคนมีหน้าท่แี ละความรับผิดชอบที่จะเรียนรู้ เพอื่ แกป้ ญั หาร่วมกนั ซ่ึงการทำงานแบบกลมุ่ จะทำใหน้ กั เรยี นได้มีการแลกเปล่ยี นความคิดกันจนเกดิ ความสมั พนั ธท์ ่ีดีในกลมุ่ สง่ ผลใหน้ ักเรยี นเกดิ ความสุขในการทำกิจกรรมและชอบทำกิจกรรมอกี ท้ัง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นวิชาคณติ ศาสตรส์ ูงขึ้นอย่างชดั เจน ผลการประเมนิ ทำได้ 3 รายการ ได้ระดบั “ดีเย่ียม” ตัวช้วี ัดที่ 2 ประโยชน์ต่อบุคคล ผลงานส่งผลใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ ผู้เรยี น 1. นกั เรยี นสามารถแกโ้ จทย์ปญั หาทางคณิตศาสตรด์ ว้ ยตัวเองและมีทกั ษะการแก้โจทย์ ปญั หาทางคณิตศาสตร์สูงขนึ้ จากการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิท์ างการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษา ปที ี่ 6 พบว่า นักเรียนทีไ่ ดร้ บั การจัดการเรยี นรู้ เรือ่ งการแกโ้ จทยป์ ญั หาทางคณิตศาสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL มผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นหลังเรียนสงู กวา่ กอ่ นเรยี น อยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถิติท่ี .05 ดังตาราง 8 ตาราง 8 ผลการเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน กลุม่ ทดลอง x̅ s t df Sig. กอ่ นเรยี น 15.97 5.009 11.605* 32 .000 หลังเรยี น 22.73 2.601 * มีนยั สำคัญทางสถติ ิท่ีระดบั .05

40 จากตาราง พบว่าคะแนนเฉลีย่ ก่อนเรียน คือ 15.97 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรยี น คอื 22.73 ซง่ึ คะแนนเฉลี่ยหลงั เรยี นมีค่ามากกว่าคะแนนก่อนเรยี นอยู่ 6.76 ซ่งึ คะแนนมีการเพ่ิมขน้ึ คิดเป็น 42.3% แต่สงิ่ ท่นี ่าสนใจกวา่ กค็ ือ เม่อื พิจารณาส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน (s) ของคะแนนท้งั คะแนนก่อนเรยี นและคะแนนหลังเรียน พบวา่ ก่อนเรยี น s = 5.009 แสดงว่าคะแนนของนกั เรยี นกอ่ น เรยี นมีการกระจายตัวสงู หรอื คนทไ่ี ด้คะแนนมากทสี่ ุดกับคนทีไ่ ด้คะแนนน้อยทีส่ ุดมีคะแนนหา่ งกันมาก แต่เมอื่ มาดูท่ี ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (s) หลังเรียน s = 2.601 แปลความหมายไดว้ า่ คะแนนหลงั เรยี นของนักเรยี นมีการกระจุกตวั หรือนกั เรียนท้งั หมดมคี ะแนนใกล้เคยี งกนั ทุกคน น่นั คอื นวัตกรรม รูปแบบการสอนการแก้โจทย์ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (Solving Problem) ด้วยเทคนคิ KWDL รว่ มกับการทำงานกลมุ่ สามารถทำใหน้ กั เรียนมี ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนสูงขนึ้ ได้ทัง้ กลมุ่ 2. นกั เรียนมเี จตคติท่ีดตี อ่ การเรยี น เร่ืองการแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ และยังสง่ ผลให้ นักเรยี นมคี วามรักและ ชอบเรยี นคณติ ศาสตร์มากข้ึน โดยความพงึ พอใจของนกั เรียนทม่ี ตี อ่ การจดั การเรยี นรวู้ ชิ าคณติ ศาสตร์ เรื่องการแกโ้ จทย์ ปญั หาดว้ ยเทคนิค KWDL นกั เรยี นส่วนใหญม่ คี วามพงึ พอใจในระดับมากขึน้ ไปคดิ เปน็ ร้อยละ 71.33 อาจมีสาเหตมุ าจากการจัดกิจกรรมการเรียนรดู้ ้วยเทคนคิ KWDL ได้เปิดโอกาสให้นกั เรยี นได้ลงมือ แก้ปญั หาดว้ ยตวั เองอยา่ งเป็นระบบและมขี น้ั ตอนท่ีชัดเจน ซึง่ มี 4 ขั้น คือ 1. ข้ัน K (What I know) นกั เรียนทราบอะไรจากสิ่งทโี่ จทย์กำหนด 2. ขัน้ W (What I want to find out) โจทย์ต้องการอะไร และมีวิธกี ารอย่างไร 3. ข้นั D (What I did) ทำตามแผนท่ีวางไว้ 4. ข้นั L (What I learned) สิง่ ที่ได้ เรยี นรจู้ ากการแกป้ ัญหา เม่อื นกั เรียนลงมอื แกโ้ จทย์ปัญหาตามข้ันตอนเหล่าน้ี จากการสงั เกตในชั้น เรียนพบว่านกั เรียนเกดิ ความสบั สน งุนงงอนั เกิดจากการอา่ น การตีความขอ้ มูลที่โจทยก์ ำหนดลดลง อย่างชัดเจน ในสว่ นของข้ันตอนการแกโ้ จทยป์ ญั หาพบวา่ นกั เรยี นจะประสบความสำเร็จในการแก้ โจทยป์ ัญหาหรือไม่ก็ข้ึนอย่กู ับทักษะการแกโ้ จทย์ปญั หาของนกั เรยี นคนนน้ั ๆ แต่โดยรวมพบว่า นักเรยี นส่วนใหญ่สามารถเริ่มตน้ แก้โจทย์ปญั หาด้วยตัวเองไดม้ ีจำนวนมากข้นึ อย่างชดั เจน และ ประสบความสำเร็จในการแก้โจทย์ปัญหามจี ำนวนมากข้นึ ด้วยเช่นกนั สำหรับการสอนในชนั้ เรยี น ขา้ พเจ้าไดม้ อบหมายงานทัง้ เปน็ รายบุคคลและแบบกลมุ่ ซ่ึงใหน้ ักเรียนไดร้ ่วมมือกนั แก้ปญั หา ทำให้ นักเรียนไดช้ ว่ ยเหลอื ซง่ึ กันและกนั มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้กนั ในกลมุ่ ทำใหน้ กั เรียนสนุกสนานและมี ความสุขในการเรียน โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในชว่ งของการนำเสนอผลงานของกลุม่ ขา้ พเจ้าพบว่า นักเรียนทุกคนในชัน้ เรียนมีความตื่นเตน้ ในการท่ีจะไดน้ ำเสนอผลงานกล่มุ ของตวั เองใหก้ บั กลมุ่ อ่ืน ๆ ได้ดเู ป็นอย่างมาก โดยในทุกครั้งที่มกี ารนำเสนอผลงานทง้ั แบบรายบคุ คลหรือแบบกลุม่ ครจู ะมกี าร

41 ชมเชย ใหร้ างวัลกบั นักเรียนท่อี อกมานำเสนอเพ่อื เปน็ การเสรมิ แรงให้กับนกั เรยี น และเปน็ การกระตุ้น แรงจงู ใจใหน้ ักเรยี นคนอนื่ ๆ ให้มคี วามกระตือรือรน้ ในการสร้างผลงานของตนเองใหส้ ำเรจ็ เพ่ือให้ นกั เรียนเกดิ ความภาคภมู ใิ จ สนใจกระตือรือร้นทจี่ ะเรียน และมีกำลังใจท่ีจะพฒั นาตนเอง จากการ สำรวจพบขอ้ มูลดงั ตาราง 9 ตาราง 9 คา่ รอ้ ยละของความพึงพอใจของนักเรยี นท่มี ีตอ่ การจัดการเรยี นร้วู ชิ าคณติ ศาสตรด์ ้วยเทคนิค KWDL ร้อยละของความพึงพอใจ (n = 33) ความพงึ พอใจต่อการจัดการเรียนรูว้ ชิ าคณติ ศาสตร์ ดว้ ยเทคนคิ 1 2 3 45 KWDL น้อยท่สี ุด น้อย ปานกลาง มาก มาก ที่สดุ 1. มีการนำเข้าส่บู ทเรยี นทำให้บทเรยี นมคี วามนา่ สนใจ 0 3.0 30.3 48.5 18.2 2. มีการทบทวนความรู้กอ่ นเขา้ สบู่ ทเรยี นทกุ ครัง้ 0 9.1 21.2 33.3 36.4 3. มีการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นขณะมีการจัด 0 9.1 15.2 27.3 48.5 การเรยี นรู้ 4. บรรยากาศในการเรียนมีความอิสระทางความคิดทำให้นักเรียนเกดิ 6.1 6.1 30.3 27.3 30.3 ความคดิ ท่ีหลากหลาย 5. มีการกระตุ้นความคิดโดยการใชค้ ำถามให้นักเรียนได้คิดตลอดเวลา 0 3.0 21.2 27.3 48.5 ในการเรยี น 6. มีการกระตุ้นความคิดเพื่อให้นักเรียนได้เกิดความเชื่อมโยงและ 3.0 9.1 18.2 39.4 30.3 ระลึกถงึ ความรู้ตลอดเวลา 7. กิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดขึ้นช่วยสร้างความเข้าใจในกระบวนการ 0 6.1 15.2 24.2 54.5 การแกโ้ จทยป์ ัญหาคณติ ศาสตรใ์ หก้ บั นกั เรียน 8. กจิ กรรมการเรียนรู้สง่ เสริมใหน้ ักเรยี นไดแ้ ลกเปลย่ี นความรู้ ความคดิ 6.1 3.0 27.3 30.3 33.3 9. กิจกรรมการเรียนรู้ทำให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาสาระของบทเรียน 0 3.0 21.2 33.3 42.4 มากยง่ิ ข้ึน 10. กิจกรรมการเรียนรูท้ ำให้นักเรียนสามารถสร้างความรู้ ความเข้าใจ 3.0 6.1 24.2 30.3 36.4 ได้ดว้ ยตนเอง 11. กิจกรรมการเรียนรทู้ ีจ่ ัดข้ึนทำให้นักเรียนพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ ปัญหาคณิตศาสตร์เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคนของ 3.0 3.0 21.2 18.2 54.5 เศษส่วนและจำนวนคละได้ดขี ้นึ 12. ครูให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียนเม่ือนักเรียน 3.0 3.0 21.2 27.3 45.5 มปี ัญหา 13. ครูเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นไดม้ ีการแลกเปล่ียนความรูใ้ นชนั้ เรยี น 3.0 3.0 12.1 42.4 39.4 รวมรอ้ ยละ 2.10 5.13 21.45 31.47 39.86

42 จากตาราง พบว่า นกั เรยี นสว่ นใหญ่มีความพึงพอใจในระดับมากขนึ้ ไปคิดเป็นร้อยละ 71.33 ของนกั เรียนทีไ่ ด้รับการจดั การเรียนรู้ด้วยนวตั กรรมรปู แบบการสอนการแก้โจทย์ปัญหาทาง คณิตศาสตร์ (Solving Problem) ด้วยเทคนคิ KWDL รว่ มกบั การทำงานกลมุ่ ผลงานส่งผลใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อเพ่อื นครู นวัตกรรมนเ้ี กดิ ประโยชน์ต่อเพ่ือนครทู กุ คนทง้ั ในกลมุ่ สาระคณิตศาสตรแ์ ละครูผ้สู อน คณิตศาสตรท์ ี่กำลังสอน เรอ่ื ง การแกโ้ จทยป์ ัญหาทางคณิตศาสตร์ และประสบปัญหาในการสอน คือ นักเรียนไม่สามารถแก้โจทย์ปญั หาไดด้ ้วยตวั เองและไมม่ ีความสุขในการเรยี น และตวั ครูเองกไ็ มม่ ี ความสขุ ในการสอน เรือ่ งการแกโ้ จทยป์ ัญหานี้เช่นกัน สามารถนำรูปแบบการสอนการแกโ้ จทย์ปญั หา ทางคณิตศาสตรด์ ว้ ยเทคนิค KWDL ไปผสมกบั การใหน้ ักเรยี นทำงานกลุ่มได้ จะทำใหน้ กั เรยี นมี ความสุขในการเรียนก่อนเป็นอนั ดับแรกแลว้ ผลท่ีจะตามมาคอื นักเรยี นมีทกั ษะการแก้โจทย์ปญั หาที่ สงู ขน้ึ จงึ ทำให้ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นสงู ขึ้นไปดว้ ย ผลงานส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บรหิ ารสถานศึกษา ทำให้ผู้บริหารสถานศึกษามรี ูปแบบการพฒั นางานบริหารวชิ าการของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตรใ์ นโรงเรยี นทีเ่ ป็นรปู ธรรมมากข้ึน ส่งเสรมิ ความสามารถของผ้เู รียน ครู ใหม้ ีความสามารถ มีมาตรฐานและสามารถนำไปแข่งขันบนเวทีระดับเขตพน้ื ที่ ระดบั จังหวดั และระดบั ประเทศได้ ทำให้สถานศกึ ษาเปน็ ท่ีพงึ พอใจต่อผู้ปกครอง ชมุ ชนและผทู้ ี่เกย่ี วขอ้ งและถือเปน็ ความสำเรจ็ ของ ผบู้ ริหารในการจดั การโรงเรียนอกี ด้วย ผลการประเมิน ทำได้ 3 รายการ ได้ระดับ “ดีเย่ียม” ตัวช้วี ัดที่ 3 ประโยชน์ตอ่ หน่วยงาน นวัตกรรมนีส้ ง่ ผลโดยตรงตอ่ สถานศกึ ษาคือทำใหเ้ กิดกระบวนการจดั การเรยี นรู้แนวใหมแ่ ละ นักเรียนไดก้ บั การพฒั นาทกั ษะและผลสมั ฤทธิข์ องตัวเอง ส่งผลให้นกั เรยี นสามารถเข้ารว่ มการแข่งขัน บนเวทีท้งั ระดบั เขตพื้นที่ ระดบั จังหวดั และระดบั ประเทศ ไดส้ ร้างความภาคภมู ใิ จใหก้ บั ตัวเอง ผู้ปกครอง ชมุ ชน และผทู้ ม่ี ีส่วนเกย่ี วขอ้ งกับองค์กร เพราะ คณิตศาสตรม์ ีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งตอ่ ความสำเรจ็ ในการเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 เน่ืองจากคณติ ศาสตร์ชว่ ยให้มนุษยม์ คี วามคิดริเร่ิม สร้างสรรค์ คดิ อย่างมเี หตผุ ล เปน็ ระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรอื สถานการณไ์ ดอ้ ยา่ ง รอบคอบและถ่ีถ้วน ชว่ ยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจในการแกป้ ญั หาได้อยา่ งถูกต้อง และสามารถ นำไปใชใ้ นชวี ิตจริงได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ นอกจากนี้คณติ ศาสตร์ยงั เป็นเครื่องมอื ในการศกึ ษา

43 ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตรอ์ ื่น ๆ อันเปน็ รากฐานในการพฒั นาทรพั ยากรบุคคลของชาติ ใหม้ คี ณุ ภาพและพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศใหท้ ัดเทยี มกับนานาชาติ ดังนัน้ คณติ ศาสตรจ์ งึ จำเปน็ ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพอ่ื ให้ทันสมัยและสอดคลอ้ งกบั สภาพเศรษฐกจิ สงั คม และ ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีทเี่ จรญิ ก้าวหนา้ อย่างรวดเร็วในยคุ โลกาภิวตั น์ ดังท่ี สำนกั งาน คณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน (สพฐ.) ได้ให้เปา้ หมายและความสำคัญของการเรยี นคณติ ศาสตร์ ไว้ในหนงั สือมาตรฐานและตวั ชี้วดั ของกล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ฉบับปรับปรงุ ใหม่ 2560 ผลการประเมนิ ทำได้ 3 รายการ ได้ระดับ “ดีเยี่ยม” องค์ประกอบที่ 3 ความคิดริเร่ิมสรา้ งสรรค์ ตัวช้ีวัดที่ 1 ความแปลกใหมข่ องนวตั กรรม ความแปลกใหม่ของนวัตกรรมรูปแบบการสอนการแก้โจทย์ปัญหาทางคณติ ศาสตร์ (Solving Problem) ดว้ ยเทคนิค KWDL รว่ มกบั การทำงานกล่มุ คือเปน็ รูปแบบการเรียนที่นักเรยี นไมเ่ คยเจอ มากอ่ นเพราะเปน็ การเรยี นที่นกั เรียนตอ้ งเผชญิ ปัญหาดว้ ยตวั เองโดยท่ีครไู มไ่ ดเ้ ป็นผู้บอกวิธีการ แก้ปัญหาเหมอื นทนี่ กั เรยี นเคยเรยี นผา่ นมา แต่ครูจะทำหน้าทเี่ ป็นผูค้ อยใหค้ ำชแ้ี นะ และนกั เรยี น จะตอ้ งทำการแกป้ ญั หาเปน็ กลุม่ การแก้ปญั หาน้นี ักเรียนจะต้องระดมความคดิ กัน แลกเปลยี่ นแนวคิด และประสบการณซ์ งึ่ กันและกันทำใหม้ คี วามสนกุ ในการเรียนเพราะทกุ คนได้ช่วยกันเหลือกนั และมี บทบาทมีความสำคญั ในการคิดทกุ คน ตวั ชว้ี ัดท่ี 2 จุดเดน่ ของนวตั กรรม จุดเด่นของนวัตกรรมรูปแบบการสอนการแกโ้ จทยป์ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (Solving Problem) ดว้ ยเทคนิค KWDL ร่วมกับการทำงานกลุม่ พบว่าจากการจดั การเรยี นรู้วิชาคณิตศาสตร์ ด้วยเทคนคิ KWDL พบจุดเด่น 2 อย่าง ซง่ึ จะนำเสนอผลการวเิ คราะห์การจัดกจิ กรรมการเรยี นรดู้ ว้ ย เทคนคิ KWDL ออกเป็นสองสว่ น คือ 1. ขน้ั ตอนการสอนของครู และ 2. ข้นั ตอนการแกโ้ จทย์ปญั หา ของนักเรียน โดยมีรายละเอยี ดดังน้ี 1. ขน้ั ตอนการสอนของครู ประกอบด้วย ขั้น K (What we Know) ในขั้นนเี้ ปน็ การเปดิ โอกาสให้นกั เรียนได้คิดและระดม ความคิด โดยครูจะใช้คำถามเพ่ือกระต้นุ ความคดิ ของนักเรยี นโดยจดุ มุง่ หมายของการถามคำถามคือ เพื่อใหน้ ักเรยี นสามารถคดิ วเิ คราะห์แลว้ แยกแยะประเด็นเนื้อหาของโจทย์ปัญหาออกเป็นส่วน ๆ ใหไ้ ด้

44 ขน้ั W (What we Want to know) ในข้นั นคี้ รูจะตอ้ งทำให้นกั เรยี นเกดิ การคิด วิเคราะห์เพือ่ ให้นักเรียนสามารถระบุสิง่ ท่ีอยากรหู้ รือสง่ิ ที่โจทย์ต้องการใหไ้ ด้ โดยครจู ะใช้วิธีการ นำเสนอสถานการณ์ทเ่ี ปน็ ปัญหา เพื่อเปน็ ส่งิ เรา้ ไปกระตนุ้ ให้นักเรียนเกดิ ข้อสงสยั ในสง่ิ ท่ีเกิดขึ้นและ เกดิ ความตอ้ งการทจี่ ะแกป้ ัญหานั้น ๆ แลว้ จึงให้นักเรยี นหาว่าสิ่งใดคอื สิ่งทเี่ ราต้องการหาคำตอบและ เราจะมีวิธกี ารแก้ปัญหานไ้ี ดอ้ ย่างไร ภาพ บรรยากาศการจัดการเรยี นร้ใู นหอ้ งเรียน ข้ัน D (What we Do) ขั้นตอนนี้ครจู ะทำหนา้ ทีเ่ ปน็ ผอู้ ำนวยความสะดวกในการแกโ้ จทย์ ปญั หาให้แกน่ กั เรียนโดยอาจจะให้เน้อื หาความรู้ทางคณิตศาสตร์ท่จี ำเป็นต่อการแกโ้ จทย์ปัญหาแก่ นักเรียน เปน็ ผู้ชี้แนะขอ้ สงสยั ท่ีเกดิ ขึน้ กบั ตัวนกั เรียน ทง้ั ขอ้ สงสัยทเ่ี กิดจากการเรยี นเนือ้ หาใหม่หรือ ข้อสงสัยท่ีเกิดจากการเผชญิ ปัญหาในขณะนัน้ ของนกั เรยี น โดยครจู ะสอนตามเนื้อหาท่ีครไู ด้กำหนดไว้ ในแผนการจดั การเรยี นรู้และใช้คำถามเปน็ ตวั กระตุ้นการคิดของนักเรยี นอยู่ตลอดเวลา ซ่งึ จะทำให้ นกั เรียนเกิดทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ และระลกึ ถึงเนือ้ หาความรพู้ ื้นฐานทีน่ กั เรยี นไดเ้ รยี นมาก่อนแล้ว อกี ด้วย ขนั้ L (What we have Learned) ขั้นตอนนี้ครูจะทำหนา้ ทีเ่ ป็นผสู้ อบถามและเกบ็ รวบรวม ข้อมูลจากนกั เรยี นโดยขอ้ มูลทไ่ี ด้จากนกั เรยี น คอื ขอ้ สรปุ และมโนทศั นใ์ นเร่อื งทีเ่ รียนหรอื ความรูท้ ไ่ี ด้ จากการแก้ปัญหา โดยข้าพเจ้าพบวา่ ขั้นตอนน้ีเป็นขน้ั ตอนท่ีสำคัญและจำเป็นท่จี ะต้องทำใหเ้ กิดข้ึนใน ทกุ คาบทม่ี ีการจดั การเรียนการสอน เพราะเปน็ ขั้นตอนทท่ี ำใหน้ กั เรียนจะตอ้ งอภปิ รายผล

45 ของส่ิงท่ีได้รบั จากการเรียนร้แู ละสรุปใจความสำคัญของเนื้อหานน้ั ด้วยความคิดของตัวนกั เรยี นเอง โดยครจู ะใช้คำถามท่ตี รงประเด็นในการกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรู้หรือมโนทัศน์ทส่ี ำคัญออกมา 2. ข้ันตอนการแก้โจทยป์ ัญหาของนกั เรยี น ขนั้ K (What we Know) เปน็ ข้ันตอนที่นักเรยี นจะตอ้ งระบขุ อ้ มูลใหไ้ ดว้ ่า ขอ้ มูลในสว่ นใดของ โจทย์ เปน็ ขอ้ มูลหรือเงอ่ื นไขทก่ี ำหนดมาให้ โดยนกั เรียนจำเปน็ ต้องอ่านโจทยอ์ ยา่ งวิเคราะห์รอบคอบ และถ่ถี ้วน ในขัน้ ตอนน้ีถอื วา่ เปน็ ข้ันตอนท่ีงา่ ยสำหรับนักเรยี นเพราะไมไ่ ดม้ กี ารคดิ คำนวณแต่อย่างใด ขน้ั W (What we Want to know) เปน็ ขน้ั ตอนทีน่ ักเรียนจะต้องระบหุ รือหาให้ไดว้ ่าสง่ิ ท่ี โจทย์ตอ้ งการคอื อะไร รวมทั้งตอ้ งวางแผนหาวธิ กี ารแกโ้ จทย์ปัญหาโดยใช้ขอ้ มูลและเงื่อนไขท่ีโจทย์ กำหนดมาให้ ข้นั ตอนน้ีเป็นขั้นตอนท่มี ีความสำคัญเปน็ อย่างย่ิงโดยเฉพาะขัน้ วางแผนเพ่ือแก้ปญั หา เพราะการวางแผนเปน็ หวั ใจสำคัญท่ีจะทำให้ไดม้ าซึ่งกระบวนการหรอื วธิ ีการท่ีจะนำไปสคู่ ำตอบ ขา้ พเจ้าพบว่าในการเรียนครัง้ แรก ๆ นกั เรียนสว่ นใหญม่ กั จะไม่ยอมเขยี นวิธกี ารวางแผนในกา แกป้ ญั หาเพราะคิดวา่ เป็นการเสียเวลา แต่โจทยป์ ัญหาบางขอ้ ถา้ นกั เรียนไมม่ ีการวางแผนในการ แกป้ ญั หากอ่ น นกั เรยี นจะไม่สามารถหาคำตอบของโจทยป์ ัญหาข้อนน้ั ได้ ภาพ ตัวอยา่ งการแก้โจทยป์ ญั หาของนักเรียนในขัน้ K และขน้ั W

46 ขนั้ D (What we Do) ข้ันน้เี ป็นการดำเนนิ การแกโ้ จทย์ปญั หาตามแผนทีว่ างไวโ้ ดยนักเรยี น จะต้องลงมอื แกโ้ จทยป์ ญั หาอยา่ งเปน็ ระบบข้ันตอนทำตามแผนท่ีวางไวต้ ั้งแตเ่ ริ่มต้นจนจบ กระบวนการ หลังจากนนั้ เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นไดน้ ำเสนอผลที่ได้จากการแก้โจทย์ปัญหาโดยจะมคี รู และเพอ่ื น ๆ รว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้องอกี ครั้ง ภาพ การรว่ มกันแก้โจทยป์ ัญหาของนักเรยี น ภาพ การนำเสนอผลจากการแก้โจทยป์ ญั หาของนกั เรียน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook