ชากุหลาบมอญ DAMASK ROSSE TEA วันวิษา เยฉ่อ โครงการนเี้ ป็นสว่ นหน่ึงของการศกึ ษาตามหลักสตู ร ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพช้ันสงู สาขาวชิ าการโรงแรม ประเภทวชิ าอุตสาหกรรมท่องเทีย่ ว วทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษาเชียงใหม่ ปกี ารศกึ ษา 2563
ชากุหลาบมอญ DAMASK ROSSE TEA วันวิษา เยฉ่อ โครงการนเี้ ป็นสว่ นหน่ึงของการศกึ ษาตามหลักสตู ร ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพช้ันสงู สาขาวชิ าการโรงแรม ประเภทวชิ าอุตสาหกรรมท่องเทีย่ ว วทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษาเชยี งใหม่ ปกี ารศกึ ษา 2563
ก ใบรับรองโครงการ วิทยาลยั อาชวี ศึกษาเชยี งใหม่ เรอื่ ง Damask Rosse Tea (ชากุหลาบมอญ) โดย นางสาววนั วิษา เยฉอ่ ได้รับการรับรองให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาวิชา การโรงแรม ทวภิ าคี ประเภทวชิ าอุตสาหกรรมท่องเท่ยี ว …………………………หัวหน้าแผนกวิชาการโรงแรม …………………………รองผอู้ านวยการฝา่ ยวชิ าการ (นางอัปสร คอนราด) (นายณรงค์ศักดิ์ ฟองสินธ)์ุ วนั ที่……..เดอื น……………พ.ศ………… วนั ที่……..เดือน……………พ.ศ………… กรรมการสอบโครงการ …………………………………………………….กรรมการ (นายทินกร ต๊บิ อินถา) ..………………………………………………….กรรมการ (นางสาวนพรรณพ ดวงแก้วกลู ) …………………………………………………….กรรมการ (นางสาวพิชญาภา นิวรตั น์)
ข กิตตกิ รรมประกาศ โครงการ เร่ือง Damask rose tea (ชากุหลาบมอญ) ได้จัดทาขึ้นมาเพื่อศึกษาข้ันตอนและ กระบวนการผลิตชากุหลาบมอญ เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ และเพื่อเป็นการเพิ่ม มลู ค่าใหก้ บั ชาและดอกกุหลาบมอญ การดาเนินงานครั้งน้ีสามารถดาเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อยบรรลุตามวัตถุประสงค์ท่ีคาดไว้ โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก นายทินกร ติ๊บอินถา อาจารย์ที่ปรึกษาประจาวิชาโครงการ รวมทั้ง สละเวลาใหค้ าแนะนาและความคิดเหน็ ที่เป็นประโยชน์เก่ียวกับการทาโครงการการปรับปรุงโครงการ โดยเฉพาะอย่างย่ิงคอยชี้แนะทาให้ผู้ศึกษาได้รับข้อมูลครบถ้วนและสามารถนามาวิเคราะห์วางแผน รวมทั้งแผนงานต่างๆ และสรุปข้อมูลได้อย่างราบร่ืนซ่ึงเป็นประโยชน์อย่างมากในการดาเนินการทา โครงการเร่อื ง Damask rose tea (ชากุหลาบมอญ) ผู้ศึกษาขอขอบคุณผู้ตอบแบบสอบถามทุกท่านรวมถึงผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ไม่ได้กล่าวนามไว้ ทนี่ ท่ี ่ีกรุณาสละเวลาเอ้ือเฟื้อข้อมูลและให้ความร่วมมือในด้านต่างๆที่มีส่วนช่วยให้การจัดทาโครงการ ฉบับน้ลี ุล่วงไปด้วยดี วนั วิษา เยฉอ่
ค ชอ่ื : นางสาววนั วษิ า เยฉ่อ ช่ือโครงการ : Damask rose tea (ชากุหลาบมอญ) สาขาวชิ า : การโรงแรม (ทว)ิ ประเภทวิชา : อตุ สาหกรรมท่องเทย่ี ว อาจารยป์ ระจาวิชาโครงการ : นายทนิ กร ตบ๊ิ อนิ ถา อาจารยท์ ป่ี รึกษาวิชาโครงการ : นายทนิ กร ตบ๊ิ อินถา ปีการศกึ ษา : 2563 บทคัดย่อ โครงการ เรื่อง Damask rose tea (ชากุหลาบมอญ) มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาขั้นตอนและ กระบวนการผลิตชากุหลาบมอญ เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ และเพื่อเป็นการใช้ ทรัพยากรท่ีเหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์มากท่ีสุด โดยมีกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) ลักษณะของกลุ่มที่เลือกเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ กลุ่มผู้ทดลองใช้งาน ผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ จานวน 50 คน ระหว่างวันที่ 7 ธันวาคม ถึงวันท่ี 12 มีนาคม 2564 เครื่องมือทีใ่ ช้วัดระดับความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญในครั้งนี้ คือ แบบสอบถามความพึง พอใจผ่านระบบ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปความพึงพอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ พบว่า สว่ นใหญ่ประกอบด้วย เพศหญิง จานวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 80 และเพศชาย จานวน 10 คน คิด เป็นร้อยละ 20 ดา้ นชว่ งอายุ พบวา่ ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 19-20 ปี จานวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 46 อายุ 16-18 ปี จานวน 19 คน คดิ เป็นร้อยละ 38 และอายุ 20 ปีข้ึนไป จานวน 8 คน คิดเป็นร้อย ละ 16 และดา้ นระดบั การศกึ ษาพบว่า ส่วนใหญ่ เปน็ ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ จานวน 33 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 66 ประกาศนียบตั รวิชาชพี ชนั้ สงู จานวน 17 คน คิดเปน็ ร้อยละ 34 ผลการวิเคราะห์ความพึง พอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ พบว่า ความสะดวกในการชงดื่มชากุหลาบมอญ,ชากุหลาบ มอญสร้างทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า มีค่าเฉล่ีย ( ̅=4.74) ความคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชากุหลาบ มอญ มีค่าเฉลี่ย ( ̅=4.72) สีสันของชากุหลาบมอญ, การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถ่ินให้คุ้มค่า มี ค่าเฉลี่ย ( ̅=4.7) ชากุหลาบมอญมีกล่ินหอม มีค่าเฉล่ีย ( ̅=4.64) รูปแบบผลิตภัณฑ์ของชากุหลาบ มอญมคี วามสวยงาม มีค่าเฉล่ีย ( ̅=4.6) กุหลาบมอญมีรสชาติอร่อย, ขนาดผลิตภัณฑ์ของชากุหลาบ มอญมคี วามเหมาะสม และการเกบ็ รกั ษาชากหุ ลาบมอญ มคี ่าเฉล่ีย ( ̅=4.54) ตามลาดับ
สารบญั ง เรอื่ ง หนา้ ใบรบั รองโครงการ ก กติ ตกิ รรมประกาศ ข บทคดั ย่อ ค สารบญั ง สารบัญ(ต่อ) จ สารบญั ภาพ ฉ สารบัญตาราง ช บทท่ี 1 บทนา 1 1.1 ความเปน็ มาและความสาคัญของโครงการ 2 1.2 วตั ถุประสงค์ของโครงการ 2 1.3 ขอบเขตโครงการ 3 1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 3 1.5 นยิ ามศัพท์ บทท่ี 2 แนวคดิ ทฤษฎีและงานวิจัยทเี่ กีย่ วข้อง 4 2.1 แนวคิดและทฤษฎคี วามพงึ พอใจ 5 2.2 ความรู้เกี่ยวกบั ชนดิ หรอื ประเภทของชา 16 2.3 ความรู้เกีย่ วกบั ชนิดหรอื ประเภทของดอกกุหลาบ 23 2.4 งานวิจยั ท่ีเก่ยี วขอ้ ง บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินการวิจยั 25 3.1 การคัดเลือกกลุ่มตวั อยา่ ง 25 3.2 เครอื่ งมือท่ใี ช้ในการดาเนินโครงการ 26 3.3 ข้ันตอนวธิ ดี าเนินโครงการ 27 3.4 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 27 3.5 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู และสรปุ ผล
จ สารบญั (ต่อ) หน้า เรอื่ ง 29 บทที่ 4 ผลการศกึ ษา 34 36 4.1 สรปุ ขัน้ ตอนการผลติ ภัณฑช์ ากหุ ลาบมอญ 37 4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล 38 4.3 ผลการวิเคราะหค์ วามพึงพอใจของผ้ทู ดลองผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ 39 40 4.4 การจดั ลาดบั ผลการวเิ คราะห์ความพงึ พอใจ 41 ของผู้ทดลองผลติ ภณั ฑช์ ากุหลาบมอญ 4.5 ผลสรปุ ขอ้ เสนอแนะ บทที่ 5 สรปุ ผล อภปิ รายและข้อเสนอแนะ สรุปผล อภิปรายผล ขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก ภาคผนวก ก แบบนาเสนอขออนมุ ตั ิโครงการวิชาชีพ ภาคผนวก ข แบบบนั ทกึ ผลการทดลอง ภาคผนวก ค แบบประเมินความพงึ พอใจ ภาคผนวก ง การคานวณคา่ ต่างๆ ในส่วนของแบบประเมินความพงึ พอใจ ภาคผนวก จ แบบรายงานผลการนาไปใชป้ ระโยชน์ ประวตั ผิ จู้ ดั ทา
สารบัญภาพ ฉ ภาพที่ หน้า 2.1 ชาอัสสัม 6 2.2 ชาจนี 7 2.3 ชาผเู่ อ๋อ 8 2.4 ชาสมนุ ไพร 9 2.5 ชาดา 11 2.6 ชาเขียว 11 2.7 ชาอู่หลง 12 2.8 ชาขาว 13 2.9 กหุ ลาบดอกใหญ่ 17 2.10 กหุ ลาบดอกกลาง 18 2.11 กุหลาบดอกเลก็ 18 2.12 กหุ ลาบดอกช่อ 19 2.13 กุหลาบหนู 19 4.1 ดอกกหุ ลาบมอญ 30 4.2 ชาเขยี ว 30 4.3 กระด้ง 31 4.4 ผ้าขาวบาง 31 4.5 ถงุ ใส่ชา 31 4.6 บรรจภุ ณั ฑ์ 31 4.7 ลา้ งดอกกหุ ลาบมอญ 31 4.8 ล้างชา 31 4.9 ตากชา 32
สารบัญตาราง ช ตารางที่ หน้า 1 ตารางแสดงผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ส่วนบุคคลด้านเพศ 32 2 ตารางแสดงผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลสว่ นบุคคลด้านอายุ 33 3 ตารางแสดงผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ส่วนบุคคลด้านระดบั ชั้น 33 4 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลสว่ นบุคคลด้านสถานภาพ 33 5 ค่าเฉลี่ยและสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานความพงึ พอใจ 34 ของผู้ทดลองผลิตภัณฑช์ ากุหลาบมอญ ตารางที่ 6 การจัดลาดับผลการวเิ คราะห์ความพงึ พอใจ 35 ของผู้ทดลองผลิตภณั ฑ์ชากหุ ลาบมอญ
2 บทท่ี 1 บทนา 1.1 ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา ปจั จบุ นั มคี นจานวนมากหันมาให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ออแก นิกมากขึ้น เนื่องจากการเปล่ียนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตที่ เอื้อให้ประชาชนเกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ มีอัตราเพ่ิมขึ้น โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากการได้รับ สารเคมีกาจดั ศตั รูพืชสารพิษต่างๆ ซึ่ง ทาให้เกิดทางเลือกมากมายสาหรับแนวทางการปฏิบัติเพื่อให้มี สุขภาพทด่ี ขี ึน้ ยกตัวอยา่ งเชน่ การควบคมุ อาหารท่ีมีไขมันสูง การเลือกทานอาหารจากธรรมชาติและ มปี ระโยชน์ ไมข่ ัดสี การเปล่ียนไปทานอาหารท่ีมีแหล่งสารอาหารท่ดี ีกวา่ การเลือกด่ืมเคร่ืองด่ืมท่ีดีต่อ สุขภาพโดยเฉพาะชา มีตน้ กาเนดิ ในแถบเอเชียตะวันออก คือ จีน และอินเดีย แต่ในปัจจุบันมีปลูกกัน ท่ัวไปในหลายประเทศสาหรบั ประเทศไทยมี ปลกู มากในจงั หวดั เชียงใหม่ ชาจะเจริญงอกงามได้ดีในท่ี สูงตามภูเขาซ่ึงมีดินอุดมสมบูรณ์และฝนตกชุก ใบชาเม่ือเก็บมาจากต้นแล้ว จะต้องรีบทาให้แห้ง โดยเร็ว โดยนามาให้ความร้อนเพ่ือทาลายเอนไซม์ในใบชาให้หมดไปทาให้ไม่เกิดการเสีย ในใบชาจะ ประกอบด้วย กรดแกลโลแทนนิด (Gallotannic acid) 15% ซึ่งจะให้สารแทนนินออกมา โดยทั่วไป นิยมชงใบชา กับน้าดื่มเพื่อกระตุ้นให้ไม่ง่วงนอน และนอกจากน้ียังรักษาโรคท้องร่วงได้ คนไทยใน ภาคเหนือนิยมเค้ียวและอม แทนการกินหมาก \"ชา\" ไม่ได้หมายถึงแค่พันธุ์ไม้ชนิดหน่ึง แต่ยังหมาย รวมถึงเครื่องดื่มท่ีมีกลิ่นหอมทาจากพืชตากแห้งชนิดต่าง ๆ นามาชงหรือต้มกับน้าร้อน ชายังเป็น เครอ่ื งดมื่ ท่มี ีผบู้ ริโภคมากท่ีสดุ เปน็ อนั ดับสองของโลก รองจากนา้ จากทผ่ี จู้ ดั ทาโครงการได้สารวจข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถ่ินของผู้จัดทา ตาบลแม่สลองใน อาเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวดั เชยี งราย พบว่า ชา คือพืชที่นิยมปลูกกันเป็นจานวนมาก และปญั หาแรกทพ่ี บเจอบ่อยครั้ง คอื ชานัน้ ปลกู กนั มากและบางคร้งั มมี ากเกินความจาเป็นที่จะต้องใช้ หรือนาไปขาย ชาที่เหลือนอกเหนือจากความจาเป็นนั้นคือปล่อยทิ้งไว้ หรือตัดท้ิงเพ่ือให้ยอดใหม่ ออกเปน็ การใช้ทรัพยากรทม่ี ีอยูน่ นั้ อย่างไม่เต็มท่แี ละเปลา่ ประโยชน์ ซ่ึงชามีประโยชน์หลากหลาย ต่อ ระบบหัวใจและการไหลเวียนของโลหิต ช่วยขยายหลอดเลือด ป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน และ การดื่มชายังชว่ ยรกั ษาอาการเจ็บหน้าอก และกล้ามเน้ือหัวใจขาดเลือดได้อีกด้วย และยังมีอีกปัญหา หนึ่งที่พบเจอบ่อยครั้ง คือ เม่ือมีงานเลี้ยง งานแต่งหรืองานฉลองอื่นๆน้ัน จะมีการตกแต่งงานด้วย ดอกไม้เป็นจานวนมาก ซึ่งดอกที่ใช้มากท่ีสุคือดอกกุหลาบ และเม่ือตกแต่งสถานท่ีแล้วจะเหลือดอก
2 กุหลาบท่ีใช้ไม่หมดเป็นจานวนมาก และดอกกุหลาบท่ีเหลือนั้นต้องนาไปทิ้งเพราะดอกกุหลาบเป็น ดอกไมท้ ี่เกบ็ รกั ษาใหส้ ดได้ยาก ผู้จัดทาจงึ ไดเ้ ลอื กใชก้ หุ ลาบมอญเพราะมีสีสวยและกล่ินท่หี อมมาก อีกท้ังยังสามารถแก้ไข้ตัวร้อน แก้กระหาย แก้อ่อนเพลีย และบารุงกาลัง ซ่ึงผู้จัดทาจึงได้เล็งเห็นถึง ปญั หาของชาและดอกกุหลาบเหลือทิ้งมาพฒั นาและใช้ทรพั ยากรใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู ทสี่ ดุ ดังนั้นทางผู้จัดทาโครงการจึงได้มีแนวคิดในการที่จะนาทรัพยากรที่กล่าวถึงข้างต้นนั้น มา แปรรปู ชาและดอกกหุ ลาบเป็นผลติ ภัณฑต์ วั ใหม่ จากการท่ีได้ค้นคว้าในอินเตอร์เน็ตและในหนังสือน้ัน ผู้จัดทาได้มีความคิดที่จะนาวัตถุดิบเหล่านี้มาทาเป็นชากุหลาบมอญข้ึน โดยการนาเอาดอกกุหลาบ มอญและชา ตากแดดอย่างน้อย 3 วัน เพื่อนาเอาความชื้นของชาและดอกกุหลาบมอญออกไปเม่ือ แหง้ แลว้ เก็บใส่ขวดโหลหรอื นาไปบรรจใุ สถ่ ุงชา ซง่ึ ตวั ชาทัง้ ชนดิ นชี้ ว่ ยบารงุ ผิวพรรณและยังทาให้รู้สึก ผ่อนคลายเวลาดื่ม สามารถเก็บไว้ได้นานอีกทั้งยังคงคุณค่าของอาหารด้านโภชนาการ เพ่ือเป็นการ สะดวกที่จะนาไปใช้ได้หลายอย่าง ในการทาตัวชาชนิดนี้ ถือได้ว่าเป็นการช่วยสร้างชาตัวเลือกใหม่ ใหก้ ับลกู ค้าท่ีชอบดืม่ ชา ทม่ี ีกลน่ิ หอม รสชาตอิ รอ่ ยและยังเป็นการชว่ ยเพิ่มมลู ค่าให้กับชาอกี ด้วย 1.2 วตั ถุประสงค์ของโครงการ 1) เพอื่ ศึกษาขน้ั ตอนและกระบวนการผลิตชากุหลาบมอญ 2) เพือ่ ศกึ ษาความพงึ พอใจของผู้ใช้ผลติ ภณั ฑช์ ากุหลาบมอญ 3) เพ่ือเป็นการเพ่ิมมลู ค่าใหก้ บั ชาและดอกกุหลาบ 1.3 ขอบเขตโครงการ เปา้ หมายของโครงการ 1) เชงิ ปรมิ าณ - จานวน ชากุหลาบมอญ ทั้งหมด 10 กล่อง - กลุ่มตัวอย่าง ผู้บรโิ ภคชากุหลาบมอญ จานวน 50 คน 2) เชิงคณุ ภาพ - ชากุหลาบมอญมีสีสันสดใส กลิ่นหอม รสชาติอร่อย และผู้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ชา กุหลาบมอญเกิดความพึงพอใจในผลติ ภณั ฑ์ 3) ระยะเวลาและสถานทใี่ นการดาเนินงาน - ระยะเวลาดาเนินงาน ระหว่างวันที่ 7 ธันวาคม 2563 ถึงวนั ท่ี 12 มนี าคม 2564 - สถานท่ีดาเนินงาน วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ 167 ถนนพระปกเกล้า ตาบล ศรีภูมิ อาเภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหม่ 50200
3 1.4 ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ บั 1) ทราบข้ันตอนและกระบวนการผลติ ชากุหลาบมอญ 2) ผู้ทดลองผลติ ภัณฑ์ชากุหลาบมอญมคี วามพึงพอใจในผลิตภณั ฑ์ 3) สามารถเปน็ ทางเลือกใหม่ในการนาไปใหบ้ รกิ ารลูกคา้ 1.5 นิยามคาศัพท์ ชากุหลาบมอญ คือ ชาที่ทาจากดอกกุหลาบมอญแห้งและยอดอ่อนของใบชาผสมกันตาม สัดส่วน อาศัยวิทยาการและเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าในปัจจุบัน ทาให้สามารถผลิตเป็นชาที่มีกล่ิน กุหลาบมอญหอมกรนุ่ รสชาติอร่อย
1 บทท่ี 2 แนวคดิ ทฤษฎแี ละงานวิจัยท่เี กย่ี วขอ้ ง ในการศึกษา เร่ืองชากุหลาบมอญ ผู้จัดทําได้รวบรวมแนวคิดทฤษฎีและหลักการต่างๆ จาก เอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือนํามากําหนดเป็นกรอบแนวคิดและใช้ในเป็นแนวทางในการ ดาํ เนนิ ศกึ ษา โดยแยกเปน็ สาระสําคัญดังนี้ 2.1 แนวคดิ และทฤษฎีความพงึ พอใจ 2.2 ความรเู้ กี่ยวกบั ชนดิ หรอื ประเภทของชา 2.3 ความรู้เกี่ยวกับชนิดหรอื ประเภทของดอกกุหลาบ 2.4 งานวจิ ัยท่เี กีย่ วขอ้ ง 2.1 แนวคดิ และทฤษฎคี วามพึงพอใจ อุทัย พรรณสุดใจ (2545) ได้กล่าวถึง ความพึงพอใจว่าเป็นความรู้สึกรักชอบยินดีเต็มใจ หรอื มเี จตคติทด่ี ีของบคุ คลตอ่ ส่งิ ใดสิ่งหน่ึงความพอใจจะเกิดเมอ่ื ได้รับตอบสนองความต้องการท้ัง ด้าน วัตถุและด้านจิตใจความพึงพอใจเป็นเรื่องเก่ียวกับอารมณ์ความรู้สึกและทัศนะของบุคคลอัน เน่ืองมาจากส่งิ เร้าและสิ่งจงู ใจโดยอาจเปน็ ไปในเชงิ ประเมินค่าว่าความรู้สึกหรือทัศนคติต่อสิ่งเหล่านั้น เปน็ ไปในทางลบหรอื บวก กชกร เป้าสุวรรณ และคณะ (2550) ได้กล่าวถึงความหมายของความพึงพอใจว่าส่งที่ควร จะเปน็ ไปตามความตอ้ งการความพึงพอใจเป็นผลของการแสดงออกของทัศนคติของบุคคลอีกรูปแบบ หนึ่งซ่ึงเป็นความรู้สึกเอนเอียงของจิตใจที่มีประสบการณ์ท่ีมนุษย์เราได้รับอาจจะมากหรือน้อยก็ได้ และเป็นความรู้สึกท่ีมีต่อสิ่งใดส่ิงหนึ่งซ่ึงเป็นไปได้ท้ังทางบวกและทางลบแต่ก็เม่ือได้ส่ิงนั้นสามารถ ตอบสนองความตอ้ งการหรอื ทําใหบ้ รรลจุ ดุ มุ่งหมายได้กจ็ ะเกิดความรู้สึกบวกเป็นความรู้สึกท่ีพึงพอใจ แต่ในทางตรงกนั ขา้ มถ้าสิ่งน้ันสร้างความรู้สึกผิดหวัง ก็จะทําให้เกิดความรู้สึกทางลบเป็นความรู้สึกไม่ พงึ พอใจ Applewhite (1965) ได้กล่าวถึงความพึงพอใจเป็นความรู้สึกส่วนตัวของบุคคลในการ ปฏิบัติงานซ่ึงรวมไปถึงความพึงพอใจเป็นความรู้สึกส่วนตัวของบุคคลในการปฏิบัติงานซ่ึงรวมไปถึง ความพึงพอใจในสภาพแวดล้อมทางกายภาพด้วยการมีความสุขที่ทํางานร่วมกับคนอ่ืนที่เข้ากันได้มี ทัศนคตทิ ี่ดีตอ่ งานด้วย Good (1973) ได้กล่าวถึง ความพึงพอใจหมายถึงสภาพหรือระดับความพึงพอใจท่ีเป็นผล มา จากความสนใจและเจตคติของบคุ คลท่ีมตี ่องาน
5 จากการศึกษาผู้วิจัยสรุปได้ว่าความหมายของความพึงพอใจคือความรู้สึกนึกคิดหรือทัศนคติ ของบุคคลท่ีมีต่อสิ่งใดส่ิงหนึ่งสามารถเป็นไปในทางที่ดีหรือไม่ดีหรือในด้านบวกและด้านลบซ่ึงจะ เกดิ ข้นึ กต็ อ่ เม่ือส่งิ นนั้ สามารถตอบสนองความต้องการแก่บุคคลนนั้ การวดั ความพงึ พอใจ ความพึงพอใจเกิดข้ึนหรือไม่น้ันขึ้นอยู่กับกระบวนการจัดการเรียนรู้ประกอบกับระดับ ความรู้สกึ ของนักเรียนดังน้ันในการวัดความพึงพอใจในการเรียนรู้กระทําได้หลายวิธีต่อไปนี้ (สาโรจน์ ไสยสมบตั ิ , 2534: 39) 1) การใช้แบบสอบถามซ่ึงเปน็ วธิ ีทนี่ ิยมใชม้ ากอย่างแพร่หลายวธิ ีหนึ่ง 2) การสมั ภาษณ์ซ่ึงเปน็ วธิ ที ี่ต้องอาศัย เทคนิคและความชํานาญพิเศษของผู้สัมภาษณ์ท่ีจะจูง ใจใหผ้ ้ตู อบคําถามตามข้อเทจ็ จริง 3) การสังเกตเป็นการสังเกตพฤติกรรมท้ังก่อนการปฏิบัติกิจกรรมขณะปฏิบัติกิจกรรมและ หลังการปฏิบัติกิจกรรมจะเห็นได้ว่าการวัดความพึงพอใจในการเรียนรู้สามารถท่ีจะวัดได้หลายวิธี ท้ังนี้ข้ึนอยู่กับความสะดวกความเหมาะสมตลอดจนจุดมุ่งหมายหรือเป้าหมายของการวัดด้วยจึงจะ สง่ ผลให้การวัดน้นั มีประสิทธิภาพนา่ เชอ่ื ถือ จากการศึกษาผู้วิจัยสรุปได้ว่าความพึงพอใจในการเรียนและผลการเรียนจะมีความสัมพันธ์ กันในทางบวกทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ผู้เรียนได้ปฏิบัติน้ันทําให้ผู้เรียนได้รับการตอบสนองความ ต้องการทางด้านร่างกายและจิตใจซ่ึงเป็นส่วนสําคัญท่ีจะทําให้เกิดความสมบูรณ์ของชีวิตมากน้อย เพียงใดนั่นคอื ส่งิ ทีค่ รผู ู้สอนจะคาํ นงึ ถึงองค์ประกอบต่างๆในการเสริมสร้างความพึงพอใจในการเรียนรู้ ให้กับผูเ้ รียน 2.2 ความรู้เกี่ยวกบั ชนดิ หรอื ประเภทของชา ชา เป็นผลผลิตทางเกษตรกรรมจากใบยอดอ่อนและก้านของต้นชา (Camellia sinensis) นํามาผ่านกรรมวิธีแปรรูปหลายหลาย \"ชา\" ยังหมายรวมถึงเคร่ืองด่ืมกลิ่นหอมที่ทําจากพืชตากแห้ง ชนิดต่างๆ นํามาชงหรือต้มกับน้ําร้อน นอกจากนี้ ชา ยังเป็นเครื่องด่ืมท่ีมีการบริโภคมากที่สุดเป็น อันดับ 2 รองจากนํ้าเปล่า ซ่ึงเป็นท่ีนิยมบริโภคของคนท่ัวโลกเช่นเดียวกับ กาแฟ และโกโก้ โดยจีน เปน็ ประเทศแรก ทเ่ี ร่ิมนําชามาทําเป็นเครื่องด่ืมเม่ือกว่า 2,000 ปี ท่ีแล้ว จากน้ันความนิยมในการดื่ม นํ้าชา ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก ทั้งในทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชีย และในบางประเทศของทวีป แอฟริกา ชา มาจากพืชตระกูลคาเมลเลีย (Camelliea) มีช่ือทางพฤกษศาสตร์ว่า Camelliea sinensis ถน่ิ กําเนิด อยู่ในอินเดียและจีน มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม ใบแหลมสีเขียว ดอกสีขาว มีกล่ินหอม
6 เมอื่ ปลอ่ ยให้โตตามธรรมชาติสามารถสูงได้ถึง 20 เมตร แต่ในการทําไร่ชามักจะเลี้ยงไว้ท่ีความสูง 3-5 เมตร และตดั แตง่ กิง่ ใหส้ ่วนบนเป็นพ้นื ราบ เพอื่ สะดวกในการ เก็บยอดชาที่จะผลิออกมาใหม่ ถึงแม้ว่า ประเทศในเขตร้อน ใกล้เส้นศูนย์สูตรจะเป็นประเทศที่ปลูกชาได้ดี เนื่องจากสภาพ อากาศทีเ่ หมาะสม แตป่ รมิ าณนํ้าฝนและสภาพดนิ ยังเป็นปัจจยั หลักๆ ท่สี ่งเสริมการเพาะปลูกและการ เติบโตของต้นชา และยังมีผลต่อรสชาติชาอีกด้วย ชาท่ีมีคุณภาพดีส่วนใหญ่จะต้องปลูกอยู่ท่ีความสูง ไมเ่ กนิ 1,500 เมตร หรอื 5,000 ฟุต ซง่ึ ตน้ ชาจะมกี ารเตบิ โตช้าแตใ่ ห้รสชาติที่ดี ส่วนของต้นชาท่ีนํามาใช้ทําเคร่ืองดื่มจะอยู่ส่วนบนสุดของต้น 1-2 นิ้วของยอดชา ซ่ึงเป็น ตําแหน่งของการผลิใบอ่อน และการแตกหน่อ ซ่ึงเป็นส่วนที่มีคุณภาพท่ีดีท่ีสุด ต้นชาจะผลิตยอดชา ใหมโ่ ดยใชเ้ วลาประมาณ 7-10 วัน 1) สายพนั ธุช์ า ชามี 2 สายพันธ์หุ ลัก ได้แก่ ชาอัสสมั (Camellia sinensis vav. Assamica) ภาพท่ี 2.1 ชาอสั สมั ที่มา: https://sites.google.com/site/anutidaseuchat/home/ เป็นไม้ยืนต้นสูง 6-18 เมตร ใบใหญ่เป็นรูปรี กว้าง 3-6 เซนติเมตร ยาว 8-20 เซนติเมตร ผิวใบเป็นคลื่นและเป็นมันลื่น ปลายใบเรียวแหลม ต้นชาชนิดนี้โตเร็วกว่าต้นชาจีน ด้วยมี ใบขนาดใหญ่กว่าและมีรสชาตเิ ข้มขน้
7 ชาจนี (Camelli sinensis vav. Sinensis) ภาพที่ 2.2 ชาจนี ที่มา: https://sites.google.com/site/anutidaseuchat/home/ เป็นไม้พุ่มเตี้ย ใบของชาจีนมีขนาดเล็กและแคบกว่าใบของชาอัสสัม กว้าง 2-4 เซนติเมตร เน้ือใบด้าน ปลายใบแหลม ชาชนิดน้ีทนต่อความหนาวเย็นและเติบโตอย่างช้า ๆ ออกใบ ดกและมีกล่ินหอมมาก ในปัจจุบันอาจมีการนําชา 2 สายพันธุ์มาผสมกัน ออกมาให้ได้ชาพันธ์ุใหม่ เรยี กวา่ Hybrid 2) องคป์ ระกอบทางเคมขี องชา ชามีส่วนประกอบสําคัญ 3 ส่วน ได้แก่ เมทิลแซนทีน (Methylxanthines) แทนนิน (Tea /tannins) และส่วนที่ให้กลิ่นหอม (Aromatic Principles) ใบชาสดประกอบด้วย เซลลูโลส ไฟ เบอร์และโปรตีน ซ่ึงมีปรมิ าณของแข็งรวมกนั ได้ 25 % โดยปริมาตรและมีสารท่ีละลายนํ้าได้ อันได้แก่ แทนนิน คาเฟอนี โปรตนี กัม (Gummy Matter) และนาํ้ ตาลต่างๆ ละลายอยู่ 3) ประเภทของชา ประเภทของชาทเี่ ราพบมากในปัจจบุ ันสามารถแบ่งได้เป็น 4 ชนิด คือ ชาดํา (Black Tea), ชาอหู ลง (Oolong Tea), ชาเขียว (Green Tea), และชาขาว (White Tea) ซ่ึงแท้ท่ีจริงแล้วชา ทกุ ประเภททกี่ ลา่ วมาขา้ งตน้ อาจมาจากต้นชาต้นเดียวกัน แต่ผ่านกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน ทํา ให้ได้ชาท่ีต่างกัน ซ่ึงล้วนแล้วแต่มาจากชาจีนทั้งสิ้น ต้นชาชื่อวิทยาศาสตร์: Camellia sinensis ใบ ยอดอ่อน และก้าน ถูกนําไปผ่านกรรมวิธีและกระบวนการต่างๆจนกลายเป็นชาชนิดต่างๆ ซึงพอจะ แบ่งออกได้ตามกรรมวิธีทีผ่ ลติ ไดด้ ังน้ี ชาดํา Black Tea เป็นชาประเภทที่ผ่านกระบวนการหมักมาแล้วอย่างสมบรูณ์ (Completelyfermented tea) ใบชาจะถูกผ่ึงให้เอนไซม์ polyphenol oxidase เร่งปฏิกิริยาอย่าง เตม็ ที่ ซง่ึ polyphenols จะถกู oxidized อย่างสมบรูณ์เกิดเป็นสารประกอบกลุ่ม Theaflavins และ Thearubigins ทาํ ใหช้ าดํามสี นี ้ําตาลแดง
8 ชาอู่หลง เป็นชาท่ีผ่านกระบวนการหมักมาแล้วเพียงแค่บางส่วนเท่าน้ัน (Semi- fermented tea) ก่อนหยุดปฏิกิริยาของเอนไซม์ด้วยความร้อน กรรมวิธีการผลิตจะมีการผึ่งแดด (withering) ประมาณ 20-40 นาที ภายหลังผึ่งแดดใบชาจะถูกผึ่งในร่มอีกคร้ังพร้อมเขย่ากระตุ้นให้ ชาตื่นตัว การผึ่งนี้เป็นกระบวนการหมักซ่ึงทําให้เอนไซม์ polyphenol oxidase เร่งปฏิกิริยา oxidation และ polymerization ของ polyphenols ทําให้เกิด dimers และสารประกอบเชิงซ้อน ของ polyphenols สารประกอบที่เกิดขน้ึ นท้ี าํ ให้ชาอ่หู ลงมีกล่ินและสที ี่แตกต่างไปจากชาเขียว น้ําชา อูห่ ลงจะมีสเี หลอื งอมเขยี ว และสีนํา้ ตาลอมเขยี ว ชาเขียว Green tea เป็นชาที่ไม่ผ่านกระบวนการหมักมา (Non-fermented tea) กรรมวธิ กี ารผลติ เรม่ิ จากการหยุดการทํางานของเอนไซม์ Polyphenol oxidase ท่ีอยู่ในใบชาสดโดย การอบด้วยไอน้ํา (steaming) หรือการคั่วบนกระทะร้อน (pan firing) เพื่อทําให้เอนไซม์ polyphenol oxidase ไม่สามารถเร่งปฏิกิริยา oxidation และ polymerization ของ polyphenols ท่ีอยู่ในใบชาได้ เสรจ็ แล้วนําไปนวด (rolling) เพือ่ ทาํ ให้เซลล์แตกและนวดเพ่ือให้ใบชา ม้วนตัว จากนน้ั นาํ ไปอบแหง้ สขี องนํ้าชาประเภทนจ้ี ะมสี ีเขียวถึงเขยี วอมเหลอื ง ชาผู่เอ๋อร์ เป็นชาที่ผ่านกระบวนการหมักบางส่วน (Semi-fermented tea) ส่วนมากนยิ มอัดเป็นกอ้ นแล้วนําไปบ่มเปน็ เวลานานนับปยี ิ่งบ่มนานย่งิ ราคาแพง ชาขาว เป็นชาท่ผี ลิตจากยอดหรือก้านอ่อน ไม่ผ่านกระบวนการหมักเลย จากนั้นจึง ทําให้แหง้ นํ้าชาที่ได้จะออกสีเหลอื งอ่อน ภาพท่ี 2.3 ชาผเู่ ออ๋ ท่มี า: https://www.naewna.com ชาผู่เอ๋อ (Pu-erh Tea) เป็นชาดําชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้วิธีการหมักนานเป็น 2 เท่าของชา ดาํ ทําใหไ้ ด้รสชาตทิ ่เี ขม้ ข้นและแตกต่าง
9 ภาพท่ี 2.4 ชาสมนุ ไพร ท่ีมา: https://image.makewebeasy.net/ คาํ ว่า \"ชาสมนุ ไพร\" (Herbal Tea) นั้น หมายถงึ นาํ้ ทชี่ งจากสมุนไพร ใบไม้ ดอกไม้ หรือผลไม้ ของพืชสมุนไพรชนิดอ่ืน ที่ไม่ใช่จากต้นชา ส่วนคําว่า \"ชาแดง\" น้ัน หมายถึง นํ้าที่ ชงจากชาดํา (ใช้เรียกกันในเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลี และญ่ีปุ่น เป็นต้น) และนํ้าท่ีชงจากต้น รอยบอส (Rooibos) ของประเทศแอฟรกิ าใต้ 4) เกรดของใบชา • ชนิดของพันธ์ชุ า • อายุของตน้ ชา • ลักษณะของใบชา • ฤดทู เ่ี ดด็ ใบ • วันและเวลาทีเ่ ดด็ • ลกั ษณะของอากาศในวันเวลาที่เด็ด • แหล่งที่มา • กรรมวิธีในการผลิต เม่ือนําข้อมลู ทงั้ หมดพจิ ารณาแล้ว ผเู้ ชี่ยวชาญกจ็ ะให้เกรดกับปริมาณของผลผลิตของใบชาใน ปีนั้นๆ 5) การแบง่ เกรดใบชาของยุโรป ใบชาเป็นสินค้าท่ีผลิตจากหลายประเทศ มีกรรมวิธีในการผลิตต่างกัน ดังน้ันในการ ควบคุมคณุ ภาพจึงความจําเป็นที่ต้องมีการแบ่งเกรด และการแบ่งเกรดของใบชาจึงข้ึนอยู่กับคุณภาพ ของใบชาท่ีผลิตออกมาจากโรงงาน การแบ่งเกรด แบ่งเป็น 3 เกรด ดังนี้ ชาเต็มใบ (Whole Leaf) โดยทั่วไปชาเต็มใบถือว่าเป็นชาเกรดดี แบ่งได้ 4 เกรดย่อย ตามขนาดของใบซ่ึงข้ึนอยู่กับแหล่งที่ปลูก ใบชานั้นๆ คือ ใบตมู หรอื ใบออ่ น ชาทีไ่ ด้รับคดั เลือกในเกรดน้ี ถือวา่ เปน็ ชาท่ดี ีที่สดุ ขนาดของใบจะมี ขนาดไม่เกิน 5-15 มิลลิเมตร อักษรย่อของชาเกรดน้ี คือ F.P. หรือ F.O.P. (Flowery Pekoe หรือ
10 Flowery Orange Pekoe) ใบชาคู่แรก เป็นเกรอรองลงมา ขนาดของใบใหญ่ข้ึนมาหน่อยมีขนาด ประมาณ 8-15 มิลลเิ มตร ชาเกรดนม้ี ีชือ่ วา่ \"Orange Pekoe\" มีตวั ย่อว่า O.P. เวลาชงน้ําชาจะมีสีส้ม Pekoe มีตัวย่อว่า \"P\" ชาเกรดน้ี ใบจะมีลักษณะหนาและบิดเกลียว Pekoe Slouching มีตัวย่อว่า P.S. มีลักษณะใบใหญ่ ค่อนข้างเหนียวและหยาบ เวลาผลิตเครื่องจักรจะป้ันใบชาเป็นก้อนกลม ๆ เวลาชงก้อนชานี้จะขยายตัวออกให้เห็นลักษณะใบอย่างชัดเจน เกรดใบชาร่วง (Broken Tea Leaf) เป็นใบชาเกรดรองลงมา ซึ่งลักษณะใบชาจะมีการแตกหักบางส่วน ไม่เต็มใบ หรือไม่เต็มรูปสมบูรณ์ สามารถแบ่งออกได้เป็น Broken Pekoe หรือตัวย่อว่า BP จะเป็นใบชาที่ไม่เต็มใบ แตกหักบางส่วน ซ่ึงมีขนาดใหญ่ท่ีสุดในบรรดาใบชาประเภทไม่เต็มใบด้วยกัน Broken Orange Pekoe หรือตัวย่อว่า BOP จะเป็นใบชาแตกหักที่มีขนาดเล็กกว่า BP เกรดใบชาผง (Fine Leaf Teas) เป็นชาที่เหลือจาก การคัดเกรด โดยการนําเศษท่ีเหลือมาห่ันเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใช้บรรจุเป็นชาถุงหรือขายเป็นชาที่มีราคา รองลงมา แบ่งได้เป็น Fannings เศษของใบชาที่แตกหักละเอียดกว่า BOP Dust เป็นผงชาท่ีถูกแยก ออกมา โดยส่วนใหญ่จะนําไปใช้ทําชาถุง หรือผสมทําชาสําเร็จรูปคุณสมบัติของชาผงท้ังสองเกรดน้ี คือ เวลาชงด้วยน้ําร้อนจะขับสีออกเร็วมาก จึงเป็นท่ีนิยมของผู้ดื่มชา ชาทั้งสองเกรดมีจําหน่ายในรูป ของชากระปอ๋ งและชาซอง กล่นิ สี และรสชาติขึน้ อยกู่ ับผผู้ ลติ ราคา ก็เหมาะสมสําหรับคนทั่วไป 6) ความรเู้ กีย่ วกบั ขั้นตอนการทาชา ชาดา (Black Tea) ภาพที่ 2.5 ชาดํา ที่มา:http://www.refresherthai.com เป็นชาที่นิยมดื่มกันท่ัวโลก โดยเฉพาะแถบยุโรปหรือพวกฝร่ัง คนไทยจึงเรียกว่าชา ฝรัง่ บางคนเรยี กชาผง เพราะส่วนใหญจ่ ะเห็นมลี กั ษณะเปน็ ผง บางครั้งเรียกชาดําตามลักษณะสีใบชา แหง้ แตช่ าวจนี เรยี กชาแดง ชาฝร่งั สนั นษิ ฐานว่ามาจากชาหมักช่ือ เจียน ซี หวู ของชนเผ่าฉี อาศัยอยู่ แถบภูเขา หวู่ ยิ เมื่อมีการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับพ่อค้าจากมณฑลกวางตุ้ง ชาถูกเปล่ียนชื่อเป็น โบเฮีย และถูกสง่ จากมณฑลกวางตงุ้ ไปประเทศองั กฤษในชว่ งตน้ ศตวรรษที่ 18 การผลิตชาฝรั่งจะให้สี
11 และรสชาติเข้มข้นที่สุด นํ้าชาเป็นสีส้มหรือน้ําตาลแดง ชาฝร่ังจะนิยมใช้ยอดชาพันธุ์อัสสัม เพราะ ชาอสั สัมจะมีสารโพลพี ินอลสูง ชาประเภทนี้ ได้แก่ ชาคมี นุ ของจีน ชาของอนิ เดีย และชาของศรีลังกา ชาเขียว (Green Tea) ภาพท่ี 2.6 ชาเขยี ว ทีม่ า: http://www.refresherthai.com ชาเขียวเป็นชาที่ไม่ผ่านข้ันตอนการหมักใบชาสดระหว่างกระบวนการผลิต โดยนํา ยอดชาสดมาทําให้แห้ง ใช้วิธีให้ความร้อนหยุดย้ังการสลายตัวของยอดชา หรือปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ ในการย่อยสลายตัวเอง หรือเรียกว่าการหมักชาประเภทน้ีเป็นชาท่ีนิยมด่ืมกันมากในประเทศจีนและ ญี่ปุ่น รสอ่อน สีนํ้าชาเป็นสีเขียว หรือเหลืองอมเขียว กากชามีสีเขียวค่อนข้างสดชาเขียวรู้จักกัน แพร่หลาย เช่น ชาหลงจิง่ หวง ซนั เหมา ฟง ผู โถ ฉา ชนุ หมี่ ชาญปี่ นุ่ เป็นตน้ ชาอ่หู ลง (Oolong Tea) ภาพท่ี 2.7 ชาอหู่ ลง ทม่ี า: http://www.refresherthai.com เป็นชาที่มีการหมักใบชาสดในระหว่างการผลิตเพียงบางส่วน โดยเพ่ิมการนํายอดชา มาผึ่งแดด 20-40 นาที ทําให้อุณหภูมิในยอดชาสูงขึ้น เกิดกลิ่นหอม แล้วนําไปผึ่งในร่มอีกคร้ังพร้อม เขย่ากระตุ้นยอดชาให้ตื่นตัว เร่งการหมัก ทําให้สีนํ้ามีสีเข้มขึ้น ความแก่อ่อนของการหมักขึ้นกับ ระยะเวลาการผึ่งและเขย่ากระตุ้น ชนิดชาที่รู้จักกันดีท่ีสุดคือ ชาอู่หลง รสชาติของชาประเภทน้ีจะ เข้มขน้ และมกี ลิ่นหอม น้าํ ชามสี เี หลอื งอมเขยี ว นา้ํ ตาลอมเขยี ว นํ้าตาลอมเหลอื ง นํ้าตาลส้ม ขึ้นอยู่กับ
12 วิธีการผลิต กากชาที่มีสีเขียวอมเหลืองนิยมด่ืมกันมากในประเทศจีนตอนกลาง แถบมณฑลฝูเจี๋ยน กวางตงุ้ ไตห้ วนั เมอื่ ดื่มชาชนดิ นจี้ ะให้รสฝาดและขมเลก็ น้อย ชมุ่ คอ ชาก่งึ หมกั เป็นชาประเภททผ่ี ูด้ ม่ื ชาจนี ในประเทศไทยส่วนใหญ่รู้จักดี ชาท่ีดื่มจะเป็น ชาหมักปานกลาง ค่อนข้างแก่ถึงหมักแก่ ชามีกล่ินหอม รสฝาดชุ่มคอ ส่วนใหญ่นําเข้ามาจากประเทศ จีนแถบมณฑลกวางตุ้ง มณฑลฝูเจ๋ียน ต่อมามีการผลิตชาอูหลงแถบดอยแม่สลอง ดอยวาวี โดยนํา เทคโนโลยีการผลติ จากไต้หวัน จึงไดช้ าอูหลงท่ีมีคุณภาพดี กล่นิ หอม รสชาติชุ่มคอ ทําให้ชาอูหลงเป็น ท่ีร้จู ักและนิยมดื่มมากขึ้น ชาขาว (White Tea) ภาพท่ี 2.8 ชาขาว ทีม่ า: http://www.refresherthai.com ยอดชาท่ียังปกคลุมด้วยปุยขนอ่อนสีขาวผ่านขั้นตอนการนําไปตากแห้งใน แสงอาทิตย์ธรรมชาติ ข้นั ตอนง่ายๆ ดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่ทําให้ White Tea แตกต่างจากชาประเภทอื่น และยังเป็นการรักษาคุณประโยชน์นานาประการมิให้สลายไปกับกรรมวิธีของมนุษย์ แหล่งผลิตปลูก กันกว้างขวางในประเทศจนี บนภเู ขาสงู แหง่ จงั หวัดฟเู จ้ยี นเนอ่ื งจากการผลิตชาขาวมขี ั้นตอนที่ส้ันที่สุด ทาํ ให้ชามคี วามบริสุทธก์ิ วา่ และอยู่ในสภาวะมีพลงั งานมากกว่า ชาวขาวมีคุณค่าของแอนติออกซิเดนท์ มากกว่าชาเขียวถึงสามเท่า และยังป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายมากกว่าชาเขียวถึงสิบเท่า และความสามารถในการปกป้องผวิ ก็ยิ่งสงู กวา่ ด้วยเชน่ กัน 7) กระบวนการแปรรูปชา - การผึ่งชา เพ่ือช่วยให้องค์ประกอบทางเคมีในใบชาเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ ใบชามกี ลิ่นหอมมากยิ่งข้นึ - การค่ัวชา เป็นข้ันตอนที่ให้ความร้อนกับใบชาเพื่อทา ลายเอนไซม์ต่าง ๆ ในใบชา เช่น เอนไซม์โพลี-ฟีนอลออกซิเดสที่ทา ให้หยดุ ปฏิกิริยาการหมักและเอนไซม์คลอโรฟิลเลสท่ี สามารถออกซไิ ดส์คลอโรฟลิ ล์ให้เปน็ ฟโี อไฟตินท่ีทา ใหเ้ กิดสีเหลืองนํา้ ตาลในใบชา
13 - การนวดชา เป็นการขย้บใบชาเพื่อให้เซลล์แตกเมื่อเซลล์แตกจะทา ให้ สารประกอบต่าง ๆ ท่ีอยู่ในเซลล์ไหลออกมานอกเซลล์และเคลือบอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของใบชา นํ้า เอนไซมแ์ ละนา้ํ มนัหอมระเหยจะออกมาภายนอก ทาํ ให้สามารถลดความชื้นได้เร็วข้ึนและทําให้สารให้ กลิ่นรสของชาละลายไดง้ ่ายเมอ่ื ชงในนํ้าร้อน - การอบแห้ง เป็นการกําจัดความชื้นในใบชาเพ่ือป้องกันการเจริญเติบโตของ จุลนิ ทรียแ์ ละการเกิดปฏกิ ริ ิยาออกซเิ ดชัน่ ทาํ ให้สามารถเกบ็ รักษาชาได้นานข้ึน โดยมีการเปล่ียนแปลง ของสีกลิ่นและรสชาตินอ้ ยท่สี ุด 8) ชาในรปู แบบต่างๆ และจากชาพื้นฐานเหล่านี้ก็ได้มีการผสมผสานใบชาจากแหล่งต่างๆ พัฒนาเป็นชา ผสมทม่ี กี ลิ่นและรสชาติต่างๆ กัน และมีชื่อเรียกเฉพาะต่างๆ เช่น “Darjeeling” เป็นชารสเย่ียมจาก เทือกเขาหิมาลัย ทางตอนเหนือของอินเดีย ให้รสนุ่มและกลิ่นหอม สามารถเติมนมเพิ่มได้ตามชอบ, “Earl Grey” เป็นชาที่ผสมกันระหว่างชา Darjeeling กับชาจีน แต่งกล่ินด้วยสมุนไพรเบอร์กามอต (Bergamot), “English Breakfast” เป็นการผสมผสานกันของใบชาจาก 3 แหล่ง คือชาซีลอน (Ceylon) จากศรีลังกาที่ให้กลิ่นหอม ชาอัสสัม (Assam) จากอินเดียท่ีให้รสเข้ม และชาเคนยา (Kenya) จากประเทศเคนยา ซ่ึงช่วยเพ่ิมสีสันของชา นับเป็นชาท่ีได้รับความนิยมมากในอังกฤษ ถึง ขนาดตงั้ ช่อื เฉพาะให้อย่างเปน็ ทางการ นอกจากนี้ยังมีการแต่งกลิ่นชา ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว ชาอูหลง หรือชาดํา โดยผสมใบชากับดอกไม้ ผลไม้ เครื่องเทศ น้ํามันหอมระเหยต่างๆ หรือสมุนไพร เช่น ช้ิน มะม่วง พีช กลีบกุหลาบ ลงไปในใบชาก่อนบรรจุ ทําให้เกิดชารสชาติใหม่ ที่เรียกว่า “Flavored Tea” หรือชาแต่งกล่ิน ส่วนชาเม่ียงหรือชาหมักดอง เป็นผลิตภัณฑ์ชาของท้องถ่ินทางภาคเหนือของ ประเทศไทย โดยการนําใบชาสด มามัดเป็นกํา นึ่งแล้วมักท้ิงไว้จนใบชาเปลี่ยนสภาพเป็นสีเหลือง ใบ ยุ่ย จึงนํามาบริโภค นิยมใช้เป็นของขบเคี้ยว หรืออมเป็นของว่างระหว่างการทํางาน ยามว่างหลัง อาหารหรือชงดื่มกับนํ้าร้อน ช่วยผ่อนคลาย ความเหน็ดเหนื่อย ปัจจุบันมีอยู่หลายชนิด เช่น เมี่ยง หวาน เมยี่ งเค็ม เมี่ยงหมี่ เม่ียงขงิ เมยี่ งใส่กระเทยี มดอง เป็นตน้ 9) รปู แบบการบรรจใุ บชาทีข่ ายในทอ้ งตลาดมีดังนี้ ใบชาผงในภาชนะปิดสนิท (Loose Tea)เป็นใบชาแห้งท่ีบรรจุในกระป๋องหรือ ภาชนะปิดสนิท ซ่ึงผู้ชงสามารถตวงปริมาณใบชาแห้งเองได้ตามต้องการ ในการชงจะต้องมีอุปกรณ์ ช่วยในการกรองกากชาออกด้วย ใบชาแห้งอัด (Compressed Tea)เป็นใบชาแห้งที่อัดแน่นเพ่ือสะดวกในการเก็บ รักษา โดยเฉพาะชาชนิดผเู่ อ๋อ (Pu-Erh) จะถกู อัดเป็นก้อน เวลาจะนําใบชามาชงให้ใช้ปลายมีดเข่ียใบ
14 ชาออกมาในปรมิ าณทต่ี อ้ งการ ใบชาแหง้ อดั นี้สามารถเก็บไว้ได้นานกว่าใบชาแห้งธรรมดา เน่ืองจากมี ส่วนทส่ี ามารถสมั ผสั กับอากาศน้อยกวา่ ชาแท่งหรือชาแผ่น (Tea Sticks)เป็นการบรรจุใบชาสําหรับการบริโภคในรูปแบบ ใหม่ แท่งชานี้กําเนิดในประเทศฮอลแลนด์ช่วงปี ค.ศ. 1990 โดยบริษัท Venezia Trading ได้ผลิต แท่งชาที่เรียกว่า “Ticolino” ซ่ึงเป็นแท่งบรรจุชาสําหรับ 1 ที่ ภายในบรรจุใบชาหรือใบชาผสม สมุนไพรหรือกล่ินรสตามต้องการ วิธีใช้คือใส่แท่งชาลงในแก้ว เทนํ้าร้อนลงไป แช่ไว้นาน 90 วินาที เพ่อื สกัดกล่นิ รสของใบชาที่อย่ภู ายในออกมา จากนัน้ กค็ นเล็กนอ้ ย แลว้ ดงึ แทง่ ชาออก ชาสําเร็จรูป (Instant Tea)เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นผงหรือเกล็ดละลายน้ํา โดยการทําการสกัดสารในใบชาออกมาเป็นชาเข้มข้น น้ําชาเข้มข้นถูกทําให้แห้งเป็นของแข็ง โดยการ ฉดี พน่ สารละลายชาเข้มขน้ ผา่ นอากาศร้อน หรือความเย็น ระเหยนํ้าออกไปภายใต้สุญญากาศ เม่ือจะ ดื่มนํามาชงสามารถละลายน้ําได้ทันที สะดวกต่อการบริโภค การผลิตชาสําเร็จรูปสามารถใช้ เครื่องจักรกลในการเก็บเกี่ยวมากข้ึน สามารถขนส่งไปยังประเทศผู้บริโภค ได้สะดวก ช่วยลดต้นทุน การขนส่ง เชน่ ชาผงสาํ เรจ็ รูปเนสที เปน็ ตน้ ชาถุง (Tea Bags)เป็นใบชาท่ีบรรจุถุงกระดาษหรือถุงผ้าไหมขนาดเล็ก ข้อดีของชา ถงุ คอื งา่ ยและสะดวกต่อการชง แต่มขี อ้ ด้อยคือ อากาศสามารถผ่านเข้าออกได้ ใบชาแห้งซึ่งสัมผัสกับ อากาศจะสญู เสียกลิ่นรสไดง้ ่ายและรวดเรว็ นอกจากนใี้ บชาทนี่ ํามาบรรจุด้วยวิธีการนี้ส่วนใหญ่จะเป็น ชาเกรดต่าํ ลงมา อยา่ งไรก็ตาม ผผู้ ลิตบางรายกส็ รา้ งความแตกตา่ งให้กับผลิตภัณฑ์ชาถุงด้วยการบรรจุ ใบชาเต็มใบชัน้ ดีลงในถุงชา ทงั้ นีผ้ ู้บรโิ ภคสามารถสังเกตได้จากราคาท่ีมีความแตกตา่ งกันค่อนขา้ งมา ชาพร้อมดื่ม (Ready-to-Drink Teas)เ ป็ น ก า ร ผ ลิ ต นํ้ า ช า บ ร ร จุ ก๊ า ซ คาร์บอนไดออกไซด์ น้ําชาธรรมดา น้ําชาที่เติมกลิ่นและสี เช่น กล่ินรสมะนาว รสเบอร่ี พีช เป็นต้น บางครงั้ เตมิ นาํ้ ตาลบรรจุในกระป๋องหรอื ขวด ทาํ ให้สะดวกต่อการบริโภคและการขาย น้ําชาประเภทนี้ เป็นที่นิยมของวัยร่นุ โดยเฉพาะประเทศทมี่ อี ากาศร้อน และนิยมด่ืมชาเย็น 10) การเก็บรักษาใบชา ใบชาจะต้องเก็บรักษาเป็นอย่างดี เพื่อจะคงไว้ซ่ึงกลิ่น สีและรสชาติ ภาชนะที่จะ ใชบ้ รรจ ุใบชาจะตอ้ งแหง้ และปราศจากกล่ิน อากาศเขา้ ไมไ่ ด้ ส่ิงสําคัญท่ีมีผลกระทบต่อคุณภาพใบชา คอื ความชน้ื อณุ หภมู ิ และกล่ิน วิธีเกบ็ ใบชาทถ่ี กู ต้องมีดังน้ี - ใช้ภาชนะดินเผาหรือภาชนะโลหะขนาดพอเหมาะมฝี าสองชน้ั เ - ไมค่ วรให้ใบชาถูกอากาศโดยไมจ่ ําเป็น - หลีกเล่ียงความชื้น เพราะความช้นื จะเป็นตัวทําลายคุณภาพของใบชา - เน่ืองจากความช้ืนในอากาศมีผลต่อใบชา ดังน้ันใบชาควรจะบรรจุอยู่ในถุง ฟอยล์ มดั ให้แน่นกอ่ นจะเกบ็ ไวใ้ นกระป๋อง
15 - หลีกเลยี่ งการนําใบชาออกตากแดด - ไม่ควรนําภาชนะที่มีกลิ่นมาบรรจุใบชา หรือเก็บใบชาไว้ใกล้กับอาหารหรือ ส่งิ ของท่ีมีกลนิ่ เพราะใบชามีคุณสมบัตดิ ูดกล่ิน - เพอื่ เป็นการหลีกเลย่ี งความชน้ื และรักษาอุณหภูมิของใบชาให้คงที่ ควรเก็บใบ ชาไวใ้ นที่อากาศถ่ายเทได้ดี - ถา้ เป็นชาดีมีคุณภาพและราคาแพงไม่ควรใช้มือหยิบแต่ควรใช้ช้อนท่ีแห้งสนิท ตกั ปัจจุบันมชี ้อนท่ที าํ ข้นึ สาํ หรบั ตักใบชาโดยเฉพาะ - ใบชาแต่ละชนิด อุณหภูมิท่ีเก็บรักษาต่างกัน ชาเขียวโดยเฉพาะถ้าเป็นชาใหม่ จะตอ้ งเก็บในที่แห้งและอุณหภูมิตํ่า อาจจะเก็บใส่กระป๋องที่ปิดมิดชิด หรือไว้ในตู้เย็นก็ได้ ไม่ควรเก็บ ชาเขยี วไวช้ งดมื่ นานเกนิ 12-18 เดือน ส่วนชาอูหลงหรือชาดํา สามารถเก็บไว้ได้ในอุณหภูมิปกติแต่ไม่ ควรใหถ้ ูกแสงแดด จะเก็บไว้ในต้เู ย็นกไ็ ดแ้ ตไ่ ม่จําเป็น 11) เทคนิคการชงชา ชาใบและชาสําเร็จรูปมีวิธชี งท่แี ตกตา่ งกนั วธิ ีชงชาใบหรือชาจนี มขี น้ั ตอนดังน้ี - อุ่นกาน้าํ ชาโดยให้นา้ํ ร้อนลวกภาชนะเพื่อใหก้ านา้ํ ชาและถ้วยชาอุ่นข้ึน ช่วยฆ่า เชือ่ โรคและดบั กลน่ิ ต่างๆในภาชนะ - ใสใ่ บชาลงในปริมาณท่ีเหมาะไมเ่ กิน 1 ใน 3 ของกาน้ําชา - เทนา้ํ รอ้ นลงในกานาํ้ ชาในเต็ม เพ่อื กระตนุ่ ใบชาใหค้ ลี่ออก - เทน้าํ ร้อนเดือดใหม่ๆ ลงในกานํ้าชาอกี ครงั้ ทิง้ ไวป้ ระมาณ 2 นาที - เทน้ําชาลงในถว้ ยเสริ ์ฟให้หมด ยกเสริ ฟ์ - เมื่อต้องการดื่มชาเพิ่มให้เติมน้ําเดือดลงไปอีกคร้ังทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที แล้วจึงเทน้ํา ชาเสิร์ฟใหม่อีกคร้ังใบชาที่ใช้ชงแต่ละคร้ังใช้ได้ประมาณ 3-7 ครั้ง ในครั้งต่อๆไป หลังจากเตมิ นํ้ารอ้ น เพม่ิ แล้วควรท้งิ ไวป้ ระมาณ 3 นาที และนานไปเรอ่ื ยๆเพ่อื ให้นาํ้ ชาจดื 12) วธิ ีชงชาถุงมขี น้ั ตอนดังนี้ - การชงในกา ทําการอุ่นกานํ้าชาโดยเทน้ําร้อนลวกกาให้ร้อนวางถุงชาในกาตาม จํานวนผูบ้ รโิ ภคเติมนา้ํ เดือดใหม่ๆ ทง้ิ ไว้อยา่ งน้อย 3 นาที - ชงในถ้วยโดยใส่ถุงชาลงในถ้วยเติมน้ําเดือดใหม่ๆ ทิ้งไว้ 3 นาที จึงเอาถุงชาออก แต่หากต้องการใหช้ ารสจัดขน้ึ กค็ วรจะเพมิ่ เวลาให้มากขนึ้ - ชาฝร่ังสามารถเพิ่มรสชาติได้โดยเติมนํ้าตาล นมและมะนาวตามชอบและสามารถ ทาํ ชาเยน็ โดยชงชาดว้ ยนํ้าร้อนให้เข้มข้นเป็น 2 เทา่ แล้วจงึ เตมิ รสชาตแิ ละนํ้าแขง็ ตามชอบ
16 จากการศกึ ษาผู้วิจัยสรปุ ไดว้ ่าชามสี องสายพนั ธ์ุ มีชาอัสสมั และชาจีน ชาอัสสัมมีขนาดใบใหญ่ กว่าชาจีน รสชาติเข้มข้น ส่วนชาจีนจะมีใบขนาดเล็กกว่าชาอัสสัมและมีรสชาติหอม ชามี สว่ นประกอบสาํ คญั 3 ส่วน ได้แก่ เมทิลแซนทีน (Methylxanthines) แทนนิน (Tea /tannins) และ ส่วนท่ีให้กลิ่นหอม ประเภทของชาท่ีเราพบมากในปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 4 ชนิด คือ ชาดํา (Black Tea), ชาอหู ลง (Oolong Tea), ชาเขียว (Green Tea), และชาขาว (White Tea) ซง่ึ แท้ท่ีจริง แลว้ ชาทกุ ประเภทท่กี ล่าวมาข้างต้น อาจมาจากตน้ ชาต้นเดียวกัน แต่ผ่านกระบวนการผลิตที่แตกต่าง กนั ทําใหไ้ ดช้ าที่ต่างกันซึง่ ล้วนแล้วแต่มาจากชาจีนท้งั สน้ิ 2.3 ความรูเ้ บ้อื งตน้ เกีย่ วกับชนดิ หรือประเภทของดอกกหุ ลาบ กหุ ลาบสามารถจําแนกได้หลายแบบ เช่น จําแนกตามลักษณะการเจริญเติบโต ขนาดดอก สี ดอก ความสูงต้น และจาํ แนก ตามลกั ษณะของดอก เป็นต้น ในท่ีน้ีได้จําแนกกุหลาบเฉพาะกุหลาบตัด ดอกตามลักษณะการใชป้ ระโยชน์ ทางการค้าในตลาดโลกเปน็ 5 ประเภทดังนี้ ภาพท่ี 2.9 กุหลาบดอกใหญ่ ทมี่ า: https://sites.google.com กุหลาบดอกใหญ่ หรือ กุหลาบก้านยาว (large flowered or long stemmed roses) กุหลาบประเภทนีเ้ ปน็ กหุ ลาบไฮบริดที (Hybrid Tea: HT) ที่มีดอกใหญ่ แต่การดูแลรักษายาก ผลผลิตต่ํา (100-150 ดอก/ตร.ม./ปี) และอายุการปักแจกันส้ันกว่า เม่ือเปรียบเทียบกับกุหลาบ Floribunda มักมีก้านยาวระหว่าง 50-120 เซนติเมตร กุหลาบดอกใหญ่ได้รับความนิยมมากใน สหรัฐอเมริกา โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เม็กซิโก ญ่ีปุ่น ซิมบับเว โมร๊อกโก ฝรั่งเศส และ อิตาลี พันธุ์ กุหลาบดอกใหญ่ท่ีเป็นท่ีนิยมในตลาดต่างประเทศได้แก่ พันธุ์ เวก้า (Vega: แดง) , มาดาม เดลบา (Madam Delbard) , วีซ่า (Visa: แดง) , โรเท โรเซ (Rote Rose: แดง) , คารล์ เรด (Carl Red: แดง) , โซเนีย (Sonia: ชมพูส้ม) , เฟิร์สเรด (First Red: แดง) , โพรฟิตา (Prophyta: ปูนแห้ง) , บิ อังกา (Bianca: ขาว) , โนเบลส (Noblesse: ชมพูส้ม) และ แกรนด์ กาลา (Grand Gala: แดง) เป็น ตน้
17 ภาพที่ 2.10 กุหลาบดอกกลาง ท่มี า:https://sites.google.com กหุ ลาบดอกกลาง หรอื กุหลาบก้านขนาดกลาง (medium flowered or medium stemmed roses) เป็นกุหลาบชนิดใหม่ ซ่ึงมีลักษณะระหว่างกุหลาบดอกใหญ่ และเล็ก เป็นกุหลาบ Hybrid Tea ให้ผลผลิตสูง (150-220 ดอก/ตร.ม./ปี) อายุการปักแจกันยาว และทนการขนส่งได้ดี ความยาวก้านระหว่าง 40-60 ซม. แหล่งผลิตที่สําคัญได้แก่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี อิตาลี อสิ ราเอล ซมิ บับเว เคนยา พันธุ์ที่นิยมปลูกได้แก่พันธ์ุ ซาช่า (Sacha: แดง) , เมอร์ซิเดส (Mercedes: แดง) , เกเบรียล (Gabrielle: แดงสด) , คิสส์ (Kiss: ชมพู) , โกลเด้นทาม (Goldentime: เหลือง) , ซาฟารี (Safari: ส้ม) และ ซวู เี นีย (Souvenir: ม่วง) ภาพที่ 2.11 กหุ ลาบดอกเล็ก ท่มี า : https://sites.google.com กุหลาบดอกเล็ก หรือ กุหลาบก้านสั้น (small flowered or short stemmed roses) เป็นกุหลาบที่ได้รับความนิยมปลูก และบริโภคกันมากในยุโรป โดยเฉพาะ เยอรมนี และ เนเธอร์แลนด์ กุหลาบก้านสั้นนี้เป็นกุหลาบ Floribunda ท่ีให้ผลผลิตสูง (220-350 ดอก/ตร.ม./ปี) อายกุ ารปกั แจกันยาว และทนต่อการขนส่งดีกว่ากุหลาบดอกใหญ่ มักมีความยาวก้านระหว่าง 30-50 เซนติเมตร แหล่งผลิตกุหลาบดอกเล็กได้แก่ประเทศ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี อิสราเอล และเคนยา พันธ์ุท่ีนิยมปลูกได้แก่พันธ์ุ ฟริสโก (Frisco:เหลือง) , เอสกิโม (Escimo: ขาว) , โมเทรีย (Motrea: แดง) , เซอไพรซ์ (Surprise: ชมพู) , และ แลมบาดา้ (Lambada: แสด)
18 ภาพท่ี 2.12 กุหลาบดอกช่อ ที่มา:https://sites.google.com กุหลาบดอกช่อ (spray roses) เป็นกุหลาบชนิดใหม่ ให้ผลผลิตตํ่าต่อพื้นท่ี (120- 160 ดอกต่อตารางเมตรต่อปี) ความยาวก้านระหว่าง 40-70 ซม. มักมี 4-5 ดอกในหน่ึงช่อ และยังมี ตลาดจํากัดอยู่ เช่นพันธ์ุ เอวีลีน (Evelien: ชมพู) เดียดีม (Diadeem: ชมพู) และ นิกิต้า (Nikita: แดง) เป็นต้น ภาพท่ี 2.13 กหุ ลาบหนู ท่ีมา:https://sites.google.com กุหลาบหนู (miniature roses) มีขนาดเล็กหรือแคระโดยธรรมชาติ ความสูงของ ทรงพุ่มไม่เกิน 1 ฟุตให้ผลผลิตสูง 450-550 ดอก/ตร.ม./ปี มีความยาวก้านดอกระหว่าง 20-30 ซม. ยงั มีตลาดจาํ กดั อยู่ยกเว้นในประเทศญปี่ นุ่ แอฟรกิ าใต้ และอติ าลี
19 1) การคดั เลอื กสายพนั ธุ์ การคดั เลือกพนั ธกุ์ ุหลาบในปัจจุบันจะคํานึงถึงประโยชน์ และความคุ้มค่าท่ีผู้บริโภค จะได้รับ มากกว่าการท่ีดอกสวยสะดุดตาแต่เม่ือซื้อไปก็เหี่ยวทันที ดังน้ันการคัดเลือกพันธ์ุกุหลาบใน ปัจจบุ ันมักมขี อ้ พิจารณาดงั นี้ - มีผลผลติ สูง ปัจจบุ นั กุหลาบดอกเลก็ ให้ผลผลิตสงู ถึง 300 ดอก/ตร.ม./ปี - อายุการปักแจกันนาน พันธุ์กุหลาบในสมัยทศวรรษที่แล้วจะบานได้เพียง 5-6 วัน ปจั จบุ ันกหุ ลาบพนั ธใ์ุ หม่ ๆ สามารถบานได้ทนถงึ 16 วัน - กหุ ลาบทีส่ ามารถดูดนาํ้ ไดด้ ี - กุหลาบท่ีไม่มหี นามหรือหนามนอ้ ยเพื่อความสะดวกในการจดั การ - สแี ดงยังคงครองตลาดอยู่รองลงมาคอื สชี มพู สอี ่อนเยน็ ตา และสองสี - กล่นิ เปน็ ทีเ่ สียดายทีก่ หุ ลาบกล่นิ หอมมกั ไมท่ น แต่ก็มกี ารผสมพนั ธุ์กุหลาบ - มคี วามต้านทานโรค และทนความเสียหายจากการจดั การสงู กุหลาบเป็นพืชไม้ดอกท่ีขยายพันธ์ุได้ง่ายกว่าไม้ดอกอ่ืน ๆ หลายชนิด คือ สามารถ ขยายพันธ์ุได้โดยการเพาะเมล็ด การตัดชําท้ังด้วยกิ่งและด้วยราก การตอนก่ิง การติดตา การต่อ กงิ่ ตลอดจนการเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือ 2) การเพาะเมลด็ กหุ ลาบ การขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้ มุ่งท่ีจะได้พันธ์ุใหม่ ๆ แปลก ๆ เท่านั้น ทั้งนี้เน่ืองจาก กุหลาบที่ปลูกอยู่ทุก ๆวันนี้เป็นลูกผสมทั้งหมด การขยายพันธ์ุด้วยเมล็ดจึงทําให้ได้ทันที ไม่เหมือน พ่อแม่และไมเ่ หมือนกันเลยระหว่างลูกด้วยกัน จึงไม่เหมาะที่จะใช้โดยทั่วๆ ไป แต่เหมาะสําหรับนัก ผสมพันธเ์ุ พ่ือทีจ่ ะหาพันธ์ุใหม่ ท่มี ลี ักษณะดีเดน่ กว่าต้นพ่อต้นแม่ - นําฝักกุหลาบที่แก่เต็มที่ไปฝังไว้ในกระบะที่บรรจุทรายชื้น เก็บไว้ใน อุณหภมู ิ 41 องศาฟาเรนไฮน์ เป็นเวลา 3 เดอื นแลว้ จงึ เอาฝักกุหลาบมาแกะเอาเมลด็ เพาะ - เม่ือตัดฝกั กหุ ลาบมาจากต้น นํามาผา่ ครง่ึ ด้วยมดี ใช้หัวแม่มือและนิ้วช้ีเข่ีย เอาเมล็ดออกมา เมล็ดกุหลาบมีลักษณะคล้ายเมล็ดแอปเปิ้ล ขนาดใกล้เคียงกัน (ขนาดของเมล็ด ขึ้นอยกู่ บั พันธุ์)ฝักหนึ่ง ๆ อาจจะมถี ึง 70 เมล็ด(5-70) 3) การตอนแบบทบั กิง่ เปน็ การขยายพนั ธกุ์ ุหลาบเลอ้ื ยท่ีทาํ กนั มานานแล้ว ปจั จุบันยังมีทํากันอยู่บ้าง ด้วย เหตทุ ีใ่ ห้ผลดแี ละแนน่ อน มีขอ้ เสยี อยา่ งเดียวคอื ได้จํานวนนอ้ ยและเสียเวลา กิ่งท่ีใช้ตอน ควรจะเป็น กิ่งท่เี คยใหด้ อกมาแล้ว (ไมอ่ ่อนเกินไป) เป็นก่ิงอวบสมบูรณ์ ควั่นก่ิงให้ห่างจากยอดประมาณ 6-8 น้ิว ความยาวของรอยควั่นประมาณครึ่งน้ิว ลอกเอาเปลือกออก ขูดเอาเยื่อเจริญออกให้หมด ทาด้วย
20 ฮอรโ์ มนเรง่ ราก เอน็ .เอ็น.เอ. ผสมกับ ไอ.บี.เอ. ในสัดส่วน 1 ต่อ 1 ความเข้มข้น 4,500 ส่วนต่อล้าน (ppm) ทิ้งไว้ใหแ้ หง้ หมุ้ ดว้ ยขุยมะพร้าวเปียก หรือกาบมะพร้าวที่ทุบให้นุ่ม แล้วแช่น้ําทิ้งไว้หน่ึงคืน ในต่างประเทศใช้สแพกนั่มมอสชนื้ ๆ หอ่ ด้วยแผ่นพลาสตกิ มัดหวั ท้ายใหแ้ น่นประมาณ 10-12 วันจะ มีรากงอกออกมา สามารถตดั ไปปลูกได้ 4) การขยายพนั ธกุ์ ุหลาบดว้ ยวิธีการต่อกง่ิ และการติดตา - การตอ่ กงิ่ (grafting) - การขยายพันธ์ุด้วยวิธีนี้ นิยมทํากับกุหลาบที่ปลูกในกระถาง ไม่นิยมท่ัวไป เพราะเสยี เวลาและไมม่ ีความแนอ่ น อกี ทง้ั ตอ้ งใช้ฝีมือพอสมควร - การติดตา (budding) การขยายพันธุ์ด้วยวิธีน้ี ดูเหมือนว่าจะเป็นท่ีนิยมมากที่สุด ท้ังน้ีเพราะสามารถ ขยายพันธุ์ดีได้เร็วกว่า คนที่มีความชํานาญในการติดตา จะสามารถทําการติดตาได้มากกว่า 1,000 ต้นต่อวัน ต่อสองคน อีกท้ังยังสามารถคัดเลือกต้นตอทีเหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศในแต่ละ ท้องถิ่น และแต่ละพันธุ์ของกุหลาบพันธุ์ดีที่จะนํามาติด นอกจากนี้ ถ้าตาพันธุ์ดีท่ีนํามาติดสามารถ เข้ากันได้ดีกับต้นตอ จะช่วยส่งเสริมความดีเด่นในลักษณะต่าง ๆ ของกุหลาบพันธ์ุดีที่นํามาติดด้วย ย่ิงไปกวา่ นัน้ กุหลาบท่ีใชเ้ ป็นต้นตอสว่ นมากจะมรี ะบบรากทแ่ี ข็งแรงกว่ากหุ ลาบพันธ์ุดี ทําให้การปลูก กุหลาบแตล่ ะครง้ั มีอายุให้ผลยาวนานและผลผลิตสงู กว่าการปลูกกุหลาบจากการตอนก่ิง หรือการตัด ชาํ 5) สภาพท่ีเหมาะสมในการปลกู พื้นท่ปี ลูก ควรปลกู ในที่ทีร่ ะบายนา้ํ ได้ดี มีความเปน็ กรดเล็กน้อย พีเอ็ช ประมาณ 6- 6.5 และได้แสงอยา่ งนอ้ ย 6 ชัว่ โมง อณุ หภมู ิ อุณหภมู ทิ เี่ หมาะสมในการเจริญของกุหลาบคือ กลางคืน 15-18 องศาเซลเซียส และกลางวัน 20-25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิท่ีจะทําให้ได้ดอกท่ีมี คุณภาพดี และให้ผลผลิตสูง หากอุณหภูมิต่ํากว่า 15 องศาเซลเซียส การเจริญเติบโตและการออก ดอกจะช้าอย่างมาก หากอุณหภูมิสูงกว่า 28 องศาเซลเซียส ควรให้มีความช้ืนในอากาศสูงเพื่อชลอ การคายน้ํา ความชื้น ความช้ืนสัมพัทธ์ที่เหมาะสมกับการเจริญของกุหลาบคือร้อยละ 70-80 แสง กหุ ลาบจะให้ผลผลิตสูง และดอกมีคณุ ภาพดี ถา้ ความเข้มของแสงมาก และช่วงวนั ยาว 6) การดแู ล ให้น้ําระบบนํ้าหยด หรือใช้หัวพ่นนํ้าระหว่างแถวปลูก อัตรา 6-7 ลิตร/ตร.ม./ วัน หรือ 49 ลิตร/ตร.ม./สัปดาห์ อาจให้ทุกวัน วันเว้นวัน หรือ 2-3 วันต่อคร้ัง แล้วแต่สภาพการอุ้มน้ํา ของดิน อย่ารดนํ้าให้ดินแฉะตลอดเวลา ควรให้ดินมีโอกาสระบายน้ํา และมีอากาศเข้าไปแทนท่ีบ้าง
21 ดังนั้นใน 1 สัปดาห์ หากปลูกในโรงเรือนจะต้องใช้นํ้าประมาณ 78,400 ลิตร หรือ 78.4 คิวบิคเมตร ตอ่ ไร่ น้ําทใี่ ชค้ วรมคี ณุ ภาพดี มี pH 5.8-6.5 7) การให้ปยุ๋ ระหวา่ งปลูก การให้ปุ๋ยระหว่างปลูกพืช เนื่องจากธาตุอาหารส่วนใหญ่จะมีอยู่ในดินแล้วเมื่อปลูก พชื จึงยงั คงเหลอื ธาตุ ไนโตรเจน และโปแตสเซยื ม ซึง่ จะถูกชะล้างไดง้ ่าย ดังนั้นจึงตอ้ งให้ปุ๋ย ท้ังสองใน ระหวา่ งทีพ่ ืชเจรญิ เตบิ โต ซึง่ การให้ปุย๋ อาจทําได้โดยการให้พร้อมกับการให้นาํ้ (fertigation) การให้ปุ๋ยพร้อมกับน้ําสําหรับกุหลาบ หากให้ทุกวันจะให้ในอัตราความเข้มข้นของ ไนโตรเจน 160 มก./ลิตร (ppm) และหากให้ปุ๋ยทุกสัปดาหค์ วรให้ในอัตราความเข้มข้นของไนโตรเจน 480 มก./ลิตร สัดส่วนของไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P2O) และโปแตสเซียม (K2O) สําหรับกุหลาบ ในระยะตา่ ง ๆ คือ - ระยะสรา้ งทรงพุ่ม สดั สว่ น 1 : 0.58 : 0.83 - ระยะให้ดอก สดั ส่วน 1 : 0.5 : 0.78 - ระยะตดั แต่งก่ิง สดั สว่ น 1: 0.8 : 0.9 8) การตัดแตง่ กิง่ การดแู ลกุหลาบระยะแรกหลงั ปลกู เมอ่ื ตากหุ ลาบเรมิ่ แตก ควรส่งเสริมให้มีการเจริญ ทางใบ เพ่อื การสะสมอาหาร และสร้างกิ่งกระโดง เพื่อให้ได้ดอกที่มีขนาดใหญ่ และก้านยาว ซ่ึงทําได้ ด้วยการเด็ดยอดเป็นระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน โดยเด็ดส่วนเหนือใบสมบูรณ์ (5 ใบย่อย) ใบท่ี สองจากยอด เมื่อดอกมขี นาดเทา่ เมลด็ ถั่วลันเตา จากนั้นก่ิงกระโดงจะเริ่มแทงออก ซ่ึงก่ิงกระโดงน้ีจะ เป็นโครงสรา้ งหลักใหต้ ้นกหุ ลาบ ทีใ่ ห้ดอกมีคณุ ภาพดี การตัดแต่งกิ่ง การตัดแต่งกิ่งกุหลาบปฏิบัติได้หลายวิธี แต่ละวิธีจะใช้หลักการท่ี คล้ายกัน คือตัดแต่งเพื่อให้ได้ก่ิงที่สมบูรณ์เพื่อการตัดดอก และเพ่ือให้ได้ก่ิงกระโดง (water sprout หรือ bottom break) มากข้ึน และจะรักษาใบไว้กับต้นให้มากท่ีสุด เพ่ือให้ได้ก่ิงท่ีสมบูรณ์ท่ีสุด ควร รกั ษาใหพ้ ่มุ กุหลาบโปรง่ และไม่สูงมากเกนิ ไปนัก เพ่ือสะดวกต่อการดูแลรักษา และแสงท่ีกระทบโคน ต้นกหุ ลาบจะช่วยกระตนุ้ ให้เกิดก่ิงกระโดงอีกด้วย การตัดแต่งก่ิงท่ีนิยมในปัจจุบันได้แก่การตัดแต่งก่ิง แบบ ตดั สูงและตา่ํ การตัดแตง่ แบบ ตดั สูงและตา่ํ (สงู และตาํ่ จากจุดกําเนิดของกิ่งสุดท้าย) เป็นการตัด แตง่ เพ่อื ใหม้ กี ารผลิตดอกสมาํ่ เสมอท้งั ปี 9) โรค กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกชนิดหนง่ึ ที่มีศัตรูมากพืชหน่ึง ดังนั้นการป้องกันและกําจัดศัตรู กหุ ลาบใหม้ ปี ระสิทธิภาพ ผู้ปลูกควรทราบลักษณะสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม และวงจรชีวิตของศัตรู
22 น้ัน ๆ รวมท้ังการป้องกันกําจัด และการใช้สารเคมีให้มีประสิทธิภาพเพ่ือไม่ให้เป็นอันตรายแก่ตัวเอง และผู้อื่น และควรฝึกเจ้าหน้าที่ให้หมั่นตรวจแปลง และสังเกตต้นกุหลาบทุกวันจะช่วยให้พบโรคหรือ แมลงในระยะเร่ิมแรก ทําให้สามารถกําจัดได้ง่าย ในการฉีดพ่นสารเคมีควรใช้สารเคมีชนิดเดียวกัน ติดต่อกันอย่างน้อย 2-3 ครั้งเพ่ือให้สารน้ัน ๆ แสดงประสิทธิภาพอย่างเต็มท่ี จากน้ันน้ันควร สับเปลยี่ นกลุ่มของสารเคมเี พือ่ ลดการด้ือยา - โรครานํ้าค้าง (Downey mildew) เช้ือสาเหตุ เช้ือรา Peronospora spasa ลักษณะการทําลาย อาการจะแสดงบน ใบ กิ่ง คอดอก กลีบเล้ียง และกลีบดอก การเข้า ทาํ ลายจะจํากดั ท่ีส่วนออ่ น หรอื ส่วนยอด - โรคราแป้ง (Powdery mildew) เช้ือสาเหตุ เชื้อรา Sphaerotheca pannosa ลักษณะการทําลาย อาการเริ่มแรกผิวใบด้านบนจะมีลักษณะนูน อวบนํ้าเล็กน้อย และ บริเวณนั้นมักมีสแี ดง และจะสังเกตเห็นเส้นใย และอัปสปอร์ สีขาวเด่นชัดบนผิวของใบอ่อน ใบจะบิด เบีย้ ว และจะถูกปกคลุมดว้ ยเส้นใยสีขาว ใบแก่อาจไม่เสียรูปแต่จะมีราแป้งเป็นวงกลม หรือรูปทรงไม่ แน่นอน - โรคใบจุดสีดํา (black spot: Diplocarpon rosae) เป็นโรคท่ีพบเสมอ ๆ ในกหุ ลาบท่ีปลูกเปน็ แปลงใหญ่ ๆ หรือปลูกประดับอาคารบ้านเรือนเพียง 2-3 ต้น โดยมากจะเกิดกับ ใบล่าง ๆ อาการเร่ิมแรกเป็นจุดกลมสีดําขนาดเล็กด้านบนของใบ และจะขยายใหญ่ขึ้นหากอากาศมี ความชืน้ สูง และผวิ ใบเปียก หากเป็นติดต่อกันนาน จะทําให้ใบร่วงก่อนกําหนด ต้นโทรม ใบและดอก มขี นาดเล็ก - โรคท่ีเกิดจากเชื้อไวรัส ลักษณะอาการแตกต่างกันไปตามชนิดของไวรัส เชน่ ใบดา่ งซดี เหลอื ง หรือด่างเป็นซิกแซก - โรคราสีเทา (botrytis: Botryotinia fuckeliana syn. Botrytis cinerea) มักพบในสภาพอุณหภูมิตํ่า ความชื้นสัมพัทธ์สูง และการระบายอากาศไม่ดีพอ ดอกตูมจะ เป็นจุดสีนํ้าตาล และลามขยายใหญ่และเน่าแห้ง การป้องกันกําจัด เพ่ือไม่ให้ดอกกุหลาบถูกฝนควร ปลูกกุหลาบในโรงเรือนพลาสติก การป้องกันควรฉีดพ่นสารเคมีด้านข้างและด้านบนดอกด้วย คอป เปอร์ ไฮดร๊อกไซด์ แมนโคเซ็บ หรือ คอปเปอร์ อ๊อกซ่คี ลอไรด์ - โรคกงิ่ แห้งตาย (die back) เกดิ จากตัดก่ิงเหนือตามากเกินไปทําให้เชื้อรา เข้าทําลายกิ่งเหนือตาจนเป็นสีดํา และอาจลามลงมาท้ังก่ิงได้ ดังนั้นจึงควรตัดกิ่งเหนือตาประมาณ 1/4 นว้ิ ทํามมุ 45 องศาเฉียงลง 10) แมลงศตั รพู ชื - ไรแดง (Spider mite) - เพลยี้ ไฟ (Thrips)
23 - หนอนเจาะสมอฝา้ ย (Heliothis armigera) - หนอนกระทู้หอมหรือหนอนหนังเหนียว (onion cutworm: Spodoptera exigua) - ดว้ งกุหลาบ (rose beetle: Adoretus compressus) - เพลยี้ หอย (scale insect: Aulucaspis rosae) 11) การเก็บเกี่ยว ระยะท่ีเหมาะสมในการเก็บเก่ียวกุหลาบ คือ ตัดเมื่อดอกกําลังตูมอยู่หรือเห็นกลีบ ดอกเรม่ิ แยม้ (ยกเวน้ บางสายพันธุ์) หากตดั ดอกออ่ นเกนิ ไปดอกจะไม่บาน ในฤดูร้อนควรตัดในระยะท่ี ยงั ตูมมากกว่าการตดั ในฤดหู นาวเพราะดอกจะบานเรว็ กว่า จากการศึกษาผู้วิจัยสรุปได้ว่าทางการค้าในตลาดโลกเป็น 5 ประเภท กุหลาบดอก ใหญ่ กุหลาบดอกกลาง กุหลาบดอกเล็ก กุหลาบดอกช่อ กุหลาบหนู และพันธ์ุท่ีนิยมท่ีสุดคือกุหลาบ ดอกเล็ก วิธีการขยายพันธุ์กุหลาบที่นิยมมากท่ีสุดคือการขยายพันธ์ุด้วยวิธีการต่อกิ่งและการติดตา เพราะสามารถขยายพันธุ์ดีได้เร็วกว่า ควรปลูกในที่ที่ระบายน้ําได้ดี มีความเป็นกรดเล็กน้อย ระยะที่ เหมาะสมในการเกบ็ เก่ียวกหุ ลาบ คือ ตัดเมื่อดอกกําลังตมู อยู่หรอื เห็นกลบี ดอกเร่ิมแย้ม 2.4 งานวจิ ัยทเี่ กี่ยวข้อง อุทัยวรรณ มะโนสา (2555)การศึกษาพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของ ผู้บริโภคกลุ่มวัยทํางานในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกบริโภค ผลิตภณั ฑ์เสรมิ อาหารเน่อื งจาก ต้องการมีสุขภาพที่ดี มีร่างกายแข็งแรง บํารุงสมอง ช่วยเพิ่มความจํา และต้องการเพ่ิมภูมคิ ุ้มกันโรค และผบู้ ริโภคส่วนใหญ่จะซื้อบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารท่ีร้านขายยา และร้านสะดวกซื้อสําหรับส่วนประสมทางการตลาด พบวาคุณภาพของผลิตภัณฑ์เสริม อาหาร เคร่ืองหมายรับรองจาก อย. บนฉลากของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีความสําคัญมากท่ีสุด ในส่วน โครงสรา้ งประชากรพบวาเพศ อายุระดับการศึกษา อาชีพรายได้ มีผลกับการเลือกซ้ือผลิตภัณฑ์เสริม อาหารของประชากร บุญธรรม บุญเลา ประสิทธิ์ กาบจันทร์ และสมยศ มีสุข (2553) การวิจัยเพ่ือทดสอบการ เจริญเตบิ โตและการให้ผลผลติ ของพนั ธุชาจนี ในพ้นื ที่สูง ณ ศนู ย์ พัฒนาโครงการหลวงทุ่งหลวง ตําบล แม่วิน อําเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างเดือนตุลาคม 2546 – กันยายน 2550 โดยใช้พันธุชา จนี รว่ มกันทดสอบ 5 สายพนั ธุ คือ หย่วนจอื อูหลง No.12 No.7132 HK.3 และสุ่ยเซยี น ใชป๋ยุ อินทรีย์ ร่วมทดสอบ 2 ชนิด คือ ปุ๋ยคอก และปุ๋ยหมัก โดยกกําหนด อัตราส่วนการใช้ปุ๋ยอินทรียที่ 4 ระดับ คือ 0, 1, 2 และ 3 กิโลกรัมต่อต้น โดยวางแผนการทดลองแบบ Split - split Plot Design ประกอบด้วย 4 replications ผลการทดลอง พบว่า ชาจีนพันธุ No.12 มี การเจริญเติบโตในด้าน ความสูง และการแตกก่ิง เมื่ออายุ 90 วัน สูงท่ีสุด รองลงมาคือ พันธุสุยเซียน และการใหผลผลิตชา
24 จีนสดสูงท่ีสุดเม่ืออายุ 2, 3 และ 4 ป คือ พันธุ No.12 รองลงมาคือ พันธุ No.7132 สวนชนิดปุ๋ย อินทรีย์ ที่เหมาะสมกับการใชใ้ นการปลกู ชาจนี ปยุ๋ หมกั ในอัตราที่ 3 กโิ ลกรมั ต่อตน้ รุ่งทิวา วงค์ไพศาลฤทธิ์ (2550) ได้ศึกษาปริมาณสารประกอบฟีนอลิคท้ังหมดและคุณสมบัติ การต้านปฏิกิริยาออกซิเดชันในชาเขียวจากการวิเคราะห์ปริมาณสารประกอบโพลิฟีนอลท้ังหมดใน สารสกัดจากชาเขียว 7 ชนิดเมื่อสกัดด้วยน้ํากล่ันและเอธานอล 95% พบว่าสารสกัดชาเขียวยี่ห้อฮา นาท่สี กัดด้วยนํ้ากลน่ั มสี ารประกอบโพลีฟนี อลท้งั หมดสงู ทีส่ ดุ คอื 791.86 มลิ ลิกรัมของกรดแกลลิคต่อ น้ําหนกั ของสารสกัด 1 กรัม นอกจากนี้ปริมาณสารประกอบโพลีฟีนอลทั้งหมดในตัวอย่างสารสกัดชา เขียวเมอ่ื สกดั ด้วยตวั ทาํ ละลายอนิ ทรยี ์ที่มีข้วั มากจะมีแนวโน้มสงู กว่าเมื่อสกัดด้วยตัวทําละลายอินทรีย์ ที่ไม่มีขั้วหรือมีขั้วน้อย เม่ือเปรียบเทียบศักยภาพในการต้านปฏิกิริยาออกซิเดชันโดยการวัด ความสามารถในการทําลายอนุมูลอิสระ DPPH และไฮดรอกซิล พบว่า ชาเขียวท่ีสกัดด้วยนํ้าและ แอลกอฮอลท์ ั้งสองชนดิ กับสมบัตกิ ารตา้ นปฏิกริ ยิ าออกซิเดชันแต่ไม่มีความสัมพันธ์กันอย่างชัดเจน ซึ่ง แนวโน้มว่าชาเขียวท้ัง 7 ชนิด ที่สกัดด้วยตัวทําละลายแอลกอฮอล์ จะมีความสามารถต้านปฏิกิริยา ออกซิเดชันได้ดีกว่าการสกัดด้วยนํ้า จากการเปรียบเทียบความสามารถในการต้านปฏิกิริยา ออกซิเดชัน ท่ีระดับความเข้มข้นของสารสกัดจากเปลือกและเมล็ดส้มเขียวหวานในรูปของ สารประกอบโพลฟี ีนอลเทา่ ๆกัน คือในช่วง 30-40 มิลลกิ รัมของกรดแกลลคิ ต่อกรัมของสารสกัดพบว่า สารสกัดจากชาเขียวท่ีสกัดด้วยตัวทําละลายแอลกอฮอล์ จะมีความสามารถต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน ไดด้ ีกว่าการสกัดด้วยนา้ํ . จากการศึกษางานวิจัยเก่ียวข้อง ผู้วิจัยสรุปได้ว่า เป็นงานวิจัยท่ีมีเน้ือหาคล้ายคลึงกันกับ โครงการของผ้วู จิ ัยเอง ไปในทิศทางเดียวกันและสามารถใช้เป็นตัวอย่างในการศึกษาโครงการเร่ืองชา กหุ ลาบมอญเปน็ อยา่ งดี
บทที่ 3 วิธีการดาเนนิ การวิจัย ในการจัดทาโครงการในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาข้ันตอนและกระบวนการผลิตชา กหุ ลาบมอญ ศกึ ษาความพงึ พอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ และเพ่ือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับ ชาและดอกกหุ ลาบซึ่งผู้จดั ทาไดด้ าเนนิ การศึกษาดงั นี้ 3.1 การคดั เลอื กกล่มุ ตัวอยา่ ง 3.2 เครอ่ื งมอื ท่ีใชใ้ นการดาเนินโครงการ 3.3 ขน้ั ตอนวิธีดาเนนิ โครงการ 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.5 การวิเคราะห์และสรุปผล 3.1 การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง โครงการเรื่อง Damask Rose Tea (ชากุหลาบมอญ) ผู้จัดทาใช้วิธีการ เลือกกลุ่มตัวอย่าง แบบเจาะจง ( Purposive sampling ) เปน็ การเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยพิจารณาจากการตัดสินใจของ ผ้วู จิ ัยเอง ลักษณะของกลมุ่ ทเ่ี ลอื กเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจัย คือ กลุ่มผู้ทดลองผลิตภัณฑ์ชา กุหลาบมอญ จานวน 50 คน 3.2 เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ในการดาเนินโครงการ ผู้จัดทาโครงการใช้แบบบันทึกการทดลอง แบบสอบถามความพึงพอใจ เป็นเคร่ืองมือเพ่ือ รวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง เพื่อสอบถามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง หลังจากนั้นผู้จัดทา โครงการจะจัดทาแบบสอบถามความพึงพอใจในใฃผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ ดังน้ันผู้จัดทาโครงการ ได้แยกแบบสอบถาม ออกเปน็ 3 ส่วน ดงั น้ี ตอนที่ 1 สอบถามข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยสอบถามเก่ียวกับเพศ อายุ ของผ้บู รโิ ภค ซงึ่ ผ้บู ริโภคไดต้ อบตามความเป็นจรงิ (check-list) ตอนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้บริโภคท่ีมีต่อผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ ผู้ศึกษา ได้ใช้มาตราวัดแบบ Rating scale 5 ระดับ ตามมาตราวัดแบบลิเคิร์ท (likert’s Scale) ในการวัด ระดับความพึงพอใจของผู้บริโภคทมี่ ตี ่อผลติ ภัณฑช์ ากุหลาบมอญ ดังน้ี
26 5 หมายถงึ มากที่สดุ 4 หมายถงึ มาก 3 หมายถึง ปานกลาง 2 หมายถึง นอ้ ย 1 หมายถงึ น้อยท่สี ดุ ส่วนท่ี 3 ข้อเสนอแนะซึ่งเป็นคาถามปลายเปิดเพื่อให้ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็น เกณฑก์ ารประเมินแบบสอบถามความคิดเห็น มี 5 ระดับโดยผู้จัดทาโครงการได้เลือกวิธีการของ เร็น สสิ เอลิเคริ ์ท ดังน้ี (Likert’Scale,Rating scale A.2504) 4.50-5.00 หมายถึง เห็นด้วยอยรู่ ะดับมากทสี่ ุด 3.50-4.49 หมายถึง เห็นด้วยอยรู่ ะดับมาก 2.50-3.49 หมายถึง เหน็ ด้วยอย่รู ะดบั ปานกลาง 1.50-2.49 หมายถึง เห็นดว้ ยอยูร่ ะดบั นอ้ ย 1.00-1.49 หมายถงึ เห็นด้วยอยูร่ ะดบั นอ้ ยมาก การสรา้ งเครื่องมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ครง้ั นี้ โดยมีการสร้างเครื่องมือดังนี้ - ศึกษาค้นคว้าเอกสารที่เก่ียวข้อง เพื่อกาหนดแนวทางในการสร้างเคร่ืองมือในการศึกษาให้ ครอบคลุมเน้ือหาทก่ี าหนด - จดั ทาแบบสอบถามเพ่อื ใช้ในการเกบ็ ข้อมลู เกีย่ วกบั กระเป๋าใสข่ วดนา้ ผา้ ลายเทียน - ตรวจสอบแบบสอบถาม โดยปรึกษาอาจารย์ผู้สอนเก่ียวกับความถูกต้องของแบบสอบถาม และข้อควรแก้ไขของแบบสอบถามเพ่ือนาไปใชใ้ นการเก็บข้อมลู ทถ่ี ูกต้อง - ปรับปรุงแก้ไขแบบสอบถามตามท่ีควรแก้แล้วเสนอต่ออาจารย์อีกคร้ังเพื่อตรวจเช็คความ ถูกตอ้ งอีกคร้ังกอ่ นจะนาไปใชใ้ นการเกบ็ ข้อมูล 3.3 ข้ันตอนวิธดี าเนนิ โครงการ 1) การวางแผน (P) - กาหนดชอ่ื เรอื่ งและศึกษารวบรวมขอ้ มลู ปญั หา ความสาคัญของโครงการ - เขยี นแบบนาเสนอโครงการ - ขออนุมัตโิ ครงการ 2) ข้ันตอนการดาเนนิ การ (D) - ศึกษา ผลติ ภัณฑ์ชากุหลาบมอญ ประเมนิ ผลและปรับปรุง ครั้งท่ี 1 - ศึกษา ผลติ ภัณฑ์ชากหุ ลาบมอญ ประเมนิ ผลและปรบั ปรุง ครั้งที่ 2 - ศกึ ษา ผลิตภัณฑช์ ากหุ ลาบมอญ ประเมนิ ผล ครง้ั ที่ 3
27 3) ข้นั ตอนการตรวจสอบ (C) - กลมุ่ ประชากรทีท่ ดลองผลิตภัณฑ์ชากหุ ลาบมอญ - ประเมนิ ผลความพึงพอใจของผ้ทู ดลองผลิตภณั ฑ์ชากุหลาบมอญ 4) ขั้นประเมินติดตามผล (A) - สรุปผลการประเมินความพึงพอใจผลิตภณั ฑ์กระเปา๋ ใสข่ วดนา้ ผา้ ลายเทยี น - จดั ทาเลม่ โครงการ - นาเสนอโครงการ 3.4 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 1. การเกบ็ รวบรวมแบบสอบถามผู้ศกึ ษาได้เกบ็ รวบรวมแบบสอบถามผ่าน Google form 2. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถามเพ่อื นาไปวิเคราะห์คา่ ทางสถิติ 3.5 การวิเคราะหข์ อ้ มูลและสรุปผล 1. ผู้ศึกษาได้ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลการศึกษาครั้งน้ีอย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งผู้ศึกษาให้ ผูบ้ รโิ ภคสแกน QR Code เพอ่ื ประเมินความพึงพอใจ จานวน 50 คร้ัง 2. การเกบ็ รวบรวมแบบสอบถาม ผูศ้ กึ ษาไดเ้ ก็บรวบรวมแบบสอบถามผา่ น Google Form 3. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถาม เพอ่ื นาขอ้ มลู ไปวเิ คราะห์ค่าทางสถติ ิ ตอนที่ 1 ข้อมูลส่วนบคุ คลใช้การวเิ คราะห์ได้แก่ การหาคา่ ความถ่แี ละรอ้ ยละ สูตรการหาค่าร้อยละ F 100 P= n เมื่อ P แทน ร้อยละ F แทน ความถ่ที ต่ี ้องการแปลค่าใหเ้ ป็นร้อยละ n แทน จานวนความถ่ีทัง้ หมด ตอนท่ี 2 ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ผ้ารองแก้ว ใช้การแทน คา่ เฉลยี่ และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน สูตรการหาคา่ เฉลย่ี x X =n เมือ่ X แทน ค่าเฉล่ยี ∑x แทน ผลรวมท้ังหมดของความถี่ คูณ คะแนน n แทน ผลรวมทั้งหมดของความถซ่ี ง่ึ มคี า่ เท่ากบั จานวนข้อมลู
28 สูตรการหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน n x2 x 2 S = n(n 1) เมื่อ SD แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน n แทน จานวนคทู่ ้งั หมด X แทน คะแนนแต่ละตัวในกลุม่ ข้อมลู ∑x แทน ผลรวมของความแตกตา่ งของคะแนนแตล่ ะคู่
บทที่ 4 ผลการศกึ ษา ในการศึกษาโครงการเร่ือง “Damask Rosse Tea (ชากุหลาบมอญ)” มีกลุ่มประชากรคือ นักศึกษา ครแู ละบุคลากร จานวน 50 คน มีผลวเิ คราะห์ข้อมลู ดงั น้ี สว่ นที่ 1 สรปุ ข้ันตอนการผลติ ภณั ฑช์ ากุหลาบมอญ สว่ นท่ี 2 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ส่วนบคุ คล สว่ นท่ี 3 ผลการวเิ คราะหค์ วามพึงพอใจของผู้ทดลองผลติ ภณั ฑช์ ากุหลาบมอญ ส่วนที่ 4 การจัดลาดบั ผลการวิเคราะหค์ วามพงึ พอใจของผ้ทู ดลองผลติ ภัณฑช์ ากุหลาบมอญ ส่วนท่ี 5 ผลสรุปขอ้ เสนอแนะ ส่วนที่ 1 สรุปขนั้ ตอนการผลติ ภณั ฑ์ชากหุ ลาบมอญ วัตถุดบิ - ชาเขียว - ดอกกุหลาบมอญ วัสดุอุปกรณ์ 1) ดอกกุหลาบมอญ ภาพที่ 4.1 ดอกกหุ ลาบมอญ
30 2) ชาเขยี ว ภาพท่ี 4.2 ชาเขยี ว 3) กระดง้ ภาพที่ 4.3 กระด้ง 4) ผ้าขาวบาง ภาพที่ 4.4 ผา้ ขาวบาง
31 5) ถุงใส่ชา ภาพที่ 4.5 ถงุ ใส่ชา 6) บรรจภุ ณั ฑ์ ภาพที่ 4.6 บรรจภุ ณั ฑ์ ข้นั ตอนการการผลิตชากหุ ลาบมอญ 1) นาชาและดอกกุหลาบมอญสดลา้ งนา้ ให้สะอาด ภาพที่ 4.7 ล้างดอกกุหลาบมอญ
32 ภาพท่ี 4.8 ลา้ งชา 2) เม่ือล้างสะอาดแลว้ เดด็ ดอกกุหาบมอญให้เปน็ กลีบแล้วนาไปใส่กระด้งหรือ ตะแกรงโปร่ง ระบายอากาศไดด้ ี แสงแดดสง่ ทวั่ ถึงโดยไมร่ ้อนเกินไป ภาพท่ี 4.9 ตากชา 3) นาผ้าขาวบางคลมุ เพื่อไม่ใหน้ ้ามันหอมระเหยในดอกไมส้ ญู เสยี ไป 4) ทง้ิ ไว้อยา่ งนอ้ ย 8-10 ช่วั โมง 5) เมือ่ แห้งสนิทแลว้ ใหเ้ กบ็ ใสใ่ นขวดโหล หรอื ภาชนะมดิ ชดิ 6) นาชาและดอกกหุ ลาบท่แี หง้ แล้วบรรจใุ สถ่ งุ ชาในอตั รา 1:1 7) นาถุงชาใสใ่ นบรรจภุ ัณฑ์ กลอ่ งละ 10 ถุง
33 สว่ นที่ 2 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลส่วนบคุ คล จากการศึกษาชากุหลาบมอญ ผศู้ ึกษาได้วเิ คราะห์ขอ้ มลู ส่วนบุคคลซึ่งประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับ เพศ ชว่ งอายุ สถานภาพและระดับชั้น ซง่ึ ผลการวเิ คราะหป์ รากฏดงั น้ี ตารางท่ี 1 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลสว่ นบคุ คลดา้ นเพศ เพศ จานวน รอ้ ยละ ชาย 10 20 หญิง 40 80 รวม 50 100 จากตารางท่ี1 จะพบว่า ผู้ทดลองผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ ส่วนใหญ่ประกอบด้วย เพศหญิง จานวน 40 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 80% และเพศชาย จานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 20% ตามลาดบั ตารางที่ 2 ตารางแสดงผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ส่วนบคุ คลด้านอายุ อายุ จานวน ร้อยละ 16-18 ปี 19 38 19-20 ปี 23 46 20 ปขี น้ึ ไป 8 16 50 100 รวม จากตารางที่ 2 จะพบวา่ ผ้ทู ดลองผลิตภณั ฑ์ชากหุ ลาบมอญ ส่วนใหญป่ ระกอบด้วย อายุ19-20 ปี จานวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 46% อายุ 16-18 ปี จานวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 38% และ อายุ 20 ปี ขนึ้ ไป จานวน 8 คน คิดเป็น 16% ตามลาดับ
34 ตารางท่ี 3 ตารางแสดงผลการวิเคราะหข์ ้อมูลส่วนบุคคลด้านระดบั ชน้ั ระดบั ชนั้ จานวน รอ้ ยละ 66 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 33 34 100 ประกาศนียบตั รวิชาชีพช้นั สงู 17 รวม 50 จากตารางท่ี 3 พบว่าผู้ทดลองผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ ส่วนใหญ่กาลังศึกษาอยู่ในระดับช้ัน ประกาศนียบัตรวิชาชีพ จานวน 33 คน คิดเป็นร้อยละ 66% และระดับช้ันประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง จานวน 17 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 34% ตามลาดับ ตารางที่ 4 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลส่วนบุคคลด้านสถานภาพ อาชีพ จานวน รอ้ ยละ 92 นักเรียน นักศึกษา 46 8 100 ครูและบุคคลากร 4 รวม 50 จากตารางท่ี 4 พบว่าผู้ทดลองผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ มีสถานภาพเป็นนักเรียน นักศึกษา จานวน 46 คน คิดเป็นร้อยละ 92% และ มีสถานภาพเป็นครูและบุคลากร จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 8% ตามลาดบั
35 สว่ นที่ 3 ผลการวิเคราะห์ความพงึ พอใจของผู้ทดลองผลิตภณั ฑช์ ากุหลาบมอญ การศึกษาครง้ั น้ีผศู้ กึ ษาได้ศึกษาเร่ือง ชากุหลาบมอญ โดยการหาค่าเฉล่ีย ( ̅) และส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D) จากแบบสอบถามความพงึ พอใจผลติ ภัณฑ์ชากุหลาบมอญ ขอ้ มลู ปรากฏดงั นี้ ตารางท่ี 5 ค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ความพงึ พอใจของผู้ทดลองผลติ ภณั ฑ์ชากุหลาบมอญ การวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้ทดลองผลติ ภณั ฑ์ ผลการประเมนิ ชากุหลาบมอญ ̅ S.D เกณฑก์ ารประเมนิ ชากุหลาบมอญมีกลิ่นหอม 4.64 0.53 ดมี าก สสี ันของชากุหลาบมอญ 4.7 0.54 ดมี าก ชากุหลาบมอญมีรสชาติอร่อย 4.54 0.68 ดมี าก ขนาดผลิตภัณฑข์ องชากหุ ลาบมอญมคี วามเหมาะสม 4.54 0.58 ดมี าก รปู แบบผลติ ภณั ฑ์ของชากหุ ลาบมอญมคี วามสวยงาม 4.6 0.57 ดมี าก การเกบ็ รักษาชากุหลาบมอญ 4.54 0.68 ดมี าก ความคดิ สรา้ งสรรค์ผลิตภณั ฑ์ชากหุ ลาบมอญ 4.72 0.57 ดมี าก การใชท้ รพั ยากรท่ีมอี ยูใ่ นทอ้ งถ่ินให้คมุ้ ค่า 4.7 0.54 ดมี าก ความสะดวกในการชงดมื่ ชากุหลาบมอญ 4.74 0.44 ดมี าก ชากุหลาบมอญสรา้ งทางเลือกใหมใ่ หก้ บั ลูกคา้ 4.74 0.56 ดมี าก รวม 4.64 5.70 ดีมาก จากตารางท่ี 5 จะพบ ผู้ทดลองผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ มีความพึงพอใจในด้านการวิเคราะห์ ความพึงพอใจของผู้ทดลองผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ ภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก ค่าเฉลี่ย ( ̅=4.64) เมื่อสรุปผลออกมาเป็นรายข้อพบว่า ดังนี้ ชากุหลาบมอญมีกลิ่นหอม มีค่าเฉลี่ย ( ̅=4.64) สีสันชากุหลาบมอญ มีค่าเฉล่ีย ( ̅=4.7) ชากุหลาบมอญมีรสชาติอร่อย มีค่าเฉล่ีย ( ̅=4.54) ขนาด ผลิตภัณฑ์ของชากุหลาบมอญมีความเหมาะสม มีค่าเฉล่ีย ( ̅=4.54) รูปแบบผลิตภัณฑ์ของชากุหลาบ มอญมีความสวยงาม มีค่าเฉล่ีย ( ̅=4.6) การเก็บรักษาชากุหลาบมอญ มีค่าเฉล่ีย ( ̅=4.54) ความคิด สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ มีค่าเฉล่ีย ( ̅=4.72) การใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ในท้องถิ่นให้คุ้มค่า มี ค่าเฉลี่ย ( ̅=4.7) ความสะดวกในการชงด่ืมชากุหลาบมอญ มีค่าเฉล่ีย ( ̅=4.74) ชากุหลาบมอญสร้าง ทางเลอื กใหม่ให้กบั ลูกคา้ มีค่าเฉลีย่ ( ̅=4.74)
36 สว่ นที่ 4 การจัดลาดบั ผลการวิเคราะห์ความพงึ พอใจของผู้ทดลองผลติ ภัณฑช์ ากหุ ลาบมอญ การศกึ ษาคร้งั นี้ผ้ศู กึ ษาไดศ้ ึกษาเรื่อง ชากุหลาบมอญ โดยการหาค่าเฉล่ีย ( ̅) และส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D) และจดั ลาดับความพงึ พอใจผลติ ภัณฑ์กระเปา๋ ใส่ขวดนา้ ผา้ ลายเทียน ขอ้ มูลปรากฏดังน้ี ตารางท่ี 6 การจัดลาดบั ผลการวเิ คราะหค์ วามพงึ พอใจของผ้ทู ดลองผลติ ภัณฑ์ ชากุหลาบมอญ การวเิ คราะหค์ วามพึงพอใจของผู้ทดลอง ̅ ผลการประเมนิ ลาดบั ท่ี ผลติ ภณั ฑ์ชากุหลาบมอญ S.D เกณฑก์ ารประเมิน ความสะดวกในการชงดม่ื ชากุหลาบมอญ 4.74 0.44 ดีมาก 1 ชากหุ ลาบมอญสร้างทางเลือกใหม่ใหก้ บั ลูกค้า 4.74 0.44 ดมี าก 2 ความคิดสรา้ งสรรค์ผลติ ภัณฑ์ชากุหลาบมอญ 4.72 0.57 ดีมาก 3 สีสนั ของชากุหลาบมอญ 4.7 0.54 ดมี าก 4 การใช้ทรพั ยากรที่มีอยู่ในทอ้ งถ่ินใหค้ มุ้ คา่ 4.7 0.54 ดมี าก 5 ชากหุ ลาบมอญมีกลิ่นหอม 4.64 0.53 ดมี าก 6 รปู แบบผลิตภณั ฑ์ของชากุหลาบมอญมคี วาม 4.6 0.57 ดมี าก 7 สวยงาม กุหลาบมอญมีรสชาตอิ ร่อย 4.54 0.68 ดมี าก 8 ขนาดผลิตภัณฑข์ องชากหุ ลาบมอญมคี วาม 4.54 0.68 ดมี าก 9 เหมาะสม การเก็บรกั ษาชากหุ ลาบมอญ 4.54 0.68 ดีมาก 10 รวม 4.64 5.70 ดมี าก จากตารางที่ 5 จะพบ ผู้ทดลองผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ มีความพึงพอใจในด้านการวิเคราะห์ ความพึงพอใจของผู้ทดลองผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ ภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก ค่าเฉล่ีย ( ̅=4.64) โดยเรียงลาดบั ความพึงพอใจตามค่าเฉลีย่ ( ̅) ดังน้ี ความสะดวกในการชงดื่มชากุหลาบมอญ, ชากุหลาบมอญสร้างทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า มีค่าเฉลี่ย ( ̅=4.74) ความคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชา กุหลาบมอญ มีค่าเฉล่ีย ( ̅=4.72) สีสันของชากุหลาบมอญ, การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้คุ้มค่า มีค่าเฉลี่ย ( ̅=4.7) ชากุหลาบมอญมีกล่ินหอม มีค่าเฉล่ีย ( ̅=4.64) รูปแบบผลิตภัณฑ์ของชากุหลาบ
37 มอญมคี วามสวยงาม มคี ่าเฉลยี่ ( ̅=4.6) กุหลาบมอญมีรสชาติอร่อย, ขนาดผลิตภัณฑ์ของชากุหลาบมอญ มคี วามเหมาะสม และการเกบ็ รกั ษาชากหุ ลาบมอญ มีค่าเฉลีย่ ( ̅=4.54) ตามลาดบั ส่วนท่ี 5 ผลสรปุ ขอ้ เสนอแนะ 1) ควรเพม่ิ รสชาตขิ องผลติ ภัณฑ์ชากหุ ลาบให้หลากหลาย 2) ทาใหส้ สี ันของผลิตภณั ฑ์ชากุหลาบสวยกว่าเดมิ 3) เพม่ิ กลิน่ ของผลิตภัณฑใ์ หห้ อมกวา่ เดิม
บทที่ 5 สรปุ ผล อภปิ ปรายและขอ้ เสนอแนะ ในการศึกษาผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาขั้นตอนและกระบวนการ ผลิตชากุหลาบมอญ เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ และเพ่ือเป็นการเพิ่ม มูลคา่ ให้กับชาและดอกกุหลาบเทียน โดยมีกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) เป็น การเลอื กกลุ่มตัวอยา่ งโดยพจิ ารณาจากการตดั สนิ ใจของผู้วิจัยเอง ลักษณะของกลุ่มที่เลือกเป็นไปตาม วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจยั คือ กลุ่มผทู้ ดลองผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ จานวน 50 คน ระหว่างวันที่ 7 ธันวาคม ถึงวันท่ี 12 มีนาคม 2564 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งน้ี คือ แบบบันทึกผลการทดลอง แบบสอบถามความพึงพอใจ โดยสร้างจากกูลเกิลฟอร์ม (Google form) ซึ่งผู้ศึกษาสร้างข้ึนเพ่ือ สอบถามความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ ชากหุ ลาบมอญ ผลการศกึ ษามีดงั นี้ สรปุ ผลการศึกษา จากการศึกษาผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ สรุปผลการศึกษาดังน้ี ผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วน บุคคลด้านเพศ ผู้ทดลองผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ ส่วนใหญ่ประกอบด้วย เพศหญิง จานวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 80% และเพศชาย จานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 20% ตามลาดับ ข้อมูลส่วนบุคคล ด้านอายุ พบว่าผู้ทดลองผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ ส่วนใหญ่ประกอบด้วย อายุ19-20 ปีจานวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 46% อายุ 16-18 ปี จานวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 38% และ อายุ 20 ปีข้ึนไป จานวน 8 คน คิดเป็น 16% ตามลาดับ และผลการวเิ คราะห์ความพึงพอใจของ ผู้ทดลองผลิตภัณฑ์ชา กุหลาบมอญ ผู้ทดลองผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ มีความพึงพอใจในด้านการวิเคราะห์ความพึงพอใจ ของผทู้ ดลองผลิตภัณฑช์ ากหุ ลาบมอญ ภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก ค่าเฉลี่ย (̅=4.64) โดยเรียงลาดับ ความพึงพอใจตามค่าเฉลี่ย (̅ ) ดังน้ี ความสะดวกในการชงดื่มชากุหลาบมอญ,ชากุหลาบมอญสร้าง ทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า มีค่าเฉล่ีย (̅=4.74) ความคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ มี ค่าเฉลย่ี (̅=4.72) สสี ันของชากหุ ลาบมอญ, การใชท้ รัพยากรทม่ี อี ย่ใู นทอ้ งถ่ินให้คุ้มค่า มคี า่ เฉล่ยี (̅=4.7) ชากุหลาบมอญมีกลิ่นหอม มีค่าเฉล่ีย (̅=4.64) รูปแบบผลิตภัณฑ์ของชากุหลาบมอญมี ความสวยงาม มีค่าเฉล่ีย (̅=4.6) กุหลาบมอญมีรสชาติอร่อย, ขนาดผลิตภัณฑ์ของชากุหลาบมอญมี ความเหมาะสม และการเกบ็ รกั ษาชากุหลาบมอญ มีคา่ เฉล่ีย (̅=4.54) ตามลาดับผ้าลายเทียน อยู่ใน ระดับมาก (̅=3.74) กระเป๋าใส่ขวดน้าผ้าลายเทียนมีลวดลายท่ีสวยงาม อยู่ในระดับมาก (̅=3.72) ตามลาดบั
40 อภปิ รายผล จากการศกึ ษาผลติ ภณั ฑ์ชากุหลาบมอญ สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามเป็น เพศหญงิ มากกว่าเพศชายดงั นั้น ผู้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ด้านช่วง อายุเน่ืองจากผลิตภณั ฑช์ ากุหลาบมอญส่วนใหญ่มกั จะเป็นวัยรุ่นตอนปลายดังน้ันผู้ทดลองใช้ส่วนใหญ่ จึงมีอายุ19-20 ปี ผลการวิเคราะห์แบบประเมินของผู้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ พบว่า ผลิตภณั ฑ์ชากหุ ลาบมอญรสชาตอิ ร่อย สสี นั สวยงาม และมกี ล่ินหอม ชากุหลาบมอญมีกล่ินหอม อยู่ในระดับดีมาก (̅=4.64) เนื่องจากมีท้ังกล่ินหอมของชา และ ดอกกุหลาบมอญมารวมกนั ทาให้เกิดกลิ่นใหม่ สีสันของชากุหลาบมอญ อยู่ในระดับดีมาก (̅=4.7) เน่ืองจากสีของดอกกุหลาบเป็นสีชมพู และสีของชาเขียวเป็นสีเขยี วอ่อนๆ ทาใหเ้ กดิ สชี มพูอ่อนท่สี วยงาม ชากุหลาบมอญมีรสชาติอร่อย อยู่ในระดับดีมาก (̅=4.54) เนื่องจากชาและดอกกุหลาบ มอญเป็นออแกนิค ไม่ใสย่ า และกระบวนการผลติ ก็เปน็ ธรรมชาตทิ าให้มรี สชาตออร่อย ขนาดผลติ ภัณฑ์ของชากุหลาบมอญมีความเหมาะสม อยู่ในระดับดีมาก (̅=4.54) เน่ืองจาก ขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป และไม่เลก็ จนเกนิ ไป การเก็บรักษาชากุหลาบมอญ อยู่ในระดับดีมาก (̅=4.54) เนื่องจากผลิตภัณฑ์ชากุหลาบ มอญสามารถเกบ็ ได้เปน็ เวลานาน รปู แบบผลติ ภัณฑข์ องชากหุ ลาบมอญมีความสวยงาม อยู่ในระดับดีมาก (̅=4.6) เนื่องจากมี ลวดลายท่สี วยงามและมีสสี ัน ความคิดสร้างสรรคผ์ ลติ ภณั ฑ์ชากหุ ลาบมอญ อยู่ในระดับดีมาก (̅=4.72) เนอ่ื งจากนาชาท่ีมี อยู่แลว้ มาแปรรปู และผสมกับดอกกุหลาบมอญท่ีมกี ลนิ่ หอม การใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ในท้องถ่ินให้คุ้มค่า อยู่ในระดับดีมาก (̅=4.7) เนื่องจากชาเป็น ทรัพยากรทีม่ มี ากในทอ้ งถน่ิ เมื่อนามาแปรรปู แลว้ ไดร้ าคาดกี ว่าเดิม ความสะดวกในการชงดื่มชากุหลาบมอญ อยู่ในระดับดีมาก (̅=4.74) เน่ืองจากบรรจุชาใส่ ในถุงกรองชาจึงสะดวกในการชงดืม่ ชากหุ ลาบมอญ ชากุหลาบมอญสร้างทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า อยู่ในระดับดีมาก (̅=4.74) เนื่องจากแผนก โรงแรมไมม่ ผี ลติ ภณั ฑ์ชากุหลลาบมอญ
41 ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะในการศึกษา ในการศึกษาผลติ ภณั ฑ์ชากุหลาบมอญ ผทู้ ดลองมคี วามพึงพอใจในเรื่องของ รูปแบบ ของผลิตภณั ฑ์ แต่อยากใหเ้ พิม่ ในเร่อื งของ สีของชากหุ ลาบมอญและรสชาติให้หลากหลาย 2. ขอ้ เสนอแนะในการศกึ ษาครัง้ ตอ่ ไป ในการศึกษาคร้ังต่อไปควรพัฒนาการทาผลิตภัณฑ์ชากุหลาบมอญ ให้มีความ หลากหลายในเรื่องของรสชาติ สสี ัน
ภาคผนวก
Search