Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือหลักสูตรอบรมป้องกันทุจริตตามแนวทางพุทธศาสนา-ระดับประถมศึกษา

คู่มือหลักสูตรอบรมป้องกันทุจริตตามแนวทางพุทธศาสนา-ระดับประถมศึกษา

Published by Kasem S. Kdmbooks, 2021-08-19 04:32:28

Description: คู่มือหลักสูตรอบรมป้องกันทุจริตตามแนวทางพุทธศาสนา-ระดับประถมศึกษา

Search

Read the Text Version

๓๗ ใบสรุปความรู เร่ือง โลกปาลธรรมกับการปองกันการทุจริตคอรร ัปชัน ความหมายและความสําคัญ โลกปาลธรรม ธรรมคอื คุม ครองโลก มี ๒ อยาง ไดแก (๑) หิริ (๒) โอตตัปปะ หิริ ความละอายแกใจ หมายถึง ละอายใจตอการทําความชั่ว มองเห็นความช่ัววาเปนสิ่งนาละอาย นารังเกียจ ไมควรทํา ความชั่วคือส่ิงที่กอใหเกิดความเดือดรอนแกผูทําและผูถูกทํา เชน การดากัน ดูถูกกัน ทาํ รายกัน ฆา กัน การลกั ขโมย เปน ตน ธรรมคือหริ ิ ความละอายแกใ จจะปอ งกนั ไมใหทําความช่วั เชน นนั้ โอตตัปปะ ความเกรงกลัว หมายถึง เกรงกลัวตอ การทาํ ความชั่ว มองเหน็ ผลของการทําความชว่ั วา จะทําใหตนตองไดรับความเดือดรอน เชน เมื่อดาคนอื่นตนก็ตองถูกดาตอบ ทํารายผูอื่นตนก็ตองถูกทําราย ตอบ ผูท่ีทําความช่ัวนอกจากจะไดรับผลในปจจุบันแลว เม่ือตายไปก็ตองรับผลตออีก เชนตองไปรับใชกรรม ในนรกเปนตน ธรรมคือโอตตัปปะ ความเกรงกลัวบาปจะปองกนั ไมใหทาํ ช่ัวและไมตอ งไดรับความเดอื ดรอน ท่มี ีสาเหตุมาจากการทําความชัว่ นน้ั ประโยชนของการมีหิริและโอตตัปปะ ทําใหไ มมีคนทําความชวั่ ถงึ มีก็ลดนอยลง เพราะคนเกดิ ความละอายใจ และไมก ลาทําความช่ัว โลก กจ็ ะสงบสขุ จงึ กลา วไดวา โลกไดรบั ความคมุ ครองปอ งกนั จากคนมีหิริ โอตตัปปะ โทษของการขาดหิริและโอตตปั ปะ ถามนุษยขาดธรรมคือหิริและโอตตปั ปะ โลกจะมีแตการรบราฆาฟนกัน ใครเกง แข็งแรงกวากม็ ีชวี ิต อยูรอด ใครออนแอจะถูกทําราย ถูกฆา เกิดสงครามแผขยายไปท่ัว ไมเปนอันทํามาหากิน ผูคนตางอยูดวย ความหวาดระแวงภยั วิธีฝก ใหม ีหริ แิ ละโอตตัปปะ กอนทําส่ิงใดใหพิจารณากอนวา เปนความชั่วหรือไม วิธีพิจารณาความชั่ว ก็คือ ดูผลที่จะเกิดจาก การทําน้ัน ถาผลท่ีจะเกิด สรางความเดือดรอนใหตนเองและผูอ่ืน ใหคิดไวกอนวาเปนความชั่ว เมื่อรูวาเปน ความชั่ว ก็คดิ พิจารณาตอไปนี้ ๑) คิดพิจารณาถึงตระกูลของตนวา เรามีตระกูลดี พอแมสอนมาดี การทําความชั่วอยางคนไมดีทํา เปนส่งิ ทน่ี าละอาย การไดรับผลของความชว่ั เปน สงิ่ ที่นากลวั ๒) คิดพิจารณาถึงอายุของตนวา เราเปนผูใหญแลว การทําความชั่วอยางที่คนไรเดียงสาทํา เปนส่ิง ท่นี าละอาย การไดรบั ผลของความชว่ั เปน สิ่งท่นี ากลวั ๓) คิดพจิ ารณาถึงกําลังกายของตนวา เราเปนคนมีกําลังแข็งแรง การทําความช่ัวอยางท่ีคนออนแอ หากนิ ลาํ บากทาํ เปนสิง่ ท่ีนา ละอาย การไดรับผลของความชั่ว เปนส่ิงทีน่ ากลัว ๔) คิดพิจารณาถึงกําลังความรูของตนวา เรามีความรูดี การทําความชั่วอยางที่คนไมมีความรูทํา เปนสงิ่ ท่นี าละอาย การไดร บั ผลของความชั่ว เปนสงิ่ ทีน่ า กลัว หริ ิและโอตตัปปะกับการปองกนั ทจุ รติ คอรร ัปชั่น หิริโอตตัปปะ หมายถึง ความละอายและความเกรงกลัวตอบาป เปนธรรมะสําคญั ที่ใชควบคุมจิตใจ มนุษยใหอยูในความดี ใชในการดําเนินชีวิต และอยูรวมกันของคนในสังคม การดําเนินงานและการปฏิบัติ หนาที่ เปนธรรมะที่ชวยปองกันการทุจริตคอรรัปชันจากภายในตัวบุคคล สรางสังคมสุจริตและดีงามอยาง ยั่งยืน

๓๖ บทเรยี นที่ ๕ ชือ่ วิชา ความสะอาดกาย วาจา ใจเพ่อื ความปลอดภยั ในชีวติ ของเยาวชน ๖๐ นาที ขอบขายรายวิชา เรียนรูเร่ืองความสะอาดทางกาย วาจา และใจตามหลักพระพุทธศาสนา เชน ความ สะอาดทางกายและสิ่งแวดลอมดวยการมหี ลักการดําเนนิ ชีวิตทไี่ มเบียดเบยี นตนเองและผูอ ่ืน สรา งสรรค ความสะอาด สงบ รมร่ืน สวยงาม เปนระเบียบได มีการพูดจาดวยคําท่ีเปนประโยชน สรางสรรค สื่อสารในเชิงบวก สะอาดใจดายการคิดดี มองโลกดวยความเปนกัลยาณมิตร เพื่อเสริมสรางความ ปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ยส นิ ของเยาวชนและสังคมไทย จุดหมาย เพ่ือใหผูเขารับการฝกอบรมมีความรู ความเขาใจ เก่ียวกับเรียนรูเรื่องความสะอาดทางกาย วาจา และใจตามหลักพระพุทธศาสนา เพื่อเสริมสรางความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสินของเยาวชน และสังคมไทย วตั ถปุ ระสงค เมื่อจบบทเรยี นนแ้ี ลว ผูเขารบั การฝก อบรมสามารถ ๑. รู และเขา ใจเก่ยี วกับความสะอาดทางกาย วาจา และใจตามหลักพระพุทธศาสนา ๒. ปฏิบตั ิตนตามหลกั แหง ความสะอาดทางกาย วาจา และใจตามหลักพระพุทธศาสนาได ๓. สามารถเช่ือมโยงเร่ืองความสะอาดทางกาย วาจา และใจตามหลักพระพุทธศาสนาไปสู การจัดการดูแลตนเอง เพื่อน ครอบครัว และชุมชนที่มีความสะอาดดวยกาย วาจา และใจ อันเปน พื้นฐานของการดํารงอยูรวมกัน วิธีสอน/กจิ กรรม ๑. นําเขาสูบทเรียนดวยการสํารวจและจัดระเบียบความสะอาดทางกาย เสื้อผา กระเปาของ ตนเอง หองเรียน สภาพแวดลอ ม และชวยกันจัดระเบียบหองเรียน (๑๕ นาท)ี ๒. สอบถามบรรยากาศหอ งเรียนและความคิดเห็นเกีย่ วกับรปู ภาพหรือ CD ทีแ่ สดงภาพความ สะอาดกบั ภาพความสกปรกของสถานท่ตี างๆ เพอื่ เปรยี บเทยี บความสะอาดภายนอก (๒๕ นาท)ี ๓. บรรยายชาดกเร่ือง “เสรีววาณิช” และหลักธรรมท่ีเก่ียวกับเพื่อเสริมสรางความสะอาด ทางกาย วาจา และใจตามหลักพระพทุ ธศาสนา (๒๕ นาที) ๔. แบงกลุมอภิปรายและจัดทํารูปภาพปายนิเทศเพ่ือแสดงถึงความสะอาดทางกาย วาจา และใจตามหลกั พระพทุ ธศาสนา (๕๕ นาท)ี ๕. นําเสนอผลงานกลุม (๑๐ นาท)ี ๖. ซกั - ถาม (๑๐ นาที) ๗. สรุป (๑๐ นาท)ี

๓๗ ส่ือการสอน ๑. แผนภาพ รูปภาพหรือ CD ที่แสดงความสะอาด-สกปรกของส่ิงแวดลอม และภาพท่ีแสดง การเบียดเบยี นตอบุคคลและสงั คม ๒. เอกสาร/แผนภาพแสดงชาดกเรอ่ื ง “เสรวี วาณิช” ๓. ใบงานเรอ่ื งความสะอาดกาย วาจาและใจตามหลกั พระพทุ ธศาสนา ๔. ใบความรู เร่ือง “ความสะอาดกาย วาจา ใจเพอ่ื ความปลอดภยั ในชวี ิตของเยาวชน” การประเมินผล ๑. วิธกี ารวดั ผล : ประเมินจากการเรยี นรูแ ละพฤตกิ รรมการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุม ๒. เครอื่ งมอื วดั ผล : แบบวดั ความรแู ละแบบประเมนิ พฤตกิ รรมการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลุม ๓. เกณฑการประเมินผล : มผี ลการประเมนิ ผา นเกณฑท ่กี าํ หนดไมนอ ยกวา รอยละ ๖๐ เอกสารอา งอิง/แหลง ขอมูล ๑. เสรีววาณชิ ชาดก ในพระไตรปฎก เลม ท่ี ๒๗ บรรทัดท่ี ๑๙ - ๒๔. หนา ท่ี ๒. ๒. ชยสาโรภกิ ข.ุ (๒๕๔๒) กระโถน กระถาง. กรงุ เทพฯ : บริษทั เฟองฟา พรน้ิ ติ้ง จํากดั . ๓. พระธรรมปฎก (ประยุทธ ปยุตฺโต). (๒๕๔๖). สูการศึกษาแนวพุทธ. (พิมพครั้งท่ี 2) กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพอ งคก ารรบั สง สนิ คา และพัสดภุ ณั ฑ (ร.ส.พ). ๔. พระพรหมคณุ าภรณ (ป.อ. ปยุตฺโต). (๒๕๔๙). สุขภาวะองคร วมแนวพุทธ ภาวะท่ีปลอด ทุกขและเปนสขุ ในระบบชวี ิตแหง ธรรมชาตแิ ละสังคมยุคไอท.ี กรงุ เทพมหานคร : ธรรมสภา. ๕. สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูสุขศึกษาและพล ศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. (๒๕๕๑). กรุงเทพฯ : โรง พมิ พช มุ นุมสหกรณก ารเกษตรแหงประเทศไทย จํากัด> พระบรมราโชวาท \"ถา คนไทยทกุ คน ถือวาตนเปนเจา ของชาตบิ านเมืองและตางปฏบิ ตั ิหนา ที่ของตนใหด ีดว ย ความซอ่ื สตั ยส ุจรติ และถูกตองตามทาํ นองคลองธรรมแลว ความทุกขยากของบานเมืองก็จะผา นพน ไปได\" พระราชดาํ รสั พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล พระอัฐมรามาธบิ ดนิ ทร เน้อื หาวชิ า

๓๘ สะอาด (Clean) คือ ปราศจากความมัวหมอง ทั้งกาย ใจ และสภาพแวดลอม ความผองใส เปนท่ีเจริญตา ทําใหเกิดความสบายใจแกผูพบเห็น ผูท่ีมีความสะอาด คือ ผูรักษารางกาย ที่อยูอาศัย สิ่งแวดลอม ถูกตองตามสุขลักษณะ ฝกฝนจิตใจมิใหขุนมัว มีความแจมใสอยูเสมอเม่ือพูดถึง0 “ ความสุข” หรือภาวะปกติสุข คนทั่วไปมักนึกถึงเร่ืองทางกายเทาน้ัน แตในความเปนจริง สุขภาวะทาง กายเปนเพียงสวนหน่ึงของสุขภาวะทั้งหมดของมนุษย เพราะมนุษยมีท้ังกายและใจ นอกจากนั้นเราแต ละคนยงั มชี วี ิตอยูท า มกลางผคู น ซ่ึงทงั้ หมดน้ลี วนเปน องคประกอบที่สง ผลถงึ สุขภาวะของเราทุกคน สุขภาวะทางกาย0 คอื การมีสุขภาพดี ปลอดพนจากโรคภยั ไขเจ็บ ไมอดอยากหิวโหย มีปจจัย ๔ พอเพียงกับอัตภาพ อยูในสภาพแวดลอมที่เกื้อกูลตอสุขภาพ ปราศจากมลภาวะ มีการเอาใจใสดูแล รางกายใหสะอาด รวมทั้งบริโภคและใชสอยอยางถูกตองเหมาะสม ดําเนินชีวิตไปในทางท่ีไมเปน อนั ตรายตอ สขุ ภาพของตนเอง สุขภาวะทางใจ0 คือ การมีจิตใจที่สะอาด สดช่ืน เบิกบาน ผองใส และสุขสงบ ไมกลัดกลุม กังวล มีกําลังใจและความม่ันคงภายใน ปราศจากความทอแท หดหู เศราโศก หรือโกรธขึ้ง มีเมตตา กรุณา และจิตใจที่ออ นโยน สามารถเขาถึงความสุขท่ปี ระณีตได ดงั นั้น พฤติกรรมทงั้ หมดของเรา ลวนเรม่ิ ตนมาจากความคิด ความเห็น และความเช่ือ เราคิด เราเชื่ออยางไร เราก็ทําอยางน้ัน หากความคิด ความเห็น และความเชื่อน้ันประกอบดวยปญญา มี เหตุผล หรือตั้งอยูบนความรูที่ถูกตอง ยอมสง ผลใหเรามีพฤติกรรมที่ถูกตองดีงามและนําไปสูความสุข เราทกุ คนจงึ ควรทาํ ความสะอาดกายและใจจนเปนนิสยั ในการดําเนินชีวิตของเด็ก ซึ่งหมายถึง องคประกอบท้ังหมดท่ีทําใหชีวิตดํารงอยูได ทั้งกาย ทั้งใจ และทั้งปญญา ชีวิตท่ีดํา เนินไปน้ันจึงมีหลายดาน แตไมวาจะเปนดานไหนก็ตาม ถาเปนอยูหรือ ดําเนินผิดพลาด ก็จะเกิดปญหาและสงผลกระทบกันหมด การท่ีเด็กจะมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง สะอาด ผอ งใส ไมข นุ มวั จงึ ตอ งดูแลระบบความสัมพันธน ้ีใหเปน ไปดวยดี ชีวิตของเด็กมีเครื่องมือหรือชองทางสัมพันธกับโลกและส่ิงแวดลอม ไดแก ตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ ทําหนาทร่ี ับรูขอ มลู ขาว สาร หรือ “เรยี นรู” วา เปนอะไร อยางไร และ “รสู ึก” เชน สบายใจ ไม ชอบใจ ทุกข เปนตน ถาจะพัฒนาชีวิต ก็ตองใชตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ เพื่อศึกษาเรียนรูใหมาก นอกจากน้ี ชวี ติ ของเด็ก ยังมีชองทางแสดงออกซึง่ พฤติกรรมในการสมั พนั ธกบั สงิ่ แวดลอม ดังน้ี โดยการเคล่ือนไหว ใชร า งกายทําโนนทําน่ี โดยการพดู ใชถอยคําเจรจาปราศรัยกับคนอ่นื โดยการคิด ออกไปสกู ารพูดและการกระทํา ดังนั้น เด็กท่ีมีสุขนิสัยในการรักษาความสะอาดสุขภาพกายและสุขภาพจิตเปนประจํา สม่ําเสมอ จะมีรางกายแข็งแรง จิตใจราเริงเบิกบานแจมใส มีความสุข มีความปลอดภัย สามารถ ประสานกับผูอ่ืนโดยแผขยายความรักใครไมตรี มีจิตใจแนวแนม่ันคง ใจอยูกับส่ิงท่ีทํา ไมวอกแวก ไม ฟุงซาน สงบ เย็น ผอนคลาย ไมเครียด ไมบีบค้ัน แตมีกําลังใจ อิ่มใจ ปลาบปล้ืมใจ ทําอะไรดวยใจรัก ดว ยความสขุ ดวยสุขภาพจติ ท่ดี ี ทําใหม ีความกาวหนา คบื หนาไป เด็กท่ีมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตท่ีดี กายสะอาด ใจราเริงเบิกบานแจมใส จะอยูกับคนอื่น ดวยความรักใคร มีไมตรี จิตใจมั่นคงอยูในหนาท่ี และในการทําความดีได เพราะเด็กไมใชผูใหญตัวเล็กๆ แตเด็กคือเด็กท่ีมีความรูสึก ความคิดเห็นของตน เอง ซ่ึงจะถูกหรือผิดขึ้นอยูกับผูใหญที่จะชวยตะลอม

๓๙ ชว ยนําพาเขาสเู สนทางท่ีถูกที่ควร เด็กจึงจะเจรญิ เติบโตเปนเด็กที่แข็ง แรง เกง ดี และมีความสุข อยาง สมดลุ เนื้อหาเร่ือง เสรีววาณชิ ชาดก ส42 าเหตุที่ตรัสชาดก42 คร้ังหน่ึง ในสมัยพุทธกาล มีพระภิกษุรูปหนึ่งเมื่อเขามาบวชเรียนใน พระพุทธศาสนาใหม ๆ ไดต้ังใจปฏิบัติธรรมอยางเครงครัดดวยความพากเพียร แตยังไมเห็นผลก็บังเกิด ความทอแท หมดกําลังใจคลายความเพียรลง เพื่อนภิกษุดวยกนั ปรารถนาจะสงเคราะหภกิ ษุรูปนี้ จึงพา กันไปเฝาพระสัมมาสัมพุทธเจา พระพุทธองคทรงมีพระมหากรุณาธิคุณจะอนุเคราะหภิกษุรูปนี้ จึงทรง ระลึกชาติดวยบุพเพนิวาสานุสติญาณ แลวตรัสวา0 “ดูกอนภิกษุ เธอบวชในศาสนาท่ีมีแกนสาร ใหมรรค ผลเห็นปานนี้ เมื่อละความเพียรเสียแลว จะตองโศกเศราไปตลอดกาลนานเหมือนดังเสรีววาณิชที่ไมได ถาดทองมคี านับแสนนั่นทีเดียว”” ภิกษุทั้งหลายไดฟ งดงั นนั้ จึงกราบทูลอาราธนาพระสัมมาสัมพทุ ธเจา ไดตรัสเรอื่ งของเสรวี วาณิช เ42 นื้อหาชาดก42 ในอดีตกาล นับยอนกลับไป ๕ กัปจาก16ภัทรกัปน้ี16 มีพอคาเร ๒ คน อาศัยอยูใน เมืองเสรีวะ พอคาท้ังสองช่ือ เสรีวะ แมวาจะมีช่ือเหมือนกัน แตทวาท้ังสองกลับมีอุปนิสัยใจคอแต ตางกันราวฟา กับดนิ วันหนง่ึ ทัง้ สองตางนาํ สินคา ของตนขามแมน ้ําไปยงั เมืองอัฏฐปรุ ะ เพื่อจําหนายและ ซ้ือของนํากลับมาขาย เมืองอัฏฐปุระ มีหมูบานหน่ึงเปนที่อยูอาศัยของอดีตเศรษฐีซ่ึงบัดน้ีคงเหลือแต ยายหลานคูหนงึ่ ตรากตรํารบั จางเขาเล้ียงชีพพอประทังชีวติ ไปวนั ๆ พอคาคนแรกเรขายสนิ คาผานมาถึง บานยายหลานคูน้ี หลานสาวเห็นเคร่ืองประดับสวยๆ ก็อยากไดจึงออนวอนยายซ้ือให หลานสาววิ่งเขา ไปในบานหยิบถาดเกาคร่ําครามาใบหน่ึงนําออกมาขออนุญาตยายแลกกับเครื่องประดับ ยายก็ตามใจ เม่ือพอคารับถาดมาถือ รูสึกวามีน้ําหนักมากผิดธรรมดาจึงเอาเข็มลองขีดหลังถาดดูจึงรูวาเปนถาด ทองคํา มมี ูลคานับแสนทีเดียว แตเพราะความโลภจัดคิดจะไดของฟรี จึงแสรงบอกวาถาดใบนี้ไมมีราคา และโยนถาดทิง้ ลงพ้ืน แลว เดินจากไป พอตกบาย พอคาอีกคนกม็ าขายสินคา ยายหลานก็สง ถาดใหเ พ่อื ขอแลกกบั เครื่องประดับชิ้น หน่งึ เมื่อพอ คา รวู าเปนถาดทองคํา ดว ยมีใจเปน ธรรมและซ่ือสัตย เขาจึงบอกความจริงแกย ายหลาน ท้ัง สองตกลงแลกสนิ คา กับถาดทองคาํ พอ คา ใจซ่ือจึงยกสนิ คา และเงนิ ท้ังหมดท่ีตนมีอยูใหแกยายหลานคูน้ี ขอไวเพียงตาชั่งและเงนิ ตดิ ตวั พอเปนคาเดินกลับเมอื งของตนเทาน้ัน สวนพอคา ใจคด เม่ือเดนิ ออกมาจากบา นยายหลาน ใจกจ็ ดจอ อยูแ ตถาดทองคํา จึงยอนกลบั ไป ทําทีทาวา มีเมตตาจะอนุเคราะหใ หแลกเครอื่ งประดบั ได ยายกลา วตําหนิพอคา ใจคดและบอกวา ตนได แลกถาดทองคํากับพอคาใจซื่อไปแลว พอคาใจคดไดย ินดังนนั้ ก็เกิดความเสยี ใจจนสุดระงบั ได ถงึ กับเปน ลมหมดสติไป พอฟนข้นึ มา ความเสยี ดายไดพุงแลนทว มทนหวั ใจจนควบคมุ สติไวไ มอยู ว่ิงไลตามพอคาใจซื่อไป เม่ือมาถงึ ทานํา้ เห็น เรือกาํ ลังลอยลําอยูกลางแมน ํ้า จึงรองตะโกนใหค นแจวเรือรบั จา งยอ นกลับมารบั ตน แตพอคาใจซ่ือรูทนั จงึ สัง่ ใหเรง ฝพายใหเ ร็วขนึ้ อีก พอ คา ใจคดเมอ่ื ทําอะไรไมไดก็ยง่ิ แคนหนกั ขนึ้ มอื ท้งั สองกาํ เมด็ ทรายชขู นึ้ พรอ มกบั กลา วคําอาฆาตวา “ หากจํานวนเม็ดทรายในกาํ มือนี้ คือภพชาติทเี่ จาและขา จะตองเกิดอีก ขา กจ็ ะขอตดิ ตามจองลางจองผลาญเจา ไปจนถึงทสี่ ุดจนกวาจะเขานิพพานกนั ไปขางหนงึ่ ”

๔๐ ดว ยจติ ท่ีเรา รอนแผดเผาดว ยเพลิงโทสะอันรุนแรง บีบคนั้ หัวใจวาณชิ ใจคดผูน ีแ้ ตกสลาย กระอักเลือดขาดใจตายอยูตรงนน้ั เอง จิตท่ผี ูกเวรน้เี มื่อละโลกไปแลว ก็ดาํ ด่ิงสูนรก ทนทุกขท รมานอยู เปน เวลานานแสนนาน สวนพอ คาใจซ่อื ไดกลบั บานตน นาํ ถาดทองคาํ ไปขายตง้ั ตวั ทําการคา ร่าํ รวยเปน เศรษฐีและได ทําบุญทําทานอยจู นตลอดชวี ิตของเขา นบั ต้ังแตนนั้ มา พอคา ทง้ั สองหากเกิดมาพบกันชาติใด ไมวา จะ เกดิ เปน สตั ว เปน มนษุ ย หรือแมแ ตเ กิดเปน ญาติกันก็ตามพอคาใจคดก็ตามลางผลาญพอ คาใจซื่อตลอด มาทกุ ๆ ชาติ ภาพ ปองแปง ลงสี ปเู ป ในอดตี กาล ยอนไป เมอื่ ๕ กัป จากภทั ร กปั น้ี มพี อคาเรอยู สองคน อาศัยอยู ในเมืองเสรีวะ มชี ่อื ตรงกนั กบั ชื่อเมือง ทอ่ี าศยั คอื เสรีวะ วนั หน่งึ พอคา ท้ังสอง ไดนงั่ เรอื ขา มแมน้ํา เพ่อื นํา สนิ คาไปขายยงั เมืองอฐั ปรุ ะ

๔๑ แมวาพอ คาทงั้ สองจะมีช่ือเหมือนกนั แตท งั้ สองมนี สิ ยั ใจคอที่แตกตา งกนั มาก เพราะอกี คนมนี ิสยั เปนคนพาล สว นอกี คนมีนสิ ยั เปนบณั ทติ ทเ่ี มอื งอฐั ปรุ ะเปน เมอื งของเศรษฐีตระกูลหนงึ่ แตต อมาตระกลู นเ้ี สอื่ มลง เหลือแตเ พียงยายหลานสองคน ตรากตรํารับจา งเขาเลี้ยงชีพพอประทงั ชีวติ ไปวันๆ

๔๒ วนั หนึ่งพอคา ที่มนี สิ ยั พาล ไดผ านมายงั บา นของยาย หลานคนู ี้

๔๓ เมอ่ื หลานสาวทายาทตระกลู เศรษฐี ไดเหน็ เคร่ืองประดับจงึ นกึ อยากได เลยวงิ่ กลับไปยงั บา นของตน เพ่อื ขอเงินกบั ยาย มาซ้อื เครอื่ งประดบั แตย ายกลบั บอกปฏิเสธไปเพราะเงนิ นั้นไดร อ ยหรอลงทกุ ที

๔๔ พอคา ที่เปน คนพาล ไดเ ดินทางผา นมายงั บา นของสองยายหลาน ท้งั สองคนจงึ นาํ เอาถาดมาแลกเครื่องประดบั เมอื่ พอคา รบั ถาดมาแลว จงึ พจิ ารณาดูก็ทราบวา เปนถาดทองคาํ จงึ คิดอุบายเพือ่ จะแลกถาดทองคํากบั สินคา ตนในราคาถกู

๔๕

๔๖ พอตกบา ย พอคา ทเ่ี ปน บัณฑติ เดินผา น มายงั บานของสองคน ยายหลาน หลานสาว จงึ ไดออ นวอนยายให ซอ้ื สินคา จากพอ คา บัณฑิตน้ัน

๔๗ ดวยความรกั หลาน ยายจงึ ตามใจ ทาํ ตามทห่ี ลานสาวบอก สองยายหลานจงึ ไดเรยี กพอคา บณั ฑิต เพอื่ นาํ ถาดมาแลกสินคา ตเมือ่ พอ คาทเี่ ปนบัณฑติ หยิบถาดขึน้ มาดู พจิ ารณาจงึ รวู าเปนถาดทองคํามมี ูลคา มหาศาล พอ คาทเี่ ปนบณั ฑิ จงึ ไดบ อกกับสองยายหลานตามความเปนจรงิ

๔๘ เมอ่ื ไดรบั การยนื ยันวา เปน ถาดทองคาํ พอคาจงึ เสนอราคาโดยขอแลกกับสนิ คา ของตนทง้ั หมด ซง่ึ เปน เงินจํานวนมาก สว นตวั เองเหลอื แคเงินคาขามฟากเทา น้ัน

๔๙ ภาพ43 ปองแปง43 43ลงสี ปเู ป

๕๐ หลังจากนั้น เวลาผา นไป ไดไมนาน

๕๑ พอ คา ท่ีเปน พาล ไดกลบั มาหาสอง ยายหลานเพอ่ื จะ เอาถาดทอง เมอื่ ยายเปด ประตูออกมาพบพอคา ท่ีเปนคนพาล จงึ ทาํ การตอ วา และเลาความจรงิ ใหทราบวา ตนไดข ายถาดทองคาํ ใหักบั พอ คาั ทเ่ี ปน บณั ฑติ ไปแลว ดวยราคาทีส่ งู มาก

๕๒ เมอื่ พอ คา ท่เี ปน พาลไดยนิ วา มคี นซ้อื ถาดไปแลว จงึ เสยี ใจถงึ กับเปนลมหมดสติ

๕๓ เมอื่ ฟนขึน้ มากน็ ํา ขา วของท้งั หมด เทกระจดั กระจาย พูดพรํ่าเพอเหมือน คนเสยี สติ เมอื่ เหลอื บไปเหน็ ตาชงั่ ก็เกดิ อารมณพลงุ พลา นดว ยความเสียดายถาดทองคาํ จึงวงิ่ ไปทท่ี าเรือ

๕๔ ณ ทา เรือขา มฟาก พอคา ทเ่ี ปน บัณฑติ ไดน ั่งเรือขา มฟากไปยงั อีกฝง หนึ่ง พอ คา ทเ่ี ปนบณั ฑติ เหน็ ทา ไมด ี จงึ ใหเจา ของเรือรบี พายไปยงั อีกฟากหน่งึ โดยเรว็

๕๕ เมื่อเห็นเรือไมหวนกลับมารบั ตน จงึ เกิดความอาฆาตพยาบาท และไดก มลงเอามอื กาํ เมด็ ทรายไว แลวจึงตะโกนออกมาดว ยเสยี งอันดงั เพอ่ื ขอจองเวรกับพอคาทเ่ี ปนบัณฑติ เทา กับจาํ นวนเมด็ ทรายในกาํ มือ

๕๖ ดวยจติ ทเี่ รา รอ นแผดเผาดว ยเพลงิ โทสะอันรุนแรง บบี ค้ันหัวใจพอคาผนู ้แี ตกสลาย กระอกั เลอื ดขาดใจตายอยูตรงน้นั เอง เม่ือพอ คาท่เี ปนคนพาล ไดส น้ิ ชวี ิตแลว กด็ ําดิ่ง สูน รก เพราะมจี ิตท่เี ตม็ ไปดวยความอาฆาตและ พยาบาทจึงตอ งทนทุกข ทรมานอยหู ลายกปั สวนพอ คาที่เปน บณั ฑติ ไดกลบั บา นตน นาํ ถาดทองคําไปขายตง้ั ตัวทําการคา รํา่ รวยเปนเศรษฐี และไดท ําบุญจนตลอดชีวติ นับต้งั แตน น้ั มา พอ คา ทง้ั สองหากเกดิ มาพบกันชาติใด ไมวา จะเกิดเปน สัตว เปนมนษุ ย หรอื แมแ ตเ กดิ เปน ญาตกิ ัน พอคา ที่เปน พาลก็ตามลางผลาญพอคา ทเ่ี บณั ฑติ ตลอดมาทุกชาติ

๕๗

๕๘ ช่อื วิชา คนดีตามวิถแี หง พุทธศาสนา บทเรียนท่ี ๖ ๖๐ นาที ขอบขายรายวิชา เรียนรูเรื่องความซอื่ สัตยสุจริตตามหลักพระพุทธศาสนา เนนผูเรียนไดเรยี นรูตระหนัก ถงึ คณุ คาและความสาํ คญั ของการเปนคนซอ่ื สัตย และโทษภัยของการคดโกง ผา นตัวอยา ง ประสบการณ บทเรยี น การบอกเลา จดุ หมาย เพ่ือใหผูเขารับการฝกอบรมมีความรู ความเขาใจ เก่ียวกับความซื่อสัตยสุจริตตามหลัก พระพุทธศาสนา วตั ถปุ ระสงค เม่ือจบบทเรียนนแ้ี ลว ผูเขารบั การฝกอบรมสามารถ ๑. รู และเขา ใจเกย่ี วกบั ความซอื่ สัตย สุจรติ ๒. มีจิตใจท่สี งบ เกิดแรงจูงใจใฝร ู ใฝส ัมฤทธ์ิ ใฝด ีงาม มงุ ประโยชนต อ สังคม ๓. ตระหนักถึงคณุ คาของการดาํ เนนิ ชีวิตดว ยปญ ญา วธิ ีสอน/กจิ กรรม ๑. นาํ เขา สูบทเรียนดวยการแสดงภาพหรอื วีดีทศั นบ ุคคลตัวอยา งท่ีมีช่ือเสยี งที่มีความซื่อสัตย จนประสบความสําเรจ็ เปน ทย่ี กยอ งทง้ั ในระดับชาติและระดับโลก (๑๕ นาท)ี ๒. แสดงภาพเปรียบเทียบบุคคลตวั อยางท่ีซอ่ื สตั ยและคดโกง (๒๕ นาที) ๓. บรรยายชาดกทเี่ กยี่ วกบั ความซอื่ สตั ย และหลักธรรมท่ีเกย่ี วกับความซ่อื สัตย (๒๕ นาท)ี ๔. แบงกลมุ อภิปรายและจัดทํารปู ภาพปา ยนิเทศเพอื่ แสดงวามซ่ือสตั ย (๕๕ นาท)ี ๕. นําเสนอผลงานกลุม (๑๐ นาที) ๖. ซกั - ถาม (๑๐ นาที) ๗. สรปุ (๑๐ นาท)ี สื่อการสอน ๑. แผนภาพ รปู ภาพหรอื CD หรือวดี ที ัศน ทแ่ี สดงความซื่อสตั ย และความคดโกง ๒. เอกสาร/แผนภาพแสดงชาดกเร่อื งความซอ่ื สัตว ๓. ใบงานเร่อื งความซ่อื สัตย และความคดโกง ๔. ใบความรู เร่ือง “ความซือ่ สัตยเ พ่อื ความสุขในชวี ิตของเยาวชน” การประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการวัดผล : ประเมนิ จากการเรียนรูและพฤติกรรมการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมกลมุ ๒. เครือ่ งมือวดั ผล : แบบวัดความรูและแบบประเมนิ พฤติกรรมการปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุม

๕๙ ๓. เกณฑการประเมินผล : มีผลการประเมนิ ผา นเกณฑท ก่ี าํ หนดไมนอ ยกวารอยละ ๖๐ เอกสารอา งองิ /แหลงขอมูล ๑. พระธรรมปฎก (ประยุทธ ปยุตฺโต). (๒๕๔๖). สูการศึกษาแนวพุทธ. (พิมพครั้งที่ 2) กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พอ งคก ารรบั สง สนิ คาและพัสดุภัณฑ (ร.ส.พ). ๒. พระพรหมคุณาภรณ (ป.อ.ปยุตฺโต). (๒๕๔๘). รูหลักกอนแลวศึกษาและสอนใหไดผล. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท พิมพสวย จาํ กดั . ๓. _______________. (๒๕๔๙). สุขภาวะองครวมแนวพุทธ ภาวะที่ปลอดทุกขและเปน สุขในระบบชีวิตแหงธรรมชาตแิ ละสงั คมยุคไอท.ี กรงุ เทพมหานคร : ธรรมสภา. ๔. _______________. (๒๕๔๙). หลกั ชาวพทุ ธ. กรุงเทพมหานคร : ธรรมสภา. ความซ่อื สัตย ความซื่อสัตย หมายถึง ความประพฤติจริงใจ พูดจริง ทําจริง ไมคดโกง ไมคิดคดโกง ไม หลอกลวง และความประพฤตไิ มเ อนเอียง ซ่ือตรง คํามั่นสญั ญา จงรักภักดี สวน ในพระวินัย คือ การ กลาวคําสัตย ความจริงใจ สมาทาน ซ่ือตรงตอสิกขาบทตามพระบัญญัติของพระพุทธเจา และในพระ สูตรคือ ความจริงใจ พูดจริง ทําจริง การกระทําสัจกริยา การกลาวคําสัตย ซ่ือตรงตอหนาที่ การรักษา คาํ ม่นั สญั ญา จงรักภักดี ไมประพฤตนิ อกใจ ลักษณะ ความซ่ือสัตยท่ีแสดงออกทางพฤติกรรมของตนและบุคคลอื่น มีอยู ๒ ลักษณะ ไดแก (๑) ความประพฤตดิ วยความจริงมี ๓ ทาง คอื ทางใจ หมายถึง ความจรงิ ใจ ไมหลอกลวง เรียกวา มโนสุจริต ทางวาจา หมายถึง พูดจริง การกลาวคําสัตย เรียกวาวจีสุจริต ทางกาย หมายถึง ทําจริง การกระทําจริง การรักษาคํามั่นสัญญา เรียกวากายสุจริต (๒) ความประพฤติไมเอนเอียง คือ ความ ซื่อตรง หมายถึง ซ่ือตรงตอตนเอง ตอบุคคลอ่ืน ตอเวลา ตอคําพูด ตอบทบาทหนาท่ี ตอคํามั่นสัญญา และความจงรกั ภักดี ไมประพฤตินอกใจ ตัวอยา งเรอื่ งความซื่อสตั ยในชาดก ในทางพระพุทธศาสนาไมวา จะเปน สาขาอาชีพใด ๆ สิ่งสําคัญทย่ี ่งิ ใหญน้นั ไซรตองมี “ความซอ่ื สตั ย” เปนบาทฐานแหง การประกอบการงานทง้ั ปวงจงึ จะทําใหกิจลลุ ว งไปไดดวยความ สวสั ดี เปนไปในคติ ท่ีวา “ซือ่ กนิ ไมห มด คดกนิ ไมนาน” ดั่งในนิทานชาดกท่จี ะหยิบยกขนึ้ มาเพื่อเปนตวั อยา ง :๑ กิระดงั ไดฟ ง มาความวาไว. ... ใน อดีตกาลนานมาเกนิ กวา จะระบุวนั เวลาได ในสมยั น้ันทาน วามพี อ คา เรขายของอยูสองนายจากเมืองเสริวรัฐ ไดเดนิ ทางเพื่อนําเอาสนิ คา ของตนไปขายยังเมอื งตาง ๆ วา ถงึ อุปนสิ ัยใจคอของพอคาทัง้ สองคนนนั้ ทานวาแตกตา งกนั เปนอยา งมาก

๖๐ เวฬุริยะ : เปน พอ คา ที่มีความออนนอ มถอมตน พูดจามีหลักการ สุภาพเรยี บรอ ย มี คุณธรรมสตั ยซื่อ ปาวกะ : เปนพอคาที่มีวาจาโผงผาง ชอบวางกลา มกบั คนท่ีออ นแอ และมีความโลภ เกาะติดในจิตใจอยางมากมายเปน ปฐมฐาน แตถึงกระน้ันคนทั้งสองก็ไดรวมอาชีพเปนพอคาเรมาดวยกันรวมท้ังรวมทาง ในการคาขายไป ดว ยกันในทุกทีต่ ้ังแตเรมิ่ ตนอาชีพมา สินคาท่ีท้ังสองนําไปขายสวนใหญนั้น ไดแก เครื่องใชไมสอยตา ง ๆ ทีจ่ าํ เปน ในครัวเรือนรวมถึงเคร่ืองประดับตาง ๆ ทีเ่ จรญิ หเู จริญตาตอ อสิ ตรที ้ังหลาย เชน กําไล สรอยคอ ตางหู ที่ทําดวยแกว หิน ลูกปด ทอง เงิน และโลหะผสมตาง ๆ เปนตน ในการคาขายสมัยน้ันจะมี เครื่องมือทํามาหากินท่ีสําคัญอันหน่ึงซ่งึ พอคาเร จะพึงขาดเสียไมไดก็คือ “ตาชั่งมือถือ” ซ่ึงขางหนึ่งถวง ดวยมาตรวัดนํ้าหนัก บางทีก็เปนกอนหินหรือลูกเหล็กแทนน้ําหนักครึ่งกิโลกรัมหรือหน่ึงกิโลกรัม สวน อีกขางหน่ึงใชวางสินคาที่จะขายเพื่อเปรียบเทียบนํ้าหนัก ดูใหน้ําหนักของท้ังสองขางเทากันก็เปนอันวา ไดน ํา้ หนกั ของสนิ คา ท่ีจะขาย นัน้ จะวาไปในสมัยกอนพอคาเรถือไดว า เปนสสี ันของชาวบา น ชาวเมอื งท่ีอยหู างไกลความเจริญ หรือถ่ินทรุ กันดาน นาน ๆ ทีจะมสี ินคาทเ่ี จรญิ หเู จรญิ ตามาเยอื นทาํ ใหบรรดาแมบ าน รวมถึงสาวนอย – ใหญทัง้ หลายพึงพอใจทจ่ี ะไดยลและจับจายซือ้ หาเพื่อเปนเจาของสินคาสวย ๆ งาม ๆ และแปลกใหม เหลาน้นั การซือ้ ขายสวนใหญจะเปนไปในลกั ษณะของการใชเ งนิ หรือวาจะนาํ เอาของ (เกา) ทมี่ ีอยใู น บานแลว แตไมเปน ที่ตอ งการโดยเอามาแลกกับของใหมทด่ี ูสวย สะดุดตาตองใจก็ได แลว แตจ ะตกลงกนั ใหเกิดความพึงพอใจในท้ังสองฝาย (ผูซ้ือกบั ผูขาย) กาลเวลาผานไปในวนั หนึง่ ซง่ึ พอคาเรทั้งสองนายไดนาํ ของ (สินคา) ไปขายที่เมอื งอริฏฐปรุ ะ เมอื่ เดนิ ทางไปถงึ แลว พอคาทง้ั สองกต็ กลงกนั ดังเชน ที่เคยทํามาโดยการแยก ยา ยกันไปขายของคนละทาง (ไมใ หทบั เสน ทางทาํ มาหากินของกนั และกนั ) โดยทท่ี ง้ั คูต องอยขู ายของท่นี ห่ี ลายวนั กวา จะครบทุก เสนทางเน่ืองจากเปน เมอื งใหญ ผานไปในวนั หน่ึงซึง่ พอ คา เรท ีช่ ่อื ปาวกะ ไดเ ข็นรถขายสินคา ของตนเรขายไปตามถนนสายหนึง่ ของเมอื ง สายตาของเขาเหลือบไปเหน็ เด็กผหู ญงิ คนหนง่ึ ซ่ึงกะคราว ๆ อายคุ งราวไมเ กินสิบขวบกาํ ลงั น่งั เลน อยหู นา บาน เขาพินจิ พิจารณาเหน็ วา เปน บา นหลงั ใหญถ ึงแมจะแปรสภาพไปในทางที่เกา และ ทรดุ โทรมผพุ งั ไปบาง แตกย็ งั บง ช้ีถงึ อดีตไดด ีวานาจะเคยเปนบานของคนที่ดูดมี ีฐานะ (เศรษฐีเกา ) เปน แนแ ท เมอ่ื แลดงั นัน้ จงึ ทําการตะโกนรอ งเรเ สนอขายสินคา ท่ตี นเองนํามาในอนั ท่ีคิด วาจะเปน ที่พงึ พอใจ และปรารถนาของกมุ าริกาผูน ้ันโดยมีสาระสาํ คญั ทวี่ า “เคร่ืองประดับสวย ๆ งาม ๆ แปลกใหมใครเห็นเปน ตองชอบและอยากไดไ วเชยชมและ ประดับกายามาแลว จะ ”

๖๑ “เครอ่ื งประดบั สวย ๆ งาม ๆ แปลกใหมใครเห็นเปน ตองชอบและอยากไดไวเ ชยชมและ ประดับกายามาแลว จะ ”... ฝายกุมาริกาผูเดียงสาตอโลกแหงวัตถุเม่ือจู ๆ มีพอคาเรผานมาพรั่งพรอมไปดวยสินคาอัน ตระการตาท่ีย่ัวยวนอายตนะไดดี แทอันไดแก เคร่ืองประดับ สรอยคอ กําไล ท่ีวางเรียงรายมากมายอยู ในรถเข็นของพอคา โอ...อนิจจาดวยกุมาริกาเคยเห็นเด็กรุนวัยเดียวกับตนสวมใสกําไลซึ่งทําใหลํา แขน ของหญิงสาวเหลาน้ันดูงดงามตองตานาชมเสียนี่กระไร แมแตตนเปนหญิงดวยกันยังประจักษแจงถึง ความขอน้ันไฉนกันหากแมนวาผู ใดที่ไดเห็นจะมิเกิดความพึงพอใจ เม่ือคิดไดดังน้ันเด็กหญิงก็ไดแตคิด อยากท่ีจะไดแตก็เก็บเอาไวภายในใจ เพียงลําพังเพราะยังไมมีโอกาสและวาสนา แตทวาวันนี้ความฝนท่ี เคยเฝา ถวิลหามาชานานไดคบื คลานเขาไปใกลในความ เปนจรงิ ทุกขณะกับกําไลที่มเี รยี งรายอยูตรงหนา กุมาริกาจึงไมสามารถท่ีจะหักหามใจในความอยากไดของตนเองลงไป สุญญากาศทางสติได คืบคลาน เขามาหาความเดียงสาของเด็กนอย เธอรีบปลอยของเลนช้ินเกาที่กําลังถืออยูในมือแลวรีบว่ิงเขาไปรบ เรายาย ในทาํ นองท่ีวา “ยายจา ...ยาย หนเู ห็นกําไลสวยงามอยูพ วงหนึง่ หนูอยากได ยายใจดีด๊ ีซอ้ื กําไลใหหนูทีนะจะ ”... ฝายยายเม่ือเห็นหลานสาวอันเปนที่รักดั่งดวงใจไดรบเลาและไหวขอรองออน วอนก็ไดแตถอน หายใจ เอามอื เห่ียวยนทีท่ รดุ โทรมไปตามสงั ขารลบู ที่ศีรษะของหลานเบา ๆ และกลา วกบั กมุ าริกาวา “นางฟาตัวนอยของยายจะ หนูดูงดงามท้ังภายนอกภายในโดยไมตองอาศัยกําไลหรือ เครื่องประดับเหลานั้น และท่ีสําคัญฐานะของเราตอนนี้ยากจนขนแคนยิ่งนัก อยาวาแตกําไลพวงหน่ึง เลยแมแตเพียงกึ่งพวงยายก็จนปญญา ลําพังเพียงจะหาอาหารมาประทังชีวิตเล้ียงปากเล้ียงทองของเรา ทั้งสองกด็ ูสุด แสนจะลําบากหนักหนา” ฝายกุมาริกาถึงแมวาจะเขาใจในฐานะแตทวาเมื่อถูกตัณหาความอยากไดเขา ครอบงํานําพา ย่ิง เพง พินจิ ถึงความสวยงามของกาํ ไลก็สุดทจ่ี ะหามใจเอาไวได...ไหนจะเปน กําไล ไหนจะเปน ตางหู ไหนจะ เปนสรอยคอ ซ่ึงลวนแลวแตสรางความพึงพอใจใหเธอเปนอยางมาก เมื่อความตองการไมไดรับการ สนองตอบเพราะถูกตีกรอบจากฐานะทางการเงิน เด็กหญิงจึงพยายามมองหาสวนเกินส่ิงของเคร่ืองใช ภายในบานทไี่ มต อ งการ เพ่ือที่จะไดนําไปแลกกับสินคา ท่ตี นเองปรารถนา “ยายจา...หนูจาํ ไดวาในบานของเรามถี าดเกา ๆ อยูใบหนึ่งซึง่ ไมไดใช หากเก็บเอาไวก ็ไมม ี ประโยชนอ ะไร ถา ยงั ไงเราเอาถาดเกา ใบน้นั ท่ีไมตองการใชไปแลกกับกาํ ไลไดไหมจะยาย” เมอ่ื ไดร ับอนญุ าตจากผูเปนยายหัวใจของกุมาริการูสึกไดว าพองโตดวยความ ปต ิที่จะไดกําไลสมใจ ปรารถนา จึงรีบวิง่ ถลาไปหยิบถาดใบเกาน้ันมาใหยายพรอ มทั้งออกไปเชื้อเชิญพอคาเร ใหเ ขา มาในบาน ของตน ฝายยายก็กุลีกุจอหาผาที่พอมีอยูมาปูไวใหพอคาเรไดนั่งและส่ังผู เปนหลานสาวใหเอานํ้ามา รบั รองเขา หลังจากท่กี ลาวทักทายปราศรัยกันตามธรรมเนียมแลว ผเู ปนยายก็เสนอขายถาดเกา ๆ หน่ึง ใบเพอื่ แลกกับกาํ ไลท่ีหลานสาวของตนอยากได

๖๒ ฝายปาวกะพอคาเรผูช่ําชองดานวาณิชเพงพินิจพิจารณาถาดใบเกาที่อยูตรง หนา พรอมกับยก ถาดข้ึนมาดู พลันแรกสัมผสั ก็รูส ึกไดว าถาดน้ีไมธรรมดา เพราะวามีนํ้าหนักมากกวา ถาดโลหะท่ดี ูดอยคา โดยท่ัวไปท่ีเขาเคยสัมผัสมา โอ...ถาดนี้หนาสงสัยนาจะเปนถาดทองเปนแนแท แตก็ยังไมแนใ จเทาใดนัก เพื่อใหเกิดความประจักษเราจักตองพิสูจนใหเห็นกับตา วาแลวเขาก็รองขอนํ้าดื่มอีกแกวเพ่ือเบนความ สนใจของสองยายหลาน ระหวางน้ันเขาก็พลิกถาดคว่ําลงและเอาเข็มขูดที่หลังถาด ดวยสายตาที่ชาญ ฉลาดและชา่ํ ชองของเขา ก็เขาใจไดใ นทนั ทีวา เปน ถาดทอง! หวั สมองเจา เลหของเขาเรม่ิ ทํางานในทนั ที...ด!ี ทห่ี ญงิ แกและกมุ ารกิ าไมรคู าวาส่งิ ของท่ีมีคา ของ พวกตนเปนถาดทอง เราจะตองหาอุบายหลอกคนทั้งสองเพ่ือใหไดครอบครองถาดทองใบนโ้ี ดยท่ีไมตอง เสียอะไรหรือแมแตเครื่องประดับสักเพียงช้ินเดียว! เพียงเสี้ยวอึดใจไมกี่นาทีเขาทําทีเพงพินิจพิจารณา ถาดอีกสักครู จู ๆ เขาก็แสรงขมวดคิ้วและทําตาโตพรอมกบั กลาวดวยน้ําเสียงท่ีโมโหเม่ือเงยหนา ขึ้นมา วา “ถาดใบนี้ไมมีราคาคางวดอะไร! ขายไมไดแมก่ึงมาสก๒ แมยกใหฟรี ๆ ก็ยังตองคิดหนัก... เสยี เวลาทํามาหากนิ จรงิ ๆ เลย” เขาสบถออกมาพรอ มกับโยนถาดใบนั้นท้งิ ไปบนพนื้ ดนิ อยางไมสนใจใย ดี โดยท่ีปาวกะหารูไมวาไดโยนเอาดวงใจนอย ๆ หน่ึงดวงพวงลงไปพรอมดวย! เสร็จสรรพเขาก็ลุกขึ้น เข็นรถขายของออกไปในทันใด ขณะที่ในใจก็เฝาครุนคิดอยูตลอดเวลาวาจะหาหนทางอยางไรใหไดถาด ทองคาํ ใบ น้ันฟรี ๆ โดยท่ไี มต อ งเสยี ทรัพยอ ะไรไปเลย อนั ท่ีจรงิ จะวา ไปในความหลังคร้งั กอนนน้ั หลานกบั ยายไมใ ชคนยากไรแ ตทง้ั สองเปนผเู กิดใน ตระกูลเศรษฐีที่ม่งั คั่ง ทวาดว ยเคราะหกรรมบางอยางท่ีเกิดขนึ้ กบั ตระกลู นท้ี าํ ใหคนอน่ื ๆ ลมหายตาย จากรวมทั้งทรัพยส มบัติท้ังหลายก็หมดสนิ้ ไปดว ย คงเหลอื เพียงแคผเู ปนยายกับหลานสาวทง้ั สองที่ตอง ดาํ เนนิ ชีวติ ดวยการรับ จา งคนอืน่ เพ่ือหาเงินมายังชีพไปวนั ๆ วาถึงถาดทองใบนั้นเลากลาวกันวาเปนถาดที่มหาเศรษฐีเคยใชสอยมาในสมัย ที่ม่ังค่ัง กอนที่ ยายของกุมาริกาจะมาสูเรื่อนของสามี ถาดทองมีอยูมากมายหลากหลายเมื่อครั้งที่ครอบครัวยังเฟองฟู ทําใหบางถาดถูกเก็บเอาไวปะปนรวมกับภาชนะใชสอยอื่น ๆ เมื่อครั้นผานไปในนานวันไมไดนําออกมา ใชท าํ ใหเ ศษฝุนและเขมาจับจนฝง แนน เนอ้ื ทองจงึ หมองไปจนดูไมออกวาเปน ของท่ีมีคา ปาวกะจากไปไมนานนัก เวฬุริยะเพื่อนรวมอาชีพพอคาเรขายของในถนนอีกสายหนึ่งซึ่งอยูไม ไกลกัน นักนัยวาเปนถนนที่ทะลุถึงกันได เมอ่ื เสรจ็ กิจจากการขายของที่ถนนเสน นั้นแลวบังเอิญเดินเข็น รถทะลุเสนทาง มาทับบนเสนทางเดียวกันกับปาวกะโดยที่ไมมีเจตนา พอคาหนุมเข็นรถผานเร่ือยมา จนกระทั่งถึงหนาบานของสองยายหลาน เขาเหลือบไปเห็นอาการของกุมาริกาท่ียืนหนาเศราอยูรั้วบาน เวฬุริยะจึงสงย้มิ ใหเพ่ือเปนการทกั ทายดวยเปนคนท่ีมจี ิตใจดีอยูในตวั กุมาริกาถงึ แมวาจะมีอารมณท่ีขุน มัวจากการที่ไมสมอารมณหมายในกําไลท่ี อยากได แตเม่ือเห็นรอยย้ิมของผูใหญท่ีใจดีน้ันก็พลันย้ิมตอบ

๖๓ และสายตาใสซื่อ บริสุทธิ์ก็เหลือบไปเห็นกําไลในรถของเขา จิตใจที่เห่ียวเฉาเมื่อสักครูอยู ๆ ก็พองโต ขึน้ มาอีกเพราะความอยากได “นาจา...นารออยูตรงน้ีกอนนะจะหนูจะไปบอกยายใหซอ้ื กําไลใหห นู” พูดจบหญิงสาวก็ว่ิงเขา ไปในบานอีกครั้งดวยความหวงั ทีเตม็ เปย มเหมอื น ครง้ั กอนเพอื่ รบเรา ยายใหซ อ้ื กาํ ไลให ฝา ยยายเม่อื เห็น ทาทางของหลานสาวที่อยากไดก็ย่ิงสงสารจับใจ แตก็ไมรูจะทํายังไง...นอกจากพูดในทํานองปลอบใจไป วา “นางฟาตัวนอยของยายจะ พอคาเรคนกอนเพ่ิงจะบอกวาถาดใบเกาของเราไมมีราคาคางวด อะไรพรอมกับ โยนมันทง้ิ ไป ตอนน้ียายกไ็ มร ูจะเอาอะไรไปแลกกําไลใหกับหน.ู ..ดูทา ยายวาหนูควรตัดใจ จาก กาํ ไลซะเถอะหลาน” ความตองการที่อยากจะไดกําไลดวยจิตใจใสซ่ือบริสุทธ์ิ เด็กหญิงจึงหยุดคดิ เพ่ือมองหาส่ิงของ มีคาอยางอ่ืนเพื่อนําไปแลกกับกําไล แตก็ไมมีความกระจางปรากฏขึ้นในหัวสมองนอย ๆ เธอจึงคอย ๆ ออ นวอนกับยายใหมอ ีกครง้ั วา “ยายจา...ถึงแมวาถาดเกาใบนั้นจะไมมีคา แตดูจากทาทางแลวพอคาเรคนน้ีนาจะมีจิตใจที่ ดีกวาพอคาเรคนกอน ถายังไงเราลองออนวอนเขาดูไหมจะ เผื่อวาเขาจะสงสารและเห็นใจรับแลกกําไล กบั ถาดเกา ของเรา” ดวยความเวทนาและสงสารหลานจบั ใจที่อยากไดกําไลเปน เคร่ืองประดบั เหมือนเดก็ ขางบาน “ถาอยางน้ัน หลานออกไปเรียกเขาเขามาในบานลองดูก็ไดจะ” ผูเปนยายพูดดวยนํ้าเสียงที่ไม มั่นใจนกั ฝา ยกมุ าริการีบวิ่งไปเก็บถาดเกาใบนน้ั มาใหย าย แลวก็ออกไปเชือ้ เชญิ เวฬุรยิ ะพอคาเรผใู จดใี ห เขามาในบาน เม่ือเขามาพูดจาทักทายปราศรัยกันตามธรรมเนยี มแลว ผูเปน ยายก็ไดย่ืนถาดใบนั้นใหแก พอคาหนุมคนใหมพรอมกับแจงเงือ่ นไข ความประสงคของตนวาจะขอแลกถาดเกาหน่ึงใบกับกําไลหนึ่ง พวง เวฬรุ ยิ ะพอคา เรที่มจี ติ ใจสตั ยซ ื่อ เมอื่ ถอื ถาดใบนนั้ มาพจิ ารณาแลวก็รไู ดวาเปนถาดทอง จงึ พูดขน้ึ ในทํานองที่วา “คุณยายครับเห็นที่เง่ือนไขดังกลาวผมคงจะรับไวไมได” เขาหยุดเวนระยะในขณะท่ีหัวใจของ สองหลานยายเหมือนแตกสลายไปตอ หนา ดวงนอ ยนน้ั แตกสลายเพราะไมไดส ิง่ ของตอ งประสงคดังใจใน ขณะทดี่ วงใหญแตก สลายเพราะความสงสารหลานสาวจับใจ!

๖๔ เม่ือเวฬุริยะดื่มน้ําเพื่อดับกระหายแลวเขาจึงพูดตอวา “ที่ผมพูดอยางนั้นก็เพราะวา ถาดใบนี้ เปนถาดทองคํา! มีคาตั้งเปนแสนกหาปณะ อยาวาแตกําไลหนึ่งพวงเลยแมแตสินคาทั้งหมดในรถ ของผมก็มคี า ไมเ ทาถาดทองใบน!ี้ ” ทันทีทผี่ ูเปนยายไดฟงดังน้ันกร็ ูสกึ สับสนและตกใจจนคาดไมถึง พอ คาคนหนึง่ บอกวาถาดใบน้ี ไมมีราคาคางวดอะไร ในขณะที่อีกคนหน่ึงบอกวาเปนถาดทองคํา ทําใหในหัวสมองของยายเกิดความ สับสนมากมายจึงไดแตคิดวา ‘ไมเปนไรในเม่ือเรามีจิตใจท่ีบริสุทธิ์เห็นทีปญหาน้ีควรที่จะปลอยให เปน หนาทีข่ องพอคา หนุมคนนจี้ ะดีกวา ” จึงตัดสินใจพูดข้นึ วา “พอหนุมจะ กอนหนาน้ีมีพอคาเรคนหนึ่งผานมาเขาตีราคาถาดน้ีวามีคาไมถึงแมแต กึ่งมาสก และโยนถาดนที้ ิ้งไป แตทวาถาดใบน้ีกลับกลายไปเปนถาดทองคาํ ขึน้ มาเมื่ออยใู นมือท่ีมบี ุญของทาน เรา สองยายหลานไมมีความตองการในประโยชนของถาดใบนเี้ หน็ ทวี าจะยกใหก บั ทา นเพ่ือแลกกบั อะไรก็ได ท่ที านเหน็ สมควร” เวฬุริยะพอคาหนุมท่ีซ่ือสัตยเมื่อไดฟง ดังนัน้ ก็ดใี จในความเออ้ื อาทร ของคุณยาย จงึ ไดหยิบเงิน ทัง้ หมดทม่ี ตี ิดตวั อันเกดิ จากการคา ขายมานับไดท ้ังหมด ๕๐๐ กหาปณะรวมทง้ั สนิ คาของตนทม่ี ีเหลอื อยู ซ่ึงประมาณคาไดอีก ๕๐๐ กหาปณะ เขาจึงยกเงินและส่ิงของท้ังหมดใหกับยายหลานเพ่ือแลกกับการ เปนเจาของในถาด ทองใบนั้น โดยขอเพียงตาชัง่ กับถุงและขอเงินติดตัวไว ๘ กหาปณะเพือ่ เปนคา ใชจา ย ในการเดินทางกลบั บาน เม่ือตกลงกันไดดังนั้นก็เกิดการแลกเปลี่ยนที่สรางความพึงพอใจใหกับท้ัง สองฝาย โดยยายกับ หลานไดเงินกับรถเข็นรวมทั้งสินคาท่ีเหลือท้ังหมดไป สวนฝายเวฬุริยะพอคาหนุมก็ไดถาดทองคําใบน้ัน อันเปนผลท่ีเกิดจากความ ซื่อสัตยในอาชีพของตน หลังจากน้ันเขาไดเรงรุดไปยังฝงแมนํ้านีลพาหะ เพ่อื ท่จี ะจา งเรือเปนเงินจํานวน ๘ กหาปณะกลับไปสูเ มอื งเสรวิ รัฐอนั เปนปต ุภมู มิ าตคุ ามของเขา คร้ันกลาวถงึ ฝายชายหนุมปาวกะพอคาเรรวมอาชีพอีกคนทใ่ี นใจสารวนเฝา คิด แตจะพชิ ิตเอา ถาดทองมาเปนของตนโดยไมยอมสูญเสียอะไรเลย ทําใหตลอดเสนทางที่ผานมาไมไดคาขายสินคาอะไร เลยสกั ช้นิ เพราะในใจเฝา ถวิลหาแตถ าดทอง แตเพราะตอ งการท่ีจะสรา งอํานาจการตอรองจึงจําตองทํา ทีเปนเดินหนีจากมา อยางไมสนใจใยดี คร้ันผานมาไดสักพักก็ยอมหักใจที่จะสูญเสียของมีคาแตเพียง เลก็ นอ ย บางอยางเพื่อแลกกับถาดทองคําใบน้นั จึงหวนกลบั ไปยังบา นของยายหลานทั้งสองอีก ครั้ง แลว พูดข้ึนวา “เอาหละ... ไหน ๆ วันน้ีฉันก็ขายของไดกําไรมากมาย...ฉันน้ันเปนคนใจดีเลยอยากทําบุญ สงเคราะห คนแกก ับเดก็ สักคร้ัง โดยจะยอมใหข องแกท า นบางอยา งเพ่อื แลกกับถาดอันอุบาศกใบนน้ั ” ครนั้ เมื่อหญิงชราไดยินไดฟ งดงั นน้ั ก็พดู สวนกลบั ไปวา

๖๕ “หนอยแนะ...เจาพอคา ใจคดยังมีหนา มาพูดปดอยางไมอาย ถาดทองใบนี้มีคาอยางมากมายกวา แสนกหาปณะ แตเจากลับตีราคาใหไมถึงกึ่งมาสก พวกเราไดยกถาดทองใหกับพอคาเรทานหนึ่งซ่ึงมีใจ สตั ยซ ่อื ถือคุณธรรมโดย แลกกบั เงิน ๕๐๐ กหาปณะและสินคา ทัง้ หมดของเขา” พดู จบหญงิ ชราก็ไดช ี้นิ้ว ใหด ูรถเขน็ สินคาท่ขี างบานของตนน้นั ทนั ทีท่ีไดรบั รเู รื่องราวปาวกะถึงกับเขาออน หมดแรง หนา มืดคลายจะเปนลม เสยี งแหงความ ขมขนื่ ตะโกนกองรองอยูในใจ ‘โอ...ถาดทองของขา อันมคี ามากมายเจาไดมลายหายไปแลว หรอื น่ี ไมจรงิ ...มนั ไมจ รงิ ’ ยงิ่ คดิ ก็ย่ิงแคนทั้งเจบ็ ใจและเสียดายทําใหอณุ หภูมโิ ทสะในรางกายลุกโชนจน ทะลุจุดเดือด เขาไดขวา งเงินทองรวมทั้งสิ่งของท้งั หมดทิ้งไปอยา งคนเสียสติพรอมทง้ั ตีอก ชกตัวอยา งคนบา คลั่งแลว หันหลงั ออกว่งิ ไปโดยมีจดุ หมายปลายทางที่ฝงแมน ้าํ นลี พาหะ เมอ่ื มาถึงเหน็ เวฬุริยะนั่งอยูในเรอื ที่กําลัง ลอยอยกู ลางนํา้ จงึ ตะโกนรองเรียกใหนายเรือกลบั มารบั เขาไปดว ยคนแตก็จนดวยปญ ญาเมือ่ เรือ ไมมีที ทาวา จะหวนกลับมารับเขา เรอื ลํานอ ยคอย ๆ เคลอื่ นหา งออกไปประหนึง่ คลา ยหัวใจของปาวกะจะแตก เปน เสยี่ ง ๆ เขายังเฝา ตะโกนอยา งสุดเสยี งอยอู ยา งน้ันดวยความอาฆาตและเจ็บใจ จนในท่สี ุดความอดั อั้นตนั ใจทรี่ ุนแรงกแ็ ปลงคาออกมาเปน การกระอักโลหิตทาํ ให เขาเสยี ชวี ติ อยูท รี่ ิมฝงแมนํ้าดังกลา ว นัน่ เองฯ พระบรมราโชวาท พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร 25-26 กรกฎาคม 2539 / 25 ก.ค. 39 “… การพัฒนาประเทศจะบรรลุผลตามเปาหมายไดมากนอ ยเพียงใดน้ัน ยอ มขน้ึ อยูก บั ปจจยั ประกอบการหลายอยาง. อยางแรก ตอ งมคี นดี คือมปี ญ ญา มคี วามรบั ผิดชอบ มีความวิริยะอุตสาหะ เปนผูปฏิบัติ. อยางท่ีสอง ตองมีวิทยาการที่ดี เปนเคร่ืองใชประกอบการ. อยางท่ีสาม ตองมีการวางแผนที่ดี ใหพอเหมาะพอควรกับฐานะ เศรษฐกิจ และทรัพยากรที่มีอยู โดยคํานึงถึงประโยชนอันพึงประสงคของประเทศและประชาชน เปนหลักปฏิบัติ. บัณฑิตเปนผูมี ปญ ญาความสามารถสูง เพราะไดรับการศึกษาอบรมมามาก ยอมเปนที่หวังของคนทั่วไปวาจะเปน กําลังสําคัญในการปฏิบัติบริหารงานของชาติ ใหวิวัฒนาไปดวยดีในทุก ๆ ดาน ดังน้ัน ทุกคนจึง ควรจะไดถือเปนภาระหนาท่ี ที่จะตองใชปญญา ความรู ความสามารถของตนรับใชสังคม และ พัฒนาชาตบิ านเมืองใหเกดิ ประโยชนส งู สดุ เทา ท่ีจะทาํ ได. …”

๖๖ คํากลอนสอนใจ เปนคนดี ใครกช็ อบ นอ มเคารพ ดูนาคบ สรรเสรญิ เปน หนักหนา ถงึ อยูไ กล ความดี ก็นาํ พา เพราะชะตา คนดี มมี ากพอ อยากใหโลกของเราน้นี า อยู ชว ยเชดิ ชูคนดีใหส ตู อ อยากใหทําความดีอยาเกินรอ อยาไดท อและถอย จงระวัง ความดีไมม ีขาย อยากไดทาํ เอง ใชจะขมเหงนักเลงไมจีรัง ทเ่ี ปน เชนนี้วจยี ับย้งั ทาํ ดีใหด ังทุกครัง้ ทใ่ี จพรอม ความซื่อสัตยสจุ รติ นําชีวิตใหส ดใส เวน การคดโกงใคร ทําสิง่ ใดดวยใจจริง ถูกตอ งและซอ่ื ตรง ใจม่นั คงในทุกส่งิ ชายหญิงจงประวิง อยา ละทิ้งคุณธรรม “ในโลกยุคปจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอยางรวดเร็ว มีการหล่ังไหลเขามาของ วัตถุนิยมสูสังคมไทยมีใหเห็นมากข้ึน ผูคนเร่ิมหลงใหลในวัตถุนิยมและความสะดวกสบายในการ ดํารงชีวิต โดยไมคิดถึงผูอ่ืน จึงทําใหสังคมเกิดความวุนวายแกงแยงแขงขันกันเพราะขาดคุณธรรม พ้ืนฐานในการดํารงชีวิต โดยเฉพาะอยางย่ิง เรื่องความซื่อสัตยสุจริตเพราะคุณธรรมขอน้ีเปนพื้นฐาน สาํ คัญของการพัฒนาตนเองใหเปนคนดี และสงั คมมีความสุข” ทั้งหมดน้ี..ถูกถา ยทอดจากแนวความคิด ของเด็กหญิงศศิกานต จันทูล นักเรียนระดับช้ันประถมศึกษาปที่ ๔/๔ ร.ร.วัดกําแพง เขตบางขุนเทียน กทม. ท่ีไดแตงกลอนพรอมเรียงความหัวขอ“ความซื่อสัตยสุจริตเปนคุณสมบัติของเด็กและเยาวชนรุน ใหม”ภายใตโครงการ“ลมหายใจไรมลทนิ ” ที่ไดส ะทอนใหเห็นวาเยาวชนรุนหลังถึงแมพวกเขาจะยงั เปน เดก็ แตกลับมองเห็นปญหาของสังคมไทยในทุกวันนี้ไมแตกตางจากผูใหญ.. เชนเดียวกับนางสาว มนัสวี ขจติ เจริญชยั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี ๖/๓ โรงเรยี นนารีวุฒิ จ.ราชบุรี ทีม่ องวา “ความซื่อสัตยส ุจริต เปนคุณธรรมประจําตนท่ีตองปลูกฝงไปตลอดชีวิต” โบราณกลาววา..ไมออนดัดงาย ไมแกดัดยาก เปรียบดังคนก็เชนเดียวกันการจะปลูกฝงทัศนคติ ความเช่ือ คานิยมหรือลักษณะนิสัยใดๆ ก็ตาม ตอง เร่ิมปลูกฝงแตยังเยาววัยทีละนอยใหส่ังสมไปเร่ือยๆ เม่ือโตขึ้นก็ตองปลูกฝงตอไป แมเปนผูใหญก็ตองมี การปลูกฝงไปจนตลอดชวี ิตแตลักษณะและวิธีการปลูกฝงจะตองแตกตางกันไปตามวัยและวุฒิภาวะของ แตล ะคนท่แี ตกตางกัน

๖๗ “...ความซ่ือสตั ยส ุจริตเปนพืน้ ฐานของความดที ุกอยาง เดก็ ๆจึงตองฝกฝนอบรมใหเกดิ มขี น้ึ ในตนเอง เพ่อื จกั ไดเ ติบโตข้ึนเปน คนดี มปี ระโยชน และมชี วี ิตทสี่ ะอาดทีเ่ จริญมั่นคง...” นายเจตน ตันติวณิชชานนท นักศึกษาระดบั ชน้ั ปท ่ี ๔ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบรุ ี ไดห ยิบยกความ ตอนหนง่ึ ในพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหวั ฯที่ไดพระราชทานเนอื่ งในวันเดก็ แหง ชาติ ป ๒๕๓๑ กลับมาเตือนใจคนไทยอีกคร้ัง โดยเฉพาะพอแมผูปกครอง ซ่ึงสถาบันครอบครัวนับเปน สถาบันหลักทางสังคมในการทําหนาที่หลอหลอม“คนดี” หากใหทุกทานไดนึกถึงสภาพสงั คมที่ไรซึ่ง ความจริงใจแกกัน ผูคนตางคดโกง กอบโกย แสวงหาผลประโยชนสวนตน โดยไมสนใจคนท่ีอยรู อบ ขาง ส่ิงที่จะตามมานั่นคือ “ปญหา” และเม่ือเกิดปญหาขึ้น ตางฝายก็โยนความผิดใหแกกัน ขาด ความสามัคคีกลมเกลียว กอใหเกิดความไมสงบสุข ผูคนตางตองอยูอยางหวาดระแวงจนกลายเปน สังคมที่ไมมีใครปรารถนาท่ีจะอาศัยอยู ดวยเหตุดังกลาวนี้ เราจึงตองมีคุณธรรมพื้นฐาน นั่นคือ “ความซ่ือสัตยสุจริต” อันเปนรากแกวของคุณธรรมทั้งปวงท่ีจะนําไปสูความดีงามอ่ืนๆขจัดความ ขดั แยง ความแตกแยกและนําพาสงั คมและประเทศชาตขิ องเราคนื สูค วามสขุ สงบ สนั ติอยางแทจรงิ

๖๖ ชอื่ วิชา ทาํ ดีไดด ี ทาํ ชวั่ ไดช ว่ั บทเรยี นที่ ๗ ๖๐ นาที ขอบขา ยรายวชิ า เรียนรูหลักกรรมในพระพุทธศาสนา หลักของการทําดีไดดี การทําช่ัวไดชั่ว วิบากกรรมจากการ ประพฤติตนในการทุจริต คดโกง พรอมอุทาหรณบุคคลที่กระทําการฉอราษฎร บังหลวง ตองถูกชดใชกรรม ตามที่ปรากฏในชาดก และสถานการณป จจุบัน จุดหมาย เพ่ือใหผูเขารับการอบรมมีความรูความเขาใจในหลักกรรมทางพระพุทธศาสนา และเกิดความ ตระหนกั ในการตอ งต้งั ตนอยูใ นการสรางคุณงามความดี หลีกเล่ยี งการประพฤตติ นในทางแหงความเส่อื ม วตั ถปุ ระสงค เมื่อจบบทเรียนน้แี ลว ผูเ ขารับการฝกอบรมสามารถ ๑. สามารถอธิบายคณุ ลกั ษณะของกรรมดี กรรมช่ัว ๒. สามารถอธิบายคณุ ลกั ษณะของกฎแหง กรรมทวี่ า “ทาํ ดีไดด ี ทาํ ช่วั ไดช ั่ว” ๓. สามารถอธิบายวธิ กี ารหลีกเลี่ยงการปฏิบตั ติ นในทางท่ีจะกอใหเกิดการทจุ รติ ๔. สามารถอธบิ ายวบิ ากกรรมของการทจุ ริตคอรรัปชันได วธิ ีสอน/กจิ กรรม ๑. นําเขาสูบทเรียนโดยการชมสื่อวีดีทัศนเก่ียวกับบุคคลที่เปนตัวอยางของผูดํารงตนอยูในความ พอเพียงแลวไดรับการยอมรับในสังคม และสื่อวีดีทัศนของผูประพฤติทุจริต คดโกงแลวไดรับผลลงโทษตาม กฎหมายและกฎแหงกรรม ๒. อภิปรายซกั ถาม ความเปนเหตุปจจยั ของกรรมดที สี่ ง ผลดี และกรรมช่ัวที่สงผลราย ๓. บรรยายประกอบเพาเวอรพ อ ยทแ ละเพลง ๔. กิจกรรมระบายสีภาพ “กฎแหงกรรม” โดยเนนภาพที่แสดงใหเห็นถึงปจจุบันท่ีเปนอยูเปนผลมา จากอดีตทท่ี าํ กรรมดแี ละกรรมชวั่ สือ่ การสอน ๑. เพลง ๒. ภาพ นิทาน สอื่ วีดีทศั น ๓. ใบความรูเร่ือง “กฎแหงกรรม” ๔. ใบงาน เรือ่ ง “กฎแหง กรรม” การประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการวัดผล : ประเมินการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลุม ๒. เครื่องมือวดั ผล : แบบประเมินการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลมุ

๖๗ ๓. เกณฑก ารประเมินผล : มีผลการประเมินผานเกณฑท ่กี ําหนด เอกสารอา งอิง / แหลงขอ มลู ๑. ท.เลียงพบิ ลู ย. (๒๕๕๔). กฎแหงกรรมฉบบั สมบูรณ. กรงุ เทพฯ : เนชัน่ บุคส. ๒. นิทานธรรมบท เน้อื หาวิชา หลักกรรมกับการแกป ญ หาการทจุ ริตคอรร ัปชนั ใบความรทู ่ี ........... เรอ่ื ง กฎแหงกรรม กรรม หมายถึง การกระทําทางกาย วาจา และใจที่ประกอบดวยเจตนา คือ ความต้ังใจ หลักความเชื่อในเรื่องกรรมตามหลักคําสอนของพระพุทธเจา เชน คนเราจะดีหรือช่ัวอยูที่การกระทาํ ทําดีไดดี ทาํ ช่ัวไดช ว่ั ทางกาย = พฤติกรรม กุศลกรรม กรรม ทางวาจา = การพดู จา เจตนา ผลกรรม (การกระทาํ ) (ตงั้ ใจ) (ผลท่ีเกดิ จาก การกระทาํ )

๖๘ ทางใจ = การคิด อกุศลกรรม พระพุทธศาสนาสอนวา กรรมเปนตนเหตุของความเปนไปตาง ๆ ในชีวิต บุคคลใดทํากรรมใดไวจะ เปนผูไดรับผลแหง กรรมนนั้ พระพุทธเจาไดท รงแสดงธรรมเกี่ยวกับหลกั คําสอน เรื่องกฎแหงกรรมไววา “ทาํ ดีไดด ี ทําชั่วไดช ั่ว” หมายความวา เมื่อผูใดกระทําการใด ๆ โดยมีเจตนาอยางชัดแจง จะตองมีผลของการกระทําเกิดขึ้นกับ ผูกระทําอยางใดอยางหนึ่งเสมอ ถาผูน้ันกระทําความดีก็จะบังเกิดสิ่งที่ดีงามนาพึงปรารถนา แตผูน้ันกระทํา ความชวั่ ก็จะบงั เกดิ สงิ่ ท่ีเลวรายไมพงึ ปรารถนาเปนผลตอบแทน กรรม หมายถึง การกระทําทางกาย วาจา ใจ ที่ประกอบดวยเจตนา คือ ความตั้งใจทําในสิ่งท่ีดี และไมดี ผลของกรรม หรือผลจากการกระทํา จะเกิดข้ึนกับผูกระทําในลักษณะที่เปนเหตุเปนผลกันตาม ธรรมชาติ ผลของการกระทําจะเกดิ กบั ผกู ระทาํ ๒ ข้ันตอน ไดแก ๑) ไดรับผลทันทีเมื่อกระทํา เชน นักเรียนทําดีดวยการตั้งใจเรียน ผลคือ สอบไดคะแนนดี เรียน เกง ถา นักเรียนเกเร รังแกเพือ่ น ผลคอื ถกู ครทู าํ โทษ ถูกพอแมตาํ หนิ ๒) ไดรับผลภายหลัง กฎแหงกรรมเปนสิ่งที่มีอยูจริงในธรรมชาติ การทําดีไดดี ทําช่ัวไดชั่ว จึงเปน สัจธรรมเท่ียงแท แมก ารกระทาํ นน้ั จะผา นไปนานแลว เชน แดงลักทรพั ยผอู น่ื ไมชา กม็ ีคนรูและถูกจบั ได การกระทําทางกาย เรียกวา กายกรรม จําแนกออกเปน ๒ ประเภท ไดแ ก กายสุจริต (การทําดีทางกาย) กายทุจริต (การทาํ ช่ัวทางกาย) ๑. เวน จากการฆา สตั ว ๑. การฆา สตั ว ๒. เวนจากการลกั ทรัพย ๒. การลักทรพั ย ๓. เวนจากการประพฤติผิดในกาม ๓. การประพฤติผดิ ในกาม การกระทําทางวาจา เรยี กวา วจกี รรม จําแนกเปน ๒ ประเภท ไดแ ก วจีสจุ รติ (การทาํ ดที างวาจา) วจีทุจริต (การทําชั่วทางวาจา) ๑. เวน จากการพดู เท็จ พดู หลอกลวง ๑. การพดู เท็จ พดู หลอกลวง ๒. เวนจากการพูดสอเสียด ๒. การพูดสอเสียด ๓. เวน จากการพูดคําหยาบ ๓. การพดู คําหยาบ

๖๙ ๔. เวนจากการพูดเพอ เจอ ๔. การพูดเพอ เจอ การกระทาํ ทางใจ เรยี กวา มโนกรรม จาํ แนกเปน ๒ ประเภท ไดแ ก มโนสุจริต (การทาํ ดีทางใจ) มโนทจุ ริต (การทําชั่วทางใจ) ๑. ไมโลภอยากไดข องของผอู ่ืน ๑. มคี วามโลภอยากไดของของผูอ่นื ๒. ไมค ิดมุงรายผูอน่ื ๒. คิดมงุ รายผูอ ่นื ๓. ไมเหน็ ผดิ ทาํ นองคลองธรรม ๓. มคี วามเห็นผิดทาํ นองคลองธรรม กฎแหง กรรม กฎแหงกรรม คือ กฎธรรมชาติ ขอหน่ึง ท่ีวาดวยการกระทํา และผลแหงการกระทํา ซ่ึง การกระทํา และ ผลแหง การกระทาํ นัน้ ยอมสมเหตุ สมผลกนั เชน ทําดี ยอมไดรบั ผลดี ทาํ ชั่ว ยอมไดรบั ผลชั่ว เปนตน กรรมใดใครกอ ตนเองเทานนั้ ทจี่ ะไดร บั ผลของสง่ิ ท่ีกระทํา กรรมในปจจุบันเปนผลมาจากการกระทําในอดีต และกรรมท่ีกอไวในปจจุบันเปนเหตุท่ีจะสงผล สืบเนอ่ื งตอไปยังอนาคต กรรมดี-กรรมชั่ว ลบลา งซึ่งกันและกนั ไมได ถึงแมวาการทํากรรมดีจะลบลางกรรมช่ัวเกาท่ีมีอยูเดิมไมได แตมีสวนชวยใหผลจากกรรมชั่วที่มีอยู เดิมผอ นลง คือ การผอนหนักใหเปน เบา (ขอ นี้ อุปมาไดกบั การท่ีเรามีนํ้าขนุ ขนอยูแกว หนง่ึ หากเติมน้ําบริสุทธ์ิ ลงไปแลว มสิ ามารถทาํ ใหน ้าํ ขุนกลบั บรสิ ุทธิ์ได แตท ําใหนาํ้ ขุนขน น้นั กลับเจอื จางลงและใสย่ิงขึน้ กวา เดิม) สตั วท้ังหลายมีกรรมเปนของตน เปนทายาทแหง กรรม มีกรรมเปนกาํ เนดิ มกี รรมเปนเผาพันธุ มกี รรม เปนท่ีพง่ึ อาศยั กรรมยอมจาํ แนกสตั วใ หเ ลวและประณตี ได

๗๐ เรอื่ งสอนใจ “กฎแหงกรรม” ๑. ชอบยุแหยใ หค นอนื่ แตกความสามคั คี ผลจาก ชาติกอ นชอบยแุ หยใ หคนอื่นแตกสามคั คี กนั ชาติน้ี จึงถกู เพ่ือนๆ ท้ิงใหอยอู ยา งโดดเด่ียว

๗๑ ๒. ชอบหาประโยชนบ นความเดือดรอ น ผลจาก ชอบหาประโยชนใสตนบนความ เดอื ดรอ นของผอู ่ืน ชาติน้ีจึงเกดิ มาตองแขวนคอตายเพอ่ื ใชกรรม

๗๒ ๓. วางยาเบอ่ื ปลา ผลจาก ชอบวางลอบไซ ก้ันคคู ลอง วางยาเบ่ือ ปลา ชาตนิ ี้จึงถูกวางยาฆา ใหตาย

๗๓ ๔. ยยุ งใหค นอ่นื ทําความช่วั ผลจาก ชอบยยุ งใหคนอน่ื ทาํ ความชั่ว ดว ย ตนเองอยากเดนกวาเขา ชาตนิ ้ีจงึ เกิดมาถกู ใสรายบอยๆ ๕. สนับสนุนการตอ สู

๗๔ ผลจาก ชอบเปนฝา ยสนบั สนนุ การตอสู ชาตินี้จงึ ตอ งอยูใกลชิดกับสิ่งที่เปน อนั ตราย ๖. เปน ทาสของกามารมณ

๗๕ ผลจาก ตกเปนทาสของกามารมณ ขาดความ รบั ผิดชอบชั่วดี ชาติน้ีหญิงจึงเกดิ มาเปนโสเภณี ชายเกิดมาเปน เฒา โลกีย ๗. เคยสรา งสะพาน

๗๖ ผลจาก เคยเปนคนรวมแรง รว มทนุ ในการ กอสรา ง สะพานขา มแมน ้ําลําคลอง ชาตนิ ี้จงึ เกิดมาอยูในครอบครวั ที่มียานพาหนะใช สอยอยางสะดวกสบาย ๘. เคยฆา เปด ไก นก ปลา

๗๗ ผลจาก เคยเปนคนฆาเปด ไก นก ปลา ชาติน้ีจงึ เกดิ มาตองไดร ับบาดเจบ็ จากการถูกไม ถูกมีดถูกของมีคมขดี ขว นเปนแผล หกลม หัวเขา ถลอกปอกเปก ๙. เคยฆา มา วัว ควาย

๗๘ ผลจาก เคยเปนคนฆามา ลา ววั ควาย ชาตนิ ี้จงึ เกิดมามแี ผลฉกรรจ ไฟไหมเนื้อตวั เปน แผลพพุ องประสบอบุ ตั เิ หตุรถลม รถชนตอง ผาตดั ชวงทอ งหรืออวัยวะสําคัญ ๑๐. เคยดักจบั สัตว

๗๙ ผลจาก เคยดักจบั สตั วโ ดยใช แห อวน ตาขาย ขึงลากดงึ ปดกัน้ แมน ้าํ ลําคลอง ใชยาเบ่อื ทาํ ใหส ตั วเลก็ สัตวน อ ยตองตดิ อยูในตาขายเกอื บ ท้ังหมดตวั ทหี่ ลดุ ไปไดมนี อ ยมาก ชาตินี้เกิดมาจงึ ตองไดรับอันตรายจากอุบัตเิ หตุ โดยบังเอิญ ๑๑. เคยฆา คนดี

๘๐ ผลจาก เคยเปนคนฆาคนดีของครอบครัว และ สังคม ชาติน้ีเกดิ มาจงึ ตอ งถกู ฆา ถูกยงิ ถูกฟน พลัดตก จากทีส่ งู ตายดว ยอบุ ัติเหตุรถชน รถพลิกควํา่ ๑๒. ตดิ หน้แี ลว ไมยอมคนื

๘๑ ผลจาก เคยตดิ หนเ้ี ขาแลว ไมย อมใชคนื แกเ จาหนี้ ชาตนิ ้ีเกดิ มาจึงตอ งเปน ววั เปน ควาย เปน มา ๑๓. เปน คนหลอกลวง

๘๒ ผลจาก เคยเปน คนหลอกลวงคน กลน่ั แกลงผอู ่ืน ใหไดร ับทุกข ชาตินี้เกิดมาจงึ ตอ งเปนหมู เปนสนุ ขั ๑๔. ชอบเอาเปรียบ กินแรง