๓๗ ใบสรุปความรู เร่ือง โลกปาลธรรมกับการปองกันการทุจริตคอรร ัปชัน ความหมายและความสําคัญ โลกปาลธรรม ธรรมคอื คุม ครองโลก มี ๒ อยาง ไดแก (๑) หิริ (๒) โอตตัปปะ หิริ ความละอายแกใจ หมายถึง ละอายใจตอการทําความชั่ว มองเห็นความช่ัววาเปนสิ่งนาละอาย นารังเกียจ ไมควรทํา ความชั่วคือส่ิงที่กอใหเกิดความเดือดรอนแกผูทําและผูถูกทํา เชน การดากัน ดูถูกกัน ทาํ รายกัน ฆา กัน การลกั ขโมย เปน ตน ธรรมคือหริ ิ ความละอายแกใ จจะปอ งกนั ไมใหทําความช่วั เชน นนั้ โอตตัปปะ ความเกรงกลัว หมายถึง เกรงกลัวตอ การทาํ ความชั่ว มองเหน็ ผลของการทําความชว่ั วา จะทําใหตนตองไดรับความเดือดรอน เชน เมื่อดาคนอื่นตนก็ตองถูกดาตอบ ทํารายผูอื่นตนก็ตองถูกทําราย ตอบ ผูท่ีทําความช่ัวนอกจากจะไดรับผลในปจจุบันแลว เม่ือตายไปก็ตองรับผลตออีก เชนตองไปรับใชกรรม ในนรกเปนตน ธรรมคือโอตตัปปะ ความเกรงกลัวบาปจะปองกนั ไมใหทาํ ช่ัวและไมตอ งไดรับความเดอื ดรอน ท่มี ีสาเหตุมาจากการทําความชัว่ นน้ั ประโยชนของการมีหิริและโอตตัปปะ ทําใหไ มมีคนทําความชวั่ ถงึ มีก็ลดนอยลง เพราะคนเกดิ ความละอายใจ และไมก ลาทําความช่ัว โลก กจ็ ะสงบสขุ จงึ กลา วไดวา โลกไดรบั ความคมุ ครองปอ งกนั จากคนมีหิริ โอตตัปปะ โทษของการขาดหิริและโอตตปั ปะ ถามนุษยขาดธรรมคือหิริและโอตตปั ปะ โลกจะมีแตการรบราฆาฟนกัน ใครเกง แข็งแรงกวากม็ ีชวี ิต อยูรอด ใครออนแอจะถูกทําราย ถูกฆา เกิดสงครามแผขยายไปท่ัว ไมเปนอันทํามาหากิน ผูคนตางอยูดวย ความหวาดระแวงภยั วิธีฝก ใหม ีหริ แิ ละโอตตัปปะ กอนทําส่ิงใดใหพิจารณากอนวา เปนความชั่วหรือไม วิธีพิจารณาความชั่ว ก็คือ ดูผลที่จะเกิดจาก การทําน้ัน ถาผลท่ีจะเกิด สรางความเดือดรอนใหตนเองและผูอ่ืน ใหคิดไวกอนวาเปนความชั่ว เมื่อรูวาเปน ความชั่ว ก็คดิ พิจารณาตอไปนี้ ๑) คิดพิจารณาถึงตระกูลของตนวา เรามีตระกูลดี พอแมสอนมาดี การทําความชั่วอยางคนไมดีทํา เปนส่งิ ทน่ี าละอาย การไดรับผลของความชว่ั เปน สงิ่ ที่นากลวั ๒) คิดพิจารณาถึงอายุของตนวา เราเปนผูใหญแลว การทําความชั่วอยางที่คนไรเดียงสาทํา เปนส่ิง ท่นี าละอาย การไดรบั ผลของความชว่ั เปน สิ่งท่นี ากลวั ๓) คิดพจิ ารณาถึงกําลังกายของตนวา เราเปนคนมีกําลังแข็งแรง การทําความช่ัวอยางท่ีคนออนแอ หากนิ ลาํ บากทาํ เปนสิง่ ท่ีนา ละอาย การไดรับผลของความชั่ว เปนส่ิงทีน่ ากลัว ๔) คิดพิจารณาถึงกําลังความรูของตนวา เรามีความรูดี การทําความชั่วอยางที่คนไมมีความรูทํา เปนสงิ่ ท่นี าละอาย การไดร บั ผลของความชั่ว เปนสงิ่ ทีน่ า กลัว หริ ิและโอตตัปปะกับการปองกนั ทจุ รติ คอรร ัปชั่น หิริโอตตัปปะ หมายถึง ความละอายและความเกรงกลัวตอบาป เปนธรรมะสําคญั ที่ใชควบคุมจิตใจ มนุษยใหอยูในความดี ใชในการดําเนินชีวิต และอยูรวมกันของคนในสังคม การดําเนินงานและการปฏิบัติ หนาที่ เปนธรรมะที่ชวยปองกันการทุจริตคอรรัปชันจากภายในตัวบุคคล สรางสังคมสุจริตและดีงามอยาง ยั่งยืน
๓๖ บทเรยี นที่ ๕ ชือ่ วิชา ความสะอาดกาย วาจา ใจเพ่อื ความปลอดภยั ในชีวติ ของเยาวชน ๖๐ นาที ขอบขายรายวิชา เรียนรูเร่ืองความสะอาดทางกาย วาจา และใจตามหลักพระพุทธศาสนา เชน ความ สะอาดทางกายและสิ่งแวดลอมดวยการมหี ลักการดําเนนิ ชีวิตทไี่ มเบียดเบยี นตนเองและผูอ ่ืน สรา งสรรค ความสะอาด สงบ รมร่ืน สวยงาม เปนระเบียบได มีการพูดจาดวยคําท่ีเปนประโยชน สรางสรรค สื่อสารในเชิงบวก สะอาดใจดายการคิดดี มองโลกดวยความเปนกัลยาณมิตร เพื่อเสริมสรางความ ปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ยส นิ ของเยาวชนและสังคมไทย จุดหมาย เพ่ือใหผูเขารับการฝกอบรมมีความรู ความเขาใจ เก่ียวกับเรียนรูเรื่องความสะอาดทางกาย วาจา และใจตามหลักพระพุทธศาสนา เพื่อเสริมสรางความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสินของเยาวชน และสังคมไทย วตั ถปุ ระสงค เมื่อจบบทเรยี นนแ้ี ลว ผูเขารบั การฝก อบรมสามารถ ๑. รู และเขา ใจเก่ยี วกับความสะอาดทางกาย วาจา และใจตามหลักพระพุทธศาสนา ๒. ปฏิบตั ิตนตามหลกั แหง ความสะอาดทางกาย วาจา และใจตามหลักพระพุทธศาสนาได ๓. สามารถเช่ือมโยงเร่ืองความสะอาดทางกาย วาจา และใจตามหลักพระพุทธศาสนาไปสู การจัดการดูแลตนเอง เพื่อน ครอบครัว และชุมชนที่มีความสะอาดดวยกาย วาจา และใจ อันเปน พื้นฐานของการดํารงอยูรวมกัน วิธีสอน/กจิ กรรม ๑. นําเขาสูบทเรียนดวยการสํารวจและจัดระเบียบความสะอาดทางกาย เสื้อผา กระเปาของ ตนเอง หองเรียน สภาพแวดลอ ม และชวยกันจัดระเบียบหองเรียน (๑๕ นาท)ี ๒. สอบถามบรรยากาศหอ งเรียนและความคิดเห็นเกีย่ วกับรปู ภาพหรือ CD ทีแ่ สดงภาพความ สะอาดกบั ภาพความสกปรกของสถานท่ตี างๆ เพอื่ เปรยี บเทยี บความสะอาดภายนอก (๒๕ นาท)ี ๓. บรรยายชาดกเร่ือง “เสรีววาณิช” และหลักธรรมท่ีเก่ียวกับเพื่อเสริมสรางความสะอาด ทางกาย วาจา และใจตามหลักพระพทุ ธศาสนา (๒๕ นาที) ๔. แบงกลุมอภิปรายและจัดทํารูปภาพปายนิเทศเพ่ือแสดงถึงความสะอาดทางกาย วาจา และใจตามหลกั พระพทุ ธศาสนา (๕๕ นาท)ี ๕. นําเสนอผลงานกลุม (๑๐ นาท)ี ๖. ซกั - ถาม (๑๐ นาที) ๗. สรุป (๑๐ นาท)ี
๓๗ ส่ือการสอน ๑. แผนภาพ รูปภาพหรือ CD ที่แสดงความสะอาด-สกปรกของส่ิงแวดลอม และภาพท่ีแสดง การเบียดเบยี นตอบุคคลและสงั คม ๒. เอกสาร/แผนภาพแสดงชาดกเรอ่ื ง “เสรวี วาณิช” ๓. ใบงานเรอ่ื งความสะอาดกาย วาจาและใจตามหลกั พระพทุ ธศาสนา ๔. ใบความรู เร่ือง “ความสะอาดกาย วาจา ใจเพอ่ื ความปลอดภยั ในชวี ิตของเยาวชน” การประเมินผล ๑. วิธกี ารวดั ผล : ประเมินจากการเรยี นรูแ ละพฤตกิ รรมการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุม ๒. เครอื่ งมอื วดั ผล : แบบวดั ความรแู ละแบบประเมนิ พฤตกิ รรมการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลุม ๓. เกณฑการประเมินผล : มผี ลการประเมนิ ผา นเกณฑท ่กี าํ หนดไมนอ ยกวา รอยละ ๖๐ เอกสารอา งอิง/แหลง ขอมูล ๑. เสรีววาณชิ ชาดก ในพระไตรปฎก เลม ท่ี ๒๗ บรรทัดท่ี ๑๙ - ๒๔. หนา ท่ี ๒. ๒. ชยสาโรภกิ ข.ุ (๒๕๔๒) กระโถน กระถาง. กรงุ เทพฯ : บริษทั เฟองฟา พรน้ิ ติ้ง จํากดั . ๓. พระธรรมปฎก (ประยุทธ ปยุตฺโต). (๒๕๔๖). สูการศึกษาแนวพุทธ. (พิมพครั้งท่ี 2) กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพอ งคก ารรบั สง สนิ คา และพัสดภุ ณั ฑ (ร.ส.พ). ๔. พระพรหมคณุ าภรณ (ป.อ. ปยุตฺโต). (๒๕๔๙). สุขภาวะองคร วมแนวพุทธ ภาวะท่ีปลอด ทุกขและเปนสขุ ในระบบชวี ิตแหง ธรรมชาตแิ ละสังคมยุคไอท.ี กรงุ เทพมหานคร : ธรรมสภา. ๕. สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูสุขศึกษาและพล ศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. (๒๕๕๑). กรุงเทพฯ : โรง พมิ พช มุ นุมสหกรณก ารเกษตรแหงประเทศไทย จํากัด> พระบรมราโชวาท \"ถา คนไทยทกุ คน ถือวาตนเปนเจา ของชาตบิ านเมืองและตางปฏบิ ตั ิหนา ที่ของตนใหด ีดว ย ความซอ่ื สตั ยส ุจรติ และถูกตองตามทาํ นองคลองธรรมแลว ความทุกขยากของบานเมืองก็จะผา นพน ไปได\" พระราชดาํ รสั พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล พระอัฐมรามาธบิ ดนิ ทร เน้อื หาวชิ า
๓๘ สะอาด (Clean) คือ ปราศจากความมัวหมอง ทั้งกาย ใจ และสภาพแวดลอม ความผองใส เปนท่ีเจริญตา ทําใหเกิดความสบายใจแกผูพบเห็น ผูท่ีมีความสะอาด คือ ผูรักษารางกาย ที่อยูอาศัย สิ่งแวดลอม ถูกตองตามสุขลักษณะ ฝกฝนจิตใจมิใหขุนมัว มีความแจมใสอยูเสมอเม่ือพูดถึง0 “ ความสุข” หรือภาวะปกติสุข คนทั่วไปมักนึกถึงเร่ืองทางกายเทาน้ัน แตในความเปนจริง สุขภาวะทาง กายเปนเพียงสวนหน่ึงของสุขภาวะทั้งหมดของมนุษย เพราะมนุษยมีท้ังกายและใจ นอกจากนั้นเราแต ละคนยงั มชี วี ิตอยูท า มกลางผคู น ซ่ึงทงั้ หมดน้ลี วนเปน องคประกอบที่สง ผลถงึ สุขภาวะของเราทุกคน สุขภาวะทางกาย0 คอื การมีสุขภาพดี ปลอดพนจากโรคภยั ไขเจ็บ ไมอดอยากหิวโหย มีปจจัย ๔ พอเพียงกับอัตภาพ อยูในสภาพแวดลอมที่เกื้อกูลตอสุขภาพ ปราศจากมลภาวะ มีการเอาใจใสดูแล รางกายใหสะอาด รวมทั้งบริโภคและใชสอยอยางถูกตองเหมาะสม ดําเนินชีวิตไปในทางท่ีไมเปน อนั ตรายตอ สขุ ภาพของตนเอง สุขภาวะทางใจ0 คือ การมีจิตใจที่สะอาด สดช่ืน เบิกบาน ผองใส และสุขสงบ ไมกลัดกลุม กังวล มีกําลังใจและความม่ันคงภายใน ปราศจากความทอแท หดหู เศราโศก หรือโกรธขึ้ง มีเมตตา กรุณา และจิตใจที่ออ นโยน สามารถเขาถึงความสุขท่ปี ระณีตได ดงั นั้น พฤติกรรมทงั้ หมดของเรา ลวนเรม่ิ ตนมาจากความคิด ความเห็น และความเช่ือ เราคิด เราเชื่ออยางไร เราก็ทําอยางน้ัน หากความคิด ความเห็น และความเชื่อน้ันประกอบดวยปญญา มี เหตุผล หรือตั้งอยูบนความรูที่ถูกตอง ยอมสง ผลใหเรามีพฤติกรรมที่ถูกตองดีงามและนําไปสูความสุข เราทกุ คนจงึ ควรทาํ ความสะอาดกายและใจจนเปนนิสยั ในการดําเนินชีวิตของเด็ก ซึ่งหมายถึง องคประกอบท้ังหมดท่ีทําใหชีวิตดํารงอยูได ทั้งกาย ทั้งใจ และทั้งปญญา ชีวิตท่ีดํา เนินไปน้ันจึงมีหลายดาน แตไมวาจะเปนดานไหนก็ตาม ถาเปนอยูหรือ ดําเนินผิดพลาด ก็จะเกิดปญหาและสงผลกระทบกันหมด การท่ีเด็กจะมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง สะอาด ผอ งใส ไมข นุ มวั จงึ ตอ งดูแลระบบความสัมพันธน ้ีใหเปน ไปดวยดี ชีวิตของเด็กมีเครื่องมือหรือชองทางสัมพันธกับโลกและส่ิงแวดลอม ไดแก ตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ ทําหนาทร่ี ับรูขอ มลู ขาว สาร หรือ “เรยี นรู” วา เปนอะไร อยางไร และ “รสู ึก” เชน สบายใจ ไม ชอบใจ ทุกข เปนตน ถาจะพัฒนาชีวิต ก็ตองใชตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ เพื่อศึกษาเรียนรูใหมาก นอกจากน้ี ชวี ติ ของเด็ก ยังมีชองทางแสดงออกซึง่ พฤติกรรมในการสมั พนั ธกบั สงิ่ แวดลอม ดังน้ี โดยการเคล่ือนไหว ใชร า งกายทําโนนทําน่ี โดยการพดู ใชถอยคําเจรจาปราศรัยกับคนอ่นื โดยการคิด ออกไปสกู ารพูดและการกระทํา ดังนั้น เด็กท่ีมีสุขนิสัยในการรักษาความสะอาดสุขภาพกายและสุขภาพจิตเปนประจํา สม่ําเสมอ จะมีรางกายแข็งแรง จิตใจราเริงเบิกบานแจมใส มีความสุข มีความปลอดภัย สามารถ ประสานกับผูอ่ืนโดยแผขยายความรักใครไมตรี มีจิตใจแนวแนม่ันคง ใจอยูกับส่ิงท่ีทํา ไมวอกแวก ไม ฟุงซาน สงบ เย็น ผอนคลาย ไมเครียด ไมบีบค้ัน แตมีกําลังใจ อิ่มใจ ปลาบปล้ืมใจ ทําอะไรดวยใจรัก ดว ยความสขุ ดวยสุขภาพจติ ท่ดี ี ทําใหม ีความกาวหนา คบื หนาไป เด็กท่ีมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตท่ีดี กายสะอาด ใจราเริงเบิกบานแจมใส จะอยูกับคนอื่น ดวยความรักใคร มีไมตรี จิตใจมั่นคงอยูในหนาท่ี และในการทําความดีได เพราะเด็กไมใชผูใหญตัวเล็กๆ แตเด็กคือเด็กท่ีมีความรูสึก ความคิดเห็นของตน เอง ซ่ึงจะถูกหรือผิดขึ้นอยูกับผูใหญที่จะชวยตะลอม
๓๙ ชว ยนําพาเขาสเู สนทางท่ีถูกที่ควร เด็กจึงจะเจรญิ เติบโตเปนเด็กที่แข็ง แรง เกง ดี และมีความสุข อยาง สมดลุ เนื้อหาเร่ือง เสรีววาณชิ ชาดก ส42 าเหตุที่ตรัสชาดก42 คร้ังหน่ึง ในสมัยพุทธกาล มีพระภิกษุรูปหนึ่งเมื่อเขามาบวชเรียนใน พระพุทธศาสนาใหม ๆ ไดต้ังใจปฏิบัติธรรมอยางเครงครัดดวยความพากเพียร แตยังไมเห็นผลก็บังเกิด ความทอแท หมดกําลังใจคลายความเพียรลง เพื่อนภิกษุดวยกนั ปรารถนาจะสงเคราะหภกิ ษุรูปนี้ จึงพา กันไปเฝาพระสัมมาสัมพุทธเจา พระพุทธองคทรงมีพระมหากรุณาธิคุณจะอนุเคราะหภิกษุรูปนี้ จึงทรง ระลึกชาติดวยบุพเพนิวาสานุสติญาณ แลวตรัสวา0 “ดูกอนภิกษุ เธอบวชในศาสนาท่ีมีแกนสาร ใหมรรค ผลเห็นปานนี้ เมื่อละความเพียรเสียแลว จะตองโศกเศราไปตลอดกาลนานเหมือนดังเสรีววาณิชที่ไมได ถาดทองมคี านับแสนนั่นทีเดียว”” ภิกษุทั้งหลายไดฟ งดงั นนั้ จึงกราบทูลอาราธนาพระสัมมาสัมพทุ ธเจา ไดตรัสเรอื่ งของเสรวี วาณิช เ42 นื้อหาชาดก42 ในอดีตกาล นับยอนกลับไป ๕ กัปจาก16ภัทรกัปน้ี16 มีพอคาเร ๒ คน อาศัยอยูใน เมืองเสรีวะ พอคาท้ังสองช่ือ เสรีวะ แมวาจะมีช่ือเหมือนกัน แตทวาท้ังสองกลับมีอุปนิสัยใจคอแต ตางกันราวฟา กับดนิ วันหนง่ึ ทัง้ สองตางนาํ สินคา ของตนขามแมน ้ําไปยงั เมืองอัฏฐปรุ ะ เพื่อจําหนายและ ซ้ือของนํากลับมาขาย เมืองอัฏฐปุระ มีหมูบานหน่ึงเปนที่อยูอาศัยของอดีตเศรษฐีซ่ึงบัดน้ีคงเหลือแต ยายหลานคูหนงึ่ ตรากตรํารบั จางเขาเล้ียงชีพพอประทังชีวติ ไปวนั ๆ พอคาคนแรกเรขายสนิ คาผานมาถึง บานยายหลานคูน้ี หลานสาวเห็นเคร่ืองประดับสวยๆ ก็อยากไดจึงออนวอนยายซ้ือให หลานสาววิ่งเขา ไปในบานหยิบถาดเกาคร่ําครามาใบหน่ึงนําออกมาขออนุญาตยายแลกกับเครื่องประดับ ยายก็ตามใจ เม่ือพอคารับถาดมาถือ รูสึกวามีน้ําหนักมากผิดธรรมดาจึงเอาเข็มลองขีดหลังถาดดูจึงรูวาเปนถาด ทองคํา มมี ูลคานับแสนทีเดียว แตเพราะความโลภจัดคิดจะไดของฟรี จึงแสรงบอกวาถาดใบนี้ไมมีราคา และโยนถาดทิง้ ลงพ้ืน แลว เดินจากไป พอตกบาย พอคาอีกคนกม็ าขายสินคา ยายหลานก็สง ถาดใหเ พ่อื ขอแลกกบั เครื่องประดับชิ้น หน่งึ เมื่อพอ คา รวู าเปนถาดทองคํา ดว ยมีใจเปน ธรรมและซ่ือสัตย เขาจึงบอกความจริงแกย ายหลาน ท้ัง สองตกลงแลกสนิ คา กับถาดทองคาํ พอ คา ใจซ่ือจึงยกสนิ คา และเงนิ ท้ังหมดท่ีตนมีอยูใหแกยายหลานคูน้ี ขอไวเพียงตาชั่งและเงนิ ตดิ ตวั พอเปนคาเดินกลับเมอื งของตนเทาน้ัน สวนพอคา ใจคด เม่ือเดนิ ออกมาจากบา นยายหลาน ใจกจ็ ดจอ อยูแ ตถาดทองคํา จึงยอนกลบั ไป ทําทีทาวา มีเมตตาจะอนุเคราะหใ หแลกเครอื่ งประดบั ได ยายกลา วตําหนิพอคา ใจคดและบอกวา ตนได แลกถาดทองคํากับพอคาใจซื่อไปแลว พอคาใจคดไดย ินดังนนั้ ก็เกิดความเสยี ใจจนสุดระงบั ได ถงึ กับเปน ลมหมดสติไป พอฟนข้นึ มา ความเสยี ดายไดพุงแลนทว มทนหวั ใจจนควบคมุ สติไวไ มอยู ว่ิงไลตามพอคาใจซื่อไป เม่ือมาถงึ ทานํา้ เห็น เรือกาํ ลังลอยลําอยูกลางแมน ํ้า จึงรองตะโกนใหค นแจวเรือรบั จา งยอ นกลับมารบั ตน แตพอคาใจซ่ือรูทนั จงึ สัง่ ใหเรง ฝพายใหเ ร็วขนึ้ อีก พอ คา ใจคดเมอ่ื ทําอะไรไมไดก็ยง่ิ แคนหนกั ขนึ้ มอื ท้งั สองกาํ เมด็ ทรายชขู นึ้ พรอ มกบั กลา วคําอาฆาตวา “ หากจํานวนเม็ดทรายในกาํ มือนี้ คือภพชาติทเี่ จาและขา จะตองเกิดอีก ขา กจ็ ะขอตดิ ตามจองลางจองผลาญเจา ไปจนถึงทสี่ ุดจนกวาจะเขานิพพานกนั ไปขางหนงึ่ ”
๔๐ ดว ยจติ ท่ีเรา รอนแผดเผาดว ยเพลิงโทสะอันรุนแรง บีบคนั้ หัวใจวาณชิ ใจคดผูน ีแ้ ตกสลาย กระอักเลือดขาดใจตายอยูตรงนน้ั เอง จิตท่ผี ูกเวรน้เี มื่อละโลกไปแลว ก็ดาํ ด่ิงสูนรก ทนทุกขท รมานอยู เปน เวลานานแสนนาน สวนพอ คาใจซ่อื ไดกลบั บานตน นาํ ถาดทองคาํ ไปขายตง้ั ตวั ทําการคา ร่าํ รวยเปน เศรษฐีและได ทําบุญทําทานอยจู นตลอดชวี ิตของเขา นบั ต้ังแตนนั้ มา พอคา ทง้ั สองหากเกิดมาพบกันชาติใด ไมวา จะ เกดิ เปน สตั ว เปน มนษุ ย หรือแมแ ตเ กิดเปน ญาติกันก็ตามพอคาใจคดก็ตามลางผลาญพอ คาใจซื่อตลอด มาทกุ ๆ ชาติ ภาพ ปองแปง ลงสี ปเู ป ในอดตี กาล ยอนไป เมอื่ ๕ กัป จากภทั ร กปั น้ี มพี อคาเรอยู สองคน อาศัยอยู ในเมืองเสรีวะ มชี ่อื ตรงกนั กบั ชื่อเมือง ทอ่ี าศยั คอื เสรีวะ วนั หน่งึ พอคา ท้ังสอง ไดนงั่ เรอื ขา มแมน้ํา เพ่อื นํา สนิ คาไปขายยงั เมืองอฐั ปรุ ะ
๔๑ แมวาพอ คาทงั้ สองจะมีช่ือเหมือนกนั แตท งั้ สองมนี สิ ยั ใจคอที่แตกตา งกนั มาก เพราะอกี คนมนี ิสยั เปนคนพาล สว นอกี คนมีนสิ ยั เปนบณั ทติ ทเ่ี มอื งอฐั ปรุ ะเปน เมอื งของเศรษฐีตระกูลหนงึ่ แตต อมาตระกลู นเ้ี สอื่ มลง เหลือแตเ พียงยายหลานสองคน ตรากตรํารับจา งเขาเลี้ยงชีพพอประทงั ชีวติ ไปวันๆ
๔๒ วนั หนึ่งพอคา ที่มนี สิ ยั พาล ไดผ านมายงั บา นของยาย หลานคนู ี้
๔๓ เมอ่ื หลานสาวทายาทตระกลู เศรษฐี ไดเหน็ เคร่ืองประดับจงึ นกึ อยากได เลยวงิ่ กลับไปยงั บา นของตน เพ่อื ขอเงินกบั ยาย มาซ้อื เครอื่ งประดบั แตย ายกลบั บอกปฏิเสธไปเพราะเงนิ นั้นไดร อ ยหรอลงทกุ ที
๔๔ พอคา ที่เปน คนพาล ไดเ ดินทางผา นมายงั บา นของสองยายหลาน ท้งั สองคนจงึ นาํ เอาถาดมาแลกเครื่องประดบั เมอื่ พอคา รบั ถาดมาแลว จงึ พจิ ารณาดูก็ทราบวา เปนถาดทองคาํ จงึ คิดอุบายเพือ่ จะแลกถาดทองคํากบั สินคา ตนในราคาถกู
๔๕
๔๖ พอตกบา ย พอคา ทเ่ี ปน บัณฑติ เดินผา น มายงั บานของสองคน ยายหลาน หลานสาว จงึ ไดออ นวอนยายให ซอ้ื สินคา จากพอ คา บัณฑิตน้ัน
๔๗ ดวยความรกั หลาน ยายจงึ ตามใจ ทาํ ตามทห่ี ลานสาวบอก สองยายหลานจงึ ไดเรยี กพอคา บณั ฑิต เพอื่ นาํ ถาดมาแลกสินคา ตเมือ่ พอ คาทเี่ ปนบัณฑติ หยิบถาดขึน้ มาดู พจิ ารณาจงึ รวู าเปนถาดทองคํามมี ูลคา มหาศาล พอ คาทเี่ ปนบณั ฑิ จงึ ไดบ อกกับสองยายหลานตามความเปนจรงิ
๔๘ เมอ่ื ไดรบั การยนื ยันวา เปน ถาดทองคาํ พอคาจงึ เสนอราคาโดยขอแลกกับสนิ คา ของตนทง้ั หมด ซง่ึ เปน เงินจํานวนมาก สว นตวั เองเหลอื แคเงินคาขามฟากเทา น้ัน
๔๙ ภาพ43 ปองแปง43 43ลงสี ปเู ป
๕๐ หลังจากนั้น เวลาผา นไป ไดไมนาน
๕๑ พอ คา ท่ีเปน พาล ไดกลบั มาหาสอง ยายหลานเพอ่ื จะ เอาถาดทอง เมอื่ ยายเปด ประตูออกมาพบพอคา ท่ีเปนคนพาล จงึ ทาํ การตอ วา และเลาความจรงิ ใหทราบวา ตนไดข ายถาดทองคาํ ใหักบั พอ คาั ทเ่ี ปน บณั ฑติ ไปแลว ดวยราคาทีส่ งู มาก
๕๒ เมอื่ พอ คา ท่เี ปน พาลไดยนิ วา มคี นซ้อื ถาดไปแลว จงึ เสยี ใจถงึ กับเปนลมหมดสติ
๕๓ เมอื่ ฟนขึน้ มากน็ ํา ขา วของท้งั หมด เทกระจดั กระจาย พูดพรํ่าเพอเหมือน คนเสยี สติ เมอื่ เหลอื บไปเหน็ ตาชงั่ ก็เกดิ อารมณพลงุ พลา นดว ยความเสียดายถาดทองคาํ จึงวงิ่ ไปทท่ี าเรือ
๕๔ ณ ทา เรือขา มฟาก พอคา ทเ่ี ปน บัณฑติ ไดน ั่งเรือขา มฟากไปยงั อีกฝง หนึ่ง พอ คา ทเ่ี ปนบณั ฑติ เหน็ ทา ไมด ี จงึ ใหเจา ของเรือรบี พายไปยงั อีกฟากหน่งึ โดยเรว็
๕๕ เมื่อเห็นเรือไมหวนกลับมารบั ตน จงึ เกิดความอาฆาตพยาบาท และไดก มลงเอามอื กาํ เมด็ ทรายไว แลวจึงตะโกนออกมาดว ยเสยี งอันดงั เพอ่ื ขอจองเวรกับพอคาทเ่ี ปนบัณฑติ เทา กับจาํ นวนเมด็ ทรายในกาํ มือ
๕๖ ดวยจติ ทเี่ รา รอ นแผดเผาดว ยเพลงิ โทสะอันรุนแรง บบี ค้ันหัวใจพอคาผนู ้แี ตกสลาย กระอกั เลอื ดขาดใจตายอยูตรงน้นั เอง เม่ือพอ คาท่เี ปนคนพาล ไดส น้ิ ชวี ิตแลว กด็ ําดิ่ง สูน รก เพราะมจี ิตท่เี ตม็ ไปดวยความอาฆาตและ พยาบาทจึงตอ งทนทุกข ทรมานอยหู ลายกปั สวนพอ คาที่เปน บณั ฑติ ไดกลบั บา นตน นาํ ถาดทองคําไปขายตง้ั ตัวทําการคา รํา่ รวยเปนเศรษฐี และไดท ําบุญจนตลอดชีวติ นับต้งั แตน น้ั มา พอ คา ทง้ั สองหากเกดิ มาพบกันชาติใด ไมวา จะเกิดเปน สัตว เปนมนษุ ย หรอื แมแ ตเ กดิ เปน ญาตกิ ัน พอคา ที่เปน พาลก็ตามลางผลาญพอคา ทเ่ี บณั ฑติ ตลอดมาทุกชาติ
๕๗
๕๘ ช่อื วิชา คนดีตามวิถแี หง พุทธศาสนา บทเรียนท่ี ๖ ๖๐ นาที ขอบขายรายวิชา เรียนรูเรื่องความซอื่ สัตยสุจริตตามหลักพระพุทธศาสนา เนนผูเรียนไดเรยี นรูตระหนัก ถงึ คณุ คาและความสาํ คญั ของการเปนคนซอ่ื สัตย และโทษภัยของการคดโกง ผา นตัวอยา ง ประสบการณ บทเรยี น การบอกเลา จดุ หมาย เพ่ือใหผูเขารับการฝกอบรมมีความรู ความเขาใจ เก่ียวกับความซื่อสัตยสุจริตตามหลัก พระพุทธศาสนา วตั ถปุ ระสงค เม่ือจบบทเรียนนแ้ี ลว ผูเขารบั การฝกอบรมสามารถ ๑. รู และเขา ใจเกย่ี วกบั ความซอื่ สัตย สุจรติ ๒. มีจิตใจท่สี งบ เกิดแรงจูงใจใฝร ู ใฝส ัมฤทธ์ิ ใฝด ีงาม มงุ ประโยชนต อ สังคม ๓. ตระหนักถึงคณุ คาของการดาํ เนนิ ชีวิตดว ยปญ ญา วธิ ีสอน/กจิ กรรม ๑. นาํ เขา สูบทเรียนดวยการแสดงภาพหรอื วีดีทศั นบ ุคคลตัวอยา งท่ีมีช่ือเสยี งที่มีความซื่อสัตย จนประสบความสําเรจ็ เปน ทย่ี กยอ งทง้ั ในระดับชาติและระดับโลก (๑๕ นาท)ี ๒. แสดงภาพเปรียบเทียบบุคคลตวั อยางท่ีซอ่ื สตั ยและคดโกง (๒๕ นาที) ๓. บรรยายชาดกทเี่ กยี่ วกบั ความซอื่ สตั ย และหลักธรรมท่ีเกย่ี วกับความซ่อื สัตย (๒๕ นาท)ี ๔. แบงกลมุ อภิปรายและจัดทํารปู ภาพปา ยนิเทศเพอื่ แสดงวามซ่ือสตั ย (๕๕ นาท)ี ๕. นําเสนอผลงานกลุม (๑๐ นาที) ๖. ซกั - ถาม (๑๐ นาที) ๗. สรปุ (๑๐ นาท)ี สื่อการสอน ๑. แผนภาพ รปู ภาพหรอื CD หรือวดี ที ัศน ทแ่ี สดงความซื่อสตั ย และความคดโกง ๒. เอกสาร/แผนภาพแสดงชาดกเร่อื งความซอ่ื สัตว ๓. ใบงานเร่อื งความซ่อื สัตย และความคดโกง ๔. ใบความรู เร่ือง “ความซือ่ สัตยเ พ่อื ความสุขในชวี ิตของเยาวชน” การประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการวัดผล : ประเมนิ จากการเรียนรูและพฤติกรรมการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมกลมุ ๒. เครือ่ งมือวดั ผล : แบบวัดความรูและแบบประเมนิ พฤติกรรมการปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุม
๕๙ ๓. เกณฑการประเมินผล : มีผลการประเมนิ ผา นเกณฑท ก่ี าํ หนดไมนอ ยกวารอยละ ๖๐ เอกสารอา งองิ /แหลงขอมูล ๑. พระธรรมปฎก (ประยุทธ ปยุตฺโต). (๒๕๔๖). สูการศึกษาแนวพุทธ. (พิมพครั้งที่ 2) กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พอ งคก ารรบั สง สนิ คาและพัสดุภัณฑ (ร.ส.พ). ๒. พระพรหมคุณาภรณ (ป.อ.ปยุตฺโต). (๒๕๔๘). รูหลักกอนแลวศึกษาและสอนใหไดผล. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท พิมพสวย จาํ กดั . ๓. _______________. (๒๕๔๙). สุขภาวะองครวมแนวพุทธ ภาวะที่ปลอดทุกขและเปน สุขในระบบชีวิตแหงธรรมชาตแิ ละสงั คมยุคไอท.ี กรงุ เทพมหานคร : ธรรมสภา. ๔. _______________. (๒๕๔๙). หลกั ชาวพทุ ธ. กรุงเทพมหานคร : ธรรมสภา. ความซ่อื สัตย ความซื่อสัตย หมายถึง ความประพฤติจริงใจ พูดจริง ทําจริง ไมคดโกง ไมคิดคดโกง ไม หลอกลวง และความประพฤตไิ มเ อนเอียง ซ่ือตรง คํามั่นสญั ญา จงรักภักดี สวน ในพระวินัย คือ การ กลาวคําสัตย ความจริงใจ สมาทาน ซ่ือตรงตอสิกขาบทตามพระบัญญัติของพระพุทธเจา และในพระ สูตรคือ ความจริงใจ พูดจริง ทําจริง การกระทําสัจกริยา การกลาวคําสัตย ซ่ือตรงตอหนาที่ การรักษา คาํ ม่นั สญั ญา จงรักภักดี ไมประพฤตนิ อกใจ ลักษณะ ความซ่ือสัตยท่ีแสดงออกทางพฤติกรรมของตนและบุคคลอื่น มีอยู ๒ ลักษณะ ไดแก (๑) ความประพฤตดิ วยความจริงมี ๓ ทาง คอื ทางใจ หมายถึง ความจรงิ ใจ ไมหลอกลวง เรียกวา มโนสุจริต ทางวาจา หมายถึง พูดจริง การกลาวคําสัตย เรียกวาวจีสุจริต ทางกาย หมายถึง ทําจริง การกระทําจริง การรักษาคํามั่นสัญญา เรียกวากายสุจริต (๒) ความประพฤติไมเอนเอียง คือ ความ ซื่อตรง หมายถึง ซ่ือตรงตอตนเอง ตอบุคคลอ่ืน ตอเวลา ตอคําพูด ตอบทบาทหนาท่ี ตอคํามั่นสัญญา และความจงรกั ภักดี ไมประพฤตินอกใจ ตัวอยา งเรอื่ งความซื่อสตั ยในชาดก ในทางพระพุทธศาสนาไมวา จะเปน สาขาอาชีพใด ๆ สิ่งสําคัญทย่ี ่งิ ใหญน้นั ไซรตองมี “ความซอ่ื สตั ย” เปนบาทฐานแหง การประกอบการงานทง้ั ปวงจงึ จะทําใหกิจลลุ ว งไปไดดวยความ สวสั ดี เปนไปในคติ ท่ีวา “ซือ่ กนิ ไมห มด คดกนิ ไมนาน” ดั่งในนิทานชาดกท่จี ะหยิบยกขนึ้ มาเพื่อเปนตวั อยา ง :๑ กิระดงั ไดฟ ง มาความวาไว. ... ใน อดีตกาลนานมาเกนิ กวา จะระบุวนั เวลาได ในสมยั น้ันทาน วามพี อ คา เรขายของอยูสองนายจากเมืองเสริวรัฐ ไดเดนิ ทางเพื่อนําเอาสนิ คา ของตนไปขายยังเมอื งตาง ๆ วา ถงึ อุปนสิ ัยใจคอของพอคาทัง้ สองคนนนั้ ทานวาแตกตา งกนั เปนอยา งมาก
๖๐ เวฬุริยะ : เปน พอ คา ที่มีความออนนอ มถอมตน พูดจามีหลักการ สุภาพเรยี บรอ ย มี คุณธรรมสตั ยซื่อ ปาวกะ : เปนพอคาที่มีวาจาโผงผาง ชอบวางกลา มกบั คนท่ีออ นแอ และมีความโลภ เกาะติดในจิตใจอยางมากมายเปน ปฐมฐาน แตถึงกระน้ันคนทั้งสองก็ไดรวมอาชีพเปนพอคาเรมาดวยกันรวมท้ังรวมทาง ในการคาขายไป ดว ยกันในทุกทีต่ ้ังแตเรมิ่ ตนอาชีพมา สินคาท่ีท้ังสองนําไปขายสวนใหญนั้น ไดแก เครื่องใชไมสอยตา ง ๆ ทีจ่ าํ เปน ในครัวเรือนรวมถึงเคร่ืองประดับตาง ๆ ทีเ่ จรญิ หเู จริญตาตอ อสิ ตรที ้ังหลาย เชน กําไล สรอยคอ ตางหู ที่ทําดวยแกว หิน ลูกปด ทอง เงิน และโลหะผสมตาง ๆ เปนตน ในการคาขายสมัยน้ันจะมี เครื่องมือทํามาหากินท่ีสําคัญอันหน่ึงซ่งึ พอคาเร จะพึงขาดเสียไมไดก็คือ “ตาชั่งมือถือ” ซ่ึงขางหนึ่งถวง ดวยมาตรวัดนํ้าหนัก บางทีก็เปนกอนหินหรือลูกเหล็กแทนน้ําหนักครึ่งกิโลกรัมหรือหน่ึงกิโลกรัม สวน อีกขางหน่ึงใชวางสินคาที่จะขายเพื่อเปรียบเทียบนํ้าหนัก ดูใหน้ําหนักของท้ังสองขางเทากันก็เปนอันวา ไดน ํา้ หนกั ของสนิ คา ท่ีจะขาย นัน้ จะวาไปในสมัยกอนพอคาเรถือไดว า เปนสสี ันของชาวบา น ชาวเมอื งท่ีอยหู างไกลความเจริญ หรือถ่ินทรุ กันดาน นาน ๆ ทีจะมสี ินคาทเ่ี จรญิ หเู จรญิ ตามาเยอื นทาํ ใหบรรดาแมบ าน รวมถึงสาวนอย – ใหญทัง้ หลายพึงพอใจทจ่ี ะไดยลและจับจายซือ้ หาเพื่อเปนเจาของสินคาสวย ๆ งาม ๆ และแปลกใหม เหลาน้นั การซือ้ ขายสวนใหญจะเปนไปในลกั ษณะของการใชเ งนิ หรือวาจะนาํ เอาของ (เกา) ทมี่ ีอยใู น บานแลว แตไมเปน ที่ตอ งการโดยเอามาแลกกับของใหมทด่ี ูสวย สะดุดตาตองใจก็ได แลว แตจ ะตกลงกนั ใหเกิดความพึงพอใจในท้ังสองฝาย (ผูซ้ือกบั ผูขาย) กาลเวลาผานไปในวนั หนึง่ ซง่ึ พอคาเรทั้งสองนายไดนาํ ของ (สินคา) ไปขายที่เมอื งอริฏฐปรุ ะ เมอื่ เดนิ ทางไปถงึ แลว พอคาทง้ั สองกต็ กลงกนั ดังเชน ที่เคยทํามาโดยการแยก ยา ยกันไปขายของคนละทาง (ไมใ หทบั เสน ทางทาํ มาหากินของกนั และกนั ) โดยทท่ี ง้ั คูต องอยขู ายของท่นี ห่ี ลายวนั กวา จะครบทุก เสนทางเน่ืองจากเปน เมอื งใหญ ผานไปในวนั หน่ึงซึง่ พอ คา เรท ีช่ ่อื ปาวกะ ไดเ ข็นรถขายสินคา ของตนเรขายไปตามถนนสายหนึง่ ของเมอื ง สายตาของเขาเหลือบไปเหน็ เด็กผหู ญงิ คนหนง่ึ ซ่ึงกะคราว ๆ อายคุ งราวไมเ กินสิบขวบกาํ ลงั น่งั เลน อยหู นา บาน เขาพินจิ พิจารณาเหน็ วา เปน บา นหลงั ใหญถ ึงแมจะแปรสภาพไปในทางที่เกา และ ทรดุ โทรมผพุ งั ไปบาง แตกย็ งั บง ช้ีถงึ อดีตไดด ีวานาจะเคยเปนบานของคนที่ดูดมี ีฐานะ (เศรษฐีเกา ) เปน แนแ ท เมอ่ื แลดงั นัน้ จงึ ทําการตะโกนรอ งเรเ สนอขายสินคา ท่ตี นเองนํามาในอนั ท่ีคิด วาจะเปน ที่พงึ พอใจ และปรารถนาของกมุ าริกาผูน ้ันโดยมีสาระสาํ คญั ทวี่ า “เคร่ืองประดับสวย ๆ งาม ๆ แปลกใหมใครเห็นเปน ตองชอบและอยากไดไ วเชยชมและ ประดับกายามาแลว จะ ”
๖๑ “เครอ่ื งประดบั สวย ๆ งาม ๆ แปลกใหมใครเห็นเปน ตองชอบและอยากไดไวเ ชยชมและ ประดับกายามาแลว จะ ”... ฝายกุมาริกาผูเดียงสาตอโลกแหงวัตถุเม่ือจู ๆ มีพอคาเรผานมาพรั่งพรอมไปดวยสินคาอัน ตระการตาท่ีย่ัวยวนอายตนะไดดี แทอันไดแก เคร่ืองประดับ สรอยคอ กําไล ท่ีวางเรียงรายมากมายอยู ในรถเข็นของพอคา โอ...อนิจจาดวยกุมาริกาเคยเห็นเด็กรุนวัยเดียวกับตนสวมใสกําไลซึ่งทําใหลํา แขน ของหญิงสาวเหลาน้ันดูงดงามตองตานาชมเสียนี่กระไร แมแตตนเปนหญิงดวยกันยังประจักษแจงถึง ความขอน้ันไฉนกันหากแมนวาผู ใดที่ไดเห็นจะมิเกิดความพึงพอใจ เม่ือคิดไดดังน้ันเด็กหญิงก็ไดแตคิด อยากท่ีจะไดแตก็เก็บเอาไวภายในใจ เพียงลําพังเพราะยังไมมีโอกาสและวาสนา แตทวาวันนี้ความฝนท่ี เคยเฝา ถวิลหามาชานานไดคบื คลานเขาไปใกลในความ เปนจรงิ ทุกขณะกับกําไลที่มเี รยี งรายอยูตรงหนา กุมาริกาจึงไมสามารถท่ีจะหักหามใจในความอยากไดของตนเองลงไป สุญญากาศทางสติได คืบคลาน เขามาหาความเดียงสาของเด็กนอย เธอรีบปลอยของเลนช้ินเกาที่กําลังถืออยูในมือแลวรีบว่ิงเขาไปรบ เรายาย ในทาํ นองท่ีวา “ยายจา ...ยาย หนเู ห็นกําไลสวยงามอยูพ วงหนึง่ หนูอยากได ยายใจดีด๊ ีซอ้ื กําไลใหหนูทีนะจะ ”... ฝายยายเม่ือเห็นหลานสาวอันเปนที่รักดั่งดวงใจไดรบเลาและไหวขอรองออน วอนก็ไดแตถอน หายใจ เอามอื เห่ียวยนทีท่ รดุ โทรมไปตามสงั ขารลบู ที่ศีรษะของหลานเบา ๆ และกลา วกบั กมุ าริกาวา “นางฟาตัวนอยของยายจะ หนูดูงดงามท้ังภายนอกภายในโดยไมตองอาศัยกําไลหรือ เครื่องประดับเหลานั้น และท่ีสําคัญฐานะของเราตอนนี้ยากจนขนแคนยิ่งนัก อยาวาแตกําไลพวงหน่ึง เลยแมแตเพียงกึ่งพวงยายก็จนปญญา ลําพังเพียงจะหาอาหารมาประทังชีวิตเล้ียงปากเล้ียงทองของเรา ทั้งสองกด็ ูสุด แสนจะลําบากหนักหนา” ฝายกุมาริกาถึงแมวาจะเขาใจในฐานะแตทวาเมื่อถูกตัณหาความอยากไดเขา ครอบงํานําพา ย่ิง เพง พินจิ ถึงความสวยงามของกาํ ไลก็สุดทจ่ี ะหามใจเอาไวได...ไหนจะเปน กําไล ไหนจะเปน ตางหู ไหนจะ เปนสรอยคอ ซ่ึงลวนแลวแตสรางความพึงพอใจใหเธอเปนอยางมาก เมื่อความตองการไมไดรับการ สนองตอบเพราะถูกตีกรอบจากฐานะทางการเงิน เด็กหญิงจึงพยายามมองหาสวนเกินส่ิงของเคร่ืองใช ภายในบานทไี่ มต อ งการ เพ่ือที่จะไดนําไปแลกกับสินคา ท่ตี นเองปรารถนา “ยายจา...หนูจาํ ไดวาในบานของเรามถี าดเกา ๆ อยูใบหนึ่งซึง่ ไมไดใช หากเก็บเอาไวก ็ไมม ี ประโยชนอ ะไร ถา ยงั ไงเราเอาถาดเกา ใบน้นั ท่ีไมตองการใชไปแลกกับกาํ ไลไดไหมจะยาย” เมอ่ื ไดร ับอนญุ าตจากผูเปนยายหัวใจของกุมาริการูสึกไดว าพองโตดวยความ ปต ิที่จะไดกําไลสมใจ ปรารถนา จึงรีบวิง่ ถลาไปหยิบถาดใบเกาน้ันมาใหยายพรอ มทั้งออกไปเชื้อเชิญพอคาเร ใหเ ขา มาในบาน ของตน ฝายยายก็กุลีกุจอหาผาที่พอมีอยูมาปูไวใหพอคาเรไดนั่งและส่ังผู เปนหลานสาวใหเอานํ้ามา รบั รองเขา หลังจากท่กี ลาวทักทายปราศรัยกันตามธรรมเนียมแลว ผเู ปนยายก็เสนอขายถาดเกา ๆ หน่ึง ใบเพอื่ แลกกับกาํ ไลท่ีหลานสาวของตนอยากได
๖๒ ฝายปาวกะพอคาเรผูช่ําชองดานวาณิชเพงพินิจพิจารณาถาดใบเกาที่อยูตรง หนา พรอมกับยก ถาดข้ึนมาดู พลันแรกสัมผสั ก็รูส ึกไดว าถาดน้ีไมธรรมดา เพราะวามีนํ้าหนักมากกวา ถาดโลหะท่ดี ูดอยคา โดยท่ัวไปท่ีเขาเคยสัมผัสมา โอ...ถาดนี้หนาสงสัยนาจะเปนถาดทองเปนแนแท แตก็ยังไมแนใ จเทาใดนัก เพื่อใหเกิดความประจักษเราจักตองพิสูจนใหเห็นกับตา วาแลวเขาก็รองขอนํ้าดื่มอีกแกวเพ่ือเบนความ สนใจของสองยายหลาน ระหวางน้ันเขาก็พลิกถาดคว่ําลงและเอาเข็มขูดที่หลังถาด ดวยสายตาที่ชาญ ฉลาดและชา่ํ ชองของเขา ก็เขาใจไดใ นทนั ทีวา เปน ถาดทอง! หวั สมองเจา เลหของเขาเรม่ิ ทํางานในทนั ที...ด!ี ทห่ี ญงิ แกและกมุ ารกิ าไมรคู าวาส่งิ ของท่ีมีคา ของ พวกตนเปนถาดทอง เราจะตองหาอุบายหลอกคนทั้งสองเพ่ือใหไดครอบครองถาดทองใบนโ้ี ดยท่ีไมตอง เสียอะไรหรือแมแตเครื่องประดับสักเพียงช้ินเดียว! เพียงเสี้ยวอึดใจไมกี่นาทีเขาทําทีเพงพินิจพิจารณา ถาดอีกสักครู จู ๆ เขาก็แสรงขมวดคิ้วและทําตาโตพรอมกบั กลาวดวยน้ําเสียงท่ีโมโหเม่ือเงยหนา ขึ้นมา วา “ถาดใบนี้ไมมีราคาคางวดอะไร! ขายไมไดแมก่ึงมาสก๒ แมยกใหฟรี ๆ ก็ยังตองคิดหนัก... เสยี เวลาทํามาหากนิ จรงิ ๆ เลย” เขาสบถออกมาพรอ มกับโยนถาดใบนั้นท้งิ ไปบนพนื้ ดนิ อยางไมสนใจใย ดี โดยท่ีปาวกะหารูไมวาไดโยนเอาดวงใจนอย ๆ หน่ึงดวงพวงลงไปพรอมดวย! เสร็จสรรพเขาก็ลุกขึ้น เข็นรถขายของออกไปในทันใด ขณะที่ในใจก็เฝาครุนคิดอยูตลอดเวลาวาจะหาหนทางอยางไรใหไดถาด ทองคาํ ใบ น้ันฟรี ๆ โดยท่ไี มต อ งเสยี ทรัพยอ ะไรไปเลย อนั ท่ีจรงิ จะวา ไปในความหลังคร้งั กอนนน้ั หลานกบั ยายไมใ ชคนยากไรแ ตทง้ั สองเปนผเู กิดใน ตระกูลเศรษฐีที่ม่งั คั่ง ทวาดว ยเคราะหกรรมบางอยางท่ีเกิดขนึ้ กบั ตระกลู นท้ี าํ ใหคนอน่ื ๆ ลมหายตาย จากรวมทั้งทรัพยส มบัติท้ังหลายก็หมดสนิ้ ไปดว ย คงเหลอื เพียงแคผเู ปนยายกับหลานสาวทง้ั สองที่ตอง ดาํ เนนิ ชีวติ ดวยการรับ จา งคนอืน่ เพ่ือหาเงินมายังชีพไปวนั ๆ วาถึงถาดทองใบนั้นเลากลาวกันวาเปนถาดที่มหาเศรษฐีเคยใชสอยมาในสมัย ที่ม่ังค่ัง กอนที่ ยายของกุมาริกาจะมาสูเรื่อนของสามี ถาดทองมีอยูมากมายหลากหลายเมื่อครั้งที่ครอบครัวยังเฟองฟู ทําใหบางถาดถูกเก็บเอาไวปะปนรวมกับภาชนะใชสอยอื่น ๆ เมื่อครั้นผานไปในนานวันไมไดนําออกมา ใชท าํ ใหเ ศษฝุนและเขมาจับจนฝง แนน เนอ้ื ทองจงึ หมองไปจนดูไมออกวาเปน ของท่ีมีคา ปาวกะจากไปไมนานนัก เวฬุริยะเพื่อนรวมอาชีพพอคาเรขายของในถนนอีกสายหนึ่งซึ่งอยูไม ไกลกัน นักนัยวาเปนถนนที่ทะลุถึงกันได เมอ่ื เสรจ็ กิจจากการขายของที่ถนนเสน นั้นแลวบังเอิญเดินเข็น รถทะลุเสนทาง มาทับบนเสนทางเดียวกันกับปาวกะโดยที่ไมมีเจตนา พอคาหนุมเข็นรถผานเร่ือยมา จนกระทั่งถึงหนาบานของสองยายหลาน เขาเหลือบไปเห็นอาการของกุมาริกาท่ียืนหนาเศราอยูรั้วบาน เวฬุริยะจึงสงย้มิ ใหเพ่ือเปนการทกั ทายดวยเปนคนท่ีมจี ิตใจดีอยูในตวั กุมาริกาถงึ แมวาจะมีอารมณท่ีขุน มัวจากการที่ไมสมอารมณหมายในกําไลท่ี อยากได แตเม่ือเห็นรอยย้ิมของผูใหญท่ีใจดีน้ันก็พลันย้ิมตอบ
๖๓ และสายตาใสซื่อ บริสุทธิ์ก็เหลือบไปเห็นกําไลในรถของเขา จิตใจที่เห่ียวเฉาเมื่อสักครูอยู ๆ ก็พองโต ขึน้ มาอีกเพราะความอยากได “นาจา...นารออยูตรงน้ีกอนนะจะหนูจะไปบอกยายใหซอ้ื กําไลใหห นู” พูดจบหญิงสาวก็ว่ิงเขา ไปในบานอีกครั้งดวยความหวงั ทีเตม็ เปย มเหมอื น ครง้ั กอนเพอื่ รบเรา ยายใหซ อ้ื กาํ ไลให ฝา ยยายเม่อื เห็น ทาทางของหลานสาวที่อยากไดก็ย่ิงสงสารจับใจ แตก็ไมรูจะทํายังไง...นอกจากพูดในทํานองปลอบใจไป วา “นางฟาตัวนอยของยายจะ พอคาเรคนกอนเพ่ิงจะบอกวาถาดใบเกาของเราไมมีราคาคางวด อะไรพรอมกับ โยนมันทง้ิ ไป ตอนน้ียายกไ็ มร ูจะเอาอะไรไปแลกกําไลใหกับหน.ู ..ดูทา ยายวาหนูควรตัดใจ จาก กาํ ไลซะเถอะหลาน” ความตองการที่อยากจะไดกําไลดวยจิตใจใสซ่ือบริสุทธ์ิ เด็กหญิงจึงหยุดคดิ เพ่ือมองหาส่ิงของ มีคาอยางอ่ืนเพื่อนําไปแลกกับกําไล แตก็ไมมีความกระจางปรากฏขึ้นในหัวสมองนอย ๆ เธอจึงคอย ๆ ออ นวอนกับยายใหมอ ีกครง้ั วา “ยายจา...ถึงแมวาถาดเกาใบนั้นจะไมมีคา แตดูจากทาทางแลวพอคาเรคนน้ีนาจะมีจิตใจที่ ดีกวาพอคาเรคนกอน ถายังไงเราลองออนวอนเขาดูไหมจะ เผื่อวาเขาจะสงสารและเห็นใจรับแลกกําไล กบั ถาดเกา ของเรา” ดวยความเวทนาและสงสารหลานจบั ใจที่อยากไดกําไลเปน เคร่ืองประดบั เหมือนเดก็ ขางบาน “ถาอยางน้ัน หลานออกไปเรียกเขาเขามาในบานลองดูก็ไดจะ” ผูเปนยายพูดดวยนํ้าเสียงที่ไม มั่นใจนกั ฝา ยกมุ าริการีบวิ่งไปเก็บถาดเกาใบนน้ั มาใหย าย แลวก็ออกไปเชือ้ เชญิ เวฬุรยิ ะพอคาเรผใู จดใี ห เขามาในบาน เม่ือเขามาพูดจาทักทายปราศรัยกันตามธรรมเนยี มแลว ผูเปน ยายก็ไดย่ืนถาดใบนั้นใหแก พอคาหนุมคนใหมพรอมกับแจงเงือ่ นไข ความประสงคของตนวาจะขอแลกถาดเกาหน่ึงใบกับกําไลหนึ่ง พวง เวฬรุ ยิ ะพอคา เรที่มจี ติ ใจสตั ยซ ื่อ เมอื่ ถอื ถาดใบนนั้ มาพจิ ารณาแลวก็รไู ดวาเปนถาดทอง จงึ พูดขน้ึ ในทํานองที่วา “คุณยายครับเห็นที่เง่ือนไขดังกลาวผมคงจะรับไวไมได” เขาหยุดเวนระยะในขณะท่ีหัวใจของ สองหลานยายเหมือนแตกสลายไปตอ หนา ดวงนอ ยนน้ั แตกสลายเพราะไมไดส ิง่ ของตอ งประสงคดังใจใน ขณะทดี่ วงใหญแตก สลายเพราะความสงสารหลานสาวจับใจ!
๖๔ เม่ือเวฬุริยะดื่มน้ําเพื่อดับกระหายแลวเขาจึงพูดตอวา “ที่ผมพูดอยางนั้นก็เพราะวา ถาดใบนี้ เปนถาดทองคํา! มีคาตั้งเปนแสนกหาปณะ อยาวาแตกําไลหนึ่งพวงเลยแมแตสินคาทั้งหมดในรถ ของผมก็มคี า ไมเ ทาถาดทองใบน!ี้ ” ทันทีทผี่ ูเปนยายไดฟงดังน้ันกร็ ูสกึ สับสนและตกใจจนคาดไมถึง พอ คาคนหนึง่ บอกวาถาดใบน้ี ไมมีราคาคางวดอะไร ในขณะที่อีกคนหน่ึงบอกวาเปนถาดทองคํา ทําใหในหัวสมองของยายเกิดความ สับสนมากมายจึงไดแตคิดวา ‘ไมเปนไรในเม่ือเรามีจิตใจท่ีบริสุทธิ์เห็นทีปญหาน้ีควรที่จะปลอยให เปน หนาทีข่ องพอคา หนุมคนนจี้ ะดีกวา ” จึงตัดสินใจพูดข้นึ วา “พอหนุมจะ กอนหนาน้ีมีพอคาเรคนหนึ่งผานมาเขาตีราคาถาดน้ีวามีคาไมถึงแมแต กึ่งมาสก และโยนถาดนที้ ิ้งไป แตทวาถาดใบน้ีกลับกลายไปเปนถาดทองคาํ ขึน้ มาเมื่ออยใู นมือท่ีมบี ุญของทาน เรา สองยายหลานไมมีความตองการในประโยชนของถาดใบนเี้ หน็ ทวี าจะยกใหก บั ทา นเพ่ือแลกกบั อะไรก็ได ท่ที านเหน็ สมควร” เวฬุริยะพอคาหนุมท่ีซ่ือสัตยเมื่อไดฟง ดังนัน้ ก็ดใี จในความเออ้ื อาทร ของคุณยาย จงึ ไดหยิบเงิน ทัง้ หมดทม่ี ตี ิดตวั อันเกดิ จากการคา ขายมานับไดท ้ังหมด ๕๐๐ กหาปณะรวมทง้ั สนิ คาของตนทม่ี ีเหลอื อยู ซ่ึงประมาณคาไดอีก ๕๐๐ กหาปณะ เขาจึงยกเงินและส่ิงของท้ังหมดใหกับยายหลานเพ่ือแลกกับการ เปนเจาของในถาด ทองใบนั้น โดยขอเพียงตาชัง่ กับถุงและขอเงินติดตัวไว ๘ กหาปณะเพือ่ เปนคา ใชจา ย ในการเดินทางกลบั บาน เม่ือตกลงกันไดดังนั้นก็เกิดการแลกเปลี่ยนที่สรางความพึงพอใจใหกับท้ัง สองฝาย โดยยายกับ หลานไดเงินกับรถเข็นรวมทั้งสินคาท่ีเหลือท้ังหมดไป สวนฝายเวฬุริยะพอคาหนุมก็ไดถาดทองคําใบน้ัน อันเปนผลท่ีเกิดจากความ ซื่อสัตยในอาชีพของตน หลังจากน้ันเขาไดเรงรุดไปยังฝงแมนํ้านีลพาหะ เพ่อื ท่จี ะจา งเรือเปนเงินจํานวน ๘ กหาปณะกลับไปสูเ มอื งเสรวิ รัฐอนั เปนปต ุภมู มิ าตคุ ามของเขา คร้ันกลาวถงึ ฝายชายหนุมปาวกะพอคาเรรวมอาชีพอีกคนทใ่ี นใจสารวนเฝา คิด แตจะพชิ ิตเอา ถาดทองมาเปนของตนโดยไมยอมสูญเสียอะไรเลย ทําใหตลอดเสนทางที่ผานมาไมไดคาขายสินคาอะไร เลยสกั ช้นิ เพราะในใจเฝา ถวิลหาแตถ าดทอง แตเพราะตอ งการท่ีจะสรา งอํานาจการตอรองจึงจําตองทํา ทีเปนเดินหนีจากมา อยางไมสนใจใยดี คร้ันผานมาไดสักพักก็ยอมหักใจที่จะสูญเสียของมีคาแตเพียง เลก็ นอ ย บางอยางเพื่อแลกกับถาดทองคําใบน้นั จึงหวนกลบั ไปยังบา นของยายหลานทั้งสองอีก ครั้ง แลว พูดข้ึนวา “เอาหละ... ไหน ๆ วันน้ีฉันก็ขายของไดกําไรมากมาย...ฉันน้ันเปนคนใจดีเลยอยากทําบุญ สงเคราะห คนแกก ับเดก็ สักคร้ัง โดยจะยอมใหข องแกท า นบางอยา งเพ่อื แลกกับถาดอันอุบาศกใบนน้ั ” ครนั้ เมื่อหญิงชราไดยินไดฟ งดงั นน้ั ก็พดู สวนกลบั ไปวา
๖๕ “หนอยแนะ...เจาพอคา ใจคดยังมีหนา มาพูดปดอยางไมอาย ถาดทองใบนี้มีคาอยางมากมายกวา แสนกหาปณะ แตเจากลับตีราคาใหไมถึงกึ่งมาสก พวกเราไดยกถาดทองใหกับพอคาเรทานหนึ่งซ่ึงมีใจ สตั ยซ ่อื ถือคุณธรรมโดย แลกกบั เงิน ๕๐๐ กหาปณะและสินคา ทัง้ หมดของเขา” พดู จบหญงิ ชราก็ไดช ี้นิ้ว ใหด ูรถเขน็ สินคาท่ขี างบานของตนน้นั ทนั ทีท่ีไดรบั รเู รื่องราวปาวกะถึงกับเขาออน หมดแรง หนา มืดคลายจะเปนลม เสยี งแหงความ ขมขนื่ ตะโกนกองรองอยูในใจ ‘โอ...ถาดทองของขา อันมคี ามากมายเจาไดมลายหายไปแลว หรอื น่ี ไมจรงิ ...มนั ไมจ รงิ ’ ยงิ่ คดิ ก็ย่ิงแคนทั้งเจบ็ ใจและเสียดายทําใหอณุ หภูมโิ ทสะในรางกายลุกโชนจน ทะลุจุดเดือด เขาไดขวา งเงินทองรวมทั้งสิ่งของท้งั หมดทิ้งไปอยา งคนเสียสติพรอมทง้ั ตีอก ชกตัวอยา งคนบา คลั่งแลว หันหลงั ออกว่งิ ไปโดยมีจดุ หมายปลายทางที่ฝงแมน ้าํ นลี พาหะ เมอ่ื มาถึงเหน็ เวฬุริยะนั่งอยูในเรอื ที่กําลัง ลอยอยกู ลางนํา้ จงึ ตะโกนรองเรียกใหนายเรือกลบั มารบั เขาไปดว ยคนแตก็จนดวยปญ ญาเมือ่ เรือ ไมมีที ทาวา จะหวนกลับมารับเขา เรอื ลํานอ ยคอย ๆ เคลอื่ นหา งออกไปประหนึง่ คลา ยหัวใจของปาวกะจะแตก เปน เสยี่ ง ๆ เขายังเฝา ตะโกนอยา งสุดเสยี งอยอู ยา งน้ันดวยความอาฆาตและเจ็บใจ จนในท่สี ุดความอดั อั้นตนั ใจทรี่ ุนแรงกแ็ ปลงคาออกมาเปน การกระอักโลหิตทาํ ให เขาเสยี ชวี ติ อยูท รี่ ิมฝงแมนํ้าดังกลา ว นัน่ เองฯ พระบรมราโชวาท พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร 25-26 กรกฎาคม 2539 / 25 ก.ค. 39 “… การพัฒนาประเทศจะบรรลุผลตามเปาหมายไดมากนอ ยเพียงใดน้ัน ยอ มขน้ึ อยูก บั ปจจยั ประกอบการหลายอยาง. อยางแรก ตอ งมคี นดี คือมปี ญ ญา มคี วามรบั ผิดชอบ มีความวิริยะอุตสาหะ เปนผูปฏิบัติ. อยางท่ีสอง ตองมีวิทยาการที่ดี เปนเคร่ืองใชประกอบการ. อยางท่ีสาม ตองมีการวางแผนที่ดี ใหพอเหมาะพอควรกับฐานะ เศรษฐกิจ และทรัพยากรที่มีอยู โดยคํานึงถึงประโยชนอันพึงประสงคของประเทศและประชาชน เปนหลักปฏิบัติ. บัณฑิตเปนผูมี ปญ ญาความสามารถสูง เพราะไดรับการศึกษาอบรมมามาก ยอมเปนที่หวังของคนทั่วไปวาจะเปน กําลังสําคัญในการปฏิบัติบริหารงานของชาติ ใหวิวัฒนาไปดวยดีในทุก ๆ ดาน ดังน้ัน ทุกคนจึง ควรจะไดถือเปนภาระหนาท่ี ที่จะตองใชปญญา ความรู ความสามารถของตนรับใชสังคม และ พัฒนาชาตบิ านเมืองใหเกดิ ประโยชนส งู สดุ เทา ท่ีจะทาํ ได. …”
๖๖ คํากลอนสอนใจ เปนคนดี ใครกช็ อบ นอ มเคารพ ดูนาคบ สรรเสรญิ เปน หนักหนา ถงึ อยูไ กล ความดี ก็นาํ พา เพราะชะตา คนดี มมี ากพอ อยากใหโลกของเราน้นี า อยู ชว ยเชดิ ชูคนดีใหส ตู อ อยากใหทําความดีอยาเกินรอ อยาไดท อและถอย จงระวัง ความดีไมม ีขาย อยากไดทาํ เอง ใชจะขมเหงนักเลงไมจีรัง ทเ่ี ปน เชนนี้วจยี ับย้งั ทาํ ดีใหด ังทุกครัง้ ทใ่ี จพรอม ความซื่อสัตยสจุ รติ นําชีวิตใหส ดใส เวน การคดโกงใคร ทําสิง่ ใดดวยใจจริง ถูกตอ งและซอ่ื ตรง ใจม่นั คงในทุกส่งิ ชายหญิงจงประวิง อยา ละทิ้งคุณธรรม “ในโลกยุคปจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอยางรวดเร็ว มีการหล่ังไหลเขามาของ วัตถุนิยมสูสังคมไทยมีใหเห็นมากข้ึน ผูคนเร่ิมหลงใหลในวัตถุนิยมและความสะดวกสบายในการ ดํารงชีวิต โดยไมคิดถึงผูอ่ืน จึงทําใหสังคมเกิดความวุนวายแกงแยงแขงขันกันเพราะขาดคุณธรรม พ้ืนฐานในการดํารงชีวิต โดยเฉพาะอยางย่ิง เรื่องความซื่อสัตยสุจริตเพราะคุณธรรมขอน้ีเปนพื้นฐาน สาํ คัญของการพัฒนาตนเองใหเปนคนดี และสงั คมมีความสุข” ทั้งหมดน้ี..ถูกถา ยทอดจากแนวความคิด ของเด็กหญิงศศิกานต จันทูล นักเรียนระดับช้ันประถมศึกษาปที่ ๔/๔ ร.ร.วัดกําแพง เขตบางขุนเทียน กทม. ท่ีไดแตงกลอนพรอมเรียงความหัวขอ“ความซื่อสัตยสุจริตเปนคุณสมบัติของเด็กและเยาวชนรุน ใหม”ภายใตโครงการ“ลมหายใจไรมลทนิ ” ที่ไดส ะทอนใหเห็นวาเยาวชนรุนหลังถึงแมพวกเขาจะยงั เปน เดก็ แตกลับมองเห็นปญหาของสังคมไทยในทุกวันนี้ไมแตกตางจากผูใหญ.. เชนเดียวกับนางสาว มนัสวี ขจติ เจริญชยั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี ๖/๓ โรงเรยี นนารีวุฒิ จ.ราชบุรี ทีม่ องวา “ความซื่อสัตยส ุจริต เปนคุณธรรมประจําตนท่ีตองปลูกฝงไปตลอดชีวิต” โบราณกลาววา..ไมออนดัดงาย ไมแกดัดยาก เปรียบดังคนก็เชนเดียวกันการจะปลูกฝงทัศนคติ ความเช่ือ คานิยมหรือลักษณะนิสัยใดๆ ก็ตาม ตอง เร่ิมปลูกฝงแตยังเยาววัยทีละนอยใหส่ังสมไปเร่ือยๆ เม่ือโตขึ้นก็ตองปลูกฝงตอไป แมเปนผูใหญก็ตองมี การปลูกฝงไปจนตลอดชวี ิตแตลักษณะและวิธีการปลูกฝงจะตองแตกตางกันไปตามวัยและวุฒิภาวะของ แตล ะคนท่แี ตกตางกัน
๖๗ “...ความซ่ือสตั ยส ุจริตเปนพืน้ ฐานของความดที ุกอยาง เดก็ ๆจึงตองฝกฝนอบรมใหเกดิ มขี น้ึ ในตนเอง เพ่อื จกั ไดเ ติบโตข้ึนเปน คนดี มปี ระโยชน และมชี วี ิตทสี่ ะอาดทีเ่ จริญมั่นคง...” นายเจตน ตันติวณิชชานนท นักศึกษาระดบั ชน้ั ปท ่ี ๔ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบรุ ี ไดห ยิบยกความ ตอนหนง่ึ ในพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหวั ฯที่ไดพระราชทานเนอื่ งในวันเดก็ แหง ชาติ ป ๒๕๓๑ กลับมาเตือนใจคนไทยอีกคร้ัง โดยเฉพาะพอแมผูปกครอง ซ่ึงสถาบันครอบครัวนับเปน สถาบันหลักทางสังคมในการทําหนาที่หลอหลอม“คนดี” หากใหทุกทานไดนึกถึงสภาพสงั คมที่ไรซึ่ง ความจริงใจแกกัน ผูคนตางคดโกง กอบโกย แสวงหาผลประโยชนสวนตน โดยไมสนใจคนท่ีอยรู อบ ขาง ส่ิงที่จะตามมานั่นคือ “ปญหา” และเม่ือเกิดปญหาขึ้น ตางฝายก็โยนความผิดใหแกกัน ขาด ความสามัคคีกลมเกลียว กอใหเกิดความไมสงบสุข ผูคนตางตองอยูอยางหวาดระแวงจนกลายเปน สังคมที่ไมมีใครปรารถนาท่ีจะอาศัยอยู ดวยเหตุดังกลาวนี้ เราจึงตองมีคุณธรรมพื้นฐาน นั่นคือ “ความซ่ือสัตยสุจริต” อันเปนรากแกวของคุณธรรมทั้งปวงท่ีจะนําไปสูความดีงามอ่ืนๆขจัดความ ขดั แยง ความแตกแยกและนําพาสงั คมและประเทศชาตขิ องเราคนื สูค วามสขุ สงบ สนั ติอยางแทจรงิ
๖๖ ชอื่ วิชา ทาํ ดีไดด ี ทาํ ชวั่ ไดช ว่ั บทเรยี นที่ ๗ ๖๐ นาที ขอบขา ยรายวชิ า เรียนรูหลักกรรมในพระพุทธศาสนา หลักของการทําดีไดดี การทําช่ัวไดชั่ว วิบากกรรมจากการ ประพฤติตนในการทุจริต คดโกง พรอมอุทาหรณบุคคลที่กระทําการฉอราษฎร บังหลวง ตองถูกชดใชกรรม ตามที่ปรากฏในชาดก และสถานการณป จจุบัน จุดหมาย เพ่ือใหผูเขารับการอบรมมีความรูความเขาใจในหลักกรรมทางพระพุทธศาสนา และเกิดความ ตระหนกั ในการตอ งต้งั ตนอยูใ นการสรางคุณงามความดี หลีกเล่ยี งการประพฤตติ นในทางแหงความเส่อื ม วตั ถปุ ระสงค เมื่อจบบทเรียนน้แี ลว ผูเ ขารับการฝกอบรมสามารถ ๑. สามารถอธิบายคณุ ลกั ษณะของกรรมดี กรรมช่ัว ๒. สามารถอธิบายคณุ ลกั ษณะของกฎแหง กรรมทวี่ า “ทาํ ดีไดด ี ทาํ ช่วั ไดช ั่ว” ๓. สามารถอธิบายวธิ กี ารหลีกเลี่ยงการปฏิบตั ติ นในทางท่ีจะกอใหเกิดการทจุ รติ ๔. สามารถอธบิ ายวบิ ากกรรมของการทจุ ริตคอรรัปชันได วธิ ีสอน/กจิ กรรม ๑. นําเขาสูบทเรียนโดยการชมสื่อวีดีทัศนเก่ียวกับบุคคลที่เปนตัวอยางของผูดํารงตนอยูในความ พอเพียงแลวไดรับการยอมรับในสังคม และสื่อวีดีทัศนของผูประพฤติทุจริต คดโกงแลวไดรับผลลงโทษตาม กฎหมายและกฎแหงกรรม ๒. อภิปรายซกั ถาม ความเปนเหตุปจจยั ของกรรมดที สี่ ง ผลดี และกรรมช่ัวที่สงผลราย ๓. บรรยายประกอบเพาเวอรพ อ ยทแ ละเพลง ๔. กิจกรรมระบายสีภาพ “กฎแหงกรรม” โดยเนนภาพที่แสดงใหเห็นถึงปจจุบันท่ีเปนอยูเปนผลมา จากอดีตทท่ี าํ กรรมดแี ละกรรมชวั่ สือ่ การสอน ๑. เพลง ๒. ภาพ นิทาน สอื่ วีดีทศั น ๓. ใบความรูเร่ือง “กฎแหงกรรม” ๔. ใบงาน เรือ่ ง “กฎแหง กรรม” การประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการวัดผล : ประเมินการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลุม ๒. เครื่องมือวดั ผล : แบบประเมินการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลมุ
๖๗ ๓. เกณฑก ารประเมินผล : มีผลการประเมินผานเกณฑท ่กี ําหนด เอกสารอา งอิง / แหลงขอ มลู ๑. ท.เลียงพบิ ลู ย. (๒๕๕๔). กฎแหงกรรมฉบบั สมบูรณ. กรงุ เทพฯ : เนชัน่ บุคส. ๒. นิทานธรรมบท เน้อื หาวิชา หลักกรรมกับการแกป ญ หาการทจุ ริตคอรร ัปชนั ใบความรทู ่ี ........... เรอ่ื ง กฎแหงกรรม กรรม หมายถึง การกระทําทางกาย วาจา และใจที่ประกอบดวยเจตนา คือ ความต้ังใจ หลักความเชื่อในเรื่องกรรมตามหลักคําสอนของพระพุทธเจา เชน คนเราจะดีหรือช่ัวอยูที่การกระทาํ ทําดีไดดี ทาํ ช่ัวไดช ว่ั ทางกาย = พฤติกรรม กุศลกรรม กรรม ทางวาจา = การพดู จา เจตนา ผลกรรม (การกระทาํ ) (ตงั้ ใจ) (ผลท่ีเกดิ จาก การกระทาํ )
๖๘ ทางใจ = การคิด อกุศลกรรม พระพุทธศาสนาสอนวา กรรมเปนตนเหตุของความเปนไปตาง ๆ ในชีวิต บุคคลใดทํากรรมใดไวจะ เปนผูไดรับผลแหง กรรมนนั้ พระพุทธเจาไดท รงแสดงธรรมเกี่ยวกับหลกั คําสอน เรื่องกฎแหงกรรมไววา “ทาํ ดีไดด ี ทําชั่วไดช ั่ว” หมายความวา เมื่อผูใดกระทําการใด ๆ โดยมีเจตนาอยางชัดแจง จะตองมีผลของการกระทําเกิดขึ้นกับ ผูกระทําอยางใดอยางหนึ่งเสมอ ถาผูน้ันกระทําความดีก็จะบังเกิดสิ่งที่ดีงามนาพึงปรารถนา แตผูน้ันกระทํา ความชวั่ ก็จะบงั เกดิ สงิ่ ท่ีเลวรายไมพงึ ปรารถนาเปนผลตอบแทน กรรม หมายถึง การกระทําทางกาย วาจา ใจ ที่ประกอบดวยเจตนา คือ ความตั้งใจทําในสิ่งท่ีดี และไมดี ผลของกรรม หรือผลจากการกระทํา จะเกิดข้ึนกับผูกระทําในลักษณะที่เปนเหตุเปนผลกันตาม ธรรมชาติ ผลของการกระทําจะเกดิ กบั ผกู ระทาํ ๒ ข้ันตอน ไดแก ๑) ไดรับผลทันทีเมื่อกระทํา เชน นักเรียนทําดีดวยการตั้งใจเรียน ผลคือ สอบไดคะแนนดี เรียน เกง ถา นักเรียนเกเร รังแกเพือ่ น ผลคอื ถกู ครทู าํ โทษ ถูกพอแมตาํ หนิ ๒) ไดรับผลภายหลัง กฎแหงกรรมเปนสิ่งที่มีอยูจริงในธรรมชาติ การทําดีไดดี ทําช่ัวไดชั่ว จึงเปน สัจธรรมเท่ียงแท แมก ารกระทาํ นน้ั จะผา นไปนานแลว เชน แดงลักทรพั ยผอู น่ื ไมชา กม็ ีคนรูและถูกจบั ได การกระทําทางกาย เรียกวา กายกรรม จําแนกออกเปน ๒ ประเภท ไดแ ก กายสุจริต (การทําดีทางกาย) กายทุจริต (การทาํ ช่ัวทางกาย) ๑. เวน จากการฆา สตั ว ๑. การฆา สตั ว ๒. เวนจากการลกั ทรัพย ๒. การลักทรพั ย ๓. เวนจากการประพฤติผิดในกาม ๓. การประพฤติผดิ ในกาม การกระทําทางวาจา เรยี กวา วจกี รรม จําแนกเปน ๒ ประเภท ไดแ ก วจีสจุ รติ (การทาํ ดที างวาจา) วจีทุจริต (การทําชั่วทางวาจา) ๑. เวน จากการพดู เท็จ พดู หลอกลวง ๑. การพดู เท็จ พดู หลอกลวง ๒. เวนจากการพูดสอเสียด ๒. การพูดสอเสียด ๓. เวน จากการพูดคําหยาบ ๓. การพดู คําหยาบ
๖๙ ๔. เวนจากการพูดเพอ เจอ ๔. การพูดเพอ เจอ การกระทาํ ทางใจ เรยี กวา มโนกรรม จาํ แนกเปน ๒ ประเภท ไดแ ก มโนสุจริต (การทาํ ดีทางใจ) มโนทจุ ริต (การทําชั่วทางใจ) ๑. ไมโลภอยากไดข องของผอู ่ืน ๑. มคี วามโลภอยากไดของของผูอ่นื ๒. ไมค ิดมุงรายผูอน่ื ๒. คิดมงุ รายผูอ ่นื ๓. ไมเหน็ ผดิ ทาํ นองคลองธรรม ๓. มคี วามเห็นผิดทาํ นองคลองธรรม กฎแหง กรรม กฎแหงกรรม คือ กฎธรรมชาติ ขอหน่ึง ท่ีวาดวยการกระทํา และผลแหงการกระทํา ซ่ึง การกระทํา และ ผลแหง การกระทาํ นัน้ ยอมสมเหตุ สมผลกนั เชน ทําดี ยอมไดรบั ผลดี ทาํ ชั่ว ยอมไดรบั ผลชั่ว เปนตน กรรมใดใครกอ ตนเองเทานนั้ ทจี่ ะไดร บั ผลของสง่ิ ท่ีกระทํา กรรมในปจจุบันเปนผลมาจากการกระทําในอดีต และกรรมท่ีกอไวในปจจุบันเปนเหตุท่ีจะสงผล สืบเนอ่ื งตอไปยังอนาคต กรรมดี-กรรมชั่ว ลบลา งซึ่งกันและกนั ไมได ถึงแมวาการทํากรรมดีจะลบลางกรรมช่ัวเกาท่ีมีอยูเดิมไมได แตมีสวนชวยใหผลจากกรรมชั่วที่มีอยู เดิมผอ นลง คือ การผอนหนักใหเปน เบา (ขอ นี้ อุปมาไดกบั การท่ีเรามีนํ้าขนุ ขนอยูแกว หนง่ึ หากเติมน้ําบริสุทธ์ิ ลงไปแลว มสิ ามารถทาํ ใหน ้าํ ขุนกลบั บรสิ ุทธิ์ได แตท ําใหนาํ้ ขุนขน น้นั กลับเจอื จางลงและใสย่ิงขึน้ กวา เดิม) สตั วท้ังหลายมีกรรมเปนของตน เปนทายาทแหง กรรม มีกรรมเปนกาํ เนดิ มกี รรมเปนเผาพันธุ มกี รรม เปนท่ีพง่ึ อาศยั กรรมยอมจาํ แนกสตั วใ หเ ลวและประณตี ได
๗๐ เรอื่ งสอนใจ “กฎแหงกรรม” ๑. ชอบยุแหยใ หค นอนื่ แตกความสามคั คี ผลจาก ชาติกอ นชอบยแุ หยใ หคนอื่นแตกสามคั คี กนั ชาติน้ี จึงถกู เพ่ือนๆ ท้ิงใหอยอู ยา งโดดเด่ียว
๗๑ ๒. ชอบหาประโยชนบ นความเดือดรอ น ผลจาก ชอบหาประโยชนใสตนบนความ เดอื ดรอ นของผอู ่ืน ชาติน้ีจึงเกดิ มาตองแขวนคอตายเพอ่ื ใชกรรม
๗๒ ๓. วางยาเบอ่ื ปลา ผลจาก ชอบวางลอบไซ ก้ันคคู ลอง วางยาเบ่ือ ปลา ชาตนิ ี้จึงถูกวางยาฆา ใหตาย
๗๓ ๔. ยยุ งใหค นอ่นื ทําความช่วั ผลจาก ชอบยยุ งใหคนอน่ื ทาํ ความชั่ว ดว ย ตนเองอยากเดนกวาเขา ชาตนิ ้ีจงึ เกิดมาถกู ใสรายบอยๆ ๕. สนับสนุนการตอ สู
๗๔ ผลจาก ชอบเปนฝา ยสนบั สนนุ การตอสู ชาตินี้จงึ ตอ งอยูใกลชิดกับสิ่งที่เปน อนั ตราย ๖. เปน ทาสของกามารมณ
๗๕ ผลจาก ตกเปนทาสของกามารมณ ขาดความ รบั ผิดชอบชั่วดี ชาติน้ีหญิงจึงเกดิ มาเปนโสเภณี ชายเกิดมาเปน เฒา โลกีย ๗. เคยสรา งสะพาน
๗๖ ผลจาก เคยเปนคนรวมแรง รว มทนุ ในการ กอสรา ง สะพานขา มแมน ้ําลําคลอง ชาตนิ ี้จงึ เกิดมาอยูในครอบครวั ที่มียานพาหนะใช สอยอยางสะดวกสบาย ๘. เคยฆา เปด ไก นก ปลา
๗๗ ผลจาก เคยเปนคนฆาเปด ไก นก ปลา ชาติน้ีจงึ เกดิ มาตองไดร ับบาดเจบ็ จากการถูกไม ถูกมีดถูกของมีคมขดี ขว นเปนแผล หกลม หัวเขา ถลอกปอกเปก ๙. เคยฆา มา วัว ควาย
๗๘ ผลจาก เคยเปนคนฆามา ลา ววั ควาย ชาตนิ ี้จงึ เกิดมามแี ผลฉกรรจ ไฟไหมเนื้อตวั เปน แผลพพุ องประสบอบุ ตั เิ หตุรถลม รถชนตอง ผาตดั ชวงทอ งหรืออวัยวะสําคัญ ๑๐. เคยดักจบั สัตว
๗๙ ผลจาก เคยดักจบั สตั วโ ดยใช แห อวน ตาขาย ขึงลากดงึ ปดกัน้ แมน ้าํ ลําคลอง ใชยาเบ่อื ทาํ ใหส ตั วเลก็ สัตวน อ ยตองตดิ อยูในตาขายเกอื บ ท้ังหมดตวั ทหี่ ลดุ ไปไดมนี อ ยมาก ชาตินี้เกิดมาจงึ ตองไดรับอันตรายจากอุบัตเิ หตุ โดยบังเอิญ ๑๑. เคยฆา คนดี
๘๐ ผลจาก เคยเปนคนฆาคนดีของครอบครัว และ สังคม ชาติน้ีเกดิ มาจงึ ตอ งถกู ฆา ถูกยงิ ถูกฟน พลัดตก จากทีส่ งู ตายดว ยอบุ ัติเหตุรถชน รถพลิกควํา่ ๑๒. ตดิ หน้แี ลว ไมยอมคนื
๘๑ ผลจาก เคยตดิ หนเ้ี ขาแลว ไมย อมใชคนื แกเ จาหนี้ ชาตนิ ้ีเกดิ มาจึงตอ งเปน ววั เปน ควาย เปน มา ๑๓. เปน คนหลอกลวง
๘๒ ผลจาก เคยเปน คนหลอกลวงคน กลน่ั แกลงผอู ่ืน ใหไดร ับทุกข ชาตินี้เกิดมาจงึ ตอ งเปนหมู เปนสนุ ขั ๑๔. ชอบเอาเปรียบ กินแรง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149