Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore #00 ebook_หลักธรรมกับการต้านทุจริต_1 กย 64-ok

#00 ebook_หลักธรรมกับการต้านทุจริต_1 กย 64-ok

Published by Kasem S. Kdmbooks, 2021-09-02 16:33:42

Description: #00 ebook_หลักธรรมกับการต้านทุจริต_1 กย 64-ok

Search

Read the Text Version

ภาคผนวก



หลกั สตู รสร้างวทิ ยากรผู น้ ําการเปล่ยี นแปลง สู่สงั คมทไี่ มท่ นตอ่ การทจุ ริต สำ�นักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๑

หลกั สตู รสร้างวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปลย่ี นแปลง ส่สู ังคมที่ไมท่ นต่อการทจุ รติ พิมพ์คร้ังที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๒ จ�ำ นวนพมิ พ์ ๗๔๕ เลม่ ผูจ้ ัดพิมพ ์ ส�ำ นักงานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ พิมพท์ ่ี ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำ�กดั สาขา ๔ ๑๔๕ , ๑๔๗ ถ.เลย่ี งเมืองนนทบรุ ี ต.ตลาดขวญั อ.เมือง จ.นนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทร. ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๐๗-๙ , ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๕๓-๔ โทรสาร ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๕๕ E-mail : [email protected] www.co-opthai.com 96

คำ�น�ำ ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ได้กำ�หนดประเดน็ ยุทธศาสตรท์ ี่ ๑ สรา้ งสังคมท่ไี มท่ นต่อการทจุ ริต ประกอบด้วย กลยุทธท์ ่ี ๑ ปรบั ฐาน ความคดิ ทกุ ช่วงวัยตั้งแต่ปฐมวยั เปน็ ตน้ ไปให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ สว่ นรวม กลยทุ ธท์ ่ี ๒ สง่ เสรมิ ใหม้ รี ะบบและกระบวนการกลอ่ มเกลาทางสงั คมเพอ่ื ตา้ นทจุ รติ กลยทุ ธท์ ี่ ๓ ประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเคร่ืองมือต้านทุจริต และกลยุทธ์ที่ ๔ เสริมพลังการมี ส่วนร่วมของชุมชน และบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อต่อต้านการทุจริต จากกลยุทธ์ที่ ๑ คณะกรรมการ ปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จงึ ไดม้ คี �ำ สงั่ แตง่ ตงั้ คณะอนกุ รรมการ จดั ทำ�หลักสูตรหรอื ชดุ การเรียนรแู้ ละส่อื ประกอบการเรียนร้ดู ้านการปอ้ งกันการทจุ ริต ซง่ึ ประกอบด้วย ผทู้ รงคณุ วุฒดิ ้านการใหก้ ารศกึ ษาและการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ข้นึ เพือ่ ศกึ ษา วเิ คราะห์ และรวบรวม ข้อมูล กำ�หนดแนวทางและขอบเขตในการจัดทำ�หลักสตู ร ยกรา่ งและจัดทำ�เนือ้ หาหลกั สูตรหรือชดุ การเรียนรู้ และสอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ รวมทงั้ พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ เพม่ิ เตมิ ก�ำ หนดแผนหรอื แนวทางการน�ำ หลกั สตู ร ไปใช้ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และดำ�เนนิ การอน่ื ๆ ตามท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย คณะอนกุ รรมการจดั ท�ำ หลกั สตู รหรอื ชดุ การเรยี นรแู้ ละสอื่ ประกอบการเรยี นรดู้ า้ นการปอ้ งกนั การทุจริตได้ร่วมกันสร้างชุดหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา : Anti-Corruption Education ประกอบด้วย ๕ หลักสตู ร ดงั น้ี ๑. หลักสตู รการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน (รายวิชาเพม่ิ เติม การปอ้ งกนั การทจุ ริต) ๒. หลักสูตร อุดมศึกษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ๓. หลกั สูตรตามแนวทางรบั ราชการ กลุ่มทหารและตำ�รวจ ๔. หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้นำ�การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต และ ๕. หลักสูตรโค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต ชุดหลักสูตรดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการนำ�ไปทดลองใช้ เพ่ือปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสำ�หรับการใช้ในกลุ่มเป้าหมายต่อไป นอกจากน้ี คณะอนกุ รรมการจดั ท�ำ หลกั สตู รหรอื ชดุ การเรยี นรแู้ ละสอ่ื ประกอบการเรยี นรดู้ ้านการปอ้ งกนั การทจุ รติ ยงั ไดค้ ดั เลือกส่อื การเรยี นร้จู ากแหล่งตา่ งๆ ท้งั ในประเทศและต่างประเทศ รวม ๕๐ ชิน้ เพ่อื ใช้ในการ เรยี นรู้ ซง่ึ คณะรฐั มนตรมี มี ตเิ หน็ ชอบตามทคี่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ เมอื่ วนั ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑ โดยใหห้ นว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งน�ำ หลกั สตู รต้านทจุ รติ ศกึ ษาไปปรบั ใชใ้ นโครงการหรอื หลกั สตู รฝกึ อบรมของ ขา้ ราชการ บุคลากรของรัฐ หรอื พนักงานรฐั วสิ าหกจิ ทบ่ี รรจใุ หม่ หลกั สตู รสรา้ งวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปลย่ี นแปลงสสู่ งั คมทไ่ี มท่ นตอ่ การทจุ รติ จดั ท�ำ โดยผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ดา้ นการศกึ ษาและการฝึกอบรม ในคณะอนกุ รรมการจัดทำ�หลักสตู รหรอื ชดุ การเรียนรู้และส่อื ประกอบ การเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต สาระการเรียนรู้ประกอบด้วย (๑) การคิดแยกแยะระหว่าง ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม (๒) ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต (๓) การประยุกต์ โมเดล STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทุจรติ (๔) การฝกึ ปฏิบัตกิ ารเป็นวิทยากร 97

คณะกรรมการ ป.ป.ช. หวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ หนว่ ยงานภาครฐั รฐั วสิ าหกจิ รวมถงึ หนว่ ยงานภาค เอกชน ทป่ี ระสงคจ์ ะสรา้ งวทิ ยากรดา้ นการตา้ นทจุ รติ จะน�ำ หลกั สตู รสรา้ งวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปลย่ี นแปลง ส่สู งั คมท่ีไม่ทนตอ่ การทุจรติ ในชุดหลักสูตรต้านทจุ ริตศึกษา (Anti-Corruption Education) ไปปรับใช้ ในโครงการหรือหลักสูตรฝึกอบรมวิทยากรตัวคูณด้านการต้านทุจริต ขยายผลปลูกฝังวิธีคิดป้องกัน การทจุ ริตอย่างเป็นอัตโนมตั ิ เพือ่ รว่ มกันสรา้ งประเทศไทยใสสะอาด ไทยทัง้ ชาติต้านทจุ รติ พลตำ�รวจเอก (วัชรพล ประสารราชกิจ) ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ 98

สารบัญ หนา้ ค�ำ น�ำ รายละเอยี ดหลักสตู ร ๑ ตารางวเิ คราะห์หลกั สูตร ๓ วชิ าที่ ๑ เรอ่ื ง การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๕ วชิ าที่ ๒ เรอ่ื ง ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ ๓๔ วิชาท่ี ๓ เร่ือง การประยกุ ต์หลกั ความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทจุ ริต ๖๑ วิชาที่ ๔ เรอ่ื ง การฝึกปฏิบตั กิ ารเป็นวทิ ยากร ๗๓ ภาคผนวก ก รายการสือ่ ประกอบเนอ้ื หาวิชา ๘๓ ข แบบทดสอบ ๘๙ ค กระดาษคำ�ตอบและเฉลย ๙๔ ง คำ�สัง่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่ี ๖๔๖/๒๕๖๐ เร่อื ง แต่งตง้ั คณะอนุกรรมการ ๙๕ จัดท�ำ หลกั สตู ร หรือชุดการเรียนรู้และสอื่ ประกอบการเรยี นรูด้ า้ นการป้องกันการทุจรติ จ รายชือ่ ผู้จัดท�ำ หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผู้นำ�การเปลย่ี นแปลงสู่สังคมทไ่ี ม่ทนต่อการทจุ ริต ๙๘ 99

หลักสูตรสรา้ งวทิ ยากรผู้น�ำการเปลย่ี นแปลงส่สู งั คมทไ่ี มท่ นต่อการทุจรติ ช่อื หลกั สูตร สรา้ งวิทยากรผนู้ �ำการเปล่ียนแปลงสูส่ งั คมทีไ่ ม่ทนต่อการทจุ รติ หลกั การและเหตผุ ล ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ไดก้ �ำหนด ยุทธศาสตร์ท่ี ๑ สร้างสงั คมทไี่ ม่ทนตอ่ การทุจริต อันมีกลยุทธว์ ่าดว้ ยเรอื่ งของการปรบั ฐานความคิดทกุ ชว่ งวยั ตั้งแต่ปฐมวัยให้สามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ส่งเสริมให้มีระบบ และกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพื่อต้านทุจริต ประยกุ ต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ เครื่องมือ ต้านทุจริต เสริมพลังการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community) และบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อต่อต้านการ ทุจริต ส�ำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้จัดท�ำหลักสูตรสร้างวิทยากรผู้น�ำการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต เพ่ือน�ำไปใช้เป็นแนวทางในการฝึกอบรมให้กับบุคลากรของส�ำนักงาน ป.ป.ช. และบุคลากรของหน่วยงาน ภาครัฐต่าง ๆ เพ่ือเปน็ แกนน�ำวิทยากรผนู้ �ำการเปล่ยี นแปลง (ผูท้ ี่ไดร้ ับการอบรมเนือ้ หา/หลักสตู รนี้) ในการน�ำ ความรทู้ ไี่ ดไ้ ปถา่ ยทอดใหก้ บั บคุ ลากรในหนว่ ยงานนน้ั ๆ ใหม้ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั เรอ่ื งการคดิ แยกแยะระหวา่ ง ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต การประยุกต์หลัก ความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทจุ รติ ซ่ึงคดิ คน้ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธีรานวุ ัฒศิริ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑) S (sufficient ความพอเพียง) 1 ๒) T (transparent ความโปรง่ ใส) ๓) R (realise ความตื่นร้)ู ๔) O (onward มงุ่ ไปขา้ งหนา้ ) ๕) N (knowledge ความร)ู้ ๖) G (generosity ความเอือ้ อาทร) หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผูน้ �ำ การเปลีย่ นแปลงส่สู งั คมที่ไม่ทนตอ่ การทุจรติ 100

วัตถุประสงค์ ๑. เพอ่ื สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจและทศั นคตทิ ถี่ กู ตอ้ งเกยี่ วกบั การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชน์ส่วนรวม ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต การประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพยี งตา้ นทุจริต และการฝึกปฏิบตั ิการเปน็ วิทยากร ๒. เพอื่ สร้างวทิ ยากรทีม่ ที กั ษะและสามารถขยายผลองคค์ วามรู้ไปส่กู ลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ เพ่ือม่งุ สรา้ ง สังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจรติ ขอบเขตเนอื้ หา วิชาที่ ๑ การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม (๖ ช่ัวโมง) วชิ าท่ี ๒ ความอายและความไมท่ นต่อการทจุ รติ (๓ ช่ัวโมง) วชิ าที่ ๓ การประยกุ ต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพยี งตา้ นทุจรติ (๓ ช่ัวโมง) วชิ าท่ี ๔ การฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารเปน็ วิทยากร (๖ ชัว่ โมง) ระยะเวลาหลกั สูตร ๓ วัน ๒ คืน กลมุ่ เปา้ หมาย บุคลากรของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ และภาคประชาสงั คม ส่อื การเรยี นรู้ Power Point วิดโี อ ภาพยนตรส์ นั้ ใบงาน หรอื สือ่ อ่ืน ๆ ท่ีเหมาะสม การวดั และประเมนิ ผล ๑. การทดสอบความรู้ (๖๐ คะแนน) ๒. การประเมนิ ฝกึ ปฏิบตั กิ ารเป็นวทิ ยากร (๔๐ คะแนน) เกณฑ์การประเมิน ผู้ผ่านการอบรมจะต้องได้คะแนนรวมจากค่าคะแนนจากแบบทดสอบความรู้และค่าคะแนนจาก การประเมินฝกึ ปฏิบตั กิ ารเป็นวิทยากรรวมกนั อยา่ งนอ้ ยตงั้ แต่ ๖๐ คะแนนขน้ึ ไป 2 หลักสตู รสร้างวทิ ยากรผูน้ ำ�การเปลี่ยนแปลงส่สู งั คมทไ่ี มท่ นต่อการทจุ รติ 101

ตารางวเิ คราะห์หลักสตู รสร้างวิทยากรผนู้ ำ�การเปล่ียนแปลงสสู่ งั คมที่ไมท่ นตอ่ การทุจรติ ท่ี เร่ือง เนอื้ หา ชว่ั โมง กระบวนการ การวัดและ ประเมนิ ผล ๑ การคดิ แยกแยะ ๑.๑ สาเหตขุ องการทุจริตฯ ๖ การบรรยาย สอบเนือ้ หา ระหว่าง ๑.๒ ความหมายของการขดั กนั ระหว่างผลประโยชน์ การคดิ วเิ คราะห์ (๒๐ คะแนน) ประโยชน์ สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม รปู แบบของการขดั กนั กรณศี กึ ษา ส่วนตนและ ระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม การท�ำกจิ กรรม ประโยชน์ ๑.๓ กฎหมายทีเ่ ก่ียวข้องกับการขดั กันฯ กลุม่ ส่วนรวม ๑.๔ วธิ คี ิดแบบ Analog thinking (ฐาน ๑๐)/Digital การอภปิ รายกลุ่ม thinking (ฐาน๒) ๑.๕ บทบาทของรฐั /เจ้าหนา้ ทีข่ องรัฐ (มาตรฐาน ทางจรยิ ธรรมของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ) ๑.๖ กรณตี ัวอยา่ งการคิดแยกแยะระหวา่ งประโยชน์ สว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวม ๒ ความละอาย ๒.๑ การทุจรติ ๓ การบรรยาย สอบเน้อื หา และความ - ความหมาย/รปู แบบการทจุ รติ การคิดวเิ คราะห์ (๒๐ คะแนน) ไม่ทนต่อ - สาเหตกุ ารเกดิ การทจุ ริต กรณศี ึกษา การทุจริต - สถานการณก์ ารทุจริตในประเทศไทย การท�ำ - ผลกระทบจากการทุจริตตอ่ การพฒั นาประเทศ กจิ กรรมกลุ่ม - ทิศทางการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ การอภปิ รายกลมุ่ - กรณีตัวอยา่ งผลทีเ่ กดิ จากการทจุ ริต ๒.๒ ความอายตอ่ การทุจริต - ความเปน็ พลเมือง - แนวคดิ เกยี่ วกับความอายต่อการทุจริต ๒.๓ ความไม่ทนต่อการทุจรติ - แนวคดิ เกี่ยวกบั ความไม่ทนต่อการทุจริต ๒.๔ ตวั อย่างความอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต การแสดงออกถึงการไม่ทนต่อการทจุ ริต ๒.๕ ลงโทษทางสงั คม ๒.๖ ช่องทางและวธิ กี ารร้องเรียนการทจุ รติ ๒.๗ มาตรการค้มุ ครองชว่ ยเหลอื พยานและ การกนั บุคคลไวเ้ ปน็ พยานโดยไม่ด�ำเนินคดี - มาตรการคุม้ ครองช่วยเหลอื พยาน - การกนั บคุ คลไวเ้ ปน็ พยานโดยไมด่ �ำเนนิ คดี - กฎ ก.พ. ว่าดว้ ยหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารการให้บ�ำเหน็จ ความชอบ การกนั เปน็ พยาน การลดโทษ และการให้ ความคมุ้ ครองพยาน พ.ศ. ๒๕๕๓ หลักสูตรสรา้ งวทิ ยากรผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลงสู่สงั คมท่ไี ม่ทนต่อการทจุ ริต 3 102

ท่ี เรือ่ ง เนอื้ หา ชว่ั โมง กระบวนการ การวัดและ ประเมนิ ผล ๓ การประยกุ ต์ ๓.๑ ต้นแบบความพอเพียง (ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง) ๓ กรณโี ครงการ STRONG สอบเนอ้ื หา หลักความ ๓.๒ โมเดล STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ รติ จติ พอเพียง (๒๐ คะแนน) พอเพียง ตา้ นทจุ ริต ด้วยโมเดล การบรรยาย STRONG : จติ พอเพียง การฝกึ ปฏบิ ัตถิ า่ ยทอดความรู้ ตามท่ีก�ำหนด ๖ - ๓ ชวั่ โมงแรก การ ตา้ นทจุ ริต ได้อยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม ให้ผูเ้ ขา้ ร่วม ประเมิน ๔ การฝกึ ปฏบิ ัติ - ความหมายของวิทยากร ทุกคนแบง่ กลมุ่ ฝกึ ปฏิบตั ิ การเปน็ - บทบาทและหนา้ ท่ีของวทิ ยากร ฝกึ ปฏิบตั ิการ การเป็น วทิ ยากร - คุณสมบัติของวทิ ยากรท่ีดี เปน็ วิทยากร วิทยากร - การเปน็ ผนู้ �ำเสนอทด่ี ี โดยส่มุ หัวขอ้ (๔๐ คะแนน) - เทคนคิ การเตรียมตวั ท่ดี ีของวทิ ยากร วชิ าการบรรยาย จาก ๓ วิชา โดยให้วิทยากร ประเมิน - ๓ ชั่วโมง หลงั วทิ ยากร ให้ข้อเสนอแนะ กระบวนการ หลากหลาย 4 หลกั สูตรสร้างวทิ ยากรผูน้ ำ�การเปล่ียนแปลงสู่สังคมท่ีไมท่ นต่อการทจุ รติ 103

วชิ าที่ ๑ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผ้นู ำ�การเปลีย่ นแปลงสู่สงั คมท่ีไมท่ นตอ่ การทจุ รติ วชิ าที่ ๑ : เรื่อง การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม จ�ำนวนชวั่ โมง : ๖ ชัว่ โมง เรื่อง การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม สาระส�ำคัญ วชิ านเี้ ปน็ การเรยี นรเู้ กยี่ วกบั การขดั กนั ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม กฎหมาย ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง แนวคดิ เกย่ี วกบั การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี น สามารถน�ำไปถา่ ยทอดไดอ้ ย่างถกู ต้องและน�ำไปปรบั ใชไ้ ด้อย่างเหมาะสมกับผูเ้ ขา้ รับการฝึกอบรม วัตถุประสงค์ ๑. เพ่ือเสริมสรา้ งความร้คู วามเขา้ ใจ การน�ำไปใช้ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประเมินเก่ียวกับ การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ๒. เพื่อสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างถูกต้องในเรื่องการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชนส์ ่วนรวมใหผ้ ู้เรียนน�ำไปปรับใชไ้ ด้อย่างเหมาะสมกบั ผู้เขา้ รับการฝึกอบรม ขอบเขตเนื้อหา ๑. สาเหตขุ องการทุจริต ๒. ความหมายของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม รูปแบบของ การขดั กนั ระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ๓. กฎหมายท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การขัดกนั ฯ ๔. วธิ คี ิดแบบ Analog thinking (ฐาน ๑๐)/Digital thinking (ฐาน๒) ๕. บทบาทของรัฐ/เจา้ หน้าทขี่ องรฐั (มาตรฐานทางจรยิ ธรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ) ๖. กรณตี ัวอย่างการคิดแยกแยะระหว่างประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม วธิ กี ารฝกึ อบรม การบรรยาย การคดิ วิเคราะห์กรณีศกึ ษา การท�ำกิจกรรมกล่มุ การอภิปรายกลุ่ม ส่อื การเรียนรู้ Power Point วิดีโอ ภาพยนตร์สน้ั ใบงาน หรือสื่ออ่ืน ๆ ท่เี หมาะสม การวัดและประเมนิ ผล การทดสอบเน้อื หา (๒๐ คะแนน) หลกั สตู รสรา้ งวทิ ยากรผู้น�ำ การเปลีย่ นแปลงสสู่ ังคมท่ไี มท่ นตอ่ การทุจรติ 5 104

เนอื้ หาโดยสังเขป หลักสูตรสร้างวทิ ยากรผูน้ �ำการเปลย่ี นแปลงส่สู ังคมท่ีไมท่ นตอ่ การทุจริต วิชาท่ี ๑ : เรอ่ื ง การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม จ�ำนวนชวั่ โมง : ๖ ช่วั โมง รายละเอียดเนือ้ หา ๑. สาเหตขุ องการทุจรติ และทิศทางการป้องกันการทจุ รติ ในประเทศไทย การทุจริตเป็นหน่ึงในประเด็นท่ีท่ัวโลกแสดงความกังวล อันเน่ืองมาจากเป็นปัญหาท่ีมีความซับซ้อน ยากตอ่ การจดั การและเกยี่ วขอ้ งกบั ทกุ ภาคสว่ น เปน็ ทยี่ อมรบั กนั วา่ การทจุ รติ นน้ั มคี วามเปน็ สากล เพราะมกี ารทจุ รติ เกิดขึ้นในทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศท่ีพัฒนาแล้วหรือประเทศท่ีก�ำลังพัฒนา การทุจริตเกิดข้ึนทั้งใน ภาครฐั และภาคเอกชน หรอื แมก้ ระทง่ั ในองคก์ รทไี่ มแ่ สวงหาผลก�ำไรหรอื องคก์ รเพอ่ื การกศุ ล ในปจั จบุ นั การกลา่ วหา และการฟอ้ งรอ้ งคดกี ารทจุ รติ ยงั มบี ทบาทส�ำคญั ในดา้ นการเมอื งมากกวา่ ชว่ งทผี่ า่ นมา รฐั บาลในหลายประเทศ มีผลการปฏิบัติงานที่ไม่โปร่งใสเท่าที่ควร องค์กรระดับโลกหลายองค์กรเส่ือมเสียช่ือเสียง เน่ืองมาจากเหตุผล ด้านความโปร่งใส สื่อมวลชนท่ัวทั้งโลกต่างเฝ้ารอที่จะได้น�ำเสนอข่าวอ้ือฉาวและการประพฤติผิดจริยธรรม ด้านการทุจริต โดยเฉพาะบุคคลซ่ึงด�ำรงต�ำแหน่งระดับสูงต่างถูกเฝ้าจับจ้องว่าจะถูกสอบสวนเม่ือใด อาจกล่าวได้ว่า การทุจริตเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่จะขัดขวางการพัฒนาประเทศให้เป็นรัฐสมัยใหม่ ซ่ึงต่างเป็นที่ทราบกันดีว่า การทจุ รติ ควรเป็นประเด็นแรก ๆ ท่ีควรใหค้ วามส�ำคญั ในวาระของการพัฒนาประเทศของทกุ ประเทศ เห็นได้ชัดว่าการทุจริตส่งผลกระทบอย่างมากกับการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างย่ิงในประเทศ ที่ก�ำลังพัฒนา เช่นเดียวกันกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก็มีความกังวลในปัญหาการทุจริตด้วย เชน่ เดยี วกนั โดยเหน็ พอ้ งตอ้ งกนั วา่ การทจุ รติ เปน็ ปญั หาใหญท่ กี่ �ำลงั ขดั ขวางการพฒั นาเศรษฐกจิ การเมอื ง และสงั คม ใหก้ า้ วไปสู่รฐั สมัยใหม่ และควรเป็นปญั หาท่คี วรจะต้องรบี แก้ไขโดยเรว็ ท่ีสุด การทจุ รติ นน้ั อาจเกดิ ขนึ้ ไดใ้ นประเทศทมี่ สี ถานการณ์ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑) มกี ฎหมาย ระเบยี บ หรอื ขอ้ ก�ำหนด จ�ำนวนมากที่เก่ียวข้องกับการด�ำเนินการทางธุรกิจ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่จะท�ำให้เกิดเศรษฐผล หรือมูลค่าเพิ่ม หรือก�ำไรส่วนเกินทางเศรษฐกิจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมาตรการหรือข้อก�ำหนดดังกล่าวมีความซับซ้อน คลมุ เครอื เลือกปฏิบตั ิ เปน็ ความลับหรอื ไมโ่ ปรง่ ใส ๒) เจ้าหน้าทีผ่ มู้ อี �ำนาจมีสิทธ์ขิ าดในการใชด้ ุลยพินจิ ซงึ่ ให้ อิสระในการเลือกปฏิบัติเป็นอย่างมากว่าจะเลือกใช้อ�ำนาจใด กับใครก็ได้ ๓) ไม่มีกลไกท่ีมีประสิทธิภาพหรือ องคก์ รทมี่ หี นา้ ทคี่ วบคมุ ดแู ลและจดั การตอ่ การกระท�ำใด ๆ ของเจา้ หนา้ ทท่ี มี่ อี �ำนาจ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ประเทศ ทีก่ �ำลงั พฒั นา ท�ำให้การทจุ รติ มแี นวโน้มทีจ่ ะเกดิ ข้นึ ได้อย่างมาก โดยไม่ใชเ่ พยี งเพราะว่าลักษณะประชากรน้นั แตกต่างจากภูมิภาคอ่ืนที่พัฒนาแล้ว หากแต่เป็นเพราะกลุ่มประเทศที่ก�ำลังพัฒนาน้ันมีปัจจัยภายในต่าง ๆ ที่เอ้ือหรือสนับสนุนต่อการเกิดการทุจริต อาทิ ๑) แรงขับเคล่ือนที่อยากมีรายได้ เป็นจ�ำนวนมากอันเป็นผล เน่อื งมาจากความจน คา่ แรงในอตั ราทต่ี ำ่� หรือมสี ภาวะความเสี่ยงสงู ในด้านต่าง ๆ เช่น ความเจบ็ ป่วย อุบตั ิเหตุ หรอื การวา่ งงาน ๒) มสี ถานการณห์ รอื โอกาสทอี่ าจกอ่ ใหเ้ กดิ การทจุ รติ ไดเ้ ปน็ จ�ำนวนมาก และมกี ฎระเบยี บตา่ ง ๆ ท่ีอาจน�ำไปสูก่ ารทจุ รติ ๓) การออกกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทไี่ มเ่ ข้มแขง็ ๔) กฎหมายและประมวล 6 หลักสูตรสร้างวทิ ยากรผู้นำ�การเปลีย่ นแปลงสูส่ ังคมท่ีไม่ทนตอ่ การทุจริต 105

จริยธรรมไม่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัย ๕) ประชากรในประเทศยังคงจ�ำเป็นต้องพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ อยเู่ ป็นจ�ำนวนมาก ๖) ความไมม่ เี สถยี รภาพทางการเมอื ง และเจตจ�ำนงทางการเมืองทไี่ ม่เขม้ แข็ง ปัจจยั ต่าง ๆ ดงั กลา่ ว จะน�ำไปสกู่ ารทจุ รติ ไมว่ า่ จะเปน็ ทจุ รติ ระดบั บนหรอื ระดบั ลา่ งกต็ าม ซง่ึ ผลทตี่ ามมาอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั เจน มีด้วยกันหลายประการ เชน่ การทจุ ริตท�ำให้ภาพลกั ษณข์ องประเทศดา้ นความโปร่งใสนัน้ เลวรา้ ยลง การลงทนุ ในประเทศโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ จากนกั ลงทนุ ตา่ งชาตลิ ดนอ้ ยลง สง่ ผลกระทบท�ำใหก้ ารเตบิ โตทางเศรษฐกจิ ลดนอ้ ย ลงไปดว้ ยเชน่ กนั หรอื การทจุ รติ ท�ำใหเ้ กดิ ชอ่ งว่างของความไมเ่ ท่าเทยี มทกี่ ว้างขน้ึ ของประชากรในประเทศหรอื อกี นยั หนง่ึ คอื ระดบั ความจนนน้ั เพมิ่ สงู ขน้ึ ในขณะทกี่ ลมุ่ คนรวยกระจกุ ตวั อยเู่ พยี งกลมุ่ เลก็ ๆ กลมุ่ เดยี ว นอกจากนี้ การทุจริตยังท�ำให้การสร้างและปรับปรุงสาธารณูปโภคต่าง ๆ ของประเทศน้ันลดลงท้ังในด้านปริมาณและ คณุ ภาพ รวมทัง้ ยังอาจน�ำพาประเทศไปสวู่ กิ ฤติทางการเงนิ ท่ีร้ายแรงไดอ้ ีกดว้ ย การเปลี่ยนแปลงวิธีคิด (Paradigm Shift) จึงเป็นเรื่องส�ำคัญอย่างมาก ต่อการด�ำเนินงานด้านการ ต่อต้านการทุจริต ตามค�ำปราศรัยของประธานท่ีได้กล่าวต่อที่ประชุมองค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรฐั อเมริกา เม่อื ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ว่า “การทุจริตเปน็ หน่งึ ในความทา้ ทายที่มีความส�ำคญั มากในศตวรรษที่ ๒๑ ผนู้ �ำโลกควรจะเพมิ่ ความพยายามขนึ้ เปน็ สองเทา่ ทจ่ี ะสรา้ งเครอ่ื งมอื ทม่ี คี วามเขม้ แขง็ เพอื่ รอื้ ระบบการ ทจุ รติ ทซี่ ่อนอยอู่ อกให้หมดและน�ำทรัพยส์ ินกลบั คนื ใหก้ บั ประเทศ ต้นทางทีถ่ ูกขโมยไป…” ท้ังนี้ ไม่เพยี งแต่ ผนู้ �ำโลกเทา่ นนั้ ทตี่ อ้ งจรงิ จงั มากขน้ึ กบั การตอ่ ตา้ นการทจุ รติ เราทกุ คนในฐานะประชากรโลกกม็ คี วามจ�ำเปน็ ทจี่ ะ ต้องเอาจริงเอาจังกับการต่อต้านการทุจริตเช่นเดียวกัน โดยท่ัวไปอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้ท่ีจริงแล้ว การทุจริตน้ันเป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคนในสังคมมาก การเปลี่ยนแปลงระบบวิธีการคิดเป็นเรื่องส�ำคัญ หรือความ สามารถในการการแยกแยะระหว่างประโยชน์ส่วนตนออกจากประโยชน์ส่วนรวม เป็นส่ิงจ�ำเป็นท่ีจะต้อง เกดิ ขนึ้ กบั ทกุ คนในสงั คม ตอ้ งมคี วามตระหนกั ไดว้ า่ การกระท�ำใดเปน็ การลว่ งลำ้� สาธารณประโยชน์ การกระท�ำใด เปน็ การกระท�ำทอี่ าจเกดิ การทบั ซอ้ นระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม ตอ้ งค�ำนงึ ถงึ ประโยชน์ ของประเทศชาตเิ ปน็ อันดบั แรกกอ่ นทจ่ี ะค�ำนึงถึงผลประโยชนส์ ว่ นตนหรอื พวกพ้อง การทุจริตในสังคมไทยระหว่างช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมาส่งผลเสียต่อประเทศอย่างมหาศาลและเป็น อุปสรรคส�ำคัญต่อการพัฒนาประเทศในทุกมิติ รูปแบบการทุจริตจากเดิมที่เป็นการทุจริตทางตรงไม่ซับซ้อน อาทิ การรับสินบน การจัดซ้ือจัดจ้าง ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็นการทุจริตที่ซับซ้อนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การทจุ รติ โดยการท�ำลายระบบการตรวจสอบการใชอ้ �ำนาจรฐั การกระท�ำทเ่ี ปน็ การขดั กนั แหง่ ผลประโยชนห์ รอื ผลประโยชน์ทบั ซ้อน และการทจุ รติ เชงิ นโยบาย ประเทศไทยมีความพยายามแก้ไขปัญหาการทุจริตโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันสร้างเคร่ืองมือ กลไก และก�ำหนดเป้าหมายส�ำหรับการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เร่ิมตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๑ จนถงึ ปจั จบุ นั การด�ำเนนิ งานไดส้ ร้างความตน่ื ตวั และเข้ามามสี ว่ นรว่ มในการปอ้ งกนั และปราบปราม การทุจริตตามบทบาทของแต่ละหน่วยงาน จึงมีความจ�ำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับฐานความคิดและสร้าง ความตระหนักรูใ้ ห้ทุกภาคส่วนของสังคม ส�ำหรับประเทศไทยได้ก�ำหนดทิศทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริตซึ่งมีความสอดคล้องกับ สถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สงั คม วฒั นธรรม และความรุนแรง รวมถงึ การสร้างความตระหนักในการ ประพฤติปฏิบัติตนด้วยความซ่ือสัตย์สุจริตของคนในสังคม ท้ังนี้ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ในฐานะองค์กรหลักด้าน หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผ้นู �ำ การเปลี่ยนแปลงสู่สงั คมทีไ่ ม่ทนต่อการทจุ ริต 7 106

การด�ำเนินงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต และเป็นองค์กรท่ีต้องบูรณาการการท�ำงานด้านการต่อต้าน การทจุ ริตเขา้ กบั ทกุ ภาคส่วน ดังนน้ั สาระส�ำคัญท่มี ีความเช่อื มโยงกับทศิ ทางการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ มีดงั น้ี ๑. รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๒. วาระการปฏริ ปู ที่ ๑ การปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบของสภาปฏริ ปู แหง่ ชาติ ๓. ยทุ ธศาสตร์ชาตริ ะยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ๔. แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ๕. โมเดลประเทศไทยส่คู วามม่ันคง มัง่ คัง่ และยั่งยนื (Thailand ๔.๐) ๖. ยุทธศาสตรช์ าติว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ๑. รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ก�ำหนดในหมวดท่ี ๔ หนา้ ทข่ี องประชาชน ชาวไทยว่า“...บุคคลมีหน้าท่ี ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริต และประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ” ถือได้ว่า เปน็ ครง้ั แรกทร่ี ฐั ธรรมนญู ไดก้ �ำหนดใหก้ ารปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ เปน็ หนา้ ทข่ี องประชาชนชาวไทยทกุ คน นอกจากนี้ ยงั ก�ำหนดชดั เจนในหมวดที่ ๕ หนา้ ทขี่ องรฐั วา่ “รฐั ตอ้ งสง่ เสรมิ สนบั สนนุ และใหค้ วามรแู้ กป่ ระชาชน ถึงอันตรายท่ีเกิดจากการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และจัดให้มีมาตรการและกลไก ท่ีมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด รวมทั้งกลไกในการ สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนรวมตวั กนั เพอื่ มสี ว่ นรว่ มในการรณรงคใ์ หค้ วามรู้ ตอ่ ตา้ นการทจุ รติ หรอื ชเี้ บาะแส โดยไดร้ บั ความคุ้มครองจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ” ในการบริหารราชการแผ่นดินรัฐต้องเสริมสร้างให้ประชาชน ไดร้ บั บรกิ ารทส่ี ะดวก มปี ระสทิ ธภิ าพทสี่ �ำคญั คอื ไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ติ ามหลกั การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งทด่ี ี ซง่ึ การ บรหิ ารงานบคุ คลของหนว่ ยงานของรฐั ตอ้ งเปน็ ไปตามระบบคณุ ธรรมตามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิ โดยอยา่ งนอ้ ยตอ้ ง มมี าตรการปอ้ งกนั มใิ หผ้ ใู้ ดใชอ้ �ำนาจหรอื กระท�ำการโดยมชิ อบแทรกแซงการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี หรอื กระบวนการแตง่ ตง้ั หรอื การพจิ ารณาความดคี วามชอบของเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั และรฐั ตอ้ งจดั ใหม้ มี าตรฐานทางจรยิ ธรรม เพอื่ ใหห้ นว่ ย งานใช้เป็นหลักในการก�ำหนดประมวลจริยธรรมส�ำหรับเจ้าหน้าท่ีในหน่วยงาน ซึ่งต้องไม่ต่�ำกว่ามาตรฐานทาง จริยธรรมดังกล่าว การที่รัฐธรรมนูญได้ให้ความส�ำคัญต่อการบริหารราชการท่ีมีประสิทธิภาพและการบริหาร บุคคลท่ีมีคุณธรรมน้ัน สืบเน่ืองมาจากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาได้เกิดปัญหาท่ีเกี่ยวข้องกับการบริหารบุคคล มีการโยกย้ายแต่งต้ังท่ีไม่เป็นธรรม บังคับหรือชี้น�ำให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติงานโดยไม่ยึดมั่น ในหลกั ผลประโยชนแ์ หง่ รฐั รวมถงึ การมงุ่ เนน้ การแสวงหาผลประโยชนใ์ หก้ บั ตนเองรวมถงึ พวกพอ้ ง รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ จึงได้มีความพยายามทีจ่ ะแสดงให้เห็นอย่างชดั เจนวา่ ตอ้ งการสรา้ ง ประสทิ ธภิ าพในระบบการบรหิ ารงานราชการแผน่ ดนิ และเจ้าหน้าทข่ี องรฐั ตอ้ งยดึ มน่ั ในหลกั ธรรมาภบิ าล และ มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมตามท่กี �ำหนดเอาไว้ ๒. วาระการปฏริ ปู ท่ี ๑ การปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบของสภาปฏริ ปู แหง่ ชาติ สภาปฏริ ปู แหง่ ชาตใิ นฐานะองคก์ รทมี่ บี ทบาทและอ�ำนาจหนา้ ทใ่ี นการปฏริ ปู กลไก และปฏบิ ตั งิ านดา้ นการบรหิ าร ราชการแผน่ ดนิ ไดม้ ขี อ้ เสนอเพอ่ื ปฏริ ปู ดา้ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ เพอ่ื แกไ้ ข ปญั หาดงั กลา่ วใหเ้ ปน็ ระบบ มปี ระสทิ ธภิ าพ ยงั่ ยนื เปน็ รปู ธรรมปฏบิ ตั ไิ ด้ สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานสากลและบรบิ ท ของสงั คมไทย โดยเสนอใหม้ ยี ทุ ธศาสตรก์ ารแกไ้ ขปญั หา ๓ ยทุ ธศาสตร์ ประกอบดว้ ย (๑) ยทุ ธศาสตรก์ ารปลกู ฝงั “คนไทย ไมโ่ กง”เพอื่ ปฏริ ปู คนใหม้ จี ติ ส�ำนกึ สรา้ งจติ ส�ำนกึ ทต่ี วั บคุ คลรบั ผดิ ชอบชวั่ ดี อะไรควรท�ำ อะไรไมค่ วรท�ำ 8 หลกั สตู รสรา้ งวิทยากรผูน้ ำ�การเปลย่ี นแปลงสสู่ งั คมทีไ่ มท่ นตอ่ การทุจริต 107

มองว่าการทุจริตเป็นเร่ืองน่ารังเกียจเป็นการเอาเปรียบสังคมและสังคมไม่ยอมรับ (๒) ยุทธศาสตร์การป้องกัน ด้วยการเสริมสร้างสังคมธรรมาภิบาล เพื่อเป็นระบบป้องกันการทุจริต เสมือนการสร้างระบบภูมิต้านทานแก่ ทุกภาคส่วนในสังคม (๓) ยุทธศาสตร์การปราบปราม เพอ่ื ปฏริ ปู ระบบและกระบวนการจัดการต่อกรณีการทุจริต ให้มีประสิทธิภาพ ให้สามารถเอาตัวผู้กระท�ำความผิดมาลงโทษได้ ซ่ึงจะท�ำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าท่ีจะ กระท�ำการทุจริตขึ้นอีกในอนาคต ๓. ยุทธศาสตร์ชาตริ ะยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) สภาขบั เคล่อื นการปฏิรูปประเทศได้ก�ำหนดให้ กฎหมายวา่ ดว้ ยยทุ ธศาสตรช์ าตมิ ผี ลบงั คบั ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ หรอื ภายในรฐั บาลนี้ และก�ำหนดใหห้ นว่ ยงาน ของรัฐทกุ หน่วยงานน�ำยุทธศาสตรช์ าติ ยุทธศาสตร์ดา้ นต่าง ๆ แผนพัฒนาด้านต่าง ๆ มาเป็นแผนแม่บทหลัก ในการก�ำหนดแผนปฏบิ ตั กิ ารและแผนงบประมาณ ยทุ ธศาสตรช์ าตดิ งั กลา่ วเปน็ ยทุ ธศาสตรท์ ยี่ ดึ วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั แหง่ ชาตเิ ปน็ แมบ่ ทหลกั ทศิ ทางดา้ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ การสรา้ งความโปรง่ ใสและธรรมาภบิ าล ในการบรหิ ารราชการแผ่นดิน ของหน่วยงานภาครฐั ทุกหน่วยงานจะถูกก�ำหนดจากยุทธศาสตรช์ าติฯ สภาขับเคล่ือนการปฏิรูปประเทศ วางกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ในระยะ ๒๐ ปี โดยมีกรอบวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมคี วามม่นั คง มงั่ คัง่ ยงั่ ยืน เปน็ ประเทศพัฒนาแลว้ ด้วยการพฒั นาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง” คติพจนป์ ระจ�ำชาตวิ า่ “มั่นคง มัง่ ค่ัง ยั่งยืน” ประกอบด้วย ๖ ยทุ ธศาสตร์ คอื ยุทธศาสตรท์ ี่ ๑ ความมนั่ คง ยุทธศาสตร์ท่ี ๒ การสร้างความสามารถในการแขง่ ขนั ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ การพฒั นาและเสริมสร้าง ศกั ยภาพคน ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔ การสรา้ งโอกาสความเสมอภาคและเทา่ เทยี มกนั ทางสงั คม ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๕ การสรา้ ง การเตบิ โตบนคณุ ภาพชวี ติ ทเี่ ปน็ มติ รตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม และยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๖ การปรบั สมดลุ และพฒั นา การบรหิ าร จดั การภาครฐั ในยุทธศาสตร์ท่ี ๖ ไดก้ �ำหนดกรอบแนวทางทส่ี �ำคญั ๖ แนวทาง ประกอบด้วย (๑) การปรบั ปรงุ การบรหิ ารจัดการรายไดแ้ ละรายจา่ ยของภาครัฐ (๒) การพัฒนาระบบ การให้บริการประชาชนของหน่วยงาน ภาครฐั (๓) การปรบั ปรงุ บทบาท ภารกจิ และโครงสรา้ งของหนว่ ยงานภาครฐั ใหม้ ขี นาดทเี่ หมาะสม (๔) การวาง ระบบบรหิ ารงานราชการแบบบรู ณาการ (๕) การพฒั นาระบบบรหิ ารจดั การก�ำลงั คนและพฒั นาบคุ ลากรภาครฐั ในการปฏิบตั ริ าชการ (๖) การต่อตา้ นการทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบ (๗) การปรับปรุงแกไ้ ขกฎหมาย ระเบียบ และขอ้ บงั คบั ใหม้ คี วามชดั เจน ทนั สมยั เปน็ ธรรม และสอดคลอ้ งกบั ขอ้ บงั คบั สากลหรอื ขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศ ตลอดจนพฒั นาหน่วยงานภาครัฐและบคุ ลากรทม่ี ีหน้าทเ่ี สนอความเหน็ ทางกฎหมายให้มศี กั ยภาพ ๔. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ก�ำหนดในยทุ ธศาสตร์ ที่ ๖ การบริหารจัดการภาครัฐ การป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบและธรรมาภิบาลในสังคมไทย ในยุทธศาสตร์นี้ ได้ก�ำหนดกรอบ แนวทางการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและคอร์รัปชัน มุ่งเน้น การสง่ เสรมิ และพฒั นาปลกู ฝงั คา่ นยิ ม วฒั นธรรม วธิ คี ดิ และกระบวนทศั นใ์ หค้ นมคี วามตระหนกั มคี วามรเู้ ทา่ ทนั และมีภูมิต้านทาน ต่อโอกาสและการชักจูงให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันและมีพฤติกรรมไม่ยอมรับการทุจริต ประพฤตมิ ชิ อบ รวมทง้ั สนบั สนนุ ทกุ ภาคสว่ น ในสงั คมไดเ้ ข้ามามสี ว่ นรว่ มในการปอ้ งกนั และปราบรามการทจุ รติ และมุ่งเน้นให้เกิดการส่งเสริมธรรมาภิบาลในภาคเอกชน เพ่ือเป็นการตัดวงจรการทุจริตระหว่างนักการเมือง ขา้ ราชการ และนักธุรกิจออกจากกนั ทัง้ น้ี การบรหิ ารงานของสว่ นราชการตอ้ งมีความโปรง่ ใสและตรวจสอบได้ ๕. โมเดลประเทศไทยสู่ความมั่นคง ม่ังคั่ง และยั่งยืน (Thailand ๔.๐) เป็นโมเดลที่น้อมน�ำหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวคิดหลักในการบริหารประเทศ ถอดรหัสออกมาเป็น ๒ ยุทธศาสตร์ ส�ำคัญ คือ (๑) การสรา้ งความเขม้ แขง็ จากภายใน (Strength from Within) และ (๒) การเช่อื มโยงกบั ประชาคม หลักสตู รสร้างวทิ ยากรผู้น�ำ การเปลย่ี นแปลงสู่สงั คมทไ่ี ม่ทนต่อการทจุ ริต 9 108

โลกในยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแขง็ จากภายใน Thailand ๔.๐ เน้นการปรบั เปลย่ี น ๔ ทิศทาง และเน้น การพัฒนาที่สมดลุ ใน ๔ มิติ มิติทีห่ ยิบยก คือ การยกระดบั ศักยภาพและคุณคา่ ของมนุษย์ (Human Wisdom) ด้วยการพฒั นาคนไทยใหเ้ ป็น “มนษุ ย์ทีส่ มบูรณ์” ผ่านการปรับเปลีย่ นระบบนเิ วศน์ การเรยี นรเู้ พื่อเสริมสรา้ ง แรงบนั ดาลใจบม่ เพาะความคดิ สรา้ งสรรค์ ปลกู ฝงั จติ สาธารณะ ยดึ ประโยชนส์ ว่ นรวมเปน็ ทตี่ ง้ั มคี วามซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ มีวนิ ัย มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม มคี วามรับผดิ ชอบ เน้นการสร้างคณุ คา่ ร่วม และค่านิยมทดี่ ี คอื สังคมท่มี ีความหวงั (Hope) สังคมทีเ่ ป่ยี มสุข (Happiness) และสังคมที่มคี วามสมานฉันท์ (Harmony) ๖. ยุทธศาสตรช์ าตวิ ่าด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ทก่ี �ำหนดวิสัยทศั น์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทัง้ ชาติตา้ นทจุ รติ ” (Zero Tolerance & Clean Thailand) ก�ำหนดยุทธศาสตร์หลกั ออกเปน็ ๖ ยทุ ธศาสตร์ ยทุ ธศาสตร์ที่ส�ำคัญ คือ ยุทธศาสตร์ท่ี ๑ สรา้ งสังคมท่ไี ม่ทน ตอ่ การทจุ ริต เปน็ ยทุ ธศาสตร์ที่มุง่ เน้นการกระบวนการปรับสภาพทางสงั คมใหเ้ กิดภาวะ “ไม่ทนตอ่ การทุจรติ ” โดยเรม่ิ ต้งั แต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคม สร้างวฒั นธรรมตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ปลกู ฝังความพอเพียง มวี นิ ัย ซอ่ื สตั ย์ สุจรติ มจี ิตสาธารณะ จิตอาสา และความเสียสละเพอื่ ส่วนรวม ปลูกฝงั ความคดิ แบบดจิ ิทลั (Digital Thinking) ให้สามารถคดิ แยกแยะระหว่างประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวม และประยุกต์หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครอื่ งมือต้านทุจริต สาระส�ำคญั ทง้ั ๖ ดา้ นดงั กลา่ ว จงึ เปน็ เครอื่ งมอื ชน้ี �ำทศิ ทางการปฏบิ ตั งิ านและการบรู ณาการดา้ นตอ่ ตา้ น การทุจริตของประเทศ โดยมีส�ำนักงาน ป.ป.ช. เป็นองค์กรหลักในการบูรณาการงานของภาคส่วนต่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั และเพอ่ื ใหเ้ ป็นไปในทิศทางเดียวกนั ๒. ทฤษฎี ความหมาย และรปู แบบของการขดั กนั ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม (Conflict of Interests) ค�ำว่า Conflict of Interests มีผู้ให้ค�ำแปลเป็นภาษาไทยไว้หลากหลาย เช่น “การขัดกันแห่ง ผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม” หรอื “การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม” หรือ “การขัดกันระหว่างผลประโยชน์สาธารณะและผลประโยชน์ส่วนตน” หรือ “ประโยชน์ทับซ้อน” หรือ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” หรือ “ผลประโยชน์ขัดกัน” หรือบางท่านแปลว่า “ผลประโยชน์ขัดแย้ง” หรือ “ความขดั แย้งทางผลประโยชน”์ การขดั กนั ระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวม หรือท่ีเรยี กว่า Conflict of Interests น้นั ก็มีลักษณะท�ำนองเดียวกันกับกฎศีลธรรม ขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี หลักคุณธรรมจริยธรรม กล่าวคือ การกระท�ำใด ๆ ทเ่ี ปน็ การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม เปน็ สงิ่ ทคี่ วรหลกี เลย่ี งไมค่ วรจะ กระท�ำ แตบ่ คุ คลแตล่ ะคน แต่ละกล่มุ แต่ละสงั คม อาจเห็นวา่ เรือ่ งใดเปน็ การขดั กนั ระหว่างประโยชนส์ ่วนตน และประโยชน์ส่วนรวมแตกต่างกันไป หรือเม่ือเห็นว่าเป็นการขัดกันแล้วยังอาจมีระดับของความหนักเบา แตกตา่ งกนั อาจเหน็ แตกตา่ งกนั วา่ เรอื่ งใดกระท�ำไดก้ ระท�ำไมไ่ ดแ้ ตกตา่ งกนั ออกไปอกี และในกรณที ม่ี กี ารฝา่ ฝนื บางเรอื่ งบางคนอาจเห็นวา่ ไม่เปน็ ไร เป็นเร่อื งเลก็ น้อย หรอื อาจเห็นเป็นเรื่องใหญ่ ตอ้ งถกู ประณาม ต�ำหนิ ติฉนิ นินทา ว่ากล่าว ฯลฯ แตกตา่ งกันตามสภาพของสงั คม 10 หลกั สตู รสรา้ งวิทยากรผ้นู ำ�การเปลยี่ นแปลงสสู่ งั คมที่ไมท่ นตอ่ การทุจริต 109

โดยพนื้ ฐานแลว้ เรอ่ื งการขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม เปน็ กฎศลี ธรรมประเภท หนง่ึ ท่บี ุคคลไม่พึงละเมิดหรือฝ่าฝืน แต่เน่อื งจากมกี ารฝ่าฝนื กนั มากข้ึน และบคุ คลผฝู้ ่าฝนื กไ็ มม่ คี วามเกรงกลวั หรือละอายต่อการฝ่าฝืนนั้น สังคมก็ไม่ลงโทษหรือลงโทษไม่เพียงพอที่จะมีผลเป็นการห้ามการกระท�ำดังกล่าว และในทส่ี ดุ เพอ่ื หยดุ ยงั้ เรอ่ื งดงั กลา่ วนี้ จงึ มกี ารตรากฎหมายทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การขดั กนั แหง่ ผลประโยชนม์ ากขนึ้ ๆ และเป็นเรือ่ งทสี่ งั คมใหค้ วามสนใจมากขึ้นตามล�ำดบั คู่มือการปฏิบัติส�ำหรับเจ้าหน้าท่ีของรัฐเพ่ือมิให้ด�ำเนินกิจการท่ีเป็นการขัดกันประโยชนส่วนตนและ ประโยชน์ส่วนรวม ไดใ้ หค้ วามหมายไว้ ดังน้ี “ประโยชน์ส่วนตน (Private Interests) คือ การท่ีบุคคลทั่วไปในสถานะเอกชนหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ในสถานะเอกชนไดท้ �ำกจิ กรรมหรอื ไดก้ ระท�ำการตา่ ง ๆ เพอื่ ประโยชนส์ ว่ นตน ครอบครวั เครอื ญาติ พวกพอ้ ง หรอื ของกลุ่มในสงั คมที่มคี วามสมั พันธ์กันในรูปแบบตา่ ง ๆ เช่น การประกอบอาชพี การท�ำธุรกจิ การคา้ การลงทนุ เพือ่ หาประโยชนใ์ นทางการเงนิ หรือในทางธรุ กิจ เปน็ ตน้ ” “ประโยชน์สว่ นรวมหรือประโยชน์สาธารณะ (Public Interests) คอื การทีบ่ ุคคลใด ๆ ในสถานะทเ่ี ปน็ เจ้าหน้าท่ีของรัฐ (ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐใน หนว่ ยงานของรฐั ) ไดก้ ระท�ำการใด ๆ ตามหนา้ ทห่ี รอื ไดป้ ฏบิ ตั หิ นา้ ทอ่ี นั เปน็ การด�ำเนนิ การในอกี สว่ นหนงึ่ ทแ่ี ยก ออกมาจากการด�ำเนนิ การตามหนา้ ทใ่ี นสถานะของเอกชน การกระท�ำการใด ๆ ตามหนา้ ทข่ี องเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั จึงมีวัตถุประสงค์หรือมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม หรือการรักษาประโยชน์ส่วนรวมท่ีเป็นประโยชน์ ของรัฐการท�ำหน้าที่ของเจ้าหน้าท่ีของรัฐจึงมีความเกี่ยวเนื่องเช่ือมโยงกับอ�ำนาจหน้าที่ตามกฎหมายและจะมี รูปแบบของความสัมพันธ์หรือมีการกระท�ำในลักษณะต่าง ๆ กันที่เหมือนหรือคล้ายกับการกระท�ำของบุคคล ในสถานะเอกชน เพียงแต่การกระท�ำในสถานะท่ีเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐกับการกระท�ำในสถานะเอกชนจะมี ความแตกต่างกนั ท่วี ตั ถปุ ระสงค์ เปา้ หมายหรือประโยชน์สดุ ท้ายท่ีแตกต่างกนั ” “การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมหรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interests) คอื การทีเ่ จา้ หน้าที่ของรัฐกระท�ำการใด ๆ หรือด�ำเนินการในกจิ การสาธารณะทเี่ ป็นการด�ำเนินการ ตามอ�ำนาจหนา้ ทหี่ รอื ความรบั ผดิ ชอบในกจิ การของรฐั หรอื องคก์ รของรฐั เพอื่ ประโยชนข์ องรฐั หรอื เพอื่ ประโยชน์ ของสว่ นรวม แตเ่ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ไดม้ ผี ลประโยชนส์ ว่ นตนเขา้ ไปแอบแฝง หรอื เปน็ ผทู้ มี่ สี ว่ นไดเ้ สยี ในรปู แบบตา่ ง ๆ หรือน�ำประโยชน์ส่วนตนหรือความสัมพันธ์ส่วนตนเข้ามามีอิทธิพลหรือเกี่ยวข้องในการใช้อ�ำนาจหน้าท่ีหรือ ดุลยพินิจในการพิจารณาตัดสินใจในการกระท�ำการใด ๆ หรือด�ำเนินการดังกล่าวนั้น เพ่ือแสวงหาประโยชน์ ในการทางเงินหรอื ประโยชน์อืน่ ๆ ส�ำหรบั ตนเองหรือบุคคลใดบคุ คลหนง่ึ ” ความสัมพันธ์ระหว่าง “การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม” “จริยธรรม” และ “การทุจริต “จรยิ ธรรม” เปน็ กรอบใหญท่ างสงั คมทเ่ี ปน็ พน้ื ฐานของแนวคดิ เกย่ี วกบั การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตน และประโยชนส์ ว่ นรวมและการทจุ รติ การกระท�ำใดทผี่ ดิ ตอ่ กฎหมายวา่ ดว้ ยการขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตน และประโยชน์สว่ นรวมและการทุจริต ยอ่ มเป็นความผดิ จรยิ ธรรมด้วย หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ �ำ การเปลยี่ นแปลงสสู่ งั คมทีไ่ มท่ นตอ่ การทุจรติ 11 110

แตต่ รงกันข้าม การกระท�ำใดทฝ่ี า่ ฝนื จริยธรรม อาจไม่เปน็ ความผดิ เก่ียวกบั การขดั กนั ระหว่างประโยชน์ ส่วนตนและประโยชน์สว่ นรวมและการทจุ รติ เชน่ มีพฤตกิ รรมส่วนตัวไม่เหมาะสม มพี ฤติกรรมชู้สาว เป็นตน้ การทุจรติ Corruption ผลประโยชน์ทบั ซอ้ น Conflict of Interests จริยธรรม Ethics “จริยธรรม” เปน็ หลกั ส�ำคัญในการควบคมุ พฤติกรรมของเจา้ หน้าทข่ี องรัฐ เปรยี บเสมอื นโครงสรา้ งพ้ืนฐาน ท่เี จ้าหนา้ ทข่ี องรฐั ตอ้ งยึดถือปฏบิ ตั ิ “การขัดกันระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวม” เป็นพฤตกิ รรมท่ีอยรู่ ะหว่างจริยธรรมกับการทุจริต ทีจ่ ะก่อใหเ้ กิดผลประโยชนส์ ่วนตนกระทบต่อผลประโยชนส์ ว่ นรวม ซ่ึงพฤตกิ รรมบางประเภทมกี ารบัญญตั ิ เป็นความผดิ ทางกฎหมายมีบทลงโทษชัดเจน แตพ่ ฤติกรรมบางประเภทยงั ไมม่ ีการบัญญัติขอ้ หา้ มไว้ในกฎหมาย “การทุจรติ ” เป็นพฤติกรรมทฝ่ี า่ ฝืนกฎหมายโดยตรง ถือเป็นความผดิ อยา่ งชัดเจน สงั คมสว่ นใหญจ่ ะมีการ บญั ญตั กิ ฎหมายออกมารองรบั มบี ทลงโทษชดั เจน ถือเปน็ ความผิดข้นั รนุ แรงทส่ี ุดทีเ่ จ้าหน้าท่ีของรัฐตอ้ ง ไมป่ ฏิบตั ิ “เจ้าหนา้ ท่ีของรฐั ท่ขี าดจริยธรรมในการปฏบิ ตั ิหน้าท่ี โดยเขา้ ไปกระท�ำการใดๆ ทีเ่ ป็นการขัดกนั ระหวา่ ง ประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ่วนรวม ถือว่าเจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐผู้น้นั ขาดความชอบธรรมในการปฏบิ ัตหิ น้าท่ี และจะเปน็ ต้นเหตุของการทุจริตต่อไป” รูปแบบของการขัดกนั ระหวา่ งประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวมมไี ดห้ ลายรปู แบบไมจ่ �ำกดั อยเู่ ฉพาะในรปู แบบ ของตวั เงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ เทา่ นน้ั แตร่ วมถงึ ผลประโยชนอ์ นื่ ๆ ทไี่ มไ่ ดอ้ ยใู่ นรปู แบบของตวั เงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ดว้ ย ทั้งน้ี John Langford และ Kenneth Kernaghan ได้จ�ำแนกรูปแบบของการขัดกนั ระหว่างประโยชน์สว่ นตน และประโยชน์ส่วนรวม ออกเปน็ ๗ รูปแบบ คอื 12 หลกั สตู รสรา้ งวิทยากรผนู้ ำ�การเปลี่ยนแปลงส่สู ังคมทีไ่ มท่ นตอ่ การทจุ ริต 111

๑) การรบั ผลประโยชนต์ ่าง ๆ (Accepting benefits) ซง่ึ ผลประโยชน์ต่าง ๆ ไมว่ า่ จะเป็นทรพั ยส์ ิน ของขวญั การลดราคา การรบั ความบนั เทงิ การรบั บรกิ าร การรบั การฝกึ อบรม หรอื สงิ่ อน่ื ใดในลกั ษณะเดยี วกนั น้ี และผลจากการรับผลประโยชน์ต่าง ๆ น้ัน ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจของเจ้าหน้าท่ีของรัฐในการด�ำเนินการ ตามอ�ำนาจหน้าท่ี ๒) การท�ำธุรกิจกับตนเอง (Self-dealing) หรือเป็นคู่สัญญา (Contracts) เป็นการที่เจ้าหน้าท่ี ของรฐั โดยเฉพาะผมู้ อี �ำนาจในการตดั สนิ ใจเขา้ ไปมสี ว่ นไดเ้ สยี ในสญั ญาทที่ �ำกบั หนว่ ยงานทต่ี นสงั กดั โดยอาจจะ เปน็ เจ้าของบรษิ ทั ทที่ �ำสญั ญาเอง หรอื เปน็ ของเครอื ญาติ สถานการณเ์ ชน่ นเี้ กดิ บทบาททข่ี ดั แยง้ หรอื เรยี กไดว้ ่า เป็นทงั้ ผูซ้ ื้อและผูข้ ายในเวลาเดยี วกนั ๓) การท�ำงานหลงั จากออกจากต�ำแหน่งหนา้ ที่สาธารณะหรอื หลังเกษียณ (Post-employment) เป็นการท่ีเจ้าหน้าท่ีของรัฐลาออกจากหน่วยงานของรัฐ และไปท�ำงานในบริษัทเอกชนที่ด�ำเนินธุรกิจประเภท เดยี วกนั หรอื บรษิ ทั ทม่ี คี วามเกย่ี วขอ้ งกบั หนว่ ยงานเดมิ โดยใชอ้ ทิ ธพิ ลหรอื ความสมั พนั ธจ์ ากทเ่ี คยด�ำรงต�ำแหนง่ ในหน่วยงานเดิมน้นั หาประโยชนจ์ ากหนว่ ยงานใหก้ ับบริษทั และตนเอง ๔) การท�ำงานพเิ ศษ (Outside employment or Moonlighting) ในรปู แบบนี้มไี ด้หลายลกั ษณะ ไม่วา่ จะเป็นการที่เจา้ หน้าทีข่ องรฐั ตั้งบรษิ ทั ด�ำเนนิ ธรุ กิจ ทเ่ี ป็นการแขง่ ขันกับหนว่ ยงานหรอื องคก์ ารสาธารณะ ท่ีตนสังกัด หรือการรับจ้างพิเศษเป็นท่ีปรึกษาโครงการ โดยอาศัยต�ำแหน่งในราชการสร้างความน่าเชื่อถือว่า โครงการของผู้ว่าจา้ งจะไม่มปี ญั หาติดขัดในการพิจารณาจากหน่วยงานทีท่ ปี่ รกึ ษาสงั กดั อยู่ ๕) การรู้ข้อมูลภายใน (Inside information) เป็นสถานการณ์ท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ประโยชน์จาก การทีต่ นเองรับรู้ขอ้ มลู ภายในหน่วยงาน และน�ำข้อมลู นั้นไปหาผลประโยชนใ์ ห้กับตนเองหรอื พวกพ้อง อาจจะ ไปหาประโยชน์โดยการขายข้อมูลหรือเขา้ เอาประโยชน์เสียเอง ๖) การใช้ทรัพย์สินของราชการเพือ่ ประโยชน์ธรุ กจิ ส่วนตวั (Using your employer’s property for private advantage) เปน็ การที่เจ้าหน้าที่ของรฐั น�ำเอาทรพั ย์สนิ ของราชการซง่ึ จะต้องใช้เพ่ือประโยชน์ ของทางราชการเทา่ นนั้ ไปใชเ้ พอื่ ประโยชนข์ องตนเองหรอื พวกพอ้ ง หรอื การใชใ้ หผ้ ใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาไปท�ำงานสว่ นตวั ๗) การน�ำโครงการสาธารณะลงในเขตเลอื กตง้ั เพอื่ ประโยชนท์ างการเมอื ง (Pork-barreling) เปน็ การ ท่ีผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองหรือผู้บริหารระดับสูงอนุมัติโครงการไปลงพื้นท่ีหรือบ้านเกิดของตนเอง หรือ การใช้งบประมาณสาธารณะเพ่อื หาเสียง ทง้ั น้ี เมอื่ พจิ ารณา “รา่ งพระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยความผดิ เกย่ี วกบั การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตน กบั ประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. ....” ท�ำให้มรี ูปแบบเพ่มิ เตมิ จาก ท่กี ลา่ วมาแล้วข้างตน้ อีก ๒ กรณี คอื ๘) การใช้ต�ำแหน่งหน้าท่ีแสวงหาประโยชน์แก่เครือญาติหรือพวกพ้อง (Nepotism) หรืออาจจะ เรียกว่าระบบอุปถัมภ์พิเศษ เป็นการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้อิทธิพลหรือใช้อ�ำนาจหน้าที่ท�ำให้หน่วยงานของตน เข้าท�ำสัญญากับบรษิ ทั ของพนี่ ้องของตน ๙) การใชอ้ ทิ ธพิ ลเขา้ ไปมผี ลตอ่ การตดั สนิ ใจของเจา้ หนา้ ทรี่ ฐั หรอื หนว่ ยงานของรฐั อน่ื (Influence) เพอื่ ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กต่ นเองหรอื พวกพอ้ ง โดยเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ใชต้ �ำแหนง่ หนา้ ทข่ี ม่ ขผู่ ใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาใหห้ ยดุ ท�ำการตรวจสอบบริษทั ของเครือญาตขิ องตน หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผู้น�ำ การเปลย่ี นแปลงส่สู งั คมทีไ่ มท่ นต่อการทุจรติ 13 112

ตวั อยา่ งการขัดกันระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนกบั ประโยชนส์ ่วนรวมในรปู แบบต่าง ๆ ๑. การรับผลประโยชน์ต่าง ๆ ๑.๑ นายสจุ รติ ขา้ ราชการชน้ั ผใู้ หญ่ ไดเ้ ดนิ ทางไปปฏบิ ตั ริ าชการในพนื้ ทจ่ี งั หวดั ราชบรุ ี ซง่ึ ในวนั ดงั กลา่ ว นายรวย นายก อบต. แหง่ หน่ึง ไดม้ อบงาชา้ งจ�ำนวนหนงึ่ ค่ใู หแ้ ก่ นายสุจรติ เพ่ือเป็นของท่รี ะลึก ๑.๒ การทีเ่ จา้ หนา้ ที่ของรัฐรบั ของขวัญจากผบู้ ริหารของบรษิ ัทเอกชน เพอื่ ช่วยใหบ้ รษิ ทั เอกชนรายน้ัน ชนะการประมูลรบั งานโครงการขนาดใหญ่ของรฐั ๑.๓ การที่บริษัทแห่งหน่ึงให้ของขวัญเป็นทองค�ำมูลค่ามากกว่า ๑๐ บาท แก่เจ้าหน้าท่ีในปีที่ผ่านมา และปนี ้ีเจ้าหน้าท่ีเรง่ รัดคืนภาษใี ห้กับบริษทั นั้นเปน็ กรณพี ิเศษ โดยลัดคิวใหก้ ่อนบรษิ ัทอ่นื ๆ เพราะคาดว่าจะ ไดร้ บั ของขวญั อีก ๑.๔ การที่เจ้าหน้าท่ีของรัฐไปเป็นคณะกรรมการของบริษัทเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจและได้รับความ บันเทิงในรูปแบบต่าง ๆ จากบริษัทเหล่าน้ัน ซึ่งมีผลต่อการให้ค�ำวินิจฉัยหรือข้อเสนอแนะที่เป็นธรรมหรือ เปน็ ไปในลกั ษณะที่เออื้ ประโยชน์ ตอ่ บริษทั ผู้ใหน้ ั้น ๆ ๑.๕ เจ้าหน้าท่ีของรัฐได้รับชุดไม้กอล์ฟจากผู้บริหารของบริษัทเอกชน เม่ือต้องท�ำงานที่เกี่ยวข้องกับ บรษิ ทั เอกชนแหง่ นน้ั กช็ ว่ ยเหลอื ใหบ้ รษิ ทั นนั้ ไดร้ บั สมั ปทาน เนอื่ งจากรสู้ กึ วา่ ควรตอบแทนทเ่ี คยไดร้ บั ของขวญั มา ๒. การท�ำธุรกจิ กบั ตนเองหรอื เปน็ คูส่ ญั ญา ๒.๑ การท่ีเจ้าหน้าท่ีในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างท�ำสัญญาให้หน่วยงานต้นสังกัดซื้อคอมพิวเตอร์ ส�ำนักงานจากบรษิ ทั ของครอบครัวตนเอง หรอื บรษิ ทั ทตี่ นเองมีหุ้นสว่ นอยู่ ๒.๒ ผ้บู ริหารหนว่ ยงานท�ำสัญญาเชา่ รถไปสมั มนาและดงู านกบั บริษทั ซงึ่ เป็นของเจ้าหน้าที่หรอื บริษทั ทผ่ี บู้ ริหารมีหนุ้ ส่วนอยู่ ๒.๓ ผู้บริหารของหน่วยงาน ท�ำสัญญาจ้างบริษัทท่ีภรรยาของตนเองเป็นเจ้าของมาเป็นท่ีปรึกษาของ หนว่ ยงาน ๒.๔ ผบู้ รหิ ารของหนว่ ยงาน ท�ำสญั ญาใหห้ นว่ ยงานจดั ซอ้ื ทดี่ นิ ของตนเองในการสรา้ งส�ำนกั งานแหง่ ใหม่ ๒.๕ ภรรยาอดีตนายกรัฐมนตรี ประมูลซ้ือที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษกใกล้กับศูนย์วัฒนธรรม แห่งประเทศไทย จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในการก�ำดูแลของธนาคาร แห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง โดยอดตี นายกรัฐมนตรี ซึ่งในขณะนั้นด�ำรงต�ำแหนง่ นายกรฐั มนตรใี นฐานะ เจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลกิจการของกองทุนฯ ได้ลงนามยินยอมในฐานะคู่สมรสให้ภรรยาประมูลซ้ือที่ดินและ ท�ำสัญญาซ้ือขายท่ีดิน ส่งผลให้เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาซ้ือที่ดินโฉนดแปลงดังกล่าว อันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มีความผิดตาม พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐๐ (๑) 14 หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้นำ�การเปลี่ยนแปลงสสู่ ังคมท่ีไม่ทนต่อการทจุ ริต 113

๓. การท�ำงานหลงั จากออกจากต�ำแหนง่ หนา้ ท่ีสาธารณะหรอื หลงั เกษียณ ๓.๑ อดีตผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาลแห่งหน่ึงเพ่ิงเกษียณอายุราชการไปท�ำงานเป็นท่ีปรึกษาในบริษัท ผลิตหรอื ขายยา โดยใชอ้ ิทธพิ ลจากทีเ่ คยด�ำรงต�ำแหน่งในโรงพยาบาลดงั กล่าว ใหโ้ รงพยาบาลซ้ือยาจากบรษิ ทั ที่ตนเองเป็นท่ีปรึกษาอยู่ พฤติการณ์เช่นน้ีมีมูลความผิดท้ังทางวินัยและทางอาญาฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจท�ำให้ผู้อ่ืนเชื่อว่าตนมีต�ำแหน่งหรือหน้าท่ี ทั้งที่ตนมิได้ มีต�ำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ท่ีมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายส�ำหรับตนเองหรือผู้อ่ืน ตามพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓ ๓.๒ การท่ีผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ขององค์กรด้านเวชภัณฑ์และสุขภาพออกจากราชการไปท�ำงาน ในบรษิ ัทผลติ หรือขายยา ๓.๓ การที่ผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกษียณแล้วใช้อิทธิพลที่เคยด�ำรงต�ำแหน่ง ในหน่วยงานรัฐ รับเป็นที่ปรึกษาให้บริษัทเอกชนท่ีตนเคยติดต่อประสานงาน โดยอ้างว่าจะได้ติดต่อกับ หนว่ ยงานรฐั ไดอ้ ย่างราบรนื่ ๓.๔ การว่าจ้างเจ้าหน้าท่ีผู้เกษียณมาท�ำงานในต�ำแหน่งเดิมท่ีหน่วยงานเดิมโดยไม่คุ้มค่ากับภารกิจ ที่ได้รับมอบหมาย ๔. การท�ำงานพเิ ศษ ๔.๑ เจ้าหน้าท่ีตรวจสอบภาษี ๖ ส�ำนักงานสรรพากรจังหวัดในส่วนภูมิภาค ได้จัดต้ังบริษัทรับจ้าง ท�ำบัญชีและให้ค�ำปรึกษาเก่ียวกับภาษีและมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับบริษัท โดยรับจ้างท�ำบัญชีและยื่นแบบ แสดงรายการให้ผู้เสียภาษีในเขตจังหวัดที่รับราชการอยู่และจังหวัดใกล้เคียง กลับมีพฤติการณ์ช่วยเหลือผู้เสีย ภาษีให้เสียภาษีน้อยกว่าความเป็นจริง และรับเงินค่าภาษีอากรจากผู้เสียภาษีบางรายแล้ว มิได้น�ำไปย่ืนแบบ แสดงรายการช�ำระภาษีให้ พฤติการณ์ของเจ้าหน้าท่ีดังกล่าว เป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับกรมสรรพากรว่า ด้วยจรรยาข้าราชการ กรมสรรพากร พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๙ (๗) (๘) และอาศัยต�ำแหน่งหน้าที่ราชการของตน หาประโยชน์ให้แก่ตนเอง เป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา ๘๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ อีกทั้งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ทางราชการโดยร้ายแรง และปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยทุจริต และยังกระท�ำการอันได้ช่ือว่าเป็นผู้ประพฤติช่ัว อย่างร้ายแรงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา ๘๕ (๑) และ (๔) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. ๒๕๕๑ ๔.๒ นิติกร ฝ่ายกฎหมายและเร่งรดั ภาษีอากรค้าง ส�ำนักงานสรรพากรจังหวดั ในสว่ นภมู ภิ าคหารายได้ พเิ ศษโดยการเป็นตัวแทนขายประกนั ชีวติ ของบริษทั เอกชน ไดอ้ าศัยโอกาสทตี่ นปฏิบตั หิ นา้ ที่ เร่งรัดภาษอี ากร คา้ งผปู้ ระกอบการรายหนงึ่ หาประโยชนใ์ หแ้ กต่ นเองดว้ ยการขายประกนั ชวี ติ ใหแ้ กห่ นุ้ สว่ นผจู้ ดั การของผปู้ ระกอบ การดงั กลา่ ว รวมทง้ั พนักงานของผู้ประกอบการนน้ั อกี หลายคน ในขณะทต่ี นก�ำลงั ด�ำเนินการเรง่ รดั ภาษีอากร ค้าง พฤติการณ์ของเจ้าหน้าท่ีดังกล่าวเป็นการอาศัยต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเอง เปน็ ความผดิ วนิ ยั อยา่ งไมร่ า้ ยแรง ตามมาตรา ๘๓ (๓) ประกอบมาตรา ๘๔ แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการ พลเรอื น พ.ศ. ๒๕๕๑ หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้น�ำ การเปลีย่ นแปลงสสู่ ังคมทไี่ มท่ นต่อการทจุ รติ 15 114

๔.๓ การทเ่ี จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั อาศยั ต�ำแหนง่ หนา้ ทที่ างราชการรบั จา้ งเปน็ ทป่ี รกึ ษาโครงการ เพอ่ื ใหบ้ รษิ ทั เอกชนทีว่ ่าจ้างนัน้ มคี วามนา่ เชื่อถอื มากกวา่ บรษิ ัทคู่แข่ง ๔.๔ การท่เี จา้ หนา้ ทีข่ องรฐั ไม่ท�ำงานทไ่ี ด้รับมอบหมายจากหนว่ ยงานอยา่ งเตม็ ท่ี แต่เอาเวลาไปรับงาน พเิ ศษอ่ืน ๆ ท่ีอยู่นอกเหนืออ�ำนาจหน้าทที่ ไี่ ดร้ บั มอบหมายจากหน่วยงาน ๔.๕ การท่ีผู้ตรวจสอบบัญชีภาครัฐรับงานพิเศษเป็นท่ีปรึกษา หรือเป็นผู้ท�ำบัญชีให้กับบริษัทที่ต้อง ถูกตรวจสอบ ๕. การรขู้ อ้ มลู ภายใน ๕.๑ นายช่าง ๕ แผนกชุมสายโทรศัพท์เคลื่อนท่ี องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ได้น�ำข้อมูล เลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ ๔๗๐ MHZ และระบบปลดล็อคไปขายให้แก่ผู้อ่ืน จ�ำนวน ๔๐ หมายเลข เพอื่ น�ำไปปรบั จนู เขา้ กบั โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทที่ น่ี �ำไปใชร้ บั จา้ งใหบ้ รกิ ารโทรศพั ทแ์ กบ่ คุ คลทวั่ ไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติช้ีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ มาตรา ๑๕๗ และ มาตรา ๑๖๔ และมีความผิด วนิ ัยตามขอ้ บังคับองค์การโทรศพั ทแ์ หง่ ประเทศไทยว่าดว้ ยการพนักงาน พ.ศ. ๒๕๓๖ ข้อ ๔๔ และ ๔๖ ๕.๒ การท่ีเจ้าหน้าท่ีของรัฐทราบข้อมูลโครงการตัดถนนเข้าหมู่บ้าน จึงบอกให้ญาติพี่น้องไปซื้อที่ดิน บรเิ วณโครงการดงั กลา่ ว เพื่อขายใหก้ บั ราชการในราคาท่ีสงู ขึน้ ๕.๓ การทเี่ จา้ หนา้ ทีห่ น่วยงานผ้รู บั ผิดชอบโครงข่ายโทรคมนาคมทราบมาตรฐาน (Spec) วสั ดอุ ุปกรณ์ ท่ีจะใช้ในการวางโครงข่ายโทรคมนาคม แล้วแจ้งข้อมูลให้กับบริษัทเอกชนท่ีตนรู้จัก เพื่อให้ได้เปรียบในการ ประมูล ๕.๔ เจ้าหน้าที่พัสดุของหน่วยงานเปิดเผยหรือขายข้อมูลที่ส�ำคัญของฝ่ายที่มายื่นประมูลไว้ก่อนหน้า ให้แก่ผปู้ ระมูลรายอื่นทใ่ี ห้ผลประโยชน์ ท�ำให้ฝา่ ยทมี่ ายนื่ ประมูลไวก้ อ่ นหน้าเสยี เปรยี บ ๖. การใชท้ รพั ยส์ ินของราชการเพอ่ื ประโยชนส์ ว่ นตน ๖.๑ คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ ใช้อ�ำนาจหน้าท่ีโดยทุจริต ด้วยการสั่งให้เจ้าหน้าท่ีน�ำเก้าอ้ีพร้อม ผา้ ปลอกคุมเกา้ อี้ เครอ่ื งถ่ายวิดโี อ เครือ่ งเลน่ วดิ ีโอ กล้องถ่ายรปู และผ้าเต็นท์ น�ำไปใชใ้ นงานมงคลสมรสของ บุตรสาว รวมทงั้ รถยนต์ รถต้สู ่วนกลาง เพื่อใชร้ ับส่งเจา้ หนา้ ที่เข้ารว่ มพธิ ี และขนยา้ ยอุปกรณ์ทง้ั ทบี่ า้ นพกั และ งานฉลองมงคลสมรสทโ่ี รงแรม ซงึ่ ลว้ นเปน็ ทรพั ยส์ นิ ของทางราชการ การกระท�ำของจ�ำเลยนบั เปน็ การใชอ้ �ำนาจ โดยทจุ รติ เพอ่ื ประโยชนส์ ว่ นตนอนั เปน็ การเสยี หายแกร่ ฐั คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดช้ ม้ี ลู ความผดิ วนิ ยั และอาญา ตอ่ มาเรอื่ งเขา้ สกู่ ระบวนการในชนั้ ศาล ศาลพเิ คราะหพ์ ยานหลกั ฐานโจทกแ์ ลว้ เหน็ วา่ การกระท�ำของจ�ำเลย เปน็ การ ทุจริตต่อต�ำแหน่งหน้าที่ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซ้ือท�ำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่ง โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ และ ๑๕๗ จงึ พพิ ากษาใหจ้ �ำคกุ ๕ ปี และปรบั ๒๐,๐๐๐ บาท ค�ำใหก้ ารรบั สารภาพ เปน็ ประโยชน์ แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้ก่งึ หนง่ึ คงจ�ำคกุ จ�ำเลยไว้ ๒ ปี ๖ เดือนและปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท 16 หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ ำ�การเปลย่ี นแปลงสูส่ งั คมทไี่ มท่ นต่อการทุจรติ 115

๖.๒ การทเี่ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ผมู้ หี นา้ ทข่ี บั รถยนตข์ องสว่ นราชการ น�ำนำ้� มนั ในรถยนตไ์ ปขาย และน�ำเงนิ มาไว้ใช้จ่ายส่วนตัว ท�ำให้ส่วนราชการต้องเสียงบประมาณ เพ่ือซ้ือน้�ำมันรถมากกว่าท่ีควรจะเป็นพฤติกรรม ดังกล่าวถือเป็นการทุจริต เป็นการเบียดบังผลประโยชน์ของส่วนรวมเพ่ือประโยชน์ของตนเอง และมีความผิด ฐานลกั ทรพั ยต์ ามประมวลกฎหมายอาญา ๖.๓ การทเี่ จ้าหน้าทร่ี ฐั ผมู้ อี �ำนาจอนมุ ตั ใิ หใ้ ชร้ ถราชการหรอื การเบกิ จ่าย ค่านำ้� มนั เชอื้ เพลงิ น�ำรถยนต์ ของส่วนราชการไปใช้ในกิจธรุ ะส่วนตวั ๖.๔ การทเ่ี จา้ หนา้ ทร่ี ัฐน�ำวสั ดคุ รภุ ณั ฑข์ องหน่วยงานมาใชท้ ีบ่ า้ น หรือใช้โทรศพั ทข์ องหนว่ ยงานตดิ ตอ่ ธุระสว่ นตน หรอื น�ำรถสว่ นตนมาล้างท่หี น่วยงาน ๗. การนำ�โครงการสาธารณะลงในเขตเลือกต้งั เพือ่ ประโยชนใ์ นทางการเมอื ง ๗.๑ นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลแห่งหนึ่งร่วมกับพวก แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ปรับปรุงและซ่อมแซมถนนคนเดินใหม่ ในต�ำบลที่ตนมีฐานเสียงโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ และ ตรวจรับงานท้ังที่ไม่ถูกต้องตามแบบรูปรายการท่ีก�ำหนด รวมทั้งเมื่อด�ำเนินการแล้วเสร็จได้ติดป้ายชื่อของตน และพวก การกระท�ำดงั กลา่ วมมี ลู เปน็ การกระท�ำการฝา่ ฝนื ตอ่ ความสงบเรยี บรอ้ ย หรอื สวสั ดภิ าพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอ�ำนาจหน้าที่ มีมูลความผิดทั้งทางวินัยอย่างร้ายแรงและ ทางอาญา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มหี นังสอื แจง้ ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผมู้ ีอ�ำนาจแต่งตัง้ ถอดถอน และส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ ๗.๒ การทน่ี กั การเมอื งในจงั หวดั ขอเพม่ิ งบประมาณเพอื่ น�ำโครงการตดั ถนน สรา้ งสะพานลงในจงั หวดั โดยใชช้ อื่ หรือนามสกุลของตนเองเป็นชือ่ สะพาน ๗.๓ การทร่ี ัฐมนตรอี นมุ ตั ิโครงการไปลงในพ้นื ทหี่ รือบ้านเกิดของตนเอง ๘. การใช้ตำ�แหน่งหนา้ ที่แสวงหาประโยชน์แกเ่ ครือญาติ พนักงานสอบสวนละเว้นไม่น�ำบันทึกการจับกุมที่เจ้าหน้าที่ต�ำรวจชุดจับกุมท�ำขึ้นในวันเกิดเหตุรวมเข้า ส�ำนวน แต่กลับเปล่ียนบันทึกและแก้ไขข้อหาในบันทึกการจับกุม เพ่ือช่วยเหลือผู้ต้องหาซึ่งเป็นญาติของตน ให้รับโทษนอ้ ยลง คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมมี ูลความผดิ ทางอาญาและทางวนิ ยั อยา่ งรา้ ยแรง ๙. การใชอ้ ิทธพิ ลเข้าไปมีผลต่อการตัดสินใจของเจา้ หนา้ ทร่ี ัฐหรือหนว่ ยงานของรฐั อืน่ ๙.๑ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ใชต้ �ำแหนง่ หน้าทีใ่ นฐานะผ้บู รหิ าร เขา้ แทรกแซงการปฏบิ ตั ิงานของเจา้ หน้าที่ ใหป้ ฏบิ ตั หิ น้าที่โดยมิชอบด้วยระเบียบ และกฎหมายหรือฝ่าฝนื จรยิ ธรรม ๙.๒ นายเอ เปน็ หวั หน้าสว่ นราชการแห่งหนึ่งในจงั หวัด รู้จักสนทิ สนมกบั นายบี หัวหน้าสว่ นราชการ อกี แห่งหนง่ึ ในจงั หวัดเดยี วกนั นายเอ จงึ ใช้ความสัมพันธส์ ่วนตัวฝากลกู ชาย คือ นายซี เขา้ รบั ราชการภายใต้ สงั กัดของนายบี หลักสตู รสร้างวทิ ยากรผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลงส่สู งั คมที่ไมท่ นต่อการทจุ รติ 17 116

๑๐. การขัดกันแห่งผลประโยชน์สว่ นตนกับประโยชนส์ ่วนรวมประเภทอ่นื ๆ ๑๐.๑ การเดนิ ทางไปราชการตา่ งจงั หวดั โดยไมค่ �ำนงึ ถงึ จ�ำนวนคน จ�ำนวนงาน และจ�ำนวนวนั อยา่ งเหมาะสม อาทิ เดินทางไปราชการจ�ำนวน ๑๐ วัน แตใ่ ชเ้ วลาในการท�ำงานจรงิ เพียง ๖ วนั โดยอกี ๔ วนั เป็นการเดนิ ทาง ท่องเทย่ี วในสถานทตี่ ่าง ๆ ๑๐.๒ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติไม่ใช้เวลาในราชการปฏิบัติงานอย่างเต็มท่ี เน่ืองจากต้องการปฏิบัติงาน นอกเวลาราชการ เพราะสามารถเบกิ เงนิ งบประมาณคา่ ตอบแทนการปฏบิ ัตงิ านนอกเวลาราชการได้ ๑๐.๓ เจ้าหน้าที่ของรัฐลงเวลาปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ โดยมิได้อยู่ปฏิบัติงานในช่วงเวลาน้ัน อย่างแท้จรงิ แต่กลบั ใช้เวลาดังกล่าวปฏิบตั กิ ิจธรุ ะสว่ นตัว ๓. กฎหมายที่เกี่ยวขอ้ งกบั การขดั กนั ระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๒๖ นอกจากเจา้ พนกั งานของรฐั ทรี่ ฐั ธรรมนญู กําหนดไวเ้ ปน็ การเฉพาะแลว้ หา้ มมใิ หก้ รรมการ ผดู้ ํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ และเจ้าพนักงานของรฐั ทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกาศกําหนด ดําเนนิ กจิ การ ดงั ต่อไปนี้ (๑) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทํากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าพนักงานของรัฐผู้น้ันปฏิบัติ หน้าท่ีในฐานะท่ีเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งมีอํานาจไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการกํากับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรอื ดําเนนิ คดี (๒) เปน็ หนุ้ สว่ นหรอื ผถู้ อื หนุ้ ในหา้ งหนุ้ สว่ นหรอื บรษิ ทั ทเี่ ขา้ เปน็ คสู่ ญั ญากบั หนว่ ยงานของรฐั ทเี่ จา้ พนกั งาน ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะท่ีเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ซ่ึงมีอํานาจไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการกํากับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดําเนินคดี เว้นแต่จะเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจํากัดหรือบริษัทมหาชนจํากัดไม่เกิน จํานวนทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด (๓) รบั สมั ปทานหรอื คงถอื ไวซ้ ง่ึ สมั ปทานจากรฐั หนว่ ยราชการ หนว่ ยงานของรฐั รฐั วสิ าหกจิ หรอื ราชการ สว่ นท้องถิน่ หรือเขา้ เป็นคสู่ ญั ญากบั รฐั หน่วยราชการ หน่วยงานของรฐั รฐั วสิ าหกจิ หรอื ราชการส่วนท้องถิน่ อนั มีลกั ษณะเปน็ การผกู ขาดตดั ตอน หรือเป็นห้นุ ส่วนหรือผ้ถู อื ห้นุ ในห้างห้นุ ส่วนหรอื บรษิ ทั ทรี่ ับสมั ปทานหรอื เข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว ในฐานะท่ีเป็นเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งมีอํานาจ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ในการกํากบั ดแู ล ควบคมุ ตรวจสอบหรอื ดําเนนิ คดี เวน้ แตจ่ ะเปน็ ผถู้ อื หนุ้ ในบรษิ ทั จํากดั หรอื บรษิ ทั มหาชนจํากดั ไมเ่ กนิ จํานวนท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด (๔) เขา้ ไปมีสว่ นไดเ้ สยี ในฐานะเป็นกรรมการ ทีป่ รกึ ษา ตวั แทน พนักงานหรือลูกจ้างในธุรกจิ ของเอกชน ซงึ่ อยภู่ ายใตก้ ารกํากบั ดแู ล ควบคมุ หรอื ตรวจสอบของหนว่ ยงานของรฐั ทเ่ี จา้ พนกั งานของรฐั ผนู้ น้ั สงั กดั อยหู่ รอื ปฏบิ ตั หิ นา้ ทใี่ นฐานะเปน็ เจา้ พนกั งานของรฐั ซงึ่ โดยสภาพของผลประโยชนข์ องธรุ กจิ ของเอกชนนน้ั อาจขดั หรอื แย้งต่อประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์ทางราชการหรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าท่ีของ เจ้าพนักงานของรฐั ผนู้ ้นั 18 หลักสูตรสร้างวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปลีย่ นแปลงสู่สังคมท่ีไม่ทนตอ่ การทจุ รติ 117

ให้นําความในวรรคหน่ึง มาใช้บังคับกับคู่สมรสของเจ้าพนักงานของรัฐตามวรรคหนึ่งด้วย โดยให้ถือว่า การดําเนนิ กจิ การของคสู่ มรสเปน็ การดําเนนิ กจิ การของเจา้ พนกั งานของรฐั เวน้ แตเ่ ปน็ กรณที คี่ สู่ มรสนนั้ ดําเนนิ การ อยูก่ อ่ นทเ่ี จา้ พนักงานของรฐั จะเขา้ ดํารงตําแหน่ง คสู่ มรสตามวรรคสองใหห้ มายความรวมถงึ ผซู้ ง่ึ อยกู่ นิ กนั ฉนั สามภี รยิ าโดยมไิ ดจ้ ดทะเบยี นสมรสดว้ ย ทง้ั นี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด เจ้าพนักงานของรัฐท่มี ีลกั ษณะตาม (๒) หรอื (๓) ต้องดําเนินการไม่ให้มีลักษณะดังกล่าว ภายในสามสิบ วันนบั แตว่ ันที่เข้าดํารงตําแหนง่ มาตรา ๑๒๗ ห้ามมิให้กรรมการ ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ดํารงตําแหน่งระดับสูงและผู้ดํารง ตําแหน่งทางการเมืองทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด ดําเนินการใดตามมาตรา ๑๒๖ (๔) ภายในสองปนี บั แต่ วนั ทีพ่ น้ จากตําแหน่ง มาตรา ๑๒๘ หา้ มมใิ หเ้ จา้ พนกั งานของรฐั ผใู้ ดรบั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ น่ื ใดอนั อาจคํานวณ เปน็ เงนิ ได้ จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัย อํานาจตามบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมาย เวน้ แตก่ ารรบั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ น่ื ใด โดยธรรมจรรยาตามหลกั เกณฑ์ และจํานวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด ความในวรรคหน่ึงมิให้ใช้บังคับกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือ ญาติที่ให้ตามประเพณี หรอื ตามธรรมจรรยาตามฐานานุรูป บทบัญญัติในวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของผู้ซึ่งพ้นจากการเป็น เจา้ พนักงานของรฐั มาแลว้ ยังไม่ถึงสองปดี ว้ ยโดยอนโุ ลม มาตรา ๑๒๙ การกระทําอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติในหมวดนี้ให้ถือว่าเป็นการกระทําความผิด ต่อตําแหน่งหน้าท่รี าชการหรือความผดิ ต่อตําแหนง่ หนา้ ทีใ่ นการยุติธรรม ประกาศคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ เรื่อง หลักเกณฑก์ ารรับ ทรพั ย์สินหรอื ประโยชน์อนื่ ใดโดยธรรมจรรยาของเจา้ หน้าทข่ี องรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๓ อาศัยอ�ำนาจตามความในมาตรา ๑๐๓ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจึงก�ำหนด หลกั เกณฑแ์ ละจ�ำนวนทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ น่ื ใดทเ่ี จา้ หนา้ ทขี่ องรฐั จะรบั จากบคุ คลไดโ้ ดยธรรมจรรยาไว้ ดงั นี้ ขอ้ ๓ ในประกาศนี้ “การรับทรัพยส์ ินหรือประโยชนอ์ นื่ ใดโดยธรรมจรรยา” หมายความว่า การรบั ทรพั ย์สนิ หรือประโยชน์ อ่ืนใดจากญาตหิ รือจากบุคคลที่ให้กันในโอกาสต่าง ๆ โดยปกติตามขนบธรรมเนียม ประเพณี หรือวัฒนธรรม หรือใหก้ นั ตามมารยาททปี่ ฏบิ ัตกิ ันในสงั คม “ญาติ” หมายความว่า ผ้บู พุ การี ผสู้ บื สันดาน พน่ี อ้ งร่วมบิดามารดาหรือ รว่ มบดิ าหรือมารดาเดียวกัน ลุง ป้า นา้ อา คสู่ มรส ผบู้ ุพการีหรอื ผู้สบื สนั ดานของคสู่ มรส บตุ รบญุ ธรรมหรอื ผ้รู บั บตุ รบญุ ธรรม “ประโยชน์อ่ืนใด” หมายความว่า ส่ิงท่ีมูลค่า ได้แก่ การลดราคา การรับความบันเทิง การรับบริการ การรบั การฝกึ อบรม หรอื สงิ่ อ่นื ใดในลกั ษณะเดยี วกัน หลักสตู รสรา้ งวิทยากรผนู้ �ำ การเปลย่ี นแปลงสู่สงั คมทไ่ี ม่ทนตอ่ การทุจริต 19 118

ขอ้ ๔ หา้ มมใิ หเ้ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ผใู้ ด รบั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ นื่ ใด จากบคุ คลนอกเหนอื จากทรพั ยส์ นิ หรือประโยชนอ์ ันควรได้ตามกฎหมาย หรอื กฎ ขอ้ บังคับ ท่ีออกโดยอาศัยอ�ำนาจตามบทบัญญัตแิ หง่ กฎหมาย เวน้ แต่การรับทรัพยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ นื่ ใดโดยธรรมจรรยาตามทีก่ �ำหนดไวใ้ นประกาศน้ี ข้อ ๕ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะรับทรัพย์สนิ หรือประโยชนอ์ น่ื ใดโดยธรรมจรรยาได้ ดงั ต่อไปนี้ (๑) รบั ทรัพย์สินหรอื ประโยชน์อื่นใดจากญาติซึง่ ใหโ้ ดยเสนห่ าตามจำ�นวนทีเ่ หมาะสมตามฐานานรุ ปู (๒) รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดจากบุคคลอ่ืนซึ่งมิใช่ญาติมีราคาหรือมูลค่าในการรับจากแต่ละ บคุ คล แตล่ ะโอกาสไมเ่ กินสามพนั บาท (๓) รับทรพั ยส์ ินหรือประโยชนอ์ น่ื ใดทก่ี ารให้นนั้ เปน็ การให้ในลักษณะให้กบั บุคคลทั่วไป ข้อ ๖ การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากต่างประเทศ ซึ่งผู้ให้มิได้ระบุให้เป็นของส่วนตัวหรือมี ราคาหรอื มลู คา่ เกนิ กว่าสามพนั บาท ไมว่ า่ จะระบเุ ปน็ ของส่วนตวั หรือไม่ แต่มเี หตผุ ลความจ�ำ เป็นที่จะตอ้ งรบั ไว้ เพื่อรักษาไมตรี มิตรภาพ หรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นรายงานรายละเอียด ขอ้ เทจ็ จรงิ เกย่ี วกบั การรบั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนด์ งั กลา่ วใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาทราบโดยเรว็ หากผบู้ งั คบั บญั ชาเหน็ วา่ ไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้เจ้าหน้าท่ีผู้นั้นยึดถือทรัพย์สินหรือประโยชน์ดังกล่าวน้ันไว้เป็นประโยชน์ส่วนตน ใหเ้ จา้ หน้าที่ของรัฐ ผ้นู น้ั สง่ มอบทรัพยส์ นิ ใหห้ นว่ ยงานของรฐั ทเ่ี จ้าหน้าท่ีของรัฐผนู้ ้นั สังกดั ทนั ที ขอ้ ๗ การรบั ทรัพย์สนิ หรอื ประโยชนอ์ ืน่ ใดทีไ่ ม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ หรือ มรี าคาหรอื มมี ูลคา่ มากกวา่ ท่ีก�ำหนดไว้ในข้อ ๕ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับมาแล้วโดยมีความจ�ำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรับไว้เพื่อรักษาไมตรี มิตรภาพ หรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นต้องแจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงเก่ียวกับ การรบั ทรัพย์สนิ หรอื ประโยชนน์ ัน้ ตอ่ ผ้บู ังคับบัญชา ซงึ่ เปน็ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสงู สดุ ของรฐั วสิ าหกิจ หรอื ผบู้ รหิ ารสงู สดุ ของหนว่ ยงาน สถาบนั หรอื องคก์ รทเี่ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ผนู้ น้ั สงั กดั โดยทนั ทที สี่ ามารถกระท�ำได้ เพ่ือให้วินิจฉัยว่ามีเหตุผลความจ�ำเป็น ความเหมาะสม และสมควรท่ีจะให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้น้ันรับทรัพย์สิน หรอื ประโยชน์นัน้ ไว้เป็นสิทธขิ องตนหรอื ไม่ ในกรณที ผี่ บู้ งั คบั บญั ชาหรอื ผบู้ รหิ ารสงู สดุ ของรฐั วสิ าหกจิ หนว่ ยงานหรอื สถาบนั หรอื องคก์ รทเ่ี จา้ หนา้ ที่ ของรัฐผู้น้ันสังกัด มีค�ำสั่งว่าไม่สมควรรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ดังกล่าว ก็ให้คืนทรัพย์สินหรือประโยชน์น้ัน แก่ผ้ใู หโ้ ดยทนั ที ในกรณที ่ไี ม่สามารถคนื ใหไ้ ด้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทข่ี องรัฐผนู้ ั้นส่งมอบทรพั ยส์ ินหรอื ประโยชน์ดังกล่าว ให้เป็นสิทธขิ องหนว่ ยงานทีเ่ จ้าหนา้ ที่ของรัฐผู้น้ันสังกดั โดยเรว็ เมื่อได้ด�ำเนินการตามความในวรรคสองแล้ว ให้ถือว่าเจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้นั้น ไม่เคยได้รับทรัพย์สินหรือ ประโยชนด์ ังกลา่ วเลย ในกรณีที่เจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้ได้รับทรัพย์สินไว้ตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ด�ำรงต�ำแหน่งผู้บังคับบัญชา ซ่ึงเป็น หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า หรือเป็นกรรมการหรือผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ หรือ เป็นกรรมการหรือผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานของรัฐ ให้แจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงเก่ียวกับการรับทรัพย์สิน หรอื ประโยชนน์ น้ั ตอ่ ผมู้ อี �ำนาจแตง่ ตง้ั ถอดถอน สว่ นผทู้ ด่ี �ำรงต�ำแหนง่ ประธานกรรมการและกรรมการในองคก์ ร อสิ ระตามรฐั ธรรมนญู หรอื ผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทไ่ี มม่ ผี บู้ งั คบั บญั ชาทมี่ อี �ำนาจถอดถอนใหแ้ จง้ ตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ท้งั น้ี เพอื่ ด�ำเนนิ การตามความในวรรคหน่งึ และวรรคสอง ในกรณีท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ได้รับทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง เป็นผู้ด�ำรงต�ำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกสภาท้องถ่ิน ให้แจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงเก่ียวกับการรับทรัพย์สินหรือ 20 หลักสตู รสร้างวทิ ยากรผ้นู ำ�การเปล่ียนแปลงสู่สังคมท่ีไม่ทนตอ่ การทจุ รติ 119

ประโยชนเ์ ทา่ นนั้ ตอ่ ประธาน สภาผแู้ ทนราษฎร ประธานวฒุ สิ ภา หรอื ประธานสภาทอ้ งถนิ่ ทเ่ี จา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ผนู้ น้ั เป็นสมาชกิ แลว้ แต่กรณี เพอ่ื ด�ำเนนิ การตามวรรคหนง่ึ และวรรคสอง ข้อ ๘ หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ตามประกาศฉบับน้ีให้ใช้ บังคับแก่ผู้ซง่ึ พน้ จากการเปน็ เจ้าหน้าทข่ี องรัฐมาแลว้ ไม่ถงึ สองปีดว้ ย ระเบียบส�ำ นักนายกรฐั มนตรวี ่าดว้ ยการใหห้ รอื รับของขวญั ของเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการให้ของขวัญและรับ ของขวญั ของเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ไวห้ ลายครงั้ เพอ่ื เปน็ การเสรมิ สรา้ งคา่ นยิ มใหเ้ กดิ การประหยดั มใิ หม้ กี ารเบยี ดเบยี น ขา้ ราชการโดยไม่จ�ำเป็นและสร้างทัศนคติทไี่ ม่ถกู ตอ้ ง เนอ่ื งจากมีการแข่งขนั กนั ใหข้ องขวัญในราคาแพง ท้งั ยงั เปน็ ชอ่ งทางใหเ้ กดิ การประพฤตมิ ชิ อบอน่ื ๆ ในวงราชการอกี ดว้ ย และในการก�ำหนดจรรยาบรรณของเจ้าหนา้ ที่ ของรฐั ประเภทตา่ ง ๆ กม็ กี ารก�ำหนดในเรอื่ งท�ำนองเดยี วกนั ประกอบกบั คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปราม การทุจริตแห่งชาติได้ประกาศก�ำหนดหลักเกณฑ์และจ�ำนวนท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ อื่นใดโดยธรรมจรรยาได้ ฉะนน้ั จึงสมควรรวบรวมมาตรการเหลา่ น้ันและก�ำหนดเป็นหลักเกณฑ์การปฏบิ ัติของ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ในการใหข้ องขวญั และรบั ของขวญั ไวเ้ ปน็ การถาวรมมี าตรฐานอยา่ งเดยี วกนั และมคี วามชดั เจน เพื่อเสริมมาตรการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้เป็นผลอย่างจริงจัง ท้ังนี้ เฉพาะในสว่ นที่คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติไม่ได้ก�ำหนดไว้ อาศยั อ�ำนาจตามความในมาตรา ๑๑ (๘) แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงวางระเบยี บไวด้ งั ต่อไปน้ี ข้อ ๓ ในระเบียบน้ี “ของขวัญ” หมายความว่า เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อ่ืนใดที่ให้แก่กัน เพื่ออัธยาศัยไมตรี และให้ หมายความรวมถงึ เงิน ทรัพยส์ นิ หรือประโยชน์อืน่ ใดท่ใี หเ้ ปน็ รางวลั ใหโ้ ดยเสนห่ าหรือเพอื่ การสงเคราะห์ หรือ ใหเ้ ปน็ สนิ นำ้� ใจ การใหส้ ทิ ธพิ เิ ศษซง่ึ มใิ ชเ่ ปน็ สทิ ธทิ จ่ี ดั ไวส้ �ำหรบั บคุ คลทว่ั ไปในการไดร้ บั การลดราคาทรพั ยส์ นิ หรอื การใหส้ ิทธพิ ิเศษในการไดร้ ับบริการหรือความบันเทิง ตลอดจนการออกคา่ ใชจ้ า่ ยในการเดินทางหรือทอ่ งเทย่ี ว คา่ ท่ีพัก ค่าอาหาร หรือส่งิ อืน่ ใดในลักษณะเดยี วกัน และไม่ว่าจะให้เปน็ บัตร ตัว๋ หรือหลกั ฐานอืน่ ใด การช�ำระ เงนิ ใหล้ ่วงหนา้ หรอื การคนื เงินใหใ้ นภายหลงั “ปกตปิ ระเพณนี ยิ ม” หมายความวา่ เทศกาลหรอื วนั ส�ำคญั ซง่ึ อาจมกี ารใหข้ องขวญั กนั และใหห้ มายความ รวมถึงโอกาสในการแสดงความยินดี การแสดงความขอบคุณ การต้อนรับ การแสดงความเสียใจ หรือการให้ ความช่วยเหลอื ตามมารยาททถี่ อื ปฏบิ ัตกิ ันในสงั คมดว้ ย “ผู้บังคับบัญชา” ให้หมายความรวมถึง ผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าท่ีหัวหน้าหน่วยงาน ท่ีแบ่งเป็นการภายในของ หนว่ ยงานของรฐั และผซู้ งึ่ ด�ำรงต�ำแหนง่ ในระดบั ทส่ี งู กวา่ และไดร้ บั มอบหมายใหม้ อี �ำนาจบงั คบั บญั ชาหรอื ก�ำกบั ดแู ลด้วย “บุคคลในครอบครัว” หมายความว่า คสู่ มรส บตุ ร บดิ า มารดา พ่นี อ้ งร่วมบดิ ามารดาหรือรว่ มบิดาหรือ มารดาเดียวกนั หลักสูตรสร้างวิทยากรผนู้ �ำ การเปล่ียนแปลงสสู่ ังคมท่ีไม่ทนต่อการทจุ ริต 21 120

ข้อ ๔ ระเบียบนี้ไม่ใช้บังคับกับกรณีการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งอยู่ ภายใต้บงั คับกฎหมายประกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ ข้อ ๕ เจ้าหน้าท่ีของรัฐจะให้ของขวัญแก่ผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลในครอบครัวของผู้บังคับบัญชา นอกเหนอื จากกรณีปกติประเพณีนิยมทมี่ กี ารให้ของขวัญแก่กนั มไิ ด้ การใหข้ องขวญั ตามปกตปิ ระเพณนี ยิ มตามวรรคหนง่ึ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั จะใหข้ องขวญั ทมี่ รี าคาหรอื มลู คา่ เกินจ�ำนวนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติก�ำหนดไว้ส�ำหรับการรับทรัพย์สินหรือ ประโยชนอ์ น่ื ใด โดยธรรมจรรยาของเจา้ หน้าท่ีของรฐั ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ด้วยการป้องกนั และ ปราบปรามการทจุ รติ มิได้ เจา้ หนา้ ที่ของรฐั จะท�ำการเรีย่ ไรเงินหรือทรัพยส์ นิ อน่ื ใดหรอื ใชเ้ งนิ สวสั ดิการใด ๆ เพือ่ มอบให้หรือจัดหา ของขวญั ใหผ้ ูบ้ ังคบั บญั ชาหรอื บุคคลในครอบครัวของผู้บงั คับบญั ชาไมว่ า่ กรณีใด ๆ มิได้ ข้อ ๖ ผู้บังคับบญั ชาจะยินยอมหรอื รู้เห็นเป็นใจให้บคุ คลในครอบครวั ของตนรบั ของขวัญจากเจา้ หนา้ ท่ี ของรฐั ซึง่ เป็นผูอ้ ยใู่ นบังคับบญั ชามไิ ด้ เวน้ แต่เปน็ การรับของขวญั ตามข้อ ๕ ข้อ ๗ เจ้าหน้าท่ีของรัฐจะยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลในครอบครัวของตนรับของขวัญจากผู้ที่ เกย่ี วข้องในการปฏบิ ัติหน้าที่ของเจา้ หน้าที่ของรัฐมไิ ด้ ถ้ามิใช่เปน็ การรับของขวญั ตามกรณีท่ีก�ำหนดไวใ้ น ขอ้ ๘ ผทู้ ่ีเก่ยี วขอ้ งในการปฏบิ ตั หิ น้าที่ของเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ตามวรรคหนง่ึ ไดแ้ ก่ ผ้มู าตดิ ตอ่ งานหรือผู้ซึ่งได้รับ ประโยชนจ์ ากการปฏิบตั งิ านของเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐ ในลักษณะดงั ต่อไปน้ี (๑) ผู้ซึ่งมีคำ�ขอให้หน่วยงานของรัฐดำ�เนินการอย่างหน่ึงอย่างใด เช่น การขอใบรับรอง การขอให้ ออกค�ำ ส่งั ทางปกครอง หรอื การรอ้ งเรียน เปน็ ต้น (๒) ผู้ซง่ึ ประกอบธุรกิจหรอื มสี ่วนไดเ้ สยี ในธุรกิจท่ีท�ำ กบั หนว่ ยงานของรฐั เชน่ การจดั ซอ้ื จดั จ้าง หรือ การไดร้ ับสมั ปทาน เป็นตน้ (๓) ผซู้ ง่ึ ก�ำ ลงั ด�ำ เนนิ กจิ กรรมใด ๆ ทมี่ หี นว่ ยงานของรฐั เปน็ ผคู้ วบคมุ หรอื ก�ำ กบั ดแู ล เชน่ การประกอบ กิจการโรงงาน หรือธรุ กจิ หลกั ทรพั ย์ เป็นต้น (๔) ผู้ซึ่งอาจได้รับประโยชน์หรือผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าท่ีหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของ เจา้ หนา้ ทีข่ องรฐั ข้อ ๘ เจ้าหน้าท่ีของรัฐจะยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลในครอบครัวของตนรับของขวัญจากผู้ท่ี เกยี่ วขอ้ งในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ไดเ้ ฉพาะกรณี การรบั ของขวญั ทใี่ หต้ ามปกตปิ ระเพณนี ยิ ม และ ของขวัญนั้นมีราคาหรือมูลค่าไม่เกินจำ�นวนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำ�หนด ไว้สำ�หรับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ ขอ้ ๙ ในกรณที บ่ี คุ คลในครอบครวั ของเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั รบั ของขวญั แลว้ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ทราบในภายหลงั ว่าเป็นการรับของขวัญโดยฝ่าฝืนระเบียบน้ี ให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ท่ีคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติก�ำหนดไว้ส�ำหรับการรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อ่ืนใดโดยธรรมจรรยาของ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีราคาหรือมูลค่าเกินกว่าท่ีก�ำหนดไว้ ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจรติ 22 หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผูน้ ำ�การเปล่ียนแปลงสสู่ งั คมท่ไี ม่ทนตอ่ การทุจริต 121

ข้อ ๑๐ ในกรณีท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดจงใจปฏิบัติเกี่ยวกับการให้ของขวัญหรือรับของขวัญโดยฝ่าฝืน ระเบียบน้ี ใหด้ �ำเนินการดังตอ่ ไปน้ี (๑) ในกรณีที่เจ้าหน้าท่ีของรัฐเป็นข้าราชการการเมือง ให้ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นประพฤติปฏิบัติ ไมเ่ ปน็ ไปตามคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม และใหด้ �ำ เนนิ การตามระเบยี บทน่ี ายกรฐั มนตรกี �ำ หนดโดยความเหน็ ชอบ ของคณะรฐั มนตรีว่าดว้ ยมาตรฐานทางคณุ ธรรมและจริยธรรมของขา้ ราชการการเมือง (๒) ในกรณที เี่ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั เปน็ ขา้ ราชการประเภทอนื่ นอกจาก (๑) หรอื พนกั งานขององคก์ รปกครอง สว่ นทอ้ งถน่ิ หรือพนกั งานของรฐั วิสาหกจิ ให้ถอื วา่ เจ้าหนา้ ที่ของรฐั ผู้นัน้ เป็นผู้กระทำ�ความผดิ ทางวนิ ัย และให้ ผ้บู งั คับบญั ชามีหน้าที่ดำ�เนนิ การให้มีการลงโทษทางวินยั เจา้ หน้าท่ขี องรฐั ผนู้ ้นั ข้อ ๑๑ ให้ส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายกรัฐมนตรีมีหน้าท่ีสอดส่อง และให้ค�ำแนะน�ำในการปฏิบัติตาม ระเบียบน้ีแก่หน่วยงานของรัฐ ในกรณีท่ีมีผู้ร้องเรียนต่อส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายรัฐมนตรีว่าเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ผู้ใดปฏิบัติในการให้ของขวัญหรือรับของขวัญฝ่าฝืนระเบียบน้ี ให้ส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งไปยัง ผูบ้ ังคบั บญั ชาของเจ้าหน้าท่ขี องรฐั ผนู้ น้ั เพอ่ื ด�ำเนนิ การตามระเบยี บนี้ ข้อ ๑๒ เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างให้เกิดทัศนคติในการประหยัดแก่ประชาชนทั่วไปในการแสดง ความยนิ ดี การแสดงความปรารถนาดี การแสดงการตอ้ นรบั หรอื การแสดงความเสยี ใจในโอกาสตา่ ง ๆ ตามปกติ ประเพณีนิยม ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐพยายามใช้วิธีการแสดงออกโดยใช้บัตรอวยพร การลงนามในสมุดอวยพร หรือใช้บตั รแสดงความเสยี ใจ แทนการให้ของขวญั ให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าท่ีเสริมสร้างค่านิยมการแสดงความยินดี การแสดงความปรารถนาดี การแสดง การต้อนรับ หรือการแสดงความเสียใจ ด้วยการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง แนะน�ำหรือก�ำหนดมาตรการจูงใจ ทจ่ี ะพัฒนาทัศนคติ จิตส�ำนึกและพฤตกิ รรมของผอู้ ยใู่ นบงั คบั บัญชาให้เป็นไปในแนวทางประหยัด ระเบียบส�ำ นักนายกรฐั มนตรวี ่าดว้ ยการเรยี่ ไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “การเร่ียไร” หมายความว่า การเก็บเงินหรือทรัพย์สิน โดยขอร้องให้ช่วยออกเงินหรือทรัพย์สิน ตามใจสมัคร และให้หมายความรวมถึงการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ชดใช้หรือบริการซึ่งมีการแสดงโดยตรงหรือ โดยปรยิ ายวา่ มใิ ชเ่ ปน็ การซอื้ ขาย แลกเปลยี่ น ชดใชห้ รอื บรกิ ารธรรมดา แตเ่ พอื่ รวบรวมเงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ทไี่ ดม้ า ทงั้ หมด หรอื บางส่วนไปใชใ้ นกจิ การอยา่ งใดอย่างหนึ่งนนั้ ดว้ ย “เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรี่ยไร” หมายความว่า เข้าไปช่วยเหลือโดยมีส่วนร่วมในการจัดให้มี การเร่ียไรในฐานะเปน็ ผ้รู ่วมจัดให้มกี ารเรย่ี ไร หรือเปน็ ประธานกรรมการ อนกุ รรมการ คณะท�ำงาน ทีป่ รึกษา หรือในฐานะอื่นใดในการเรยี่ ไรนนั้ ขอ้ ๖ หน่วยงานของรัฐจะจัดใหม้ ีการเรยี่ ไรหรือเข้าไปมสี ่วนเก่ยี วขอ้ งกบั การเรย่ี ไรมิได้ เว้นแต่เปน็ การ เรี่ยไร ตามข้อ ๑๙ หรือไดร้ บั อนุมตั จิ ากคณะกรรมการควบคมุ การเรย่ี ไรของหน่วยงานของรฐั (กคร.) หรอื กคร. จงั หวดั แล้วแตก่ รณี ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์ทีก่ �ำหนดไวใ้ นระเบียบน้ี หนว่ ยงานของรฐั ซง่ึ จะตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตในการเรย่ี ไรตามกฎหมายวา่ ดว้ ย การควบคมุ การเรยี่ ไร นอกจาก จะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยการควบคมุ การเรยี่ ไรแลว้ จะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามหลกั เกณฑท์ ก่ี �ำหนดไวใ้ นระเบยี บ หลักสตู รสร้างวิทยากรผ้นู �ำ การเปลย่ี นแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทจุ ริต 23 122

นด้ี ว้ ย ในกรณนี ้ี กคร. อาจก�ำหนดแนวทางปฏบิ ตั ขิ องหนว่ ยงานรฐั ดงั กลา่ วใหส้ อดคลอ้ งกบั กฎหมายวา่ ดว้ ยการ ควบคมุ การเร่ยี ไรก็ได้ ข้อ ๘ ให้มีคณะกรรมการควบคมุ การเร่ยี ไรของหน่วยงานของรฐั เรียกโดยย่อว่า “กคร.” ประกอบด้วย รองนายกรฐั มนตรที น่ี ายกรฐั มนตรมี อบหมาย เปน็ ประธานกรรมการ ผแู้ ทนส�ำนกั นายกรฐั มนตรี ผแู้ ทนกระทรวง กลาโหม ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนกระทรวง สาธารณสุข ผู้แทนส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ ผู้แทนส�ำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกิน สี่คนเป็นกรรมการ และผู้แทนส�ำนักงานปลดั ส�ำนักนายกรัฐมนตรเี ป็นกรรมการและเลขานุการ กคร. จะแตง่ ตงั้ ขา้ ราชการในส�ำนกั งานปลดั ส�ำนกั นายกรฐั มนตรจี �ำนวนไมเ่ กนิ สองคนเปน็ ผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร กไ็ ด้ ข้อ ๑๘ การเร่ยี ไรหรอื เขา้ ไปมีสว่ นเกี่ยวข้องกบั การเรย่ี ไรที่ กคร. หรอื กคร. จังหวัด แลว้ แต่กรณี จะพิจารณาอนุมตั ิให้ตามข้อ ๖ ไดน้ น้ั จะตอ้ งมลี ักษณะและวตั ถปุ ระสงค์อยา่ งหนึ่งอยา่ งใด ดงั ต่อไปน้ี (๑) เป็นการเรี่ยไรท่ีหน่วยงานของรัฐเปน็ ผ้ดู ำ�เนนิ การเพื่อประโยชนแ์ กห่ น่วยงานของรัฐนน้ั เอง (๒) เปน็ การเรยี่ ไรทห่ี นว่ ยงานของรฐั เปน็ ผดู้ �ำ เนนิ การเพอื่ ประโยชนแ์ กก่ ารปอ้ งกนั หรอื พฒั นาประเทศ (๓) เป็นการเรยี่ ไรทีห่ นว่ ยงานของรฐั เปน็ ผ้ดู ำ�เนินการเพอ่ื สาธารณประโยชน์ (๔) เปน็ กรณที ่ีหน่วยงานของรัฐเข้าไปมสี ว่ นเกีย่ วขอ้ งกบั การเรีย่ ไรของบคุ คลหรือนิตบิ ุคคล ท่ไี ด้รบั อนุญาตจากคณะกรรมการควบคมุ การเร่ียไรตามกฎหมายวา่ ด้วยการควบคมุ การเรยี่ ไรแล้ว ข้อ ๑๙ การเรี่ยไรหรือเข้าไปมีส่วนเก่ยี วขอ้ งกับการเรี่ยไรดังต่อไปน้ี ใหไ้ ด้รับยกเวน้ ไม่ตอ้ งขออนมุ ัตจิ าก กคร. หรือ กคร. จงั หวัด แล้วแต่กรณี (๑) เป็นนโยบายเร่งดว่ นของรฐั บาล และมมี ตคิ ณะรัฐมนตรีให้เรยี่ ไรได้ (๒) เป็นการเร่ียไรท่ีรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐจำ�เป็นต้องดำ�เนินการ เพ่ือช่วยเหลือผู้เสียหายหรือ บรรเทาความเสยี หายทเี่ กิดจากสาธารณภยั หรอื เหตกุ ารณ์ใดท่สี �ำ คญั (๓) เป็นการเรี่ยไรเพือ่ รว่ มกันทำ�บุญเน่ืองในโอกาสการทอดผา้ พระกฐนิ พระราชทาน (๔) เป็นการเรี่ยไรตามข้อ ๑๘ (๑) หรือ (๓) เพ่ือให้ได้เงินหรือทรัพย์สินไม่เกินจำ�นวนเงินหรือมูลค่า ตามท่ี กคร. กำ�หนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา (๕) เปน็ การเขา้ ไปมสี ว่ นเกยี่ วขอ้ งกบั การเรย่ี ไรตามขอ้ ๑๘ (๔) ซง่ึ กคร. ไดป้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ยกเวน้ ให้หน่วยงานของรฐั ดำ�เนินการไดโ้ ดยไมต่ ้องขออนมุ ัติ (๖) เป็นการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐอื่นท่ีได้รับอนุมัติหรือได้รับยกเว้นในการขออนุมัติ ตามระเบียบน้แี ล้ว ขอ้ ๒๐ ในกรณที หี่ นว่ ยงานของรฐั ไดร้ บั อนมุ ตั หิ รอื ไดร้ บั ยกเวน้ ตามขอ้ ๑๙ ใหจ้ ดั ใหม้ กี ารเรย่ี ไรหรอื เขา้ ไป มีส่วนเก่ียวข้องกับการเรยี่ ไร ใหห้ น่วยงานของรฐั ด�ำเนนิ การดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ให้กระทำ�การเร่ียไรเปน็ การท่วั ไป โดยประกาศหรอื เผยแพร่ตอ่ สาธารณชน (๒) ก�ำ หนดสถานทหี่ รอื วิธกี ารท่ีจะรับเงินหรือทรัพย์สินจากการเรย่ี ไร (๓) ออกใบเสร็จหรือหลักฐานการรับเงินหรือทรัพย์สินให้แก่ผู้บริจาคทุกครั้ง เว้นแต่โดยลักษณะ แหง่ การเรยี่ ไรไมส่ ามารถออกใบเสรจ็ หรอื หลกั ฐานดงั กลา่ วได้ กใ็ หจ้ ดั ท�ำ เปน็ บญั ชกี ารรบั เงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ นน้ั ไว้ เพือ่ ให้สามารถตรวจสอบได้ 24 หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้นำ�การเปลย่ี นแปลงสูส่ งั คมทีไ่ มท่ นต่อการทจุ ริต 123

(๔) จดั ท�ำ บญั ชกี ารรบั จา่ ยหรอื ทรพั ยส์ นิ ทไี่ ดจ้ ากการเรย่ี ไรตามระบบบญั ชขี องทางราชการภายในเกา้ สบิ วนั นับแตว่ นั ทส่ี ้ินสุดการเร่ยี ไร หรอื ทุกสามเดือน ในกรณีท่เี ป็นการเรย่ี ไรทก่ี ระท�ำ อย่างต่อเนื่องและปดิ ประกาศ เปดิ เผย ณ ทท่ี �ำ การของหนว่ ยงานของรฐั ทไี่ ดท้ �ำ การเรยี่ ไรไมน่ อ้ ยกวา่ สามสบิ วนั เพอื่ ใหบ้ คุ คลทวั่ ไปไดท้ ราบและ จดั ใหม้ เี อกสารเกยี่ วกบั การด�ำ เนนิ การเรย่ี ไรดงั กลา่ วไว้ ณ สถานทส่ี �ำ หรบั ประชาชนสามารถใชใ้ นการคน้ หาและ ศกึ ษาขอ้ มูลข่าวสารของราชการดว้ ย (๕) รายงานการเงนิ ของการเร่ียไรพรอ้ มทงั้ สง่ บญั ชตี าม (๔) ให้สำ�นักงานการตรวจเงินแผน่ ดินภายใน สามสิบวันนับแต่วันท่ีได้จัดทำ�บัญชีตาม (๔) แล้วเสร็จ หรือในกรณีท่ีเป็นการเร่ียไรท่ีได้กระทำ�อย่างต่อเนื่อง ให้รายงานการเงนิ พร้อมทง้ั ส่งบญั ชดี ังกล่าวทกุ สามเดอื น ข้อ ๒๑ ในการเรี่ยไรหรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรี่ยไร ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐด�ำเนินการ ดงั ต่อไปน้ี (๑) ก�ำ หนดประโยชนท์ ี่ผบู้ รจิ าคหรอื บคุ คลอื่นจะได้รับซง่ึ มิใช่ประโยชนท์ หี่ น่วยงานของรฐั ได้ประกาศไว้ (๒) ก�ำ หนดใหผ้ บู้ รจิ าคตอ้ งบรจิ าคเงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ เปน็ จ�ำ นวนหรอื มลู คา่ ทแี่ นน่ อน เวน้ แต่ โดยสภาพ มีความจำ�เป็นต้องกำ�หนดเป็นจำ�นวนเงินที่แน่นอน เช่น การจำ�หน่ายบัตรเข้าชมการแสดงหรือบัตรเข้าร่วม การแขง่ ขัน เป็นตน้ (๓) กระทำ�การใด ๆ ท่เี ปน็ การบงั คบั ใหบ้ ุคคลใดท�ำ การเร่ียไรหรอื บรจิ าค หรอื กระทำ�การในลักษณะ ท่ีทำ�ใหบ้ คุ คลน้ันต้องตกอยใู่ นภาวะจำ�ยอมไม่สามารถปฏิเสธหรือหลกี เล่ยี งท่ีจะไมช่ ่วยทำ�การเรี่ยไรหรอื บริจาค ไมว่ า่ โดยทางตรงหรือทางออ้ ม (๔) ใหเ้ จ้าหนา้ ท่ีของรัฐออกทำ�การเร่ยี ไร หรือใช้ ส่งั ขอร้อง หรอื บงั คับให้ผใู้ ต้บงั คับบญั ชาหรอื บคุ คล อ่ืนออกท�ำ การเรี่ยไร ข้อ ๒๒ เจ้าหน้าที่ของรัฐท่ีเข้าไปมีส่วนเก่ียวข้องกับการเร่ียไรของบุคคลหรือนิติบุคคลท่ีได้รับอนุญาต จากคณะกรรมการควบคุมการเร่ียไรตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเร่ียไรซ่ึงมิใช่หน่วยงานของรัฐจะต้อง ไมก่ ระท�ำการดังตอ่ ไปน้ี (๑) ใช้หรือแสดงตำ�แหน่งหน้าที่ให้ปรากฏในการดำ�เนินการเร่ียไรไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาด้วยสิ่งพิมพ์ ตามกฎหมายวา่ ด้วยการพิมพ์หรอื สอ่ื อยา่ งอ่นื หรือด้วยวิธกี ารอื่นใด (๒) ใช้ ส่ัง ขอร้อง หรือบังคับให้ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือบุคคลใดช่วยทำ�การเรี่ยไรให้ หรือกระทำ� ในลักษณะท่ีทำ�ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือบุคคลอื่นน้ันต้องตกอยู่ในภาวะจำ�ยอมไม่สามารถปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยง ท่ีจะไมช่ ว่ ยท�ำ การเร่ยี ไรใหไ้ ด้ ไมว่ ่าโดยทางตรงหรอื ทางออ้ ม ๔. วธิ คี ดิ แบบฐาน ๑๐ (Analog thinking)/ฐาน ๒ (Digital thinking) แนวทางการแก้ปัญหาการทุจริตอย่างยั่งยืน ต้องเริ่มต้นแก้ไขท่ีตัวบุคคล โดยการปรับเปล่ียนระบบ การคิดของคนในสงั คมแยกแยะใหไ้ ด้ว่า… “เรอ่ื งใดเป็นประโยชนส์ ว่ นตน...เรือ่ งใดเปน็ ประโยชน์สว่ นรวม” ต้องแยกออกจากกันให้ได้อย่างเด็ดขาด ไม่น�ำมาปะปนกัน ไม่เอาประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นประโยชน์ ส่วนตน ไม่เอาผลประโยชน์ส่วนรวมมาทดแทนบุญคุณส่วนตน ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง เหนือกว่าประโยชน์สว่ นรวม กรณีเกดิ ผลประโยชนข์ ดั กันต้องยึดประโยชน์ส่วนรวมเหนือกว่าประโยชนส์ ว่ นตน หลกั สูตรสร้างวทิ ยากรผูน้ �ำ การเปลยี่ นแปลงสูส่ งั คมท่ไี มท่ นตอ่ การทจุ รติ 25 124

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม “เจ้าหน้าท่ีของรัฐ” ซ่ึงมีอ�ำนาจหน้าท่ีที่จะต้องกระท�ำการหรือใช้ดุลยพินิจ ในการตัดสินใจที่เก่ียวข้องกับผลประโยชน์ของส่วนรวม หากปล่อยให้มีผลประโยชน์ส่วนตนหรือความสัมพันธ์ สว่ นตนเขา้ มามสี ว่ นในการตดั สนิ ใจแลว้ ยอ่ มตอ้ งเกดิ การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม หรือผลประโยชน์ทบั ซ้อน (Conflict of Interest) ข้ึนแน่นอน และความเสยี หายกจ็ ะตกอยู่กบั ประชาชนและ ประเทศชาตนิ น่ั เอง ระบบคิดที่จะกล่าวต่อไปน้ี… เป็นการน�ำมาประยุกต์ใช้และเปรียบเทียบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐน�ำไป เปน็ “หลกั คดิ ” ในการปฏิบตั งิ านใหส้ ามารถแยกประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวมได้อย่างเดด็ ขาด คอื “ระบบคดิ ฐานสบิ (Analog)” กับ “ระบบคดิ ฐานสอง (Digital)” ทำ�ไม จึงใชร้ ะบบเลขฐานสิบ (Analog) และระบบเลขฐานสอง (Digital) มาใช้แยกแยะการแกท้ ุจริต เรามาท�ำ ความเข้าใจในระบบ… ฐานสิบ (Analog), ฐานสอง (Digital) กนั เถอะ 26 หลกั สตู รสร้างวิทยากรผนู้ ำ�การเปลีย่ นแปลงสู่สงั คมทไ่ี ม่ทนตอ่ การทจุ รติ 125

ระบบเลข “ฐานสบิ ” (decimal number system) หมายถงึ ระบบเลขทมี่ ตี วั เลข ๑๐ ตัว คือ ๐ , ๑ , ๒ , ๓ , ๔ , ๕ , ๖ , ๗ , ๘ , ๙ เป็นระบบคดิ เลขทเ่ี ราใช้ในชวี ิต ประจ�ำวนั กนั มา ต้ังแต่จ�ำความกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้บอกปริมาณหรือบอกขนาด ช่วยให้เกิดความเข้าใจ ที่ตรงกนั ในการสื่อความหมาย สอดคล้องกับระบบ “Analog” ท่ีใช้ค่าต่อเน่ืองหรือสัญญาณ ซง่ึ เปน็ คา่ ตอ่ เนื่อง หรอื แทนความหมายของขอ้ มูลโดยการใช้ฟงั ชนั่ ทตี่ ่อเนอื่ ง (Continuous) ระบบเลข “ฐานสอง” (binary number system) หมายถึง ระบบเลขท่ีมสี ัญลักษณ์ เพยี งสองตวั คอื ๐ (ศูนย)์ กบั ๑ (หนง่ึ ) สอดคลอ้ งกบั การทำ�งานระบบ Digital ท่ีมีลักษณะ การท�ำ งานภายในเพียง ๒ จังหวะ คือ ๐ กับ ๑ หรือ ON กับ OFF (Discrete) ตัดเด็ดขาด จากทกี่ ล่าวมา... เม่อื น�ำระบบเลข “ฐานสิบ Analog” และ ระบบเลข “ฐานสอง Digital” มาปรบั ใช้ เป็นแนวคดิ คอื ระบบคดิ “ฐานสบิ Analog” และ ระบบคิด “ฐานสอง Digital” จะเหน็ ได้วา่ ... ระบบคิด “ฐานสิบ Analog” เป็นระบบการคิดวิเคราะห์ข้อมูลที่มีตัวเลขหลายตัว และอาจหมายถึง โอกาสท่จี ะเลือกได้หลายทาง เกดิ ความคดิ ทห่ี ลากหลาย ซับซอ้ น หากน�ำมาเปรียบเทยี บกับการปฏิบัติงานของ เจ้าหนา้ ทข่ี องรฐั จะท�ำใหเ้ จา้ หน้าทขี่ องรฐั ต้องคิดเยอะ ต้องใชด้ ุลยพินจิ เยอะ อาจจะน�ำประโยชนส์ ่วนตนและ ประโยชน์สว่ นรวมมาปะปนกันได้ แยกประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวมออกจากกนั ไม่ได้ ระบบคดิ “ฐานสอง Digital” เปน็ ระบบการคิดวเิ คราะห์ข้อมลู ท่สี ามารถเลือกได้เพียง ๒ ทางเทา่ นัน้ คอื ๐ (ศนู ย์) กับ ๑ (หนึง่ ) และอาจหมายถงึ โอกาสท่จี ะเลอื กไดเ้ พียง ๒ ทาง เชน่ ใช่ กับ ไมใ่ ช่, เท็จ กบั จรงิ , ท�ำได้ กบั ท�ำไม่ได้, ประโยชน์สว่ นตน กับ ประโยชน์สว่ นรวม เป็นต้น จงึ เหมาะกับการน�ำมาเปรยี บเทยี บกบั การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องสามารถแยกเร่ืองต�ำแหน่งหน้าท่ีกับเร่ืองส่วนตัวออกจากกันได้อย่าง เด็ดขาด และไมก่ ระท�ำการท่เี ป็นการขดั กันระหว่างประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม ระบบคิด “ฐานสบิ Analog” Vs ระบบคดิ “ฐานสอง Digital” “การปฏบิ ตั งิ านแบบใชร้ ะบบคดิ ฐานสบิ (Analog)” คอื การทเี่ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั มรี ะบบการคดิ ทย่ี งั แยก เร่ืองต�ำแหน่งหน้าท่ีกับเร่ืองส่วนตนออกจากกันไม่ได้ น�ำประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมมาปะปนกัน ไปหมด แยกแยะไมอ่ อกว่าสิ่งไหนคือประโยชนส์ ว่ นตน ส่ิงไหนคือประโยชน์ส่วนรวม น�ำบุคลากรหรือทรัพย์สนิ หลกั สูตรสร้างวิทยากรผ้นู �ำ การเปล่ยี นแปลงส่สู งั คมทีไ่ ม่ทนต่อการทจุ รติ 27 126

ของราชการมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน เบียดบังราชการ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เครือญาติ หรือพวกพ้อง เหนอื กวา่ ประโยชนข์ องสว่ นรวมหรอื ของหนว่ ยงาน จะคอยแสวงหาประโยชนจ์ ากต�ำแหนง่ หนา้ ทร่ี าชการ กรณี เกิดการขัดกันระหว่างประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวม จะยดึ ประโยชนส์ ว่ นตนเป็นหลัก “การปฏบิ ตั งิ านแบบใชร้ ะบบคดิ ฐานสอง (Digital)” คอื การทเี่ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั มรี ะบบการคดิ ทส่ี ามารถ แยกเรอื่ งต�ำแหนง่ หน้าท่กี บั เรื่องสว่ นตนออกจากกนั แยกออกอย่างชัดเจนวา่ สงิ่ ไหนถกู สง่ิ ไหนผดิ สงิ่ ไหนท�ำได้ สิง่ ไหนท�ำไม่ได้ สิ่งไหนคอื ประโยชน์สว่ นตนสง่ิ ไหนคอื ประโยชนส์ ่วนรวม ไมน่ �ำมาปะปนกัน ไมน่ �ำบุคลากรหรือ ทรพั ยส์ นิ ของราชการมาใชเ้ พอ่ื ประโยชนส์ ว่ นตน ไมเ่ บยี ดบงั ราชการ เหน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวมหรอื ของหนว่ ยงาน เหนอื กวา่ ประโยชนข์ องสว่ นตน เครอื ญาติ และพวกพอ้ ง ไมแ่ สวงหาประโยชนจ์ ากต�ำแหนง่ หนา้ ทร่ี าชการ ไมร่ บั ทรัพยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ น่ื ใดจากการปฏบิ ตั ิหน้าท่ี กรณเี กิดการขัดกนั ระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ ส่วนรวม ก็จะยดึ ประโยชน์ส่วนรวมเปน็ หลกั ๕. บทบาทของรฐั /เจา้ หนา้ ทข่ี องรัฐ (มาตรฐานทางจริยธรรมของเจ้าหน้าทขี่ องรัฐ) หลักคิดการแยกประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมอย่างเด็ดขาด ดังกล่าวนี้ สอดคล้องกับ แนวปฏบิ ตั ิของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามประมวลจรยิ ธรรมขา้ ราชการพลเรอื น ขอ้ ๕ ทีก่ �ำหนดใหเ้ จ้าหน้าท่ีของรัฐ ตอ้ งแยกเรอ่ื งสว่ นตวั ออกจากต�ำแหนง่ หนา้ ท่ี และยดึ ถอื ประโยชนส์ ว่ นรวมของประเทศชาติ เหนอื กวา่ ประโยชน์ ส่วนตน โดยอย่างน้อยตอ้ งวางตน ดังนี้ (๑) ไมน่ �ำความสัมพันธส์ ่วนตวั ทต่ี นมีต่อบคุ คลอ่ืน ไมว่ ่าจะเปน็ ญาตพิ ีน่ ้อง พรรคพวก เพ่อื นฝูง หรอื ผมู้ ี บุญคุณส่วนตัว มาประกอบการใช้ดลุ พนิ จิ ให้เป็นคุณหรือเป็นโทษแกบ่ คุ คลนั้น หรอื ปฏิบัติตอ่ บคุ คลน้นั ต่างจาก บคุ คลอ่ืนเพราะชอบหรอื ชงั (๒) ไมใ่ ชเ้ วลาราชการ เงิน ทรพั ยส์ ิน บคุ ลากร บรกิ าร หรือสิง่ อ�ำนวยความสะดวกของทางราชการไป เพ่ือประโยชนส์ ่วนตวั ของตนเองหรอื ผู้อนื่ เว้นแตไ่ ดร้ ับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย (๓) ไมก่ ระท�ำการใด หรอื ด�ำรงต�ำแหนง่ หรอื ปฏบิ ตั กิ ารใดในฐานะสว่ นตวั ซง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ ความเคลอื บแคลง หรอื สงสยั ว่าจะขัดกับประโยชนส์ ว่ นรวมท่อี ย่ใู นความรบั ผิดชอบของหนา้ ท่ี ในกรณมี คี วามเคลอื บแคลงหรอื สงสยั ใหข้ า้ ราชการผนู้ นั้ ยตุ กิ ารกระท�ำดงั กลา่ วไวก้ อ่ นแลว้ แจง้ ใหผ้ บู้ งั คบั บัญชา หัวหน้าส่วนราชการ และคณะกรรมการจริยธรรมพิจารณา เมื่อคณะกรรมการจริยธรรมวินิจฉัย เปน็ ประการใดแล้วจึงปฏิบัตติ ามน้นั (๔) ในการปฏิบัติหน้าท่ีที่รับผิดชอบในหน่วยงานโดยตรงหรือหน้าท่ีอ่ืนในราชการรัฐวิสาหกิจ องค์การ มหาชน หรอื หนว่ ยงานของรฐั ขา้ ราชการตอ้ งยดึ ถอื ประโยชนข์ องทางราชการเปน็ หลกั ในกรณที มี่ คี วามขดั แยง้ ระหว่างประโยชน์ของทางราชการหรือประโยชน์ส่วนรวม กับประโยชน์ส่วนตนหรือส่วนกลุ่ม อันจ�ำเป็นต้อง วนิ ิจฉยั หรือช้ีขาด ตอ้ งยดึ ประโยชน์ของทางราชการและประโยชน์สว่ นรวมเป็นส�ำคญั 28 หลกั สตู รสรา้ งวทิ ยากรผู้นำ�การเปล่ียนแปลงสสู่ ังคมทไี่ มท่ นตอ่ การทุจริต 127

นอกจากน้ี ยงั สอดคลอ้ งกบั แนวปฏบิ ตั ขิ องเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ในระดบั สากล ซง่ึ องคก์ รในระดบั สากลตา่ งกใ็ ห้ ความส�ำคญั ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากจรรยาบรรณสากลส�ำหรบั เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ตามประกาศขององคก์ ารสหประชาชาติ และอนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ (United Nations Convention Against Corruption- UNCAC) ค.ศ. ๒๐๐๓ ท่ีก�ำหนดให้การแยกเรื่องส่วนตัวออกจากต�ำแหน่งหน้าท่ีเป็นมาตรฐานความประพฤติ ส�ำหรับเจา้ หน้าที่ของรัฐในการปฏิบตั ิงานของรฐั แตล่ ะรฐั และระหว่างรัฐ จรรยาบรรณระหว่างประเทศส�ำหรับเจ้าหน้าทข่ี องรฐั จรรยาบรรณระหว่างประเทศส�ำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ท่ีระบุในภาคผนวกของมติสหประชาชาติ คร้ังท่ี ๕๑/๕๙ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๒ ธนั วาคม ๑๙๙๖ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ผลประโยชน์ขดั กนั และการขาดคุณสมบตั ิ ๔. เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่พึงใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหน้าท่ีของตนในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนหรือ ผลประโยชนท์ างการเงนิ อนั ไมส่ มควรส�ำหรบั ตนหรอื สมาชกิ ในครอบครวั ไมพ่ งึ ประกอบธรุ กรรมเขา้ รบั ต�ำแหนง่ หรือหน้าท่ีหรือมีผลประโยชน์ทางการเงิน การค้า หรือผลประโยชน์อื่นใดในท�ำนองเดียวกันซ่ึงขัดกับต�ำแหน่ง บทบาทหน้าที่ หรอื การปฏบิ ตั ใิ นต�ำแหนง่ หรอื บทบาทหนา้ ท่ีน้นั ๕. เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ตามขอบเขตทก่ี �ำหนดโดยต�ำแหนง่ หนา้ ทข่ี องตนภายใตก้ ฎหมายหรอื นโยบายในการ บรหิ าร พงึ แจง้ เกย่ี วกบั ผลประโยชนท์ างธรุ กจิ การคา้ และการเงนิ หรอื กจิ การอนั ท�ำเพอ่ื ผลตอบแทนทางการเงนิ ซง่ึ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ผลประโยชนข์ ดั กนั ไดใ้ นสถานการณท์ ม่ี โี อกาสจะเกดิ หรอื ทดี่ เู หมอื นวา่ ไดเ้ กดิ กรณผี ลประโยชน์ ขัดกันขึ้นระหว่างหน้าที่และผลประโยชน์ส่วนตนของเจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้ใด เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้น้ันพึงปฏิบัติตาม มาตรการทกี่ �ำหนดไวเ้ พ่อื ลดหรือขจดั ซ่งึ ผลประโยชน์ขดั กันนั้น ๖. เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่พึงใช้เงิน ทรัพย์สิน บริการ หรือข้อมูลซึ่งได้มาจากการปฏิบัติงาน หรือเป็นผล มาจากการปฏิบัตงิ าน เพอ่ื กิจการอ่นื ใดโดยไมเ่ กย่ี วข้องกบั งานในต�ำแหนง่ หน้าท่ีโดยไม่สมควรอยา่ งเดด็ ขาด ๗. เจ้าหน้าท่ีของรัฐ พึงปฏิบัติมาตรการซึ่งก�ำหนดโดยกฎหมายหรือนโยบายในการบริหาร เพื่อมิให้ ผลประโยชน์จากต�ำแหนง่ หนา้ ทเ่ี ดมิ ของตนโดยไมส่ มควรเม่ือพน้ จากต�ำแหนง่ หน้าทไ่ี ปแลว้ การรับของขวัญหรือของก�ำนัล ๙. เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ไมพ่ งึ เรยี กรอ้ ง หรอื รบั ของขวญั หรอื ของก�ำนลั อน่ื ไมว่ า่ ทางตรงหรอื ทางออ้ ม ซงึ่ อาจ มีอิทธิพลตอ่ การปฏบิ ตั งิ านตามบทบาท การด�ำเนินงานตามหนา้ ทหี่ รือการวินจิ ฉัยของตน หลักสตู รสรา้ งวิทยากรผนู้ �ำ การเปลย่ี นแปลงสู่สงั คมทีไ่ ม่ทนต่อการทุจรติ 29 128

๖. กรณตี วั อยา่ งระบบคิดเพือ่ แยกแยะระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม 30 หลกั สตู รสร้างวิทยากรผูน้ ำ�การเปลยี่ นแปลงส่สู งั คมทไ่ี มท่ นตอ่ การทจุ รติ 129

หลกั สตู รสรา้ งวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปลย่ี นแปลงสสู่ งั คมทไ่ี มท่ นต่อการทจุ รติ 31 130

คิดแบบไหน? ...ไม่ทุจริต คิดได้ - คิดก่อนท�ำ (ก่อนกระท�ำการทจุ ริต) - คิดถงึ ผลเสียผลกระทบตอ่ ประเทศชาติ (ความเสยี หายทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ประเทศในทกุ ๆ ด้าน) - คดิ ถึงผูไ้ ด้รับบทลงโทษจากการทุจรติ (เอามาเปน็ บทเรียน) - คิดถงึ ผลเสยี ผลกระทบท่จี ะเกิดขนึ้ กบั ตนเอง (จะตอ้ งอยู่กบั ความเสีย่ งทจี่ ะถูกร้องเรยี น ถูกลงโทษไลอ่ อกและตดิ คุก) - คดิ ถึงคนรอบข้าง (เสอื่ มเสียต่อครอบครวั และวงศต์ ระกลู ) - คิดอย่างมสี ติสัมปชัญญะ - คิดแบบพอเพยี ง ไม่เบียดเบยี นตนเอง ไม่เบยี ดเบยี นผ้อู ่ืน และ คิดดี ไมเ่ บียดเบยี นประเทศชาติ - คดิ อย่างรับผดิ ชอบตามบทบาทหนา้ ท่ี กฎระเบยี บ - คิดตามคณุ ธรรม ว่า “ท�ำดีได้ดี ท�ำชั่วได้ช่วั ” คดิ เปน็ - คดิ แยกเรื่องประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวมออกจากกนั อยา่ งชัดเจน - คิดแยกเรื่องต�ำแหน่งหน้าที่ กบั เร่อื งสว่ นตวั ออกจากกัน - คิดทจี่ ะไมน่ �ำประโยชน์ส่วนตนกบั ประโยชน์ส่วนรวมมาปะปนกัน มากา้ วกา่ ยกนั - คิดทจ่ี ะไมเ่ อาประโยชนส์ ่วนรวมมาเปน็ ประโยชน์สว่ นตน - คิดทจี่ ะไม่เอาผลประโยชน์ส่วนรวมมาตอบแทนบญุ คุณส่วนตน - คดิ เหน็ แกป่ ระโยชน์ส่วนรวมมากกวา่ ประโยชน์สว่ นตน เครือญาติ และพวกพ้อง - คดิ ฐานสองและท้งิ ฐานสบิ 32 หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผู้นำ�การเปลี่ยนแปลงส่สู ังคมท่ไี ม่ทนต่อการทจุ ริต 131

บรรณานกุ รม ก�ำชยั จงจกั รพนั ธ.์ (ม.ป.ป.). การขดั กนั แหง่ ผลประโยชนแ์ ละมาตรา ๑๐๐ พ.ร.บ. ป.ป.ช.. นนทบรุ :ี ส�ำนกั งาน คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาต.ิ ม.ป.ท.: ม.ป.พ. พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. ๒๕๖๑. (ม.ป.ป.). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต. สืบค้นเม่ือ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐, จาก https://www.nacc.go.th/ more_news.php?cid=๓๖ สทุ ธนิ นั ท์ สารมิ าน. (๒๕๕๒). การก�ำหนดต�ำแหนง่ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ทต่ี อ้ งหา้ มด�ำเนนิ กจิ การอนั เปน็ การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นบคุ คลและประโยชนส์ ว่ นรวม ตามบทบญั ญตั มิ าตรา ๑๐๐ พระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒. (วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบณั ฑิต, ภาควชิ านติ ศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ). สวุ รรณา ตลุ ยวศนิ พงศ์ และคณะ. (๒๕๔๖). รายงานผลการวจิ ยั เรอ่ื งความขดั แยง้ ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชน์ส่วนรวม. กรุงเทพฯ: ส�ำนักงานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน. ส�ำนกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น. (๒๕๕๘). คมู่ อื แนวทางการสรา้ งมาตรฐานความโปรง่ ใสของสว่ น ราชการ. กรุงเทพฯ: ส�ำนกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น. ส�ำนักงานปลดั กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม. (ม.ป.ป.) ค่มู ือการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน. กรุงเทพฯ: ส�ำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม. ส�ำนกั งานปลดั กระทรวงพาณชิ ย์. (๒๕๕๙). คมู่ ือการป้องกนั ผลประโยชน์ทบั ซ้อน. กรุงเทพฯ: ส�ำนกั งานปลัด กระทรวงพาณชิ ย.์ ส�ำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ . (๒๕๕๙). คูม่ อื การป้องกนั ผลประโยชนท์ ับซอ้ น. กรงุ เทพฯ: ส�ำนักงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสขุ . ส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายกรัฐมนตร.ี (๒๕๖๐). คมู่ ือป้องกนั ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น. กรุงเทพฯ: ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ าร ต่อตา้ นการทจุ ริต (ศปท.). หนังสือชดุ ความรกู้ ารเฝา้ ระวังการทุจรติ ของหนว่ ยงานภาครฐั ชดุ ท่ี ๓. (ม.ป.ป). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. หลักสูตรสร้างวทิ ยากรผู้น�ำ การเปล่ยี นแปลงสู่สังคมทีไ่ มท่ นตอ่ การทจุ ริต 33 132

วิชาที่ ๒ ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ ริต หลักสูตรสร้างวทิ ยากรผูน้ ำ�การเปล่ียนแปลงสู่สังคมท่ไี ม่ทนตอ่ การทจุ รติ วชิ าท่ี ๒ : เรื่อง ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจรติ จ�ำนวนชว่ั โมง : ๓ ช่ัวโมง เรื่อง : ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต สาระสำ�คัญ วิชานี้เป็นการเรียนร้เู ก่ียวกบั แนวคิดเกยี่ วกับความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ความเป็นพลเมอื ง ทไี่ มท่ นตอ่ การทจุ รติ การแสดงออกถงึ การไมท่ นตอ่ การทจุ รติ กรณศี กึ ษาปรากฏการณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ในประเทศและ ต่างประเทศ ท่ีสะท้อนถงึ ความอายและความไม่ทนตอ่ การทุจรติ เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นสามารถน�ำไปถ่ายทอดได้อย่าง ถูกต้องและน�ำไปปรบั ใชไ้ ด้อยา่ งเหมาะสมกับผู้เขา้ รับการฝึกอบรม วัตถุประสงค์ ๑. เพ่อื เสรมิ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจ การน�ำไปใช้ การวเิ คราะห์ สังเคราะห์ และการประเมินเกย่ี วกับ ความไมท่ นและความอายต่อการทจุ รติ ๒. เพอ่ื สามารถถา่ ยทอดองคค์ วามรอู้ ยา่ งถกู ตอ้ งในเรอื่ งความอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ใหผ้ เู้ รยี น น�ำไปปรบั ใชไ้ ด้อยา่ งเหมาะสมกับผ้เู ขา้ รับการฝึกอบรม ขอบเขตเนื้อหา ๑. การทุจริต - ความหมาย/รปู แบบการทจุ รติ - สาเหตกุ ารเกดิ การทุจริต - สถานการณก์ ารทจุ รติ ในประเทศไทย - ผลกระทบจากการทุจริตต่อการพัฒนาประเทศ - ทิศทางการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ - กรณีตวั อยา่ งผลทเี่ กิดจากการทุจริต ๒. ความอายต่อการทจุ รติ - ความเป็นพลเมือง - แนวคดิ เกีย่ วกบั ความอายตอ่ การทุจรติ ๓. ความไมท่ นต่อการทจุ รติ แนวคดิ เกีย่ วกับความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ ๔. ตัวอย่างความอายและความไม่ทนตอ่ การทุจรติ การแสดงออกถึงการไม่ทนต่อการทจุ ริต ๕. ลงโทษทางสงั คม 34 หลักสตู รสรา้ งวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปล่ียนแปลงสสู่ ังคมท่ีไม่ทนตอ่ การทุจริต 133

๖. ช่องทางและวธิ ีการรอ้ งเรยี นการทุจรติ ๗. มาตรการค้มุ ครองช่วยเหลอื พยานและการกนั บคุ คลไวเ้ ป็นพยานโดยไม่ด�ำเนนิ คดี - มาตรการค้มุ ครองชว่ ยเหลอื พยาน - การกนั บคุ คลไว้เป็นพยานโดยไม่ด�ำเนนิ คดี - กฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารการใหบ้ �ำเหน็จความชอบ การกันเปน็ พยาน การลดโทษ และการให้ความคมุ้ ครองพยาน พ.ศ. ๒๕๕๓ วิธกี ารฝึกอบรม การบรรยาย การคดิ วิเคราะหก์ รณีศึกษา การท�ำกจิ กรรมกล่มุ การอภปิ รายกลุม่ ส่ือการเรยี นรู้ PowerPoint วดิ ีโอ หรอื สอ่ื อืน่ ๆ ทีเ่ หมาะสม การวดั และประเมินผล การทดสอบเนอื้ หา (๒๐ คะแนน) หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปล่ียนแปลงส่สู งั คมที่ไมท่ นต่อการทจุ ริต 35 134

เนือ้ หาโดยสงั เขป หลักสูตรสรา้ งวทิ ยากรผูน้ �ำการเปลีย่ นแปลงส่สู ังคมทไี่ มท่ นต่อการทุจรติ วชิ าท่ี ๒ : เรือ่ ง ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ จ�ำนวนชว่ั โมง : ๓ ช่ัวโมง รายละเอยี ดเน้อื หา ๑. การทุจรติ ปญั หาการทุจริต เปน็ ปญั หาทสี่ �ำคญั ท้ังของประเทศไทยและประเทศอน่ื ๆ ทวั่ โลก ปัญหาการทจุ ริตจะ ท�ำใหเ้ กิดความเสื่อมในด้านต่าง ๆ เกดิ ข้ึน ทั้งสงั คม เศรษฐกิจ การเมือง และนับวนั ปญั หาดังกล่าวกจ็ ะรนุ แรง มากขน้ึ และมรี ปู แบบการทจุ รติ ทซี่ บั ซอ้ น ยากแกก่ ารตรวจสอบมากขน้ึ จากเดมิ ทก่ี ระท�ำเพยี งสองฝา่ ย ปจั จบุ นั การทจุ รติ จะกระท�ำกนั หลายฝา่ ย ทงั้ ผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมอื ง เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั และเอกชน โดยประกอบดว้ ย สองส่วนใหญ่ ๆ คือ ผู้ให้ผลประโยชน์กับผูร้ บั ผลประโยชน์ ซ่งึ ท้ังสองฝ่ายน้จี ะมผี ลประโยชนร์ ่วมกัน ตราบใดท่ี ผลประโยชนส์ มเหตสุ มผลตอ่ กนั กจ็ ะน�ำไปสปู่ ญั หาการทจุ รติ ได้ บางครง้ั ผทู้ รี่ บั ผลประโยชนก์ เ็ ปน็ ผใู้ หป้ ระโยชน์ ไดเ้ ชน่ กนั โดยผรู้ บั ผลประโยชน์และผ้ใู หผ้ ลประโยชน์ คอื ผรู้ บั ผลประโยชน์ จะเปน็ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ซง่ึ มอี �ำนาจหนา้ ทใ่ี นการกระท�ำ การด�ำเนนิ การตา่ ง ๆ และรบั ประโยชนจ์ ะเป็นไปในรปู แบบต่าง ๆ เชน่ การจัดซอื้ จดั จ้าง การเรยี กรบั ประโยชน์โดยตรง การก�ำหนดระเบยี บ หรอื คณุ สมบัตทิ ่เี ออื้ ตอ่ ตนเองและพวกพ้อง ผใู้ ห้ผลประโยชน์ เชน่ ภาคเอกชน โดยการเสนอผลตอบแทนในรูปแบบตา่ ง ๆ เช่น เงิน สิทธพิ เิ ศษอน่ื ๆ เพื่อจูงใจให้นักการเมือง เจ้าหน้าท่ีของรัฐ กระท�ำการหรือไม่กระท�ำการอย่างใดอย่างหนึ่งในต�ำแหน่งหน้าที่ ซึ่งการกระท�ำดังกลา่ วเปน็ การกระท�ำทีฝ่ ่าฝนื ตอ่ ระเบยี บหรือผิดกฎหมาย เป็นต้น ๑.๑ ทุจรติ คอื อะไร ค�ำวา่ ทจุ รติ มกี ารใหค้ วามหมายไดม้ ากมายหลากหลาย ขน้ึ อยกู่ บั วา่ จะมกี ารใหค้ วามหมายดงั กลา่ วไวว้ า่ อย่างไร โดยท่ีค�ำว่าทุจริตนน้ั จะมีการใหค้ วามหมายโดยหนว่ ยงานของรฐั หรอื การใหค้ วามหมายโดยกฎหมาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการให้ความหมายจากแหล่งใด เน้ือหาส�ำคัญของค�ำว่าทุจริตก็ยังคงมีความหมายท่ีสอดคล้อง กนั อยู่ นัน่ คือ การทุจรติ เป็นสิ่งทไ่ี ม่ดี มกี ารแสวงหาหรือเอาผลประโยชนข์ องส่วนรวม มาเป็นของสว่ นตัว ทงั้ ๆ ทต่ี นเองไมไ่ ด้มสี ิทธิในสิง่ ๆ นน้ั การยดึ ถือเอามาดงั กลา่ วจึงถอื เป็นสิ่งท่ีผิดท้งั ในแงข่ องกฎหมายและศลี ธรรม ในแงข่ องกฎหมายนนั้ ประเทศไทยได้มีการก�ำหนดถงึ ความหมายของการทจุ ริตไวห้ ลกั ๆ ในกฎหมาย ๒ ฉบับ คือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑ (๑) “โดยทุจริต” หมายถึง “เพ่ือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ โดยชอบด้วยกฎหมายส�ำหรับตนเองหรอื ผู้อ่นื ” พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔ ค�ำวา่ “ทจุ ริตตอ่ หน้าที่” หมายถงึ “ปฏิบัติหรือละเวน้ การปฏบิ ัติอย่างใดในต�ำแหนง่ หรือหนา้ ทหี่ รือ 36 หลกั สตู รสรา้ งวิทยากรผูน้ ำ�การเปลีย่ นแปลงส่สู งั คมทีไ่ มท่ นตอ่ การทุจรติ 135

ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ ท่ีอาจท�ำให้ผู้อ่ืนเชื่อว่ามีต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีทั้งท่ีตนมิได้มี ต�ำแหน่งหรือหน้าที่นั้น หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ ส�ำหรับตนเองหรือผูอ้ นื่ ” นอกจากนี้ ค�ำว่าทุจริต ยังได้มีการบัญญัติให้ความหมายเอาไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยระบไุ ว้วา่ ทจุ ริต หมายถึง “ความประพฤติชั่ว คดโกง ฉอ้ โกง” ในค�ำภาษาองั กฤษ ค�ำวา่ ทจุ ริตจะตรงกับค�ำวา่ Corruption (คอร์รัปชนั ) โดยในประเทศไทยมกั มีการ กลา่ วถงึ ค�ำว่าคอรร์ ัปชันมากกวา่ การใชค้ �ำว่าทุจริต โดยการทุจริตนส้ี ามารถใช้ได้กับทกุ ทไี่ มว่ ่าจะเป็นหนว่ ยงาน ราชการ หนว่ ยงานของเอกชน หากเกดิ กรณีการยดึ เอา ถือเอาซ่งึ ประโยชน์สว่ นตนมากกว่าสว่ นรว่ ม ไมค่ �ำนึง ถงึ วา่ สง่ิ ๆ นนั้ เปน็ ของตนเอง หรอื เปน็ สทิ ธทิ ตี่ นเองควรจะไดม้ าหรอื ไมแ่ ลว้ นน้ั กจ็ ะเรยี กไดว้ า่ เปน็ การทจุ รติ เชน่ การทุจรติ ในการเบกิ จา่ ยเงิน ไม่ว่าจะเกิดข้นึ ในหนว่ ยงานของรัฐหรอื ของเอกชน การกระท�ำเชน่ นี้ กถ็ อื เปน็ การ ทจุ รติ อย่างไรก็ตาม เน่ืองจากคอร์รัปชันมิได้เกิดเฉพาะในวงราชการเท่าน้ัน ดังนั้น ในอีกมุมหนึ่งคอร์รัปชัน จึงตอ้ งหมายรวมถึงการแสวงหาผลประโยชน์ของภาคธรุ กจิ เอกชน ในรูปของการให้สินบนหรือสงิ่ ตอบแทนแก่ นกั การเมอื งหรอื ขา้ ราชการเพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซง่ึ ผลประโยชนท์ ต่ี นเองอยากไดใ้ นรปู แบบของการประมลู การสมั ปทาน เป็นต้น รูปแบบเหล่านี้จะสามารถสร้างก�ำไรให้แก่ภาคเอกชนเป็นจ�ำนวนมาก หากภาคเอกชนสามารถเข้ามา ด�ำเนินงานได้ รวมถึงการท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีความต้องการทรัพย์สิน ประโยชน์อ่ืนนอกเหนือจากส่ิงท่ีได้รับ ตามปกติ เมือ่ เหตุผลของท้ังสองฝ่ายสามารถบรรจบหากันได้ การทุจรติ กเ็ กดิ ข้นึ ได้ จากนยิ ามของการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ไมเ่ พยี งแตจ่ ะกนิ ความถงึ การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ในระบบราชการเทา่ นน้ั แต่ยงั ครอบคลุมไปถงึ เรือ่ งกจิ กรรมทางการเมอื ง เศรษฐกิจและสงั คมในภาคเอกชนอกี ดว้ ย ซึง่ อาจกล่าว ได้ว่าการทุจริตคอร์รัปชัน คือ การทจุ รติ และ การประพฤตมิ ิชอบของขา้ ราชการ ดังนั้น การทจุ รติ คือ การคดโกง ไมซ่ ื่อสตั ย์สุจริต การกระท�ำทผี่ ิดกฎหมาย เพ่ือให้เกิดความไดเ้ ปรยี บ ในการแข่งขัน การใช้อ�ำนาจหน้าท่ีในทางที่ผิดเพ่ือแสวงหาประโยชน์หรือให้ได้รับสิ่งตอบแทน การให้หรือ การรับสนิ บน การก�ำหนดนโยบายท่ีเอ้อื ประโยชน์แกต่ นหรือพวกพ้องรวมถึงการทุจริตเชงิ นโยบาย ๑.๒ รูปแบบการทุจริต รูปแบบการทจุ รติ ทเี่ กิดขน้ึ สามารถแบง่ ได้ ๓ ลักษณะ คือ แบ่งตามผูท้ ี่เกย่ี วขอ้ ง แบง่ ตามกระบวนการ ทใ่ี ช้ และแบง่ ตามลกั ษณะรูปธรรม ดงั น้ีคือ ๑) แบ่งตามผู้ท่ีเก่ียวข้อง เป็นรูปแบบการทุจริตในเร่ืองของอ�ำนาจและความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ ระหว่างผู้ที่ให้การอุปถัมภ์ (ผู้ให้การช่วยเหลือ) กับผู้ถูกอุปถัมภ์ (ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ) โดยในกระบวนการ การทุจรติ จะมี ๒ ประเภทคือ (๑) การทุจริตโดยข้าราชการ หมายถึง การกระท�ำท่ีมีการใช้หน่วยงานราชการเพ่ือมุ่งแสวงหา ผลประโยชน์จากการปฏิบัติงานของหน่วยงานนั้น ๆ มากกว่าประโยชน์ส่วนรวมของสังคมหรือประเทศ โดยลักษณะของการทุจรติ โดยข้าราชการสามารถแบง่ ออกเป็น ๒ ประเภทย่อย ดงั น้ี ก) การคอรร์ ปั ชันตามน�้ำ (corruption without theft) จะปรากฏขึน้ เม่ือเจ้าหน้าทีข่ องรัฐ ตอ้ งการสนิ บนโดยใหม้ กี ารจา่ ยตามชอ่ งทางปกตขิ องทางราชการ แตใ่ หเ้ พมิ่ สนิ บนรวมเขา้ ไวก้ บั การจา่ ยคา่ บรกิ าร ของหน่วยงานน้ัน ๆ โดยที่เงินค่าบริการปกติท่ีหน่วยงานนั้นจะต้องได้รับก็ยังคงได้รับต่อไป เช่น การจ่ายเงิน หลักสตู รสร้างวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปลีย่ นแปลงสสู่ งั คมทไ่ี มท่ นต่อการทุจรติ 37 136

พเิ ศษใหแ้ กเ่ จา้ หน้าทใ่ี นการออกเอกสารต่าง ๆ นอกเหนือจากคา่ ธรรมเนียมปกติทต่ี ้องจา่ ยอยูแ่ ล้ว เปน็ ตน้ ข) การคอรร์ ปั ชนั ทวนนำ้� (corruption with theft) เปน็ การคอรร์ ปั ชนั ในลกั ษณะทเ่ี จ้าหนา้ ที่ ของรฐั จะเรยี กรอ้ งเงนิ จากผขู้ อรบั บรกิ ารโดยตรง โดยทหี่ นว่ ยงานนน้ั ไมไ่ ดม้ กี ารเรยี กเกบ็ เงนิ คา่ บรกิ ารแตอ่ ยา่ งใด เชน่ ในการออกเอกสารของหน่วยงานราชการไมไ่ ด้มกี ารก�ำหนดให้ต้องเสยี ค่าใช้จา่ ยในการด�ำเนนิ การ แต่กรณี นมี้ ีการเรยี กเก็บคา่ ใชจ้ า่ ยจากผทู้ ม่ี าใชบ้ ริการของหนว่ ยงานของรฐั (๒) การทุจริตโดยนักการเมือง (political corruption) เป็นการใช้หน่วยงานของทางราชการ โดยบรรดานกั การเมอื งเพอ่ื มงุ่ แสวงหาผลประโยชนใ์ นทางการเงนิ มากกวา่ ประโยชนส์ ว่ นรวมของสงั คมหรอื ประเทศ เชน่ เดยี วกัน โดยรปู แบบหรอื วธิ ีการท่วั ไปจะมลี ักษณะเชน่ เดยี วกับการทจุ ริตโดยข้าราชการ แตจ่ ะเป็นในระดับ ทส่ี งู กว่า เชน่ การทุจรติ ในการประมูลโครงการก่อสรา้ งขนาดใหญ่ และมกี ารเรียกรับ หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชน์ต่าง ๆ จากภาคเอกชน เปน็ ต้น ๒) แบง่ ตามกระบวนการทใี่ ช้ มี ๒ ประเภท คอื (๑) เกดิ จากการใชอ้ �ำนาจในการก�ำหนด กฎ กตกิ าพน้ื ฐาน เช่น การออกกฎหมาย และกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่ออ�ำนวยประโยชน์ต่อกลุ่มธุรกิจของตนหรือพวกพ้อง และ (๒) เกิดจากการใช้อ�ำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากกฎ และระเบียบท่ีด�ำรงอยู่ ซ่ึงมักเกิดจากความ ไม่ชัดเจนของกฎและระเบียบเหล่าน้ันที่ท�ำให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้ความคิดเห็นของตนได้ และการใช้ความคิด เห็นน้ันอาจไม่ถูกตอ้ งหากมกี ารใชไ้ ปในทางท่ีผดิ หรอื ไมย่ ุติธรรมได้ ๓) แบ่งตามลักษณะรูปธรรม มที ง้ั หมด ๔ รปู แบบคือ (๑) คอร์รัปชันจากการจัดซื้อจัดหา (Procurement Corruption) เช่น การจัดซื้อส่ิงของใน หน่วยงาน โดยมกี ารคดิ ราคาเพิม่ หรือลดคณุ สมบตั แิ ต่ก�ำหนดราคาซื้อไวเ้ ทา่ เดิม (๒) คอร์รัปชันจากการให้สัมปทานและสิทธิพิเศษ (Concessionaire Corruption) เช่น การให้ เอกชนรายใดรายหนึง่ เข้ามามสี ิทธิในการจัดท�ำสมั ปทานเป็นกรณีพิเศษต่างกับเอกชนรายอ่ืน (๓) คอร์รัปชันจากการขายสาธารณสมบตั ิ (Privatization Corruption) เช่น การขายกิจการของ รฐั วิสาหกจิ หรอื การยกเอาทดี่ นิ ทรัพยส์ นิ ไปเปน็ สิทธิการครอบครองของต่างชาติ เปน็ ตน้ (๔) คอรร์ ปั ชนั จากการก�ำกบั ดแู ล (Regulatory Corruption) เชน่ การก�ำกบั ดแู ลในหนว่ ยงานแลว้ ท�ำการทจุ ริตต่าง เป็นตน้ นักวิชาการท่ีได้ศึกษาเกี่ยวกับปัญหาการทุจริต ได้มีการก�ำหนดหรือแบ่งประเภทของการทุจริตเป็น รปู แบบตา่ ง ๆ ไว้ เชน่ การวจิ ยั ของรองศาสตราจารย์ ดร.นวลนอ้ ย ตรรี ตั น์ และคณะ ไดแ้ บง่ การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ออกเป็น ๓ รูปแบบ ได้แก่ ๑) การใช้อ�ำนาจในการอนุญาตให้ละเว้นจากการปฏิบัติตามกฎระเบียบของรัฐ เพ่ือลดตน้ ทนุ การท�ำธุรกิจ ๒) การใช้อ�ำนาจในการจัดสรรผลประโยชน์ในรปู ของสง่ิ ของ และบรกิ าร หรือสิทธิ ให้แก่เอกชน และ ๓) การใช้อ�ำนาจในการสร้างอุปสรรคในการให้บริการแก่ภาคประชาชนและภาคธุรกิจ เนอ่ื งจากเงนิ เดอื นและผลตอบแทนในระบบราชการตำ่� เกนิ ไปจนขาดแรงจูงใจในการท�ำงาน นอกจากนี้ จากผลการสอบสวนและศกึ ษาเร่อื งการทจุ รติ ของคณะกรรมการวสิ ามัญพิจารณาสอบสวน และศึกษาเร่ืองเกี่ยวกับการทุจริตของวุฒิสภา (วิชา มหาคุณ) มีการแบ่งรูปแบบการทุจริตคอร์รัปช่ันออกเป็น ๕ ประเภท ได้แก่ 38 หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ ำ�การเปลย่ี นแปลงสสู่ งั คมทไี่ ม่ทนต่อการทุจริต 137

๑) การทจุ รติ เชิงนโยบาย เป็นรูปแบบใหมข่ องการทจุ รติ ท่แี ยบยล โดยอาศัยรูปแบบของกฎหมายหรือมติของคณะรฐั มนตรี หรือ มติของคณะกรรมการเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ ท�ำให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าเป็น การกระท�ำทถ่ี กู ต้องชอบธรรม ๒) การทจุ ริตตอ่ ต�ำแหน่งหน้าทีร่ าชการ เปน็ การใชอ้ �ำนาจและหนา้ ทใี่ นความรบั ผดิ ชอบของตนในฐานะเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั เออื้ ประโยชนใ์ หแ้ กต่ นเอง หรอื บคุ คลใดบคุ คลหนง่ึ หรอื กลมุ่ ใดกลมุ่ หนงึ่ ปจั จบุ นั มกั เกดิ จากความรว่ มมอื กนั ระหวา่ งนกั การเมอื ง พอ่ คา้ และ ข้าราชการประจ�ำ ๓) การทุจรติ ในการจดั ซอ้ื จดั จา้ ง การทจุ รติ ประเภทนจี้ ะพบไดท้ ง้ั รปู แบบของการสมยอมราคา ตง้ั แตข่ นั้ ตอนการออกแบบ ก�ำหนดรายละเอยี ด หรือสเป็กงาน ก�ำหนดเง่ือนไข ค�ำนวณราคากลาง ออกประกาศประกวดราคา การขายแบบ การรับและ เปดิ ซอง การประกาศผล การอนมุ ตั ิ การท�ำสญั ญาทกุ ขนั้ ตอนของกระบวนการจดั ซอ้ื จดั จา้ งลว้ นมชี อ่ งโหวใ่ หม้ กี าร ทจุ ริตกันได้อยา่ งง่าย ๆ นอกจากน้ี ยงั มกี ารทุจริตท่มี าเหนือเมฆ คอื การอาศยั ความเปน็ หน่วยงานราชการดว้ ย กัน จึงไดร้ บั การยกเวน้ และการไมถ่ ูกเพง่ เล็ง แต่ความจริง ผลประโยชน์จากการรับงานและเงนิ ทไ่ี ด้จากการรบั งานไมไ่ ดน้ �ำสง่ กระทรวงการคลงั แตเ่ ปน็ ผลประโยชนข์ องกลมุ่ บคุ คล ซงึ่ ไมแ่ ตกตา่ งอะไรกบั การจา้ งบรษิ ทั เอกชน ๔) การทุจรติ ในการให้สัมปทาน เปน็ การแสวงหาหรอื เออ้ื ประโยชนโ์ ดยมชิ อบจากโครงการหรอื กจิ การของรฐั ซง่ึ รฐั ไดอ้ นญุ าตหรอื มอบให้ เอกชนด�ำเนินการแทนใหล้ กั ษณะสมั ปทานผกู ขาดในกจิ การใดกิจการหน่ึง เช่น การท�ำสัญญาสัมปทานโรงงาน สุรา การท�ำสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม เปน็ ต้น ๕) การทุจรติ โดยการท�ำลายระบบตรวจสอบการใชอ้ �ำนาจรัฐ เปน็ การพยายามด�ำเนนิ การใหไ้ ดบ้ คุ คลซง่ึ มสี ายสมั พนั ธก์ บั ผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมอื งในอนั ทจี่ ะเขา้ ไป ด�ำรงต�ำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญซ่ึงมีอ�ำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้อ�ำนาจรัฐ เช่น คณะ กรรมการการเลือกตง้ั คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ เป็นตน้ ท�ำให้องค์กรเหล่านี้ มคี วามอ่อนแอ ไมส่ ามารถตรวจสอบการใหอ้ �ำนาจรัฐไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ ๑.๓ สาเหตุที่ท�ำให้เกิดการทจุ ริต จากการศกึ ษาวจิ ยั โครงการประเมนิ สถานการณ์ด้านการทุจริตในประเทศไทยของเสาวนยี ์ ไทยรุง่ โรจน์ ได้ระบุ เง่อื นไข/สาเหตุท่ที �ำใหเ้ กิดการทจุ รติ คอรร์ ัปช่นั อาจมาจากสาเหตุภายในหรอื สาเหตภุ ายนอก ดังนี้ (๑) ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ พฤติกรรมส่วนตัวของข้าราชการบางคนที่เป็นคนโลภมาก เห็นแก่ได้ ไมร่ จู้ กั พอ ความเคยชินของขา้ ราชการที่คุ้นเคยกบั การท่ีจะได้ “ค่านำ้� รอ้ นน�ำ้ ชา” หรอื “เงินใตโ้ ตะ๊ ” จากผูม้ า ติดต่อราชการ ขาดจติ ส�ำนึกเพอ่ื ส่วนรวม (๒) ปจั จยั ภายนอก ประกอบด้วย ๑) ดา้ นเศรษฐกจิ ไดแ้ ก่ รายไดข้ องขา้ ราชการนอ้ ยหรอื ตำ่� มากไมไ่ ดส้ ดั สว่ นกบั คา่ ครองชพี ทสี่ งู ขน้ึ การเตบิ โตของระบบทนุ นยิ มทเ่ี นน้ การบรโิ ภค สรา้ งนสิ ยั การอยากได้ อยากมี เมอื่ รายไดไ้ มเ่ พยี งพอกต็ อ้ งหาทาง ใช้อ�ำนาจไปทจุ รติ หลกั สูตรสร้างวทิ ยากรผู้น�ำ การเปล่ยี นแปลงสสู่ งั คมทไ่ี มท่ นตอ่ การทุจริต 39 138

๒) ดา้ นสงั คม ได้แก่ คา่ นยิ มของสงั คมทยี่ กยอ่ งคนมเี งิน คนร่ำ� รวย และไม่สนใจว่าเงนิ นนั้ ไดม้ า อย่างไร เกิดลัทธิเอาอย่าง อยากไดส้ ิ่งท่ีคนรวยมี เมื่อเงินเดอื นของตนไมเ่ พียงพอ ก็หาโดยวิธีมชิ อบ ๓) ด้านวัฒนธรรม ได้แก่ การนิยมจ่ายเงินของนักธุรกิจให้กับข้าราชการท่ีต้องการความสะดวก รวดเร็ว หรอื การบริการทด่ี กี ว่าดว้ ยการลดต้นทุนทีจ่ ะต้องปฏิบตั ติ ามระเบยี บ ๔) ดา้ นการเมอื ง ได้แก่ การทจุ ริตของข้าราชการแยกไม่ออกจากนกั การเมือง การรว่ มมอื ของคน สองกลุม่ นี้เกดิ ขึ้นได้ในประเดน็ การใชจ้ ่ายเงนิ การหารายไดแ้ ละการตดั สนิ พิจารณาโครงการของรัฐ ๕) ดา้ นระบบราชการ ได้แก่ - ความบกพรอ่ งในการบริหารงานเปดิ โอกาสใหเ้ กิดการทจุ ริต - การใชด้ ุลพนิ ิจมากและการผกู ขาดอ�ำนาจจะท�ำใหอ้ ตั ราการทจุ รติ ในหน่วยงานสูง - การที่ขั้นตอนของระเบียบราชการมมี ากเกนิ ไป ท�ำใหผ้ ้ทู ไี่ ปติดตอ่ ตอ้ งเสยี เวลามาก จงึ เกดิ การสมยอมกันระหวา่ งผู้ใหก้ ับผ้รู บั - การตกอยใู่ ตภ้ าวะแวดลอ้ มและอทิ ธพิ ลของผทู้ จุ รติ มที างเปน็ ไปไดท้ ผี่ นู้ นั้ จะท�ำการทจุ รติ ดว้ ย - การรวมอ�ำนาจ ระบบราชการมลี กั ษณะทรี่ วมศนู ย์ ท�ำใหไ้ มม่ รี ะบบตรวจสอบทเ่ี ปน็ จรงิ และ มปี ระสทิ ธิภาพ - ต�ำแหน่งหน้าท่ีในลักษณะอ�ำนวยต่อการกระท�ำผิด เช่น อ�ำนาจในการอนุญาต การอนุมัติ จัดซ้ือจดั จ้าง ผู้ประกอบการเอกชนมักจะยอมเสียเงนิ ตดิ สินบนเจา้ หนา้ ทีเ่ พ่อื ใหเ้ กิดความสะดวกและรวดเรว็ - การที่ข้าราชการผู้ใหญ่ทุจริตให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วไม่ถูกลงโทษ ข้าราชการช้ันผู้น้อยจึง เลยี นแบบกลายเปน็ ความเคยชนิ และมองไมเ่ หน็ วา่ การกระท�ำเหลา่ นนั้ จะเปน็ การคอรร์ ปั ชนั่ หรอื มคี วามสบั สน ระหวา่ งสนิ น�ำ้ ใจกับคอรร์ ัปชน่ั แยกออกจากกนั ๖) กฎหมายและระเบยี บ ได้แก่ - กฎหมายหลายฉบับทใ่ี ชอ้ ย่ยู งั มี “ชอ่ งโหว”่ ท่ที �ำใหเ้ กดิ การทุจริตทดี่ �ำรงอยไู่ ด้ - การทุจริตไม่ได้เป็นอาชญากรรมให้คู่กรณีทั้งสองฝ่าย หาพยานหลักฐานได้ยาก ย่ิงกว่าน้ัน คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมักไม่ค่อยมีฝ่ายใดยอมเปิดเผยออกมา และถ้าหากมีฝ่ายใดต้องการที่จะเปิดเผยความจริง ในเรอื่ งน้ี กฎหมายหมน่ิ ประมาทก็ยบั ยัง้ เอาไว้ อีกทัง้ กฎหมายของทกุ ประเทศเอาผิดกบั บุคคลผูใ้ หส้ นิ บนเท่า ๆ กับผู้รบั สินบน จึงไมค่ อ่ ยมีผู้ให้สนิ บนรายใดกล้าด�ำเนินคดีกบั ผู้รับสินบน - ราษฎรท่ีรู้เห็นการทุจริตก็เป็นโจทก์ฟ้องร้องมิได้เน่ืองจากไม่ใช่ผู้เสียหาย ยิ่งกว่าน้ัน กระบวนการพิจารณาพิพากษายังยงุ่ ยากซับซอ้ นจนกลายเปน็ ผลดีแก่ผู้ทุจริต - ขน้ั ตอนทางกฎหมายหรอื ระเบียบปฏบิ ตั ิยุ่งยาก ซับซอ้ น มีขนั้ ตอนมาก ท�ำใหเ้ กดิ ชอ่ งทาง ให้ข้าราชการหาประโยชน์ได้ ๗) การตรวจสอบ ได้แก่ - ภาคประชาชนขาดความเข้มแข็ง ท�ำให้กระบวนการต่อต้านการทุจริตจากฝ่ายประชาชน ไมเ่ ข้มแขง็ เท่าทคี่ วร - การขาดการควบคมุ ตรวจสอบ ของหนว่ ยงานทม่ี หี นา้ ทตี่ รวจสอบหรอื ก�ำกบั ดแู ลอยา่ งจรงิ จงั 40 หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผูน้ ำ�การเปล่ียนแปลงสสู่ ังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต 139

๘) สาเหตอุ ื่น ๆ - อิทธิพลของภรรยาหรือผู้หญิง เน่ืองจากเป็นผู้ใกล้ชิดสามีอันเป็นตัวการส�ำคัญท่ีสนับสนุน และส่งเสริมใหส้ ามีของตนท�ำการทุจรติ เพ่ือความเปน็ อยขู่ องครอบครวั - การพนนั ท�ำใหข้ ้าราชการทีเ่ สียพนนั มแี นวโน้มจะทจุ รติ มากข้ึน ๑.๔ ระดับการทจุ ริตในประเทศไทย ๑) การทจุ รติ ระดบั ชาติ เปน็ รปู แบบการทจุ รติ ของนกั การเมอื งทใี่ ชอ้ �ำนาจในการบรหิ ารราชการ รวมถงึ อ�ำนาจนิติบัญญัติ เป็นเคร่ืองมือในการออกกฎหมาย แก้ไขกฎหมาย การออกนโยบายต่าง ๆ โดยการอาศัย ช่องวา่ งทางกฎหมาย ๒) การทุจริตในระดับท้องถ่ิน การบริหารราชการในรูปแบบท้องถ่ินเป็นการกระจายอ�ำนาจเพื่อให้ บริการต่าง ๆ ของรัฐสามารถตอบสนองตอ่ ความต้องการของประชาชนได้มากข้ึน แต่การด�ำเนนิ การในรปู แบบ ของท้องถิ่นกก็ ่อให้เกดิ ปญั หาการทจุ รติ เปน็ จ�ำนวนมาก ผบู้ รหิ ารท้องถน่ิ จะเปน็ นกั การเมืองทอ่ี ย่ใู นทอ้ งถิน่ นนั้ หรือนกั ธุรกิจทีป่ รับบทบาทตนเองมาเป็นนักการเมอื ง และเม่อื เป็นนกั การเมือง เปน็ ผบู้ ริหารทอ้ งถน่ิ แลว้ กเ็ ป็น โอกาสในการแสวงหาผลประโยชน์ส�ำหรบั ตนเองและพวกพอ้ งได้ ระดับการทุจริตในประเทศไทยที่แบ่งออกเป็นระดับชาติและระดับท้องถ่ินส่วนใหญ่มักจะมีรูปแบบการ ทุจริตที่คล้ายกัน เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การประมูล การซื้อขายต�ำแหน่ง โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่นท่ีมีข่าว จ�ำนวนมากเกยี่ วกบั ผบู้ รหิ ารทอ้ งถนิ่ เรยี กรบั ผลประโยชนใ์ นการปรบั เปลยี่ นต�ำแหนง่ หรอื เลอื่ นต�ำแหนง่ เปน็ ตน้ โดยการทุจริตท่ีเกิดขึ้นอาจจะไม่ใช่การทุจริตท่ีเป็นตัวเงินให้เห็นได้ชัดเจนเท่าใด แต่จะแฝงตัวอยู่ในรูปแบบ ต่าง ๆ หากไม่พจิ ารณาใหด้ แี ลว้ อาจมองได้ว่าการกระท�ำดังกล่าวไมใ่ ช่การทจุ ริต แต่แทจ้ ริงแล้วการกระท�ำนน้ั เปน็ การทจุ รติ อยา่ งหนงึ่ และรา้ ยแรงมากพอทจี่ ะสง่ ผลกระทบ และกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายตอ่ สงั คม ประเทศชาตไิ ด้ เชน่ กนั ตวั อยา่ งเชน่ การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านซง่ึ ผบู้ งั คบั บญั ชาใหค้ ะแนนประเมนิ พเิ ศษแกล่ กู นอ้ งทตี่ นเอง ชอบ ท�ำให้ได้รับเงินเดือนในอัตราที่สูงกว่าความเป็นจริงที่บุคคลนั้นควรจะได้รับ เป็นต้น การกระท�ำดังกล่าว ถอื เปน็ ความผดิ ทางวนิ ยั ซงึ่ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั จะมบี ทบญั ญตั เิ กย่ี วกบั ประมวลจรยิ ธรรมขา้ ราชการพลเรอื นใหย้ ดึ ถอื ปฏิบัติอยูแ่ ลว้ ๑.๕ สถานการณ์การทจุ รติ ของประเทศไทย การทุจริตท่ีเกิดข้ึนย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หากประเทศใดมีการทุจริตน้อยจะส่งผลให้ ประเทศน้ันมีความเป็นอยู่ที่ดี นักลงทุนมีความต้องการท่ีจะมาลงทุนในประเทศ ซ่ึงหมายถึงเศรษฐกิจของ ประเทศจะสามารถพัฒนาไปได้อย่างต่อเน่ือง แต่หากมีการทุจริตเป็นจ�ำนวนมากนักธุรกิจย่อมไม่กล้าที่จะ ลงทุนในประเทศนั้น ๆ เนือ่ งจากต้องเสียค่าใชจ้ า่ ยในการท�ำธุรกจิ ทมี่ ากกว่าปกติ แตห่ ากสามารถด�ำเนนิ ธรุ กจิ ดงั กลา่ วได้ ผลทเ่ี กดิ ขนึ้ ยอ่ มตกแกผ่ บู้ รโิ ภคทจี่ ะตอ้ งซอื้ สนิ คา้ และบรกิ ารทมี่ รี าคาสงู หรอื อกี กรณหี นง่ึ คอื การใช้ สินค้าและบรกิ ารทไ่ี มม่ คี ุณภาพ ดังนน้ั จึงไดม้ กี ารวดั และจัดอนั ดบั ประเทศต่าง ๆ เพอื่ บง่ บอกถงึ สถานการณ์ การทจุ รติ ซงึ่ การทจุ รติ ทผี่ า่ นมานอกจากจะพบเหน็ ขา่ วการทจุ รติ ดว้ ยตนเอง และผา่ นสอื่ ตา่ ง ๆ แลว้ ยงั มตี วั ชวี้ ดั ที่ส�ำคัญอีกตัวหนึ่งท่ีได้รับการยอมรับ คือ ตัวช้ีวัดขององค์กรเพ่ือความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI) ได้จดั อันดับดชั นีการรบั รูก้ ารทุจริต ประจ�ำปี ๒๕๖๐ พบว่า ประเทศไทยได้ ๓๗ คะแนน จากคะแนนเตม็ ๑๐๐ คะแนน อยอู่ ันดบั ท่ี ๙๖ จากการจดั อนั ดบั ทั้งหมด ๑๘๐ ประเทศท่วั โลก หากเทียบกบั ปี ๒๕๕๙ ประเทศไทยได้คะแนน ๓๕ คะแนน อยูล่ �ำดบั ที่ ๑๐๑ เท่ากบั วา่ ประเทศไทย มีคะแนนความโปร่งใส ดีขึ้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยยังมีการทุจริตคอร์รัปชันอยู่ในระดับสูงซ่ึงสมควรได้รับการแก้ไขอย่าง เรง่ ด่วน โดยคะแนนของประเทศไทยมีดังตารางนี้ หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผูน้ �ำ การเปล่ียนแปลงสู่สังคมทีไ่ มท่ นต่อการทจุ รติ 41 140

ตารางที่ ๑ แสดงคา่ คะแนนดัชนีการรับรูก้ ารทจุ รติ ของประเทศไทย ระหว่างปี ๒๕๔๗-๒๕๖๐ ปี พ.ศ. คะแนน อนั ดับ จ�ำนวนประเทศ ๒๕๔๗ ๓.๖๐ (คะแนนเต็ม ๑๐) ๖๔ ๑๔๖ ๒๕๔๘ ๓.๘๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๕๙ ๑๕๙ ๒๕๔๙ ๓.๖๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๖๓ ๑๖๓ ๒๕๕๐ ๓.๓๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๘๔ ๑๗๙ ๒๕๕๑ ๓.๕๐ (คะแนนเต็ม ๑๐) ๘๐ ๑๘๐ ๒๕๕๒ ๓.๔๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๘๔ ๑๘๐ ๒๕๕๓ ๓.๕๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๗๘ ๑๗๘ ๒๕๕๔ ๓.๔๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๘๐ ๑๘๓ ๒๕๕๕ ๓๗ (คะแนนเตม็ ๑๐๐) ๘๘ ๑๗๖ ๒๕๕๖ ๓๕ (คะแนนเต็ม ๑๐๐) ๑๐๒ ๑๗๗ ๒๕๕๗ ๓๘ (คะแนนเต็ม ๑๐๐) ๘๕ ๑๗๕ ๒๕๕๘ ๓๘ (คะแนนเตม็ ๑๐๐) ๗๖ ๑๖๘ ๒๕๕๙ ๓๕ (คะแนนเตม็ ๑๐๐) ๑๐๑ ๑๗๖ ๒๕๖๐ ๓๗ (คะแนนเต็ม ๑๐๐) ๙๖ ๑๘๐ และเมอ่ื จดั อนั ดบั ประเทศในกลมุ่ อาเซยี น จ�ำนวน ๑๐ ประเทศ เพอื่ เปรยี บเทยี บดชั นรี บั รกู้ ารทจุ รติ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ประเทศสงิ คโปรย์ งั คงอนั ดบั หน่ึงในกลมุ่ อาเซียนเชน่ เดียวกบั ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามตารางด้านล่างนี้ ตารางท่ี ๒ แสดงค่าคะแนนดัชนกี ารรับรู้การทุจรติ ประจ�ำปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ในภูมภิ าคอาเซียน อันดับประเทศ ประเทศ คะแนนปี ๒๕๖๐ คะแนนปี ๒๕๕๙ คะแนนปี ๒๕๕๘ ในอาเซียน สงิ คโปร์ ๘๔ ๘๔ ๘๕ ๑ บรูไน ๖๒ ๕๘ - ๒ มาเลเซีย ๔๗ ๔๙ ๕๐ ๓ อินโดนเี ซยี ๓๗ ๓๗ ๓๖ ๔ ไทย ๓๗ ๓๕ ๓๘ ๕ เวียดนาม ๓๕ ๓๓ ๓๑ ๖ ฟลิ ิปปนิ ส์ ๓๔ ๓๕ ๓๕ ๗ พม่า ๓๐ ๒๘ ๒๒ ๘ ลาว ๒๙ ๓๐ ๒๖ ๙ กัมพชู า ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๑๐ 42 หลกั สูตรสร้างวทิ ยากรผู้นำ�การเปลยี่ นแปลงสู่สังคมท่ไี มท่ นต่อการทจุ ริต 141

ในการประเมนิ ดชั นกี ารรบั รกู้ ารทจุ รติ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ จะถกู ประเมนิ จากแหลง่ ขอ้ มลู ๙ แหลง่ ครอบคลมุ ด้านต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การจัดการของรัฐบาล ความสามารถในการแข่งขันระดับประเทศ ความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การรบั รกู้ ารทจุ รติ ประสทิ ธภิ าพของภาครฐั และภาคเอกชนในการด�ำเนนิ งานและการวดั ดา้ น ความเปน็ ประชาธปิ ไตยของประเทศ โดยวดั จากความคดิ เหน็ ของประชาชนวา่ ประเทศนนั้ มคี วามเปน็ ประชาธปิ ไตย มากนอ้ ยแคไ่ หน เชน่ การมสี ว่ นรว่ ม ความเปน็ เอกฉนั ท์ การเลอื กตงั้ ความเทา่ เทยี ม ความเปน็ เสรี โดยทงั้ หมดนี้ จะใช้รปู แบบของการสอบถามจากนักลงทนุ ชาวตา่ งชาติท่เี ข้ามาท�ำธรุ กจิ ในประเทศ ๑.๖ ผลกระทบจากการทุจริตต่อการพัฒนาประเทศ การทุจริตมีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศในทกุ ๆ ด้าน เป็นพืน้ ฐานทก่ี ่อใหเ้ กดิ ความขัดแยง้ ของคน ในชาติ จากการเห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของประเทศ ประชาชนได้รับบริการสาธารณะหรือ สิ่งอ�ำนวยความสะดวกไม่เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น เงินภาษีของประชาชนตกไปอยู่ในกระเป๋าของผู้ทุจริต และ ผลกระทบอื่น ๆ อกี มากมาย นอกจากนี้แลว้ หากพจิ ารณาในแงก่ ารลงทุนจากต่างประเทศเพือ่ ประกอบกิจการ ตา่ ง ๆ ภายในประเทศ พบวา่ นกั ลงทนุ ตา่ งประเทศจะมองวา่ การทจุ รติ ถอื วา่ เปน็ ตน้ ทนุ อยา่ งหนงึ่ ซงึ่ นกั ลงทนุ จาก ต่างประเทศจะใช้ประกอบการพจิ ารณาการลงทนุ ประกอบกบั ปัจจัยดา้ นอ่ืน ๆ ทัง้ นี้ หากต้นทนุ ที่ต้องเสียจาก การทุจริตมีต้นทุนท่ีสูง นักลงทุนจากต่างประเทศอาจพิจารณาตัดสินใจการลงทุนไปยังประเทศอื่น ส่งผลให้ การจา้ งงาน การสรา้ งรายไดใ้ หแ้ กป่ ระชาชนลดลง เมอื่ ประชาชนมรี ายไดล้ ดลงกจ็ ะสง่ ผลตอ่ การจดั เกบ็ ภาษอี ากร ซ่งึ เปน็ รายได้ของรัฐลดลง จึงสง่ ผลต่อการจัดสรรงบประมาณและการพัฒนาประเทศ มหาวิทยาลยั หอการคา้ ไทยได้ส�ำรวจดัชนีสถานการณค์ อรร์ ัปชันไทยจากกล่มุ ตวั อย่าง ๒,๔๐๐ ตวั อย่าง จากประชาชนท่ัวไป ผู้ประกอบการภาคเอกชน และข้าราชการ/ภาครัฐ เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ พบว่า หากเปรียบเทียบความรุนแรงของปัญหาการทุจริตในปัจจุบันกับปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้ท่ีตอบว่ารุนแรงเพ่ิมข้ึนมี ๓๘% รุนแรงเท่าเดิม ๓๐% ส่วนสาเหตุการทจุ ริตอันดับหนึง่ คือ กฎหมายเปดิ โอกาสใหเ้ จา้ หน้าที่ใชด้ ุลพนิ ิจ ทเ่ี ออื้ ตอ่ การทจุ ริต อนั ดับสอง ความไม่เข้มงวดของการบังคบั ใชก้ ฎหมาย อนั ดับสาม กระบวนการทางการเมอื ง ขาดความโปรง่ ใส ตรวจสอบไดย้ ากสว่ นรปู แบบการทจุ รติ ทเี่ กดิ ขน้ึ บอ่ ยทสี่ ดุ อนั ดบั หนงึ่ คอื การใหส้ นิ บน ของก�ำนลั หรอื รางวลั อันดบั สอง การใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพ่อื แสวงหาประโยชน์สว่ นตวั อนั ดบั สาม การใช้ต�ำแหน่ง ทางการเมืองเพ่อื เออื้ ประโยชนแ์ กพ่ รรคพวก ส�ำหรับความเสียหายจากการทุจริต โดยการประเมินจากงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๕๙ ที่ ๒.๗๒ ล้านล้านบาท ว่าแม้จะมีการจ่ายเงินใต้โต๊ะ แต่อัตราการจ่ายอยู่ท่ีเฉลี่ย ๑-๑๕% โดยหากจ่ายที่ ๕% ความเสยี หายจะอยทู่ ่ี ๕๙,๖๑๐ ลา้ นบาท หรอื ๒.๑๙% ของงบประมาณ และมผี ลท�ำใหอ้ ตั ราการเตบิ โตทางเศรษฐกจิ ลดลง ๐.๔๒% แตห่ ากจา่ ยที่ ๑๕% คดิ เปน็ ความเสยี หาย ๑๗๘,๘๓๐ ลา้ นบาท หรอื ๖.๕๗% ของเงนิ งบประมาณ และมผี ลท�ำใหเ้ ศรษฐกจิ ลดลง ๑.๒๗% โดยการลดการเรยี กเงนิ สนิ บนลงทกุ ๆ ๑% จะท�ำใหม้ ลู คา่ ความเสยี หาย จากการทจุ ริตลดลง ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของประเทศไทยมีหน่วยงานหลักท่ีด�ำเนินการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ รติ คอื ส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ (ส�ำนกั งาน ป.ป.ช.) นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอื่นที่มีภารกิจในลักษณะเดียวกันหรือใกล้เคียงกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. เช่น ส�ำนักงาน การตรวจเงนิ แผ่นดนิ ส�ำนกั งานผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต ในภาครฐั นอกจากนย้ี งั มหี นว่ ยงานภาคเอกชนทใ่ี หค้ วามรว่ มมอื ในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ อกี หลาย หลักสูตรสรา้ งวทิ ยากรผูน้ �ำ การเปลี่ยนแปลงสูส่ งั คมที่ไม่ทนต่อการทจุ รติ 43 142


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook