หน่วยงาน และส�ำหรับหน่วยงานภาครัฐในปัจจุบันประเทศไทยได้มีการประกาศใช้ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการ ป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) เพ่ือเปน็ มาตรการ แนวทางการด�ำเนินงาน ท้งั ของภาครฐั และภาคเอกชน ๑.๗ ทิศทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประเทศไทยได้มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาการทจุ รติ มาอย่างตอ่ เน่ือง โดยอาศยั ความรว่ มมือท้งั หนว่ ยงานของรฐั หนว่ ยงานของเอกชน และภาคประชาชนในการรว่ มมอื ปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ รวมถงึ ได้มีการออกกฎหมายลงโทษผู้ท่ีกระท�ำความผิด มีการจัดต้ังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเพ่ือท�ำ หนา้ ทใ่ี นการด�ำเนนิ คดกี บั บคุ คลทท่ี �ำการทจุ รติ นอกจากนยี้ งั ไดม้ กี ารก�ำหนดยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต ซึง่ ฉบับปัจจบุ นั เป็นฉบับท่ี ๓ มีก�ำหนดใชต้ ้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ โดยมีวิสัยทัศน์ ว่า “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทง้ั ชาตติ ้านทจุ ริต (Zero Tolerance & Clean Thailand) และมีพนั ธกิจ คอื สร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต ยกระดับธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการทุกภาคส่วนแบบบูรณาการ และ ปฏิรปู กระบวนการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตท้ังระบบให้มมี าตรฐานสากล โดยมีรายละเอียด ดงั นี้ ยุทธศาสตรช์ าติวา่ ดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ยุทธศาสตร์ชาตฯิ ระยะที่ ๓ ประกอบดว้ ยยุทธศาสตร์ จ�ำนวน ๖ ยทุ ธศาสตร์ เป็นการด�ำเนินการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตทั้งระบบ ตั้งแต่การป้องกันการทุจริตโดยใช้ประบวนการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ผ่านกจิ กรรมและการเรยี นการสอน รวมถึงการปอ้ งกนั การทจุ รติ เชิงระบบ นอกจากนีร้ วมไปถึงการด�ำเนินการ ในส่วนการตรวจสอบทรัพย์สิน ที่เป็นการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าท่ี ของรัฐว่าจะมีแนวทางในการด�ำเนินงานอย่างไร และด้านการปราบปรามการทุจริตเพ่ือให้การด�ำเนินการด้าน ปราบปรามการทุจรติ มปี ระสิทธิภาพมากขึ้น ทัง้ นี้ เพื่อเปน็ การยกระดบั คา่ CPI ให้ได้คะแนน ๕๐ คะแนน ตาม ทต่ี ัง้ เป้าหมายไว้ โดยมีรายละเอยี ดแต่ละยุทธศาสตร์ ดังน้ี ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ : สร้างสงั คมทไ่ี ม่ทนต่อการทุจรติ มีวัตถุประสงค์ในการปรับฐานความคิดทุกช่วงวัยให้มีค่านิยมร่วมต้านทุจริต มีจิตส�ำนึกสาธารณะ และ สามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม และสร้างกระบวนการกล่อมเกลาทาง สงั คมในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ อยา่ งเปน็ ระบบ รวมถงึ การบรู ณาการและเสรมิ พลงั การมสี ว่ นรว่ ม ของทุกภาคสว่ นในการผลักดันให้เกดิ สงั คมทีไ่ มท่ นต่อการทุจริต ยุทธศาสตร์ที่ ๒ : ยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมอื งในการต่อตา้ นการทุจรติ มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้เจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตของประชาชนได้รับการปฏิบัติ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และเพ่ือรักษาเจตจ�ำนงทางการเมืองในการแก้ไขปัญหาการทุจริตให้เป็นส่วนหนึ่ง ของนโยบายรฐั บาลในแตล่ ะช่วง ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ : สกัดกัน้ การทุจรติ เชงิ นโยบาย มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้กระบวนการนโยบายเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล สามารถกระจายผลประโยชน์ สู่ประชาชนอย่างเป็นธรรม และไม่มีลักษณะของการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และเพ่ือแก้ไขปัญหาการทุจริต เชิงนโยบายทกุ ระดบั 44 หลกั สตู รสรา้ งวิทยากรผู้นำ�การเปล่ียนแปลงสูส่ งั คมท่ไี มท่ นตอ่ การทจุ ริต 143
ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๔ : พัฒนาระบบป้องกันการทจุ รติ เชิงรุก มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการป้องกันการทุจริตให้เท่าทันต่อสถานการณ์การทุจริตพัฒนา กระบวนการท�ำงานด้านการป้องกนั การทุจริต ให้สามารถป้องกนั การทจุ รติ ใหม้ ีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกดิ ความ เข้มแข็งในการบูรณาการการท�ำงานระหว่างองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการทุจริต และเป็นการป้องกัน ไม่ให้มกี ารทุจริตเกิดข้ึนในอนาคต ยุทธศาสตร์ท่ี ๕ : ปฏริ ูปกลไกและกระบวนการปราบปรามการทจุ ริต มีวัตถุประสงค์เพ่ือปรับปรุงและพัฒนากลไกและกระบวนการปราบปรามการทุจริตให้มีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเท่าทันต่อพลวัตของการทุจริต การตรากฎหมายและปรับปรุงกฎหมายให้กระบวนการ ปราบปรามการทจุ รติ มปี ระสทิ ธภิ าพ บรู ณาการกระบวนการปราบปรามการทจุ รติ ของหนว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งทง้ั ระบบ และเพอ่ื ใหผ้ ู้กระท�ำความผดิ ถูกด�ำเนินคดีและลงโทษอยา่ งเปน็ รูปธรรมและเท่าทันต่อสถานการณ์ ยุทธศาสตร์ที่ ๖ : ยกระดบั คะแนนดัชนีการรับร้กู ารทจุ ริต มีวัตถปุ ระสงค์เพ่ือยกระดบั คะแนนดัชนกี ารรบั รู้การทุจรติ ของประเทศไทยให้มีระดบั ร้อยละ ๕๐ ข้ึนไป เปน็ เปา้ หมายทต่ี อ้ งการยกระดบั คะแนนใหม้ คี า่ สงู ขน้ึ หากไดร้ บั คะแนนมากจะหมายถงึ การทปี่ ระเทศนน้ั มกี าร ทุจรติ นอ้ ย ดงั นน้ั ยุทธศาสตรท์ ี่ ๖ น้ี จึงถอื เป็นเป้าหมายส�ำคญั ในการท่จี ะตอ้ งมงุ่ ม่นั ในการด�ำเนินการป้องกัน และปราบปรามการทจุ รติ ๑.๘ กรณีตวั อยา่ งผลทีเ่ กดิ จากการทุจรติ คดีทจุ ริตจัดซ้ือรถและเรอื ดบั เพลงิ ของกรุงเทพมหานคร แตเ่ ดมิ ภารกจิ ด้านการดบั เพลงิ เปน็ ภารกจิ ของต�ำรวจดบั เพลงิ มฐี านะเปน็ กองบงั คบั การต�ำรวจดบั เพลงิ ปฏบิ ตั ิงานทางดา้ นป้องกันระงับอัคคีภยั และบรรเทาสาธารณภยั จนกระทงั่ ได้มีแนวคิดทจ่ี ะปรับปรุงโครงสร้าง ของส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ ซ่ึงเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของ กองบังคับการต�ำรวจดับเพลิง ให้มีขนาดเล็กลง โดยมแี นวคดิ ทจี่ ะโอนภารกจิ ทไี่ มใ่ ชห่ นา้ ทขี่ องต�ำรวจโดยตรงใหไ้ ปอยใู่ นความรบั ผดิ ชอบของหนว่ ยงานทมี่ หี นา้ ท่ี รบั ผดิ ชอบโดยตรง งานดา้ นดบั เพลงิ และกภู้ ยั ถอื เปน็ ภารกจิ หนง่ึ ทมี่ ใิ ชห่ นา้ ทโี่ ดยตรงของส�ำนกั งานต�ำรวจแหง่ ชาติ จงึ เห็นควรทจ่ี ะโอนภารกจิ ดังกลา่ วใหก้ รุงเทพมหานครรับไปด�ำเนินการ โดยเมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ คณะรัฐมนตรี ได้มมี ติใหส้ �ำนกั งานต�ำรวจแหง่ ชาติถ่ายโอนภารกจิ ป้องกันและระงับอคั คีภยั ใหก้ รงุ เทพมหานคร มีสถานะเป็น ส�ำนกั ชือ่ วา่ ส�ำนกั ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั คดีทุจริตจัดซ้ือรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร มีผู้เกี่ยวข้องท้ังเจ้าหน้าท่ีของรัฐและเอกชน โดยเอกชนท่เี ข้ามาท�ำธุรกิจการขายรถและเรือดับเพลิง คอื บริษัท ส. โดยเม่ือเดือนตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บริษัท สไตเออร์เดมเลอร์พุคสเปเชียลฟาห์รซอยก์ จ�ำกัด ถูกบริษัท General Dynamics Worldwide Holdings, Inc. ของสหรัฐอเมริกาซื้อกจิ การทั้งหมด แต่ยงั คงเปน็ บริษทั ถกู ตอ้ งตามกฎหมายของประเทศออสเตรีย บรษิ ัท สไตเออร์เดมเลอร์พุคสเปเชยี ลฟาหร์ ซอยก์ จ�ำกัด ว่าจา้ งบริษทั Somati Vehicle N.V. ของประเทศเบลเย่ียม เป็นผู้รับจ้างจัดหา ผลิตและประกอบรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย (ยกเว้นเรือดับเพลิง) ให้กับ กรุงเทพมหานครโดยไดร้ ับค่าจ้างผลติ ราว ๒๘ ล้านยโู ร หรอื ราว ๑,๔๐๐ ล้านบาท บริษทั สไตเออรฯ์ จงึ ไม่ใช่ ผู้ผลิตและประกอบสินค้าเพื่อเสนอขายโดยตรง แต่เป็นเพียงนายหน้าและบริหารจัดการในการจัดหาสินค้า ใหก้ ับกรุงเทพมหานครเท่าน้ัน หลักสตู รสรา้ งวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปล่ียนแปลงสู่สังคมท่ีไมท่ นตอ่ การทุจรติ 45 144
ในชว่ งเดอื นมถิ นุ ายน ๒๕๔๖ เอกอคั รราชทตู ออสเตรยี ประจ�ำประเทศไทยไดม้ หี นงั สอื ถงึ รฐั มนตรวี า่ การ กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการขายรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของ บริษัท สไตเออร์เดม เลอร์พคุ สเปเชยี ลฟาห์รซอยก์ จ�ำกดั โดยเป็นข้อเสนอใหด้ �ำเนินการในลักษณะรฐั ตอ่ รัฐ และบรษิ ัท สไตเออรฯ์ ได้เชิญนาย ป. รัฐมนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงมหาดไทยดูงานโรงงานผลิตของบริษทั MAN ซง่ึ ผลติ ตัวรถดบั เพลิง ให้ บรษิ ทั สไตเออรฯ์ ทปี่ ระเทศออสเตรียและเบลเยยี่ ม และนาย ส. ผวู้ ่าราชการกรงุ เทพมหานคร ไดอ้ นมุ ัติ โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เพ่ือใช้ในกิจการดับเพลิง ตามที่ พล.ต.ต. อ. ผู้อ�ำนวยการส�ำนักป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยกรุงเทพมหานครเสนอ ได้แก่ รถดับเพลิงชนิดต่าง ๆ และรถบรรทุกน�้ำรวม ๓๑๕ คัน และเรือ ดับเพลิง ๓๐ ล�ำตลอดจนอุปกรณ์สาธารณภยั อนื่ ๆ ซงึ่ ตรงกันกบั รายการในใบเสนอราคาของบริษัท สไตเออร์ฯ ผา่ นเอกอคั รราชทตู ออสเตรยี จากนนั้ คณะรฐั มนตรมี มี ตอิ นมุ ตั ใิ นหลกั การโดยมกี ารจดั ท�ำ A.O.U. (Agreement of Understanding) และข้อตกลงซื้อขาย (Purchase/Sale Agreement) โดยทูตพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐ ออสเตรียย่ืนร่าง A.O.U.ให้แก่พล.ต.ต. อ. ซึ่งน�ำเสนอต่อนาย ส. โดยตรงโดยไม่ผ่านปลัดกรุงเทพมหานคร นายส.ลงนามรบั ทราบบนั ทกึ และเสนอตอ่ นายภ.รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยและหลงั จากทไี่ ดม้ กี ารลงนาม รว่ มกนั คณุ หญงิ ณ. ปลดั กรงุ เทพมหานคร ได้สง่ รา่ งข้อตกลงซ้อื ขายยานพาหนะและอุปกรณ์ดับเพลิงระหวา่ ง กรงุ เทพมหานครกบั บรษิ ทั สไตเออรฯ์ ใหส้ �ำนกั งานอยั การสงู สดุ ตรวจพจิ ารณาตามขอ้ บญั ญตั กิ รงุ เทพมหานคร เร่อื งการพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๘ และคณะรัฐมนตรไี ด้มมี ติอนมุ ตั ใิ ห้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ด�ำเนนิ การกอ่ หนผ้ี ูกพันข้ามปงี บประมาณโครงการจัดซื้อรถและเรอื ดับเพลงิ ในวงเงิน ๖,๖๘๗,๔๘๙,๐๐๐ บาท และ อนุมตั ิวงเงนิ เพ่ิมเตมิ เพ่อื เปน็ ค่าธรรมเนยี มในการเปิด Letter of Credit (L/C) อกี จ�ำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท หรอื ตามจ�ำนวนทจี่ า่ ยจรงิ รวมทง้ั ใหก้ ระทรวงพาณชิ ยเ์ รง่ รดั ด�ำเนนิ การเกยี่ วกบั การคา้ ตา่ งตอบแทนตามมตคิ ณะ รฐั มนตรเี ม่ือ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๗ โดยให้เนน้ ไกต่ ้มสกุ เปน็ สนิ คา้ ที่จะด�ำเนินการเป็นล�ำดับแรก ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ไดม้ กี ารเปลี่ยนแปลงผูว้ า่ ราชการกรงุ เทพมหานครเปน็ นาย อ. และกอ่ นมอบหมาย งานในหน้าท่ีให้กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่ นาย ส. ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนเดิม ได้มหี นงั สือถงึ ผจู้ ัดการธนาคารกรุงไทย ขอเปดิ L/C วงเงนิ ๑๓๓,๗๔๙,๗๘๐ ยโู รให้กับบรษิ ทั สไตเออรฯ์ โดย กรงุ เทพมหานครช�ำระคา่ ธรรมเนยี ม เปน็ เงิน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐บาท และมอบอ�ำนาจให้พล.ต.ต. อ. ผูอ้ �ำนวยการ ส�ำนักปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั กรงุ เทพมหานครเปน็ ผดู้ �ำเนนิ การและลงนาม ในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดด้ �ำเนนิ การไตส่ วนการด�ำเนนิ การดงั กลา่ วของกรงุ เทพมหานคร และยนื่ ฟอ้ งตอ่ ศาลฎกี าแผนกคดอี าญาของผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมอื ง จากการกระท�ำดงั กลา่ วทเ่ี กดิ ขน้ึ กอ่ ให้ เกดิ ผลกระทบทเ่ี สยี หายและรนุ แรง โดยราคาของรถและเรอื ดบั เพลงิ ทก่ี รงุ เทพมหานครซอ้ื มานน้ั มรี าคาทส่ี งู มาก สง่ ผลใหร้ ัฐสญู เสยี งบประมาณไปอยา่ งนา่ เสียดาย ซง่ึ ความเสยี หายทเี่ กดิ ข้นึ มีดังนี้ 46 หลกั สูตรสร้างวิทยากรผูน้ ำ�การเปลีย่ นแปลงสู่สังคมท่ไี มท่ นต่อการทจุ รติ 145
ตารางท่ี ๓ เปรียบเทยี บราคาจากการจดั ซื้อของกรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยเม่ือ พ.ศ. ๒๕๔๗ กับ กรงุ เทพมหานคร รถดับเพลิง ๔x๔ + สูบน�ำ้ แบกหาม รายละเอียด ความแตกตา่ ง โครงประธานรถเครื่องยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ๒,๕๐๐ ซีซี ๔x๔ กรุงเทพมหานครซอื้ แพงกว่า คนั ละ ๒,๑๕๔,๐๕๐ บาท ประกอบโดย บรษิ ัท กาญจนาอคิ วปิ เม้นท์ จ�ำกัด รวม ๗๒ คนั เปน็ เงนิ แพงกวา่ ๑๕๔,๘๗๕,๖๐๐ บาท เครอื่ งดบั เพลงิ ชนดิ หาบหามจากญี่ปนุ่ รถดบั เพลิง + บนั ได ๑๓ เมตร รายละเอยี ด ความแตกตา่ ง โครงประธานรถผลิตภณั ฑ์ฟนิ แลนด์ ซื้อจาก บริษัท เชส เอ็น กรงุ เทพมหานครซอ้ื แพงกวา่ คันละ ๑๗,๑๔๓,๒๐๐ บาท เตอร์ไพรส์ (สยาม) จ�ำกัดมาตรฐานใกล้เคียงกันเคร่ืองสูบน้�ำ รวม ๙ คัน เปน็ เงินแพงกวา่ ๑๕๔,๘๗๕,๖๐๐ บาท สมรรถนะสูงกวา่ รถดบั เพลงิ ๒,๐๐๐ ลติ ร รายละเอยี ด ความแตกตา่ ง ซื้อจาก บริษัท ตรีเพชรอซี ูซุเซลส์ กรุงเทพมหานครซื้อแพงกวา่ คันละ ๑๕,๔๕๕,๓๗๐ บาท รวม ๑๔๔ คัน เปน็ เงนิ แพงกวา่ ๒,๒๒๕,๕๗๓,๒๘๐ บาท รถถังน้�ำ ๒๐,๐๐๐ ลติ ร รายละเอียด ความแตกตา่ ง ขนาด ๑๐,๐๐๐ ลิตรซื้อจาก บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส กรงุ เทพมหานครซือ้ แพงกวา่ คันละ ๑๕,๑๘๙,๑๐๐ บาท (ประเทศไทย) จ�ำกดั รวม ๗๒ คนั เปน็ เงนิ แพงกวา่ ๑,๐๙๓,๖๑๕,๒๐๐ บาท รถไฟฟ้าสอ่ งสวา่ ง ๓๐ KVA รายละเอยี ด ความแตกตา่ ง ซอื้ จาก บรษิ ัท มิตซบู ิชิ มอเตอรส์ (ประเทศไทย) จ�ำกัด กรงุ เทพมหานครซื้อแพงกวา่ คันละ ๕๖,๕๗๗,๒๕๐ บาท รวม ๗ คนั เปน็ เงนิ แพงกว่า๓๙๖,๐๔๐,๗๕๐ บาท ตารางที่ ๔ เปรยี บเทยี บขอ้ มูลและราคาเรอื ดับเพลงิ ขอ้ มูลเรือดับเพลิง บริษัท สไตเออร์เดมเลอร์พุคสเปเชียลฟาห์รซอยก์ จ�ำกัด บริษัท สไตเออร์เดมเลอร์พุคสเปเชียลฟาห์รซอยก์ จ�ำกัด ซือ้ เรอื ดับเพลงิ จาก บริษัท ซที โบต๊ จ�ำกดั ผลติ และประกอบ ขายให้ กรงุ เทพมหานคร ราคาล�ำละ ๒๕,๔๖๒,๑๐๐ บาท ทีเ่ มอื งพัทยา ราคาล�ำละ ๑๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท จากตารางขา้ งตน้ แสดงใหเ้ หน็ ถึงความเสยี หายทเี่ กดิ ขน้ึ จากการทุจริต ความเสยี หายที่เกิดข้นึ นอกจาก จะสามารถแสดงเป็นตวั เลขให้ไดเ้ ห็นว่าสูญเสียงบประมาณจ�ำนวนเทา่ ไร แต่การสูญเสยี ดงั กล่าวแทนท่ีรัฐ และ ประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์จากรถและเรือดับเพลิง ซึ่งถือเป็นสิ่งจ�ำเป็นท่ีช่วยในการป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั โดยเฉพาะอคั คภี ยั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี แตเ่ มอื่ มกี ารทจุ รติ แลว้ ยงั สง่ ผลใหไ้ มส่ ามารถน�ำรถและเรอื ดบั เพลงิ มาใช้งานได้ เท่ากับวา่ สูญเสียงบประมาณแลว้ ยังไมส่ ามารถน�ำส่งิ เหล่านีม้ าใชป้ ระโยชน์ได้อีก หลกั สตู รสร้างวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปลย่ี นแปลงสสู่ งั คมทไ่ี ม่ทนต่อการทจุ ริต 47 146
๒. ความอายตอ่ การทจุ ริต แนวคิดเกย่ี วกบั ความอายตอ่ การทจุ ริต พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของค�ำว่าละอาย หมายถึง การรู้สึกอายท่ีจะท�ำในส่ิงท่ี ไมถ่ กู ไมค่ วร เช่น ละอายทจ่ี ะท�ำผิด ละอายใจ ความละอาย เป็นความละอายและความเกรงกลัวตอ่ สงิ่ ทีไ่ ม่ดี ไม่ถกู ต้อง ไม่เหมาะสม เพราะเห็นถึงโทษ หรอื ผลกระทบทจี่ ะได้รับจากการกระท�ำน้นั จึงไมก่ ลา้ ท่จี ะกระท�ำ ท�ำให้ตนเองไม่หลงท�ำในสิง่ ทีผ่ ดิ นน่ั คอื มคี วามละอายใจ ละอายตอ่ การท�ำผิด ลกั ษณะของความละอายตอ่ การทจุ รติ ลักษณะของความละอายสามารถแบ่งได้ ๒ ระดับ คือ ความละอายระดับต้น หมายถึง ความละอาย ไมก่ ลา้ ทจ่ี ะท�ำในสง่ิ ทผ่ี ดิ เนอ่ื งจากกลวั วา่ เมอื่ ตนเองไดท้ �ำลงไปแลว้ จะมคี นรบั รู้ หากถกู จบั ไดจ้ ะไดร้ บั การลงโทษ หรอื ไดร้ บั ความเดือดร้อนจากสิ่งทีต่ นเองได้ท�ำลงไป จงึ ไมก่ ล้าท่ีจะกระท�ำผดิ และในระดับทีส่ องเป็นระดบั ทส่ี งู คือ แม้ว่าจะไม่มีใครรับรู้หรือเห็นในสิ่งท่ีตนเองได้ท�ำลงไป ก็ไม่กล้าที่จะท�ำผิด เพราะนอกจากตนเองจะได้รับ ผลกระทบแลว้ ครอบครวั สงั คมกจ็ ะไดร้ บั ผลกระทบตามไปดว้ ย ทง้ั ชอ่ื เสยี งของตนเองและครอบครวั กจ็ ะเสอื่ มเสยี บางคร้ังการทุจริตบางเรื่องเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การลอกข้อสอบ อาจจะไม่มีใครใส่ใจหรือสังเกตเห็น แต่หากเป็นความละอายข้ันสูงแล้ว บคุ คลนัน้ กจ็ ะไมก่ ล้าท�ำ ๓. ความไมท่ นตอ่ การทุจรติ ๓.๑ ความเป็นพลเมอื ง ค�ำวา่ “พลเมือง” มีนกั วิชาการใหค้ วามหมาย สรปุ ได้พอสงั เขป พจนานุกรมนักเรียนฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน ใหค้ วามหมาย “พลเมอื ง” หมายถงึ ชาวเมอื ง ชาวประเทศ ประชาชน “วถิ ี” หมายถงึ สาย แนว ทาง ถนน และ “ประชาธปิ ไตย” หมายถึง แบบการปกครองทถ่ี อื มติ ปวงชนเปน็ ใหญ่ ดังน้ัน ค�ำว่า “พลเมืองดใี นวถิ ีประชาธปิ ไตย” จงึ หมายถึง พลเมอื งทม่ี คี ุณลักษณะทีส่ �ำคญั คือ เป็นผูท้ ยี่ ึดมั่นในหลักศีลธรรมและคุณธรรมของศาสนา มีหลักการทางประชาธิปไตยในการด�ำรงชวี ิตปฏิบัติตน ตามกฎหมายด�ำรงตนเปน็ ประโยชนต์ อ่ สงั คม โดยมกี ารชว่ ยเหลอื เกอื้ กลู กนั อนั จะกอ่ ใหเ้ กดิ การพฒั นาสงั คมและ ประเทศชาติ ให้เป็นสงั คมและประเทศประชาธปิ ไตยอย่างแทจ้ รงิ วราภรณ์ สามโกเศศ อธบิ ายวา่ ความเปน็ พลเมอื ง หมายถงึ การเปน็ คนทรี่ บั ผดิ ชอบไดด้ ว้ ยตนเองมคี วาม ส�ำนกึ ในสนั ติวิธี มีการยอมรบั ความคดิ เห็นของผูอ้ น่ื ปรญิ ญา เทวานฤมิตรกลุ กล่าววา่ ความเป็นพลเมอื งของระบอบประชาธิปไตย หมายถึง การทีส่ มาชกิ มีอิสรภาพ ควบคู่กับความรบั ผิดชอบ และมอี ิสรเสรภี าพควบคู่กบั “หน้าท่ี ” จากความหมายของนกั วชิ าต่าง ๆ พอสรุปได้ว่า “พลเมอื ง” หมายถงึ ประชาชนทน่ี อกจากเสียภาษแี ละ ปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมืองแล้ว ยังต้องมีบทบาทในทางการเมือง คือ อย่างน้อยมีสิทธิไปเลือกต้ัง แต่ยิ่งไป กวา่ นัน้ คือ มสี ทิ ธิในการแสดงความคิดเห็นตา่ ง ๆ ตอ่ ทางการหรอื รัฐได้ ท้ังยงั มีสิทธิเข้าร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ กบั รฐั และอาจเปน็ ฝา่ ยรกุ เพอ่ื เรยี กรอ้ งกฎหมาย นโยบายและกจิ กรรมของรฐั ตามทเ่ี หน็ พอ้ ง พลเมอื งนนั้ จะเปน็ คนท่ีรู้สกึ เป็นเจ้าของในสงิ่ สาธารณะ มคี วามกระตอื รอื รน้ อยากมสี ่วนร่วม เอาใจใส่การท�ำงานของรัฐ และเป็น ประชาชนท่สี ามารถแก้ไขปญั หาสว่ นรวมได้ในระดับหนึ่ง โดยไมต่ อ้ งรอใหร้ ฐั มาแกไ้ ขให้เทา่ นั้น 48 หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้นำ�การเปลี่ยนแปลงสสู่ งั คมทไ่ี ม่ทนตอ่ การทุจริต 147
๓.๒ แนวคิดเกี่ยวกับความไมท่ นตอ่ การทุจรติ พจนานกุ รมราชบณั ฑิตยสถาน ใหค้ วามหมายของค�ำว่า “ทน” หมายถงึ การอดกลนั้ ได้ ทานอย่ไู ด้ เช่น ทนด่า ทนทุกข์ ทนหนาว ไมแ่ ตกหักหรอื บบุ สลายงา่ ย ความอดทน คอื การรจู้ กั รอคอยและคาดหวงั เปน็ การแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความมนั่ คง แนว่ แนต่ อ่ สงิ่ ทรี่ อคอย หรือสงิ่ ที่จูงใจให้กระท�ำในส่งิ ทไ่ี ม่ดี ไมท่ น หมายถงึ ไมอ่ ดกล้ัน ไม่อดทน ไมย่ อม ดงั นน้ั ความไมท่ น หมายถงึ การแสดงออกตอ่ การกระท�ำทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั ตนเอง บคุ คลทเ่ี กยี่ วขอ้ งหรอื สงั คม ในลักษณะที่ไมย่ นิ ยอม ไมย่ อมรับในสิ่งที่เกิดขน้ึ ความไม่ทนสามารถแสดงออกไดห้ ลายลกั ษณะ ทงั้ ในรูปแบบ ของกริยาท่าทางหรอื ค�ำพดู ความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ หรอื การกระท�ำที่ไม่ถูกต้อง ตอ้ งมกี ารแสดงออกอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงเกดิ ขึ้น เช่น การแซงควิ เพื่อซอ้ื ของ การแซงควิ เปน็ การกระท�ำทีไ่ มถ่ กู ตอ้ ง ผถู้ กู แซงคิวจงึ ต้องแสดงออกใหผ้ ้ทู ่ีแซงควิ รับรู้ว่า ตนเองไม่พอใจ โดยแสดงกิริยาหรือบอกกล่าวให้ทราบ เพ่ือให้ผู้ท่ีแซงคิวยอมท่ีจะต่อท้ายแถว กรณีนี้แสดงให้ เหน็ วา่ ผทู้ ถ่ี กู แซงควิ ไมท่ นตอ่ การกระท�ำทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง และหากผทู้ แี่ ซงควิ ไปตอ่ แถวกจ็ ะแสดงใหเ้ หน็ วา่ บคุ คลนน้ั มีความละอายต่อการกระท�ำทไี่ มถ่ ูกต้อง เปน็ ตน้ ความไม่ทนต่อการทจุ รติ บคุ คลจะมีความไมท่ นต่อการทุจริตมาก-น้อย เพยี งใด ขน้ึ อยกู่ บั จติ ส�ำนกึ ของ แตล่ ะบคุ คลและผลกระทบทเี่ กดิ ขน้ึ จากการกระท�ำนนั้ ๆ แลว้ มพี ฤตกิ รรมทแ่ี สดงออกมา ซงึ่ การแสดงกรยิ าหรอื การกระท�ำจะมหี ลายระดบั เชน่ การวา่ กลา่ วตกั เตอื น การประกาศใหส้ าธารณชนรบั รู้ การแจง้ เบาะแส การรอ้ งทกุ ข์ กล่าวโทษ การชุมนุมประท้วงซ่ึงเป็นขั้นตอนสุดท้ายท่ีรุนแรงท่ีสุด เน่ืองจากมีการรวมตัวของคนจ�ำนวนมาก และสร้างความเสียหายอยา่ งมากเชน่ กนั ความไม่ทนของบุคคลต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัวท่ีส่งผลในทางไม่ดีต่อตนเองโดยตรง สามารถพบเห็นได้ง่าย ซ่ึงปกติแล้วทุกคนมักจะไม่ทนต่อสภาวะ สภาพแวดล้อมท่ีไม่ดีและส่งผลกระทบต่อตนเองแล้ว มักจะแสดง ปฏกิ ริ ยิ าออกมา แตก่ ารทบ่ี คุ คลจะไมท่ นตอ่ การทจุ รติ และแสดงปฏกิ ริ ยิ าออกมานน้ั อาจเปน็ เรอื่ งยาก เนอื่ งจาก ปัจจุบันสังคมไทยมีแนวโน้มยอมรับการทุจริต เพ่ือให้ตนเองได้รับประโยชน์หรือให้งานสามารถด�ำเนินต่อไปสู่ ความส�ำเรจ็ ซงึ่ การยอมรบั การทจุ รติ ในสงั คมไมเ่ วน้ แมแ้ ตเ่ ดก็ และเยาวชน มองวา่ การทจุ รติ เปน็ เรอ่ื งไกลตวั และ ไม่มผี ลกระทบกบั ตนเองโดยตรง ๓.๓ ลกั ษณะของความไม่ทนต่อการทุจริต ความไม่ทนต่อการทุจริต จากความหมายที่ได้กล่าวมาแล้ว คือ เป็นการแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่ง เกดิ ขนึ้ เพอ่ื ใหร้ บั รวู้ า่ จะไมท่ นตอ่ บคุ คลหรอื การกระท�ำใด ๆ ทท่ี �ำใหเ้ กดิ การทจุ รติ ความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ สามารถ แบง่ ระดับตา่ ง ๆ ไดม้ ากกวา่ ความละอาย ใช้เกณฑค์ วามรุนแรงในการแบ่งแยก เช่น หากเพื่อนลอกข้อสอบเรา และเราเห็นซึ่งเราจะไม่ยินยอมให้เพื่อนทุจริตในการลอกข้อสอบ เราก็ใช้มือหรือกระดาษมาบังส่วนที่เป็น ค�ำตอบไว้ เชน่ น้กี เ็ ปน็ การแสดงออกถงึ การไมท่ นต่อการทุจริต นอกจากการแสดงออกดว้ ยวธิ ีดังกล่าวทีถ่ ือเป็น การแสดงออกทางกายแลว้ การวา่ กลา่ วตกั เตอื นตอ่ บคุ คลทที่ จุ รติ การประณาม การประจาน การชมุ นมุ ประทว้ ง ถอื วา่ เปน็ การแสดงออกซงึ่ การไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ทงั้ สน้ิ แตจ่ ะแตกตา่ งกนั ไปตามระดบั ของการทจุ รติ ความตนื่ ตวั ของประชาชน และผลกระทบที่เกิดขนึ้ จากการทุจริต โดยท้ายบทน้ีได้ยกตัวอยา่ งกรณศี ึกษาที่มสี าเหตุมาจาก การทุจรติ ท�ำให้ประชาชนไม่พอใจและรวมตวั ต่อตา้ น หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ �ำ การเปลี่ยนแปลงส่สู งั คมที่ไม่ทนต่อการทจุ รติ 49 148
ความจ�ำเป็นของการที่ไม่ทนต่อการทุจริตถือเป็นส่ิงส�ำคัญ เพราะการทุจริตไม่ว่าระดับเล็กหรือใหญ่ ยอ่ มกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายตอ่ สงั คม ประเทศชาติ ดงั เชน่ ตวั อยา่ งคดรี ถและเรอื ดบั เพลงิ ของกรงุ เทพมหานคร ผลของ การทจุ รติ สรา้ งความเสยี หายไวอ้ ยา่ งมาก รถและเรอื ดบั เพลงิ กไ็ มส่ ามารถน�ำมาใชไ้ ด้ รฐั ตอ้ งสญู เสยี งบประมาณ ไปโดยเปล่าประโยชน์ และประชาชนเองก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน หากเกิดเพลิงไหม้พร้อมกันหลายแห่ง รถ เรอื และอปุ กรณด์ บั เพลงิ จะไมม่ ไี มเ่ พยี งพอทจี่ ะดบั ไฟไดท้ นั เวลา เพยี งแคค่ ดิ จากมลู คา่ ความเสยี หายทร่ี ฐั สญู เสยี งบประมาณไปยงั ไมไ่ ดค้ ดิ ถงึ ความเสยี หายทเี่ กดิ จากความเดอื ดรอ้ นหากเกดิ เพลงไหมแ้ ลว้ ถอื เปน็ ความเสยี หาย ทส่ี งู มาก ดงั นนั้ หากยงั มกี ารปลอ่ ยใหม้ กี ารทจุ รติ ยนิ ยอมใหม้ กี ารทจุ รติ โดยเหน็ วา่ เปน็ เรอ่ื งของคนอน่ื เปน็ เรอื่ ง ของเจ้าหน้าท่ีรัฐ ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองแล้ว สุดท้ายความสูญเสียที่จะได้รับตนเองก็ยังคงท่ีจะได้รับผลน้ันอยู่ แม้ไมใ่ ช่ทางตรงก็เป็นทางอ้อม ๔. ตัวอยา่ งความอายและความไมท่ นต่อการทจุ รติ การทุจรติ มผี ลกระทบตอ่ การพฒั นาประเทศ ท�ำให้เกิดความเสยี หายอยา่ งมากในดา้ นต่าง ๆ หากน�ำเอา เงนิ ทท่ี จุ รติ มาพฒั นาในสว่ นอนื่ ความเจรญิ หรอื การไดร้ บั โอกาสของผทู้ ดี่ อ้ ยโอกาสกจ็ ะมมี ากขนึ้ ความเหลอื่ มลำ้� ทางด้านโอกาส ทางด้านสังคม ทางด้านการศึกษา ฯลฯ ของประชาชนในประเทศก็จะลดน้อยลง ดังที่เห็น ในปจั จุบนั วา่ ความเจรญิ ต่าง ๆ มกั อยกู่ ับคนในเมืองมากกว่าชนบท ท้งั ๆ ท่คี นชนบทก็คือประชาชนสว่ นหนง่ึ ของ ประเทศ แตเ่ พราะอะไรท�ำไมประชาชนเหลา่ นน้ั ถงึ ไมไ่ ดร้ บั โอกาสใหท้ ดั เทยี มหรอื ใกลเ้ คยี งกบั คนในเมอื ง ปจั จยั หนึ่งคือการทุจริต สาเหตุการเกิดทุจริตมีหลายประการตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่ท�ำอย่างไรถึงท�ำให้มีการ ทจุ รติ ไดม้ าก อยา่ งหนงึ่ คอื การลงทนุ เมอื่ มกี ารลงทนุ กย็ อ่ มมงี บประมาณ เมอื่ มงี บประมาณกเ็ ปน็ สาเหตใุ หบ้ คุ คล ทคี่ ดิ จะทจุ รติ สามารถหาชอ่ งทางดงั กลา่ วในทางทจุ รติ ได้ แมว้ า่ ประเทศไทยจะมกี ฎหมายหลายฉบบั เพอ่ื ปอ้ งกนั การทจุ รติ ปราบปรามการทจุ รติ แตน่ น่ั กค็ อื ตวั หนงั สอื ทไี่ ดเ้ ขยี นเอาไว้ แตก่ ารบงั คบั ใชย้ งั ไมจ่ รงิ จงั เทา่ ทค่ี วร และ ยง่ิ ไปกวา่ นน้ั หากประชาชนเหน็ วา่ เรอ่ื งดงั กลา่ วไมเ่ กยี่ วขอ้ งกบั ตนเองกม็ กั จะไมอ่ ยากเขา้ ไปเกยี่ วขอ้ ง เนอ่ื งจาก ตนเองกไ็ มไ่ ดร้ บั ผลกระทบทเี่ กดิ ขน้ึ แตก่ ารคดิ ดงั กลา่ วเปน็ สงิ่ ทผี่ ดิ เนอ่ื งจากวา่ ตนเองอาจจะไมไ่ ดร้ บั ผลกระทบ โดยตรงต่อการท่มี คี นทุจรติ แตโ่ ดยอ้อมแลว้ ถือว่าใช่ เช่น เมือ่ มกี ารทุจรติ มาก งบประมาณของประเทศที่จะใช้ พัฒนาหรอื ลงทุนก็น้อย อาจสง่ ผลให้ประเทศไม่สามารถจ้างแรงงานหรือลงทนุ ได้ ความเสยี หายทเ่ี กิดจากการทุจริต หากเปน็ การทจุ รติ ในโครงการใหญ่ ๆ แลว้ ปริมาณเงนิ ท่ีทุจริตย่อมมี มาก ความเสียหายก็ย่อมมีมากตามไปด้วย โดยในบทนี้ได้ยกกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจากการทุจริตไว้ในท้ายบท ซึ่งจะเห็นได้ว่าความเสียหายท่ีเกิดข้ึนน้ันมีมูลค่ามากมาย และนี้เป็นเพียงโครงการเดียวเท่านั้น หากรวมเอา การทจุ รติ หลาย ๆ โครงการ หลาย ๆ กรณีเข้าด้วยกัน จะพบว่าความเสียหายทเ่ี กดิ ขึ้นมานนั้ มากมายมหาศาล ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นน้ีแล้ว ประชาชนจะต้องมีความต่ืนตัวในการที่จะร่วมมือในการป้องกันและปราบปราม การทุจริต การร่วมมือกันในการเฝ้าระวังเหตุการณ์ สถานการณ์ที่อาจเกิดการทุจริตได้ เม่ือประชาชนรวมถึง ภาคเอกชน ภาคธรุ กจิ มคี วามตน่ื ตวั ทจี่ ะรว่ มมอื กนั ในการแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ ว ปญั หาการทจุ รติ จะถอื เปน็ ปญั หา เพียงเล็กน้อยของประเทศไทย เพราะไม่ว่าจะท�ำอย่างไรก็จะมีการสอดส่อง ติดตาม เฝ้าระวังเรื่องการทุจริต อย่างต่อเน่ือง ดังน้ันแล้วสิ่งส�ำคัญสิ่งแรกที่จะต้องสร้างให้เกิดขึ้น คือ ความตระหนักรู้ถึงผลเสียที่เกิดขึ้นจาก การทุจรติ สร้างให้เกิดความตน่ื ตัวตอ่ การปราบปราบการทจุ ริต การไม่ทนต่อการทุจรติ ใหเ้ กดิ ข้ึนในสังคมไทย 50 หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผู้นำ�การเปล่ียนแปลงสู่สงั คมท่ีไม่ทนตอ่ การทุจรติ 149
เมือ่ ประชาชนในประเทศมีความตน่ื ตัวที่วา่ “ไมท่ นต่อการทจุ รติ ” แลว้ จะท�ำใหเ้ กดิ กระแสการต่อตา้ น ต่อการกระท�ำทุจริต และคนท่ีท�ำทุจริตก็จะเกิดความละอายไม่กล้าท่ีจะท�ำทุจริตต่อไป เช่น หากพบเห็นว่ามี การทุจริตเกิดขึ้นอาจมีการบันทึกเหตุการณ์หรือลักษณะการกระท�ำ แล้วแจ้งข้อมูลเหล่าน้ันไปยังหน่วยงาน หรอื สอื่ มวลชนเพอ่ื รว่ มกนั ตรวจสอบการกระท�ำทเ่ี กดิ ขนึ้ และยง่ิ ในปจั จบุ นั เปน็ สงั คมสมยั ใหม่ และก�ำลงั เดนิ หนา้ ประเทศไทยกา้ วสูย่ ุคไทยแลนด์ ๔.๐ แต่การจะเป็น ๔.๐ ให้สมบรู ณ์แบบได้นัน้ ปญั หาการทุจริตจะตอ้ งลดนอ้ ย ลงไปด้วย เม่ือประชาชนมีความตื่นตัวต่อการท่ีไม่ทนต่อการทุจริตแล้ว ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ตัวอย่าง ทจี่ ะน�ำมากลา่ วถงึ ตอ่ ไปนเี้ ปน็ กรณที เี่ กดิ ขน้ึ ในตา่ งประเทศ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ทปี่ ระชาชน ได้ลุกขึ้นมาตอ่ สู้ ต่อต้านตอ่ นกั การเมืองทท่ี �ำทุจริต จนน�ำในทสี่ ดุ นักการเมืองเหล่านนั้ หมดอ�ำนาจทางการเมือง และไดร้ บั บทลงโทษทง้ั ทางสงั คมและทางกฎหมาย ดังน้ี ๑. ประเทศเกาหลใี ต้ เกาหลใี ตถ้ อื เปน็ ประเทศหนงึ่ ทปี่ ระสบความส�ำเรจ็ ในดา้ นของการปอ้ งกนั และปราบปราม การทจุ รติ แต่ก็ยังคงมปี ัญหาการทุจรติ เกดิ ข้นึ อยู่บ้าง เช่น เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๙ มีขา่ วกรณขี องประธานาธิบดีถูก ปลดออกจากต�ำแหน่งเพราะเข้าไปมีส่วนเก่ียวข้องในการ เอ้ือประโยชน์ให้พวกพ้อง โดยการถูกกล่าวหาว่าให้เพื่อน สนิทของครอบครัวเข้ามาแทรกแซงการบริหารประเทศ รวมถึงใช้ความสัมพันธ์ท่ีใกล้ชิดกับประธานาธิบดีแสวงหา ประโยชน์ส่วนตัว ผลที่เกิดขึ้นคือถูกด�ำเนินคดีและตั้ง ข้อหาวา่ พวั พันการทจุ ริตและใช้อ�ำนาจหน้าทใี่ นทางมิชอบเพื่อเอ้อื ผล ประโยชนใ์ หแ้ กพ่ วกพอ้ ง กรณที ่ีเกดิ ขน้ึ นี้ ประชาชนเกาหลีใต้ได้มีการรวมตัวกันประท้วงกว่าพันคนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีคนดังกล่าวลาออกจาก ต�ำแหนง่ หลงั มเี หตอุ ื้อฉาวทางการเมือง อีกกรณีท่ีจะกล่าวถึงเพื่อเป็นตัวอย่างการต่อต้าน การกระท�ำทีไ่ ม่ถูกตอ้ ง คอื การทน่ี กั ศกึ ษาคนหน่ึงไดเ้ ขา้ เรียน ในมหาวิทยาลัยทั้งที่ผลคะแนนท่ีเรียนมานั้นไม่ได้สูง และ การท่ีคุณสมบัติของนักศึกษาดังกล่าวมีคุณสมบัติไม่ตรงกับ การคัดเลือกโควตานักกีฬาที่ก�ำหนดไว้ว่าจะต้องผ่านการ แข่งขันประเภทเด่ียว แต่นักศึกษาคนดังกล่าวผ่านการแข่งขัน ประเภททีม เท่ากบั ว่าคณุ สมบัตไิ มถ่ กู ต้องแต่ได้รบั เข้าเรียนใน มหาวิทยาลัยดังกล่าว การกระท�ำเช่นน้ีจึงเป็นสาเหตุหนึ่งของ การน�ำไปส่กู ารประท้วง ตอ่ ต้านจากนักศึกษาและอาจารยข์ อง มหาวิทยาลัยดังกล่าว ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็ไม่สามารถให้ ค�ำตอบทช่ี ัดเจนแกก่ ลุม่ ผู้ประท้วงได้ จนในท่ีสุด ประธานของมหาวิทยาลัยดังกล่าวจึง ลาออกจากต�ำแหนง่ หลกั สตู รสร้างวิทยากรผนู้ �ำ การเปลยี่ นแปลงสสู่ งั คมทีไ่ มท่ นต่อการทุจริต 51 150
๒. ประเทศบราซิล ปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ประชาชนในประเทศบราซิลได้มีการชุมนุมประท้วงการ ทุจริตท่ีเกิดข้ึน เป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อ วัฒนธรรม การโกงของระบบราชการของประเทศ โดยมี ประชาชนจ�ำนวนหลายหมน่ื คนเขา้ รว่ มการชมุ นมุ ในครง้ั นี้ และมกี ารแสดงภาพหนเู พอ่ื เปน็ สญั ลกั ษณใ์ นการประณาม ต่อนักการเมืองที่ทุจริต การประท้วงดังกล่าวยังถือว่ามี ขนาดเลก็ กวา่ ครง้ั กอ่ น เพราะทผี่ า่ นมาไดม้ กี ารทจุ รติ เกดิ ขน้ึ และมีการประท้วง จนในท่ีสุดประธานาธิบดีได้ถูกปลด จากต�ำแหนง่ เนอ่ื งจากการกระท�ำทล่ี ะเมดิ ตอ่ กฎระเบยี บ เรอ่ื งงบประมาณ จากตัวอย่างข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวของประชาชนที่ออกมาต่อต้านต่อการทุจริต ไม่ว่าจะ เป็นการทจุ รติ ในระดบั หนว่ ยเลก็ ๆ หรือระดบั ประเทศ เป็นการแสดงออกซึ่งการไมท่ นต่อการทจุ รติ การไมท่ น ต่อการทุจริตสามารถแสดงออกมาได้หลายระดับต้ังแต่การเห็นคนท่ีท�ำทุจริตแล้วตนเองรู้สึกไม่พอใจ มีการส่ง เรอื่ งตรวจสอบ รอ้ งเรยี น และในทสี่ ดุ คอื การชมุ นมุ ประทว้ ง ตามตวั อยา่ งทไี่ ดน้ �ำมาแสดงใหเ้ หน็ ขา้ งตน้ ตราบใด ที่สามารถสร้างให้สังคมไม่ทนต่อการทุจริตได้ เมื่อนั้นปัญหาการทุจริตก็จะลดน้อยลง แต่หากจะให้เกิดผลดี ยิง่ ขึน้ จะตอ้ งสร้างใหเ้ กิดความละอายต่อการทุจริต ไมก่ ล้าทจี่ ะท�ำทจุ รติ โดยน�ำเอาหลกั ธรรมทางศาสนามาเปน็ เคร่ืองมือในการส่ังสอน อบรม ในขณะเดียวกันหากมีการทุจริตเกิดข้ึนกระบวนการในการแสดงออกต่อการ ไมท่ นตอ่ การทจุ ริตจะต้องเกิดขน้ึ และมกี ารเปดิ เผยชอ่ื บุคคลทท่ี ุจริตให้กับสาธารณะชนไดร้ บั ทราบอยา่ งท่ัวถึง เม่ือสังคมมีท้ังกระบวนการในการป้องกันการทุจริต การปราบปรามการทุจริตท่ีดี รวมถึงการสร้างให้สังคม เปน็ สงั คมท่ไี ม่ทนต่อการทุจริต มีความละอายตอ่ การท�ำทจุ ริตแล้ว ปัญหาการทุจริตจะลดนอ้ ยลง ประเทศชาติ จะสามารถพฒั นาไดม้ ากขนึ้ ส�ำหรบั ระดบั การทจุ รติ ทเี่ กดิ ขนึ้ ไมว่ า่ จะเปน็ ในระดบั ใดลว้ นแลว้ แตส่ ง่ ผลกระทบตอ่ สงั คมและประเทศชาติ ทั้งส้ิน บางครั้งการทุจรติ เพยี งนดิ เดียวอาจน�ำไปสกู่ ารทุจริตอย่างอน่ื ที่มากกวา่ เดมิ ได้ การมวี ฒั นธรรม คา่ นยิ ม หรอื ความเช่ือทไ่ี มถ่ ูกตอ้ งก็สง่ ผลใหเ้ กดิ การทุจริตได้เช่นกนั เช่น การมอบเงินอดุ หนุนแก่สถานศึกษาเพือ่ ใหบ้ ุตร ของตนได้เข้าศึกษาในสถานที่แห่งน้ัน หากพิจารณาแล้วอาจพบว่าเป็นการช่วยเหลือสถานศึกษาเพื่อที่สถาน ศกึ ษาแหง่ นนั้ จะไดน้ �ำเงนิ ทไ่ี ดไ้ ปพฒั นาสภาพแวดลอ้ ม การเรยี นการสอนของทางสถานศกึ ษาตอ่ ไป แตก่ ารกระท�ำ ดังกล่าวน้ีไมถ่ ูกตอ้ ง เป็นการปลกู ฝงั สิง่ ท่ีไม่ดีให้เกิดขึน้ ในสังคม และต่อไปหากกระท�ำเช่นนีเ้ ร่ือย ๆ จะมองว่า เปน็ เรอื่ งปกตทิ ท่ี กุ คนท�ำกนั ไมม่ คี วามผดิ แตอ่ ยา่ งใด จนท�ำใหแ้ บบแผนหรอื พฤตกิ รรมทางสงั คมทดี่ ถี กู กลนื หาย ไปกับการกระท�ำท่ไี มเ่ หมาะสมเหล่าน้ี ตวั อย่างการมอบเงนิ อดุ หนุนแก่สถานศกึ ษายังคงเกดิ ขน้ึ ในประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสถานศึกษาทมี่ ชี ือ่ เสยี งซ่ึงหลายคนอยากใหบ้ ตุ รของตนเขา้ ศกึ ษาในสถานทีแ่ หง่ นนั้ แตด่ ว้ ยขอ้ จ�ำกดั ทไ่ี มส่ ามารถรบั นกั เรยี น นกั ศกึ ษาไดท้ ง้ั หมด จงึ ท�ำใหผ้ ปู้ กครองบางคนตอ้ งใหเ้ งนิ กบั สถานศกึ ษา เพอื่ ให้บตุ รของตนเองได้เข้าเรียน 52 หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ ำ�การเปล่ยี นแปลงสู่สังคมที่ไมท่ นตอ่ การทจุ ริต 151
๕. การลงโทษทางสงั คม (Social Sanction) ค�ำวา่ “การลงโทษโดยสงั คม” หรอื เรยี กวา่ “การลงโทษทางสงั คม” ซงึ่ ตรงกบั ภาษาองั กฤษค�ำวา่ “Social Sanction” พจนานกุ รมศัพทส์ ังคมวิทยาฉบับราชบัณฑิตยสถาน (๒๕๓๒ : ๓๖๑-๓๖๒) ได้ใหค้ วามหมายของ ค�ำว่า “Social Sanction” เปน็ ภาษาไทยวา่ สทิ ธานุมัติทางสังคม หมายถึง การข่วู ่าจะลงโทษหรือการสญั ญาว่าจะให้ รางวลั ตามทก่ี ลมุ่ ก�ำหนดไวส้ �ำหรบั การประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องสมาชกิ เพอื่ ชกั น�ำใหส้ มาชกิ กระท�ำตามขอ้ บงั คบั และ กฎเกณฑ์ Radcliffe-Brown (๑๙๕๒ : ๒๐๕) อธิบายการลงโทษโดยสังคมว่าเป็นปฏิกิริยาตอบสนองทางสังคม อย่างหนึ่งและเป็นการแสดงออกถึงพฤติกรรมที่เป็นด้านตรงกันข้ามระหว่างการเห็นชอบกับการไม่เห็นชอบ พดู อีกอย่างหนง่ึ กค็ ือ การลงโทษโดยสงั คมนน้ั มีคณุ ลักษณะวิภาษ (Dialectic) คอื มที ั้งด้านบวกและด้านลบอยู่ ภายในความหมายของตวั เองส�ำหรบั การลงโทษโดยสงั คมเชงิ บวก (Positive Social Sanction) จะอยใู่ นรปู ของ การใหก้ ารสนับสนนุ หรอื การสรา้ งแรงจูงใจ ฯลฯ ใหแ้ ก่ปจั เจกบคุ คลและสังคมให้ประพฤตปิ ฏิบัตใิ หส้ อดคลอ้ ง กับปทัสถานของชุมชนหรือของสังคม จากการศกึ ษายงั พบดว้ ยว่าการลงโทษโดยสงั คมเชงิ บวกน้ันอาจเปน็ การ สร้างแรงจูงใจให้แก่สังคม เพ่ือยกระดับปทัสถานของสังคมในระดับท้องถ่ินให้ไปสอดคล้องกับปทัสถานใหม่ ในระดับระหวา่ งประเทศ Whitmeyer (๒๐๐๒ : ๖๓๐-๖๓๒) กล่าววา่ การลงโทษโดยสังคม มที ้ังเชงิ บวกและเชงิ ลบ เป็นการ ท�ำงานตามกลไกของสังคม การลงโทษโดยสังคมเป็นมาตรการควบคุมทางสังคมที่ต้องการให้สมาชิกในสังคม ประพฤติปฏิบัติตามมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ท่ีสังคมยอมรับร่วมกัน เมื่อสมาชิกปฏิบัติตามก็จะมีการให้รางวัล เปน็ แรงจงู ใจ และลงโทษเมอ่ื สมาชกิ ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑข์ องสงั คมและจะแสดงการไมย่ อมรบั สมาชกิ คนหนงึ่ หรอื กลุม่ คนกลมุ่ หน่ึง โดยสรปุ แลว้ การลงโทษโดยสงั คม (Social Sanction) หมายถงึ ปฏกิ ริ ยิ าปฏบิ ตั ทิ างสงั คม เปน็ มาตรการ ควบคมุ ทางสังคมที่ตอ้ งการให้สมาชกิ ในสงั คมประพฤตปิ ฏบิ ัติตามมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ทส่ี งั คมก�ำหนด โดย มที งั้ ด้านลบและด้านบวก การลงโทษโดยสังคมเชิงลบ (Negative Social Sanction) เป็นการลงโทษโดยการ กดดันและแสดงปฏิกิริยาต่อต้านพฤติกรรมของบุคคลที่ไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสังคม ท�ำให้บุคคลน้ันเกิด ความอับอายขายหน้า ส�ำหรับการลงโทษโดยสังคมเชิงบวกหรือการกระตุ้นสังคมเชิงบวก (Positive Social Sanction) เป็นการแสดงออกในเชิงสนบั สนนุ หรอื ใหร้ างวัลเปน็ แรงจงู ใจ เพือ่ ใหบ้ ุคคลในสังคมประพฤตปิ ฏบิ ัติ ตามกฎเกณฑข์ องสงั คม การลงโทษทางสังคม เป็นการลงโทษกับบุคลที่ปฏิบัติตนฝ่าฝืนกับธรรมเนียม ประเพณี หรือแบบแผน ทป่ี ฏบิ ัติต่อ ๆ กันมาในชมุ ชน มักใช้ในลกั ษณะการลงโทษทางสังคมเชงิ ลบมากกว่าเชิงบวก การฝา่ ฝนื ดังกลา่ ว อาจจะไม่ผิดกฎหมาย แต่ด้วยธรรมเนียมท่ีปฏิบัติสืบต่อกันมาน้ันถูกละเมิด ถูกฝ่าฝืน หรือถูกดูหมิ่นเก่ียวกับ ความเชอ่ื ของชมุ ชน กจ็ ะน�ำไปสกู่ ารตอ่ ตา้ นจากคนในชมุ ชน แมว้ า่ การฝา่ ฝนื ดงั กลา่ วจะไมผ่ ดิ กฎหมายกต็ าม และท่ี ส�ำคัญไปกว่าน้นั หากการกระท�ำดงั กล่าวผดิ กฎหมายด้วยแล้ว อาจสร้างให้เกดิ ความไมพ่ อใจขึ้นได้ ไม่เพียงแต่ ในชมุ ชนนนั้ แตอ่ าจเกยี่ วเน่ืองไปกับชุมชนอืน่ รอบข้าง หรอื เป็นชมุ ชนทีใ่ หญท่ ่สี ดุ นัน่ คือ ประชาชนทงั้ ประเทศ ซง่ึ การลงโทษทางสงั คมมที ัง้ ดา้ นบวกและด้านลบ ดงั นี้ หลกั สูตรสร้างวิทยากรผู้น�ำ การเปล่ียนแปลงสสู่ ังคมทไ่ี ม่ทนต่อการทจุ ริต 53 152
การลงโทษโดยสงั คมเชงิ บวก (Positive Social Sanction) จะอยใู่ นรปู ของการใหก้ ารสนบั สนนุ หรอื การ สรา้ งแรงจงู ใจ หรอื การใหร้ างวลั ฯลฯ แกบ่ คุ คลและสงั คม เพอื่ ใหป้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั สิ อดคลอ้ งกบั ปทสั ถาน (Norm) ของสงั คมในระดบั ชมุ ชนหรอื ในระดบั สงั คม การลงโทษโดยสงั คมเชิงลบ (Negative Social Sanctions) จะอยู่ในรูปแบบของการใช้มาตรการต่าง ๆ ในการจัดระเบยี บสังคม เช่น การวา่ กลา่ วตักเตอื น ซง่ึ เป็นมาตรการขัน้ ต่�ำสุดเรอื่ ยไปจนถงึ การกดดนั และบบี ค้นั ทางจติ ใจ (Moral Coercion) การตอ่ ต้าน (Resistance) และการประท้วง (Protest) ในรปู แบบต่าง ๆ ไม่ว่า จะโดยปจั เจกบคุ คลหรือการชุมนมุ ของมวลชน การลงโทษทางสังคมทางลบ จะสร้างให้เกดิ การลงโทษต่อบคุ คลทถ่ี ูกกระท�ำ การลงโทษประเภทนีเ้ ปน็ ลงโทษเพอ่ื ใหห้ ยดุ กระท�ำในสงิ่ ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง และบคุ คลทถ่ี กู ลงโทษจะเกดิ การเขด็ หลาบ ไมก่ ลา้ ทจ่ี ะท�ำในสง่ิ นนั้ อกี การลงโทษประเภทนม้ี คี วามรนุ แรงแตกต่างกนั ต้ังแต่ การวา่ กล่าวตักเตือน การนนิ ทา การประจาน การชมุ นุม ขบั ไล่ ซง่ึ เปน็ การแสดงออกถงึ การไมท่ น ไมย่ อมรบั ตอ่ สง่ิ ทบ่ี คุ คลอนื่ ไดก้ ระท�ำไป ดงั นนั้ เมอื่ มใี ครทท่ี �ำพฤตกิ รรม เหล่านน้ั ขึน้ จงึ เป็นการสรา้ งให้เกิดความไม่พอใจแกบ่ ุคคลรอบขา้ ง หรือสังคม จนน�ำไปสู่การต่อตา้ นดงั กลา่ ว การลงโทษทางสงั คมจะมคี วามรนุ แรงมากหรอื นอ้ ย กข็ นึ้ อยกู่ บั การกระท�ำของบคุ คลนนั้ วา่ รา้ ยแรงขนาดไหน หากเป็นเร่ืองเล็กน้อยจะถูกต่อต้านน้อย แต่หากเรื่องนั้นเป็นเร่ืองร้ายแรงท่ีเกิดขึ้นประจ�ำ หรือมีผลกระทบ ต่อสังคม การลงโทษก็จะมีความรุนแรงมากข้ึนด้วย เช่น หากมีการทุจริตเกิดข้ึนก็อาจน�ำไปเป็นประเด็นทาง สังคมจนน�ำไปสู่การต่อต้านจากสังคมได้ เพราะการทุจริตถือว่าเป็นส่ิงท่ีไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย และผิดต่อ ศลี ธรรม บ่อยคร้งั ทีม่ ีการทุจรติ เกิดขึน้ จนเปน็ สาเหตขุ องการชมุ นุมประท้วง เพ่ือกดดัน ขบั ไลใ่ ห้บคุ คลน้ันหยดุ การกระท�ำดังกล่าว หรือการออกจากต�ำแหน่งน้ัน ๆ หรือการน�ำไปสู่การตรวจสอบและลงโทษโดยกฎหมาย โดยในหัวข้อสุดท้ายของชุดวิชานี้ ได้น�ำเสนอตัวอย่างท่ีได้แสดงออกถึงความไม่ทนต่อการทุจริตที่มีการชุมนุม ประทว้ ง บางเหตกุ ารณผ์ ทู้ ถ่ี กู กลา่ วหาไดล้ าออกจากต�ำแหนง่ ซง่ึ การลาออกจากต�ำแหนง่ นนั้ ถอื เปน็ ความรบั ผดิ ชอบ อย่างหนึ่งและเปน็ การแสดงออกถงึ ความละอายในสง่ิ ท่ตี นเองไดก้ ระท�ำ ๖. ช่องทางและวธิ กี ารร้องเรยี นการทุจริต สามารถร้องเรียนมายงั ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ไดโ้ ดยมวี ธิ ีการดังนี้ ๑) ท�ำเปน็ หนงั สอื “เรียน เลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช.” และสง่ ไปที่ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. เลขท่ี ๓๖๑ ถนนนนทบุรี ต�ำบลท่าทราย อ�ำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ หรอื ส่งมาท่ีตู้ ปณ. ๑๐๐ ถนนพษิ ณุโลก | เขตดสุ ติ กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๐ หรอื สง่ มาทส่ี �ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดใกล้บา้ นของท่าน ๒) กลา่ วหาดว้ ยวาจาโดยตรงตอ่ เจา้ หนา้ ทข่ี องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. สว่ นกลาง หรอื ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำ จังหวดั เพอื่ ให้เจ้าหนา้ ทที่ �ำการบันทึกค�ำกลา่ วหาไวเ้ ปน็ พยานหลกั ฐาน ๓) ทางโทรศพั ท์หมายเลข ๐ ๒๕๒๘ ๔๘๐๐-๔๙ หรอื สายดว่ น ป.ป.ช. โทร. ๑๒๐๕ ๔) ทางเวบ็ ไซต์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. www.nacc.go.th หวั ข้อ “รอ้ งเรียน” โดยในค�ำกลา่ วหา ต้องมรี ายละเอียด ดังนี้ ๑) ชือ่ -สกลุ ทอ่ี ยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของผกู้ ล่าวหา ๒) ชอื่ -สกลุ ต�ำแหนง่ สังกัด ของผถู้ ูกกล่าวหา ๓) ระบขุ ้อกลา่ วหาการกระท�ำความผดิ 54 หลักสูตรสร้างวิทยากรผนู้ ำ�การเปลย่ี นแปลงสูส่ งั คมท่ไี มท่ นต่อการทุจรติ 153
๔) บรรยายการกระท�ำความผิดอยา่ งละเอยี ดตามหัวข้อ ดงั น้ี ๔.๑ หากเปน็ การกระท�ำความผดิ ตอ่ หนา้ ท่ี การกระท�ำความผดิ ตอ่ ต�ำแหนง่ หนา้ ทร่ี าชการ การกระท�ำ ความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม จะต้องระบุว่า การกระท�ำความผิดเกิดขึ้นเม่ือใด มีข้ันตอนหรือ รายละเอยี ดการกระท�ำความผดิ อยา่ งไร มพี ยานบคุ คลรเู้ หน็ เหตกุ ารณห์ รอื ไม่ มเี อกสารหลกั ฐานทเ่ี กย่ี วขอ้ งหรอื ไม่ (ถ้าไม่สามารถน�ำมาได้ให้ระบุว่าใครเป็นผู้เก็บรักษา) และในเร่ืองน้ีได้ร้องเรียนต่อหน่วยงานใดบ้าง เมื่อใด และผลเป็นประการใด ๔.๒ หากเปน็ การกลา่ วหาวา่ รำ�่ รวยผดิ ปกติ หรอื มที รพั ยส์ นิ เพม่ิ ขนึ้ ผดิ ปกติ จะตอ้ งระบวุ า่ ฐานะเดมิ ของผถู้ กู กล่าวหา และภรรยาหรอื สามี รวมทง้ั บดิ ามารดาของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างไร ผถู้ กู กล่าวหา และภรรยา หรือสามี มอี าชพี อื่น ๆ หรือไม่ ถา้ มอี าชีพอน่ื แล้วมรี ายได้มากน้อยเพียงใด และทรพั ย์สนิ ท่ีจะแสดงให้เหน็ ว่า ร่ำ� รวยผดิ ปกติมอี ะไรบา้ ง เช่น - บ้าน มีจ�ำนวนกีห่ ลัง ตงั้ อยูท่ ่ีใด (เลขทีบ่ ้าน ถนน ซอย ต�ำบล/แขวง อ�ำเภอ/เขต จังหวดั ) ซื้อเมื่อใด และราคาขณะซ้อื เท่าใด - ท่ีดิน มีจ�ำนวนก่ีแปลง ตั้งอย่ทู ่ีใด (ถนน ซอย ต�ำบล/แขวง อ�ำเภอ/เขต จงั หวัด) ซ้ือเม่ือใด และราคาขณะซอ้ื เท่าใด - รถยนต์ มจี �ำนวนก่ีคัน ยี่หอ้ รุ่น สี หมายเลขทะเบยี นรถ ซือ้ เมอื่ ใด จากใคร และราคาขณะ ซ้อื เท่าใด - มเี งินฝากทธ่ี นาคารใด สาขาใด รวมท้ังทรัพย์สินอ่ืน ๆ ส�ำคัญท่สี ดุ คือ ตอ้ งใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั ชื่อ-สกลุ ทอ่ี ยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ของผกู้ ล่าวหาทีส่ ามารถติดต่อ ได้อย่างชัดเจน เพื่อประโยชน์ในการติดต่อกลับเพื่อยืนยันการกล่าวหาร้องเรียน ขอทราบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ใหช้ ดั เจนจนสามารถด�ำเนนิ การตอ่ ไปได้ และรายงานผลใหผ้ กู้ ลา่ วหาทราบ ท้ังนี้ ขอ้ มูลจะถกู เกบ็ เปน็ ความลับ ท่ีสุด ถ้าไม่ต้องการให้มีการเปิดเผยชื่อ ก็ให้บอกด้วยว่าให้ปกปิดช่ือ-ที่อยู่ไว้เป็นความลับ ตอนท�ำค�ำส่ังไต่สวน จะได้ระบไุ ว้ตามความประสงค์ กรณกี ารรอ้ งเรยี นโดยไมแ่ จง้ ชอ่ื -สกลุ จรงิ ถอื วา่ เปน็ “บตั รสนเทห่ ”์ จะตอ้ งระบพุ ยานหลกั ฐานใหช้ ดั เจน เพยี งพอท่ีจะด�ำเนนิ การไตส่ วนขอ้ เทจ็ จรงิ ได้ ซ่ึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจจะรับไว้พจิ ารณา ทัง้ น้ี ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. จะแจ้งกลับไปใหผ้ ้กู ล่าวหาทราบว่ารับเรอ่ื งไว้พิจารณาและแจง้ ผลการพจิ ารณา ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่หากประสงคจ์ ะติดตามเร่อื งร้องเรียน ก็สามารถติดตามไดท้ างน้ี ๑) ติดตอ่ ด้วยตนเองท่สี �ำนกั งาน ป.ป.ช. สว่ นกลาง หรือส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวดั ๒) ทางโทรศพั ท์หมายเลข ๐ ๒๕๒๘ ๔๘๐๐-๔๙ หรือสายด่วน ป.ป.ช. โทร. ๑๒๐๕ ๓) ทางเวบ็ ไซต์ www.nacc.go.th หัวขอ้ “ติดตามเรือ่ งรอ้ งเรียน” ทัง้ นี้ โปรดจ�ำเลขรับเร่อื งจากส�ำนกั งาน ป.ป.ช. /วัน เดอื น ปี ที่ยื่นเรื่อง/ช่ือ-สกลุ เร่ือง ของผถู้ ูกกล่าวหา นอกจากน้ี ยงั สามารถรอ้ งเรยี นไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดังนี้ ๑) ศูนย์บริการประชาชน ส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายกรัฐมนตรี (สายด่วน) ท�ำเนียบรัฐบาลหมายเลข ๑๑๑๑ บริการรับแจ้งเรอื่ งรอ้ งทุกข์ ตลอด ๒๔ ช่ัวโมง หรอื รบั ร้องเรยี นผา่ นทาง โทร. ๐ ๒๒๘๓ ๑๒๗๑-๘๔ ๒) ส�ำนักงานการตรวจเงินแผน่ ดนิ โทร. ๐ ๒๒๗๑ ๘๐๐๐ หลกั สูตรสร้างวิทยากรผนู้ �ำ การเปล่ยี นแปลงสสู่ ังคมทีไ่ ม่ทนต่อการทจุ รติ 55 154
๓) ส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตในภาครัฐ (ส�ำนักงาน ป.ป.ท.) สายด่วน โทร. ๑๒๐๖ ๔) ศูนยด์ �ำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย สายด่วน โทร. ๑๕๖๗ หรอื ศูนยด์ �ำรงธรรมจังหวดั ๕) คณะกรรมการธรรมาภบิ าลจังหวัด ในแตล่ ะจังหวัด ๖) แจ้งความ ร้องทุกข์ กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ณ สถานีต�ำรวจในเขตอ�ำนาจสอบสวน โดย พนกั งานสอบสวนจะสง่ เรือ่ งทห่ี ากอยใู่ นอ�ำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปยงั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. เพอื่ ด�ำเนนิ การตอ่ ไป ๗. มาตรการคุม้ ครองช่วยเหลือพยาน และการกันบคุ คลไวเ้ ปน็ พยานโดยไมด่ ำ�เนินคดี ๗.๑ มาตรการค้มุ ครองช่วยเหลอื พยาน ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ก�ำหนดให้มีมาตรการคุ้มครองช่วยเหลือพยาน (ตามพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๓๑ และระเบยี บคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าดว้ ยการคมุ้ ครองชว่ ยเหลือพยาน พ.ศ. ๒๕๕๔) - ผู้ที่มีสิทธริ ้องขอใหค้ ้มุ ครองชว่ ยเหลอื พยาน ส�ำหรับผทู้ ีม่ สี ิทธิร้องขอใหค้ ุ้มครองช่วยเหลอื พยาน ได้แก่ ผกู้ ลา่ วหา ผู้เสียหาย ผทู้ �ำค�ำร้อง ผรู้ อ้ งทกุ ข์กลา่ วโทษ ผู้ให้ถ้อยค�ำ หรือผู้ท่ีแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าท่ี การร่�ำรวยผิดปกติ การตรวจสอบ ทรัพย์สนิ และหน้ีสิน หรือข้อมูลอ่นื ท่ีเป็นประโยชนต์ ่อการด�ำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ และกฎหมายอนื่ ที่เกย่ี วขอ้ ง รวมถึงสามี ภริยา ผ้บู ุพการี ผูส้ ืบสนั ดาน ของบุคคลดังกลา่ ว และผทู้ ม่ี คี วามสัมพนั ธ์ใกล้ชดิ กบั บุคคลดงั กลา่ ว - การร้องขอค้มุ ครองชว่ ยเหลือพยาน การร้องขอคมุ้ ครองชว่ ยเหลือพยานท�ำไดโ้ ดยย่ืนค�ำรอ้ งต่อส�ำนกั งาน ป.ป.ช. สว่ นกลาง หรือส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวัดดว้ ยตนเองไดเ้ ลย หรือต่อหน่วยงานทเ่ี กยี่ วข้องกับการคุม้ ครองพยาน (ส�ำนกั งานคมุ้ ครอง พยาน กรมคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรภี าพ หรอื ส�ำนกั งานต�ำรวจแหง่ ชาต)ิ หากมาดว้ ยตนเองไมไ่ ด้ สามารถยน่ื ค�ำรอ้ ง เปน็ หนงั สอื หรอื จดหมาย หรอื ทางโทรศพั ท์ หรอื อาจมอบอ�ำนาจใหผ้ อู้ นื่ ด�ำเนนิ การแทนได้ โดยระบชุ อื่ นามสกลุ ท่ีอยู่ของผู้รอ้ งขอ และพฤติการณ์ทีแ่ สดงให้เหน็ ว่าอาจไมไ่ ด้รบั ความปลอดภัย พรอ้ มทั้งลงลายมือช่ือ ๗.๒ การกนั บุคคลไวเ้ ป็นพยานโดยไม่ด�ำเนนิ คดี ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ไดก้ �ำหนดใหม้ มี าตรการการกนั บคุ คลไวเ้ ปน็ พยานโดยไมด่ �ำเนนิ คดี (ตามพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๓๕ และประกาศคณะ กรรมการ ป.ป.ช. เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอื่ นไขในการกนั บคุ คลหรอื ผถู้ กู กลา่ วหาไวเ้ ปน็ พยานโดยไมด่ �ำเนนิ คดี พ.ศ. ๒๕๕๔) มีรายละเอียดดงั น้ี ผู้ถูกกล่าวหารายใดท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐรายอ่ืน และยังไม่ได้ถูกแจ้ง ขอ้ กลา่ วหา คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจเหน็ สมควรกนั ไวเ้ ปน็ พยานโดยไมต่ อ้ งด�ำเนนิ คดกี ไ็ ด้ หากบคุ คลดงั กลา่ ว มีลักษณะดังน้ี ๑) เป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์และมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระท�ำความผิดกับเจ้าหน้าท่ีของรัฐรายอ่ืนท่ี อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานก่อนการไต่สวน ข้อเทจ็ จรงิ หรืออยู่ระหวา่ งการไต่สวนข้อเทจ็ จรงิ 56 หลกั สตู รสรา้ งวิทยากรผ้นู ำ�การเปลี่ยนแปลงสสู่ งั คมท่ีไมท่ นตอ่ การทุจริต 155
๒) เปน็ ผใู้ หถ้ อ้ ยค�ำทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ การตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื การแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ และรวบรวม พยานหลักฐาน หรือการไต่สวนข้อเท็จจริง หรือให้ถ้อยค�ำ หรือแจ้งเบาะแส หรือข้อมูลที่เป็นสาระส�ำคัญ จนสามารถใชเ้ ป็นพยานหลกั ฐานในการวนิ ิจฉยั ชม้ี ูลความผิดเจา้ หนา้ ทขี่ องรัฐรายอ่ืนทเ่ี ป็นตวั การส�ำคญั ๓) เต็มใจท่ีจะให้ถ้อยค�ำหรือแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลตามข้อ ๒ พร้อมกับรับรองว่าจะไปเบิกความ เปน็ พยานในชน้ั ศาลตามท่ีให้การหรอื ให้ถ้อยค�ำไว้ - การร้องขอใหก้ ันตนเองไว้เปน็ พยานในคดี สามารถมีค�ำขอดว้ ยวาจาหรือท�ำเป็นหนงั สือย่นื ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพอ่ื ขอกันตนเองไว้เป็นพยาน ในคดนี นั้ นบั แตว่ นั ท่ไี ดท้ ราบเหตแุ หง่ การกล่าวหา ซ่ึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพิจารณาค�ำขอโดยค�ำนงึ ถงึ เหตุ ดังตอ่ ไปนี้ ๑) หากไมก่ นั บคุ คลหรอื ผถู้ กู กลา่ วหาคนใดคนหนง่ึ เปน็ พยานแลว้ พยานหลกั ฐานทม่ี อี ยอู่ าจไมเ่ พยี งพอ และไมอ่ าจแสวงหาพยานหลกั ฐานอนื่ แทนเพอ่ื ใหเ้ พยี งพอในการด�ำเนนิ คดกี บั ผถู้ กู กลา่ วหารายอนื่ ทเี่ ปน็ ตวั การ ส�ำคัญ ๒) บุคคลนน้ั จะต้องเบกิ ความตามท่ีให้การไว้ เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติใหก้ ันบคุ คลหรอื ผ้ถู ูกกล่าวหานน้ั ไว้เปน็ พยานแลว้ ถือว่าบคุ คลดังกลา่ ว อย่ใู นฐานะพยานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในคดีน้นั และอาจไดร้ บั การคุ้มครองชว่ ยเหลือตามกฎหมายต่อไป ๗.๓ กฎ ก.พ. วาดวยหลักเกณฑแ ละวิธีการการใหบําเหนจ็ ความชอบ การกนั เปนพยาน การลดโทษ และการใหความคุมครองพยาน พ.ศ.๒๕๕๓ ขอ ๓ ขาราชการพลเรอื นสามญั ผใู ดใหข อ มลู ตอ ผบู งั คบั บญั ชาหรอื ใหถ อ ยคําในฐานะพยาน ตอ ผมู หี นาที่ สืบสวนสอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ อันเปนประโยชนและเปนผลดียิ่ง ตอ ทางราชการ ใหถ อื วาผนู น้ั ปฏบิ ตั หิ นาทร่ี าชการ ซง่ึ ไดร บั ความคมุ ครองพยานและอาจไดร บั บําเหนจ็ ความชอบ เปน กรณีพเิ ศษ ตามกฎ ก.พ. น้ี ขอมูลหรือถอยคําตามวรรคหน่ึงจะถือวาเปนประโยชนและเปนผลดียิ่งตอทางราชการตอเมื่อ เปน ปจ จยั สําคญั ทท่ี ําใหด ําเนนิ การทางวนิ ยั ได หรอื เปน ปจ จยั สําคญั ทท่ี ําใหล งโทษทางวนิ ยั แกผ กู ระทําความผดิ ได และมผี ลทําใหส ามารถประหยดั งบประมาณแผน ดนิ เปน อยางมากหรอื มผี ลทําใหส ามารถรกั ษาไวซ งึ่ ระบบบรหิ าร ราชการท่ดี โี ดยรวมได ในกรณที ข่ี าราชการผนู น้ั เปน ผกู ระทําผดิ วนิ ยั นน้ั เสยี เองหรอื อาจจะถกู กลาวหาวามสี ว นรว มในการกระทํา ผดิ วนิ ยั นน้ั ดว ย ไมใ หไ ดร บั บําเหน็จความชอบเปนกรณพี ิเศษตามขอน้ี ขอ ๔ ขาราชการพลเรอื นสามญั ผทู อ่ี าจจะถกู กลาวหาวามสี ว นรว มในการกระทําผดิ วนิ ยั กบั ขาราชการอนื่ ถาไดใ หข อ มลู ตอ ผบู งั คบั บญั ชา หรอื ใหถ้ อ ยคําเกย่ี วกบั การกระทําผดิ วนิ ยั ทไ่ี ดก ระทํามาตอ บคุ คลหรอื คณะบคุ คล ท่มี หี นาท่สี ืบสวนสอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ และขอ มลู หรอื ถอยคํานน้ั เปน ปจ จยั สําคัญจนเปน เหตุใหมกี ารสอบสวนทางวนิ ยั แกผูเ ปนตน เหตแุ หงการกระทําผดิ อาจไดรบั การกันเปน พยาน การลดโทษ หรือการใหความคมุ ครองพยานตามกฎ ก.พ. น้ี ขอ ๕ การใหข อมูลหรือใหถอยคําตามขอ ๓ หรอื ขอ ๔ ที่จะไดร ับประโยชนตามกฎ ก.พ. นี้ จะตองเปน ความเชอื่ โดยสจุ รติ วามกี ารกระทําผดิ วนิ ยั หรอื เปน ไปตามทต่ี นเองเชอ่ื วาเปน ความจรงิ และไมม กี ารกลบั ถอ ยคํา นัน้ ในภายหลัง หลกั สตู รสร้างวิทยากรผูน้ �ำ การเปลี่ยนแปลงส่สู งั คมท่ีไม่ทนตอ่ การทจุ ริต 57 156
การใหข อ มลู หรอื ถอยคําตามวรรคหนงึ่ ไมถ ือเปน การเปดเผยความลับของทางราชการ และไมเ ปนการ กระทําการขามผูบ ังคบั บัญชาเหนอื ตน ขอ ๖ ผบู งั คบั บญั ชาตามลําดบั ชน้ั ทไี่ ดร บั ขอ มลู มหี นาทรี่ ายงานใหผ บู งั คบั บญั ชาซง่ึ เปน ผมู อี �ำนาจสงั่ บรรจุ และแตงตัง้ เพือ่ ทราบและพจิ ารณาดําเนนิ การตอไป ขอ ๗ ผูบังคับบัญชาตามลําดับชั้นและผูมีอํานาจสั่งบรรจุและแตงต้ังมีหนาท่ีใหความคุมครองพยาน ดังตอไปน้ี (๑) ไมเปด เผยช่ือหรอื ขอมูลใด ๆ ที่จะทําใหท ราบวาผูใ ดเปนผใู หขอมูลหรอื ใหถ อ ยคํา (๒) ไมใชอ ํานาจไมว าในทางใดหรอื กระทําการอื่นใดอันเปนการกลน่ั แกลงหรือไมเปนธรรม ซึ่งอาจมีผลทําใหกระทบสทิ ธหิ รอื หนาทีข่ องผนู น้ั ในทางเสยี หาย (๓) ใหค วามคุมครองมิใหผ ูนัน้ ถูกกล่นั แกลงหรือถกู ขมขเู พราะเหตทุ ม่ี กี ารใหขอ มลู หรือถอยคํา (๔) ประสานงานกับพนกั งานอัยการเพ่อื เปน ทนายแกตางคดีใหถ าผูน ัน้ ถูกฟอ งเปนคดีตอ ศาล ในกรณที พี่ ยานผใู ดรอ งขอเปน หนงั สอื ผมู อี ํานาจสง่ั บรรจแุ ละแตง ตง้ั จะพจิ ารณายายผนู นั้ หรอื พจิ ารณา ดําเนนิ การอน่ื ใดทเี่ หน็ วาจําเปน เพอื่ ใหผ นู น้ั ไดร บั ความคมุ ครอง โดยไมต อ งไดร บั ความยนิ ยอมหรอื เหน็ ชอบจาก ผูบงั คับบัญชาของผูน ัน้ และไมตองปฏบิ ัติตามขนั้ ตอนหรอื กระบวนการตามท่ีกฎหมายบัญญัตไิ วก ็ได ขอ ๘ พยานผูใดเห็นวาผูบังคับบัญชาตามลําดับชั้นยังไมไดใหการคุมครองตามขอ ๗ หรือการใหการ คมุ ครองดงั กลาวยงั ไมเ พยี งพอ อาจยนื่ คํารอ งเปน หนงั สอื ตอ ผมู อี ํานาจสง่ั บรรจุ และแตง ตง้ั เพอ่ื พจิ ารณาดําเนนิ การ ขอ ๙ เมอ่ื ผมู อี ํานาจสงั่ บรรจแุ ละแตง ตงั้ ไดร บั คํารอ งตามขอ ๘ แลว หากมมี ลู นาเชอื่ วาเปน ไปตามทพ่ี ยาน กลาวอาง ใหผ ูม ีอํานาจสงั่ บรรจุและแตงตั้งดําเนนิ การใหค วามคมุ ครองพยานในโอกาสแรกทสี่ ามารถกระทําได ขอ ๑๐ พยานผใู ดเห็นวาผูมีอํานาจสั่งบรรจุและแตงตัง้ ยังไมไ ดใ หก ารคุมครองตามหมวดนี้ หรือการให การคุมครองดงั กลาวยงั ไมเพียงพอ อาจย่นื คํารอ งเปนหนงั สือตอ สํานักงาน ก.พ. ได ขอ ๑๑ เมื่อสํานักงาน ก.พ. ไดรับคํารองตามขอ ๑๐ แลว หากมีมูลนาเช่ือวาเปนไปตามท่ีพยาน กลาวอางใหส ํานกั งาน ก.พ. ดําเนนิ การใหม กี ารยายหรอื โอน หรอื ดําเนนิ การอนื่ ใดตามท่ี เหน็ สมควรเพอื่ ใหผ นู นั้ ไดรับความคุมครอง โดยไมตองไดรับความยินยอมหรือเห็นชอบจากผูมีอํานาจส่ังบรรจุและแตงตั้งกอน หรือ ไมตองปฏบิ ัตติ ามขนั้ ตอนหรือกระบวนการตามทีก่ ฎหมายกําหนด ในกรณที ่ีผูมอี ํานาจส่งั บรรจแุ ละแตง ต้งั ไมด ําเนนิ การตามท่ีสํานกั งาน ก.พ. กําหนด ตามวรรคหน่ึง หรือ ในกรณที เี่ ห็นสมควร ใหสํานกั งาน ก.พ. เสนอ ก.พ. เพ่อื พจิ ารณาดําเนินการตามมาตรา ๙ ตอ ไป ขอ ๑๒ การใหค วามคมุ ครองพยานตามหมวดน้ี ใหพ จิ ารณาดําเนนิ การในโอกาสแรกทส่ี ามารถกระทําได และใหเรมิ่ ตั้งแตม ีการใหข อมูลหรือใหถอ ยคําตามขอ ๓ หรอื ขอ ๔ แลวแตก รณี จนกวาจะมีการสั่งยุตเิ รอ่ื งหรือ การดําเนินการทางวนิ ัยตามกฎหมายนี้แกผูเ ปน ตนเหตเุ สรจ็ สิน้ ขอ ๑๓ กอนมีการแจงเรื่องกลาวหาวาขาราชการพลเรือนสามัญผูใดกระทําผิดวินัย ถาผูใหขอมูลหรือ ใหถ อยคําตามขอ ๔ ไมใชผ ูเปน ตน เหตแุ หง การกระทําผดิ วนิ ยั ในเรื่องนน้ั และเปน กรณี ท่ไี มอาจแสวงหาขอมูล หรือพยานหลักฐานอ่ืนใดเพื่อดําเนินการทางวินัยแกผูเปนตนเหตุแหงการกระทําความผิดวินัยในเร่ืองน้ันได นอกจากจะไดข อ มลู หรือพยานหลกั ฐานจากผนู ้ัน ผูมอี ํานาจส่ังบรรจุและแตงต้งั อาจกนั ผูนั้นเปนพยานได้ ขอ ๑๔ ในกรณีท่ีผูที่ถูกกันเปนพยานตามขอ ๑๓ ไมมาใหถอยคําตอบุคคลหรือคณะบุคคล ผูมีหนาท่ี สืบสวนสอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ หรือมาแตไมใหถอยคํา หรือ 58 หลกั สตู รสร้างวิทยากรผนู้ ำ�การเปล่ียนแปลงสู่สงั คมทไ่ี ม่ทนต่อการทุจริต 157
ใหถ อยคําแตไ มเปนประโยชนต อการดําเนินการ หรือใหถอ ยคําอันเปนเทจ็ หรอื กลบั คําใหก าร ใหก ารกนั ผูน้นั ไวเปนพยานเปน อันสิน้ สดุ ลง ขอ ๑๕ ใหผูบังคับบัญชาผูมอี ํานาจส่ังบรรจุและแตงต้ังแจงเร่ืองการกันขาราชการพลเรือนสามัญ ตาม ขอ ๑๓ ไวเปนพยาน หรือการสน้ิ สุดการกันเปนพยานตามขอ ๑๔ ใหบ ุคคลหรอื คณะบุคคล ทม่ี หี นาทส่ี บื สวน สอบสวนหรอื ตรวจสอบตามกฎหมายหรอื ระเบยี บของทางราชการและขาราชการผนู น้ั ทราบ ขอ ๑๖ ขาราชการพลเรือนสามัญผูใหขอมูลหรือใหถอยคําตามขอ ๔ ผูใดไดใหขอมูลหรือใหถอยคํา ทส่ี ําคญั จนเปน เหตใุ หล งโทษทางวนิ ยั แกผ เู ปน ตน เหตแุ หง การกระทําผดิ ได และผนู น้ั ตอ งถกู ลงโทษทางวนิ ยั เพราะ เหตุที่ไดรวมกระทําผิดวินัยนั้นดวย ถาผูมีอํานาจส่ังบรรจุและแตงต้ังพิจารณาเห็นวาผูนั้นมิไดเปนตนเหตุ แหงการกระทําความผดิ วินยั นน้ั หรอื ไดรวมกระทําความผดิ วนิ ัยไปเพราะตกอยูใ นอํานาจบังคบั หรือกระทําไป โดยรูเทาไมถึงการณ ผูมีอํานาจสั่งบรรจุและแตงตั้งอาจพิจารณาลดโทษใหผูนั้นต่�ำกวาโทษท่ีควรไดรับจริงได แตท ั้งน้ีตองไมต ำ่� กวาการลดโทษทอี่ าจกระทําไดตามท่กี ฎหมายกําหนด ขอ ๑๗ ผูม ีอํานาจสงั่ บรรจแุ ละแตงตง้ั อาจพจิ ารณาใหบ ําเหน็จความชอบเปน กรณีพิเศษ แกผูใ หข อ มูล หรอื ถอ ยคําตามขอ ๓ ไดด ังน้ี (๑) ใหถ อื วาการใหข อ มลู หรอื ใหถ อ ยคํานน้ั เปน ขอ ควรพจิ ารณาอน่ื ตามกฎ ก.พ. วาดว ยการเลอ่ื นเงนิ เดอื น ที่ผูบ ังคบั บญั ชาตองนําไปใชเ ปน ขอมลู ประกอบในการพิจารณาเล่ือนเงินเดือน (๒) เคร่อื งหมายทเ่ี หน็ สมควรเพื่อเปนเครอ่ื งเชิดชูเกียรติ (๓) รางวลั (๔) คําชมเชยเปน หนังสอื ขอ ๑๘ ใหผูมีอํานาจส่ังบรรจุและแตงตั้งพิจารณาใหบําเหน็จความชอบเปนกรณีพิเศษตามขอ ๑๗ แกผ ใู หข อ มลู หรอื ใหถ อ ยคําตามขอ ๓ ตามระดบั ความมากนอ ยของประโยชนแ ละผลดยี ง่ิ ตอ ทางราชการทไ่ี ดร บั จากการใหขอมูลหรอื ถอ ยคํานั้น หลักสูตรสร้างวิทยากรผนู้ �ำ การเปล่ียนแปลงสสู่ ังคมทไี่ มท่ นตอ่ การทุจริต 59 158
บรรณานุกรม กรมสรรพากร. (๒๕๕๙). ค่มู อื การปอ้ งกันผลประโยชนท์ บั ซ้อน. กรงุ เทพฯ: กรมสรรพากร. ดัชนชี ้ีวดั ภาพลกั ษณค์ อรร์ ปั ชันโลก ปี ๒๕๕๙ คะแนนไทยรว่ งจาก ๓๘ เปน็ ๓๕ อนั ดับตกจาก ๗๖ เป็น ๑๐๑ จาก ๑๗๖ ประเทศ. (๒๕๖๐). สืบค้นเม่ือ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐, จาก http://thaipublica. org/2017/01/corruption-perceptions-index-2016-thailand/ พระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑. (ม.ป.ป.). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ . สบื คน้ เมอื่ ๑๖ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๐, จาก https:// www.nacc.go.th/ more_news.php?cid=36 สังศิต พิริยะรังสรรค์ และคณะ. (๒๕๕๙). โครงการส่งเสริมและสนับสนุนมาตรการลงโทษทางสังคม. ทุนสนับสนุนการวิจัยจากส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ.). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. สงั ศติ พิรยิ ะรังสรรค.์ Social Sanction. วารสารสงั คมศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์ ปีท่ี ๔๖ ฉบับท่ี ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๙. หน้าที่ ๖๕ เสาวนยี ์ ไทยร่งุ โรจน์ และคณะ. (๒๕๕๓). โครงการประเมินดา้ นสถานการณด์ า้ นการทุจรติ ในประเทศไทย. กรงุ เทพมหานคร : คณะอนกุ รรมการฝ่ายวจิ ัย ส�ำนกั งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทจุ รติ แหง่ ชาติ ส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาต.ิ (๒๕๕๘). เปดิ แฟม้ ๑๐ คดที จุ รติ บทเรยี น ราคาแพงของคนไทย. กรุงเทพมหานคร : อมรนิ พรน้ิ ติ้งแอนด์พับลชิ ชิ่ง ส�ำนักงานปลัดกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม. (ม.ป.ป.) คูม่ อื การป้องกนั ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น. กรุงเทพฯ: ส�ำนกั งานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม. ส�ำนกั งานปลัดกระทรวงพาณิชย์. (๒๕๕๙). คู่มือการปอ้ งกันผลประโยชนท์ บั ซ้อน. กรุงเทพฯ: ส�ำนกั งานปลัด กระทรวงพาณิชย.์ ส�ำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (๒๕๕๙). ค่มู อื การปอ้ งกันผลประโยชน์ทบั ซอ้ น. กรงุ เทพฯ: ส�ำนกั งาน ปลัดกระทรวงสาธารณสขุ . ส�ำนักงานปลดั ส�ำนักนายกรฐั มนตรี. (๒๕๖๐). ค่มู ือปอ้ งกนั ผลประโยชน์ทับซ้อน. กรงุ เทพฯ: ศูนยป์ ฏิบตั กิ าร ตอ่ ต้านการทจุ ริต (ศปท.). หอการค้าไทยเผยดัชนีคอร์รัปชัน มิ.ย. ปรับตัวลด. สืบค้นเม่ือ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐, จากhttp://www. thairath.co.th/content/661992 Radcliffe-Brown, A.R. (1952). Structure and function in primitive society. Illinois: The free Press. 60 หลักสูตรสร้างวทิ ยากรผ้นู ำ�การเปลีย่ นแปลงสู่สังคมทไี่ มท่ นต่อการทจุ ริต 159
วิชาท่ี ๓ การประยกุ ต์หลกั ความพอเพียงดว้ ยโมเดล STRONG : จิตพอเพยี งตา้ นทจุ ริต หลกั สูตรสร้างวิทยากรผู้นำ�การเปลี่ยนแปลงสสู่ งั คมทไ่ี มท่ นต่อการทุจริต วชิ าท่ี ๓ : เรื่อง การประยกุ ตห์ ลกั ความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จติ พอเพียงต้านทจุ รติ จ�ำนวนช่วั โมง : ๓ ช่ัวโมง เรือ่ ง การประยุกตห์ ลักความพอเพยี งดว้ ยโมเดล STRONG : จติ พอเพยี งต้านทจุ รติ สาระสำ�คัญ วชิ านเ้ี ปน็ การเรยี นรเู้ กย่ี วกบั ทมี่ า ความหมายของโมเดล STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ รติ การน�ำโมเดล STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต ไปประยุกต์ในบริบทต่าง ๆ เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถน�ำไปถ่ายทอดได้อย่าง ถูกต้องและน�ำไปปรบั ใช้ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั ผเู้ ข้ารบั การฝึกอบรม วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื เสรมิ สรา้ งความรู้ความเขา้ ใจ การน�ำไปใช้ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประเมนิ เกี่ยวกับ การประยุกต์หลกั ความพอเพยี งดว้ ยโมเดล STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทจุ ริต ๒. เพื่อสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างถูกต้องในเรื่องการประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทุจริต ให้ผู้เรยี นน�ำไปปรับใช้ไดอ้ ย่างเหมาะสมกับผู้เขา้ รบั การฝึกอบรม ขอบเขตเนอื้ หา ๑. ตน้ แบบความพอเพยี ง (ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง) ๒. STRONG : จิตพอเพยี งตา้ นทจุ รติ วธิ ีการฝึกอบรม การอภิปราย กรณโี ครงการ STRONG การบรรยาย สื่อการเรยี นรู้ PowerPoint สารคดี หรอื สอื่ อ่นื ๆ ที่เหมาะสม การวดั และประเมินผล การทดสอบเนอ้ื หา (๒๐ คะแนน) หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผ้นู �ำ การเปล่ียนแปลงสู่สงั คมทีไ่ ม่ทนต่อการทจุ ริต 61 160
เนอ้ื หาโดยสงั เขป หลกั สูตรสร้างวทิ ยากรผู้น�ำการเปลย่ี นแปลงสู่สังคมทีไ่ ม่ทนตอ่ การทจุ รติ วชิ าที่ ๓ : เรอื่ ง การประยกุ ตห์ ลักความพอเพยี งด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทุจริต จ�ำนวนชว่ั โมง : ๓ ชั่วโมง รายละเอียดเนอื้ หา ๑. ตน้ แบบความพอเพยี ง (ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง) เมอ่ื วนั ที่ ๙ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๘๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดชไดเ้ สด็จขนึ้ เถลิง ถวลั ยราชสมบตั ิ และเมอ่ื วนั ท่ี ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ณ พระทน่ี งั่ ไพศาลทกั ษณิ พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก ในพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช นับเป็นเวลา ๗๐ ปี ทพี่ ระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดชทรงครองราชย์ ทรงมีพระราชปณิธาณที่จะให้ประชาชนชาวไทยได้ประโยชน์และความสุข อยา่ งท่วั ถึงกนั ทัง้ ประเทศ โดย “คน” เปน็ ศนู ยก์ ลางในการพฒั นา และทรงพระวิรยิ ะอตุ สาหะที่จะขจดั ปญั หา ตา่ ง ๆ อาทิ ปญั หาดา้ นเศรษฐกจิ เกษตรกรรม สงั คม การศกึ ษา เปน็ ตน้ เพอื่ ยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน ชาวไทยสามารถพึง่ พาตนเองอยา่ งมนั่ คงและยั่งยนื ตอ่ ไป พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระราชทานแนวพระราชด�ำริหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง จากพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วนั พฤหสั บดที ่ี ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗ โดยมใี จความตอนหนงึ่ วา่ “...การพฒั นาประเทศจ�ำเปน็ ตอ้ งท�ำตามล�ำดบั ข้ันตอ้ งสรา้ งพ้ืนฐาน คอื ความพอมพี อกนิ พอใชข้ องประชาชนส่วนใหญเ่ ปน็ เบ้อื งตน้ ก่อน โดยใช้วธิ กี ารและใช้ อปุ กรณท์ ป่ี ระหยดั แตถ่ กู ตอ้ งตามหลกั วชิ า เมอื่ ไดพ้ น้ื ฐานมน่ั คงพรอ้ มพอควรและปฏบิ ตั ไิ ดแ้ ลว้ จงึ คอ่ ยสรา้ งคอ่ ย เสรมิ ความเจรญิ และฐานะเศรษฐกจิ ขนั้ ทส่ี งู ขนึ้ โดยล�ำดบั ตอ่ ไป หากมงุ่ แตจ่ ะทมุ่ เทสรา้ งความเจรญิ ยกเศรษฐกจิ ขึ้นให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชน โดยสอดคล้องดว้ ย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเร่ืองต่าง ๆ ขึ้นซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด ดังเห็นได้ที่ อารยประเทศหลายประเทศก�ำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงอยู่ในเวลานี้...” ซ่ึงเป็นแนวพระ ราชด�ำรทิ ่พี ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดชพระราชทานแกร่ าษฎร มานานกว่า ๔๐ ปี เพ่ือให้ ราษฎรสามารถด�ำรงชีวิตด้วยการพึงพาตนเอง มีสติอยู่อย่างประมาณตนสามารถด�ำรงชีพปกติสุขอย่างม่ันคง และย่ังยืน เมื่อวนั ท่ี ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๙ องค์การสหประชาชาติ (United Nations :UN) โดยนายโคฟี อันนัน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติไดท้ ลู เกล้าทลู กระหม่อม ถวายรางวัลความส�ำเรจ็ สงู สุดดา้ นการพฒั นามนษุ ย์ ของโครงการพัฒนาแหง่ สหประชาชาต(ิ The Human Development Lifetime Achievement Award) เพ่ือ เทิดพระเกยี รติเป็นกรณพี เิ ศษ ในวโรกาสที่ทรงครองสิรริ าชสมบัติครบ ๖๐ ปี โดยนายโคฟี อันนันไดก้ ล่าวสดุดี พระเกยี รตคิ ณุ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช และกลา่ วถงึ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งวา่ เปน็ หลักการที่มุ่งเน้นการกลั่นกรองในการบริโภคเน้นความพอประมาณและการมีภูมิคุ้มกันในตัวสามารถต้านทาน 62 หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ ำ�การเปล่ยี นแปลงสสู่ งั คมที่ไมท่ นตอ่ การทุจริต 161
ผลกระทบจากกระแสโลกาภิวัตน์ “ทางสายกลาง” จึงเป็นการตอกย้�ำแนวทางท่ีสหประชาชาติที่มุ่งเน้นคน เป็นศูนย์กลางการพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและย่ังยืน ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ส�ำนักงานโครงการพัฒนา แห่งสหประชาชาติประจ�ำประเทศไทย (United Nations Development Programme : UNDP) ไดก้ ล่าวถึง ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยจดั พิมพใ์ นรายงานประจ�ำปี ๒๐๐๗ เพอ่ื เผยแพรป่ รัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปยงั ประเทศสมาชิกกวา่ ๑๕๐ ประเทศท่ัวโลก ๒. โมเดล STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทจุ ริต ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ได้มี การวเิ คราะหภ์ าพอนาคตของประชาชนและสังคมไทยในระยะ ๕ ปีข้างหน้าไว้ว่า หากยทุ ธศาสตรช์ าติฯ ได้รบั ความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนของสังคมไทยในการน�ำไปปฏิบัติจริง ประชาชนไทยจะมีความตื่นตัวต่อ การทจุ รติ มากขน้ึ มกี ารใหค้ วามสนใจตอ่ ขา่ วสารและตระหนกั ถงึ ผลกระทบของการทจุ รติ ทมี่ ตี อ่ ประเทศมากขน้ึ มีการแสดงออกซ่ึงการต่อต้านการทุจริตทั้งในชีวิตประจ�ำวันและการแสดงออกผ่านสื่อสาธารณะและสื่อสังคม ออนไลนต์ า่ ง ๆ ประชาชนในแตล่ ะชว่ งวยั ไดร้ บั กระบวนการกลอ่ มเกลาทางสงั คมวา่ การทจุ รติ ถอื เปน็ พฤตกิ รรม ทน่ี อกจากจะผิดกฎหมายและท�ำให้เกดิ ความเสียหายตอ่ ประเทศแลว้ ยงั เป็นพฤตกิ รรมท่ีผดิ จรยิ ธรรม ไมไ่ ด้รบั การยอมรับจากสังคม ประชาชนจะเร่ิมเรียนรู้การปรับเปลี่ยนฐานความคิดที่ท�ำให้สามารถแยกแยะระหว่าง ผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ วฒั นธรรมทางสงั คมทมี่ ฐี านอยบู่ นหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จะหล่อหลอมให้ประชาชนไม่กระท�ำการทุจริตเนื่องจากมีพ้ืนฐานจิตท่ีพอเพียง มีความละอายต่อการทุจริต ประพฤตมิ ชิ อบ และไมย่ อมใหผ้ อู้ ่ืนกระท�ำการทุจรติ อันส่งผลให้เกดิ ความเสยี หายตอ่ สังคมส่วนรวม เพื่อให้ภาพอนาคตดังกล่าวสามารถบรรลุผลได้จริง หน่วยงานทุกภาคส่วนต้องให้ความส�ำคัญอย่าง แทจ้ รงิ กบั การปรบั ประยกุ ตห์ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชป้ ระกอบกบั หลกั การตอ่ ตา้ นการทจุ รติ อน่ื ๆ เพอ่ื สรา้ งฐานคดิ จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ใหเ้ กดิ ขนึ้ เปน็ พน้ื ฐานความคดิ ของปจั เจกบคุ คล โดยประยกุ ตห์ ลกั “STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ รติ ” ซงึ่ คดิ คน้ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธรี านวุ ฒั ศริ ิ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ มาเปน็ แนวทางในการพฒั นาวัฒนธรรมหนว่ ยงาน หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผูน้ �ำ การเปล่ยี นแปลงส่สู งั คมที่ไม่ทนตอ่ การทุจริต 63 162
ค�ำอธิบายความหมายของ “STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทจุ รติ ” ๑) S (sufficient) : ความพอเพยี ง ผูน้ �ำ ผบู้ รหิ าร บคุ คลทุกระดับ องคก์ รและชมุ ชนนอ้ มน�ำปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับประยุกต์เป็นหลักความพอเพียงในการท�ำงาน การด�ำรงชีวิต การพัฒนาตนเอง และสว่ นรวม รวมถงึ การป้องกันการทุจริตอยา่ งยง่ั ยนื ความพอเพียงต่อส่ิงใดสิ่งหน่ึง ของมนุษย์แม้ว่าจะแตกต่างกันตามพื้นฐาน แต่การตัดสินใจว่าความ พอเพยี งของตนเองต้องตง้ั อยู่บนความมีเหตุมีผลรวมทัง้ ต้องไมเ่ บยี ดเบียนตนเอง ผู้อน่ื และสว่ นรวม ความพอเพียงดังกล่าวจึงเป็นภูมิคุ้มกันให้บุคคลน้ันไม่กระท�ำการทุจริต ซึ่งต้องให้ความรู้ความเข้าใจ (knowledge) และปลุกให้ต่นื รู้ (realize) ๒) T (transparent) : ความโปรง่ ใส ผนู้ �ำ ผู้บริหาร บุคคลทกุ ระดับ องค์กรและชุมชนตอ้ งปฏิบตั ิงาน บนฐานของความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ดังนน้ั จึงต้องมแี ละปฏิบัติตามหลักปฏิบัติ ระเบียบ ข้อปฏิบัติ กฎหมาย ด้านความโปรง่ ใส ซงึ่ ต้องให้ความรูค้ วามเขา้ ใจ (knowledge) และปลุกใหต้ ่ืนรู้ (realize) ๓) R (realize) : ความตื่นรู้ ผนู้ �ำ ผู้บริหาร บคุ คลทุกระดับ องคก์ รและชุมชน มีความรู้ความเขา้ ใจและ ตระหนกั รถู้ งึ รากเหงา้ ของปญั หาและภยั ร้ายแรงของการทุจริตประพฤติมชิ อบภายในชมุ ชนและประเทศ ความ ตื่นรู้จะบังเกิดเม่ือได้พบเห็นสถานการณ์ท่ีเสี่ยงต่อการทุจริต ย่อมจะมีปฏิกิริยาเฝ้าระวังและไม่ยินยอมต่อการ ทจุ ริตในท่สี ุดซง่ึ ตอ้ งให้ความรคู้ วามเขา้ ใจ (knowledge) เก่ียวกบั สถานการณก์ ารทจุ ริตที่เกิดข้ึน ความรา้ ยแรง และผลกระทบต่อระดบั บุคคลและสว่ นรวม ๔) O (onward) : มงุ่ ไปข้างหน้า ผนู้ �ำ ผ้บู รหิ าร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชน มุ่งพฒั นาและ ปรบั เปลย่ี นตนเองและสว่ นรวมใหม้ คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ อยา่ งยงั่ ยนื บนฐานความโปรง่ ใส ความพอเพยี งและรว่ มสรา้ ง วัฒนธรรมสุจริตใหเ้ กิดข้ึนอยา่ งไมย่ ่อท้อ ซ่ึงต้องมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (knowledge) ในประเดน็ ดังกลา่ ว ๕) N (knowledge) : ความรู้ ผนู้ �ำ ผบู้ ริหาร บคุ คลทุกระดับ องค์กรและชุมชน ตอ้ งมีความรู้ความ เขา้ ใจสามารถน�ำความรู้ไปใช้ สามารถวเิ คราะหึรรท่ ื่ สงั เคราะห์ ประเมนิ ไดอ้ ย่างถอ่ งแท้ ในเร่อื ง สถานการณ์ การทจุ รติ ผลกระทบทม่ี ตี อ่ ตนเองและสว่ นรวม ความพอเพยี งตา้ นทจุ รติ การแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตวั และ ผลประโยชนส์ ่วนรวมท่มี คี วามส�ำคญั ยง่ิ ต่อการลดการทุจริตในระยะยาว รวมท้งั ความอายไมก่ ลา้ ท�ำทุจริตและ ความไม่ทนเมอ่ื พบเห็นว่ามกี ารทจุ รติ เกดิ ขนึ้ เพ่อื สรา้ งสงั คมไม่ทนต่อการทจุ รติ ๖) G (generosity) : ความเอ้ืออาทร คนไทยมีความเอ้ืออาทร มีเมตตา น�้ำใจ ต่อกันบนฐานของ จิตพอเพยี งต้านทจุ ริต ไม่เออื้ ต่อการรับหรอื การให้ผลประโยชน์หรือต่อพวกพ้อง ความพอเพียง พระราชด�ำรสั พระราชทานแกบ่ คุ คลตา่ ง ๆ ทเ่ี ขา้ เฝา้ ฯ ถวายชยั มงคลเนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดสุ ิต วันศกุ รท์ ่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑ “...ค�ำวา่ พอเพยี ง มคี วามหมายกวา้ งออกไปอกี ไมไ่ ดห้ มายถงึ การมพี อส�ำหรบั ใชข้ องตวั เอง มคี วามหมาย ว่าพอมพี อกิน พอมพี อกนิ น้ี ถ้าใครไดม้ าอยทู่ ่ีนี่ ในศาลานี้เมื่อ ๒๔ ปี ๒๕๑๗ ถึง ๒๕๔๑ ก็ ๒๔ ปี ใช่ไหม วนั นน้ั ไดพ้ ดู ถงึ วา่ เราควรจะปฏบิ ตั ใิ หพ้ อมพี อกนิ พอมพี อกนิ นกี้ แ็ ปลวา่ เศรษฐกจิ พอเพยี งนนั่ เองถา้ แตล่ ะคนพอมพี อกนิ ก็ใชไ้ ด้ ย่ิงถ้าทงั้ ประเทศพอมีพอกนิ กย็ ่ิงดี และประเทศไทยกเ็ วลานน้ั ก็เริ่มจะเป็นไม่พอมี พอกิน บางคนก็มีมาก 64 หลักสูตรสรา้ งวทิ ยากรผูน้ ำ�การเปลย่ี นแปลงสสู่ ังคมทีไ่ มท่ นตอ่ การทุจรติ 163
บางคนก็ไม่มีเลย สมัยก่อนนี้พอมีพอกิน มาสมัยน้ีชักจะไม่พอมีพอกิน จึงต้องมีนโยบายที่จะท�ำเศรษฐกิจ พอเพียง เพ่อื ท่ีจะใหท้ กุ คนมพี อเพยี งได.้ ..” “...ค�ำวา่ พอกเ็ พยี งพอ เพยี งนก้ี พ็ อดงั นนั้ เอง คนเราถา้ พอในความตอ้ งการ กม็ คี วามโลภนอ้ ย เมอื่ มคี วาม โลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอ่ืนน้อย ถ้าทุกประเทศใดมีความคิด อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มีความคิดว่าท�ำอะไรต้อง พอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข พอเพียงน้ีอาจจะมีมาก อาจจะมขี องหรหู รากไ็ ด้ แตว่ า่ ตอ้ งไมไ่ ปเบยี ดเบยี นคนอน่ื ตอ้ งใหพ้ อประมาณ พดู จากพ็ อเพยี ง ท�ำอะไรกพ็ อเพยี ง ปฏิบัติตนก็พอเพียง…” “...อยา่ งเคยพดู เหมอื นกนั วา่ ทา่ นทงั้ หลายทน่ี ง่ั อยตู่ รงนี้ ถา้ ไมพ่ อเพยี งคอื อยากจะไปนงั่ บนเกา้ อข้ี องผทู้ ่ี อยูข่ า้ ง ๆ อันน้ันไมพ่ อเพยี งและท�ำไมไ่ ด้ ถา้ อยากนั่งอยา่ งน้ันก็เดือดร้อนกันแนเ่ พราะวา่ อดึ อัด จะท�ำให้ทะเลาะ กัน และเมือ่ มีการทะเลาะกันก็ไม่มีประโยชนเ์ ลย ฉะนน้ั ควรที่จะคดิ วา่ ท�ำอะไรพอเพียง...” “...ถ้าใครมีความคิดอย่างหนึ่งและต้องการให้คนอ่ืนมีความคิดอย่างเดียวกับตัวซ่ึงอาจจะไม่ถูก อันนี้ก็ ไม่พอเพียง การพอเพียงในความคิดก็คือแสดงความคิด ความเห็นของตัวและปล่อยให้อีกคนพูดบ้าง และมา พิจารณาว่าท่ีเขาพูดกับท่ีเราพูด อันไหนพอเพียงอันไหนเข้าเรื่อง ถ้าไม่เข้าเร่ืองก็แก้ไขเพราะว่าถ้าพูดกันโดยท่ี ไมร่ ้เู รอ่ื งกนั กจ็ ะกลายเปน็ การทะเลาะ จากการทะเลาะดว้ ยวาจากก็ ลายเปน็ การทะเลาะดว้ ยกาย ซึง่ ในท่ีสดุ ก็ น�ำมาสู่ความเสยี หาย เสียหายแกค่ นสองคนทเ่ี ปน็ ตวั การ เป็นตัวละครทง้ั สองคน ถา้ เปน็ หมู่ก็เลยเปน็ การตกี นั อยา่ งรนุ แรง ซ่ึงจะท�ำใหค้ นอืน่ อีกมากเดอื ดร้อน ฉะนัน้ ความพอเพยี งน้ีก็แปลวา่ ความพอประมาณและความ มีเหตุผล...” ส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ประมวลและกลั่นกรองจาก พระราชด�ำรสั ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เรอ่ื งเศรษฐกจิ พอเพยี ง และขอพระราชทาน พระบรมราชานญุ าตน�ำไปเผยแพร่ ซง่ึ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชทรงพระกรณุ าปรบั ปรงุ แกไ้ ขและทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อม พระราชทานพระบรมราชานุญาตตามท่ีขอพระมหากรณุ า โดยมใี จความว่า “เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาช้ีถึงแนวการด�ำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ต้ังแต่ ระดับครอบครัว ระดับชมุ ชน จนถึงระดบั รัฐ ทงั้ ในการพัฒนาและบริหารประเทศใหด้ �ำเนนิ ไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพ่ือให้กา้ วทันตอ่ โลกยคุ โลกาภวิ ัตน์ ความพอเพยี ง หมายถึง ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล รวมถงึ ความจ�ำเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งมรี ะบบภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี พี อสมควร ตอ่ การมผี ลกระทบใด ๆ อนั เกดิ จากการเปลย่ี นแปลงทงั้ ภายนอกและภายใน ทงั้ น้ี จะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั อย่างย่งิ ในการน�ำวิชาการตา่ ง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการด�ำเนินการทุกข้ันตอน และขณะเดยี วกันจะตอ้ ง เสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าท่ีของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มี ส�ำนกึ ในคุณธรรมความซ่อื สตั ย์สจุ รติ และใหม้ คี วามรอบรู้ทเ่ี หมาะสม ด�ำเนนิ ชีวิตดว้ ยความอดทน ความเพยี ร มีสติปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและ กว้างขวางท้งั ดา้ นวตั ถุ สังคม ส่งิ แวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอยา่ งด”ี คณุ ลักษณะที่ส�ำคญั ของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งประกอบด้วย ๓ หว่ ง ๒ เงือ่ นไข คอื แนวทางการ ด�ำเนนิ ชวี ติ ใหอ้ ยบู่ นทางสายกลางตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพอื่ พน้ จากภยั และวกิ ฤตกิ ารณต์ า่ ง ทเ่ี กดิ ขึ้นก่อให้เกดิ คุณภาพชีวิตทดี่ อี ยา่ งม่นั คงและยงั่ ยนื หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผู้น�ำ การเปล่ยี นแปลงสูส่ ังคมทไ่ี มท่ นตอ่ การทุจริต 65 164
• ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีต่อความจ�ำเป็น ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไปและต้องไม่ เบียดเบยี นตนเองและผู้อนื่ • ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจด�ำเนินการเรื่องต่าง ๆ อย่างมีเหตุผลตามหลักวิชาการ หลักกฎหมาย หลักศีลธรรมจรยิ ธรรมและวฒั นธรรมที่ดีงาม คดิ ถงึ ปจั จัยท่ีเกย่ี วข้องอย่างถถ่ี ว้ น โดยค�ำนงึ ถึงผล ท่คี าดวา่ จะเกดิ ขึน้ จากการกระท�ำน้นั ๆ อย่างรอบคอบ • มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวเอง หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลงด้าน เศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อมท่ีจะเกดิ ข้นึ เพ่อื ให้สามารถปรับตัวและรับมอื ไดอ้ ยา่ งทันท่วงที เง่ือนไขในการตดั สนิ ใจในการด�ำเนินกจิ กรรมต่าง ๆ ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ๑. เงอื่ นไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรเู้ กย่ี วกบั วชิ าการตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งรอบดา้ น ความรอบคอบ ท่จี ะน�ำความรเู้ หลา่ นัน้ มาพิจารณาใหเ้ ชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมดั ระวังในการปฏิบตั ิ ๒. เงื่อนไขคณุ ธรรม ทจี่ ะต้องเสรมิ สร้าง ประกอบดว้ ย มีความตระหนักใน คุณธรรม มคี วามซ่ือสตั ย์ สุจรติ และมคี วามอดทน มคี วามเพียร ใช้สติปัญญาในการด�ำเนินชีวิต ทม่ี า : ส�ำนกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงเปน็ แนวทางด�ำเนินชวี ิตทางสายกลาง การพึง่ ตนเอง ร้จู ักประมาณตนอย่าง มีเหตุผล อยู่บนพื้นฐานความรู้และคุณธรรมในการพิจารณา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด�ำเนินการไม่ได้เฉพาะ เจาะจงในเรอ่ื งของเศรษฐกิจแตเ่ พยี งอย่างเดยี ว แต่ยังครอบคลมุ ไปถงึ การด�ำเนนิ ชีวิตดา้ นอ่นื ๆ ของมนุษย์ให้ อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างปกติสุข อย่างเช่น หากเรามีความพอเพียง เราจะไม่ทุจริต คดโกง ไม่ลักขโมยของ เบียดเบียนผอู้ ื่น กจ็ ะสง่ ผลใหผ้ อู้ ่นื ไมเ่ ดือดร้อน สงั คมกอ็ ยไู่ ดอ้ ย่างปกตสิ ุข 66 หลักสตู รสร้างวทิ ยากรผู้นำ�การเปลย่ี นแปลงสู่สงั คมที่ไมท่ นตอ่ การทจุ ริต 165
แบบอยา่ งในเรือ่ งของความพอเพยี ง เร่ือง ฉลองพระองค์ บนความ “พอเพียง”: หนังสือพมิ พ์คม ชัด ลึก ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ นายสุนทร ชนะศรีโยธิน เจ้าของร้านสูท “วินสัน เทเลอร์” ได้บอกเล่าพระราชจริยวัตรในด้าน “ความพอเพยี ง” ทพี่ ระองคท์ า่ นทรงปฏบิ ตั มิ าอยา่ งตอ่ เนอื่ งวา่ “นายต�ำรวจน�ำมาใหผ้ มซอ่ ม เปน็ ผา้ รดั อกส�ำหรบั เลน่ เรอื ใบสภาพเกา่ มากแลว้ นายต�ำรวจทา่ นนนั้ บอกวา่ ไมม่ รี า้ นไหนยอมซอ่ มใหเ้ ลย ผมเหน็ วา่ ยงั แกไ้ ขไดก้ ร็ บั มา ซ่อมแซมใหไ้ ม่คิดเงนิ เพราะแคน่ ึกอยากบรกิ ารแก้ไขให้ดใี หล้ กู ค้าประทับใจ แต่ไมร่ ู้มาก่อนว่าเขาเป็นเจ้าหน้าท่ี ในพระราชส�ำนักตอนน้ันผมบอกไม่คิดค่าตัดบอกเขาว่าไม่รับเงิน แก้ไขแค่นี้ ผมมีน้�ำใจ ผมเปิดร้านเสื้อเพราะ ต้องการให้มีช่ือเสียงด้านคุณภาพและบริการลูกค้ามากกว่า แก้ไขนิดเดียวก็อยากท�ำให้เขาดี ๆ ไม่ต้องเสียเงิน ตอนน้ันเขาถามผมอีกว่า แล้วจะเอามาให้ท�ำอีกได้ไหม เราก็บอกได้เลยผมบริการให้ จากน้ันเราก็รับแก้ชุดให้ ให้นายต�ำรวจทา่ นนีเ้ รอ่ื ย ๆ เขาขอให้คิดเงินก็ไมค่ ิดให้ พอคร้ังที่ ๕ น่สี ิ ท่านเอาผ้ามา ๔-๕ ผนื จะใหต้ ัดถามผม ว่าเท่าไหร่ ๆ แลว้ กร็ บี ควักนามบตั รมาใหผ้ ม ท่านชอื่ พล.ต.ต.จรสั สดุ เสถียร ต�ำแหนง่ เขียนวา่ เปน็ นายต�ำรวจ ประจ�ำราชส�ำนัก ท่านบอกวา่ “สิง่ ทีเ่ ถ้าแก่ท�ำใหเ้ ปน็ ของพระเจ้าอย่หู วั นะ” ผมองึ้ มากรบี ยกมือทว่ มหัว ดใี จที่ ไดร้ บั ใชเ้ บ้ืองพระยุคลบาทแล้ว” นายสนุ ทรเล่าด้วยนำ�้ เสียงต้นื ตนั ใจแตล่ ะฉลองพระองคท์ ไี่ ดร้ บั มาใหซ้ ่อมแซม ถา้ เปน็ คนอื่นผ้าเก่าขนาดนนั้ เขาไม่ซ่อมกนั แลว้ เอาไปท้งิ หรือให้คนอื่น ๆ ได้แล้ว แต่พระเจ้าอยหู่ วั รชั กาลที่ ๙ ทรงมคี วามมัธยัสถ์ แตล่ ะองคท์ ีเ่ อามาเก่ามาก เชน่ เสอ้ื สูทสีฟ้าชยั พัฒนา ผ้าเกา่ สซี ีดมากแลว้ ตรงตราชัยพัฒนา มวั หมอง ตรงด้ินทองก็หลุดเกือบหมด ผมเอามาแกะหมดเลยให้โรงงานปกั ใหม่ให้เหมือนแบบเดมิ เพราะเข้าใจ วา่ ท่านอยากได้ฉลองพระองคอ์ งค์เดิม แต่เปล่ียนตราใหด้ ใู หม่ ถา้ สมมตุ วิ ันนีม้ ีเจ้าหน้าท่มี าส่งซ่อม พรุง่ น้เี ย็น ๆ ผมก็ท�ำเสร็จส่งคืนเข้าไป เจ้าหน้าท่ีท่ีมารับฉลองพระองค์ชอบถามว่า ท�ำไมท�ำไว ผมตอบเลยว่า เพราะตั้งใจ ถวายงานครับ ผมอย่ผู ืนแผน่ ดินไทย ใต้รม่ พระบารมีของพระองค์ ผมก็อยากได้รับใชเ้ บ้อื งพระยคุ ลบาทสักเร่ือง ผมเปน็ แคช่ ่างตัดเสอื้ ได้รบั ใชข้ นาดนีผ้ มก็ปลม้ื ปตี ทิ ส่ี ดุ แลว้ “ผมถือโอกาสน�ำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านมาใช้ตลอด เสื้อผ้าเก่า ๆ ท่ีได้รับมาวันแรก ท�ำใหร้ ้วู ่าพระองค์ทรงอยอู่ ยา่ งประหยัด มธั ยสั ถ์ ทรงเปน็ แบบอยา่ งความพอเพียงใหแ้ ก่ประชาชน และเมื่อได้ ถวายงานบอ่ ยครง้ั ท�ำใหผ้ มตระหนกั วา่ คนเราวนั หนง่ึ ตอ้ งคดิ พจิ ารณาตวั เองวา่ สงิ่ ไหนบกพรอ่ งกต็ อ้ งแกไ้ ขสงิ่ นน้ั ทุกคนต้องแก้ไขส่ิงท่ีบกพร่องก่อน งานถึงจะบรรลุเป้าหมาย และเม่ือประสบความส�ำเร็จแล้วอย่าลืมตั้งใจท�ำ สง่ิ ดี ๆ ใหป้ ระเทศชาตติ ลอดไป” ข้อคิดและขอ้ ปฏิบตั ิดี ๆ ท่ีไดจ้ ากพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวของชา่ งสนุ ทร ฉลองพระบาท ก.เปรมศลิ ป์ ชา่ งซอ่ มฉลองพระบาท รอยเทา้ ในหลวง ร. ๙ รอยเทา้ ของความพอเพยี ง นายศรไกร แนน่ ศรนี ลิ หรือช่างไก่ ช่างนอกราชส�ำนกั ผู้ถวายงานซอ่ มฉลองพระบาท ในหลวงรัชกาลท่ี ๙ มานานกวา่ ๑๐ ปี ปัจจบุ ันยังเปน็ เจา้ ของร้านซอ่ มรองเทา้ ก.เปรมศิลป์ บรเิ วณสีแ่ ยกพชิ ยั เขตดสุ ิต กรุงเทพฯ ประมาณปี ๒๕๔๖ มีลูกค้าสวมชุดพระราชส�ำนักมา ๒ คน เดินประคองถุงผ้าลายสก๊อต ด้านในเป็นรองเท้า เข้ามาในร้าน พอวางรองเท้าลงก็ก้มลงกราบ เลยถามว่า เอาอะไรมาให้ ลูกค้ารายนั้นตอบว่า ฉลองพระบาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ไดย้ นิ เท่าน้นั ท�ำตัวไมถ่ กู ขนลุก พดู อะไรไมถ่ กู ในใจคิดแต่เพียงวา่ โชคดแี ลว้ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้ซ่อมรองเท้าของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ช่างไก่ เล่าว่า รองเท้าคู่แรกท่ีในหลวง ร. ๙ ทรงน�ำมาซอ่ ม เปน็ รองเทา้ หนงั สดี �ำ ทรงคทั ชู แบรนดไ์ ทย เปน็ ฉลองพระบาทคโู่ ปรดของพระองค์ เบอร์ ๔๓ เทา่ ทสี่ งั เกตสภาพช�ำรดุ ทรดุ โทรม ราวกบั ใสใ่ ชง้ านมาแลว้ หลายสบิ ปี ภายในรองเทา้ ผกุ รอ่ นหลดุ ลอกหลายแหง่ ถ้าเป็นคนท่ัวไปจะแนะน�ำให้ท้ิงแลว้ ซอ้ื ใหม่ หลักสูตรสร้างวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปลี่ยนแปลงสู่สงั คมท่ไี มท่ นต่อการทุจริต 67 166
“จรงิ ๆ ผมใชเ้ วลาซอ่ มรองเทา้ คนู่ น้ั ไมถ่ งึ ๑ ชวั่ โมงกเ็ สรจ็ แตด่ ว้ ยความทอี่ ยากใหร้ องเทา้ คนู่ น้ั อยใู่ นบา้ น ใหน้ าน เลยบอกเจ้าหน้าที่ว่า ใชเ้ วลาซอ่ ม ๑ เดอื น ซึง่ ฉลองพระบาทคูน่ ี้ ทรงโปรดใช้ทรงดนตร”ี นับจากนั้นเป็นต้นมาช่างไก่ยังมีโอกาสได้ถวายงานซ่อมฉลองพระบาทอีกหลายคู่ ซึ่งคู่ท่ี ๒ และคู่ท่ี ๓ เป็นรองเท้าหนงั สดี �ำ ทรงคัทชู คทู่ ี่ ๔ ฉลองพระบาทหนงั วัว ทรงฮาฟมกั ใสใ่ นงานราชพิธี ซึง่ ฉลองพระบาทค่นู ี้ มรี อยพระบาทติดมากับแผ่นรองเทา้ ช่างไกเ่ กบ็ แผ่นรองเทา้ ไว้ท่รี า้ นเพ่ือความเป็นสิรมิ งคล สว่ นฉลองพระบาท คู่ท่ี ๕ ทรงน�ำมาเปล่ยี นพ้นื ฉลองพระบาทคทู่ ี่ ๖ เป็นรองเทา้ เปิดส้น ซึง่ คุณทองแดง สุนขั ทรงเล้ยี งกดั รวมแลว้ ทง้ั หมด ๖ คู่ “ผมซอ่ มฉลองพระบาททกุ คอู่ ยา่ งสดุ ความสามารถ ซง่ึ รองเทา้ ของพระองคจ์ ะน�ำไปวางปนกบั ของลกู คา้ คนอื่นไม่ได้ เลยซื้อพานมาใส่พร้อมกับผ้าสีเหลืองมารอง แล้วน�ำไปวางไว้ท่ีสูงท่ีสุดในร้าน เพราะท่านคงทรง โปรดมาก สภาพรองเท้าช�ำรุดมาก ซับในรองเท้าหลุดออกมาหมด ถ้าเป็นเศรษฐีทั่วไปคงจะไม่น�ำมาใช้แล้ว แตน่ ี่พระองคย์ งั ทรงใชค้ เู่ ดิมอยู่” ประการส�ำคญั ทที่ �ำใหช้ ายผนู้ ไี้ ดเ้ รยี นรจู้ ากพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช คอื “ความ พอเพยี ง” ขนาดฉลองพระบาทขาดและเกา่ ยงั สง่ มาซอ่ ม หากคนไทยเดนิ ตามรอยของพระองคท์ า่ น ชวี ติ ไมฟ่ งุ้ เฟอ้ จะเป็นสขุ กนั มากกว่าน้ี “ดร.สเุ มธ ตนั ติเวชกลุ ” เขยี นไว้ในหนังสอื “ใตเ้ บอ้ื งพระยคุ ลบาท” “...พระองคท์ า่ น ทรงเปน็ ผนู้ �ำอยา่ งแทจ้ รงิ ดแู คฉ่ ลองพระบาทเปน็ ตน้ พวกตามเสดจ็ ฯ ทง้ั หลายใสร่ องเทา้ นอก และยิ่งมาจากต่างประเทศใส่แล้วนุ่มเท้าดี พระองค์กลับทรงรองเท้าที่ผลิตในเมืองไทยคู่ละร้อยกว่าบาท สดี �ำเหมอื นอยา่ งทนี่ ักเรยี นใส่กนั แม้กระทั่งพวกเรายงั ไม่ซ้ือใสเ่ ลย...” “ดร.สุเมธ ตนั ตเิ วชกลุ ” เขยี นไวใ้ นหนังสอื “ใตเ้ บ้อื งพระยุคลบาท” นาฬิกาบนขอ้ พระกร วนั งานเปดิ ตวั รายการทวี ี “ธรรมดที พี่ อ่ ท�ำ” และงานสมั มนา “ถอดรหสั ” ธรรมดที พี่ อ่ ท�ำ พอเรม่ิ บรรยาย ดร.สเุ มธ ตันตเิ วชกลุ ถามผู้ฟังวา่ พวกเรามเี สอื้ ผ้าคนละกีช่ ดุ ใส่นาฬกิ าเรือนละเท่าไหร่ หลายคนแย่งกนั ตอบ และพากนั อึ้ง เมือ่ ดร.สเุ มธ ตนั ตเิ วชกุล เล่าว่า “ครงั้ หนึ่ง ผมพยายามจะแอบดูวา่ พระองคท์ ่านใส่นาฬกิ าย่หี ้อ อะไร จนพระองค์ท่านรู้สึกได้ว่าผมพยายามอยากจะดูยี่ห้อ ท่านจึงย่ืนข้อพระหัตถ์มาให้ดูตรงหน้า จึงทราบ ว่าพระองค์ท่านใส่นาฬิการาคาเพียงเรือนละ ๗๕๐ บาทเท่าน้ันซึ่งก็เดินตรงเหมือนกันกับนาฬิกาเรือนแพง แม้กระทั่งฉลองพระองค์ก็ทรงมีไม่ก่ีชุด ทรงใช้จนเปื่อยซีด แต่พวกเรามักคิดว่า การมีแบบเหลือกินเหลือใช้ จงึ จะดี เพราะคนสมยั นเี้ รมิ่ ไมเ่ อาเกษตรกรรม แตเ่ ลอื กทจ่ี ะท�ำอตุ สา่ หากรรม (เปน็ ศพั ทท์ บ่ี ญั ญตั ขิ นึ้ เอง) สดุ ทา้ ย อนาคตกจ็ ะอดกนิ ” ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ถามอีกว่า คนในห้องน้ีมีรองเท้าคนละก่ีคู่ ก็มีนักธุรกิจสตรีตอบว่า ร้อยกว่าคู่ ดร.สเุ มธ จงึ ถามตอ่ วา่ วนั นใ้ี สม่ ากคี่ ู่ ถา้ จะใชใ้ หค้ มุ้ ท�ำไมไมเ่ อามาแขวนคอดว้ ย (ท�ำเอาบรรยากาศในหอ้ งเงยี บสงดั เพราะโดนใจกนั เตม็ ๆ) กอ่ นจะบอกว่า พระองคท์ รงฉลองพระบาทคู่ละ ๓๐๐-๔๐๐ บาท ขณะท่ขี ้าราชบริพาร ใส่รองเท้าคู่ละ ๓-๔ พัน แต่เวลาที่พระองค์ทรงออกเย่ียมราษฎรในพื้นที่ห่างไกล ที่สุดแล้วข้าราชบริพาร ก็เดินตามพระองค์ไม่ทันอยู่ดี เวลาเดินคนเราใส่รองเท้าได้คู่เดียว อีกท้ังฉลองพระบาทของพระองค์ยังถูกน�ำ ส่งไปซอ่ มแล้วซอ่ มอกี 68 หลักสตู รสร้างวิทยากรผนู้ ำ�การเปลี่ยนแปลงสูส่ งั คมท่ีไมท่ นต่อการทุจรติ 167
ดินสอทรงงาน สารคดเี ฉลมิ พระเกียรตเิ น่ืองในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ หมวด พระบารมบี นั ดาล ตอน ดินสอของพระเจา้ อยหู่ ัว ดินสอธรรมดาซ่ึงคนท่ัวไปอาจหาซ้ือได้ด้วยราคาเพียงไม่กี่บาทนี้เป็นดินสอชนิดเดียวที่ปรากฏอยู่บน พระหัตถ์ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว ขณะทรงงานอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริต่าง ๆ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทรงดนิ สอไม้ธรรมดา ๆ โดยมบี นั ทึกว่าในปีหนงึ่ ๆ ทรงเบิกดินสอใช้เพียง ๑๒ แท่ง โดยทรงใช้ดินสอเดือนละ ๑ แท่งเท่านั้น เม่ือดินสอส้ันจะทรงใช้กระดาษ มามว้ นตอ่ ปลายดนิ สอใหย้ าวเพอ่ื ใหเ้ ขยี นไดถ้ นดั มอื จนกระทง่ั ดนิ สอนนั้ กดุ ใชไ้ มไ่ ดแ้ ลว้ เนอ่ื งจาก พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดชทรงมีแนวพระราชด�ำรทิ เี่ ปน็ เหตุ เปน็ ผล ดินสอ ๑ แทง่ ท่านไม่ไดม้ องวา่ เรา ตอ้ งประหยดั เงนิ ในกระเปา๋ แตท่ า่ นมองวา่ ดนิ สอ ๑ แทง่ ตอ้ งใชท้ รพั ยากรหรอื พลงั งานเทา่ ไหร่ ตอ้ งใชท้ รพั ยากร ธรรมชาติ คือ ไม้ แร่ธาตทุ ี่ท�ำไสด้ ินสอ การน�ำเขา้ วัตถดุ ิบท่ีน�ำเขา้ ต่างประเทศ พลังงานในกระบวนการผลิตและ ขนสง่ ดงั นนั้ การผลติ ดนิ สอทกุ แทง่ มผี ลตอ่ การรายรบั รายจา่ ยของประเทศ เปน็ สว่ นหนงึ่ มลู คา่ สนิ คา้ น�ำเขา้ ดา้ น วัตถุดิบและเป็นการน�ำทรัพยากรธรรมชาติที่มีจ�ำกัดมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ความประหยัดไม่ใช่หมายถึง การไม่ใช้ แต่ยงั รวมถงึ การใชส้ ่งิ ต่าง ๆ อย่างมีสตแิ ละมีเหตผุ ล อนั เป็นส�ำคัญของเศรษฐกจิ พอเพียง “ดร.สเุ มธ ตันตเิ วชกุล” เขยี นไว้ในหนังสือ “ใตเ้ บื้องพระยุคลบาท” “ท่านผู้หญิงบุตรี” บอกผมมาว่า ปีหนึ่งท่านทรงเบิกดินสอ ๑๒ แท่ง เดือนละแท่ง ใช้จนกระท่ังกุด ใครอยา่ ไดไ้ ปท้งิ ของพระองค์ทา่ นนะ จะทรงกริ้ว ทรงประหยัดทกุ อย่าง ทรงเปน็ ตน้ แบบทกุ อย่าง ของทกุ อย่าง มีค่าส�ำหรับพระองค์ท่านทั้งหมด ทุกบาท ทุกสตางค์ จะทรงใช้อย่างระมัดระวัง ทรงส่ังให้เราปฏิบัติงาน ดว้ ยความรอบคอบ... หลอดยาสพี ระทนต์ หลอดยาสพี ระทนตข์ องพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มลี กั ษณะแบนราบเรยี บคลา้ ย แผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอดยิ่งปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด สาเหตุท่ีเป็นเช่นนี้ เพราะพระองค์ท่านทรงใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีดและกดจนเป็นรอยบุ๋มศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์ หญงิ ทา่ นผหู้ ญงิ เพช็ รา เตชะกมั พชุ ทนั ตแพทยป์ ระจ�ำพระองค์ อดตี คณบดคี ณะทนั ตแพทยศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย ได้เขยี นเล่าในวา่ “คร้งั หนึง่ ทันตแพทยป์ ระจ�ำพระองค์ กราบถวายบงั คมทลู เรอื่ งศษิ ย์ทันตแพทย์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั บางคนมีคา่ นิยมในการใชข้ องตา่ งประเทศ และมรี าคาแพง รายทไ่ี ม่มีทรัพยพ์ อซอ้ื หา กย็ งั ขวนขวาย เชา่ มาใชเ้ ปน็ การชว่ั ครงั้ ชวั่ คราว ซงึ่ เทา่ ทท่ี ราบมา มคี วามแตกตา่ งจากสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ท่ที รงนยิ มใชก้ ระเปา๋ ท่ีผลติ ภายในประเทศเช่นสามัญชนท่ัวไป ทรงใชด้ นิ สอสนั้ จนต้องตอ่ ด้าม แม้ยาสีพระทนต์ ของพระองค์ท่าน ก็ทรงใช้ด้ามแปรงพระทนต์รีดหลอดยาจนแบนจนแน่ใจว่าไม่มียาสีพระทนต์หลงเหลืออยู่ใน หลอดจริง ๆ ” “เม่ือกราบบงั คมทูลเสรจ็ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงรับส่ังว่า ของพระองคท์ ่านก็เหมือนกนั และ ยงั ทรงรับสัง่ ตอ่ ไปอีกด้วยว่า เม่อื ไมน่ านมานเี้ องมหาดเล็กหอ้ งสรง เห็นวา่ ยาสพี ระทนต์ของพระองค์คงใช้หมด แล้วจึงได้น�ำหลอดใหม่มาเปลี่ยนให้แทน เม่ือพระองค์ได้ทรงทราบ ก็ได้ขอให้เขาน�ำยาสีพระทนต์หลอดเก่า มาคืนและพระองค์ท่านยังทรงสามารถใช้ต่อไปได้อีกถึง ๕ วัน จะเห็นได้ว่าในส่วนของพระองค์ท่านเองน้ัน ทรงประหยดั อยา่ งยง่ิ ซงึ่ ตรงกนั ขา้ มกบั พระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองคท์ ท่ี รงพระราชทานเพอ่ื ราษฎรผยู้ ากไรอ้ ยเู่ ปน็ นจิ ” หลักสูตรสรา้ งวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมท่ีไม่ทนตอ่ การทุจรติ 69 168
“พระจริยวัตรของพระองคไ์ ด้แสดงใหเ้ ห็นอยา่ งแจม่ ชดั ถึงพระวิริยะ อุตสาหะ ตลอดจนความประหยดั ในการใช้ของอย่างคุ้มค่า หลังจากนั้นทันตแพทย์ประจ�ำพระองค์ได้กราบพระบาททูลขอพระราชทานหลอด ยาสพี ระทนตห์ ลอดนน้ั เพอ่ื น�ำไปใหศ้ ษิ ยไ์ ดเ้ หน็ และรบั ใสเ่ กลา้ เปน็ ตวั อยา่ งเพอ่ื ประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ นโอกาสตอ่ ๆ ไป” “ประมาณหน่ึงสัปดาห์หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานส่งหลอดยาสีพระทนต์เปล่า หลอดน้ันมาให้ถึงบ้าน ทันตแพทย์ประจ�ำพระองค์รู้สึกซาบซ้ึงในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้ายิ่ง เมื่อได้ พจิ ารณาถึงลกั ษณะของหลอดยาสพี ระทนตเ์ ปลา่ หลอดนนั้ แลว้ ท�ำใหเ้ กดิ ความสงสัยวา่ เหตุใดหลอดยาสพี ระทนต์ หลอดน้ีจึงแบนราบเรียบโดยตลอด คล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอดยังปรากฏรอยบุ๋มลึก ลงไปเกือบถึงเกลยี วคอหลอด เม่ือไดม้ โี อกาสเข้าเฝ้าฯ อกี คร้งั ในเวลาต่อมา จงึ ได้รบั ค�ำอธบิ ายจากพระองค์วา่ หลอดยาสพี ระทนตท์ เ่ี หน็ แบนเรยี บนนั้ เปน็ ผลจากการใชด้ า้ มแปรงสพี ระทนตช์ ว่ ยรดี และกดจนเปน็ รอยบมุ๋ ทเ่ี หน็ นนั่ เอง และเพอื่ ทจ่ี ะขอน�ำไปแสดงใหศ้ ษิ ยท์ นั ตแพทยไ์ ดเ้ หน็ เปน็ อทุ าหรณ์ จงึ ไดข้ อพระราชานญุ าต ซงึ่ พระองค์ ท่านก็ไดท้ รงพระเมตตาด้วยความเตม็ พระราชหฤทยั ” รถยนตพ์ ระทีน่ ่งั นายอนนั ต์ รม่ รน่ื วาณชิ กจิ ชา่ งดแู ลรถยนตพ์ ระทนี่ งั่ ไดใ้ หส้ มั ภาษณร์ ายการตสี บิ เมอ่ื วนั ที่ ๒๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๒ โดยมีใจความว่า “คร้ังหนึ่งผมต้องซ่อมรถตู้เชฟโรเลต ซ่ึงเป็นรถที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่สมเด็จพระเทพรตั นฯ สมยั ท่านเรียนจบท่ีจุฬาฯ และเปน็ คันโปรดของท่านด้วย ก่อนซอ่ มข้าง ประตูด้านที่ท่านประทับเวลาฝนตกจะมนี ำ�้ หยด แตห่ ลังจากท่ซี ่อมแลว้ วันหน่งึ ท่านกร็ บั สงั่ กบั สารถวี ่า วันนร้ี ถ ดูแปลกไป น้�ำไมห่ ยด อย่างน้กี ไ็ ม่เยน็ น่ะสิ แตก่ ด็ เี หมอื นกันไมต่ ้องเอากระปอ๋ งมารอง” นายอนนั ต์ เปดิ เผยว่า ภายในรถยนต์พระท่นี งั่ ของแต่ละพระองคน์ ั้น เรียบงา่ ยมากไมม่ อี ะไรเลยทเ่ี ปน็ สง่ิ อ�ำนวยความสะดวก มีแต่ถงั ขยะเล็ก ๆ กับท่ที รงงานเทา่ นน้ั สว่ นการไดม้ ีโอกาสดูแลรถยนต์พระทนี่ ่งั ท�ำให้ได้เหน็ ถงึ พระราชกรณียกจิ ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยน้ัน นายอนันต์ กล่าวว่า ครั้งหน่ึงมีรถยนต์พระที่นั่งท่ีเพ่ิงทรงใช้ในพระราช กรณยี กจิ มาท�ำ เหน็ วา่ พรมใตร้ ถมนี ำ้� แฉะขงั อยแู่ ละมกี ลนิ่ เหมน็ ดว้ ย แสดงวา่ พระองคท์ า่ นทรงน�ำรถไปทรงพระ ราชกรณยี กจิ ในทที่ นี่ ำ้� ทว่ ม แถมนำ�้ ยงั ซมึ เขา้ ไปในรถพระทนี่ งั่ ดว้ ย แสดงวา่ นำ�้ กต็ อ้ งเปยี กพระบาทมาตลอดทาง จงึ ถามสารถวี า่ ท�ำไมไมร่ ีบเอารถมาซ่อม ก็ได้ค�ำตอบวา่ ตอ้ งรอใหเ้ สร็จพระราชกรณยี กจิ กอ่ น เมอื่ พธิ ีกรถามว่า จากการท่ีได้มีโอกาสรับใชเ้ บอ้ื งพระยคุ ลบาท ได้เหน็ ถงึ ความพอเพียงของพระองค์อยา่ งไร นายอนนั ต์ ตอบว่า “ปกติถ้าทรงงานส่วนพระองค์ ท่านก็ใช้รถคันเล็กเพื่อประหยัดน�้ำมัน และเม่ือเราสังเกตสีรถพระที่นั่ง จะเห็น ว่ามีรอยสถี ลอกรอบคันรถ กวา่ ทท่ี ่านจะน�ำมาท�ำสีใหมก่ ร็ อบคันแลว้ แต่คนใช้รถอย่างเราแคร่ อยนิดเดียวก็รบี เอามาท�ำสแี ลว้ และครง้ั หนงึ่ ระหวา่ งทผี่ มก�ำลงั ประสานงานไปรบั รถพระทนี่ ง่ั ของสมเดจ็ พระเทพรตั นฯ กม็ วี ทิ ยุ ของขา้ ราชบรพิ ารบอกกนั ว่ารถติดมาก สมเด็จพระเทพรตั นฯ เสด็จฯ ข้ึนรถไฟฟ้าไปแลว้ ” ห้องทรงงาน ห้องทรงงานพระต�ำหนักจิตรลดารโหฐานไม่ได้หรูหราประดับด้วยของแพงแต่อย่างใด เวลาทรงงาน จะประทบั บนพนื้ พระต�ำหนักจติ รลดารโหฐาน มิไดป้ ระทับพระเก้าอเี้ วลาทรงงาน เพราะทรงวางสงิ่ ของตา่ ง ๆ ไดส้ ะดวก หอ้ งทรงงานเปน็ หอ้ งเลก็ ๆ ขนาด ๓ x ๔ เมตร ภายในหอ้ งทรงงานจะมวี ทิ ยุ โทรทศั น์ โทรสาร โทรศพั ท์ คอมพิวเตอร์ เทเล็กซ์เคร่ืองบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ อากาศ เพ่ือจะได้ทรงสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ ทันทว่ งที โดยผนงั ห้องทรงงานโดยรอบมแี ผนทีท่ างอากาศแสดงถึงพ้ืนทปี่ ระเทศ 70 หลักสูตรสร้างวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปล่ยี นแปลงสู่สังคมทไ่ี มท่ นตอ่ การทุจริต 169
หอ้ งทรงงานของพระองคก์ เ็ ปน็ อกี สง่ิ หนงึ่ ทเี่ ตอื นสตคิ นไทยไดอ้ ยา่ งมาก โตะ๊ ทรงงานหรอื เกา้ อโี้ ยกรปู ทรงหรหู รา ไม่เคยมีปรากฏในห้องนี้ ดังพระราชด�ำรัสของพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตอนหน่ึงที่ว่า “...ส�ำนักงานของท่าน คือ ห้องกว้าง ๆ ไม่มีเก้าอ้ี มีพ้ืน และท่านก็ก้มทรงงานอยู่กับพื้น...” นั่นเอง นับเป็น แบบอย่างของความพอดี ไม่ฟงุ้ เฟ้อโดยแท้ “ห้องทรงงาน” เป็นเพยี งห้องขนาดธรรมดา กว้างยาวรวม ๕ คณู ๑๐ เมตร โปรง่ ๆ โลง่ ๆ พน้ื ทีเ่ ปน็ ไม้ปาร์เกต์ ผมกราบบังคมทูลและถวายต�ำรา จากนั้นได้ทรงสอบถามรายละเอียดของต�ำราพร้อมท้ังเร่ืองราว ความคืบหนา้ งานอ่นื ทก่ี �ำลงั ด�ำเนนิ เป็นเวลากวา่ หนงึ่ ช่ัวโมง เครอื่ งประดับ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฉลองพระองค์ธรรมดา ห้อยกล้องถ่ายภาพไว้ท่ี พระศอ มิทรงโปรดการสวมใสเ่ ครอื่ งประดับอ่ืน เชน่ แหวน สร้อยคอหรือของมีค่าตา่ ง ๆ เวน้ แต่นาฬิกาบนขอ้ พระกรเท่านัน้ ซ่ึงกไ็ มไ่ ด้มรี าคาแพงแต่อย่างใด “...เคร่ืองประดับ พระองค์ก็มิทรงโปรดที่จะสวมใส่สักชิ้น นอกเสียจากว่าจะทรงแต่งองค์เพ่ือเสด็จฯ ไปงานพระราชพธิ ตี ่าง ๆ หรือต้อนรับแขกบา้ นแขกเมอื งเทา่ นั้น...” ดร.สเุ มธ ตันตเิ วชกลุ เขียนไว้ในหนังสอื “ใตเ้ บือ้ งพระยุคลบาท” “...เม่อื ปี ๒๕๒๔ ทีไ่ ดร้ บั แต่งตงั้ จากรฐั บาลใหไ้ ปถวายงาน ผมตนื่ เต้นมาก สังเกตรายละเอยี ดรอบ ๆ ตัว ไปเสยี ทกุ อยา่ ง มองไปทขี่ อ้ พระหตั ถว์ า่ ทรงใชน้ าฬกิ าอะไร มองจนพระองคท์ รงยน่ื ขอ้ พระหตั ถม์ าใหด้ ู ทรงตรสั อย่างมพี ระอารมณข์ ันว่า “ยี่ห้อใสแ่ ล้วโก”้ ผมจ�ำแบบไว้ เพราะอยากรู้วา่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทรงใช้ นาฬกิ าเรอื นละเท่าไร พอวนั หยดุ ก็รบี ไปทร่ี ้าน ก็ทราบว่ามีราคาเพียงแค่ ๗๕๐ บาท...” “ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล” เขียนเล่าไว้ใน “ประสบการณ์สนองพระราชด�ำริเรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยู่หวั ” พระต�ำหนกั จติ รลดา พระต�ำหนกั จติ รลดา “...ไมม่ พี ระราชวงั ไหนในโลกเหมอื นพระต�ำหนกั จติ รลดา และบรเิ วณสวนจติ รลดา ท่ีเต็มไปด้วยบ่อเล้ียงปลา และไร่นาทดลอง อีกทั้งผองโคนม ผสมด้วยโรงสีและโรงงานหลากหลาย จึงพูดได้ เตม็ ปากวา่ ในประเทศไทยไม่มีชอ่ งว่างระหวา่ งเกษตรกรกับพระมหากษัตรยิ ์ ผทู้ รงท�ำงานอยา่ ง “หลังส้ฟู ้าหนา้ สูด้ ิน” ดว้ ยพระองค์เอง” ซองเอกสารตา่ ง ๆ ทจี่ ะส่งข้นึ ทลู เกล้า “... แต่หากเป็นเร่ือง “งานในราชการ” แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรม ราโชวาทมายังข้าราชบริพารในพระองค์ว่า “เอกสารต่าง ๆ ท่ีจะส่งข้ึนทูลเกล้าฯ ถวาย หากเป็นซองแล้ว กข็ อใหต้ ดิ กาวเฉพาะตรงหวั มมุ หรอื หากเป็นต้องใชเ้ ทปกาวติด ก็ให้ตดิ แคส่ องนวิ้ กพ็ อ ไมใ่ ชป่ ิดท้ังหมด เพราะ เป็นการเปลืองเทปและเปิดยาก” พระองค์จะไม่พอพระราชหฤทัย เพราะไม่เป็นการประหยัด ซ่ึงตรงนี้เป็น สง่ิ ส�ำคญั นอกจากน้ี กระดาษและซองจดหมายภายใน หากไมใ่ ชเ่ อกสารส�ำคญั กค็ วรใชก้ ระดาษรไี ซเคลิ แตห่ าก เป็นจดหมายลบั หรอื ส�ำคญั ก็สามารถใช้ของใหม่ได้” หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปล่ียนแปลงสู่สงั คมท่ีไมท่ นต่อการทจุ รติ 71 170
บรรณานกุ รม จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . (๒๕๕๙). ใตร้ ม่ พระบารมพี ระบรมธรรมกิ ราชา. กรงุ เทพฯ: ศนู ยห์ นงั สอื จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. พระเมธีธรรมาภรณ์ (ประยูร ธมมฺ จิตโต). (๒๕๓๘). จรรยาบรรณข้าราชการ. กรงุ เทพฯ: สหธรรมิก. พระราชด�ำรัสพระราชทานแก่บุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคลเน่ืองในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวงั ดสุ ิต วนั ศุกรท์ ่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑. สบื คน้ เมือ่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐, จาก http://www.amarin.com/royalspeech/speech๔๑.htm พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. ๒๕๖๑. (ม.ป.ป.). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. มูลนธิ ิพทุ ธธรรม.พระเมธธี รรมาภรณ์ (ประยูร ธมฺมจิตโต). (๒๕๓๙). คุณธรรมส�ำหรับนกั บรหิ าร. กรงุ เทพฯ: สหธรรมิก. มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาประเทศตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง. (๒๕๕๕). ตามรอยพระราชด�ำรัสสู่ “ปรัชญญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง”. กรงุ เทพฯ: เพชรรุ่งเรอื ง. ยุทธศาสตรช์ าติว่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต. สืบคน้ เมอื่ ๑๖ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๐, จาก https:// www.nacc.go.th/ more_news.php?cid=๓๖ วศนิ อนิ ทสระ. (๒๕๔๑). พุทธจรยิ ศาสตร์. กรุงเทพฯ: ทองกวาว. สมบัติ คชสทิ ธิ์ และคณะ. (๒๕๕๑). ตามรอยเบอ้ื งพระยคุ ลบาท. ปทุมธาน:ี งานวิชาศกึ ษาทั่วไป: มหาวทิ ยาลัย ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถมั ภ์. ส�ำนกั งานกองทนุ สนบั สนุนการสร้างเสริมสขุ ภาพ และมลู นิธิสดศร-ี สฤษดิ์วงศ.์ (๒๕๔๙). ค�ำพ่อสอน: ประมวล พระบรมราโชวาทและพระราชด�ำรสั เกีย่ วกบั ความสุขในการด�ำเนินชวี ติ . กรงุ เทพฯ: ประสขุ ชัย. ส�ำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม. (๒๕๕๗). คู่มือการขับเคลื่อนงานการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมในมิติ วฒั นธรรม. กรุงเทพฯ: องคก์ ารสงเคราะห์ทหารผา่ นศึก. สุเมธ ตันตเิ วชกลุ . (๒๕๔๘). หลกั ธรรม หลกั ท�ำ ตามรอยพระยคุ ลบาท. กรุงเทพฯ: ด่านสุทธาการพมิ พ์. สุเมธ ตนั ติเวชกุล. (๒๕๔๔). ใต้เบ้อื งพระยคุ ลบาท. กรุงเทพฯ: มติชน. 72 หลักสตู รสรา้ งวิทยากรผู้นำ�การเปลีย่ นแปลงสู่สังคมทไ่ี ม่ทนตอ่ การทจุ รติ 171
วิชาท่ี ๔ การฝกึ ปฏิบตั กิ ารเปน็ วทิ ยากร หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปลย่ี นแปลงสู่สงั คมทีไ่ มท่ นตอ่ การทุจริต วิชาท่ี ๔ : เร่อื ง การฝกึ ปฏบิ ัติการเปน็ วิทยากร จ�ำนวนชวั่ โมง : ๖ ชวั่ โมง เร่อื ง การฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารเป็นวทิ ยากร สาระสำ�คญั วชิ านเี้ ปน็ การฝกึ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมโดยมบี ทบาทในการเปน็ วทิ ยากรถา่ ยทอดความรใู้ นประเดน็ ใดประเดน็ หนงึ่ จาก ๓ ประเด็น โดยเลอื กใช้เทคนิคฝึกอบรมแบบตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสมกับเนอื้ หา วตั ถปุ ระสงค์ เพอื่ ฝกึ ทกั ษะการเปน็ วทิ ยากรทถี่ า่ ยทอดองคค์ วามรใู้ นเรอ่ื งการคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชน์ส่วนรวม ความไม่ทนและความอายต่อการทุจริต การประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทุจริต ขอบเขตเนื้อหา การฝกึ ปฏบิ ัติถ่ายทอดความรู้ ตามทกี่ �ำหนดได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม วิธีการฝึกอบรม - ๓ ช่ัวโมงแรก ให้ผู้เข้าร่วมทุกคนแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติการเป็นวิทยากรโดยสุ่มหัวข้อวิชาการบรรยาย จาก ๓ วิชา โดยให้วทิ ยากรประเมนิ - ๓ ชวั่ โมงหลงั วทิ ยากรให้ข้อเสนอแนะกระบวนการหลากหลาย สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint ฝกึ ปฏิบตั ิ หรอื ส่อื อืน่ ๆ ทเ่ี หมาะสม การวัดและประเมินผล การประเมนิ ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารเป็นวทิ ยากร (๔๐ คะแนน) หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผ้นู �ำ การเปลยี่ นแปลงสสู่ งั คมทไี่ มท่ นต่อการทุจริต 73 172
เนอ้ื หาโดยสงั เขป หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผู้น�ำการเปลย่ี นแปลงส่สู งั คมทีไ่ มท่ นต่อการทุจรติ วิชาที่ ๔ : เรอ่ื ง การฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารเปน็ วทิ ยากร จ�ำนวนชว่ั โมง : ๖ ชั่วโมง รายละเอียดเนื้อหา เทคนคิ การเป็นวิทยากรมืออาชพี การท่ีบุคคลใดก็ตามท่ีจะก้าวเข้าสู่การเป็นวิทยากรได้น้ัน จ�ำเป็นจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการสอนและ การถา่ ยทอดความรตู้ า่ ง ๆ ใหก้ บั ผเู้ ขา้ รบั การอบรม การทจี่ ะเปน็ วทิ ยากรฝกึ อมรมทด่ี ตี อ้ งเปน็ ผทู้ นั สมยั อยเู่ สมอ มคี วามรอบรู้ในวิทยาการใหม่ ๆ ใฝห่ าความร้อู ยูเ่ ป็นนิจ มีศลิ ปะในการถ่ายทอดความรู้ ความหมายของวิทยากร วิทยากร คือ ผู้ที่ท�ำหน้าที่เป็นตัวการส�ำคัญ ที่จะท�ำให้ผู้เข้ารับการอบรม เกิดความรู้ความเข้าใจ เกิดทักษะ เกิดทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับเร่ืองที่อบรม จนกระท่ังผู้เข้ารับการอบรมเกิดการเรียนรู้และสามารถ จดุ ประกายความคดิ เกดิ การเปลีย่ นแปลงทัศนคติ หรือพฤตกิ รรมไปตามวตั ถุประสงค์ของเร่ืองหรอื วิชาน้นั ๆ วิทยากร หมายถึง ผู้ท่ีมีความรู้ ความสามารถ ในภาษาอังกฤษเรียกวิทยากรว่า Resource Person วิทยากรมาจาก “วิทยา” แปลว่า ความรู้ “กร” แปลว่า มือ หรือ ผู้ถือ วิทยากรก็คือ ผู้ทรงไว้ซ่ึงความรู้ ความสามารถ นนั่ กค็ อื บคุ คลทเี่ ปน็ วทิ ยากรไดจ้ ะตอ้ งเปน็ ผมู้ คี วามรู้ และความสามรถในการทาใหผ้ อู้ นื่ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในเรอ่ื งนนั้ ๆ ตามทตี่ นตอ้ งการ วทิ ยากรจงึ หมายถงึ ผรู้ แู้ ละผมู้ คี วามสามารถในการทาใหผ้ อู้ นื่ มคี วามรู้ ความเขา้ ในเร่อื งนน้ั ๆ วทิ ยากร หมายถึง บุคคลซงึ่ มีความรู้ ความสามรถ ตลอดจนการพดู หรือนาเสนอและใช้เทคนคิ ต่าง ๆ ในเร่อื งน้นั ๆ ในการถ่ายทอดอันจะท�ำให้ผ้รู ับการฝกึ อบรมให้เกิดความรู้ (Knowledge) ความเขา้ ใจ (Under- stand) เจตคติ (Attitude) ความสามารถ (Skill) จนสามารถทาให้ผู้รับการฝึกอบรมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ไปตามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีต้องการ บทบาทและหน้าท่ีทส่ี �ำ คญั ของวทิ ยากร มีดังน้ี ๑. วิทยากร คือ ผทู้ ีท่ �ำใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ (Instructor) บทบาทแรกของวิทยากร คือ ค�ำวา่ “ท�ำใหเ้ กิด การเรยี นร”ู้ หมายความวา่ วทิ ยากรจะตอ้ งท�ำใหผ้ เู้ ขา้ สมั มนามคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในเรอื่ งหรอื หลกั สตู รทวี่ ทิ ยากร ถา่ ยทอด จนสามารถเปลยี่ นแปลงทศั นคตแิ ละพฤตกิ รรมไปตามวตั ถปุ ระสงคข์ องเรอ่ื งหรอื หลกั สตู รนนั้ ๆ ดงั นน้ั บทบาทนวี้ ทิ ยากรจ�ำเปน็ ตอ้ งมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในเรอ่ื งหรอื หลกั สตู รทถ่ี า่ ยทอดนน้ั ๆ ไดอ้ ยา่ งถอ่ งแท้ หากวทิ ยากร มีความรู้ไม่มากพอ ก็ยากท่ีจะท�ำให้ผู้เข้าสัมมนาเกิดการเรียนรู้ได้ ดังนั้นการเป็นวิทยากรบทบาทแรก จะตอ้ งหาความรเู้ ยอะ ๆ ในทุก ๆ เรอื่ งโดยเฉพาะเร่อื งทจี่ ะตอ้ งใหผ้ เู้ ข้ารบั ฟงั การสัมมนาเกิดการเรยี นรู้ ๒. วิทยากร คือ ผู้ฝึก (Trainer) บทบาทท่ี ๒ มีความส�ำคัญต่อการเป็นวิทยากรท่ีสมบูรณ์แบบ อกี บทบาทหนงึ่ การเปน็ ผฝู้ กึ ไมใ่ ชเ่ รอื่ งง่าย นอกจากตอ้ งมคี วามรเู้ กยี่ วกบั เรอื่ งหลกั สตู รทอี่ บรมแลว้ วทิ ยากรจ�ำเปน็ 74 หลกั สตู รสร้างวิทยากรผู้นำ�การเปลย่ี นแปลงสสู่ งั คมทไ่ี มท่ นต่อการทุจริต 173
ต้องมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับผู้เข้าสัมมนาด้วยว่ามีคุณสมบัติหรือพ้ืนความรู้เป็นอย่างไร การเป็นวิทยากร ในบทบาทนส้ี ่วนใหญ่ คอื หลักสูตรหรือเรอ่ื งทเ่ี ก่ียวกับการอบรมเชิงฝกึ ปฏบิ ตั ิ เช่น หลักสูตรศิลปะการพูดสรา้ ง แรงจงู ใจ เทคนคิ การเปน็ พธิ กี ร หรอื วทิ ยากรมอื อาชพี ฯลฯ วทิ ยากรผอู้ บรมท�ำหนา้ ทใี่ นบทบาทนี้ ตอ้ งอดทน ใจเยน็ รอคอย ฝกึ ฝนจนผเู้ ขา้ อบรมสมั มนาบรรลผุ ลเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคท์ ต่ี อ้ งการ เปรยี บเสมอื น โคช้ !!! ตอ้ งรอบรู้ รูล้ ึก รจู้ รงิ และรู้กว้าง ๓. วิทยากร คือ พี่เลี้ยง (Mentor) ในบทบาทน้ีวิทยากรต้องท�ำหน้าท่ีเป็นพี่เลี้ยงคอยให้ค�ำปรึกษา ให้ก�ำลังใจ แนะแนวทางต่าง ๆ เพื่อท�ำให้ผู้เข้าสัมมนา มีความรู้ ความเข้าใจ จุดประกายความคิด สามารถ เปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรม ปฏบิ ตั ติ าม จนประสบผลส�ำเรจ็ ตามเปา้ หมายของการอบรม-สมั มนา ทวี่ างไว้ ในบทบาท พ่เี ลย้ี งของวิทยากรนี้ วทิ ยากรต้องมีมนุษยส์ ัมพนั ธ์ ย้ิมแยม้ แจม่ ใส อารมณด์ ี จึงจะสามารถทาบทบาทน้ีได้ดี ๔. วิทยากร คือ ผู้สอน (Teacher) บทบาทนี้เป็นบทบาทที่ส�ำคัญอีกบทบาทหน่ึงของวิทยากร การถ่ายทอดความรู้เพื่อท�ำให้ผูเ้ ข้าสัมมนาเกดิ ความเข้าใจนัน้ วทิ ยากรต้องท�ำหน้าที่เป็นครผู ูส้ อนดว้ ย การพูด ดว้ ยเสยี งทด่ี งั ชดั เจน สอนดว้ ยการยกตวั อยา่ งประกอบ เปรยี บเทยี บ จะท�ำใหผ้ เู้ ขา้ สมั มนา เปลย่ี นแปลงทศั นคติ จนสามารถจดุ ประกายความคดิ เปลีย่ นแปลงพฤติกรรมเป็นไปตามวตั ถุประสงคข์ องเรือ่ งหรอื หลกั สตู รนั้น ๆ ได้ การท�ำหนา้ ทข่ี องวทิ ยากรในบทบาทครผู สู้ อน จะท�ำใหผ้ ฟู้ งั เชอ่ื และเปลย่ี นแปลงไดใ้ นทส่ี ดุ ในบทบาทนว้ี ทิ ยากร จ�ำเปน็ ต้องฝกึ ฝนอยา่ งมากในจติ วิญญาณของการเปน็ ครู ๕. วทิ ยากร คอื ผบู้ รรยาย (Lecturer) ในบทบาทนเี้ ปน็ อกี บทบาทหนง่ึ ของวทิ ยากร การบรรยายของ วทิ ยากรนน้ั เป็นบทบาทหลกั เลยก็ว่าได้ แตท่ สี่ �ำคัญวิทยากรจะบรรยายอยา่ งไร ท่ีจะท�ำให้ผู้ฟังหรอื ผู้เข้าสมั มนา ไมเ่ บอ่ื หรอื หลับเสียก่อน บรรยายอยา่ งไร ทีจ่ ะท�ำให้สนุกสนานตื่นเตน้ เรยี งล�ำดบั ข้ันตอนไดอ้ ยา่ งชัดเจนเขา้ ใจ งา่ ย และไดเ้ นื้อหาสาระครบถ้วน บทบาทน้กี ต็ อ้ งได้รบั ฝึกฝน องคก์ รหรอื หนว่ ยงานใดมวี ทิ ยากรทคี่ รบเครอ่ื งท�ำไดท้ กุ บทบาทกถ็ อื วา่ ส�ำเรจ็ ไปแลว้ ครงึ่ หนง่ึ หรอื ทา่ นใด ทเี่ ปน็ วทิ ยากรอยแู่ ลว้ ท�ำไดท้ กุ บทบาทกถ็ อื ไดว้ า่ สดุ ยอดแลว้ แตถ่ า้ ทา่ นใดยงั ท�ำไมไ่ ดท้ กุ บทบาทหรอื ท�ำไดเ้ พยี ง บางบทบาท ก็ฝึกฝนกนั ต่อไป ฝกึ บ่อย ๆ ก็จะเกง่ และช�ำนาญ เป็นวิทยากรมืออาชพี ได้ในที่สุด การเป็นคนช่าง สงั เกต ช่างพดู ชอบการถ่ายทอดเน้ือหาสาระ จะตอ้ งหม่ันสงั เกตผฟู้ ังวา่ รู้สึกเชน่ ไร การเรียนรู้ภาษากาย มีความ จ�ำเป็นอย่างยงิ่ เพราะจะท�ำให้เราสามารถรู้ได้ว่า ผูฟ้ ังตอบรับการพูดของวทิ ยากรไดม้ ากน้อยแคไ่ หน คุณสมบัตขิ องวิทยากรท่ดี ี มดี ังน้ี ๑. ต้องมีความรู้จริงในเร่ืองท่ีจะถ่ายทอดอย่างชัดเจน การเป็นวิทยากร เป็นนักพูดที่เก่งน้ัน ต้องมี ความรู้เยอะ มีความรูท้ หี่ ลากหลาย โดยเฉพาะเรื่องที่จะบรรยาย ตอ้ งรู้ชนดิ ทะลุปรุโปร่ง สามารถเขา้ ใจเรอื่ งท่ี จะถา่ ยทอดไดอ้ ย่างกระจา่ งแจ้งชัดเจน ส่วนความร้อู ่ืน ๆ ก็ต้องมรี อบดา้ น ไมว่ า่ จะเป็นนิทาน เร่ืองตลกข�ำขนั ความรูร้ อบตัวอนื่ ๆ อกี มากมาย การเปน็ คนรกั การเรียนรจู้ ะสามารถทาใหเ้ ราเป็นวิทยากรทเี่ กง่ มีคา่ ตัวแพง ๆ ได้ เพราะวิทยากรคือผถู้ า่ ยทอดใหค้ วามรู้ จึงมีค�ำกลา่ วทว่ี า่ “อา่ นหนงั สอื ประวัติศาสตร์ ๑ เล่ม ย่นยอ่ ระยะ เวลาของประวัตศิ าสตร์นบั ๑๐๐ ปี” ๒. มีความคดิ ริเร่มิ สรา้ งสรรค์ ความคดิ ของคนเรามี ๒ ด้าน ด้านหนึง่ บวก อีกด้านหนึง่ ลบ การคิดลบ ท�ำให้จิตใจหดหู่ หอ่ เหีย่ ว หมดความหวัง หมดก�ำลงั ใจ การคดิ บวกกอ่ ใหเ้ กิดความหวัง พลังใจ มแี รงท่จี ะต่อสู้ ปญั หาอปุ สรรค มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ คดิ สิ่งแปลก ๆ สิง่ ใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา คุณสมบตั ิของผทู้ ตี่ ้องการฝึกฝน หลักสูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ �ำ การเปล่ียนแปลงส่สู ังคมทไ่ี มท่ นต่อการทจุ ริต 75 174
เปน็ วทิ ยากรในขอ้ นก้ี ค็ อื การคดิ บวก มคี วามคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ เพราะจะท�ำใหเ้ รามอี ะไร แปลก ๆ ใหม่ ๆ ตลอด เวลา เวลาถา่ ยทอดใหค้ วามรู้ ก็จะเป็นความรทู้ ีด่ ี ๆ ความรทู้ ีส่ ร้างสรรค์ ผู้เข้าสัมมนาก็จะได้แนวความคดิ จาก การฟังบรรยายน�ำไปปฏิบตั ิให้เกดิ ประโยชน์ ท�ำใหผ้ ทู้ เ่ี ป็นวิทยากรได้รับการตอบรับมากยงิ่ ขนึ้ ดังนัน้ การฝกึ ฝน เก่ยี วกบั ความคิดสรา้ งสรรคก์ เ็ ปน็ อีกข้อหน่ึงที่วทิ ยากรพงึ มี ๓. มีมนษุ ย์สมั พันธด์ ี การเป็นคนร่าเรงิ ยิม้ แยม้ แจ่มใสเป็นกนั เอง ท�ำให้มเี สน่ห์ มีแต่คนอยากเขา้ ใกล้ เปน็ คณุ สมบตั อิ กี ขอ้ หนงึ่ ทคี่ วรมสี �ำหรบั การเปน็ วทิ ยากร รอยยม้ิ ของวทิ ยากร จะท�ำใหผ้ เู้ ขา้ สมั มนาฟงั อยา่ งตงั้ ใจ คงไมม่ ใี ครอยากฟงั วิทยากรหน้าบงึ้ หรอื หนา้ บอกบุญไมร่ บั ฝกึ ย้มิ เสยี แต่วนั น้เี พอื่ เป็นวิทยากรท่ดี ใี นวนั หนา้ ๔. ชา่ งสงั เกต การพดู การถ่ายทอดเน้อื หาสาระ ตอ้ งหม่ันสงั เกตผฟู้ งั รสู้ ึกเชน่ ไร การเรียนร้ภู าษากาย มคี วามจ�ำเปน็ อยา่ งยง่ิ เพราะจะท�ำใหส้ ามารถรไู้ ดว้ า่ ผฟู้ งั ตอบรบั การพดู ของวทิ ยากรไดม้ ากนอ้ ยแคไ่ หน ดงั นนั้ คณุ สมบัตขิ อ้ นค้ี อื ต้องฝึกเป็นคนชา่ งสังเกต ๕. มีไหวพริบปฏิภาณ วิทยากรต้องมีความสามารถในการแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าเก่ง คุณสมบัติ ข้อนี้ขาดไม่ได้ ใครไม่มีคุณสมบัติข้อน้ีฝึกฝนได้ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนบางครั้งเกินความคาดหมาย การมี ไหวพรบิ ปฏิภาณคดิ ไวท�ำไว แก้ไขเหตกุ ารณเ์ ฉพาะหนา้ ได้ เปน็ คุณสมบัตอิ กี ขอ้ หนง่ึ ของวทิ ยากรทตี่ อ้ งฝึกฝน ๖. มคี วามเช่ือมัน่ ในตนเอง วิทยากรเปน็ ย่งิ กวา่ ผนู้ �ำ เน่อื งจากผ้นู �ำสามารถน�ำคนอืน่ ได้ แตผ่ นู้ �ำอาจจะ ไมใ่ ชว่ ทิ ยากรทด่ี ี แตผ่ นู้ �ำมคี วามเชอ่ื มน่ั ดงั นน้ั วทิ ยากรจงึ ตอ้ งมคี วามเชอื่ มนั่ มากกวา่ หากไมม่ คี วามเชอื่ มนั่ ไมม่ ี ความมนั่ ใจในเรื่องที่บรรยายในเร่ืองทถ่ี ่ายทอด แล้วใครจะเช่ือ ความเชื่อม่นั จะแสดงออกมาทางน�ำ้ เสยี ง สหี นา้ แววตา ขอ้ มูล ค�ำพูด ท่าทาง บคุ ลกิ ภาพ การพดู ที่มีหลักการ การพดู ท่มี นี �้ำเสียงทรงพลงั ชว่ ยเสรมิ สร้างความ เชือ่ มนั่ ใหเ้ กดิ ข้ึนได้ ความเชอ่ื ม่ันในตนเองเป็นคุณสมบตั อิ กี ข้อหนึง่ ท่ีควรมีการฝึกฝน ๗. มกี ารวางแผนทดี่ ี นกั พดู ทด่ี หี รอื วทิ ยากรทดี่ ตี อ้ งมคี ณุ สมบตั เิ รอื่ งการวางแผนการพดู ใหไ้ ปตามล�ำดบั ขน้ั ตอน ถอื เปน็ เรอื่ งส�ำคญั ส�ำหรบั การถา่ ยทอด เพราะจะท�ำใหผ้ ฟู้ งั เขา้ ใจเรอ่ื งทไ่ี ดร้ บั การถา่ ยทอดอยา่ งกระจา่ ง แจ้งชัดเจน การขาดการวางแผน จะท�ำให้การพูด วกไปวนมา ท�ำให้เกิดการล้มเหลวในการพูด ไม่ประสบ ความส�ำเรจ็ ในการเป็นวทิ ยากร ดงั นัน้ การวางแผนเปน็ คุณสมบัตอิ ีกขอ้ หนงึ่ ท่คี วรมกี ารฝึกฝน ๘. มีความจริงใจตั้งใจให้ความรู้ คุณสมบัติข้อน้ีเป็นคุณสมบัติพ้ืนฐานของการเป็นวิทยากรมืออาชีพ ความจริงใจต้ังใจมากน้อยแค่ไหนสัมผัสได้ไม่ยาก ระหว่างวิทยากรกับผู้ฟังการสัมมนา หากมีความจริงใจและ ต้งั ใจจรงิ ๙. มีลีลาแบบฉบับเปน็ ของตัวเอง ลลี าแบบฉบบั ของนักพูด หรอื วทิ ยากรท่ีเป็นตัวของตวั เองจะท�ำให้ ผู้ฟังจ�ำไดแ้ ม่นยา โดดเดน่ เป็นเอกลักษณ์ดังน้นั วิทยากรต้องหาลีลาท่เี ปน็ แบบฉบบั ของตัวเอง ๑๐. ท�ำให้ผู้เขา้ สัมมนามีสว่ นรว่ มในการบรรยาย การพูด คือ การส่อื สารระหว่างผพู้ ูดกบั ผ้ฟู งั แตก่ าร บรรยาย คอื การพูดสอ่ื สารระหว่างวทิ ยากรกบั ผ้เู ข้าสมั มนา หากวทิ ยากรพดู ไป ผฟู้ งั กเ็ งยี บ นานเข้าบรรยากาศ ก็จะกร่อยสุดท้ายคนก็จะหายหมดทัง้ ห้อง ดังนั้นการสร้างบรรยากาศให้ผู้ฟังหรอื ผู้เข้าสัมมนามสี ว่ นร่วม เป็น คุณสมบัติข้อส�ำคัญที่ต้องฝึกฝนอย่างหนัก เพราะการท�ำให้ผู้เข้าสัมมนามีส่วนร่วมเป็นจุดแจ้งเกิดของวิทยากร มืออาชีพ ๑๑. บคุ ลิกภาพการแต่งกายโดดเดน่ ดดู ีมีสงา่ วางตัวเหมาะสมเป็นวทิ ยากร การแตง่ กายท่ีเหมาะสม บุคลิกภาพดูดี โดดเด่น เป็นที่เคารพเล่ือมใสต่อผู้พบเห็นไม่ว่าจะเป็นบนเวทีหรืออยู่ข้างล่างเวทีนับว่ามีความ ส�ำคญั อย่างย่ิง ดังนน้ั วิทยากรก็ตอ้ งฝึกฝนเช่นกนั 76 หลกั สูตรสร้างวทิ ยากรผนู้ ำ�การเปล่ยี นแปลงส่สู งั คมทีไ่ ม่ทนตอ่ การทุจรติ 175
๑๒. ถา่ ยทอดเปน็ ๑๒.๑ มีเทคนิคตา่ ง ๆ เช่น การบรรยาย การน�ำอภปิ ราย การสัมมนา กรณศี กึ ษา การจดั กจิ กรรม ฯลฯ เพ่ือท�ำใหเ้ กิดความรู้ เขา้ ใจง่าย ได้สาระ ๑๒.๒ พูดเปน็ คอื พูดแลว้ ท�ำใหผ้ ้ฟู งั เข้าใจตามทีพ่ ูดได้อยา่ งรวดเรว็ สามารถพูดเรอ่ื งยาก ซบั ซอ้ น ให้เขา้ ใจง่าย ๑๒.๓ ฟงั เปน็ คอื ตงั้ ใจฟงั ฟงั ใหต้ ลอด ขณะทฟ่ี งั ตอ้ งควบคมุ อารมณ์ ขณะทฟ่ี งั อยา่ คดิ ค�ำตอบทนั ที จงฟังเอาความหมายมากกวา่ ถ้อยค�ำ ๑๒.๔ น�ำเสนอเปน็ ประเดน็ และสรปุ ประเดน็ ใหช้ ัดเจน ๑๒.๕ มีอารมณข์ ัน สร้างบรรยากาศในการอบรมไดอ้ ย่างเหมาะสม ๑๒.๖ มปี ระสทิ ธภิ าพในการอบรม สามารถเชอ่ื มโยงทฤษฎเี ขา้ กบั การปฏบิ ตั ไิ ดด้ ี มองเหน็ เปน็ รปู ธรรม ๑๒.๗ ใช้ภาษาพดู ไดด้ ี ใช้ภาษาง่าย ๆ รจู้ ักเลอื กภาษาให้ตรงกับเน้ือหาและตรงกับความตอ้ งการ และพนื้ ฐานความรขู้ องผู้ฟงั ๑๓. มีหลักจติ วทิ ยาในการสอนผูใ้ หญ่ ๑๓.๑ ความสนใจในการรับฟังจะเกิดขน้ึ จากการรับรถู้ ึงเรื่องท่ีวทิ ยากรจะพูดหรือบรรยาย ๑๓.๒ มงุ่ ประโยชน์ในการรับฟังเปน็ ส�ำคัญ ๑๓.๓ จะตง้ั ใจและเรียนรไู้ ด้ดี ถา้ วิทยากรแยกเร่อื งทสี่ อนออกเป็นประเดน็ /ขน้ั ตอน ๑๓.๔ จะเรยี นรู้ได้ดีถา้ ไดฝ้ กึ ปฏิบัตไิ ปดว้ ยพร้อม ๆ กับการรบั ฟงั ๑๓.๕ จะเรียนรูไ้ ดด้ ียิ่งขนึ้ ถา้ ฝึกแลว้ ไดท้ ราบผลของการปฏิบัติอยา่ งรวดเร็ว ๑๓.๖ จะเรยี นรไู้ ด้ดเี ม่อื มกี ารฝกึ หดั อยูเ่ สมอ ๑๓.๗ จะเรียนรู้ได้ดีเมื่อเปิดโอกาสให้ใช้เวลาในการท�ำความเข้าใจ อย่าเร่งรัด เพราะแต่ละคนมี ความสามารถในการเรยี นรู้ตา่ งกนั ๑๔. มจี รรยาบรรณของวิทยากร ๑๔.๑ เม่อื จะสอนตอ้ งมัน่ ใจว่ามคี วามรูจ้ รงิ ในเร่อื งทจี่ ะสอน ๑๔.๒ ต้องมงุ่ ประโยชน์ของผู้ฟังเปน็ ท่ตี ั้ง ๑๔.๓ ไม่ควรฉกฉวยโอกาสในการเปน็ วทิ ยากรเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ๑๔.๔ ความประพฤติและการปฏิบตั ิตนของวิทยากร ควรจะสอดคล้องกับเรือ่ งทีส่ อน การเปน็ ผู้น�ำ เสนอที่ดี การเปน็ วทิ ยากรทด่ี ี วทิ ยากรจะตอ้ งเปน็ ผนู้ �ำเสนอทด่ี ดี ว้ ย เพอื่ ใหก้ ารบรรยายบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ กี่ �ำหนดไว้ โดยวทิ ยากรจะตอ้ งมกี ารเตรียมการทป่ี ระกบดว้ ยข้ันตอน ดงั นี้ ๑. การวางแผน (Planning) เปน็ ขน้ั ตอนแรกทส่ี �ำคญั ทจ่ี ะน�ำไปสคู่ วามมน่ั ใจของการเปน็ ผนู้ �ำเสนอทดี่ ี นน้ั คอื การวางแผนเตรยี ม ความพรอ้ ม โดย - ส�ำรวจตวั เอง - วิเคราะห์จุดออ่ นและจดุ แขง็ ตนเอง - สรา้ งความเช่ือมัน่ ตนเอง - ก�ำหนดแผนและกจิ กรรมการเรยี นรู้ หลักสตู รสร้างวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปล่ยี นแปลงสู่สังคมทไ่ี ม่ทนต่อการทุจรติ 77 176
๒. การด�ำเนินการ (Doing) การด�ำเนินการเป็นไปตามแผนและกิจกรรมการเรยี นรู้ท่ีก�ำหนดขน้ึ ซ่งึ อาจพบปญั หาหรอื อุปสรรค ทต่ี ้องแกไ้ ขปัญหาเหล่านั้น ๓. การตรวจสอบ (Checking) บุคคลท่ีจะประสบความส�ำเร็จในอาชีพการงานต่าง ๆ ได้น้ัน จะต้องคอยตรวจสอบผลการด�ำเนิน งานของตนเองเป็นระยะ ๆ โดยประเมินความส�ำเร็จของกิจกรรมตา่ ง ๆ ทด่ี �ำเนินการมาทัง้ หมดวา่ เป็นไปตาม เปา้ หมายท่ตี อ้ งการให้เปน็ หรอื ไม่ ท้งั น้ี เพือ่ สรา้ งความส�ำเร็จในการกา้ วขึ้นสเู่ วทีของ “ผู้น�ำเสนอหรอื วทิ ยากร” ๔. การลงมอื ปฏบิ ัตจิ รงิ (Acting) เม่อื มคี วามพร้อมในทุกอย่าง กเ็ ร่มิ กา้ วสูเ่ วทขี องการเปน็ ผู้น�ำเสนอทด่ี ี เทคนคิ การเตรยี มตัวทด่ี ขี องวทิ ยากร ก่อนการฝกึ อบรม ก่อนที่จะมีการฝึกอบรมเกิดขึ้น วิทยากรจะต้องมีภารกิจในการเตรียมตัว เพราะวิทยากรจะต้องทราบ ล่วงหน้าว่าตนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องใด ดังนั้น ในขั้นตอนนี้วิทยากรควรจะด�ำเนินการเตรียมการ เพอื่ การถา่ ยทอดและเปลยี่ นทศั นคตขิ องผเู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรม การเตรยี มการทด่ี ยี อ่ มส�ำเรจ็ ไปแลว้ ครงึ่ หนง่ึ เพราะ จะท�ำใหว้ ทิ ยากรเกดิ ความมน่ั ใจในการฝกึ อบรม และเมอ่ื มปี ญั หาตา่ ง ๆ เกดิ ขน้ึ ยอ่ มแกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม การเตรยี มการในข้ันนี้เกีย่ วข้องกบั ๑. การประสานงานกบั หนว่ ยงานทจี่ ะฝกึ อบรม เพื่อขอขอ้ มูลท่จี ะเป็นประโยชน์ตอ่ การฝกึ อบรม ได้แก่ หลกั สูตร กลมุ่ ผเู้ ข้ารบั การฝกึ อบรม เอกสารประกอบ วสั ดุอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ๒. การเขยี นแผนการฝกึ อบรม ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ทไ่ี ดจ้ ากหนว่ ยงานจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การเขยี นแผนการฝกึ อบรม แผนการฝกึ อบรมเปน็ แนวทางสาหรบั วทิ ยากรวา่ จะถา่ ยทอดและเปลยี่ นพฤตกิ รรมโดยใชส้ อื่ และเทคนคิ การฝกึ อบรมอย่างไร เพอื่ ให้เหมาะสมกบั ผู้เขา้ รว่ มอบรม ๓. การเตรยี มอปุ กรณ์ สอื่ ตา่ ง ๆ วทิ ยากรควรจะเตรยี มอปุ กรณแ์ ละสอื่ ตา่ ง ๆ เชน่ ไฟลน์ �ำเสนอ กระดาษ ฯลฯ ใหเ้ รยี บร้อย เหมาะสมกบั ฐานะของวทิ ยากร ระหว่างการฝกึ อบรม เม่ือวิทยากรมาถึงสถานที่จัดฝึกอบรม ควรตรวจสอบสถานที่และอุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีได้จัดเตรียมไว้และ สอบถามข้อมลู ต่าง ๆ เช่น บรรยากาศในการฝกึ อบรม ใครเปน็ ผูน้ �ำกลมุ่ วิทยากรคนกอ่ น ๆ พดู เกี่ยวกบั อะไร ฯลฯ เมือ่ ถงึ เวลาการฝึกอบรม จะตอ้ งด�ำเนนิ การต่าง ๆ ท่ีส�ำคญั ได้แก่ ๑. การถา่ ยทอดความรู้ ควรมีความสามารถในการถ่ายทอด โดยอาศัยเทคนคิ และใชส้ ื่ออุปกรณ์ตา่ ง ๆ ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ ๒. การเปน็ ศนู ยก์ ลาง ในการแลกเปลยี่ นประสบการณแ์ ละความคดิ เหน็ วทิ ยากรจะตอ้ งคอยกระตนุ้ ให้ ผรู้ บั การฝกึ อบรมแลกเปลย่ี นประสบการณค์ วามคดิ เหน็ รวมถงึ ตอ้ งคอยชแี้ นะ สรปุ ประเดน็ และน�ำเสนอแนวทาง ท่ีเหมาะสมด้วย ๓. การเสรมิ สรา้ งบรรยากาศ วทิ ยากรจะตอ้ งสรา้ งบรรยากาศทเ่ี หมาะสมตอ่ การเรยี นรู้ ทง้ั ดา้ นกายภาพ ไดแ้ ก่ อปุ กรณ์ สอื่ ใหเ้ หมาะสม และดา้ นจติ ภาพ หมายถงึ ผเู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรม มคี วามสนใจทจี่ ะเรยี นรอู้ ยตู่ ลอดเวลา 78 หลักสูตรสรา้ งวทิ ยากรผู้นำ�การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนตอ่ การทุจริต 177
๔. การมมี นษุ ยสมั พนั ธ์ วิทยากรจะต้องอาศัยหลักการ ด้านมนษุ ยสมั พนั ธ์ เพอ่ื เป็นการชว่ ยลดช่องว่าง วิทยากรกบั ผูเ้ ขา้ รับการฝกึ อบรม จะท�ำให้ผู้เข้ารบั การฝึกอบรมประทบั ใจ ๕. การแกป้ ญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ ปญั หาบางอยา่ งวทิ ยากรสามารถรู้ หรอื คาดเดาไดล้ ว่ งหนา้ แตป่ ญั หาบางอยา่ ง เป็นปัญหาท่ีเกิดข้ึนเฉพาะหน้า ไม่สามารถคาดการณ์ได้ วิทยากรมืออาชีพจะต้องสามารถแก้ไขปัญหาได้ หรือบรรเทาใหล้ ดนอ้ ยลง หลงั การฝกึ อบรม อาจจะกระท�ำไดโ้ ดย ๑. การประเมินผลการอบรม วิทยากรควรจะขอข้อมูล จากผู้จัดฝึกอบรม นอกเหนือจากประเมิน โดยการสังเกต เพอื่ จะได้ทราบผลการปฏบิ ัตงิ านของตน และนามาใช้ปรบั ปรงุ แกไ้ ขในโอกาสตอ่ ไป ๒. การเข้ารว่ มกจิ กรรมต่าง ๆ ตามความจ�ำเป็น วิทยากรควรเข้ารว่ มกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามทเี่ ห็นสมควร เช่น การมอบวุฒิบตั ร การเล้ียงสังสรรค์ระหวา่ งผูเ้ ข้ารับการฝกึ อบรม เปน็ ตน้ ๓. การติดตามผลการฝึกอบรม ต้องติดตามดูว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ได้น�ำความรู้ที่ได้ฝึกฝนมาใช้ ใหเ้ กดิ ประโยชนม์ ากนอ้ ยเพยี งใด พร้อมท้งั ใหค้ �ำแนะน�ำแกเ่ ขาเทา่ ทจ่ี �ำเป็น บันได ๑๓ ข้นั สู่ความส�ำ เรจ็ การเป็นวิทยากร ๑. เตรยี มใหพ้ รอ้ ม ๒. ซักซ้อมใหด้ ี ๓. ทา่ ทีให้สงา่ ๔. หนา้ ตาให้สขุ มุ ๕. ทักท่ีประชุมไมว่ กวน ๖. เริ่มต้นใหโ้ นม้ น้าว ๗. เรื่องราวให้กระชับ ๘. ตาจับท่ีผูฟ้ งั ๙. เสียงดงั ให้พอดี ๑๐. อยา่ ให้มีเอ้ออ้า ๑๑. ดเู วลาให้พอครบ ๑๒. สรปุ จบให้จบั ใจ ๑๓. ย้มิ แยม้ แจม่ ใสตลอดการพดู ๑๐ ประการ ทะยานสคู่ วามส�ำ เรจ็ ในการพดู ๑. รู้เรอ่ื งดี กพ็ ดู ได้ ๒. เตรยี มตวั ไว้ ก็พูดดี ๓. พดู ทงั้ ทีตอ้ งเชื่อมนั่ ๔. แตง่ กายนน้ั ต้องเหมาะสม ๕. ปรากฏโฉม กระตอื รือร้น ๖. ไมล่ กุ ลน ใช้ท่าทาง หลักสตู รสรา้ งวทิ ยากรผนู้ �ำ การเปลย่ี นแปลงสสู่ งั คมทีไ่ ม่ทนตอ่ การทุจรติ 79 178
๗. สบตาบา้ ง อย่างทวั่ ถึง ๘. ภาษาซ้งึ เขา้ ใจง่าย ๙. น้ำ� เสียงไซร้ เป็นธรรมชาติ ๑๐. อยา่ ให้ขาดรปู ธรรม หลกั การพัฒนาค�ำ พูด ๙ ประการ ๑. อา่ นหนังสอื พบประโยค หรอื วลีมคี ุณค่า จดไวเ้ ปน็ เสบยี งกรัง ๒. จัดล�ำดับความคิดท่ีจะพดู ให้คลอ้ งจองเหมอื นเรียงความ ๓. พูดจากหวั ใจ จริงใจ ๔. วิเคราะหส์ ถานการณ์การพดู คนฟัง สถานที่ เวลา เรือ่ งที่จะพูด ๕. กอ่ นพดู เตรียมรา่ งกายใหด้ ี ๖. ตรวจดคู วามพร้อมของอุปกรณ์ เช่น ไมโครโฟน ๗. พดู เหมือนการเขยี น-ค�ำน�ำ เนอื้ เร่อื ง สรุป ๘. ระลกึ วา่ การพูดเป็น “ศาสตร”์ และ “ศลิ ป์” พูดให้สอดคล้องสีหน้าและอารมณ์ ๙. ก�ำหนดสารบัญการพูดในใจ จากใจ ที่ข้ึนใจ การเตรยี มตวั พูดในทช่ี มุ ชน ๑. ก�ำหนดจุดมุง่ หมาย ใหช้ ัดเจนวา่ จะพูดอะไร เพื่ออะไร มขี อบขา่ ยกวา้ งขวางมากนอ้ ย เพยี งใด ๒. วิเคราะห์ผู้ฟัง พิจารณาจ�ำนวนผู้ฟัง เพศ วัย การศึกษา สถานภาพทางสังคม อาชีพ ความสนใจ ความมงุ่ หวงั และทศั นคติ ทกี่ ลมุ่ ผฟู้ งั มตี อ่ เรอื่ งทพี่ ดู และตวั ผพู้ ดู เพอ่ื น�ำขอ้ มลู มาเตรยี มพดู เตรยี มวธิ กี ารใชภ้ าษา ใหเ้ หมาะกับผฟู้ งั ๓. ก�ำหนดขอบเขตของเรอื่ ง โดยค�ำนงึ ถึงเน้ือเรอ่ื งและเวลาท่จี ะพูด ก�ำหนดประเดน็ ส�ำคญั ให้ชดั เจน ๔. รวบรวมเน้ือหา ต้องจัดเน้ือหาท่ีผู้ฟังได้รับประโยชน์มากท่ีสุด การรวบรวมเนื้อหาท�ำได้ หาได้จาก การศึกษา คน้ ควา้ จากการอา่ นการสมั ภาษณ์ ไต่ถามผรู้ ู้ ใชค้ วามรู้ความสามารถ แล้วจดบันทกึ ๕. เรียบเรยี งเนือ้ เร่อื ง ผ้พู ดู จดั ท�ำเค้าโครงเรอื่ งใหช้ ัดเจนเป็นตามล�ำดับจะกลา่ วเปิดเรอื่ งอยา่ งไร เตรียม การใช้ภาษาให้เหมาะสม กะทดั รดั เขา้ ใจง่าย ตรงประเด็น พอเหมาะกับเวลา ๖. การซ้อมพูด เพอ่ื ให้แสดงความม่นั ใจตอ้ งซอ้ มพดู ออกเสยี งพูด อกั ขรวธิ ี มลี ีลาจงั หวะ ท่าทาง สหี นา้ สายตา นำ้� เสียง มผี ู้ฟงั ชว่ ยตชิ ม การพดู มกี ารบนั ทกึ เสียงเปน็ อปุ กรณก์ ารฝึกซอ้ ม ข้อคดิ นักพูด ๑. นกั พดู ท่ีดี...ต้องเปน็ นกั ฟงั ท่ีดี ๒. ความส�ำเร็จของนกั พูด ไม่ได้วัดจากเสยี งฮา ๓. ควรพูดใหไ้ ด้ สาระ และ บนั เทงิ ๔. อา่ นหนงั สอื ดี ๆ ๑ เลม่ ประหยัดเวลาชวี ิตไป ๑๐ ปี ฟังนกั พูดดี ๆ ๑ ชว่ั โมง ประหยดั เวลาอา่ น หนังสือไป ๑๐ เล่ม ๕. จะเปน็ นกั พดู ตอ้ งใชห้ วั ใจนกั ปราชญ์ “สุ จิ ปุ ล”ิ 80 หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผู้นำ�การเปลยี่ นแปลงสู่สังคมท่ีไมท่ นต่อการทุจริต 179
บรรณานกุ รม กฤติน กุลเพ็ง. (๒๕๖๐). เทคนคิ การประชุมและการน�ำเสนอแบบมอื อาชพี . นนทบุร:ี เอกสารประกอบการ บรรยายโครงการอบรมหลักสตู รนกั บริหาร ป.ป.ช. ระดบั สงู (นบปส.อ�ำนวยการ) รุน่ ท่ี ๕ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ัย. เทคนคิ การเป็นวิทยากรมืออาชพี . สืบคน้ เมือ่ ๓๐ สงิ หาคม ๒๕๖๐, จากhttp://nrei.rmutsv.ac.th/sites/default/files/km/%E๐%B๙%๘๐%E๐%B๘%๙๗%E๐ %B๘%๘๔%E๐%B๘%๙๙%E๐%B๘%B๔%E๐%B๘%๘๔%E๐%B๘%๘๑%E๐%B๘%B๒% E๐%B๘%A๓%E๐%B๙%๘๐%E๐%B๘%๙B%E๐%B๙%๘๗%E๐%B๘%๙๙%E๐%B๘%A๗ %E๐%B๘%B๔%E๐%B๘%๙๗%E๐%B๘%A๒%E๐%B๘%B๒%E๐%B๘%๘๑%E๐%B๘%A ๓%E๐%B๘%A๑%E๐%B๘%B๗%E๐%B๘%AD%E๐%B๘%AD%E๐%B๘%B๒%E๐%B๘% ๘A%E๐%B๘%B๕%E๐%B๘%๙E.pdf มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. วิทยากร. สืบค้นเมอ่ื ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๐, จากhttp://www.stou.ac.th/ Offices/rdec/ubon/upload/trniner.pdf ส�ำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรี. เทคนิคการเป็นวิทยากรมืออาชีพ. สืบค้นเม่ือ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๐, จากhttp://pvlo-knr.dld.go.th/webfile/idp๕๘/idp๕๘new_n๒/ppt_idp๕๘n๒.pdf สภุ าภรณ์ ลมลู ศลิ ป.์ วทิ ยากรมอื อาชพี . สบื คน้ เมอื่ ๓๐ สงิ หาคม ๒๕๖๐, จากhttp://kcenter.anamai.moph. go.th/info/pdf/๖๖be๘๙๓dd๔๘๓e๕๐ff๗๖๘๕๖๑๕e๒๙ef๓๓e.pdf หลักสูตรสร้างวิทยากรผ้นู �ำ การเปล่ยี นแปลงสูส่ งั คมท่ีไม่ทนตอ่ การทจุ รติ 81 180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
คณะทำงำนยกร่ำงค่มู ือ แนวทำงกำรสอน กำรบรรยำย และกำรเทศนำ โดยประยุกต์หลักธรรมคำสอนในพระพทุ ธศำสนำกับหลักสูตรต้ำนทุจรติ ศึกษำ : Anti - Corruption Education ทีร่ ับผดิ ชอบ (ร่ำง) หลักธรรมคำสอนในพระพทุ ธศำสนำ กบั หลักสูตรต้ำนทุจรติ ศึกษำ (Anti – Corruption Education) บทท่ี ๑ บทนำ ผูร้ บั ผิดชอบยกรา่ งประกอบด้วย พระสงฆ์ ๑. พระเทพปรยิ ตั ิมนุ ี (มชี ยั วีรปญฺโญ) เจา้ อาวาสวัดหงสร์ ตั นารามราชวรวหิ ารกรุงเทพมหานคร ๒. พระมหาวจิ ติ ร กลฺยาณจติ โฺ ต เจ้าอาวาสวดั มหาสวัสดนิ์ าคพุฒาราม จงั หวัดนครปฐม ๓. พระมหาอดเิ ดช สตวิ โร ผชู้ ่วยเจ้าอาวาสวัดหงสร์ ตั นารามราชวรวหิ าร กรงุ เทพมหานคร ๔. พระครสู ถิตรัตนพงศ์ (นพพร อาภาธโร) ผู้ช่วยเจา้ อาวาสวดั หงสร์ ัตนารามราชวรวหิ าร กรุงเทพมหานคร เจา้ หนา้ ท่ี ป.ป.ช. ๑. นางสาววาสนา ใจประเสรฐิ เจา้ พนกั งานปอ้ งกันการทจุ ริตชานาญการพเิ ศษ ๒. นายประกาฬ ตนั สทิ ธิพันธ์ เจา้ พนกั งานปอ้ งกันการทุจริตปฏบิ ัตกิ าร ๓. น.ส.ปัณณ์ฉตั ร์ เดชวสุพงศ์ เจ้าพนกั งานป้องกันการทจุ ริตปฏบิ ัตกิ าร บทที่ ๒ สังวรปธำน เพียรระวังยับย้ังทจุ ริตที่ยังไม่เกิดมใิ หเ้ กดิ ข้นึ : หลักกำรคิดแยกแยะระหว่ำงผลประโยชนส์ ่วนบุคคล และผลประโยชน์ส่วนรวม ผู้รับผดิ ชอบยกร่างประกอบด้วย พระสงฆ์ ๑. พระศรีธรรมภาณี (วัลลภ โกวิโล) ผชู้ ว่ ยเจา้ อาวาสวัดประยรุ วงศาวาสวรวิหาร ๒. พระชยานันทมุนี (ธรรมวัตร จรณธมโฺ ม) เจ้าอาวาสวัดพระธาตแุ ชแ่ หง้ จังหวดั นา่ น เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ๑. นายเดวดิ เตชะ เจ้าพนกั งานป้องกันการทจุ ริตชานาญการ ๒. นายเสฏฐนนั ท์ ช่อฟา้ เจ้าพนักงานป้องกันการทุจรติ ชานาญการ 192
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244