Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวคิดพื้นฐานทางการพยาบาล

แนวคิดพื้นฐานทางการพยาบาล

Published by chananan52, 2021-06-24 09:25:11

Description: บทที่3 ทฤษฎีการพยาบาลของไลนินเจอร์

Search

Read the Text Version

บทที่ 3[วนั ท่]ี ทฤษฎีการพยาบาลของไลนิ นเจอร์ User HOME

1 วิชา มโมติ ทฤษฎีและกระบวนการพยาบาล สาหรบั นักศกึ ษาชนั้ ปี 1 บทท่ี 3 โดย มนทรา ตงั้ จิรวฒั นา ทฤษฎีการพยาบาลของไลนิ นเจอร์ ทฤษฎขี องไลนนิ เจอร์ เป็นทฤษฎที มี่ แี นวคดิ พน้ื ฐานมาจากสาขาวชิ ามานุษยวทิ ยาและสาขาวชิ าการ พยาบาล โดยในขณะทที่ า่ นทางานในฐานะพยาบาลผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นจติ เวชเดก็ ในประเทศสหรฐั อเมรกิ า ทา่ นพบวา่ ผปู้ ่วยและผปู้ กครองมคี วามต้องการทแ่ี ตกต่างกนั ตามวฒั นธรรมของตน ทา่ นไดพ้ บประสบการณ์ “ Cultural Shock” ทเี่ กดิ จากการไมเ่ ขา้ ใจในวฒั นธรรมหรอื บรบิ ทใหมท่ ไ่ี ดพ้ บ ทา่ นไม่เขา้ ใจถงึ พฤตกิ รรมแสดงออกทแ่ี ตกต่างกนั ของ ผปู้ ่วย ดว้ ยความรสู้ กึ ทอ่ี ยากชว่ ยบุคคลเหลา่ นัน้ จงึ เกดิ แนวคดิ วา่ ควรมตี าราทางการพยาบาลทเ่ี นน้ การดูแลผปู้ ่วย ในมติ ขิ องความหลากหลายทางวฒั นธรรม ทา่ นไดเ้ ขยี นตาราและตอ่ มาพฒั นาเป็นศาสตรใ์ หม่ ช่อื ว่า “ทฤษฎกี าร พยาบาลขา้ มวฒั นธรรม” หรอื “Transcultural Nursing” ทฤษฎีการพยาบาลข้ามวฒั นธรรมของไลนินเจอร์ อยใู่ นระดบั Grand Theory เน่ืองจากทฤษฎนี ม้ี กี รอบมมุ มอง มจี ุดมุ่งหมาย เป้าหมาย โครงสรา้ งการปฏบิ ตั ทิ ก่ี วา้ งขวาง มกี ารพฒั นา มโนมตหิ ลกั และการพฒั นาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมโนมตหิ ลกั อยู่เป็นระยะ ไลนินเจอร์ ไมไ่ ดใ้ หค้ วามสาคญั กบั ระดบั ของทฤษฎี แต่มุง่ ไปยงั มุมมองในความเป็นองคร์ วมหรอื มองในขอบเขตของปรากฏการณ์ทสี่ นใจ กรอบแนวคิดทฤษฎีของไลนินเจอร์ กบั มโนมติทางการพยาบาล กรอบแนวคดิ ทฤษฎี แสดงถงึ ความสามารถในการนาแนวคดิ ทมี่ เี หตุผลแสดงความสมั พนั ธข์ องมโนมติ ทางการพยาบาล 4 องคป์ ระกอบ คอื การพยาบาล คน สขุ ภาพ และสงิ่ แวดลอ้ ม มาเป็นแนวทางในการปฏบิ ตั แิ ละ ตดั สนิ ใจเพ่อื ปฏบิ ตั วิ ชิ าชพี การพยาบาล ไลนนิ เจอร์ (1991) ไดเ้ สนอการใชม้ โนมตทิ างวฒั นธรรม เป็นส่วนหน่ึงของ กรอบแนวคดิ และแสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่าง 4 มโนมตทิ างการพยาบาล ดงั น้ี ส่ิงแวดลอ้ ม แบ่งเป็น ๓ ประเภทใหญๆ่ ไดแ้ ก่ 1. สงิ่ แวดลอ้ มทางกายภาพ ไดแ้ ก่ สภาพทางภมู ศิ าสตร์ ภมู อิ ากาศ ทอี่ ยู่อาศยั การสขุ าภบิ าล 2. สงิ่ แวดลอ้ มทางสงั คม ไดแ้ ก่ ครอบครวั ชมุ ชน เมอื ง และสถาบนั ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง เช่น วดั 3. สงิ่ แวดลอ้ มทเี่ ป็นสญั ลกั ษณท์ างวฒั นธรรม ทใ่ี ชใ้ นการตดิ ต่อส่อื สาร การแสดงถงึ ค่านยิ ม และบรรทดั ฐาน บคุ คลแตก่ ลุม่ ไดแ้ ก่ ภาษา ศลิ ปะ ดนตรี ประวตั ศิ าสตร์ บคุ คล ในแนวคดิ วา่ “บุคคลแตล่ ะคนยอ่ มมคี วามแตกตา่ งกนั ” หรอื ทเ่ี รยี กว่า “ความหลากหลายทางชวี ภาพ” ซง่ึ อาจไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากวฒั นธรรม สงั คม การศกึ ษา แรงจงู ใจ ไดแ้ ก่

2 1. บคุ คลแตล่ ะคนมพี ฤตกิ รรมดูแลสขุ ภาพ การดแู ลเม่อื เจบ็ ป่วยซ่งึ จะนาไปสูพ่ ฤตกิ รรมการแสวงหาบรกิ าร ดา้ นสุขภาพ 2. ความหลากหลายทางวฒั นธรรม ซง่ึ มองทงั้ ระดบั ปัจเจกบคุ คลและกลุ่ม สะทอ้ นใหเ้ หน็ ไดใ้ นแบบแผนการ ดาเนินชวี ติ แต่ละวนั การมพี ฤตกิ รรมสุขภาพภายใต้บรบิ ทของสงั คม เช่นการปฏบิ ตั ติ ามขอ้ หา้ ม พธิ กี รรม กฎเกณฑ์ ต่างๆ นาไปสคู่ ่านยิ มและความเชอ่ื เกย่ี วกบั การแสดงบทบาทของตนในการใชช้ วี ติ ประจาวนั กบั ระบบการใหบ้ รกิ าร ดา้ นสขุ ภาพ สุขภาพ เป็นภาวะทแ่ี สดงถงึ ความผาสกุ ซ่งึ ขน้ึ อยู่กบั การใหค้ า่ นยิ มหรอื คุณคา่ ตามวฒั นธรรม เป็นผลมาจาก ความสามารถของบคุ คล กลมุ่ โดยบุคคลแต่ละกลุ่มจะแสดงบทบาทของตนในการใชช้ วี ติ ประจาวนั ภายใต้วฒั นธรรม ของตนเอง มโนมตทิ างสขุ ภาพยงั กล่าวถงึ การมปี ฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งพยาบาลกบั ผใู้ ชบ้ รกิ าร ทมี่ จี ุดม่งุ หมายตรงกนั ใน เรอ่ื งของภาวะสขุ ภาพและการปฏบิ ตั กิ ารพยาบาล สขุ ภาพ ประกอบดว้ ย 1. การใหค้ าจากดั ความ ของคาว่า สขุ ภาพ ภาวะโรค ความเจบ็ ป่วย ความไม่สบาย 2.ระบบความเช่อื ดา้ นสขุ ภาพ : 2.1 ความเชอ่ื ในศาสนาและอานาจวเิ ศษ 2.2 ความเช่อื ในระบบชวี วทิ ยาการแพทย์ 2.3 ความเชอ่ื ทเ่ี ป็นองคร์ วม เช่อื ในความสมดุล ความกลมกลนื 3. ความมศี ลิ ปะและการปฏบิ ตั ทิ เ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การรกั ษา : การป้องกนั การสง่ เสรมิ สขุ ภาพ การวนิ ิจฉยั โรค และการรกั ษา ตลอดจนผปู้ ฏบิ ตั กิ ารรกั ษา 4. ชนิดของการรกั ษา : ระบบประชาชน ระบบวชิ าชพี และระบบพน้ื บา้ น การพยาบาล การพยาบาล หมายถงึ ความเป็นวชิ าชพี ทมี่ งุ่ เนน้ 1.การดแู ลมนุษยใ์ นปรากฏการณ์ต่างๆ โดยอาศยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละศาสตรเ์ ก่ยี วกบั มนษุ ย์ 2.มุ่งเน้นการปฏบิ ตั เิ พอ่ื การช่วยเหลอื สนบั สนุน เออ้ื อานวย ทงั้ ในระดบั บคุ คลและกลมุ่ เพอ่ื คงไวซ้ ง่ึ ความ “ผาสกุ ” ทต่ี รงกบั ความหมายทางวฒั นธรรมของบคุ คลหรอื กลมุ่ นนั้ ทใี่ ชว้ ธิ กี ารทเี่ ป็นประโยชน์และชว่ ยใหม้ นษุ ย์ สามารถเผชญิ กบั ความทุพพลภาพและความตายได้ การใหก้ ารพยาบาล ต้องอาศยั กระบวนการพยาบาล ทใ่ี ชก้ ารประเมนิ และวางแผนการพยาบาลเพอ่ื แก้ปัญหา มงุ่ ผรู้ บั บรกิ ารเป็นศนู ยก์ ลาง พยาบาลจะต้องมคี วามเขา้ ใจในคณุ ค่าทเ่ี ฉพาะเจาะจง ความเช่อื และการ ปฏบิ ตั ทิ สี่ อดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมของผู้รบั บรกิ าร กรอบแนวคิดการดแู ลดา้ นวฒั นธรรม มี 4 ระดบั ระดบั ท่ี 1 เป็นมุมมองโลกและระบบสงั คม ระดบั น้ีคอ่ นขา้ งมคี วามเป็นแบบแผนสูง จะใหค้ วามเขา้ ใจถงึ ธรรมชาติ ความหมาย และคณุ ลกั ษณะการดูแล ดงั น้ี - จดุ เลก็ ทส่ี ุด คอื บคุ คลในวฒั นธรรม -ระดบั กลาง คอื ปัจจยั ทซ่ี บั ซ้อนมากขน้ึ ในวฒั นธรรมทเี่ ฉพาะเจาะจง

3 - ในมุมกวา้ ง คอื สถานการณ์ต่างๆในวฒั นธรรมทหี่ ลากหลาย ระดบั ท่ี 2 เป็นการให้ข้อมลู เกยี่ วกบั บุคคล กล่มุ บคุ คล ครอบครวั ชมุ ชน และสถาบนั ในระบบบริการ สขุ ภาพที่แตกต่างกนั -โดยบอกความหมาย และการแสดงออกทส่ี มั พนั ธก์ บั การดแู ลสุขภาพ ระดบั ท่ี 3 เป็นการให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ระบบของกลุ่มชนและวิชาชพี การพยาบาลซ่ึงปฏิบตั ิกิจกรรมภายใน วฒั นธรรม ทาใหเ้ หน็ ความเป็นสากลหรอื ความหลากหลายของการดแู ลดา้ นวฒั นธรรม ระดบั ท่ี 4 บอกระดบั การตดั สินใจเพอ่ื ปฏิบตั ิการดแู ล จะมลี กั ษณะทเี่ ป็นรูปแบบมากขน้ึ โดยมกี ารสงวน จดั หา และวางรูปแบบใหม่ เพอ่ื ใหก้ ารดูแลและสอดคลอ้ ง กลมกลนื กบั วฒั นธรรมมากทส่ี ดุ ลกั ษณะของการพยาบาลข้ามวฒั นธรรม การพยาบาลขา้ มวฒั นธรรม คอื การใหก้ ารพยาบาลทใ่ี ชก้ ารศกึ ษาเปรยี บเทยี บ วเิ คราะหถ์ งึ ความแตกต่าง ระหว่างวฒั นธรรม รวมถงึ วฒั นธรรมยอ่ ยทเ่ี ป็นวฒั นธรรมเฉพาะในโลก โดยคาดหวงั ว่าจะใหก้ ารดูแลมนุษยต์ าม คา่ นิยมการแสดงออก ความเช่อื ดา้ นสขุ ภาพและความเจบ็ ป่วย แบบแผนพฤตกิ รรมของมนุษย์ เพ่อื คงไวซ้ ่งึ ความ ผาสุก การเผชญิ กบั ความทุพพลภาพและความตายได้ เป้าหมายของการพยาบาลขา้ มวฒั นธรรม เป้าหมายของการพยาบาลขา้ มวฒั นธรรมคอื การจดั บรกิ ารการดูแลทสี่ อดคลอ้ งกบั วฒั นธรรม ทจ่ี ะชว่ ยสรา้ ง สขุ ภาพและความผาสขุ ของประชาชน ชว่ ยใหบ้ ุคคลเผชญิ กบั ความทพุ พลภาพและความตายได้ (Leininger,2002) แนวการพฒั นาความรู้ แนวทางการพฒั นาความรูข้ องทฤษฎกี ารพยาบาลขา้ มวฒั นธรรม มอี ยู่ 2 วธิ ี คอื การเรม่ิ สงั เกตเหตกุ ารณ์ท่ี เกดิ ขน้ึ จรงิ ( วธิ อี ุปนัย:Inductive method ) และการทใ่ี ชก้ รอบแนวคดิ ทางการพยาบาลกบั ความรทู้ างมานุษยวทิ ยา ไปใชว้ เิ คราะหแ์ ละทดสอบ( วธิ นี ริ นัย:Inductive method ) ซง่ึ จะไดม้ มุ มองทงั้ จากบคุ คลภายในและบุคคลภายนอก (emic and etic) สามารถเกบ็ ขอ้ มูลไดจ้ ากการวจิ ยั เชงิ ชาตพิ นั ธ์วรรณา ซง่ึ ไลนนิ เจอรเ์ รยี กว่า “ research –based transcultural nursing knowledge ” ซง่ึ เป็นการยนื ยนั ว่า ความรทู้ างการวจิ ยั เป็นพน้ื ฐานทกี่ ่อใหเ้ กดิ ความรทู้ างการ พยาบาลขา้ มวฒั นธรรม บทบาทของพยาบาลในการพยาบาลขา้ มวฒั นธรรม นอกเหนือจากการพยาบาลโดยยดึ หลกั แนวคดิ ทางดา้ นวฒั นธรรมแลว้ บรกิ ารทางการพยาบาลจะมหี ลาย ปัจจยั ดว้ ยกนั ทเ่ี ป็นลกั ษณะเด่น ทที่ าใหช้ าวต่างชาตนิ ิยมเดนิ ทางมารบั บรกิ ารทางการพยาบาลในประเทศไทย คอื เร่อื งของความปลอดภยั ในทพ่ี กั อาศยั ความปลอดภยั จากภยั ธรรมชาติ ความร่มร่นื ของธรรมชาติ สถานพยาบาล ความสะอาดของทพ่ี กั และความเพยี งพอ และ อตั ราค่าบรกิ ารทไ่ี มส่ ูงมากนัก ขณะเดยี วกนั กย็ งั มปี ัจจยั ทคี่ วรพฒั นา เพ่อื เพม่ิ ศกั ยภาพการดแู ลใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ ดงั น้ี 1. ส่งเสรมิ ใหโ้ รงพยาบาลมคี วามพรอ้ มในการยกระดบั มาตรฐานของโรงพยาบาล ไดแ้ ก่ มาตรฐานเอชเอ (HA : Hospital Accreditation) มาตรฐานไอเอสโอ (ISO: International Organization for Standardization) มาตรฐาน รางวลั คุณภาพแหง่ ชาติ (Thailand Quality Award : TQA) และมาตรฐานเจซไี อเอ (JCIA: Joint Commission International Accreditation)

4 2. ควรมมี าตรฐานความปลอดภยั ทงั้ ทางดา้ น คน และสงิ่ แวดลอ้ ม 3. ดา้ นบุคลากรควรผา่ นการอบรมและการสอบทไี่ ดม้ าตรฐานของกระทรวงสาธารณสขุ ควรมคี วามรู้ ความ ชานาญและเชย่ี วชาญในการปฏบิ ตั งิ าน 4. พฒั นาความสามารถของบุคลากรในการสอ่ื สารภาษาองั กฤษไดเ้ ป็นอย่างดี 5. เพม่ิ และพฒั นาบุคลากรทส่ี ามารถใชภ้ าษานอกเหนือจากภาษาองั กฤษในการสอ่ื สารกบั ชาวตา่ งชาตทิ ไี่ ม่ สามารถใชภ้ าษาองั กฤษได้ 6. ควรมกี ารพฒั นาศกั ยภาพบุคลากรโดยเฉพาะอย่างยง่ิ ความรดู้ า้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที กี่ าลงั ก้าว ล้าอยใู่ นขณะน้ีอย่เู สมอ 7. จดั ใหม้ แี ผนกรบั ปรกึ ษา ใหค้ าแนะนาแก่ผปู้ ่วยและญาติ โดยผใู้ หค้ าปรกึ ษาต้องมที กั ษภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาองั กฤษอยา่ งดี มคี วามเขา้ ใจเรอ่ื งวฒั นธรรมทแี่ ตกตา่ ง ปัจจบุ นั ยงั ไมพ่ บความต่นื ตวั มากนกั ในการใหก้ ารบรกิ ารทางการพยาบาลเชงิ วฒั นธรรมโดย การให้ ความสาคญั กบั วฒั นธรรมและความแตกต่างทางชาตพิ นั ธุ์ ค่านยิ มความเช่อื แต่อนาคตอนั ใกลน้ ้ีบรบิ ททางสงั คมที่ เปลย่ี นแปลงไปดงั กล่าวขา้ งต้น พยาบาลซ่งึ เป็นผดู้ แู ลผปู้ ่วยจาเป็นต้องมคี วามรแู้ ละทกั ษะในการดูแลผปู้ ่วยโดย คานึงถงึ ความเชอ่ื คา่ นยิ ม และวฒั นธรรมทแ่ี ตกต่างมากขน้ึ Leininger (2002) กลา่ วว่า พยาบาลทม่ี คี วามรู้ และ ทกั ษะการพยาบาลขา้ มวฒั นธรรม จะช่วยใหพ้ ยาบาลเองมกี ารปรบั เปลย่ี นกระบวนการคดิ และการทางาน กบั บคุ คล ทมี่ คี วามแตกตา่ งทางดา้ นวฒั นธรรม ซ่งึ จะสง่ ผลต่อความพงึ พอใจตอ่ การบรกิ าร ในอนาคตแนวโนม้ ทางการพยาบาล ควรจดั ใหม้ กี ารเรยี นการสอนเก่ยี วกบั การใหก้ ารพยาบาลแก่บคุ คลทม่ี ี ความแตกตา่ งทางดา้ นวฒั นธรรมทมี่ คี วามเฉพาะเจาะจงลงไปมากขน้ึ กลา่ วคอื วฒั นธรรมในแต่ละประเทศ ซง่ึ แตกตา่ งกนั เพ่อื เรยี นรถู้ งึ คา่ นิยม ความเชอ่ื และรปู แบบการดแู ลทเ่ี หมาะสมตอ่ ไป ตามแนวคดิ ทฤษฎกี ารพยาบาลขา้ มวฒั นธรรมของไลนนิ เจอร์ : Leininger’s cultural care theory (1988 อา้ งใน ฟารดิ า อบิ ราฮมิ , 2546) ทมี่ คี วามเช่อื วา่ วฒั นธรรมมคี วามสมั พนั ธ์ และมอี ทิ ธพิ ลตอ่ สขุ ภาพ การพยาบาล ตอ้ งอาศยั ความรดู้ า้ นวฒั นธรรมทางการพยาบาลและต้องมเี ป้าหมายสอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรม ซง่ึ ประกอบดว้ ย หลกั การตา่ งๆทส่ี ามารถนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการใหบ้ รกิ ารทางพยาบาลทเ่ี หมาะสมและครอบคลุมยงิ่ ขน้ึ ซง่ึ มี หลกั การคอื 1. วฒั นธรรม คอื การใหค้ ณุ คา่ ความเช่อื และการปฏบิ ตั ใิ นชวี ติ ประจาวนั ของกลุ่มชน เรยี นรสู้ บื ตอ่ กนั เกดิ พน้ื ฐานและวฒั นธรรมเฉพาะกลมุ่ เป็นลกั ษณะเฉพาะ 2. การดแู ล คอื พฤตกิ รรมการชว่ ยเหลอื สนบั สนุนเพม่ิ ความสามารถ เกดิ การพฒั นา เก่ยี วขอ้ งกบั สถานการณ์ของชวี ติ แตกต่างกนั ในแตล่ ะวฒั นธรรม 3. การดแู ลทางดา้ นวฒั นธรรม คอื คุณค่าความช่วยเหลอื ประคบั ประคอง เพม่ิ ความสามารถ ปรบั ปรงุ สภาพการณส์ ว่ นบุคคล การเผชญิ ความตาย ความรทู้ างดา้ นวฒั นธรรมจะชว่ ยเป็นแนวทางในการดแู ลของพยาบาล 4. การมองโลก คอื การมองของบุคคลโดยมองทโ่ี ครงสรา้ งของสงั คม เชน่ ศาสนา เศรษฐกจิ และการศกึ ษา ซ่งึ ใหค้ วามหมายและระเบยี บวฒั นธรรมแก่กลมุ่ ชน 5. ระบบสุขภาพและความผาสกุ ของบคุ คล คอื การดแู ลเชงิ วชิ าชพี ทใี่ หค้ วามสาคญั กบั วฒั นธรรม 6. การจดั กจิ กรรมการพยาบาล 6.1. การสงวนการดูแลดา้ นวฒั นธรรม คอื ตดั สนิ ใจช่วยเหลอื ผรู้ บั บรกิ ารในวฒั นธรรม

5 ทเ่ี ฉพาะเพ่อื ดารงไวซ้ ง่ึ สขุ ภาพ หายจากการเจบ็ ป่วย และเผชญิ ความตาย 6.2. การจดั หาการดแู ลดา้ นวฒั นธรรม คอื ชว่ ยเหลอื ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารในการปรบั ตวั ทาง วฒั นธรรมทเี่ ฉพาะเจาะจง 6.3. การวางรูปแบบการดูแลดา้ นวฒั นธรรม คอื ตดั สนิ ใจช่วยเหลอื ผรู้ บั บรกิ ารในการ ปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั แบบแผนชวี ติ ใหมท่ แี่ ปลกแตกต่าง การประยกุ ตใ์ ช้กบั การพยาบาล 1. ประเมนิ ขอ้ มลู ดวู ถิ ชี วี ติ และแนวคดิ ความเช่อื ของแต่ละบุคคลเป็นหลกั 2. วนิ ิจฉัยการพยาบาล ใชม้ ุมมองของผรู้ บั บรกิ ารเป็นหลกั 3. วางแผนการพยาบาล กระทาตามความต้องการของผปู้ ่วยทส่ี อดคลอ้ งกบั วฒั นธรรม ครอบครวั และเน้น การมสี ว่ นร่วม 4. ปฏบิ ตั กิ ารพยาบาล การดูแล ควรคานงึ ถงึ ความสอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรม และ สนองตอบตอ่ คา่ นิยม หรอื ไมแ่ ตกตา่ งมากนกั 5. ประเมนิ ผล – ผลลพั ธท์ เี่ กดิ ขน้ึ ทาใหส้ ุขภาพดี หายจากโรค หรอื ตายอย่างสงบ ประเมนิ โดยใชผ้ ปู้ ่วย ครอบครวั และการยอมรบั ของกลมุ่ ชนเป็นหลกั นัน่ คอื การใหก้ ารพยาบาล ตอ้ งอาศยั กระบวนการพยาบาล ทใี่ ชก้ ารประเมนิ และวางแผนการพยาบาลเพอ่ื แกป้ ัญหา ม่งุ ผรู้ บั บรกิ ารเป็นศนู ยก์ ลาง พยาบาลจะตอ้ งมคี วามเขา้ ใจในคณุ คา่ ทเ่ี ฉพาะเจาะจง ความเช่อื และการ ปฏบิ ตั พิ ยาบาลโดยคานงึ ถงึ ผรู้ บั บรกิ ารเป็นศนู ยก์ ลางและวฒั นธรรมมอี ทิ ธพิ ลสะทอ้ นการแสดงออกถงึ ดูแลตนเอง ของผรู้ บั บรกิ าร ดงั นัน้ พยาบาลจงึ ควรระมดั ระวงั ความเชอ่ื และการใหค้ ณุ ค่าทางวฒั นธรรมของตนเองทมี่ คี วาม แตกตา่ งกบั ผรู้ บั บรกิ ารซ่งึ อาจเป็นตวั กนั้ ขวางการเขา้ ถงึ ผรู้ บั บรกิ ารได้ จากความหลากหลายของวฒั นธรรมการดแู ล ทางการพยาบาล ซง่ึ ปัจจยั ทมี่ ผี ลต่อการพยาบาลในการเขา้ ถงึ ความต้องการของผรู้ บั บรกิ ารทค่ี รอบคลุมถงึ การ ยอมรบั ทางวฒั นธรรมและอานาจในการดูแล โดยพยาบาลจาเป็นต้องใชท้ งั้ ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ ในการประเมนิ หรอื คน้ หา ปัจจยั ดงั กล่าว ซง่ึ แนวทางการประเมนิ ประกอบดว้ ย - การสอ่ื สาร (Communication) - องคก์ รทางสงั คม (Social Organization) - ช่วงเวลา (Time) - พน้ื ทวี่ ่าง ระยะห่างระหว่างบุคคล (Space) - การควบคมุ สง่ิ แวดลอ้ ม (Environment Control) - ตวั แปรชวี ภาพ (Biological Variation) หลกั การประเมนิ ทงั้ 6 ดา้ นน้ีจะไดก้ ลา่ วในรายละเอยี ดต่อไปเพ่อื ใหน้ ักศกึ ษาเป็นแนวทางในการปฏบิ ตั กิ าร พยาบาลไดช้ ดั เจน อานาจในการดแู ลทางวฒั นธรรม (Culturally Competent Care) หรอื อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรม ในการดูแลน้ี สมทิ (Smith, 1998b) ไดก้ ล่าวไวว้ า่ เป็นกระบวนการทดี่ าเนนิ ไปอยา่ งต่อเน่ืองในเรอ่ื งการตระหนกั รู้ ความรู้ ทกั ษะ และปฏสิ มั พนั ธ์ ทศั นคติ ในการปฏบิ ตั ริ ะหว่างพยาบาลกบั ผรู้ บั บรกิ ารเพอ่ื ใหเ้ กดิ ผลตอ่ สขุ ภาพในทางทดี่ ี เชน่ ความ ต้องการลดอตั ราการเจบ็ ป่วยของผรู้ บั บรกิ าร ซง่ึ จะทาใหเ้ กดิ ความพงึ พอใจทงั้ ผรู้ บั บรกิ ารและผใู้ หบ้ รกิ าร ปัจจยั น้ีเป็นปัจจยั เสรมิ ทส่ี าคญั และมกี ารเปลย่ี นแปลงตลอดเวลาและยงั ช่วยใหพ้ ยาบาลสามารถวางแผนทางการ พยาบาลไดช้ ดั เจนเหมาะสมกบั ผรู้ บั บรกิ ารแตล่ ะรายตามลกั ษณะทางวฒั นธรรมเช่น เพศ สญั ชาติ เป็นตน้

6 เอกลกั ษณเ์ ฉพาะบคุ คลทางวฒั นธรรม (Culturally Unique Individuals) บคุ คลทุกคนจะมเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะ ตนเองซง่ึ เป็นการเรยี นรูผ้ ่านประสบการณ์ ทาใหเ้ กดิ ความเช่อื เฉพาะตนขน้ึ อยา่ งไรกต็ ามความหลากหลายน้ีกย็ งั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากความรพู้ น้ื ฐาน และเชอ้ื ชาตดิ ว้ ย ดงั นัน้ เมอ่ื วางแผนการพยาบาลควรคานึงถงึ ความเป็นปัจเจก บคุ คลเพ่อื ใหก้ ารพยาบาลไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพตอ่ ไป สงิ่ แวดลอ้ มทม่ี ผี ลต่อวฒั นธรรม (Culturally Sensitive Environments) การมคี วามรใู้ นเร่อื งสงิ่ ทเ่ี กย่ี วกบั วฒั นธรรมตา่ งๆ จะชว่ ยใหพ้ ยาบาลสามารถวางแผนการพยาบาลหรอื ใหก้ ารพยาบาลไดอ้ ย่างเหมาะสมกบั ผรู้ บั บรกิ ารแตล่ ะรายได้ นอกจากน้ี สุขภาพและภาวะสขุ ภาพกบั วฒั นธรรมยงั เกย่ี วขอ้ งกบั พฤตกิ รรมการเจบ็ ป่วยและการมสี ขุ ภาวะ ดงั ที่ ไกเกอร์ และ เดวดิ ไฮซาร์ (Joyce Newman Giger & Ruth Elaine Davidhizar, 1990) ไดใ้ หไ้ วน้ ัน้ มคี วาม สอดคลอ้ งครอบคลมุ เน้ือหาหลกั พน้ื ฐานทางการพยาบาลคอื การคานงึ ถงึ ความเป็นบุคคล สงิ่ แวดลอ้ ม สุขภาพและ การพยาบาล ในลาดบั ต่อไปจะเป็นแนวในการนาหลกั การพยาบาลขา้ มวฒั นธรรมมาใชใ้ นกระบวนการพยาบาลคอื ประเมนิ วางแผน ปฏบิ ตั ิ และประเมนิ ซา้ โดยมกี ารปรบั เน้ือหาจากรปู แบบประเมนิ ของ ไกเกอร์ และเดวดิ ไฮซาร์ (Giger And Davidhizar’s Transcultural Assessment Model) ในกระบวนการพยาบาลทเี่ ป็นขนั้ การประเมนิ โดย หลกั ความหลากหลายของวฒั นธรรมการดแู ลทางการพยาบาล และเอกลกั ษณเ์ ฉพาะบุคคลทางวฒั นธรรม 6 ขอ้ โดย มรี ายละเอยี ดดงั น้ี การประเมินทางการพยาบาลขา้ มวฒั นธรรม เอกลกั ษณ์เฉพาะบคุ คลทางวฒั นธรรม (Culturally Unique Individuals) 1) สถานทเี่ กดิ ............................................................................ 2) เชอ้ื ชาต.ิ ................................................................................. การส่อื สาร (Communication) 1) ลกั ษณะนา้ เสยี ง [ ] กระดา้ ง กงั วาล (Strong, Resonant) [ ] นุ่มนวล (Soft) [ ] ธรรมดา (Average) [ ] แหลม (Shrill) 2) การออกเสยี ง [ ] ชดั เจน (Clear) [ ] ไมช่ ดั เจน (Slurred) [ ] สาเนยี งทอ้ งถน่ิ (Dialect) 3) การใชท้ กั ษะการเงยี บ [ ] ไมใ่ ช้ (Infrequent) [ ] บอ่ ยครงั้ (Often) [ ] นานครงั้ [ ] ไมไ่ ดส้ งั เกต 4) การแสดงออกทางภาษากาย [ ] ใชม้ อื [ ] ใชส้ ายตา [ ] ใชอ้ วยั วะอ่นื ของรา่ งกาย 5) การรบั สมั ผสั [ ] ตน่ื เต้น [ ] ยอมรบั การสมั ผสั [ ] มกี ารสมั ผสั ตอบโดยไมม่ ที ที า่ ลาบากใจ 6) การตอบคาถาม - คุณคดิ วา่ จะทาใหผ้ อู้ น่ื ประทบั ใจไดอ้ ย่างไร...................................................................... - คุณชอบการพูดคุยสอ่ื สารกบั บุคคลรอบขา้ งเชน่ เพอ่ื นหรอื ไม.่ ..........................................

7 - เมอ่ื ต้องตอบคาถามปกตคิ ณุ ทาอยา่ งไร (ใชเ้ ฉพาะการพดู หรอื ใชภ้ าษากายรว่ มดว้ ย).............................................................................................. - เม่อื คณุ ต้องการขอคาปรกึ ษาจากสมาชกิ ในครอบครวั คุณทาอยา่ งไร.............................. พ้นื ท่ีหรอื ระยะห่างระหว่างบคุ คล (Space) 1) ระดบั ความรสู้ กึ สุขสบาย [ ] ขยบั ออกเม่อื รูส้ กึ ไม่มพี น้ื ทร่ี ะหวา่ งบคุ คล [ ] ไมข่ ยบั แมจ้ ะรูส้ กึ วา่ ไมม่ พี น้ื ทรี่ ะหว่างบคุ คล 2) ระยะห่างในการสนทนา [ ] 0 – 18 น้ิวฟุต [ ] 18 น้ิวฟุต – 3 ฟตุ [ ] มากกว่า 3 ฟตุ 3) การใหค้ วามหมายของคาว่าพน้ื ทว่ี า่ งระหวา่ งบุคคล - การอธบิ ายถงึ ระยะหา่ งทร่ี ูส้ กึ สบายเมอ่ื ต้องพดู คุยกบั ผอู้ ่นื หรอื ยนื ใกลผ้ อู้ น่ื ................................................................................................................................................. - ความรสู้ กึ เกย่ี วกบั สงิ่ ของ ทวี่ างอยู่รอบตวั กบั พน้ื ทวี่ า่ งระหว่างบุคคล ................................................................................................................................................ 4) ตอบคาถามต่อไป - เม่อื คุณพูดคยุ กบั สมาชกิ ในครอบครวั มรี ะยะการยนื หา่ งกนั แคไ่ หน...................................... - เม่อื คุณพดู คยุ กบั เพอ่ื นร่วมงานหรอื คนรจู้ กั มรี ะยะการยนื หา่ งกนั แคไ่ หน............................. - ถา้ มคี นแปลกหน้ามาสมั ผสั ตวั คุณ คณุ จะรสู้ กึ และมปี ฏกิ ริ ยิ าอยา่ งไร...................................... - ถา้ คนทคี่ ุณชอบหรอื รกั สมั ผสั ตวั คุณ คุณจะรูส้ กึ และมปี ฏกิ ริ ยิ าอยา่ งไร.................................... - คุณรสู้ กึ สขุ สบายหรอื ไมใ่ นขณะทก่ี าลงั พดู คุยอยนู่ ้ี.................................................................... องคก์ รทางสงั คม (Social Organization) 1) ภาวะสุขภาพ [ ] ไมแ่ ขง็ แรง [ ] ปกติ [ ] ค่อนขา้ งดี [ ] แขง็ แรง 2) สถานะภาพการสมรส ................................... 3) จานวนบตุ ร .................................................. 4) บดิ า/มารดา [ ] ยงั มชี วี ติ อยู่ [ ] เสยี ชวี ติ แลว้ 5) ตอบคาถามต่อไปน้ี - คุณคดิ วา่ กจิ กรรมทางสงั คมคอื ................................................................................................. - กจิ กรรมอะไรทที่ าใหค้ ุณรูส้ กึ สนุกสนาน.................................................................................... - กจิ กรรมยามวา่ งของคุณคอื ....................................................................................................... - คณุ มคี วามเช่อื ทางศาสนาหรอื ไม.่ ............................................................................................. - คณุ ปฏบิ ตั อิ ยา่ งไรตามความเช่อื ทางศาสนา.............................................................................. - หน้าทห่ี รอื ความรบั ผดิ ชอบในครอบครวั ของคณุ คอื .................................................................. - บทบาทของคณุ ต่อครอบครวั คอื (บดิ า/มารดา/บตุ ร ฯลฯ)........................................................

8 - เม่อื คุณยงั เดก็ ใครคอื ผใู้ กลช้ ดิ คณุ มากทส่ี ุด................................................................................ - สมั พนั ธภาพระหว่างคณุ กบั พน่ี อ้ งและบดิ ามารดาเป็นอย่างไร ............................................................................................................................ - มาตรฐานในการทางานของคณุ คอื ........................................................................................... - กรณุ าเลา่ เรอ่ื งงานของคณุ ตงั้ แตอ่ ดตี ปัจจบุ นั และความคาดหวงั ในอนาคต .................................................................................................................................. - กรุณาอธบิ ายถงึ การเมอื งในมุมมองของคณุ ...................................................................................................................................... - การเมอื งมผี ลต่อสุขภาพและการเจบ็ ป่วยของคณุ อย่างไร ................................................................................................................................ ช่วงเวลา (Time) 1) ระยะเวลาการนอนในแตล่ ะวนั ........................................................................................................ 2) เวลาตน่ื นอนและเวลาเขา้ นอนในแต่ละวนั ..................................................................................... 3) กรณุ าอธบิ ายความสาคญั ของการรบั ประทานยาตามเวลาตามคาสงั ่ การรกั ษาของแพทย์ ......................................................................................................................................... การควบคมุ สิ่งแวดลอ้ ม (Environment Control) 1) กรุณาอธบิ ายถงึ สงิ่ ทอ่ี ยู่ภายในตวั คณุ และมผี ลในการควบคมุ ตนเอง ............................................................................................................................................................................. 2) กรณุ าอธบิ ายถงึ สง่ิ แวดลอ้ มรอบตวั คุณทม่ี ผี ลตอ่ การปฏบิ ตั ิ ....................................................................................................................................................... 3) การใหค้ ณุ คา่ กบั สง่ิ ตา่ ง ๆ - ความเช่อื เรอ่ื งอานาจล้ลี บั เหนอื ธรรมชาต.ิ ................................................................................ - ความเชอ่ื เร่อื งความมหศั จรรยก์ บั การภาวนาหรอื อธฐิ าน.......................................................... 4) กรณุ าตอบคาถามตอ่ ไปน้ี - คุณกลบั ถนิ่ ฐานบา้ นเกดิ บ่อยแค่ไหน........................................................................................ - คุณไดร้ บั การตอ้ นรบั อยา่ งไรเม่อื กลบั ไปถน่ิ ฐานบา้ นเกดิ .......................................................... - เม่อื คุณเจบ็ ป่วยในวยั เยาวใ์ ครคอื ผดู้ แู ลคณุ .............................................................................. - เมอ่ื คณุ เจบ็ ป่วยในปัจจุบนั ใครคอื ผดู้ ูแลคณุ ............................................................................. - คาวา่ สุขภาพดหี รอื สุขภาวะ คณุ คดิ วา่ หมายถงึ ........................................................................ - คาวา่ สขุ ภาพไมด่ ี คณุ คดิ ว่าหมายถงึ ..................................................................................... ตวั แปรชีวภาพ (Biological Variation)

9 1) โครงสรา้ งของร่างกายหรอื รปู ร่าง [ ] เลก็ [ ] กลาง [ ] ใหญ่ 2) สผี วิ ................................................................................................................................................ 3) ความผดิ ปกตทิ ผี่ วิ หนงั ...................................................................................................................... 4) สผี มและความผดิ ปกต.ิ ..................................................................................................................... 5) ลกั ษณะเดน่ อน่ื ๆ ทพ่ี บ.................................................................................................................. 6) ตอบคาถามต่อไปน้ี - ในครอบครวั มใี ครป่วยเป็นโรคอะไรประจาหรอื ไม่ อย่างไร....................................................... - ในครอบครวั มโี รคทสี่ ามารถถา่ ยทอดทางพนั ธกุ รรมหรอื ไม่...................................................... - กรุณาอธบิ ายถงึ การปฏบิ ตั ติ วั เมอ่ื เจบ็ ป่วยของสมาชกิ ในครอบครวั คุณ.................................... - เม่อื คณุ มคี วามโกรธ ทาอย่างไร................................................................................................ - ใครใหค้ วามช่วยเหลอื คณุ เม่อื คณุ รูส้ กึ ตอ้ งการความชว่ ยเหลือ................................................ - อาหารทส่ี มาชกิ ในครอบครวั ชอบรบั ประทาน.......................................................................... - เม่อื ตอนเดก็ คุณชอบรบั ประทานอะไร...................................................................................... ไลนนิ เจอร์ (Leininger,1997 :22 ) ไดก้ ล่าวไวว้ ่า พยาบาลจะพบกบั ปัญหาความหลากหลายของจรยิ ธรรม ศลี ธรรม จติ วญิ ญาณการเมอื งและกฎหมาย พรอ้ มกบั มกี ารใชเ้ ทคโนโลยที างดา้ นสขุ ภาพและความปลอดภยั ของ ชวี ติ เพม่ิ ขน้ึ พยาบาลจงึ จาเป็นตอ้ งคานงึ ถงึ ประเดน็ การจดั การพยาบาลขา้ มวฒั นธรรม ซง่ึ มคี วามสาคญั ตอ่ พยาบาล และผรู้ บั บรกิ ารทม่ี วี ฒั นธรรมแตกตา่ งกนั ในบรบิ ทปัจจุบนั ทพ่ี ยาบาลวชิ าชพี ในโรงพยาบาลตา่ งๆ ประสบปัญหาอยู่ ถงึ แมบ้ างสว่ นอาจจะไดร้ บั คาชมเชยจากผรู้ บั บรกิ ารกต็ าม แตก่ ม็ หี ลายครงั้ ทไี่ ดร้ บั คาตาหนิหรอื มอี าการแสดงความ ไมพ่ งึ พอใจเกดิ ขน้ึ จากการทพ่ี ยาบาลไม่เขา้ ใจในเรอ่ื งความแตกต่างทางวฒั นธรรมยกตวั อยา่ งเช่น โรงพยาบาลแห่ง หนงึ่ ไดเ้ น้นบุคลากรใหค้ วามสาคญั และตระหนักถงึ ความหลากหลายทางวฒั นธรรมของผรู้ บั บรกิ ารโดยเฉพาะ พยาบาลวชิ าชพี ถอื วา่ เป็นผทู้ อ่ี ยกู่ บั ผปู้ ่วยมากทส่ี ุด ดงั นนั้ ในการบรกิ ารตอ้ งใหบ้ รกิ ารแบบองคร์ วมและเคารพใน คุณคา่ ความเช่อื และวถิ ชี วี ติ ทางวฒั นธรรมของผรู้ บั บรกิ ารดว้ ย สอดคลอ้ งกบั ไลนินเจอร์ (Leininger,1997 :22 ) ที่ กลา่ วไวว้ า่ พยาบาลมโี อกาสทจี่ ะใหบ้ รกิ ารพยาบาลแกค่ นตา่ งวฒั นธรรมตลอดเวลาเพราะฉะนนั้ “ การไม่เขา้ ใจ วฒั นธรรมของผรู้ บั บรกิ ารเป็นอปุ สรรคอย่างหน่ึงของการดแู ลทม่ี คี ุณภาพ ” ความหลากหลายทางวฒั นธรรมทาใหเ้ กดิ ปัญหาตา่ งๆ เชน่ ปัญหาการส่อื สารทไี่ มใ่ ชเ่ พยี งแค่ภาษาทแี่ ตกตา่ งกนั แต่ ยงั รวมถงึ ภาษาทอ้ งถนิ่ สานวน โทนเสยี ง การสมั ผสั สหี นา้ อารมณ์ ร่างกายทสี่ มั พนั ธ์กบั การสอ่ื สาร และการสบตา ปัญหาดา้ นเวลา การปรบั ตวั เรอ่ื งการพกั ผ่อน ปัญหาเร่อื งความแตกต่างดา้ นชวี วทิ ยา เชน่ โครงสรา้ งทางสรรี ะ สผี วิ พฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหาร คล่นื ไฟฟ้าหวั ใจ สภาวะจติ ใจและลกั ษณะพเิ ศษอ่นื ๆ ปัญหาเร่อื งความแตกต่าง ทางสงิ่ แวดลอ้ มทแ่ี ตกตา่ งกนั ทาใหเ้ กดิ การปรบั ตวั ทงั้ ทางบวกและทางลบ ปัญหาเรอ่ื งความแตกต่างทางสงั คม เชน่ เชอ้ื ชาตเิ ผ่าพนั ธ์ุ การเรยี นรู้ บทบาทในสงั คม อาชพี ศาสนา และอน่ื ๆ จากปัญหาดงั กล่าวขา้ งต้นลว้ นแตจ่ ะส่งผลตอ่ การใหบ้ รกิ ารทางการพยาบาลทงั้ สน้ิ แตถ่ า้ หากพยาบาลวชิ าชพี ทกุ คนตระหนกั และเขา้ ใจในวฒั นธรรมมากขน้ึ การ ใหบ้ รกิ ารทางการพยาบาลกจ็ ะมปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ ซง่ึ จะเกดิ ประโยชน์สงู สุดแกผ่ รู้ บั บรกิ ารเชน่ กนั ดงั นัน้ พยาบาล วชิ าชพี ทปี่ ฏบิ ตั งิ านโรงพยาบาลตา่ งๆ ทใี่ หบ้ รกิ ารกบั ชาวต่างชาติ ทงั้ ทเ่ี ป็นนกั ท่องเทยี่ ว ชนกลุ่มน้อย เผ่าต่างๆ และผปู้ ่วยเขา้ มารบั การบรกิ ารซ่งึ มคี วามแตกตา่ ง และหลากหลายทางวฒั นธรรม ตวั อยา่ งแนวทางการดแู ลผปู้ ่วยขา้ มวฒั นธรรมจาแนกตามความเชอ่ื ทางศาสนา

10 ประชากรสว่ นใหญ่นับถอื ศาสนาอสิ ลาม ไดแ้ ก่ กลุม่ ประเทศเอเชยี ตะวนั ออกหรอื บางสว่ นของ ซาอดุ อิ าระเบยี คเู วตโอมานสหรฐั อาหรบั เอมเิ รตสก์ าตาร์ บาหเ์ รนอนิ โดนเี ซยี มาเลเซยี ฯลฯ แนวทางการดแู ลผปู้ ่วย ขา้ มวฒั นธรรมจาแนกตามความเชอ่ื ทางศาสนา ไดแ้ ก่ ในช่วงถอื ศลี อด: หรอื เดอื นรอมฎอนหรอื ช่วงการประกอบพธิ ี ฮจั ญ์หากมเี ขา้ รบั การรกั ษาควรคานึงถงึ หลกั ดงั ต่อไปน้ี - จดั สถานทล่ี ะหมาด - มสี ถานทลี่ า้ งเทา้ กอ่ นทาพธิ ี หรอื จดั ทาอ่างน้าสาหรบั อาบน้า - การจดั เตยี งผปู้ ่วยใหห้ นั ศรี ษะไปทางนครเมกกะห์ (ทศิ ตะวนั ตก) - ปรบั วธิ กี ารจา่ ยยาในเดอื นรอมฎอนใหส้ อดคลอ้ งกบั วถิ ชี วี ติ - งดนัดผปู้ ่วยนอกในเดอื นรอมฎอน - การจดั มอ้ื อาหาร ยา(Insulin) ในชว่ งถอื ศลี อด - การดูแลบคุ คลหลงั เสยี ชวี ติ - หา้ มผา่ ศพชนั สตู ร - หา้ มถ่ายรูปชาวมุสลมิ ทปี่ ิดหน้า-ตา - หา้ มแตะตอ้ งคมั ภรี อ์ ลั กรุ อาน - หา้ มทาหมนั ทาแทง้ - ตอ้ งทาละหมาดวนั ละ 5 ครงั้ - หา้ มโกนขนถ้าไมจ่ าเป็น - หา้ มเรยี กเขาวา่ “ คนแขก ” -การจดั หาบุรษุ พยาบาลสาหรบั ผปู้ ่วยชาย -การใหผ้ ปู้ ่วยทต่ี ดิ เชอ้ื HIV ไดเ้ ตาบตั กอ่ นเรม่ิ ใหย้ า ประชากรส่วนใหญ่นับถอื ศาสนาครสิ ต์ ไดแ้ ก่ กลุ่มประเทศแถบตะวนั ตก เชน่ อเมรกิ า ฝรงั ่ เศส แคนาดา องั กฤษ อติ าลี กรกี สวเี ดนเยอรมนี ฯลฯแนวทางการดูแลผปู้ ่วยขา้ มวฒั นธรรมจาแนกตามความเชอ่ื ทางศาสนา ไดแ้ ก่ - กอ่ นเขา้ หอ้ งผปู้ ่วยต้องลา้ งมอื ใหส้ ะอาด กล่าวทกั ทาย แนะนาตวั ใหน้ ามบตั ร อธบิ ายใหผ้ ปู้ ่วย เขา้ ใจก่อนทุกครงั้ ทจี่ ะใหก้ ารพยาบาล -ถามช่อื กอ่ นใหย้ า ฉีดยา ทาหตั ถการต่าง ๆ -วางแผนการดูแลรว่ มกบั ผปู้ ่วยเพ่อื ทาความเขา้ ใจและขอ้ ตกลงรว่ มกนั เขยี นขนั้ ตอนการดแู ลผปู้ ่วย ในแตล่ ะวนั (Daily time setting goal) ประชากรส่วนใหญ่นบั ถอื ศาสนาพุทธ ไดแ้ ก่ กลมุ่ ประเทศแถบเอเชยี เช่น จนี ญป่ี ่นุ ไทย พม่า ลาว กมั พชู า อนิ เดยี ฯลฯแนวทางการดแู ลผปู้ ่วยขา้ มวฒั นธรรมจาแนกตามความเชอ่ื ทางศาสนา ไดแ้ ก่ - คนพม่านงั ่ ชกั โครกไม่เป็นจะถา่ ยลงพน้ื - คนจนี ไมช่ อบเลข 4 หากเลอื กหอ้ งทตี่ อ้ งเขา้ รบั การรกั ษาไดค้ วรหลกี เลย่ี งหอ้ งหรอื ชนั้ ทมี่ เี ลข 4 เก่ยี วขอ้ ง เน่อื งจากเป็นเลขทไี่ ม่มงคลตามความเช่อื ทวี่ ่า ส่ี หรอื ซ้ี คอื ตาย

11 - คนญป่ี ่นุ หา้ มจอ้ งตาเขานาน ๆ (หลกี เลยี่ ง eye contact) ไม่ชอบพยาบาลเลบ็ ยาว ทาเลบ็ ใส่ น้าหอม รองเทา้ ไม่สะอาด ไม่ควรเยย่ี มไขด้ ว้ ยดอกเบญจมาศหรอื ดอกไมส้ สี ด - เมอ่ื มบี ุคคลในครอบครวั เสยี ชวี ติ หากจาเป็นตอ้ งมกี ารเคลอ่ื นยา้ ย ควรกางร่มสดี าใหต้ ลอดทางท่ี เคล่อื นยา้ ย จะเหน็ ไดว้ า่ หวั ใจของการให้การพยาบาลและบริการแกผ่ ้ปู ่ วยขา้ มวฒั นธรรม โดยเฉพาะประชาคม วฒั นธรรมอาเซยี นคอื “การเคารพยอมรบั และเรยี นรคู้ วามแตกต่างหลากหลายเพอื่ เป้าหมายการอยู่ร่วมกนั อย่างสนั ติสขุ ” พยาบาลจงึ จาเป็นต้องมปี รบั ตวั พฒั นาตนเองอยูเ่ สมอเพอ่ื ใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถทกั ษะเพ่ิมเตมิ เชน่ ดา้ นการรบั รูค้ วามแตกตา่ งทางวฒั นธรรม สามารถใชภ้ าษาไดห้ ลากหลายภาษา สามารถสอ่ื สารไดถ้ กู ตอ้ ง ตรงกนั กบั ผปู้ ่วยและญาติ ในสว่ นของการใชภ้ าษาอาจเป็นเรอ่ื งยากทจี่ ะฝึกฝนกนั ใหส้ ามารถส่อื สารไดอ้ ย่าง คลอ่ งแคล่ว แตถ่ ้าหากเราคานงึ ถงึ และมกี ารใหค้ วามสาคญั กบั เร่อื งน้ี กส็ ามารถใชว้ ธิ อี น่ื ๆเพ่อื การส่อื สารทม่ี คี วาม เขา้ ใจตรงกนั ได้ เช่น ท่ี โรงพยาบาลทางภาคเหนอื ไดม้ กี ารจดั ทา “ปทานุกรมชนเผ่า” เอาไวเ้ พอ่ื การส่อื สารกบั ชน กล่มุ น้อยทม่ี อี ยมู่ ากในพน้ื ท่ี และมกั พบปัญหาเร่อื งการสอ่ื สารบอ่ ยครงั้ ในการใหก้ ารพยาบาล จงึ ไดม้ กี ารรวบรวม คาพูดทไี่ ดใ้ ชบ้ ่อยทส่ี ดุ รวบรวมเป็นเลม่ จดั พมิ พ์ และแจกจา่ ยไปถงึ หน่วยงานต่างๆ และ สถานอี นามยั ใกลเ้ คยี ง เพ่อื สรา้ งความเขา้ ใจอนั ดรี ะหว่างกนั ได้ เป็นตน้ ทฤษฎีการพยาบาลของไนติงเกล ( Nightingale’ s Theory ) ทฤษฎกี ารพยาบาลของไนตงิ เกลเป็นทฤษฎที างการพยาบาลทไี่ ดร้ บั การยอมรบั วา่ เป็นทฤษฎีแรกฟลอ เรนซ์ ไนตงิ เกล (ค.ศ. 1820 - 1910) ไดร้ บั การยอมรบั ว่าเป็นผใู้ หก้ าเนดิ วชิ าชพี พยาบาล ซ่งึ ถอึ ว่าเป็นการ พยาบาลแนวใหม่ (modern nursing) ฟลอเรนซ์ ไนตงิ เกล เรมิ่ ชวี ติ การเป็นพยาบาลทไ่ี คซเ์ วริ ธ์ ประเทศ เยอรมนั นีในปี ค.ศ. 1851 มปี ระสบการณด์ แู ลผปู้ ่วยและทหารบาดเจบ็ ในสงครามไครเมยี ซง่ึ ไนตงิ เกลไดม้ บี ทบาท ในการดูแลผปู้ ่วยโดยการจดั การในเร่อื งความสะอาด ใชผ้ า้ พนั แผลทสี่ ะอาด ดแู ลเตยี งใหส้ ะอาดและอาหารทส่ี ดทา ใหส้ ขุ ภาพทหารดขี น้ึ จากประสบการณน์ ท้ี าใหม้ อี ทิ ธพิ ลต่อปรชั ญาการพยาบาลทไ่ี นตงิ เกลบอกไวใ้ นหนงั สอื Note on nursing : What It Is and What It Is Not ทพี่ มิ พข์ น้ึ ในปี ค.ศ. 1859 และมอี ทิ ธพิ ลต่อการ ปฏบิ ตั กิ ารพยาบาล ทฤษฎกี ารพยาบาลของไนตงิ เกลเป็นทฤษฎที ม่ี จี ุดเน้นหลกั เกย่ี วกบั ความตอ้ งการเพอ่ื ความ ปลอดภยั และการป้องกนั สง่ิ แวดลอ้ ม กระบวนทศั นห์ ลกั เกย่ี วกบั ทฤษฎี บคุ คล ไนตงิ เกล ไมไ่ ดอ้ ธบิ ายบุคคลไวเ้ ฉพาะ แต่จะอธบิ ายบคุ คลในความสมั พนั ธก์ บั สง่ิ แวดลอ้ มและ ผลของสง่ แวดลอ้ มทม่ี ตี อ่ บุคคล ดงั นัน้ บุคคลจงึ เป็นผรู้ บั บรกิ าร และประกอบไปดว้ ยมติ ทิ างชวี ะ จติ และสงั คมเป็นผู้ มศี กั ยภาพหรอื มพี ลงั ในตนเองทจ่ี ะฟ้ืนหายจากโรคหรอื ซอ่ มแซมสขุ ภาพเมอ่ื เกดิ การเจบ็ ป่วยและสามารถฟ้ืนคนื สภาพไดด้ ี ถา้ มสี งิ่ แวดลอ้ มทป่ี ลอดภยั สขุ ภาพ ตามขอ้ เขยี นของไนตงิ เกล สุขภาพจะผกู พนั อยู่กบั สงิ่ แวดลอ้ ม ซง่ึ สขุ ภาพ หมายถงึ การ ปราศจากโรคและการใชพ้ ลงั อานาจของบคุ คลในการใชธ้ รรมชาตใิ หเ้ กดิ ประโยชน์สงู สุด สว่ นการเกดิ โรคหรอื การ เจบ็ ป่วยไนตงิ เกลมองวา่ เป็นกระบวนการซ่อมแซมทร่ี ่างกายพยายามทจ่ี ะสรา้ งความสมดลุ สงิ่ แวดลอ้ ม เป็นมโนทศั น์ทเ่ี ป็นหวั ใจสาคญั ของทฤษฎี เพราะไนตงิ เกล กล่าวถงึ สง่ิ แวดลอ้ มไว้ ค่อนขา้ งชดั เจน โดยสง่ิ แวดลอ้ มประกอบดว้ ย ปัจจยั ภายนอกทงั้ หมดทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ ชวี ติ และพฒั นาการ ไดแ้ ก่ การ

12 ระบายอากาศ แสงสว่างทเี่ พยี งพอ ความสะอาด ความอบอนุ่ การควบคุมเสยี ง การกาจดั ขยะมลู ฝอยและกลน่ิ ต่างๆ อาหารและน้าทสี่ ะอาด รวมถงึ ปฏสิ มั พนั ธ์ระหวา่ งพยาบาลกบั ผปู้ ่วยทงั้ ดว้ ยคาพดู และภาษากาย การพยาบาล เป็นการจดั สงิ่ เออ้ื อานวยใหเ้ กดิ กระบวนการหายดว้ ยสง่ิ แวดลอ้ มทด่ี ที สี่ ุด ดว้ ยความ เชอ่ื ทวี่ ่า สง่ิ แวดลอ้ มย่อมมอี ทิ ธพิ ลต่อสขุ ภาพ และการพยาบาลมุง่ เน้นทบ่ี คุ คลตอ้ งการมกี ระบวนการซอ่ มแซมของ ร่างกาย การปฏบิ ตั ติ อ่ ผปู้ ่วยจะเรม่ิ ดว้ ยการสงั เกตบุคคลและสงิ่ แวดลอ้ มเพ่อื การประเมนิ และการจดั กจิ กรรมการ พยาบาล ทฤษฎกี ารพยาบาลของไนตงิ เกล ไดร้ บั การยอมรบั ว่าเป็นทฤษฎกี ารพยาบาลทฤษฎแี รก ถงึ แมว้ า่ ความหมายของกระบวนทศั น์หลกั (Metaparadigm) ทงั้ 4 ดา้ นยงั ไมค่ อ่ ยชดั เจนนกั แต่ในงานเขยี นของไนตงิ เกก็ ไดส้ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ว่าในยคุ นนั้ ไดม้ พี ฒั นาการทางการแพทยแ์ ละเทคโนโลยี และสามารถนามาเป็นพน้ื ฐานของทฤษฎี ทางการพยาบาลในระยะต่อมา ซง่ึ จะเหน็ ไดจ้ ากจุดเนน้ ทางดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มทม่ี คี วามเช่อื ว่า สง่ิ แวดลอ้ มมอี ทิ ธพิ ล ตอ่ สุขภาพและพฒั นาการของมนุษย์ ดงั นัน้ การพยาบาลจงึ เน้นการจดั สงิ่ แวดลอ้ มดงั ตอ่ ไปน้ี 1. การระบายอากาศ ( Ventilation ) เป็นการจดั สง่ิ แวดลอ้ มใหม้ สี ภาพถ่ายเทอากาศไดด้ ี ผปู้ ่วย ไดร้ บั อากาศทบี่ รสิ ทุ ธเิ ์ พราะอากาศทบ่ี รสิ ทุ ธเิ ์ ป็นสง่ิ จาเป็นสาหรบั การดารงชวี ติ มนุษย์ กจิ กรรมทที่ าไดแ้ ก่การเปิด หน้าต่าง การจดั ใหม้ ชี อ่ งระบายอากาศ สงิ่ ของภายในหอ้ งสะอาดปราศจากฝ่นุ 2. การรกั ษาอณุ หภมู ิ ( Temperature ) การรกั ษาอุณหภูมใิ หม้ คี วามพอเหมาะเป็นสง่ิ จาเป็น ก่อใหเ้ กดิ ความสุขสบายของผปู้ ่วย บคุ คลจะอยใู่ นหอ้ งทม่ี อี ุณหภมู พิ อเหมาะดงั นัน้ การดแู ลผปู้ ่วยไม่ใหร้ อ้ นหรอื หนาวจนเกนิ ไปจงึ เป็นสงิ่ จาเป็น กจิ กรรมทท่ี าไดแ้ ก่ การใชค้ วามรอ้ น การระบายอากาศทพี่ อเหมาะ การใช้ เสอ้ื ผา้ ทเี่ หมาะสม การใชเ้ ครอ่ื งปรบั อากาศ พดั ลม 3. การควบคุมเสยี ง ( Noise ) เสยี งเป็นสง่ิ ทต่ี ้องตระหนกั สาหรบั ผปู้ ่วยเพราะเสยี งทไ่ี ม่พงึ ประสงค์ เช่น เสยี งดงั เกนิ ไป เสยี งทม่ี คี วามต่อเน่ืองตลอดเวลา จะมผี ลทาใหร้ บกวนการพกั ผ่อนของผปู้ ่วยได้ กจิ กรรมที่ ทาไดแ้ ก่ ไม่ควรพดู คยุ หรอื เดนิ เสยี งดงั ทากจิ กรรมตา่ งๆไมด่ งั เกนิ ไป การใสเ่ สอ้ื ผา้ หรอื เครอ่ื งประดบั ทก่ี ่อใหเ้ กดิ เสยี ง 4. แสงสว่าง ( Light ) แสงจากดวงอาทติ ยเ์ ป็นสง่ิ จาเป็นและเป็นสง่ิ ทผี่ ปู้ ่วยต้องการ แต่แสงจาก ไฟฟ้ากจ็ าเป็นในการทากจิ กรรมและอาจมผี ลต่อจติ ใจ เชน่ สภาพหอ้ งทมี่ คี วามสวา่ งไมเ่ พยี งพออาจก่อใหเ้ กดิ บรรยายกาศอมึ ครมึ เศรา้ หอ้ งทม่ี แี สงสว่างพอเหมาะทงั้ ในเวลากลางวนั และกลางคนื จะชว่ ยทงั้ การใช้ สายตา ความสบายใจ กจิ กรรมทท่ี าไดแ้ ก่ การเปิดหนา้ ต่างหรอื ผา้ มา่ นใหแ้ สงสวา่ งจากดวงอาทติ ยส์ อ่ งผา่ นเขา้ มาได้ การปรบั แสงไฟในหอ้ งเวลากลางวนั หรอื กลางคนื การใชส้ ขี องผนังหอ้ ง 5. การกาจดั กลนิ่ ( Odor ) การจดั การกลน่ิ ต่างๆในตวั ผปู้ ่วย สงิ่ แวดลอ้ ม และของใชต้ า่ งๆที่ ต้องไดร้ บั การทาความสะอาด ไมใ่ หม้ กี ลนิ่ เหมน็ อบั โดยกจิ กรรมทที่ าไดแ้ ก่ การดูแลความสะอาดร่างกายของ ผปู้ ่วย การใชเ้ สอ้ื ผา้ ทสี่ ะอาดไมเ่ หมน็ อบั อุปกรณข์ า้ วของเคร่อื งใชไ้ ดร้ บั การทาความสะอาดอยเู่ สมอ หอ้ งไดร้ บั การระบายอากาศ ทน่ี อนผา้ ห่มวกั ทาความสะอาด นอกจากน้กี ลน่ิ ทเี่ กดิ จากพยาบาลเช่น กลน่ิ ตวั กลนิ่ เสอ้ื ผา้ หรอื กลน่ิ น้าหอมทไี่ ม่ควรฉุนจนเกนิ ไป 6. สขุ ลกั ษณะทอี่ ยูอ่ าศยั ( health of Housees ) ไนตงิ เกลกลา่ วถงึ วา่ สุขลกั ษณะทอ่ี ยู่อาศยั เป็น สงิ่ จาเป็นทมี่ ผี ลตอ่ สขุ ภาพซ่งึ รวมถงึ การจดั ใหม้ ี อากาศบรสิ ุทธ์ น้าสะอาด การระบายสง่ิ สกปรกหรอื ของ เสยี การรกั ษาความสะอาดภายในบา้ นและนอกบา้ น แสงสวา่ ง เป็นต้น ไนตงิ เกลเนน้ ความสะอาดของบา้ นเรอื นและสง่ิ แวดลอ้ มทท่ี กุ คนตอ้ งดูแล

13 ทฤษฎกี ารพยาบาลของไนตงิ เกลกบั กระบวนการพยาบาล ทฤษฎกี ารพยาบาลของไนตงิ เกลสามารถนามาประยกุ ต์ใชใ้ นการดแู ลผปู้ ่วยไดโ้ ดยการประยุกตใ์ ช้ ตามแนวคดิ กระบวนการพยาบาลทส่ี ามารถใชไ้ ดต้ งั้ แตข่ นั้ ประเมนิ สภาพ โดยการนาแนวคดิ เก่ยี วกบั สงิ่ แวดลอ้ มและ บุคคลมาประเมนิ จะทาใหเ้ หน็ ความต้องการของผปู้ ่วยได้ ตามขนั้ ตอนตอ่ ไปน้ี 1. การประเมนิ สุขภาพอนามยั ของบคุ คล สงั เกตสง่ิ แวดลอ้ มของผปู้ ่วยทงั้ ดา้ นกายภาพ จติ ใจ สงั คมและสบื คน้ หาความสมั พนั ธห์ รอื ผลกระทบของสง่ิ แวดลอ้ มทมี่ ตี ่อสุขภาพความเจบ็ ป่วยของบุคคล นอกจากน้ี ตอ้ งสบื คน้ ความสามารถของบคุ คลทอี่ ยูต่ ามธรรมชาตขิ องเขาเอง ความตงั้ ใจ สนใจในการจดั การกบั ความเจบ็ ป่วย ของตน การสงั เกต เชน่ ท่านอนของผปู้ ่วยเป็นอยา่ งไร เตยี งอยูไ่ กลหน้าตา่ งเกนิ ไปหรอื ไม่ สามารถเคลอ่ื นไหวหรอื พูดคยุ กบั ผปู้ ่วยเตยี งใกลเ้ คยี งไดห้ รอื ไม่ 2. การวนิ ิจฉัยทางการพยาบาล วเิ คราะหข์ อ้ มลู ขนั้ น้ีถงึ แมว้ ่าจะไมไ่ ดม้ ลี กั ษณะชดั เจนแตไ่ นตงิ เก ลไดก้ ล่าววา่ การสงั เกตสง่ิ แวดลอ้ มและบคุ คลจะทาใหส้ ามารถมองเหน็ กจิ กรรมการพยาบาลไดน้ ัน้ เพราะสามารถ มองเหน็ ความต้องการของผปู้ ่วย เชน่ ความไม่สขุ สบายจากอากาศอบอา้ ว ความเจบ็ ปวดของบาดแผลจากการอกั เสบ ความรสู้ กึ เบ่อื หน่ายในชวี ติ เน่ืองจากไมม่ กี จิ กรรมในหอผปู้ ่วยหรอื ชว่ ยตวั เองไม่ได้ การพกั ผอ่ นไมเ่ พยี งพอเน่ืองจากมเี สยี งรบกวนตลอดวนั วติ กกงั วลสูงเน่ืองจากไมม่ สี มั พนั ธภาพทด่ี กี บั พยาบาลหรอื ผปู้ ่วยอน่ื 3. การวางแผนการพยาบาล จุดมงุ่ หมายหลกั ในการจดั การกบั สง่ิ แวดลอ้ มทงั้ ทางกายภาพ จติ ใจ และสงั คม เพอ่ื ใหผ้ ปู้ ่วยไดอ้ ยูใ่ นสภาพทกี่ ระบวนการชวี ติ ตามธรรมชาตเิ กดิ ขน้ึ ซง่ึ จะช่วยบรรเทาทุกขแ์ ละหายจาก โรค กจิ กรรมการพยาบาลจะรวมถงึ การร่วมมอื กบั แพทยใ์ นการปฏบิ ตั ติ ามกระบวนการรกั ษาโรค 4. การปฏบิ ตั กิ ารพยาบาล เป็นการจดั การกบั สง่ิ แวดลอ้ มและรว่ มมอื กบั แพทยเ์ พอ่ื สง่ เสรมิ ศกั ยภาพของผปู้ ่วยทม่ี อี ยู่เรม่ิ ดว้ ยการใหค้ วามชว่ ยเหลอื จดั สภาพแวดลอ้ มและใหผ้ ปู้ ่วย ชว่ ยเหลอื จดั สภาพท่ี เหมาะสมกบั ตวั เองต่อไป 5. การประเมนิ ผลการพยาบาล จะเป็นการประเมนิ สภาพการณ์ทเ่ี ป็นจรงิ ทงั้ ในดา้ นผปู้ ่วย สภาพแวดลอ้ มและการพยาบาลและปรบั กจิ กรรมใหเ้ หมาะสมสอดคลอ้ งกบั สภาพการณท์ เี่ ป็นธรรมชาตนิ ัน้ สรปุ ทฤษฎกี ารพยาบาลของไนตงิ เกลเนน้ สงิ่ แวดลอ้ มของผปู้ ่วยเป็นสาคญั การพยาบาลจะเป็นการจดั สง่ิ แวดลอ้ มทดี่ ที สี่ ดุ ใหก้ บั ผปู้ ่วย เพอ่ื ใหธ้ รรมชาตไิ ดม้ สี ว่ นชว่ ยใหผ้ ปู้ ่วยหายเรว็ ขน้ึ โดยนาองคป์ ระกอบของ สง่ิ แวดลอ้ มซ่งึ ประกอบดว้ ยสง่ิ แวดลอ้ มทางดา้ นร่างกาย ดา้ นจติ ใจ และสงิ่ แวดลอ้ มดา้ นสงั คมมาประยกุ ตใ์ ชต้ าม แนวคดิ ทฤษฎขี องไนตงิ เกลโดยอาศยั กระบวนการพยาบาล เนน้ การวเิ คราะหส์ ง่ิ แวดลอ้ มทม่ี ผี ลต่อภาวะสุขภาพของ ผปู้ ่วย กจิ กรรมการพยาบาลจะเป็นการปรบั สงิ่ แวดลอ้ มทมี่ อี ทิ ธพิ ลต่อสขุ ภาพของผปู้ ่วย แมว้ า่ ทฤษฎนี ้ีจะถอื กาเนิด มาตงั้ แต่กลางศตวรรษที่ 18 แลว้ กต็ าม แตย่ งั คงใชไ้ ดด้ ใี นปัจจบุ นั ทงั้ การพยาบาลในคลนิ กิ และการพยาบาลใน ชมุ ชนอกี ทงั้ ยงั เป็นรากฐานในการพฒั นาทฤษฎกี ารพยาบาลในปัจจุบนั อกี ดว้ ย

14 .......................................... บรรณานุกรม วีรนุชวบิ ูลยพ์ นั ธ์และกญั ญาดา ประจศุ ลิ ป์. (2552). สมรรถนะการพยาบาลขา้ มวฒั นธรรมของพยาบาลวชิ าชพี โรงพยาบาลเอกชน,วารสารพยาบาลศาสตรจ์ ุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั .21 (3) หนา้ 29-43. ศรีสกลุ เฉยี บแหลม และคณะ.(2556) เอกสารประกอบการจดั การความรู้ วทิ ยาลยั พยาบาลพระปกเกลา้ จนั ทบรุ ี. Acello,B (2001) “Breaking down cultural barriers” Nursing. 31(2) 26-27 Bernal. H(1993). “A model for delivering culture-relevant care in the community” Public Health Nursing 10(4) 228-232. Compinha-Bacote (2001) “A model of practice to address cultural competence in rehabilitation nursing”. Rehabilitation Nursing; 26(1) 8-13. Lester,N.(1998). “Cultural competence A nursing dialogue” American Journal of Nursing 98(8). Ray, M.A (1994) Transcultural nursing ethics: a framework and model for transcultural ethical analysis. Journal Holist Nurse. 12(3):251-64.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook