Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเทคโนโลยีวิทยาการคำนวณ ม.4

หนังสือเทคโนโลยีวิทยาการคำนวณ ม.4

Description: หนังสือเทคโนโลยีวิทยาการคำนวณ ม.4

Search

Read the Text Version

หนงั สือเทคโนโลยีวิทยาการคานวณ ม.๔ (แนวทางการจัดการเรียนการสอน)

สารบญั กจิ กรรมที่ 7 การคน้ หาข้อมูล กิจกรรมที่ 8 โครงงานสร้างสรรค์ กิจกรรมท่ี 1 แนวคิดเชงิ คานวณ กจิ กรรมที่ 9 วางแผนและออกแบบโครงงาน กิจกรรมที่ 2 การแยกสว่ นประกอบและการยอ่ ยปญั หา กจิ กรรมท่ี 3 การหารูปแบบและการคิดเชิงนามธรรม กิจกรรมที่ 10 การพัฒนาโครงงาน กิจกรรมท่ี 11 รายงานโครงงาน กจิ กรรมท่ี 4 การแกป้ ัญหาดว้ ยคอมพิวเตอร์ กจิ กรรมที่ 12 Show Time กิจกรรมที่ 5 การออกแบบขั้นตอนวิธี กจิ กรรมท่ี 6 การจดั เรยี งข้อมลู

สมาชกิ ในกลมุ่ นางสาวนา้ ทพิ ย์ ทับสุข 61131114001 นางสาววันทการต์ พิบูลย์สวสั ด์ิ 61131114016 นางสาวเมยว์ ดี หุ้ยเวชศาสตร์ 61131114022 นางสาวไอรณิ ีย์ บัวศรี 61131114026 นางสาวอทิตยา เทศนอก 61131114028 นางสาวสมใจ แพงหยับ 61131114035

กจิ กรรมท่ี 1 แนวคดิ เชิงคานวณ

กจิ กรรมท่ี 1 แนวคดิ เชิงคานวณ 1. ตวั ช้ีวดั 3. จุดประสงค์ ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ แ น ว คิ ด เ ชิ ง ค า น ว ณ ใ น ก า ร พั ฒ น า 3.1 อธิบายหลักการของแนวคดิ เชงิ คานวณ 3.2 ปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีเปรียบเทียบ วิเคราะห์ขั้นตอน โครงงานทม่ี กี ารบูรณาการกับวิชาอน่ื อย่างสรา้ งสรรค์ วิธีการเพอื่ แกป้ ญั หาจากโจทย์ที่กาหนด และเช่ือมโยงกบั ชวี ิตจรงิ 3.3 ตระหนกั ถึงความสาคัญและประโยชน์ของขั้นตอนวิธีท่ี เกีย่ วขอ้ งกบั การแก้ปัญหาชวี ติ ประจาวัน 2. สาระการเรียนรู้ แนวคิดเชิงคานวณได้แก่ การคิดแบบแ ยก 4. ทักษะและกระบวนการ 4.1 ทกั ษะการคดิ เชงิ คานวน ส่วนประกอบและการย่อยปัญหาการคิดเชิงนามธรรม 4.2 ทักษะการแกป้ ญั หา และการออกแบบข้ันตอนวธิ กี ารในการแก้ปญั หา

8. แนวทางการจัดการเรยี นรู้ -ผ้สู อนนาเข้าสบู่ ทเรยี น เรอ่ื งแนวคดิ เชงิ คานวณ โดยเล่าสถานการณ์และตงั้ คาถามถามผู้เรียน แนวคิด “นักเรยี นเดนิ หลงเข้าไปในป่ากบั เพือ่ น 3 คน และมีอุปกรณ์ติดตัว ได้แก่ มดี และไฟฉาย ระหว่างทางที่เดนิ หาเสน้ ทางเดินออกจากปา่ นัน้ นักเรียนกไ็ ด้พบ กระต่าย และรงั ผึ้ง จึงกบั กระตา่ ยและเกบ็ นา้ ผง้ึ พกไปด้วย และเดินต่อจนพลบค่า แตแ่ ล้วส่งิ ท่ีไม่คาดคดิ ก็เกดิ ข้ึน มหี มปี รากฎขึ้น นกั เรียนจะทาอย่างไรให้สามารถถ่วงเวลาไม่ใหห้ มวี ิ่งเข้ามาทารา้ ย และรอดจากการถูกจบั กนิ โดยใช้ทกุ อย่างทีม่ อี ยรู่ อบตัว” - ผสู้ อนใช้วิธสี ่มุ ผเู้ รียนหรือหาอาสาสมคั ร 3 คน บอกหรอื เขยี นวธิ กี ารท่ีจะทาใหต้ ัวเอง รอดจากการถกู หมจี บั กิน โดยอธบิ ายเป็นลาดบั ขั้นตอน(อาจ ใหผ้ ู้เรยี นทั้งสามคน เขยี นวิธกี ารบนกระดานแล้วใหเ้ พ่ือนโหวตวธิ ีการท่ีชอบท่สี ุด) - ผู้สอนอธบิ ายและสรปุ เพ่ือเช่ือมโยงไปถึงเรอื่ งแนวคดิ เชงิ คานวณ - ผู้เรียนจบั คูก่ ันทาใบกจิ กรรมท่ี 1.1 บา้ นเธอ บา้ นฉนั - ผเู้ รยี นศึกษา การหาตัวหารร่วมมาก การหา ห.ร.ม.ของ 187 และ221 ในหนังสอื เรียน - ผเู้ รยี นจบั ค่กู นั ทาใบกิจกรรมที่ 1.2 หา ห.ร.ม. งา่ ยกว่าที่คดิ เมือ่ ทาเสรจ็ แลว้ ทาใหแ้ ลกกันตรวจกบั เพื่อนคูอ่ น่ื - ผ้สู อนและผู้เรียนรว่ มกนั อภปิ ราย และสรปุ ประโยชน์ของขัน้ ตอนวิธีการแกป้ ญั หาในชวี ิตประจาวนั

กจิ กรรมท่ี 2 การแยกสว่ นประกอบและการยอ่ ยปญั หา

กจิ กรรมที่ 2 การแยกส่วนประกอบและการย่อยปญั หา 1. ตวั ช้ีวัด GOALS 3. จดุ ประสงค์ ให้ผู้เรยี นสามารถ ประยุกต์ใช้แนวคิดเชิงคานวณในการ 3.1 วิเคราะห์องค์ประกอบของสิ่งต่างๆในการ พฒั นาผลงานใหม่ พัฒนาโครงงานที่มีบูรณาการกับวิชาอ่ืน 3.2 ใช้ทักษะการคิดแบบแยกส่วนประกอบและ อย่างสร้างสรรคแ์ ละเชอ่ื มโยงกับชีวิตจรงิ การย่อยปัญหาแกป้ ญั หาในชีวติ ประจาวัน 2. สาระการเรียนรู้ 4. ทักษะและกระบวนการ แนวคิดเชิงคานวณได้แก่การคิดแบบแยก 4.1 ทกั ษะการคิดเชงิ คานวณ 4.2 ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ และสงั เคราะห์ สว่ นประกอบและการยอ่ ยปญั หาการหารูปแบบ 4.3 ทักษะการแก้ปญั หา ของปัญหา การคิดเชิงนามธรรม และการ 4.4 ทกั ษะการคดิ สร้างสรรค์ ออกแบบข้นั ตอนวิธการในการแกป้ ัญหา

8. แนวทางการจดั การเรยี นรู้ - ผ้สู อนนาเชา้ สรู่ ะบบโดยการนาเลา่ สถานการณ์หนึ่งจากสองสถานการณแ์ ละใหผ้ ูเ้ รียนวเิ คราะหแ์ ละหาคาตอบจากสถานการท์ เ่ี ลอื ก สถานการณท์ ่ี 1 ชายผู้รา่ รวยคนหน่งึ ตัดสินใจมาใชช้ ีวติ ลาพงั ในกระทอ่ มกลางปา่ โดยใชบ้ รกิ ารจัดส่งอาหาร หนังสอื พิมพ์ และจดหมายตา่ งๆ เช้าวนั พฤหัส บุรุษไปรษณยี ์มาส่งจดหมายและ พบวา่ ประตูกระทอ่ มเปิดอยู่ เม่อื ชะโงกหน้าเขา้ ไปดจู ึงเหน็ ชายคนนี้เป็นศพนอนจมกองเลือดเสียแลว้ เมื่อตารวจมาถงึ ทีเ่ กดิ เหตุ กเ็ รม่ิ สารวจไปรอบๆ กระท่อมและพบปิ่นโตอาหาร ทีย่ ังอ่นุ อยบู่ นระเบียงหนา้ กระทอ่ ม หนงั สอื พมิ พ์ ฉบับวันจนั ทร์ และจดหมายท่ียงั ไมไ่ ดเ้ ปดิ หากนกั เรียนต้องสบื คดีนี้ นักเรียนจะช่วยตารวจหาคนร้ายไดห้ รอื ไม่วา่ คนรา้ ยคือใคร สถานการณ์ที่ 2 ชายวยั กลางคนขบั รถมากับครอบครวั 4 คน พบกับกลุ่มวัยรุน่ 10 คนทโ่ี ดยสารมากบั รถตแู้ ละมปี ากเสยี งเร่ืองที่จอดรถ กลมุ่ วัยรถ่นทง้ั หมดลุมล้อมรถมกี ารจะโกนด่าทอ และทบุ รถ ชายวัยกลางคนจึงหยิบปนื ทอ่ี ยู่ในกระเป๋าออกมายิง 3 นัด กระสุนโดนกลุ่มวัยร่นุ จานวน 1 นดั ไดร้ ับบาดเจบ็ และเสียชวี ติ ในเวลาตอ่ มาถามว่าชายกลางคนผดิ หรอื ไม่ นักเรียนคิดวา่ ศาลควรสอบสวนหาข้อเท็จจริงดว้ ยกระบวนการใดเพ่ือใหก้ ารตดั สนิ เป็นธรรม(สืบสวนเพิ่มเติมโดยการแยกประเด็นในเร่ืองต่างๆเช่น สภาพแวดลอ้ ม พยาน หลกั ฐานตา่ งๆ)

- ผสู้ อนเช่ือมโยงสถานการณ์ข้างต้นกบั วิธคี ิดแบบแยกสว่ นประกอบและปัญหายอ่ ย - ผ้เู รยี นทาใบกจิ กรรมท่ี 2.1 แยกส่วนและสรา้ งใหม่ - ผู้สอนสุม่ ผเู้ รียนหรอื หาอาสาสมคั รนาเสนอคาตอบจากใบกจิ กรรมที่ 2.1 - ผู้สอนแบง่ ผูเ้ รียนออกเปน็ กล่มุ กลุ่มละ 4 คน ทาใบกิจกรรมท่ี 2.2 ชีวติ ประจาวันกบั การแยกสว่ นประกอบ โดยผู้สอนช้แี จงเกณฑก์ ารประเมินให้ ผเู้ รยี นลงมือทากิจกรรม - ผู้สอนสุ่มกลุม่ นาเสนอคาครบทุกกจิ กรรมและร่วมอภปิ รายกบั ผู้เรียนในประเดน็ เรอื่ งของเวลาโดยเชื่อมโยงใหเ้ หน็ ประโยชน์ของการแยกสว่ นประกอบ - ผู้สอนและผู้เรียนรว่ มกนั สรุปแนวคดิ การแยกสว่ นประกอบและการย่อยปัญหาในดา้ นประโยชน์ของการใช้แก้ปญั หาในชวี ติ ประจาวนั

กจิ กรรมท่ี 3 การหารปู แบบและการคดิ เชงิ นามธรรม

กิจกรรมที่ 3 การหารปู แบบและการคดิ เชงิ นามธรรม 2. สาระการเรยี นรู้ 3. จดุ ประสงค์ แนวคดิ เชงิ คานวณได้แก่การคดิ แบบแยกส่วนประกอบ 3.1 อธิบายรูปแบบ และระบอุ งคป์ ระกอบสาคญั ทีส่ ัมพนั ธ์กนั ของสิ่งของหรอื ปญั หา 3.2 แยกคุณลกั ษณะทสี่ าคัญออกจากรายละเอยี ดในโจทยป์ ญั หาหรอื งานทีก่ าลงั พจิ ารณา และการย่อยปัญหาการหารูปแบบของปัญหาการคิดเชิง 3.3 อธบิ ายสถานการณ์หรอื ปัญหาดว้ ยแบบจาลอง นามธรรมและการออกแบบขน้ั ตอนวิธีในการแกป้ ัญหา 1. ตวั ช้วี ัด 4. ทกั ษะและกระบวนการ ประยุกต์ใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณ 4.1 ทกั ษะการวเิ คราะห์ 4.2 ทกั ษะการแกป้ ญั หา ในก ารพั ฒนา โ ครง งา นท่ี มี 4.3 ทักษะความคดิ เชงิ คานวณ การบูรณาการกับวิชาอื่นอย่าง สร้างสรรค์และเช่ือมโยงกับชีวิต จริง

8. แนวทางการจดั การเรียนรู้ การจัดเตรยี ม - ใบกิจกรรมท่ี 3.1-3.2 และ เกมสท์ ีใ่ ชใ้ นห้องเรยี น เชน่ เกมการ์ดดอกไม้ เกมสารานกุ รมไทย ขั้นตอนการดาเนนิ งาน - ผู้สอนนาเขา้ สู่บทเรียน อธิบายกติกาการเลน่ เกมการ์ดดอกไม้ และให้ผเู้ รียนเล่นเกมเป็นกลุม่ - ผสู้ อนและผเู้ รยี นรว่ มกนั อภิปรายการเชือ่ มโยงรูปแบบท่เี หมอื น ๆ กันของดอกไม้ - ผูเ้ รียนศึกษา หวั ขอ้ ที่ 1.3-1.5 จากหนังสอื เรยี น - ผูเ้ รยี นทาใบกิจกรรมท่ี 3.1 จากนนั้ ผู้สอนก็ส่มุ นกั เรยี นออกมานาเสนอคาตอบ แล้วให้นักเรยี นยกตวั อยา่ งปญั หาอื่นๆทเี่ กิดซา้ ๆ ในชวี ติ ประจาวนั - ผู้สอนแบง่ กลุ่ม กล่มุ ละ 5 คน และแจกบัตรเกมสารานุกรมไทยใหแ้ ตล่ ะกลุ่ม โดยมีเน้ือหาเก่ียวกับพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาล ท่ี 9 ในการจดั ทาโครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน - ผู้เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ทาความเข้าใจและสรปุ ใจความสาคญั ไม่เกิน 20คา ลงบนกระดาษแลว้ นามาติดหนา้ ชน้ั เรยี น - ผู้เรียนรว่ มกนั อภิปรายคาตอบ จากน้นั ผู้สอนเชือ่ มเขา้ ส่เู น้ือหา เรื่องการคิดเชิงนามธรรม - ผู้เรียนศกึ ษาหวั ขอ้ ที่ 1.4 ในหนังสือเรยี น - ผู้เรยี นแตล่ ะกลุ่มทากิจกรรมท่ี 1.6 ในหนังสือเรยี น โดยอภิปรายกนั ภายในกลุ่ม และผสู้ อนสุ่มออกมานาเสนอ - ผู้สอนจบั คู่ กันให้ทาใบกจิ กรรมท่ี 3.2 จากนนั้ ผสู้ อนและผู้เรียนร่วมกนั สรปุ และอภปิ รายเร่ืองท่ีเรยี นมาทั้งหมดทีส่ ามารถนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน

กจิ กรรมที่ 4 การแกป้ ัญหาดว้ ยคอมพวิ เตอร์

กจิ กรรมท่ี 4 การแกป้ ญั หาด้วยคอมพวิ เตอร์ ตวั ชีว้ ัด 01 03 จุดประสงค์ ประยกุ ตใ์ ชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณใน 3.1 วเิ คราะห์ปญั หาโดยระบขุ ้อมูลเข้าข้อมูล การพัฒนาโครงงานที่มีการบูรณา ออก และเงือ่ นไขของปัญหา ก า ร กั บ วิ ช า อ่ื น อ ย่ า ง ส ร้ า ง ส ร ร ค์ 3 . 2 อ อ ก แ บ บ ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า ด้ ว ย และเชอื่ มโยงกบั ชีวติ จริง คอมพวิ เตอรโ์ ดยใช้แนวคิดเชิงคานวณ สาระการเรียนรู้ 02 04 ทักษะและกระบวนการ 2.1 ขอ้ มูลเข้า ขอ้ มลู ออก และเงื่อนไขของปัญหา 4.1 ทักษะการแก้ปญั หา 4.2 ทักษะการคดิ เชงิ คานวณ 2.2 การแกป้ ัญหาด้วยคอมพวิ เตอร์ 4.3 ทักษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ 4.4 ทักษะการคิดสร้างสรรค์

8. แนวทางการจัดการเรียนรู้ การจัดเตรยี ม ใบกิจกรรมท่ี 4.1-4.2 และแบบประเมินใบกจิ กรรมท่ี 4.2 ตามจานวนกลุ่ม ข้ันตอนการดาเนินการ - ผูส้ อนยกตัวอยา่ งสถานการณ์หัวข้อที่ 2.1 เรอื่ ง การปัญหาดว้ ยคอมพิวเตอร์จากหนังสือเรยี น แลว้ รว่ มต้งั คาถามและอภปิ รายผเู้ รียนว่าคอมพิวเตอร์สามารถแกป้ ญั หาไดห้ รือไม่ - ผเู้ รยี นศกึ ษาหวั ขอ้ ท่ี 2.1.1 และ 2.1.2 จากหนังสอื เรยี น จากนนั้ ผ้สู อนรว่ มกันอภปิ รายหัวข้อท่ีนกั เรยี นไปศึกษา แบบไหนที่ทาใหค้ อมพิวเตอร์ทาตามคาสงั่ ได้ - ผู้เรยี นศึกษาโปรแกรมแชทบอท จากนนั้ ทดลองสนทนากบั โปรแกรม - ผู้เรยี นจับคูท่ าใบกิจกรรมที่ 2.1 ในหนังสือเรยี น แลว้ สังเกตวา่ ผเู้ รยี นสรา้ งเงอื่ นไขให้ เพอ่ื ให้เพอ่ื นตอบคาถามไดห้ รือไม่ - ผเู้ รียนศึกษาหนังสือที่ 2.1.3 ขัน้ ตอนการแก้ปัญหา และอธิบายตัวอย่างข้อมูลรายการอาหารกลางวันจากตารางท่ี 2.2 จากนั้นสุ่มผู้เรียนออกมาอธิบายขั้นตอนวิธีในการ เลือกอาหารในตัวอย่าง - ผเู้ รียนทาใบกจิ กรรมท่ี 4.1 คณะทใี่ ช้ ผู้สอนตัง้ คาถามจากใบกจิ กรรมท่ี 4.1 ผู้เรียนเลือกสาขาหรอื คณะไดอ้ ยา่ งมีเหตผุ ลหรือไม่ อย่างไร - ผสู้ อนแบ่งกลุม่ กล่มุ ละ 4 คน แลว้ ศึกษาหวั ข้อท่ี 2.1.4 และ 2.2 จากหนงั สือ โดยในหวั ข้อที่ 2.2 ให้สมาชกิ เลอื กศกึ ษาคนละ 1 ตัวอย่างไมซ่ ้ากัน แล้วออกมาอภิปราย - ผู้สอนแจกใบกจิ กรรมท่ี 4.2 ใหผ้ ู้เรยี นเลอื กหัวข้อ ระบบรถยนตอ์ ตั โนมตั ิ หรือ ระบบแปลภาอัตโนมตั ิ เลือกมาหัวข้อเดยี ว และผู้สอนช้ีแจงการประเมินใบกิจกรรมท่ี 4.2 - ผ้สู อนแตล่ ะกลมุ่ แลกกนั พจิ ารณาคาตอบใบกจิ กรรมที่ 4.2 ทาการประเมนิ ใบกิจกรรม แล้วส่งคืนเจ้าของเพ่ือพิจารณาข้อเสนอแนะ จากน้นั ผสู้ อนและผู้เรยี นรว่ มกันสรุป ประโยชนท์ ไ่ี ดจ้ ากกจิ กรรมน้ี

- ผู้เรียนทาใบกิจกรรมท่ี 4.1 คณะท่ใี ช้ - ผู้สอนตงั้ คาถามจากใบกิจกรรมท่ี 4.1 ผ้เู รียนเลอื กสาขาหรอื คณะไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ลหรอื ไม่ อย่างไร - ผู้สอนแบง่ กล่มุ กล่มุ ละ 4 คน แล้วศกึ ษาหัวขอ้ ท่ี 2.1.4 และ 2.2 จากหนังสือ โดยในหัวขอ้ ที่ 2.2 ให้สมาชิกเลอื กศึกษาคนละ 1 ตัวอย่าง ไมซ่ ้ากนั แลว้ ออกมาอภปิ รายหน้าช้ันเรยี น - ผสู้ อนแจกใบกิจกรรมที่ 4.2 ให้ผู้เรียนเลือกหัวข้อ ระบบรถยนตอ์ ตั โนมตั ิ หรอื ระบบแปลภาอตั โนมตั ิ เลือกมาหัวข้อเดียว และผู้สอนช้แี จงการ ประเมินใบกิจกรรมที่ 4.2 - ผูส้ อนแตล่ ะกล่มุ แลกกนั พจิ ารณาคาตอบใบกจิ กรรมที่ 4.2 ทาการประเมินใบกจิ กรรม แลว้ สง่ คืนเจา้ ของเพ่อื พิจารณาขอ้ เสนอแนะ จากนัน้ ผ้สู อนและผเู้ รยี นร่วมกันสรปุ ประโยชนท์ ีไ่ ด้จากกิจกรรมนี้

กจิ กรรมท่ี 5 การออกแบบขั้นตอนวธิ ี

กจิ กรรมท่ี 5 การออกแบบข้นั ตอนวิธี ตวั ชีว้ ดั จุดประสงค์ ประยุกต์ใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณในการพฒั นา 2.1 ระบุข้อมลู เขา้ ขอ้ มูลออก และเงอ่ื นไขของปัญหา โครงงานทีม่ ีการบรู ณาการกับวิชาอนื่ อย่าง 2.2 ออกแบบขั้นตอนวิธีในการแก้ปัญหาโดยใช้รูปแบบ การกาหนดเง่ือนไข และการทาซ้า สรา้ งสรรค์ และเช่ือมโยงกับชีวติ จริง 2.3 เขยี นข้ันตอนวิธีตามท่ไี ด้ออกแบบไว้ 01 02 03 04 สาระการเรียนรู้ ทกั ษะและกระบวนการ การออกแบบข้ันตอนวธิ ใี นการแกป้ ญั หา 4.1 ทกั ษะการแก้ปัญหา โดยใช้รปู แบบการกาหนดเงื่อนไขและการทาซ้า 4.2 ทักษะการคิดเชิงคานวณ 4.3 ทกั ษะการโปรแกรม

8.แนวทางการจัดการเรียนรู้ การจัดเตรียม - ใบกจิ กรรมที่ 5.1-5.3 ตามจานวนผเู้ รยี น ข้นั ตอนการดาเนนิ การ - ผสู้ อนทบทวนวธิ ีแกป้ ญั หาด้วยคอมพวิ เตอร์ควรระบขุ ้อมลู เข้า-ออก และเงื่อนไขของปัญหาที่ชดั เจน และทบทวนความรเู้ ร่อื งตัวแปรเม่อื ใชแ้ ทนขอ้ มลู - ผ้สู อนยกตัวอยา่ งจากหนังสือเรยี น ตัวอยา่ งท่ี 2.5 อธิบายให้นกั เรียนเห็นตัวอยา่ งของการเขยี นขั้นตอนแบบรหสั ลาลอง และผงั งาน - ผเู้ รยี นศกึ ษาหนงั สอื เรียน หวั ข้อท2่ี .3 จนถงึ ก่อนขึน้ หัวข้อที่ 2.3.2 พร้อมกบั ทาใบกจิ กรรมที่5.1 - ผู้เรยี นศึกษาหนงั สอื เรยี น หัวข้อที่ 2.3.2 ออกแบบและพจิ ารณาเงื่อนไข และใหผ้ เู้ รียนจบั คทู่ ากจิ กรรมที่ 5.2 - ผู้สอนและผู้เรยี นร่วมกนั เฉลยคาตอบกจิ กรรมที่ 5.2 - ผู้เรยี นศึกษาหนังสือเรยี น หวั ข้อที่ 2.4 การทาซ้า และให้ผ้เู รยี นจบั คู่ทากิจกรรมที่ 5.3 - ผสู้ อนและผเู้ รยี นรว่ มกนั เฉลยคาตอบกจิ กรรมท่ี 5.3 - ผสู้ อนและผเู้ รียนรว่ มกนั สรปุ

กจิ กรรมท่ี 6 การจดั เรยี งขอ้ มลู

กจิ กรรมท่ี 6 การจดั เรยี งขอ้ มลู 3.จดุ ประสงค์ 3.1 อธบิ ายวิธกี ารจดั เรียงขอ้ มลู 1.ตวั ช้วี ัด 3.2 ออกแบบขั้นตอนวิธกี ารจัดเรียงข้อมลู เพอ่ื ใช้ ประยุกตใ์ ช้แนวคดิ เชงิ คานวณใน แก้ปัญหาในชวี ติ ประจาวัน การพัฒนาโครงงานที่มีการบูรณา การกับวิชาอ่นื อยา่ งสรา้ งสรรค์ 4.ทักษะและกระบวนการ และเช่อื มโยงกบั ชวี ติ จรงิ 4.1 ทักษะการแก้ปัญหา 4.2 ทักษะการสอื่ สารและร่วมมอื 2.สาระการเรียนรู้ ขั้นตอนวธิ ีในการจดั ขอ้ มลู มหี ลาย วธิ เี ช่นการจัดเรยี งข้อมลู แบบเลอื ก และการจัดเรียงขอ้ มลู แบบแทรก

8.แนวทางการจดั การเรยี นรู้ การจดั เตรยี ม - ใบกจิ กรรมที่ 6.1-6.2 และ บัตรตัวเลขจานวน 5 ชดุ ข้ันตอนการดาเนนิ การ - ผ้สู อนนาเขา้ สบู่ ทเรยี นโดยให้ผ้เู รียนยกตัวอยา่ งการจัดเรยี งขอ้ มลู ทเี่ คยพบในชีวิตประจาวนั จากน้ันถามผเู้ รียนวา่ ทาไมจงึ ต้องมกี ารจัดเรียงข้อมลู - ผเู้ รียนทากิจกรรมท่ี 2.8 เรยี งลาดบั จานวนเต็มในหนังสอื เรยี นจากน้ันจับคูอ่ ภิปรายแลกเปล่ยี นเรียนรเู้ กย่ี วกบั วิธีการจดั เรียงข้อมลู - ผูส้ อนสุม่ ใหผ้ ู้เรียนอธิบายวธิ ีจดั เรยี งทใ่ี ช้ - ผเู้ รียนศกึ ษาหนังสือเรียนหวั ข้อท่ี 2.5.1 การจดั เรยี งข้อมูลหลงั จากนั้นใหแ้ ต่ละคู่ทาใบกิจกรรมที่ 6.1 ขั้นตอนวิธจี ดั เรยี งขอ้ มูลและนาเสนอคาตอบ - ผสู้ อนแบง่ ผู้เรยี นออกเปน็ 5 กลมุ่ ให้ตัวแทนกลมุ่ ออกมารับชุดบตั รตวั เลข 30 ใบ - ผู้เรยี นแต่ละกลมุ่ ทาใบกิจกรรมท่ี 6.2 จดั เรยี งข้อมูลตามใจฉนั จากนน้ั ใหผ้ เู้ รียนแต่ละกลมุ่ ศึกษาวิธกี ารจดั เรยี งข้อมูลจากเวบ็ ไซต์ visu algo เพือ่ ตรวจสอบวธิ กี ารจดั เรยี งของกลมุ่ วา่ เหมอื นหรอื แตกต่างจากขนั้ ตอนวธิ ีการจัดเรยี งในเว็บไซต์หรอื ไมอ่ ยา่ งไร - ผู้เรียนแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอวธิ ีการจดั เรียงขอ้ มลู ทก่ี ลุ่มใช้พร้อมบอกค่าเฉล่ียของจานวนคร้งั ในการเปรียบเทียบข้อมลู ของสมาชกิ ในกลุ่ม - ผู้สอนและผู้เรยี นร่วมกนั สรุปขนั้ ตอนวธิ ีการจัดเรยี งขอ้ มลู

กจิ กรรมท่ี 7 การคน้ หาขอ้ มลู

กจิ กรรมที่ 7 การค้นหาข้อมูล 1.ตัวชี้วดั 3.จุดประสงค์ ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ แ น ว คิ ด เ ชิ ง ค า น ว ณ ใ น ก า ร พั ฒ น า 3.1 อธบิ ายวิธีการคน้ ควา้ ข้อมลู แบบตามลาดับและแบบทวิภาค โ ค ร ง ง า น ท่ี มี ก า ร บู ร ณ า ก า ร กั บ วิ ช า อ่ื น อ ย่ า ง 3.2 ประยุกต์วิธีการคน้ ควา้ ขอ้ มลู เพอ่ื แกป้ ัญหาในชีวิตประจาวัน สรา้ งสรรค์และเชื่อมโยงกับชวี ติ จริง 4.ทักษะและกระบวนการ 2.สาระการเรียนรู้ 4.1 ทกั ษะการแก้ปญั หา ขน้ั ตอนวิธกี ารค้นคว้าข้อมลู เชน่ การค้นคว้าแบบ 4.2 ทกั ษะการส่อื สารและการร่วมมอื ตามลาดบั และการคน้ คว้าแบบทวภิ าค

8. แนวทางการจัดการเรยี นรู้ การจัดเตรยี ม - ส่ือวสั ดุ เช่น ขวด หลอดกาแฟ ชดุ บัตรคา ขนั้ ตอนการดาเนิน - ผู้สอนจดั วางชุดสอื่ วสั ดุ 2 ชดุ ไวท้ ่ีมมุ ห้องมุมละชดุ ชดุ ที่ 1 จดั เรยี งขวดลาดบั จากสงู ไปต่า ชุดท่ี 2 วางขวดโดยไมเ่ รียงลาดับ - ผสู้ อนสุม่ ผเู้ รยี น และอธิบายกตกิ าการทากิจกรรมดงั นี้ ก. ตวั แทนกลมุ่ เลือกชุดขวดทีจ่ ะทากจิ กรรม ข. สมาชิกในกลุ่มไปหยบิ ขวดตามทผี่ สู้ อนกาหนด เพ่ือสงั เกตว่ากลมุ่ ไหนหาไดเ้ ร็วกวา่ เช่น -หาขวดที่สงู ท่สี ดุ หาขวดที่สงู เปน็ ลาดบั ท่ี 3

- ผเู้ รยี นทากจิ กรรม 3 ครงั้ โดยแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนมาคร้ังละ 1 คน คร้ังท่ี 1 ผู้แทนคู่ที่ 1 หาขวดท่สี งู เปน็ ลาดับท่ีสองเทียบจากขวดท่สี งู ท่ีสดุ คร้ังที่ 2 ผู้แทนคู่ท่ี 2 หาขวดท่ีสงู นอ้ ยท่สี ดุ จากขวดที่เหลืออยู่ ครั้งที่ 3 ผูแ้ ทนคู่ที่ 3 หาขวดทส่ี งู ท่สี ดุ จากขวดท่ีเหลืออยู่ - เมือ่ ทากจิ กรรมเสร็จแลว้ ผสู้ อนใหผ้ ู้เรยี นช่วยกนั อภปิ รายวา่ ทาไมกลุ่มทชี่ นะ สามารถคน้ หาขวดได้เรว็ กวา่ เพอื่ นาไปสกู่ ารสรุปในประเด็นท่ีควรมี การจดั เรยี งไว้แลว้ ดงั น้ันการคน้ หาขอ้ มลู ท่มี กี ารจัดเตรียมไวแ้ ลว้ จะทาให้สามารถค้นหาขอ้ มลู ไดถ้ กู ต้องในเวลาอนั รวดเร็ว - ผ้เู รยี นศึกษาหนังสอื เรียนการค้นหาขอ้ มลู จากน้ันผู้สอนแบ่งผู้เรยี นเป็นกล่มุ และแจกชุดบัตรควิ ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ - ผเู้ รียนทาใบกจิ กรรมตามหาตวั เลขแบบลาดบั แบบ - ผู้เรยี นทุกกลุม่ ส่งผลการบันทกึ คา่ เฉลย่ี และทาใบกิจกรรมหาตวั เลขแบบทวภิ าค - ผสู้ อนนาค่าเฉลย่ี ของทกุ กลมุ่ จากการค้นคว้าหาตัวเลขท้งั สองกจิ กรรมมาหาคา่ เฉลย่ี เพ่อื เปรียบเทียบกัน - ผเู้ รียนแตล่ ะกลมุ่ อภิปรายในประเด็นในการคน้ หาแตล่ ะวธิ ตี า่ งๆวธิ ีใดนา่ จะมปี ระสทิ ธภิ าพดกี วา่ กนั และในกรณที มี่ จี านวนมากวิธใี ดน่าจะมีประสิทธภิ าพ ดกี วา่ กันเพราะเหตใุ ดในกรณคี น้ หาแล้วไมพ่ บหรอื กรณขี อ้ มลู ซา้ ผลการค้นหาจะเป็นอย่างไรจะมเี ทคนิคเพ่มิ เตมิ หรอื ไม่เพอื่ ใหค้ ้นหาได้เร็วขึ้นผู้เรียนยกตวั อยา่ ง สถานการณก์ ารนาวธิ ีคน้ หาขอ้ มลู ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั - ผู้เรียนทาใบกจิ กรรมค้นหาขอ้ มูลและแลกกันดว้ ยตรวจคาตอบ และร่วมกันสรปุ เกี่ยวกบั การคน้ หาข้อมูล

กจิ กรรมท่ี 8 โครงงานสร้างสรรค์

กิจกรรมท่ี 8 โครงงานสร้างสรรค์ 1.วัตถปุ ระสงค์ 3.จดุ ประสงค์ ประยกุ ต์ใช้แนวคดิ เชงิ คานวณในการพัฒนาโครงงานท่ี 3.1 ระบุปัญหาในชีวติ ประจาวันท่สี ามารถแกไ้ ขไดโ้ ดย มีการบูรณาการกับวชิ าอน่ื อยา่ งสรา้ งสรรค์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ เชือ่ มโยงกับชวี ติ จริง 3.2 เลอื กหัวข้อโครงงานท่ีเหมาะสมตอ่ การพฒั นา 3.3 การกาหนดจดุ ประสงค์และขอบเขตของโครงงาน GOALS ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2.สาระการเรยี นรู้ 4.ทักษะและกระบวนการ 2.1 การกาหนดปญั หา 4.1 ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2.2 การศึกษาและกาหนดขอบเขตของปญั หา 4.2 ทักษะการแก้ปัญหา 2.3 การนาแนวคิดเชิงคานวณไปพฒั นาโครงงานทเี่ ก่ยี วกบั ชวี ติ ประจาวนั 4.3 ทกั ษะการคดิ สร้างสรรค์ 4.4 ทักษะการสื่อสารและการร่วมมือ

8.แนวทางการจัดการเรยี นรู้ การจัดเตรียม - ใบกิจกรรมที่ 8.1-8.2 และแบบประเมนิ ประเดน็ ปัญหา ตามจานวนกลมุ่ ขน้ั ตอนการดาเนนิ การ - ผู้สอนนาเข้าสบู่ ทเรยี นโดยตงั้ ประเด็นอภปิ รายร่วมกนั เก่ยี วกบั ปัญหาในชวี ิตประจาวนั ทีส่ ามารถแกไ้ ขไดโ้ ดยเทคโนโลยสี ารสนเทศเช่นสงิ่ ที่ชว่ ยอานวยความ สะดวกในชวี ิตประจาวนั และยกตัวอยา่ งโครงงานของเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในหนังสอื เรยี นบทท่ี 3 การพัฒนาโครงงานไดแ้ ก่โครงงานการ พัฒนาระบบสตั ว์การปรบั พฤติกรรมการเดนิ หลงโดยใชเ้ ทคนคิ กระแสข้อมลู ภมู สิ ารสนเทศและโครงงานเรียนรูก้ ารพดู ออกเสยี งและเขยี นภาษาองั กฤษ - ผสู้ อน ผสู้ อนแบง่ กลมุ่ ผเู้ รียนกลุ่มละ 3-4 คน ทากจิ กรรม 3.1 ศกึ ษาโครงงานในหนงั สอื เรียนอธบิ าย อภิปรายรว่ มกันในกลมุ่ - ผู้เรยี นศกึ ษาหวั ข้อที่3.1 การกาหนดปญั หาในหนงั สอื ในหนงั สือเรียน และทาใบกจิ กรรมท่ี8.1 รู้จกั ปัญหาจากนัน้ แตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั พิจารณาประเดน็ ปญั หา - ผสู้ อนแจกแบบประเมินประเดน็ ปญั หา เพ่ือใหผ้ ู้เรียนใชเ้ ป็นเครอื่ งมอื ประกอบการตดั สินใจเลอื กประเด็นปัญหาที่จะเปน็ หัวข้อโครงงานของกลุ่ม - ผ้เู รียนแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอประเดน็ ปัญหาทเ่ี ลอื กเป็นหวั ขอ้ โครงงานและแนวทางการตดั สนิ ใจ - ผ้เู รยี นศึกษาหวั ข้อท่ี 3.2 การศกึ ษาและกาหนดขอบเขตของปญั หาในหนังสือเรียนแลว้ แตล่ ะกลมุ่ ทา ท่ี 8.2 พัฒนาโครงงานกันเถอะ - ผสู้ อนและผ้เู รียนร่วมกนั สรปุ การทากจิ กรรมในขนั้ ตอนการพัฒนาการโครงงานที่ได้ดาเนนิ การสาเร็จการเรียบรอ้ ยแลว้

กจิ กรรมที่ 9 วางแผนและออกแบบโครงงาน

กิจกรรมที่ 9 วางแผนและออกแบบโครงงาน 1.ตวั ช้วี ัด 2.สาระการเรียนรู้ ประยุกต์ใชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการพฒั นาโครงงานทมี่ กี ารบูรณาการกับ 2.1 แนวทางและขอบเขตของโครงงาน วชิ าอ่ืนอย่างสร้างสรรคแ์ ละเชื่อมโยงกับชวี ติ จรงิ 2.2 ข้อเสนอโครงงาน 2.3 การนาเสนอแนวคิดเชงิ คานวณชว่ ยในการพัฒนาโครงงานท่ี 3.จดุ ประสงค์ เกี่ยวกับชวี ิตประจาวนั 3.1 วางแผนและออกแบบการพฒั นาโครงงาน 3.2 จัดทาข้อเสนอโครงงานโดยใช้แหล่งขอ้ มลู 4.ทกั ษะและกระบวนการ ทีม่ คี วามนา่ เชือ่ ถอื และอ้างองิ อยา่ งถกู ตอ้ ง 4.1 ทกั ษะการวิเคราะห์ 4.2 ทักษะการสงั เคราะห์ 4.3 ทักษะการแกป้ ญั หา 4.4 ทักษะการสอื่ สารการร่วมมอื

8. แนวทางจัดการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1 - สอนเก่ียวกบั ความรเู้ บอ้ื งต้นในการทาโครงงานและขัน้ ตอนในการทาโครงงาน - ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุม่ ในการทาใบกจิ กรรมที 9.1 วางแผนโครงงาน - ครูผู้สอนแจกใบความรู้ 9.1 เรอื่ ง เบ้ืองต้นของการทาโครงงานและขน้ั ตอนในการทาโครงงาน - ใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ช่วยกนั ทาใบกิจกรรมท่ี 9.1 ชั่วโมงที่ 2 - สอนเก่ยี วกับการเขียนเคา้ โครงของโครงงาน - ครผู ้สู อนตรวจสอบการวางแผนของโครงงานทกุ กลมุ่ - กลมุ่ ท่คี รูสอนได้ตรวจสอบการวางแผนโครงงานแล้ว ครผู สู้ อนจะแจกใบกจิ กรรมที่ 9.2 ให้ ขอ้ เสนอโครงงาน - ให้นักเรียนเร่ิมทาใบกิจกรรมที่ 9.2 ชว่ ยกนั ตอบขอ้ มลู เกยี่ วกบั โครงงาน

กจิ กรรมท่ี 10 การพฒั นาโครงงาน

กจิ กรรมที่ 10 การพฒั นาโครงงาน ตัวช้ีวัด 03 ประยกุ ตใ์ ชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณในการ 01 จุดประสงค์ 3.1 พัฒนาโครงงานตามท่วี างแผนไว้ พัฒนาโครงงานทม่ี กี ารบรู ณาการกบั วิชา 3.2 แกป้ ัญหาทีเ่ กดิ ข้นึ ระหวา่ งการลงมอื พฒั นา อน่ื อยา่ งสร้างสรรค์ และเชือ่ มโยงกบั โครงงาน ชีวิตจริง 3.3 ทางานรว่ มกบั ผอู้ นื่ สาระการเรียนรู้ 02 04 2.1 การพัฒนาโครงงาน ทักษะและกระบวนการ 2.2 การนาแนวคิดเชิงคานวณไปใชใ้ นการ 4.1 ทักษะการแกป้ ญั หา 4.2 ทกั ษะการสังเคราะห์ พฒั นาโครงงานทเ่ี กีย่ วกับชีวติ ประจาวนั 4.3 ทักษะการคดิ สร้างสรรค์ 4.4 ทกั ษะการสื่อสารและการรว่ มมือ

8.แนวทางการจัดการเรียนรู้ การจัดเตรียม - กิจกรรมท่ี 10.1 จับกลุ่มกลุ่มละ 5 คน และนัดหมายการรายงานความกา้ วหนา้ การทาโครงงาน ขั้นตอนการดาเนินการ - ผ้เู รยี นลงมอื พัฒนาโครงงานโดยกาหนดระยะเวลาดาเนนิ การโครงงาน 18 ชัว่ โมง - ผู้เรยี นวางแผนรายงานความกา้ วหน้าการดาเนินการโครงงาน และรายงานก้าวหน้าเสนอตอ่ ครูที่ปรึกษา - ผูเ้ รยี นทากจิ กรรมท่ี10.1 ติดตามโครงงาน โดยบันทึกความคืบหน้าของการปฏบิ ัติงาน - ผูส้ อนตรวจสอบความกา้ วหน้าในการพัฒนาโครงงานของผเู้ รยี นเปน็ ระยะ และพูดคยุ กับผ้เู รยี นเก่ยี วกบั แนวทางในการปฏบิ ัตงิ าน เชน่ ปญั หาหรือ อุปสรรครวมทั้งบอกวิธีการแก้ไข - ผู้สอนแนะนา ชว่ ยเหลอื ผเู้ รยี นเพื่อให้ดาเนินการพฒั นาโครงงานสาเร็จตามแผน

กจิ กรรมท่ี 11 รายงานโครงงาน

กิจกรรมที่ 11 รายงานโครงงาน ตัวชีว้ ัด 02 จุดประสงค์ 04 ประยุกตใ์ ช้แนวคิดเชงิ คานวณในการพัฒนา 3.1 เขยี นรายงานโครงงานฉบับสมบรู ณ์ โครงงานท่มี ีการบูรณาการกับวชิ าอน่ื อย่าง สรา้ งสรรคแ์ ละเชื่อมโยงกบั ชวี ติ จริง 03 01 สาระการเรยี นรู้ ทกั ษะและกระบวนการ 2.1 การสรุปผลเผยแพรโ่ ครงงาน 4.1 ทกั ษะการคิดสร้างสรรค์ 4.2 ทักษะการสื่อสารและการร่วมมอื

8.แนวทางการจัดการเรยี นรู้ การจดั เตรียม 6.1 ใบกจิ กรรม ขัน้ ตอนการดาเนนิ การ - ผู้สอนทบทวนขั้นตอนการทาโครงงานทไ่ี ดด้ าเนินการมาแลว้ 4 ขน้ั ตอนไดแ้ กก่ ารกาหนดปัญหาการศกึ ษาและกาหนดขอบเขตของปญั หาการวางแผนและออกแบบ โครงงานการดาเนินงานและเชอ่ื มโยงไปยังขั้นตอนสาคัญของการทาโครงงานคอื การเขยี นรายงานฉบับสมบรู ณ์ - ผ้เู รียนศกึ ษา และสรุปการเผยแพรผ่ ลงานเขยี นรายงานในหนังสือเรยี น - ผเู้ รียนแตล่ ะกลมุ่ ทาใบกิจกรรมการเขียนรายงานฉบบั สมบูรณ์ - ผูส้ อนแจง้ กาหนดการสง่ รายงานฉบบั สมบูรณ์ใหแ้ กผ่ ู้เรยี นทราบ - ผู้สอนแจง้ ผู้เรยี นถึงการเตรยี มในการนาเสนอโครงงานเพ่ือเผยแพรซ่ ง่ึ เป็นกจิ กรรมสุดท้ายของการทาโครงงานในคาบเรยี น

กจิ กรรมท่ี 12 Show Time

กจิ กรรมที่ 12 Show Time 3.จุดประสงค์ 3.1 นาเสนอโครงงานไดอ้ ยา่ งนา่ สนใจ 1.ตัวชีว้ ัด ประยุกต์ใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณในการพัฒนา โครงงานที่มีการบูรณาการกับวิชาอื่นอยา่ ง สร้างสรรค์และเชอ่ื มโยงกบั ชีวิตจริง 2.สาระการเรียนรู้ 4.ทักษะและกระบวนการ 2.1 การสรปุ ผลและเผยแพรโ่ ครงงาน 4.1ทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารญาณ 4.2 ทักษะการคดิ สร้างสรรค์ 4.3 ทักษะการส่ือสารและการร่วมมอื

8.แนวทางจัดการเรยี นรู้ การจัดเตรยี ม -ครผู สู้ อนไดจ้ ัดเตรียมใบกิจกรรมที่ 10.1 และใบนดั หมายหมายการรายงานความกา้ วหนา้ การทาโครงงาน ขน้ั ตอนการดาเนนิ การ -สอนเกยี่ วกับความรเู้ บอื้ งตน้ การปฏบิ ตั โิ ครงงาน การติดตาม -ครูผ้สู อนใหน้ ักเรยี นจับกลมุ่ ตามจานวนให้เทา่ ๆ กัน -ครผู สู้ อนแจกใบความรู้ท่ี 10.1 เร่ือง การปฏบิ ัติโครงงาน -ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ชว่ ยกนั ทาใบกิจกรรมที่ 10.1 เรือ่ ง ติดตามโครงงาน ดังนี้ 1.ขัน้ ตอนการดาเนนิ การของผเู้ รยี น โดยกาหนดให้มีระยะเวลาดาเนนิ การ 18 ชั่วโมง 2.ผเู้ รียนวางแผนการรายงานความก้าวหนา้ การดาเนนิ การโครงงานวนั ไหน และนาเสนอข้อมลู ให้ครูทป่ี รกึ ษาโครงงาน 3.ผู้เรียนทาใบกิจกรรมท่ี 10.1 ติดตามโครงงานโดยบันทึกความคบื หนา้ ของการปฎบิ ัติตามแผน 4.ผู้สอนตรวจความคบื หน้าเปน็ ระยะและพดู คยุ กับผู้เรียนในประเด็นเกี่ยวกับแนวทางในการปฏบิ ตั งิ านท่ีใช้ปญั หาหรอื อปุ สรรคต่างๆ และวธิ แี ก้ไขปญั หา 5.ผ้สู อนใหค้ าแนะนาและช่วยเหลอื ผเู้ รียนเพื่อใหก้ ารพัฒนาโครงงานสาเรจ็ ไปได้ตามแบบแผน

Thanks! CREDITS: This presentation template was created by Slidesgo, including icons by Flaticon, and infographics & images by Freepik