Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Urban monochrome-แปลง_clone

Urban monochrome-แปลง_clone

Published by student9021, 2020-07-01 23:12:39

Description: Urban monochrome-แปลง

Search

Read the Text Version

1 พฒั นาการของทวปี ยโุ รป 2พฒั นาการด้านเศรษฐกิจ 3พฒั นาการด้านสงั คมศลิ ปวฒั นธรรม

ความรู้เกี่ยวกบั ยโุ รป ทวปี ยโุ รปเป็นทวีปท่ีมีขนาดเล็กเป็นอนั ดบั ๒ ของโลกรองจากทวีป ออสเตรเลียและโอเชยี เนียมีพนื ้ ที่ทงั้ หมดประมาณ ๑๐,๕๒๕,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร และดนิ แดนทางด้านตะวนั ออกตดิ ตอ่ เป็นผนื เดียวกบั ทิศตะวนั ตกของทวปี เอเชยี จงึ เรียกทวีปทงั้ สองรวมกนั วา่ ยเู รเซีย {Eurasia} โดยมีเทือกเขาครู่ ัก {Urals} และเทือกเขาคอเคซสั {Caucasus} เป็นแนวแบง่ เขต ปัจจบุ นั ทวีปยโุ รป ประกอบด้วย ประเทศ รัฐ และนครอิสระกวา่ ๔๐ แห่ง มีประชากรประมาณ ๗๓๐ ล้านคน โดยมีสหพนั ธรัฐรัสเซียเป็น ประเทศท่ีใหญ่ที่สดุ และนครรัฐวาติกนั (Vatican City State) ซงึ่ มีสนั ตะปาปาเป็นองค์ประมขุ เป็นนครอสิ ระที่เลก็ ที่สดุ

1พฒั นาการของทวีปยโุ รป 1พฒั นาการด้านการเมืองการปกครอง โดยทวั่ ไป กลา่ วได้ว่าในอดีตดนิ แดนสว่ นใหญ่ของทวีปยโุ รปมี กษัตริย์เป็นประมขุ สงู สดุ แม้แต่ในสมยั กรีกเรืองอานาจ เมื่อกว่า ๕๐๐ ปีก่อนคริสต์ศกั ราช ระบอบการปกครอง แบบกษัตริย์ก็เป็นท่ีรู้จกั กนั แพร่หลายแล้ว ในสมยั จกั รวรรดิโรมนั (๒๗ ปีก่อนคริสต์ศกั ราช-ค.ศ.๔๗๖) พระประมขุ สงู สดุ เรียกว่า ซซี าร์หรือจกั รพรรดซิ ง่ึ ทรง ปกครองอาณาบริเวณกว้างขวางครอบคลมุ พนื ้ ท่ีใน ยโุ รปและบางส่วนของเอเชียและแอฟริกา

1.1ระบอบกษตั ริยภ์ ายใตร้ ัฐธรรมนูญ ในองั กฤษ พระเจา้ จอห์น (ค.ศ.๑๑๙๙-๑๒๑๖) ทรงยอมรับแมกนาคาร์ตา (Magna Carta ค.ศ.๑๒๑๕) หรือมหากฎบตั ร (Great Charter) ที่ขนุ นาง พระ พอ่ คา้ และประชาชนรวมตวั กนั บีบบงั คบั ใหพ้ ระองค์ ยอมรับขอ้ ตกลงท่ีเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรในการจากดั พระราชอานาจไม่ใหใ้ ชพ้ ระราชอานาจเกินขอบเขตในการเก็บภาษีอากร การลงโทษและอ่ืนๆ ต่อมาไดเ้ กิดรัฐสภา (parliament) ท่ีประกอบดว้ ย สภาขนุ นาง (House of Lords) และ สภาสามญั (House of Commons) ที่มีส่วนสาคญั ในการลดอานาจสิทธ์ิของกษตั ริย์

1.2ระบอบกษตั ริยแ์ บบ สว่ นฝร่ังเศสและประเทศมหาอานาจในอดตี อื่นๆ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ได้แก่ ปรัสเซยี (รัฐหนง่ึ ในดนิ แดนเยอรมนั ตอ่ มามี บทบาทเป็นผ้นู าในการรวมชาตเิ ยอรมนีใน ค.ศ. ๑๘๗๑) ออสเตรีย และรัฐเซียนนั้ กลบั มีพฒั นาการ ระบอบการปกครองแบบสมบรู ณาญาสทิ ธิราชย์ (Absolutism)

บอบการปกครองในทวปี ยโุ รปสมยั ปัจจุบนั หลงั สงครามโลกคร้ังท่ี ๒ ระบอบการปกครองของยโุ รปแยกออกเป็น๒ ระบอบอยา่ งเด่นชดั ดงั น้ี 1.3 ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบท่ีเน้นความเป็นปัจเจก บคุ คลนิยม (individualism) เหตผุ ลนิยม (rationalism) และเสรีภาพ (freedom) หลกั การสาคญั ของแนวความคิด ประชาธิปไตย คอื สิทธิ เสรีภาพของประชาชน ประชาชนเป็นท่ีมาของ อานาจอธิปไตย ทกุ คนมีสทิ ธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคภายใต้ กฎหมาย การปกครองระบอบประชาธิปไตยมีต้นกาเนิดมาตงั้ แตส่ มยั กรีกโบราณ เมื่อกวา่ ๕๐๐ ปีก่อนคริสต์ศกั ราช โดยนครรัฐเอเธนส์เป็น ดินแดนแหง่ แรกท่ีให้สิทธิแกพ่ ลเมืองเพศชายที่เป็นเสรีชนทกุ คนมีสทิ ธิ ในการเลอื กตงั้ และเข้านง่ั ในสภา ทงั้ ยงั ดารงตาแหนง่ ผ้ปู กครองได้ ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่ ประชาชนมีอานาจสงู สดุ โดยมีรัฐสภาทาหน้าท่ีเป็นตวั แทนของ ประชาชน

1.4ระบอบเผดจ็ การ คอมมิวนิสต์ ระบอบเผดจ็ การคอมมวิ นิสต์ เป็นระบอบการปกครองที่อ้าง อดุ มการณ์ของลทั ธิมากซ์ในการสร้างสงั คมท่ีปราศจากชนชนั้ และ มีความเสมอภาคกนั ในด้านตา่ งๆ โดยชนชนั้ แรงงานเป็น ผ้ปู กครองประเทศระอบเผดจ็ การคอมมิวนิสต์มพี รรคการเมือง เพียงพรรคเดียว ผ้นู าพรรคคอมมิวนิสต์และผ้นู ารัฐเป็นคน เดียวกนั สหภาพโซเวยี ตเป็นประเทศแรกที่มีการปกครองใน ระบอบเผดจ็ การคอมมิวนิสต์ภายหลงั การปฏิวตั ิรัสเซยี ในเดอื น ตลุ าคม ค.ศ. ๑๙๑๗ หลงั สงครามโลกครัง้ ท่ี ๒ ก็มปี ระเทศอน่ื ปกครองในระบอบเผดจ็ การคอมมิวนิสต์อกี ๑๖ ประเทศ แตเ่ มอ่ื สหภาพโซเวียตลม่ สลายลงใน ค.ศ. ๑๙๙๑ ก็เหลอื เพียงไมก่ ่ี ประเทศ เชน่ จีน คิวบา เกาหลเี หนือ เป็นต้น สว่ นบรรดาประเทศ บริวารของสหภาพโซเวียตเดมิ (รวมทงั้ รัสเซยี ) ก็ต้องปฏิรูปการ ปกครองตนเองในแนวทางของระบอบการปกครองแบบ ประชาธิปไตยด้วย

2 พฒั นาการดา้ นเศรษฐกิจ ระหว่าง ค.ศ. ๔๗๖-๑๐๕๐ หรือสมยั กลางตอนต้นชาวไร่ชาวนาส่วนใหญ่ ตา่ งสญู เสียอิสรภาพและกลายเป็นทาสติดท่ีดิน (serf) ต้องอย่ใู นสงั กดั ของขนุ นางเจ้าของท่ีดินและดารงชีวิตอยใู่ นเขตแมเนอร์ (manor) ซง่ึ เป็นเขตที่ดนิ ในปกครองของขนุ นาง และเป็นท่ีเพาะปลกู และอยอู่ าศยั โดยมี เขตที่เป็นท่ีตงั้ ปราสาทของขนุ นางเจ้าของที่ดนิ และเขตหม่บู ้านซงึ่ เป็นเขตท่ี อย่อู าศยั ของพวกทาสติดท่ีดินและชาวไร่ชาวนาบางคนที่เป็นเสรีชน เศรษฐกิจในเขตแมเนอร์เป็นเศรษฐกิจพอเลีย้ งตนเอง (self- sufficient economy) ที่ชาวไร่ชาวนาตา่ งประกอบอาชีพพอกิน พอใช้และผลติ สนิ ค้าเพ่อื ใช้เองหรือแลกเปล่ียนกนั การค้าท่ีเคยรุ่งเรืองใน สมยั จกั รวรรดโิ รมนั ต้องหยดุ ชะงกั เป็นเวลากว่า ๕๐๐ ปี ก่อนท่ียโุ รปจะฟืน้ ตวั จนสามารถสร้างความเป็นปึกแผ่นและปลอดภยั จากการรุกรานของ พวกอนารยชน จานวนประชากรได้เพมิ่ มากขนึ ้ และสามารถผลิตสนิ ค้าเพื่อ การค้าขายทงั้ ภายในประเทศและสง่ ออกได้

พฒั นาการดา้ นเศรษฐกิจ ในปลายสมยั กลาง ชาวยโุ รปได้สร้างนวตั กรรมการคิดค้นสง่ิ ประดิษฐ์และเทคโนโลยีที่สาคญั คือ การประดษิ ฐ์ปืนใหญ่ท่ีเปลย่ี นแปลงวิธีการรบ และ เคร่ืองพมิ พ์ที่ผลิตหนงั สอื ได้มากและมีราคาถกู ซง่ึ สามารถกระจายความรู้ได้อยา่ งกว้างขวาง ทาให้ชาวยโุ รปหนั มาสนใจในเร่ืองต่างๆ รวมทงั้ ความรู้ทาง วทิ ยาศาสตร์ กอ่ ให้เกิดสมยั แหง่ การค้นพบและการสารวจโดยคริสโตเฟอร์ โคลมั บสั (Christopher Columbus) ค้นพบทวีอเมริกาใน ค.ศ. ๑๔๙๒ และ วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) แลน่ เรืออ้อมแหลมก๊ดู โฮป (Good Hope) ในทวปี แอฟริกาสอู่ นิ เดยี ใน ค.ศ. ๑๔๙๘ ซง่ึ นบั วา่ ยโุ รปได้ เข้าสปู่ ระวตั ิศาสตร์สมยั ใหม่ ทงั้ เป็นก้าวสาคญั ที่ทาให้วฒั นธรรมตะวนั ตกแพร่กระจาย มีการเผยแพร่คริสต์ศาสนาทงั้ นิกายโรมนั คาทอลกิ และนิกาย โปรเตสแตนต์อยา่ งกว้างขวาง เม่ือนานาประเทศในยโุ รปสามารถควบคมุ และยดึ คลองตลาดการค้าในดินแดนโพ้นทะเลใต้ ทาให้เกิดการปฏิวตั ิทางการค้า (Commercial Revolution) ที่พอ่ ค้าเร่งผลติ สินค้าจานวนมาก ก่อให้เกิดการพฒั นาในด้านเศรษฐกิจที่มีรูปแบบตา่ งๆ มาจนถงึ ปัจจบุ นั ดงั นี ้ 1 เศรษฐกิจแบบพาณิชยนิยม 2 เศรษฐกิจแบบทนุ นิยม 3เศรษฐกิจแบบสงั คมนิยม

เศรษฐกิจ เศรษฐกิจแบบพาณิชยนิยม เศรษฐกิจแบบทนุ นิยม เศรษฐกิจแบบสงั คมนยิ ม เศรษฐกิจแบบพาณิชยนิยม (mercantilism) เป็นระบบเศรษฐกิจท่ีเกิดขนึ ้ และ ปลายคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ ได้เกิดแนวคดิ ทางเศรษฐศาสตร์และการเมืองท่ี ศรษฐกิจแบบสงั คมนยิ ม (socialism) เป็น พฒั นาพร้อมๆ กบั การกอ่ ตวั ของรัฐชาติ เป็นรูปแบบของเศรษฐกิจคริสต์ศตวรรษที่ ๑๖- สาคญั คอื แนวคดิ ไลส์เซ-แฟร์ (laissez-faireเป็นคาฝร่ังเศส หมายถงึ ระบบเศรษฐกิจที่พฒั นามาจากแนวความคดิ ทาง ๑๘ โดยรัฐเข้าควบคมุ อตุ สาหกรรมและการค้าภายในประเทศ สง่ เสริมการดาเนินธุรกิจ ปลอ่ ยให้เป็นเอง) และแนวคิดการค้าเสรี (free trade) ของแอดมั สมทิ การเมืองของคาร์ล มากซ์ (Karl Marx) นกั ของพ่อค้า การสง่ สินค้าออก และกีดกนั การนาเข้าสนิ ค้าจากตา่ งประเทศลทั ธิพาณิชย (Adam Smith) ชาวสกอต เจ้าของผลงานเรื่อง The Wealth of สงั คมนิยมท่ีมีชื่อเสียงของยโุ รป เกิดขึน้ กลาง นิยมเป็นผลจากความเช่ือวา่ การควบคมุ และการดาเนินธุรกิจตา่ งๆ จะทาให้รัฐมน่ั คง Nations (ค.ศ. ๑๗๗๖) ท่ีกาหนดให้อปุ สงค์ (demand) และ คริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ เพือ่ ตอบโต้การขยายตวั ของ เข้มแขง็ ดงั นนั้ จงึ ถือเป็นหน้าที่และความจาเป็นของรัฐที่จะต้องดาเนินการทกุ วิถีทาง อปุ ทาน (supply) เป็นตวั กาหนดกลไกของตลาด ลทั ธิทนุ นยิ มและการเอารัดเอาเปรียบชนชนั้ แรงงาน เพ่ือเป็นเจ้าของทรัพยากรและโภคทรัพย์ตา่ งๆ และเข้าครอบครองดินแดนตา่ งๆ แล้ว ด้านเศรษฐกิจนนั้ ไลส์เซ-แฟร์ หมายถงึ การดาเนินนโยบายภายในที่รัฐบาล เขาต้องการสร้างระบบเศรษฐกิจท่ีเสมอภาค คือ การ จดั ตงั้ เป็นอาณานิคม เผยแผ่ศาสนา ท้ายท่ีสดุ กก็ ่อให้เกิดความขดั แย้งกนั เองและเข้าสู่ ไมค่ วรเข้าไปก้าวก่ายกบั การค้า เป็นธรุ กิจของภาคเอกชนทงั้ ในด้าน ยกเลกิ กรรมสิทธ์ิทรัพย์สินสว่ นบคุ คล และให้มีการ สงคราม กลายเป็นสงครามท่ีลกุ ลามในภมู ภิ าคอน่ื ๆ ของโลก เชน่ สงครามเจ็ดปี อตุ สาหกรรมและการเงิน ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมสง่ เสริมให้นายทุน จดั การทางการผลิตโดยชนชนั้ แรงงาน ซง่ึ ชนชนั้ (Seven Year’ War, ค.ศ. ๑๗๕๖-๑๗๖๓) ระหวา่ งฝรั่งเศสและออสเตรีย กบั แข่งขนั กนั อย่างเสรี ผ้บู ริโภคจะทาให้กลไกของตลาดเคล่ือนไหวและนา แรงงานจะใช้อานาจเผด็จการในการปกครองเพอื่ องั กฤษและปรัสเซยี กอ่ ให้เกิดการรบกนั ทงั้ ในทวปี ยโุ รป อเมริกา และเอเชีย ความมง่ั คง่ั มาสรู่ ัฐได้ ผลกั ดนั นโยบายสงั คมนยิ มให้บรรลผุ ลสาเร็จ

พฒั นาการดา้ นสงั คมและศิลปวฒั นธรรม มีดงั นี ้ -กาเนิดของชนชนั้ กลาง -การขยายตวั ของเมืองในยคุ ปฏิวตั ิอตุ สาหกรรม -การสร้างสรรค์ทางศิลปวฒั นธรรม

การขยายตวั ของเมืองในยคุ ปฏิวตั ิอตุ สาหกรรม การขยายตวั ของเมืองในยคุ ปฏิวตั อิ ตุ สาหกรรมเดน่ ชดั ขนึ ้ ในกลาง คริสต์ศตวรรษท่ี ๑๙ กลา่ วคือใน ค.ศ. ๑๘๕๑ การสารวจสามะโนครัว ในองั กฤษบง่ ชใี ้ ห้เห็นเป็นครัง้ แรกวา่ มีประชากรอาศยั อย่ใู นเขตเมือง มากกวา่ อยใู่ นเขตชนบท ขณะท่ีประเทศอ่ืนๆ ก็มีแนวโน้มของสงั คม เมืองในลกั ษณะเดยี วกนั นีด้ ้วย แตเ่ มื่อสนิ ้ คริสต์ศตวรรษท่ี ๑๙ มีเมือง กวา่ ๕๐ แห่งท่ีมีประชากรมากกวา่ ๑ ล้านคน ปัจจบุ นั ประชากรสว่ น ใหญ่ในทวีปยโุ รปมากกวา่ ร้อยละ ๕๐-๖๐ อาศยั อยใู่ นเขตเมืองซงึ่ มี ขนาดใหญ่

การสร้างสรรคท์ างศิลปวฒั นธรรม แม้วา่ ศลิ ปวฒั นธรรมของกรีก-โรมนั คอื รากเหง้าของอารยธรรมตะวนั ตก แตค่ ริสต์ ศาสนาซงึ่ เป็นท่ียอมรับในจกั รวรรดมิ นั ตงั้ แตต่ ้นคริสตศ์ ตวรรษที่ ๔ และมีอิทธิพล อยา่ งมากในโลกตะวนั ตกจนสมยั กลางได้ช่ือวา่ ยคุ แหง่ ศรัทธา (Age of Faith) ก็คอื พลงั ท่ีแตง่ เตมิ ให้ศลิ ปวฒั นธรรมของยโุ รปบรรลคุ วามงามและความสมบรู ณ์ แบบ ทงั้ มีการสร้างมหาวิหาร (cathedral) ด้วยศลิ ปะแบบกอทกิ ไปทวั่ ยโุ รปใน ระหวา่ ง ค.ศ. ๑๑๐๐-๑๓๐๐ มีจานวนมากกวา่ ๕๐๐ แหง่ ตอ่ มาในยคุ ฟื น้ ฟศู ลิ ปะ วทิ ยาการ (Renaissance) ที่เร่ิมต้นในอติ าลีในกลางคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๔ ยโุ รปสามารถฟื น้ ฟกู ารศกึ ษาและผลงานสร้างสรรค์ทางด้านวจิ ิตรศลิ ป์ ของกรีก-โรมนั ขนึ ้ มาใหม่ ศลิ ปินตา่ งหวนกลบั ไปสโู่ ลกของธรรมชาติ จนเกิดเป็นรูปแบบของศลิ ปะ ซง่ึ เป็นความงามของธรรมชาตแิ ละการวิภาคของมนษุ ย์ที่จดั วา่ เป็นผลงานอนั ยิ่งใหญ่ ของพระเป็นเจ้ามาซกั ซีโอ (Masaccio, ค.ศ. ๑๔๐๑-๑๔๒๘) เป็นจติ รกรอติ าลี คนแรกท่ีนาเทคนคิ การวาดภาพ ๓ มิตมิ าใช้ จนเกิดเป็นแนวคดิ ใหมท่ ่ีว่าลกั ษณะท่ี สมจริง (realism) นนั้ เป็นอยา่ งไร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook