Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กบแปลง31791

กบแปลง31791

Published by janjira11513880, 2018-02-08 09:34:50

Description: กบแปลง31791

Search

Read the Text Version

สารบญั-อารยธรรมลุ่มนา้ ไทกรีส-ยเู ฟรตสี 2 -ยคุ ฮนิ ดใู หม่ 14-อารยธรรมของชาวสุเมเรีย-อารยธรรมของชาวอมอโรต์ 3 -สมัยราชวงศ์โมกลุ 15-อารยธรรมของชาวแอสซเี รีย-อารยธรรมของชาวคาลเดียน 4 -อินเดยี ภายใต้การปกครองของประเทศอังกฤษ 16-อารยธรรมของชาวเปอร์ เซยี-อารยธรรมของชาวฮบิ รู 5 -อารยธรรมจนี 17-อารยธรรมลุ่มแม่นา้ สนิ ธุ-ยุคพระเวท 6 -อารยธรรมจีนในสมัยก่อนประวัตศิ าสตร์ 18-ยุคมหากาพย์-ยคุ ฮนิ ดูเก๋า 7 วัฒนธรรมหวางเซา วัฒนธรรมลุงซาน-สมัยพระพทุ ธศาสนา 8 -อารยธรรมจนี ในสมัยก่อนประวัตศิ าสตร์ 19 9 -ราชวงศ์ซาง 20 10 -ราชวงศ์โจว 21 11 -ราชวงศ์ฉิน 22 12 -ราชวงศ์ฮ่นั 23 13 -ราชวงศ์ถงั 24 -ราชวงศ์ซ้อง 25 -ราชวงศ์หยวน 26 -ราชวงศ์หมิงหรือเหมง็ 27 -ราชวงศ์เช็งหรือชงิ 28

2ภมู ิภาคเอเชียดนิ แดนท่ีมีอารยธรรมที่เก่าแก่แหง่ หนง่ึ ของโลกมีแหล่งอารยธรรมท่ีสาคญั ได้แก่อารยธรรมลมุ่ แมน่ า้ ไทยกรีส-ยเู ฟรตีสในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ อารยธรรมลมุ่ นา้ ฮวงโหในประเทศจีนและอารยธรรมล่มุ แมน่ า้ สนิ ธใุ นประเทศอินเดีย ซงึ่ อารยธรรมในแต่ละแหง่ เหลา่ นีม้ ีววิ ฒั นาการมาตงั้ แต่สมยั ยคุ หินลกั ษณะสาคญั ของอารยธรรมในทวีปเอเชียมีลกั ษณะที่สาคญั ดงั นี ้ อารยธรรมลุ่มนา้ ไทกรีส-ยเู ฟรตสี หรืออรายธรรมเมโสโปเตเมียตงั้ อย่ใู นบริเวณของท่ีราบลมุ่ ไทกรีสและแมน่ า้ ยเู ฟรตีสท่ีมีความอดุ มสมบรู ณ์ในภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต้หรือในประเทศอิรัก ปัจจบุ นั ได้มีชนเผ่าต่างๆ ผลดั เปล่ียนกนั เข้ามาสร้างความเจริญทางอารยธรรมให้กบั ดินแดนนี ้มาตงั้ แตค่ รัง้ โบราณโดยอารยธรรมของชนเผา่ ที่ได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กบั เมโสโปเตเมียที่สาคญั ได้แก่ ชาวสเุ มเรียน ชาวอมอไรต์ ชาวแอสซีเรีย ชาวคาลเดียนชาวเปอร์เซยี และชาวอิบรู เป็นต้น

31. อารยธรรมของชาวสุเมเรีย ชาวสเุ มเรียนเป็นชนเผ่าแรกท่ีเข้ามาตงั้ ถ่ินฐานในเมโสโปเตเมียเม่ือประมาณ4,000 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช มีพฒั นาการทางการเมืองเริ่มจากหมบู่ ้านก่อนจะขยายตวั เป็นชมุ ชน วดั มีพระเป็นผ้ปู กครอง ศนู ย์กลางการปกครองอยทู่ ี่วดั ต่อมาเมื่อชมุ ชนขยายตวัเป็นชมุ ชนใหญ่เกิดองค์การเมืองแบนครรัฐ แต่ละนครรัฐเป็นอสิ ระไมข่ นึ ้ แก่กนั มีกษัตริย์เป็นผ้นู าชาวสเุ มเรียนนบั ถือเทพเจ้าหลายองค์แต่ละนครรัฐจะมีเทพเจ้าประจานครรัฐ ชาวสเุ มเรียนได้มีการประดิษฐ์ตวั อกั ษรลิม่ หรือคูนิฟอร์ม ขนึ ้ เพื่อใช้ในการตดิ ต่อส่ือสารกนัโดยได้บนั ทกึ ลงในแผ่นดนิ เหนียว วรรณกรรมของชาวสเุ มเรียน คือ มหากาพย์กิลลาเมช กล่าวถงึการผจญภยั ของบรรพบรุ ุษพวกสเุ มเรียน และมหากาพย์เอนลลิ พรรณนาถึงการสร้างโลกและนา้ท่วมโลก นอกจากจากนนั้ ชาวสเุ มเรียนยงั รู้จดั การสร้างระบบชลประทานอย่างงา่ ย เชน่ การสร้างอ่างเก็บนา้ เพ่ือใช้ในการเกษตรกรรมเป็นต้น ร็จกั การคดิ เลขด้วยการบวก ลบ คณู หาร การจดั ทาปฏทิ ินแบบจนั ทรคติที่มีความสมั พนั ธ์กบั การเคล่ือนท่ีของดวงจนั ทร์ การรู้จกั นบั วนั และเวลาโดยกาหนดให้60นาทีเป็น ชว่ั โมงและ24ชว่ั โมงเป็น1วนั

42. อารยธรรมของชาวอมอโรต์ ชาวอมอไรต์เป็นชนเผา่ ท่ีได้เข้ามาสร้างความเจริญรุ่งเรืองในดนิ แดนเมโสโปเตเมียต่อจากชนเผ่าสเุ มเรียน และขยายอาณาจกั รออกไปอย่างกว้างขวางสถาปนาจกั รวรรดบิ าบิโลเนียขนึ ้ ประมาณ2,000ปีก่อนคริสต์ศกั ราช มีนครบาบโิ ลน เป็นศนู ย์กลางการปกครอง กษัตริย์ที่สาคญั คือ พระเจ้าฮมั มรู าบี ผลงานสาคญั ของพระองค์ คือประมวลกฎหมายฮมั มรู าบี ถือเป็นประมวลกฎหมายฉบบั แรกของโลกมีบทลงโทษเป็นแบบสนองตอบ หรือ “ตาตอ่ ตา ฟันตอฟัน” มีการแบ่งชนชนั้ ในสงั คมเป็นชนชนั้ สงูชนชนั้ กลางและชนชนั้ ต่า

53. ชาวแอสซเี รียได้สถาปนาจรั วรรณดิเเอสซเี รียขึน้ เม่ือประมาณ1,100 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช มีศนู ย์กลางการปกครองอยทู่ ่ีเมืองนเิ นอเวห์ ชาวแอสซีเรียมีความสามารถในการรบ สามารถขยายอาณาเขตไปได้อยา่ งกว้างขวาง และมีกองทพั ท่ีแขง็ แกร่ง มีระเบียบวินยั ความเจริญของชาวแอสซเี รีย ได้แก่ การปัน้ ทงั้ แบบนนู และลอยตวั มกั แสดงให้เห็นถงึ สดั สว่ นของร่างกายที่เป็นจริง การแกะสลกั ภาพนนู ต่าที่แสดงการเคล่ือนไหวเหมือนธรรมชาติเป็นต้น

64. อารยธรรมของชาวคาลเดียน พวกแคลเดียนสถาปนาจกั รวรรดิคาลเดียนหรือบาบิโลเนียใหม่ โดยมีกรุงบาบิโลเนียเป็นศนู ย์กลางการปกครอง เมื่อประมาณ612ปีก่อนคริสต์ศกั ราชมีอารยธรรมที่สาคญั คือการสร้างสวนลอยแห่งบาบโิ ลนท่ีเป็นสิ่งมหศั จรรย์ส่งิ หนงึ่ของโลกนอกจากนนั้ ชนเผ่าคาลเดียนยงั เป็นผ้ทู ี่มีความรู้ทางด้านดาราศาสตร์และโหราศาสตร์เป็นอยา่ งดี

75. อารยธรรมของชาวเปอร์เซยี พวกเปอร์เซียเป็นชนเผ่าหน่ึงที่ได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กบั ดนิ แดนเมโสโปเตเมีย เป็นบรรพบรุ ุษของชาวอหิ ร่าน ปัจจบุ นั ได้มีการสถาปนาอาณาจกั รเปอร์เซียมาตงั้ แต่ประมาณ600ปีก่อนคริสต์ศกั ราชทีความเจริญรุ่งเรืองส.ู สดุ ในสมยั ของพระเจ้าดาริดสุ ความเจริญของชนเผา่ เปอร์เซยี ที่สาคญั ได้แก่ การรู้จกั การสร้างถนนเช่ือมระหว่างเมืองหลวงกบั ดินแดนตา่ งๆ ในอาณาจกั รมีความยาวถงึ 2,500 กิโลเมตร เพื่อควบคมุ มณฆลต่างๆภายในจกั รวรรดิและเพอ่ื ความสะดวกในการตดิ ตอ่ ค้าขายนอกนากนนั้ ชาวเปอร์เซียยงั รู้จกั การประดิษฐ์ตวั อกั ษรใช้เพอื่ การตดิ ต่อส่ือสารกนั นบั ถือศาสนาโซโรแอสเตอร์ซงึ่ นบั ถือไฟเป็นต้น

86. อารยธรรมของชาวฮบิ รู ชาวฮิบรูหรือยิวเป็นชนเผ่าท่ีได้มาสร้างความเจริญรุ่งเรืองในดินแดนเมโสโปเตเมียอีกเผา่ หนง่ึ เป็นเผ่าเร่ร่อนเผ่าหนงึ่ ในดินแดนเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต้พระเจ้าเดวดิ จงึ สถาปนาอาณาจกั รฮบิ รูขนึ ้ ซงึ่ มีความเจริญระหว่าง มีศนู ย์กลางการปกครองที่กรุงเยรูซาเลม็ และมีความเจริญสงู สดุ ในสมยั กษัตริย์โซโลมอน ซง่ึ มีความเจริญระหวา่ ง973-933 ปีก่อนคริสต์ศกั ราชความเจริญรุ่งเรืองของชนเผา่ ฮบิ รูได้แก่ความเจริญทางด้านศาสนา โดยศาสนายดู ายของชาวฮบิ รูได้กลายมาเป็นศาสนาคริสต์ที่มีผ้นู บั ถือมากที่สดุ ในโลกปัจจบุ นั

97. อารยธรรมลุ่มแม่นา้ สินธุ เป็นอารยธรรมท่ีเก่าแก่แห่งหนง่ึ ของโลกมีความเจริญอยู่ระหวา่ ง4,000-2,500 ปีก่อนคริสต์ศกั ราชมีการค้นพบซากเมืองโบราณในที่ราบลมุ่ แม่นา้สนิ ธุคือเมืองฮารัปปา และเมืองโมเฮนโจดาโร โยสิ่งท่ีได้ค้นพบท่ีสาคญั ได้เก่ซากเมืองที่มีการวางผงั เมืองเป็นอยา่ งดี ตดั ถนนอยา่ งเป็นระเบียบมีทอ่ ระบายนา้ และบอ่ นา้ สาธารณะ อาคารบ้านเรือนของราษฎรมีการสร้างระเบียบ เคร่ืองมือทาด้วยกระดกู สตั ว์ อารยธรรมในดินแดนเอเชียใต้ท่ีสร้างสรรค์โดยชนเผ่าอารยนั สามารถแบ่งออกเป็นยคุ ต่างๆได้ดงั นี ้

10ยุคพระเวท(ประมาณ2,000-1,000 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช) คือ ช่วงแรกท่ีชาวอารยนั เริ่มเข้ามาในอนิ เดีย กลา่ วถงึ ความเป็นมาและวถิ ีชีวิตของชาวอารยนั วา่ สงั คมมีการแยกระหวา่ งพวกอารยนั และพวกดราวิเดียน มีการรวบรวมคมั ภีร์ฤคเวทซง่ึ เป็นบทสวดอ้อนวอนเทพเจ้าของชนเผ่าอารยยนั และมีการให้กาเนิดศาสนาพราหมณ์

11 ยคุ มหากาพย์ (ประมาณ1,000-500 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช) คือชว่ งท่ีชาวอารยนัได้ขยายอานาจของตนไปยงั แคว้นตา่ งๆ มีการก่อตงั้ เมืองตา่ งๆ ทงั้ ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก มีลกั ษณะคล้ายนครรัฐ เป็นอิสระไม่ขนึ ้ แก่กนั แต่ละเมืองมีกษัตริย์ปกครอง มีการนาระบบวรรณะมาใช้เพอ่ื แบ่งแยกชาวอารยนั และพวกดราวิเดียน โดยแบง่ เป็น 4 วรรณะ คือ พราหมณ์หรือนกั บวชกษัตริย์หรือพวกนกั รบ แพทย์หรือพอ่ ค้า ชาวนาเจ้าของท่ีดิน และศทู ร หรือพวกทาส จณั ฑาล คือ ผู้ท่ีทาผดิ กฎเกณฑ์ของระบบวรรณะ มีการประดษิ ฐ์ภาษาสนั สกฤตและเกิดวรรณคดีขนึ ้ หลายเร่ืองเช่น มหากาพย์มหาภารตะและมหากาพย์รามายณะ เป็นต้นเช่ือในเรื่องตรีมรู ติ คือ การมีพระเจ้าสงู สดุ 3 พระองค์ได้แก่ พระพรหม(ผ้สู ร้าง) พระวิษณ(ุ ผ้รู ักษา)และพระศิวะ(ผ้ทู าลาย) เกิดคมั ภีร์ของพราหมณ์อีก 3 เล่มคือเรียกวา่ ไตรเวท ประกอบด้วยคมั ภีร์สามเวทยชรุ เวทหรืออาถรรพเวท

12ยคุ ฮนิ ดเู ก๋า (ประมาณ550-320 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช)เป็นยคุ ที่มีความเชื่อในเร่ืองที่พระมหากษัตริย์เป็นสมมตเิ ทพมีการกาเนิดพระพทุ ธศาสนาและมีการกาเนิดศาสนาเชน

13สมัยพระพทุ ธศาสนา (ประมาณ320-100 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช)เป็นช่วงเวลาที่พระพทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สดุ ในสมัยจกั รวรรดเิ มาริยะท่ีก่อตงั้ โดยพระเจ้าจนั ทรคปุ ต์และสมยั ของพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงสนบั สนนุ พระพทุ ธศาสนาโดยทรงส่งสมณทตู ออกไปเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในดนิ แดนต่างๆ เป็นช่วงเวลาที่พระพทุ ธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองมากท่ีสดุ ในสมยั ของราชวงศ์พระเจ้ากนิษกะทรงทานบุ ารุงพระพทุ ธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองตอ่ มาเป็นยคุ ท่ีมีการเผยแผค่ าสอนไปยงั เอเชียตะวนั ออก ได้แก่ จีน ญ่ีป่ นุ

ยุคฮนิ ดใู หม่ (ประมาณ ค.ศ.320-550) สมยั จกั รวรรดคิ ปุ ตะเป็นช่วงเวลาที่อนิ เดียมีการ 14ฟืน้ ฟศู าสนาพราหมณ์ขนึ ้ มาใหม่เป็นยคุ ทองของอินเดียท่ีมีความเจริญสงู สดุ ทงั้ ทางด่านการปกครอง เศรษฐกิจ สงั คม การปกครองอาณาจกั รมีความเป็นหนง่ึ เดียวกนั ทงั้ จกั รวรรดิศาสนาพราหมณ์ได้รับการปรบปรุงฟืน้ ฟคู าสอนและศาสนาพทุ ธยงั มีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ด้านวรรณคดีวา่ เป็นยคุ ทองของวรรณคดีสนั สกฤต เทพนยิ าย นทิ าน สภุ าษิต

สมัยราชวงศ์โมกลุ (ค.ศ.1526-1858) เป็นยคุ สมยั ที่อนิ เดียตกอย่ภู ายใต้การ 15ปกครองของชาวมสุ ลิมมีความเจริญรุ่งเรืองสงู สดุ ในสมยั พระเจ้าอกั บาร์มหาราช เป็นยคุสดุ ท้ายที่จะตกเป็นอาณานคิ มของประเทศองั กฤษมีความเจริญท่ีสาคญั ได้แก่งานทางสถาปัตยกรรม เป็นศิลปะผสมฮนิ ดแู ละมองโลกท่ีมีชื่อเสียงคือทชั มากาล

อินเดยี ภายใต้การปกครองของประเทศอังกฤษ ในยคุ ของการล่าอาณานคิ มอนิ เดียได้ 16ตกเป็นเมืองขนึ ้ ขององั กฤษมาเป็นเวลานานได้นาวิทยาการของชาติตะวนั ตกเข้ามาเผยแพร่ในอนิ เดีย การผ่อนคลายกฎระเบียบทางสงั คมและมีการยกเลกิ ประเพณีที่ไม่ได้รับการยอมรับเชน่ การใช้มนษุ ย์บชู ายญั เป็นต้น สภาพสงั คม ระบบวรรณะที่เคยเข้มงวดในสงั คมอินเดียได้ผ่อนคลายลง มีการเลียนแบบวฒั นธรรมตะวนั ตกทงั้ การแตง่ กาย การศกึ ษาภาษาองั กฤษกลายเป็นภาษาราชการใช้ในอินเดีย องั กฤษได้ประกาศให้อิสรภาพแก่อนิ เดียหลงั สงครามโลกครัง้ ที่ 2 ในปี ค.ศ. 1948

8. อารยธรรมจนี อารยธรรมจีนเร่ิมปรากฏในบริเวณลมุ่ แม่นา้ เหลือง (แม่นา้ ฮ 17วงโห) ประมาณ 2000 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช ได้พฒั นาระดบั ความเจริญจากชมุ ชนยคุ หนิใหมไ่ ปสคู่ วามเป็นปึกแผ่นของรัฐเล็กๆ ก่อนจะรวมตวั กนั ในทางการเมืองเป็นอาณาจกั รและเป็นจกั รวรรดใิ นท่ีสดุ

อารยธรรมจนี ในสมัยก่อนประวัตศิ าสตร์ เป็น 18ดนิ แดนท่ีมนษุ ย์เข้ามาอาศยั ตงั้ แต่สมยั ดกึ ดาบรรพ์ประมาณ ค.ศ. 1972 คือ โครงกระดกู มนษุ ย์ปักก่ิง(Peking Man) ซง่ึ มีอย่ปู ระมาณ400000ส่วนอารยธรรมในยคุ หินใหม่ของจีน ได้ปรากฏจากการขดุ พบโบราณคดี 2 แห่ง1. วฒั นธรรมหวางเซา เป็นอารยธรรมแห่งแรก ของจีนต้งั อยใู่ นเขตที่ราบลุ่มแม่น้าหวงโห จนถึงแม่น้าแยงซีเกียง มีการขดุ พบซากโบราณ วรรณคดีเคร่ืองป้ันดินเผาที่มีสีแดง ประดบั ประดาลวดลายเป็นเสน้ ตรง รู้จกั การทา เคร่ืองมือเคร่ืองใชจ้ ากทองแดง2. วฒั นธรรมลงุ ซาน พบในท่ีมณฑลชานตุงทาง ตะวนั ออกเฉียงเหนือของจีนมีการขดุ พบ เครื่องป้ันดินเผาชนิดสามขาสีดาขดั มนั เป็นเงา

อารยธรรมจีนในสมยั ก่อนประวตั ศิ าสตร์ เป็นยคุ สมยั ท่ีมนุษยม์ ีความสามารถในการ 19ประดิษฐต์ วั อกั ษร เพือ่ ใชใ้ นการติดต่อซ่ือสารกนั โดยเริ่มจากราชวงศซ์ างเป็นตน้ มาราชวงศ์ซาง(ประมาณ 1766- 1122 ก่อนคริสตศ์ กั ราช)เป็นราชวงศแ์ รกท่ีปกครองจีนมีความเจริญรุ่งเรืองที่สาคญั ไดแ้ ก่การปกครอง เป็นแบบนครรัฐ กษตั ริยผ์ นู้ าการปกครองทหารและเศรษฐกิจ มีอานาจเหนือการปกครองแควน้ ต่างๆ มีการประดิษฐป์ ฏิทินในระบบจนั ทรคติมีการประดิษฐต์ วั อกั ษร การรู้จกั การใชส้ าริดมาประดิษฐเ์ ป็นเคร่ืองมือเครื่องใช้ เป็นตน้

ราชวงศ์โจว( ประมาณ 1122-249ก่อนคริสตศ์ กั ราช)ยคุ สมยั ราชวงศโ์ จว แบ่งเป็น 2ช่วงคือ โจ 20วตะวนั ตก (ประมาณ 770-256ก่อนคริสตศ์ กั ราช) มีศูนยก์ ลางการปกครองอยทู่ ่ีเมืองล่อหยางมีความเจริญท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ แนวคิดที่ยกยอ่ งจกั รพรรดิใหเ้ ป็นโอรสแห่งสวรรค์ มีการนาระบบศกั ดินามาใชใ้ นสงั คมจีนคร้ังแรกและเป็นยคุ ท่ีถือกาเนิดลทั ธิขงจ๊ือ ผใู้ หก้ าเนิด คือ ขงจื๊อ ซ่ึงสอนในเร่ืองคุณธรรมและจริยธรรม เนน้ การปฏิบตั ิตนใหถ้ ูกตอ้ งกบั ฐานะในสงั คมบุคคลมีหนา้ ที่ตอ้ งปฏิบตั ิตามหนา้ ที่ตนอยใู่ หด้ ีที่สุดตามหนา้ ที่ของตน คือ ผปู้ กครองทาหนา้ ที่ผปู้ กครอง ประชาชนทาหนา้ ท่ีของประชาชน เป็นตน้ พิธีกรรมและการบูชา เป็นการแสดงอออกที่ดีของมนุษย์ คือ ความกตญั ญูรูคุณ และความเกรงกลวั ต่ออานาจของชาติ การทาพธิ ีนามาซ่ึงความเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั และลทั ธิเต๋าผกู้ ่อต้งั ลทั ธิเต๋า คือ เล่าจ้ือมีคาสอนใหร้ ู้จกั รักความสงบสันโดษดาเนินชีวติ สอดคลอ้ งกบั ธรรมชาติ

21ราชวงศ์ฉิน (221-206ก่อนคริสตศ์ กั ราช ) การปกครองยกเลิกการปกครองระบบศกั ดินานาการปกครองแบบรวมอานาจเขา้ สู่ศนู ยก์ ลางมีเมืองเซียนหยางเป็นเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง ท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ การผลิตเงินตราแบบเดียวกนั เครื่องชงั่ ตวงวดั มาตรฐานเดียวกนั ระเบียบการเกบ็ภาษีที่ดินใหเ้ ป็นระบบเดียวกนั มีการสารวจสามะโนประชากรคร้ังแรกเพอื่ ทราบจานวนไพล่พลท่ีแทจ้ ริงสร้างพระราชวงั อนั ใหญ่โตมโหฬาร รูปป้ันทหารและมา้ ทาดว้ ยดินเผามีลกั ษณะเหมือนสิ่งมีชีวติ และการสร้างกาแพงเมืองจีนเพอื่ ป้องกนั การรุกรานชาวชนเผา่ เร่ร่อนทางเหนือ เป็นตน้

ราชวงศ์ฮ่นั (202 ก่อนคริสต์ศกั ราช-ค.ศ.220) เจริญรุ่งเรืองสงู สดุ ใน 22สมยั พระเจ้าหว่ตู ี ้(141-87 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช) พระองค์ทรงขยายดนิ แดนจีนออกไปกว้างขวาง มีการสอบคดั เลือกบคุ คลเป็นข้าราชการอาศยั ความรู้ความสามารถเป็นหลกั เป็นยคุ ทองการค้าของจีนมีการค้ากบั ตา่ งประเทศโดยใช้เส้นทางสายไหมและเป็นยคุ ท่ีพระพทุ ธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในแผน่ ดนิ เดียว

ราชวงศ์ถงั (ค.ศ.618-907) เป็นยคุ ทองขอจีนท่ีมีความเจริญรุ่งเรืองใน 23ทกุ ๆด้านทงั้ ในด้านเศรษฐกิจ ทงั้ ในด้านเศรษฐกิจทางการค้า การเจริญรุ่งเรืองของพระพทุ ธศาสนามรการส่งเสริมทางด้านการศกึ ษามีการสอบจอหงวน เป็นยคุ ทองทางด้านวรรณกรรม มีความมน่ั คงในด้านการปกครอง

24 ราชวงศ์ซ้อง (ค.ศ.960-1279) มีความเจริญก้าวหน้าในการเดนิ เรือสาเภาค้าขายทางทะเลและงานศิลปกรรมแขนงต่างๆ มีความก้าวหน้าในวิทยาการใหม่ๆ หลายอยา่ งก่อนชาตติ ะวนั ตก เช่น การใช้ลกู คดิ การใช้เขม็ ทศิ ในการเดินเรือการประดิษฐ์แท่นพมิ พ์หนงั สือ มีการประดิษฐ์ดนิ ปืน การผลิตถ้วยกระเบือ้ งท่ีมีวามงดงาม เป็นต้น

25 ราชวงศ์หยวน (ค.ศ.1279-1368) เป็นราชวงศ์ของชนเผ่ามองโกลท่ีเข้ามาปกครองจีน กษัตริย์ที่มีช่ือเสียง คือหงวนสีโจ๊วฮ่องเต้(หรือกบุ ไลข่าน) เป็นสมยั ที่จีนมีความเข้มแขง็ ทางด้านการปกครองเป็นจกั รวรรดทิ ่ียิง่ ใหญ่มีความเจริญทางด้านศิลปะการละครคืองวิ ้

ราชวงศ์หมิงหรือเหมง็ (ค.ศ.1368-1644) เป็นสมยั ที่จีนรุ่งเรืองด้าน 26การค้าและมีการฟืน้ ฟศู ลิ ปวฒั นธรรมสมยั ราชวงศ์ถงั ขนึ ้ มาใหม่อีกครัง้ มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการค้ากบั ต่างประเทศ ความเจริญทางด้านการค้ากบัตา่ งประเทศ ความเจริญทางด้านวรรณกรรมที่นยิ มเขียนนวนยิ ายที่ใช้ภาษาพดูมากกวา่ กรเขียน เป็นต้น

ราชวงศ์เช็งหรือชงิ (ค.ศ.1644-1912)เป็นชนเผา่ แมนจทู ่ีเข้ามา 27ปกครองจีนและเป็นราชวงศ์สดุ ท้ายของจีน ก่อนที่จะถกู ดร.ซนุ ยตั เซน ปฏิวตั ิเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐในปีค.ศ.1911 เป็นยคุ สมยั ท่ีจีนมีความเสื่อมถอยในทกุ ด้าน

99 บาท


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook