คำนำ โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล ๕” วัดคุรุราษฎร์บารุง ได้ดาเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี โครงการสร้าง ความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล ๕” ของ คณะกรรมการขบั เคลือ่ นโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใชห้ ลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล ๕” โดยยึดปณิธาน มีศีล มีสุข ปรองดอง สมานฉันท์ สามัคคี สันติสุข โดยการ ขบั เคลื่อนโครงการฯ ร่วมกันของคณะสงฆ์ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและพุทธศาสนิกชน เพ่ือให้ พุทธศาสนิกชนเข้าถึงหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างท่ัวถึง เกิดกระบวนการขับเคลื่อนโครงการ หมู่บ้านรักษาศีล ๕ ที่มีท่ีมีประสิทธิภาพ พระสงฆ์ ศาสนบุคคลและชุมชนได้รับการพัฒนาศักยภาพ และการเรียนรู้ตามหลักศีล ๕ และหลักพุทธธรรม เกิดภาคีเครือข่ายคณะสงฆ์ ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และพุทธศาสนิกชนในการรักษาศีล ๕ และดาเนินชีวิตตามแนวพระพุทธศาสนา การจดั กิจกรรมรักษาและเผยแผ่หลักศีล ๕ มีรูปแบบและวธิ ีการท่ีเหมาะสม ชุดความรู้ตามหลักศีล ๕ และหลักพทุ ธธรรมได้มกี ารเผยแผใ่ นสังคมอยา่ งกว้างขวาง จากการดาเนินโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทาง พระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศลี ๕” วัดครุ ุราษฎร์บารุง ส่งผลให้เกดิ การบรู ณาการจากทุกภาคสว่ น ชุมชน วัด โรงเรียน โดยยึดหลักบูรณาการร่วมกันในการบริหารงาน ภายใต้นโยบายของผู้นาชุมชน ผู้นาศาสนา และผู้นาท้องถ่ิน ในการท่ีจะก่อให้เกิดชุมชนคุณธรรมอย่างย่ังยืน หรือที่เรียนว่า “บวร” จึงไดร้ วบรวมข้อมูลเพื่อจัดทาเป็นเอกสารการดาเนินงานสาหรบั การสบื ทอดปณิธานต่อไป พระครูจนั ฺทธรรมโกวทิ เจ้าคณะตาบลหนองเต็ง ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจาตาบลหนองเตง็ วดั คุรรุ าษฎรบ์ ารุง
สำรบัญ ก บทนำ ๑ หมวดที่ ๑ ข้อมลู พนื้ ฐำน 1 1.1 ข้อมูลพนื้ ฐานหมบู่ ้าน 30 1.2 โครงการ/กจิ กรรมท่ีหมู่บ้านดาเนนิ การ 41 1.3 รางวัลเกยี รตคิ ุณทห่ี มูบ่ า้ นไดร้ ับในรอบ 3 ปี 43 1.4 ข้อมูลเก่ยี วกบั คดีความของหมบู่ า้ นในรอบ 3 ปี 44 1.5 ข้อมลู เก่ยี วกับยาเสพติดของหมู่บา้ นไม่สงบ 3 ปี 45 1.6 ขอ้ มูลการทะเลาะวิวาทและกอ่ ความไม่สงบในรอบ 3 ปี 46 1.7 ข้อมูลเกี่ยวกบั สาธารณสขุ ของหมู่บ้านในรอบ 3 ปี 47 หมวดท่ี 2 กจิ กรรมกำรส่งเสรมิ กำรรักษำศีล 5 ของหมบู่ ำ้ น 47 2.1 กิจกรรมการรักษาศีล 1 51 2.2 กิจกรรมการรักษาศลี 2 55 2.3 กิจกรรมการรกั ษาศลี 3 56 2.4 กจิ กรรมการรักษาศลี 4 58 2.5 กิจกรรมการรักษาศีล 5 60 หมวดท่ี 3 กิจกรรมกำรส่งเสรมิ วิถีวฒั นธรรมชำวพุทธ 60 3.1 กิจกรรมประเพณวี ัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนา 60 3.2 ประเพณีและอัตลักษณ์ทีโ่ ดดเด่นของหมบู่ ้าน 60 3.3 ปราชญ์ท้องถนิ่ หรอื บุคคลตวั อยา่ งของหมูบ่ ้าน
สำรบัญ(ต่อ) 67 หมวดที่ 4 กิจกรรมกำรบูรณำกิจกำรคณะสงฆแ์ ละกำรสร้ำงเครือขำ่ ยในพ้ืนท่ี 67 4.1 การส่งเสริมกิจกรรมของหนว่ ยอบรมประชาชนประจาตาบล (อ.ป.ต.) 87 4.2 การส่งเสริมการศึกษาและเรียนรู้ของหม่บู ้าน 90 4.3 การจัดการสิ่งแวดลอ้ ม/ขยะ 94 4.4 ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน (OTOP) ท่สี รา้ งรายไดใ้ หก้ ับหมูบ่ ้าน 97 4.5 การจดั สวสั ดกิ ารสังคมของหมู่บา้ น 100 4.6 การเสรมิ สรา้ งเครอื ข่ายในพน้ื ที่ (ในรอบ 3 ป)ี ภำคผนวก - คาสงั่ คณะสงฆ์ อาเภอกระสงั ที่ 2/2563 ลงวันท่ี 15 กนั ยายน 2563 - คาสั่งจงั หวดั บรุ รี ัมย์ ที่ 5003/2563 ลงวันท่ี 8 กนั ยายน 2563 - คาส่ังอาเภอกระสัง ท่ี 359/2563 ลงวันท่ี 15 กนั ยายน 2563 - คาสงั่ เทศบาลตาบลหนองเต็ง ที่ 731/2563 ลงวนั ท่ี 6 ตลุ าคม 2563
หน้า / ก บทนำ โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้าน รักษาศีล 5”เกิดขึ้นในปี 2557 จากสถานการณ์บ้านเมืองท่ีประสบปัญหาการกระทาผิดกฎหมาย ปัญหาอาชญากรรม การทาลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การระบาดของส่ิงเสพติดและ อบายมุข เน่ืองจากการขาดสติและจิตสานึกที่ดีศีลธรรมและคุณธรรมจริยธรรม อันจะส่งผลให้สังคม เกิดความขัดแย้ง คณะสงฆ์โดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ ป.ธ. 9) จึงมีดาริที่จะ สร้างเสริมความปรองดองและสมานฉันท์ของคนในชาติให้เกิดความสงบ โดยมุ่นเน้นให้ศาสนิกชนได้ น้อมนาหลักศีล 5 มาประพฤติปฏิบัติในการดาเนินชีวิตประจาวันสมดาริท่ีจ้าพระคุณฯ ได้ประทาน โอวาทไว้เมอ่ื วนั ท่ี 17 พฤศจิกายน 2556 ความว่า “อนั ว่าศลี 5 เป็นสาคญั มนุษย์ เมื่อทุกคนมศี ลี 5 ด้วยกัน สังคมน้ัน ๆ คอื ประชาชนยอ่ มจะ อยู่เย็นเปน็ สุข เมอื่ เปน็ ไปไดข้ อให้ช่ือหมบู่ ้านรักษาศลี 5” ระหว่างปี 2557 – 2560 โครงการฯ “หมู่บ้านรักษาศีล 5” ได้เสริมสร้างการเรียนรู้ เพือ่ ให้ชาวไทยไดส้ นใจน้อมนาหลักศีล 5 และหกพทุ ธธรรมไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตปราจาวนั โดยมงุ่ เน้น การดาเนินการเพ่ือให้เกิดการรอบรู้และพัฒนากิจกรรมการส่งเสริมการรักษาศีล 5 และส่งเสริมวิถี วฒั นธรรมเชงิ พุทธ ต่อมาในปี 2561 – 2565 ได้มุ่งเน้นการพัฒนาในเชิงคุณภาพ ภายใต้ความร่วมมือของ คณะสงฆ์ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ “เสริมสร้างคุณภาพชีวิต” และ “คุณภาพสงั คม” ของประชาชน โดยใชห้ ลักพทุ ธธรรมเป็นฐานในการดาเนนิ ชีวิต วัตถปุ ระสงคโ์ ครงกำร 1. เพ่ือถวายเป็นราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชนิ นี าถ และบรมวงศานุวงศ์ 2. เพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ลดปัญหาความขัดแย้ง สร้างความม่ันคงความ ปลอดภยั ในชีวติ และทรัพย์สินใหก้ ับประชาชนในประเทศ 3. เพ่ือส่งเสริมประชาชนให้นาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิต อย่างมคี วามสุขและคณุ ภาพชีวติ ที่ดี 4. เพื่อปลูกฝังจิตสานึกและสร้างความตระหนักรักและเชิดชูสถาบันชาติศาสนา พระมหากษตั รยิ ใ์ ห้เป็นสถาบันหลักของประเทศอยา่ งม่นั คง 5. เพื่อสนับสนุนการดาเนินการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์ภาครัฐและภาค ประชาคมทีเ่ ก่ียวข้อง วิสัยทศั น์ พันธกิจ ยทุ ธศำสตร์ วิสัยทศั น์ (Vision) มีศลี มีธรรม นาสงั คมสสู่ นั ตสิ ุข พันธกิจ 1. การเสริมสร้างการปรองดองสมานฉนั ท์โดยใช้หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา 2. การสง่ เสริมการรักษาศีล 5 และการดาเนนิ ชวี ติ ตามแนวพระพทุ ธศาสนา โครงการสร้างความปรองดองสมานฉนั ทโ์ ดยใช้หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมู่บา้ นรักษาศลี 5”
หน้า / ข 3. การสนับสนนุ การดาเนนิ การของหน่วยอบรมประชาชนประจาตาบล (อ.ป.ต.) ค่ำนิยม การรักษาศลี 5 สร้างคณุ ค่าของชีวิตและสงั คม ยทุ ธศำสตร์ ยุทธศาสตร์ที่ 1 สง่ เสรมิ สนับสนนุ ใหม้ ีกลไกในการขับเคลื่อนโครงการในทกุ ระดับ ยุทธศาสตรท์ ี่ 2 พฒั นาบุคลากรและชุมชนในการสนับสนุนการเผยแผ่หลักศีล 5 อยา่ งเพียงพอ ยุทธศาสตร์ท่ี 3 ส่งเสริม สนับสนุน การจัดกิจกรรมการเผยแผ่หลักศีล 5 ด้วยรูปแบบและ วธิ กี ารทห่ี ลากหลายในการพฒั นา ยุทธศาสตร์ที่ 4 ส่งเสริม สนับสนุน และสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการ รักษาศีล 5 และวิถวี ฒั นธรรมเชงิ พทุ ธ ผลลพั ธ์ทค่ี ำดหวงั 1.อตั ราการปฏบิ ตั ิตนตามศลี 5 และหลักธรรมศาสนาของพุทธศาสนกิ ชน 2.กระบวนการขับเคลือ่ นโครงการหมบู่ ้านรักษาศลี 5 มกี ระบวนการท่ีมปี ระสิทธภิ าพ 3.พระสงฆ์ ศาสนบุคคล และชุมชนได้รับการพัฒนาศักยภาพและการเรียนรู้ตามหลักศีล 5 และหลกั พทุ ธธรรม 4.เกิดภาคีเครอื ข่ายคณะสงฆ์ ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบนั การศึกษา และพทุ ธศาสนิกชนใน การรักษาศลี 5 และการดาเนนิ ชีวิตตามแนวพระพทุ ธศาสนา 5.การจดั กจิ กรรมการรกั ษาและเผยแผ่หลักศลี 5 มรี ปู แบบและวิธีการที่เหมาะสม 6.ชดุ ความรู้ตามหลักศีล 5 และหลกั พทุ ธธรรมไดม้ กี ารเผยแผใ่ นสังคมอย่างกว้างขวาง ผลกำรดำเนินงำนทีผ่ ่ำนมำ 1.1 ระยะท่ี 1 (2557 - 2560) เป็นการดาเนนิ การเพือ่ สง่ เสริมการเรยี นรู้ใหช้ าวไทยไดส้ นใจนอ้ มนาหลกั ศลี 5 และหลักพุทธธรรม ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน เพ่ือสร้างการรับรู้และพัฒนากิจกรรมการส่งเสริมการพัฒนาชีวิตตาม หลักศลี 5 กิจกรรมสง่ เสรมิ การดาเนนิ การดาเนินการของหน่วยอบรมประชาชนประจาตาบล (อ.ป.ต.) และกจิ กรมการสง่ เสริมวถิ วี ัฒนธรรมเชิงพุทธ ผลกำรดำเนินกำร พบว่า มีประชาชนสมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 14,435,024 คน คิดเป็นร้อยละ 63.04 ของประชากรในสังคมไทย ให้ผู้ท่ีสนใจเข้ามาร่วมกิจกรรม ส่วนการพัฒนา กจิ กรรมการส่งเสริมการพัฒนาชีวิตตามหลกั ศีล 5 ได้ดาเนินการในลกั ษณะต่าง ๆ เช่น การคิดดีทาดี พูดดี โดยมกี จิ กรรมสาคญั 7 ประการ คอื 1. กิจกรรมรักษาศลี 5 2. กจิ กรรมสวดมนตน์ งั่ สมาธิ 3. กจิ กรรมการรกั ษาความสะอาดบ้าน สภาพแวดลอ้ มใหน้ า่ อยู่ 4. กิจกรรมคบคนดรี อบข้าง ชวนกันทาความดี 5. กิจกรรมพูดไพเราะ ส่ือสารเพือ่ ประโยชน์และความสุข 6. กิจกรรมบาเพญ็ ตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ 7. กจิ กรรมช่ัวโมงสขุ จรงิ หนอ เพือ่ สร้างครอบครัวให้อบอุ่น โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใช้หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมู่บา้ นรกั ษาศีล 5”
หน้า / ค 1.2 ระยะท่ี 2 (2561 - 2565) มุ่งเน้นการส่งเสริมการรักษาศีล 5 ในเชิงคุณภาพ ให้พัฒนาและส่งเสริมหมู่บ้านรักษาศีล 5 ตน้ แบบ จังหวัดละ 5 หมู่บ้าน และพัฒนาให้มหี มู่บ้านต้นแบบในระดับอาเภอ ๆ ละ 1 หมู่บา้ น โดยมี กิจกรรมทสี่ าคัญ 3 ประการ คือ 1. การสง่ เสรมิ การรกั ษาศีล 5 2. การสง่ เสริมการดาเนนิ การหนว่ ยอบรมประชาชนประจาตาบล (อ.ป.ต.) 3. การส่งเสรมิ วถิ ีวัฒนธรรมเชิงพทุ ธ โดยมงุ่ เนน้ ให้ประชาชนประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมในการดาเนินชีวิตประจาวัน เพือ่ ให้หมู่บ้าน และชุมชนเกิดความรัก ความสามคั คี เสรมิ สรา้ งความปรองดองสมานฉนั ท์ ผลกำรดำเนินกำร ทาให้เกิดหมู่บ้านต้นแบบในทุกจังหวัด มีการดาเนินการตามกิจกรรมที่ สาคญั โดยปรากฏผล ดงั นี้ 1. การส่งเสริมการรักษาศีล 5 หมู่บ้านต้นแบบได้ดาเนินการ เช่น กิจกรรมการปล่อยนก ปล่อยปลา ไถ่ชีวิตโคกระบือ กิจกรรมสวัสดิการชุมชน กองทุนสัจจะออมทรัพย์ การอบรมเร่ืองสัจจะ การเคารพต่อบุคคลและสังคม กิจกรรมลด ละ เลิกอบายมุขและสารเสพติด กิจกรรมงดเหล้า เข้าพรรษา เป็นต้น ทาให้ประชาชนมกี ารพฒั นาตามหลกั ศีล 5 ที่เป็นรูปธรรมมากขึน้ โดยสามารถลด อัตราการทะเลาะวิวาท การทาร้าย การลกั ขโมย และคดอี าชญากรรมในชมุ ชนได้ 2. กิจกรรมส่งเสริมการดาเนินงานของหน่วยอบรมประชาชนประจาตาบล (อ.ป.ต.) โดย หมู่บ้านต้นแบบ ได้พัฒนากิจกรรม เช่น กิจกรรมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ อนามัยพัฒนาสัมมาชีพกลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชนของหมู่บ้าน (OTOP) กิจกรรมดารงชีวิตตามหลกั ปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพียง เปน็ ตน้ ทาใหป้ ระชาชนท่ีเขา้ ร่วมโครงการมีการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตทีด่ ี 3. กิจกรรมส่งเสริมวิถีวัฒนธรรมเชิงพุทธ หมู่บ้านต้นแบบ ได้ส่งเสริม กิจกรรมสาคัญทาง พระพุทธศาสนา กิจกรรมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสถาบัน พระมหากษตั รยิ ์ เปน็ ตน้ โดยภาพรวม หมู่บ้านต้นแบบและประชาชนมีจิตสานึกและได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบ มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมถิ่นกาเนิดของตนเอง ด้วยการสร้างความรักสามัคคี ความเข้าใจใน การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข เคารพในความคิดเห็นของกันและกัน มีความเอื้อเฟื้อ มีความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมท้ังเห็นคุณค่าและประโยชน์ในการนาหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนา มาดาเนนิ ชีวิตอยา่ งมีความสุข มติ ิในการขับเคล่ือนโครงการ พบว่า คณะสงฆ์ ภาครฐั ภาคประชาสังคมและภาคีท่ีเก่ียวข้อง ในทุกจังหวัดมีกระบวนการขับเคล่ือนโครงการในระดับที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยมีการ ดาเนินการ เชน่ 1. การต้ังคณะกรรมการการร่วมดาเนินงานจากภาคส่วนต่าง ๆ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด นายอาเภอ และผนู้ าท้องถ่นิ เขา้ ร่วมขับเคล่อื น 2. การต้ังศูนย์ประสานโครงการระดับจังหวัด โดยมอบหมายให้สานักงานเจ้าคณะจังหวัด และสานกั งานพระพทุ ธศาสนาจงั หวัดร่วมกนั เป็นศนู ยป์ ระสานงาน 3. การจัดทาฐานข้อมูลของหมู่บ้านรักษาศีล 5 เช่น จานวนวัด หมู่บ้าน ผู้ทรงคุณวุฒิ มคั นายก เยาวชน โรงเรยี น และประชาชนทีเ่ ขา้ รว่ มโครงการ เปน็ ต้น โครงการสร้างความปรองดองสมานฉนั ทโ์ ดยใชห้ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หม่บู า้ นรักษาศีล 5”
หนา้ / ง 4. การส่งเสริมกิจกรรมการรักษาศีล 5 และส่งเสริมวิถีวัฒนธรรมเชิงพุทธ เพ่ือให้ประชาชน วดั หมบู่ า้ น ได้ปฏิบัตติ ามหลกั ศลี 5 ในพ้ืนที่ 5. การพัฒนาศักยภาพพระสงฆ์ ศาสนบุคคล และชุมชน เพ่ือการเรียนรู้ตามหลักศีล 5 และ หลกั พุทธธรรม 6. การพัฒนาชุดความรู้และรูปแบบการเผยแผ่หลักศีล 5 และพุทธธรรมโดยวิธีการท่ี เหมาะสมกบั การเรยี นรใู้ นทกุ ชว่ งทกุ วัย 7. การเช่ือมโยงเครือข่ายในพื้นท่ีโดยสามารถยกระดับการขับเคลื่อนโครงการของคณะสงฆ์ และภาคีเครอื ขา่ ยที่เกี่ยวข้องใหม้ ีความเข้มแข็ง เพ่อื การพฒั นาสังคมท่นี ่ังยนื ตามแนวพระพุทธศาสนา โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉนั ท์โดยใช้หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมบู่ ้านรกั ษาศีล 5”
หนา้ / ๑ หมวดที่ ๑ ขอ้ มลู พ้นื ฐาน 1.1 ขอ้ มลู ทว่ั ไปของอำเภอกระสงั อาเภอกระสังเดิมเปน็ หมบู่ ้านเล็ก ๆ ชอื่ น้ี มาจาก คาว่า “กระซ้อต” แปลว่า ยากจน บ้านนี้ขึ้นตรงกับตาบลสองชั้น อาเภอเมืองบุรีรัมย์ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ได้ยกฐานะเป็นตาบล กระสัง และโดยที่ตาบลกระสงั เปน็ ทต่ี ั้งสถานีรถไฟเป็นยา่ นทีม่ ีความเจริญขนึ้ ตามลาดับ จึงได้จัดตั้งข้ึน เป็นกิ่งอาเภอเม่ือปี พ.ศ. ๒๔๙๕ มีตาบลอยู่ในเขตการปกครอง ๓ ตาบล คือ ตาบลกระสัง ตาบล สองช้ัน ตาบลลาดวน ต่อมาได้รับการยกฐานะเป็นอาเภอโดยใช้ชื่อว่า “อาเภอกระสัง” เม่ือวันท่ี ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๐๑ โดยมี นายสมบรู ณ์ ไทยวัชรามาศ เปน็ นายอาเภอคนแรก เหตุที่มีชื่อว่า กระสัง ก็เพราะว่ามีต้นกระสังเป็นจานวนมาก (ต้นกระสังเป็นต้นไม้มี หนาม ใบเล็ก ๆ คล้ายใบมะขาม แต่ยาวกว่า และใบหนากว่า ใบของต้นกระสังใช้ปรุงอาหารมีรส เปรี้ยว จึงนิยมนามาปรุงอาหาร มีกล่ินหอมและรสอร่อยกว่า เม่ือก่อนต้นกระสังมีจานวนมาก เป็น ต้นไม้ที่ทนต่อความแห้งแล้งเป็นอย่างดี นอกจากนี้ใบของต้นกระสังเอามาต้มเอาน้ากินแก้โรคช้าในได้ ลูกกระสัง มีลักษณะกลม นามาปรุงอาหาร มีกลิ่นหอม รสออกเปร้ียว จึงนิยมนามาแทนส้มหรือ มะนาว นาผลกระสังมาตาให้ละเอียด เสกคาถา นะโมพุทธายะ เอาผ้าขาวที่สะอาดกรองละลายกับ น้าปล่อยน้าให้ใสเอามาหยอดตาแก้โรคตาแดงในตอนต้นสมัยกรุงศรีอยุธยา) ประชาชนบ้านกระสัง เดิมเป็นชาวเขมร จากเมืองนครธม อพยพมาอยู่อาศัยตั้งรกราก ในราว พ.ศ. ๑๘๙๖ ในสมัยพระเจ้า อู่ทอง โดยขุนหลวงพะง่ัว ยกกองทัพมาตีเขมร คนหนีทัพไทยมาตั้งอยู่ที่บ้านกระสังประมาณ ๑๗ ครัวเรือน เพราะเห็นว่าบ้านกระสังมีทาเลดี เคยเป็นเมืองเก่า เคยเป็นเมืองร้างมานานมีต้นไม้ข้ึน ปกคลุมกลายเป็นดง สัตว์ป่ามีมากมาย และมีดงอยู่ทางทิศตะวันออกบ้านเรียกว่า ดงขะเวียง อาหาร การกินหางา่ ย มีน้าท่าบริบรู ณเ์ พราะอยู่ใกลค้ ลองหรือหว้ ยเรยี กว่า ห้วยจะเมิง ซึ่งอยูท่ างทศิ ตะวนั ตก และทางเหนือวัดท่าสวา่ ง ต่อมาเกดิ โรคระบาด คนอพยพไปอยทู่ ี่บ้านเมอื งไผ่ บา้ นกระสังก็กลายเป็น เมืองร้าง ในช่วงประมาณ พ.ศ. ๒๐๐๐ จนถึง ๒๓๔๕ เป็นเวลาสามร้อยกวา่ ปี หมู่บ้านกลายเป็นป่ามี ตน้ ไม้เกิดขึน้ หนาแนน่ มชี า้ งมาอยู่มากมาย ต้นไม้ท่ีมีมากท่ีสุดคอื ไม้ไผ่ปา่ มีชาวส่วย (กูย) จากจังหวัด สุรินทร์กลับมาจากคล้องช้างได้มาเห็นบ้านกระสังมีทาเลดี พากันมาจับจองอยู่อาศัย ต่อมาภายหลัง มีคนจากจังหวัดสุรินทร์ และจากอาเภอพิมาย อพยพมาอยู่เพิ่มขึ้น ในราว พ.ศ.๒๓๒๐ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อครั้งดารงพระยศเป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้เคย เสด็จมาในพ้ืนที่อาเภอกระสัง ไดน้ าทหารมาซุ่มนอนพกั ท่ีดงขะเวียงทางตะวันออกบ้านกระสังแล้วยก ทัพไปตีเมืองขุขันธ์จังหวัดศรีสะเกษ จนถึง พ.ศ. ๒๓๕๑ ชาวบ้านกระสัง อดอยากเน่ืองจากฝนแล้ง ผู้คนจึงพากันอพยพไปอยู่ท่ีอื่นที่อุดมสมบูรณ์กว่าบ้านกระสังก็กลายเป็นบ้านร้างอีกคร้ัง ในสมัย รัชกาลท่ี ๖ ประมาณ พ.ศ. ๒๔๕๓ คนจากจังหวัดสุรินทร์ บ้านสองช้นั บ้านเมืองไผแ่ ละบ้านหว้ ยราช ได้อพยพมาอยทู่ ีบ่ ้านกระสังเป็นจานวนมากขึ้น เพราะพ้นื ที่ของบ้านกระสังเหมาะในการทาการเกษตร คือการทานา และเม่ือประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๔ ได้มีการสร้างทางรถไฟมาถึงบ้านกระสัง พอต้ังสถานี รถไฟกระสัง มีรถไฟว่ิงผ่าน คนก็อพยพมาอยู่มากเกือบทุกสารทิศ มีท้ังชาวอินเดียและชาวจีนท่ี อพยพมาจากแผ่นดินใหญ่ มาอยู่ทบ่ี ้านกระสังแห่งน้ี สมัยนั้นเขตอาเภอกระสัง ทง้ั หมดเป็นหมู่บ้านข้ึน ตรงต่อตาบลห้วยราช แต่ก่อนเมืองแปะยังไม่มี ยังคงข้ึนตรงต่อนครราชสีมา ต่อมาทางราชการได้ต้ัง โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมบู่ ้านรกั ษาศลี 5”
หนา้ / ๒ จังหวัดบุรรี มั ย์ (เมอื งแปะ) ขึน้ เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๖๘ บ้านสองชนั้ ไดย้ กฐานะขึ้นเปน็ ตาบล บ้านกระสงั ก็ ไปขึ้นตาบลสองชน้ั ตอ่ มาทางราชการได้ยกฐานะบ้านกระสังขึ้นเป็นตาบลโดยข้ึนกบั อาเภอเมืองบุรีรัมย์ กานันที่ได้รับเลือกคือกานันไกร สุขอนันต์ และยกฐานะบ้านลาดวนขึ้นเป็นตาบลเหมือนกัน กระสังมี ความเจริญก้าวหน้าข้ึนตามลาดับ มีประชากรเพ่มิ ขน้ึ เร่ือย ๆ ผู้ว่าราชการจังหวดั บรุ ีรมั ย์ในสมยั น้ันคือ ขุนอารีย์ ราชการันต์ ได้เห็นว่าบ้านกระสังมีความเจริญ มีคนต้ังร้านค้าอยู่มากมายสินค้าท่ีข้ึนชื่อของ อาเภอกระสัง ในสมัยน้ันคือข้าวเปลือก พ่อค้าคนกลางซื้อข้าวเปลือกได้ส่งขาย ที่กรุงเทพมหานคร ทางตู้รถไฟผู้ว่าราชการจังหวัดได้เสนอต่อกระทรวงมหาดไทยให้ต้ังตาบลกระสังเป็นก่ิงอาเภอ ผ้วู ่าราชการจงั หวัดไดส้ ั่งให้กานันไกร สุขอนันต์ จัดหาท่ีดนิ เพ่ือจะปลูกสร้างที่ว่าการกิ่งอาเภอ กานนั ก็ ไดจ้ ัดเอาทาเลทปี่ ลูกสรา้ งอยูใ่ นปัจจุบันนี้ โดยมี นายสมบูรณ์ ไทยวัชรามาศ เปน็ นายอาเภอคนแรก ประวัติศาสตรส์ าคัญของอาเภอกระสงั การเสด็จเยือนพ้ืนที่ของพระมหากษตั รยิ ์และ พระบรมวงศานวุ งศ์ การเสด็จพระราชดาเนนิ จงั หวัดบรุ ีรัมย์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๒๒ เวลา ๑๐.๒๕ น.พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราช ดาเนิน โดยรถยนต์พระที่นั่งจากที่ประทับแรม โครงการชลประทานห้วยเสนง ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สรุ ินทร์ เพ่อื ทรงเยี่ยมราษฎร อ.กระสงั จ.บุรรี มั ย์ โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใช้หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หม่บู ้านรกั ษาศลี 5”
หน้า / ๓ จากรปู เมอ่ื วันที่ ๑๘ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ เวลา ๑๔.๐๕ น. พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ รและสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ เสด็จฯ ทรงเยย่ี มราษฎร ชาวอาเภอกระสัง จงั หวัดบรุ ีรมั ย์จดุ แรก ณ บ้านกดุ ใหญ่ ตาบลหนองเตง็ อาเภอกระสงั จงั หวัดบรุ รี มั ย์ ระหว่างทางเสด็จฯ ในวันดังกล่าว ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ ทรงทอดพระเนตร ราษฎรท่ีกาลังลอกปออยรู่ ิมหนองกุดใหญ่ บ้านกุดใหญ่ ต.หนองเต็ง ทั้งสองพระองค์จึงลงจากรถยนต์ พระท่ีนั่ง พระราชดาเนินเข้าไปสอบถามทุกข์สุขราษฎรผู้นั้น และทรงประทับบนพ้ืนดินอย่างไม่ถือ พระองค์ จากน้ัน จึงเสด็จฯ โดยรถยนต์พระท่ีนั่งต่อไปยัง บ้านกะนัง ต.บ้านปรือ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพื่อทรงเย่ียมราษฎรที่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่ในบริเวณ วัดอินทรบูรพา และมีพระราชดารัสกับ พระภิกษุด้วย ทั้งน้ีก่อนที่จะเสด็จฯ กลับ จังหวัดสุรินทร์ ระหว่างทางได้ทรงพระราชดาเนินไป ทอดพระเนตร หนองกะนัง และมีพระราชดาริให้ กรมชลประทานพิจารณาก่อสร้างอ่างเก็บน้า ใน ลาน้าชีน้อย เพื่อประโยชน์สาหรับเพาะปลูกและใช้สอย ตลอดจนส่งน้าอีกส่วนหนึ่งมาเติมลงใน หนองปรอื หนองกุดใหญแ่ ละหนองกดุ ควง นอกจากนี้ยังทรงพระราชทานพระราชดารใิ ห้เจ้าหน้าที่ กรมชลประทานให้พจิ ารณา ปรับปรุง หนองกุดใหญ่และหนองกุดควง ให้เป็นอ่างเก็บน้าถาวรสามารถส่งน้าให้กับพ้ืนที่เพาะปลูก โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใช้หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมู่บา้ นรกั ษาศลี 5”
หนา้ / ๔ และเพ่ือการอุปโภคบริโภคได้ตลอดทั้งปี ในเขตพื้นที่บ้านกุดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง นายสมพงษ์ ดีล้อม อดีตผู้อานวยการโรงเรียนบ้านบัวถนน ตาบลสูงเนิน อาเภอกระสัง ผู้ท่ีได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลท่ี ๙ ตั้งแต่ต้นจนเสด็จฯ กลับ นายสมพงษ์ ได้เขียนบันทึกถึงสิ่งท่ีเกิดขึ้นใน วนั น้นั วา่ “ในหลวงว่าไม่ต้องใช้ราชาศัพท์ใด ๆ ให้พูดภาษาธรรมดา ท่ีมาน้ีไม่ได้มาเป็น ทางการ มาเพ่ือเย่ียมเยียนพ่อแมพ่ ี่น้องเป็นการสว่ นตัวเท่านั้น ในหลวงใส่พระทัยในเรอื่ งของแหล่งน้า มากจะกางแผนที่และใช้ดินสอสีแดงวงตามจุดต่าง ๆ ในแผนท่ีแล้วตรัสว่า มีท่ีใดพอจัดทาแหล่งน้าให้ พ่อแม่พี่น้องใช้ประโยชน์ นอกจากน้ียังสนพระทัยในสุขภาพอนามัยของชาวบ้าน ถามว่า พ่ีน้องเรามี เจบ็ ไข้ไดป้ ่วยบ้างไหม เดีย๋ วจะให้หนว่ ยแพทยม์ าตรวจรักษาโรคให้ชาวบ้าน” นายสมพงษ์ กล่าวว่า หลังจากในหลวงเสด็จกลับประมาณ ๓ ปี แหล่งน้าตาม พระราชดารเิ กิดข้นึ ดงั น้ี ๑. ฝายนา้ ลน้ พระราชดาริ และโครงการสบู น้าด้วยไฟฟา้ เพอื่ การเกษตร ๒. อ่างเก็บนา้ วัดบา้ นกะนงั ๓. ฝายหว้ ยตาราง ๔. ฝายหว้ ยหนองเตง็ ๕. ฝายห้วยตาสิบ ๖. อา่ งเก็บนา้ วดั ปทุมคงคา ๗. อ่างเก็บน้ากุดใหญ่และที่อ่ืน ๆ อีก ครบทุกแห่งท่ีพระองค์ทรงขีดสีแดงในแผนที่ ก่อให้เกดิ ประโยชน์ แก่พ่อ แม่ พ่ีนอ้ ง ชาวไร่ ชาวนา ตามทพี่ ระองคต์ รสั ทกุ ประการ คาขวัญอาเภอ แผ่นดินธรรมลานา้ ชี ประเพณชี นสามเผ่า ชุมชนเก่าเมอื งโบราณ กรอบหอมหวานกระยาสารท หัวผักกาดอบนา้ ผ้ึง รสน่าทง่ึ หมย่ี า งามผา้ ไหมพ้ืนเมอื ง โครงการสร้างความปรองดองสมานฉนั ท์โดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศลี 5”
หนา้ / ๕ ขอ้ มลู พนื้ ฐานของหมู่บ้านและประชากร ท่ตี ั้งและอำณำเขต อาเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งอยู่ทิศตะวันออกของจังหวัดบุรีรัมย์ ห่างจาก จังหวัดบุรีรัมย์ ระยะทาง ๓๕ กิโลเมตร ตามเส้นทางบุรีรัมย์ – สุรินทร์ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๒๖) มอี าณาเขตติดต่อดังน้ี ทศิ เหนือ ตดิ ต่อกับ อาเภอสตึก จงั หวดั บรุ ีรมั ย์ ทิศใต้ ตดิ ต่อกับ อาเภอพลับพลาชยั จังหวดั บุรรี มั ย์ ทิศตะวันออก ตดิ ตอ่ กับ อาเภอเมอื งสุรนิ ทร์ จงั หวดั สุรินทร์ ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ตอ่ กับ อาเภอห้วยราช และอาเภอเมอื งบุรีรัมย์ จงั หวดั บรุ รี ัมย์ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ ลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นท่ีราบสูง ลักษณะดินโดยทั่วไปเป็นดินร่วนปนทราย เหมาะสาหรับทาการเกษตรกรรม ซง่ึ ประชากรส่วนใหญ่ก็มีอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะ ทานาขา้ ว ลกั ษณะภมู ิอำกำศ มีนาคม – มถิ ุนายน ฤดรู ้อน ตงั้ แต่เดือน กรกฎาคม – ตลุ าคม ฤดูฝน ตงั้ แตเ่ ดือน พฤศจกิ ายน - กมุ ภาพันธ์ ฤดูหนาว ต้งั แต่เดือน ข้อมลู ประชำกร อาเภอกระสัง มีประชากรท้ังส้ิน ๑๐๒,๐๗๘ คน แบ่งเป็น ชาย ๕๐,๖๙๑ คน หญิง ๕๑,๓๘๗ คน จานวนครัวเรือน ๒๓,๙๖๕ หลังคาเรือน ความหนาแน่นเฉลี่ยต่อพ้ืนท่ีประมาณ ๑๕๗.๙๐ คน ตอ่ ๑ ตารางกิโลเมตร โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉนั ทโ์ ดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บา้ นรกั ษาศลี 5”
หน้า / ๖ รปู แผนท่ีอาเภอกระสัง พื้นทีอ่ ำเภอกระสัง มีเนื้อทปี่ ระมาณ ๖๕๒.๗๐๐ ตารางกิโลเมตร หรอื ประมาณ ๔๐๗,๙๓๗.๕๐ ไร่ โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมู่บ้านรกั ษาศลี 5”
หน้า / ๗ จำนวนประชำกร จำนวนครวั เรือนของอำเภอกระสงั แยกตำมรำยตำบล ตำบล ชำย จำนวนประชำกร รวม จำนวนครวั เรือน ๕,๗๙๘ หญิง ๑๑,๖๐๘ กระสัง ๕,๗๖๔ ๕,๘๑๐ ๑๑,๕๑๐ ๔,๖๔๕ ลำดวน ๖,๑๓๒ ๕,๗๔๖ ๑๒,๒๖๘ ๒,๙๓๓ สองชัน้ ๔.,๓๓๐ ๖,๑๓๖ ๘,๖๗๒ ๒,๙๕๑ กนั ทรำรมย์ ๔,๔๒๔ ๔,๓๔๒ ๙,๐๔๕ ๒,๑๒๔ บ้ำนปรือ ๖,๑๐๔ ๔,๖๒๑ ๑๒,๓๖๖ ๒,๔๒๓ หนองเตง็ ๓,๔๙๙ ๖,๒๖๒ ๗,๑๘๑ ๒,๙๗๘ หว้ ยสำรำญ ๒,๑๖๕ ๓,๖๘๒ ๔,๔๙๐ ๑,๖๔๓ ศรภี มู ิ ๓,๖๘๐ ๒,๓๒๕ ๗,๒๑๑ ๑,๐๓๖ เมืองไผ่ ๓,๓๓๔ ๓,๕๓๑ ๖,๗๔๗ ๑,๖๕๖ ชมุ แสง ๕,๔๖๑ ๓,๔๑๓ ๑๐,๙๘๐ ๑,๖๓๕ สูงเนนิ ๕,๕๑๙ ๒,๕๕๑ แผนภมู แิ สดงจานวลประชากร จำนวนประชำกร ๕,๐๐๐ ๔,๖๔๕ ๔,๕๐๐ ๔,๐๐๐ ๒,๙๓๓๒,๙๕๑ ๒,๙๗๘ ๒,๕๕๑ ๓,๕๐๐ ๑,๖๕๖๑,๖๓๕ ๓,๐๐๐ ๒,๑๒๔๒,๔๒๓ จำนวนประชำกร ๒,๕๐๐ ๒,๐๐๐ ๑,๖๔๓ ๑,๕๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๓๖ ๕๐๐ ๐ โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใช้หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บา้ นรกั ษาศลี 5”
หนา้ / ๘ ขอ้ มลู ดำ้ นกำรปกครอง กำรปกครองท้องที่ แบ่งเขตการปกครองตามกฎหมายพระราชบัญญัติลักษณะ การปกครองท้องที่ พระพทุ ธศกั ราช ๒๔๕๗ มจี านวนท้งั สน้ิ ๑๑ ตาบล ๑๖๘ หม่บู า้ น ดงั น้ี ท่ี ตำบล จำนวน (หมู่บ้ำน) ๑ กระสงั ๒๑ ๒ ลาดวน ๑๘ ๓ สองช้นั ๑๗ ๔ กนั ทรารมย์ ๑๒ ๕ บ้านปรอื ๑๕ ๖ หนองเต็ง ๑๘ ๗ ห้วยสาราญ ๑๔ ๘ ศรีภูมิ ๙ ๙ เมืองไผ่ ๑๓ ๑๐ สูงเนนิ ๑๙ ๑๑ ชุมแสง ๑๒ กำรปกครองท้องถิ่น ประกอบดว้ ย เทศบาลตาบล ๔ แห่ง และองค์การบรหิ ารส่วนตาบล ๘ แห่ง ดังนี้ ที่ องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ ครอบคลมุ พน้ื ท่ี ๑ เทศบาลตาบลกระสัง (หมูบ่ ำ้ น) ๒ เทศบาลตาบลอดุ มธรรม ๔ ๓ เทศบาลตาบลสองชนั้ ๑๗ ๔ เทศบาลตาบลหนองเต็ง ๑๗ ๕ องค์การบรหิ ารสว่ นตาบลลาดวน ๑๘ ๖ องค์การบริหารสว่ นตาบลกันทรารมย์ ๑๘ ๗ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลบ้านปรือ ๑๒ ๘ องคก์ ารบริหารส่วนตาบลหว้ ยสาราญ ๑๕ ๙ องคก์ ารบริหารส่วนตาบลศรีภูมิ ๑๔ ๑๐ องค์การบริหารส่วนตาบลชุมแสง ๙ ๑๑ องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลเมอื งไผ่ ๑๒ ๑๒ องคก์ ารบริหารส่วนตาบลสงู เนิน ๑๓ ๑๙ โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมูบ่ ้านรักษาศลี 5”
หนา้ / ๙ ข้อมูลด้ำนคมนำคม - กำรคมนำคมติดต่อระหว่ำงอำเภอและจังหวัด รวมท้ังการคมนาคมใน อาเภอ ตาบลและหมู่บ้าน ดังนี้ ๑. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๒๖ ระหว่างอาเภอกระสัง – อาเภอเมือง บุรีรมั ย์ ระยะทาง ๓๕ กโิ ลเมตร และอาเภอกระสงั - อาเภอเมืองสรุ นิ ทร์ ระยะทาง ๓๐ กโิ ลเมตร ๒. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๒๐๘ ระหว่างอาเภอกระสัง - อาเภอ พลับพลาชัย อาเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ระยะทาง ๒๘ กิโลเมตร และ ๔๔ กิโลเมตร ตามลาดบั ทำงรถไฟ มีรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือจากกรุงเทพมหานคร ถึง อุบลราชธานี ผ่าน พื้นที่ตอนกลางของอาเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยขบวนจะว่ิงผ่านสถานีรถไฟจังหวัดบุรีรัมย์ สถานีรถไฟอาเภอกระสัง และสถานีรถไฟตาบลหนองเต็ง จังหวัดบุรีรัมย์ เข้าสู่จังหวัดสุริน ทร์ จงั หวัดศรสี ะเกษและจงั หวัดอบุ ลราชธานี ตามลาดับ มขี บวนรถไฟผ่าน ๒๔ เท่ียวตอ่ วนั กำรตดิ ตอ่ สอื่ สำร ท่ีทาการไปรษณียแ์ ละโทรเลข จานวน ๑ แห่ง ทที่ าการไปรษณีย์เอกชนสาขา จานวน ๑ แหง่ โทรศัพทส์ าธารณะทางไกลและระบบสัญญาณดาวเทียม จานวน ๒๔ แห่ง โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์โดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมบู่ ้านรักษาศลี 5”
หน้า / ๑๐ ด้ำนสำธำรณูปโภค การไฟฟา้ มีหน่วยบรกิ ารด้านไฟฟ้า โดยสานกั งานเขตไฟฟา้ ส่วนภูมิภาค จานวน ๑ แหง่ ปจั จบุ นั สามารถขยายเขตบริการไฟฟ้าครบทุกหมู่บา้ น ข้อมูลดำ้ นสำธำรณสุข - โรงพยาบาล จานวน ๑ แหง่ - โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพตาบล จานวน ๑๗ แห่ง - ร้านขายยาแผนปจั จุบนั จานวน ๕ แหง่ - คลินิกแพทย์ จานวน ๒ แหง่ - คลินกิ การผดุงครรภ์ จานวน ๙ แห่ง - คลินกิ การพยาบาลและผดงุ ครรภ์ จานวน ๗ แหง่ กำรปอ้ งกนั และปรำบปรำมอำชญำกรรม ในเขตรับผดิ ชอบของสถำนีตำรวจภูธรกระสงั ประกอบด้วยตาบลกระสงั , ตาบล บ้านปรือ, ตาบลสูงเนนิ , ตาบลสองชน้ั , ตาบลเมืองไผ่, ตาบลหนองเต็ง และตาบลกนั ทรารมย์ ในเขตรับผิดชอบของสถำนีตำรวจภูธรลำดวน ประกอบด้วยตาบลลาดวน, ตาบลศรภี มู ิ, ตาบลห้วยสาราญ, ตาบลชุมแสง กำรพำณิชย์ สถานีบริการน้ามันเชื้อเพลิง จานวน ๑๒ แหง่ เป็นสถานีบริการ ขนาดใหญ่ จานวน ๒ แห่ง ไดแ้ ก่ ปัม๊ บางจาก ธนาคาร จานวน ๓ แห่ง คือ ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร (ธกส.), ธนาคารออมสนิ , ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกสิกรไทย สหกรณ์การเกษตร จานวน ๒ แห่ง ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรกระสัง และ สหกรณ์สตรอี าเภอกระสงั มีรา้ นคา้ สะดวกซอื้ จานวน ๒ ร้าน ได้แก่ เทสโกโลตสั , เซเวน่ อเี ลฟเวน่ รา้ นเกมอินเตอรเ์ นต็ จานวน ๗๘ แห่ง ห้างสรรพสินคา้ จานวน ๓ แห่ง กำรอุตสำหกรรม มีโรงงำนอตุ สำหกรรมท่ีสำคญั คอื บริษัทน้ามันราข้าวสุรินทร์ ท่ีต้ัง ๑๙๘ หมู่ที่ ๒ ตาบลหนองเต็ง อาเภอ กระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ห้างหุ้นส่วนจากัดนวอิฐไทย ท่ีตั้ง ๑๓/๑ หมู่ท่ี ๑ ตาบลหนองเต็ง อาเภอ กระสัง จังหวัดบรุ ีรัมย์ กำรทอ่ งเท่ียว อนุสรณ์ สถานแห่งการเสด็จ พระราชดาเนินของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ใน “การบาบัดทุกข์ บารุงสุข” ณ วัด อิ น บู รพ า บ้ าน ก ะนั ง ห มู่ ท่ี ๔ ต าบ ล บ้ าน ป รือ อาเภ อ ก ระสั ง จั งห วัด บุ รีรัม ย์ โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใช้หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หม่บู า้ นรกั ษาศลี 5”
หน้า / ๑๑ เม่ือวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๒๒ ซ่ึงเป็นการเรียนรู้ประวัติการเสด็จพระราชดาเนินประกอบพระราช กรณยี กิจของพระองคใ์ นพนื้ ท่ีจงั หวัดบรุ ีรัมย์ ก่อสรา้ งเมือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ อนุสรณ์สถานแห่งการเสด็จ พระราชดาเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ใน “การบาบัดทุกข์ บารุงสขุ ” ณ วัดอนิ บูรพา บา้ นกะนัง หมู่ท่ี ๔ ตาบลบ้านปรือ อาเภอกระสงั จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๒๒ ซึ่งเป็นการเรียนรปู้ ระวัติการเสด็จพระ ราชดาเนินประกอบพระราชกรณียกิจของพระองค์ในพ้ืนท่ีจังหวัดบุรีรัมย์ ก่อสร้างเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๕๐ อ่างเก็บน้า หว้ ยสวายตง้ั อยูท่ ี่หมู่ท่ี ๖,๗,๑๓ บา้ นจอม ตาบลสองชั้น อาเภอกระสงั จงั หวัดบุรรี ัมย์ ลาน้าชี เป็นแหล่งน้าแบ่งเขตจังหวัดบุรีรัมย์ และ จังหวัดสุรินทร์ อยู่ทางทิศ ตะวันออกของอาเภอกระสัง ซึ่งเป็นลาน้าท่ีไหลผ่านอาเภอประโคนชัย อาเภอพลับพลาชัย อาเภอ กระสัง ลงสู่ลาน้ามลู อาเภอสตกึ แหล่งทอ่ งเท่ยี วเชิงอนรุ กั ษ์ บริเวณตามแนวป่าสงวนฝ่งั แมน่ า้ ชแี ละปา่ บา้ นบวั ถนน โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์โดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมบู่ า้ นรกั ษาศีล 5”
หนา้ / ๑๒ โครงกำรตำมแนวพระรำชดำริที่สำคญั ๑. โรงเรียนในสมเด็จพระเทพรัตนาราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เพ่ือส่งเสริม ระบบสหกรณ์และอาหารเสริมนักเรียนและในโรงเรียนบ้านโคกสูง หมู่ที่ ๓ ตาบลศรีภูมิ อาเภอ กระสัง จงั หวัดบุรรี มั ย์ ๒. โครงการส่งเสริมศูนย์ศิลปาชีพอาเภอกระสัง เป็นโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดาริในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สิริกิติ์ เมื่อคร้ังเสด็จพระราชดาเนินท่ีบ้านยาง หมู่ที่ ๔ ตาบลลาดวน วันท่ี ๒๖ ธันวาคม ๒๕๓๖ สถานที่ตั้ง บ้านบุ หมู่ท่ี ๑๑ ตาบลลาดวน อาเภอ กระสัง กิจกรรมสาคัญ ได้แก่ การส่งเสริมสมาชิกปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและทอผ้าไหม ตามพระราช เสาวนยี ์ฯ ปจั จุบันในความรบั ผิดชอบดูแลของ จทบ.บร./ท่ที าการปกครองอาเภอ/สานักงานพัฒนาชุน ชนอาเภอ/องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นในพืน้ ที่ ๓. โครงการฟาร์มตั วอย่างตามแนวพ ระราชดาริในสมเด็จพ ระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถสิริกิติ์ เม่ือครั้งเสด็จพระราชดาเนินโครงการส่งเสริมศูนย์ศิลปาชีพอาเภอกระสัง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นการขยายผลเพ่ือเป็นแหล่งเรียนรู้การพัฒนาอาชีพต้นแบบเกษตรกรรมและ อาชีพเสริมอ่ืน ๆ โดยเป็นการปลูกหม่อนเล้ียงไหมและเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดาริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สถานทีต่ ้งั บ้านกระเจา หมู่ที่ ๑๑ ตาบลลาดวน อาเภอกระสัง อตั ลักษณข์ องอำเภอ อาเภอกระสังเป็นชุมชนท่ีมีหลายเผ่าพันธุ์ ได้แก่ เขมร ส่วย ลาว ซ่ึงมีวิถีชีวิต ทางด้านการเกษตรเป็นหลัก รักความสงบ และอยู่ร่วมกันภายใต้วัฒนธรรมประเพณีที่สอดคล้อง กลมกลืน ดังคาขวัญ “แผ่นดินธรรมลำน้ำชี ประเพณีชนสำมเผ่ำ ชุมชนเก่ำเมืองโบรำณ กรอบ หอมหวำนกระยำสำรท หัวผกั กำดอบนำ้ ผ้ึง รสน่ำท่งึ หมีย่ ำไทย งำมผำ้ ไหมพืน้ เมอื ง” ข้อมลู ดำ้ นเศรษฐกิจ ข้อมลู ดำ้ นเกษตรกรรม พ้ืนที่เพาะปลูก จานวน ๒๗๙.๒๕๔ ไร่ ผลผลติ เฉลย่ี จานวน ๔๕.๑๘๐ ก.ก./ไร่ จานวนครัวเรือนทีเ่ พาะปลูก/ผลิต จานวน ๒๒.๘๓๔ ครัวเรอื น โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใช้หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมบู่ า้ นรักษาศลี 5”
หน้า / ๑๓ ๑) ทานา ประกอบรอ้ ยละ ๗๐.๐๐ ๒) ทาไร่อ้อย ประกอบรอ้ ยละ ๑.๐๐ ๓) ปลูกยางพารา ประกอบรอ้ ยละ ๑.๐๐ ๔) ทาไร่มนั สาปะหลัง ประกอบรอ้ ยละ ๑.๐๐ ๕) เลีย้ งสัตว์ ประกอบรอ้ ยละ ๒๕.๐๐ ๖) อ่ืน ๆ ประกอบรอ้ ยละ ๒.๐๐ ประชากรมรี ายไดเ้ ฉลีย่ /คน/ปี ประมำณ ๓๖,๖๔๖.๗๙ บำท ◊ ผลติ ภัณฑ์สินค้ำชุมชนในพืน้ ท่ี (OTOP) ประกอบด้วย ๑) กล่มุ สตรที อผา้ วัดบา้ นกระโดนไมแ้ ดง ตาบลลาดวน ๒) กลมุ่ สตรผี ้าไหมนาราใหญ่ ตาบลสองชนั้ ๓) กลุ่มทอผา้ สมาชกิ โครงการส่งเสริมศิลปาชีพอาเภอกระสัง ๔) กลุม่ ทอผ้า/ผา้ พันคอไหมลายรงั ผ้งึ ตาบลเมอื งไผ่ ๕) กลุ่มปนั้ เตาหุงตม้ มหาเศรษฐกิจ ตาบลศรีภมู ิ ๖) กลมุ่ ตดั เย็บผา้ ห่มนวม ตาบลสูงเนนิ ๗) กลุ่มแปรรปู สมนุ ไพรสตรีบ้านระกาใต้ ตาบลบา้ นปรอื ๘) กลุ่มส่งเสริมอาชีพตัดเยบ็ เส้อื ผา้ สาเรจ็ ตาบลกันทรารมย์ ๙) กลมุ่ ตเี หล็กบ้านติม ตาบลศรีภมู ิ ๑๐) กลุม่ สตรที อผา้ ไหมบา้ นโคกสูง ตาบลศรภี มู ิ ๑๑) กล่มุ สตรผี ลิตนา้ ยาอเนกประสงค์ ตาบลกนั ทรารมย์ ๑๒) สถาบนั ฝกึ อบรมและพัฒนาอาชพี ในชุมชนเทศบาลตาบลกระสงั ◊ ด้ำนกำรศึกษำ ๑) สถานศกึ ษาโรงเรยี นระดบั มธั ยมศึกษา จานวน ๓ แห่ง ๒) โรงเรยี นระดับประถมและขยายโอกาส จานวน ๕๘ แห่ง ๓) ศนู ยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ จานวน ๒๖ แห่ง ◊ ด้ำนศำสนำ ๑) วดั จานวน ๖๘ แห่ง ๒) สานกั สงฆ์ จานวน ๒ แห่ง ◊ ด้ำนประเพณวี ฒั นธรรม ๑) อาเภอกระสัง มีประเพณีวัฒนธรรม คือ การจัดงานวันหัวผักกาดขาว ของดีเมืองกระสังและงานกาชาดประจาปี ในชว่ งเดือนกุมภาพนั ธ์ เป็นประจาทกุ ปี ข้อมลู ดำ้ นทรพั ยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม ระบบสภำพทำงทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ◊ ควำมอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ ได้แก่ อาเภอกระสังมีลาน้าชีซึ่งเป็นแหล่ง น้าตามธรรมชาติที่ไหลผ่านอาเภอประโคนชัย อาเภอพลับพลาชัย อาเภอกระสัง และอาเภอสตึก ซ่ึง บริเวณพื้นท่ีท่ีอยู่ติดกับลาน้าชีเป็นพื้นท่ีราบลุ่ม เป็นพื้นที่ชุ่มน้า เหมาะสมกับการปลูกข้าวหอมมะลิ แต่หากปีใดมีพายุพัดผ่านและมีฝนตกหนักจะทาให้บริเวณดังกล่าวมีน้าท่วมซ้าซากและสร้างความ เสียหายตอ่ ผลติ ผลทางการเกษตรเปน็ อย่างมาก โครงการสร้างความปรองดองสมานฉนั ทโ์ ดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หม่บู า้ นรกั ษาศีล 5”
หนา้ / ๑๔ ◊ ทรัพยำกรธรรมชำติ ปจั จุบันอาเภอกระสังมีพืน้ ทส่ี าธารณประโยชนห์ ลายแหง่ ซ่ึง บางแห่งถูกราษฎรทาการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ และบางแห่งยังคงสภาพเป็นป่าชุมชน ปัจจุบัน คงเหลอื เปน็ สภาพป่าชมุ ชน ประมาณ ๑๑,๒๐๐ ไร่ ◊ สภำพส่ิงแวดล้อม อาเภอกระสังมีลกั ษณะเป็นสภาพสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีผลกระทบ ต่อประชาชนในพื้นที่ ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม ไม่มีปัญหาน้าเน่าเสียแต่อย่างใด เน่ืองจากประชาชน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น ทานา ทาไร่อ้อย ปลูกยางพารา ปลูกมันสาปะหลัง เล้ียง สตั ว์ อาชพี รบั จา้ ง และอนื่ ๆ ขอ้ มลู พน้ื ฐำนของตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวดั บุรรี ัมย์ ส่วนที่ 1 สภำพทั่วไปและข้อมูลพืน้ ฐำน 1. ด้ำนกำยภำพ 1.1 ทตี่ ั้งของหมูบ่ ้ำนหรอื ชุมชนหรือตำบล (แผนท่ีประกอบ) ตาบลหนองเต็ง เป็นตาบลหน่ึงในสิบเอ็ดตาบลของอาเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ห่างจาก ทวี่ า่ การอาเภอทางทิศตะวนั ออกประมาณ 8 กิโลเมตรอาณาเขตตดิ ต่อกับตาบลต่าง ๆคือ ทศิ เหนือ ตดิ ต่อกับตาบลชมุ แสง อาเภอกระสงั ทิศใต้ ติดต่อกับตาบลบา้ นปรือ อาเภอกระสัง ทิศตะวันออก ตดิ ตอ่ ลานา้ ชีเขตอาเภอเมอื ง จังหวัดสรุ ินทร์ ทิศตะวนั ตก ติดตอ่ กับตาบลกระสงั อาเภอกระสงั พน้ื ท่ีส่วนใหญ่เป็นที่ราบมีความลาดเทจากทิศตะวนั ออกไปทางทศิ ตะวันตกเมื่อถึงฤดูฝน น้าจะไหลทว่ มไรน่ าของราษฎรเน่ืองจากตดิ เขตลาน้าชี โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์โดยใชห้ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมบู่ า้ นรักษาศลี 5”
หน้า / ๑๕ 1.2 ลกั ษณะภูมิอำกำศ ตาบลหนองเต็งอยู่ในแถบของลมมรสุมเขตร้อน ลักษณะของลมฟ้าอากาศและ ปริมาณน้าฝน จะขึ้นอยู่กับอิทธิพลของลมมรสุมเป็นสาคัญ ฤดูกำล มี 3 ฤดู ในแต่ละฤดูจะมี ชว่ งเวลาไม่คงทแ่ี น่นอน ข้ึนอยกู่ ับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และอิทธพิ ลของลมมรสุมเป็นหลกั แต่ โดยทั่ว ๆ ไป พอสรุปได้ดงั น้ี ฤดูร้อน อยู่ระหว่างช่วงเดือน กุมภาพันธ์ หรือมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม อากาศ รอ้ น อบอ้าวและรอ้ นจัดมากในบางชว่ งสง่ ผลให้เกิดความแหง้ แลง้ โดยท่ัวไป ฤดฝู น อยู่ระหวา่ งเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน ถงึ เดือนตลุ าคม ปรมิ าณน้าฝนไม่ แนน่ อน บางปีฝนมาก บางปีฝนนอ้ ย ฤดูหนำว อยู่ระหว่างช่วงเดือนตุลาคม หรือพฤศจิกายน ถึงเดือนมกราคม ความ หนาวเยน็ ในแต่ละปีข้นึ อย่กู บั อิทธิพลของลมมรสุมตะวนั ออกเฉยี งเหนือและร่องความกดอากาศ 1.3 ลกั ษณะของดนิ เป็นดนิ เหนยี วและดินร่วนปนทรายเหมาะสาหรบั ทาการเกษตรและเพาะปลกู ขา้ ว 2. ด้ำนกำรเมือง/กำรปกครอง 2.1 เขตกำรปกครอง ตาบลหนองเตง็ ประกอบดว้ ยจานวนหม่บู ้าน 18 หมู่บา้ น 3,094 ครวั เรือน อยู่ ในเขตเทศบาลตาบลหนองเต็ง ทง้ั หมด ได้แก่ หมทู่ ี่ 1 บา้ นหนองเต็ง จานวน 155 หลังคาเรอื น หมู่ท่ี 2 บา้ นโนนแดง จานวน 338 หลังคาเรอื น หมทู่ ี่ 3 บ้านละลนู จานวน 153 หลังคาเรือน หมู่ที่ 4 บ้านโคกขม้ิน จานวน 118 หลังคาเรอื น หมู่ที่ 5 บ้านหว้าเหนอื จานวน 260 หลังคาเรือน หมู่ที่ 6 บา้ นจาน จานวน 245 หลังคาเรอื น หมู่ที่ 7 บ้านเสมด็ จานวน 210 หลงั คาเรอื น หมูท่ ี่ 8 บา้ นหนองเตง็ น้อย จานวน 205 หลงั คาเรือน หมทู่ ่ี 9 บ้านหว้าใต้ จานวน 184 หลงั คาเรือน หมู่ท่ี 10บ้านชาแระ จานวน 53 หลังคาเรอื น หมูท่ ่ี 11 บา้ นหนองแวง จานวน 179 หลงั คาเรอื น หมู่ที่ 12 บ้านมะระ จานวน 267 หลังคาเรอื น หมทู่ ี่ 13 บ้านทางโคง้ จานวน 53 หลังคาเรือน หมทู่ ี่ 14 บา้ นหนองขาม จานวน 174 หลังคาเรือน หมทู่ ี่ 15 บา้ นตะครอง จานวน 141 หลังคาเรือน หมู่ท่ี 16 บ้านหนองทานบ จานวน 114 หลังคาเรอื น หมทู่ ่ี 17 บ้านหนองเตง็ ใหญ่ จานวน 180 หลงั คาเรือน หมู่ท่ี 18 บ้านตะโก จานวน 65 หลงั คาเรอื น โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์โดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมู่บ้านรกั ษาศีล 5”
หนา้ / ๑๖ 2.2 กำรเลือกตงั้ การเลือกตง้ั ผ้บู รหิ าร (นายกเทศมนตรี 1 คน รองนายกเทศมนตรี 2 คน เลขานกุ ารนายกเทศมนตรี 1 คน ทป่ี รกึ ษานายกเทศมนตรี 1 คน ) การเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาเทศบาล แบ่งเปน็ 2 เขตการเลือกต้ัง แบง่ เปน็ เขตละ 6 คน รวม 12 คน 3. ประชำกร (ข้อมูล ณ เดอื น มถิ นุ ายน 2562) 3.1 ข้อมูลเก่ียวกับจำนวนประชำกร - ประชากรทง้ั สิ้น จานวน 12,399 คน หม่ทู ่ี ชือ่ หมู่บ้ำน จำนวน ประชำกร รวม(คน) ท่ี ครวั เรอื น ชำย (คน) หญงิ (คน) 1 บา้ นหนองเต็ง 616 155 284 332 1,237 338 657 2 บา้ นโนนแดง 153 627 610 394 118 1,115 3 บ้านละลนู 260 312 345 1,007 245 851 4 บา้ นโคกขมน้ิ 210 181 213 863 205 775 5 บา้ นหวา้ เหนอื 184 523 592 233 53 643 6 บา้ นจาน 179 503 504 1,081 267 203 7 บา้ นเสมด็ 53 415 436 693 174 566 8 บ้านหนองเต็งนอ้ ย 141 424 439 415 114 765 9 บ้านหวา้ ใต้ 180 378 397 285 65 12,399 10 บา้ นชาแระ 3,094 126 107 11 บา้ นหนองแวง 313 330 12 บา้ นมะระ 546 535 13 บา้ นทางโค้ง 101 102 14 บ้านหนองขาม 323 370 15 บา้ นตะครอง 275 291 16 บา้ นหนองทานบ 208 207 17 บ้านหนองเต็งใหญ่ 370 395 18 บ้านตะโก 157 128 รวม 6,066 6,333 โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉนั ทโ์ ดยใช้หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมบู่ า้ นรักษาศีล 5”
หน้า / ๑๗ ขอ้ มูลเกีย่ วกับจำนวนประชำกรข้อมูลเปรยี บเทยี บยอ้ นหลัง 3 ปี 3.2 ชว่ งอำยุและจำนวนประชำกร 3,487 คน แรกเกดิ - 20 ปี อายุ 21 – 40 ปี 3,767 คน อายุ 41 – 60 ปี อายุ 61 – 80 ปี 3,506 คน อายุ 81 – 100 ปี 1,414 คน 215 คน 4. สภำพทำงสังคม 4.1 กำรศึกษำ - โรงเรียนระดับประถมศกึ ษา 9 แหง่ - โรงเรียนขยายโอกาสมธั ยมศึกษาตอนต้น 3 แหง่ - ศนู ย์พัฒนาเดก็ เล็ก ๕ แหง่ - ท่อี า่ นหนงั สือพมิ พป์ ระจาหมบู่ า้ น/หอ้ งสมดุ ประชาชน 9 แห่ง 4.2 สำธำรณสุข - โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพฯ 2 แห่ง 4.3 อำชญำกรรม - 4.4 ยำเสพตดิ ปญั หายาเสพตดิ มพี ้ืนทีเ่ ผ้าระวัง คอื - หมทู่ ่ี 3 บา้ นละลนู - หมู่ที่ 5 บา้ นหว้าเหนือ - หม่ทู ี่ 15 บ้านตะครอง โครงการสร้างความปรองดองสมานฉนั ทโ์ ดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หม่บู า้ นรักษาศีล 5”
หน้า / ๑๘ 4.5 กำรสงั คมสงเครำะห์ - ผู้ปว่ ยตดิ เตยี ง จานวน 16 คน 5. ระบบบรกิ ำรพน้ื ฐำน 5.1 กำรคมนำคมขนสง่ - เส้นทางหลักทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข 226 จานวน 1 เส้นทาง - เส้นทางติดต่อระหวา่ งอาเภอ-ตาบลมคี วามยาว 16 กโิ ลเมตร - รถไฟสายอุบลราชธานี - กรุงเทพฯ 5.2 กำรไฟฟำ้ - มีไฟฟ้าใช้ครบทุกหมบู่ ้าน จานวน 3,094 ครวั เรือน 5.3 กำรประปำ - มีระบบประปาบาดาลหมบู่ ้าน จานวน 18 หมู่บ้าน 5.4 โทรศพั ท์ - ปจั จบุ นั ทุกหมบู่ ้าน ใชโ้ ทรศัพท์เคล่ือนท่เี ปน็ ส่วนใหญ่ 5.5 ไปรษณีย์หรือกำรส่ือสำรหรือกำรขนสง่ และวสั ดุ ครุภัณฑ์ -ท่ที าการไปรษณีย์ ไดแ้ ก่ ท่ีทาการไปรษณีย์สาขากระสงั ต้ังอยู่ อาเภอกระสัง จังหวดั บรุ รี มั ย์ ห่างจากตาบลหนองเต็ง ประมาณ 8 กโิ ลเมตร 6. ระบบเศรษฐกจิ 6.1 กำรเกษตร - ประชากรส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 70 ประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้แก่ ทานา ปลกู ผกั ขา้ วโพด ปลูกมันสาปะหลัง ทเ่ี หลอื ประกอบอาชีพสว่ นตัวและรบั จา้ ง 6.2 กำรประมง - 6.3 กำรปศสุ ัตว์ - ตาบลหนองเตง็ มีการปศสุ ตั ว์ คือ การเล้ยี งโค กระบือ และการเลย้ี งสกุ ร 6.4 กำรบรกิ ำร 1 แห่ง - ปั๊มน้ามัน 11 แห่ง - โรงงาน 33 แห่ง - โรงสี (ขนาดเลก็ ) 78 แห่ง - รา้ นคา้ โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมบู่ ้านรักษาศีล 5”
หน้า / ๑๙ 6.5 กำรทอ่ งเทย่ี ว - ตาบลหนองเตง็ มี หมู่บา้ นท่องเทย่ี ว OTOP นวตั วถิ ี 3 หมบู่ า้ น ได้แก่ 1) บา้ นโคกขม้นิ หม่ทู ี่ 4 2) บา้ นตะครอง หมทู่ ่ี 15 3) บา้ นหนองเต็งใหญ่ หมู่ท่ี 17 6.6 อตุ สำหกรรม - 6.7 กำรพำณชิ ยแ์ ละกลมุ่ อำชีพ - กล่มุ เลย้ี งไส้เดอื น หม่ทู ี่ 15 - กล่มุ ทอผา้ ไหมด้วยสธี รรมชาติ หมู่ที่ 17 - กล่มุ ดอกไม้ประดษิ ฐ์ หมู่ท่ี 15 - กลมุ่ ขนมนางเล็ด หมู่ท่ี 14 - กลมุ่ ทอเส่ือกก หมูท่ ่ี 1 6.8 แรงงำน - ประชากรส่วนใหญป่ ระมาณรอ้ ยละ 70 ประกอบอาชีพทาการเกษตรกรรมได้แก่ ทานา ปลกู ผกั ขา้ วโพด ปลูกมนั สาปะหลัง ที่เหลอื ประกอบอาชพี ส่วนตัวและรบั จ้าง 7. ศำสนำ ประเพณี วัฒนธรรม 7.1 กำรนบั ถือศำสนำ - ประชาชนส่วนใหญน่ ับถือศาสนาพุทธ 7.2 ประเพณีและงำนประจำปี - งานประเพณี งานบญุ บง้ั ไฟบ้านจาน ช่วงเดอื น เมษายน – พฤษภาคม - งานประเพณี แซนโฎนตา ช่วงเดือน กันยายน – ตุลาคม - งานประจาปี งานสรงนา้ ผูส้ ูงอายุและสรงน้าพระ จัดขน้ึ ในเดอื น เมษายน 7.3 ภูมปิ ญั ญำท้องถน่ิ ภำษำถน่ิ - ภูมิปัญญาท้องถิ่นคือ การทาบายศรีจากใบตอง เครื่องจักสาน ทอผ้า ย้อมผ้า ภาษาถ่นิ คือ ภาษาเขมร ส่วย ลาว 7.4 สินคำ้ พื้นเมืองและของที่ระลกึ - ผ้าไหม พืชผักทป่ี ลกู โดยประชากรในตาบล 8.ทรัพยำกรธรรมชำติ 2 สาย 8.1 นำ้ 44 แห่ง - ลาหว้ ย, ลานา้ 5 แห่ง - บึง, หนองและอ่นื ๆ 26 แหง่ - ฝายน้าล้น - บอ่ นา้ ต้ืน โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใช้หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมบู่ า้ นรักษาศลี 5”
หนา้ / ๒๐ 8.2 ปำ่ ไม้ - พ้นื ทีต่ าบลหนองเต็ง มีปา่ ชุมชนบา้ นจาน 1 แหง่ 8.3 ภูเขำ - พื้นที่ตาบลหนองเตง็ ไม่มีภเู ขา 8.4 ทรพั ยำกรธรรมชำตทิ ่ีสำคญั ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ - ป่ำชุมชนบ้ำนจำน หมู่ท่ี 6 ป่าชุมชนบ้านจาน เป็นป่าสาธารณะประโยชน์ริมฝ่ังลา น้าชี ต้ังอยู่หมู่ท่ี 6 ตาบลหนองเต็ง อาเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ มีพ้ืนที่ประมาณ 2,200 ไร่ มีเขต ยาวตามลาน้าชี โดยมีลาน้าชีไหลขนาบข้าง ลักษณะของดินเป็นดินร่วนปนดินเหนียว เป็นป่า ธรรมชาติ มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นป่าเต็งรัง พันธ์ุไม้ท่ีขึ้นอยู่จะเป็นไม้เต็ง รัง เหียง พลวง มะค่าแต้ ออ้ ยช้าง ไม้ชั้นล่างที่มีอยู่ เช่น หญ้าเพ็ก ปอขี้ตุ่น และหญ้าแฝก พืชอาหารและพืชสมุนไพรท่ีพบ เช่น กระเจียว เปราะหอม ผักหวาน ผักติ้ว และเห็ดชนิดต่าง ๆ สัตว์ป่าท่ีพบได้แก่ อ่ึงอ่าง แย้ กิ้งก่า และ นกชนิดตา่ ง ๆ ประโยชนท์ ่ไี ด้รับจำกป่ำชุมชนบ้ำนจำน เปน็ แหลง่ อาหาร เช่น เห็ด ไข่มดแดง พืชผกั สมุนไพร เป็นแหลง่ เรยี นรูแ้ ละศึกษาวจิ ัยของนักเรยี น นกั ศึกษาและบุคคลทั่วไป ไดร้ บั การยกยอ่ งชมเชยจากภาครฐั และเอกชน เปน็ แหลง่ ท่องเที่ยวพักผ่อนหยอ่ นใจแก่ประชาชนที่อยใู่ กลเ้ คยี ง เปน็ เสมือนกาแพงคอยกั้นนา้ ไมใ่ ห้ลานา้ ชไี หลหลากเข้าท่วมพน้ื ท่กี ารเกษตรของ ชมุ ชน ข้อมูลพืน้ ฐำนบ้ำนหนองเต็งใหญ่ หมู่ท่ี 17 ตำบลหนองเตง็ อำเภอกระสัง จงั หวัดบุรรี มั ย์ ประวตั ิและควำมเปน็ มำ แรกเร่ิมเดิมเป็นโคกมีป่าเต็งรัง มีหนองน้าและสัตว์ป่าซุกชุมมีต้นเต็งขนาดใหญ่ประมาณ 5 คนโอบ เดิมเรยี กว่าดงเขวียง (ป่าเว้ิงวา้ ง) ประมาณปี 2451 หลวงปู่อวง ปัจฉิมปัญโญ เจ้าอาวาสวัด สง่างาม ตาบลคอโค อาเภอเมือง จังหวัดสุรนิ ทร์ ซึ่งเป็นเกจิชอื่ ดังได้จาริกเพ่ือไปเยี่ยมเพ่ือนสหธรรมมิกวัด เมืองไผ่ และเมืองโพธิ์ (อาเภอห้วยราช) ผ่านมาเห็นแหล่งน้าขนาดพอเหมาะปลายน้าไหลลงสู่ห้วย ก้านเหลือง จึงปิดก้ัน (ปัจจุบันคือหนองทานบเนื้อที่ ๖๙ ไร่ ๑ งาน ๘๙ ตารางวา) ได้ชักชวนแนะนา ให้ลูกศิษย์ ลูกหลาน อพยพต้ังถิ่นฐาน เดิมท่ีประชาชนกลุ่มนี้อยู่ในบ้านขาม และเขตตาบลคอโค อาเภอเมอื ง จังหวดั สุรินทร์ อพยพมาครั้งแรก ประมาณ 15 ครอบครัว หวั หน้าครอบครวั หลัก มี 1. พอ่ พุ่ม กกรัมย์ 2. พอ่ แย้ม สุริเย 3. พอ่ เนตร การกระสัง 4. พอ่ คุม กกรัมย์ 5. พ่อทพิ ย์ กกรัมย์ 6. พ่อเมย 7. พ่ออุ สรุ เิ ย โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉนั ทโ์ ดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมูบ่ ้านรักษาศลี 5”
หนา้ / ๒๑ ในปี 2453 หลวงปู่อวง ปัจฉิมปัญโญญ ได้ทาพิธีสร้างหลักเมืองโดยใช้ ท่อนไม้แดง ลงอักขระขอม (ซึ่งบูรณะซ่อมแซมใหม่ปี 2529 ยังปรากฏไม้ลงอักขระ วันเดือน/ปี ชัดอยู่) เพื่อเป็น ขวญั กาลังใจประชาชนยึดอาชีพเกษตรกรรม ทานา ทาไร่ และเลี้ยงสตั ว์ เม่ือเป็นหมู่บ้านเรียกช่ือตามภาษาถิ่นว่า (เซราะปูร) หรือบ้านหนองเต็ง ขึ้นการปกครองกับ ตาบลสองช้ัน อาเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ต่อมาแยกการปกครองเป็น ตาบลกระสัง ก็ขึ้นอยู่กับ ตาบลกระสงั เปน็ หมทู่ ี่ 2 ต่อมาปี 2506 ได้แยกการปกครอง เป็นตาบลหนองเต็ง ต้ังแต่บัดน้ันจนถึงปัจจุบัน โดยมี ผู้ใหญ่ แย้ม สุริเย เป็นผู้ใหญ่บ้าน คนแรก กานัน สวาท จันทร์ศรี เป็นกานันตาบลหนองเต็งคนแรก ปจั จบุ ัน นายชตุ ิเดช บวรรตั นกุล เป็นกานนั ประชาชนนับถือศาสนาพุทธ พูดภาษาถิน่ พ้ืนบ้าน (เขมร) มีวัด 1 แห่ง คือวัดคุรุราษฎร์บารุง สร้างขึ้นในปี 2490 มีพระครูสิริศสีลวิมล (หลวงพ่อเชย จันทสริ ิ) เจ้าอาวาสรูปแรก โรงเรียนบ้านหนองเต็ง สร้างข้ึนปี พ.ศ.2491 เดิมสร้างในวัด มีนายใส ปะสุข เป็นครูใหญ่ สถานีอนามัย (โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตาบลหนองเต็ง) ๑ แห่ง เป็นสถานที่ศึกษา สถานท่ีปฏิบัติธรรม สถานท่ีรักษาดูแล สขุ ภาพเบ้อื งตน้ ปจั จุบนั บา้ นหนองเตง็ ขยายชุมชนมากขึ้น จึงไดแ้ ยกการปกครอง เป็น 5 หมูบ่ า้ น คือ 1. บา้ นหนองเตง็ หมูท่ ่ี 1 2. บ้านหนองแวง หมู่ท่ี 11 3. บ้านหนองขาม หมทู่ ี่ 14 4. บา้ นหนองทานบ หมูท่ ี่ 16 5. บา้ นหนองเต็งใหญ่ หมทู่ ่ี 17 สำธำรณูปโภค แหล่งน้า มีแหล่งนา้ อปุ โภคบริโภค 3 แหง่ 1. หนองทานบ หมทู่ ี่ 16 2. หนองน้า หมู่ที่ 17 3. หนองน้า หมทู ่ี 14 กำรประปำหมู่บำ้ น มรี ะบบประปาผิวดิน จานวน ๑ แหง่ ไฟฟ้ำ มไี ฟฟ้า ใชร้ ้อยละ 100 เมอ่ื เปรียบเทยี บกับจานวนครัวเรอื น อำณำเขตบำ้ นหนองเต็งใหญ่มอี ำณำเขตตดิ ตอ่ ดังนี้ ทิศเหนือ ตดิ ตอ่ กับบา้ นหนองขาม หมู่ท่ี 14 ทศิ ใต้ ติดตอ่ กับบา้ นหนองเต็ง หมู่ที่ 1 ทศิ ตะวันออก ตดิ ต่อกับบา้ นหนองขาม หมู่ท่ี 14 ทศิ ตะวนั ตก ติดต่อกับบา้ นหนองทานบ หมู่ที่ 16 โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมบู่ ้านรักษาศลี 5”
หน้า / ๒๒ ลกั ษณะภูมิประเทศ ลกั ษณะภูมิประเทศ เป็นที่ราบสงู ตอนลา่ ง ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พืน้ ทีเ่ ป็นที่ราบไม่มี ภูเขาหรือเนินสงู ลกั ษณะภมู ิอำกำศ 1. ฤดูกาล ไดร้ บั อทิ ธิพลจากลมฟ้าอากาศ 3 ฤดูกาล คอื ฤดูฝน ฤดหู นาว ฤดูร้อน 2. อุณหภมู ิ ฤดรู ้อนเฉล่ีย 34-40 องศาเซลเซยี ส ฤดูหนาว 14-22 องศาเซลเซียส ปริมาณนา้ ฝน ประมาณ 54-70 มลิ ลิเมตร แผนผังหมู่บ้ำน กำรประกอบอำชีพภำยในหม่บู ้ำน 1. กลุ่มทอผ้าไหมด้วยสีธรรมชาติอยู่ที่ หมู่ท่ี 17 บ้านหนองเต็งใหญ่ ตาบลหนองเต็ง อาเภอกระสัง จังหวดั บุรีรมั ย์ 2. กลุ่มทอเสือกกอยู่ที่ หมู่ท่ี 1 บ้านหนองเต็ง ตาบลหนองเต็ง อาเภอกระสัง จังหวัด บุรรี ัมย์ 3. กลุ่มจักรสานอยู่ที่ หมู่ท่ี 17 บ้านหนองเต็งใหญ่ ตาบลหนองเต็ง อาเภอกระสัง จังหวัดบรุ รี ัมย์ 4. กลุ่มขนมนางเล็ดอยู่ที่ หมู่ที่ 14 บ้านหนองขาม ตาบลหนองเต็ง อาเภอกระสัง จงั หวัดบุรรี ัมย์ 5. กลุ่มเลี้ยงไส้เดือนอยู่ที่ หมู่ที่ 15 บ้านหนองตะครอง ตาบลหนองเต็ง อาเภอกระสัง จังหวดั บรุ ีรมั ย์ 6.กลุ่มดอกไม้ประดิษฐ์อยู่ที่ หมู่ท่ี 15 บ้านหนองตะครอง ตาบลหนองเต็ง อาเภอกระสัง จงั หวดั บรุ รี มั ย์ โครงการสร้างความปรองดองสมานฉนั ท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมูบ่ ้านรักษาศลี 5”
หนา้ / ๒๓ ข้อมูลพ้นื ฐำนหมบู่ ้ำนและประชำกร ชือ่ หมู่บ้ำน บา้ นหนองเต็งใหญ่ หมทู่ ี่ 17 ตาบลหนองเต็ง อาเภอกระสงั จงั หวัด บุรีรมั ย์ ประชากรชาย 357 คน ประชากรหญิง 394 คน รวม 751 คน จานวนครัวเรือน 181 หลัง กำนนั ตำบลหนองเต็ง นายชุติเดช บวรรตั นกลุ โทร 083 3555 505 วัดประจำหมู่บ้ำน วัดครุ ุราษฎรบ์ ารงุ นำมเจำ้ อำวำส พระครูจนั ทธรรมโกวทิ โทร. 081 3699 555 ข้อมูลพ้นื ฐำนวัดครุ รุ ำษฎร์บำรุง ประวัติวดั คุรุรำษฎรบ์ ำรุง วดั คุรรุ าษฎรบ์ ารุง ต้ังอยเู่ ลขท่ี 106 หมู่ที่ 17 ตาบลหนองเต็ง อาเภอกระสัง จังหวัดบุรีรมั ย์ สงั กัดคณะสงฆม์ หานิกาย มเี น้อื ท่ี 19 ไร่ 3 งาน 45 ตารางวา วัดคุรุราษฎร์บารุง ก่อต้ังเมื่อ พ.ศ. 2518 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2522 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 17 เมตร ยาว 27 เมตร การบริหารการปกครองมีเจ้าอาวาส เท่าท่ีทราบนาม คือ พระครูสิริสีลวิมล และพระอธกิ ารบุญเลียบ จนฺทสุทโธ เปน็ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน การศึกษา มศี ูนย์พัฒนาเดก็ เล็ก เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. 2537 โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใช้หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หม่บู า้ นรกั ษาศีล 5”
หน้า / ๒๔ อาณาเขตทิศเหนือ จดทางสาธารณประโยชน์ ทศิ ใต้ จดสถานอี นามยั ทิศตะวนั ออก จดทาง สาธารณประโยชน์ ทิศตะวนั ตก จดทางสาธารณประโยชน์ กำรบรหิ ำรและกำรปกครองวัดคุรรุ ำษฎรบ์ ำรุง มีเจำ้ อำวำสเท่ำทที่ รำบนำม คอื 1. พระครสู ิรสิ ีลวมิ ล (เชย จันทศิริ) พ.ศ. 2490 – 2539 2. พระครจู ันทธรรมโกวิท พ.ศ. 2537 – ปจั จบุ ัน โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บา้ นรกั ษาศลี 5”
หนา้ / ๒๕ ปูชนยี สถำน ปชู นียวัตถทุ สี่ ำคญั ภำยในวดั - อุโบสถวดั คุรรุ ำษฎร์บำรุง ประวตั ิควำมเป็นมำของอุโบสถวดั คุรรุ ำษฎร์บำรุง หลังจากชาวบ้านท่ีอพยพมาจากตาบลคอโค อาเภอเมืองสุรินทร์ ต้ังเป็นหมู่บ้านในปี พ.ศ. 2453 ชาวบ้านท่ีเคยผูกพนั ในเครอื ญาติช่วงเข้าพรรษาจะไปทาบุญบูชาบรรพบุรษุ ที่วัดสง่างาม ต.คอโค อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ บางส่วนไปทาบุญท่ีวัดคันธารมณ์ คณะครูชาวบ้านตระหนักถึง ความลาบากในการเดินทางไปทาบุญใน ปี2490 คณะครูและชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างพานักสงฆ์ขึ้น จากการบริจาคที่ดินของพ่อพุ่ม กกรัมย์ พ่อลา กกรัมย์ และพ่อเพ็ง คุ้มสุข เป็นกุฏิหลังเล็ก ๆ เป็นท่ี พระสงฆ์จาพรรษาและสรา้ งศาลาบาเพญ็ กศุ ล และได้พิจารณานมิ นต์พระสงฆ์มาจาวัดทาบุญศาสนพิธี จึงได้รับความเมตตาจากหลวงปู่อีธมฺปัญโญ เจ้าอาวาสวัดชัยชุมแสง เห็นความเหมาะสมอนุญาตให้ พระภิกษุเชย จนฺทสิริในสมัยนั้นพร้อมพระภิกษุ 2 รูปมาจาพรรษาเม่ือได้สงฆ์จาพรรษาและจึงได้ต้ัง ชอ่ื วดั ว่าวดั ครุ รุ าษฎรบ์ ารงุ (ครุ ุ+ราษฎร) โดยให้เกยี รตคิ รแู ละชาวบ้านทรี่ ่วมกันสรา้ ง อโุ บสถวัดครุ รุ ำษฎรบ์ ำรุง โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใช้หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมบู่ า้ นรกั ษาศีล 5”
หนา้ / ๒๖ ดำ้ นในอุโบสถมภี ำพวำดเรือ่ งรำวเกี่ยวกับพระมำลัยโปรดสวรรค์ สมเด็จพระพุทธรัตนรำชมงคล เปน็ สถำนทสี่ กั กำระกรำบไหว้บูชำประจำเกดิ โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉนั ท์โดยใชห้ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรกั ษาศีล 5”
หน้า / ๒๗ ประวัติอโุ บสถวดั คุรุรำษฎรบ์ ำรงุ (ภำคภำษำอังกฤษ) History of Wat Khururat Bamrung After villagers who emigrated from Khor Kho Subdistrict, Muang Surin District, established a village in 1910, villagers who had been affiliated with Nong Teng's relatives during the Buddhist Lent period went to make merit and worship for ancestors at Wat Snga Ngam. . Khor Kho, Mueang Surin District, Some of them went to make merit at Wat Khan Tharrom, The villagers teachers realized the difficulties in making merit. In 1971, the teachers and villagers joined together to build monastery donating the land of Father Poom Kokram Father Lam Kokram and Fater Peng Khumsuk is a small cloister, was where monks pay the Buddhist Lent and build a charity hall and have considered inviting the monks remember to make merit and make merit. and allowed to allow monks to be held in those days, along with monks, to come to receive mercy from Luang Pho Etham Panyo Abbot of Chaichumsaeng temple seeying the suitability the monks were allowed to be in those day with 2 monks to come to remember the Buddhist lent after receiving the Buddhist lent yhun named the temple as Wat Khururat Bamrung (Khuru+Rat) by honoring teachers and villagers. Later some devoteets donated additional land and there made a later recquesting permission to build a temple The department of religion has a letter accepting permission to buid a temple based on item 3 of the Ministerial Regulation No. 1 (B.E. 1964) issued under the Sangha Act 1962 the department of religion affairs with the approual of ministry of Education and great synagogue allowed Mr. Bua Kokram to stay at number 5 village No 1 Nongteng subdistric Krasang District Buriram Province within the scheduled data from 10 April 1975, 4 May 1970 in the year 1975 later received an extraodingry meeting according to the announcement of the prim minister office. The temple named in the list annexed to this announcement shall be granted a royal consortium in the area specified therein the local perfact shall make a correct mark in the area as prescribed the recipein of the royal command announced on 30 August 1977. โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใช้หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมบู่ ้านรกั ษาศีล 5”
หนา้ / ๒๘ วิหำรพระครูสิรสิ ลี วมิ ล (หลวงพ่อเชย) - ประวัติพระครูสิรสิ ีลวิมล (หลวงพอ่ เชย) ประวัติ พระครูสิริสีลวิมล (หลวงพ่อเชย) ได้อพยพมาจากตาบลคอโค อาเภอเมือง สุรินทร์ ตั้งเป็นหมู่บ้านในปี พ.ศ.2453 ได้มาตั้งถิ่นฐานท่ีบ้านหนองเต็ง ตาบลหนองเต็ง อาเภอ กระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ คณะครูชาวบ้านตระหนักถึงความลาบากในการเดินทางไปทาบุญใน ปี2490 คณะครูและชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างสานักสงฆ์ขึ้นการบริจาคท่ีดินของพ่อพุ่ม กกรัมย์ พ่อลา กกรัมย์ และพ่อเพ็ง คุ้มสุข เป็นกุฏิหลังเล็ก ๆ เป็นท่ีพระสงฆ์จาพรรษาและสร้างศาลาบาเพ็ญกุศล และได้ พิจารณานมิ นต์พระสงฆ์มาจาวัด จึงได้รบั ความเมตตาจากหลวงปู่อธี มฺปัญโญ เจ้าอาวาสวัดชยั ชุมแสง เห็นความเหมาะสมอนุญาตให้พระภิกษุเชย จันฺทสิริ ในสมัยนั้นพร้อมพระภิกษุ 2 รูปมาจาพรรษา เม่ือได้พระสงฆ์จาพรรษาจึงได้ต้ังช่ือวัดว่า วัดคุรุราษฎร์บารุง (คุรุ+ราษฎร์) เพ่ือเป็นการให้เกียรติครู และชาวบ้านทร่ี ว่ มกนั สร้าง ต่อมามีผู้จิตศรัทธาบริจาคที่ดินเพิ่มจึงได้ทาหนังสือขออนุญาตสร้างวัด กรมศาสนามี หนังสือตอบรับอนุญาตให้สร้างวัดอาศัยความตามข้อ 3 แห่งกฎกระทรวง ฉบับท่ี 1 (พ.ศ. 2507) ออกตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 กรมการศาสนาด้วยความเห็นชอบของ กระทรวงศึกษาธิการและมหาเถรสมาคมอนุญาตให้ นายบัว กกรัมย์ อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 1 ตาบลหนองเต็ง อาเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ สร้างวัดข้ึนที่บ้านหนองเต็งหมู่ที่ 1 ตาบลหนองเต็ง อาเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ภายในกาหนดตั้งแต่วันท่ี 10 เดือนเมษายน พุทธศักราช 2518 วันที่ 4 เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2513 ในปี พ.ศ. 2518 ต่อมาได้รบั วิสุงคามสมี าตามประกาศ สานักนายกรัฐมนตรีเรือพระราชทานวิสุงคามสีมามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้วัดท่ีมีช่ือใน โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉนั ทโ์ ดยใชห้ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บา้ นรักษาศีล 5”
หนา้ / ๒๙ บัญชีท้ายประกาศนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตามเขตที่กาหนดไว้ในน้ันให้นายอาเภอท้องท่ี ปักหมายเขตให้ถูกต้องตามท่ีกาหนดไว้ผู้รับสนองพระบรมราชโองการประกาศ ณ วันท่ี 30 สิงหาคม 2520 ข้อ มู ลพ้ื น ฐ ำน ข องห น่ วยอบ รม ป ระช ำช น ป ระจำตำห น อ งเต็ ง (อ .ป .ต .ห น องเต็ ง) ตัง้ อยู่ที่ วดั ครุ ุราษฎร์บารุง เลขท่ี 106 หมทู่ ี่ 17 ตาบลหนองเต็ง อาเภอกระสงั จงั หวัด บุรีรัมย์ โดยมี พระครูจันทธรรมโกวิท เจ้าอาวาสวัดคุรุราษฎร์บารุง เจ้าคณะตาบลหนองเต็ง เป็น ประธานหนว่ ยอบรมประชาชนประจาตาหนองเต็ง ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารหนว่ ยอบรมประชาชนประจาตาบลหนองเตง็ (อ.ป.ต.หนองเต็ง) 1. ประธานทปี่ รึกษา คือ พระครูสจุ ิณธรรมวศิ ิษฏ 2. ท่ปี รกึ ษา คือ พระครูวุฒิสารา 3. ประธานกรรมการ คอื พระครจู นั ทธรรมโกวทิ 4. รองประธานกรรมการ คือ พระครูประสิทธธ์ิ รรมจารี 5. กรรมการฝ่ายบรรชิต คอื พระอธิการศุภฤกษ์ สนตฺ กาโย 6. กรรมการฝา่ ยบรรชติ คือ พระอธิการประเสรฐิ ปุญญกาโม 7. กรรมการฝ่ายบรรชติ คอื พระอธิการลวด สขุ ิโต 8. กรรมการฝา่ ยบรรชติ คือ พระสาเนียง ตนปฺ าโล รายชื่อคณะกรรมการฝา่ ยฆราวาส โดยตาแหน่ง 1. นายชุติเดช บวรรัตนกลุ กรรมการ 2. นายอ้วน กกรมั ย์ กรรมการ 3. นายสวสั ด์ิ สขุ เสก กรรมการ 4. นายประเดอื น มิถนุ าวงค์ กรรมการ 5. นายวิสทุ ธ์ิ เฉยี บแหลมดี กรรมการ 6. นายสมศักด์ิ กกรัมย์ กรรมการ 7. นางอรุ า โซซะรมั ย์ กรรมการ รายชอื่ คณะกรรมการฝา่ ยฆราวาส โดยแตง่ ตง้ั กรรมการ 1. นายชตุ เิ ดช บวรรตั นกุล กรรมการ 2. นายอ้วน กกรัมย์ กรรมการ 3. นายสวัสด์ิ สขุ เสก กรรมการ 4. นายประเดอื น มถิ นุ าวงค์ กรรมการ 5. นายวสิ ทุ ธิ์ เฉียบแหลมดี กรรมการ 6. นายสมศกั ด์ิ กกรมั ย์ กรรมการ 7. นางอรุ า โซซะรมั ย์ โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉนั ท์โดยใชห้ ลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หม่บู า้ นรกั ษาศลี 5”
หนา้ / ๓๐ 1.2 โครงกำรหรือกิจกรรมที่หมบู่ ้ำนดำเนินกำร โครงการหมู่บา้ นสีขาว (ลด ละ เลกิ ยาเสพติด/อบายมุก) โครงการหมู่บ้านชอ่ สะอาด (ความสจุ ริต/โปรง่ ใส) หมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง โครงการหมบู่ า้ นวฒั นธรรม/คุณธรรม กลมุ่ ออมทรพั ย/์ กองทุนหมู่บา้ น/กลุ่มสจั จะสะสมทรัพย์ กลุ่มสงิ่ แวดล้อมชมุ ชน(ป้องกัน) กล่มุ /โรงเรยี นผูส้ งู อายุ กลมุ่ /เครอื ข่ายจติ อาสาพัฒนาสังคม ชดุ รักษาความปลอดภยั หมูบ่ ้าน (ชรบ.)/ตารวจชมุ ชน กลุ่มพฒั นาเด็กและเยาวชน อ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ หมูบ่ า้ น OTOP นวตั วถิ ี บ้านหนองเต็งใหญ่ หมูท่ี 17 1.2.1 คณะกรรมกำรหมูบ่ ำ้ น - ขอ้ มลู ดำ้ นกำรปกครอง กลุ่มและองค์กรในชมุ ชน คณะกรรมกำรหมู่บ้ำน (กม) หมู่ท่ี 17 ประกอบดว้ ย ๑. นายชุตเิ ดช บวรรตั นกลุ ๒. นายสมศักด์ิ กกรัมย์ ๓. นางอุรา โซชะรมั ย์ ๔. นายชอน นสิ ยั รัมย์ ๕. นายแปลก สืบสวน ๖. นายวสิ ุทธิ์ เฉยี บแหลมดี ๗. นางสาวสลักจติ นทิ ะรัมย์ ๘. นายเยือ บญุ โก่ง ๙. นายสุวทิ ย์ สมานเมอื ง ๑o. นายประเดือน มิถนุ าวงค์ ๑๑. นางสทุ ศิ ขาวรัมย์ ๑๒. นายประสพ สมคั รสมาน ๑๓. นายประพิทย์ ตรนี ัย ๑๔. นายหัด ช่นื เฉลา ๑๕. นายเรยี บ พักขุทนิ ๑๖. นางอนุศร เทียมเลศิ โครงการสร้างความปรองดองสมานฉนั ท์โดยใช้หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมบู่ า้ นรักษาศีล 5”
หนา้ / ๓๑ ๑๗. นายเรียน พินจิ รัมย์ ๑๘. นางประนอม คุ้มสุข ๑๙. นางปญั ญาพร สืบสวน ๒o. นายสมเกียรติ หวังอยู่ - คณะกรรมกำรพัฒนำสตรีหมูบ่ ำ้ น (กพสม.) ประกอบดว้ ย ๑. นางสาวสลักจติ นิทะรมั ย์ ตาแหนง่ ประธาน ๒. นางพุสดี สุรเิ ย ตาแหน่ง รองประธาน ๓. นางเอย่ี ม กกรมั ย์ ตาแหน่ง เหรัญญกิ ๔. นางอารีย์ เฉยี บแหลมดี ตาแหนง่ เลขานุการ ๕. นางประนอม คุ้มสุข ตาแหนง่ ผูช้ ่วยเหรัญญิก ๖. นางบุญมา ชมชื่น ตาแหนง่ ผู้ชว่ ยเลขานกุ าร ๗. นางสาวพรศรี นสิ ยั รมั ย์ ตาแหนง่ กรรมการ ๘. นางอุรา โซชะรมั ย์ ตาแหน่ง กรรมการ ๙. นางสาวจินตนา นิทะรมั ย์ ตาแหน่ง กรรมการ ๑o. นางสมฤทธ์ิ ตรวจมรรคา ตาแหนง่ กรรมการ ๑๑. นางเพียงพิศ ประการดี ตาแหน่ง กรรมการ ๑๒. นางมลธิดา เจียมรมั ย์ ตาแหน่ง กรรมการ ๑๓. นางสาวศิวพร กกรมั ย์ ตาแหนง่ กรรมการ ๑๔. นางทองเยือง พักขทุ ิน ตาแหน่ง กรรมการ ๑๕. นางเล็ก พกั ขุทนิ ตาแหน่ง กรรมการ - อำสำสมัครสำธำรณสุขประจำปีหมบู่ ำ้ น (อสม) ประกอบด้วย ๑. นางสาวสลกั จติ นิทะรัมย์ ตาแหน่ง ประธาน (อสม.) ๒. นางเอยี่ ม กกรัมย์ ตาแหนง่ อสม. ๓. นางอารยี ์ เฉียบแหลมดี ตาแหนง่ อสม. ๔. นางกญั ชลี สายบตุ ร ตาแหนง่ อสม. ๕. นางจันทนา สบื สวน ตาแหนง่ อสม. 6. นางสาวสุวรรณี จารึกดี ตาแหน่ง อสม. ๗. นางประนอม คุ้มสขุ ตาแหนง่ อสม. ๘. นางปญั ญาพร สบื สวน ตาแหน่ง อสม. - อำสำพัฒนำชุมชน (อส.) คอื นางสทุ ศิ ขาวรมั ย์ - อำสำสมคั รปศุสัตว์ คือ นายอุน่ สมหวงั - หมอดินอำสำ คือ นางสทุ ศิ ขาวรัมย์ โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉนั ทโ์ ดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมบู่ ้านรักษาศีล 5”
หนา้ / ๓๒ - อำสำสมัครปอ้ งกนั ภัยฝ่ำยพลเรอื น (อปพร.) ประกอบดว้ ย ๑. นายสทุ ิวัส โซชะรัมย์ ตาแหน่ง ประธาน อปพร. ๒. นางสทุ ศิ ขาวรัมย์ ตาแหนง่ อปพร. ๓. นายเกลด็ ทอง ค้มุ สขุ ตาแหนง่ อปพร. ๔. นายเรียบ พกั ขทุ นิ ตาแหน่ง อปพร. ๕. นางวลิ อน ลาหัวโทน ตาแหนง่ อปพร. 6. นางวิไลลักษณ์ หติ ะยะโส ตาแหนง่ อปพร. 7. นายจวย โนดประโคน ตาแหน่ง อปพร. 8. นายธรี ะบลุ ย์ หลงสกลุ ตาแหนง่ อปพร. 9. นายอาทิตย์ ค้มุ สุข ตาแหน่ง อปพร. 10. นายณฐั พงษ์ พนิ จิ รัมย์ ตาแหน่ง อปพร. 11. นายไพศาล จารกึ ดี ตาแหน่ง อปพร. 12. นางอารีย์ เฉียบแหลมดี ตาแหน่ง อปพร. - อำสำสมคั รตำรวจชุมชน คือ นายธง ขาวรมั ย์ -ปลัดหมู่บำ้ น คอื นายสมศักดิ์ กกรัมย์ 1.2.2 โครงกำรหม่บู ำ้ นช่อสะอำด (ควำมสุจรติ /โปรง่ ใส)่ วันที่ 17 สิงหาคม 2562 ศส.ปชต.ตาบลหนองเต็ง โดย นางยุเพ็ญ สอนประดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองขาม ม.14 ตาบลหนองเต็ง อาเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ จัดกิจกรรม อบรมขยายผล รณรงคห์ มบู่ ้านไม่ขายเสียง ณ ศาลากลางหมบู่ ้าน โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมบู่ า้ นรักษาศลี 5”
หนา้ / ๓๓ 1.2.3 โครงกำรหมู่บ้ำนเศรษฐกิจพอเพียง หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงได้ดาเนินงานส่งเสริมอาชีพและการเกษตรผสมผสานทฤษฎีใหม่ ตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกจิ สังคม และสงิ่ แวดลอ้ ม ไปพร้อมกบั การพัฒนาอาชีพและสง่ เสริมการทาเกษตรเพื่อลดความ เส่ียงต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและภัยธรรมชาติ การแข่งขันทางเศรษฐกิจ และ สร้างเสริมองค์ความรู้ ในการทาอาชีพ การเกษตรผสมผสานทฤษฎีใหม่ ตลอดจนส่งเสริมเครือข่าย เกษตรกรในการทาเกษตรแบบผสมผสานทฤษฎีใหม่ จนสามารถพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ท่ีมีผลผลิต จากกิจกรรมการเกษตรที่หลากหลาย ทาให้เกิดปฏิสัมพันธท์ างสังคม มีการช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผ่อื แผ่ แบ่งปันผลผลิตให้เพื่อนบ้าน มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกันและสามารถขยายเครือข่ายการทา การเกษตรดังกล่าวให้แพร่หลายไปสูระดบั ชมุ ชนต่อไป โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมูบ่ า้ นรักษาศีล 5”
หนา้ / ๓๔ 1.2.4 กจิ กรรมหมบู่ ้ำนวฒั นธรรม/ชุมชนคุณธรรม - กจิ กรรมอนรุ ักษส์ ่งิ แวดล้อม กำรทอผ้ำไหมดว้ ยสีธรรมชำติ การทอผ้าไหมโดยใช้สีธรรมชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพและ เป็นการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน และส่งเสริมอาชีพ พัฒนาศักยภาพการผลิต และการตลาดเพื่อเพมิ่ มลู ค่าให้กับผลผลิต และหนั มาใชส้ จี ากธรรมชาติในการทาผา้ ไหม มากข้นึ โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์โดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมูบ่ า้ นรักษาศีล 5”
หน้า / ๓๕ กจิ กรรมกำรแสดงของชุมชน ประเพณีวฒั นธรรมพ้นื บ้ำน คำบรรยำย ประเพณรี ำสำมเผำ เขมร กยู ลำว งานประเพณีประจาปี ตาบลหนองเต็ง โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใชห้ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมบู่ า้ นรกั ษาศีล 5”
หนา้ / ๓๖ 1.2.5 คณะกรรมกำรกลุ่มกองทนุ หมูบ่ ้ำน ประกอบดว้ ย ตาแหน่ง ประธาน ๑. นางสาวสลักจติ นทิ ะรัมย์ ตาแหน่ง รองประธาน ๒. นางพสุ ดี สุรเิ ย ตาแหน่ง เหรญั ญกิ ๓. นางเอยี่ ม กกรมั ย์ ตาแหน่ง เลขานกุ าร ๔. นางอารยี ์ เฉียบแหลมดี ตาแหน่ง ผชู้ ่วยเหรัญญิก ๕. นางประนอม คุ้มสุข ตาแหนง่ ผ้ชู ่วยเลขานกุ าร ๖. นางบุญมา ชมชื่น ตาแหนง่ กรรมการ ๗. นางสาวพรศรี นิสยั รัมย์ ตาแหน่ง กรรมการ ๘. นางอรุ า โซชะรมั ย์ ตาแหน่ง กรรมการ ๙. นางสาวจินตนา นิทะรัมย์ ตาแหน่ง กรรมการ ๑o. นางสมฤทธิ์ ตรวจมรรคา ตาแหนง่ กรรมการ ๑๑. นางเพียงพิศ ประการดี ตาแหน่ง กรรมการ ๑๒. นางมลธดิ า เจยี มรัมย์ ตาแหน่ง กรรมการ ๑๓. นางสาวศิวพร กกรมั ย์ ตาแหน่ง กรรมการ ๑๔. นางทองเยอื ง พักขทุ นิ ตาแหนง่ กรรมการ ๑๕. นางเลก็ พักขทุ ิน 1.2.6 กิจกรรมจิตอำสำพัฒนำสงั คม กิจกรรมชุมชนใสใ่ จสิง่ แวดล้อม มถี นนทีส่ วยงาม เป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย มสี งิ่ แวดลอ้ มท่ดี ี โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใชห้ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรกั ษาศีล 5”
หนา้ / ๓๗ คำบรรยำย กจิ กรรมจิตอำสำพฒั นำสงั คม 1.2.7 กจิ กรรมอนุรกั ษส์ ิง่ แวดลอ้ ม กำรทอผ้ำไหมด้วยสีธรรมชำติ คำบรรยำย กำรทอผำ้ ไหมด้วยสีธรรมชำติ การทอผ้าไหมโดยใชส้ ีธรรมชาติ มวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือส่งเสรมิ การประกอบอาชีพและเป็นการ ลดรายจ่าย เพ่ิมรายได้ใหแ้ ก่ประชาชน และส่งเสรมิ อาชีพ พฒั นาศักยภาพการผลติ และการตลาดเพ่ือ เพิม่ มูลค่าใหก้ ับผลผลิต และหนั มาใชส้ ีจากธรรมชาตใิ นการทาผา้ ไหม มากข้นึ โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมูบ่ ้านรกั ษาศลี 5”
หนา้ / ๓๘ กจิ กรรมอนุรกั ษ์สิง่ แวดล้อม/ป่ำชุมชน กิจกรรมอนรุ กั ษ์สิ่งแวดล้อม / ป่ำชุมชน รายชอื่ คณะทางานอนุรักษ์สงิ่ แวดล้อมและคดั แยกขยะตามหลักการ 3Rs ฝา่ ยทป่ี รึกษา ๑.๑ พระครจู ันทธรรมโกวทิ เจ้าคณะตาบลหนองเตง็ ๑.๒ นายประสพ บวรรัตนกลุ นายกเทศมนตรีตาบลหนองเตง็ 1.3 นายเยือ บุญโกง่ รองนายกเทศมนตรีตาบลหนองเตง็ ๑.4 นายเลน็ เพช็ รพราว รองนายกเทศมนตรีตาบลหนองเตง็ ๑.5 นายศักด์ิ หอมนวล เลขานุการนายกเทศมนตรี ๑.6 นายวิสทุ ธ์ิ เฉียบแหลมดี ประธานสภาเทศบาลตาบลหนองเต็ง 1.7 วา่ ท่ี พ.ต.พูนศักด์ิ โชตกิ ัมพลพงศ์ ปลัดเทศบาลตาบลหนองเตง็ โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล 5”
หนา้ / ๓๙ 1.2.8 หมู่บำ้ น OTOP นวัตวถิ ี บำ้ นหนองเต็งใหญ่ หมู่ท่ี 17 หลกั กำรและเหตุผล ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2560 - 2579) มีกรอบแนวคิด ด้านการสร้างความสามารถ ในการแข่งขันท่ีมุ่งเน้นการพัฒนาภาคการผลิตและบริการให้สามารถแข่งขันได้ เกิดความย่ังยืน ประชาชนมีคุณภาพชีวิตและมีรายได้ที่ดีขึ้น รวมท้ังแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) ยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่าง ยั่งยืน มีแนวทางการเสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันในเชิงธุรกิจของภาคบริการ และพันธกิจ กระทรวงมหาดไทย ข้อ 4. เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและเศรษฐกิจ ฐานราก โดยการมีส่วน ร่วมของทุกภาคส่วนภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนภารกิจอานาจหน้าที่ของ กรมการพัฒนาชุมชน ในการส่งเสรมิ กระบวนการเรียนร้แู ละการมีสว่ นร่วมของประชาชน ส่งเสริมและ พัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ รวมท้ังเสริมสร้างความสามารถและ ความเข้มแขง็ ของชมุ ชน ปี 2562 กรมพัฒนาชุมชนได้คัดเลือกหมู่บ้าน OTOP นวัตวิถี จานวน 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย 1. หมทู่ ่ี 4 บา้ นโคกขมน้ิ 2. หมู่ท่ี 15 บ้านหนองตะครอง หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ปี 2559 รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 3. หมู่ที่ 17 บา้ นหนองเต็งใหญ่ โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หม่บู ้านรกั ษาศลี 5”
หนา้ / ๔๐ ปี 2 56 3 โครงการ วัด ประชา รัฐ เฉลิมพ ระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปีหลวง การขบั เคล่ือนโครงการ วัด ประชา รัฐ สรา้ งสขุ ของ บ้านหนองเต็งใหญ่ หมู่ท่ี ๑๗ ได้บูรณาการร่วมกับกลุ่มเกษตรในชุมชน ซึ่งได้ดาเนินโครงการ โคก หนอง นา ซ่ึงเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการบูรณาการสืบสานพระราชปณิธานและน้อมสานึกใน พระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระวชิรเกลา้ เจ้าอยหู่ วั รัชกาลท่ี ๑๐ โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หม่บู า้ นรักษาศีล 5”
หนา้ / ๔๑ 1.3 รำงวลั เกยี รติคณุ ทีห่ มบู่ ำ้ นเคยได้รบั 1.3.1 รางวลั กล่มุ พัฒนาสตรหี นองเต็ง หมทู่ ่ี 17 ต.หนองเต็ง อ.กระสัง จ.บุรรี ัมย์ ได้รับการ คัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับห้าดาว ประเภท ผ้า เครื่องแต่งกาย ตามโครงการคัดสรรสุดยอด หนึ่งตาบลหนงึ่ ผลิตภัณฑ์ไทย ปี พ.ศ.2562 1.3.2 รางวลั กลุม่ พัฒนาสตรหี นองเต็ง หมู่ท่ี 17 ต.หนองเตง็ อ.กระสัง จ.บรุ รี ัมย์ ไดร้ ับการ คดั สรรเป็นผลติ ภัณฑ์ OTOP ระดบั สดี่ าว ประเภท ผา้ เคร่ืองแตง่ กาย ผ้าไหมพน้ื บ้าน ตามโครงการ คัดสรรสุดยอดหน่ึงตาบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย ปี พ.ศ.2553 โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใช้หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา “หมบู่ ้านรักษาศีล 5”
หนา้ / ๔๒ 1.3.3 เทศบาลตาบลหนองเต็ง ร่วมกับประชาชน ตาบลหนองเต็ง เข้ารับการประเมินหนอง เต็งน่าอยู่ ได้รับการตรวจประเมินผ่าน และได้รับรางวัล G-เงิน จากผลิตภัณฑ์ผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติ เน้ือผ้าท่ีได้จะมีสีนุ่มนวลละมุนตา บางผืนย้อมด้วยวัตถุดิบท่ีเป็นสมุนไพร จึงเป็นผลดีต่อสุขภาพ ซึ่ง กลุ่มทอผ้าไหมในตาบลหนองเต็ง ได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนสถานประกอบการวิสาหกิจชุมชน OTOP ระดบั 4 และ 5 ในการผลติ ท่เี ปน็ มติ รกับสง่ิ แวดล้อม โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันทโ์ ดยใช้หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หม่บู ้านรกั ษาศีล 5”
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132