136 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา ศรสี ยาม ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Arenga hookerana (Becc.) Whitmore ช่อื วงศ ์ ARECACEAE ชื่ออ่ืน เตา่ รา้ งศรีสยาม ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เปน็ ปาลม์ แตกกอขนาดเล็ก กอแน่น ลำตน้ สูง 1.0-1.5 เมตร ใบ ใบเด่ียว กว้าง 20-25 เซนติเมตร ยาว 40-50 เซนติเมตร ขอบใบและ ปลายใบเว้าต้ืนเป็นหยักเล็ก ๆ คล้ายหางปลา ขอบกาบใบมีรกเส้นใยสีน้ำตาลห่อหุ้ม ลำต้น ก้านใบยาว 25-53 เซนติเมตร หลังใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ท้องใบสีขาวอมเทา มีใบจำนวนมาก ดอก เป็นช่อ ออกระหว่างยอดหรือใกล้กับยอด ยาว 30-40 เซนติเมตร ไมม่ กี ้านชอ่ ยอ่ ย ผล รูปกลมผิวเรียบ ขนาด 0.8-1.2 เซนติเมตร เรียงอัดกันแน่นในก้านช่อ ผลออ่ นสเี ขียวเม่ือสุกสแี ดง ชว่ งเวลาการออกดอก มกราคม-สงิ หาคม แหลง่ ทพี่ บ ในท่รี ่มชื้นแฉะ การขยายพันธ์ุ เมลด็ ลกั ษณะเด่น ทรงต้น ดอก
137 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
138 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา สกิ นุ คล ช่อื วิทยาศาสตร์ Dienia ophrydis (J.Koning) Ormerod & Seidenf. ชือ่ วงศ์ ORCHIDACEAE ชื่ออืน่ เปราะนกคุ้ม หตู ัน ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ พบเจริญบนพ้นื ดินท่ีมีซากใบไม้ผุ ลำต้น เจริญเติบโตทางด้านข้าง ต้นอวบ มีโคนกาบใบหุ้มสูง 10-15 เซนติเมตร เส้นผ่าศนู ย์กลางทีโ่ คนต้นประมาณ 2 เซนตเิ มตร ใบ เรียงเวียนซ้อนกัน รูปรีแกมรูปใบหอกกลับ กว้าง 5.0-10.0 เซนติเมตร ยาว 15-20 เซนตเิ มตร โคนใบเป็นกาบห้มุ รอบตน้ ปลายใบแหลม แผ่นใบบางมแี นว พับจบี ตามยาว ใบมีจำนวน 5-7 ใบ ดอก ออกเป็นช่อแบบกระจะ ช่อดอกเกิดท่ียอดยาว 15-30 เซนติเมตร ดอกในช่อเกิดจากตอนกลางของก้านช่อข้ึนไป ก้านดอกยาว 0.3-0.5 เซนติเมตร ดอกขนาด 0.6-0.8 เซนติเมตร ผล รปู รี กวา้ ง 0.1-0.2 เซนตเิ มตร ยาว 0.2-0.3 เซนติเมตร ชว่ งเวลาการออกดอก มถิ นุ ายน-สงิ หาคม แหลง่ ท่ีพบ พบบริเวณที่มีแสงรำไร การขยายพนั ธ์ุ แยกหัว ลักษณะเดน่ ดอก
139 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
140 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ หมากงาชา้ งยักษ ์ Pinanga malaina (Mattelli) Scheff. ชื่อวงศ์ ARECACEAE ชื่ออ่ืน - ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร ์ ปาล์มแตกกอขนาดกลาง หน่อแตกห่างจากลำต้นท่ี ทอดเลอื้ ยไปใตด้ ินแล้วตง้ั ข้นึ ลำต้น เส้นผา่ ศนู ยก์ ลาง 4.0-6.0 เซนติเมตร สูง 6.0-7.0 เมตร สีเขียวเข้ม กาบใบสเี หลือง ยาวประมาณ 1 เมตร แกนกลางใบยาว 1.5-2.0 เมตร ใบ ใบประกอบแบบขนนกสีเขียว ใบย่อยมีประมาณ 24 คู่ มีขนาด ไมส่ มำ่ เสมอ กว้างประมาณ 1.6 เมตร สีเขยี ว ใบยอ่ ยเรียงตัวเป็นระเบียบสม่ำเสมอ ปลายใบแหลม ดอก เป็นช่อ ออกบริเวณข้อลำต้น ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ห้อยลง ชอ่ ดอกแบบแยกแขนงสแี ดงเข้ม มกี า้ นชอ่ ยอ่ ย 3-6 อนั ผล รูปยาวเรียว กว้าง 1.5-3.0 เซนติเมตร ติดเรียงด้านข้างก้านช่อ ในระนาบเดยี วกัน ผลอ่อนสีเขียวเมอ่ื สุกสีม่วงดำ ช่วงเวลาการออกดอก กมุ ภาพนั ธ-์ กรกฎาคม แหล่งที่พบ บริเวณท่ีมีแสงรำไร การขยายพันธุ์ เมล็ด ลกั ษณะเด่น ทรงตน้ ผล
141 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
142 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา ช่ือวิทยาศาสตร์ หมากตอกใบใหญ่ Iguanura wallichiana (Wall.ex Mart.) Hook.f. ชือ่ วงศ์ ARECACEAE ชอ่ื อนื่ - ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร ์ ปาลม์ แตกกอขนาดเลก็ ลำตน้ เสน้ ผ่าศูนย์กลางประมาณ 3.5 เซนติเมตร สงู 1-3 เมตร มรี ากค้ำจนุ ใบ ใบประกอบแบบขนนกสีเขียว ใบย่อยมี 3-10 คู่ มีขนาดไม่สม่ำเสมอ แผ่นใบกว้างประมาณ 25 เซนติเมตร กาบใบยาว 15-19 เซนติเมตร ก้านใบยาว 5-7 เซนติเมตร และเส้นกลางใบยาว 85-100 เซนติเมตร เส้นใบขนานกันเห็นได้ ชัดเจน ใบย่อยคู่สุดท้ายรูปหางปลาปลายหยักเป็นซี่ แผ่นใบกว้างประมาณ 80 เซนติเมตร ต้นเล็กใบมักจะเป็นใบเด่ียวไม่แตกย่อย ยอดอ่อนมีสีแดง ใบแห้งติดคาต้น กาบใบยาว 22-25 เซนตเิ มตร แกนกลางใบยาว 45-60 เซนติเมตร ดอก เปน็ ชอ่ ออกบรเิ วณซอกกาบใบ ยาวประมาณ 75 เซนตเิ มตร เปน็ ชอ่ แยก ผล รูปไข่หรือรูปรีผิวเรียบ ขนาด 1.2 x 1.6 เซนติเมตร ผลอ่อนสีเขียว อมเหลืองเมอื่ สกุ มสี ีแดง ชว่ งเวลาการออกดอก กุมภาพนั ธ-์ สงิ หาคม แหล่งท่ีพบ บริเวณท่มี รี ่มเงา การขยายพันธ์ุ เมลด็ ลกั ษณะเด่น ทรงต้น ใบ
143 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
144 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา หมากสง ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Areca catechu L. ชือ่ วงศ์ ARECACEAE ชื่ออืน่ - ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ปาลม์ ตน้ เด่ยี ว ลำต้น เสน้ ผ่าศนู ย์กลาง 15-20 เซนติเมตร สงู 10-20 เมตร ลำต้นต้ังตรง เห็นข้อปลอ้ งชดั เจน ใบ ใบประกอบแบบขนนก สีเขียว แผ่นใบยาว 1.5-2.0 เมตร ใบย่อยกว้าง 3.0-7.0 เซนติเมตร ยาว 30-60 เซนตเิ มตร กาบใบยาว 60-80 เซนตเิ มตร ดอก เปน็ ชอ่ ออกบรเิ วณใต้คอยอด ดอกแยกเพศอยใู่ นชอ่ เดียวกนั ผล รูปไข่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.0-6.0 เซนติเมตร ยาว 7.0-8.0 เซนตเิ มตร ผลอ่อนสเี ขยี ว เมอื่ แก่มีสีส้ม ช่วงเวลาการออกดอก กมุ ภาพนั ธ–์ สงิ หาคม แหลง่ ทีพ่ บ บริเวณที่แสงสอ่ งถงึ การขยายพันธุ์ เมล็ด ลักษณะเด่น ทรงต้น
145 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
146 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา หมากหวิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Pinanga disticha (Roxb.) Blume ex H.Wendl. ช่อื วงศ์ ARECACEAE ชื่ออ่ืน หมากเจ, เจหางปลา, รอี าซู (มลาย-ู นราธิวาส) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พวกปาลม์ แตกกอขนาดเล็ก ลำตน้ เส้นผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 1 เซนติเมตร สงู 1-2 เมตร ลำตน้ สเี ขยี ว หรอื สีนำ้ ตาล หนอ่ แตกจากลำตน้ ใบ ใบเดีย่ วรูปหางปลาหรอื ใบประกอบแบบขนนก ขอบใบเวา้ ถงึ เสน้ กลางใบ มีใบย่อย 3-6 คู่ ปลายใบรูปหางปลา หลังใบสีเขียวอ่อนมีจุดประสีเขียวทั่วแผ่นใบ ท้องใบสีเทาเงิน กาบใบและก้านใบมีขนละเอียดสีน้ำตาลปกคลุม กาบใบเป็นท่อหุ้ม ลำต้น สีเขียวอมเหลือง ยาวประมาณ 12 เซนติเมตร ก้านใบสั้นแกนกลางใบยาว 30-40 เซนติเมตร ดอก เป็นช่อ ออกบริเวณใต้คอยอดห้อยลง ก้านช่อตรงสลับฟันปลาสีเขียว ไม่แยกแขนงยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ผล รูปไข่หรือรูปรี กว้าง 0.8-1.0 เซนติเมตร ยาว 1.2-1.5 เซนติเมตร ตดิ เรียงขา้ งกา้ นช่อในระนาบเดียวกัน ผลออ่ นสีเขยี วเมื่อสกุ มสี แี ดง ชว่ งเวลาการออกดอก มกราคม-สงิ หาคม แหล่งท่พี บ พบในทรี่ ่ม แสงรำไร การขยายพนั ธ์ุ เมลด็ ลกั ษณะเดน่ ทรงตน้ ใบ
147 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
148 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา หมากอนิ โดนีเซีย ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Pinanga scortechinii Becc. ชอื่ วงศ์ ARECACEAE ชอ่ื อื่น หมากงาชา้ งเขา (นราธิวาส) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ปาล์มแตกกอขนาดกลาง ลำตน้ เสน้ ผ่าศนู ย์กลางประมาณ 5 เซนติเมตร สงู 5-7 เมตร ลำตน้ สเี ขียว ใบ ใบประกอบแบบขนนก แผน่ ใบยาว 2.0-3.0 เซนติเมตร ใบย่อยแคบเรียว สีเขียวรูปรางน้ำคว่ำ 16-22 คู่ เรียงเป็นระเบียบสม่ำเสมอ ใบคู่สุดท้ายรูปหางปลา ปลายตัดหยักเป็นซ่ี กาบใบสีเหลืองอ่อนมีขนสีน้ำตาลปกคลุม กาบใบรูปท่อ ยาว 24-40 เซนติเมตร คอยอดสเี หลือง ก้านใบยาว 40-80 เซนตเิ มตร แกนกลางใบยาว 80-110 เซนตเิ มตร ดอก เป็นช่อ ออกบริเวณใต้คอยอด ช่อดอกต้ังข้ึน ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร ก้านชอ่ ดอกอ่อนสชี มพูอ่อนๆ มีกา้ นช่อยอ่ ย 6-8 กา้ น ผล รูปไข่หรือรูปรี กว้าง 0.8-1.5 เซนติเมตร ยาว 1.3-2.0 เซนติเมตร ติดเรียงวนรอบก้านชอ่ ผลออ่ นสงี าชา้ งเมอื่ สกุ สีดำ ช่วงเวลาการออกดอก มกราคม-สงิ หาคม แหลง่ ทีพ่ บ บริเวณทมี่ ีร่มเงา การขยายพนั ธ์ุ เมลด็ ลกั ษณะเด่น ทรงต้น ผล
149 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
150 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา เออื้ งกุหลาบกระเปา๋ ปดิ ชื่อวิทยาศาสตร์ Aerides odorata Lour. ชอ่ื วงศ์ ORCHIDACEAE ชื่ออืน่ - ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ กลว้ ยไมอ้ งิ อาศยั พบบนตน้ หรอื กง่ิ ตน้ ไมอ้ น่ื ทม่ี ขี นาดใหญ ่ ลำตน้ เจรญิ ทางปลายยอดตงั้ ขนึ้ ตรง เอน หรอื หอ้ ยลง ยาว 20-30 เซนตเิ มตร ใบ แบน หนาและเหนยี ว กว้าง 2.0-3.0 เซนตเิ มตร ยาว 15-20 เซนติเมตร ปลายใบเรยี วยาว ผวิ ใบเรียบเกลยี้ ง ดอก เป็นช่อแบบกระจะ ช่อดอกเอนในแนวระนาบหรือห้อยลงเล็กน้อย ดอกในช่อมีจำนวนมาก ดอกมีสีขาวปลายกลีบและปากกลีบแต้มสีชมพู ส่วนล่างของ ดอกมลี กั ษณะคล้ายเดอื ยงอนช้ีไปข้างหนา้ ดอกมีกล่ินหอม บานพรอ้ มกันทัง้ ชอ่ และ ดอกบานอยู่ได้หลายวนั ชว่ งเวลาการออกดอก ตุลาคม-ธันวาคม แหลง่ ทพ่ี บ บรเิ วณท่ีมีแสงรำไร การขยายพนั ธ์ุ แยกต้น ลักษณะเดน่ ดอก
151 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
152 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา ชื่อวิทยาศาสตร์ เอือ้ งบายศร ี Eria lasiopetala (Willd.) Omerod ชือ่ วงศ์ ORCHIDACEAE ชอ่ื อืน่ เอื้องคำหนิ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร ์ กลว้ ยไม้องิ อาศยั มกั เกาะบนกอ้ นหิน ลำต้น เป็นหัว กลมรีหรืออ้วนป้อม อวบน้ำ สูง 4-7 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนยก์ ลาง 2.5-3.5 เซนติเมตร มักจะมีกาบหุม้ เรียงตัวบนเหง้า ห่างกัน 2-10 เซนตเิ มตร ใบ มี 3-5 ใบ รปู ขอบขนานแกมรูปรี กว้าง 2.5-4.0 เซนติเมตร ยาว 12-20 เซนติเมตร แผ่นใบคอ่ นข้างหนา ดอก ออกเป็นช่อ เกิดจากแขนงที่จะเจริญเป็นหน่อใหม่ข้างหัวเดิม ช่อดอก สูง 15-20 เซนตเิ มตร กว้าง 2.0-2.5 เซนตเิ มตร ยาว 1.5-2.0 เซนตเิ มตร ผวิ กลบี ด้านนอกมีขนยาวนุ่มสีขาว ดอกทยอยบานเป็นเวลานาน ช่วงเวลาการออกดอก พฤศจิกายน-กมุ ภาพันธ์ แหลง่ ท่พี บ บริเวณที่มแี สงรำไร การขยายพนั ธ์ุ แยกหนอ่ ลักษณะเด่น ดอก
153 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
154 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา ชอื่ วิทยาศาสตร์ เอื้องชอ่ งวงชา้ ง Eria densa Ridl. ชอ่ื วงศ ์ ORCHIDACEAE ชือ่ อื่น เออื้ งชอ่ งวงชา้ ง ลักษณะทางพฤกษศาสตร ์ กลว้ ยไมอ้ งิ อาศัย ขนึ้ เป็นกอ ลำต้น กลมสูง 15-20 เซนติเมตร สีน้ำตาลม่วงคล้ำ มีร่องต้ืน ๆ ท่ีผิวต้น ตามข้อมเี ยือ่ กาบใบตดิ อยู่ ใบ รูปขอบขนานแกมรูปใบหอก กว้าง 2.0-3.5 เซนติเมตร ยาว 13-18 เซนติเมตร ปลายใบเรยี วแหลม โคนใบเป็นกาบหมุ้ ลำต้น ใบออกสลบั ซา้ ยขวาที่ใกล้ยอด ดอก ออกเป็นช่อ บริเวณซอกใบ ช่อดอกค่อนข้างกลม ทอดเอนไปแนว ระนาบ ช่อยาว 8-10 เซนติเมตร ดอกในช่อแน่น เรียงตัวคล้ายพวงมาลัย ดอกมี ขนาดประมาณ 5 มลิ ลิเมตร สีขาว ฝาปดิ อับเรณสู มี ว่ งเขม้ ชว่ งเวลาการออกดอก สงิ หาคม-ตุลาคม แหลง่ ทพ่ี บ บรเิ วณที่มแี สงรำไร การขยายพันธุ์ แยกหน่อ ลกั ษณะเด่น ดอก
155 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
156 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา เออ้ื งดาวเรียง ช่ือวทิ ยาศาสตร ์ Eria javanica (Sw.) Blume ชอ่ื วงศ ์ ORCHIDACEAE ช่อื อน่ื เอ้ืองดาวเรียง เสวตสกุ ร ี ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ กลว้ ยไมอ้ งิ อาศยั ลำต้น เป็นหัว รูปไข่ กว้าง 2.0-2.5 เซนติเมตร ยาว 4.0-5.0 เซนติเมตร ขึ้นเปน็ กอชดิ กัน หัวมีโคนกาบใบคลุมตลอด ใบ รูปรแี กมรูปขอบขนาน กว้าง 3.5-5.5 เซนติเมตร ยาว 18-32 เซนติเมตร ใบหนาผิวมนั มีแนวพบั จบี ตามยาว ดอก ออกเป็นช่อ ช่อดอกเกิดใกล้ยอด เป็นช่อโค้งทอดเอนหรือห้อยลง ยาว 20-30 เซนติเมตร ดอกมี 5 กลบี ทโี่ คนกลบี มสี เี หลอื งนวล ขอบและปลายกลบี มสี ขี าว ชว่ งเวลาการออกดอก กรกฎาคม-ตุลาคม แหลง่ ทพี่ บ ปา่ ดบิ ช้ืนบนเขาสงู การขยายพนั ธ์ุ แยกหนอ่ ลกั ษณะเดน่ ดอก
157 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
158 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา เอื้องตะขาบใบใหญ่ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Dendrobium leonis (Lindl.) Rchb.f. ชื่อวงศ์ ORCHIDACEAE ชื่ออ่นื เออื้ งตะขาบใบใหญ ่ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ กลว้ ยไมอ้ ิงอาศยั มักเกาะเปลอื กไม้ ลำตน้ ขน้ึ เป็นกอขนานกับพน้ื หรือห้อยลง ใบ อวบนำ้ รปู ไข่ เรยี งทแยงชิดกนั สลับซ้ายขวา เป็นกาบห้มุ ลำต้น ดอก ออกเป็นช่อกระจะที่ยอดมี 1-3 ดอก กว้างประมาณ 0.5 เซนติเมตร สีเหลือง ปลายเป็นแผ่นยาวและงอนออกเล็กน้อย กลีบดอกเล็กมากเมื่อเทียบ กบั กลบี เล้ยี งค่ขู ้างที่เชือ่ มตดิ กันเป็นถุง ชว่ งเวลาการออกดอก ตลอดป ี แหลง่ ท่พี บ บนตน้ ไม้ใหญ ่ การขยายพันธุ์ แยกหน่อ ลกั ษณะเดน่ ดอก
159 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
160 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา ช่ือวิทยาศาสตร์ เอ้อื งนมหน ู Acriopsis liliifolia (J.Koning) Ormerod ชื่อวงศ ์ ORCHIDACEAE ชื่ออ่นื เออ้ื งนมหน ู ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ กล้วยไมอ้ ิงอาศัย ลำต้น เจริญเติบโตทางด้านข้าง หัวรูปไข่เกือบกลม กว้างประมาณ 1.5 เซนตเิ มตร มเี ย่ือบาง ๆ ตามข้อ หัวอยู่ชิดกันเป็นกระจกุ รากสนั้ เลก็ เจริญได้ดีมาก ใบ เป็นแถบแคบบาง และอ่อน กว้าง 0.8-1.5 เซนติเมตร ยาว 15-20 เซนติเมตร ดอก ออกเป็นช่อ ช่อดอกเกิดจากโคนหัว ยาว 20-40 เซนติเมตร มกั จะแยก สาขา ดอกในชอ่ ดก แตโ่ ปร่ง ช่วงเวลาการออกดอก เมษายน-มิถุนายน แหล่งทพี่ บ ใกล้แหลง่ นำ้ การขยายพันธุ์ แยกหนอ่ ลกั ษณะเด่น ดอก
161 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
162 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ์ เอื้องใบมะขาม Podochilus microphyllus Lindl. ชื่อวงศ์ ORCHIDACEAE ชื่ออน่ื เอือ้ งใบมะขาม ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ กล้วยไมอ้ ิงอาศัย ขน้ึ เปน็ กอ ลำตน้ ผอมสน้ั ยาว 7.0-15.0 เซนติเมตร ใบ รูปแถบหรือรูปรี กว้าง 2.0-3.0 เซนติเมตร ยาว 5.0-8.0 เซนติเมตร โคนใบบิดมกี าบหมุ้ ลำต้น ปลายใบแหลมเปน็ ตงิ่ ใบออกสลับซา้ ยขวาตลอดลำตน้ ดอก ออกเป็นช่อ ช่อดอกออกท่ีปลายยอด ก้านช่อดอกสั้น มี 3-5 ดอก ดอกสขี าว ดอกกวา้ ง 0.3 เซนติเมตร ชว่ งเวลาการออกดอก กรกฎาคม-สิงหาคม แหล่งที่พบ บนเขาสูง การขยายพนั ธ์ุ แยกหน่อ ลกั ษณะเดน่ ดอก
163 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
164 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ เอ้อื งปกี ไก่ Agrostophyllum glumaceum Hook.f. ชื่อวงศ์ ORCHIDACEAE ชอ่ื อื่น เอ้อื งปีกไก่ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ กลว้ ยไมอ้ งิ อาศยั ลำต้น ขน้ึ เปน็ กอ ผอมแบน ยาว 30-37 เซนตเิ มตร ใบ รูปแถบแกมรูปรี กว้าง 1.5-1.8 เซนติเมตร ยาว 13-17 เซนติเมตร โคนใบมีกาบหุ้มลำต้น ปลายใบแหลม กลางใบมีร่องตามยาว ใบออกสลับซ้ายขวา ตลอดลำต้น ดอก ออกเป็นช่อ ช่อดอกออกที่ปลายยอดเป็นกระจุกหรือเป็นกลุ่ม ช่อดอก ค่อนข้างกลม กว้าง 1.5-2.0 เซนติเมตร หลังช่อมีใบสีน้ำตาลห่อเป็นช้ัน ๆ มีดอกย่อยเรยี งแนน่ ภายในชอ่ ดอกสขี าว ดอกกว้าง 0.3 เซนติเมตร กลบี ปากรปู หัวใจ โคนกลบี ปากและเสน้ เกสรมขี ดี และจดุ สมี ว่ ง ชว่ งเวลาการออกดอก กรกฎาคม แหลง่ ทพ่ี บ บนเขาสูง การขยายพนั ธุ์ แยกหน่อ ลักษณะเดน่ ดอก
165 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
166 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา เออื้ งมนั ช่อื วิทยาศาสตร ์ Coelogyne cumingii Lindl. ช่อื วงศ์ ORCHIDACEAE ชือ่ อ่นื เอ้อื งมนั ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ กล้วยไม้องิ อาศยั ลำต้น ขึ้นเป็นกอ อวบ ผิวเป็นร่องเห็นชัดเจน กว้าง 2.0-3.0 เซนติเมตร ยาว 4.0-7.0 เซนตเิ มตร สเี ขยี วเขม้ ใบ รปู ขอบขนานแกมรูปรี กวา้ ง 3.0-4.0 เซนตเิ มตร ยาว 18-20 เซนตเิ มตร โคนใบเรยี วแหลม ปลายใบแหลม ออกตรงกลางลำตน้ ดอก ออกเป็นช่อกระจะที่ปลายยอด ช่อดอกตั้งตรงหรือทอดเอียงเล็กน้อย ชอ่ ดอกยาว 4-8 เซนตเิ มตร ดอกสีขาว กลีบดอกเปน็ รูปแฉกหา่ ง ๆ ดอกกว้าง 3-4 เซนตเิ มตร มีกลนิ่ หอมออ่ น ๆ ชว่ งเวลาการออกดอก พฤษภาคม-กรกฎาคม แหลง่ ที่พบ ขน้ึ เปน็ กลมุ่ บนตน้ ไม้หรือบนหิน การขยายพนั ธ์ ุ แยกเหงา้ ลกั ษณะเดน่ ดอก
167 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
168 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา ชือ่ วิทยาศาสตร ์ เอ้ืองแมงมมุ Arachnis flosaeris (L.) Rchb. F. ชอ่ื วงศ ์ ORCHIDACEAE ชือ่ อ่นื เออ้ื งแมงมมุ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ กล้วยไม้องิ อาศยั ลำต้น ตั้งตรง แข็ง มีกาบหุ้มสีเขียวรอบลำต้น สูง 2-4 เมตร รากใหญ่ และยาวแข็ง ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับในระนาบเดียวกัน ใบรูปรีแกมรูปไข่ กว้าง 2.0-4.0 เซนติเมตร ยาว 8.0-12.0 เซนติเมตร โคนติดกับกาบใบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนา ผวิ ใบเรยี บ ดอก ออกเปน็ ช่อโค้งเอนลง ชอ่ ดอกเกดิ จากโคนหัว ยาว 20-40 เซนติเมตร มักจะแยกสาขา ดอกในช่อดกแต่โปร่ง ช่อดอกยาว 40-80 เซนติเมตร ดอกกว้าง ประมาณ 5 เซนติเมตร ดอกบานทนหลายวนั มีกล่นิ หอมอ่อนๆ ชว่ งเวลาการออกดอก กรกฎาคม-สงิ หาคม แหล่งท่พี บ บริเวณทีแ่ สงส่องถึง การขยายพันธ์ุ ปักชำตน้ ลักษณะเด่น ดอก
169 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
170 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา เอ้ืองสายสคุ นธ์ ช่อื วิทยาศาสตร ์ Trichoglottis cirrhifera Teijsm.& Binn. ชือ่ วงศ์ ORCHIDACEAE ช่ืออืน่ เอ้อื งสายสุคนธ์ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ กล้วยไมอ้ ิงอาศยั ลำต้น เจรญิ เตบิ โตทางปลายยอด ยาวเลื้อยพนั ปลอ้ งยาว 2-3 เซนตเิ มตร มีรากอากาศขนาดใกล้เคยี งกับต้น ใบ ออกแบบสลับ รูปขอบขนานเบี้ยว กวา้ ง 1.5-2.5 เซนตเิ มตร ยาว 10-13 เซนตเิ มตร โคนใบเปน็ กาบหุม้ รอบขอ้ ปลายใบแหลม ดอก ดอกเด่ียว ออกบริเวณข้อตรงข้ามรอยต่อระหว่างกาบใบกับตัวใบ สีเหลือง มีสีน้ำตาลเป็นแถบหรือจุดแต้มท่ัวท้ังกลีบ กว้างประมาณ 1.5 เซนติเมตร กลีบดอกขนาดใกล้เคียงกับกลีบเล้ียง กลีบปากสั้น กว้าง 0.2-0.5 เซนติเมตร โคนกลีบปากนูนกลม ช่วงปลายมีขนสีขาวรอบ ๆ และสเี หลอื งปกคลมุ ทัว่ ไป ช่วงเวลาการออกดอก ธันวาคม-กุมภาพนั ธ์ แหล่งที่พบ บริเวณที่มแี สงรำไร การขยายพนั ธ์ุ เมล็ด แยกตน้ ลกั ษณะเด่น ดอก
171 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
172 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา เออื้ งหมายนา ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Costus speciosus (Koen.) Sm. ชอื่ วงศ์ COSTACEAE ช่ืออืน่ เอ้ืองช้าง เออ้ื งตน้ เอือ้ งเพด็ มา้ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ พืชล้มลกุ อายุหลายป ี ลำต้น กลม อวบน้ำ เจริญเตบิ โตเปน็ กอไมแ่ ตกแขนง มีเหง้าอยใู่ ต้ดินแตกกอ เจริญเปน็ ตน้ ใหม่ สงู 1-2 เมตร ใบ ใบเด่ียว ออกจากลำต้นเรียงกันเป็นเกลียวลักษณะคล้ายก้นหอย ใบรูปใบหอก กว้าง 4.5-7.0 เซนติเมตร ยาว 11-15 เซนติเมตร โคนใบมนมีขน ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม ผวิ ใบเรยี บมีสเี ขยี ว ดอก เปน็ ชอ่ ตงั้ ตรงทป่ี ลายยอดแต่ละดอกย่อยมีกลีบเลย้ี ง 2 กลบี ดอกตมู มีใบประดับเป็นกาบสีแดงหรือสีน้ำตาลหอ่ หมุ้ ดอกย่อยแต่ละดอกในช่อดอกติดกนั แนน่ ดอกสีขาว รปู ปากแตร ใจกลางดอกมีสเี หลอื งออ่ น ขอบกลบี ดอกหยักเป็นคลืน่ ผล กลม มีเนอื้ แข็งสีแดง มกี ลีบเลย้ี งตดิ อยู่ทผี่ ล เมล็ดสดี ำเป็นมัน ชว่ งเวลาการออกดอก ตลอดป ี แหล่งที่พบ พบกระจายทั่วไปบรเิ วณพนื้ ท่ีท่มี ีความชุ่มชื้น เชงิ เขา ริมหนองบงึ การขยายพนั ธุ์ แยกเหง้า ลักษณะเดน่ ดอก ทรงต้น
173 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
174 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา ชอื่ วทิ ยาศาสตร ์ เออื้ งไอยเรศ Rhynchostylis retusa (L.) Blume ช่อื วงศ ์ ORCHIDACEAE ชื่ออ่นื เอ้อื งไอยเรศ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ กล้วยไม้อิงอาศัย ลำตน้ เจรญิ เตบิ โตทางปลายยอด มักเอนห้อยลงมาเลก็ น้อย ใบ ใบรูปขอบขนาน กว้าง 1.5-2.0 เซนติเมตร ยาว 15-30 เซนติเมตร ปลายใบเว้าเรยี งสลบั ซ้ายขวา ดอก ออกเป็นช่อ ข้างลำต้น ห้อยลงยาวใกล้เคียงกับใบ ดอกในช่อเรียงกัน เป็นระเบยี บ กวา้ ง 1.5-2.0 เซนตเิ มตร ดอกมีกลน่ิ หอม ดอกบานนานเกอื บสัปดาห์ ช่วงเวลาการออกดอก เมษายน-พฤษภาคม แหล่งท่ีพบ ปา่ ดิบชนื้ ทัว่ ไป ใกล้แหล่งน้ำ การขยายพันธุ์ เมล็ด แยกต้น ลักษณะเดน่ ดอก
175 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
กล่มุ พชื ใบเลย้ี งค ู่ พืชใบเลี้ยงคู่ หมายถึง พืชดอกที่มีระบบรากแก้ว ต้นอ่อนมีใบเลี้ยง 2 ใบ ลำต้นมีข้อปล้องไม่ชัดเจน ใบโดยทั่วไปมีเส้นใบเป็นร่างแห (netted vein) ขอบเรียบ หรอื จกั มักมีกา้ นใบ หายากท่ีก้านใบเปน็ กาบ มักจะมหี ใู บ ดอกมสี ่วนต่าง ๆ 4 หรอื 5 หรอื ทวคี ณู ของ 4 หรือ 5 พบท้ังพืชลม้ ลกุ และพืชมเี นื้อไม้ 177 ไ ้มดอกไ ้มประ ัดบ ่ปาใน ุหบเขาลำพญา
178 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา กระเช้าสีดา ลชชชือ่ื่อ่ือักวอวษทิงืน่ณศย ะ์าท ล ศาำางตสพ้นตฤรพก ์ าษดศตาน้ สไตมรอ้ ์นื่ ยาวAกไAมปรRrเ้ะiรลsIเะStชอ้ื มoTา้ยาlมOoณ cดLhกO1iลaC0าHtงเaม IgAตaรClaEเปACน็ hEรa อ่ mงไ. มม่ ขี น ใบ ใบเดย่ี ว เรยี งสลบั รปู หอกถงึ รปู หอกแกมรปู ไข่ กวา้ ง 5.5-13.0 เซนตเิ มตร ยาว 7.5-17.5 เซนตเิ มตร โคนใบเวา้ เปน็ รปู หวั ใจ ขอบใบเรยี บ ปลายใบแหลม ผวิ ใบเรยี บ ท โรคปูง้ั นสขทอออ่งบปดขา้อ่นดนงาอเนป กน็ ขกเนปราะน็ ดเดปเอลากะก็ กชลอ่กมสลน้ับี ทดอ่ ออโอคกกง้ชตนั้ ปาเามดกซยี ทอวอ่กเใยบบาย้ี ววชแอ่5ลล.0ะะย-6นื่1.-ย02าเวซดไปนอกขตา้เิ มงมหตกี นรลง่ึน่ิ เชเปหอ่ื ลมมาน็ ตยดิมมกนใี นับมเปปขี รน็นะทด บัอ่ กผา้ นลผเลปแน็ ยผกลอแอหกง้ เปรน็ ปู ก6รเะสเชน้ า้ รตวอมนทปงั้ ลกาา้ ยนรยวามวเป3น็ .01-6เ.ส0น้ เซน ตเิ มตร ผลแกจ่ ะแตกเปน็ 6 เสย่ี ง เมล็ด รูปไข่แกมรูปสามเหลี่ยม ขนาดกว้าง 0.5-1.0 เซนติเมตร มีปีกแบน ผวิ ดา้ นหนง่ึ เปน็ ตมุ่ เลก็ ๆ ชกลแว่หกัารงษลขเง่ณวยทลาะพ่ี าเยดกบพ่นาันรใธอกผุ์อลลแ้กเ มหดลลอด็ง่ กน ำ้ ตลอดป ี
179 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
180 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา กะจปิ าตมี ะฮ ์ ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Labisia sp. ชื่อวงศ์ MYRSINACEAE ชอื่ อน่ื กาจิปาตมี ะห์ (มลาย-ู ยะลา) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นพืชไม้ตน้ ขนาดเลก็ ลำต้น มกั เลอ้ื ยทอดตามพ้ืนดิน ยาว 30-40 เซนติเมตร ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปรีแกมรูปใบหอก กว้าง 5.0-6.0 เซนติเมตร ยาว 20-30 เซนติเมตร โคนใบสอบเรียว ขอบใบเรยี บ ปลายใบแหลม ผวิ ใบเรียบ แผ่นใบหนา เส้นกลางใบเห็นเป็นสนั นนู ชัดเจน ก้านใบสนั้ คลา้ ยเปน็ กาบห้มุ ครึ่งลำต้น ดอก เป็นดอกช่อกระจะ ออกตามซอกใบ ดอกสีขาว ช่อดอกยาว 5.0-8.0 เซนติเมตร กา้ นดอกยาว 1-2 เซนติเมตร ผล ผลเด่ียว ออกเป็นช่ออัดแน่นเป็นผลสด ทรงกลม ผิวเรียบ ขนาดเส้นผ่า ศนู ย์กลาง 0.3-0.7 เซนตเิ มตร ผลสดสีเขียว เมื่อสุกสีแดงเข้ม ช่วงเวลาการออกดอก พฤษภาคม-กันยายน แหลง่ ทพี่ บ ขึ้นเป็นกล่มุ ตามรม่ ไม้ขนาดใหญ่ การขยายพันธ์ุ ปกั ชำต้น ลักษณะเดน่ ทรงตน้ ผลสกุ
181 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
182 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ กา้ งปลาแดง Phyllanthus reticulates Poir. ชอ่ื วงศ์ EUPHOBIACEAE ชอื่ อ่นื - ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้เถาเนอื้ แข็ง ลำตน้ เปน็ ไมเ้ ถาเน้อื แข็ง มักเลอ้ื ยทอดตามพ้นื ดิน ยาว 3-4 เมตร ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบกลมแกมรูปรี กว้าง 1.0-1.5 เซนติเมตร ยาว 1.5-2.0 เซนติเมตร โคนใบกลม ขอบใบเรียบ ปลายใบมน แผน่ ใบบาง ผิวใบเรียบ ดอก เปน็ ดอกเด่ยี ว ออกตามซอกใบ ดอกสีขาว ผล เป็นผลสด ทรงกลม ผิวเรียบ เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.3-0.7 เซนติเมตร ผลสดสเี ขียว เม่ือสุกสแี ดงเข้ม ชว่ งเวลาการออกดอก เกือบตลอดป ี แหลง่ ทีพ่ บ ตามร่มไม ้ การขยายพันธุ์ เมล็ด ลกั ษณะเดน่ ทรงต้น ดอก ผล
183 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
184 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา เขม็ ขาว ชื่อวิทยาศาสตร์ Pavetta sp. ช่อื วงศ์ RUBIACEAE ชื่ออื่น ยารง (มลาย-ู ยะลา) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมต้ น้ ขนาดเลก็ ลำต้น ตงั้ ตรง สงู 1.0-1.5 เมตร ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปรีแกมรูปไข่ กว้าง 5.0-7.0 เซนติเมตร ยาว 8.0-12.0 เซนติเมตร โคนใบสอบเรียว ขอบใบเป็นคล่ืนเรียบ ปลายใบแหลม แผ่นใบ ค่อนข้างหนา ผิวใบเป็นคล่ืนเห็นเส้นใบชัดเจน เส้นกลางใบเห็นเป็นสันนูนชัดเจน ก้านใบยาว 2.0-3.0 เซนตเิ มตร ดอก ออกเป็นช่อแขนง ท่ีปลายยอด กลีบดอกมี 4 กลีบ สีขาว กล่ินหอม ออ่ นๆ ขนาดเล็กกวา่ เข็มแดง ก้านเกสรยาว ช่วงเวลาการออกดอก กรกฎาคม-สิงหาคม แหล่งท่ีพบ บรเิ วณท่มี ีแสงรำไร การขยายพนั ธ์ุ ปักชำต้น, เมลด็ ลักษณะเด่น ดอก
185 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา
186 ไมด้ อกไมป้ ระดับปา่ ในหบุ เขาลำพญา เข็มแดงปา่ ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Ixora lobbii King & Gamble ชอื่ วงศ์ RUBIACEAE ชอ่ื อ่ืน เขม็ แดงป่า ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เปน็ ไม้ตน้ ขนาดเลก็ ลำต้น ตงั้ ตรง สงู ประมาณ 1.5 เมตร ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปรีแกมรูปใบหอก กว้าง 5.0-6.0 เซนติเมตร ยาว 8.0-10.0 เซนติเมตร โคนใบแหลม ขอบใบเรียบ ปลายใบเรียวแหลม แผน่ ใบหนา ผิวใบเรียบ กา้ นใบสน้ั ดอก เป็นดอกช่อแยกแขนง ออกปลายยอด ดอกสีแดง ผล เป็นผลสด ทรงกลม ผิวเรียบ เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.3-0.7 เซนติเมตร ผลสดสเี ขยี ว เม่อื สุกสดี ำ ชว่ งเวลาการออกดอก เกอื บตลอดปี แหลง่ ท่พี บ บรเิ วณทมี่ แี สงรำไร การขยายพันธ์ุ เมลด็ ลักษณะเด่น ดอก
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243