Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู

คู่มือครู

Published by BucKaJoEz Star, 2019-08-12 05:47:07

Description: คู่มือครู

Search

Read the Text Version

คำนำ คมู่ อื ครูประกอบการปฏิบัติงานวชิ าการโรงเรียนนารนี ุกูล จดั ทาขน้ึ โดยกลุ่มบรหิ ารวิชาการโรงเรียนนารี นุกูล โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพ่ือใช้ประกอบการดาเนินงานพฒั นาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา 2) เพื่อประกันคุณภาพการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอน และ 3) เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดระบบ การ ประกันคณุ ภาพสถานศกึ ษา ตามความในพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และทแ่ี กไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบับ ที่ 2) พ.ศ.2545 มาตรา 9 (3) ได้กาหนดการจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษาโดยยึดหลัก สาคัญข้อหน่ึง คือ มีการกาหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและ ประเภทการศกึ ษาการประกาศใชก้ ฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลกั เกณฑ์ และวธิ กี ารประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2553 หมวด 2 ข้อ 14 (1) ให้กาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา และประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เรื่อง ให้ใช้มาตรฐานการศึกษาข้ันพ้ืนฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ลงวันท่ี 11 ตุลาคม 2559 เพ่อื ใชเ้ ป็นหลักในการส่งเสริม สนับสนุน กากบั ดูแล และตดิ ตามตรวจสอบคณุ ภาพการศกึ ษา โรงเรียนนารี นุกูล จึงปรับมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ระดบั การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพ้นื ฐาน และการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องทั้งบุคลากรทุกคนในโรงเรยี น ผู้ปกครอง และประชาชน ในชุมชน ให้เหมาะสมและสอดคล้องกันเพื่อนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา การประเมิน คณุ ภาพภายในและเพื่อรองรบั การประเมนิ คุณภาพภายนอก รปู เล่มคู่มือครูประกอบการปฏบิ ัติงานวชิ าการโรงเรียนนารีนุกูล ประกอบด้วย ส่วนท่ี 1 ความสาคญั และ ความเป็นมา ส่วนที่ 2 แนวทางการดาเนินงานและขอบข่ายภาระงาน ส่วนท่ี 3 แนวทางการจัดกระบวน การ เรียนการสอนและการจัดทาเอกสารประกอบการเรียนการสอนของครูผู้สอน ส่วนที่ 4 ตัวอย่างแบบฟอร์ม เอกสารที่เก่ียวข้อง และภาคผนวก ซึ่งเอกสารฉบับน้ีเป็นจัดทาขึ้นเพ่ือเร่ิมใช้ในปีการศึกษา 2562 ซ่ึงอาจจะมี ข้อบกพร่องท่ียังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร คณะผู้จัดทาต้องขออภัยมา ณ โอกาสน้ี และหากผิดพลาดประการใด สามารถแจ้งและเพ่ิมเติมได้ท่ีกลุ่มบริหารวิชาการ โรงเรียนนารีนุกูลขอขอบคุณคณะผู้บริหาร คณะกรรมการ บริหารโรงเรยี นนารีนุกูล คณะกรรมการบริหารวชิ าการ ครูผ้สู อนทุกท่าน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรยี นทุกคน ที่ให้ความรว่ มมือในการดาเนินงานวิชาการเพือ่ ยกระดับคุณภาพการจัดการศกึ ษาโรงเรยี นนารนี กุ ลู หวังเป็นอยา่ ง ยิ่งเอกสารฉบับนจี้ ะเปน็ ประโยชน์ตอ่ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาตอ่ ไป (นายไพฑรู ย์ ครองยุทธ) ผ้อู านวยการโรงเรยี นนารนี ุกลู

สำรบญั สว่ นที่ เรอ่ื ง หนำ้ คานา สารบัญ 1 ควำมสำคญั และควำมเป็นมำ.......................................................................................... 1 หลกั การและเหตุผล........................................................................................................... 1 วตั ถุประสงค์...................................................................................................................... 6 กลมุ่ เปา้ หมาย.................................................................................................................... 7 ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รับ................................................................................................ 7 2 แนวทำงกำรดำเนินงำนและขอบข่ำยภำระงำน ............................................................ 8 หลัก 23 หลักการทรงงาน............................................................................................... 8 ขอบข่ายภารกจิ ด้านการบริหารวิชาการ............................................................................ 11 1. งานพัฒนาหลักสูตร................................................................................................... 11 2. งานจดั การเรยี นการสอน........................................................................................... 12 3. งานนิเทศการศกึ ษา................................................................................................... 12 4. งานวดั ผลและประเมนิ ผล.......................................................................................... 12 5. งานทะเบยี นนักเรียนและเทยี บโอนผลการเรยี น....................................................... 13 6. งานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน........................................................................................ 13 7. งานวจิ ัยและพฒั นา................................................................................................... 14 8. งานกล่มุ สาระการเรียนรู้ ......................................................................................... 14 9. งานแนะแนวการศึกษา.............................................................................................. 14 10. งานโปรแกรมนานาชาต.ิ ...........……………………………………………………………………. 15 11. งานหอ้ งเรียนพิเศษ................................................................................................ 15 12. งานรับนักเรียน...................................................................................................... 15 13. งานประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา............................................................................... 16 14. งาน IS………………………………………………………………………………………………………. 17 15. งานนเิ ทศการศกึ ษา............................................................................................... 17 16. งานการสร้างชุมชนแหง่ การเรียนรู้ทางวิชาชีพ...................................................... 17 17. งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น.............................................................................. 17 18. มาตรฐานการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน เพ่อื การประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา 18 พ.ศ. 2562

สำรบญั (ตอ่ ) สว่ นที่ เรอื่ ง หน้ำ 3 แนวทำงกำรจดั กระบวนกำรเรยี นกำรสอนและกำรจัดทำเอกสำรประกอบ กำรเรยี นกำรสอนของครูผู้สอน ................................................................................ 22 บทบาทครูผู้สอน................................................................................................................ 22 ๑. ศกึ ษาวิเคราะหผ์ ู้เรยี นเป็นรายบุคคลแล้วนาข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ท้าทายความสามารถของผ้เู รยี น.................................................... 22 2. กาหนดเปา้ หมายทตี่ อ้ งการให้เกิดข้ึนกับผู้เรยี น ดา้ นความรู้ และทักษะ กระบวนการ ที่เปน็ ความคิดรวบยอด หลักการ และความสมั พนั ธ์ รวมทงั้ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์............................................................................ 23 3. ออกแบบการเรียนร้แู ละจดั การเรียนรู้ทต่ี อบสนองความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล และพัฒนาการทางสมอง เพือ่ นาผูเ้ รียนไปสเู่ ปา้ หมาย............................................. 25 4. จัดบรรยากาศทเ่ี อ้อื ต่อการเรียนรู้และดูแลช่วยเหลือผ้เู รียนให้เกิดการเรียนรู้........... 27 5. การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น.......................................... 28 6. จดั เตรียมและเลือกใช้สอ่ื ใหเ้ หมาะสมกับกิจกรรม นาภมู ิปญั ญาท้องถิ่นเทคโนโลยี ทเ่ี หมาะสมมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน.......................................... 29 7. ประเมินความกา้ วหน้าของผเู้ รยี นดว้ ยวธิ ีการท่หี ลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ ของวิชาและระดบั พัฒนาการของผู้เรียน................................................................ 30 8. วเิ คราะห์ผลการประเมนิ มาใชใ้ นการซอ่ มเสรมิ และพฒั นาผูเ้ รียน รวมทงั้ ปรบั ปรุง การจัดการเรียนการสอนของตนเอง.................................................................... 38 บทบาทของผ้สู อนเพื่อส่งเสรมิ การเรียนการสอน............................................................. 39 1. การสร้างชมุ ชนแหง่ การเรียนรู้ทางวชิ าชีพ (Professional Learning Community : PLC).............................................................................................. 39 2. การยกระดบั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น..................................................................... 41 3. การประกนั คุณภาพการศกึ ษาของครูผสู้ อนรายบคุ คล และการรายงาน ผลการดาเนนิ งานรายบคุ คล (Individual Development Report : IDR)........... 43 4 ตวั อย่ำงแบบฟอรม์ เอกสำรทเ่ี กย่ี วข้อง............................................................................ 47 แบบฟอรม์ แผนการจัดการเรียนรู้.................................................................................... 47 แบบฟอร์มการวเิ คราะห์ผูเ้ รียนรายบคุ คล....................................................................... 60 แบบฟอร์มการวเิ คราะห์แบบทดสอบ.............................................................................. 66 แบบฟอรม์ เค้าโครงวจิ ยั ในชั้นเรยี น.................................................................................. 73 แบบฟอร์มการเขยี นรายงานวิจัยในชัน้ เรียน....................................................................... 78 แบบฟอร์มการนิเทศการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนครรู ายบุคคล............................... 82 แบบฟอรม์ การกาหนดปฏิทนิ การสรา้ งชมุ ชนแห่งการเรียนรู้.............................................. 85 ภำคผนวก 96 คณะกรรมการจดั ทาคูม่ ือประกอบการปฏิบัติงานวชิ าการโรงเรียนนารนี กุ ลู .......................... 97

ส่วนที่ 1 ควำมสำคัญและควำมเป็นมำ หลักกำรและเหตผุ ล 23 หลักการทรงงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวง รัชกาลท่ี 9 กล่าวว่า ข้อ 2 ระเบิดจาก ภายใน หมายถึง การจะทาการใดๆ ตอ้ งเรมิ่ จากคนทเี่ ก่ียวข้องเสียกอ่ น ต้องสรา้ งความเข้มแขง็ จากภายในให้เกิด ความเข้าใจและอยากทา ขอ้ 10 กำรมสี ว่ นรว่ ม พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นนัก ประชาธิปไตย ทรงเปิดโอกาสให้สาธารณชน ประชาชนหรือเจ้าหน้าท่ีทุกระดับได้มาร่วมแสดงความคิดเห็น “สาคัญที่สุดจะต้องหัดทาใจให้กว้างขวางหนักแน่น รู้จักรับฟังความคิดเห็น แม้กระท่ังความวิพากษ์วิจารณ์จาก ผู้อ่ืนอย่างฉลาดนั้น แท้จริง คือ การระดมสติปัญญาละประสบการณ์อันหลากหลายมาอานวยการปฏิบัติ บรหิ ารงานให้ประสบผลสาเร็จ ท่ีสมบรู ณน์ ั่นเอง” ข้อ 11 ต้องยดึ ประโยชน์สว่ นรวม พระองคท์ า่ นทรงระลึกถงึ ประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสาคัญ ดังพระราชดารัสตอนหนึ่งว่า “…ใครต่อใครบอกว่า ขอให้เสียสละส่วนตัวเพื่อ สว่ นรวม อนั น้ีฟงั จนเบอื่ อาจราคาญดว้ ยซา้ วา่ ใครต่อใครมากบ็ อกว่าขอใหค้ ิดถึงประโยชนส์ ว่ นรวม อาจมานึกใน ใจว่า ให้ๆ อยู่เรื่อยแล้วส่วนตัวจะได้อะไร ขอให้คิดว่าคนที่ให้เป็นเพื่อส่วนรวมน้ัน มิได้ให้ส่วนรวมแต่อย่างเดียว เป็นการให้เพื่อตัวเองสามารถที่จะมีส่วนรวมท่ีจะอาศัยได้…”ดังน้ันการทางานต้องมี ข้อ 22 ควำมเพียร คือ การเริม่ ตน้ ทางานหรอื ทาส่งิ ใดนั้นอาจจะไมไ่ ด้มีความพร้อมต้องอาศัยความอดทนและความมงุ่ มนั่ ดังเช่นพระราช นพิ นธ์ “พระมหาชนก” กษัตรยิ ์ผู้เพยี รพยายามแม้จะไม่เห็นฝง่ั กจ็ ะวา่ ยน้าต่อไป เพราะถา้ ไม่เพียรวา่ ยก็จะตกเป็น อาหารปู ปลา และไม่ได้พบกับเทวดาท่ีช่วยเหลือมิให้จมน้า และคนไทยทุกคนต้อง ข้อ 23 รู้ รัก สำมัคคี ดังนี้ รู้ คือ รู้ปัญหาและร้วู ิธแี ก้ปัญหาน้นั รัก คือ เมื่อเรารู้ถึงปัญหาและวิธแี ก้แล้ว เราต้องมีความรัก ที่จะลง มือทา ลงมือแก้ไขปัญหานั้น และสามัคคี คือ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่สามารถลงมือทาคนเดียวได้ ต้องอาศัย ความร่วมมือร่วมใจกัน(ที่มาhttps://th.jobsdb.com, http://www.crma.ac.th, http://umongcity.go.th ใน หลวง รัชกาลที่ 9 ทรงงานหนัก สบื คน้ เม่ือวนั ที่ 22 เมษายน 2561) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติมทุกฉบับ กล่าวว่า มำตรำ ๖ การ จัดการศึกษาตอ้ งเป็นไปเพื่อพฒั นาคนไทยให้เป็นมนษุ ย์ท่ีสมบรูณ์ท้งั ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคณุ ธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข กล่าวใน หมวด ๔ แนว กำรจัดกำรศึกษำ มำตรำ ๒๒ การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมคี วามสาคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตาม ธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ มาตรา ๒๔ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้สถานศึกษาและหนว่ ยงานที่เกี่ยวข้อง ดาเนนิ การ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) จัดเนอ้ื หาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดย คานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล (๒) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และ การประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา (๓) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ จาก ประสบการณ์จริง ฝึกการปฏบิ ัติให้ทาได้ คดิ เป็น และทาเป็น รกั การอ่านและเกิดการใฝร่ ู้ อย่างตอ่ เนอื่ ง (๔) จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกันรวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไวใ้ นทุกวิชา (๕) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอานวยความสะดวกเพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และมีความรอบรู้ รวม ท้ัง

สำมำรถใช้กำรวิจัยเปน็ ส่วนหนง่ึ ของกระบวนกำรเรียนรู้ ท้ังนี้ ผู้สอนและผู้เรยี นอาจเรียนรูไ้ ปพรอ้ มกนั จากส่ือ การเรียนการสอนและแหล่งวิทยาการประเภทต่าง ๆ (๖) จัดการเรียนรู้ให้เกิดข้ึนได้ทุกเวลาทุกสถานท่ี มีการ ประสานความร่วมมือกับบิดามารดา ผูป้ กครอง และบคุ คลในชุมชนทุกฝา่ ยเพือ่ ร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ การวัดและประเมินกล่าวใน มาตรา ๒๖ ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของ ผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการ เรียนการสอนตามความเหมาะสมของแต่ละระดับและรูปแบบการศึกษา และท่ีสาคัญ เพื่อเป็นการประกัน คุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา กล่าวใน หมวด ๖ มำตรฐำนและ กำรประกันคุณภำพกำรศกึ ษำ มำตรำ ๔๘ ใหห้ นว่ ยงานตน้ สังกัดและสถานศึกษาจดั ให้มีระบบ การประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาและให้ ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดาเนินการอย่างต่อเนื่อง เพ่ือให้การบริหารจัดการสถานศึกษาประสบผลสาเร็จสถานศึกษาจาเป็นต้องวางแผนเตรียมการในการพัฒนา คุณภาพผูเ้ รยี นให้เปน็ พลเมือง ที่ดขี องประเทศและเปน็ พลโลกทส่ี มบรู ณ์ หลกั สูตรการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 และทแ่ี กไ้ ขเพ่มิ เติม พทุ ธศกั ราช 2560 ไดก้ ล่าวไว้ว่า กำร จัดกำรเรียนรู้ เป็นกระบวนการสาคัญในการนาหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เป็นเป้าหมาย สาหรบั พัฒนาเดก็ และเยาวชน ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัด สรรกระบวนการเรียนรู้ จัดการเรยี นรโู้ ดยชว่ ยให้ผูเ้ รียนเรียนรู้ผ่านสาระท่ีกาหนดไว้ในหลักสตู ร ๘ กลมุ่ สาระการ เรียนรู้ รวมท้ังปลูกฝังเสริมสรา้ งคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อันเป็นสมรรถนะสาคัญให้ผเู้ รียน บรรลตุ ามเป้าหมาย ซ่ึงสถานศกึ ษาและครูผู้สอนต้องดาเนินการดงั นี้ ๑. หลักกำรจัดกำรเรียนรู้ เพอื่ ใหผ้ ู้เรยี นมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญ แ ล ะ คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ อั น พึ ง ป ร ะ ส ง ค์ ต า ม ที่ ก า ห น ด ไ ว้ ใ น ห ลั ก สู ต ร แ ก น ก ล า ง ก า ร ศึ ก ษ า ขัน้ พื้นฐาน โดยยดึ หลกั ว่า ผู้เรียนมีความสาคญั ท่ีสุด เชอื่ วา่ ทกุ คนมีความสามารถเรยี นรู้และพัฒนาตนเองได้ ยดึ ประโยชน์ท่ีเกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรยี น สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็ม ตามศักยภาพ คานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสาคัญท้ัง ความรู้ และคุณธรรม ๒. กระบวนกำรเรยี นรู้ การจัดการเรยี นรูท้ ีเ่ นน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคัญ ผ้เู รียนจะตอ้ งอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่ หลากหลาย เปน็ เครอื่ งมือทีจ่ ะนาพาตนเองไปส่เู ปา้ หมายของหลกั สตู ร กระบวนการเรยี นรทู้ จ่ี าเปน็ สาหรับผู้เรยี น อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชญิ สถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้ จากประสบการณ์จรงิ กระบวนการปฏิบัติ ลงมอื ทาจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพัฒนา ลกั ษณะนสิ ยั 3. กำรออกแบบกำรจัดกำรเรียนรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้ีวัด สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระ การเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน

แล้วจึงพิจารณาออกแบบการจัดการเรยี นรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและ ประเมนิ ผล เพอ่ื ใหผ้ ้เู รียนไดพ้ ัฒนาเตม็ ตามศกั ยภาพและบรรลุตามเป้าหมายที่กาหนด ๔. บทบำทของผูส้ อนและผู้เรียน การจัดการเรียนรู้เพอื่ ให้ผู้เรียนมคี ุณภาพตามเปา้ หมายของหลกั สูตร ทงั้ ผู้สอนและผ้เู รียนควรมีบทบาท ดังนี้ ๔.๑ บทบำทของผูส้ อน ๑) ศกึ ษาวเิ คราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนาขอ้ มลู มาใชใ้ นการวางแผนการจัด การเรียนรู้ที่ท้า ทายความสามารถของผเู้ รียน 2 ) กาหนดเป้าหมายท่ีต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ที่เป็น ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสมั พนั ธ์ รวมทั้งคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ท่ีตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการ ทางสมอง เพ่อื นาผู้เรียนไปสเู่ ปา้ หมาย ๔) จดั บรรยากาศทเ่ี ออ้ื ต่อการเรียนรู้ และดแู ลช่วยเหลือผเู้ รยี นใหเ้ กิดการเรยี นรู้ ๕) จดั เตรยี มและเลอื กใชส้ ือ่ ให้เหมาะสมกบั กิจกรรม นาภูมิปญั ญาท้องถิ่นเทคโนโลยี ที่เหมาะสมมาประยุกต์ใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน ๖) ประเมินความกา้ วหนา้ ของผเู้ รียนด้วยวธิ กี ารท่ีหลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติ ของวชิ าและระดบั พัฒนาการของผู้เรยี น ๗) วเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ มาใชใ้ นการซ่อมเสรมิ และพัฒนาผเู้ รยี น รวมทั้งปรบั ปรุง การจัดการเรยี นการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบำทของผ้เู รยี น ๑) กาหนดเปา้ หมาย วางแผน และรับผิดชอบการเรยี นร้ขู องตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เขา้ ถึงแหลง่ การเรยี นรู้ วิเคราะห์ สังเคราะหข์ ้อความรู้ ต้งั คาถามคดิ หาคาตอบหรือหาแนวทางแก้ปัญหาด้วยวธิ กี ารตา่ ง ๆ 3) ลงมือปฏิบตั จิ ริงสรปุ สง่ิ ท่ีได้เรียนร้ดู ้วยตนเอง และนาความรไู้ ปประยกุ ต์ใช้ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ 4) มีปฏสิ ัมพนั ธ์ ทางาน ทากจิ กรรมรว่ มกบั กลมุ่ และครู 5) ประเมนิ และพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ของตนเองอย่างต่อเนอ่ื ง สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 29 กาหนดแนวทางการพฒั นากำรบรหิ ำรจัดกำรศกึ ษำภำยใต้ องค์ประกอบ 4 ด้ำน ดังนี้ 1) ด้านโอกาสทางการศึกษา 2) ด้านคุณภาพทางการศึกษา 3) ด้านประสิทธิภาพ ทางการศึกษา 4)ด้านนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งด้ำนคุณภำพกำรศึกษำ องค์ประกอบที่ 1 การพัฒนา คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับตามหลักสูตร (ปัญญาดี มีทักษะ) ตัวชี้วัดที่ 2.1.1 ร้อยละ 100 ของ ผ้เู รียนระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน(ชนั้ ม.1,ม.4) มีผลการประเมนิ ระดบั สถานศกึ ษาเมื่อสิ้นปีการศึกษา ผา่ นเกณฑ์ ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ตัวชี้วัดที่ 2.1.3 ผู้เรียน ม.3 และ ม.6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการทดสอบ

ระดับชาติ (O-NET) ทุกกลุ่มสาระ เพิ่มขึ้นเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ข้ึนไป ตัวชี้วัดที่ 2.1.6 ร้อยละ 75 ของ ผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สามารถแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ตัวช้ีวัดท่ี 2.1.7 ร้อยละ 80 ของผู้เรียน ระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน มีทักษะการคิดวิเคราะห์คิดสร้างสรรค์ ตัวชี้วัดที่ 2.1.8 ร้อยละ 100 ผู้เรียน มี ทักษะการสื่อสารอย่างสรา้ งสรรคอ์ ย่างน้อย 2 ภาษา (ภาษาองั กฤษ และภาษาอาเซียน) ตัวช้วี ดั ท่ี 2.1.9 ร้อยละ 100 ของผู้เรียนมีทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่ือเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ เหมาะสมตามช่วง วัย องค์ประกอบท่ี 2 การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ความเป็นไทย วิถีชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง (มีคุณธรรม จริยธรรม) ร้อยละ 80 ของผู้เรียนมีทักษะการแก้ปัญหาและอยู่อย่างพอเพียง และ มำตรฐำนที่ 2 กำรบริหำรและกำรจัดกำรศึกษำท่ีมีประสิทธิภำพ ตัวบ่งช้ี ที่ 1 : กำรบริหำรงำนด้ำน วิชำกำร กำหนด ดังนี้ 1) ประสาน ส่งเสริมการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและจัดทากรอบหลักสูตรระดับ ท้องถ่ิน ให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 2) ส่งเสริมสถานศึกษาให้ จัดกระบวนการเรยี นรู้ท่ียึดผเู้ รียนเปน็ สาคญั 3) ส่งเสริม สนบั สนนุ ให้สถานศกึ ษามีการผลิต จัดหา และพัฒนา สอ่ื เครือ่ งมือ อุปกรณ์ในการเรียนรู้ ท่ีหลากหลายของผู้เรียนใหท้ นั ตอ่ ความเปลยี่ นแปลง 4) สง่ เสริมการวัดผล ประเมนิ ผลและนาผลไปใชใ้ นการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของเขตพ้นื ที่การศึกษา 5) สง่ เสรมิ และ พัฒนาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 6) การวิจยั และนาผลการวจิ ยั ไปใช้เพอื่ พฒั นางานวชิ าการ 7) ส่งเสริม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในสถานศึกษา 8) ประสาน ส่งเสริม ให้ชุมชน ท้องถ่ิน และสังคมมีส่วนรว่ มในการจัดการศึกษา รวมทั้งเป็นเครอื ข่ายและแหล่งเรียนร้เู พ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษา จาก การกาหนดนโยบายดงั กลา่ ว โรงเรยี นนารีนุกลู เลง็ เห็นความสาคัญของ การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา จึงได้นา น้อมหลักการทรงงาน 23 ข้อ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวง รัชกาลท่ี 9 มาหลักยึดในการ ปฏิบัติงานรว่ มกันอยา่ งมีความสุข โรงเรียนนารนี กุ ูล สานักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 29 กาหนด แนวทางการพฒั นาสถานศกึ ษา ดังนี้ วิสัยทศั น์ (Vision) โรงเรยี นนารีนุกลู ยกระดับคณุ ภาพการศึกษาตามมาตรฐานสากล ดว้ ยระบบการบริหารจัดการท่ีมี คุณภาพ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล บนพ้นื ฐานความเปน็ ไทย พนั ธกิจ (Mission) 1. พัฒนาคุณภาพผู้เรียนใหม้ ศี ักยภาพตามมาตรฐานสากล 2. พัฒนาระบบการบรหิ ารจดั การที่มีคุณภาพ ดว้ ยเทคโนโลยดี ิจทิ ัล 3. พัฒนาครูและบุคลากรให้มีความรู้คู่คณุ ธรรมบนพน้ื ฐานความเป็นไทย ก้าวไกลสสู่ ากล 4. พฒั นาสภาพแวดล้อมและแหลง่ เรียนรทู้ เ่ี อือ้ ต่อการจัดการเรยี นการสอน เป้ำประสงค์ (Goals) 1. ผ้เู รยี นมีความเปน็ เลิศทางวชิ าการ สอ่ื สารได้อยา่ งน้อยสองภาษา ลาหน้าทางความคิด ผลติ งานอย่าง สร้างสรรค์ มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคมโลก

2. โรงเรียนมรี ะบบการบรหิ ารจดั การทีม่ ีคุณภาพ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย 3. ครแู ละบคุ ลากรไดร้ ับการส่งเสรมิ และพฒั นาให้มคี วามรคู้ ่คู ุณธรรมบนพนื้ ฐานความเป็นไทย กา้ วไกล สู่สากล 4. โรงเรียนมีสภาพแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้ทเ่ี อื้อต่อการจัดการเรยี นการสอนอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ประเดน็ ยุทธศำสตร์ 1. พัฒนาคณุ ภาพผู้เรียนให้มีศกั ยภาพตามมาตรฐานสากล 2. สง่ เสรมิ การนาเทคโนโลยีดจิ ิทลั มาใช้ในการบริหารจัดการอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 3. พัฒนาครแู ละบคุ ลากรใหม้ ีความร้คู ู่คณุ ธรรมบนพน้ื ฐานความเปน็ ไทย กา้ วไกลสู่สากล 4. พฒั นาสภาพแวดลอ้ มและแหล่งเรียนร้ทู ่ีเอื้อต่อการจัดการเรยี นการสอน กลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ท่ี 1 พฒั นาคุณภาพผู้เรยี นให้มศี กั ยภาพตามมาตรฐานสากล กลยทุ ธ์ท่ี 1.1 ผลิตผเู้ รยี นใหม้ ีคุณภาพตรงตามมาตรฐานการศกึ ษา กลยทุ ธ์ท่ี 1.2 ผลิตผู้เรียนใหม้ ีศักยภาพตามมาตรฐานสากล ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 2 สง่ เสริมการนาเทคโนโลยดี ิจิทลั มาใช้ในการบรหิ ารจัดการอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ กลยทุ ธท์ ่ี 2.1 พฒั นาระบบ N3S Model กลยุทธ์ท่ี 2.2 พฒั นาระบบการบรหิ ารจัดการอยา่ งมคี ุณภาพ กลยุทธท์ ี่ 2.3 ส่งเสรมิ และสร้างความร่วมมอื กบั ชุมชน ภาคีเครือขา่ ยอยา่ งหลากหลาย ยุทธศาสตร์ท่ี 3 พฒั นาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาใหม้ ีความรคู้ ู่คณุ ธรรมบนพ้นื ฐานความเป็นไทย ก้าวไกลสู่สากล กลยุทธ์ที่ 3.1 ส่งเสริม สนับสนนุ การพัฒนาศักยภาพครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาให้เป็นมืออาชพี กลยทุ ธ์ท่ี 3.2 พฒั นาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาให้มคี วามสัมพันธ์ ผูกพนั และมวี ฒั นธรรมองค์กร รว่ มกัน กลยทุ ธท์ ่ี 3.3 ส่งเสริมครูและบคุ ลากรทางการศึกษาให้มสี ่วนร่วมในการอนรุ ักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย และภมู ิปัญญาท้องถน่ิ บนพ้นื ฐานตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กลยุทธท์ ี่ 3.4 สง่ เสริม สนบั สนนุ ครูและบุคลากรทางการศกึ ษาใหม้ ีความกา้ วหนา้ ทางวิชาชพี ยทุ ธศาสตร์ท่ี 4 พัฒนาสภาพแวดลอ้ มและแหล่งเรยี นรู้ท่ีเอ้อื ต่อการจัดการเรียนการสอน กลยุทธท์ ่ี 4.1 พัฒนาอาคารสถานท่ี ภมู ทิ ศั น์ และสภาพแวดลอ้ มของโรงเรยี นใหร้ ่มรื่น สวยงาม และ ปลอดภัย กลยทุ ธท์ ่ี 4.2 พฒั นาแหล่งเรียนรทู้ ่เี อ้ือตอ่ การจัดการเรียนการสอน จากการกาหนดแนวทางการพัฒนาดังกล่าว โรงเรียนนารีนุกูลแบ่งโครงสร้างการบริหารงานเป็น 4 กลุ่ม งาน คือ กลุ่มงานบริหารบุคคลและงบประมาณ กลุ่มงานบริหารวิชาการ กลุ่มงานบริหารกิจการนักเรียน และ กลุ่มงานบริหารทั่วไป ซ่ึงกลุ่มงานบรหิ ารวิชาการถือเป็นหัวใจสาคัญในการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น ซ่ึงโรงเรยี นได้ จัดได้พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้คุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ดังน้ัน โรงเรียนนารีนุกูลจงึ จดั ทาคมู่ อื ประกอบการปฏิบัติงานวิชาการกลุ่มบรหิ ารวิชาการข้ึนโดยเรม่ิ ใช้ปีการศกึ ษา 2561 และแก้ไขเพ่ิมเติม ปีที่ 2 โดยผ่านการประเมินผลการใช้คู่มือครปู ระกอบการปฏบิ ัติงานวชิ าการ ฉบับปีที่ 1 และนาผลการประเมนิ มาปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมให้เกิดความสมบูรณ์ เพื่อให้ครูได้ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติท่ีชัดเจน และเพื่อเป็นการ วางเป้าหมายเพอื่ ประกนั คุณภาพการสอนของครูผู้สอน และประกนั คุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา โดยมีการ รายงานผลเมอ่ื สิน้ ปกี ารศึกษา และกาหนดกระบวนการและข้ันตอนในการบริหารงานวชิ าการดงั น้ี ๑) การวางแผน (Planning) ๒) การจัดองค์กร (Organizing) ๓) การจัดวางตัวบุคลากร (Staffing) ๔) การบังคับบัญชา (Directing) ๕) การประสานงาน (Co - ordinating) ๖) การรายงาน (Reporting) ๗) การงบประมาณ (Budgeting) และวางแผนงานในแผนปฏิบัติการประจาปี / โครงการ/งาน/กิจกรรม ประจาปีแล้วยังกาหนด บทบาทหน้าที่ในคาส่ังพรรณนางานทุกปีการศึกษาเพ่ือสนองเจตนารมณ์พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศกั ราช 2542 และที่แกเ้ พ่มิ เติมทุกฉบบั วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ใหค้ รูใชเ้ ปน็ แนวทางการดาเนินงานวิชาการเพอื่ พัฒนาคณุ ภาพผ้เู รียนร่วมกันท้งั โรงเรยี น 2. เพอ่ื ให้การบรหิ ารงานวชิ าการมีความคลอ่ งตวั เป็นรูปธรรม ชดั เจน 3. เพือ่ พฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การกลมุ่ บริหารวิชาการให้ได้มาตรฐาน มคี ณุ ภาพสอดคล้องกบั ระบบประกัน คุณภาพการศกึ ษา การประเมินคุณภาพภายในสถานศกึ ษา และเพือ่ เตรียมรบั การประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 4 จาก สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน) 4. เพื่อใช้เป็นแนวทางเตรยี มการประเมินวิทยฐานะแนวใหม่ (ว.21) และการประเมินการคงสภาพวิทยฐานะ ตามรปู แบบการประเมนิ ของสานกั งานคณะกรรมการข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (กคศ.) กลมุ่ เป้ำหมำย ครโู รงเรียนนารนี กุ ลู ปีการศกึ ษา 2562 เป็นตน้ ไป ประโยชนท์ คี่ ำดวำ่ จะไดร้ ับ 1. ครไู ดศ้ ึกษาแนวทางการดาเนนิ งานวชิ าการเพอ่ื พัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รียนร่วมกนั ท้ังโรงเรียน 2. การบรหิ ารงานวชิ าการมีความคลอ่ งตัว สอดคล้องกับความตอ้ งการของผเู้ รยี น และชุมชน 3. ไดร้ ปู แบบการบริหารตามมาตรฐานการศึกษาขัน้ พ้นื ฐานสอดคลอ้ งกับระบบประกันคุณภาพการศึกษา การ ประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษา และเพื่อรองรับการประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 4 จาก สานักงานรับรอง มาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) 4. ได้แนวทางการประเมินวิทยฐานะแนวใหม่ (ว.21) และการประเมนิ การคงสภาพวิทยฐานะตามรูปแบบของ สานักงานคณะกรรมการข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา (กคศ.)

ส่วนที่ 2 แนวทำงกำรดำเนินงำนและขอบขำ่ ยภำระงำน แนวทำงกำรดำเนินงำน แนวทางการดาเนินงานวิชาการโรงเรียนนารนี ุกูล ได้นาแนวทางและยดึ 23 หลกั การทรงงาน พระบาทสมเด็จ พระเจา้ อย่หู ัว ในหลวง รัชกาลที่ 9 มาปรับใชใ้ ห้เกิดประโยชนไ์ ด้ ดงั น้ี 23 หลกั กำรทรงงำน พระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยู่หัว ในหลวง รชั กำลที่ 9 1. จะทาอะไรตอ้ งศกึ ษาขอ้ มูลให้เปน็ ระบบ 2. ระเบิดจากภายใน เร่ิมจากคนที่เก่ียวข้องเสียก่อน ต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายในให้เกิดความเข้าใจ และอยากทา 3. แก้ปัญหาจากจุดเล็กมองปัญหาภาพรวมก่อนเสมอ แต่เม่ือจะลงมือแก้ปัญหานั้น ควรมองในส่ิงท่ีคน มักจะมองข้าม แล้วเร่ิมแก้ปญั หาจากจุดเลก็ ๆ เม่ือสาเร็จจึงคอ่ ยๆ ขยบั ขยายแกไ้ ปเร่ือยๆ ทลี ะจดุ 4. ทาตามลาดับข้ัน เริ่มต้นจากการลงมือทาในสิ่งท่ีจาเป็นก่อน เม่ือสาเร็จแล้วก็เริ่มลงมือส่ิงท่ีจาเป็นลาดับ ตอ่ ไป ดว้ ยความรอบคอบและระมดั ระวงั 5. ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ การพัฒนาใดๆ ต้องคานึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณนนั้ วา่ เป็น อย่างไร และสังคมวิทยาเก่ียวกับลักษณะนิสัยใจคอคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละท้องถิ่นที่มีความ แตกตา่ งกัน 6. ทางานแบบองคร์ วม ใชว้ ิธีคดิ เพ่ือการทางาน โดยวิธีคิดอยา่ งองคร์ วม คอื การมองสิง่ ต่างๆ ทีเ่ กิดอย่าง เป็นระบบครบวงจร ทกุ สง่ิ ทุกอยา่ งมีมติ ิเชอื่ มตอ่ กัน มองสงิ่ ทเ่ี กิดขนึ้ และแนวทางแก้ไข อยา่ งเชอ่ื มโยง 7. ไมต่ ดิ ตารา เมอ่ื เราจะทาการใดน้นั ควรทางานอย่างยืดหยนุ่ กับสภาพและสถานการณน์ ้นั ๆ ไม่ใชก่ ารยึด ติดอย่กู บั แคใ่ นตาราวิชาการ เพราะบางทค่ี วามรทู้ ่วมหัว เอาตวั ไมร่ อด 8. ร้จู กั ประหยัด เรียบงา่ ย ได้ประโยชน์สงู สุด 9. ทาให้ง่าย ทรงคิดค้น ดัดแปลง ปรับปรุงและแก้ไขงาน การพัฒนาประเทศตามแนวพระราชดาริไปได้ โดยง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อนและที่สาคัญอยา่ งย่ิงคือ สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนและระบบนเิ วศ โดยรวม “ทาให้ง่าย”

10. การมีส่วนร่วม ทรงเป็นนักประชาธิปไตย ทรงเปิดโอกาสให้สาธารณชน ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ทุก ระดับได้มาร่วมแสดงความคิดเห็น “สาคัญท่ีสุดจะต้องหัดทาใจให้กว้างขวาง หนักแน่น รู้จักรับฟังความคิดเห็น แม้กระท่ังความวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นอย่างฉลาดน้ัน แท้จริงคือ การระดมสติปัญญาละประสบการณ์อัน หลากหลายมาอานวยการปฏบิ ตั ิบริหารงานใหป้ ระสบผลสาเรจ็ ท่ีสมบรู ณ์นน่ั เอง” 11. ตอ้ งยึดประโยชน์สว่ นรวม 12. บรกิ ารท่ีจดุ เดียว “การบรกิ ารรวมท่ีจุดเดียว : One Stop Service” โดยเนน้ เรอื่ งรู้รกั สามัคคแี ละการ ร่วมมือรว่ มแรงร่วมใจกันดว้ ยการปรบั ลดชอ่ งวา่ งระหวา่ งหนว่ ยงานที่เกย่ี วข้อง 13. ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ มองปัญหาธรรมชาติอย่างละเอียด โดยหากเราต้องการแก้ไขธรรมชาติ จะตอ้ งใชธ้ รรมชาตเิ ข้าชว่ ยเหลือเรา 14. ใช้อธรรมปราบอธรรม ทรงนาความจริงในเร่ืองธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของธรรมชาติมาเป็นหลักการ แนวทางปฏิบัตใิ นการแก้ไขปญั หาและปรับปรงุ สภาวะทีไ่ ม่ปกตเิ ข้าสู่ระบบทป่ี กติ 15. ปลูกปา่ ในใจคน การจะทาการใดสาเรจ็ ต้องปลูกจิตสานกึ ของคนเสยี กอ่ น ตอ้ งให้เห็นคุณคา่ เห็น ประโยชน์กับสิ่งท่ีจะทา 16. ขาดทนุ คอื กาไร หลกั การในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว รัชกาลที่ 9 ทมี่ ีต่อพสกนิกรไทย “การให”้ และ “การเสียสละ” เปน็ การกระทาอนั มผี ลเปน็ กาไร คอื ความอยูด่ มี สี ุขของราษฎร 17. การพึ่งพาตนเอง การพัฒนาตามแนวพระราชดาริ เพ่ือการแก้ไขปัญหาในเบ้ืองต้นด้วย การแก้ไข ปัญหาเฉพาะหน้า เพ่ือใหม้ ีความแข็งแรงพอท่จี ะดารงชีวิตได้ตอ่ ไป แล้วข้นั ตอ่ ไปก็คอื การพัฒนาใหป้ ระชาชน สามารถอย่ใู นสงั คมไดต้ ามสภาพแวดล้อมและสามารถ พ่ึงตนเองได้ในที่สดุ 18. พออยู่พอกิน ใหป้ ระชาชนสามารถอยูอ่ ย่าง “พออยพู่ อกนิ ” ใหไ้ ด้เสยี ก่อน แลว้ จึงคอ่ ยขยับขยายให้มี ขีดสมรรถนะที่กา้ วหน้าตอ่ ไป 19. เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระราชดารัสช้ีแนะแนวทางการ ดาเนินชีวิต ให้ดาเนินไปบน “ทางสายกลาง” เพื่อให้รอดพ้นและสามารถดารงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้ กระแสโลกาภิวัตน์และการเปลยี่ นแปลงต่างๆ ซง่ึ ปรัชญาน้ีสามารถนาไปประยุกต์ใชไ้ ดท้ ัง้ ระดับบุคคล องคก์ ร และ ชมุ ชน 20. ความซือ่ สัตย์สุจรติ จรงิ ใจต่อกนั ผู้ทม่ี ีความสุจรติ และบรสิ ุทธใ์ิ จ แมจ้ ะมคี วามร้นู อ้ ย ก็ยอ่ มทาประโยชน์ ให้แก่ส่วนรวมไดม้ ากกว่าผทู้ ่มี ีความรู้มาก แต่ไมม่ ีความสจุ รติ ไมม่ คี วามบรสิ ทุ ธใ์ิ จ 21. ทางานอย่างมคี วามสุข ทางานตอ้ งมคี วามสุขด้วย ถ้าเราทาอย่างไม่มคี วามสุขเราจะแพ้ แตถ่ า้ เรามี ความสขุ เราจะชนะ สนุกกบั การทางานเพียงเท่าน้นั ถือวา่ เราชนะแลว้ หรอื จะทางาน โดยคานงึ ถงึ ความสุขท่ี เกิดจากการไดท้ าประโยชนใ์ หก้ บั ผู้อืน่ ก็สามารถทาได้ 22. ความเพียร การเร่ิมต้นทางานหรือทาสิ่งใดน้ันอาจจะไม่ได้มีความพร้อม ต้องอาศัย ความอดทน และความมุ่งมั่น 23. รู้ รัก สามัคคี รู้ คือ รู้ปัญหาและรู้วิธีแก้ปัญหาน้ัน รัก คือ เมื่อเรารู้ถึงปัญหาและวิธีแก้แล้ว เราต้องมี ความรัก ท่ีจะลงมือทา ลงมือแก้ไขปญั หานนั้ สามัคคี คือ การแก้ไขปัญหาตา่ งๆ ไม่สามารถ ลงมือทาคนเดียวได้ ต้องอาศยั ความรว่ มมือร่วมใจกัน (สบื คน้ จาก : https://th.jobsdb.com, http://www.crma.ac.th, http://umongcity.go.th สืบคน้ เมือ่ วันท่ี 22 เมษายน 2561)

พระบรมรำโชบำยดำ้ นกำรศกึ ษำของสมเด็จพระเจำ้ อยหู่ ัวรัชกำลที่ 10 เมื่อวนั ศุกรท์ ่ี 18 สงิ หาคม พ.ศ. 2560 บรษิ ทั ซีพี ออลล์ จากัด (มหาชน) จดั งานแจกรางวลั “เซเว่นบ๊คุ อ วอร์ด” มศี าสตราจารยน์ ายแพทย์เกษม วัฒนชยั เป็นประธาน กอ่ นแจกรางวลั คณุ หมอเกษม ได้อญั เชญิ พระ บรมราโชบายด้านการศกึ ษาของสมเด็จพระเจา้ อยู่หัววชริ าลงกรณบ์ ดนิ ทรเทพยวรางกูร ซึง่ คุณหมอได้บันทึกไวม้ า เสนอในท่ปี ระชุม เป็นพระบรมราโชบายที่ครทู ุกคนควรทราบและน้อมมาปฏบิ ัติ ดงั น้ี การศกึ ษามุ่งสร้างพ้นื ฐานให้แก่ผ้เู รียน 4 ดา้ น 1. มีทศั นคติทถี่ ูกตอ้ งตอ่ บา้ นเมอื ง ขอ้ นีม้ คี าขยายว่า ต้องมีความรู้ความเข้าใจทีม่ ตี อ่ ชาติบ้านเมืองยึด มน่ั ในศาสนา มั่นคงในสถาบนั พระมหากษตั ริย์ และมคี วามเอ้ืออาทรตอ่ ครอบครัวและชุมชนของตน 2. มพี น้ื ฐานชวี ติ ทม่ี ั่นคง มคี ุณธรรม ข้อน้มี ีคาขยายวา่ ให้รจู้ กั แยกแยะส่ิงที่ผิด ท่ีถูก สง่ิ ท่ีช่ัว สิ่งทดี่ ี เพอ่ื ปฏิบตั แิ ต่สง่ิ ท่ดี ีงาม ปฏเิ สธสิ่งท่ีผิดที่ชว่ั เพ่อื สรา้ งคนดีใหแ้ กบ่ า้ นเมอื ง 3. มีงานทา มอี าชีพ ขอ้ น้มี ีคาขยายว่า ต้องให้เดก็ รักงาน สู้งาน ทางานจนสาเร็จ อบรมให้เรยี นรู้ การทางาน ให้สามารถเล้ียงตัวและเล้ยี งครอบครวั ได้ 4. เปน็ พลเมอื งดี ข้อนีม้ ีคาขยายวา่ การเป็นพลเมืองดเี ปน็ หน้าที่ของทกุ คน สถานศึกษาและสถาน ประกอบการตอ้ งส่งเสรมิ ใหท้ ุกคนมีโอกาสทาหน้าที่พลเมอื งดี การเปน็ พลเมอื งดีหมายถึง การมีนา้ ใจ มคี วามเออ้ื อาทร ตอ้ งทางานอาสาสมคั ร งานบาเพญ็ ประโยชน์ “เห็นอะไรทีจ่ ะทาเพือ่ บ้านเมอื งไดก้ ต็ อ้ งทา” พระบรมราโชบายทงั้ หมดนีไ้ ม่ใชส่ ิ่งที่ยากเกนิ กว่าครูจะทาและสั่งสอนศิษย์ให้ทาได้ หากครตู ัง้ ใจสร้าง ศษิ ย์ให้ไดต้ ามพระบรมราโชบายทง้ั 4 ดา้ น ขอ้ นี้จะทาให้ชาตบิ า้ นเมืองเจริญ ไม่มีคนทน่ี ิง่ ดูดายปล่อยให้เกดิ ความ ช่ัว ความไมด่ ใี นบ้านเมอื ง ที่สาคัญประการหน่งึ คอื การรจู้ กั แยกแยะส่งิ ทถ่ี กู ท่ผี ิด ส่งิ ที่ดสี ิง่ ทช่ี ว่ั และเลอื กรบั เลอื ก ทาแต่ทางทีถ่ กู ท่ีดี เดก็ ไทยควรใชว้ จิ ารณญาณของตน ไมต่ ามแฟชนั่ ตามสงั คมโดยไรส้ ติ อีกประการหนงึ่ ที่ควรนอ้ ม นามาใส่เกลา้ ฯ คอื พระบรมราโชบายท่วี า่ เห็นอะไรทคี่ วรทาเพ่อื บ้านเมืองกต็ อ้ งทา คนไทยเหน็ อะไรที่ควรทาเพือ่ บา้ นเมืองก็ตอ้ งลงมอื ทาไม่ปล่อยใหผ้ ่านไปดว้ ยความคดิ วา่ “ธรุ ะไมใ่ ช่” (ศาสตราจารย์กติ ตคิ ุณ ดร.กาญจนา นาค สกลุ นายกสมาคมครูภาษไทยแหง่ ประเทศไทย. 2562)

ขอบข่ำยภำรกจิ ด้ำนกำรบรหิ ำรวชิ ำกำร ขอบข่ายภารกจิ ด้านการบริหารวิชาการ โรงเรยี นนารีนกุ ูลได้นาเอาวิธกี ารการแบง่ ภารกิจงานตามเอกสาร 1) แนวทางการคู่มือการบริหารโรงเรียนในโครงการพัฒนาการบริหารรูปแบบนิติบุคคล (2556 : 41) และ 2) มาตรฐานการปฏิบัติงานโรงเรียนมัธยมศึกษา พ.ศ. 2552 (ปรับปรุง พ.ศ. 2560) โดยแบ่งภาระงานตาม โครงสร้างการบริหารงานกลุ่มบริหารวิชาการ ดังนี้ ขอบข่าย/ภารกิจการดาเนนิ งานด้านการบริหารวชิ าการของโรงเรียนนารนี ุกลู มรี ายละเอยี ดดังนี้ 1. งำนพัฒนำหลกั สตู รสถำนศึกษำ 1.1 ศึกษาวิเคราะห์เอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มาตรฐาน และตัวชว้ี ัดในหลักสูตรข้อมลู สารสนเทศเกีย่ วกับสภาพปัญหาและความตอ้ งการของสงั คม ชมุ ชนและท้องถนิ่ 1.2 วิเคราะห์สภาพแวดล้อม และประเมินสถานภาพสถานศึกษาเพ่ือกาหนดวิสัยทัศน์ ภารกิจ เปา้ หมาย คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ โดยการมีส่วนร่วมของทุกฝา่ ยรวมท้ังคณะกรรมการบรหิ ารวชิ าการ 1.3 จัดทาหลักสูตรสถานศกึ ษาหลักสูตรท้องถิน่ และสาระทรี่ ับผดิ ชอบให้สอดคลอ้ ง กบั วสิ ัยทัศน์ เป้าหมายและคุณลักษณะที่พึงประสงคโ์ ดยพยายามบูรณาการเนอื้ หาสาระทัง้ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้เดยี วกันและ ระหว่างกลุม่ สาระการเรียนรู้ตามความเหมาะสม

1.4 นาหลักสูตรไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของ พรบ. การศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ปี รบั ปรุงแก้ไข พ.ศ. 2545 1.5 นิเทศการใช้หลักสูตรของครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ท่ีรับผิดชอบประเมินผลหลักสูตรอย่าง ต่อเน่ืองและนาผลการประเมินไปใช้ในการพฒั นาหลกั สูตร 1.6 ติดตามและประเมินผลการใช้หลักสูตรของครใู นกลมุ่ สาระการเรียนรู้ทีร่ ับผดิ ชอบ 1.7 ปรบั ปรงุ และพฒั นาหลักสูตรในกลุม่ สาระการเรยี นรู้ที่ผิดชอบตามความเหมาะสม 2. งำนจดั กำรเรียนกำรสอน 2.1 จัดกลุ่มการเรยี นตามโครงสร้างหลักสูตรโรงเรียน โดยคานึงถงึ ความพร้อมของบุคลากร อาคาร สถานที่ และวัสดุครุภัณฑ์ ความต้องการ ความถนัด ความสนใจ เพื่อการศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพของ ผู้เรยี น 2.2 ประเมินผลและปรบั ปรงุ การจดั กลมุ่ การเรียนของครผู สู้ อน 2.3 จัดทาแนวปฏิบัติและเอกสารหลักฐานท่ีเกี่ยวข้องกับการเข้าสอนแทนและจัดครูเข้าสอนแทน ตามความเหมาะสมและแจ้งกลมุ่ สาระได้รวบรวมและประเมินผลการจัดครเู ขา้ สอนแทน 2.4 สรุปและรายงานผลการดาเนินการจดั ครเู ข้าสอนแทนให้ผู้บรหิ ารรับทราบสปั ดาหล์ ะ 1 ครงั้ 3. งำนนเิ ทศกำรศึกษำ 3.1 จดั ระบบการนิเทศงานวชิ าการและการจัดกิจกรรมเรยี นการสอนภายในสถานศึกษา 3.2 ดาเนนิ การนเิ ทศการเรียนการสอนในรปู แบบหลากหลายและเหมาะสมกบั สถานศกึ ษา 3.3 ประเมนิ ผลการจัดระบบ และกระบวนการนเิ ทศการศกึ ษาในสถานศกึ ษา 3.4 ติดตาม ประสานงานกับเขตพ้ืนที่การศึกษา เพ่ือพัฒนาระบบและกระบวนการนิเทศ งาน วิชาการและการเรยี นการสอนของสถานศกึ ษา 3.5 แลกเปลี่ยนเรียนรู้และประสบการณ์การจัดระบบนิเทศการศึกษาภายในสถานศึกษากับ สถานศึกษาอ่นื หรอื เครือข่ายการนเิ ทศการศึกษาภายในเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา 4. งำนวดั และประเมินผลกำรศึกษำ 4.1 จดั ทาแผน โครงการ ปฏิทินปฏิบัตงิ านวดั ผลและประเมนิ ผลการเรียน 4.2 จัดทาและตรวจสอบเอกสาร ปพ.1, ปพ.7 และเอกสารรบั รองอน่ื ๆ ที่เกี่ยวขอ้ งในระดับชน้ั ที่ รับผดิ ชอบ 4.3 รวบรวมผลสอบปลายภาค แบบประเมินผลการเรียนในระดับชั้นท่ีรับผิดชอบ นาเสนอ ผู้อานวยการเพ่ือขออนมุ ตั ิ ประกาศผลสอบและแยกช้นั เรยี นใหค้ รูท่ีปรกึ ษา นาไปจดั ทา ปพ.6 4.4 ดาเนินการเกยี่ วกบั การแก้ ๐ ร และ มส. 4.5 รวบรวมผลการสอบแก้ตัวนาเสนอผู้อานวยการเพื่อขออนุมัติ และประกาศผล ในระดับช้ันท่ี รบั ผดิ ชอบ ใหเ้ ปน็ ปัจจบุ ัน 4.6 สรุปผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของครูผู้สอนแต่ละคนต่อรองผู้อานวยการฝ่ายบรหิ ารงานวิชาการ เพือ่ หาจดุ พัฒนา 4.7 รวบรวมสถติ เิ กี่ยวกับการวัดผล ประเมนิ ผล เชน่ สถติ นิ กั เรียนทส่ี อบไม่ผ่าน สถติ ิ การสอบแก้ ตวั

4.8 จัดระบบการเก็บเอกสาร การทาลายเอกสาร ระเบียบคาสั่งงานวัดผล ให้สะดวกในการค้นหา และปลอดภัย 4.9 รว่ มมือกับกลุ่มสาระเพอ่ื วเิ คราะห์ข้อสอบกลางภาคและปลายภาค 4.10 ตรวจสอบ ปพ. 5 ของกล่มุ สาระวิชาต่างๆตามทไี่ ดร้ บั มอบหมาย และสรปุ ผล การตรวจสอบ ตอ่ รองผอู้ านวยการฝา่ ยบริหารงานวิชาการ เพ่ือพฒั นา 4.11 เปน็ เลขานกุ ารรว่ มกบั หวั หน้าระดับชนั้ และครูผู้สอนตรวจสอบคะแนนและ ผลการเรียน ใน ปพ. 5 ในระดบั ชนั้ ทรี่ บั ผดิ ชอบ 4.12 ดแู ลกากบั การตรวจข้อสอบโดยใชเ้ คร่ืองตรวจคาตอบ 5. งำนทะเบยี นนกั เรียน 5.1 จดั ทาแผน โครงการและปฏทิ นิ การดาเนินงานทะเบียนนกั เรยี น 5.2 จดั ทาทะเบยี นและเลขประจาตวั นักเรียน (ม.1 ม.4 และนกั เรยี นย้ายเขา้ -ย้ายออก) 5.3 จดั ทาแบบฟอร์ม แบบคารอ้ งทใ่ี ชใ้ นงานทะเบยี น 5.4 จัดทาสถิติในการรบั - จาหนา่ ยนกั เรยี น 5.5 จดั ทาสถติ ิจานวนนกั เรยี นให้เป็นปัจจุบนั 5.6 จัดทาใบลงทะเบยี นเรียนแต่ละภาคเรยี น 5.7 ตดิ ตอ่ ประสานงานกบั ผปู้ กครอง 5.8 จัดระบบการเก็บ รักษาเอกสาร การทาลายเอกสาร ระเบียบคาสั่งงานทะเบียนนักเรียนให้ สะดวกในการค้นหาและปลอดภยั 5.9 ใหบ้ รกิ ารในการจดั ทาเอกสาร ปพ. 1, ปพ.2, ปพ.3 และใบประกาศนียบัตรสาหรับนกั เรียนท่ี จบหลักสูตรแลว้ 5.10 จดั ทาบตั รประจาตวั นักเรยี นใหค้ รบทุกคน 5.11 จัดทาเอกสารแจ้งครูทป่ี รกึ ษา, ครูผู้สอน ในกรณที ่มี ีนักเรียนย้ายออกและเขา้ ใหม่ 5.12 ตรวจสอบวุฒกิ ารศึกษาของนักเรยี นท่ีจบการศกึ ษา 6. งำนกจิ กรรมพฒั นำผเู้ รียน 6.1 กาหนดนโยบายวา่ ดว้ ยการจดั กจิ กรรมลูกเสอื - เนตรนารี ยุวกาชาด ผูบ้ าเพญ็ ประโยชน์ และ กจิ กรรมชุมนมุ 6.2 กากับ ติดตาม ดูแล การปฏิบัติงานกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บาเพ็ญประโยชน์ และกิจกรรมชุมนุมให้เป็นไปตามนโยบายและเกิดประโยชนต์ ่อผู้เรียน 6.3 สนับสนุน ส่งเสริมการบริหารจัดการชั้นเรียนกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บาเพ็ญ ประโยชน์ และกิจกรรมชมุ นมุ ใหเ้ ป็นไปดว้ ยความเรียบรอ้ ย 6.4 ให้คาแนะนาในการแก้ไขปัญหาติดตาม ประเมินผลและรายงานการปฏิบัติงานของบุคลากรที่ สงั กัดกิจกรรมลกู เสอื - เนตรนารี ยวุ กาชาด ผ้บู าเพญ็ ประโยชน์ และกจิ กรรมชมุ นมุ

7. งำนวิจัยและพัฒนำ 7.1 สง่ เสรมิ ให้ครู ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย เพอื่ พัฒนาคุณภาพการเรยี นรูข้ องผู้เรยี น 7.2 จดั ทาวิจยั เพอ่ื พฒั นาโรงเรยี นปลี ะ 1 เรือ่ งเพื่อพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา 7.3 จดั ใหม้ ีการนิเทศเกีย่ วกับการจดั ทาวจิ ัยและรายงานการวจิ ยั 7.4 วางแผน และรว่ มมือในการดาเนนิ การประเมนิ คุณภาพงานวิจัยในช้ันเรยี นและงานวิจัยทางการ ศึกษา 8. งำนกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ 8.1 ส่งเสริมและพัฒนาครใู นการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตรสถานศึกษาและสอดคล้องกับ หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพ่มิ เติมทุกฉบบั 8.2 สง่ เสรมิ และให้ความรู้ครูในการจัดทาหน่วยการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้ทเี่ น้นผู้เรียน เปน็ สาคญั และให้ครูจดั ทาแผนการจัดการเรียนรู้ทกุ กลุ่มสาระการเรียนรแู้ บบยอ้ ยกลับและแผนการเรียนรู้บูรณา การเศรษฐกิจพอเพยี ง 8.3 ส่งเสริมใหค้ รจู ัดเนอ้ื หา สาระ กจิ กรรมให้สอดคลอ้ งกบั ความสนใจ ความถนัดของผู้เรยี นท้งั ด้าน ความรู้ ทกั ษะกระบวนการและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 8.4 ส่งเสริมการนาการจัดบรรยากาศ ส่ิงแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้ให้เอื้อต่อการจัดกระบวนการ เรียนรู้ 8.5 สง่ เสริมการนาภูมิปญั ญาทอ้ งถน่ิ หรอื เครอื ข่ายผูป้ กครอง ชมุ ชน ท้องถ่ินมามีส่วนร่วม ในการ จดั การเรยี นร้ตู ามความเหมาะสม 8.6 กากับ ติดตาม การจัดกระบวนการเรียนรู้ของครู ส่งเสริมให้ครูจัดเน้ือหาสาระและกิจกรรมให้ สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดของผู้เรียน ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ การประยุกต์ใช้ความรู้เพ่ือป้องกันและแก้ไขปัญหา การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงและการปฏิบัติจริง การ สง่ เสรมิ ให้รกั การอา่ น และใฝร่ อู้ ยา่ งต่อเนื่อง การผสมผสานความรู้ต่าง ๆ ใหส้ มดลุ กนั ปลูกฝังคุณธรรม คา่ นิยม ที่ดงี าม และคณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ท่ีสอดคลอ้ งกับเนอ้ื หาสาระกิจกรรม ทัง้ น้ีโดยจัดบรรยากาศและสิง่ แวดล้อม และแหล่งเรยี นรใู้ ห้เอ้ือตอ่ การจัดกระบวนการเรยี นรู้และการนาภูมิปญั ญาท้องถิน่ หรือเครือข่าย ผปู้ กครอง ชมุ ชน ท้องถนิ่ มามีสว่ นรว่ มในการจัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสม 8.7 นิเทศการเรียนการสอนแก่ครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ท่ีรับผิดชอบ โดยเน้นการนิเทศแบบ กัลยาณมิตร เช่น นิเทศแบบเพ่ือนช่วยเพ่ือน เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนร่วมกันหรือแบบอื่นๆ ตามความ เหมาะสม 8.8 ประเมนิ กระบวนการจดั การเรียนรขู้ องครูอยา่ งต่อเนอ่ื ง 9. งำนแนะแนวกำรศกึ ษำ 9.1 จดั ทาผลการเรียนรู้ ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้กิจกรรมแนะแนว แผนการจัดการเรยี นรู้ การวัดผล ประเมินผล และการเขา้ สอนของครูทกุ คน 9.2 จดั ครเู ข้าคาบแนะแนวของแตล่ ะระดับชน้ั 9.3 จดั ทาแบบบนั ทกึ เวลาเรียนกจิ กรรมแนะแนวทุกระดับชนั้ 9.4 ติดตามการส่งผลการประเมนิ กิจกรรมแนะแนวจากครูที่ปรกึ ษาให้ทันตามกาหนด และรวบรวม ผลการประเมนิ ส่งวชิ าการ

9.5 จัดทา ปพ.8 (ระเบียนสะสม)นกั เรยี นระดบั ชน้ั ม.1 –ม.4 9.6 ติดตามการกรอกขอ้ มูลในเอกสาร ปพ.8 ของครทู ปี่ รกึ ษาทกุ คน 9.7 ให้บริการเกี่ยวกับทุนการศึกษาและกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาแก่นักเรียน ที่ขาด แคลน 9.8 ให้บริการรับปรึกษา ให้คาแนะนาเกี่ยวกับการศกึ ษาต่อ การประกอบอาชีพและอืน่ ๆ 9.9 ติดตอ่ ประสานงานกับสถาบันระดับอุดมศกึ ษาเกย่ี วกับการศึกษาต่อของนักเรยี น 9.10 จัดทาขอ้ มลู เก่ยี วกับการศึกษาตอ่ และการประกอบอาชีพของนกั เรยี น 10. งำนโปรแกรมนำนำชำติ 10.1 วางแผน กาหนดการดาเนินงานห้องเรียนพิเศษโปรแกรมนานาชาติ ตามโครงการพัฒนา การศึกษาให้เป็นศูนย์กลางภูมิภาคประเทศไทย (Education Hub โดยจัดการเรียนการสอนโดยใช้หลักสูตร นานาชาติ ของมหาวิทยาลยั เคมบริดส์ (Cambridge University) โดยให้มกี ารพัฒนาหลักสูตรอยา่ งตอ่ เนอื่ งเพ่ือให้ สอดคล้องกับหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน และหลกั สูตรของเคมบรดิ ส์สคลู 10.2 ให้คาปรึกษา ควบคุม กากับ ดูแลการดาเนินงานและอานวยความสะดวกใหแ้ ก่คณะกรรมการ ฝ่ายต่างๆ ใหด้ าเนนิ ไปดว้ ยความเรียบรอ้ ย 10.3 จัดหาครูผู้สอนชาวต่างประเทศในการจัดการเรียนการสนอ สนับสนุนจัดการเรียนการสอน ตามโครงสรา้ งหลกั สตู รของโรงเรียนใหไ้ ดค้ ณุ ภาพมาตรฐาน 10.4 กากับติดตามและประเมินผลการจัดการเรียนการสอนของครูและประเมินประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลของครูผูส้ อน 10.5 สรปุ รายงานผลการดาเนินงานสน้ิ ปีการศกึ ษา 11. งำนหอ้ งเรยี นพเิ ศษ 11.1 วางแผน กาหนดการดาเนินงานห้องเรียนพิเศษโดยจัดการเรียนการสอนโดยใช้หลักสูตร ห้องเรียนพิเศษ 4 โครงการ และให้มีการพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเน่ืองเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน และหลกั สตู รของเคมบริดส์สคลู 11.1 ใหค้ าปรึกษา ควบคมุ กากับ ดแู ลการดาเนินงานและอานวยความสะดวกให้แก่คณะกรรมการ ฝา่ ยต่างๆ ให้ดาเนนิ ไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย 11.3 จัดหาครูผู้สอนเพื่อการจัดการเรียนการเสนอ สนับสนุนจัดการเรียนการสอนตามโครงสร้าง หลักสตู รของโรงเรยี นใหไ้ ด้คุณภาพมาตรฐาน 11.4 กากับติดตามและประเมินผลการจัดการเรียนการสอนของครูและประเมินประสิทธิภาพและ ประสทิ ธผิ ลของครผู ้สู อน 11.5 สรปุ รายงานผลการดาเนนิ งานสน้ิ ปีการศึกษา 12. งำนรับนักเรยี น 12.1 วางแผนและกาหนดแผนการรับนักเรยี นรายปีโดยวเิ คราะหข์ ้อมูลจากบริบท และนโยบายต้น สงั กัด และวางแผนกาหนดแผนการรบั นกั เรียนล่วงหนา้ 3 ปกี ารศกึ ษา 12.2 ประชาสัมพันธ์ และสร้างความเข้าใจให้ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และ ผู้ที่ เกี่ยวขอ้ งทราบอยา่ งชัดเจนในการรบั นักเรียนของทุกปกี ารศึกษา 12.3 จดั ทาเอกสารการรับสมัครประกอบใบสมัคร และคูม่ อื การสมัครนกั เรียน

12.4 รับสมัครนกั เรียน โดยทส่ี นใจมาสมัครเรียนอยา่ งทว่ั ถงึ และเปน็ ธรรม 12.5 วางแผนดาเนนิ การคัดเลือกนักเรียน และจดั ทาขอ้ สอบเพอ่ื คดั เลอื กนักเรยี น 12.6 ประกาศผลสอบ รบั รายงานตวั และรับมอบตวั นกั เรยี น 12.7 วางแผนเตรยี มการและรับมอบตัวนักเรียนใหเ้ สรจ็ สิน้ 12.8 เก็บเอกสารรับมอบตัวนกั เรยี นใหเ้ ป็นระบบและปลอดภัย 12.9 จดั นกั เรยี นเข้าชั้นเรยี นตามความเหมาะสมและถูกต้องตามแผนการรับนกั เรยี น 12.10 สรุปผลการดาเนนิ งานเพอื่ นาข้อมลู มาปรับปรุงพฒั นา 13. งำนประกันคณุ ภำพกำรศึกษำ 13.1 กาหนดมาตรฐานการศึกษาท่ีสอดคลอ้ งตามมาตรฐานการศกึ ษาชาติ เอกลกั ษณข์ องสถานศกึ ษา และ มาตรฐานการศึกษาข้ันพื้นฐานที่กระทรวงศึกษาประกาศใช้ พร้อมทั้งกาหนดค่าเป้าหมายความสาเร็จของแต่ละ มาตรฐานและตวั บ่งชี้ และประกาศใหผ้ ู้เก่ียวข้องไดร้ ับทราบ 13.2 รว่ มจัดทาแผนพฒั นาการจดั การศกึ ษาของสถานศึกษา (แผนพฒั นาการศกึ ษาขัน้ พื้นฐานสถานศึกษา) ท่ีมุ่งเน้นคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาที่ผ่านการวิเคราะห์สภาพปัญหา ความต้องการจาเป็น ของสถานศึกษา และระบวุ สิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ เปา้ ประสงค์ ความสาเร็จของการพฒั นา วิธดี าเนนิ งานทีม่ หี ลกั วิชาและ ผลการวจิ ัยรองรับ งบประมาณ และทรัพยากร รวมท้งั แหล่งวิทยาการจากภายนอกท่ีใหก้ ารสนับสนนุ อย่างชัดเจน โดยมีบุคลากรของสถานศึกษาและผู้เรียนเป็นผู้รับผิดชอบและจัดแผนปฏิบัติการประจาปีเพ่ือรองรับและ ดาเนินการ ท้ังนี้โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชนโดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศกึ ษา ข้นั พื้นฐาน 13.3 จัดระบบบริหารงานท่ีมีโครงสร้างท่ีชัดเจนและเอ้ือต่อการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายใน และจัดทาระบบสารสนเทศที่มีฐานข้อมูลสารสนเทศที่เป็นปัจจุบันอย่างครบถ้วน ถูกต้อง และเพียงพอ และ สามารถเข้าถงึ ได้อยา่ งสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย 13.4 รับผิดชอบและเกีย่ วข้องทุกฝ่ายดาเนนิ การตามแผนปฏิบัติการสู่การปฏิบัติอย่างมปี ระสิทธภิ าพและ เกิดประสิทธิผลสงู สุด 13.5 จัดให้มีการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา เพื่อทราบความก้าวหน้าของการปฏิบัติตาม แผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา และรายงานพร้อมข้อเสนอแนะการเร่วรัดการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาให้ผู้ท่ีรับผิดชอบและผู้ท่ีเก่ียวข้องนาไปประกอบการปรับปรุงพัฒนา และพร้อมรับ การติดตาม ตรวจสอบคุณภาพการศกึ ษาจากหน่วยงานตน้ สังกดั 13.6 จัดให้มีการประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาโดยมีคณะกรรมการท่ี ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิท่ีได้รับการข้ึนทะเบียนจากหน่วยงานต้นสังกัดอย่างน้อย 1 คน โดยใช้วิธีการและ เครื่องมอื ทห่ี ลากหลาย และพร้อมรับการประเมนิ คุณภาพภายในจากหน่วยงาน ต้นสังกดั 13.7 จัดทารายงานประจาปี (SAR) เพ่ือสะท้อนคุณภาพผู้เรียนและการบริการจัดการศึกษาของ ผรู้ บั ผิดชอบและผ้ทู ี่เกีย่ วข้องทุกฝา่ ยท่นี าไปสู่เป้าหมายท่ีสถานศกึ ษากาหนดไวใ้ นรอบปีเสนอต่อหน่วยงานตน้ สังกัด หน่วยงานท่เี กย่ี วขอ้ ง และเผยแพร่ตอ่ สาธารณชน โดยผา่ นความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน

13.8 ส่งเสริมให้ครูและบุคลากรของสถานศึกษามีความรู้ ความเข้าใจ และนาไปปฏิบัติในการพัฒนา คณุ ภาพการศึกษาอย่างตอ่ เนือ่ งจนเปน็ วัฒนธรรมองค์กร และนาผลการประเมนิ คณุ ภาพทั้งภายในและภายนอกไป ใช้ในการวางแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา 14. งำน IS 14.1 ศึกษาหลักสูตรสาระเทียบเคียงมาตรฐานสากล รายวิชาการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (IS1) และรายวชิ าการสอ่ื สารและการนาเสนอ (IS2) 14.2 กาหนดสาระสาคญั และผลการเรยี นรู้ ตารางวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ คาอธบิ ายรายวิชาโครงสร้าง หน่วยการเรียนรู้ การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรยี นรู้ 14.3 จดั ดาเนินกจิ กรรมตามโครงการพฒั นาการเรียนการสอนรายวชิ า IS 14.4 จัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล ในระดบั ชัน้ ที่ไดร้ บั มอบหมาย 15.งำนนเิ ทศกำรศึกษำ 15.1 กาหนดกรอบและขอบข่ายการนเิ ทศภายใน 15.2 กาหนดปฏทิ ินการนิเทศภายในให้ชัดเจน 15.3 ดาเนินการนิเทศภายในตามขอบขา่ ยและตามปฏทิ นิ ที่กาหนด 15.4 ประเมิน สรปุ และรายงานผลการนเิ ทศภายในเสนอผูอ้ านวยการโรงเรียน 15.5 ปฏบิ ัตหิ นา้ ทอ่ี นื่ ตามทไ่ี ด้รับมอบหมาย 16. งำนกำรสรำ้ งชมุ ชนแห่งกำรเรียนรู้ทำงวิชำชีพ 16.1 ศกึ ษาแนวทางการดาเนนิ งานการสร้างชุมชนแห่งการเรยี นรทู้ างวชิ าชีพ (PLC) 16.2 กาหนดแนวทางการดาเนินงานโดยใชร้ ปู แบบการศกึ ษาผา่ นบทเรียน (Lesson Study) 16.3 พฒั นาครแู ละบคุ ลากรให้มีความรู้ความเข้าใจในการดาเนินงาน 16.4 รว่ มกันวางแผนการดาเนินงาน กากับ ตดิ ตาม และประเมินการดาเนินงาน 16.5 จัดแสดงผลงานและเวทแี ลกเปลยี่ นเรยี นร้กู ารสร้างชุมชนแหง่ การเรียนรู้ทางวชิ าชีพ (PLC Symposium) ภาคเรยี นละ 1 คร้งั 17. งำนสวนพฤกษศำสตรโ์ รงเรียน ๑7.๑ จดั ทาแผนงานกจิ กรรมงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ตามแผนปฏบิ ัตริ าชการประจาปี ๑7.๒ จัดทาปฏิทินการดาเนนิ งาน งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ๑7.๓ วางแผน กากับ ตดิ ตาม การดาเนนิ งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ๑7.๔ ดาเนินงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นตามองค์ประกอบทงั้ 5 องคป์ ระกอบดังนี้ ๔.๑ องค์ประกอบท่ี ๑ การจัดทาป้ายช่ือพรรณไม้ ๔.๒ องค์ประกอบท่ี ๒ การรวบรวมพรรณไมเ้ ขา้ มาปลกู ในโรงเรียน ๔.๓ องคป์ ระกอบที่ ๓ การศึกษาด้านข้อมูลตา่ งๆ ๔.๔ องคป์ ระกอบท่ี ๔ การรายงานผลการเรียนรู้ ๔.๕ องคป์ ระกอบท่ี ๕ การนาไปใช้เพื่อประโยชนท์ างการศึกษา

๑7.๕ ดาเนนิ การจัดทาแหล่งเรียนรู้ จดั นทิ รรศการแสดงผลงาน งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ๑7.๖ รายงานผลการดาเนินงานใหฝ้ า่ ยบรหิ ารทราบ ๑7.๗ รายงานผลการดาเนนิ งานให้ อพ.สธ. ทราบ ปกี ารศึกษาละ 1 คร้ัง 18. มำตรฐำนกำรศึกษำขน้ั พ้ืนฐำน เพ่อื กำรประกันคุณภำพภำยในของสถำนศกึ ษำ พ.ศ. ๒562 ประกาศโรงเรียนนารนี ุกลู เร่ือง การใช้มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาระดับการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน เพื่อการประกนั คณุ ภาพภายในของสถานศึกษา ตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 9 (3) ได้กาหนดการจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษาโดยยึดหลักสาคัญข้อหน่งึ คือ มีการกาหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษา การประกาศใชก้ ฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวธิ กี ารประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2553 หมวด 2 ข้อ 14 (1) ใหก้ าหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา และประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เร่ือง ใหใ้ ชม้ าตรฐาน การศึกษาขนั้ พื้นฐาน เพื่อการประกนั คุณภาพภายในของสถานศกึ ษา ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2559 เพ่ือใชเ้ ป็นหลัก ในการสง่ เสริม สนบั สนนุ กากับดูแล และติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา โรงเรียนนารนี กุ ูล จงึ ปรบั มาตรฐาน การศกึ ษาของสถานศกึ ษา ระดบั การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน และการมีส่วนรว่ มของผู้เก่ียวข้องท้ังบุคลากรทุกคนในโรงเรยี น ผู้ปกครอง และประชาชน ในชุมชน ให้เหมาะสม และสอดคล้องกันเพื่อนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา การประเมินคุณภาพภายในและเพื่อ รองรบั การประเมนิ คณุ ภาพภายนอก โรงเรียนนารีนุกูล จึงประกาศใช้มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามเอกสารแนบท้ายประกาศน้ี เพ่อื เป็นเปา้ หมายในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศกึ ษา ระดับการศึกษา ขัน้ พืน้ ฐานและการประเมนิ คุณภาพภายใน ประกาศ ณ วนั ที่ 16 เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. 2562 (นายไพฑูรย์ ครองยุทธ) ผู้อานวยการโรงเรียนนารีนุกลู

18.1 มำตรฐำนกำรศึกษำโรงเรยี นนำรีนุกลู มำตรฐำนท่ี 1 คณุ ภำพของผู้เรียน 1.1 ผลสัมฤทธท์ิ ำงวชิ ำกำรของผู้เรยี น 1) ความสามารถในการอ่าน การเขียน การสอ่ื สารและการคิดคานวณตามเกณฑ์ของ แต่ ละระดับชัน้ 2) ความสามารถในการวเิ คราะห์ คดิ อย่างมีวจิ ารณญาณอภิปราย แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ และแก้ปัญหา 3) มคี วามสามารถในการสรา้ งนวตั กรรม 4) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร 5) ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นตามหลกั สตู รสถานศึกษา 6) มีความรู้ ทักษะพน้ื ฐานและเจตคติที่ดีตอ่ งานอาชีพ 1.2 คุณลักษะที่พงึ ประสงคข์ องผเู้ รียน 1) การมคี ณุ ลักษณะและคา่ นยิ มท่ีดีตามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด 2) ความภมู ใิ จในท้องถ่นิ และความเป็นไทย 3) การยอมรับทจี่ ะอยู่ร่วมกนั บนความแตกตา่ งและหลากหลาย 4) สุขภาวะทางร่างกายและลกั ษณะจติ สังคม มำตรฐำนท่ี 2 กระบวนกำรบริหำรและกำรจัดกำร 2.1 มเี ปา้ หมาย วิสยั ทัศน์ และพันธกิจที่สถานศกึ ษากาหนดชัดเจน 2.2 มรี ะบบบรหิ ารจดั คุณภาพของสถานศึกษา 2.3 ดาเนินงานพัฒนาวชิ าการทีเ่ นน้ คณุ ภาพผู้เรียนรอบด้านตามหลักสูตรสถานศกึ ษา และทกุ กลมุ่ เป้าหมาย 2.4 พฒั นาครูและบุคลากรกรให้มีความเช่ยี วชาญทางวชิ าชีพ 2.5 มีจดั สภาพแวดล้อมทางกายภาพและสงั คมท่ีเอื้อตอ่ การจัดการเรยี นร้อู ย่างมคี ณุ ภาพ 2.6 จดั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ สนบั สนุนการบรหิ ารจัดการและการจดั การ เรยี นรู้ มำตรฐำนท่ี 3 กระบวนกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนทีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั 3.1 จัดการเรยี นรู้ผา่ นกระบวนการคิดและปฏิบัติจริงและสามารถนาไปประยกุ ต์ใชใ้ น ชวี ติ ประจาวัน 3.2 ใช้ส่ือ เทคโนโลยสี ารสนเทศและแหลง่ เรยี นรทู้ ีเ่ ออ้ื ต่อการเรยี นรู้ 3.3 มีการบรหิ ารจดั การชั้นเรยี นเชิงบวก 3.4 ตรวจสอบและประเมินผเู้ รยี นอย่างเป็นระบบ และนาผลมาพฒั นาผเู้ รียน

3.5 มีการแลกเปลี่ยนเรยี นรูแ้ ละใช้ข้อมูลสะท้อนกลับเพ่อื พฒั นาและปรับปรุงการ จัดการเรียนรู้ ประกำศโรงเรยี นนำรนี ุกูล เรื่อง กำรกำหนดคำ่ เปำ้ หมำยตำมมำตรฐำนกำรศกึ ษำของสถำนศกึ ษำ ปกี ำรศึกษำ 2562 ระดับกำรศึกษำข้นั พืน้ ฐำนเพอื่ กำรประกนั คุณภำพภำยในของสถำนศกึ ษำ ตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2552 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 9 (3) ได้กาหนดการจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษาโดยยึดหลักสาคญั ขอ้ หน่งึ คือ มกี ารกาหนดมาตรฐานการศึกษา และจดั ระบบประกนั คุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษา การ ประกาศใช้กฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลกั เกณฑ์ และวิธีการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. 2553 หมวด 2 ข้อ 14 (1) ให้กาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา และประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ให้ใช้มาตรฐาน การศึกษาขัน้ พื้นฐาน เพอื่ การประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ลงวันท่ี 11 ตลุ าคม 2559 เพ่อื ใชเ้ ป็นหลัก ในการสง่ เสรมิ สนับสนนุ กากับดูแล และติดตามตรวจสอบคุณภาพการศกึ ษา โรงเรียนนารนี ุกูล จึงปรบั มาตรฐาน การศึกษาของสถานศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและได้กาหนดค่าเป้าหมายของการพัฒนาตามมาตรฐาน การศึกษา ปีการศึกษา 2562 โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานและการมี ส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง ท้ังบุคลากรทุกคนในโรงเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนในชุมชน เพื่อนาไปสู่การพัฒนา คณุ ภาพตามมาตรฐานการศกึ ษา การประเมินคุณภาพภายในและเพอ่ื รองรับการประเมนิ คุณภาพภายนอก เพื่อให้การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนนารีนุกูล มีคุณภาพและ ได้ มาตรฐาน โรงเรียนจึงได้กาหนดค่าเป้าหมายการพัฒนาตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ปีการศึกษา 2561 ระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน ตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้ เพ่ือเป็นเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพและ มาตรฐานการศึกษา ระดับการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานและการประเมินคณุ ภาพภายใน ประกาศ ณ วนั ท่ี 16 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562 (นายไพฑรู ย์ ครองยุทธ) ผู้อานวยการโรงเรียนนารนี กุ ลู

มำตรฐำน/ประเดน็ พจิ ำรณำ คำ่ เป้ำหมำย มำตรฐำนที่ 1 คณุ ภำพของผู้เรยี น ระดบั ยอดเยี่ยม 1.1 ผลสัมฤทธท์ิ างวชิ าการของผเู้ รยี น ระดบั ยอดเยี่ยม 1) ความสามารถในการอ่าน การเขียน การส่ือสารและการคิด ระดับยอดเย่ยี ม คานวณ ตามเกณฑ์ของแต่ละระดับช้ัน 2) ความสามารถในการวิเคราะห์ คดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ อภปิ ราย แลกเปลย่ี น ระดับยอดเยี่ยม ระดับยอดเย่ยี ม ความคดิ เห็นและแก้ปัญหา 3) มคี วามสามารถในการสร้างนวตั กรรม ระดบั ยอดเยี่ยม 4) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ5) ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น ระดบั ยอดเยี่ยม ตามหลักสตู รสถานศึกษาการสอื่ สาร ระดับยอดเยย่ี ม 5) มคี วามรู้ ทกั ษะพ้ืนฐานและเจตคติที่ดีตอ่ งานอาชพี ระดับยอดเยย่ี ม 1.2 คณุ ลกั ษะทพี่ ึงประสงคข์ องผู้เรยี น ระดับยอดเยย่ี ม 1) การมีคณุ ลักษณะและค่านิยมท่ดี ีตามทสี่ ถานศึกษากาหนด ระดบั ยอดเยี่ยม 2) ความภูมใิ จในทอ้ งถนิ่ และความเปน็ ไทย ระดบั ยอดเยี่ยม 3) การยอมรบั ที่จะอย่รู ว่ มกันบนความแตกตา่ งและหลากหลาย ระดบั ยอดเยย่ี ม 4) สุขภาวะทางรา่ งกายและลักษณะจิตสังคม ระดับยอดเยี่ยม มำตรฐำนท่ี 2 กระบวนกำรบรหิ ำรและกำรจัดกำร ระดบั ยอดเยี่ยม 2.1. มเี ปา้ หมาย วิสยั ทัศน์ และพนั ธกจิ ทสี่ ถานศึกษากาหนดชัดเจน 2.2. มีระบบบริหารจดั คุณภาพของสถานศกึ ษา ระดับยอดเยย่ี ม 2.3. ดาเนินงานพัฒนาวิชาการท่เี นน้ คุณภาพผเู้ รยี นรอบดา้ นตามหลกั สตู ร ระดบั ยอดเยย่ี ม ระดับยอดเยย่ี ม สถานศกึ ษาและทุกกลุม่ เป้าหมาย 2.4. พัฒครแู ละบุคลากรกรให้มีความเชีย่ วชาญทางวชิ าชีพ ระดับยอดเย่ียม 2.5 มีจดั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสงั คมทีเ่ ออ้ื ต่อการจัดการเรียนร้อู ยา่ งมี ระดับยอดเยี่ยม ระดับยอดเย่ยี ม คุณภาพ 2.6 จดั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ สนับสนนุ การบรหิ ารจัดการและการจดั การเรยี นรู้ มำตรฐำนท่ี 3 กระบวนกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนทีเ่ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคญั 3.1 จัดการเรียนร้ผู ่านกระบวนการคดิ และปฏบิ ัติจรงิ และสามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ ในชีวิตประจาวัน 3.2 ใช้สือ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศและแหล่งเรยี นรทู้ ี่เอือ้ ตอ่ การเรยี นรู้ 3.3 มกี ารบรหิ ารจัดการชั้นเรียนเชิงบวก 3.4 ตรวจสอบและประเมนิ ผูเ้ รยี นอย่างเปน็ ระบบ และนาผลมาพฒั นาผเู้ รยี น

มำตรฐำน/ประเด็นพจิ ำรณำ ค่ำเปำ้ หมำย 3.5 มกี ารแลกเปล่ียนเรียนรู้และใชข้ ้อมลู สะท้อนกลับเพอ่ื พัฒนาและปรบั ปรงุ การจัดการเรยี นรู้ ระดับยอดเยีย่ ม ส่วนท่ี 3 แนวทำงกำรจดั กระบวนกำรเรยี นกำรสอนและกำรจดั ทำเอกสำรประกอบกำรเรียนกำรสอนของครูผ้สู อน บทบำทและภำระงำนของครูผ้สู อนโรงเรียนนำรนี กุ ูล บทบาทของผู้สอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน : 2551) โรงเรียนนารีนุกูลกาหนดบทบาท หน้าท่ีและความรับผิดชอบของ ครผู ้สู อน ดงั น้ี ๑. ศึกษำวิเครำะห์ผู้เรียนเป็นรำยบุคคลแล้วนำข้อมูลมำใช้ในกำรวำงแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ ท่ที ำ้ ทำยควำมสำมำรถของผู้เรียน 1.1 วัตถปุ ระสงคก์ ำรวเิ ครำะห์ผเู้ รียน 1.1.1 เพือ่ ศึกษาวเิ คราะห์และแยกแยะความพรอ้ มของผเู้ รียนในแตล่ ะดา้ นเป็นรายบุคคล 1.1.2 เพื่อให้ครูผู้สอนรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลและหาวิธีการทางช่วยเหลือผู้เรียนท่ีมีข้อ บกพร่องใหม้ ีความพร้อมทด่ี ีขนึ้ 1.1.3 เพ่ือให้ผู้สอนได้จัดเตรียมการสอน ส่ือ หรือนวัตกรรม สาหรับดาเนนิ การจัดการเรยี นร้แู ก่ ผเู้ รยี นไดส้ อดคล้องเหมาะสมตรงตามความตอ้ งการของผเู้ รียนมากยงิ่ ข้นึ 1.2 แนวทำงกำรสรำ้ งเครือ่ งมอื เพื่อวิเครำะห์ผเู้ รียน การสร้างเคร่ืองมือสาหรับนามาทดสอบหรือตรวจสอบผู้เรียนเพ่ือใช้เป็นข้อมูลสาหรับวิเคราะห์ ผเู้ รียนถือเป็นเร่อื งทม่ี ีความจาเป็นและมีความสาคญั มาก ซึง่ สามารถทาได้หลายแนวทางแต่ในทนี่ ้ี สามารถเลือก ปฏิบัติได้ 3 วิธี ดงั นี้ 1.2.1 ใช้ผลสัมฤทธ์ทิ ำงกำรเรียนรำยวชิ ำของนกั เรยี นรายบคุ คลที่นักเรียนเรยี นมาภาคเรยี นท่ี ผา่ นมาวเิ คราะห์รายบคุ คลตามกลุ่มสาระที่รับผดิ ชอบ โดยใชเ้ กณฑ์ดังนี้ ผลการเรียนรายวิชา 3.5 - 4.0 กลุม่ เกง่ ผลการเรยี นรายวิชา 2.5 - 3.0 กลมุ่ ปานกลาง ผลการเรียนรายวชิ า 1.5 - 2.0 กลุ่มอ่อน ผลการเรยี นรายวชิ า 0 - 1.0 กล่มุ อ่อนมากซง่ึ ตอ้ งดูแลเปน็ พเิ ศษ 1.2.2 เกณฑ์กำรประเมนิ จำกกำรทำแบบทดสอบ จำนวน.....ข้อ ทาข้อสอบไดร้ อ้ ยละ 70 ขึน้ ไป ได้ระดบั ดี กล่มุ เกง่ ทาข้อสอบได้รอ้ ยละ 55 - 69 ขึ้นไป ไดร้ ะดบั ปานกลาง กลุ่มปาน กลาง

ทาขอ้ สอบได้ต่ากว่ารอ้ ยละ 0 – 54 ต้องปรบั ปรงุ แกไ้ ข ก ลุ่ ม อ่อน 1.2.3 หรือประเมนิ กอ่ นเรียนโดยใชแ้ บบทดสอบปรนัย/ปฏิบตั ิในรำยวชิ ำท่สี อนของแตล่ ะภาค เรียนซึ่งเป็นแบบทดสอบท่ีมกี ารหาค่าความเช่ือมนั่ มาทดสอบนกั เรียนรายบุคคล หรอื สอบปฏบิ ตั ิในรายวิชาปฏิบัติ โดยมีการกาหนดเกณฑ์ทชี่ ัดเจนตามแนวทางการวดั และประเมินผลผ้เู รียน การดาเนินการแยกข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคลในแต่ละด้าน แล้วนามากรอกข้อมูลลงในแบบ วเิ คราะหผ์ ้เู รยี นรายบคุ คล จากนนั้ ได้ประมวลผลขอ้ มูลสรปุ กรอกลงในแบบสรุปผลการวเิ คราะห์ผเู้ รียน เม่ือได้ขอ้ สรปุ แลว้ นาไปกาหนดแนวทางในการแก้ไขนักเรียนทค่ี วรปรับปรงุ เร่อื งตา่ ง ๆ ในแต่ละดา้ นตามแบบท่ี กาหนดให้ ใน ส่วนที่ 4 2. กำหนดเปำ้ หมำยทต่ี อ้ งกำรใหเ้ กิดขึ้นกบั ผู้เรยี น ดำ้ นควำมรู้ และทกั ษะกระบวนกำร ทเี่ ปน็ ควำมคิดรวบยอด หลักกำร และควำมสมั พนั ธ์ รวมทัง้ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ การกาหนดเป้าหมายท่ีต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้ และทักษะกระบวนการ ท่ีเป็น ความคิดรวบยอด หลักการ และความสัมพันธ์ รวมทั้งคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โรงเรียนนารีนุกูลกาหนดให้ ครผู ู้สอนได้วำงเป้ำหมำยกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนในทุกช่ัวโมงโดยกำรปลูกฝังให้ผู้เรียนทกุ คนไดม้ ีคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ มีคุณลักษณะตำมค่ำนิยมคนไทย 12 ประกำร และส่งเสริมให้ผู้เรียนมีสมรรถนะสำคัญ เพ่ือ นาใช้ในการชีวติ ประจาวัน โดยกาหนดในแผนการจัดการเรยี นรู้ทุกแผนการจัดการเรยี นรูโ้ ดยกาหนดให้ครไู ด้มีการ พัฒนาผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง เพ่ือให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้ กาหนดจุดหมายของหลักสูตรคุณลักษณะอันพึงประสงค์และสมรรถนสาคัญของผู้เรียน เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้ สอดคลอ้ งกบั พระราชบญั ญัติการศึกษา พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมทุกฉบับ ไวใ้ นเอกสารหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 และท่ีแก้ไขเพม่ิ เติม พทุ ธศักราช 2560 ไว้ดงั น้ี 2.1 จดุ หมำยหลกั สตู ร 2.1.๑ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมท่พี งึ ประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวนิ ยั และปฏิบัติ ตนตามหลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาทต่ี นนับถอื ยึดหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2.1.๒ มีความรอู้ นั เปน็ สากลและมคี วามสามารถในการสื่อสาร การคิด การแกป้ ัญหา การใช้ เทคโนโลยีและมีทักษะชวี ติ 2.1.๓ มสี ขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ ที่ดี มีสุขนสิ ยั และรกั การออกกาลังกาย 2.1.๔ มคี วามรกั ชาติ มีจติ สานึกในความเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ยดึ มัน่ ในวิถีชีวติ และการ ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข 2.1.๕ มีจิตสานกึ ในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย การอนรุ ักษแ์ ละพัฒนา สิง่ แวดลอ้ มมจี ติ สาธารณะท่มี ุง่ ทาประโยชนแ์ ละสร้างสิ่งทีด่ งี ามในสงั คม และอย่รู ว่ มกันในสงั คมอยา่ งมคี วามสุข 2.2 กำรกำหนดเปำ้ หมำยให้ครอบคลมุ ดังน้ี 2.2.1 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1) รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์

2) ซื่อสัตย์สจุ รติ 3) มวี ินัย 4) ใฝ่เรยี นรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทางาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ อนึ่งเพ่อื ให้สอดคล้องกบั การประกนั คุณภาพศึกษาโรงเรียนมอบหมายให้กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ที่ รบั ผดิ ชอบแตล่ ะข้อไดอ้ อกแบบและจัดทาเครอ่ื งในการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เกบ็ รวบรวมข้อมูลและ สารสนเทศอย่างเป็นระบบตรวจสอบได้ และรายงานผลเมือ่ ส้นิ ปีการศกึ ษา 2.2.2 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ภำษำต่ำงประเทศ 2) ความสามารถในการคิด กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ 3) ความสามารถในการแก้ปญั หา กลุม่ สำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์ 4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สงั คมศกึ ษำศำสนำและวัฒนธรรม 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี กล่มุ สำระกำรเรียนรู้กำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี อนึ่งเพ่ือให้สอดคล้องกับการประกันคุณภาพการศึกษา โรงเรียนมอบหมายให้กลุ่มสาระ การ เรียนร้ทู ี่รบั ผดิ ชอบแตล่ ะขอ้ ได้ออกแบบและจัดทาเครอ่ื งมือในการประเมนิ เก็บรวบรวมขอ้ มูลและสารสนเทศอย่าง เป็นระบบตรวจสอบได้ และรายงานผลเมอ่ื ส้ินปกี ารศกึ ษา 2.2.3 ค่ำนิยมหลักคนไทย 12 ประกำร นโยบายของคณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ (คสช.) นโยบายน้ี มีข้ึนเพ่ือสร้างสรรค์ประเทศไทยและสร้างคนในชาติให้เข้มแข็ง ดังนี้ค่านิยมคนไทย 12 ประการนี้ ผู้บริหารต้องสร้างความตระหนักและให้ความสาคัญในการสร้างให้เกิดกับครูและบุคลากรทางการศึกษา และ นักเรียน ทุกคน โรงเรียนมอบหมำยกลุ่มสำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม ออกแบบ จัดทา เครื่องในการประเมินผู้เรียน เก็บรวบรวมข้อมูลและสารสนเทศอยา่ งเป็นระบบตรวจสอบได้ และรายงานผลเมือ่ สิ้นปกี ารศึกษา ซงึ่ มีรายละเอียดดงั น้ี 1) ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2) ซ่ือสัตย์ เสียสละ อดทน มอี ดุ มการณใ์ นสง่ิ ทดี่ งี ามเพอื่ ส่วนรวม 3) กตัญญูต่อพอ่ แม่ ผู้ปกครอง ครบู าอาจารย์ 4) ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทง้ั ทางตรง และทางออ้ ม 5) รักษาวฒั นธรรมประเพณีไทยอันงดงาม 6) มศี ลี ธรรม รกั ษาความสัตย์ หวังดตี อ่ ผอู้ ื่น เผอ่ื แผแ่ ละแบ่งปนั 7) เข้าใจเรยี นรู้การเป็นประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ท่ีถกู ตอ้ ง 8) มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผนู้ อ้ ยรูจ้ กั การเคารพผใู้ หญ่

9) มีสตริ ู้ตัว ร้คู ิด รู้ทา รูป้ ฏิบตั ิตามพระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว 10) รู้จักดารงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดารัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เม่ือยามจาเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจาหน่าย และ พรอ้ มท่จี ะขยายกจิ การเม่อื มคี วามพร้อม เม่ือมภี ูมิคุม้ กนั ที่ดี 11) มีความเข้มแข็งท้ังร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออานาจฝ่ายต่า หรือกิเลส มีความ ละอายเกรงกลวั ตอ่ บาปตามหลกั ของศาสนา 12) คานงึ ถงึ ผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาตมิ ากกวา่ ผลประโยชนข์ องตนเอง 2.2.4 กำรประเมินกำรอำ่ น คดิ วเิ ครำะห์และเขียน เพือ่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั การประกัน คุณภาพการศกึ ษา โรงเรียนมอบหมายให้กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทยรบั ผดิ ชอบการออกแบบ จัดทาเครอื่ ง ในการประเมนิ เกบ็ รวบรวมข้อมลู และสารสนเทศอย่างเปน็ ระบบตรวจสอบได้ และรายงานผลเมอ่ื สน้ิ ปีการศึกษา 3. ออกแบบกำรเรียนรู้และจัดกำรเรยี นรู้ทตี่ อบสนองควำมแตกต่ำงระหวำ่ งบุคคลและพฒั นำกำร ทำงสมอง เพ่อื นำผู้เรียนไปสูเ่ ปำ้ หมำย การออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ท่ีตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและพั ฒนาการ ทางสมอง เพอื่ นาผเู้ รยี นไปสเู่ ป้าหมาย โดยโรงเรียนนารีนกุ ูลกาหนดใหค้ รผู สู้ อนจัดทาแผน การจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนกำร 5 ข้ันตอน (5 STEPs) เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทาง วิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) โดยเลือกเน้ือหาท่ีเหมาะสม จานวน 3 แผนการจัดการ เรียนรู้ โดยเน้นการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะศตวรรษท่ี 21 คือ 1) การรู้หนังสือ (Literacy) 2) การรู้เร่ืองจานวน (Numeracy) 3) การให้เหตุผล (Reasoning) กาหนด 3 วงรอบ หรือมำกกว่ำ และหรือการออกแบบการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ให้สอดคล้องกับศักยภาพของผู้เรียนรายบุคคล (ตามแบบฟอร์มท่ี กาหนดในส่วนท่ี 4 หน้า 46-57) ตามหลักฐานการวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล โดยกาหนดแนวทางการจัดทา แผนการจัดการเรียนรโู้ ดยมีองค์ประกอบทสี่ าคัญดังนี้ สว่ นที่ 1 กำรวเิ ครำะห์หลกั สตู ร ประกอบดว้ ย 1.1 บันทึกขอ้ ความ ส่งแผนการจัดการเรยี นรู้ 1.2 คาอธบิ ายรายวชิ า และโครงสร้างรายวิชา (สอดคล้องกับหลกั สตู รสถานศึกษา) 1.3 การวิเคราะห์หลักสูตรตารางวิเคราะห์ด้านองค์ความรู้ ด้านทักษะกระบวนการ ด้าน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ และด้านสมรรถนะสาคัญผเู้ รียน (KPAC) 1.4 ตารางกาหนดการสอนรายภาค 1.5 แผนการจัดทาหนว่ ยการเรยี นรู้ สว่ นที่ 2 องค์ประกอบแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ ประกอบดว้ ย 2.1 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2.2 รายวิชา 2.3 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี - ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ - เรอื่ ง

2.4 ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี - จานวนช่วั โมง – ชื่อ-สกลุ ครูผู้สอน – กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2.5 สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด 2.6 มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชวี้ ัด (รายวิชาพ้ืนฐาน) หรอื ผลการเรยี นรู้ (รายวชิ าเพม่ิ เติม) 2.7 มาตรฐาน (รายวชิ าเพมิ่ เติมไม่ต้องมี) 2.8 ตัวชีว้ ัด (รายวชิ าเพมิ่ เติมไมต่ อ้ งมี) 2.9 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 2.9.1 ดา้ นความรู้ (K) 2.9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) 2.9.3 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น (วเิ คราะห์ KPAC ที่สอนในแผนน้นั ) 2.10 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) 2.11 ค่านิยม 12 ประการ (ตาม KPAC ทส่ี อนในแผนนั้น) 2.12 กิจกรรมการเรยี นรู้ (แผนการจัดการเรียนรู้ไมเ่ กนิ 3 ช่ัวโมงต่อ 1 แผนฯ หรอื แผนการจัดการ เรยี นรรู้ ายชั่วโมง) และกาหนดให้ครูทุกท่านมกี ารบูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอน ตามเนอ้ื หาสาระทีเ่ กี่ยวขอ้ งและสอดคล้อง จานวน 1 แผนการจดั การเรยี นรู้ 2.12.1 ชั่วโมงท่ี 1 2.12.2 ชวั่ โมงที่ 2 2.12.3 ชว่ั โมงที่ 3 2.13 สอื่ การเรียนรู้ 2.13.1 ชว่ั โมงท่ี 1 2.13.2 ชว่ั โมงที่ 2 2.13.3 ชว่ั โมงที่ 3 2.14 การวัดและประเมินผล 2.15 ส่งิ ทีต่ ้องการวัดและประเมินผล 2.15.1 ความรู้ (K : Knowledge) 2.15.2 ทกั ษะกระบวนการ (P : Process) 2.15.3 คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A : Attitude) 2.15.4 สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น (C : Competency) 2.15.5 คา่ นยิ มคนไทย 12 ประการ 2.16 วธิ กี ารวดั และประเมินผล (สอดคล้องกบั 2.15) 2.16.1 ความรู้ (K : Knowledge) 2.16.2 ทักษะกระบวนการ (P : Process) 2.16.3 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A : Attitude) 2.16.4 สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น (C : Competency) 2.16.5 คา่ นยิ มคนไทย 12 ประการ 2.17 เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวดั และประเมินผล (สอดคล้องกบั 2.15) 2.17.1 ความรู้ (K : Knowledge)

2.17.2 ทักษะกระบวนการ (P : Process) 2.1713 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A : Attitude) 2.17.4 สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น (C : Competency) 2.17.5 คา่ นิยมคนไทย 12 ประการ 2.18 เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผล 2.18.1 เกณฑ์การวดั 2.18.2 เกณฑก์ ารประเมิน (สอดคลอ้ งกบั 2.18.1) 2.19 กิจกรรมเสนอแนะ/ภาระงาน 2.20 ความสัมพนั ธ์กับกลุม่ สาระการเรียนรอู้ น่ื 2.21 แหลง่ เรยี นรู้ 2.22 บันทึกผลหลังการสอน 2.23 บันทึกการนิเทศของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ รองผู้อานวยการกลุ่มบริหารวิชาการ และ ผู้อานวยการสถานศึกษา 4. จัดบรรยำกำศท่ีเอ้อื ต่อกำรเรียนรแู้ ละดูแลช่วยเหลือผ้เู รยี นให้เกิดกำรเรยี นรู้ การจัดบรรยากาศทเี่ ออื้ ตอ่ การเรยี นรู้ และดแู ลชว่ ยเหลือผเู้ รยี นใหเ้ กิดการเรียนรู้ โดยครผู ู้สอน ควรการจัดบรรยากาศในช้ันเรียนให้เอื้ออานวยต่อการเรียนการสอน เพื่อช่วยส่งเสริมให้กระบวนการเรียน การ สอนดาเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยสร้างความสนใจใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษา ตลอดจนช่วยสร้างเสริม ความมี ระเบยี บวินยั ให้แกผ่ เู้ รียน ซึ่งมคี วามสาคัญ ดังนี้ 4.1. ชว่ ยส่งเสริมให้การเรียนการสอนดาเนินไปอย่างราบร่ืน 4.2 ชว่ ยสร้างเสริมลักษณะนสิ ัยที่ดงี ามและความมรี ะเบยี บวินยั ใหแ้ กผ่ ู้เรียน 4.3 ช่วยสง่ เสริมสขุ ภาพทด่ี ีใหแ้ กผ่ ู้เรียน 4.4 ชว่ ยสง่ เสริมการเรยี นรู้ และสรา้ งความสนใจในบทเรียนมากย่งิ ขึน้ 4.5 ช่วยสง่ เสริมการเปน็ สมาชกิ ที่ดีของสงั คม 4.6.ช่วยสร้างเจตคติทด่ี ีต่อการเรยี นและการมาโรงเรยี น 1. กำรจัดบรรยำกำศทำงดำ้ นกำยภำพ 1.1 กำรจัดโต๊ะเรียนและเก้ำอ้ีของนักเรียน ให้มีขนาดเหมาะสมกับรูปร่างและวัยของนักเรียน ให้มีช่องว่างระหว่างแถวที่นักเรียนจะลุกน่ังได้สะดวก และทากิจกรรมได้คล่องตัว มีความสะดวกต่อการทาความ สะอาดและเคลื่อนย้ายเปลย่ี นรูปแบบทน่ี ง่ั เรียน มีรปู แบบทไ่ี ม่จาเจ เช่น อาจเปล่ยี นเป็นรูป ตวั ที ตวั ยู รปู ครงึ่ วงกลม หรือ เข้ากลุ่มเป็นวงกลม ได้อย่างเหมาะสมกับกิจกรรมการเรียนการสอนให้นักเรียนท่ีนั่งทุกจุดอ่าน กระดานดาได้ชดั เจน แถวหนา้ ของโต๊ะเรียนควรอยู่หา่ งจากกระดานดาพอสมควร 1.2 กำรจดั โตะ๊ ครู ใหอ้ ยู่ในจดุ ทเ่ี หมาะสม อาจจัดไวห้ นา้ หอ้ ง ขา้ งห้อง หรือหลงั หอ้ ง ก็ได้ งานวิจัยบางเรื่องเสนอแนะให้จัดโต๊ะครูไว้ด้านหลังห้องเพื่อให้มองเห็นนักเรียนได้อย่างทั่วถึง อย่างไร ก็ ตาม การจัดโตะ๊ ครูนั้นขนึ้ อยูก่ บั รปู แบบการจัดท่นี ง่ั ของนักเรียนดว้ ย และใหม้ ีความเปน็ ระเบียบเรียบร้อย ทั้งบน

โต๊ะและในล้นิ ชักโตะ๊ เพือ่ สะดวกต่อการทางานของครู และการวางสมดุ งานของนักเรยี น ตลอดจน เพอื่ ปลูกฝัง ลักษณะนิสัยความเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ยแก่นกั เรียน 1.3. กำรจัดป้ำยนิเทศ ควรใช้ป้ายนิเทศท่ีเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน โดยจัดตกแต่ง ออกแบบให้สวยงาม สร้างความสนใจให้แก่นักเรียน จัดเนื้อหาสาระให้สอดคล้องกับบทเรียน ทบทวนบทเรียน หรือเสริมความรู้ให้แก่นักเรียน จัดให้ใหม่อยู่เสมอ สอดคล้องกับเหตุการณ์สาคัญหรือวันสาคัญต่างๆ ที่นักเรียน เรียนและควรรู้ และจัดตดิ ผลงานของนักเรยี นและแผนภมู ิแสดงความก้าวหน้าในการเรียนของนกั เรยี นจะเป็นการ ใหแ้ รงจูงใจทน่ี ่าสนใจวธิ ีหน่งึ 1.4. กำรจัดสภำพห้องเรียน ต้องให้ถูกสุขลักษณะ คือ มีอากาศถ่ายเทได้ดี มีหน้าต่าง พอเพยี ง และมปี ระตูเข้าออกได้สะดวก มแี สงสวา่ งพอเหมาะ เพ่ือช่วยใหผ้ เู้ รยี นอ่านหนังสอื ไดช้ ัดเจน เพ่อื เป็นการ ถนอมสายตา ควรใช้ไฟฟ้าช่วย ถ้ามีแสงสว่างน้อยเกินไป ปราศจากสิ่งรบกวน มีความสะอาด โดยฝึกให้นักเรียน รบั ผิดชอบช่วยกนั เกบ็ กวาด เช็ดถู เป็นการปลูกฝังนิสัยรกั ความสะอาด และฝึกการทางานร่วมกัน 1.5. กำรจัดบรรยำกำศทำงดำ้ นจติ วิทยำ หรือทางดา้ นจติ ใจ ชว่ ยสร้างความรูส้ กึ ให้นักเรียนเกิด ความสบายใจในการเรยี น ปราศจากความวิตกกงั วล มีบรรยากาศของการสร้างสรรค์เร้าความสนใจให้ผู้เรียนรว่ ม กิจกรรมการเรียนการสอนด้วยความสุข ผู้เรียนจะได้รับความรู้และเกิดองค์ความรู้ในตัวได้ข้ึนอยู่กับ“ครู” เป็น สาคัญ คอื บุคลิกภาพ พฤติกรรมการสอน เทคนิคการปกครองชั้นเรยี น และปฏิสัมพนั ธ์ ในห้องเรยี น เป็น ต้น 5. กำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนกำรสอนกจิ กรรมพัฒนำผเู้ รยี น ระดับช้ันมัธยมศึกษำตอนต้น (ม. 1 – ม.3) เพ่ือให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจความรู้สึกของตนเอง แสวงหาแบบอย่างที่ดีและเหมาะสม รู้และเข้าใจสาเหตุของปัญหาและมีแนวทางในการแก้ปัญหา เข้าใจและ ยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล มีความสามารถจัดการกับอารมณ์และแสดงออกได้อย่างเหมาะสม มี ความสามารถในการทางานในฐานะผู้นาและผู้ตามที่ดี มีความสามารถในการตัดสินใจแก้ปัญหาของตนเอง ครอบครัวโรงเรียนและสังคม สามารถค้นหารวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ทันสมยั และสามารถเลือกใช้ข้อมลู สารสนเทศให้เป็นประโยชนต์ อ่ ตนเองและสังคม 5.1 ระดับช้ันมธั ยมศึกษำตอนต้น ประกอบดว้ ย 5.1.1 กจิ กรรมชมุ นุม กาหนดจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนในวันพฤหัสบดี คาบที่ 9 5.1.2 กจิ กรรมแนะแนว จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนโดยครแู นะแนว 5.1.3 กิจกรรมลูกเสอื -เนตรนารี ยุวกาชาด และผูบ้ าเพ็ญประโยชน์ กาหนดดังน้ี 1) ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 และ 2 กาหนดจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ในวนั อังคาร คาบท่ี 8 2) ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 กาหนดจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนใน วันพุธ คาบท่ี 8 หมำยเหตุ การแต่งกาย ครผู สู้ อนแต่งกำยในเคร่ืองแบบถูกต้องตำมระเบยี บและกฎกระทรวงกำหนด ของ 1) ขอ้ บงั คับของสำนกั งำนคณะกรรมกำรลูกเสือแหง่ ชำติ 2) สำนักงำน ยวุ กำชำด สภำกำชำดไทย

และ 3) สมำคมผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์ ในพระบรมรำชนิ ูปถัมภ์ ตามกจิ กรรมทไ่ี ดร้ ับมอบหมายทกุ วนั ที่มีการเรียน การสอน โดยการตรวจสอบของงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นจัดทาแบบตดิ ตามการเรียนการสอนมอบหมายให้หวั หน้า กจิ กรรมแต่ละระดับชั้นได้ถือปฏิบตั ิเป็นแนวเดียวกัน 5.2 ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษำตอนปลำย ประกอบด้วย 5.2.1 กจิ กรรมชมุ นุม กาหนดจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนในวนั พฤหัสบดี คาบท่ี 9 5.2.2 กจิ กรรมแนะแนว จดั กจิ กรรมการเรียนการสอนโดยครแู นะแนว 5.2.3 กิจกรรมรกั ษาดินแดน (รด.) และอาสายวุ กาชาด จดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนโดย ครทู ่ีปรกึ ษาหรอื ครูท่ผี สู้ อนทีร่ บั ผิดชอบ กาหนดจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนในวันศกุ ร์ คาบท่ี 9 หมำยเหตุ การแตง่ กายครผู สู้ อนแต่งเครอ่ื งแบบให้ถูกต้องตำมระเบียบกำหนดตามกิจกรรมที่ได้รับ มอบหมายทกุ วนั ที่มกี ารเรยี นการสอน โดยการตรวจสอบของงานกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียนจดั ทาแบบตดิ ตามการเรียน การสอนมอบหมายให้หวั หนา้ กจิ กรรมแต่ละระดับชั้นไดถ้ ือปฏบิ ัติเปน็ แนวเดียวกนั 6. จดั เตรยี มและเลอื กใช้สือ่ ใหเ้ หมำะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญำท้องถ่ินเทคโนโลยี ท่เี หมำะสมมำประยุกตใ์ ชใ้ นกำรจัดกำรเรยี นกำรสอน การจัดเตรียมและเลือกใช้ส่ือใหเ้ หมาะสมกับกิจกรรม นาภูมิปัญญาท้องถ่ินเทคโนโลยีที่เหมาะสมมา ประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ครูผู้สอนสามารถเลือกใช้ส่ือได้ตามความเหมาะสมกับเนื้อหาที่สอน และ ปรากฏในแผนการจัดการเรียนรแู้ ละนาไปใช้จดั การเรยี นการสอนใหก้ ับผูเ้ รยี นจรงิ ดังนี้ 6.1 สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือเรียน คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ หนังสืออ้างอิง หนังสืออ่าน เพิ่มเติม แบบฝึกกิจกรรม ใบงาน ใบความรู้ ฯลฯ และส่ิงพิมพ์ทั่วไปท่ีสามารถนามาใช้ในกระบวนการ เรยี นรู้ เช่น วารสาร นติ ยสาร จลุ สาร หนงั สอื พมิ พ์ จดหมายขา่ ว โปสเตอร์ แผน่ พบั แผน่ ภาพ เป็นต้น 6.2 สื่อบุคคล หมายถึง ตัวบุคคล/ภูมิปัญญาท้องถ่ินท่ีทาหน้าที่ถ่ายทอดสาระความรู้ แนวคิด และวธิ ีปฏบิ ัติตนไปสู่บคุ คลอ่ืน นับเป็นสอื่ การเรยี นร้ทู ม่ี บี ทบาทสาคัญ โดยเฉพาะในด้านการโนม้ น้าวจิตใจ ของนักเรียน ส่ือบุคคลอาจเป็นบุคลากรที่อยู่ในสถานศึกษา เช่น ผู้บริหารครู บุคลากรทางการศึกษา คน ทาอาหาร หรือตัวนักเรยี นเอง หรอื อาจเป็นบุคลากรภายนอกท่ีมคี วามเชีย่ วชาญในสาขาต่างๆ 6.3 สื่อวสั ดุ เปน็ ส่ือที่เก็บสาระความรอู้ ยใู่ นตัวเอง จาแนกออกเป็น 2 ลักษณะ คือ 6.3.1 วัสดุประเภทท่ีสามารถถ่ายทอดความรู้อยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จาเป็นต้องอาศัย อุปกรณช์ ว่ ย เชน่ รูปภาพ หนุ่ จาลอง เป็นต้น 6.3.2 วัสดุประเภทท่ีไม่สามารถถ่ายทอดความรู้ได้โดยตนเองจาเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ อ่ืน ช่วย เช่น ฟิล์มภาพยนตร์ เทปบันทึกเสยี ง ซดี รี อม แผ่นดิสก์ เป็นตน้ 6.4 ส่อื อุปกรณ์ หมายถึง สิง่ ท่เี ปน็ ตวั กลางหรือตวั ผา่ น ทาให้ข้อมูลหรือความร้ทู ่ีบันทึกในวัสดุ สามารถถ่ายทอดอกมาให้เห็นหรือได้ยิน เช่น เครื่องฉายแผ่นทึบแสง เคร่ืองฉายภาพยนตร์ เครื่อง คอมพิวเตอร์ เคร่ืองบันทึกเสียง เป็นต้น โดยโรงเรียนจัดเตรียมเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ (Projector) ซึ่งมี วิธีการใช้งานดังน้ี

6.4.1 สารวจวัสดุอุปกรณ์ว่ามีความพร้อมในการใช้งาน ประกอบด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องฉายภาพข้ามศรี ษะ (Projector) และรโี มทคอนโทรล สายไฟฟ้าตัวนา HDMI 6.4.2 นาสายนา HDMI มาเสียบเขา้ เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ดว้ ยความบรรจงและกาหนดมือให้ เบาท่ีสุด เพอ่ื เปน็ การทะนถุ นอมเคร่อื งให้ใช้งานในระยะยาว 6.4.3 ยกเบรกเกอร์ขนึ้ เพอื่ ปล่อยกระแสไฟฟา้ 6.4.4 กดรโี มทคอนโทรลไปทปี่ ุ่ม ON โดยชีไ้ ปที่เคร่อื งฉายภาพข้ามศรี ษะ (Projector) 6.4.4 กรณุ ารอประมาณ 1 นาทเี พอ่ื ให้เครื่องเซต็ ตวั 6.4.5 การปดิ เครือ่ งโปรเจคเตอร์ อยา่ ดึงปลกั๊ ขณะเครื่องกาลงั ทางาน 6.4.6 กดรโี มทคอนโทรลทีป่ ุม่ พาวเวอร์ (สแี ดง) 2 ครั้ง เคร่ืองจะดับ 6.4.7 อย่าดงึ ปล๊ักหรือสบั คัทเอาท์ทันที เพราะต้องรอใหเ้ ครื่องหยดุ ทางานก่อน 6.4.8 ปิดสวิตซ์โปรเจคเตอร์ และถอดสายไฟออก 6.5 สื่อบริบท เป็นส่ือที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการเรียนการสอน ได้แก่ สภาพแวดล้อม และ สถานการณต์ า่ ง ๆ เชน่ ห้องเรยี น ห้องปฏิบตั กิ าร แหล่งวิทยาการหรอื แหลง่ เรียนรู้อน่ื ๆ เช่น หอ้ งสมุด หรือเปน็ ส่ิง ทีเ่ กดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติในรูปของสิ่งมีชีวติ เช่น พชื ผัก ผลไม้ สัตว์ชนิดตา่ งๆ หรืออยใู่ นรปู ของปรากฏการณ์หรือ เหตกุ ารณ์ทม่ี ีอยหู่ รือเกดิ ข้ึนรอบตวั ตลอดจนข่าวสารด้านตา่ งๆ เป็นตน้ 6.6 สื่อกิจกรรม เป็นกิจกรรมหรือกระบวนการท่ีจัดขึ้นเพ่ือเสริมสร้างประสบการณ์ การ เรียนรู้ให้กับนักเรียน ได้แก่ การแสดงละคร บทบาทสมมติ การสาธิต สถานการณ์จาลอง การจัดนิทรรศการ การ ไปทศั นศึกษานอกสถานที่ การทาโครงงาน ในการจัดทา เลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ครูผู้สอนควรคานึงถึงหลักการสาคัญของส่ือการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์ การ เรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เน้ือหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่ กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง รูปแบบการนาเสนอท่ีเข้าใจง่าย และ นา่ สนใจ โดยครดู าเนินการ ดังน้ี 1. จัดทาและจัดหาสื่อการเรียนรู้สาหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทง้ั จัดหาสิ่งทม่ี อี ย่ใู นท้องถ่นิ มาประยุกตใ์ ช้เป็นสื่อการเรยี นรู้ 2. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กบั วธิ ีการเรียนรู้ ธรรมชาติของสาระการเรยี นรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลของผู้เรียน 3. ประเมนิ คุณภาพของส่อื การเรียนรทู้ ่ีเลือกใชอ้ ย่างเปน็ ระบบ 4. ศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั เพือ่ พฒั นาสื่อการเรียนรใู้ ห้สอดคล้องกบั กระบวนการเรยี นรูข้ องผเู้ รียน 5. จัดทาทะเบียนส่ือรายลบุคคลและทะเบียนสื่อกลุ่มสาระการเรียนรู้ และจัดให้มี การ ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเก่ียวกับสื่อและการใช้ส่ือการเรียนรเู้ ป็นระยะๆ และสม่าเสมอและรายงานผล การดาเนนิ งานเม่อื สน้ิ ภาคเรียน 7. ประเมนิ ควำมก้ำวหน้ำของผเู้ รยี นด้วยวธิ กี ำรทห่ี ลำกหลำย เหมำะสมกบั ธรรมชำติ

ของวชิ ำและระดับพฒั นำกำรของผู้เรยี น การประเมนิ ความกา้ วหน้าของผู้เรียนด้วยวธิ กี ารทห่ี ลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ ของวิชาและระดับพัฒนาการของผู้เรยี น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พ.ศ. 2551 กาหนด ดังน้ี การ วัดและประเมนิ ผลการเรียนร้ขู องผูเ้ รียนตอ้ งอยู่บนหลักการพ้ืนฐานสองประการ คือ การประเมินเพอ่ื พัฒนาผู้เรียน และเพ่ือตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ประสบผลสาเร็จน้ัน ผู้เรียนจะต้อง ได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสาคัญ และ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคข์ องผู้เรยี นซงึ่ เปน็ เป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ในทุกระดับไมว่ า่ จะเป็นระดับช้ันเรยี นและระดับสถานศกึ ษา โดยครูผู้สอนต้อง ดาเนินการดังนี้ 7.๑ กำรประเมินระดับช้ันเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูผูส้ อนดาเนินการเปน็ ปกติและสม่าเสมอในการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการประเมนิ อย่างหลากหลาย ดังน้ี 7.1.1 การซักถาม 7.1.2 การสังเกต 7.1.3 การตรวจการบ้าน 7.1.4 การประเมินโครงงาน 7.1.5 การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน 7.1.5 แฟม้ สะสมงาน 7.1.7 การใช้แบบทดสอบ โดยเป็นแบบทดสอบที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับจุดประสงค์และ เน้ือหาที่สอนท้ังแบบทดสอบรายตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ แบบทดสอบกลางภาคเรียน และแบบทดสอบปลายภาค เรียน โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพ่ือนประเมินเพื่อน ผู้ปกครองร่วม ประเมิน ในกรณีทไ่ี ม่ผ่ำนตัวชว้ี ดั หรือผลกำรเรยี นรู้ใด ๆ ให้ครผู สู้ อนมกี ำรสอนซ่อมเสริม การประเมินระดับช้ันเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าใน การเรียนรู้ อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับ การพัฒนาปรับปรงุ และส่งเสรมิ ในดา้ นใด นอกจากนีย้ งั เป็นข้อมูลให้ผสู้ อนใชป้ รับปรุงการเรียนการสอนของตนด้วย ท้งั นโี้ ดยสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวช้วี ดั 7.๒ กำรประเมินระดับสถำนศึกษำ เป็นการประเมินท่ีสถานศึกษาดาเนินการ เพ่ือตัดสินผล การเรยี นของผเู้ รียนเปน็ รายป/ี รายภาค ผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน คณุ ลกั ษณะ อัน พึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพ่ือให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ว่า สง่ ผลตอ่ การเรยี นรูข้ องผูเ้ รยี นตามเป้าหมายหรอื ไม่ ผ้เู รียนมีจุดพฒั นาในด้านใด รวมทัง้ สามารถนาผล การเรยี น ของผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ สารสนเทศเพอ่ื การปรบั ปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรอื วธิ ีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพือ่ การจัดทา แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการ

จัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ผู้ปกครองและชุมชน 7.3 เกณฑก์ ำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรียน 7.3.1 กำรตัดสนิ ใหร้ ะดบั และกำรรำยงำนผลกำรเรียน ๑) กำรตัดสินผลกำรเรียน ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิด วิเคราะหแ์ ละเขียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นนั้น ผสู้ อนต้องคานึงถงึ การพัฒนาผู้เรียน แต่ละคนเป็นหลัก และต้องเก็บข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่าเสมอและต่อเน่อื งในแต่ละภาคเรียน รวมท้ังสอน ซ่อมเสรมิ ผู้เรยี นให้พฒั นาจนเต็มตามศกั ยภาพ ซงึ่ มเี กณฑ์ดังนี้ ๑.1) ตัดสนิ ผลการเรียนเป็นรายวิชา ผเู้ รยี นตอ้ งมเี วลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อย กวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทัง้ หมดในรายวชิ าน้ัน ๆ 1.๒) ผู้เรยี นตอ้ งได้รบั การประเมนิ ทกุ ตวั ชวี้ ัดและผา่ นตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากาหนด 1.3) ผู้เรียนตอ้ งไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรียนทกุ รายวชิ า 1.4) ผูเ้ รียนต้องไดร้ บั การประเมนิ และมีผลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษา กาหนด ในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน 1.5) กรณที ่นี กั เรยี นท่ไี มม่ สี อบ (มส.) ในการทดสอบปลายภาคเรียน คอื เวลาเรยี นไม่ถงึ รอ้ ย ละ 80 แต่เกินรอ้ ยละ 60 ให้มีสทิ ธ์ิยืน่ คารอ้ งขอมสี ทิ ธส์ิ อบได้ และสามารถศึกษารายละเอียดเพ่มิ เตมิ ได้(คมู่ อื นักเรยี น ผปู้ กครอง และครู ปีการศึกษา 2562 : 71) 7.3.2 กำรให้ระดับผลกำรเรยี น การตัดสนิ เพื่อให้ระดบั ผลการเรยี นรายวิชาใชต้ ัวเลขแสดงระดับ ผลการเรียนเป็น ๘ ระดับ คอื 0 หมายถงึ ผลการเรียนตา่ กว่าเกณฑข์ น้ั ต่า คะแนนต่ากวา่ 50 คะแนน 1 หมายถึง ผลการเรยี นผ่านเกณฑ์ขน้ั ตา่ ที่กาหนด คะแนน 50-54 คะแนน 1.5 หมายถงึ ผลการเรยี นพอใช้ คะแนน 55-59 คะแนน 2 หมายถึง ผลการเรียนนา่ พอใจ คะแนน 60-64 คะแนน 2.5 หมายถงึ ผลการเรียนคอ่ นข้างดี คะแนน 65-69 คะแนน 3 หมายถงึ ผลการเรียนดี คะแนน 70-74 คะแนน 3.5 หมายถึง ผลการเรียนดมี าก คะแนน 75-79 คะแนน 4 หมายถงึ ผลการเรียนดีเยย่ี ม คะแนนตง้ั แต่ 80 คะแนน ขึน้ ไป 7.3.3 ผลกำรเรยี น มส หมายถึง ยังไมไ่ ด้รบั การประเมนิ ผลเนอ่ื งจากมเี วลาไมถ่ ึง 80% ของเวลาเรยี นทงั้ หมด ร หมายถงึ ยงั ไมไ่ ด้รับการประเมนิ ผลเนือ่ งจากไม่สง่ งานที่ได้รับมอบหมายหรอื ไมไ่ ด้เข้าสอบ ผ หมายถึง เขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นมีเวลาครบ 80 % ผา่ นการประเมินตามจดุ ประสงค์ ที่สาคัญของกจิ กรรม มผ หมายถงึ นกั เรียนไมไ่ ด้รบั การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น มเี วลาเข้ารว่ มกจิ กรรมไมค่ รบ

80 % ไม่ผา่ นจุดประสงค์ท่ีสาคัญของกจิ กรรม 7.3.4 กำรประเมินกำรอ่ำน คดิ วิเครำะห์และเขียน และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ใหร้ ะดบั ผล การประเมินเป็น ดีเย่ียม ดี และผา่ น โดยมเี กณฑ์จากคะแนนเตม็ 100 คะแนน ดังนี้ คะแนน 80 คะแนน ขึ้นไป ระดบั ผลการประเมนิ เปน็ ดเี ยยี่ ม ระดบั 3 คะแนน 70-79 คะแนน ระดับผลการประเมนิ เป็นดี ระดับ 2 คะแนน 50-69 คะแนน ระดบั ผลการประเมนิ เปน็ ผา่ น ระดับ 1 7.3.5 กำรประเมินกิจกรรมพัฒนำผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การ ปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์การเข้าเรียนตอ้ งร้อยละ 80 ขึ้นไป และมีภาระงานที่ครกู าหนด และให้ผลการเข้ารว่ มกิจกรรม โดยตดั สิน ผ คอื ผา่ น และ มผ. คือ ไมผ่ า่ น รายละเอยี ดเพิม่ เตมิ สามารถศึกษา จาก ค่มู อื นกั เรียน ผู้ปกครอง และครู ปีการศึกษา 2561 : 69-76) 7.3.6 แนวปฏิบตั ิในกำรแก้ “0” มีแนวปฏบิ ตั ดิ ังนี้ 1) ให้นกั เรยี นแกต้ ัวไดไ้ ม่เกนิ 2 คร้งั และก่อนแกต้ วั ทกุ คร้งั นกั เรียนตอ้ งยน่ื คาร้องขอสอบ แกต้ วั ทกี่ ลมุ่ บริหารวิชาการ 2) การดาเนินการสอบแก้ตัวเป็นหน้าท่ีโดยตรงของครูผู้สอน เม่ือมีนักเรียนติด “0” ใน รายวิชาทีร่ บั ผิดชอบตอ้ งดาเนนิ การแก้ “0” ให้เสร็จสน้ิ ภายในภาคเรียนถัดไป ถ้าไมส่ ามารถดาเนินการ ใหแ้ ล้ว เสร็จตามกาหนด ให้รายงานกลุ่มบริหารวิชาการ รับทราบ ถ้าไม่ดาเนินการใดๆ ถือว่าบกพร่อง ต่อหน้าท่ี ราชการ 3) ครูผู้สอนตอ้ งจดั สอนซ่อมเสรมิ ให้นกั เรยี นกอ่ นสอบแก้ตวั ทุกคร้ัง 4) ช่วงเวลาของการสอบแก้ตวั ให้เป็นไปตามกาหนดปฏทิ ินปฏิบัตงิ านวิชาการ 5) ถ้านักเรียนไมม่ าสอบแก้ตวั ตามระยะเวลาทก่ี าหนดถือว่าได้ผลการเรียน “0” ตามเดมิ และมี สทิ ธิสอบแก้ตวั ได้อกี 1 คร้งั ถ้านกั เรียนสอบแก้ตัวคร้งั ที่ 2 แล้วยงั ไมผ่ ่านใหป้ ฏิบตั ิตามแนวปฏบิ ตั ิ การเรยี นซา้ 6) ครูท่ีปรึกษาเป็นผู้มหี นา้ ท่ีติดตามผลการเรียนของนักเรียนที่อยู่ในความรบั ผิดชอบทุกรายวชิ า พร้อมท้ังกวดขันใหน้ ักเรยี นมาดาเนนิ การแก้ “0” ตามกาหนดเวลา 7) การให้นักเรยี นสอบแกต้ ัว ครผู สู้ อนควรดาเนินการดังน้ี 7.1) ตรวจสอบนักเรียนทต่ี ดิ “0” เนือ่ งจากไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์ใดหรอื ตวั ชวี้ ดั ใด 7.2) ดาเนินการสอนซอ่ มเสรมิ ในจุดประสงค/์ ตัวชว้ี ัดทน่ี กั เรยี นสอบไมผ่ ่าน 7.3) การดาเนินการสอบแก้ตัว คาว่า“สอบแก้ตัว”ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทดสอบด้วย ข้อสอบท่ีเป็นข้อเขียนเท่าน้ัน นักเรียนจะสอบแก้ตัวอย่างไรน้ันต้องดูว่าในจุดประสงค์น้ันนกั เรียนไม่ผ่าน ตรง สว่ นใด เชน่ ในส่วน K, P, A ครูตอ้ งดาเนนิ การสอยซอ่ มเสริมตรงคะแนนในส่วนนนั้ 8) ขัน้ ตอนและแนวปฏบิ ัติในการแก้ “0” ของนักเรยี น 8.1) กลุม่ บรหิ ารวิชาการ โดยงานวัดและประเมนิ ผลสารวจนักเรียนทมี่ ผี ลการเรยี น “0” และกาหนดวนั เวลา สอบแกต้ วั ตามปฏิทินการปฏิบัตงิ านของฝา่ ยวชิ าการ 8.2) แจง้ ให้นักเรยี นที่มีผลการเรียน “0” ได้รับทราบ

8.3) กลมุ่ บริหารวิชาการ แจ้งครูทีป่ รกึ ษารบั ทราบเพ่ือช่วยดแู ลและตดิ ตามนกั เรียนมา ดาเนินการแก้ “0” 8.4) นกั เรยี นทต่ี ิด “0” มาย่ืนคารอ้ งขอแก้ “0” กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ และแจง้ ให้ครูประจา วชิ ารับทราบ พรอ้ มกับใบคาร้องขอสอบแก้ตัวของนกั เรยี น 8.5) ครูประจาวิชาดาเนนิ การสอนซ่อมเสรมิ และให้นกั เรยี นสอบแกต้ ัว 8.6) ครูประจาวิชานาผลการสอบแก้ตัวของนักเรียนมารายงานให้กลุ่มบริหารวิชาการรับทราบ 8.7) กลุ่มบริหารวิชาการ แจง้ ผลการสอบแก้ตวั ใหน้ ักเรยี นและครทู ่ปี รกึ ษารับทราบ 4.9 ระดบั ผลการเรยี นหลงั จากนกั เรยี นทาการสอบแก้ตัวแล้วอยทู่ ี่ “ 0 ” หรอื “ 1 ” เท่านน้ั ระดบั ผลการ เรยี นหลงั สอบแกต้ วั ถ้านักเรยี นยังได้ “ 0 ” อยู่ ให้นกั เรยี นผูน้ ัน้ เรยี นซ้าใหมห่ มดท้งั รายวิชา 7.3.7 แนวปฏบิ ตั ใิ นกำรแก้ “ร” มีแนวปฏบิ ัตดิ ังน้ี 1) การดาเนินการแก้ “ร” เป็นหน้าท่ีโดยตรงของครูผู้สอน เมื่อมีนักเรียนติด “ร” ในรายวิชาที่ รับผิดชอบต้องดาเนินการแก้ “ร” ให้เสร็จสิ้นภายในภาคเรียนถัดไป ถ้าไม่สามารถดาเนินการให้แล้วเสร็จตาม กาหนด ใหร้ ายงานกลุ่มบริหารวชิ าการรบั ทราบ ถ้าไมด่ าเนนิ การใดๆ ถือว่าบกพรอ่ งตอ่ หน้าท่รี าชการ 2) การแกไ้ ขผลการเรยี น “ร” แยกออกเป็น 2 กรณคี ือ 2.1) ได้ระดบั ผลการเรียน “0 – 4” ในกรณที เ่ี นื่องมาจากเหตุสุดวิสยั เช่น เจ็บปว่ ย หรอื เกิด อบุ ตั เิ หตุ ไม่สามารถมาเข้าสอบได้ 2.2) ได้ระดับผลการเรียน “0 – 1” ในกรณีท่ีสถานศึกษาได้พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ใช่เหตุ สดุ วสิ ัย เชน่ มเี จตนาหนีการสอบเพ่ือหวังผลบางอย่าง หรือ ไม่สนใจทางานทไี่ ด้รบั มอบหมายให้ทาเปน็ ต้น 3) การแก้ “ ร ” ต้องดาเนินการให้แล้วเสร็จภายในภาคเรียนถัดไป ถ้านักเรียนที่มีผล การ เรียน “ ร ” ไมม่ าดาเนนิ การแก้ “ร” ให้เสรจ็ สิ้นตามกาหนดเวลา นักเรียนผูน้ ้ันตอ้ งเรยี นซา้ ทงั้ รายวิชาหรอื เปล่ียน รายวชิ าใหม่ ในกรณีท่เี ป็นรายวชิ าเพิม่ เตมิ 4) หากนักเรียนท่ีมีผลการเรียน “ ร ” ผู้น้ันไม่สามารถมาทาการแก้ “ ร ” ตามกาหนดเวลาได้ เนื่องจากเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหนา้ สถานศึกษาจะขยายเวลาการแก้ “ ร ” ออกไปอีก 1 ภาคเรียน แตถ่ า้ พ้นกาหนดแล้ว นกั เรยี นยังไมม่ าดาเนินการแก้ “ ร ” ใหน้ กั เรียนผู้นัน้ เรยี นซา้ ใหม่หมดทั้งรายวชิ า 5) ขัน้ ตอนและแนวปฏิบัตใิ นการแก้ “ ร ” ของนกั เรยี น 5.1) งานวัดและประเมินผลสารวจนักเรียนที่มีผลการเรียน “ ร ” และแจ้งให้นักเรียน รบั ทราบ 5.2) กลุ่มบริหารวิชาการแจ้งครูที่ปรึกษารับทราบเพื่อช่วยดูแลและติดตามนักเรียนมา ดาเนนิ การแก้ “ ร ” 5.3) นักเรียนที่ติด “ ร ” มายื่นคาร้องขอแก้ “ ร ” ที่กลุ่มบริหารวิชาการ และแจ้งให้ครู ประจาวิชารับทราบ 5.4) ครูประจาวิชาดาเนินการ แก้ “ ร ” ใหก้ ับนักเรียน

5.5) ครูประจาวิชานาผลการแก้ “ ร ” ของนักเรียนมารายงานให้กลุ่มบริหารวิชาการ รับทราบ 5.6) กลุม่ บรหิ ารวิชาการแจง้ ผลการแก้ “ ร ” ให้นกั เรยี นและครูท่ีปรึกษารับทราบ 7.3.8 แนวปฏบิ ัติในกำรแก้ “ มส ” มีแนวปฏิบัตดิ งั ตอ่ ไปน้ี 1) ครผู ู้สอนพจิ ารณาสาเหตุท่ีนกั เรยี นได้ผลการเรียน “มส” ซึ่งมีอยู่ 2 กรณีคือ 1.1) นักเรียนมเี วลาเรยี นไม่ถงึ 60 % ไม่มีสทิ ธิยนื่ คารอ้ งขอมีสทิ ธสิ์ อบต้องเรียนซ้าใหมห่ มด 1.2) นักเรียนมีเวลาเรียนไม่ถึง 80 % แต่ไม่น้อยกว่า 60 % สามารถยื่นคาร้องขอแก้ ผล การเรียน “มส” จากครผู ู้สอนได้ 1.3) ครูผู้สอนต้องจัดให้นักเรียนเรียนเพ่ิมเติมเพื่อให้เวลาครบตามรายวิชาน้ัน ๆ โดย อาจใชช้ ั่วโมงว่าง / วนั หยดุ 1.4) เมอื่ นักเรยี นมาดาเนินการแก้ “มส” ตามขอ้ 2 แลว้ จะไดร้ ะดับผลการเรียน 0 – 1 1.5) ถ้านักเรียนไม่มาแก้ “มส” ให้เสรจ็ ตามระยะเวลาท่ีกาหนดให้นักเรียนผู้น้ันเรียนซ้าใหม่ ในรอบต่อไป 1.6) ถ้ามเี หตุสดุ วสิ ยั ไม่สามารถมาแก้ “มส” ได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าสถานศกึ ษาท่ีจะ ขยายเวลามาแก้ “มส” ออกไปอีก 1 ภาคเรียน เม่ือพน้ กาหนดนีแ้ ลว้ ใหน้ กั เรยี นผนู้ นั้ เรียนซา้ หรือใหเ้ ปลีย่ นรายวิชา ใหมไ่ ด้ในกรณีทเ่ี ป็นรายวชิ าเพ่มิ เติม 2) ขนั้ ตอนและแนวปฏิบตั ิในการแก้ “มส” ของนกั เรยี น 2.1) ครูประจาวชิ าแจ้งผล “มส “ ของนักเรยี นที่กล่มุ บริหารวชิ าการ 2.2) กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการโดยงานวัดผล ฯ แจ้งนกั เรียนที่มผี ลการเรียน “มส” รับทราบ 2.3) กลุ่มบริหารวิชาการแจ้งครทู ีป่ รึกษารบั ทราบเพอ่ื ช่วยดแู ลและตดิ ตามนักเรียนมา ดาเนินการแก้ “มส” 2.4) นักเรียนที่ติด“มส” นาผู้ปกครองมาย่ืนคาร้องขอแก้ “มส” ท่ีกลุ่มบริหารวิชาการ และ แจง้ ให้ครปู ระจาวชิ ารับทราบ เพื่อดาเนนิ การแก้ “มส”ของนักเรียนตามแนวปฏบิ ัตกิ ารแก้ “มส” ของนักเรยี น ครู ประจาวชิ านาผลการแก้ “มส” ของนกั เรยี นมารายงานให้กลมุ่ บรหิ ารวิชาการรบั ทราบ กลุม่ บริหารวิชาการ แจง้ ผลการแก้ “มส” ใหน้ กั เรียนและครทู ี่ปรกึ ษารับทราบ 7.3.9 แนวปฏบิ ตั ิในกำรเรยี นซ้ำ มแี นวปฏบิ ัตดิ ังน้ี 1) ใหค้ รูผสู้ อนเดมิ ในรายวชิ านัน้ เปน็ ผู้รบั ผดิ ชอบสอนซา้ 2) การดาเนินการ “เรียนซ้า” เป็นหน้าท่ีโดยตรงของครูผู้สอน เม่ือมีนักเรียน“เรียนซ้า” ใน รายวิชาท่รี บั ผดิ ชอบตอ้ งดาเนนิ การ “เรียนซา้ ” ใหเ้ สรจ็ สิน้ ภายในภาคเรียนถัดไป ถา้ ไมส่ ามารถดาเนินการให้แล้ว เสร็จตามกาหนด ใหร้ ายงานกลุม่ บรหิ ารวิชาการรับทราบ ถ้าไมด่ าเนนิ การใด ๆ ถือวา่ บกพร่องตอ่ หน้าที่ราชการ 3) ครูผู้สอนและนักเรียนกาหนดจัดตารางเรียนร่วมกันให้จานวนช่ัวโมงครบตามระดับช้ัน และ ครบตามหน่วยการเรียนของรายวิชานั้น ๆ ครูผู้สอนอาจมอบหมายงานให้ในชั่วโมงที่กาหนด จะสอนหรือ มอบหมายงานใหท้ า จะมากหรอื น้อยต้องพิจารณาตามความสามารถของนักเรียนเป็นรายบุคคล

4) สาหรับชว่ งเวลาท่ีจดั ให้เรยี นซา้ อาจทาได้ ดงั น้ี 4.1) ชั่วโมงว่าง 4.2) ใช้เวลาหลงั เลิกเรียน 4.3) วนั หยดุ ราชการ 4.4) สอนเปน็ ครัง้ คราวแลว้ มอบหมายงานให้ทา 5) การประเมนิ ผลการเรยี นใหด้ าเนินการตามระเบียบการประเมินผลทกุ ประการ 6) ครูผู้สอนส่งผลการเรียนซ้าให้กลุ่มบริหารวิชาการ ตามปฏิทินปฏิบัติงานวิชาการ ภาค เรยี นน้ัน ๆ 7) ขั้นตอนและแนวปฏิบตั ใิ นการ “เรยี นซ้า” ของนกั เรยี น 7.1) กลุ่มบริหารวิชาการโดยงานวดั และประเมนิ ผลสารวจและแจ้งนกั เรียนที่ต้อง “เรียน ซา้ ” รบั ทราบ 7.2) กลุ่มบริหารวิชาการแจ้งครูที่ปรึกษารับทราบเพ่ือช่วยดูแลและติดตามนักเรียน มา ดาเนินการ “เรยี นซา้ ” 7.3) นักเรยี น “เรยี นซ้า” มายน่ื คารอ้ งขอ “เรยี นซา้ ” ท่ีกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ 7.4) กลุ่มบริหารวิชาการแจ้งให้ครูประจาวิชารับทราบ เพื่อดาเนินการ “เรียนซ้า” ของ นักเรียน ตามแนวปฏบิ ัติ 7.5) ครูประจาวิชานาผลการประเมินการ “เรียนซ้า”ของนักเรียนรายงานให้กลุ่มบริหาร วิชาการรบั ทราบ 7.6) กลุม่ บรหิ ารวิชาการแจ้งผลการ“เรยี นซ้า”ให้นกั เรยี นและครูทปี่ รกึ ษารับทราบ 7.4 กำรรำยงำนผลกำรเรียน การรายงานผลการเรียนเป็นการส่ือสารให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบ ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน โรงเรียนดาเนินการสรุปผลการประเมินและจัดทาเอกสารรายงานให้ ผ้ปู กครองทราบ ดงั น้ี 7.4.1 ครูจัดทำแบบแสดงผลกำรพัฒนำคุณภำพของผู้เรียน : ปพ.5 ตามแบบที่กาหนด และ ลงทะเบียนรำยวิชำในโปรแกรม SGS ซ่ึงเป็นเอกสารสาหรบั บันทึกเวลาเรียน ข้อมูลการวัดและประเมินผลการ เรยี น ข้อมลู การพัฒนาคุณลกั ษณะอันพึงประสงคข์ องผ้เู รยี นเพ่ือใช้เป็นข้อมูลในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ปรับปรุง แก้ไข ส่งเสรมิ และตดั สินผลการเรียนของผู้เรยี น รวมทงั้ ใช้เปน็ หลกั ฐานสาหรับตรวจสอบ ยนื ยัน สภาพ การเรียน การมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมตา่ งๆ และผลสมั ฤทธ์ขิ องผ้เู รียนแตล่ ะคน 7.4.2 กาหนดให้ครูดาเนินการจัดทาข้อมูลพ้ืนฐานเบื้องต้นใน ปพ.5 (ปก/รายช่ือผู้เรียน/กาหนด อัตราส่วนคะแนน) ให้สมบูรณ์ กาหนดการตรวจนเิ ทศจากผู้บรหิ าร โดยส่งหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้และ รอง ผ้อู านวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ ตามปฏิทินปฏิบัตงิ านวิชาการ ดงั นี้ 1) ครั้งท่ี 1 เปิดทำกำรเรียนกำรสอนครบ 1 เดือน (16 มิถุนำยน) ตรวจนเิ ทศโดยหวั หน้ากลุ่ม สาระการเรยี นรู้ตรวจประเมิน ดังน้ี 1.1) ความสมบูรณ์ของปกทุกเล่มตามคาส่ังทไ่ี ดร้ ับมอบหมายให้สอนในภาคเรยี นนน้ั ๆ

1.2) รายช่อื นักเรยี น 1.3) การกาหนดอตั ราสดั ส่วนคะแนน 1.4) การเชค็ เวลาเรียนเปน็ ปัจจบุ นั 1) ครง้ั ที่ 2 หลงั สอบกลำงภำค กาหนดดงั นี้ 1) ตรวจนิเทศและประเมินความสมบูรณโ์ ดยหัวหน้ากลุ่มสาระ เมอ่ื พบข้อบกพร่องหรอื ความ ไม่ถูกต้องให้ส่งคืนครูผู้สอนเพื่อนาไปปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ และลงลายมือช่ือ วันเดือนปี กากับ ทุกครั้ง ดงั น้ี 1.1) คะแนนกอ่ นทดสอบกลางภาค 1.2) คะแนนทดสอบกลางภาค 1.3) กรกคะแนนในระบบ SGS ทุกรายวชิ า 1.4) หากพบปัญหา กรณีคะแนนของนกั เรียนเทา่ กันทุกคนทั้งคะแนนกอ่ นทดสอบกลาง ภาคและคะแนนทดสอบกลางให้สอบถามการดาเนินงานของครูผู้สอน หำกเกิดปัญหำไม่ว่ากรณีใดก็ตามให้ ครูผู้สอนรบั ผดิ ชอบ โดยบนั ทึกชี้แจงเหตุประกอบการนาส่งเอกสารมาพร้อม 2) งานวัดและประเมินผล ตรวจสอบความถูกต้องการนาขึ้นระบบออนไลน์ให้รักเรียนและผปู้ ปกครองตรวจสอบ และรายงานผลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต www.narinukun.ac.th โดยผู้ปกครองสามารถดูผล การเรียนไดโ้ ดยใชเ้ ลขประจาตวั นกั เรยี นและวันเดอื นปีเกดิ ของนกั เรียน 3) รองผอู้ านวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ ตรวจสอบความสมบูรณ์ 2) ครัง้ ที่ 3 หลงั สอบปลำยภำค ตรวจสอบความสมบรู ณ์คร้งั สดุ ทา้ ยทุกรายการ ตรวจนิเทศโดย หัวหนา้ กลมุ่ สาระ และลงลายมอื ชื่อ วันเดอื นปี กากบั ทกุ คร้ัง งานวดั และประเมนิ ผล และ รองผ้อู านวยการ กลุ่มบรหิ ารวชิ าการ และผูอ้ านวยการโรงเรยี น ดังนี้ 2.1) คะแนนกอ่ นสอบกลางภาค 2.2) คะแนนสอบกลางภาค 2.3) คะแนนหลังสอบกลางภาค 2.4) คะแนนสอบปลายภาคเรียน 2.5 คะแนนประเมนิ การอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขยี นสอื่ ความหมาย 2.6) คะแนนประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 8 ข้อ 2.7) กรอกคะแนนในระบบ SGS ทุกรายวิชา ประกอบด้วย 2.7.1) รายวชิ าท่ไี ดร้ บั มอบหมายภาระงานสอนในกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ทสี่ ังกัด 2.7.2) รายวชิ าหนา้ ทพี่ ลเมอื ง สำหรับครทู ่ีปรึกษำทุกทำ่ น 2.7.3) กิจกรรมชุมนมุ สง่ ผลกำรเรยี นกอ่ นทดสอบปลำยภำค 1 สัปดำห์

2.7.4) กิจกรรมลูกเสอื -เนตรนารี ยุวกาชาด ผบู้ าเพ็ญประโยชน์ สาหรับนกั เรียน ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนต้น สง่ ผลกำรเรยี นก่อนทดสอบปลำยภำค 1 สปั ดำห์ 2.7.5) กิจกรรมบาเพ็ญประโยชนแ์ ละกิจกรรมรกั ษาดนิ แดน (รด.) สาหรบั นักเรียน ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ส่งผลกำรเรยี นก่อนทดสอบปลำยภำค 1 สปั ดำห์ 2.7.6) กจิ กรรมแนะแนวและกิจกรรมรักษาดนิ แดน (รด.) ส่งผลกำรเรียนก่อนทดสอบ ปลำยภำค 1 สัปดำห์ 2.8) งานวัดและประเมินผลการเรยี น รายงานผลผา่ นระบบอินเทอรเ์ น็ตwww.narinukun.ac.th โดยผูป้ กครองสามารถดูผลได้โดยใช้เลขประจาตวั นกั เรียน และวัน/เดอื น/ปีเกดิ ของนกั เรยี น 1.5) หำกมีกรณีที่คะแนน เท่ากันทุกคนให้สอบถามการดาเนินงานของครูผู้สอนหากเกิด ปัญหาไม่ว่ากรณีใดกต็ ามให้ครูผู้สอนรับผดิ ชอบ โดยบันทึกชี้แจงเหตุผลประกอบการนาส่งท่ีเหมาะสม และ เปน็ จรงิ กาหนดให้ครูผู้สอนกรอกคะแนนในระบบ SGS โดยกาหนดเปิดระบบตามปฏิทินของงานวัดผล และปฏิทินปฏิบัติงานวิชาการภาคเรียนนั้น ๆ และรายงานผลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต www.narinukun.ac.th โดยผู้ปกครองสามารถดูผลการเรยี นรูไ้ ด้โดยใช้เลขประจาตวั นกั เรียนและวันเดือนปเี กดิ ของนักเรยี น 7.5 กำรประเมินระดับชำติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐาน การเรยี นรู้ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน โดยจัดให้ผู้เรยี นทุกคนระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ และชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ เข้ารับการประเมินตามกาหนดของ สานกั งานทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ (สทศ.) ผลจาก การประเมนิ ใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศกึ ษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนาไปใชใ้ น การวางแผนยกระดับ คุณภาพการจดั การศกึ ษาตลอดจนเป็นขอ้ มูลสนับสนุนการตัดสนิ ใจในระดบั นโยบายของประเทศ 8. วเิ ครำะหผ์ ลกำรประเมินมำใชใ้ นกำรซ่อมเสริมและพฒั นำผู้เรียน รวมทัง้ ปรบั ปรุง กำรจดั กำรเรยี นกำรสอนของตนเอง การวิเคราะห์ผลการประเมินมาใชใ้ นการซอ่ มเสรมิ และพัฒนาผูเ้ รยี นรวมท้ังปรบั ปรุง การจัดการเรยี นการสอนของตนเอง กาหนดดังน้ี 8.1 ครูจัดทาด้วยตนเองหรือรว่ มกันวางแผนในการจัดทาหรือพัฒนาแบบทดสอบ แบบประเมิน หรือ อนื่ ๆ ตามทก่ี าหนดในแผนการจดั การเรียนรู้เพื่อนาไปใช้วัดและประเมินผลในรายวิชาทร่ี บั ผดิ ชอบทกุ รายวิชา 8.2 รำยวิชำพื้นฐำน ให้ครูผู้สอนตรวจสอบความสมบูรณ์ให้ตรงตามมาตรฐานและตัวช้ีวัดตาม เอกสารสาระหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ท่ีกาหนดในคาอธิบาย รายวิชาและโครงสรา้ งรายวชิ า ให้ครบทุกมาตรฐานและตวั ชี้วดั 8.3 รำยวิชำเพิ่มเติม ให้ครูผู้สอนตรวจสอบความสมบูรณ์ให้ตรงตามผลการเรียนรู้ที่กาหนดใน คาอธบิ ายรายวชิ าและโครงสร้างรายวชิ าใหค้ รบทุกผลการเรียนรู้ 8.4 นำแบบทดสอบ แบบประเมิน หรืออื่น ๆ ตามที่กาหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ ไปใช้ในการ วดั และประเมินผล จัดกระทาขอ้ มูล วิเคราะหผ์ ลการทดสอบ

8.5 กำรประเมินผลรำยตัวช้ีวัดหรือผลกำรเรียนรู้ หากมีนักเรียนไม่ผ่านในตัวช้ีวัดใดหรือผลการ เรียนรูใ้ ดให้ครูผู้สอนไดส้ อนซอ่ มเสริมและพัฒนาผู้เรยี นใหผ้ ่านรอ้ ยละ 50 ของคะแนนทีก่ าหนดใหค้ รบ ทกุ ตวั ชวี้ ัด หรือผลการเรียนรู้ 8.6 หำกมีนักเรียนไม่ผ่ำนในตัวชี้วัดหรือผลกำรเรียนรู้เป็นจานวนมากถึงร้อยละ 50 ขึ้นไปให้ ครผู ้สู อนได้ปรับปรงุ การจัดกระบวนการเรียนการสอนของตนเอง 8.7 ให้ครูผู้สอนได้ วิเครำะห์แบบทดสอบ ของตนเองทั้งแบบปรนัย และอัตนัย เพื่อนาไปพัฒนา แบบทดสอบของตนเองอย่างตอ่ เน่อื ง และรายงานผลการวิเคราะหแ์ บบทดสอบเฉพาะแบบทดสอบปลายภาค ภาค เรยี นละ 1 คร้งั หรือมากกว่า 8.8 ในรำยวชิ ำทมี่ ีครูผู้สอนต้ังแต่ 2 คนขึ้นไปในระดบั ช้นั เดียวกัน ใหค้ รูผสู้ อนได้สร้างชุมชนแห่ง การเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) เพื่อร่วมกันพัฒนากระบวนการวัดและประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียนและสามารถ บนั ทึกลงในสมดุ บันทกึ ได้ บทบำทของผสู้ อนเพือ่ ส่งเสรมิ กำรเรยี นกำรสอน 1. กำรสรำ้ งชุมชนแหง่ กำรเรียนร้ทู ำงวชิ ำชพี (Professional Learning Community : PLC) การสร้างชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ (Professional Learning Community : PLC) คือ วฒั นธรรมองค์กรท่ี ชว่ ยเหลอื ซงึ่ กันและกัน โดยครศู ึกษำจำกคูม่ อื ครูกำรสรำ้ งชุมชนแห่งกำรเรียนรทู้ ำงวิชำชีพ กำรชแ้ี นะและกำรเป็นพเ่ี ลี้ยง (Coaching and Mentoring) การชแ้ี นะและการเป็นพี่เล้ียง (Coaching and Mentoring) ระหว่างสมาชิก Model teacher (MT) และ Buddy (BT) สงิ่ ทีค่ วรรู้ คือ 1. สิง่ ทไี่ ม่ควรทำ (Don’t) คอื  ไมส่ ั่ง  ไมส่ อน  ไม่บอกคาตอบ 2. สง่ิ ที่ควรทำ (Do) คอื  ให้กาลังใจ ชวนคิด เชยี รให้ทา เสนอแนะ กำรดำเนินงำนกำรสรำ้ งชุมชนแห่งกำรเรียนรู้ทำงวิชำชีพ มีขนั้ ตอนกำรดำเนนิ งำนมี 3 ขั้นตอน 1.ข้ันกำรวำงแผน (PLAN) หมายถึง การวางแผนท่ีดีจะทาใหช้ น้ั เรยี นประสบผลสาเร็จ 1.1 เลอื กเพอ่ื นครูคคู่ ิด เลือกตามความสนใจในระดบั เดียวกัน เพอื่ ดาเนินการ Lesson Study และกาหนดปฏทิ ินในการดาเนินงาน 3 วงรอบ ดงั น้ี ภำคเรียนท่ี 1 1.1.1 วงรอบที่ 1 เร่ิม 1 มิถุนายน – 30 มถิ ุนายน ของทุกปกี ารศกึ ษา 1.1.2. วงรอบที่ 2 เรม่ิ 1 กรกฎาคม – 31 กรกฎาคม ของทุกปีการศึกษา 1.1.3 วงรอบที่ 3 เรม่ิ 1 สิงหาคม – 31 สิงหาคม ของทุกปีการศกึ ษา ภำคเรยี นที่ 2 1.1.4 วงรอบที่ 1 เร่ิม 1 - 30 พฤศจิกายน ของทุกปีการศึกษา 1.1.5. วงรอบท่ี 2 เริม่ 1 - 30 ธนั วาคม ของทุกปีการศกึ ษา

1.1.6 วงรอบที่ 3 เรมิ่ 1 - 31 มกราคม ของทุกปีการศกึ ษา 1.2 ร่วมประชุมระดับ ตามท่ีมอบหมายในการกาหนดแนวทางการดาเนินงาน ปีการศึกษา 2561 และศึกษาเอกสารคมู่ ือการดาเนนิ งานที่ไดม้ อบใหค้ รทู ุกทา่ นอย่างละเอยี ด และปฏบิ ตั ิดงั น้ี 1.2.1 กาหนดปฏทิ นิ 3 ระยะ (Plan / Do/See) ลงปฏิทินการดาเนินงานและกาหนดตารางสอน ใหเ้ รียบร้อย 1.2.2 นาส่งตารางสอนที่กาหนด 3 ระยะ (Plan / Do/See) สง่ ท่หี วั หน้าระดบั ตามกาหนด 1.2.3 หัวหน้าระดับนาส่งที่งานตารางเรียน-ตารางสอน คุณครูสุปรียา สะวานนท์ เพ่ือ บันทึกข้อมลู ลงในระบบ งานตารางเรียน-ตารางสอน และนบั ชั่วโมงรว่ มกนั 1.2.4 งานตารางเรียน-ตารางสอน นาสง่ ตารางสอน(แก้ไข) ให้ครูผู้เรยี น 1.3 MT เตรียมความพร้อมของตนเอง และจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้โดยเลือกเน้อื หาที่เหมาะสม ใน 50 นาที และเป็นปญั หาในการจดั การเรียนการสอนทผ่ี ่านมา โดยเขียนตามข้ันตอน 5 STEPs 1.4 MT ไดแ้ ผนการจดั การเรียนร้ทู ่สี มบูรณ์ 1 แผน ในวงรอบที่ 1 1.5 MT นาแผนการจดั การเรียนรู้ทส่ี มบรู ณ์ 1 แผน ไปเล่าให้ BT ฟัง ดงั น้ี 1) จะทาอะไร 2) ทากบั ใคร 3) มีจุดประสงค์ (KPA) อะไร 4) ทาอย่างไร (โดยการออกแบบการจัดกระบวนการเรยี นรู้แบบปฏิบัติ จริง คือ (Active Learning) 5) ใช้วัสดุอุปกรณ์อะไรบ้างในการจัดการเรยี นการสอน 6) การบริหาร จดั การชั้นเรยี นอยา่ งไร 7) วัดและประเมินผูเ้ รียนอยา่ งไรใน 50 นาที 1.6 BT ต้ังใจฟัง MT เลา่ อย่างสนใจ โดยสิ่งท่ีตอ้ งทา คอื  ใหก้ ำลงั ใจ ชวนคิด เชียรใ์ ห้ทำ เสนอแนะหำกไม่สมบรู ณ์ 1.5 นดั หมายการสังเกตการสอน วนั เวลา และสถานที่ ใชเ้ วลาไมเ่ กนิ 15 – 20 นาที 2.ขนั้ กำรลงมอื ปฏบิ ตั ิ (Do) โดยใชเ้ ทคนคิ การสังเกตชัน้ เรยี นดังนี้ 2.1 ผ้สู ังเกตการณ์ ประกอบด้วย BT ผบู้ ริหาร ศึกษานิเทศก์ ครูทร่ี ่วมคยุ แผนการจัดการเรยี นรู้ (ถ้าม)ี อาจารย์มหาวทิ ยาลัย (ถ้ามี) นาอปุ กรณแ์ ละเอกสารไปด้วย ดังนี้ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ผา่ นการคยุ ในข้ัน Plan สมุดจดบันทกึ และโทรศัพท์บันทกึ วีดโี อ 2.2 เทคนิคการสงั เกตช้นั เรยี น คอื ยืนหนา้ ชนั้ เรียนโดยสงั เกตพฤติกรรมผู้เรียนอย่างละเอียด บนั ทกึ วีดโี อ จดบนั ทกึ เพ่อื นาข้อมลู ทไี่ ด้ไปสะทอ้ นผล และสังเกตให้ครบเวลา 50 นาที เพอื่ นาขอ้ มูลที่ได้ไป สะทอ้ นผลให้ MT เพื่อนาไปปรบั ปรงุ ใน วงรอบท่ี 2 2.3 การสงั เกตชน้ั เรยี นมขี ้อจากัด คือ หา้ มรบกวนชัน้ เรยี นและทาลายสมาธผิ เู้ รยี นและ MT 3.ขนั้ กำรสะทอ้ นผล (See) โดยกระทาหลงั จากเสร็จสน้ิ การสอนภายในวันนน้ั ๆหรือ วนั ต่อมาเทา่ น้นั หากล่าช้ากวา่ น้จี ะทาให้ลืมเหตุการณท์ ี่เกดิ ข้นึ และจะเกิดประโยชน์ตอ่ ผเู้ รียนและ MT โดยมีข้นั ตอนการสะท้อน ผล ดงั น้ี 3.1 MT สะทอ้ นผลส่ิงที่ทา คอื กระบวนการจดั การเรียนการสอนเป็นอยา่ งไรพงึ พอใจในระดับใด และสงิ่ ที่ตอ้ งปรบั ปรงุ มีอะไรบ้าง

3.2 ผบู้ รหิ าร (A) ผู้เช่ยี วชาญ ผูป้ กครอง (E) วิชาการ/หน.สาระ/หน.ระดบั (M) ครเู พ่ือนครูคูค่ ดิ (BT) สะทอ้ นผลโดยการกล่าวคาช่ืนชมในเชงิ บวก เสนอแนะจากส่งิ ท่ีกระทาและจากพฤติกรรมผู้เรียนและนาวดี ีโอ ทบ่ี ันทึกมาให้ MT ดูวา่ เกดิ อะไรขึ้นบ้างในชนั้ เรียน 3.3 MT นาข้อเสนอแนะไปปรบั ปรุงการปฏิบัติงานในวงรอบต่อไป หมำยเหตุ MT วางแผนและจัดทาแผนการจดั การเรยี นรู้ทีส่ มบรู ณโ์ ดยใช้ 5 STEPs ในวงรอบท่ี 2 โดยเลือกเน้ือหาที่เหมาะสมและมปี ญั หาจากการสอนท่ีผา่ นมา เรียกว่า แผน B และ แผน C (พฒั นาเป็น นวัตกรรม) ต่อไป จนครบ 3 วงรอบ ซ่งึ เมอ่ื ครบ 3 วงรอบ ครูเขียนรายงานโดยถอื เป็น วิจยั ในชั้นเรยี น (Classroom Action Research : CAR) ดังภาพ แผน A  แผน B  แผน C (นวตั กรรม) วจิ ยั ในช้ันเรียน 3.4 การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ของ MT ให้นาจดุ ออ่ น ข้อเสนอแนะจากการสะทอ้ นผลจาก สมาชกิ และจุดเด่นท่มี ี 2. กำรยกระดับผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียน มาสะทอ้ นผลการปฏิบัตกิ ารสอนจริงในวงรอบต่อไป จากคู่มือการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียน นารีนกุ ูล ไวด้ งั น้ี 2.1 กำรวัดและประเมินผล 2.1.1 กาหนดให้นักเรียนมีผลการเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ 0 ร มส. ในรายวิชาท่ีสอนทุกรายวิชา ไม่ เกนิ รอ้ ยละ 3 2.1.2 กาหนดให้นักเรียนมีผลการเรียนไม่ผ่าน (มผ.) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนทุกกิจกรรม ไมเ่ กินร้อยละ 3 2.1.3 ให้ศึกษาเอกสาร คู่มือการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศกึ ษา โรงเรยี นนารนี กุ ูล 2.2 แนวทำงกำรพฒั นำผลสมั ฤทธ์ทิ ำงกำรเรียนของนักเรยี น ตง้ั แตป่ กี ำรศกึ ษำ 2562เป็นตน้ ไป กาหนดให้นกั เรยี นยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนให้เปน็ ไปตามข้อตกลงของกลุ่มสาระการเรียนรู้ (ผล การเรียน 3 – 4 ) ดังนี้ 2.2.1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รอ้ ยละ 65 ขน้ึ ไป 2.2.2 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ร้อยละ 60 ขึ้นไป 2.2.3 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รอ้ ยละ 60 ข้ึนไป 2.2.4 กลุม่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม รอ้ ยละ 75 ข้นึ ไป 2.2.5 กลุม่ สาระการเรียนรู้สุขศึกษา รอ้ ยละ 90 ขน้ึ ไป 2.2.6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศลิ ปะ รอ้ ยละ 90 ขึ้นไป 2.2.7 กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ร้อยละ 90 ข้นึ ไป 2.2.8 กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ รอ้ ยละ 60 ข้ึนไป

2.3 กำรวจิ ยั และหรือนำผลกำรวจิ ยั ไปแกป้ ัญหำกำรเรียนรู้ของผ้เู รยี น 2.3.1 แนวทำงท่ี 1 การจัดทาวิจัยในช้ันเรียนและหรือนาผลการวิจัยไปแก้ปัญหา การ เรียนรขู้ องผเู้ รียน โรงเรียนกาหนดให้ครดู าเนินการ ดังน้ี 1) ครูทุกท่านดาเนินการสรา้ งชุมชนแห่งการเรียนรูท้ างวิชาชพี 2) เมอ่ื ส้นิ สุดปีการศึกษาตามปฏทิ นิ วชิ าการครผู ู้สอนเขยี นรายงานผลโดยกาหนดเปน็ การ เขียนรายงานวิจัยในช้นั เรียน (Classroom Action Research : CAR) ปีการศึกษาละ 1 เร่อื ง 3) ใหง้ านวิจยั และพัฒนารว่ มกบั งานการสร้างชมุ ชนแหง่ การเรียนรทู้ างวชิ าชีพร่วมกนั วาง แผนการเขียนรายงาน กาหนดรปู แบบ และหัวข้อในการเขยี นรายงานใหช้ ัดเจนเปน็ รูปธรรม โดยกาหนดให้ครู เขียนรางาน 3 - 5 หนา้ โดยแนบภาพประกอบในภาคผนวก 4) นาสง่ รายงานตามกาหนดปฏทิ ิน 2.3.2 แนวทำงที่ 2 การจัดทาวิจัยในช้ันเรียนและหรือนาผลการวิจัยไปแก้ปัญหา การ เรียนรขู้ องผูเ้ รยี นกาหนดใหค้ รูดาเนินการ ดังน้ี 1) ครูทกุ ท่านดาเนนิ การจดั ทาเค้าโครงวจิ ยั ในชัน้ เรยี นตามรปู แบบทกี่ าหนด และนาส่ง หัวหนา้ กลุ่มสาระและกลุ่มบริหารวิชาการตามกาหนด 2) ส้ินสุดปีการศึกษาตาครูผู้สอนเขยี นรายงานการวิจัยในชัน้ เรียน (Classroom Action Research : CAR) ปีการศกึ ษาละ 1 เร่ือง 3) นาส่งรายงานตามกาหนดปฏิทินปฏิบตั ิงานวิชาการ 2.4 กำรนเิ ทศกระบวนกำรจดั กำรเรยี นกำรสอน 2.4.1 ครูไดร้ บั ตารางสอนโดยศึกษาใหล้ ะเอียดรอบครอบ 2.4.2 งานนเิ ทศภายในจดั ทาเคร่อื งมอื การนิเทศ และจัดทาคาส่งั มอบหมายงานในภาคเรยี นนน้ั ๆ 2.4.3 คณะกรรมการนเิ ทศการจดั การเรยี นการสอนดาเนินการนิเทศกระบวนการจดั การเรียน การสอนและใหค้ าแนะนาเพ่ือพฒั นาและรายงานผลการนิเทศทห่ี ัวหนา้ กลุ่มสาระ 2.4.4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และงานนิเทศภายในรายงานผลการนิเทศภายในเม่ือส้ิน ภาค เรียน โดยกาหนดการรายงานทุกกลุม่ สาระ

3. กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำของครูผู้สอนรำยบุคคล และกำรรำยงำนผลกำรดำเนินงำน รำยบคุ คล (Individual Development Report : IDR) 3.1 มำตรฐำนกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน เพอ่ื กำรประกันคุณภำพภำยในของสถำนศกึ ษำ พ.ศ. ๒๕62 มจี ำนวน 3 มำตรฐำน คือ มาตรฐานที่ ๑ คุณภาพของผู้เรียน ๑.๑ ผลสมั ฤทธ์ทิ างวชิ าการของผู้เรยี น ๑.๒ คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงคข์ องผเู้ รียน มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบรหิ ารและการจัดการของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา มาตรฐานท่ี ๓ กระบวนการจดั การเรยี นการสอนท่เี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ มาตรฐานท่ี ๔ ระบบการประกนั คณุ ภาพภายในที่มีประสทิ ธผิ ล 3.2 บทบำทของครูผูส้ อนในกำรประกันคณุ ภำพภำยใน บทบาทของครูผสู้ อนในการประกันคณุ ภาพภายใน เพ่ือใหส้ อดคล้องกบั แนวปฏิบัตขิ องหนว่ ยงาน ตน้ สงั กดั โรงเรยี นนารีนกุ ลู จงึ กาหนดระบบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ดังน้ี ระบบงำน ข้นั ตอนกำรทำงำน 1. จดั ทำ ID-Plan Plan (P) 2. ศึกษำมำตรฐำนและตัวชีว้ ัดตำมหลักสตู ร 3. จดั ทำแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ 4. จัดทำสำรสนเทศเพ่อื กำรเรยี นรู้ 5. บรหิ ำรจดั กำรช้ันเรียน Do (D) 6. จัดกำรเรยี นรู้ 7. ติดตำมตรวจสอบกำรจดั กำรเรยี นรู้ Check (C) 8. ประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ 9. รำยงำนผลกำรจดั กำรเรียนรู้ 10. รำยงำนกำรพัฒนำตนเอง ID-REPORT Act (A) 11. พฒั นำกำรจัดกำรเรยี นร้อู ย่ำงต่อเนือ่ ง การประกันคณุ ภาพภายใน การวางแผน การปฏบิ ตั งิ าน การประเมิน รายงานการ การทางาน ของครู ตนเองของครู ประเมนิ ตนเอง (ID - Plan) (IDR) ข้อมูลปอ้ นกลับ

3.3 บทบำทของครูในกำรรับกำรตรวจสอบและประเมนิ จำกภำยนอก การประกันคุณภาพภายนอกเป็นงานที่ต่อเน่ืองจากการประกันคุณภาพภายในซึ่งสถานศึกษาจะต้อง จัดทารายงานการประเมินตนเองของสถานศกึ ษา (Self-Assessment Report : SAR) ทุกปกี ารศึกษา เพื่อเสนอ ต่อหน่วยงานต้นสังกัด ซ่ึงบทบาทของครูผู้สอนในการรับการตรวจสอบและการประเมินคุณภาพจากภาย 4 ข้อ ดังน้ี 3.3.1 จดั กระบวนกำรเรยี นกำรสอนตำมแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้เพือ่ พฒั นำคุณภำพกำรศกึ ษำตำม ศักยภำพผเู้ รียนรำยบุคคล และเพอ่ื เป็นกำรประกนั คุณภำพกำรเรยี นกำรสอนของครรู ำยบคุ คล ประกอบด้วย เอกสำรดงั นี้ 1) วิเคราะหผ์ ้เู รียนรายบคุ คล ภาคเรียนละ 1 ครงั้ โดยดาเนนิ การก่อนการสอน 2) วิเคราะห์แบบทดสอบกลางภาคและปลายภาคเรียน เพ่ือวิเคราะห์ความสอดคล้องของเนื้อหา และเพื่อวเิ คราะหค์ วามยากง่ายของแบบทดสอบทีจ่ ะใชใ้ นภาคเรยี นปจั จบุ นั ดงั น้ี 2.1) ขอรับผลการวเิ คราะหแ์ บบทดสอบจากงานวดั และประเมินผล 2.2) ครผู ู้สอนร่วมกันวิเคราะหแ์ บบทดสอบด้วยการหาคา่ p และ ค่า r แลว้ เลอื กขอ้ ที่ใช้ได้ไปใช้ ในการทดสอบในภาคเรยี นถัดไป 2.3) กาหนดรปู แบบการวเิ คราะหแ์ บบทดสอบ (ตวั อยา่ งในสว่ นที่ 4) ดังน้ี 2.3.1) แบบทดสอบข้อท่ี 1 และตัวเลอื กทงั้ 4 ตวั เลอื ก 2.3.2) แบบทดสอบข้อที่ 1 ให้สรุปผลการวิเคราะห์ท้ายแบบทดสอบ และตัวเลือกท้ัง 4 ตัวเลือก ใหส้ รปุ ผลการวเิ คราะห์ทา้ ยตัวเลอื กทกุ ตัวเลือก 2.3.3) ปฏบิ ัติเหมอื นกันทุกข้อ 2.3.4) ครูผูส้ อนจดั ทารายงานผลการวเิ คราะหแ์ บบทดสอบและนาสง่ ตามกาหนด 2.3.5) กรณีแบบทดสอบอตั นยั หรอื แบบทดสอบปฏบิ ัติ ปฏิบัตดิ งั นี้ 1) ครูผูส้ อนจัดทาแบบทดสอบ 2) ครูผู้สอนนาแบบทดสอบ คาอธิบายรายวิชา และโครงสร้างรายวิชาไปให้ผู้เช่ียวชาญ ตรวจสอบความเทีย่ งตรงเชิงเนอื้ หา ( Index of item Objective Congruence : IOC) จานวน 3 คน ขึ้นไปใน การตรวจสอบโดยใหเ้ กณฑ์ในการพิจารณาข้อคาถาม ดังน้ี ใหค้ ะแนน +1 ถ้าแน่ใจวา่ ข้อคาถามวัดไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ ให้คะแนน 0 ถ้าไมแ่ นใ่ จว่าขอ้ คาถามวัดได้ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ ให้คะแนน - 1 ถา้ แนใ่ จว่าข้อคาถามวัดไดไ้ ม่ตรงตามวตั ถุประสงค์ แลว้ นาผลคะแนนท่ีได้จากผู้เชย่ี วชาญมาคานวณหาคา่ IOC ตามเกณฑ์ดงั น้ี 2.1) ข้อคาถามท่ีมีค่า IOC ต้ังแต่ 0.51 – 1.00 มีค่าความเท่ียงตรงหรือใช้ได้ วัตถุประสงค์ 2.2) ขอ้ คาถามทมี่ ีคา่ IOC ตา่ กวา่ 0.50 ต้องปรบั ปรงุ หรอื ยังใช้ไม่ได้ 3) ครผู ูส้ อนจัดทารายงานผลการวเิ คราะหแ์ บบทดสอบและนาส่งตามกาหนด 3) แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายวชิ าท่ีสอนโดยมีการตรวจสอบความสมบูรณโ์ ดยหวั หน้ากลมุ่ สาระ และ ผู้บริหารโรงเรียน

4) การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) รายบุคคลร่วมกับครูเพ่ือนคู่คิด (Buddy) ครูผู้ให้คาชี้แนะ(Mentor) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ (Mentor) และ ผบู้ ริหารทร่ี บั ผิดชอบเพ่อื เป็นการดูแลผูเ้ รยี นทกุ คนอย่างเท่าเทียมกันในทกุ ช่ัวโมงเรยี น 5) วดั และประเมนิ การจัดการเรียนรู้ตามศกั ยภาพผู้เรียนรายบุคคล โดยการวัดและประเมิน อย่าง หลากหลายตามสภาพจริง 6) จัดทาสมุดบันทึกผลการเรียนรายบุคคล (ปพ.5) ที่เป็นปัจจุบันและสอดคล้องกับระเบียบ การ วัดและประเมินผลโรงเรยี นนารีนุกูล 7) การบริหารจัดการช้ันเรียนให้มีคุณภาพโดยนาระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน 5 ขั้นตอนมาใช้ เพ่ือ ประโยชน์ผูเ้ รียน 8) รายงานผลการเรยี นตามกาหนดเวลา 9) รายงานการประเมินตนเองรายบคุ คล (Individual Development Report : ID - Report) 3.3.2 จัดทำบันทึกข้อตกลงควำมร่วมมือและแผนพัฒนำตนเองรำยบุคคล ( Individual Development Plan : ID - Plan) เพ่ือพฒั นำคณุ ภำพกำรศกึ ษำทกุ ปกี ำรศกึ ษำ ให้สอดคล้อง ดังน้ี 1) แผนพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาระดับชาติ 2) แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษากระทรวงศึกษาธกิ าร 3) แผนพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน 4) แผนพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาสานักงานคณะกรเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 29 5) คู่มือครู นกั เรยี น และผปู้ กครองโรงเรียนนารีนุกลู 6) คมู่ ือการปฏบิ ตั ิงานตามโครงสร้างการบรหิ ารโรงเรียนนารนี กุ ูลปีการศึกษานนั้ ๆ 7) คมู่ อื ครูประกอบการปฏบิ ัตงิ านวชิ าการ กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการโรงเรียนนารนี กุ ลู 8) ค่มู ือครกู ารสรา้ งชมุ ชนแหง่ การเรยี นรู้ (Professional Learning Community : PLC) ร่วมจัดทารายงานการศกึ ษาตนเอง (Self-Assessment Report : SAR) ของสถานศกึ ษา 3.3.3 รว่ มรับกำรตรวจเยีย่ มของผู้ประเมินจำกภำยนอก 1) จัดเตรยี มเอกสารทเ่ี กย่ี วข้องด้านครูผ้สู อน กลุ่มสาระการเรียนรู้ และกลุม่ งานที่เกีย่ วข้อง 2) จดั เตรียมการเรียนการสอนใหส้ อดคลอ้ งกับแผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ีรบั ผดิ ชอบ 3) รว่ มระดมความคิดเห็นเพอื่ พฒั นากระบวนการปฏิบัติงานในสถานศกึ ษา 4) ให้การตอ้ นรับทกุ ภาคสว่ นที่เก่ยี วข้องด้วยกลั ยาณมิตรที่ดี 3.3.4 รับข้อเสนอแนะจำกสำนักงำนรับรองมำตรฐำนและประเมินคุณภำพกำรศึกษำ (สมศ.) องคก์ ำรมหำชน มำดำเนินกำรให้มีกำรปรับปรงุ แก้ไข 1) บทบาทของครูในการประกันคุณภาพภายนอกจึงมีความสัมพันธ์กับบทบาทของครู ใน การประกันคณุ ภาพภายใน ดังแผนภูมติ ่อไปนี้ การประกันคุณภาพภายใน รายงานการ กำรประเมินคณุ ภำพภำยนอก ประเมนิ ตนเอง กำร กำร กำรประเมิน และร่วมทา รับการ รับข้อเสนอแนะจาก รายงาน วำงแผน ปฏบิ ตั ิงำน ตนเองของครู รายงานพัฒนา ตรวจเยยี่ ม รายงานผล ผลการ ของครู การประเมนิ ปรบั ปรุงแกไ้ ข กำรทำงำน คณุ ภาพ (ID - Plan) สถานศกึ ษา

ข้อมลู ป้อนกลบั ขอ้ มูลย้อนกลบั 2) บทบาทของครูในการประกันคุณภาพภายใน คือ การประกันคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ประกอบดว้ ย บทบาทหน้าท่ี 4 ประการ คือ 2.1) การวางแผนการปฏิบัตงิ าน (ID - Plan) 2.2) การปฏิบตั งิ านตามภาระงานท่ีได้รับมอบหมายตามคาสง่ั แม่บทของโรงเรยี น ในปี การศึกษานั้น ๆ อย่างเป็นระบบ ตรวจสอบ และมีคุณภาพตามที่กาหนดโดยส่งเสริมการมีส่วนร่วม และ ผู้ที่ เกีย่ วขอ้ งทุกภาคส่วน 2.3) การประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงานรายบุคคลทุกภาคเรียน 2.4) การรายงานผลการประเมินตนเองรายบุคคล (ID-Report) 3) บทบาทของครูในการประกันคุณภาพภายนอก เป็นบทบาทท่ีต่อเน่ืองจากการประกันคุณภาพ ภายใน อีก 3 ประการ คอื 3.1) ร่วมจัดทารายงานพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาของสถานศึกษา 3.2) รบั การตรวจเย่ียมของผู้ประเมินภายนอก 3.3) รับข้อเสนอแนะจากผู้ประเมนิ ภายนอกมาดาเนนิ การใหม้ กี ารปรบั ปรุงแก้ไข ในชนั้ เรยี น

ส่วนท่ี 4 ตวั อย่ำงแบบฟอรม์ เอกสำรท่เี กี่ยวขอ้ ง แบบฟอรม์ เอกสำรประกอบกำรจดั ทำเอกสำรประกอบกำรเรยี นกำรสอนทีใ่ ช้ 1. แบบฟอรม์ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ ส่วนท่ี 1 กำรวิเครำะห์หลักสตู ร ประกอบดว้ ย 1.1 บันทึกขอ้ ควำม ส่งแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ บนั ทกึ ข้อควำม สว่ นรำชกำร โรงเรยี นนำรนี ุกูล อำเภอเมอื ง จงั หวัดอุบลรำชธำนี ท่ี ............................ วันที่ ................ เดอื น....................................พ.ศ. ...................... เรอื่ ง กำรจัดทำแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ภำคเรยี นท่.ี ../............. ....................................................................................................................................................................... เรยี น ผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี นนำรีนกุ ูล ข้าพเจ้า .............. ตาแหน่งครู วิทยฐานะ.......ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่สอนในกลุ่มสาระ การ เรียนรู้............. ภาคเรียนที่ ...... ปีการศึกษา 2561 ได้จัดทาแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ....................... รหัสวิชา ..................... ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ...... และใช้สอนจานวน ...... ห้อง ซึ่งภายในแผนการ จัดการเรียนรู้ประกอบด้วย องค์ประกอบที่สาคัญตามท่ีกลุ่มบริหารวิชาการโรงเรียนนารีนุกูลได้กาหนด ในคู่มือ วิชาการ เพอ่ื เปน็ การนาไปใชใ้ นการจดั การเรียนการสอนเพอ่ื พัฒนาคุณภาพผู้เรียน ตามแผนพัฒนารายบุคคล (ID Plan) และขอ้ ตกลงความร่วมมือ (MOU) ประจาปกี ารศึกษา ............... และ เพอ่ื ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการ เรยี นของโรงเรียน ดังนน้ั ข้าพเจ้าจงึ นาส่งแผนการจัดการเรียนรู้ ดงั กล่าว จงึ เรียนมาเพอื่ โปรดพิจารณา ลงช่อื (…………………..................) ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ...... ควำมคดิ เห็นหัวหน้ำกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ควำมคดิ เห็นรองผู้อำนวยกำรกลมุ่ บรหิ ำรวชิ ำกำร ..................................................................................... ..................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ลงชือ่ ........................................... ลงช่ือ...........................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook