Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรู้เกี่ยวกับศิลปะ

ความรู้เกี่ยวกับศิลปะ

Published by ภวพรรณ ดีแป้น, 2021-02-09 06:56:19

Description: ความรู้เกี่ยวกับศิลปะ

Search

Read the Text Version

ความรู้เกี่ยวกบั ศิลปะ ความหมายของศิลปะ ศิลปะ (Art) เป็นคาท่ีมีความหมายกวา้ งขวางครอบคลุมพฤติกรรมการแสดงออก และการสร้างสรรค์ ทุกๆ ดา้ นของมนุษย์ ตามพจนานุกรมศพั ทศ์ ิลปะ : ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พุทธศกั ราช 2530 ไดใ้ หค้ วามหมาย ศิลปะ (สินลปะ) ส.น. การประดบั การแสดงออกมาใหป้ รากฏข้ึนไดอ้ ยา่ งงดงามน่าพงึ ชม และเกิดอารมณ์ สะเทือนใจ การช่างทวั่ ไปการฝีมือคานิยามทวั่ ไปของศิลปะ (Art) ศิลปิ นนกั ปราชญร์ าชบณั ทิตและนกั การศึกษาท้งั หลายไดพ้ ยายามกาหนดความหมายของศิลปะไว้ มากมาย ดว้ ยเหตุผลต่างๆ กนั เช่น ศิลปะ หมายถึง การเลียนแบบธรรมชาติ ศิลปะ หมายถึง สิ่งท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึนเพื่อความงามและประโยชน์ใชส้ อย ศิลปะ หมายถึง การถ่ายทอดความรู้สึกเป็นรูปทรง ศิลปะ หมายถึง การแสดงออกทางความเชื่อและความงาม ศิลปะ หมายถึง การแสดงออกทางบุคลิกภาพเด่นๆ ของศิลปิ น ศิลปะ หมายถึง งานอนั เป็นความพากเพยี รของมนุษย์ ซ่ึงตอ้ งใชค้ วามพยายามดว้ ยความคิดเห็น และมือ ศิลปะ หมายถึง ความชานาญในการลาดบั ประสบการณ์และการถ่ายทอดตามจินตนาการใหเ้ ป็ น วตั ถุท่ีมีสุนทรียภาพ ฯลฯ เม่ือพจิ ารณาจากความหมายดงั กล่าว สรุปไดว้ า่ ศิลปะ เป็นผลงานที่เกิดจากการสร้างสรรค์ จากภูมิปัญญาของมนุษยท์ ี่ถ่ายทอดออกมา โดยผา่ นส่ือ วสั ดุ เทคนิควธิ ีการตา่ งๆ มีคุณคา่ ท้งั เน้ือหา เรื่องราวและความหมาย เม่ือไดพ้ บเห็นหรือสัมผสั แลว้ ก่อให้เกิด ความพงึ พอใจ ประทบั ใจมีความสุข เพลิดเพลินและปิ ติยนิ ดี การสร้างงานศิลปะของมนุษยแ์ บ่งออกเป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. วจิ ิตรศิลป์ (Fine Art) หมายถึงศิลปะท่ีแสดงความตอ้ งการทางดา้ นจิตใจและอารมณ์เป็นสาคญั โดยถือเอา ความรู้สึกจากงานน้นั เป็นคุณค่า 2. ศิลปประยกุ ต์ (Applied Art) หมายถึ งศิลปะท่ีสนองความตอ้ งการทางดา้ นร่างกาย เศรษฐกิจ

และชีวติ ประจาวนั โดยถือเอาคุณคา่ ทางประโยชนใ์ ชส้ อยเป็นอนั ดบั แรกและคุณคา่ ทางความงามเป็น อนั ดบั รอง ทศั นศิลป์ เป็นส่วนหน่ึงของวจิ ิตรศิลป์ เน่ืองจากเป็นศิลปะท่ีมีความงาม และสนองความ ตอ้ งการทางดา้ นจิตใจและอารมณ์เป็ นสาคญั ทศั นศิลป์ (Visual Art) หมายถึงศิลปะที่มองเห็น หรือศิลปะท่ีสามารถสัมผสั รับรู้ และช่ืนชม ดว้ ยการมองเห็นเป็นศิลปะท่ีสมั ผสั จบั ตอ้ งได้ และกินท่ีวา่ งในอากาศ (ปัญญา เศรษฐศิริ ศุภกร และคณะ พมิ พค์ ร้ังที่ 1 พ.ศ. 2540 : หนา้ 4-6) ทศั นศิลป์ แบ่งออกเป็ น 3 ประเภทไดแ้ ก่ จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม จอห์น แคนาเดย์ (John Canaday) ไดใ้ หค้ วามหมายของจิตรกรรมไวว้ า่ จิตรกรรม คือ การระบายช้นั ของสี ลงบนพ้ืนระนาบรองรับ เป็นการจดั รวมกนั ของรูปทรง และ สีที่เกิดข้ึนจากการเตรียมการของศิลปิ นแตล่ ะ คนในการเขียนภาพน้นั พจนานุกรมศพั ท์ อธิบายวา่ เป็นการสร้างงานทศั นศิลป์ บนพ้ืนระนาบรองรับ ดว้ ยการ ลาก ป้าย ขีด ขดู วสั ดุ จิตรกรรมลงบนพ้ืนระนาบรองรับซ่ึงจาแนกไดต้ ามลกั ษณะผลงานท่ีสิ้นสุด และ วสั ดุ วจิ ิตรศิลป์ (Fine Art) แบ่งออกเป็ น 5 แขนง 1. จิตรกรรม (Painting) จิตรกรรม หมายถึง การเขียนภาพและระบายสี เป็นการถ่ายทอดความงาม และความรู้สึกนึกคิด ลงบนพ้นื ระนาบท่ีเป็ น 2 มิติ แตส่ ามารถใชส้ ี เส้น แสงเงา ฯลฯ สร้างสรรคใ์ หเ้ กิดภาพลวงตา มีความ ลึกต้ืนและดูเป็น 3 มิติได้ เราเรียกผสู้ ร้างสรรคง์ านจิตรกรรมวา่ “จิตรกร” จิตรกรรมจาแนกได้ 2 ลกั ษณะดงั น้ี 1.1 ภาพวาด (Drawing) หมายถึงการวาดภาพ แบบเป็น 2 มิติ คือมีเพียงความกวา้ งและความ ยาว โดยใชว้ สั ดุตา่ ง ๆ เช่น ดินสอดา สีชอลก์ สีเทียน สีไม้ เกรยอง เป็นตน้ ฯลฯ 1.2 ภาพเขียน (Painting) เป็นการสร้างงาน 2 มิติ บนพ้นื ระนาบดว้ ยสีหลายสี การเรียกช่ือ ลกั ษณะของภาพเขียนจะเรียกตามส่ือวสั ดุท่ีใชเ้ ป็นสาคญั เช่น การเขียนภาพดว้ ยสีน้า การเขียนภาพดว้ ยสี น้ามนั เป็นตน้ ( สุชาติ เถาทอง,สังคม ทองมี,ธารงศกั ด์ิ ธารงเลิศฤทธ์ิ,รอง ทองดาดาษ พมิ พค์ ร้ัง ท่ี 3 : หนา้ 5-6 ) รูปแบบของงานจิตรกรรม งานจิตรกรรมแบ่งออกเป็ น 8 ประเภทไดแ้ ก่

1. ภาพหุ่นนิ่ง (Still life) 2. ภาพสัตว์ (Animal) 3. ภาพคนและคนเหมือน (Human Figure and Portrait) 4. ภาพทิวทศั น์บก (Landscape) ทะเล (Seascape) และทิวทศั นส์ ่ิงก่อสร้าง (Building scape) 5. ภาพชีวติ ความเป็นอยขู่ องมนุษย์ (Genre) 6. ภาพเก่ียวกบั ศาสนา (Religious) 7. ภาพจินตนาการ (Imagination) 8. ภาพนามธรรม (Abstract) องคป์ ระกอบสาคญั ของงานจิตรกรรม คือ 1. ผสู้ ร้างงาน หรือ ผวู้ าด เรียกวา่ จิตรกร 2. วสั ดุท่ีใชร้ องรับการวาด เช่น กระดาษ ผา้ ผนงั ฯลฯ 3. สี เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงเน้ือหา เร่ืองราวเกี่ยวกบั ผลงาน งานจิตรกรรมเป็นงานศิลปะที่เก่าแก่ด้งั เดิมของมนุษย์ เร่ิมต้งั แต่การขีดเขียนบนผนงั ถ้า บนร่างกาย บนภาชนะเครื่องใชต้ า่ ง ๆ จน พฒั นามาเป็นภาพวาดท่ีใชป้ ระดบั ตกแตง่ ในปัจจุบนั การวาดภาพเป็นพ้นื ฐานของงานศิลปะทุกชนิด ผสู้ ร้างสรรคง์ านจิตรกรรม เรียกวา่ จิตรกร(Painter) คุณค่าของงานจิตรกรรม … ศิลปกรรมเป็ นการแสดงออกถึงจิตใจของชาติ ฉะน้นั ผทู้ ่ีเป็ นศิลปิ นไมว่ า่ ประเภทใด จึงควรไดพ้ ยายามศึกษาหา ความรู้ใหก้ วา้ งขวางเพื่อท่ีจะแสดงจิตใจน้นั ไดด้ ี 1. คุณค่าทางดา้ นจิตใจ -ถ่ายทอดอารมณ์จิตใจ เเละความรู้สึกภายในสู่ภายนอก -ยกระดบั จิตใจใหป้ ระณีตละเอียดอ่อน -ผอ่ นคลายอารมณ์ เคร่งเครียดเเละเศร้ามอง –จรรโลงศาสนารักษาคุณธรรม 2. คุณคา่ ทางความคิดเเละสติปัญญา

-เป็ นส่ือการถ่ายทอดความคิดเเละสติปัญญา -พฒั นาความคิดสร้างสรรค์ -เป็นสื่อในการศึกษาคน้ ควา้ ทางศิลปะกรรม 3. คุณคา่ ทางดา้ นประโยชนใ์ ชส้ อย -เป็ นพ้ืนฐานของงานออกเเบบ -เป็นส่วนประกอบของงานประยกุ ตศ์ ิลป์ -เป็ นศิลปะภายใน -เป็นอาชีพที่มน่ั คง http://school.obec.go.th/huyhinpit/Student/Art3/Bo6.html 2. ประติมากรรม (Sculpture) เป็นผลงานศิลปะที่แสดงออกดว้ ยการสร้างรูปทรง 3 มิติ มีปริมาตร มีน้าหนกั และกินเน้ือที่ในอากาศ โดยการใชว้ สั ดุชนิดต่าง ๆ วสั ดุท่ีใชส้ ร้างสรรคง์ านประติมากรรม จะเป็ นตวั กาหนด วิธีการสร้างผลงาน ผู้ สร้างสรรคง์ านประติมากรรม เรียกวา่ ประติมากร ความงามของงานประติมากรรม เกิดจากการแสงและเงา ที่ เกิดข้ึนในผลงานการสร้างงานประติมากรรมทาได้ 4 วธิ ี คือ 1. การป้ัน (Casting) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ จากวสั ดุ ทีเหนียว อ่อนตวั และยดึ จบั ตวั กนั ไดด้ ี วสั ดุ ที่นิยมนามาใชป้ ้ัน ไดแ้ ก่ ดินเหนียว ดินน้ามนั ปูน แป้ง ข้ีผ้งึ กระดาษ หรือ ข้ีเลื่อยผสมกาว เป็นตน้ 2. การแกะสลกั (Carving) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ จากวสั ดุที่ แขง็ เปราะ โดยอาศยั เคร่ืองมือ วสั ดุที่ นิยมนามาแกะ ไดแ้ ก่ ไม้ หิน กระจก แกว้ ปูนปลาสเตอร์ เป็นตน้ 3. การหล่อ (Molding) เป็นการสร้างรูปทราง 3 มิติ จากวสั ดุท่ีหลอมตวั ไดแ้ ละกลบั แขง็ ตวั ได้ โดย อาศยั แม่พิมพ์ ซ่ึงสามารถทาใหเ้ กิดผลงานท่ีเหมือนกนั ทุกประการต้งั แต่ 2 ชิ้นข้ึนไป วสั ดุที่นิยมนามาใชห้ ล่อ ไดแ้ ก่ โลหะ ปูน แป้ง แกว้ ข้ีผ้งึ ดิน เรซิ่น พลาสติก ฯลฯ http://www.mew6.com/composer/art/sculpture.php 4. การประกอบข้ึนรูป (Construction) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ โดยนาวสั ดุตา่ ง ๆ มา ประกอบเขา้ ดว้ ยกนั และยดึ ติดกนั ดว้ ยวสั ดุตา่ ง ๆ การเลือกวธิ ีการสร้างสรรคง์ านประติมากรรม ข้ึนอยกู่ บั วสั ดุท่ีตอ้ งการใช้ ประติมากรรม ไมว่ า่ จะสร้างข้ึนโดยวธิ ีใด จะมีอยู่ 3 ลกั ษณะ คือ แบบนูนต่า แบบนูนสูง และแบบลอยตวั ประเภทของงานประติมากรรม 1.ประติมากรรมแบบนูนต่า ( Bas Relief ) เป็นรูปที่เป็นนูนข้ึนมาจากพ้ืนหรือมีพ้ืนหลงั

รองรับ มองเห็นไดช้ ดั เจนเพียงดา้ นเดียว คือดา้ นหนา้ มีความสูงจากพ้นื ไมถ่ ึงคร่ึงหน่ึงของรูป จริง ไดแ้ ก่รูปนูนแบบเหรียญ รูปนูนท่ีใชป้ ระดบั ตกแตง่ ภาชนะ หรือประดบั ตกแตง่ อาคารทาง สถาปัตยกรรม โบสถ์ วหิ ารต่างๆ พระเคร่ืองบางชนิด 2.ประติมากรรมแบบนูนสูง ( High Relief ) เป็นรูปตา่ ง ๆ ในลกั ษณะเช่นเดียวกบั แบบ นูน ต่า แต่มีความสูงจากพ้ืนต้งั แตค่ ร่ึงหน่ึงของรูปจริงข้ึนไป ทาใหเ้ ห็นลวดลายที่ลึก ชดั เจน และ และ เหมือนจริงมากกวา่ แบบนูนต่าและใชง้ านแบบเดียวกบั แบบนูนต่า 3.ประติมากรรมแบบลอยตัว ( Round Relief ) เป็นรูปต่าง ๆ ที่มองเห็นไดร้ อบดา้ น หรือ ต้งั แต่ 4 ดา้ นข้ึนไป ไดแ้ ก่ ภาชนะต่าง ๆ รูปเคารพตา่ ง ๆ พระพุทธรูป เทวรูป รูปตามคตินิยม รูป บุคคลสาคญั รูปสัตว์ ฯลฯ ประตมิ ากรรม เป็นงานศิลปะที่แสดงออกดว้ ยการป้ัน แกะสลกั หล่อ และการจดั องคป์ ระกอบ ความงามอื่น ลงบนสื่อตา่ งๆ เช่น ไม้ หิน โลหะ สมั ฤทธ์ิ ฯลฯ เพ่ือใหเ้ กิดรูปทรง 3 มิติ มีความลึกหรือ นูนหนา ประติกรรมเป็ นแขนงหน่ึงของทศั นศิลป์ ผทู้ างานประติมากรรม มกั เรียกวา่ ประติมากร งานประติมากรรมที่เก่ียวกบั ศาสนามกั สะกดใหแ้ ตกตา่ งออกไปวา่ ปฏิมากรรม ผทู้ ี่สร้างงาน ปฏิมากรรม เรียกวา่ ปฏิมากร 3. สถาปัตยกรรม (Architecture) สถาปัตยกรรม (ARCHITECTURE) สถาปัตยกรรมเป็นงานท่ีรวมจิตรกรรมและ ประติมากรรมมาประกอบดว้ ยมีขนาดใหญก่ วา่ ศิลปะแขนงอ่ืน ๆ เป็นทศั นศิลป์ ที่เก่ียวขอ้ งกบั การ ออกแบบก่อสร้างเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ เป็ นการกาหนดขอบเขตบริเวณวา่ ง เพ่ือใหเ้ กิด ประโยชน์ ผอู้ อกแบบสถาปัตยกรรม เรียกวา่ สถาปนิก (ARCHITECT) เป็นผลงานศิลปะที่แสดงออก ดว้ ยการก่อสร้างสิ่งก่อสร้าง อาคาร ท่ีอยอู่ าศยั ตา่ ง ๆ การวางผงั เมือง การจดั ผงั บริเวณการตกแต่งอาคาร การออกแบบก่อสร้าง ซ่ึงเป็ นงานศิลปะ ที่มีขนาดใหญ่ตอ้ งใชผ้ สู้ ร้างงานจานวนมาก และเป็นงานศิลปะ ที่มีอายยุ นื ยาว สถาปัตยกรรม เป็นวธิ ีการจดั สรรบริเวณท่ีวา่ งใหเ้ กิดประโยชนใ์ ชส้ อยตามความตอ้ งการ ซ่ึงเกี่ยวขอ้ งกบั ศาสตร์ในสาขาต่าง ๆ เช่น วศิ วกรรมศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สงั คมวทิ ยา มานุษยวทิ ยา และ ศิลปะ ความงดงาม และคุณค่าของสถาปัตยกรรม ข้ึนอยกู่ บั องคป์ ระกอบ ดงั น้ี คือ 1. การจดั สรรบริเวณท่ีวา่ งให้สัมพนั ธ์กนั ของส่วนตา่ ง ๆ ท้งั ภายในและภายนอก 2. การจดั รูปทรงทางสถาปัตยกรรมใหเ้ หมาะสมกบั ประโยชนใ์ ชส้ อย และส่ิงแวดลอ้ ม 3. การเลือกใชว้ สั ดุใหเ้ หมาะสมกลมกลืน

สถาปัตยกรรมแบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ 1. ชนิดท่ีสร้างข้ึนเพื่อใหม้ นุษยเ์ ขา้ ไปอาศยั อยู่ หรือประกอบกิจกรรมตา่ ง ๆ เช่น อาคาร บา้ นเรือน โบสถ์ วหิ าร ศาลา ฯลฯ 2. ชนิดท่ีสร้างข้ึนเพ่ือประโยชนใ์ ชส้ อยอยา่ งอื่น ๆ เช่น อนุสาวรีย์ เจดีย์ สะพาน เป็นตน้ ผสู้ ร้างสรรค์ สถาปัตยกรรมแบ่งตามลกั ษณะวสั ดุและเทคนิคการก่อสร้าง มี 4 ประเภท คือ 1. สถาปัตยกรรมเคร่ืองไม้ 2. สถาปัตยกรรมเคร่ืองหิน 3. สถาปัตยกรรมคอนกรีตเสริมเหล็ก 4. สถาปัตยกรรมโครงเหล็ก ความเป็ นมาของสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมเป็ นส่วนหน่ึงของอารยธรรมท่ีมีลกั ษณะเด่น ใหเ้ ห็นเด่นชดั สมยั แรกมนุษยอ์ ยตู่ ามถ้า ซ่ึงมี ขนาดเลก็ ใหญ่ตา่ งกนั ต่อมามนุษยอ์ พยพออกจากถ้าแหล่งท่ีมีมนุษยอ์ าศยั อยกู่ ็คือ บริเวณใกลแ้ มน่ ้าลาธาร เพือ่ สะดวกในการไปมาหาสู่กนั เป็นท่ีสร้างที่อยอู่ าศยั ใชใ้ นการเพาะปลูก สถาปัตยกรรมจึงเป็นการก่อสร้างอนั สาคญั ของมนุษย์ ซ่ึงสร้างข้ึนมาเพื่อประโยชนข์ องตนเองและสังคม 4. วรรณกรรม (Literature) เป็นผลงานศิลปะที่แสดงออกดว้ ยการใชภ้ าษา เพ่ือการสื่อสารเรื่องราวใหเ้ ขา้ ใจระหวา่ งมนุษย์ ภาษาเป็ นส่ิงที่ มนุษยค์ ิดคน้ และสร้างสรรคข์ ้ึนเพ่ือใชส้ ่ือความหมายเร่ืองราวต่าง ๆ ภาษาที่มนุษยใ์ ชใ้ นการสื่อสารไดแ้ ก่ 1. ภาษาพูด โดยการใชเ้ สียง 2. ภาษาเขียน โดยการใชต้ วั อกั ษร ตวั เลข สญั ลกั ษณ์ และภาพ 3. ภาษาท่าทาง โดยการใชก้ ิริยาท่าทาง หรือประกอบวสั ดุอยา่ งอื่น ความงามหรือศิลปะในการใชภ้ าษาข้ึนอยกู่ บั การใชภ้ าษาใหถ้ ูกตอ้ ง ชดั เจน และเหมาะสมกบั เวลา โอกาส และบุคคล นอกจากน้ี ภาษาแตล่ ะภาษายงั สามารถปรุงแตง่ ใหเ้ กิดความเหมาะสม ไพเราะ สวยงามได้ ชาติไทย เป็น ชาติที่มีอารยะธรรมเก่าแก่ มีภาษท่ีเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะของตนเอง ท้งั ภาษาพดู และภาษาเขียน นอกจากน้ี ยงั มี ความคิดสร้างสรรคใ์ นการใชภ้ าษาไดอ้ ยา่ งไพเราะ ถือเป็นความงามของการใชภ้ าษา จากการแต่งโคลง กลอน คา ประพนั ธ์ ร้อยแกว้ ต่าง ๆ นอกจากน้ี ยงั มีการบญั ญตั ิคา ราชาศพั ท์ คาสุภาพ ข้ึนมาใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม แสดงใหเ้ ห็นวฒั นธรรมที่เป็นเลิศทาง การใชภ้ าษาท่ีควรดารง และ ยดึ ถือต่อไป ผสู้ ร้างสรรคง์ านวรรณกรรม เรียกวา่ นกั เขียน นกั ประพนั ธ์ หรือ กวี (Writer or Poet) วรรณกรรมไทย แบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ

1. ร้อยแก้ว เป็นขอ้ ความเรียงที่แสดงเน้ือหา เรื่องราวต่าง ๆ 2. ร้อยกรอง เป็นขอ้ ความท่ีมีการใชค้ าท่ีสัมผสั คลอ้ งจอง ทาใหส้ ัมผสั ไดถ้ ึงความงามของภาษาไทย ร้อย กรองมีหลายแบบ คือ โคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน และร่าย 5. ดนตรี และนาฏศิลป์ Music & Dramatic Art เป็นผลงานศิลปะท่ีแสดงออกดว้ ยการใชเ้ สียง การจดั จงั หวะ และทว่ งทานองของเสียง ดว้ ยการเล่น ดนตรี และการขบั ร้องเพลง ที่มีผลตอ่ อารมณ์และจิตใจของมนุษย์ รวมถึงการใช้ ทา่ ทางประกอบเสียง การ เตน้ ระบา รา ฟ้อน การแสดงละคร ฯลฯ ผสู้ ร้างสรรคง์ าน เรียกวา่ นกั ดนตรี (Musician) นกั ร้อง (Singer) หรือ นกั แสดง (Actor / Actress) ดนตรีและนาฏศิลป์ [Music & Drama] เป็น 1 ใน 8 ของศิลปะประเภท วจิ ิตรศิลป์ เช่นเดียวกบั ศิลปะภาพถ่าย [Photography] ซ่ึงจดั ไดว้ า่ เป็ น ทศั นศิลป์ [Visual Art] ดนตรี หมายถึง ศิลปะที่แสดงอออกโดยการเรียบเรียงระดบั เสียงสูงต่าท่ีใชค้ วามรู้สึกและจินตนาการ สร้างสรรคผ์ สมผสานกนั อยา่ งลงตวั ผา่ นเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ เพ่ือใหเ้ กิดความไพเราะ นาฎศิลป์ เป็นการแสดงออกทางลีลา ทา่ ทางการรา การแสดงโยมีจุดมุง่ หมายเพ่ือความงาม ความพอใจสรุปก็ คือ ศิลปะประเภทดนตรีและนาฏศิลป์ เรียกวา่ โสตทศั นศิลป์ (Audiovisual Art]




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook