Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ตัวอย่างแม่พิมพ์พลาสติก

ตัวอย่างแม่พิมพ์พลาสติก

Published by bosstongten101, 2017-07-07 03:37:58

Description: ตัวอย่างแม่พิมพ์พลาสติก

Keywords: ตัวอย่างแม่พิมพ์พลาสติก

Search

Read the Text Version

87 7. เลือก Project Type เป็น Visual Basic เพือ่ ใหป้ รากฏแมแ่ บบ (Template) ของ API ข้ึนมาดงั ภาพประกอบ 4-6 ภาพประกอบ 4-6 ข้นั ตอนการเลือก Template4.4 การเขยี น API ด้วยโปรแกรม SolidWorks 2006 โปรแกรม SolidWorks 2006 เป็นโปรแกรมทางดา้ นการออกแบบ (CAD) ตวั หน่ึงท่ีนิยมใชส้ าํ หรับงานออกแบบในปัจจุบนั โดยสามารถใชส้ าํ หรับงานออกแบบ (Modeling) งานประกอบ (Assembly) และงานแสดงให้รายละเอียดชิ้นงาน (Drawing) นอกจากน้ียงั มีฟังกช์ นัเพิ่มเติมอีกหลายอยา่ ง เช่น Cosmos (สาํ หรับการวเิ คราะห์แบบดว้ ยระเบียบวิธีไฟไนตอ์ ิลิเมน็ ต)์ และMold Design (สาํ หรับออกแบบแม่พมิ พอ์ ยา่ งง่าย) เป็นตน้ สาํ หรับในส่วนของการเขียนโปรแกรมประยกุ ต์ (API) น้นั โปรแกรม SolidWorksไดเ้ ปิ ดใหใ้ ชง้ านไดพ้ ร้อมกบั การติดต้งั โปรแกรม โดยไม่มีเง่ือนไขทางดา้ นลิขสิทธ์เขา้ มาเก่ียวขอ้ งดงั น้นั ผใู้ ชง้ าน (User) สามารถพฒั นาโปรแกรมประยกุ ตต์ ่างๆ ข้ึนมาอินเทอร์เฟส (Interface) บนโปรแกรม SolidWorks เพอ่ื เป็นเคร่ืองมือช่วยในการทาํ งานไดต้ ามความตอ้ งการ การเขียน API ด้วยโปรแกรม SolidWorks น้ัน สามารถเขียนด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ไดห้ ลายภาษาอยา่ งเช่น C, C++, VB, VB.NET และ, VBA (Macro) เป็นตน้ข้ึนอยกู่ บั ผเู้ ขียนโปรแกรมจะเลือกใชภ้ าษาใดในการเขียน API สาํ หรับหวั ขอ้ ต่อไปน้ีจะกล่าวถึงการ

88เขียน API ดว้ ยภาษา VBA (Visual Basic Application) หรือที่เรียกว่าการเขียนแมโคร และการเขียนดว้ ยภาษา VB.NET 4.4.1 การเขยี น API ด้วยแมโคร (Macro) การเขียน API ดว้ ยแมโครเป็ นการเขียนรูปแบบหน่ึงท่ีสามารถเขียนจากตวัโปรแกรม SolidWorks ไดเ้ ลยโดยไม่ตอ้ งทาํ การติดต้งั โปรแกรมใดเพ่ิมเติม โดยมีรูปแบบการเขียนโปรแกรมได้ 2 ลกั ษณะคือ การเขียนแมโครข้ึนมาใหม่ (New Macro) และการบนั ทึกแมโคร(Record Macro) โดยมีข้นั ตอนในการเขียนดงั น้ี 1. เปิ ดโปรแกรม SolidWorks ข้ึนมาแลว้ เปิ ดเครื่องมือ (Tool) ในส่วนของแมโครซ่ึงจะประกอบดว้ ยแถบเคร่ืองมือดงั ภาพประกอบ 4-7 ภาพประกอบ 4-7 แถบเคร่ืองมือ Macro สําหรับแถบเครื่องมือแมโครน้ีจะประกอบดว้ ยคาํ ส่ังและฟังก์ชันการทาํ งานดงัตาราง 4-2ตาราง 4-2 แสดงฟังกช์ นั การทาํ งานของคาํ สงั่ บนแถบเคร่ืองมือแมโคร คาํ ส่ัง ฟังก์ชันการทาํ งานRun Macro ใชส้ ําหรับการเปิ ด (Run) แมโครที่เขียนเสร็จแลว้ ให้ ทาํ งานตามตอ้ งการRecord/Pause Macro ใชส้ ําหรับการบนั ทึกแมโครและหยุดบนั ทึกชัว่ คราวStop Macro (Pause) ใช้สําหรับหยุดการบันทึกแมโคร ซ่ึงจะสามารถใช้ คาํ สง่ั น้ีไดก้ ต็ อ่ เมื่อมีการเริ่มบนั ทึกแมโครแลว้ เท่าน้นั

89ตาราง 4-2 แสดงฟังกช์ นั การทาํ งานของคาํ สง่ั บนแถบเครื่องมือแมโคร (ต่อ) คาํ ส่ัง ฟังก์ชันการทาํ งานNew Macro ใชส้ าํ หรับการสร้างแมโครใหม่Edit Macro ใชส้ าํ หรับการแกไ้ ขแมโคร การเขียนแมโครใหม่ (New Macro) สามารถเร่ิมตน้ เขียนโดยการเรียกใชค้ าํ สั่งNew Macro โปรแกรมจะใหผ้ ใู้ ชต้ ้งั ช่ือแมโคร (Macro Name) เพ่ือใชบ้ นั ทึกแมโครที่กาํ ลงั จะสร้างข้ึนโดยมีชนิดนามสกลุ ของไฟลเ์ ป็น SW VBA Macro (.swp) หนา้ จอสาํ หรับการเขียนแมโครเป็นดงั ภาพประกอบ 4-8 ภาพประกอบ 4-8 หนา้ จอสาํ หรับเขียนแมโคร สาํ หรับหนา้ จอการเขียนแมโครน้ีจะประกอบดว้ ยหนา้ ต่าง (Windows) การทาํ งาน3 ส่วนดงั ภาพประกอบ 4-9

901 32 ภาพประกอบ 4-9 ส่วนประกอบของหนา้ จอการเขียนแมโครตาราง 4-3 แสดงส่วนประกอบของหนา้ จอการเขียนแมโครหน้าต่าง (Windows) หน้าท่ีProject windows (1) เป็ นส่วนที่ใช้แสดงชื่อของคลาส (Class) โมดูลProperties windows (2) (Module) และ อินเทอร์เฟส (Interface) ท้งั หมดที่เขียน ข้ึนสาํ หรับแมโคร เป็ นส่วนท่ีแสดงรายละเอียดของส่ิงที่ได้เลือกจาก Project windows (1)Code window (3) เป็ นส่วนที่ใช้สําหรับการเขียนโปรแกรม รหัสคาํ ส่ัง ต่างๆ ท่ีตอ้ งการ ซ่ึงเป็ นส่วนที่ใชง้ านหลกั ในการเขียน แมโคร

91 2. การบนั ทึกแมโคร (Record Macro) เป็ นการบนั ทึกการทาํ งานต่างๆ ที่เกิดข้ึนบนหนา้ จอของโปรแกรม SolidWorks เป็ นโคด้ (Code) ของแมโคร โดยมีข้นั ตอนการทาํ งานดงัภาพประกอบ 4-10 ภาพประกอบ 4-10 ข้นั ตอนการบนั ทึกแมโคร ขอ้ ดีของการบนั ทึกแมโครคือ สามารถเขียนโคด้ คาํ ส่ังต่างๆ ไดอ้ ตั โนมตั ิและช่วยลดข้นั ตอนการทาํ งานลงไดด้ งั จะแสดงในตวั อยา่ งต่อไป เมื่อทาํ การเปิ ดเรียกใช้ (Run) โปรแกรมแลว้ จะไดง้ านตามท่ีไดบ้ นั ทึกแมโครไว้ แต่มีขอ้ จาํ กดั คือหากไม่ทาํ การแกไ้ ขแมโครท่ีบนั ทึกไดน้ ้นัเมื่อทาํ การรันโปรแกรมแลว้ จะไดง้ านตามท่ีไดบ้ นั ทึกไวเ้ ท่าน้นั ไม่สามารถแกไ้ ขเปลี่ยนแปลงงานดงั กล่าวได้ ตวั อยา่ งเช่น ตอ้ งการสร้างทรงกระบอกขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 50 มม. ยาว 30 มม.ข้นั ตอนการบนั ทึกแมโครสาํ หรับสร้างทรงกระบอกดงั กล่าวแสดงไดด้ งั ภาพประกอบ 4-11 ภาพประกอบ 4-11 ตวั อยา่ งการบนั ทึกแมโครสาํ หรับการสร้างทรงกระบอก

92ตวั อยา่ งการทาํ งานในแต่ละข้นั ตอนดงั แสดงในตาราง 4-4ตาราง4-4 แสดงรายละเอียดการบนั ทึกแมโครข้นั ตอน ภาพประกอบ¾ เรียกคาํ ส่งั Record Macro¾ เลือกระนาบการวาดวงกลม¾ เลือกคาํ สง่ั Sketch Circle¾ วาดวงกลมและกาํ หนดขนาดเส้นผ่าน ศนู ยก์ ลาง = 50 มม.

93ตาราง4-4 แสดงรายละเอียดการบนั ทึกแมโคร (ต่อ) ภาพประกอบ ข้นั ตอน ¾ ออกจากคาํ ส่งั Sketch ¾ เลือกคาํ สงั่ Extrude Boss ¾ กาํ หนดค่าการ Extrude = 30 มม.¾ หยุดการบันทึกแมโครและบันทึก ไฟล์¾ ไดช้ ิ้นงานทรงกระบอกตามตอ้ งการ

94 หลงั จากทาํ การบนั ทึกแมโครแลว้ เรียกคาํ สัง่ Edit Macro เพื่อดูโคด้ ของคาํ ส่ังต่างๆท่ีไดบ้ นั ทึกไวด้ งั ภาพประกอบ 4-12 ภาพประกอบ 4-12 แสดงโคด้ โปรแกรมที่ไดจ้ ากการบนั ทึกแมโคร 3. การเปิ ดแมโคร คือการสั่งให้โคด้ โปรแกรมที่ไดท้ าํ การบนั ทึกไวน้ ้นั ทาํ งาน สําหรับตวั อยา่ งการสร้างทรงกระบอกท่ีไดก้ ล่าวมาน้นั หากจะเปิ ดใชง้ านโปรแกรม ใหท้ รงกระบอกพร้อมกบั เสน้ ร่างออกไปก่อน หลงั จากน้นั เรียกคาํ สงั่ Run Macro แลว้ เลือกไฟลแ์ มโครที่ไดบ้ นั ทึกไว้ ก็จะไดท้ รงกระบออกท่ีมีขนาดเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 50 มม. และยาว 30 มม. ตามท่ีไดบ้ นั ทึกไว้ จากตวั อย่างจะเห็นไดว้ ่าทรงกระบอกท่ีไดจ้ ากการรันแมโครน้ันจะมีรูปร่างและขนาดเหมือนกบั ตวั ตน้ แบบที่ใชใ้ นการบนั ทึกแมโคร ดงั น้นั หากตอ้ งการให้สามารถเปลี่ยนแปลงขนาดของทรงกระบอกได้ จะตอ้ งทาํ การแกไ้ ขโคด้ โปรแกรมโดยการสร้างฟอร์ม (Form) ข้ึนมารับคา่ ดงั กล่าวแลว้ นาํ คา่ น้นั ไปเป็นพารามิเตอร์ (Parameter) ในการระบุขนาดทรงกระบอกได้

95 4.4.2 การเขยี น API ด้วย VB.NET การเขียน API ดว้ ย VB.NET เป็ นการเขียน API อีกวิธีหน่ึงท่ีตอ้ งใชโ้ ปรแกรมMicrosoft Visual Studio .NET (VB.NET) เขา้ มาเป็นเครื่องมือ โดยจะทาํ การเขียนโคด้ โปรแกรมไว้ในโปรแกรม VB.NET แลว้ ทาํ การดีบกั (Debug) โปรแกรมเพื่อเรียกโปรแกรม SolidWorks ข้ึนมาทาํ งาน ลกั ษณะการเชื่อมโยงกนั ระหวา่ งโปรแกรมท้งั สองเป็นดงั ภาพประกอบ 4-13 ภาพประกอบ 4-13 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งโปรแกรม VB.NET กบั SolidWorks จากความสัมพนั ธ์ระหว่างโปรแกรมในภาพประกอบที่ 4-15 จึงจาํ เป็ นตอ้ งมีการติดต้งั ชุดเชื่อมต่อระหว่างโปรแกรมท้งั สองเพ่ือให้สามารถทาํ งานร่วมกนั ได้ ซ่ึงจะเรียกชุดเชื่อมต่อน้ีว่า SDK (Software Development Kit) ซ่ึงวิธีการติดต้งั ชุดดงั กล่าวน้นั ไดอ้ ธิบายไวแ้ ลว้ ในหวั ขอ้การติดต้งั โปรแกรม ต่อไปน้ีจะอธิบายถึงข้นั ตอนในการเริ่มตน้ การเขียน API ดว้ ย VB.NET ดงั น้ี 1. เปิ ดโปรแกรม Microsoft Visual Studio .NET ข้ึนมาเลือก New Project เพ่ือเลือกแม่แบบ (Template) ดงั ภาพประกอบ 4-14

96 ภาพประกอบ 4-14 การเลือกแม่แบบสาํ หรับการเขียน API เม่ือเลือกแม่แบบ SwVBAddin แลว้ ใหท้ าํ การต้งั ช่ือโปรเจค็ ที่ Name และกดป่ ุมOK เพื่อเขา้ สู่หนา้ จอการเขียนโปรแกรม หลกั การเขียน API ดว้ ย VB.NET น้ีจะแยกการทาํ งานเป็นคลาส (Class) โดยมีคลาสหลกั คือคลาสที่ชื่อ SwAddin.vb ซ่ึงคลาสดงั กล่าวจะมีโครงสร้างดงัภาพประกอบ 4-15

97ภาพประกอบ 4-15โครงสร้างของคลาส SWAddin.vb จากภาพประกอบ 4-15 จะเห็นไดว้ ่าโครงสร้างของคลาสน้นั ประกอบดว้ ย 3 ส่วนคือ ส่วนท่ีดึง Library ต่างๆ เขา้ สู่โปรแกรม ส่วนที่สองคือ ID สาํ หรับการทาํ งานของระบบ และส่วนท่ีสามคือโครงสร้างหลกั ของคลาสน้ี ซ่ึงส่วนน้ีจะเป็ นส่วนที่ทาํ หนา้ ท่ีควบคุมการทาํ งานของโปรแกรมท้ังหมดไม่ว่าจะเป็ นการเชื่อมโยงไปยงั คลาสอื่นๆ หรือการติดต่อไปยงั โปรแกรมSolidWorks โดยมีการแยกออกเป็น 7 ส่วนตามหนา้ ท่ีการทาํ งานดงั ตาราง 4-5ตาราง 4-5 แสดงหนา้ ที่การทาํ งานของส่วนต่างๆในคลาส SWAddin.vb Class SwAddin.vb หน้าท่ีLocal Variables กาํ หนดเป็นตวั แปรท่ีใชภ้ ายในโปรแกรมSolidWorks SolidWorks Registration เชื่อมตอ่ ไปยงั หน่วยความจาํ ของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ISwAddin Implementation ส่วนท่ีใชเ้ ปิ ดและปิ ดโปรแกรม SolidWorks รวมถึงการ เพ่ิมเมนูตา่ งๆ เขา้ ไปในโปรแกรมUI Methods กาํ หนดแถบเครื่องมือ (Toolbar) ต่างๆที่จะให้ปรากฏ ข้ึนในโปรแกรม SolidWorks และยงั เป็ นส่วนท่ีEvent Methods เชื่อมโยงไปยงั คลาสตา่ งๆ อีกดว้ ย เป็นส่วนที่แยกการทาํ งานในโปรแกรม SolidWorks ซ่ึง จะมีอยู่ 3 รูปแบบคือ Part Assembly และ Drawing

98ตาราง 4-5 แสดงหนา้ ท่ีการทาํ งานของส่วนต่างๆในคลาส SWAddin.vb (ต่อ) Class SwAddin.vb หน้าที่Event Handlers เป็ นส่ วนท่ีกําหนดให้โปรแกรมทํางานเม่ือเกิด เหตุการณ์ (Event) ใดๆ ข้ึนUI Callbacks ก ํา ห น ด ฟั ง ก์ชัน ก า ร ท ํา ง า น ท่ี ต้อ ง ก า ร ใ ห้เ กิ ด ข้ ึ น ใ น โปรแกรม SolidWorks เช่น ต้องการให้สร้าง ทรงกระบอก กจ็ ะทาํ การกาํ หนดโคด้ โปรแกรมในส่วน น้ี รวมถึงเป็ นส่วนท่ีสั่งให้แสดงหนา้ ต่างติดต่อกบั ผใู้ ช้ (Interface) หรือท่ีเรียกวา่ PMP (Property Manager Page) 2. หลงั จากทาํ การเขียนโคด้ โปรแกรมต่างๆ ใหท้ าํ งานตามท่ีตอ้ งการแลว้ ข้นั ตอนต่อไปคือการดีบกั (Debug) โปรแกรมเพ่ือสร้างเป็ นไฟล์ Add-in Application เริ่มตน้ จากในโปรแกรมVB.NET เลือกคาํ สงั่ Debug >> Start Debugging โปรแกรม SolidWorks ก็จะถูกเปิ ดข้ึนมา หลงั จากน้นั ในโปรแกรม SolidWorks เลือกคาํ สัง่ Tool >> Add-Ins จะปรากฏหนา้ ต่างสาํ หรับใชผ้ ใู้ ชเ้ ลือกตามท่ีไฟลโ์ ปรเจค็ ท่ีไดบ้ นั ทึกไวด้ งั ภาพประกอบ 4-16ภาพประกอบ 4-16 หนา้ ต่างสาํ หรับเลือกไฟล์ Add-in

99 หลงั จากเลือกไฟล์ Add-in แลว้ ส่วนของโปรแกรมที่ไดอ้ อกแบบไวก้ ็จะปรากฏข้ึนในแถบเคร่ืองมือ (Toolbar) ของโปรแกรม SolidWorks ดงั ภาพประกอบ 4-17ภาพประกอบ 4-17 การเพม่ิ แถบเคร่ืองมือจาก API ท่ีไดเ้ ขียนข้ึนจากโปรแกรม VB.NET4.5 ข้อแตกต่างระหว่างการเขยี น API ด้วยแมโครกบั VB.NET ดงั ท่ีไดอ้ ธิบายมาแลว้ ในหวั ขอ้ ที่ 4.4.1 และ 4.4.2 เกี่ยวกบั การเขียน API ดว้ ยการเขียนแบบแมโคร (Macro) และการเขียนดว้ ยภาษา VB.NET ซ่ึงการเขียน API ท้งั สองวิธีน้ีสามารถสรุปขอ้ แตกต่างไดด้ งั น้ีตาราง 4-6ตาราง 4-6 ขอ้ แตกต่างระหวา่ งการเขียน API ดว้ ยแมโครและ VB.NET Macro VB.NET ชนิดของไฟล์• SW VBA Macro (*.swp) • Solution Files (*.sln) • Source Code Files (*.vb) • .NET Assembly/Dynamic-Link Library (*.dll)• ไม่มี • Microsoft Visual Studio .NET โปรแกรมเสริม

100ตาราง 4-6 ขอ้ แตกต่างระหวา่ งการเขียน API ดว้ ยแมโครและ VB.NET (ต่อ) Macro VB.NET ลกั ษณะการทาํ งาน การรับส่งค่าตวั แปร ลกั ษณงานทเ่ี หมาะสม• แมโคร 1 ตวั สามารถทาํ งานใดงาน • สามารถทาํ งานหลายงานท่ีแตกต่างกนั ไดใ้ น หน่ึงเท่าน้นั หากตอ้ งการทาํ งานหลาย โปรเจค็ เดียวกนั อยา่ งตอ้ งแยกออกเป็นหลายๆ แมโคร• ไม่สามารถรับส่งค่าตวั แปรระหวา่ ง • สามารถรับส่ งค่าตัวแปรระหว่างแต่ละ แมโครได้ ข้ันตอนการทาํ งานได้เนื่องจากมีการแยก ออกเป็นคลาส (Class)• เหมาะสําหรับงานท่ีไม่ต่อเน่ือง คือ • เหมาะสําหรับงานท่ีต่อเน่ือง คือต้องการ ตอ้ งการทาํ งานใดงานหน่ึงกบั ชิ้นงาน ทาํ งานหลายอยา่ งกบั ชิ้นงาน (Part) ที่อยบู่ น (Part) ท่ีอยบู่ นหนา้ จอของโปรแกรม ห น้ า จ อ ข อ ง โ ป ร แ ก ร ม SolidWorks SolidWorks เช่นแมโครสาํ หรับเจาะรู ต่อเนื่องกนั ไป และมีการรับส่งค่าตวั แปรไป บนชิ้นงานตามขนาดต่างๆ ตามความ มาระหว่างข้ันตอนต่างๆ กัน เช่น งาน ตอ้ งการของผใู้ ช้ ทางดา้ นการออกแบบแม่พมิ พ์4.6 การประยุกต์ใช้ API สําหรับออกแบบแม่พมิ พ์อดั ยาง แม่พิมพอ์ ดั (Compression mold) เป็ นแม่พิมพช์ นิดหน่ึงท่ีนิยมใชใ้ นการข้ึนรูปผลิตภณั ฑ์ยาง ซ่ึงเป็ นผลิตภณั ฑท์ ่ีเก่ียวกบั ชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ต่างๆ ในรถยนต์ หรือเป็ นชิ้นส่วนสาํ หรับเครื่องใชไ้ ฟฟ้ า หรือเป็นชิ้นส่วนของอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ เป็นตน้ แต่ในปัจจุบนั น้ียงั ไม่มีโปรแกรมที่ช่วยในการออกแบบแม่พิมพโ์ ดยตรงเหมือนแม่พิมพฉ์ ีดพลาสติก ซ่ึงยงั ตอ้ งอาศยั ผทู้ ี่มีความชาํ นาญในการออกแบบแม่พิมพเ์ ป็ นผอู้ อกแบบโดยเลือกใชโ้ ปรแกรมทางดา้ นการออกแบบ(CAD) ท่ีมีขายในทอ้ งตลาดทว่ั ไปมาเป็ นเคร่ืองมือในการออกแบบ ทาํ ให้เกิดความล่าชา้ ในการออกแบบแม่พิมพเ์ น่ืองจากจาํ นวนบุคลากรที่มีความรู้ความชาํ นาญในการออกแบบแม่พิมพท์ ่ีจาํ กดันอกจากน้ีความล่าชา้ ในการออกแบบแม่พิมพย์ งั ข้ึนอย่กู บั การรวบรวมขอ้ มูลท่ีใชใ้ นการออกแบบแม่พิมพด์ ว้ ย เน่ืองจากในกระบวนการออกแบบแม่พิมพอ์ ดั สําหรับข้ึนรูปผลิตภณั ฑ์ยางน้ัน ตอ้ งอาศยั ขอ้ มูลหลายอย่างประกอบการพิจารณา อย่างเช่นขอ้ มูลของวสั ดุยางท่ีตอ้ งการทาํ ผลิตภณั ฑ์น้ันๆ ขอ้ มูลของเคร่ืองอดั ที่ใชใ้ นการข้ึนรูป ขอ้ กาํ หนดของลูกคา้ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั ผลิตภณั ฑ์ ขอ้ มูลของวสั ดุสาํ หรับผลิตแม่พิมพร์ วมถึงขอ้ มูลเครื่องมือเครื่องจกั รท่ีใชใ้ นการผลิตแม่พิมพด์ ว้ ย เป็นตน้

101ซ่ึงขอ้ มูลท้งั หมดเหล่าน้ีจะนาํ มาพิจารณาประกอบกบั การออกแบบแม่พิมพ์ บางคร้ังขอ้ มูลแต่ละอยา่ งน้นั จะมีท่ีมาจากหลายๆ แผนกในองคก์ ร ทาํ ใหเ้ กิดความล่าชา้ ในการติดต่อประสานงานในการขอขอ้ มูลแต่ละอยา่ งได้ โดยสรุปแลว้ ปัญหาท่ีเกิดข้ึนกบั การออกแบบแม่พิมพอ์ ดั และแนวทางการแกไ้ ขน้นั สามารถสรุปไดด้ งั ตาราง 4-7ตาราง 4-7 แสดงปัญหาและแนวทางแกไ้ ขท่ีเกิดข้ึนในกระบวนการออกแบบแม่พมิ พอ์ ดั ปัญหาในกระบวนการออกแบบ แนวทางแก้ไข1. ไม่มีระบบข้ันตอนการออกแบบที่แน่นอน ¾ ศึกษากระบวนการออกแบบแม่พิมพแ์ ลว้ ทาํ ข้ึนอยู่กบั ประสบการณ์และความชาํ นาญของ ผอู้ อกแบบ การเรียบเรียงเป็นข้นั ตอนใหเ้ ป็นระบบ2. วัสดุยางมีความหลากหลาย และมีความ ¾ จัดทาํ เป็ นฐานขอ้ มูลของวสั ดุยางที่สามารถ แ ป ร ป ร ว น ข อ ง ค่ า ก า ร ห ด ตัว ข อ ง ย า ง ปรับปรุงเพิ่มเติมเพ่ือให้สามารถนาํ ไปอา้ งอิง (Shrinkage) และใชง้ านไดต้ ่อไปในอนาคต3. ขอ้ มูลเครื่องอดั ที่จะนาํ แม่พิมพไ์ ปใชใ้ นการข้ึน ¾ รวบรวมข้อมูลเครื่ องอัดท่ีเกี่ยวข้องกับ รู ป ผ ลิ ต ภัณ ฑ์ย า ง ไ ม่ ไ ด้มี ก า ร จัด ทํา เ ป็ น กระบวนการออกแบบแม่พิมพ์จัดทําเป็ น ฐานข้อมูลหรื อไม่ได้มีการตรวจสอบความ ฐานข้อมูลท่ีสามารถเพ่ิมเติม แก้ไข และ ถูกต้องของข้อมูล (Update) ที่ มี อยู่ทําให้ เปลี่ยนแปลงขอ้ มลู ได้ บางคร้ังแม่พิมพท์ ี่ออกแบบมาไม่สามารถนาํ ไป ติดต้งั บนเคร่ืองอดั ได้4. การกาํ หนดจาํ นวนเบา้ ในแม่พิมพ์ ไม่มีสูตรการ ¾ รวบรวบวิธีการกาํ หนดจาํ นวนเบา้ จดั ทาํ เป็ น คํานวณหรื อรู ปแบบที่แน่นอน ข้ึนอยู่กับ สูตรในการคํานวณเพื่อเป็ นแนวทางให้ ประสบการณ์และความชาํ นาญของผอู้ อกแบบ ผอู้ อกแบบสามารถเลือกใชไ้ ด้

102ตาราง 4-7 แสดงปัญหาและแนวทางแกไ้ ขท่ีเกิดข้ึนในกระบวนการออกแบบแม่พมิ พอ์ ดั (ต่อ) ปัญหาในกระบวนการออกแบบ แนวทางแก้ไข5. การกาํ หนดขนาดแม่พิมพ์ (Mold Base) ไม่มี ¾ รวบรวมวิธีการคาํ นวณขนาดแม่พิมพ์เป็ น มาตรฐานหรือสูตรการคาํ นวณท่ีแน่นอน ทาํ ให้ สูตรการคาํ นวณและจดั ทาํ เป็ นขนาดแม่พิมพ์ เกิดความล่าชา้ ในกระบวนการผลิตแม่พิมพไ์ ด้ (Mold Base) ใหเ้ ป็นมาตรฐาน เ น่ื อ ง จ า ก ไ ม่ ส า ม า ร ถ สั่ ง ซ้ื อ วัส ดุ สํา ห รั บ ทํา แม่พิมพล์ ่วงหนา้ ได้6. ไม่มีชุดประกอบแม่พิมพ์อย่างเช่น สลักนํา ¾ ทําสร้างชิ้นส่ วนต่างๆ ของชุดประกอบ (Guide Pin) ปลอกนาํ (Guide Bush) หรือชุดหู แม่พิมพ์ เพื่อใช้เป็ นฐานข้อมูลของชุ ด ยึดแม่พิมพแ์ บบต่างๆ ที่เป็ นมาตรฐานสําหรับ ประกอบที่ผใู้ ชส้ ามารถเขา้ ไปเลือกใชไ้ ด้ แม่พิมพอ์ ดั ตอ้ งทาํ การออกแบบใหม่ทุกคร้ัง7. การใหร้ ายละเอียด (Drawing) ของชุดแม่พิมพท์ ่ี ¾ จัดทําเป็ นระบบการให้รายละเอียดชุด ไม่ครบถว้ นทาํ ใหก้ ระบวนการผลิตแม่พิมพเ์ กิด แม่พิมพอ์ ตั โนมตั ิท่ีใหร้ ายละเอียดครบถว้ น ความผดิ พลาดหรือความล่าชา้ ได้8. การกาํ หนดจาํ นวนเบา้ ในแม่พิมพ์ ไม่มีสูตรการ ¾ รวบรวบวิธีการกาํ หนดจาํ นวนเบา้ จดั ทาํ เป็ น คํานวณหรื อรู ปแบบท่ีแน่นอน ข้ึนอยู่กับ สูตรในการคํานวณเพ่ือเป็ นแนวทางให้ ประสบการณ์และความชาํ นาญของผอู้ อกแบบ ผอู้ อกแบบสามารถเลือกใชไ้ ด้9. การกาํ หนดขนาดแม่พิมพ์ (Mold Base) ไม่มี ¾ รวบรวมวิธีการคาํ นวณขนาดแม่พิมพ์เป็ น มาตรฐานหรือสูตรการคาํ นวณที่แน่นอน ทาํ ให้ สูตรการคาํ นวณและจดั ทาํ เป็ นขนาดแม่พิมพ์ เกิดความล่าชา้ ในกระบวนการผลิตแม่พิมพไ์ ด้ (Mold Base) ใหเ้ ป็นมาตรฐาน เ นื่ อ ง จ า ก ไ ม่ ส า ม า ร ถ สั่ ง ซ้ื อ วัส ดุ สํา ห รั บ ทํา แม่พิมพล์ ว่ งหนา้ ได้10. ไม่มีชุดประกอบแม่พิมพ์อย่างเช่น สลักนํา ¾ ทําสร้างชิ้นส่ วนต่างๆ ของชุดประกอบ (Guide Pin) ปลอกนาํ (Guide Bush) หรือชุดหู แม่พิมพ์ เพื่อใช้เป็ นฐานข้อมูลของชุ ด ยึดแม่พิมพแ์ บบต่างๆ ท่ีเป็ นมาตรฐานสําหรับ ประกอบที่ผใู้ ชส้ ามารถเขา้ ไปเลือกใชไ้ ด้ แม่พิมพอ์ ดั ตอ้ งทาํ การออกแบบใหม่ทุกคร้ัง

103ตาราง 4-7 แสดงปัญหาและแนวทางแกไ้ ขท่ีเกิดข้ึนในกระบวนการออกแบบแม่พิมพอ์ ดั (ต่อ) ปัญหาในกระบวนการออกแบบ แนวทางแก้ไข11. การใหร้ ายละเอียด (Drawing) ของชุดแม่พิมพท์ ่ี ¾ จัดทําเป็ นระบบการให้รายละเอียดชุด ไม่ครบถว้ นทาํ ใหก้ ระบวนการผลิตแม่พิมพเ์ กิด แม่พมิ พอ์ ตั โนมตั ิที่ใหร้ ายละเอียดครบถว้ น ความผดิ พลาดหรือความลา่ ชา้ ได้ จากปัญหาในการออกแบบแม่พิมพอ์ ดั ดงั ที่ไดก้ ล่าวมาขา้ งตน้ ไม่ว่าจะเป็ นปัญหาการขาดแคลนบุคลากรท่ีมีความรู้ความชาํ นาญในการออกแบบแม่พิมพห์ รือปัญหาความล่าชา้ ในการออกแบบน้นั ถา้ หากว่ามีโปรแกรมเขา้ มาช่วยในการออกแบบแม่พิมพก์ ็สามารถแกไ้ ขปัญหาดังกล่าวได้ โดยเม่ือพิจารณาในกระบวนการออกแบบแม่พิมพ์อัดจะพบว่ามีข้ันตอนในการออกแบบท่ีคลา้ ยคลึงกบั การออกแบบแม่พิมพฉ์ ีดพลาสติกท่ีปัจจุบนั น้ีไดม้ ีโปรแกรมช่วยในการออกแบบอยู่หลายตวั ด้วยกัน จะต่างกันในส่วนของขอ้ มูลที่นําเขา้ มาพิจารณาในการออกแบบแม่พิมพอ์ ยา่ ง เช่น ขอ้ มูลวสั ดุ ขอ้ มูลเคร่ืองจกั รที่ใชใ้ นการข้ึนรูป เป็ นตน้ ดงั น้นั จึงไดม้ ีแนวคิดในการพฒั นาโปรแกรมช่วยในการออกแบบแม่พิมพอ์ ดั สาํ หรับข้ึนรูปผลิตภณั ฑย์ างข้ึนมาโดยเลือกใช้การเขียนโปรแกรมประยกุ ตเ์ ขา้ ไปเพิ่มฟังกช์ นั การทาํ งานในโปรแกรมทางดา้ นการออกแบบหรือที่เรียกว่าการเขียน API ซ่ึงจะเป็ นเครื่องมือท่ีสามารถช่วยใหก้ ารออกแบบแม่พิมพอ์ ดั เป็ นระบบมากข้ึนและยงั ช่วยลดเวลาที่ใชใ้ นการออกแบบไดด้ ว้ ย 4.6.1 โครงสร้างโปรแกรม จากการศึกษาขอ้ มูลเกี่ยวกบั กระบวนการออกแบบแม่พิมพอ์ ดั ท้งั จากเอกสารตาํ ราทางวชิ าการและจากการเขา้ ไปศึกษาขอ้ มูลการออกแบบจากในโรงงานอุตสาหกรรมท่ีออกแบบและผลิตแม่พมิ พน์ ้นั สามารถสรุปกระบวนการออกแบบไดด้ งั ภาพประกอบ 4-18

104ผลิตภณั ฑ์ กาํ หนดชนิดของแม่พิมพแ์ ละวสั ดุแม่พิมพ์ พมิ พเ์ ขียวแม่พิมพ์ • ขนาด รูปร่าง และส่วนประกอบ • วสั ดุ กาํ หนดค่าเผอื่ การหดตวั พร้อมส่งใหแ้ ผนก ลกู คา้ ผลิต กาํ หนดทิศทางการเปิ ดแม่พมิ พแ์ ละเสน้ แบ่งความตอ้ งการผลิตภณั ฑ์ แม่พิมพ์ • ปริมาณการผลิต ลูกคา้ ออกแบบคอร์และคาวติ ้ีเครื่องอดั กาํ หนดจาํ นวนเบา้ • ขนาดแท่นเครื่อง • กาํ ลงั อดั กาํ หนดการจดั วางรูปแบบของเบา้ แผนกผลิต กาํ หนดลกั ษณะพเิ ศษเพ่ิมเติมเช่น ร่องตดั ขอบ หรือร่องระบาย ออกแบบอปุ กรณ์เสริมช่วยทาํ งานเช่น หูยก ตวั ลอ็ ค ปี ก ภาพประกอบ 4-18 กระบวนการออกแบบแม่พิมพอ์ ดั สําหรับฟังก์ชนั ช่วยท่ีมีในโปรแกรมตน้ แบบท่ีไดจ้ ากพฒั นาข้ึนน้ีสําหรับในการออกแบบแม่พมิ พอ์ ดั ยางน้นั มีดงั น้ี

ตาราง 4-8 แสดงฟังกช์ นั ท่ีมีในโปรแกรม 105 ข้อกาํ หนดสําหรับการออกแบบแม่พมิ พ์อดั ฟังก์ชันทมี่ ีในโปรแกรมชนิดของแม่พมิ พ์ขอ้ มลู วสั ดุยาง ¾ แม่พิมพช์ นิด 2 แผน่ ¾ คา่ เผอื่ การหดตวั ของยางขอ้ มลู เคร่ืองอดั ¾ คา่ ความแขง็ ของยาง ¾ ขนาดแม่พมิ พท์ ี่สามารถรองรับได้การคาํ นวณจาํ นวนเบา้ ¾ ตาํ แหน่งการจบั ยดึ แม่พมิ พ์ ¾ วธิ ีกาํ ลงั อดัรูปแบบการวางเบา้ ¾ วธิ ีปริมาณการผลิตการกาํ หนดเส้นแบ่งแม่พิมพ์ ¾ วางเบา้ แบบไม่มีร่องระบาย ¾ ผูใ้ ช้ (User) ตอ้ งทาํ การเลือกทิศทางการเปิ ดการสร้างผวิ ปิ ดรู (Shut-off Surface) แม่พมิ พแ์ ละเสน้ แบ่งแม่พิมพเ์ องการกระจายจาํ นวนเบา้ (Array) ตามจาํ นวนท่ีกาํ หนด ¾ ผใู้ ชต้ อ้ งเลือกเส้นขอบของส่วนท่ีเป็นช่องวา่ ง รูท้งั หมดบนชิ้นงาน ¾ ผใู้ ชต้ อ้ งทาํ การกาํ หนดทิศทางในการกระจาย จาํ นวนเบา้ จากกระบวนการออกแบบแม่พิมพด์ งั กล่าวมาแลว้ ในบทท่ี 3 น้ันเม่ือทาํ การวิเคราะห์และเรียบเรียงข้นั ตอนให้สามารถเขียนเป็ นโปรแกรมข้ึนมาได้ โดยพิจารณาถึงการรับส่งขอ้ มลู ต่างๆ แลว้ สามารถสรุปเป็นผงั งาน (Flow chart) ของโปรแกรมไดด้ งั น้ี

106 ไฟลช์ ิ้นงานฐานขอ้ มูลเคร่ืองอดั กาํ หนดขอ้ มูลเบ้ืองตน้ ฐานขอ้ มูลวสั ดุยาง • ขนาดและวสั ดุชิ้นงาน • ขอ้ มูลเครื่องอดั ยาง • ความตอ้ งการชิ้นงาน กาํ หนดเสน้ แบ่งแม่พมิ พ์ สร้างผวิ ปิ ดรูฐานขอ้ มลู ขนาด สร้างผวิ แบ่งแม่พิมพ์แม่พมิ พม์ าตรฐาน กาํ หนดขนาดแม่พิมพ์ แยกแม่พมิ พ์ สร้างร่องตดั ขอบ ร่องระบาย ติดต้งั ส่วนประกอบในการจบั ยดึ แสดงรายละเอียดแม่พิมพ์ พิมพเ์ ขียวของแม่พมิ พ์ภาพประกอบ 4-19 ผงั งานโปรแกรมช่วยในการออกแบบแม่พิมพอ์ ดั จากผงั งานของโปรแกรมดังภาพประกอบที่ 4-19 น้ันสามารถแยกข้นั ตอนและรายละเอียดของการรับส่งขอ้ มลู ต่างๆ ไดด้ งั น้ี

107 4.6.2 การกาํ หนดข้อมูลเบือ้ งต้น จากผงั งาน (Flow chart) ภาพประกอบ 4-19 เห็นไดว้ ่าจุดเร่ิมตน้ ของกระบวนการออกแบบคือการกาํ หนดขอ้ มูลเบ้ืองตน้ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ตวั ผลิตภณั ฑ์และกระบวนการผลิตแม่พิมพ์โดยแบ่งขอ้ มูลออกเป็น 4 ส่วนดว้ ยกนั คือ ขอ้ มูลขนาดและรูปร่างของชิ้นงาน ขอ้ มูลวสั ดุยาง ขอ้ มูลเครื่องอดั ขอ้ มูลของจาํ นวนเบา้ และวิธีการวางเบา้ โดยมีผงั งาน (Flow chart) ในส่วนการกาํ หนดขอ้ มูลเบ้ืองตน้ เป็นดงั ภาพประกอบ 4-20 ซ่ึงขอ้ มูลแรกท่ีผใู้ ชต้ อ้ งกาํ หนดคือ ขอ้ มูลขนาดและรูปร่างของผลิตภณั ฑท์ ี่ตอ้ งการ จากน้นั ทาํ การกาํ หนดชนิดของยางท่ีใชเ้ ป็ นวตั ถุดิบ ขอ้ มูลของวสั ดุยางน้ีเป็ นตวั กาํ หนดว่าจะตอ้ งเผ่ือค่าการหดตวั ให้กบั ชิ้นงานเป็ นเท่าใด ข้นั ตอนต่อไปคือการกาํ หนดเคร่ืองอดั ท่ีใชใ้ นการข้ึนรูป ซ่ึงใชเ้ ป็ นขอ้ มูลในการจาํ กดั ขนาดของแม่พิมพท์ ่ีออกแบบดว้ ย จากน้นัผใู้ ชต้ อ้ งกาํ หนดจาํ นวนเบา้ ที่ตอ้ งการหรือเลือกที่จะใหโ้ ปรแกรมคาํ นวณจาํ นวนเบา้ เอง โดยมีวิธีการคาํ นวณ 2 วิธีคือ วิธีพิจารณาจากกาํ ลงั อดั ของเครื่องอดั และวิธีพิจารณาจากปริมาณการผลิตท่ีตอ้ งการ (อา้ งอิงตามสมการท่ี 3-1, 3-2 และ 3-3) หากผใู้ ชก้ าํ หนดจาํ นวนเบา้ เองโปรแกรมจะทาํ การตรวจสอบว่าสามารถวางเบา้ จาํ นวนท่ีผูใ้ ช้ระบุไดห้ รือไม่ (เช่น โปรแกรมจะไม่อนุญาตให้ผูใ้ ช้กาํ หนดตวั เลขท่ีเป็ นจาํ นวนเฉพาะ หรือ จาํ นวนเบา้ มากเกินไปจนทาํ ให้แผ่นแม่พิมพใ์ หญ่เกินกว่าแท่นรองแม่พิมพข์ องเคร่ืองอดั ในกรณีที่ผใู้ ชร้ ะบุเครื่องอดั ) หากไม่ไดจ้ ะแนะนาํ จาํ นวนที่สามารถวางไดม้ าให้ เมื่อผใู้ ชก้ าํ หนดขอ้ มูลทุกอยา่ งเรียบร้อยแลว้ โปรแกรมจะทาํ การคาํ นวณและแสดงผลขนาดแผ่นแม่พิมพอ์ อกมา (อา้ งอิงตามสมการท่ี 3-4 ถึง 3-8) และทาํ การเผื่อค่าการหดตวั ให้กบัชิ้นงาน สําหรับทางเลือกที่เป็ นไปไดท้ ้งั หมดในข้นั ตอนการกาํ หนดขอ้ มูลเบ้ืองตน้ น้ีสามารถแยกออกไดด้ งั ภาพประกอบ 4-2 จากภาพประกอบ 4-21 เม่ือพิจารณาจากรูปร่างของชิ้นงานซ่ึงมี 2 รูปแบบ คือรูปร่างเป็ นทรงกระบอกและรูปร่างท่ีไม่ใช่ทรงกระบอก ซ่ึงรูปร่างแต่ละแบบน้นั มีทางเลือกใหผ้ ใู้ ช้5 รูปแบบ ดงั น้นั ทางเลือกท่ีเป็ นไปไดท้ ้งั หมดมี 10 รูปแบบ ส่วนขอ้ มูลท่ีผูใ้ ชต้ อ้ งกาํ หนดในทางเลือกแต่ละรูปแบบน้นั ดงั แสดงตาราง 4-10 4.6.3 การกาํ หนดเส้นแบ่งแม่พมิ พ์ (Parting line) หลงั จากผใู้ ชก้ าํ หนดขอ้ มูลเบ้ืองตน้ ท่ีจะใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการออกแบบแม่พิมพเ์ สร็จแลว้ ข้นั ตอนต่อไป คือ การกาํ หนดเส้นแบ่งแม่พิมพโ์ ดยผใู้ ชจ้ ะตอ้ งทาํ การกาํ หนดทิศทางการเปิ ดแม่พิมพด์ ว้ ยการเลือกระนาบที่ใชส้ าํ หรับการออกแบบในโปรแกรม SolidWorks แลว้ ทาํ การเลือก

108เส้นขอบของชิ้นงานที่ตอ้ งการให้เป็ นเส้นแบ่งแม่พิมพ์ ซ่ึงกระบวนการกาํ หนดเส้นแบ่งแม่พิมพ์สามารถแสดงไดด้ งั ภาพประกอบ 4-22 ชน้ิ งาน กาํ หนดขนาดช้นิ งาน - ความกว้าง - ความยาว - ความหนากาํ หนดวสั ดยุ าง ฐานขอ้ มูลวสั ดุยางไมใ่ ช่ ฐานข้อมูลเครือ่ งอดั กําหนดเคร่ืองอดั หรือไม่ ใช่ กาํ หนดเครื่องอัด กําหนดจาํ นวนเบ้า กาํ หนดเอง คาํ นวณดว้ ยวธิ กี ําลังอัด คาํ นวณด้วยวธิ ปี ริมาณ การผลติ ชน้ิ งานขยายตัว (Scale)ภาพประกอบ 4-20 ผงั งานการกาํ หนดขอ้ มลู เบ้ืองตน้

109ภาพประกอบ 4-21 แสดงทางเลือกที่เป็นไปไดท้ ้งั หมดในการกาํ หนดขอ้ มลู เบ้ืองตน้ตาราง 4-9 แสดงขอ้ มูลท่ีผใู้ ชต้ อ้ งกาํ หนดใหก้ บั โปรแกรมทางเลอื กที่ ชิ้นงานทรงกระบอก ชิ้นงานรูปทรงอน่ื 1 ¾ ขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางโตสุด ¾ ขนาดความกวา้ งของชิ้นงาน ของชิ้นงาน ¾ ขนาดความยาวของชิ้นงาน 2 ¾ ขนาดความหนาของชิ้นงาน ¾ ขนาดความหนาของชิ้นงาน ¾ จาํ นวนเบา้ ¾ จาํ นวนเบา้ ¾ ขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางโตสุด ¾ ขนาดความกวา้ งของชิ้นงาน ¾ ขนาดความยาวของชิ้นงาน ของชิ้นงาน ¾ ขนาดความหนาของชิ้นงาน ¾ ปริมาณชิ้นงาน จาํ นวนวนั ที่ใชใ้ น ¾ ขนาดความหนาของชิ้นงาน ¾ ปริมาณชิ้นงาน จาํ นวนวนั ท่ีใช้ การอัด เวลาที่ใช้ต่อรอบการอัด เวลาในการผลิตต่อวัน จํานวน ในการอดั เวลาท่ีใชต้ ่อรอบการ แม่พมิ พท์ ่ีตอ้ งการ อัด เวลาในการผลิตต่อวัน ¾ คาํ นวณจาํ นวนเบา้ ดว้ ยสมการท่ี 3-3 จาํ นวนแม่พิมพท์ ่ีตอ้ งการ ¾ คาํ นวณจาํ นวนเบา้ ดว้ ยสมการที่ 3-3

110ตาราง 4-9 แสดงขอ้ มลู ท่ีผใู้ ชต้ อ้ งกาํ หนดใหก้ บั โปรแกรม (ต่อ)ทางเลอื กท่ี ชิ้นงานทรงกระบอก ชิ้นงานรูปทรงอน่ื 3 ¾ ขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางโตสุด ¾ ขนาดความกวา้ งของชิ้นงาน ของชิ้นงาน ¾ ขนาดความยาวของชิ้นงาน ¾ ขนาดความหนาของชิ้นงาน ¾ ขนาดความหนาของชิ้นงาน ¾ จาํ นวนเบา้ ¾ กาํ หนดเคร่ืองอดั ที่ใช้ ¾ จาํ นวนเบา้ ¾ ขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางโตสุด ¾ ขนาดความกวา้ งของชิ้นงาน ของชิ้นงาน ¾ ขนาดความยาวของชิ้นงาน4 ¾ ขนาดความหนาของชิ้นงาน ¾ ขนาดความหนาของชิ้นงาน ¾ กาํ หนดเคร่ืองอดั ท่ีใช้ ¾ กาํ หนดเครื่องอดั ท่ีใช้ ¾ คาํ นวณจาํ นวนเบา้ ดว้ ยสมการท่ี 3-1 ¾ คาํ นวณจาํ นวนเบา้ ดว้ ยสมการท่ี และ 3-2 3-1 และ 3-2 ¾ ขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางโตสุด ¾ ขนาดความกวา้ งของชิ้นงาน ของชิ้นงาน ¾ ขนาดความยาวของชิ้นงาน ¾ ขนาดความหนาของชิ้นงาน ¾ ขนาดความหนาของชิ้นงาน ¾ กาํ หนดเคร่ืองอดั ท่ีใช้5 ¾ กาํ หนดเคร่ืองอดั ที่ใช้ ¾ ปริมาณชิ้นงาน จาํ นวนวนั ที่ใชใ้ น ¾ ปริมาณชิ้นงาน จาํ นวนวนั ที่ใช้ การอัด เวลาที่ใช้ต่อรอบการอัด ในการอดั เวลาท่ีใชต้ ่อรอบการ เวลาในการผลิตต่อวัน จํานวน อัด เวลาในการผลิตต่อวัน แม่พมิ พท์ ี่ตอ้ งการ จาํ นวนแม่พมิ พท์ ่ีตอ้ งการ ¾ คาํ นวณจาํ นวนเบา้ ดว้ ยสมการท่ี 3-3 ¾ คาํ นวณจาํ นวนเบา้ ดว้ ยสมการที่ 3-3

111 ภาพประกอบ 4-22 กระบวนการกาํ หนดเสน้ แบ่งแมพ่ มิ พ์ ตวั อยา่ งชิ้นงานท่ีผา่ นข้นั ตอนการกาํ หนดเส้นแบ่งแม่พิมพเ์ ป็ นดงั ภาพประกอบ 4-23 ระนาบสาํ หรับ เปิ ดแม่พมิ พ์ เส้นแบ่งแม่พมิ พ์ ภาพประกอบ 4-23 ชิ้นงานท่ีผา่ นการกาํ หนดเสน้ แบ่งแม่พมิ พแ์ ลว้

112 4.6.4 การสร้างผวิ ปิ ดส่วนทเี่ ป็ นช่องว่าง (Shut-off Surface) การสร้างผิวปิ ดส่วนที่เป็ นช่องว่างน้นั ไม่ไดเ้ ป็ นข้นั ตอนหรือกระบวนการในการออกแบบแม่พิมพ์ แต่เป็ นข้นั ตอนท่ีตอ้ งกาํ หนดไวใ้ นโปรแกรมเพ่ือให้โปรแกรม SolidWorksสามารถทาํ การแยกแม่พมิ พอ์ อกเป็นส่วนแควิต้ี และส่วนคอร์ได้ โดยมีเงื่อนไข คือ ผใู้ ชต้ อ้ งกาํ หนดเส้นแบ่งแม่พิมพ์ (Parting line) มาก่อนในข้นั ตอนก่อนหนา้ สิ่งท่ีผูใ้ ชต้ อ้ งกาํ หนดเพิ่มเติมในข้นั ตอนน้ีคือเลือกเส้นขอบของส่วนที่เป็ นช่องว่างท้งั หมดบนชิ้นงาน จากน้นั โปรแกรมจะทาํ การสร้างผวิ ปิ ดข้ึนเองโดยอตั โนมตั ิ ตวั อยา่ งชิ้นงานที่ผา่ นการสร้างผวิ ปิ ดช่องว่างเป็นดงั ภาพประกอบ4-24 ผวิ ปิ ดส่วนที่เป็นช่องวา่ ง ภาพประกอบ 4-24 ชิ้นงานที่ผา่ นการสร้างผวิ ปิ ดช่องวา่ งรู 4.6.5 สร้างผวิ แบ่งแม่พมิ พ์ (Parting Surface) หลงั จากโปรแกรมทาํ การสร้างผิวปิ ดส่วนที่เป็ นรูบนชิ้นงานเรียบร้อยแลว้ น้ันข้นั ตอนต่อไป คือ การสร้างพ้ืนผวิ สาํ หรับใชแ้ ยกแม่พิมพอ์ อกเป็ นส่วนแควิต้ี และส่วนคอร์โดยในข้นั ตอนน้ีผใู้ ชไ้ ม่ตอ้ งกาํ หนดขอ้ มูลใดๆ เนื่องจากโปรแกรมจะทาํ การคาํ นวณขนาดของพ้ืนผิวจากขอ้ มูลที่ไดก้ าํ หนดไวก้ ่อนหนา้ น้ีแลว้ สาํ หรับตวั อยา่ งชิ้นงานท่ีผา่ นการสร้างผวิ แบ่งแม่พิมพแ์ ลว้ เป็นดงั ภาพประกอบ 4-25

113 ผวิ แบ่งแม่พิมพ์ภาพประกอบ 4-25 ชิ้นงานที่ผา่ นการสร้างผวิ แบ่งแมพ่ มิ พ์4.6.6 การกาํ หนดขนาดแม่พมิ พ์ ในข้นั ตอนน้ีโปรแกรมจะดึงขอ้ มูลเบ้ืองตน้ ท่ีผูใ้ ช้กาํ หนดไวแ้ ลว้ มาใช้ในการคาํ นวณขนาดของแม่พิมพ์ โดยจะแยกเป็ นการคาํ นวณขนาดของแม่พิมพ์ 1 เบา้ และขนาดแผ่นแม่พิมพ์ (Mold base) ตามจาํ นวนเบา้ ท่ีผใู้ ชก้ าํ หนดมาหรือไดจ้ ากท่ีโปรแกรมประมวลผล โดยมีสูตรการคาํ นวณขนาดแม่พมิ พด์ งั แสดงในตาราง 4-10ตาราง 4-10 แสดงสูตรการคาํ นวณขนาดแม่พิมพ์ แม่พมิ พ์ 1 เบ้า (mm.) ขนาดแผ่นแม่พมิ พ์ (mm.)¾ กรณีชิ้นงานเป็นทรงกระบอก ¾ กรณีชิ้นงานเป็นทรงกระบอกWidth = ( Shrink * Dia) + 2.5 Mold_width = (dw + spac) * n_row + edgeLength = ( Shrink * Dia) + 2.5 Mold_length = (dw + spac) * n_col + edgeHeight = (Shrink * H) + 30¾ กรณีชิ้นงานเป็นรูปทรงอ่ืนๆ ¾ กรณีชิ้นงานเป็นรูปทรงอื่นๆ Width = ( Shrink * W) + 2.5 Mold_width = (Ww + spac) * n_row + edgeLength = ( Shrink * L) + 2.5 Mold_length = (Lw + spac) * n_col + edgeHeight = (Shrink * H) + 30

114ตาราง 4-10 แสดงสูตรการคาํ นวณขนาดแม่พมิ พ์ (ต่อ) แม่พมิ พ์ 1 เบ้า (mm.) ขนาดแผ่นแม่พมิ พ์ (mm.)เมื่อกาํ หนดให้ เมื่อกาํ หนดให้Width = ความกวา้ งของแม่พมิ พ์ 1 เบา้ Mold_width = ขนาดความกวา้ งของแผน่ แม่พมิ พ์Length = ความยาวของแม่พมิ พ์ 1 เบา้Height = ความหนาของแม่พิมพ์ 1 เบา้ Mold_length = ขนาดความยาวของแผน่ แม่พมิ พ์Shrink = ค่าเผอ่ื การหดตวั ของยางDia = ขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของชิ้นงาน dw = ขนาดเส้นผา่ นศนู ยก์ ลางของชิ้นงานW = ขนาดความกวา้ งของชิ้นงานL = ขนาดความยาวของชิ้นงาน Ww = ขนาดความกวา้ งของชิ้นงานH = ขนาดความหนาของชิ้นงาน Lw = ขนาดความยาวของชิ้นงาน space = ระยะเผอ่ื ระหวา่ งเบา้ = 5 mm. edge = ระยะเผอื่ สาํ หรับวางสลกั = 50 mm. n_row = จาํ นวนแถวที่ตอ้ งการวางเบา้ n_col = จาํ นวนคอลมั ท่ีต้อั งการวางเบา้ เมื่อโปรแกรมทาํ การคาํ นวณขนาดแผน่ แม่พิมพ์ (Mold base) ไดแ้ ลว้ จะนาํ ค่าดงั กล่าวไปเปรียบเทียบกบั ขนาดแผ่นแม่พิมพม์ าตรฐานที่อยู่ในฐานขอ้ มูลที่จดั ทาํ ไว้ เพื่อทาํ การเลือกขนาดแผน่ แม่พมิ พต์ ามขนาดมาตรฐานท่ีมีอยู่ จากน้นั จึงแสดงขนาดดงั กล่าวใหผ้ ใู้ ชย้ นื ยนั 4.6.7 การแยกแม่พมิ พ์ โปรแกรมจะรับขอ้ มูลมาจากข้นั ตอนการคาํ นวณขนาดแม่พิมพเ์ พื่อใชใ้ นการแยกแม่พิมพอ์ อกเป็นส่วนแควติ ้ี และส่วนคอร์ โดยทาํ การแยกออกเป็น 1 เบา้ ก่อน หลงั จากน้นั จะทาํ การกระจาย (Array) เบา้ ออกไปตามจาํ นวนท่ีตอ้ งการ โดยผูใ้ ชจ้ ะตอ้ งกาํ หนดทิศทางสําหรับการกระจายดงั กล่าวให้กบั โปรแกรมทราบ ตวั อย่างการแยกแม่พิมพอ์ อกเป็ นส่วนแควิต้ีและส่วนคอร์เป็นดงั ภาพประกอบ 4-26

115 ภาพประกอบ 4-26 แม่พมิ พข์ นาด 1 เบา้ หลงั จากท่ีโปรแกรมทาํ การแยกแม่พิมพเ์ ป็ น 1 เบา้ ดงั ภาพประกอบ 4-28 แลว้ข้นั ตอนต่อไปผใู้ ชต้ อ้ งกาํ หนดทิศทางการกระจาย (Array) โดยเลือกจากเส้นขอบ (Edge) ของแม่พิมพ์ เพ่ือใหโ้ ปรแกรมสามารถกระจายแม่พิมพอ์ อกไปตามจาํ นวนเบา้ และขนาดแผน่ แม่พิมพท์ ่ีกาํ หนดไวไ้ ด้ ตวั อยา่ งเช่นตอ้ งการจาํ นวนเบา้ เป็น 20 หลุมโดยสมมุติขนาดแผน่ แม่พิมพเ์ ท่ากบั 400x 500 mm. จะไดแ้ ม่พมิ พด์ งั ภาพประกอบ 4-27 ภาพประกอบ 4-27 แผน่ แมพ่ ิมพท์ ่ีกระจายตามจาํ นวนเบา้

1164.6.8 การติดต้งั ส่วนประกอบแม่พมิ พ์ หลงั จากแยกแม่พิมพอ์ อกเป็ นส่วนแควิต้ีและคอร์แลว้ ข้นั ตอนต่อไปคือการติดต้งัส่วนประกอบใหก้ บั แม่พิมพท์ ้งั 2 แผน่ ดงั ตาราง 4-11ตาราง 4-11 แสดงส่วนประกอบของแม่พมิ พแ์ ยกเป็นส่วนแควติ ้ีและคอร์ แควติ ี้ คอร์¾ ร่องตดั ขอบ (Cutting line) ¾ สลกั นาํ (Guide Pin)¾ ปลอกนาํ (Guide bush)¾ หูยดึ แม่พมิ พ์ โดยส่วนประกอบต่างๆ เหล่าน้ีจะตอ้ งมีการสร้างและจดั เก็บไวเ้ ป็ นฐานขอ้ มูลในโปรแกรมสาํ หรับให้ผูใ้ ชเ้ ลือกมาใชง้ านได้ ตวั อย่างการติดส่วนประกอบให้กบั แม่พิมพเ์ ป็ นดงัภาพประกอบ 4-28 ภาพประกอบ 4-28 แม่พิมพท์ ่ีติดต้งั ส่วนประกอบ4.7 การออกแบบส่วนตดิ ต่อผู้ใช้ (User Interface) ของโปรแกรม โคด้ โปรแกรมท่ีเขียนข้ึนมาในหัวขอ้ 4.7 น้ันเป็ นส่วนที่ทาํ งานอยู่เบ้ืองหลงั ซ่ึงผใู้ ชง้ านไม่สามารถมองเห็นได้ สาํ หรับส่วนที่ผใู้ ชง้ านสามารถมองเห็นหรือสามารถเขา้ ถึงได้ นน่ั

117คือ ส่วนติดต่อผใู้ ช้ (User interface) ซ่ึงจะเป็นส่วนที่เช่ือมต่อขอ้ มูลระหว่างผใู้ ชง้ านโปรแกรมกบัโคด้ โปรแกรม ทาํ ใหโ้ คด้ โปรแกรมสามารถนาํ ขอ้ มลู ที่รับมาจากผใู้ ชไ้ ปประมวลผลต่อไป 4.7.1 รูปแบบของโปรแกรม ดงั ท่ีไดอ้ ธิบายมาแลว้ ในหัวขอ้ ท่ี 4.5.2 เก่ียวกบั การเขียน API ดว้ ยโปรแกรมVB.NET น้นั ว่าเป็นการเขียนโปรแกรมเป็นเชิงวตั ถุ (Object Oriented Programming: OOP) สาํ หรับการเขียน API เพอ่ื ช่วยในการออกแบบแม่พิมพอ์ ดั น้นั วตั ถุ (Object) คือ ชิ้นงานท่ีตอ้ งการออกแบบส่วนข้นั ตอนของกระบวนการต่างๆ ที่จะดึงวตั ถุไปใชง้ านน้นั เรียกว่า คลาส (Class) สาํ หรับแต่ละข้นั ตอนจะประกอบดว้ ยคลาส 2 คลาส คือ คลาสท่ีเป็ นส่วนติดต่อผใู้ ช้ (User interface) ซ่ึงจะเรียกวา่ Property Manager Page (PMP) และคลาสที่เป็นเหตุการณ์ (Event) ซ่ึงคือการเปล่ียนแปลงท่ีมีผลต่อระบบ เช่น เมื่อกดป่ ุมต่างๆ บนหนา้ ต่าง (Form) ของ PMP หรือการคลิ้กเมาส์เลือกเส้นขอบชิ้นงาน เป็ นตน้ โดยคลาสแต่ละตวั จะเชื่อมโยงถึงกนั ไดด้ ว้ ยโมดูล (Module) ที่ชื่อ Userconfig ดงัภาพประกอบ 4-29กาํ หนดข้อมูล สร้างผวิ ปิ ด แยกแม่พมิ พ์ รายละเอยี ด เบอื้ งต้น สร้างพนื้ ผวิ ตดิ ต้งั ส่วนประกอบ แม่พมิ พ์กาํ หนดเส้นแบ่งแม่พมิ พ์ ภาพประกอบ 4-29 การเชื่อมโยงขอ้ มลู ในโปรแกรม

118 ภาพประกอบ 4-29 โมดูล Userconfig จะเป็นตวั ที่เชื่อมต่อส่วนท่ีเป็นข้นั ตอนการออกแบบแม่พิมพซ์ ่ึงจะมีคลาสยอ่ ย (Sub-Class) 2 คลาสในแต่ละข้นั ตอน และกบั ส่วนท่ีเป็นคลาสยอ่ ยในตวั โมดูลเองซ่ึงจะมี 5 ตวั ดว้ ยกนั คือ Cls_Part Cls_CalCavity Cls_Cavity Cls_Machine และCls_Material โดยการเขา้ ถึงขอ้ มูลหรือค่าตวั แปรต่างๆจากคลาสหน่ึงไปยงั คลาสใดๆ จะตอ้ งผา่ นทางโมดูล Userconfig น้ี สาํ หรับรายละเอียดในแต่ละคลาสน้นั มีดงั น้ีตาราง 4-12 แสดงตวั แปรและคา่ ตวั แปรในแต่ละคลาสยอ่ ย Class ตัวแปร ค่าตัวแปร Cls_Part ¾ Id 9 ประเภทของชิ้นงาน (ทรงกระบอก/ทรงอ่ืน) ¾ Dia 9 เส้นผา่ นศนู ยก์ ลางชิ้นงานคลาสท่ีใชส้ าํ หรับเก็บขอ้ มูลของ ¾ Width 9 ความกวา้ งชิ้นงานชิ้นงาน ¾ Length 9 ความยาวชิ้นงาน ¾ Height 9 ความสูงชิ้นงาน Cls_CalCavity ¾ Mat 9 Instance ของคลาส Cls_Material ¾ Machine 9 Instance ของคลาส Cls_Machineคลาสที่ใชส้ ําหรับเก็บขอ้ มูลการ ¾ Cavity 9 Instance ของคลาส Cls_Cavityคาํ นวณจาํ นวนเบา้ ¾ CalCavity 9 Instance ของคลาส Cls_CalCavity ¾ Qp Cls_Cavity ¾ Nd 9 ปริมาณชิ้นงานท่ีตอ้ งการ (ชิ้น) ¾ Tc 9 จาํ นวนวนั ท่ีใชใ้ นการอดั ข้ึนรูป (วนั )คลาสท่ีใชส้ าํ หรับเก็บขอ้ มูลของ ¾ Tw 9 เวลาท่ีใชต้ อ่ รอบการอดั (นาที/รอบ)จาํ นวนเบา้ และขนาดของเบา้ ¾ Nw 9 เวลาการผลิตต่อวนั (ชม./วนั ) ¾ Id 9 จาํ นวนแม่พมิ พท์ ี่ตอ้ งการ (ชุด) ¾ Id1 ¾ Value 9 วธิ ีกาํ หนดจาํ นวนเบา้ ¾ Width 9 รูปแบบการวางเบา้ ¾ Llength 9 จาํ นวนเบา้ ¾ Hheight 9 ความกวา้ งชิ้นงานที่เผอ่ื คา่ หดตวั แลว้ 9 ความยาวชิ้นงานท่ีเผอ่ื คา่ หดตวั แลว้ 9 ความสูงชิ้นงานที่เผอ่ื ค่าหดตวั แลว้

119ตาราง 4-12 แสดงตวั แปรและคา่ ตวั แปรในแต่ละคลาสยอ่ ย (ต่อ) Class ตัวแปร ค่าตวั แปร Cls_Material ¾ Name 9 ชนิดของยาง ¾ Shrink 9 คา่ เผอื่ การหดตวั ของยางคลาสที่ใชส้ าํ หรับเก็บขอ้ มูลของ ¾ Str 9 ค่าความแขง็ ของยางวสั ดุยาง สาํ หรับคลาสท่ีใชใ้ นการสร้างส่วนติดต่อผใู้ ช้ (User interface) และคลาสที่ใชเ้ ป็นเหตุการณ์ (Event) ในแต่ละข้นั ตอนของการออกแบบแม่พมิ พม์ ีรายละเอียดดงั น้ี 4.7.2 กาํ หนดข้อมูลเบอื้ งต้น การกาํ หนดขอ้ มูลเบ้ืองตน้ ดงั ภาพประกอบ 4-30 เป็นข้นั ตอนแรกในการออกแบบแม่พิมพ์ เป็ นส่วนที่ทาํ หน้าท่ีจะรับขอ้ มูลพ้ืนฐานต่างๆ ที่จะใชเ้ ป็ นขอ้ มูลในการออกแม่พิมพใ์ นข้นั ตอนต่อๆ ไปดว้ ย สาํ หรับในข้นั ตอนน้ีจะมีคลาสยอ่ ย 2 คลาส คือคลาสท่ีเป็นส่วนติดต่อผใู้ ชห้ รือท่ีเรียกวา่ PMP (Property Manager Page) และคลาสที่เป็นเหตุการณ์ (Event) สาํ หรับคลาส PMPน้นั จะเป็ นตวั ท่ีรับขอ้ มูลจากผูใ้ ช้ จากน้นั คลาสที่เป็ นเหตุการณ์ก็จะนาํ ขอ้ มูลไปเก็บไวใ้ นตวั แปรต่างๆของคลาสยอ่ ยดงั ที่ไดแ้ สดงไวใ้ นตาราง 4-12ภาพประกอบ 4-30 ข้นั ตอนยอ่ ยในการกาํ หนดขอ้ มลู เบ้ืองตน้

120 ในข้นั ตอนการกาํ หนดขอ้ มูลเบ้ืองตน้ น้นั จะมีข้นั ตอนยอ่ ยท้งั หมด 4 ข้นั ตอน โดยแต่ละข้นั ตอนจะมีส่วนติดต่อผใู้ ช้ (User interface) หรือที่เรียกว่า PMP ดงั ภาพประกอบที่ 4-31 ซ่ึงเป็นข้นั ตอนแรกของการรับขอ้ มูลจากผใู้ ชใ้ นการกาํ หนดรูปร่างชิ้นงาน (A) จะมี 2 กรณีใหเ้ ลือก คือกรณีท่ีเป็ นชิ้นงานทรงกระบอก (B) หรือเป็ นชิ้นงานที่ไม่ใช่ทรงกระบอก (C) กรณีท่ีเป็ นชิ้นงานทรงกระบอกผใู้ ชต้ อ้ งกาํ หนดขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางโตสุดของชิ้นงานกบั ความหนาของชิ้นงานส่วนกรณีท่ีเป็นชิ้นงานรูปทรงอื่นๆ ผใู้ ชต้ อ้ งกาํ หนดความกวา้ ง ความยาว และความหนาของชิ้นงาน ภาพประกอบ 4-31 แสดงส่วนของการเช่ือมโยงขอ้ มูลไปยงั คลาส Cls_Part ซ่ึง จะเห็นว่ารูปร่างชิ้นงานท่ีต่างกันจะเก็บค่า Id ที่แตกต่างกัน เช่น กรณีผูใ้ ช้เลือกเป็ นชิ้นงานทรงกระบอกจะกาํ หนดค่า Id = 1 หรือกรณีที่ผใู้ ชเ้ ลือกเป็นชิ้นงานรูปทรงอ่ืนๆ จะกาํ หนดค่า Id = 2ซ่ึงใชค้ ่าดงั กล่าวน้ีเป็ นตวั ตรวจสอบภายหลงั ว่าไดก้ าํ หนดรูปร่างชิ้นงานเป็ นลกั ษณะใด ต่อไปคือกรณีที่ผใู้ ชเ้ ลือกชิ้นงานเป็ นทรงกระบอกสิ่งท่ีผใู้ ชต้ อ้ งกาํ หนดคือค่าเส้นผา่ นศูนยก์ ลางของชิ้นงานซ่ึงจะถูกนาํ ไปเก็บไวใ้ นตวั แปร Dia และค่าความหนาของชิ้นงานจะถูกนาํ ไปเก็บไวใ้ นตวั แปรHeight สาํ หรับกรณีท่ีผใู้ ชเ้ ลือกชิ้นงานเป็นรูปทรงอ่ืนๆ สิ่งที่ผใู้ ชต้ อ้ งกาํ หนด คือ ค่าความกวา้ ง จะถูกนาํ ไปเก็บไวใ้ นตวั แปร Width ค่าความยาวจะถูกนาํ ไปเก็บไวใ้ นตวั แปร Length และค่าความหนา ถูกนาํ ไปเก็บไวใ้ นตวั แปร Height ซ่ึงการกาํ หนดค่าท้งั หมดน้นั จะถูกกระทาํ โดยคลาสที่เป็ นเหตุการณ์ (Event) นนั่ คือเมื่อผใู้ ชค้ ลิกเมาส์เลือกวา่ เป็นชิ้นงานประเภทใด Id ก็จะถูกกาํ หนดใหแ้ ก่ชิ้นงาน ส่วนเมื่อผใู้ ชค้ ลิกเมาส์ท่ีป่ ุม OK โปรแกรมจะทาํ การกาํ หนดค่าตวั แปรในแต่ละประเภทชิ้นงานตามที่เลือกไว้

121 ภาพประกอบ 4-31 ข้นั ตอนการกาํ หนดรูปร่างชิ้นงานและการเช่ือมโยงไปยงั คลาส Cls_Part หลงั จากกาํ หนดรูปร่างชิ้นงานแลว้ ข้นั ตอนต่อไปคือการกาํ หนดขอ้ มูลชนิดของยาง สําหรับข้นั ตอนน้ีผูใ้ ช้จะตอ้ งเลือกชนิดของยางที่จะใช้เป็ นวสั ดุในการข้ึนรูปชิ้นงาน โดยสามารถเลือกไดจ้ ากฐานขอ้ มูลที่มีอยู่ หรือจะกาํ หนดชนิดของยางข้ึนมาใหม่ก็ไดห้ ากว่าชนิดของยางดงั กล่าวไม่มีอยใู่ นฐานขอ้ มลู ขอ้ มูลท่ีตอ้ งการจากการเลือกชนิดของยางคือ ค่าเผอ่ื การหดตวั และค่าความแขง็ ของยาง โดยคา่ การหดตวั ของยางจะถกู นาํ ไปใชเ้ ป็นค่าขยายขนาดชิ้นงาน ส่วนค่าความแข็งของยางจะใชใ้ นการคาํ นวณจาํ นวนเบา้ ดว้ ยวิธีกาํ ลงั อดั (อา้ งอิงจากสมการที่ 3-1 และ 3-2)สาํ หรับส่วนติดต่อผใู้ ชแ้ ละการเช่ือมต่อไปยงั คลาส Cls_Mat เป็นดงั ภาพประกอบ 4-32

122 ภาพประกอบ 4-32 ข้นั ตอนการกาํ หนดขอ้ มลู ชนิดของยางและการเชื่อมโยงกบั คลาส Cls_Material ภาพประกอบ 4-32 เม่ือผใู้ ชเ้ ลือกชนิดของยางโปรแกรมจะแสดงค่าเผอื่ การหดตวัและค่าความแขง็ ของยางจากฐานขอ้ มูล สาํ หรับการเชื่อมโยงไปยงั คลาส Cls_Material เร่ิมตน้ จากการกาํ หนดชนิดของยาง ก่อนที่จะนาํ ช่ือของยางน้นั ไปเก็บไวใ้ นตวั แปร Name ส่วนค่าการหดตวั ก็จะถกู เกบ็ ไวใ้ นตวั แปร Shrink และค่าความแขง็ ของยางจะถกู เกบ็ ไวใ้ นตวั แปร Str ข้นั ตอนต่อไปคือการกําหนดขอ้ มูลเครื่องอัด สําหรับข้นั ตอนน้ีก็จะคล้ายกับข้นั ตอนการกาํ หนดวสั ดุยาง นน่ั คือผใู้ ชส้ ามารถเลือกเคร่ืองจกั รไดจ้ ากฐานขอ้ มูลเครื่องอดั ที่มีอยู่โดยฐานขอ้ มูลดงั กล่าวจะมีขอ้ มูลท่ีใชใ้ นการออกแบบแม่พิมพไ์ ดแ้ ก่ กาํ ลงั อดั ขนาดแท่นเครื่องท่ีเป็ นพ้ืนท่ีรองรับแม่พิมพ์ เป็ นตน้ โดยมีส่วนติดต่อผูใ้ ชแ้ ละการเชื่อมโยงกบั คลาส Cls_Machineเป็นดงั ภาพประกอบ 4-33

123 ภาพประกอบ 4-33 ข้นั ตอนการกาํ หนดขอ้ มลู เครื่องอดั และการเชื่อมโยงกบั คลาส Cls_Machine ภาพประกอบ 4-33 ข้นั ตอนแรกคือผใู้ ชเ้ ลือกวา่ จะกาํ หนดเครื่องอดั หรือไม่โดยในการเลือกน้ีจะกาํ หนดค่า Id ท่ีต่างกนั เช่น หากเลือกไม่กาํ หนดเครื่องอดั ค่า Id = 1 หากเลือกกาํ หนดเครื่องอดั ค่า Id = 2 เป็ นตน้ ซ่ึงสถานะการกาํ หนดเครื่องอดั น้ีจะใชต้ รวจสอบในข้นั ตอนการกาํ หนดจาํ นวนเบา้ ต่อไป ในกรณีท่ีผใู้ ชเ้ ลือกกาํ หนดเครื่องอดั ผูใ้ ชส้ ามารถเลือกเครื่องอดั ไดจ้ ากฐานขอ้ มูลท่ีไดจ้ ดั ทาํ ไว้ โดยมีขอ้ มูลต่างๆ และการเช่ือมโยงไปยงั คลาส Cls_Machine ไดแ้ ก่ ช่ือเคร่ืองจะถกู เกบ็ ไวใ้ นตวั แปร Name กาํ ลงั อดั จะถูกเกบ็ ไวใ้ นตวั แปร Power ขนาดแม่พิมพท์ ี่สามารถติดต้งั ไดจ้ ะถูกเก็บไวใ้ นตวั แปร Mold_Min, Mold_Max ตามลาํ ดบั สาํ หรับขอ้ มูลของเครื่องอดั จะใชส้ าํ หรับการคาํ นวณจาํ นวนเบา้ และการคาํ นวณขนาดแม่พมิ พใ์ นข้นั ตอนต่อไป ข้นั ตอนต่อไปคือการกาํ หนดจาํ นวนเบา้ ซ่ึงเป็ นข้นั ตอนสุดทา้ ยในการกาํ หนดขอ้ มูลเบ้ืองตน้ สาํ หรับข้นั ตอนน้ีเป็ นการกาํ หนดจาํ นวนเบา้ โดยที่ผใู้ ชส้ ามารถกาํ หนดเองหรือให้โปรแกรมคาํ นวณใหก้ ไ็ ด้ ส่วนติดต่อผใู้ ช้ (User interface) เป็นภาพประกอบ 4-34

124 ภาพประกอบ 4-34 ส่วนติดต่อผใู้ ชส้ าํ หรับการกาํ หนดจาํ นวนเบา้ หากผใู้ ชเ้ ลือกกาํ หนดจาํ นวนเบา้ เอง ส่วนติดต่อผใู้ ชจ้ ะเป็นดงั ภาพประกอบ 4-35 ภาพประกอบ 4-35 ส่วนติดตอ่ ผใู้ ชส้ าํ หรับการกาํ หนดจาํ นวนเบา้ เอง จากภาพประกอบที่ 4-35 ซ่ึงเป็ นวิธีกาํ หนดจาํ นวนเบา้ โดยผใู้ ชส้ ามารถกาํ หนดจาํ นวนเบา้ ตามตอ้ งการได้ และโปรแกรมจะทาํ การตรวจสอบว่าจาํ นวนเบา้ ดงั กล่าวน้ันสามารถใชไ้ ดห้ รือไม่ ถา้ หากไม่สามารถใชไ้ ด้ ผใู้ ชส้ ามารถกาํ หนดใหม่หรือใหโ้ ปรแกรมแนะนาํ ได้ ถา้ หากผใู้ ชเ้ ลือกให้โปรแกรมคาํ นวณจาํ นวนเบา้ จะมีวิธีในการคาํ นวณ 2 วิธีคือวิธีอ้างอิงตามกําลังอัดของเคร่ื องอัด และวิธีปริ มาณการผลิต โดยมีส่วนติดต่อผู้ใช้เป็ นดังภาพประกอบ 4-36

125 ภาพประกอบ 4-36 ส่วนติดต่อผใู้ ชส้ าํ หรับการคาํ นวณจาํ นวนเบา้ จากภาพประกอบที่ 4-36 ถา้ หากผใู้ ชไ้ ม่ไดก้ าํ หนดเคร่ืองอดั ในข้นั ตอนก่อนหนา้ น้ีจะไม่สามารถเลือกคาํ นวณจาํ นวนเบา้ ดว้ ยวิธีกาํ ลงั อดั ได้ เน่ืองจากวิธีน้ีตอ้ งการขอ้ มูลของเคร่ืองอดัมาเป็นตวั แปรในการคาํ นวณหาจาํ นวนเบา้ ดว้ ย ซ่ึงผใู้ ชไ้ ม่ตอ้ งกาํ หนดค่าใดๆ เพ่ิมเติม แต่หากเลือกวิธีปริมาณการผลิตผใู้ ชจ้ ะตอ้ งกาํ หนดขอ้ มูลเพิ่มเติมดงั แสดงในภาพประกอบ 4-36 โดยค่าตวั แปรท้งั หมดจะถกู นาํ ไปเกบ็ ไวใ้ นคลาส Cls_CalCavity สาํ หรับสูตรท่ีใชใ้ นการคาํ นวณจาํ นวนเบา้ ท้งั 2 วิธีน้นั จะใชส้ มการที่ 3-1, 3-2 และ3-3 ดงั ท่ีกล่าวมาแลว้ ในบทที่ 3 หลงั จากไดจ้ าํ นวนเบา้ มาแลว้ โปรแกรมจะทาํ การคาํ นวณขนาดแม่พิมพ์ โดยค่าที่ไดจ้ ากการคาํ นวณน้ันจะถูกเก็บไวโ้ ดยไม่แสดงให้ผูใ้ ช้เห็น ผลสุดทา้ ยของข้นั ตอนการกาํ หนดขอ้ มลู เบ้ืองตน้ คือ ชิ้นงานจะขยายตวั ออกตามค่าเผอ่ื การหดตวั ที่ผใู้ ชไ้ ดเ้ ลือกชนิดของยางไว้ สาํ หรับข้นั ตอนต่อไปคือ การเลือกเสน้ แบ่งแม่พิมพ์

126 4.7.3 การเลอื กเส้นแบ่งแม่พมิ พ์ การเลือกเสน้ แบ่งแม่พิมพเ์ ป็นข้นั ตอนต่อมาหลงั จากผใู้ ชไ้ ดท้ าํ การกาํ หนดขอ้ มูลท่ีใชใ้ นการออกแบบแม่พิมพเ์ รียบร้อยแลว้ ในข้นั ตอนน้ีผใู้ ชต้ อ้ งกาํ หนดทิศทางในการเปิ ดแม่พิมพ์โดยเลือกจากระนาบที่ใชใ้ นการออกแบบ สาํ หรับโปรแกรม SolidWorks มี 3 ระนาบคือ Topplane, Front plane, และ Right plane และเลือกเส้นขอบของชิ้นงานเพ่ือใชเ้ ป็นเส้นแบ่งแม่พิมพ์ส่วนติดต่อผใู้ ชจ้ ะเป็นดงั ภาพประกอบ 4-37 ภาพประกอบ 4-37 ส่วนติดต่อผใู้ ชส้ าํ หรับการกาํ หนดเสน้ แบ่งแมพ่ ิมพ์ สาํ หรับในข้นั ตอนการกาํ หนดเส้นแบ่งแม่พิมพน์ ้ีจะใชค้ าํ สั่งหรือโคด้ โปรแกรมท่ีจะส่ังใหโ้ ปรแกรม SolidWorks สร้างเส้นแบ่งแม่พิมพข์ ้ึนมา โดยคาํ สั่งที่ใชแ้ ละเงื่อนไขในการใช้คาํ สงั่ ดงั กล่าวแสดงไดด้ งั ตาราง 4-13ตาราง 4-13 แสดงคาํ สงั่ และเงื่อนไขในการสร้างเสน้ แบ่งแม่พมิ พ์ คาํ สั่ง เงือ่ นไขFeatureManager. InsertMoldPartingLine () ¾ ตอ้ งเลือกระนาบท่ีใชเ้ ป็ นทิศทางในการเปิ ด แม่พมิ พ์ ¾ ต้องเลือกเส้นขอบชิ้นงานที่จะใช้เป็ นเส้น แบ่งแม่พมิ พ์

127 4.7.4 การสร้างผวิ ปิ ด หลงั จากไดท้ าํ การสร้างเส้นแบ่งแม่พิมพ์ ข้นั ตอนต่อไปคือการสร้างผิวปิ ดส่วนท่ีเป็ นรูในชิ้นงาน เพราะโปรแกรม SolidWorks ไม่สามารถที่จะแยกแม่พิมพอ์ อกไดถ้ า้ หากชิ้นงานน้ันมีส่วนที่เป็ นรูอยู่ ดังน้ันในข้นั ตอนน้ีผูใ้ ช้จะต้องเลือกขอบของรูท้งั หมดบนชิ้นงานเพื่อให้โปรแกรมสร้างพ้นื ผวิ ข้ึนมาปิ ดส่วนรูดงั กล่าวได้ โดยมีส่วนติดต่อผใู้ ชเ้ ป็นดงั ภาพประกอบ 4-38   ภาพประกอบ 4-38 ส่วนติดต่อผใู้ ชส้ าํ หรับการสร้างผวิ ปิ ดรูโคด้ โปรแกรมท่ีใชใ้ นการสร้างผวิ ปิ ดและเง่ือนไขในการใชเ้ ป็นดงั ตาราง 4-14ตาราง 4-14 แสดงคาํ สงั่ และเง่ือนไขสาํ หรับการสร้างผวิ ปิ ด คาํ สั่ง เงอ่ื นไขFeatureManager.InsertMoldShutOffSurface ( ) ¾ ตอ้ งเลือกเส้นขอบของรูท้งั หมดบนชิ้นงาน ถ้าหากเลือกไม่หมดคาํ ส่ังจะไม่สามารถ ทาํ งานได้

128 4.7.5 การสร้างพนื้ ผวิ แบ่งแม่พมิ พ์ ข้นั ตอนน้ีเป็ นการสร้างพ้ืนผิว (Parting surface) รอบๆ เส้นแบ่งแม่พิมพ์ เพื่อใช้เป็นพ้ืนผวิ ในการแบ่งแม่พมิ พ์ โดยมีส่วนติดต่อผใู้ ชเ้ ป็นดงั ภาพประกอบ 4-39 ภาพประกอบ 4-39 ส่วนติดต่อผใู้ ชส้ าํ หรับการสร้างผวิ แบ่งแม่พิมพ์โคด้ โปรแกรมท่ีใชใ้ นการสร้างพ้ืนผวิ และเง่ือนไขในการใชเ้ ป็นดงั ตาราง 4-15ตาราง 4-15 แสดงคาํ สงั่ และเงื่อนไขในการสร้างพ้นื ผวิ คาํ สั่ง เง่ือนไขFeatureManager.InsertMoldPartingSurface ( radiate, ¾ ตอ้ งมีการสร้างเสน้ แบ่งแม่พมิ พก์ ่อนreverseAlignment, reverseOffset, offsetDistance, ¾ ต้องมีขนาดพ้ืนผิวมากพอที่จะตัดกล่องangle, smooth, smoothDistance, knit) (Block) ที่ใชเ้ ป็นแผน่ แม่พิมพไ์ ด้ โดยขนาด พ้ืนผิวน้ีโปรแกรมจะทาํ การคาํ นวณค่าต่าํ สุด มาให้ ¾ radiate คือ รูปแบบการสร้างพ้นื ผวิ 9 0 = swPartingSurfaceMoldParmTangent 9 1 = swPartingSurfaceMoldParmNormal 9 2 = swPartingSurfaceMoldParmPerpendicular ¾ reverseAlignment คือ ทิศทางการสร้างพิ้น ผวิ 9 0 = ยอมรับทิศทางเริ่มตน้ 9 1 = กลบั ทิศ ทิศทางเริ่มตน้ ¾ reverseOffset คือ ทิศการการ Offset 9 0 = ยอมรับทิศทาง Offset เร่ิมตน้

129ตาราง 4-15 แสดงคาํ สงั่ และเงื่อนไขในการสร้างพ้ืนผวิ (ต่อ) คาํ สั่ง เงื่อนไขFeatureManager.InsertMoldPartingSurface ( radiate, 9 1 = กลบั ทิศ ทิศทางเริ่มตน้reverseAlignment, reverseOffset, offsetDistance, ¾ reverseOffset คือ ทิศการการ Offsetangle, smooth, smoothDistance, knit) 9 0 = ยอมรับทิศทาง Offset เริ่มตน้ 9 1 = กลบั ทิศ ทิศทาง Offset เร่ิมตน้ ¾ offsetDistance คือ ขนาดพ้ืนผิวท่ีตอ้ งการ สร้าง ¾ angle คือ มุมเอียงของพ้ืนผิว จะใชก้ รณีที่ เลือกคา่ radiate เป็น 0 หรือ 1 เท่าน้นั ¾ smooth คือ รูปแบบของความเรียบผวิ 9 swPartingSurfaceSharp 9 swPartingSurfaceSmooth ¾ smoothDistance คือ คา่ ระยะการสร้างผวิ เรียบ (smooth) จะกาํ หนดค่าน้ีเมื่อกาํ หนดค่า smooth ¾ knit คือ knit ของพ้นื ผวิ ท่ีตอ้ งการสร้าง 4.7.6 การแยกแม่พมิ พ์ สาํ หรับข้นั ตอนน้ีประกอบดว้ ย 2 ส่วน คือ ส่วนของการแยกแม่พิมพอ์ อกเป็ น 1เบา้ และส่วนการกระจาย (Array) ออกเป็นแผน่ แม่พิมพต์ ามขนาดท่ีและจาํ นวนเบา้ ท่ีกาํ หนด โดยมีส่วนติดต่อผใู้ ชใ้ นข้นั ตอนการแยกออกเป็นแม่พมิ พ์ 1 เบา้ ดงั ภาพประกอบ 4-40

130 ภาพประกอบ 4-40 ส่วนติดตอ่ ผใู้ ชส้ าํ หรับการแยกแม่พิมพ์ สําหรับค่าตวั แปรต่างๆ ท่ีปรากฏในส่วนติดต่อผูใ้ ชน้ ้ีจะไดจ้ ากการคาํ นวณของโปรแกรมท้งั ขนาดแม่พิมพ์ 1 เบา้ และขนาดแผน่ แม่พิมพ์ ในส่วนข้นั ตอนน้ีจะใชโ้ คด้ คาํ สั่งและเงื่อนไขในการใชด้ งั ตาราง 4-16ตาราง 4-16 คาํ สงั่ และเง่ือนไขในการแยกแม่พมิ พ์ เงอื่ นไข คาํ สั่ง ¾ dist1 คือ คา่ ความหนาแม่พิมพแ์ ผน่ ที่ 1 ¾ dist2 คือ คา่ ความหนาแม่พิมพแ์ ผน่ ที่ 2FeatureManager.InsertMoldCoreCavitySolids ( dist1, ¾ setbackdist2, setback, angle) 9 True หากตอ้ งการกาํ หนดค่า setback 9 False หากไม่ตอ้ งการ

131 4.7.7 การบันทกึ แม่พมิ พ์ หลงั จากแยกแม่พิมพอ์ อกเป็ นส่วนคอร์ และแควิต้ีแลว้ ข้นั ตอนต่อไปผใู้ ชจ้ ะตอ้ งทาํ การบนั ทึก (Save) แยกแผน่ แม่พิมพอ์ อกเป็น 2 ส่วนดงั กล่าวโดยมีส่วนติดต่อผใู้ ชใ้ นข้นั ตอนน้ีเป็นดงั ภาพประกอบ 4-41 ภาพประกอบ 4-41 ส่วนติดต่อผใู้ ชส้ าํ หรับการบนั ทึกแม่พมิ พ์ สําหรับในข้นั ตอนน้ีผูใ้ ช้จะตอ้ งทาํ การเลือกแม่พิมพ์ส่วนที่เป็ นคอร์และแควิต้ีเพ่ือใหโ้ ปรแกรมทาํ การบนั ทึกแยกออกเป็ นไฟลข์ องแต่ละส่วน ข้นั ตอนต่อไปคือการสร้างร่องตดัขอบ (Cutting line) ใหก้ บั แม่พิมพส์ ่วนแควติ ้ี 4.7.8 การสร้างร่องตัดขอบ (Cutting line) หลงั จากบนั ทึกแยกแม่พิมพอ์ อกเป็นส่วนคอร์และแควิต้ีแลว้ ข้นั ตอนต่อไปคือการสร้างร่องตดั ขอบสาํ หรับช่วยใหก้ ารแยกชิ้นงานออกจากส่วนที่ครีบท่ีเกิดข้ึนจากกระบวนการอดั ข้ึนรูปผลิตภณั ฑไ์ ดง้ ่าย สาํ หรับในข้นั ตอนน้ีมีส่วนติดต่อผใู้ ชด้ งั ภาพประกอบ 4-42

132 ภาพประกอบ 4-42 ส่วนติดต่อผใู้ ชส้ าํ หรับการสร้างร่องตดั ขอบ สําหรับในข้นั ตอนน้ีผูใ้ ชจ้ ะตอ้ งกาํ หนดพ้ืนผิวท่ีจะวางร่องตดั ขอบและเส้นขอบของเบา้ เพ่อื ใชเ้ ป็นเสน้ นาํ (Path) สาํ หรับสร้างร่องตดั ขอบดงั กล่าว ถึงแมว้ า่ รูปแบบของร่องตดั ขอบจะมีหลายรูปแบบดงั ที่กล่าวมาแลว้ ในบทท่ี 3 สาํ หรับในโปรแกรมช่วยในการออกแบบแม่พิมพอ์ ดัที่ไดพ้ ฒั นาข้ึนน้ีจะสร้างร่องตดั ขอบเฉพาะท่ีเป็นร่องสามเหล่ียมเท่าน้นั หลงั จากสร้างร่องตดั ขอบเรียบร้อยแลว้ ข้นั ตอนต่อไปคือการกระจายเบา้ ออกตามจาํ นวนหลุมที่ผใู้ ชก้ าํ หนดหรือไดจ้ ากการคาํ นวณ แต่ในกรณีที่เป็ นแม่พิมพ์ 1 เบา้ น้นั กจ็ ะขา้ มไปสู่ข้นั ตอนการเจาะรูวางสลกั ต่อไป 4.7.9 การกระจายเบ้า ในข้นั ตอนการกาํ หนดขอ้ มูลเบ้ืองตน้ น้นั ผใู้ ชไ้ ดท้ าํ การกาํ หนดจาํ นวนเบา้ ไวแ้ ลว้ไม่วา่ จะเลือกใชว้ ธี ีกาํ หนดเองหรือจากการคาํ นวณ จาํ นวนเบา้ ดงั กล่าวน้นั จะนาํ มาเป็นขอ้ มูลในการกระจายเบา้ ออกไปโดยโปรแกรมจะทาํ การคาํ นวณจาํ นวนแถวและสดมภใ์ ห้ สาํ หรับข้นั ตอนน้ีผใู้ ช้ไม่ตอ้ งกาํ หนดขอ้ มลู อะไรเพมิ่ เติม ส่วนติดต่อผใู้ ชจ้ ะเป็นดงั ภาพประกอบ 4-43

133 ภาพประกอบ 4-43 ส่วนติดตอ่ ผใู้ ชส้ าํ หรับการกระจายเบา้ หลงั จากข้นั ตอนการกระจายเบา้ ขนาดแม่พิมพจ์ ะขยายขนาดข้ึนแต่ยงั ไม่ไดเ้ ผื่อระยะการวางสลกั และยงั ไม่ไดข้ นาดตามแผน่ แม่พิมพม์ าตรฐาน ดงั น้นั ข้นั ตอนต่อไปคือการยืดผิว(Offset) ดา้ นขา้ งของแม่พิมพเ์ พ่ือใหม้ ีขนาดเท่ากบั แผน่ แม่พิมพม์ าตรฐานโดยมีส่วนติดต่อผใู้ ชเ้ ป็นดงั ภาพประกอบ 4-44 ภาพประกอบ 4-44 ส่วนติดตอ่ ผใู้ ชส้ าํ หรับการยดื ผวิ

134 สาํ หรับในข้นั ตอนน้ีผใู้ ชต้ อ้ งทาํ การเลือกผิวดา้ นขา้ งท้งั 4 ดา้ นของแผน่ แม่พิมพ์เพ่อื ใหโ้ ปรแกรมทาํ การยดื ออกใหม้ ีขนาดตามแผน่ แม่พิมพม์ าตรฐานดงั แสดงไวใ้ นภาพ โดยจะตอ้ งทาํ การเลือกผิวดา้ นขา้ งท้งั แม่พิมพส์ ่วนคอร์และแควิต้ี ข้นั ตอนต่อไปคือการเจาะรูสาํ หรับวางสลกันาํ และปลอกนาํ ในส่วนคอร์และแควิต้ีตามลาํ ดบั 4.7.10 การเจาะรูวางสลกั หลงั จากยดื แม่พิมพอ์ อกใหม้ ีขนาดเท่าแผน่ แม่พิมพม์ าตรฐานแลว้ ข้นั ตอนต่อมาคือการเจาะรูสาํ หรับวางสลกั นาํ และปลอกนาํ ใหก้ บั แม่พิมพโ์ ดยมีส่วนติดต่อผใู้ ชเ้ ป็ นดงั ภาพประกอบ4-45 ภาพประกอบ 4-45 ส่วนติดตอ่ ผใู้ ชส้ าํ หรับการเจาะรูวางสลกั ในข้นั ตอนน้ีผใู้ ชจ้ ะตอ้ งกาํ หนดพ้นื ผวิ ท่ีตอ้ งการวางสลกั และเลือกสลกั มาตรฐานที่จดั ทาํ เป็ นฐานขอ้ มูลไวแ้ ลว้ ซ่ึงโปรแกรมจะใชข้ นาดของสลกั ที่ผใู้ ชเ้ ลือกเป็ นขนาดของรูท่ีจะเจาะบนแผน่ แม่พิมพ์ สาํ หรับรูปแบบการวางสลกั น้นั ในกระบวนการออกแบบแม่พิมพอ์ ดั จะมีรูปแบบการวางสลกั ไดห้ ลายวิธีดงั ท่ีไดก้ ล่าวมาแลว้ ในบทที่ 3 แต่ในโปรแกรมที่ผวู้ ิจยั ไดท้ าํ การพฒั นาข้ึนน้นั จะเลือกรูปแบบการวางสลกั แบบ 4 ตวั มาใช้ หลงั จากเจาะรูวางสลกั ท้งั แม่พิมพส์ ่วนคอร์และแควิต้ีแลว้ ข้นั ตอนต่อไปคือการประกอบหูแม่พิมพ์

135 4.7.11 การประกอบหูแม่พมิ พ์ หลงั จากเจาะรูสลกั วางสลกั เสร็จแลว้ ข้นั ตอนต่อมาคือการเลือกชุดประกอบใหก้ บัแม่พิมพ์ โดยมีส่วนติดต่อผใู้ ชเ้ ป็นดงั ภาพประกอบ 4-46 ภาพประกอบ 4-46 ส่วนติดตอ่ ผใู้ ชส้ าํ หรับการประกอบหูยดึ แม่พมิ พ์ ใ น ข้ ัน ต อ น น้ ี ผู้ใ ช้จ ะ เ ลื อ ก ป ร ะ เ ภ ท ข อ ง หู แ ม่ พิ ม พ์ท่ี ต้อ ง ก า ร ป ร ะ ก อ บ ซ่ึ ง ใ นกระบวนการออกแบบแม่พิมพอ์ ดั น้นั มีหูหลาย แบบดว้ ยกนั ดงั ท่ีไดก้ ล่าวมาแลว้ ในบทที่ 3 สาํ หรับในโปรแกรมที่ผวู้ ิจยั ไดพ้ ฒั นาข้ึนน้นั มีหูใหผ้ ใู้ ชเ้ ลือก 2 แบบ คือแบบหูยกสาํ หรับประกอบใหก้ บัแม่พมิ พแ์ บบไม่ยดึ กบั เครื่องอดั และหูยกสาํ หรับประกอบใหก้ บั แม่พมิ พแ์ บบยดึ กบั เคร่ืองอดั เม่ือผา่ นข้นั ตอนน้ีแลว้ จะทาํ ให้ไดแ้ บบของแม่พิมพท์ ่ีเป็น 3 มิติ (3D Model) ท่ีสมบูรณ์ สามารถนาํ ไปสร้างเป็ นรายละเอียดแม่พิมพ์ (Drawing) สําหรับใชใ้ นการอา้ งอิงในกระบวนการผลิตได้ หรือสามารถนาํ ไฟลโ์ มเดลดงั กล่าวเขา้ สู่ระบบ CAM (Computer AidedManufacturing) เพ่อื สร้างเสน้ ทางเดินใบมีด (Tool path) ใหก้ บั เคร่ือง CNC ได้ เพื่อให้สามารถเขา้ ใจข้นั ตอนกระบวนการออกแบบแม่พิมพด์ ว้ ยโปรแกรมท่ีได้พฒั นาข้ึนดงั ที่ไดก้ ล่าวถึงรายละเอียดไปแลว้ ขา้ งตน้ ผวู้ ิจยั จะแสดงตวั อย่างแม่พิมพท์ ่ีไดผ้ ่านการออกแบบดว้ ยโปรแกรมดงั กล่าวไวใ้ นภาคผนวกของรายงานการวจิ ยั ฉบบั น้ี4.8 ความสามารถของโปรแกรม สาํ หรับโปรแกรมตน้ แบบที่ไดพ้ ฒั นาข้ึนมาน้นั มีขีดความสามารถและขอ้ จาํ กดั ท่ีตอ้ งพฒั นาต่อไป โดยสามารถสรุปไดด้ งั ตาราง 4-17

136ตาราง 4-17 ขีดความสามารถและขอ้ จาํ กดั ของโปรแกรมช่วยออกแบบแม่พมิ พอ์ ดัความสามารถของโปรแกรม ข้อจาํ กดั ของโปรแกรม¾ ออกแบบแม่พมิ พช์ นิด 2 แผน่ ¾ ขอ้ มูลเขา้ (Input) ตอ้ งเป็นไฟล์ 3 มิติ ที่¾ มีฐานขอ้ มลู ยางและเคร่ืองอดั เป็ นไฟล์ของโปรแกรม SolidWorks¾ มีฟังกช์ นั การวดั ขนาดชิ้นงานอตั โนมตั ิ เท่าน้นั¾ มีฟังกช์ นั การเลือกเสน้ ขอบรูอตั โนมตั ิ ¾ ขอ้ มูลบางส่วนตอ้ งให้ผูใ้ ช้กรอก อาจ¾ มีฟังกช์ นั การคาํ นวณจาํ นวนเบา้ เกิดการกาํ หนดขอ้ มลู ผดิ พลาดได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook