Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบย่อยอาหาร (1)

ระบบย่อยอาหาร (1)

Published by Guset User, 2021-10-19 04:03:13

Description: ระบบย่อยอาหาร (1)

Search

Read the Text Version

ระบบยอ่ ยอาหาร (Digestive System) 1

ระบบยอ่ ยอาหาร (Digestive System) 2

การย่อยอาหาร (Digestion) สง่ิ มีชีวติ ทกุ ชนิด มีความตอ้ งการหาอาหารเพ่ือใหต้ นเองสามารถดารงชีพอย่บู นโลกได้ ดงั นนั้ เราสามารถจะจาแนกสิง่ มีชีวิตตามการจดั หาอาหารออกเป็น 2 พวกใหญ่ ๆ คือ 1. Autotroph คือส่งิ มีชีวิตท่ีสามารถสรา้ งอาหารเองไดจ้ ากสารอนินทรยี ์ ไดแ้ ก่ การ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง (Photosynthesis) เชน่ พวกพืชสีเขียวตา่ ง ๆ ไดพ้ ลงั งานในการ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงโดยใชพ้ ลงั งานจากแสงอาทิตย์ และการสงั เคราะหด์ ว้ ยปฏิกิรยิ าเคมี (Chemosynthesis) เช่น ในแบคทีเรยี บางชนิด อาศยั พลงั งานจากปฏิกิรยิ าเคมี 2. Heterotroph คือสง่ิ มชี ีวิตท่ีสรา้ งอาหารเองไมไ่ ด้ ไดแ้ ก่ พวกสตั วไ์ ดอ้ าหารจากส่งิ ท่ีสรา้ ง มาแลว้ เราสามารถแบง่ ชนิดของสตั วต์ ามเกณฑต์ า่ งๆ ไดด้ งั นี้ แบ่งตามชนิดของอาหารทก่ี นิ เข้าไป Herbivore สตั วก์ ินพืช เชน่ กระตา่ ย กอรลิ ลา ววั หอยทาก เป็นตน้ Carnivore สตั วท์ ่ีกินเนือ้ เช่น เสือ แมว ฉลาม Omnivore สตั วท์ ่ีกินทงั้ พืชและสตั ว์ เชน่ แมลงสาบ อีกา และคน 3

ประเภทของการยอ่ ยอาหาร 1. การย่อยภายในเซลล์ (Intracellular digestion) คือ การท่ีเซลล์ นาอาหารเขา้ ไปภายในจนทาใหเ้ กิดถงุ อาหาร (Food vacuole)แลว้ ใชน้ าย่อยย่อยอาหารในเซลลน์ นั้ 2.การยอ่ ยภายนอกเซลล์ (Extracellular digestion) คอื การท่ี เซลลข์ บั นา้ ยอ่ ยออกมาย่อยอาหารนอกเซลลจ์ นกลายเป็นโมเลกลุ เลก็ ๆ แลว้ ดดู ซมึ ไปใชป้ ระโยชนต์ อ่ ไป 4

ประเภทของทางเดนิ อาหาร 1.ทางเดนิ อาหารแบบสมบรู ณ์ (Complete digestive tract) ประกอบดว้ ยช่องเปิด 2 ช่อง ทาหนา้ ท่ีเป็นปากและทวาร หนกั ตามลาดบั 2.ทางเดนิ อาหารแบบไม่สมบรู ณ์ (Incomplete digestive tract) ประกอบดว้ ยชอ่ งเปิดเพียง 1 ชอ่ ง คือ อาหารเขา้ ทางปากและ กากอาหารออกทางเดียวกนั 5

ภาพแสดงประเภทของทางเดนิ อาหาร 6

หน้าทขี่ องทางเดนิ อาหาร แบง่ ออกเป็ น 4 ประการ คือ 1. การกนิ (Ingestion) เป็นการนาอาหารเขา้ รา่ งกาย 2. การย่อยอาหาร (Digestion) เป็นการทาใหไ้ ดส้ ารอาหารเพ่ือนาไปใชไ้ ด้ 3. การดดู ซมึ (Absorption) เป็นการนาสารอาหารโมเลกลุ เลก็ เหลา่ นนั้ เขา้ สู่ เซลล์ เพ่ือเขา้ สรู่ ะบบไหลเวียนต่อไป 4 .การขับออก (Elimination หรอื Egestion) โดยจะขบั สารท่ียอ่ ยไมไ่ ด้ ออกเป็นกากอาหาร 7

ภาพแสดงหน้าท่ขี องทางเดินอาหาร 8

หน้าท่เี หล่านีจ้ ะสาเร็จได้ต้องมี 3 กระบวนการนี้ 1.การเคลื่อนไหว (Motility) เป็นการคลกุ เคลา้ อาหารและผลกั อาหารใหเ้ คล่อื นไปตามทางเดินอาหาร 2.การหล่ัง (Secretion) เป็นการหล่งั นา้ ยอ่ ยจากตอ่ มมีทอ่ ตามทางเดนิ อาหาร 3.การขนส่ง (Membrane transport) เป็นกลไกการดดู ซมึ สารอาหาร รวมถงึ การขนสง่ ไปยงั เสน้ เลือดหรือทอ่ นา้ เหลือง 9

ขัน้ ตอนของการยอ่ ยอาหาร 1.การย่อยเชิงกล (Mechanical digestion) เป็นการยอ่ ยอาหารโดยการบดหรือเค้ียวเพอ่ื ใหอ้ าหารมีขนาดเลก็ ลง เช่นใน vertebrate ใชฟ้ ันบดเค้ียว ในไสเ้ ดือนดินใชก้ น๋ึ (Gizzard) บด เป็นตน้ 2. การย่อยเชิงเคมี (Chemical digestion) เป็นการยอ่ ยอาหาร โดยใชน้ ้ายอ่ ย หรือเอนไซม์ (Enzyme) เขา้ ช่วย เพอ่ื ใหอ้ าหารมีโมเลกลุ เลก็ ท่ีสุด แลว้ จึงทาการดูดซึมเขา้ สู่เซลลไ์ ด้ 10

การย่อยอาหารของจุลนิ ทรีย์ ดารงชีวติ เป็นผยู้ อ่ ยสลายสารอินทรียใ์ นระบบนิเวศสิ่งมีชีวติ เหล่าน้ีส่วนใหญ่ จะมีการยอ่ ยอาหาร โดยปล่อยเอนไซมอ์ อกมานอกเซลล์ เพือ่ ยอ่ ยสารอินทรีย์ จนเป็นสารอาหารโมเลกลุ เลก็ (Extracellular digestion) แลว้ จึงดูดซึมเขา้ สู่เซลล์ 11

การย่อยอาหารของอะมบี า -มกี ารนาอาหารเข้าสู่เซลลร์ ่างกายโดยตรง -ยอ่ ยอาหารภายในเซลล์ (intracellular digestion) -เคลอื่ นย้ายสารอาหารทยี่ อ่ ยได้จาก food vacuole สู่ไซโตพลาสม -ขับกากอาหารออกทาง anal pore 12

การย่อยอาหารของพารามีเซยี ม -มกี ารนาอาหารเข้าสู่เซลลร์ ่างกายโดยตรง -ยอ่ ยอาหารภายในเซลล์ (intracellular digestion) -เคลอ่ื นยา้ ยสารอาหารทยี่ อ่ ยไดจ้ าก food vacuole สู่ไซโตพลาสม -ขับกากอาหารออกทาง anal pore 13

การยอ่ ยอาหารของสัตวท์ ไี่ ม่มที างเดนิ อาหาร ฟองนา้ (Spongy) ฟองน้ากินอาหารโดยการจบั อนุภาคอาหารขนาดเลก็ ที่ปะปนอยใู่ นน้าทะเล ซ่ึงถูกพดั พาผา่ นรูเลก็ ๆ ของช่องน้าเขา้ ถูกกรองเขา้ ไปในตวั ฟองน้า โดย เซลลท์ ่ีมีแฟลกเจลลมั ซ่ึงเรียกวา่ โคแอนโนไซต์ (Choanocyte) โบกน้าผา่ น เขา้ มาและใชเ้ มือกจบั อนุภาคอาหารน้นั แลว้ ใชก้ ระบวนการฟาโกไซโทซิส จบั อาหารเขา้ เซลลพ์ ร้อมกบั สร้างฟดู แวคิวโอล (Food vacuole) อาหารจะ ถูกยอ่ ยและส่งไปตามส่วนต่าง ๆ โดยเซลล์อะมโี บไซต์ (Amoeocyte) 14

ภาพแสดงการกนิ อาหารของฟองนา้ 15

Intracellular and extracellular digestion - พบในหนอนตวั แบน(พลานาเรยี ) และ cnidarians(เช่น แมงกะพรุน, ไฮดรา) -มี gastrovascular cavity ทเ่ี ป็ นช่องสาหรับนา้ , อาหาร และอากาศเข้าสู่ร่างกาย -ทางเข้าและออกของอาหารเป็ นทางเดยี วกัน (incomplete digestive tract) -หลังจากอาหารเข้าสู่ gastrovascular cavity จะมกี ารปล่อยเอนไซมจ์ ากเซลลอ์ อกมายอ่ ย เรียกการย่อยนีว้ ่า extracellular digestion -อาหารทย่ี ่อยแล้วยังมขี นาดใหญ่อยู่ จะถกู นาเข้าสู่เซลลโ์ ดยวธิ ี phagocytosis และยอ่ ยตอ่ ไป 16

ขั้นตอนการย่อยแบบ extracellular digestion ในไฮดรา 17

18

พลานาเรีย (Planaria) เป็นสตั วพ์ วกหนอนตวั แบนชนิดหน่ึงท่ีดารงชีพอิสระ จบั เหย่ือโดยการปล่อย เมือกออกมาและใชล้ าตวั คลุมลงบนตวั เหยอ่ื เหยอ่ื จะถูกเมือกพนั ตวั ทาให้ เคล่ือนไหวไม่ได้ และจะใชง้ วงหรือฟาริงซ์ยนื่ ออกมาดูดของเหลวในตวั เหยอ่ื เป็นอาหาร หรือกลืนเหยอ่ื เขา้ ไปช่องแกสโทรวาสควิ ลาร์ท่ีแตกแขนงทอดยาว ไปตามลาตวั เซลลต์ ่อมท่ีอยตู่ ามผนงั ทางเดินอาหารจะปล่อยเอนไซมอ์ อกมา ยอ่ ยอาหาร และชิ้นส่วนที่ยอ่ ยแลว้ จะมีเซลลท์ ี่ผนงั ทางเดินอาหารโอบลอ้ ม อาหารเขา้ ไปยอ่ ยภายในเซลลต์ ่อ ส่วนกากอาหารท่ียอ่ ยไม่ไดก้ จ็ ะกลบั ออกมา ทางปาก (ภาพท่ี 1.9) 19

ภาพแสดงลกั ษณะทางเดินอาหารของพลานาเรีย 20

พยาธิใบไม้ (Fluke) เป็นสตั วก์ ลมุ่ เดียวกบั หนอนตวั แบน มีทางเดินอหารคลา้ ยพลานาเรยี มีปากไมม่ ี 21 ทวารหนกั ลกั ษณะทางเดินอาหารไมม่ ีก่ิงกา้ นสาขามากบรเิ วณสว่ นหวั มี อวัยวะดดู เกาะ (Oral sucker) ใชด้ ดู เลอื ดจากเหย่ือเขา้ ปาก ตอ่ จากปากเป็น คอหอยและลาไสแ้ ยกออกเป็นแขนง กายอ่ ยอาหารเป็นการยอ่ ยแบบภายในเซลล์

พยาธิตวั ตืด (Tape worm) เป็นสตั วก์ ลุ่มเดียวกบั หนอนตวั แบน บริเวณส่วนหวั มีอวยั วะ ดูดเกาะหลายอนั อยรู่ อบ ๆ ส่วนหวั เรียกวา่ สโคเลก็ ซ์ (Scolex) ไม่มที างเดนิ อาหารจึงตอ้ งดูดซึมสารอาหารท่ียอ่ ย แลว้ จากทางเดินอาหารของผถู้ ูกอาศยั (Host) เขา้ สู่ร่างกาย โดยไม่ตอ้ งยอ่ ย(ภาพท่ี 1.11) 22

ภาพแสดงโครงสร้างของพยาธิตวั ตืด 23

การย่อยอาหารของสัตว์ทม่ี ีทางเดนิ อาหารสมบูรณ์ หนอนตัวกลม (Nematode) เป็นสัตว์พวกแรกทมี่ ีทางเดนิ อาหารสมบูรณ์ ประกอบดว้ ย ปาก (Mouth) คอหอย(Pharynx) ซ่ึงมีลกั ษณะเป็นท่อยาวท่ีมีกลา้ มเน้ือบุผนงั หนามาก ช่อง ภายในคอ่ นขา้ งแคบ การบีบตวั การคลายตวั ของกลา้ มเน้ือบุผนงั ฟาริงซ์ จะทา ใหเ้ กิดแรงดูด ทาใหอ้ าหาร เคลื่อนเขา้ สู่ลาไส้ (Intestine) ซ่ึงเป็นท่อยาวมีลิ้น ปิ ดเปิ ดระหวา่ งลาไสก้ บั คอหอย การยอ่ ยอาหารและดูดซบั อาหารเกิดข้ึนภาย ในลาไส้ การยอ่ ยอาหารเป็นการยอ่ ยแบบภายนอกเซลล์ จากน้นั ขบั กากออก ทางทวารหนัก (Anus) (ภาพที่ 1.12) สาหรับหนอนตวั กลมท่ีเป็นปรสิต มกั จะ กินเน้ือเยอ่ื ต่าง ๆ หรือกินอาหารท่ียอ่ ยแลว้ ของผถู้ ูกอาศยั 24

ภาพที่แสดงลกั ษณะทางเดนิ อาหารของหนอนตวั กลม ปาก คอหอย ลาไสเ้ ลก็ ไสต้ รง ทวารหนกั 25

ภาพทแี่ สดงลักษณะทางเดนิ อาหารของหนอนมปี ล้อง -มที างเปิ ดของปาก(mouth)และ ทวารหนัก(anus) แยกกันเรียก complete digestive tract หรือ alimentary canal -crop และกระเพาะอาหารทา หน้าทเี่ กบ็ อาหาร (บางครั้งอาจมกี ารยอ่ ย) -gizzard ทาหน้าทบ่ี ดอาหาร Extracellular digestion in complex animals พบในสัตวส์ ่วนใหญ่ ตัง้ แตห่ นอนตัวกลมจนถงึ สัตวม์ กี ระดูกสันหลัง 26

27

แมลง (Insect) ทางเดินอาหารคลา้ ยกบั พวกแอนเนลิด แต่อวยั วะต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปบา้ เพอ่ื เพม่ิ ประสิทธิภาพในการกินอาหาร หรือเพอ่ื ใหเ้ หมาะกบั ชนิดของอาหาร เช่น ปากของแมลง มีหลายชนิด มกั ใช้นา้ ลายในการดูดอาหาร โดยยงุ ใชน้ ้าลายพน่ ใส่เลือดเพอื่ ไม่ใหเ้ ลือดแขง็ ตวั ยงุ จึงดูดไปใชไ้ ด้ ผเี ส้ือดูน้าหวาน โดยใชง้ วงซ่ึงมว้ นเป็นวงดูดเขา้ ไป ส่วนแมลงวนั ปล่อยน้าลายออกมาละลา อาหารแลว้ จึงดูดอาหารเขา้ ปาก จึงเห็นไดว้ า่ การทาใหอ้ าหารเปลี่ยนสภาพมี ขนาดเลก็ ลงน้นั เร่ิมตน้ ที่ปาก 28

ภาพที่ 1.14 แสดงลกั ษณะปากของแมลงชนิดต่าง ๆ 29

หากนาตกั๊ แตนมาผา่ ดูทางเดินอาหาร จะพบวา่ ประกอบดว้ ยปาก (Mouth) ถดั ไปเป็นคอ หอย(Pharynx) หลอดอาหาร (Esophagus) เป็นทางเดินอาหารที่ค่อย ๆ พองออกจนเป็นถุง ใหญ่เรียกวา่ ถุงพกั อาหาร (Crop) สองขา้ งของหลอดอาหารมีต่อมนา้ ลาย(Salivary gland) สีขาว รูปร่างคลา้ ยกิ่งไม้ ส่วนปลายของถุงพกั อาหารน้ีมีกระเปาะแขง็ ๆ เรียกวา่ โปรเวนตริ คูลสั หรือกนึ๋ (Proventiculus หรือ Gizzard) ภายในมีหนามแหลม ๆ ยนื่ ออกไปรวมกนั ตรงกลางมีไวเ้ พือ่ ใชก้ รองอาหาร ส่วนท่ีตอ่ กบั ก๋ึนมีถุงเลก็ ๆ รูปร่างคลา้ ยนิ้วมือ 8 ถุง เรียกวา่ แกสตริกซีกา (Gastric ceca) เชื่อกนั วา่ ทาหนา้ ที่สร้างน้ายอ่ ย ช่วงน้ีจะตอ่ กบั ทางเดินอาหารส่วนกลาง (Mid gut) ตอนกลางของลาตวั จะมีอวยั วะกาจดั ของเสีย เรียกวา่ หลอดมลั พเิ กยี น (Malpighian tubule) เป็นเสน้ ฝอยบาง ๆ สีเหลืองอยกู่ นั เป็นกระจุก ถดั ไปเป็นโคลอน (Colon) เป็นส่วนหน่ึงของลาไส้ใหญ่ ส่งกากอาหารไปยงั ไส้ตรง (Rectum) แลว้ จึงเปิ ดออกที่ทวารหนัก (Anus) (ภาพ) 30

ภาพแสดงลกั ษณะทางเดนิ อาหารของต๊กั แตน 31

32

ปลา (Fish) • เป็นสตั วท์ ี่มีกระดูกสนั หลงั ปลากินอาหารหลากหลายชนิด สามารถแยก ออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ แพลงก์ตอน พืช สัตว์ ปลาท่ีกินอาหารแต่ละชนิด จะมีความแตกต่างของอวยั วะยอ่ ยอาหารต้งั แต่ลกั ษณะของปาก ฟัน และ ทางเดินอาหาร • ปลาท่ีกนิ แพลงก์ตอนเป็นอาหาร ตวั อยา่ งเช่นปลาทู (Reatrelliger spp.) ปลา อกแล (Sardinella spp.) ปลาแป้น (Leiognathus spp.) ปลาเหล่าน้ีมีฟันขนาด เลก็ มาก หรือไม่มีฟันเลย นอกจากน้นั ขากรรไกรกไ็ ม่แขง็ แรง ปลาแป้นมีปาก ขนาดเลก็ แต่ยดื ออกไม่ได้ ส่วนปลาปากแตร (Fistularidae) ปากคลา้ ยหลอด ดูด สาหรับดูดกินแพลงกต์ อน 33

• ปลาตะเพยี นปลาในมีฟันบดบริเวณคอหอยสาหรับบดพืชน้าหรือสาหร่ายท่ีกินเขา้ ไปให้ ละเอียด • ปลาพวกมปี ากแข็งแรง เช่น ปลกนกแกว้ ปลาสลิดหิน มีฟันขดุ มีลกั ษณะคลา้ จะงอยปากนก เพอ่ื ใชข้ ดุ กินสาหร่ายที่อยใู่ นหินปะการัง • สาหรับปลาล่าเหย่ือ เช่น ปลาอินทรีย์ ปลาปากคม ส่วนมากมีขากรรไกรท้งั ล่างและบน แขง็ แรงดี มีฟันแหลมคม มองเห็นไดช้ ดั เจน ปลาพวกน้ีจบั เหยอ่ื ทีละตวั พวกปลากระเบน มี ฟันแผงแขง็ แรง จนสามารถใชข้ บเปลือกหอยใหแ้ ตกเพอ่ื กินเน้ือหอย • สาหรับทพ่ี ืน้ ปากมีลนิ้ ขนาดเลก็ มาท่ีไม่ใชง้ าน ทาหนา้ ที่รับสมั ผสั อาหาร เม่ืออาหารเขา้ ปาก แลว้ กจ็ ะเคลื่อนผา่ นคอหอยหลอดอาหาร กระเพาะอาหารลาไส้ ไพโลริกซีกา (Pyloric ceca) พบเฉพาะปลากินเน้ือ และออกมาทางทวารหนกั โดยการยอ่ ยอาหาร จะอาศยั ตอ่ มสร้าง น้ายอ่ ย ที่ประกอบดว้ ย ตบั (Liver) ซ่ึงมีถุงนา้ ด(ี Gall bladder) เกบ็ น้าดี และตบั อ่อน (Pancreas) สร้างน้ายอ่ ย 34

ภาพแสดงลกั ษณะทางเดนิ อาหารของปลา 35

นก (Bird) • นกกินอาหารท่ีมีพลงั งานสูงและมีการยอ่ ยอาหารอยา่ งรวดเร็ว นกไม่มฟี ัน และต่อมนา้ ลายเจริญไม่ดี แต่สามารถสร้างเมือกสาหรับคลุกเคลา้ อาหาร และหล่อลื่น ลิ้นมีต่อมรับรสนอ้ ยแต่กร็ ับรสไดบ้ า้ ง คอหอยส้นั หลอด อาหารค่อนขา้ งยาวมีผนงั กลา้ มเน้ือตอนปลายมีกระเพาะพกั อาหาร (Crop) มีหนา้ ท่ีเกบ็ อาหาร และนาไปยอ่ ยในกระเพาะอาหาร (Stomach หรือ Proventriculus) • สร้างน้ายอ่ ย ถดั ไปเป็นกระเพาะบดหรือกน๋ึ (Gizzard) มีกลา้ มเน้ือหนา ผนงั ดา้ นในเป็นสนั ใชบ้ ดอาหาร นอกจากน้ีนกยงั มีการกลืนกอ้ นกรวด ขนาดเลก็ เขา้ ไปช่วยในการบดอาหาร ถดั ไปเป็นลาไสเ้ ลก็ ลาไสใ้ หญ่ และ โคลเอกา (ภาพท่ี 1.17) 36

ภาพที่ 1.17 แสดงลกั ษณะทางเดนิ อาหารของนก 37

38

การยอ่ ยอาหารในกระเพาะอาหารของสัตวเ์ คยี้ วเออื้ ง 1)เริ่มแรกวัวจะเคยี้ วและกลนื 4)วัวจะกลืนcudจาก (3)กลับเข้าสู่กระเพาะ หญ้า ในรูปของbolus เข้าสู่ ส่วน omasum ทมี่ กี ารดูดนา้ กลับ rumen 2)bolusบางส่วนอาจเคลือ่ น เข้าสู่reticulum ทงั้ rumenและ reticulum มsี ymbiotic prokaryotesและ protistsทาหน้าทย่ี อ่ ย เซลลูโลส และหล่ังกรดอะมิ โนออกมา 3)อาหาร(cud)บางส่วนจาก(2)จะ ถกู นากลับออกมาเคยี้ วใหม่ 5) cudทม่ี ปี ริมาณจุลนิ ทรียม์ ากๆ จะเคลื่อนสู่กระเพาะส่วน abomasum กระเพาะส่วนนีม้ กี าร หล่ังเอนไซมอ์ อกมาย่อยอาหาร ดังนั้นอาจถอื ไดว้ ่าส่วนนีเ้ ป็ นกระเพาะอาหารทแี่ ทจ้ รงิ และ 3 ส่วนแรกถอื เป็ นสว่ นขยายของหลอดอาหาร 39

กระเพาะอาหารของสัตว์เคยี้ วเอือ้ ง 1. รูเมน (Rumen) หรือกระเพาะผ้าขีร้ ิว้ 40

2. เรติควิ ลมั (Reticulum) หรือกระเพาะรังผงึ้ 41

3.โอมาซัม (Omasum)หรือกระเพาะสามสิบกลบี 42

4. แอบโอมาซัม (Abomasum) กระเพราะแท้จริง 43

ภาพแสดงลกั ษณะกระเพาะอาหารของสัตว์เคยี้ วเอือ้ ง 44

กระบวนการกนิ อาหาร (food processing) ประกอบด้วย 1. Ingestion (การกิน) การนาอาหารเข้าสู่ร่างกาย 2. Digestion (การยอ่ ย) การทาใหอ้ าหารทก่ี ินเข้า ไปมขี นาดเลก็ ลง 2.1 Mechanical digestion -การเคยี้ ว 2.2 Chemical digestion -การย่อยโดยเอนไซม์ 3. Absorption (การดูดซึม) 4. Elimination (การขับออก) 45

ระบบทางเดนิ อาหารของคน ประกอบดว้ ย 1. ช่องปาก (oral cavity) 2. คอหอย (pharynx) 3. หลอดอาหาร (esophagus) 4. กระเพาะอาหาร (stomach) 5. ลาไส้เลก็ (small intestine) 6. ลาไส้ใหญ่ (large intestine or colon) 7. ลาไส้ตรง (rectum) 8. ทวารหนัก (anus) 46

ช่องปาก (oral cavity) -ในช่องปากมตี ่อมนา้ ลาย 3 คู่ -ในนา้ ลายมนี า้ ย่อย amylase -นา้ ลายประกอบดว้ ยสารไกลโคโปรตนี สาหรับย่อยแป้งและไกลโคเจน ทม่ี ลี ักษณะลน่ื เรียก mucin มบี ทบาท ในการทาใหอ้ าหารลน่ื กลนื ง่าย -ลนิ้ ในช่องปากทาหน้าทคี่ ลุกเคล้า ป้องกันเยอื่ บุช่องปากและฟันไม่ใหุ้ ุ อาหารให้เป็ นก้อนเรียก bolus 47

The major salivary glands 48

ฟัน • ฟันแตล่ ะซมี่ ี 2 ส่วน คือ ตัวฟัน (crown) และรากฟัน (root) • ส่วนนอกสุดของตวั ฟัน คอื สารเคลือบฟัน ( enamel) • ถดั มาเป็ นชนิ้ เนือ้ ฟัน ( dentine) และโพรงฟัน ( pulp cavity ) ส่วนประกอบต่างๆ ของ 49 ฟัน

ตอ่ มนา้ ลาย • มี 3 คุ่ อยขู่ า้ งกกหู ใตล้ นิ้ และใตข้ ากรรไกร • ผลติ นา้ ลายวนั ละประมาณ 1-1.5 ลิตร • นา้ ลายมีนา้ เป็นองคป์ ระกอบรอ้ ยละ 99.5 มี pH 6.2-7.4 • มีสว่ นประกอบท่ีเป็นเมือก ทาหนา้ ท่ีหลอ่ ล่นื อาหาร • มีเอนไซมอ์ ะไมเลสยอ่ ยแปง้ 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook