Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1แผนสังคมม.6 1-63 พระพุทธ.doc

1แผนสังคมม.6 1-63 พระพุทธ.doc

Published by กัลยากร เชวงสุข, 2021-04-08 02:21:50

Description: 1แผนสังคมม.6 1-63 พระพุทธ.doc

Search

Read the Text Version

6. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันสงั เกต รวบรวมขอ้ มลู (Gathering) 1. นกั เรียนร่วมกนั ทบทวนความรู้เกีย่ วกบั การนบั ถือศาสนาในประเทศไทย โดยตอบคำถาม ดงั นี้ • ในประเทศไทยมกี ารนบั ถือศาสนาใดบ้าง (ตวั อย่างคำตอบ พระพุทธศาสนา ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาสิกข์) • คนไทยสว่ นใหญ่นับถือศาสนาใด (พระพุทธศาสนา) • ถา้ นกั เรียนนับถือพระพทุ ธศาสนาจะสามารถนำหลักคำสอนของศาสนาอืน่ มาใช้ปฏบิ ัติ กับตนเองได้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด (ตัวอย่างคำตอบ ได้ เพราะศาสนาแต่ละศาสนาล้วนสอนให้ทกุ คนเปน็ คนดี) • นักเรียนทราบหลกั ปฏิบตั ิและหลักคำสอนของศาสนาอน่ื นอกจากพระพุทธศาสนาอะไรบา้ ง (ตัวอยา่ งคำตอบ ศาสนาคริสต์ : พิธีรับศีลจุ่ม) 2. นักเรยี นศกึ ษาและรวบรวมข้อมลู เก่ียวกับเรอื่ ง หลักคำสอนในศาสนาคริสต์ หลกั คำสอนศาสนาอิสลาม ศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู และศาสนาสกิ ข์จากหนงั สือเรียนและแหลง่ การเรยี นรู้อื่น ๆ เพ่ิมเตมิ ขั้นคิดวิเคราะหแ์ ละสรุปความรู้ (Processing) 3. นกั เรยี นนำข้อความที่กำหนดให้เก่ยี วกับหลกั คำสอนของศาสนาครสิ ต์ ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาสิกข์ และ ศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู จำแนกลงในแผนภาพความคดิ บนกระดานให้สมั พันธก์ บั ศาสนา ดงั ตวั อยา่ ง หลักศรทั ธา 6 หลักตรีเอกานุภาพ หลกั ปฏบิ ัติ 5 หลกั บญั ญตั ิ 10 ประการ หลักอาณาจักรของพระเจ้า หลกั จริยธรรม หลักความรัก หลักบัญญตั ิ 10 ประการ หลกั ตรีเอกานุภาพ หลกั คำสอนใน ศาสนาครสิ ต์ หลักอาณาจักรของพระเจ้า หลักความรกั หลักศรัทธา 6 หลกั คำสอนใน หลักจรยิ ธรรม ศาสนาอสิ ลาม หลกั ปฏบิ ตั ิ 5

หลักคำสอนของศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู หลกั คำสอน ของศาสนาต่าง ๆ 1. พรหมธรรม คอื การปฏิบตั ิธรรมของ พระพรหม ประกอบดว้ ย หลักคำสอนของศาสนาสกิ ข์ เมตตา คอื ความรัก กรณุ า คือ ความปรารถนาดีให้ผู้อื่น 1. สอนให้ทุกคนรู้จกั ปรบั ตัวให้เข้ากบั มคี วามสุข สภาพแวดลอ้ ม มุทิตา คอื พลอยยินดีเมื่อผู้อ่ืนมีความสุข 2. ช้นี ำหนทางใหท้ ุกคนไดเ้ ข้าถึงพระเจ้า อุเบกขา คือ การวางเฉย ดว้ ยการดำรงชวี ิตและด้วยการกระทำแต่ คุณงามความดี 2. พระธรรมศาสตร์ 3. การเข้าถงึ ธรรมะและการดำรงชวี ิตตาม 1. ธฤติ คอื ความพอใจ หลักสัจธรรม ละเว้นความโลภ ความโกรธ 2. กษมา คอื ความอดทน อดกลัน้ ความหลง 3. ทมะ คือ การรู้จักข่มใจตนเอง 4. อสั เตยะ คือ ไมล่ ักขโมย 5. เศาจะ คือ ความบรสิ ทุ ธ์ิทั้งกายและใจ 6. อินทริยนคิ รหะ คือ การปราบอินทรยี ์ทั้ง 10 7. ธี เหมือนกับธติ ิ 8. วทิ ยา คอื ความรู้ทางปรชั ญาศาสตร์ 9. สตยะ คอื ความจรงิ 10.อโกธะ คือ ความไมโ่ กรธ 4. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั หลักคำสอนสำคัญเพ่ือการอยรู่ ว่ มกนั อย่างสนั ติสุขของศาสนา ต่าง ๆ แล้วสรุปเป็นความคิดรวบยอด โดยตอบคำถาม • ข้อห้ามลักทรัพยใ์ นหลักบัญญัติ 10 ประการ เหมือนหรือแตกตา่ งกับเบญจศีลข้อ 2 ของ พระพทุ ธศาสนาอยา่ งไร (ตัวอย่างคำตอบ เหมอื นกัน เพราะเบญจศลี ข้อ 2 ของพระพุทธศาสนา คือ หา้ มลกั ขโมยสิง่ ของของผู้อ่นื ) • ข้อหา้ มผิดประเวณีในหลักบัญญัติ 10 ประการเหมือนหรอื แตกตา่ งกับเบญจศีลขอ้ 3 ของ พระพุทธศาสนาอย่างไร (ตวั อย่างคำตอบ เหมือนกนั เพราะเบญจศีลข้อ 3 ของพระพทุ ธศาสนา คือ การละเวน้ จาก การประพฤตผิ ดิ ในกาม ไมย่ ่งุ เกย่ี วกับสามภี รรยาหรือคูค่ รองของบุคคลอ่นื ) • หลักความรักคอื อะไร ในศาสนาครสิ ต์สอนเก่ียวกบั เร่ืองความรกั ไว้อยา่ งไรบ้าง (ตวั อย่างคำตอบ หลักความรัก คือ หลกั คำสอนสำคญั ของศาสนาคริสต์ ศาสนาคริสตส์ อนให้ ศาสนิกชนมคี วามรักต่อพระเจ้า ปฏิบัตติ ามคำสั่งสอนของพระเจ้าและให้มีความรกั ตอ่ เพือ่ นมนษุ ย์ดว้ ยกนั โดยสอนให้ รกั กนั เหมือนพ่ีน้อง) • ถา้ โลกน้ไี ม่มีความรักจะเกดิ ปัญหาอะไรขนึ้ (ตวั อย่างคำตอบ เกิดปัญหาความขดั แยง้ แตกแยก สงั คมเกิดความวุ่นวาย ไมม่ ีความสขุ )

• การละหมาดคืออะไร และตอ้ งทำในเวลาใด (ตวั อยา่ งคำตอบ การละหมาด คอื การนมัสการต่อพระเจ้าเพ่ือแสดงความภักดี โดยละหมาด วันละ 5 เวลา คือ ย่ํารุง่ กลางวัน เยน็ พลบคา่ํ กลางคนื ) • การถือศีลอดมีจุดมุง่ หมายเพื่ออะไร (ตวั อยา่ งคำตอบ เพ่ือฝึกฝนร่างกายและจิตใจให้มีความอดทนและหนกั แน่น) • การประกอบพิธฮี จั ญ์ของผนู้ บั ถอื ศาสนาอิสลามมวี ตั ถุประสงคเ์ พื่ออะไร (ตัวอยา่ งคำตอบ เพื่อออกเดนิ ทางไปปฏิบัติศาสนกจิ ทเ่ี มอื งมักกะฮ์ ประเทศซาอดุ ีอาระเบีย) 5. นักเรยี นรว่ มกันยกตวั อย่างหลักคำสอนพ้ืนฐานของศาสนาครสิ ต์และศาสนาอสิ ลามที่ สอดคลอ้ งกนั มา 2 ตวั อย่าง ท่ีเป็นหลักคำสอนสำคญั ในการอยรู่ ่วมกันอยา่ งสนั ตสิ ุข จากนั้นสรปุ ความรู้ ลงในแผนภาพความคิด แลว้ สรุปเปน็ ความคิดรวบยอด ดังตัวอย่าง 5.1 หลักคำสอนเกย่ี วกบั การอนเุ คราะห์ ศาสนา หลกั ธรรม ศาสนาอิสลาม การบริจาคซะกาตให้แก่คนจน ศาสนาครสิ ต์ การทำความดีดว้ ยความเต็มใจ โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน 5.2 หลักธรรมเก่ยี วกบั ความรักความเมตตา ศาสนาอิสลาม ผมู้ เี มตตาย่อมไดร้ บั เมตตาตอบแทน ศาสนาครสิ ต์ จงมคี วามรกั ตอ่ เพ่ือนมนุษยด์ ้วยกัน 6. นกั เรยี นรว่ มกนั ยกตวั อย่างหลักคำสอนพ้ืนฐานของศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดูและศาสนาสกิ ข์ ท่ีมคี วามสอดคล้องกนั มา 2 อยา่ ง ทเี่ ป็นหลักคำสอนสำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างสนั ตสิ ุข แล้วสรุปเปน็ ความคดิ รวบ ยอด ดงั ตวั อยา่ ง 6.1 หลักธรรมเกยี่ วกบั การอนุเคราะห์ ศาสนา หลักธรรม ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู แขง่ ขันดว้ ยความยินดีและเต็มใจ ศาสนาสกิ ข์ จงให้ทานแกค่ นจน แบ่งรายได้ 10 สว่ นอทุ ิศสว่ นกศุ ล 6.2 หลกั ธรรมเก่ยี วกับความรักความเมตตา ศาสนา หลักธรรม ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู สิง่ ทม่ี อบให้ผอู้ ่ืนจงใหด้ ว้ ยความรัก ศาสนาสิกข์ ใหค้ วามรกั และความเสมอภาคกับบคุ คลเทา่ เทียมกนั 7. นกั เรยี นเปรียบเทยี บความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างหลกั คำสอนของศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดูและ ศาสนาสิกข์ ลงในแผนภาพความคิด แล้วสรุปเปน็ ความคิดรวบยอด ดังตัวอย่าง ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาสกิ ข์ ความเหมอื น สอนใหป้ ฏิบตั ธิ รรมของ สอนให้ทกุ คน สอนใหท้ ุกคนรูจ้ ักปรบั ตัว พระพรหม หรอื พรหมธรรม เปน็ คนดี มีความรกั ใหเ้ ขา้ กบั สภาพแวดล้อม ประกอบดว้ ย เมตตา กรุณา และเมตตาตอ่ กนั ช้ีนําใหท้ ุกคนไดเ้ ข้าถึงพระเจ้า มทุ ติ า อุเบกขา ดว้ ยการทําแต่ความดี

8. นักเรียนเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างระหว่างหลักคำสอนของศาสนาคริสต์และศาสนา อสิ ลาม ลงในแผนภาพความคิด แลว้ สรุปเปน็ ความคิดรวบยอด ดงั ตวั อย่าง ศาสนาคริสต์ ศาสนาอสิ ลาม (สอนใหศ้ าสนกิ ชนมคี วามรกั ความเหมือน ปฏิบัตติ ามคำส่ังสอนของ พระเจา้ และให้มคี วามรักต่อ (สอนให้ทุกคน (สอนใหศ้ รัทธาตอ่ พระเจา้ คือ อลั ลอฮ์ เพ่ือนมนุษย์ เหมือนเป็นพีน่ ้องกัน) เป็นคนดี สอนใหด้ ำเนินชวี ติ ในทางท่ีดีอันเป็น มีความรักและ ท่ียอมรับของสงั คม ดำรงตนอยู่ใน เมตตาตอ่ กนั ) ศลี ธรรม พัฒนาตนเองใหม้ บี ุคลิกภาพ ทด่ี ี เปน็ ผู้ท่ีรู้จกั หน้าท่ี ปกป้องสิทธิ ของตนเองไม่ละเมดิ สิทธขิ องผู้อื่น) 9. นักเรียนคิดประเมนิ เพือ่ เพิ่มคณุ ค่า แลว้ สรุปเปน็ ความคิดรวบยอด โดยตอบคำถาม ดงั น้ี • การศกึ ษาหลกั คำสอนของศาสนาตา่ ง ๆ กอ่ ให้เกดิ คุณคา่ และประโยชน์ตอ่ นักเรียนอย่างไร (ตัวอยา่ งคำตอบ ไดท้ ราบหลกั ธรรมคำสอนของศาสนาตา่ ง ๆ อยา่ งถกู ต้อง เหน็ จดุ รว่ มกัน ของคำสอนแต่ละศาสนาที่จะช่วยสนับสนนุ ให้อยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสันตสิ ุข) ขน้ั ปฏิบตั ิและสรปุ ความรหู้ ลังการปฏิบัติ (Applying and Constructing the Knowledge) 10. นักเรียนยกตัวอย่างหลักคำสอนของศาสนาที่ตนเองสนใจหรือศาสนาที่ตนเองนับถือมา 1 หลักคำสอน เสนอแนวทางการปฏิบัติตนตามหลักคำสอนเพ่ือสร้างสันติสุขในสังคม พร้อมวิเคราะห์ผลท่ีเกิดขึ้นจากการปฏิบัติ ลงในชนิ้ งานที่ 18 เร่อื ง หลักคำสอนของศาสนาต่าง ๆ เพอื่ การอยู่รว่ มกนั อยา่ งสนั ติสขุ 11. นักเรียนตรวจสอบความถูกตอ้ งเรียบรอ้ ยของชิน้ งาน หากพบข้อผดิ พลาดควรปรับปรุงแกไ้ ขให้ดีขนึ้ 12. นกั เรียนสรุปสง่ิ ท่เี ขา้ ใจเปน็ ความรู้รว่ มกัน ดังน้ี ศาสนาทุกศาสนามีเป้าหมายท่ีสำคัญ คือ สอนให้ทุกคนทำแต่ความดี มีความรัก ความเมตตา เอ้ืออาทร ต่อกนั การปฏบิ ัติตามหลกั คำสอนของแตล่ ะศาสนา เคารพและใหเ้ กียรติกนั กจ็ ะทำให้ทุกคน อยู่รว่ มกันอย่างสนั ติสขุ ข้นั สื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) 10. นักเรียนออกมานำเสนอหลักธรรมของศาสนาต่าง ๆ พร้อมบอกแนวทางการปฏิบัติตามและผลที่เกิดข้ึน จากการปฏิบัติหน้าชั้นเรียน 11. นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายสรุปเกย่ี วกบั วธิ กี ารทำงานใหเ้ หน็ การคิดเชิงระบบและวธิ ีการทำงานที่มีแบบแผน ขั้นประเมินเพ่ือเพิ่มคณุ ค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Self-Regulating) 7. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 7.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี น รายวชิ าพืน้ ฐาน พระพทุ ธศาสนา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 2. ข้อความเกี่ยวกบั หลกั คำสอนของศาสนาต่าง ๆ 7.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น 2. แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ

ชิน้ งานเรื่อง หลกั คำสอนของศาสนาต่าง ๆ เพอื่ การอยรู่ ่วมกันอยา่ งสันตสิ ุข ชอื่ ____________________________________________________เลขท_ี่ ________ชนั้ ________ นักเรยี นนำเสนอหลักธรรมคำสอนในการตระหนักถึงความสำคญั ของการปฏบิ ัติตนในการอย่รู ่วมกนั กบั บุคคลผู้นบั ถือศาสนาอืน่ ในสังคมอย่างสันตสิ ุขลงในแผนภาพความคดิ • ศาสนาทน่ี กั เรยี นนบั ถือ • แนวทางการปฏิบัติตนตามหลักธรรมคำสอน (พพระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนาระพุทธศาสนา) • หลกั ธรรมคำสอนที่นำมาปฏบิ ัตติ นในการ เพ่ือสรา้ งสันติสุขในสังคม อยรู่ ่วมกนั ในสงั คม (เป็นหลักธรรมที่เปน็ ที่ต้ังใหร้ ะลึกถึงธรรมเป็นเหตุ (สาราพระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนาณียธรรม) ใหร้ ะลกึ ถึงกัน ทำใหเ้ กิดความสามัคคีในการสามัคคีใ อยู่ร่วมกัน คือ - ปฏบิ ัตติ อ่ กนั ทางกายด้วยเมตตา - ปฏิบตั ติ ่อกันทางวาจาดว้ ยเมตตา - ปฏิบตั ติ ่อกันทางใจด้วยเมตตา - แบง่ ปนั ผลประโยชนร์ ่วมกนั - มีความประพฤติสุจรติ ถูกระเบียบ - มีความคิดเห็นเสมอกนั เห็นชอบรว่ มกนั ) ผลที่เกิดขึ้นเม่ือปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอน • ต่อตนเอง (ทำให้เป็นทร่ี ักทเ่ี คารพทน่ี ับถือของคนท่ัวไป เป็นที่นึกถึงของผู้อ่นื เสมอ ได้รับการยกย่องในสังคม) • ต่อสังคม (ทำใหส้ ังคมมีความต้งั ม่ัน เพราะความสามัคคีตอ่ กนั สงั คมเกดิ ความเจริญกา้ วหน้า เพราะมีความรว่ มมือกนั ดว้ ยไมตรจี ติ ของทุกคนในสงั คม)

แบบบันทึกหลังการสอน หน่วยการเรยี นรทู้ ่.ี .........เรื่อง .......................................................................................................................... แผนการเรียนรทู้ ่ี...........เรือ่ ง……………………………………………………..………………..จำนวน..………………….ชัว่ โมง ผลการใชแ้ ผนการเรียนรูแ้ ละแนวทางพัฒนา 1. ระยะเวลาทใ่ี ช้ ใชเ้ ม่อื ……………………………………………………………………………………………………………..…….. ผลการใช้  พอเพียงตามแผน  ไมเ่ พียงพอและไมต่ รงตามแผนเพราะ…………………………… ควรแกไ้ ขปรับปรุงคือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… 2. ผลการเรยี นรู้ ควรแกไ้ ขปรบั ปรงุ คือ…………………………………………………………………………………… 3. สาระการเรยี นรู้  สอดคล้องกบั ผลการเรียนรู้  ไม่สอดคลอ้ งกบั ผลการเรยี นรู้ ควรแกไ้ ขปรับปรุงคือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… 4. กระบวนการเรียนรู้  เปน็ ไปตามกระบวนการ  ไม่เป็นไปตามกระบวนการ ควรแกไ้ ขปรับปรุงคือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… 5. สอื่ การเรียนรู้  เปน็ ไปตามกระบวนการ  ไมเ่ ปน็ ไปตามกระบวนการ 6. เครือ่ งมือวดั ผลประเมินผล  สอดคลอ้ งกับมาตรฐานตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั  ไม่สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั ควรแก้ไขปรับปรงุ คือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… บันทึกผลการเรียนรู้ตามแผนการเรียนรเู้ พอ่ื จัดทำวิจยั ในช้ันเรียนหรอื แก้ปัญหาดา้ นอ่นื ๆ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชื่อ)……………………………………………...….ผใู้ ช้แผนการเรียนรู้ (นางสาวกัลยากร เชวงสขุ ) ตำแหนง่ ครู คศ.1 ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อำนวยการกลมุ่ งานวิชาการ ขอ้ เสนอแนะของผู้อำนวยการสถานศึกษา ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ลงชือ่ ................................................. ลงชือ่ ................................................. (นางกนกลกั ษณ์ แปงมูล) (นายศฤงคาร ใจปนั ทา) ครู ชำนาญการพเิ ศษ ผู้อำนวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 21

แบบประเมิน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกับระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงค์ 43 2 1 1. รักชาติ 1.1 ยืนตรงเมอื่ ได้ยินเพลงชาติ รอ้ งเพลงชาติได้ และอธบิ ายความหมายของเพลง ศาสน์ กษัตริย์ ชาติ 1.2 ปฏบิ ตั ิตนตามสทิ ธิและหน้าท่ีของนกั เรยี น 1.3 ใหค้ วามรว่ มมอื รว่ มใจ ในการทำงานกบั สมาชิกในชนั้ เรียน 1.4 เข้ารว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน และชุมชน 1.5เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถือ ปฏิบัตติ นตามหลักของศาสนา 1.6 เขา้ ร่วมกิจกรรมทเี่ กยี่ วกับสถาบันพระมหากษตั รยิ ต์ ามทโ่ี รงเรียนและชมุ ชน จัดขนึ้ 2. ซื่อสตั ย์ 2.1 ให้ข้อมูลที่ถกู ต้อง และเป็นจรงิ สจุ รติ 2.2 ปฏบิ ัติในสิ่งทถี่ ูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวทีจ่ ะทำความผิด ทำตามสัญญาที่ ตนใหไ้ วก้ บั เพ่ือน พ่อแม่หรือผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏบิ ัตติ อ่ ผู้อน่ื ดว้ ยความซอ่ื ตรง 3. มีวินยั 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของครอบครวั และโรงเรยี น รบั ผิดชอบ มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มูลจากแหล่งการเรยี นรู้ต่างๆ 4.2 มกี ารจดบันทึกความรู้อย่างเปน็ ระบบ 4.3 สรปุ ความรู้ไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5. อยู่อยา่ ง 5.1 ใชท้ รพั ย์สินของตนเอง เช่น สิ่งของ เครอ่ื งใช้ ฯลฯ อย่างประหยดั คุ้มค่า และ พอเพียง เก็บรกั ษาดูแลอย่างดี และใชเ้ วลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใชท้ รัพยากรของส่วนรวมอยา่ งประหยดั คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอยา่ งดี 5.3 ปฏิบัติตนและตัดสนิ ใจด้วยความรอบคอบ มเี หตผุ ล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อ่นื และไม่ทำใหผ้ ้อู นื่ เดอื ดร้อน พร้อมใหอ้ ภยั เม่ือผู้อื่นกระทำ ผิดพลาด 5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใชช้ วี ิตประจำวนั บนพื้นฐานของความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร 5.6 รู้เท่าทนั การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรับ และปรับตวั อยู่ร่วมกับผูอ้ น่ื ได้อย่างมีความสขุ

คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงค์ 4321 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานที่ได้รบั มอบหมาย 6. มงุ่ มัน่ ในการ 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แท้ต่ออุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเร็จ ทำงาน 7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย 7. รกั ความเปน็ 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู ำงาน ไทย 8.2 อาสาทำงาน ช่วยคดิ ชว่ ยทำ และแบ่งปนั ส่ิงของให้ผอู้ ื่น 8.3 รู้จักดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบัติและสิง่ แวดล้อมของห้องเรียน โรงเรียน ชมุ ชน 8. มีจติ สาธารณะ 8.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชนข์ องโรงเรียน ลงชอ่ื ....................................................ผ้ปู ระเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน 191 - 108 ดมี าก 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ต่ำกวา่ 54 ปรับปรงุ

แผนการจัดการเรียนรู้ รหัสวชิ า ส33101 ภาคเรยี นที่ 1 เวลาเรยี น 3 ชั่วโมง สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 พระธรรม แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 2 พระพทุ ธศาสนากบั การแกป้ ญั หาสังคมไทย ครผู ้สู อน นางสาวกัลยากร เชวงสุข 1. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การแกป้ ัญหาสงั คมไทยอยา่ งถกู ต้องเหมาะสมนนั้ จะต้องวเิ คราะหส์ าเหตุท่ีแท้จรงิ ของปญั หา และหาแนวทาง แกป้ ญั หาอย่างถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา 2. ตวั ชว้ี ดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตัวช้ีวดั ส 1.1ม.4-6/22 เสนอแนวทางการจดั กจิ กรรมความร่วมมอื ของทุกศาสนาในการแกป้ ัญหาและ พัฒนาสงั คม 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) วิเคราะห์สาเหตุของปัญหาสังคมไทยได้ 2) เสนอแนวทางแก้ปญั หาสังคมไทยตามหลักการของพระพุทธศาสนาได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรู้ • สภาพปัญหาในชมุ ชนและสงั คม 3.2 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการรวบรวมข้อมูล 2) ทักษะการประยกุ ต์ใช้ความรู้ 3) ทักษะการคิดแก้ปัญหา 2. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 3. ความสามารถในการสื่อสาร 3.3 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน 4. ภาระงาน : ช้นิ งาน - แบบฝึกหดั ในใบงาน 5. แนวทางการวดั ผลประเมินผล เครื่องมอื เกณฑ์ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ) วธิ กี าร แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ สังเกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมนั่ ในการ ทำงาน

6. กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบแก้ปัญหา • นกั เรยี นสวดมนต์บูชาพระรตั นตรัย และทำสมาธกิ ่อนเรียน ขน้ั ท่ี 1 กำหนดปัญหา 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันเสนอปัญหาสำคัญ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งนักเรียนสามารถนำเสนอได้ อย่างหลากหลาย เช่น - ปัญหาความว่นุ วายทางการเมือง - ปัญหาเศรษฐกจิ ตกต่ำ - ปญั หาคนขาดคุณธรรมหรือไม่ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา 2. ครใู ห้นักเรียนชว่ ยกนั เลอื กปัญหาท่ีคดิ ว่าเป็นปญั หาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนนิ ชีวติ ของคนไทย มากที่สุด เช่น ปญั หาคนขาดคุณธรรม หรือคนไมป่ ฏบิ ตั ิตนตามหลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา เป็นต้น 3. นักเรยี นตอบคำถามกระตุน้ ความคดิ นักเรียนคิดว่าปัญหาสำคัญทีส่ ุดในสงั คมไทยคืออะไร อธิบายเหตผุ ล (พิจารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ จิ ของครูผูส้ อน) ข้ันที่ 2 ต้ังสมมติฐาน 1. ครใู ห้นักเรยี นลองตงั้ สมมตฐิ าน เพ่อื เป็นการคาดคะเนคำตอบซึ่งเปน็ สาเหตุของปญั หา เช่น ปัญหาสังคมไทย ในปัจจุบนั เกิดจากการขาดคุณธรรม หรอื ไมป่ ฏิบัติตนตามหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา 2. นกั เรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ นกั เรียนคดิ ว่า สาเหตขุ องปญั หาในสงั คมไทยทีส่ ำคัญท่ีสดุ คืออะไร อธิบายเหตุผลพจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยใู่ นดลุ ยพินจิ ของครูผู้สอน) ขน้ั ท่ี 3 วางแผนแกป้ ัญหา หรือตรวจสอบสมมติฐาน 1. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ตามความสมคั รใจ แลว้ ให้แตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันวางแผนหรือออกแบบวิธีการ หาคำตอบจากสมมติฐานที่ตง้ั ไว้ เช่น - การศกึ ษาจากหนังสือเรยี น หนงั สอื ค้นคว้าเพ่ิมเติม และแหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ - การสัมภาษณบ์ คุ คล - การทำแบบสอบถาม โดยครูเปน็ ผ้แู นะนำนกั เรียนในการเกบ็ ข้อมูลอย่างถูกต้อง 2. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ นักเรยี นสามารถเกบ็ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับปัญหาสงั คม และสาเหตุ ของปญั หาโดยใช้วิธใี ดบา้ ง (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยู่ในดลุ ยพนิ ิจของครผู ้สู อน) ขั้นท่ี 4 เก็บและรวบรวมข้อมูล (ขั้นท่ี 4-6 ทำกจิ กรรมนอกหอ้ งเรยี น) 1. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั เก็บรวบรวมข้อมลู ตามทว่ี างแผนไว้อยา่ งเปน็ ระบบ จากหนงั สือเรียน หนังสือ คน้ คว้าเพิ่มเตมิ และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ 2. นักเรียนนำข้อมูลท่ีรวบรวมมาไดแ้ ล้ว มาประเมนิ ความถูกตอ้ ง ของข้อมูล 3. นักเรยี นตอบคำถามกระต้นุ ความคิดนกั เรียนไดข้ อ้ มูล เพ่ือหาสาเหตขุ องปญั หาสังคมแล้ว ควรปฏิบตั ิ อยา่ งไรกบั ข้อมูลนัน้ (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อย่ใู นดุลยพนิ ิจของครผู ู้สอน)

ขน้ั ท่ี 5 วิเคราะหข์ ้อมูลและทดสอบสมมตฐิ าน สมาชิกแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั วเิ คราะหข์ อ้ มูลทไ่ี ดม้ าเพ่ือตรวจสอบสมมติฐานวา่ เปน็ ไปตามทก่ี ำหนดหรือไม่ เช่น - มีขอ้ มูลจากการกรอกแบบสอบถามท่ีแสดงว่าปัญหาสงั คมไทยในปัจจุบันเกิดจากการขาด คณุ ธรรมหรือไมป่ ฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา ขั้นที่ 6 สรปุ ผล 1. สมาชิกแตล่ ะกลุม่ นำขอ้ มลู ทไ่ี ดม้ าสรปุ ผล พรอ้ มเสนอแนะแนวทางการแกป้ ญั หา เช่น - รณรงคใ์ หส้ มาชิกในสงั คมไทยปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาอยา่ งเครง่ ครัด 2. นักเรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ นกั เรียนมีส่วนร่วมในการแก้ปญั หาสังคมไทยได้อย่างไรบา้ ง (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู ู้สอน) 7. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 7.1 ส่อื การเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี น รายวิชาพ้นื ฐาน พระพุทธศาสนา ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 2. หนังสือคน้ คว้าเพิ่มเติม (1) สชุ ีพ ปุญญานุภาพ. (2540). คุณลักษณะพิเศษแห่งพระพุทธศาสนา. กรุงเทพมหานคร : เกษมบรรณากิจ. (2) เสฐยี รพงษ์ วรรณปก. (2541). คดิ เป็นทำเป็นตามแนวพทุ ธธรรม. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั อมรินทรพ์ รนิ้ ตง้ิ แอนดพ์ บั ลิชชิ่ง จำกดั . (3) ญาณสงั วร, สมเดจ็ พระ (เจรญิ สวุ ฑฺฒโน). (2526). หลักพระพทุ ธศาสนา. กรุงเทพมหานคร : ประกายพรกึ . (4) วศิน อินทสระ. (2548). หลกั ธรรมอนั เป็นหวั ใจพระพุทธศาสนา. กรุงเทพมหานคร : เอ.ไอ.เอ (เครอื นำทอง). 7.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุดโรงเรียน 2. แหล่งข้อมลู สารสนเทศ - http://www.wasamrong.com/tamma3.htm

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล คำชแี้ จง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง ที่ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดบั ที่ ชื่อ-สกลุ ความต้ังใจใน ความ การตรงตอ่ ความสะอาด ผลสำเรจ็ ของ รวม ของผู้รบั การ การทำงาน รับผดิ ชอบ เวลา เรียบรอ้ ย งาน 20 ประเมิน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 คะแนน ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้งั ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครง้ั เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ปรบั ปรุง

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำชีแ้ จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง ท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน ลำดับ ชอื่ -สกลุ ความรว่ มมอื การแสดง การรับฟัง การต้งั ใจ การแก้ไข รวม ท่ี ของผูร้ บั การ กันทำ ความคิดเหน็ ความคดิ เหน็ ทำงาน ปัญหา/หรือ 20 ประเมนิ กจิ กรรม ปรับปรงุ คะแนน ผลงานกล่มุ 43214321432143214321 ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ปรับปรงุ

แบบประเมิน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกับระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงค์ 43 2 1 1. รักชาติ 1.1 ยืนตรงเมอื่ ได้ยินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธบิ ายความหมายของเพลง ศาสน์ กษัตริย์ ชาติ 1.2 ปฏบิ ัติตนตามสทิ ธิและหน้าที่ของนักเรยี น 1.3 ใหค้ วามรว่ มมอื รว่ มใจ ในการทำงานกบั สมาชิกในชน้ั เรียน 1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชนต์ ่อโรงเรียน และชุมชน 1.5เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถือ ปฏิบัตติ นตามหลักของศาสนา 1.6 เข้ารว่ มกจิ กรรมทเี่ กยี่ วกับสถาบันพระมหากษตั ริย์ตามท่โี รงเรยี นและชมุ ชน จัดข้ึน 2. ซื่อสตั ย์ 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจรงิ สจุ ริต 2.2 ปฏบิ ัติในสิง่ ทถี่ ูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวทจ่ี ะทำความผิด ทำตามสัญญาที่ ตนใหไ้ วก้ บั เพ่ือน พ่อแม่หรือผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏบิ ัตติ อ่ ผู้อน่ื ดว้ ยความซอ่ื ตรง 3. มีวินยั 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คับของครอบครวั และโรงเรยี น รบั ผิดชอบ มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ ในชีวติ ประจำวัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มูลจากแหล่งการเรยี นรูต้ า่ งๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทึกความรู้อย่างเปน็ ระบบ 4.3 สรปุ ความรู้ไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5. อยู่อยา่ ง 5.1 ใชท้ รพั ย์สินของตนเอง เช่น ส่ิงของ เครอื่ งใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด คุ้มค่า และ พอเพียง เกบ็ รกั ษาดูแลอย่างดี และใชเ้ วลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใชท้ รัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอยา่ งดี 5.3 ปฏิบัติตนและตัดสนิ ใจด้วยความรอบคอบ มเี หตผุ ล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อ่นื และไม่ทำใหผ้ ้อู นื่ เดอื ดร้อน พร้อมใหอ้ ภยั เม่ือผู้อื่นกระทำ ผิดพลาด 5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใช้ชวี ติ ประจำวันบนพื้นฐานของความรู้ ขอ้ มลู ข่าวสาร 5.6 รู้เท่าทนั การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และสภาพแวดล้อม ยอมรับ และปรับตวั อยู่รว่ มกับผูอ้ น่ื ได้อย่างมีความสขุ

คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อนั พึงประสงค์ 4321 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย 6. มงุ่ มัน่ ในการ 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แท้ต่ออุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเร็จ ทำงาน 7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย 7. รกั ความเปน็ 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู ำงาน ไทย 8.2 อาสาทำงาน ช่วยคดิ ชว่ ยทำ และแบ่งปนั สิง่ ของให้ผอู้ ่นื 8.3 รู้จักดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบัติและสิง่ แวดล้อมของห้องเรยี น โรงเรียน ชมุ ชน 8. มีจติ สาธารณะ 8.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ลงช่ือ ....................................................ผ้ปู ระเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน 191 - 108 ดมี าก 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ตำ่ กวา่ 54 ปรับปรงุ

แบบบนั ทึกหลังการสอน หน่วยการเรยี นรทู้ .ี่ .........เรื่อง .......................................................................................................................... แผนการเรียนรทู้ ่ี...........เรือ่ ง……………………………………………………..………………..จำนวน..………………….ชว่ั โมง ผลการใชแ้ ผนการเรียนรแู้ ละแนวทางพฒั นา 1. ระยะเวลาที่ใช้ ใชเ้ ม่อื ……………………………………………………………………………………………………………..…….. ผลการใช้  พอเพียงตามแผน  ไมเ่ พยี งพอและไม่ตรงตามแผนเพราะ…………………………… ควรแกไ้ ขปรบั ปรงุ คือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… 2. ผลการเรยี นรู้ ควรแกไ้ ขปรับปรุงคือ…………………………………………………………………………………… 3. สาระการเรียนรู้  สอดคล้องกบั ผลการเรียนรู้  ไมส่ อดคลอ้ งกบั ผลการเรียนรู้ ควรแกไ้ ขปรบั ปรุงคือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… 4. กระบวนการเรยี นรู้  เปน็ ไปตามกระบวนการ  ไมเ่ ปน็ ไปตามกระบวนการ ควรแกไ้ ขปรับปรงุ คือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… 5. สอื่ การเรียนรู้  เปน็ ไปตามกระบวนการ  ไม่เป็นไปตามกระบวนการ 6. เครือ่ งมือวดั ผลประเมินผล  สอดคล้องกบั มาตรฐานตัวช้ีวัด/ผลการเรียนร้ทู ่คี าดหวงั  ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวัง ควรแก้ไขปรับปรุงคือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… บันทึกผลการเรียนรู้ตามแผนการเรียนรเู้ พอ่ื จัดทำวิจยั ในช้ันเรียนหรอื แกป้ ัญหาดา้ นอ่ืนๆ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงช่อื )……………………………………………...….ผู้ใช้แผนการเรียนรู้ (นางสาวกัลยากร เชวงสขุ ) ตำแหนง่ ครู คศ.1 ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อำนวยการกลมุ่ งานวชิ าการ ขอ้ เสนอแนะของผู้อำนวยการสถานศึกษา ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ลงชือ่ ................................................. ลงช่ือ................................................. (นางกนกลักษณ์ แปงมูล) (นายศฤงคาร ใจปันทา) ครู ชำนาญการพเิ ศษ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 21

แผนการจัดการเรียนรู้ รหสั วชิ า ส33101 ภาคเรียนที่ 1 เวลาเรยี น 3 ช่ัวโมง สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เวลาเรยี น 1 ช่ัวโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พระธรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 พระพทุ ธศาสนากบั การพฒั นาแบบย่ังยืน ครผู ู้สอน นางสาวกัลยากร เชวงสุข 1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การพัฒนาสังคมตามแนวทางของพระพุทธศาสนา เน้นการพัฒนาตนเป็นหลักจะส่งผลต่อการพัฒนาสังคม อย่างย่งั ยนื 2. ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตัวชี้วดั ส 1.1ม.4-6/22 เสนอแนวทางการจดั กิจกรรมความร่วมมอื ของทกุ ศาสนาในการแก้ปญั หาและ พัฒนาสังคม 2.2 จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) วเิ คราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนากบั แนวทางการพัฒนาสังคมแบบยง่ั ยืนได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้ • สภาพปัญหาในชุมชนและสังคม 3.2 สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการรวบรวมขอ้ มูล 2) ทกั ษะการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ 2. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 3. ความสามารถในการสือ่ สาร 3.3 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน 4. ภาระงาน : ชิน้ งาน - แบบฝกึ หดั ในใบงาน

5. แนวทางการวัดผลประเมินผล วิธกี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 3.1 ใบงานท่ี 3.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบบันทกึ การอ่าน แบบบนั ทึกการอ่าน ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมนิ การนำเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตความมีวินยั ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มั่นในการทำงาน แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจบทความเชิงวเิ คราะห์ เร่ือง พระพุทธศาสนากบั แบบประเมนิ บทความเชิงวเิ คราะห์ เรื่อง ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ การแกป้ ญั หาและการพัฒนาแบบยง่ั ยืน พระพทุ ธศาสนากบั การแก้ปัญหาและการ พฒั นาแบบยง่ั ยืน 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบแกป้ ัญหา • นักเรียนสวดมนตบ์ ูชาพระรัตนตรัย และทำสมาธิก่อนเรียน ขั้นที่ 1 ทบทวนความรู้เดมิ 1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเก่ียวกับการปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและผลของ การปฏิบัติที่มผี ลดีตอ่ ตนเองและสงั คม 2. นักเรียนตอบคำถามกระต้นุ ความคดิ นักเรียนเคยปฏบิ ัติตนตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาอยา่ งไรบ้าง และผลของการปฏิบตั ิเป็นอยา่ งไร (พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) ขั้นที่ 2 แสวงหาความรู้ใหม่ 1. นักเรียนกลุ่มเดิม (จากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1) ร่วมกันศึกษาความรู้เกี่ยวกับหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนาสำหรับการพัฒนาแบบยั่งยืน จากหนังสือเรียน หนังสือค้นคว้าเพ่ิมเติม และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ แลว้ บันทกึ ความรทู้ ไ่ี ด้ลงในแบบบันทกึ การอ่าน 2. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนาทมี่ ีผลต่อการพฒั นาแบบยัง่ ยืน ได้แก่ หลักธรรมใดบ้าง (หลักอรยิ สจั อิทธิบาท ทิฏฐธมั มิกตั ถประโยชน์ อตั ถะ) ขน้ั ท่ี 3 ศึกษาทำความเขา้ ใจขอ้ มูล/ความรู้ใหม่ และเชือ่ มโยงความรู้ใหม่กบั ความรเู้ ดิม 1. สมาชกิ แต่ละคนในกลุ่มทำความเขา้ ใจหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาสำหรบั การพฒั นาแบบยัง่ ยืน ในประเดน็ ตอ่ ไปนี้ 1) ความหมายของการพัฒนาแบบยง่ั ยืน 2) การพฒั นาตนในทางพระพทุ ธศาสนา - พฒั นากาย - พัฒนาศลี - พฒั นาจิต - พัฒนาปญั ญา 3) หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการพัฒนาแบบยงั่ ยืน

2. สมาชิกในกลมุ่ จบั คกู่ นั เปน็ 3 คู่ ให้แตล่ ะคชู่ ่วยกันทำใบงานที่ 3.1 เร่อื ง พระพุทธศาสนากับการพฒั นา แบบย่งั ยนื 3. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนามผี ลต่อการพัฒนาท่ีย่ังยืนอยา่ งไรบ้าง (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) ขั้นที่ 4 แลกเปล่ียนความรู้ความเขา้ ใจกับกลุ่ม 1. สมาชกิ แต่ละคผู่ ลัดกนั เล่าผลงานในใบงานท่ี 3.1 ของตนให้เพอื่ นคู่อ่ืนฟงั 2. ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกันเฉลยคำตอบในใบงานที่ 3.1 3. นกั เรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคิดนกั เรยี นเคยพบกลุม่ บคุ คลใดที่ปฏิบตั ติ นตามหลักธรรมทาง พระพทุ ธศาสนา แล้วสง่ ผลต่อการพัฒนาแบบย่ังยนื จงยกตวั อยา่ ง (พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยให้อย่ใู น ดุลยพินิจของครูผสู้ อน) ขนั้ ที่ 5 สรปุ และจดั ระเบียบความรู้ สมาชกิ แต่ละกลมุ่ สรุปความรเู้ ก่ียวกับพระพุทธศาสนากับการพัฒนาแบบย่งั ยนื • ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันเขียนบทความเชิงวเิ คราะห์ เรอื่ ง พระพุทธศาสนากบั การแก้ปญั หา และการพฒั นาแบบย่ังยนื โดยให้ครอบคลุมประเดน็ ตามที่กำหนด ดังน้ี 1) การวเิ คราะห์ปญั หาสังคมไทยและสาเหตุของปัญหา 2) การเสนอแนวทางการจัดกิจกรรมความร่วมมือของพระพทุ ธศาสนาเพ่อื พัฒนาสังคม 3) การวิเคราะห์หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาทีม่ ผี ลต่อการแกป้ ญั หาและการพัฒนาแบบยั่งยนื ขน้ั ที่ 6 ปฏิบัติและ/หรือแสดงผลงาน 1. นักเรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมานำเสนอผลงานทห่ี น้าชั้นเรียน โดยครเู ป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้อง 2. นักเรยี นตอบคำถามกระตุน้ ความคิดนักเรียนจะมสี ว่ นร่วมในการพฒั นาสังคมแบบยงั่ ยืนอย่างไร และตอ้ งปฏบิ ัติตนตามหลักธรรมใด จงยกตัวอยา่ งประกอบ (พิจารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อย่ใู นดุลยพินิจของครูผู้สอน) ขนั้ ท่ี 7 ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ 1. ครมู อบหมายให้นกั เรียนนำความรทู้ ่ีได้รบั ไปประยุกตป์ ฏบิ ัติในการดำเนนิ ชีวติ 2. นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 7. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 7.1 สือ่ การเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี น รายวชิ าพืน้ ฐาน พระพุทธศาสนา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 2. หนงั สอื คน้ คว้าเพิ่มเติม 1) สุชีพ ปญุ ญานุภาพ. (2540). คุณลกั ษณะพิเศษแห่งพระพทุ ธศาสนา. กรุงเทพมหานคร : เกษมบรรณากจิ . 2) เสฐยี รพงษ์ วรรณปก. (2541). คิดเปน็ ทำเป็นตามแนวพุทธธรรม. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท อมรินทรพ์ รนิ้ ต้งิ แอนด์พับลชิ ช่งิ จำกัด. 3) ญาณสงั วร, สมเดจ็ พระ (เจรญิ สวุ ฑฒฺ โน). (2526). หลกั พระพุทธศาสนา. กรุงเทพมหานคร : ประกายพรึก.

4) วศนิ อนิ ทสระ. (2548). หลกั ธรรมอันเปน็ หวั ใจพระพทุ ธศาสนา. กรงุ เทพมหานคร : เอ.ไอ.เอ (เครือนำทอง). 3. ใบงานที่ 3.1 เรื่อง พระพุทธศาสนากบั การพฒั นาแบบยัง่ ยนื 7.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น 2. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ - http://mediacenter.mou.ac.th/data/caipyo/mg/web/summana/p.2.php

การประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินบทความเชงิ วิเคราะห์ เรอ่ื ง พระพุทธศาสนากับการแก้ปัญหาและการพัฒนาแบบย่งั ยืน ลำดับที่ รายการประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 1 การวเิ คราะห์ปัญหาสังคมไทยและสาเหตุของปญั หา 2 การเสนอแนวทางการจัดกิจกรรมความรว่ มมือของ พระพทุ ธศาสนาเพ่ือพฒั นาสังคม 3 การวิเคราะห์หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนาทม่ี ผี ล ตอ่ การแก้ปญั หาและการพฒั นาแบบย่ังยนื รวม เกณฑ์การให้คะแนน 4 ลงชอ่ื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ดมี าก = 3 ............../.................../................ ดี = 2 พอใช้ = 1 เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ปรับปรงุ = ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 11 - 12 ดีมาก 9 - 10 ดี 6-8 พอใช้ ตำ่ กว่า 6 ปรับปรุง

ใบงานที่ 3.1 เร่อื ง พระพทุ ธศาสนากับการพฒั นาแบบย่งั ยนื คำช้แี จง ใหน้ ักเรียนวิเคราะห์ข้อมลู แลว้ ตอบคำถาม เยาวชนเกษตรอินทรีย์พัฒนาชุมชน น.ส.เพ็ญรุ่ง กวรี ตั น์ธำรง ผอ.โรงเรียนบา้ นหนองเจ๊กสรอ้ ย ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จนั ทบุรี กล่าวว่า โรงเรียนร่วมกบั ภาคประชาชน อบต.เขาวงกต โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตำบลเขาวงกต จดั ทำโครงการ \"รว่ มสรา้ ง หมู่บา้ นพอเพียง เพ่ือรากฐานสุขภาพที่ยง่ั ยืน หมบู่ ้านลานทอง\" เพื่อนอ้ มนำแนวคิดหลักเศรษฐกจิ พอเพียงมาพฒั นา ชมุ ชนโดยได้รับการสนับสนนุ จาก สสส.เนื่องจากเป็นโรงเรียนขยายโอกาส จงึ มนี ักเรียนสว่ นหน่งึ ท่ีไม่ได้ศกึ ษาต่อ ตอ้ ง ออกไปช่วยเหลือครอบครัว ซ่ึงการให้เด็กๆ ได้มาเรียนรกู้ ารเกษตรอินทรยี ์ จะเปน็ พน้ื ฐานใหเ้ ขม้ แขง็ ในการประกอบ อาชีพพ่ึงตนเองได้ \"นอกจาก 8 กลมุ่ สาระการเรียนรแู้ ลว้ กิจกรรมเยาวชนเกษตรอินทรยี ์วิถีพอเพียงบนความย่ังยนื ทำใหเ้ ด็กๆ ได้ ลองปลูกผกั ปลอดสารพิษ ผลติ ของใช้ในครวั เรือนจากสมุนไพรใกลต้ วั เป็นตน้ ทัง้ ต่อยอดแนวคิดเกิดเปน็ กิจกรรม \"ธนาคารคนชา่ งเก็บ\" และ \"ตลาดนัดคนรกั ษ์โลก\" เพ่อื ใหเ้ ด็กเหน็ คุณค่าของการรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มดว้ ยการคัดแยกขยะ โดยส่ิงที่สามารถรีไซเคลิ ได้ก็นำมาขายสรา้ งรายไดด้ ว้ ย ท่มี า : ขา่ วสดรายวนั วันท่ี 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบบั ที่ 7676 1. การกระทำของบุคคลหรือกลุม่ บุคคลดังกลา่ วสอดคลอ้ งกบั หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาอยา่ งไรบ้าง จงยกตวั อย่าง ขา่ ว 2. ผลของการกระทำส่งผลต่อการพัฒนาแบบยงั่ ยืนอย่างไร จงยกตวั อย่าง ทม่ี า............................................................. (พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินจิ ของครผู สู้ อน)

กฟผ.รว่ มกบั กลมุ่ เกษตรกรทำนา อ.ฆ้องชัย จดั โครงการชุมชนเกษตรกรอนิ ทรยี ์.. วิถี เพอ่ื การพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื การไฟฟา้ ฝา่ ยผลติ แห่งประเทศไทย รว่ มกับ กลุ่มเกษตรกรทำนาดว้ ยระบบเกษตรอินทรีย์ อำเภอ ฆอ้ งชัย จงั หวัดกาฬสินธ์ุ จำนวน 48 กลุ่ม จดั โครงการ ชุมชนเกษตรอินทรยี ์ ชีววถิ ี เพ่อื การพฒั นาอยา่ งย่งั ยนื เพ่ือลดตน้ ทุน เพ่ิมผลผลติ การทำนา เม่อื เชา้ วนั นี้ 21 พฤศจิกายน 2554 เวลา 09.00 น. ทหี่ อประชมุ อำเภอฆ้องชัย จงั หวดั กาฬสินธ์ุ ดร. ครุ จุ ติ นาครทัพ รองปลดั กระทรวงพลงั งาน เปน็ ประธานเปิดการปฐมนเิ ทศเกษตรกร โครงการ ชุมชนเกษตร อนิ ทรยี ์ ชวี วิถี เพื่อการพฒั นาอย่างย่ังยนื ซึ่งการไฟฟ้าฝา่ ยผลิตแห่งประเทศไทย ร่วมกบั กลมุ่ เกษตรกรทำนา ดว้ ยระบบเกษตรอนิ ทรยี ์ อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธ์ุ จำนวน 48 กลุม่ รว่ มกนั จัดขึ้นเพื่อดำเนนิ การตาม หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงขององคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั โดยเน้นให้เกษตรกรพง่ึ พาตนเองเปน็ หลัก และใชท้ รพั ยากรการเกษตรที่มีอย่ใู ห้เกิดประโยชน์สูงสุดดว้ ยการจัดอบรมองค์ความรเู้ รอื่ งการทำนา เกษตรอนิ ทรยี ใ์ ห้เกษตรกรเพื่อลดตน้ ทุนการใช้ป๋ยุ เคมีและยาปราบศัตรูพชื ผสมผสานกับภมู ิปญั ญาชาวบ้าน ทม่ี อี ยดู่ ั้งเดิม มีหลักการสำคัญ คือ สรา้ งตน้ แบบทดลองการปฏิบัตใิ นเชงิ ประจกั ษ์ จากกลุม่ เครอื ข่าย อาสาสมคั รและผู้นำชุมชน เร่ิมต้นจากเกษตรกร 5 ตำบล ในพ้นื ท่ีอำเภอฆ้องชยั จำนวน 500 ราย ใชพ้ นื้ ที่ แปลงนาเปน็ แปลงสาธิตเกษตรอินทรีย์ คนละ 2 ไร่ รวม 1,000 ไร่ ให้เปน็ โครงการนำร่องเรียนรู้จากการ อบรมองค์ความรแู้ ละนำไปปฏิบัตจิ ริง ท่ีมา : http://thainews.prd.go.th 1. การกระทาของบุคคลหรอื กลุ่มบคุ คลดงั กล่าวสอดคลอ้ งกบั หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาอย่างไรบา้ ง จง ยกตวั อยา่ ง ขา่ ว 2. ผลของการกระทาสง่ ผลต่อการพฒั นาแบบยงั่ ยนื อยา่ งไร จงยกตวั อย่าง ทม่ี า............................................................. (พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพินิจของครูผสู้ อน)

แบบบันทกึ การอ่าน ช่ือหนงั สอื ช่ือผู้แตง่ สำนักพมิ พ์ จำนวนหนา้ สถานท่ีพมิ พ์ ปที ่พี ิมพ์ เวลา ราคา บาท อ่านวนั ที่ เดือน พ.ศ. 1. สาระสำคัญของเรื่อง 2. วเิ คราะห์ข้อคดิ /ประโยชนท์ ไี่ ด้จากเร่อื งท่อี ่าน 3. สิ่งท่สี ามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวนั 4. ข้อเสนอแนะของครู ลงช่ือ นักเรยี น ลงชื่อ ผู้ปกครอง () ( ) ลงช่ือ ครูผู้สอน ( ) เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน ผลงานมีความสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานมีข้อบกพรอ่ งเพยี งเล็กนอ้ ย ให้ 2 คะแนน ผลงานมขี ้อบกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานมขี อ้ บกพรอ่ งมาก

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 4321 1 ความถูกตอ้ งของเนื้อหา 2 ความคดิ สร้างสรรค์ 3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน 4 การนำไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 4 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมีขอ้ บกพร่องมาก เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรงุ

แบบประเมินบทความเชงิ วิเคราะห์ เรื่อง พระพทุ ธศาสนากับการแกป้ ญั หาและการพัฒนาแบบยัง่ ยืน รายการประเมิน ดมี าก (4) คำอธิบายระดบั คณุ ภาพ / ระดับคะแนน ปรับปรุง (1) ดี (3) พอใช้ (2) 1. การ วิเคราะห์ปญั หา วเิ คราะห์ปญั หา วเิ คราะห์ปัญหา วเิ คราะห์ปญั หา วเิ คราะหป์ ัญหา สังคมไทยและ สงั คมไทยและ สังคมไทยและ สังคมไทยและ สงั คมไทยและ สาเหตขุ องปัญหาได้ สาเหตุของปัญหาได้ สาเหตุของปัญหาได้ สาเหตุของปัญหาได้ สาเหตุของ อย่างมเี หตุผล อย่างมเี หตุผล อย่างมเี หตุผล แตไ่ ม่มเี หตผุ ล หรือ ปัญหา ถกู ต้อง สมบูรณ์ ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ถกู ต้องเป็นส่วนน้อย เหตุผล ไม่ถูกต้อง 2. การเสนอ เสนอแนวทางการ เสนอแนวทางการ เสนอแนวทางการ เสนอแนวทางการ แนวทาง การ จัดกจิ กรรมความ จัดกจิ กรรมความ จัดกิจกรรมความ จัดกิจกรรมความ จดั กจิ กรรม รว่ มมือของ รว่ มมอื ของ รว่ มมือของ ร่วมมือของ ความร่วมมือ พระพทุ ธศาสนาเพื่อ พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา พระพทุ ธศาสนา ของ พัฒนาสงั คม พรอ้ ม ศาสนาเพื่อพฒั นา ศาสนาเพื่อพัฒนา ศาสนาเพื่อพฒั นา พระพุทธศาสน ยกตวั อย่างประกอบ สงั คม พร้อม สงั คม พร้อม สังคม พร้อม าเพื่อพฒั นา ไดถ้ ูกตอ้ ง เหมาะสม ยกตัวอย่างประกอบ ยกตัวอย่างประกอบ ยกตวั อย่างประกอบ สงั คม 4 แนวทาง ได้ถูกตอ้ ง เหมาะสม ไดถ้ ูกต้อง เหมาะสม ได้ถูกต้อง เหมาะสม 3 แนวทาง 2 แนวทาง 1 แนวทาง 3. การวิเคราะห์ วิเคราะห์หลักธรรม วิเคราะหห์ ลักธรรม วิเคราะหห์ ลกั ธรรม วเิ คราะหห์ ลักธรรม หลกั ธรรมทาง ทางพระพุทธศาสนา ทางพระพุทธศาสนา ทางพระพุทธศาสนา ทางพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสน ท่มี ีผลต่อการ ที่มีผลต่อการ ที่มผี ลตอ่ การ ที่มผี ลตอ่ การ า ท่ีมีผลต่อ แก้ปัญหาและ แก้ปัญหาและ แก้ปัญหาและ แกป้ ญั หาและการ การแก้ปญั หา การพัฒนาแบบ การพัฒนาแบบ การพฒั นาแบบ พฒั นาแบบยั่งยืน และการพัฒนา ย่ังยนื ย่ังยนื ยั่งยืน พรอ้ ม พรอ้ มยกตัวอยา่ ง แบบยั่งยืน พร้อมยกตวั อย่าง พรอ้ มยกตัวอย่าง ยกตัวอยา่ งประกอบ ประกอบได้ถูกต้อง ประกอบได้ถกู ต้อง ประกอบได้ถกู ต้อง ไดถ้ ูกต้อง เหมาะสม เหมาะสม 1 เร่ือง เหมาะสม 4 เรื่อง เหมาะสม 3 เร่ือง 2 เร่อื ง เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 11 - 12 ดมี าก 9 - 10 ดี 6-8 พอใช้ ตำ่ กว่า 6 ปรบั ปรุง

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล ชอื่ ชัน้ คำชแี้ จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ ง ท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 4321 1 การแสดงความคดิ เหน็ 2 การยอมรับฟงั ความคิดเห็นของผู้อนื่ 3 การทำงานตามหน้าท่ีที่ได้รบั มอบหมาย 4 ความมนี ำ้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ............../.................../................ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตำ่ กว่า 10 ปรับปรุง

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ชอื่ กลมุ่ ช้ัน คำชแี้ จง : ให้ ผูส้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องว่าง ที่ตรงกับระดบั คะแนน ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 4321 1 การแบ่งหนา้ ที่กนั อยา่ งเหมาะสม 2 ความรว่ มมอื กันทำงาน 3 การแสดงความคิดเห็น 4 การรบั ฟังความคดิ เหน็ 5 ความมนี ำ้ ใจช่วยเหลอื กนั รวม ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตำ่ กว่า 10 ปรบั ปรงุ

แบบบันทึกหลังการสอน หน่วยการเรียนร้ทู ่.ี .........เรื่อง .......................................................................................................................... แผนการเรียนรู้ที่...........เรื่อง……………………………………………………..………………..จำนวน..………………….ชั่วโมง ผลการใชแ้ ผนการเรียนรแู้ ละแนวทางพัฒนา 1. ระยะเวลาที่ใช้ ใชเ้ มื่อ……………………………………………………………………………………………………………..…….. ผลการใช้  พอเพียงตามแผน  ไมเ่ พียงพอและไมต่ รงตามแผนเพราะ…………………………… ควรแกไ้ ขปรบั ปรุงคือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… 2. ผลการเรยี นรู้ ควรแกไ้ ขปรับปรงุ คือ…………………………………………………………………………………… 3. สาระการเรยี นรู้  สอดคล้องกบั ผลการเรียนรู้  ไม่สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ ควรแก้ไขปรบั ปรุงคือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… 4. กระบวนการเรียนรู้  เปน็ ไปตามกระบวนการ  ไม่เป็นไปตามกระบวนการ ควรแกไ้ ขปรับปรุงคือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… 5. สอื่ การเรียนรู้  เปน็ ไปตามกระบวนการ  ไมเ่ ป็นไปตามกระบวนการ 6. เครือ่ งมือวดั ผลประเมนิ ผล  สอดคลอ้ งกับมาตรฐานตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นร้ทู ค่ี าดหวงั  ไม่สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานตวั ชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ที่คาดหวงั ควรแกไ้ ขปรับปรุงคือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… บันทึกผลการเรยี นรูต้ ามแผนการเรียนรเู้ พอ่ื จัดทำวิจยั ในช้ันเรียนหรอื แก้ปัญหาดา้ นอ่นื ๆ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชื่อ)……………………………………………...….ผใู้ ช้แผนการเรียนรู้ (นางสาวกลั ยากร เชวงสขุ ) ตำแหนง่ ครู คศ.1 ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อำนวยการกลมุ่ งานวิชาการ ขอ้ เสนอแนะของผู้อำนวยการสถานศึกษา ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ลงช่อื ................................................. ลงชือ่ ................................................. (นางกนกลกั ษณ์ แปงมลู ) (นายศฤงคาร ใจปันทา) ครู ชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21

แบบประเมิน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงค์ 43 2 1 1. รักชาติ 1.1 ยืนตรงเมอื่ ได้ยินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบายความหมายของเพลง ศาสน์ กษัตริย์ ชาติ 1.2 ปฏบิ ตั ิตนตามสทิ ธิและหน้าทีข่ องนกั เรยี น 1.3 ใหค้ วามรว่ มมือ รว่ มใจ ในการทำงานกบั สมาชิกในช้นั เรียน 1.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมท่ีสร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน และชุมชน 1.5เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถือ ปฏิบัตติ นตามหลักของศาสนา 1.6 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทเี่ กยี่ วกับสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทโ่ี รงเรียนและชมุ ชน จดั ขนึ้ 2. ซื่อสตั ย์ 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง สจุ รติ 2.2 ปฏบิ ัติในสิง่ ทถี่ ูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวที่จะทำความผิด ทำตามสัญญาที่ ตนใหไ้ วก้ บั เพ่ือน พ่อแม่หรือผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏบิ ัตติ อ่ ผู้อ่ืนดว้ ยความซ่ือตรง 3. มีวินยั 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของครอบครวั และโรงเรยี น รบั ผิดชอบ มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิกจิ กรรมต่างๆ ในชวี ติ ประจำวัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มูลจากแหล่งการเรยี นรตู้ า่ งๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทึกความรู้อย่างเป็นระบบ 4.3 สรปุ ความรู้ไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5. อยู่อยา่ ง 5.1 ใชท้ รพั ย์สินของตนเอง เช่น ส่ิงของ เครอ่ื งใช้ ฯลฯ อย่างประหยดั คุ้มค่า และ พอเพียง เก็บรกั ษาดูแลอย่างดี และใชเ้ วลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใชท้ รัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั คุ้มค่า และเกบ็ รักษาดูแลอยา่ งดี 5.3 ปฏิบัติตนและตัดสนิ ใจด้วยความรอบคอบ มเี หตุผล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อ่นื และไม่ทำใหผ้ ้อู นื่ เดอื ดร้อน พร้อมใหอ้ ภยั เมื่อผู้อื่นกระทำ ผิดพลาด 5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใชช้ วี ิตประจำวนั บนพื้นฐานของความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร 5.6 รู้เท่าทนั การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรับ และปรับตวั อยู่ร่วมกับผูอ้ นื่ ได้อย่างมีความสขุ

คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อนั พึงประสงค์ 4321 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย 6. มงุ่ มัน่ ในการ 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แท้ต่ออุปสรรคเพ่ือใหง้ านสำเร็จ ทำงาน 7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย 7. รกั ความเปน็ 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน ไทย 8.2 อาสาทำงาน ช่วยคดิ ชว่ ยทำ และแบง่ ปันสิ่งของใหผ้ ู้อ่นื 8.3 รู้จักดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบัติและสงิ่ แวดลอ้ มของห้องเรียน โรงเรียน ชมุ ชน 8. มีจติ สาธารณะ 8.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ลงช่อื ....................................................ผ้ปู ระเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน 191 - 108 ดมี าก 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ต่ำกวา่ 54 ปรับปรงุ

แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 คำช้ีแจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. “เด็กวัยรุ่นจำนวนหนึ่งมีปัญหาขัดแย้งกัน แล้วยกพวก 7. นิธิต้องการสอบเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ตีกันอยู่เสมอ” นักเรียนคิดว่า ควรปลูกฝังหลักธรรมใด ของรัฐดังนั้นเขาจะต้องดำเนินชีวิตตาม ให้เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ หลักธรรมใด ก. มงคล 38 ข. อธิปไตย 3 ก. อริยสัจ 4 ข. อิทธิบาท 4 ค. สาราณยี ธรรม 6 ง. ทศพิธราชธรรม 10 ค. สังคหวัตถุ 4 ง. สัปปุริสธรรม 7 2. ข้อใดสอดคล้องกับข้อความ “การพัฒนาท่ีไม่ยั่งยืน” 8. ชาญชัยมีความหวังว่าในอนาคตเขาจะต้องเป็น ก. เศรษฐกิจดีแต่สังคมมีปัญหา ผู้ที่มีฐานะมั่นคง เป็นท่ียอมรับของสังคม ดังนั้น ข. การศึกษาดี สังคมเป็นระเบียบ เขาควรปฏิบัติตนตามหลักธรรมใด ค. การเมืองเปลยี่ นแปลงไปตามยคุ สมัย ก. อริยสัจ 4 ง. เศรษฐกิจ สังคม การเมืองและวัฒนธรรม พัฒนา ข. สังคหวัตถุ 4 ไปพร้อมกับการศึกษา ค. มรรคมีองค์ 8 3. การประกอบอาชีพในข้อใดเป็นการพัฒนาท่ีไม่ยั่งยืน ง. ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ก. การประกอบอาชีพประมงชายฝั่งทะเล 9. ชาวบ้านธารน้ำไหลมีโครงการพัฒนาหมู่บ้าน ข. การเลี้ยงกุ้งกุลาดำในเขตพ้ืนท่ีป่าชายเลน ให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ของประชาชน ดังนั้น ค. การประกอบอาชีพอุตสาหกรรมดา้ นการเกษตร พวกเขาจะต้องปฏิบัติการตามข้อใด ง. การปลูกพืชหลายชนิดในบริเวณที่ดินผืนเดียวกัน ก. อัตถะ 3 ข. อารักขสัมปทา 4. ชีวินเป็นผู้ท่ีมีระเบียบวินัย มีความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น ค. กัลยาณมติ ตตา ง. สัปปุริสธรรม 7 สามารถยู่ร่วมกับผู้อ่ืนอย่างมีความสุข ข้อความดังกล่าว 10. การพัฒนาตามแนวทางของพระพุทธศาสนา สอดคล้องกับการพัฒนาตนในข้อใด เน้นให้ความสำคัญในการพัฒนาข้อใดเป็นหลัก ก. พัฒนากาย ข. พัฒนาศีล ก. พัฒนาตน ค. พฒั นาจติ ง. พัฒนาปัญญา ข. พัฒนาสังคม 5. เมื่อกระแสน้ำกำลังไหลบ่ามาใกล้ท่วมหมู่บ้านของ ค. พฒั นาประเทศ ชานนท์ เขาจึงชวนชาวบ้านไปทำเขื่อนกั้นน้ำให้ไหลไป ง. พัฒนาการทำงานของรัฐ ตามแนวคลอง การกระทำของพวกเขาสอดคล้องกับ ข้อใด ก. พัฒนากาย ข. พัฒนาศีล ค. พัฒนาจติ ง. พัฒนาปัญญา 6. ชาวบ้านร่วมมือกันปลูกป่ารอบหมู่บ้านคืนความอุดม สมบูรณ์ให้แก่ธรรมชาติเป็นการพัฒนาชุมชนให้มีผล อย่างยั่งยืน ข้อความดังกล่าวสอดคล้องกับข้อธรรมใด ก. ทุกข์ ข. สมุทัย 1. ค 2. ก 3. ข 4. ข 5. ง ค. นโิ รธ ง. มรรค 6. ง 7. ข 8. ง 9. ก 10.ก

แผนการจัดการเรียนรู้ รหสั วิชา ส33101 ภาคเรยี นที่ 1 เวลาเรียน 4 ช่ัวโมง สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เวลาเรียน 2 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 พระสงฆ์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 ความสำคัญของพระพทุ ธศาสนา ครผู ู้สอน นางสาวกลั ยากร เชวงสุข 1. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การพัฒนาสังคมตามแนวทางของพระพุทธศาสนา เน้นการพัฒนาตนเป็นหลักจะส่งผลต่อการพัฒนาสังคม อยา่ งยั่งยนื 2. ตวั ชวี้ ัด/จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ส 1.1ม.4-6/10 วเิ คราะหพ์ ระพุทธศาสนาในการฝกึ ตนไม่ใหป้ ระมาท มุ่งประโยชนแ์ ละสนั ตภิ าพ บุคคล สังคม และโลก หรือแนวคดิ ของศาสนาท่ตี นนับถือตามที่กำหนด 2.2 จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) วิเคราะห์ความสำคัญของพระพุทธศาสนาที่มุ่งฝึกตนไม่ให้ประมาท และมุ่งประโยชน์สุขและสันติภาพ ของบคุ คล สงั คม และโลก 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรู้ • พระพทุ ธศาสนาฝกึ ตนไมใ่ หป้ ระมาท • พระพทุ ธศาสนามงุ่ ประโยชน์สขุ และสันตภิ าพแก่บุคคล สงั คม และโลก 3.2 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการวเิ คราะห์ 2) ทักษะการเรียงลำดับ 3) ทักษะการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ 4) ทกั ษะการสรุปลงความเหน็ 2. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 3.3 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 4. ภาระงาน : ชิน้ งาน - แบบฝกึ หดั ในใบงาน

5. แนวทางการวัดผลประเมินผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วธิ กี าร ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ แบบบันทึกการอา่ น ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบบันทกึ การอา่ น แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมนิ การนำเสนอผลงาน แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน แบบประเมนิ บทความเชงิ วเิ คราะห์ เร่อื ง ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 ความสำคญั ของพระพทุ ธศาสนา ตรวจบทความเชิงวเิ คราะห์ เรอ่ื ง ความสำคญั ของ พระพทุ ธศาสนา 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ (4 MAT) • นกั เรียนสวดมนตบ์ ูชาพระรัตนตรยั และทำสมาธิก่อนเรยี น ขัน้ ที่ 1 สร้างคุณค่าและประสบการณ์ของส่ิงทเ่ี รยี น (พัฒนาสมองซีกขวา) 1. นักเรียนผลัดกันเล่าความประทบั ใจในการกระทำของบุคคลต่างๆ ท่ีปฏิบตั ิตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาท่แี สดงถึงความ ไมป่ ระมาท หรอื การอยู่รว่ มกนั อยา่ งมีความสุข 2. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ นักเรียนเคยมีการกระทำทแ่ี สดงว่า ประมาทอยา่ งไร จงยกตัวอย่าง (พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยให้ในดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน) ขน้ั ที่ 2 วเิ คราะหป์ ระสบการณ์ (พฒั นาสมองซีกซ้าย) 1. ครูให้นักเรียนแสดงเหตุผลว่า เพราะเหตุใดนักเรียนจึงประทับใจการกระทำของบุคคลที่นักเรียน ยกตวั อยา่ งในขนั้ ท่ี 1 2. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิดความประมาทส่งผลตอ่ การทำงานอยา่ งไร (การทำงานไมป่ ระสบ ความสำเร็จ หรือผลงาน ไม่ดี ไม่ถูกต้อง) ขั้นที่ 3 ปรับประสบการณ์เปน็ ความคิดรวบยอด (พัฒนาสมองซีกขวา) 1. ครนู ำขอ้ ความเกีย่ วกับคำสอนของพระพุทธศาสนาในเร่ืองความไม่ประมาทและการสร้างประโยชนส์ ุขและ สนั ติภาพแกช่ าวโลก มาให้นักเรียนอา่ น 2 .นั ก เรี ย น ช่ ว ย กั น ส รุ ป ข้ อ คิ ด จ า ก ข้ อ ค ว า ม ท่ี อ่ า น เป็ น ค ว า ม คิ ด ร ว บ ย อ ด ที่ แ ส ด ง ถึ ง ค ว า ม ส ำ คั ญ ข อ ง พระพทุ ธศาสนา 3. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ พระพุทธศาสนามคี วามสำคัญอย่างไร (เป็นหลกั ในการปฏบิ ัติตน ให้ดำเนินชวี ติ ไปในทิศทางทถี่ ูกตอ้ ง สง่ ผลต่อความสุขสงบในชีวติ หรือนักเรียนอาจตอบเปน็ อยา่ งอน่ื โดยให้อย่ใู น ดุลยพินิจของครูผูส้ อน) ขน้ั ที่ 4 พฒั นาความคิดรวบยอด (พัฒนาสมองซกี ซ้าย) 1. ครูให้นักเรียนกลุ่มเดิม (จากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1) ร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง ความสำคัญของ พระพุทธศาสนา ในหวั ข้อตอ่ ไปน้ี

- พระพุทธศาสนาฝึกคนไม่ใหป้ ระมาท - พระพทุ ธศาสนาม่งุ ประโยชน์สขุ และสนั ติภาพแก่บคุ คล สังคม และโลก โดยใหน้ กั เรยี นศกึ ษาความรู้จากหนังสอื เรยี น หนังสือคน้ คว้าเพิ่มเติม หอ้ งสมุด และแหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ แล้วบันทกึ ความรู้ ท่ีไดจ้ ากการศกึ ษาลงในแบบบันทกึ การอ่าน 2. สมาชิกแต่ละกล่มุ ร่วมกนั อภิปรายประเด็นสำคญั ของเรอ่ื งทไ่ี ดศ้ ึกษาคน้ ควา้ 3. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ นักเรยี นมีวิธีการปฏบิ ัติตนตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา อยา่ งไร ที่จะสง่ ผลตอ่ ความสงบสขุ ของสังคมและโลก (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยใู่ นดลุ ยพินิจของ ครผู ู้สอน) ขนั้ ท่ี 5 ลงมอื ปฏบิ ตั จิ ากกรอบความคิดท่ีกำหนด (พฒั นาสมองซกี ซ้าย) 1. สมาชิกในแตล่ ะกลุ่มช่วยกันทำใบงานท่ี 1.1 เร่ือง ความสำคัญของพระพทุ ธศาสนา 2. ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันเฉลยคำตอบในใบงานท่ี 1.1 3. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิดนักเรียนมีวธิ ีการปฏบิ ัตติ นตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา อย่างไรที่จะสง่ ผลต่อความสงบสุขของสงั คม และโลก (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของ ครผู ้สู อน) ข้นั ท่ี 6 สร้างชิน้ งานท่สี ะทอ้ นความเปน็ ตนเอง (พัฒนาสมองซีกขวา) • ครูมอบหมายให้นักเรยี นนำความรทู้ ่ีไดศ้ ึกษาเร่ือง ประวตั ิและความสำคญั ของพระพทุ ธศาสนา มาเขยี นเปน็ บทความเชิงวเิ คราะห์ เรอ่ื ง ประวัติและความสำคญั ของพระพุทธศาสนา โดยให้ครอบคลมุ ประเด็นตามที่กำหนด ดังน้ี 1) การวิเคราะห์พระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสตร์แหง่ การศกึ ษา 2) การวิเคราะห์พระพุทธศาสนาเน้นความสัมพันธ์ของเหตปุ จั จยั และวธิ ีการแกป้ ัญหา 3) การวเิ คราะห์พระพุทธศาสนาฝึกตนไม่ให้ประมาท 4) การวิเคราะห์พระพุทธศาสนามงุ่ ประโยชนส์ ุขและสนั ตภิ าพแก่บุคคล สงั คมและโลก ขั้นท่ี 7 วเิ คราะหค์ ุณค่าและการประยกุ ต์ใช้ (พฒั นาสมองซกี ซา้ ย) สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมในผลงานบทความเชิงวิเคราะห์ เรื่อง ประวัติและ ความสำคญั ของพระพทุ ธศาสนาและพฒั นาผลงานใหม้ ีคุณภาพตามเกณฑ์ ขั้นท่ี 8 แลกเปลีย่ นประสบการณ์เรยี นรกู้ บั ผู้อนื่ (พฒั นาสมองซีกขวา) 1. ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานท่ีหน้าชั้นเรียน แล้วผลัดกันแสดงความคิดเห็นและให้ ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม โดยครเู ป็นผู้ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 2. ครคู ัดเลอื กผลงานท่มี ีคุณภาพตามเกณฑ์นำมาจัดปา้ ยนิเทศแสดงผลงานของนักเรยี นท่หี น้าชั้นเรยี น 3. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เร่อื ง ความสำคญั ของพระพทุ ธศาสนา

7. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 7.1 สือ่ การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 2. หนงั สอื คน้ คว้าเพ่ิมเตมิ - สชุ ีพ ปุญญานภุ าพ. (2551). คณุ ลกั ษณะพิเศษแหง่ พระพุทธศาสนา. กรงุ เทพมหานคร : มลู นิธมิ หามกฏุ ราชวิทยาลัย. 3. ตัวอย่างข้อความเกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธศาสนาในเร่ือง ความไม่ประมาท และการสร้างประโยชน์ สุขและสนั ติภาพแก่ชาวโลก 4. ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง ความสำคัญของพระพทุ ธศาสนา 7.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุดโรงเรยี น 2. แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ - http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content

การประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมนิ บทความเชิงวิเคราะห์ เรื่อง ความสำคญั ของพระพุทธศาสนา ลำดบั ท่ี รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 1 การวิเคราะห์พระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสตร์ แหง่ การศึกษา 2 การวเิ คราะห์พระพุทธศาสนาเนน้ ความสมั พันธ์ ของเหตุปัจจยั และวธิ ีการแก้ปัญหา 3 การวเิ คราะห์พระพุทธศาสนาฝึกตนไม่ให้ประมาท 4 การวเิ คราะห์พระพทุ ธศาสนามุง่ ประโยชนส์ ขุ และสันติภาพแก่บุคคล สงั คม และโลก รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน 4 เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ดมี าก = 3 ดี = 2 พอใช้ = 1 ปรบั ปรุง = ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14 - 16 ดมี าก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรงุ

ตวั อยา่ งขอ้ ความ เกี่ยวกบั คำสอนของพระพุทธศาสนาในเรือ่ ง ความไม่ประมาท และการสร้างประโยชน์สุขและสันติภาพแก่ชาวโลก ปราชญย์ ่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์อันประเสริฐ (ทมี่ า : http://www1.mod.go.th/heritage/religion/proverb/index1.html) ผู้ไม่ประมาทพินจิ อยู่ ย่อมถึงสุขอนั ไพบลู ย์ (ท่ีมา : http://www1.mod.go.th/heritage/religion/proverb/index1.html) ความไมป่ ระมาท เป็นทางอมตะ ความประมาท เป็นหนทางแหง่ ความตาย ผูไ้ ม่ประมาท ไม่มีวันตาย ผู้ประมาท ถงึ มีชีวิตอยู่ก็เหมือนคนตายแล้ว (ทม่ี า : http://www1.mod.go.th/heritage/religion/proverb/index1.html) “ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้ปรากฏตลอดมาว่าชาติใดเส่ือมสูญย่อยยับอับปางไป ก็เพราะประชาชาติ ขาดสามัคคีธรรม แตกแยกเป็นหมู่คณะ เป็นพรรคเป็นพวก คอยเอารัดเอาเปรียบ ประหัตประหารซ่ึงกันและกัน บาง พรรคบางพวก ถึงกับเป็นไส้ศึกให้ศัตรูมาจู่โจมทำลายชาติของตนดังน้ี ข้าพเจ้าจึงขอชักชวนพ่ีน้องชาวไทยท้ังหลาย ให้ ระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษ ซ่ึงได้กอบกู้รักษาบ้านเกิดเมืองนอนของเรามาน้ันให้จงหนัก แล้วถือเอาความสามัคคี ความยินยอมเสยี สละส่วนตวั เพอ่ื ประโยชน์ ยิ่งใหญ่ของประเทศชาติเป็นคุณธรรมประจำใจอยู่เนืองนิจ จึงขอให้พ่ี น้องชาวไทยทั้งหลาย จงบำเพ็ญกรณียกิจของตนแต่ละคน ด้วยซ่ือสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร อดทนและกล้าหาญ แล้วอุทิศความเสียสละส่วนตัว ความเหน็ดเหนื่อยลำบากยากแค้นเป็นพลีบูชาบรรพบุรุษ ผู้ซึ่งได้ก่อสร้างชาติเป็นมรดก ตกทอดมาถึงพวกเราชาวไทยจนบดั น้ี” (พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั พระราชทานแกป่ ระชาชนชาวไทย เนอื่ งในโอกาสวนั ขน้ึ ปีใหม่ พทุ ธศักราช 2494) \"ความสำเรจ็ ประสงค์ในอุดมการณ์รวมเรียกวา่ ประโยชน์ ประโยชนท์ งั้ ปวงน้ี ทุกคนต่างควรมเี สรภี าพท่จี ะ แสวงและทจ่ี ะไดร้ บั แต่การแสวงหาและรบั เอาประโยชนน์ ั้น จำต้องมหี ลักการสำหรับปฏบิ ตั ิ เพื่อป้องกันกำจัดเหตทุ ่จี ะ นำไปสู่ความยงุ่ ยากและความเสยี หายทั้งมวลบุคคลจำต้องเรียนรแู้ ละสำนกึ ไดเ้ สมอว่า เสรภี าพของแตล่ ะคนจำกดั อยดู่ ้วย เสรภี าพของผอู้ น่ื การแสวงหาประโยชนใ์ ดๆ ถา้ ละเมิดและกา้ วกา่ ยกัน จะกลายเปน็ การเบยี ดเบยี นซงึ่ มีอันตรายมาก\" (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรและอนุปริญญาบตั รของจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั : 13 กรกฎาคม 2517)

ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง ความสำคญั ของพระพทุ ธศาสนา คำช้แี จง ให้นักเรยี นเขยี นผงั มโนทศั น์ แสดงความสำคัญของพระพุทธศาสนา ฝกึ ตนไม่ใหป้ ระมาท หลักการ สรา้ งสนั ติภาพ ความสำคญั ของพระพุทธศาสนา ม่งุ ประโยชน์สขุ และสนั ตภิ าพ แกบ่ ุคคล สงั คม และโลก หลกั การ สรา้ งความสขุ

ใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง ความสำคญั ของพระพทุ ธศาสนา เฉลย คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเขยี นผังมโนทศั น์ แสดงความสำคัญของพระพุทธศาสนา (ตัวอยา่ ง) ่ คว ค ่ ชแ แ ่ คค ค แ ฤ ฝึ 5 (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยใู่ นดลุ ยพินจิ ของครูผสู้ อน)

แบบบันทกึ การอ่าน ช่ือหนงั สอื ช่ือผู้แตง่ สำนักพมิ พ์ จำนวนหน้า สถานท่ีพมิ พ์ ปที ่พี ิมพ์ เวลา ราคา บาท อ่านวนั ที่ เดือน พ.ศ. 1. สาระสำคัญของเรื่อง 2. วเิ คราะห์ข้อคดิ /ประโยชนท์ ไี่ ด้จากเร่อื งท่อี ่าน 3. สิ่งท่สี ามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวนั 4. ข้อเสนอแนะของครู ลงช่ือ นักเรยี น ลงชื่อ ผู้ปกครอง () ( ) ลงช่ือ ครูผู้สอน ( ) เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน ผลงานมีความสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานมีข้อบกพรอ่ งเพยี งเล็กนอ้ ย ให้ 2 คะแนน ผลงานมขี ้อบกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานมขี อ้ บกพรอ่ งมาก

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ชอื่ กลมุ่ ช้ัน คำชแี้ จง : ให้ ผูส้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ ลงในช่องว่าง ที่ตรงกับระดบั คะแนน ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 4321 1 การแบ่งหนา้ ที่กนั อยา่ งเหมาะสม 2 ความร่วมมอื กันทำงาน 3 การแสดงความคิดเห็น 4 การรบั ฟังความคดิ เหน็ 5 ความมนี ำ้ ใจช่วยเหลอื กนั รวม ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตำ่ กว่า 10 ปรบั ปรงุ

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำช้แี จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 4321 1 นำเสนอเนอ้ื หาในผลงานได้ถูกตอ้ ง 2 การลำดบั ข้ันตอนของเน้ือเรือ่ ง 3 การนำเสนอมีความน่าสนใจ 4 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุม่ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมขี ้อบกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมมีข้อบกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตำ่ กวา่ 10 ปรับปรงุ

แบบบันทึกหลังการสอน หน่วยการเรยี นรทู้ ่.ี .........เร่ือง .......................................................................................................................... แผนการเรียนร้ทู ี่...........เรือ่ ง……………………………………………………..………………..จำนวน..………………….ชัว่ โมง ผลการใชแ้ ผนการเรียนรแู้ ละแนวทางพฒั นา 1. ระยะเวลาทใี่ ช้ ใช้เมื่อ……………………………………………………………………………………………………………..…….. ผลการใช้  พอเพียงตามแผน  ไมเ่ พียงพอและไมต่ รงตามแผนเพราะ…………………………… ควรแกไ้ ขปรบั ปรงุ คือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… 2. ผลการเรียนรู้ ควรแกไ้ ขปรับปรุงคือ…………………………………………………………………………………… 3. สาระการเรยี นรู้  สอดคล้องกบั ผลการเรียนรู้  ไม่สอดคลอ้ งกบั ผลการเรียนรู้ ควรแก้ไขปรบั ปรงุ คือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… 4. กระบวนการเรียนรู้  เปน็ ไปตามกระบวนการ  ไม่เปน็ ไปตามกระบวนการ ควรแก้ไขปรับปรงุ คือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… 5. สอื่ การเรียนรู้  เปน็ ไปตามกระบวนการ  ไมเ่ ปน็ ไปตามกระบวนการ 6. เครือ่ งมือวัดผลประเมินผล  สอดคลอ้ งกับมาตรฐานตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรูท้ คี่ าดหวัง  ไมส่ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานตัวชี้วดั /ผลการเรียนรทู้ ีค่ าดหวัง ควรแก้ไขปรบั ปรุงคือ…………………………………………………………..…………………………………………………………… บันทึกผลการเรยี นรูต้ ามแผนการเรียนรู้เพอ่ื จัดทำวิจยั ในช้ันเรียนหรือแก้ปัญหาดา้ นอ่ืนๆ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชื่อ)……………………………………………...….ผูใ้ ชแ้ ผนการเรียนรู้ (นางสาวกลั ยากร เชวงสขุ ) ตำแหนง่ ครู คศ.1 ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อำนวยการกลมุ่ งานวชิ าการ ขอ้ เสนอแนะของผู้อำนวยการสถานศึกษา ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ลงชื่อ................................................. ลงชือ่ ................................................. (นางกนกลักษณ์ แปงมูล) (นายศฤงคาร ใจปนั ทา) ครู ชำนาญการพเิ ศษ ผู้อำนวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 21

แบบประเมิน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกับระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงค์ 43 2 1 1. รักชาติ 1.1 ยืนตรงเมอื่ ได้ยินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบายความหมายของเพลง ศาสน์ กษัตริย์ ชาติ 1.2 ปฏบิ ตั ิตนตามสทิ ธิและหน้าทีข่ องนกั เรยี น 1.3 ใหค้ วามรว่ มมือ รว่ มใจ ในการทำงานกบั สมาชิกในชัน้ เรียน 1.4 เข้ารว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน และชุมชน 1.5เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนับถือ ปฏิบตั ติ นตามหลักของศาสนา 1.6 เขา้ ร่วมกิจกรรมทเี่ กยี่ วกับสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทโ่ี รงเรยี นและชมุ ชน จดั ข้ึน 2. ซื่อสตั ย์ 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง สจุ รติ 2.2 ปฏบิ ัติในสิง่ ทถี่ ูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวที่จะทำความผิด ทำตามสัญญาที่ ตนใหไ้ วก้ บั เพ่ือน พ่อแม่หรือผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏบิ ัตติ อ่ ผู้อ่ืนดว้ ยความซ่อื ตรง 3. มีวินยั 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของครอบครวั และโรงเรยี น รบั ผิดชอบ มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิกจิ กรรมต่างๆ ในชวี ติ ประจำวัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มูลจากแหล่งการเรยี นรตู้ า่ งๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทึกความรู้อย่างเป็นระบบ 4.3 สรปุ ความรู้ไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5. อยู่อยา่ ง 5.1 ใชท้ รพั ย์สินของตนเอง เช่น ส่ิงของ เครอ่ื งใช้ ฯลฯ อย่างประหยดั คุ้มค่า และ พอเพียง เกบ็ รกั ษาดูแลอย่างดี และใชเ้ วลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใชท้ รัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอยา่ งดี 5.3 ปฏิบัติตนและตัดสนิ ใจด้วยความรอบคอบ มเี หตุผล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อ่นื และไม่ทำใหผ้ ้อู นื่ เดอื ดร้อน พร้อมใหอ้ ภยั เม่ือผู้อื่นกระทำ ผิดพลาด 5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใชช้ วี ิตประจำวนั บนพื้นฐานของความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร 5.6 รู้เท่าทนั การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และสภาพแวดล้อม ยอมรับ และปรับตวั อยู่ร่วมกับผูอ้ น่ื ได้อย่างมีความสขุ

คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พึงประสงค์ 4321 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย 6. มงุ่ มัน่ ในการ 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แท้ต่ออุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเร็จ ทำงาน 7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย 7. รกั ความเปน็ 8.1 รูจ้ กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน ไทย 8.2 อาสาทำงาน ช่วยคดิ ชว่ ยทำ และแบ่งปันสิง่ ของใหผ้ ู้อ่นื 8.3 รูจ้ ักดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบัติและสงิ่ แวดลอ้ มของห้องเรียน โรงเรียน ชมุ ชน 8. มีจติ สาธารณะ 8.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ลงช่อื ....................................................ผ้ปู ระเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน 191 - 108 ดมี าก 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ต่ำกวา่ 54 ปรับปรงุ

แผนการจัดการเรยี นรู้ รหัสวิชา ส33101 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลาเรียน 4 ช่ัวโมง สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 พระสงฆ์ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 พระพทุ ธศาสนาฝกึ ตนไม่ให้ประมาท ครูผู้สอน นางสาวกัลยากร เชวงสุข 1. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด ความไม่ประมาทเปน็ การใชช้ วี ติ ความเปน็ อยอู่ ย่างไมข่ าดสติ โดยมสี ติเป็นเครื่องกำกบั ความประพฤติ และการกระทำทุกอย่าง ระมัดระวังตัวไม่ให้ถลำลงไปสู่ทางแห่งความเส่ือม และไม่พลาดโอกาสสำหรับการสร้าง ความดีงามและความเจรญิ กา้ วหน้า 2. ตวั ช้วี ัด/จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้วี ดั ส 1.1ม.4-6/10 วิเคราะห์พระพุทธศาสนาในการฝึกตนไม่ให้ประมาท มุง่ ประโยชนแ์ ละสันติภาพ บุคคล สังคมและโลก หรือแนวคิดของศาสนาทต่ี นนบั ถอื ตามท่กี ำหนด 2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาในการฝึกตนไม่ให้ประมาท (K) 2. วิเคราะห์จำแนกหลกั คำสอนของพระพทุ ธศาสนาในการฝึกตนไม่ใหป้ ระมาท (P) 3. เห็นคณุ คา่ และความสำคญั ในการนำหลักวธิ ีปฏบิ ัติตนในการฝึกตนเองไม่ให้เปน็ ผปู้ ระมาท ตามหลกั คำสอนของพระพุทธศาสนา (A) 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรู้ • การฝึกตนไม่ให้ประมาทตามหลกั พระพทุ ธศาสนา 3.2 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 4. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 3.3 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 4. ภาระงาน : ชิน้ งาน - ชิ้นงาน แผนภาพความคดิ ข่าวหรือเหตุการณ์ทีเ่ กดิ ข้นึ เน่อื งจากความประมาท 5. แนวทางการวดั ผลประเมนิ ผล • การประเมินการเรียนรู้ 1. ประเมนิ ความรู้ เร่ือง พระพทุ ธศาสนาฝกึ ตนไม่ใหป้ ระมาท (K) ด้วยแบบทดสอบ 2. ประเมินกระบวนการทำงานกลุ่ม (P) ด้วยแบบประเมนิ 3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดา้ นรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใฝ่เรียนรู้ (A) ด้วยแบบประเมนิ

• แบบประเมนิ ตามสภาพจรงิ (Rubrics) - แบบประเมนิ กระบวนการทำงานกลมุ่ รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 4321 กระบวนการ มกี ารกำหนดบทบาท มกี ารกำหนดบทบาท มกี ารกำหนดบทบาท ไม่มีการกำหนด ทำงานกลุ่ม สมาชิกชดั เจน สมาชิกชดั เจน เฉพาะหวั หนา้ บทบาทสมาชิก และมกี ารช้ีแจง มีการช้ีแจงเปา้ หมาย ไมม่ ีการช้แี จง และไม่มกี ารชแ้ี จง เป้าหมาย อย่างชัดเจนและ เป้าหมาย เป้าหมาย สมาชิก การทำงาน ปฏบิ ตั ิงานรว่ มกนั อย่างชดั เจน ต่างคนต่างทำงาน มีการปฏบิ ตั ิงาน แตไ่ ม่มกี ารประเมนิ ปฏบิ ตั ิงานรว่ มกัน รว่ มกัน เป็นระยะ ๆ ไม่ครบทุกคน อย่างรว่ มมือรว่ มใจ พรอ้ มกบั การประเมิน เปน็ ระยะ ๆ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นสงั เกต รวบรวมข้อมลู (Gathering) 1. นักเรียนร่วมกันอ่านพุทธดำรัสเก่ียวกับความไม่ประมาทของพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสสอนพุทธบริษัท 4 แล้ว ร่วมกนั สนทนา โดยตอบคำถาม ดงั น้ี “ภกิ ษทุ ้ังหลาย เมอื่ ดวงอาทิตย์อทุ ยั อยู่ ย่อมมีแสงอรุณข้ึนมาก่อน เปน็ บุพนมิ ติ ฉนั ใด ความถงึ พร้อมด้วยความไมป่ ระมาท ก็เปน็ ตวั นำเป็นบุพนิมิตแห่งการเกดิ ขึ้นของอารยอัษฎางคกิ มรรค แกภ่ ิกษุ ฉนั นนั้ ” “ธรรมเอก ที่มอี ปุ การะมาก เพื่อการเกดิ ขึน้ แหง่ อารยอษั ฎางคกิ มรรค กค็ ือ ความถึงพร้อมด้วย ความไมป่ ระมาท” “เราไมเ่ ลง็ เห็นธรรมอนื่ แมส้ ักขอ้ หนึ่ง ซง่ึ เปน็ เหตใุ ห้อารยอัษฎางคิกมรรคท่ียงั ไม่เกิด กเ็ กดิ ข้ึน ที่ เกิดขึ้นแลว้ กเ็ จรญิ บรบิ ูรณ์ เหมอื นอย่างความถงึ พรอ้ มด้วยความไม่ประมาทนีเ้ ลย” “รอยเท้าของสตั วบ์ กท้ังหลาย ชนดิ ใด ๆ กต็ าม ยอ่ มลงในรอยเทา้ ชา้ งได้ท้ังหมด รอยเทา้ ชา้ ง เรียกวา่ เป็นยอดของรอยเท้าเหล่านั้น โดยความใหญ่ ฉนั ใด กุศลธรรมทัง้ หลาย อยา่ งใด ๆ ก็ตาม ยอ่ มมี ความไมป่ ระมาทเปน็ มลู ประชมุ ลงในความไม่ประมาทได้ทั้งหมด ความไม่ประมาท เรียกไดว้ ่าเปน็ ยอดของ ธรรมเหลา่ นัน้ ฉนั น้ัน” ทีม่ า : พจนานุกรมพทุ ธศาสตร์ฉบบั ประมวลธรรม พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) • นักเรียนเขา้ ใจความหมายของ “ความไมป่ ระมาท” วา่ อยา่ งไร (ตวั อยา่ งคำตอบ ความไมป่ ระมาท คือ ความมสี ติรตู้ ัวตลอดเวลาวา่ กำลงั คิด กำลังทำอะไรอย)ู่ • เพราะเหตุใดพระพุทธเจา้ จงึ ตรสั วา่ “ความไม่ประมาทเป็นยอดธรรม” (ตัวอย่างคำตอบ เพราะความไม่ประมาทเป็นหลักธรรมสำหรับใช้ดำเนินชีวิต มีสติตลอดเวลา คือ ผู้ไม่ประมาทย่อมประสบแต่ความสุข ความเจริญ ความบริบูรณ์ด้วยความดีของชีวิต ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ความไมป่ ระมาทเปน็ ยอดธรรม)

2. นักเรียนร่วมกันศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเร่ือง การฝึกตนไม่ให้ประมาทตามหลักพระพุทธศาสนา จากหนังสอื เรียนและแหล่งการเรียนรู้อืน่ ๆ เพิ่มเติม ขนั้ คดิ วิเคราะห์และสรปุ ความรู้ (Processing) 3. นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับความไม่ประมาท แลว้ สรุปเป็นความคิดรวบยอด โดยตอบคำถาม ดงั นี้ • เพราะเหตใุ ดความไมป่ ระมาทจึงเปน็ หัวใจสำคัญของพระพทุ ธศาสนา (ตัวอยา่ งคำตอบ เพราะความไมป่ ระมาทเปน็ หลักคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนามีพื้นฐานสำคญั ทีส่ ต)ิ • ความไม่ประมาทมคี วามสำคญั ตอ่ การดำเนนิ ชีวติ อย่างไร (ตวั อย่างคำตอบ ชว่ ยให้ดำเนินชีวติ ดว้ ยความรอบคอบ มคี วามระมัดระวัง ไม่เกิดความผดิ พลาด มคี วามปลอดภัย โดยการมสี ตกิ ำกับทกุ การกระทำ เกิดสติปัญญาในการดำเนินชีวติ เพือ่ นำไปสู่ความเจรญิ ก้าวหน้า) 4. นกั เรยี นร่วมกันวเิ คราะหส์ ถานการณ์ที่กำหนดให้ แลว้ สรปุ เป็นความคดิ รวบยอด โดยตอบคำถาม ดงั น้ี นายเบน้ ไม่สวมหมวกนริ ภัยขณะขับข่รี ถจักรยานยนต์ เพราะเหน็ ว่าตนขับขีร่ ถจกั รยานยนต์ ออกไปซื้อของแค่หน้าปากซอยคงไม่เกิดเหตุการณ์อะไร ระหว่างที่นายเบน้ จะกลับรถ มีรถยนตแ์ ลน่ มา ด้วยความเรว็ พงุ่ ชนรถของนายเบ้น ทำให้นายเบ้นไดร้ บั บาดเจบ็ สาหสั สมองได้รับการกระทบกระเทือน • การกระทำของนายเบ้นถอื เปน็ การกระทำทป่ี ระมาทหรือไม่ เพราะเหตใุ ด (เป็นการกระทำท่ีประมาท เพราะไมร่ ะมัดระวัง ไมป่ อ้ งกันตนเอง) • การกระทำดังกลา่ วกอ่ ใหเ้ กิดผลอย่างไร (ตัวอยา่ งคำตอบ เกดิ อบุ ัตเิ หตุได้รับบาดเจบ็ สาหสั สมองได้รับการกระทบกระเทือน) • ถา้ นกั เรียนเป็นเพอ่ื นกับนายเบ้นจะเตือนเพ่ือนวา่ อยา่ งไร (ตัวอย่างคำตอบ อย่าประมาท ควรสวมหมวกนิรภัยทุกคร้ังขณะขับข่ีรถจักรยานยนต์เพื่อความปลอดภัย ของตนเอง) 5. นักเรียนร่วมกันยกตัวอย่างวิธีฝึกตนไม่ให้ประมาทตามหลักพระพุทธศาสนา โดยบันทึกเป็นแผนภาพ ความคิดบนกระดาน แล้วสรปุ เปน็ ความคิดรวบยอด ดงั ตัวอยา่ ง การรจู้ ักหน้าท่ีของตนเอง ไม่ประมาทในวัยเรียน วธิ ฝี ึกตน พัฒนาการเรียนของตน การทำงาน และการใช้ชีวิต ไม่ใหป้ ระมาท อย่างสมำ่ เสมอตามลำดบั รจู้ ักเตือนตนใหส้ ั่งสมความดี มสี ตพิ จิ ารณาการดำเนนิ อยเู่ สมอ ชีวติ ประจำวนั มสี ตหิ ลกี เล่ยี งเหตแุ ห่งความเสอ่ื ม ร้วู า่ สง่ิ ใดควรไม่ควร

6. นกั เรียนร่วมกันวิเคราะห์ผลจากการฝึกตนไมใ่ หป้ ระมาทว่า ถ้าปฏิบัตแิ ละไมป่ ฏิบตั ิ จะเกดิ ผลอย่างไร บนั ทึกคำตอบลงในแผนภาพความคิด แล้วสรุปเปน็ ความคดิ รวบยอด ดังตัวอยา่ ง ถา้ ปฏิบตั ิ ผลทีเ่ กดิ ข้นึ วธิ ฝี ึกตนไม่ใหป้ ระมาท เรยี นหนงั สอื เก่ง มผี ลการเรยี นดขี ้นึ ประสบผลสำเร็จในชวี ติ หมัน่ ฝึกฝนพฒั นาการเรยี นรู้ ของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ผลท่ีเกดิ ข้ึน ถา้ ไมป่ ฏบิ ตั ิ เรียนหนังสอื ไมเ่ ก่ง ผลการเรยี นตกตำ่ ไมป่ ระสบผลสำเร็จ 7. นกั เรยี นคิดประเมินเพื่อเพ่มิ คณุ ค่า แล้วสรปุ เปน็ ความคดิ รวบยอด โดยตอบคำถาม ดงั นี้ • ถ้าทุกคนต้ังตนอยู่ในความไมป่ ระมาทจะเกิดผลดตี ่อตนเองและสงั คมสว่ นรวมอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ ต่อตนเอง ทำให้ปลอดภัยในการดำเนินชีวิตและมีความสุข ต่อสังคมส่วนรวม ทำให้เกิด ความเปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ย ไม่เกิดปัญหาสังคมตามมา ทกุ คนอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งมีความสุข) ขั้นปฏบิ ัติและสรปุ ความร้หู ลงั การปฏบิ ัติ (Applying and Constructing the Knowledge) 8. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ร่วมกันหาข่าวหรือเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนเนื่องจากความประมาทเป็นเหตุเพื่อนำมา วิเคราะห์หาสาเหตุ ผลท่ีเกิดข้ึน และแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกันลงในแผนภาพความคิดแล้วสรุปเป็นความคิด รวบยอด ดังตัวอย่าง (เกิดคลน่ื ขนาดใหญ่ซัดเขา้ ใส่เรอื ) ข่าว/เหตกุ ารณ์ ผลทเ่ี กิดข้ึน สาเหตุ (ไเรมือ่สนบำาเทยใีย่ จวทชี่ท่ือฟะเีนลิกาะซก์ บั เพือ่ น ลม่ กลางทะเลภเู กต็ ทำให้ (เรือลม่ มผี เู้ สยี ชีวิต (ผู้ขบั เรือประมาท ไม่ปฏิบัติตาม เป็นจำนวนมาก) คำเตือนจากกรมอตุ ุนิยมวทิ ยา) นักทอ่ งเทย่ี วจำนวนมาก สูญหายและเสยี ชวี ิต) แนวทางการแก้ไขปญั หา (ไฟมงั ่สปบระากยใาจศทเต่ีทือะนเลจาาะกกบั เพ่อื น กรมอุตนุ ิยมวิทยาและ ปฏบิ ัตติ ามอย่างเครง่ ครดั )


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook