1
2 Drug and food interaction 5 Effect of drug on food intake 5 8 ความรุนแรงของภาวะนา้ ตาลต้าในเลือดแบ่งได้เป็น 3 ระดับ 8 ภาวะน้าตาลตา้ ในเลือดระดบั ไมร่ นุ แรง ให้กินอาหารทมี คี ารโ์ บไฮเดรต 15 กรัม 9 ภาวะนา้ ตาลตา้ ในเลอื ดระดับปานกลาง ให้กินอาหารทีมคี ารโ์ บไฮเดรต 30 กรัม 10 11 ขอ้ ควรปฏิบตั ิเพือป้องกันกระดกู หกั เนอื งจากกระดกู พรุน (Fracture liaison service : FLS) ดังนี 11 การคา้ นวณพลงั งานจากนา้ ยาลา้ งไตผ่านช่องท้อง CAPD 14 ธาลสั ซีเมยี (Thalassemia) 14 การค้านวณพลงั งาน 14 15 Resting Energy Expenditure (joint FAO/WHO/UNU) 17 BMR ค้านวณจาก Schofield Equations 20 Classifications of nutritional status 20 DASH diet 20 Screening and assessment tool 21 Screening tool 22 MST 22 NRS 23 MUST 30 SNAQ 32 Assessment tool ค่าในการวินิจฉัยและเปา้ หมายในการติดตามโรคเบาหวาน เป้าหมายในการติดตามโรคเบาหวาน
การตรวจวนิ ิจฉัยโรคและตรวจคดั กรองเบาหวานขณะตงั ครรภ์ 3 าในการวินิจฉยั ความดันโลหิตสงู 34 35
categories company Name Caloric distribution (%) Com CHO PRO FAT CHO 11.25 fresenius kabi Fresubin 45 20 35 14 15.68 abbott Ensure 56 15 29 11.7 12.5 abbott Jevity 62.72 16.32 31.68 12.5 13.72 polymeric formula Nestle Boost optimum 46.8 16.8 36 11.25 10.75 Nestle Nutren-fibre 50 16 34 11.25 8.25 Nestle Isocal 50 13 37 11.85 13.14 Thai-otsuka Blendera-MF 54.88 16.28 29.79 15.4 12.43 Nestle Nutren-balance 45 15 40 12.43 13.25 abbott GlucernaSR triple care 43 20 37 15.25 8.75 diabetic abbott GlucernaSR triple care 45 20 35 10.68 abbott Glucerna liquid 33 18 49 12.5 Thai-otsuka ONCE PRO 47.4 19.52 40.05 Thai-otsuka Gen-DM 52.56 16.92 30.51 disease- hepatic Thai-otsuka Aminoleban-oral 61.6 25.6 15.3 specific immuno- Thai-otsuka Neo-mune 49.72 24.6 25.65 modulatin Thai-otsuka Neo-mune 49.72 24.64 25.74 oral-impact 53 22 25 g Nestle Prosure 61 21 18 abbott renal abbott Nepro 35 18 47 semi- Thai-otsuka Pan-Enteral 42.72 12 45.27 elemental Nestle Peptamen 50 16 34
4 mposition (g/100kcal) Electrolyte and Remark micronutrients (mg or O PRO FAT 2kcal fiber drink 5 5 3.89 mEq/100 kcal) fiber and FOS Na K P mixed fiber and FOS 3.75 3.22 30 80 60 synbiotic added 8 4.08 3.52 84.35 156.52 54.78 7 4.2 4 94.56 159.52 60.96 prebiotic 5 4 3.78 37 120.6 47 only for tube feeding | fiber free 5 3.25 4.2 74.40 107.60 49.20 2 4.07 3.31 50 125 50 FOS 5 3.75 4.44 78.35 108.76 55.72 fructose free | high soluble fiber 5 5 4.11 87.00 126.00 68.00 5 5 3.89 93.78 164.44 74.67 oral/ feeding (powder) 5 4.5 5.44 98.21 154.71 61.88 only for oral (liquid in box) 5 4.88 4.45 93.20 156.00 72.00 oral/ feeding (liquid in can) 4 4.23 3.39 97.4 162.5 66.5 whey PRO | omega-3,6,9 4 6.4 1.7 70.11 130.46 50.14 3 6.15 2.85 22.6 77.1 39.9 FOS | plant-based 3 6.16 2.86 78.49 99.32 22.43 BCAA 5 5.5 2.78 78.61 99.46 22.46 5 5.25 2 105.94 132.67 71.29 Vanilla flavor 5 4.5 5.22 119.05 158.73 83.49 melon flavor 8 3 5.03 58.82 58.82 40 100% whey | tropical fruit 5 4 3.78 44 110.46 43 energy dense 67.97 89.45 55.86 for dialysis | high protein | low Na, K, P whey pro 100% | MCT:LCT = 70:30
5 Drug and food interaction Effect of drug on food intake Nutrition Absorption : ยาบางชนดิ อาจเพ่มิ ลดลง หรอื ป้องกนั การดดู ซึมอาหารในลาไส้ Nutrition Excretion : ยาสามารถเพิ่มหรือลดการขับปสั สาวะของสารอาหาร ยา amphetamine ซึ่งเป็นยากระตุ้นประสาทส่วนกลางโดยหล่ังสารโดพามีนในสมอง ทาให้รู้สึกกระตือรือร้น ผลขา้ งเคยี ง ทาใหเ้ บ่ืออาหาร ยา Carboplatin เป็นยารักษาโรคมะเรง็ หลายชนดิ ยาจะยบั ย้ังการสงั เคราะหส์ ารพันธกุ รรมของเซลล์มะเรง็ เช่น DNA อาการข้างเคียง คลนื่ ไส้ อาเจยี น Drug that may increase apatite Anticonvulsant : เป็นยารักษาอาการชกั ตา่ งๆอาจเกดิ การเสยี สมดลุ ของเกลือแร่ Antipsychotic : ยารักษาโรคจิต, ไบโพลาร์ Antidepresant : ยารักษาอาการซมึ เศรา้ Drug can decrease nutrition absorption Laxatives : เป็นยาบรรเทาอาการทอ้ งผูก ทาใหอ้ ุจจาระอ่อนตวั ลง หรอื กระต้นุ การบีบตวั ของลาไส้ Aluminum hydroxide : เป็นยาลดกรดในกระเพาะอาหาร Statin : เป็นยาลดคลอเลสเตอรอลในเลอื ด Drug can increase a loss of a nutrition Diuratics : เปน็ ยาขบั ปัสสาวะ ใชใ้ นการรักษาความดันโลหติ สูง Aspirin : ยาลดการอกั เสบ เช่น ปวดประจาเดอื น Clobazam : ยาลดอาการวิตกกงั วล
6 Absorption : การเคลือ่ นท่ีของยาภายในกระแสเลอื ดขึ้นอยูก่ บั ปจั จัยตอ่ ไปนี้ โครงสรา้ งของยาทีส่ ามารถผ่านเยอ่ื บลุ าไส้ ระยะเวลาทท่ี าให้กระเพาะอาหารวา่ ง ช่องทางการใหย้ า คุณภาพของยา Distribution (การกระจายตวั ของยา) ยาเข้าสกู่ ระแสเลอื ด กระจา่ ยไปยังเนือ้ เยอื่ ตา่ งๆ จบั กับ Plasma protein ยาไม่ออกฤทธิ์ Albumin ตา่ ทาใหเ้ กดิ Toxic ได้ Metabolism (การเปลย่ี นแปลงของยา) เป็นกระบวนการที่ยาถูกเปลี่ยนแปลงทางเคมีในร่างกาย ซ่ึงมีผลมาจากปฏิกิริยาของยาระหว่างยากับ เอนไซม์ เกดิ ข้ึนทตี่ ับ Excretion (การขบั ยาออกจากร่างกาย) ยาจะถกู ขบั ออกได้ทางไต ตับ ปอด อาจจะขบั ออกทางน้านมและเหงอ่ื ไดใ้ นปรมิ าณเลก็ นอ้ ย อวัยวะในการขบั ยาออก คอื ไต Benefits of minimizing food drug interactions ยามปี ระสิทธภิ าพในการทางานสูง ไม่เกิดพษิ จากยา ช่วยลดค่าใช้จ่าย แก้ไขปญั หาภาวะโภชนาการผดิ ปกติ
7 ผู้ป่วยไดร้ บั การรกั ษาจากยาสูงสดุ การใหบ้ ริการดา้ นการดแู ลสุขภาพลดลง ความรับผิดชอบทางด้านวิชาชพี นอ้ ยลง Effect of food or drug intake Drug absorption : อาหารหรือสารอาหารในกระเพาะและลาไสอ้ าจทาใหล้ ดการดูดซมึ ของยา โดยการ ชะลอการย่อยอาหารหรือจับกับอนุภาคของอาหาร อาหารอาจทาหน้าทเ่ี พม่ิ หรือยบั ย้งั การเผาผลาญของ ยาบางชนดิ ในร่างกาย Drug excretion : ยาจะถกู ขบั ถ่ายออกทางไต Dietary calcium : สามารถจับกับยาปฏิชีวนะ “tetracycline” ซ่ึงเป็นยารักษาการติดเช้ือ ได้แก่ มาลาเรีย ซฟิ ลิ สิ กรดอะมโิ นในธรรมชาติ สามารถดูดซมึ กับ “levodopa” ซึงเปน็ ยารักษาโรคพาร์กินสัน ซง่ึ จะไปเพม่ิ สาร สอื่ ประสาทโดพามนิ ในสมอง Absorption Distribution การรับปะทานไฟเบอร์ในปรมิ าณมากจะรบกวนการดดู ซมึ ของ “Digoxin” ซึง่ เป็นยากลุ่มของ (Cardiac glycoside) ที่มีฤทธเิ์ พ่ิมการบีบตวั ของกลา้ มเน้ือหัวใจ ใช้รกั ษาหวั ใจวาย หวั ใจห้องบน Metabolism : อาหารท่ีมีการบ่มหรือหมัก เช่นโยเกิร์ต โดยจะทาปฏิกิริยากับยา “Tyramine” ซ่ึงเป็น การยบั ยัง้ เอนไซม์ monoamine oxidase ใชร้ กั ษารควติ กกงั วล โรคพารก์ ินสนั Food hight Vit.K (ผักตระกูลกะหล่า) ลดประสิทธิภาพของยา “Anticoagulant” ซ่ึงเป็นยาต้านการ แข็งตัวของเลือด ห้ามรับประทาน Grapefruit juice พร้อมกับยาต่อไปนี้ “Cyclosporin” ซึ่งเป็นยากดภูมิคุ้มกันใช้กับ ผู้ป่วยที่มีการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น หัวใจ ไต และตับ “Certain statins” ซ่ึงเป็นกลุ่มยาลดคลอ เลสเตอรอล
8 ความรนุ แรงของภาวะนา้ ตาลต้าในเลือดแบ่งได้เป็น 3 ระดับ ระดับ 1 (level 1) glucose alert value หมายถึง ระดับนา้ ตาลในเลอื ดที่ ≤ 70 มก./ดล. ระดบั 2 (level 2) clinically significant hypoglycemia หมายถงึ ระดับนา้ ตาลในเลอื ด ที่ <54 มก./ดล. ระดบั 3 (level 3 ) ภาวะนา้ ตาลต่าในเลอื ดระดับรนุ แรง หมายถงึ การทีผ่ ปู้ ว่ ยมีอาการสมองขาด กลโู คสที่รุนแรง (severe cognitive impairment) ซึ่งต้องอาศยั ผ้อู น่ื ช่วยเหลือ ภาวะน้าตาลตา้ ในเลือดระดับไมร่ ุนแรง ให้กิน อาหารทมี ีคารโ์ บไฮเดรต 15 กรัม กลโู คสเม็ด 3 เมด็ นา้ ส้มค้ัน 180 มล. นา้ อัดลม 180 มล. น้าผึง้ 3 ช้อนชา ขนมปงั 1 แผ่นสไลด์ นมสด 240 มล. ไอศกรมี 2 สคปู ข้าวต้มหรือ โจก๊ ½ ถว้ ยชาม กลว้ ย 1 ผล
9 ภาวะน้าตาลตา้ ในเลือดระดบั ปานกลาง ใหก้ ิน อาหารทีมคี าร์โบไฮเดรต 30 กรัม ผู้ปว่ ยเบาหวานท่ีมสี ายกระเพาะอาหาร หรือสาย PEG สามารถใหน้ ้าหวาน นา้ ผลไม้ สารละลาย กลููโคส หรอื อาหารเหลวท่ีมีคาร์โบไฮเดรต 15-30 กรัม ทางสายกระเพาะอาหาร หรอื สาย PEG ได้ ตดิ ตามระดบั กลโู คสในเลอื ดโดยใชเ้ ครอ่ื งตรวจน้าตาลในเลือดชนดิ พกพา หรือ point-of-care device (ถ้าสามารถทาได้) ท่ี 15 นาที หลังกินคาร์โบไฮเดรตครงั้ แรก กินอาหารท่ีมีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัมซา้ ถา้ ระดับ กลโู คสในเลอื ดที่ 15 นาที หลงั กนิ คาร์โบไฮเดรตครงั้ แรกยงั คง <70 มก. /ดล. ที่มา : แนวทางเวชปฏบิ ัตสิ าหรับโรคเบาหวาน 2560 Clinical Practice Guideline for Diabetes 2017
10 ข้อควรปฏิบัตเิ พอื ปอ้ งกันกระดูกหักเนืองจากกระดกู พรุน (Fracture liaison service : FLS) ดงั นี - ควรรบั ประทานอาหารทีม่ แี คลเซยี มใหเ้ หมาะสม คือ ผ้ทู ม่ี ีอายนุ อ้ ยกว่าหรือเท่ากบั 50 ปี ควรไดร้ บั แคลเซยี ม 800 มลิ ลกิ รัมต่อวัน ผทู้ ีม่ ีอายุ 51 ปีขึ้นไป ควรไดร้ ับแคลเซียม 1000 มิลลกิ รัมตอ่ วนั - รบั แสงแดดอย่างเพียงพอ เพอ่ื ใหผ้ ิวหนงั สรา้ งวิตามนิ ดี จะชว่ ยใหล้ าไส้ดดู ซึมแคลเซียมได้ ตวั อย่างอาหารท่มี ีแคลเซียม อ้างอิงจาก รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.บุษบา จินดาวิจักษณ์ ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล เรื่องแคลเซยี มกับโรคกระดกู พรนุ ตอนที่2 ชนดิ อาหาร ปริมาณทีบริโภค ปรมิ าณแคลเซยี ม (มลิ ลิกรัม) นมสดยเู อชที 200 ซซี ี (1กลอ่ ง) 240 นมสดเสรมิ แคลเซยี ม 200 ซซี ี (1กล่อง) 280 นมถว่ั เหลือง 250 ซีซี (1กลอ่ ง) 64 นมเปรยี้ ว 160 ซีซี (1ขวด) 160 โยเกรริ ต์ 150 กรัม (1ถ้วย) 280 กะปิ 136.64 กุ้งแหง้ ตัวเลก็ 2 ช้อนโตะ๊ 138.30 ปลาสลิด ตม้ 1 ชอ้ นโต๊ะ 153.42 ปลาฉงิ้ ฉา้ ง ทอด 2 ช้อนโต๊ะ 186.75 ไขไ่ ก่ ตม้ 2 ชอ้ นโตะ๊ 205.56 ไข่เป็ด ตม้ 225.76 เต้าหู้ขาว อ่อน ตม้ 1 ฟอง 243.63 เตา้ หู้ขาว แขง็ ต้ม 1 ฟอง 258.75 ผกั คะน้า ผัด 3 ช้อนโตะ๊ 319.26 ผักกาดเขียว ต้ม 3 ชอ้ นโตะ๊ 411.86 ผกั กวางตุง้ ต้ม 5 ช้อนโตะ๊ 450.06 ใบยอ ตม้ 5 ชอ้ นโตะ๊ 198.20 ใบชะพลู 5 ช้อนโต๊ะ 390.70 ½ ทัพพี 70 กรัม
มะเขอื พวง 2 ช้อนโต๊ะ 11 อา้ งอิงจาก : โปรแกรมINMUCAL-N 243.62 การคา้ นวณพลังงานจากนา้ ยาลา้ งไตผา่ นช่องท้อง CAPD ความเขม้ ขน้ ของน้ายาล้างไต Glucose/2 L (g) absorption rate calories/2 L (Kcal) (%w/v) (~60%) 67 110 1.5% 30 18 190 2.5% 50 30 4.25% 85 51 *Kcal คดิ จาก Glucose 1 g = 3.7 kcal ธาลสั ซีเมีย (Thalassemia) ธาลัสซีเมยี (Thalassemia) เปน็ โรคโลหติ จางทมี่ ีสาเหตจุ ากความผดิ ปกตทิ างพนั ธุกรรมระดบั ยีน ทาให้ การสร้างฮีโมโกบิล (Hemoglobin; Hb) ซึ่งเป็นโปรตนี ท่เี ป็นสว่ นประกอบสาคญั ของเม็ดเลอื ดแดงผดิ ปกติ สง่ ผล ให้เม็ดเลือดแดงมีอายุสั้น แตกง่าย ถูกทาลายง่าย จัดเป็นโรคโลหิตจางทางพันธุกรรมที่พบบ่อยที่สุดในโลก Vichinsky EP. Changing patterns of thalassemia worldwide. Annals of the New York Academy of Sciences. 2005;1054:18-24. อาหารทีเหมาะสมส้าหรับผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย คืออาหารที่มีโปรตีน และกรดโฟลิก (Folic acid) สูง เพ่ือช่วยในการสรา้ งเมด็ เลือดแดง ปรมิ าณโฟเลทในอาหาร อาหาร ปริมาณโฟเลท (ไมโครกรมั ต่อ 35 กรมั หรอื ½ สว่ น) ตาลงึ 42.70 ใบกุ๋ยช่าย 50.75 ผักกาดหอม 36.75
12 คื่นชา่ ย 39.90 ดอกกะหลา่ 32.90 มะเขือเทศ 8.61 ถว่ั เขยี ว 53.55 ถ่ัวแดง 49.70 ถั่วเหลอื ง 62.65 อ้างอิงจาก : ผศ.ภญ.ดร.กลุ วรา เมฆสวรรค์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย เร่อื ง โภชนาการผปู้ ว่ ยธาลัสซีเมีย อาหารทคี วรหลีกเลยี งส้าหรบั ผูป้ ว่ ยโรคธาลัสซเี มีย คอื อาหารทม่ี ีธาตุเหล็กสงู ผลติ ภณั ฑ์จากสัตว์ทม่ี ีปริมาณธาตเุ หลก็ สงู เนือสัตว์ ปรมิ าณธาตุเหลก็ (มลิ ลกิ รัม สตั วน์ ้า ปริมาณธาตเุ หล็ก (มิลลิกรมั ตอ่ 40 กรมั หรือ 1 สว่ น) ต่อ 40 กรัมหรือ 1 ส่วน) ปอดหมู 47.6 ก้งุ ฝอยสด 28.0 เลือดหมู 25.9 หอยโขม 25.2 หมูหยอง 17.8 หอยแมลงภู่ 15.6 ตับหมู 10.5 หอยแครง 6.4 น่องไกบ่ ้าน 7.8 ปลาดกุ 8.1 เนอ้ื ววั เค็มทอด 7.5 ปลาช่อน 5.8 กบแหง้ 3.8 ปลาตะเพยี น 5.6
13 ผลติ ภัณฑจ์ ากธญั พชื และเหด็ ท่ีมปี ริมาณธาตเุ หล็กสงู ธญั พืชและ ปรมิ าณธาตุเหล็ก ผักและเหด็ ปริมาณธาตเุ หล็ก ของว่าง (มลิ ลิกรัมตอ่ 100 กรมั ) (มิลลกิ รมั ต่อ 100 กรมั ) ดารก์ ช็อกโกแลต 17.0 ผกั กูด 36.3 ถว่ั ดา 16.5 ใบแมงลกั 17.2 เตา้ เจ้ยี ว 15.2 ใบกระเพาแดง 15.1 เมล็ดฟักทอง 15.0 ยอดมะกอก 9.9 ถัว่ ลิสง 13.8 ดอกโสน 8.2 งาขาว 13.0 ใบชะพลู 7.6 ถว่ั แดง 10.5 ต้นหอม 7.3 ลกู เดอื ย 10.0 มะเขือพวง 7.1 งาดา 9.9 เห็ดหหู นู 6.1 จมกู ข้าวสาลี 6.8 ยอดออ่ นข้เี หลก็ 5.8 ขา้ วโอ๊ต 6.5 ผกั กระเฉด 5.3 อา้ งอิงจาก : ผศ. ดร. ภญ. ปยิ นุช โรจนส์ ง่า ภาควชิ าเภสชั เคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหดิ ล เรอื่ ง บทความเผยแพร่ความรู้สปู่ ระชาชน ธาลสั ซีเมีย (Thalassemia)...กนิ อย่างไรใหเ้ หมาะสม หมายเหตุ : ควรหลกี เล่ยี งการรบั ประทานอาหารรว่ มกบั อาหารที่มีวติ ามินสูง เช่น ส้ม มะเขือเทศ เพราะ วิตามินซีจะช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก และควรรับประทานรว่ มกับอาหารท่ีลดการดูดซึกธาตุเหล็ก เชน่ ชา และ นมถั่วเหลือง
14 การคา้ นวณพลังงาน Resting Energy Expenditure (joint FAO/WHO/UNU) อายุ(ปี) เพศชาย เพศหญิง 0-3 (60.9xkg)-54 (61.0xkg)-51 3-10 (22.7xkg)+495 (22.5xkg)+499 10-18 (17.5xkg)+651 (12.2xkg)+746 18-30 (15.3xkg)+679 (14.7xkg)+496 30-60 (11.6xkg)+879 (8.7xkg)+829 >60 (13.5xkg)+487 (10.5xkg)+596 -World Health organization. Energy and protein requirements. Geneva: World Health organization, 1985. Technical report Series No. 724. BMR ค้านวณจาก Schofield Equations อายุ (ปี) เพศชาย เพศหญงิ 0-3 0.167W+15.174H-617.6 16.252W+10.232H-413.5 3-10 19.59W+1.303H+414.9 16.969W+1.618H+371.2 10-18 16.25W+1.372H+515.5 8.365W+4.65H+200 W=weight(kg), H=height(cm) -Schofield WN. Predicting basal metabolic rate, new standard and review of previous work. Hum Nutr Clin Nutr 1985; 39 (Suppl 1): 5-41.
15 Classifications of nutritional status ดัชนี Normal Mild Moderate Severe Nutrition status %W/A >90 75-90 60-75 <50 Underweight %W/H >90 80-90 70-80 <70 Wasting %H/A >95 90-95 85-90 <85 Stunting -Gomez F, Galvan RR, Cravioto J, Frenk S. Malnutrition in infancy and childhood, with special reference to kwashiorkor. Adv Prediatr. 1955;7:131-169 -Warelow JC. Classification and definition of protein-calorie malnutrition. Br Med J. 1972;3(5826):566-9. Overweight and obesity วนิ ิจฉัยโดยใช้เกณฑ์อ้างองิ ได้ 2 แบบ 1. ใช้กราฟหรอื ตารางค่าอ้างองิ BMI ตามอายุ และเพศขององค์การอนามัยโลก เนอื่ งจากขณะน้ียังไมม่ ีเกณฑ์ อา้ งองิ BMI สาหรบั เดก็ ไทย 2. ใช้คา่ นา้ หนกั ตามเกณฑ์สว่ นสูง %W/H* >110-120 >120-140 >140-160 >160-200 >200 Nutritional Overweight Mild obesity Moderate Severe Morbid status* น้าหนักเกนิ อว้ นเลก็ นอ้ ย obesity obesity obesity อ้วนปานกลาง อว้ นมาก อ้วนรุนแรง เปรียบเทยี บกบั กราฟ** Overweight Obesity Morbid กรมอนามยั พ.ศ. 2542 เริ่มอว้ น โรคอว้ น obesity โรคอ้วนรนุ แรง * คา่ %W/H เป็นการประเมินความรุนแรงของโรคอ้วนในเดก็ ในทางเวชปฏบิ ัติ **จากการเปรียบเทียบกับกราฟเกณฑ์อา้ งองิ การเจรญิ เตบิ โตของเดก็ ไทย กระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ. 2542 พบวา่ เดก็ ที่ไดร้ บั การวินจิ ฉยั ว่าเป็น “โรคอ้วน” คือ น้าหนกั ตามเกณฑส์ ว่ นสูงมากกว่าคา่ มธั ยฐาน +3SD จะมนี ้าหนกั คิด เป็น 135-153 % ของคา่ ideal weight for height (W/H) และ +2SD จะมีน้าหนักคดิ เป็น 122-135 %W/H ดงั นั้นถา้ ใช้ เกณฑ์เดมิ ตามตาราง จะทาใหก้ ารวนิ จิ ฉยั โรคอว้ นในเดก็ ไทยมากเกินกว่าท่ีควรจะเป็น
16 อ้างองิ จากแนวทางการดแู ลรกั ษาและป้องกนั ภาวะโภชนาการเกนิ ในเด็ก ชมรมโภชนาการเดก็ แหง่ ประเทศไทย
17 DASH diet DASH Diet (Dietary Approaches to Stop Hypertension Diet) โด ย ชื่ อ DASH Diet ห ม าย ถึ ง แนวทางโภชนาการเพ่ือหยดุ ความดนั โลหติ สูง หลักการ : ลดการบรโิ ภคอาหารที่มีเกลือโซเดียม ไขมันอ่ิมตัว ไขมนั รวมและคอเรสเตอรอลลง และเพิ่ม การรับประทานใยอาหาร โปรตนี แคลเซยี ม แรธ่ าตุต่างๆอย่าง โปแตสเซยี มและแมกนีเซยี ม รวมถงึ ปรมิ าณสารไน เตรททีม่ ผี ลการศกึ ษาถึงการลดความดันโลหติ สูงได้ สดั สว่ นการรับประทานอาหารตามหลกั DASH ใน 1 วนั : ชนิดอาหาร สดั สว่ น ธญั พชื ชนิดตา่ งๆ โดยเน้นเป็นธัญพชื ไมข่ ัดสี 7-8 สว่ นบริโภค (หรือประมาณ 7-8 ทัพพ)ี ผกั และผลไม้ อยา่ งละ 4-5 สว่ นบรโิ ภค (หรือประมาณ 4-5 ทัพพี และผลไม้ 3-4 สว่ น) เนอ้ื สัตว์ไขมนั ต่าอยา่ งเน้ือปลา 2-3 สว่ นบรโิ ภค (หรือประมาณ 4-6 ชอ้ นกนิ ขา้ ว) ลดการรับประทานสตั ว์เนอ้ื แดง การตดั สว่ นไขมันหรอื หนังของเน้ือสตั ว์และเลอื กรบั ประทานเนอื้ สตั ว์ไขมนั ตา่ นา้ มันหรอื ไขมัน 2-3 ส่วนบริโภค (หรอื ไมเ่ กนิ 6 ชอ้ นชา) ถั่วชนดิ ต่างๆ เช่น อัลมอนด์ ถัว่ เลนทิล 4-5 สว่ นบรโิ ภค(หรอื ประมาณ 4-5 ฝ่ามือ)ตอ่ สปั ดาห์ ของหวานชนดิ ตา่ งๆ ไมเ่ กิน 5 ส่วนบริโภคต่อสัปดาห์* แนะนาให้ รับประทานนานๆครงั้ แนะนาใหใ้ ช้เครอ่ื งเทศหรือสมนุ ไพรต่างๆในการเสริม รสชาติอาหาร และลดการใชเ้ กลอื หรอื เครอ่ื งปรงุ ทม่ี ี โซเดยี มสงู ในการปรุงแตง่ อาหาร -Mayo Clinic Staff. DASH diet: Healthy eating to lower your blood pressure [online document]. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/dash-diet/art-20048456. October 3, 2017. -Siervo, M., Lara, J., Chowdhury, S., Ashor, A., Oggioni, C., & Mathers, J. (2015). Effects of the Dietary Approach to Stop Hypertension (DASH) diet on cardiovascular risk factors: A systematic review and meta-analysis. British Journal of Nutrition, 113(1), 1-15. doi:10.1017/S0007114514003341.
18 (นิพาวรรณ, มปป)
19 ท่มี า : national cholesterol Education Program Adult Treatment Panel III, 2001 TLC ย่อมาจาก Therapeutic Lifestyle Change Diet เปน็ วธิ กี ารดูแลทางโภชนบาบดั ทางการแพทยว์ ิธหี นง่ึ ท่มี ี ประสิทธิภาพในการดูแลผปู้ ว่ ยทมี่ ภี าวะไขมนั ในเลอื ดผิดปกติไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
20 Screening and assessment tool Screening tool เครอื งมือ อ้างอิง Malnutrition Screening Tool (MST) Ferguson et al. (1999) Mini Nutritional Assessment Short-Form (MNA-SF) Rubenstein et al. (2001) Nutritional Risk Screening (NRS 2002) Kondrup et al. (2003) Malnutrition Universal Screening Tool (MUST) Stratton et al. (2004) Short Nutritional Assessment Questionnaire (SNAQ) Kruizenga et al. (2005) Bhumibol Nutrition Triage (BNT/NT) Chittawatanarat et al. (2016) MST
21 NRS If the answer is ‘Yes’ to any question, the screening in Table 2 is performed
22 MUST BMI Score >20 0 1 18.5-20 2 <18.5 0 Unplanned weight loss in past 3-6 months 1 <5% 2 2 5-10% >10% If patient is acutely ill and there has been or is likely to be no nutritional intake for >5 days total SNAQ
23 Assessment tool อา้ งอิง เครืองมือ Detsky et al. (1999) Guigoz et al. (2001) Subjective Global Assessment (SGA) Ottery et al. (2004) Mini Nutritional Assessment (MNA) Komindrg et al. (2005) Patient generated subjective global assessment (PG-SGA) Chittawatanarat et al. (2016) Nutrition Alert Form (NAF) Bhumibol Nutrition Triage (BNT/NT)
24
25
26
27
28
29 การแปลผลเครอื งมอื คดั กรองและประเมินภาวะโภชนาการ Screening Tools คะแนน เกณฑ์ Malnutrition Screening Tool (MST) 0-1 No risk of malnutrition ≥2 Risk of malnutrition Mini Nutritional Assessment Short-Form 12-14 (MNA-SF) 8-11 Normal 0-7 At risk of malnutrition Nutritional Risk Screening (NRS 2002) 0-2 3 Malnourished Normal Nutritionally at-risk
Malnutrition Universal Screening Tool 0 30 (MUST) 1 Short Nutritional Assessment Questionnaire ≥2 Low risk (SNAQ) 0-1 Medium risk Bhumibol Nutrition Triage (BNT/NT) 2 Assessment Tools ≥3 High risk Subjective Global Assessment (SGA) 0 Well nourished ≥1 Moderately malnourished Mini Nutritional Assessment (MNA) คะแนน Severely malnourished A Patient generated subjective global B Normal assessment (PG-SGA) C Nutritionally at-risk 24-30 Nutrition Alert Form (NAF) 17-23.5 เกณฑ์ 0-16 Normal Bhumibol Nutrition Triage (BNT/NT) A Mild-Moderate Malnutrition B Severe Malnutrition C Normal 0-5 Risk of malnutrition 6-10 Malnutrition ≥11 Normal 0-4 Moderate Malnutrition 5-7 Severe Malnutrition 8-10 Normal-Mild Malnutrition ≥11 Moderate Malnutrition Severe Malnutrition Normal Mild Malnutrition Moderate Malnutrition Severe Malnutrition คา่ ในการวินิจฉยั และเป้าหมายในการติดตามโรคเบาหวาน ตารางการแปลผลระดบั พลาสมากลโู คสและ A1C เพอื่ การวินิจฉัย
31 ปกติ ระดับนา้ ตาลในเลอื ดทีเพิมความเสียงการ โรคเบาหวาน <100 มก./ดล. เปน็ เบาหวาน ≥126 มก./ดล. <140 มก./ดล. ≥200 มก./ดล. impaired fasting impaired glucose - ≥200 มก./ดล. < 5.7 % glucose (IFG) tolerance (IGT) ≥6.5% พลาสมากลูโคสขณะอด 100-125 มก./ดล. - อาหาร (FPG) - 140-199 มก./ดล. พลาสมากลูโคสที่ 2 ชว่ั โมงหลงั ดมื่ นา้ ตาล -- กลโู คส 75 กรมั 2 h-PG 5.7-6.4% (OGTT) พลาสมากลโู คสทเี่ วลาใดๆ ในผ้ทู ีม่ ีอาการชดั เจน ฮโี มโกลบินเอวนั ซี (A1C) *IFG เปน็ ภาวะระดับน้าตาลในเลอื ดขณะอดอาหารผิดปกติ *IGT เปน็ ภาวะระดับน้าตาลในเลือดสงู หลังไดร้ บั กลโู คส
32 การควบคุม เบาหวาน เป้าหมาย ควบคุมไมเ่ ข้มงวด ควบคมุ เขม้ งวดมาก ควบคมุ เขม้ งวด 140-170 มก./ดล ระดบั นา้ ตาลในเลอื ดขณะอดอาหาร >70-110 มก./ดล. 80-130 มก./ดล - - ระดบั น้าตาลในเลือดหลงั อาหาร 2 ชวั่ โมง <140 มก./ดล - 7.0-8.0% ระดบั นา้ ตาลในเลือดสงู สุดหลงั อาหาร - <180 มก./ดล A1C (% of total hemoglobin) <6.5% <7.0% เป้าหมายในการตดิ ตามโรคเบาหวาน - เป้าหมายการควบคุมเบาหวานสาหรบั ผู้ใหญ่ - เป้าหมายในการควบคุมระดบั น้าตาลในเลอื ดสาหรับผู้ป่วยเบาหวานสูงอายุ และผู้ปว่ ยระยะสุดทา้ ย สภาวะผู้ปว่ ยเบาหวานสงู อายุ เปา้ หมายระดบั A1C ผมู้ สี ขุ ภาพดี ไมม่ โี รครว่ ม <7% ผมู้ โี รคร่วม ช่วยเหลือตัวเองได้ 7.0-7.5% ผูป้ ว่ ยทีต่ อ้ งได้รับการช่วยเหลอื มภี าวะเปราะบาง ไม่เกนิ 8.5% มีภาวะสมองเสอ่ื ม ไม่เกนิ 8.5% ผ้ปู ่วยทีค่ าดว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หลกี เลี่ยงภาวะนา้ ตาลในเลอื ดสงู จนทาใหเ้ กดิ อาการ
33 - เปา้ หมายการควบคมุ ปัจจยั เสยี่ งของภาวะแทรกซอ้ นทห่ี ลอดเลอื ด การควบคมุ /การปฏบิ ตั ิตัว เปา้ หมาย ระดับไขมันในเลือด* <100 มก./ดล ระดับไขมันในเลือด ระดบั แอล ดี แอลคเลสเตอรอล* <150 มก./ดล. ระดบั ไตรกลเี ซอไรด์ ≥40 มก./ดล ระดบั เอช ดี แอล คอเลสเตอรอล: ผู้ชาย ≥ 50 มก./ดล ผ้หู ญิง <140 มม.ปรอท <90 มม.ปรอท ความดันโลหิต** ความดนั โลหติ ซสิ โตลิค (systolic BP) 18.5-22.9 กก./ม.² หรือใกล้เคยี ง ความดนั โลหติ ไดแอสโตลคิ (diastolic BP) ไม่เกนิ ส่วนสูงหารดว้ ย 2 นา้ หนักตัว <90 ซม. ดชั นมี วลกาย <80 ซม. รอบเอวจาเพาะบคุ คล (ทง้ั สองเพศ)*** ไม่สบู บหุ รีแ่ ละหลีกเล่ียงการรบั ควนั บุหรี รอบเอว : ผชู้ าย ตามคาแนะนาของแพทย์ ผหู้ ญงิ การสบู บหุ รี่ การออกกาลงั กาย * ถ้ามีโรคหลอดเลือดหวั ใจหรอื มีปัจจยั เสย่ี งของโรคหลอดเลอื ดหวั ใจหลายอยา่ งรว่ มดว้ ยควรควบคุมให้ LDL-C ต่า กว่า 70 มก./ดล. ** ผู้ป่วยท่ีมีความเส่ียงสูงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตซิสโตลิคไม่ควรต่ากว่า 110 มม. ปรอท ผู้ป่วย ที่อายุน้อยกว่า 40 ปีหรือมีภาวะแทรกซ้อนทางไตร่วมด้วยควรควบคุมความดันโลหิตให้น้อยกว่า 130/80 มม.ปรอท ถ้าไม่ทาใหเ้ กดิ ภาวะแทรกซอ้ นของการรักษา
34 การตรวจวนิ จิ ฉัยโรคและตรวจคดั กรองเบาหวานขณะตังครรภ์ - เกณฑ์ของ Carpenter และ Coustan หญงิ ตงั้ ครรภ์ดืม่ นา้ ท่ลี ะลายนา้ ตาลกลโู คส 100 กรัม (100 gm OGTT) เวลา ระดับนา้ ตาลในเลอื ด (มก./ดล.) กอ่ นดื่มนา้ ตาล 100 กรมั 95 หลงั ดม่ื น้าตาล 1 ชว่ั โมง 180 หลงั ดืม่ นา้ ตาล 2 ช่ัวโมง 155 หลงั ดม่ื นา้ ตาล 3 ชวั่ โมง 140 *ต้ังแต่ 2 คา่ ขนึ้ ไปจะถอื ว่าเปน็ โรคเบาหวาน ขณะตัง้ ครรภ์ - เกณฑ์ของ International Diabetes Federation (IDF) หญิงตง้ั ครรภ์ดมื่ น้าทีล่ ะลายน้าตาลกลโู คส 75 กรัม (75 gm OGTT) เวลา ระดบั น้าตาลในเลือด (มก./ดล.) ก่อนดืม่ น้าตาล 100 กรมั 92 หลงั ดมื่ นา้ ตาล 1 ช่วั โมง 180 หลงั ดื่มน้าตาล 2 ชว่ั โมง 153 *ตงั้ แต่ 1 ค่าข้นึ ไปจะถือว่าเป็นโรคเบาหวานขณะต้ังครรภ์ เป้าหมายของระดบั น้าตาลในเลอื ดของผปู้ ว่ ยเบาหวานขณะตังครรภ์ เวลา ระดับนา้ ตาลในเลือด (มก./ดล.) ก่อนอาหารเชา้ อาหารม้ืออื่น และก่อนนอน 60-95 หลงั อาหาร 1 ชัว่ โมง <140 หลงั อาหาร 2 ชวั่ โมง <120 เวลา 02.00 – 04.00 น. >60 ท่มี า: แนวทางเวชปฏิบตั สิ าหรับโรคเบาหวาน 2559
35 าในการวนิ ิจฉัยความดันโลหิตสูง ตารางการจาแนกโรคความดันโลหิตสงู ตามความรนุ แรงในผใู้ หญอ่ ายุ18 ปี ขึ้นไป Category SBP DBP (มม.ปรอท) (มม.ปรอท) Optimal < 120 และ < 80 Normal 120-129 และ/หรือ 80/84 High normal 130-139 และ/หรือ 85-89 Grade 1 hypertension (mild) 140-159 และ/หรอื 90-99 Grade 2 hypertension (moderate) 160-179 และ/หรือ 100-109 Grate 3 hypertension (severe) >180 และ/หรือ >110 Isolated systolic hypertension (ISH) >140 และ < 90 หมายเหตุ:SBP = systolic blood pressure; DBP = diastolic blood pressure. เม่ือความรุนแรงของ SBP และ DBP อยู่ตา่ งระดับกัน ให้ ถือระดับทรี่ ุนแรงกว่าเป็นเกณฑ์ สาหรับ ISH ก็แบ่งระดับ ความรนุ แรงเหมือนกัน โดยใช้แตS่ BP ทีม่ า:แนวทางการรักษาโรคความดันโลหติ สงู ในเวชปฏบิ ัตทิ ว่ั ไป พ.ศ.2558
36 Classification of Blood Cholesterol Levels คา่ ทีใช้ในการติดตาม
37 Source: American Association Of Clinical Endocrinologists Medical Guidelines for Clinical Practice, 2012
38 การแบง่ ระยะของCKD พยากรณโรคไตเรือ้ รังตามความสมั พนั ธของ GFR และระดบั อัลบมู นิ ในปสสาวะ ทม่ี า:คาแนะนาสาหรบั การดูแลผปู้ ว่ ยโรคไตเร้ือรงั กอ่ นการบาบัดทดแทนไต พ.ศ.2558
39 การตรวจระดับน้าตาลในเลือดดว้ ยตนเอง ขอ้ บง่ ชกี ารทา้ SMBG 1. ผู้ป่วยเบาหวานทีม่ คี วามจ้าเป็นในการทา SMBG 1.1 ผู้ที่ตอ้ งการคุมเบาหวานอย่างเข้มงวด ได้แก่ ผู้ป่วยเบาหวานที่มีครรภ์ (pre-gestational DM) และ ผู้ปว่ ยเบาหวานขณะต้งั ครรภ์ (gestational DM) 1.2 ผู้ป่วยเบาหวานชนดิ ที่ 1 1.3 ผปู้ ว่ ยเบาหวานทมี่ ีภาวะนา้ ตาลต่าในเลอื ดบ่อยๆ หรือ รนุ แรง หรอื มภี าวะน้าตาลต่าในเลือด โดยไม่มี อาการเตอื น 2. ผปู้ ่วยเบาหวานที่ควรท้า SMBG 2.1 ผูป้ ว่ ยเบาหวานชนดิ ท่ี 2 ซง่ึ ได้รับการรกั ษาดว้ ยการฉดี อินซูลิน 3. ผปู้ ว่ ยเบาหวานที่อาจพิจารณาให้ทา SMBG 3.1 ผู้ป่วยเบาหวานชนิดท่ี 2 ซึ่งไม่ได้ฉีดอินซูลินแต่เบาหวานควบคุมไม่ได้ พิจารณาให้ทา SMBG เมื่อ ผปู้ ่วย และ/หรอื ผู้ดแู ลพร้อมท่ีจะเรียนรู้ ฝึกทักษะ และนาผลจาก SMBG มาใชป้ รับเปล่ยี น พฤตกิ รรมเพอ่ื ควบคุม ระดบั นา้ ตาลในเลือดใหไ้ ด้ตามเปา้ หมาย 3.2 ผ้ทู ่ีเพ่ิงได้รบั การวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน เพ่ือเรียนรู้ในการดูแลตนเองทั้งเร่ืองอาหาร การออกกาลัง กาย หรือไดย้ าลดระดับน้าตาลในเลอื ดใหเ้ หมาะสมกับกจิ วัตรประจาวัน ความถีของการท้า SMBG ความถีของการท้า SMBG 1. ผ้ปู ่วยเบาหวานระหวา่ งการตั้งครรภค์ วรทา SMBG ก่อนอาหารและหลังอาหาร 1 หรือ 2 ชั่วโมง ทัง้ 3 มื้อ และก่อนนอน (วนั ละ 7 คร้ัง) อาจลดจานวนครงั้ ลงเม่อื ควบคุมระดับนา้ ตาลในเลอื ดได้ดี 2. ผปู้ ่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ท่ีได้รบั การรักษาดว้ ย insulin pump ควรทา SMBG วนั ละ 4-6 ครง้ั 3. ผู้ป่วยเบาหวานที่ฉีดอินซูลินต้ังแต่ 3 ครั้งข้ึนไป ควรทา SMBG ก่อนอาหาร 3 ม้ือทุกวัน ควรทา SMBG กอ่ นนอน และหลังอาหาร 2 ชม.เปน็ ครั้งคราว หากสงสัยวา่ มีภาวะนา้ ตาลตา่ ในเลอื ดกลางดึกหรอื มี ความ เส่ียงทจี่ ะเกดิ ควรตรวจระดับนา้ ตาลในเลอื ดชว่ งเวลา 02.00-04.00 น.
40 4. ผู้ป่วยเบาหวานที่ฉดี อินซลู นิ วันละ 2 ครงั้ ควรทา SMBG อยา่ งนอ้ ยวันละ 2 ครัง้ โดยตรวจก่อน อาหาร เช้าและเยน็ อาจมกี ารตรวจก่อนอาหารและหลงั อาหารม้ืออนื่ ๆ เพื่อดูแนวโน้มการเปล่ียนแปลงของ ระดับนา้ ตาล ในเลอื ด และใชเ้ ปน็ ข้อมลู ในการปรับยา 5. ควรทา SMBG เม่ือสงสัยว่ามีภาวะนา้ ตาลต่าในเลือดและหลงั จากให้การรกั ษาจนกวา่ ระดบั น้าตาล ใน เลือดจะกลับมาปกตหิ รอื ใกลเ้ คยี งปกติ 6. ควรทา SMBG ก่อนและหลังการออกกาลงั กาย หรือกจิ กรรมท่ีมีความเสี่ยง เช่น การขบั รถ ในผู้ป่วย เบาหวานท่ไี ดร้ ับยาซงึ่ มคี วามเสีย่ งทจี่ ะเกิดภาวะน้าตาลต่าในเลือด 7. ในภาวะเจ็บป่วยควรทา SMBG อย่างน้อยวันละ 4 คร้ัง ทุก 4 ถึง 6 ช่ัวโมง หรือก่อนม้ืออาหาร เพ่ือ ค้นหาแนวโน้มท่ีจะเกดิ ภาวะน้าตาลต่าในเลือดหรอื ระดับน้าตาลในเลือดสงู เกนิ ควร 8. ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ซ่ึงฉีดอินซูลินก่อนนอน ควรทา SMBG ก่อนอาหารเช้าทุกวันหรืออย่าง นอ้ ย 3 คร้ัง/สปั ดาห์ในช่วงท่ีมีการปรับขนาดอินซลู ิน อาจมีการทา SMBG ก่อนและหลังอาหารมือ้ อ่ืนๆ สลับกัน เพื่อดูแนวโน้มการเปล่ยี นแปลงของระดับนา้ ตาลในเลือด ถ้ายังไม่ได้คา่ A1C ตามเปา้ หมาย ทมี่ า: แนวทางเวชปฏิบัตสิ าหรบั โรคเบาหวาน 2559
41 กา้ หนดคารบ์ ในแต่ละมอื ส้าหรบั หญงิ ตังครรภ์ (GDM)
42 Nutrient or food type recommendation Meal planning tips Energy Intake should be sufficient to Include 3 small- to moderate promote adequate , but not sized meals and 2-4 snacks. Space excessive , weight gain to support snacks and meals least 2 hours fetal development and to avoid apart. A bedtime snack ( or even ketonuria . Daily minimum of 1700- a snack in the middle of the 1800 kcal is an appropriate starting night) is recommended to goal diminish of hours fasting. Carbohydrate A minimum of 175 g CHO daily , Common carbohydrate guidelines Protein allowing for the approximately 33 : 2 carbohydrate choices (15-30 g) needed for fetal brain development. at breakfast , 3-4 choices (45-60g) Recommendations are based on for lunch and evening meal, 1-2 effect of intake on blood glucose choices (15 to 30 g) for snacks. levels. Intake should be distributed Recommendations should be throughout the day. Frequent modified based on individual feedings, smaller portions, with assessment and blood glucose intake sufficient to avoid ketonuria. self-monitoring test results. Protein foods do not raise post- 1.1 g/kg meal blood glucose levels. Add protein to meals and snacks to help provide enough calories and to satisfy appetite. Fat Limit saturated fat. Fat intake may be increased
43 because of increased protein take; focus on leanerprotein choices. Sodium Not routinely restricted Fiber For relief of constipation , gradually Use whole grains and raw fruits Non-nutritive sweeteners increase intake and increase fluids. and vegetables.Activity and fluids Vitamins and mineral help relieve constipation. Alcohol Use only FDA-approved sweeteners. Saccharin crosses the placenta but has not been shown to be harmful Preconception folate . Assess for Take prenatal vitamin, if it causes specific individual need : nausea,try taking at bedtime. multivitamin throughout pregnancy ,iron at12 weeks, and calcium, especially in the last trimester and while lactating Avoid all alcohol even in cooking BMI ผู้สงู อายุ ภาวะโภชนาการ BMI (kg/m2 ) ผอม 18.5-19.9 ระดบั 1 17.0-18.4 ระดบั 2 16.0-16.9 ระดบั 3 ระดบั 4 <16
44 ปกติ 18.5-24.9 อ้วน 25.0-29.9 ระดบั 1 30.0-39.9 ระดบั 2 ระดบั 3 >40.0 ค้านวณIBWอยา่ งงา่ ย - ชาย: IBW (kg) = สว่ นสูง (cm) –105 - หญิง: IBW(kg) = ส่วนสงู (cm) - 110 น้าหนกั ทลี ดลงโดยไม่ได้ตงั ใจ (%weight loss) ระยะเวลา 1 สปั ดาห์ ลดลง 1-2% 1 เดือน ลดลง 5% 3 เดือน ลดลง 7.5% 6 เดือน ลดลง 10%
45 ศพั ท์ทางการแพทย์ A Atrial Fibrillation (AF) โรคหัวใจเต้นผิดจงั หวะ ไมส่ ม่าเสมอ Asthma โรคหอบหืด Ante natal care (ANC) การดแู ลก่อนคลอด(การฝากครรภ)์ Allergy โรคภูมิแพ้,แพ้ Acute Gastroenteritis (AGE) ลาไส้อักเสบฉับพลัน Acidosis ภาวะเลอื ดเปน็ กรด Acute Renal Failure (ARF) ไตวายฉับพลนั Atherosclerotic heart disease โรค หลอดเลอื ดแดงหวั ใจแข็ง B Burns แผลไหม้ Blunt chest ไดร้ บั การกระแทกที่ หนา้ อก Blood pressure (BP) ความดันโลหิต Benign Prostatic Hyperplasia (BPH) โรคตอ่ มลกู หมากโต Basal ganglia ปมประสาท ทีม่ หี น้าทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการสงั่ การการเคลอ่ื นไหวของร่างกาย การเรียนรู้ การตัดสินใจ และกจิ เกย่ี วกบั อารมณค์ วามร้สู กึ C C-Spine injury การบาดเจบ็ ท่กี ระดกู ตน้ คอ Crushing การบดทบั
46 Concussion สมองกระทบกระเทือน Coma ภาวะหมดสติ ไม่รสู้ ึกตัว Complication โรคแทรกซอ้ น Cesarian Section (C/S) การผ่าคลอด Chief Complaint (CC)ประวัติสาคัญทมี่ าโรงพยาบาล Computed Tomography (CT) การ ตรวจเอก็ ซเ์ รย์คอมพิวเตอร์ Cerebrovascular Accident (CVA) โรคทางหลอดเลอื ดสมอง Constipation ทอ้ งผูก Coronary Care Unit (CCU) หออภบิ าลผปู้ ่วยหนักเฉพาะโรคหวั ใจ Colonic polyp ตง่ิ เนอ้ื ทีล่ าไสใ้ หญ่ Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis (CAPD) การล้างไตทางชอ่ งทอ้ งชนดิ ต่อเนอ่ื งด้วยตนเอง CTF (Capture the fracture) เป็นโครงการดแู ละผปู้ ่วยโรคกระดูกหกั จากโรคกระดูกพรนุ โดยทีมสหวิชาชพี ปัจจบุ ันใชค้ าวา่ FLS (Fracture Liaison service) D Dyslipidemia (DLD) โรคไขมนั ในเลอื ดสงู Diagnosis (Dx) การวนิ จิ ฉยั โรค Dyspnea หอบเหนือ่ ย Discharge ผูป้ ว่ ยออกจาก โรงพยาบาลแล้ว E Emergency room (E.R) หอ้ งฉกุ เฉิน F Fracture การแตกหักของกระดกู Fracture Femur กระดกู ต้นขา หกั Follow up (F/U) นัดตรวจติดตามอาการ Family history (FH) ประวัติการเจ็บป่วย ของคนในครอบครวั G General Appearance (GA) ลักษณะภายนอกท่วั ไป Global aphasia เป็นความผิดปกติของภาษาพูด เกดิ จากพยาธิสภาพทส่ี มอง ผปู้ ่วยจะพูดไม่คลอ่ ง ไม่ชัดและมี ปญั หาเรอื่ งความเข้าใจ H Head injury การไดร้ ับบาดเจ็บทศี่ รี ษะ Hemodialysis ห้องลา้ งไต HT (Hypertension) ความดนั โลหิตสงู I In patient Department (IPD) แผนกรกั ษาผปู้ ่วยใน Infection การตดิ เช้ือ
47 Intake/Outtake (I/O) ปริมาณน้าเข้าออกในแตล่ ะวนั Intensive care unit (I.C.U) หออภบิ าล ผปู้ ว่ ยหนกั รวม Ischemic stroke โรคหลอดเลอื ดสมองตีบหรอื อุดตัน Intracerebal hemorrhage โรคหลอดเลือดสมองแตกจากการฉีกขาดของหลอดเลอื ดในสมอง J Jaundice ดีซา่ น K L Labour room (L.R) ห้องคลอด LN (Lupus Nephritis) โรคไตทเ่ี ป็น ผลกระทบจากโรค SLE M Medication (MED) อายรุ กรรม Morbid obesity ภาวะอว้ นอย่างรนุ แรง N Nervous System (N/S) สญั ญาณชีพทางระบบประสาท Not applicable (N/A) ไม่มขี ้อมลู Nephrotic syndrome (NS) ไตอกั เสบ Nasogastric Tube (NG Tube) การใส่สาย ยางทางจมกู ถงึ กระเพาะ NASH (Nonalcoholic steatohepatitis) เปน็ ภาวะทมี่ ีไขมันสะสมในตับรวมกบั การอกั เสบ Non-ST Elevated Myocardial Infarction (NSTEMI) ภาวะหัวใจขาดเลอื ดเฉยี บพลัน O Observe สังเกตอาการ Orthopedic (ORTHO) กระดูกและขอ้ Out Patient Department (OPD) แผนกผปู้ ่วยนอก Operating room (O.R) ผ่าตัด ORIF (Open Reduction Internal Fixation) การผา่ ตดั กระดูกให้เขา้ ที่ โดยการตรงึ กระดกู ทห่ี ักดว้ ยโลหะซึง่ จะ ใสอ่ ยู่ภายนอกร่างกายของผ้ปู ว่ ย P Pulse ชีพจร Pneumothorax ภาวะลมในช่องปอด Pale ซดี Pain ความปวด Pharmacy หอ้ งจ่ายยา Physical therapy แผนกกายภาพบาบดั
48 Physical Examination (PE) การตรวจรา่ งกาย Past History (PH) ประวัติอดีต Present Illness (PI) ประวตั ปิ จั จบุ นั Physical therapy (PT) กายภาพบาบัด Past medical history (PMH) ประวัติอดตี ของการรกั ษา Q R R/O สงสยั วา่ จะเปน็ S Swelling อาการบวม Surgical (SUR) ศลั ยกรรม (รกั ษาด้วย การผ่าตัด) Side effect ผลข้างเคียง Sputum เสมหะ Stress เครียด Surgery ศัลยกรรม Septicemia ตดิ เชื้อในกระแสเลอื ด SLE (Systemic lupus erythematosus) โรคแพ้ภมู ิตวั เอง Septic shock ภาวะชอ็ กเหตุพษิ ติดเชอื้ เกิดข้ึนหลงั จากการติดเชื้อในกระแสเลอื ด Surgical Intensive Care Unit (SICU) หออภบิ าลผปู้ ว่ ยวกิ ฤตศัลยกรรม ST Elevated Myocardial Infarction (STEMI) ภาวะหวั ใจขาดเลอื ดเฉียบพลนั SGOT (Serum Glutamic-Oxaloacetic Transaminase) หรือ AST (Aspartate Transaminase) เป็นเอนไซม์ ทใ่ี ช้ชว่ ยตรวจภาวะโรคตับ SGPT (Serum glutamate pyruvate transaminase) หรอื ALT (Alanine transaminase) เป็นเอนไซมท์ ี่ใช้ ชว่ ยตรวจภาวะโรคตบั T Treatment การรกั ษา Transfer การย้ายผ้ปู ว่ ย Therapy การรกั ษา Traumatic Brain Injury (TBI) การ บาดเจบ็ ทสี่ มอง Tuberculosis วัณโรค U Unconscious ไมร่ ู้สกึ ตัว Urine analysis การเกบ็ ปสั สาวะส่ง ตรวจ
49 Urticaria ลมพิษ Underlying disease (U/D) โรค ประจาตัว Upper Respiratory Infection (URI) การตดิ เช้ือทางเดินหายใจสว่ นบน Urinary Tract Infection (UTI) การตดิ เช้ือทางเดนิ ปัสสาวะ V Vital sign (V/S) สัญญาณชพี Vomit อาเจยี น Viral myocarditis กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากไวรสั W Wound แผล Weak ออ่ นเพลีย Ward ตกึ ผ้ปู ว่ ย X Y Z
Search