Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่7

หน่วยที่7

Published by 094 พรรณาภา มาทรัพย์, 2021-07-02 15:31:28

Description: หน่วยที่7

Search

Read the Text Version

การประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยดี ิจิทลั ในอาชีพของ การเป็นพลเมืองยคุ ดิจิทลั (Digital Citizenship)

ความหมายของพลเมืองดิจิทัล สานกั งานราชบณั ฑิตยสภาใหน้ ิยาม “พลเมือง” (Citizen) วา่ คนท่ีมีสิทธิและหนา้ ท่ีในฐานะประชาชนของประเทศใดประเทศ หน่ึง หรือประชาชนท่ีอยภู่ ายใตก้ ารปกครองเดียวกนั และมกั มีวฒั นธรรมเดียวกนั ส่วนในความเขา้ ใจของคนทว่ั ไป พลเมือง คือ บุคคลที่เกิด ในประเทศน้นั ๆ หรือไดร้ ับสญั ชาติและมีความจงรักภกั ดีต่อรัฐ รวมท้งั หมายถึงกลุ่มคนที่มีสิทธิและความรับผดิ ชอบร่วมกนั ในฐานะ สมาชิกของสงั คมอยา่ งไรกด็ ี ทุกวนั น้ีชาวต่างชาติกม็ ีชีวติ ทางานและเรียนรู้อยใู่ นสงั คมท่ีเชื่อมต่อกนั ในระดบั โลก อีกท้งั ยงั ทากิจกรรมตา่ ง ๆ ในโลกออนไลนม์ ากข้ึนเร่ือย ๆ จนโลกเสมือนและโลกจริงแทบจะหลอมรวมเป็นเน้ือเดียวกนั การนิยามความเป็นพลเมืองโดยยดึ ติดกบั “ประเทศใดประเทศหน่ึง” และละเลยขอ้ เทจ็ จริงท่ีวา่ ชีวติ ของเราส่วนหน่ึงไดเ้ ขา้ ไปอยใู่ นโลกดิจิทลั อาจไม่สอดคลอ้ งกบั ความเป็นจริงในโลกสมยั ใหม่อีกต่อไป ส่วนความเป็นพลเมืองดิจิทลั (Digital Citizenship) คือ พลเมืองผใู้ ชง้ านสื่อดิจิทลั และ ส่ือสงั คมออนไลน์ท่ีเขา้ ใจบรรทดั ฐานของการปฏิบตั ิตนเหมาะสมและมีความรับผดิ ชอบในการใช้ เทคโนโลยโี ดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การสื่อสารในยคุ ดิจิทลั เป็นการส่ือสารท่ีไร้พรมแดน

มิติของพลเมืองดิจิทัล ความเป็นพลเมืองดิจิทลั แบ่งออกเป็น 3 มิติ คือ 1. มิติดา้ นความรู้เกี่ยวกบั สื่อและสารสนเทศ พลเมืองดิจิทลั ตอ้ งมีความรู้ความสามารถในการเขา้ ถึง การใช้ สร้างสรรค์ ประเมิน สงั เคราะห์ และสื่อสารขอ้ มูลข่าวสารผา่ นเครื่องมือดิจิทลั 2. มิติดา้ นจริยธรรม พลเมืองดิจิทลั จะใชอ้ ินเทอร์เน็ตไดอ้ ยา่ งปลอดภยั มีความรับผดิ ชอบ และมีจริยธรรมไดอ้ ยา่ งไร พลเมือง ที่ดีจะตอ้ งรู้จกั คุณค่าและจริยธรรมจากการใชเ้ ทคโนโลยี ไม่มีการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของบุคคลอ่ืน และไม่มีการใหร้ ้าย และการ กล่าวหาท่ีไม่มีขอ้ เทจ็ จริง 3. มิติดา้ นการมีส่วนร่วมทางการเมืองและสงั คม พลเมืองดิจิทลั ตอ้ งรู้จกั ใชศ้ กั ยภาพของอินเทอร์เน็ตในการมีส่วนร่วมทางการ เมือง เศรษฐกิจ และสงั คม อินเทอร์เน็ตเป็นไดท้ ้งั เคร่ืองมือเพอ่ื การมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบบ กล่าวโดยสรุป การจะเป็นพลเมืองที่ดีน้นั จะตอ้ งมีชุดทกั ษะและความรู้ท้งั ในเชิงเทคโนโลยี และการคิดขน้ั สูง หรือที่เรียกวา่ “ความรู้ดิจิทลั ” (Digital literacy) เพือ่ ใชป้ ระโยชนจ์ ากขอ้ มูลขา่ วสารในโลกออนไลน์ รู้จกั ป้องกนั ตนเองจากความเสี่ยงต่าง ๆ ในโลก ออนไลน์ เขา้ ใจถึงสิทธิ ความรับผดิ ชอบ และจริยธรรมที่สาคญั ในยคุ ดิจิทลั และใชป้ ระโยชน์จากอินเทอร์เน็ตในการมีส่วนร่วมทางการ เมือง เศรษฐกิจ และสงั คม วฒั นธรรม ท้งั เพ่ือตนเอง ชุมชน ประเทศ และโลก

แนวคิดในการเป็ นพลเมืองดิจิทัล แนวคิดเกี่ยวกบั ความเป็นพลเมืองสามารถแบ่งออกเป็น 3 แนวคิดหลกั 1. ความเป็นพลเมืองชาติตามขนบธรรมเนียม (Traditional Citizenship) แนวคิดความเป็นพลเมืองแบบเดิมน้นั ใหค้ วามสาคญั กบั “การเป็นสมาชิกภายใตก้ ฎหมายของรัฐชาติท่ีตนสงั กดั ” หรือท่ีเรียกวา่ “ความเป็นพลเมืองภายใตก้ ฎหมาย” (Legal Citizenship) ส่ิงสาคญั สาหรับการเป็นพลเมืองที่ดีตามแนวคิดน้ี คือ การมีความรู้เกี่ยวกบั รัฐบาลและหนา้ ท่ีพลเมืองตามกฎหมาย เช่น การไปเลือกต้งั และจ่ายภาษี 2. ความเป็นพลเมืองโลก (Global Citizenship) แนวคิดความเป็นพลเมืองโลกวพิ ากษค์ วามเชื่อที่วา่ พลเมืองจะตอ้ งผกู ติดกบั ความ เป็นชาติและวฒั นธรรมชาติที่ตนสงั กดั เพยี งหน่ึงเดียว ซ่ึงตีกรอบความเป็น พลเมืองไวค้ บั แคบและกีดกนั กลุ่มคนที่มีเช้ือชาติ ศาสนา ภาษา และวฒั นธรรมอนั แตกต่างหลากหลาย ออกจากความเป็นพลเมือง แนวคิดความเป็นพลเมืองโลกตระหนกั ถึงความเช่ือมโยงและการพ่ึงพา อาศยั กนั ในระดบั โลก และมีจิตสานึกร่วมถึงปัญหาในระดบั โลก เช่น ปัญหาโลกร้อน 3. ความเป็นพลเมืองดิจิทลั (Digital Citizenship) แนวคิดความเป็นพลเมืองดิจิทลั พดู ถึงความสามารถในการใชอ้ ินเทอร์เน็ตเพอ่ื มี ส่วนร่วมในสงั คมเศษฐกิจดิจิทลั อยางมีประสิทธิภาพ มีความรับผดิ ชอบ และปลอดภยั การปฏิวตั ิเทคโนโลยกี ารส่ือสารไดเ้ ปิ ดโอกาสและ หยบิ ยน่ื ความทา้ ทายใหม่ ๆ ใหก้ บั พลเมืองดิจิทลั ซ่ึงสามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลโดยไร้ขอ้ จากดั เชิงภูมิศาสตร์ เขา้ ร่วมชุมชนท่ีมีความสนใจร่วมกนั สร้างสรรค์ แนวคิดใหม่ ๆ ในการแกไ้ ขปัญหา และทาใหเ้ สียงของพลเมืองดงั ข้ึนในสงั คม

ประเภทของพลเมืองดิจิทัล พลเมืองยคุ ดิจิทลั สามารถแบ่งกลุ่มได้ 2 กลุ่ม ดงั นี กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มท่ีชอบการตลาดออนไลน์ คือ การขาย (Sales) และการตลาด (Marketing) ซ่ึงอาชีพท่ีเกิดใหม่ในสายงานน้ีท่ีเห็นไดช้ ดั ใน ปัจจุบนั คือ อาชีพนกั รีววิ (Reviewer) และอาชีพบลอ็ กเกอร์สินคา้ (Blogger) เป็นอาชีพท่ีเกิดข้ึนมาใหม่เพ่อื งานบริการและข่าวสารโดยการถ่ายทอดสด วดิ ีโอต่าง ๆ ผา่ นเฟซบุก๊ (Facebook) ไลน์ (Line) แอปพลิเคชนั ซ่ึงจะเห็น มากมายในโลกออนไลน์ยคุ น้ี

กลุ่มท่ี 2 คือ กลุ่มคนที่มีความชอบดา้ นเทคโนโลยี (Technology) คนกลุ่มน้ีจะมีองคค์ วามรู้และถนดั ดา้ นการใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศ เขียนโปรแกรมได้ คือ นกั พฒั นาแอปพลิเคชนั (Application Creator) ซ่ึงเป็นอาชีพท่ีน่าสนใจและน่าจบั ตามองเป็นอยา่ งมาก อาชีพคน กลุ่มน้ีสอดคลอ้ งกบั แนวโนม้ ของการพฒั นาเทคโนโลยที ่ีกาลงั เติบโตข้ึน เรื่อย ๆ เพราะดว้ ยวถิ ีการใชช้ ีวติ ของคนยคุ ดิจิทลั การพฒั นาแอปพลิเคชนั เพ่อื ตอบสนองความตอ้ งการเพอื่ ความสะดวกสบาย เป็นส่วนสาคญั ในการ กระตุน้ การใชบ้ ริการและซ้ือสินคา้ ของคน

คุณลักษณะที่ดีของพลเมืองดิจิทัล พลเมืองดจิ ติ อลทม่ี คี ุณลกั ษณะทด่ี ี (Good Digital Citizens) มอี งค์ประกอบหลายประการ สรุปได้ ดงั นี้ 1. การตระหนักถงึ ความสามารถในการเข้าถงึ เทคโนโลยสี ารสนเทศของผู้อ่ืน ผใู้ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศทุกคนควรตระหนกั วา่ บุคคลมีโอกาสในการเขา้ ถึงและมีศกั ยภาพใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศที่แตกต่างกนั พลเมืองดิจิตอลที่ดีจึงไม่ควรเลือกปฏิบตั ิและดูหม่ินบุคคลผขู้ าดทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยฯี หากแต่จะตอ้ งช่วยกนั แสวงหามาตรการต่าง ๆ เพื่อ เสริมสร้างความเสมอภาคในการเขา้ ถึงเทคโนโลยฯี อนั จะทาใหส้ งั คมและประเทศน้นั ๆ กา้ วเขา้ สู่ยคุ ดิจิตอลไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 2. การเป็ นผู้ประกอบการและผู้บริโภคทม่ี ีจริยธรรม เป็นท่ีทราบกนั โดยทวั่ ไปวา่ เทคโนโลยสี ารสนเทศไดเ้ ปลี่ยนแปลงระบบตลาดแบบ ด้งั เดิม (Traditional Marketplace) ไปสู่ตลาดในระบบการตลาดดิจิทลั (Digital Marketplace) และได้ รับความนิยมอยา่ งแพร่หลายดงั จะเห็นไดจ้ ากความหลายหลายของประเภทสินคา้ ที่สามารถซ้ือหาได้ ในระบบออนไลน์ ตลอดจนบริการประเภทต่าง ๆ ที่ผบู้ ริโภคสามารถทาธุรกรรมไดอ้ ยา่ งสะดวก พลเมืองยคุ ดิจิตอลจะตอ้ งมีความซ่ือสตั ยแ์ ละมีศีลธรรมในการทานิติกรรมและธุรกรรมทุกประเภท บนโลกออนไลน์ เช่น ไม่ซ้ือขายและทาธุรกรรมที่ผดิ กฎหมาย เช่น การดาวนโ์ หลดสิ่งท่ีขดั ต่อกฎ หมาย ตลอดจนการใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยเี พ่ือหลอกลวงผอู้ ่ืนใหซ้ ้ือสินคา้ และบริการที่ไม่มีคุณภาพ เป็นตน้

3. การเป็ นผู้ส่งสารและรับสารทมี่ มี ารยาท รูปแบบการสื่อสารไดม้ ีการพฒั นาและเปลี่ยนแปลงไปอยา่ งมากในช่วงศตวรรษท่ี 21 ดงั น้นั จะเห็นไดจ้ ากรูปแบบการส่ือสารผา่ นอินเตอร์เน็ตที่สะดวก รวดเร็วและมีความเชื่อมโยง ทวั่ โลก เช่น อีเมล และ ส่ือสงั คมออนไลนห์ ลากหลายประเภท ปัจจุบนั มีผใู้ ช้ขอ้ ไดเ้ ปรียบของ ช่องทางการสื่อสารดงั กล่าวอยา่ งไม่เหมาะสม เช่น การส่งสารท่ี มีเจตนาหมิ่นประมาทผอู้ ื่นและ การส่งสารท่ีมีเจตนาใหส้ งั คมเกิดความแตกแยก ท้งั ท่ี กระทาไปโดยเจตนาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดงั น้นั พลเมืองดิจิตอลที่ดีจะตอ้ งมีมารยาทและความรับผดิ ชอบต่อการกระทาของตนในโลก ออนไลน์ หรือ ที่เรารู้จกั กนั ดีในนามของ (Digital Etiquette) ที่จะเป็นเคร่ืองมือในการย้า เตือนสติตลอดจนการกระทาท่ีเหมาะสมในการสื่อสารทุกประเภทในยคุ ดิจิตอล 4. การเคารพต่อกฎหมายและกฎระเบยี บ ปัจจุบนั การทาธุรกรรมและนิติกรรมทางอิเลก็ ทรอนิกส์อยภู่ ายใตบ้ งั คบั ของกฎหมายและกฎระเบียบวา่ ดว้ ยการทา ธุรกรรมทางอิเลก็ ทรอนิกส์ซ่ึงมีวตั ถุประสงคห์ ลกั ในการป้องกนั และปราบปรามการละเมิด ในรูปแบบต่าง ๆ ท่ีมีลกั ษณะเป็น อาชญากรรมทางอิเลก็ ทรอนิกส์ เช่น การลกั ขโมยและการจารกรรมขอ้ มูลประเภทต่าง ๆ เช่น ขอ้ มูลทางธุรกิจและขอ้ มูลส่วนบุคคล ตลอดจนมาตรการคุม้ ครองเกี่ยวกบั ทรัพยส์ ินทางปัญญาในรูปแบบต่าง ๆ ดงั น้นั พลเมืองยคุ ติจิตอลที่ดีจะตอ้ งตระหนกั และรับทราบถึง กฎหมายและกฎระเบียบดงั กล่าว ตลอดจนมีความยบั ย้งั ช่างใจต่อการกระทาของตนที่อาจเป็นการละเมิดสิทธิของบุคคลอ่ืน

5. การใช้เทคโนโลยใี ห้มคี วามเหมาะสมและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศท่ีขาดความเหมาะสมอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม เช่น ความเครียดต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิตตลอดจนการก่อใหเ้ กิดการสูญเสียสมั พนั ธ์ภาพในสงั คมได้ พลเมืองยคุ ดิจิตอลจะตอ้ งควบคุมการใชอ้ ุปกรณ์ อิเลก็ ทรอนิกส์ใหม้ ีความเหมาะสมเพื่อป้องกนั มิใหเ้ กิดอาการเสพติดต่อ สิ่งดงั กล่าวจนเกิดผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมได้ นอกจากน้ี การลดปริมาณการส่ือสารแบบออนไลน์มาเป็นรูปแบบการสื่อสารแบบด้งั เดิมในบางโอกาสจะก่อใหเ้ กิดผลดีต่อสมั พนั ธภาพของ บุคคลใกลช้ ิดอีกดว้ ย 6. เรียนรู้วธิ ีการเสริมสร้างความปลอดภยั ในการใช้เทคโนโลยี พลเมืองดิจิตอลนอกจากจะตอ้ งเป็นผทู้ ี่มีทกั ษะในการ ใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งมีประสิทธิภาพแลว้ จะตอ้ งใฝ่ รู้และใหค้ วามสาคญั กบั มาตรการเพ่อื ความปลอดภยั และการคุม้ ครองขอ้ มูลส่วนบุคคลดว้ ย (Digital Security) เน่ืองจากในยคุ ดิจิตอลน้นั ผมู้ ีเจตนากระทาผดิ และ หลอกลวงสามารถใชเ้ ทคโนโลยที ่ีมีความทนั สมยั เพ่ือหลอกลวงผอู้ ื่น ไดง้ ่ายกวา่ กระบวนการส่ือสารแบบด้งั เดิม วธิ ีการเสริมสร้างความ ปลอดภยั ในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ที่สามารถกระทาไดโ้ ดยง่าย มีหลากหลายวธิ ี

ทักษะของพลเมืองยุคดิจิทัล สมาชิกของโลกออนไลน์ คือ ทุกคนท่ีใชเ้ ครือข่ายอินเทอร์เน็ตบนโลกใบน้ีผใู้ ชส้ ่ือสงั คมออนไลน์มีความหลากหลาย ทางเช้ือชาติ อายุ ภาษา และวฒั นธรรม พลเมืองดิจิทลั จึงตอ้ งเป็นพลเมืองที่มีความรับผดิ ชอบ มีจริยธรรม เห็นอกเห็นใจและเคารพ ผอู้ ่ืน มีส่วนร่วม และมุ่งเนน้ ความเป็นธรรมในสงั คม การเป็นพลเมืองในยคุ ดิจิทลั น้นั มีทกั ษะท่ีสาคญั 8 ประการ ดงั น้ี 1. ทกั ษะในการรักษาอตั ลกั ษณ์ท่ีดีของตนเอง (Digital Citizen Identity) 2. ทกั ษะในการรักษาขอ้ มูลส่วนตวั (Privacy Management) 3. ทกั ษะในการคิดวิเคราะห์มีวจิ ารณญาณท่ีดี (Critical Thinking) 4. ทกั ษะในการจดั สรรเวลาหนา้ จอ (Screen Time Management) 5. ทกั ษะในการรับมือกบั การคุกคามทางโลกออนไลน์ (Cyberbullying Management) 6. ทกั ษะในการบริหารจดั การขอ้ มูลที่ผใู้ ชง้ านมีการทิ้งไวบ้ นโลกออนไลน์ (Digital Footprints) 7. ทกั ษะในการรักษาความปลอดภยั ของตนเองในโลกออนไลน์ (Cybersecurity Management)

Digital Literacy ในปัจจุบนั โลกมีการเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเร็ว จากยคุ Analog ไปสู่ยคุ Digital และ ยคุ Robotic จึงทาใหเ้ ทคโนโลยดี ิจิทลั มีอิทธิพลต่อการดารงชีวติ และการทางาน ขา้ ราชการซ่ึงเป็นแกน หลกั ของการพฒั นาประเทศ จึงตอ้ งปรับตวั ใหส้ อดคลอ้ งกบั บริบทของการเปล่ียนแปลง เพือ่ ป้องกนั ไม่ใหเ้ กิด culture shock เนื่องจากการเปล่ียนผา่ นเทคโนโลยี และเพ่ือป้องกนั ความเส่ียงท่ีอาจเกิด จากการใชเ้ ทคโนโลยที ่ีไม่เหมาะสม เช่น การสูญเสียการเป็นส่วนตวั ความปลอดภยั ในชีวติ และ ทรัพยส์ ิน การโจรกรรมขอ้ มูล การโจมตีทางไซเบอร์ เป็นตน้ Digital literacy หรือทกั ษะความเขา้ ใจและใชเ้ ทคโนโลยดี ิจิทลั เป็นทกั ษะดา้ นดิจิทลั พ้ืนฐานที่จะเป็นตวั ช่วยสาคญั สาหรับขา้ ราชการในการปฏิบตั ิงาน การส่ือสาร และการทางานร่วมกนั กบั ผอู้ ่ืนในลกั ษณะ “ทานอ้ ย ไดม้ าก” หรือ “Work less but get more impact” และช่วยส่วนราชการ สร้างคุณค่า (Value Co-creation) และความคุม้ คา่ ในการดาเนินงาน (Economy of Scale) เพื่อการกา้ วไปสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 อีกท้งั ยงั เป็นเครื่องมือช่วยใหข้ า้ ราชการ สามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองเพ่อื ใหไ้ ดร้ ับโอกาสการทางานที่ดีและเติบโตกา้ วหนา้ ในอาชีพราชการ (Learn and Growth) ดว้ ย

ก่อนที่จะเขา้ สู่การรู้ดิจิทลั น้นั มาทาความรู้จกั กบั นิยามของคาวา่ การรู้หนงั สือ หรือ Literacy แบบด้งั เดิมเสียก่อน การเรียนรู้ แบบด้งั เดินเนน้ ทกั ษะซ่ึงเก่ียวขอ้ งกบั การคิดคานวณ การฟัง การพดู การอ่าน การเขียน และการคิดเชิงวเิ คราะห์ ดว้ ยมีเป้าหมายคือ การ พฒั นาผเู้ รียน ใหเ้ ป็นนกั คิดเพื่อที่จะใหส้ ามารถเขา้ ร่วมสงั คมในวธิ ีที่มีประสิทธิภาพ ซ่ึงทกั ษะดงั กล่าวเป็นเพยี งส่วนหน่ึงของทกั ษะ ความสามารถของการมีส่วนร่วมในสงั คมดิจิทลั เท่าน้นั ทกั ษะความเขา้ ใจและใชเ้ ทคโนโลยดี ิจิทลั หรือ Digital literacy หมายถึง ทกั ษะในการนาเครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยี ดิจิทลั ท่ีมีอยใู่ นปัจจุบนั อาทิ คอมพวิ เตอร์ โทรศพั ท์ แทป็ เลต็ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และสื่อออนไลน์ มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์สูงสุด ใน การสื่อสาร การปฏิบตั ิงาน และการทางานร่วมกนั หรือใชเ้ พือ่ พฒั นากระบวนการทางาน หรือระบบงานในองคก์ รใหม้ ีความทนั สมยั และมีประสิทธิภาพ ทกั ษะความสามารถสาหรับการรู้ดิจิทลั น้นั สามารถแบ่งเป็น 4 ส่วนที่สาคญั ไดแ้ ก่ ใช้ (Use) เขา้ ใจ (Understand) สร้าง (Create) และ เขา้ ถึง (Access) เทคโนโลยดี ิจิทลั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ในแต่ละส่วนมีรายละเอียดดงั น้ี 1. ใช้ (Use) หมายถึง ความคล่องแคล่วทางเทคนิคที่จาเป็นในการใชค้ อมพิวเตอร์และ อินเทอร์เน็ต ทกั ษะและความสามารถท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั คาวา่ “ใช”้ ครอบคลุมต้งั แต่เทคนิคข้นั พ้นื ฐาน คือ การใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น โปรแกรมประมวลผลคา (Word processor) เวบ็ เบราวเ์ ซอร์ (Web browser) อีเมล และเครื่องมือสื่อสารอ่ืน ๆ สู่เทคนิคข้นั สูงข้ึนสาหรับการเขา้ ถึงและการใช้ ความรู้ เช่น โปรแกรมท่ีช่วยในการสืบคน้ ขอ้ มูล หรือ เสิร์ชเอนจิน (Search engine) และฐานขอ้ มูล ออนไลน์ รวมถึงเทคโนโลยอี ุบตั ิใหม่ เช่น Cloud computing

2. เขา้ ใจ (Understand) คือ ชุดของทกั ษะที่จะช่วยผเู้ รียนเขา้ ใจบริบทและประเมินส่ือดิจิทลั เพื่อใหส้ ามารถตดั สินใจเก่ียวกบั อะไรท่ีทาและพบบนโลกออนไลน์ จดั วา่ เป็นทกั ษะท่ีสาคญั และท่ีจาเป็นที่จะตอ้ งเริ่มสอนเดก็ ใหเ้ ร็วท่ีสุดเท่าท่ีพวกเคา้ เขา้ สู่โลกออนไลน์ เขา้ ใจยงั รวมถึงการตระหนกั วา่ เทคโนโลยเี ครือขา่ ยมีผลกระทบต่อพฤติกรรมและมุมมองของผเู้ รียนอยา่ งไร มีผลกระทบต่อความเช่ือ และความรู้สึกเก่ียวกบั โลกรอบตวั ผเู้ รียนอยา่ งไร เขา้ ใจยงั ช่วยเตรียมผเู้ รียนสาหรับเศรษฐกิจฐานความรู้ท่ีผเู้ รียนพฒั นาทกั ษะการจดั การ สารสนเทศเพื่อคน้ หา ประเมิน และใชส้ ารสนเทศอยา่ งมีประสิทธิภาพเพือ่ ติดต่อส่ือสาร ประสานงานร่วมมือ และแกไ้ ขปัญหา 3. สร้าง (Create) คือ ความสามารถในการผลิตเน้ือหาและการส่ือสารอยา่ งมีประสิทธิ ภาพผา่ นเครื่องมือส่ือดิจิทลั ที่หลากหลาย การสร้างดว้ ยสื่อดิจิทลั เป็นมากกวา่ แค่การรู้วธิ ีการใช้ โปรแกรมประมวลผลคาหรือการเขียนอีเมล แต่มนั ยงั รวมความสามารถในการดดั แปลงส่ิงท่ีผู้ เรียนสร้างสาหรับบริบทและผชู้ มที่แตกต่างและหลากหลาย ความสามารถในการสร้างและส่ือ สารดว้ ยการใช้ Rich media เช่น ภาพ วดิ ีโอ และเสียง ตลอดจนความสามารถในการมีส่วนร่วม กบั Web 2.0 อยา่ งมีประสิทธิภาพและรับผดิ ชอบ เช่น Blog การแชร์ภาพและวิดีโอ และ Social media รูปแบบอ่ืน ๆ 4. เขา้ ถึง (Access) คือ การเขา้ ถึงและใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยดี ิจิทลั และขอ้ มูลข่าวสาร เป็นฐานรากในการพฒั นา การ สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ผเู้ รียนจาเป็นตอ้ งเขา้ ใจอินเทอร์เน็ตและการเขา้ ถึงอินเทอร์เน็ตดว้ ยช่องทางต่าง ๆ รวมถึง ขอ้ ดี ขอ้ เสียของแต่ละช่องทางได้ เพ่อื ใหส้ ามารถไข้ Search Engine ดน้ หาขอ้ มูลท่ีตอ้ งการจาก อินเทอร์เน็ตไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ี ยงั จาเป็นตอ้ งเขา้ ใจสื่อทางดิจิทลั ชนิดต่าง ๆ รวมถึง การนาไปประยกุ ตใ์ ชง้ านในปัจจุบนั

\"การรู้ดิจิทลั \" คือ ความหลากหลายของทกั ษะที่เก่ียวขอ้ งสมั พนั ธ์กนั ซ่ึงทกั ษะเหล่าน้นั อยภู่ ายใต้ การรู้ส่ือ (Media literacy) การรู้เทคโนโลยี (Technology literacy) การรู้สารสนเทศ (Information literacy) การรู้เก่ียวกบั ส่ิงท่ีเห็น (Visual literacy) การรู้การ ส่ือสาร (Communication literacy) และการรู้สงั คม (Social literacy) 1) การรู้ส่ือ (Media Literacy) การรู้ส่ือสะทอ้ นความสามารถของผเู้ รียนเก่ียวกบั การเขา้ ถึง การวเิ คราะห์ และการผลิตส่ือ ผา่ นความเขา้ ใจและการตระหนกั เกี่ยวกบั 1.ศิลปะ ความหมาย และการส่งขอ้ ความในรูปแบบต่าง ๆ 2.ผลกระทบและอิทธิพลของสื่อมวลชนและวฒั นธรรมท่ีเป็นท่ีนิยม 3.ส่ือขอ้ ความถูกสร้างข้ึนอยา่ งไรและทาไมถึงถูกผลิตข้ึน 4.ส่ือสามารถใชใ้ นการสื่อสารความคิดของเราเองไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพไดอ้ ยา่ งไร 2) การรู้เทคโนโลยี (Technology literacy) ความชานาญในเทคโนโลยสี ่วนใหญ่มกั จะเก่ียวขอ้ งกบั ความรู้ดิจิทลั ซ่ึง ครอบคลุมจากทกั ษะคอมพวิ เตอร์ข้นั พ้นื ฐานสู่ทกั ษะท่ีซบั ซอ้ นมากข้ึนเช่นการแกไ้ ขภาพยนตร์ดิจิทลั หรือการเขียนรหสั คอมพิวเตอร์ 3) การรู้สารสนเทศ (Information literacy) การรู้สารสนเทศเป็นอีกส่ิงท่ีสาคญั ของการรู้ดิจิทลั ซ่ึงครอบคลุมความสามารถ ในการประเมินวา่ สารสนเทศใดท่ีผเู้ รียนตอ้ งการ การรู้วธิ ีการท่ีจะคน้ หาสารสนเทศที่ตอ้ งการออนไลน์ และการรู้การประเมินและการ ใชส้ ารสนเทศที่สืบคน้ ได้ การรู้สารสนเทศถูกพฒั นาเพือ่ การใชห้ อ้ งสมุด มนั ยงั สามารถเขา้ ไดด้ ีกบั ยคุ ดิจิทลั ซ่ึงเป็นยคุ ท่ีมีขอ้ มูล สารสนเทศออนไลน์มหาศาลซ่ึงไม่ไดม้ ีการกรอง ดงั น้นั การรู้วธิ ีการคิดวเิ คราะห์เกี่ยวกบั แหล่งที่มาและเน้ือหานบั เป็นสิ่งจาเป็น

4) การรู้เกี่ยวกบั สิ่งที่เห็น (Visual literacy) การรู้เก่ียวกบั ส่ิงที่เห็นสะทอ้ นความสามารถของของผเู้ รียนเกี่ยวกบั ความเขา้ ใจ การแปลความหมายสิ่งที่เห็น การวเิ คราะห์ การเรียนรู้ การแสดงความคิดเห็น และความสามารถในการใชส้ ิ่งที่เห็นน้นั ในการทางานและการดารงชีวติ ประจาวนั ของตนเองได้ รวมถึงการ ผลิตขอ้ ความภาพไม่วา่ จะผา่ นวตั ถุ การกระทา หรือสญั ลกั ษณ์ การรู้เก่ียวกบั สิ่งท่ีเห็นเป็นส่ิงจาเป็นสาหรับการเรียนรู้และการส่ือสาร ในสงั คมสมยั ใหม่ 5) การรู้การส่ือสาร (Communication literacy) การรู้การส่ือสารเป็นรากฐานสาหรับการคิด การจดั การ และการเช่ือมต่อกบั คนอ่ืน ๆ ในสงั คมเครือข่าย ทุกวนั น้ีเดก็ และเยาวชนไม่ เพยี งจาเป็นตอ้ งเขา้ ใจการบูรณาการความรู้จากแหล่งต่าง ๆ เช่น เพลง วดิ ีโอ ฐานขอ้ มูลออนไลน์ และสื่ออ่ืน ๆ พวกเคา้ ยงั จาเป็นตอ้ งรู้วธิ ีการใชแ้ หล่งสารสนเทศเหล่าน้นั เพอื่ เผยแพร่และแลกเปล่ียน ความรู้ 6) การรู้สงั คม (Social literacy) การรู้สงั คมหมายถึงวฒั นธรรมแบบการมีส่วนร่วม ซ่ึงถูกพฒั นาผา่ นความร่วมมือและเครือขา่ ย เยาวชนตอ้ งการทกั ษะสาหรับการทางานภายในเครือขา่ ยทางสงั คม เพ่อื การรวบรวมความรู้ การเจรจาขา้ มวฒั นธรรมที่แตกต่าง และการผสานความขดั แยง้ ของขอ้ มูล

ในอนาคตเน้ือหาการเรียนรู้แบบดิจิตอลจะเขา้ มาแทนท่ีและบทบาทในการศึกษา หนงั สือทวั่ ไปจะกลายเป็น เอกสารประกอบในเน้ือหารายวชิ าท่ีเป็นทฤษฎีพ้นื ฐาน เพราะเน้ือหาไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง แต่สาหรับเน้ือหารายวชิ าท่ีมี การเปล่ียนแปลงไดต้ ลอดเวลา เช่นเน้ือหาดา้ น คอมพิวเตอร์ และวทิ ยาการต่าง ๆ เน้ือหาการเรียนรู้แบบ ดิจิตอลจะเขา้ มา แทนที่ไดเ้ พราะสามารถแกไ้ ขเน้ือหาภาย ไดส้ ะดวก อีกท้งั ข้นั ตอนการผลิตหนงั สือทวั่ ไปจะใช้ เวลานาน เน้ือหาการเรียนรู้ แบบดิจิตอลจะทาใหผ้ ทู้ ี่สนใจ ในเน้ือหาต่าง ๆไดม้ ีความรู้จากเน้ือหาน้นั ๆ โดยที่ไม่จาเป็นตอ้ งเขา้ เรียนในสถานศึกษา อนาคตของเน้ือหาการ เรียนรู้แบบดิจิตอลไม่ไดข้ ้ึนอยกู่ บั ผอู้ ่านเท่าน้นั แต่ยงั ข้ึนอยกู่ บั การพฒั นา และการคิดคน้ รูปแบบ ใหม่ๆ เพอ่ื ทาใหม้ ีความสะดวกในการอ่านใหม้ ากข้ึน และทาใหเ้ น้ือหามี ความน่าสนใจมากข้ึนนอกจากน้นั แลว้ เน้ือหาการ เรียนรู้ แบบดิจิตอลจะเขา้ ไปทาใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงในตลาด สิ่งพิมพเ์ ช่น หนงั สือพมิ พ์ วารสาร นิตยสาร เป็นตน้ จะถกู ผลิตมาในรู ปแบบท่ีเป็ นแบบดิจิตอลมากข้ึนในอนาคต

8. เทคโนโลยีดิจิทัลในอาชีพที่ควรเรียนรู้ เทคโนโลยดีจิทลั ในอาชีพท่ีควรเรียนรู้ มีดงั น้ี 1. Digital Transformation คือการปรับตวั เพื่อความอยรู่ อดของธุรกิจ ในยคุ ท่ีสงั คมและเทคโนโลยมี ีความเปลี่ยนแปลงไปอยา่ งรวดเร็ว โดยมีการใช้ เทคโนโลยใี นการวางแผนต่าง ๆ เขา้ มาผสมผสานเพือ่ นาองคก์ รฝ่ ากระแส Digital Disruption ท่ีกาลงั สร้างผลกระทบใหก้ บั คนที่ยงั ดาเนินธุรกิจแบบเดิม ๆ 2. Big Data คาจากดั ความของขอ้ มูลจานวนมากที่รวมตวั กนั อยอู่ ยา่ งเป็น ระเบียบมีหมวดหมู่ท่ีชดั เจน โดยสามารถนาขอ้ มูลเหล่าน้ีไปใชป้ ระโยชน์ดา้ นต่าง ๆ ตามท่ีตอ้ งการผา่ นการใชเ้ ครื่องมือเฉพาะทางในการวเิ คราะห์ เช่น การวเิ คราะห์ พฤติกรรมการซ้ือของลูกคา้ เพื่อนาไปสู่การเจาะลึกถึงความตอ้ งการ

3. Artifical lntelligence : Al (ปัญญาประดิษฐ)์ เป็นเทคโนโลยที ่ี ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ในช่วงท่ีผา่ นมา เพราะเป็นเทคโนโลยที ่ีเป็นเบ้ืองหลงั ของ นวตั กรรม ต่าง ๆ ท่ีนาไปสู่การเพมิ่ มูลค่าทางธุรกิจ และตอบโจทยค์ วามตอ้ ง การของผบู้ ริโภคในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เร็วกวา่ แม่นยากวา่ การใชม้ นุษย์ 4. 5G คือเทคโนโลยสี ื่อสารไร้สายในเจเนอเรชนั ท่ี 5 โดยจะ มีศกั ยภาพ และการทางานท่ีมีประสิทธิภาพท้งั ภาพและเสียงมากกวา่ 4G ถึง 1,000 เท่า รวมถึงรองรับการใชง้ านไดม้ ากกวา่ ไม่เพียงแต่ในสมาร์ต โฟนเท่าน้นั แต่เป็น การใชง้ านที่ครอบคลุมไปถึง loT ( lnternet of Things) 5. บลอ็ กเชน (Blockhain) ในปี หนา้ คาดวา่ องคก์ รต่าง ๆ จะมีการเริ่มตน้ ในการใชง้ านบลอ็ กเชน โดยยดึ ประโยชน์ของ ระบบบลอ็ กเชน มากกวา่ การใชใ้ นเรื่องของสินทรัพยด์ ิจิทลั อยา่ งบิตคอยน์ (Bitcoin) ท่ีหลายคนคุน้ เคย ท่ีผา่ นมามีหน่วยงานท้งั ภาครัฐและเอกชน นาขอ้ ดีของบลอ็ กเหล่าน้ีมาใชใ้ นการบริหารจดั การระบบงาน อาทิ ธนาคาร แห่งประเทศไทย เริ่มประยกุ ตใ์ ชบ้ ลอ็ กเชน ในงานของธนาคารแห่งประเทศไทยเอง เพอื่ ใหธ้ นาคารแห่งประเทศไทย และผเู้ ก่ียวขอ้ ง ไดเ้ รียนรู้บลอ็ กเชนในเชิงลึกและประเมินความเหมาะสมในการนาไปใชจ้ ริง

6. NDID (National Digital ID) ระบบพิสูจนแ์ ละยนื ยนั ตวั ตน ทาง อิเลก็ ทรอนิกส์ท่ีมีบริษทั เนชนั แนลดิจิทลั ไอดี จากดั เป็นตวั กลางในการทาหนา้ ที่ เชื่อมโยงขอ้ มูลระหวา่ งภาครัฐและเอกชน ทาใหเ้ อกสารและขอ้ มูลต่าง ๆ ที่ ปรากฏมีความน่าเช่ือถือ และไดร้ ับการรองรับทางกฎหมายในการทาธุรกรรม อิเลก็ ทรอนิกส์บนโลกดิจิทลั 7. IT Security / Data Privacy แมก้ ารเช่ือมโยงขอ้ มูลต่าง ๆ ไดท้ ุกที่ทุกเวลาจะมีขอ้ ดีอยมู่ าก แต่สิ่งที่ตอ้ งใหค้ วามสาคญั คือ ความปลอดภยั ของขอ้ มูล โดยเฉพาะขอ้ มูลส่วนบุคคลที่นาไปสู่การยนื ยนั ตวั ตนและทาธุรกรรมต่าง ๆ 8. FinTech/Mobile Payment สองกระแสทางการเงินท่ีธุรกิจต่าง ๆ หนี ไม่พน้ คือ Fintech หรือ Financial Technology ที่เป็นการผสมผสานนวตั กรรมทาง เทคโนโลยเี ขา้ กบั การบริหารการเงิน ซ่ึงมีส่วนทาใหผ้ บู้ ริโภครายยอ่ ยเขา้ ถึงบริการ ทางการเงินมากข้ึน

จดั ทำโดย รหสั 082 นำงสำวชยั รมั ภำ ทองทพั ไทย รหสั 084 นำงสำวณฐั พร บวั สอน รหสั 094 นำงสำวพรรณำภำ มำทรพั ย์ รหสั 108 นำงสำวศศวิ มิ ล เทย่ี งพรอ้ ม รหสั 112 นำงสำวสธุ ำศณิ ยี ์ ศรมี ำลำ รหสั 115 นำงสำวสรุ ตั ชำ อภยั พฒั น์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook