Aj joke-แปลง(1)

หน่ วยท่ี 3 เทคโนโลยที ใ่ี ช้ในการทาธุรกรรม โดยไม่ตอ้ งผา่ นบคุ คลท่สี าม

1.ความหมายของบล็อกเชน (Blockchain) บล็อกเชน (Blockchain) คือ เทคโนโลยกี ารจดั เกบ็ ข้อมลู แบบ Shred Database หรอื ท่รี ูจ้ ักกันใน ชอ่ื “Distributed Ledger Technology (DLT)” โดยเป็นรูปแบบการบันทกึ ข้อมลู ทรี่ บั ประกันความ ปลอดภยั ว่าขอ้ มลู ทีถ่ กู บันทึกไปก่อนหน้ านั้ น ไมส่ ามารถท่จี ะเปล่ยี นแปลงหรอื แก้ไขได้ ซง่ึ ผู้ใชง้ าน ทกุ คนจะไดเ้ ห็นขอ้ มลู ชดุ เดียวกันท้งั หมด โดยใชห้ ลัก Cryptography และความสามารถของ Distributed Computing เพื่อสรา้ งกลไกความน่ าเชอ่ื ถือ

สรุป บลอื กเชน (Blockchain) คือ ฐานขอ้ มลู (Database) ทเ่ี กบ็ ไวใ้ นเตรอื่ งของทกุ คนแต่ไวใ้ จ และเชถ่ื อื ได้แม้ในรบบท่ไี มม่ ีใครเป็นผดู้ แู ลกลาง คือ ทุกคนจะสามารถแชรข์ ้อมลู วมกนั ไดต้ ยไม่ต้อง ไหน ทุกคนถอื คนละก๊อบทห่ี น้ าตาเหมอื นกนั ไว้ได้เลย ถเ้ กิดมีการเปลยี่ นแปลง ขอ มือทกุ คนก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปโดยอตั โนมตั ิ ถงึ แมว้ เทคโนโลยบื ลอื กเชน (Blockchan) จะรวมไปถึงการบนั ทึกรุรกรรมของสกลุ เงนิ อิ เลกี ทรอนิ กลั ซง่ึ เป็นท่ีรูจ้ กั กันดี ชน่ บติ คอยน์ (Bco) จึงเป็นสาเหตทุ าให้ผู้คนส่วนใหญเ่ ข้าใจว่มติ คอยน์ (Bltcoin) และบลอ็ กเซน (Blockchain) คือ เทคโนโลยเี ตยี วกัน แตใ่ นความเป็นจรงิ แล้ว บติ ตอยน์ (Bitcoin) ป็นเพียงชอื่ เรยี กของสกลุ งนิ อิเล็กทรอนิ ส์ทส่ี ามารถซอ้ื ขายผ่นระบบออนไลนา้ โดยมีบลอ็ ก เรน Blockchain) เป็นเทคโนโลยบี ้อื งหลังที่ชว่ ยในการตรวจสอบการทาธุรกรรมต่าง ๆ ของบติ ตอยน้ (Bltcoin) เพื่อให้เกดิ ความปลอคภัยมากกวา่ การทาธุรกรรมออนไลน์ ปกติ ซง่ึ จะไดเ้ รยี นรูใ้ นหน่ วยตอ่ ไป

2. วิวฒั นาการของเทคโนโลยีบลอ็ กเชน (Blockchain)จุดเรม่ิ ตันของเทคโนโลยีบล็อกเซน (Blockchain) เกิดข้ึนครงั้ แรกในปี คต. 2008 โดยการนาเสนอของ\"Satoshi Nakamoto\" จากเอกสาร Bitcoin : A Peer-to- Peer Electronic Cash System เป็นการนาเสนอแนวคิดเก่ยี วกบั การสรา้ งแพลตฟอรม์ (Platlorm)สามารถ สรา้ งความปลอดภยั ในการแลกเปลย่ี นเงนิ สกลุ ดจิ ทิ ัลทีม่ ชี อื่ ว่าบติ คอยน์ \"Bicon\" โดยใชท้ ฤษถึ CentralizodDecentralizedDistributedเก่ยี วกบั การทา Cryptography และDistributed ซง่ึ ไม่จาเป็นต้องมีคนกลางเข้ามาเกยี่ วขอ้ งเชน่ ธนาคารหรอื หน่ วยงานอน่ื ๆทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับกระบวนการ จา่ ยเงนิ โดยได้รบั ความสนใจอย่างแพรห่ ลายรวมทงั้ ได้รบั กรยอมรบั จกผเู้ ชยี่ วชาญท่ัวโลกว่าเป็นเทคโนโลยที ่มี ี ศักยภาพและสามารถนามาประยุกติใชใ้ นภาคธุรกิจอ่นื ได้ไมจ่ าเพาะแค่ภาคธุรกิจการงนิ และการธนาคาร เท่านั้ น แตย่ งั รวมถึงภาครฐั ก็ไดม้ กี ารตืน่ ตวั และศึกษาเกีย่ วกบั เทคโนโลยีบลอ็ กเชน (Blockchain) กนั อย่างแพรห่ ลายเชน่ กันนของเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) อาศัยการจดั เก็บขอ้ มูลแบบกระจา ibuted Ledger Technology) โดยทุกข้อมลู จะมีการเชอื่ มโยงกนั ท้งั ระบบ และเมื่อมรี ายการ เกดิ ข้นึ จะตอ้ งมีการประกาตบอกทุกเครอ่ื งในระบบให้รบั รู้

3. หลกั การทางานของเทคโนโลยบี ลอ็ กเชน (Blockchain) หลักการทางานของเทคโนโลยบี ลือกเชน (Blockchaก) คือ ฐานข้อมูลจะถกู แชรให้กบั ทุก Nosทอ่ี ย่ใู นเครอื ขยและกรทางนของเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) จะไม่มเี ครอ่ื งใด เครอื่ งหน่ึ เป็นตูนย์กลางหรคื รอ่ื งแมข่ ่ ซง่ึ การทางนแบบกระจายศนู ย์น้ี จะไม่ถูกควบคุมโดย คนเพียงคนเดยี วแตท่ ุก No จะไดร้ บั สาเฐานมลู ก็ไวแ้ ละจะมกี ารอัปคตฐนขอ้ มูลแบบ อตั โนมตั เิ ม่ือมขี ้อมลู ไหม่เกิศข้นึ ทัง้ น้ี สาเนาฐานข้อมลู ของทุกคนในเครอื ขยจะต้องถูกตอ้ ง และตรงกันกับของสมาชกิ คนอ่นื ในเครอื ขา่ ยอกี ท้ังการบันทึกขอ้ มลู เขา้ สู่ Block ยังอาศัย หลักการทา Cryptography และการทา Consensusจากสมาชกิ ในเครอื ขาดว้ ยกกั อนบรรจุ ข้อมลู ลง Block และเพ่ิมเขา้ สู่ระบบบลอ็ กเชน (Blockchain)พ่ือเนการป้องกันและรบั ประกนั ความปลอดภัยของข้อมลู โดยแตล่ ะเครอื ขา่ ยบลอ็ กเชน (Blockchain) จะมีการกาหนดกฎเกณฑ์ในกรตรวจสอบหรอื ทเี่ รยี กว่า \"Consensus Protoco!\" หรอื \"ConsensusMechanism ข้นึ มเพื่อใชใ้ นครขื า่ ย

หลกั การทางานพ้ืนฐานที่สาคัญของเทคโนโลยบี ล็อกเชน (Blockchain) อย่างน้ อยจะตอ้ งประกอบไปด้วย 4 ขนั้ ตอนหลัก ๆ คือ ชนั้ ตอนที่ 1 Create คือ การสรา้ ง Block ท่บี รรจุคาส่ังขอทารายการธุรกรรม ชน้ั ตอนที่ 2 Broadcas คือ กระจาย Blck ใหมน่ ี้ ให้กับทุก Node ในระบบ และบันท่ี กรายการธุรกรรมลง Ledger ให้กับทุก Node เพื่ออปั เดตว่ามี Block ใหม่เกิดข้นึ มา ชนั้ ตอนท่ี 3 Valdaton Node อนื่ ๆ ในระบบยืนยนั และตรวจสอบข้อมูลของ BLOcK น้ั นว่า ถกู ต้องตามเงอื่ นไข Valdaton โดยกระบวนการทา Conse ถือวา่ เป็นส่วนหน่ึ งของ กระบวนการทา Validation ขั้นตอนที่ 4 Add to chain คือ นา Block ดังกล่าวมาเรยี งต่อจาก Block ก่อนหน้ าน้ี อยา่ งไรก็ตาม กรออกแบบการทางานของระบบบลอ็ กเชน (Blockchain) ในการ ทางานจรงิ อาจจะมี กรออกแบบขั้นตอนกรทางนทแ่ี ตกต่งไปจากน้ี กไ็ ด้ ข้นึ อยกู่ ับการออกแบบของแต่ ละผู้ผลติ หรอื แต่ละแผล ตฟอรม์ (Platom) แตอ่ ย่างน้ อยจะต้องมี 4 ข้ันตอนหลักนี้ ซง่ึ ถอื ได้วา่ เป็นหัวใจ สาคัญของการทางานบลอ็ กเชน (Blockchain)

องค์ปวะกอบของเทคโนโลยีบลอ็ กเซน (Blockchain) อตประหอบของเทคโนโลยบี ลอ็ กเชน (Blockchai) ประกอบตวั ย 4 องค์ประกอบสาคัญ คือ 4.1 Block การจัตเกบ็ ข้อมมของกดโนโลยบื ล็อกเชน (ockcan) จะตกจตั เก็บในรูปแบบของ Block โคย Chain แต่ถะ Block จะเชอ่ื มโยงเขา้ หา Block ก่อนหน้ าดว้ ย คา่ Hach Funcion ของ Block กอ่ นหน้ าน้ี เสมอ และ Consonsus จะเรยี รยั ยตอกนั เป็น Ch ทาให้ยากตอ่ การปลอมแปลง แไข และสามาวถตรวจตอบความถกู ดองของขอ้ มลู ได้ ทุh ๆ Block ตลอตทั้ง Chan ซง่ึ สามารถตรวจสอบ ย้อนกลบั ไปจนถึง Bock เรม่ิ ตัน หรอื Genecis Block ไh

ดังน้ั น Block คือ ชุดบรรจุขอ้ มูล แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของ Block Header เพ่ือใชบ้ อกให้ ผอู้ ืน่ ทราบว่ภายในบรรจขุ อ้ มลู อะไรไว้ และส่วนทไี่ ส่ ชาไปใน Block Data ที่เรยี กว่ แอm เพื่อใชใ้ นการบรรจุ ขอ้ มูลต่าง ๆ ตวั อย่างเชน่ ขอ้ มลู จานวนเงนิ ขอ้ มูล การโอนเงนิ ขอ้ มลู ปะวตั ิการรกั ษาพยาบาล หรอื ขอ้ มลู อ่นื ๆ จากภาพ แสดงถงึ ส่วนประกอบของ Block ที ประกอบดว้ ย 3 ส่วนหลัก ไดแ้ ก่ 4.1.1 ส่วน Header ประกอบด้วย 1) Version Info เป็นส่วนท่ีบ่งบอกถึง Version ของข้อมูลใน Block 2) Nonce คือ คา่ของตัวเลขแบบสุ่มทจ่ี ะถกู เปลีย่ นคาไ่ ปเรอ่ื ย ๆ จนได้ค่แฮช (Hash) ที 3) Previous Block เป็นค่าแฮช (Hash) ของ Block ก่อนหน้ ทาให้หูไชร้ ูว้ Block นี 4) Timestamp คือ เวลาท่ี Block น้ี ถูกสรา้ งข้นึ มา 5) Meke ตือ การตรวจสอบความถกู ตอ้ งของข้อมลู เพื่อให้มั่นใจวไ่ มม่ ีผใู้ ดแก้ไขขอ้ มูล รายการธุรกรรม (Transaction) ใน Block อกี 4.1.2 ส่วน Transaction's ID List ใน Block 1) 1D ประจา Block ซง่ึ เป็นตวั เลขแบบสุ่มท่ีเข้ารหัสแฮช (Hash) ไว 2) ID ของ Block กอ่ นหน้ า ซง่ึ เขา้ รหัสแฮช (Hash) ไวเ้ ชน่ กัน 3) ขอ้ มูลรายการธุรกรรม (Transaction) ซง่ึ อาจจะมีเพียง 1 รายการธุรกรรม (Transaction)หรอื มากกว่านั้ นก็ได้ 4) ดยี ์สาธารณะ (Public Key) ท่ีบอกว่ Bock น้ี เป็นของใคร ใครเป็นผู้ส่ง และใครเป็น ผรู้ บั

4.1.3 ส่วนแฮซ (Hash) คือ ส่วนของกระบวนการ Proof of Work ซง่ึ เป็นการเข้ารหัส ทางเดียว โดยจะสรา้ งลายเซน็ ดจิ ิทัล (Digia Signature) ของขอ้ มูลข้นึ มา ทาให้ไม่สามารถ ถอดรหัสขอ้ มลู น้ั น กลบั มาได้ โดยใชห้ ลักการของคียส์ ่วนตวั (Private Key) และตียส์ าธารณะ (Public Key) ตัวอยา่ งเชน่ หากตอ้ งการเขา้ รหัสข้อความ \"I am World Wide Wealth\" มีกระบวนการ ดงั นี้ 1) เข้ารหัสตัวยฟังก์ชนั แฮช (Function Hash) โดยใชด้ ยี ส์ ่วนตวั (Private Key) ของผู้ ส่ ง ไดผ้ ลลัพธอ์ อกมาเป็นลายเซน็ ดิจิทลั (Digital Signature) 2) เม่อื ได้ลายเขน็ ดิจทิ ลั (Dgital Signature) มากจ็ ะส่งให้กับผู้รบั พรอ้ มกับตีย์ สาธารณะ (Public Key) 3 ผู้รบั ตรวจสอบลายเซน็ ติจิทลั (Dgital Signature) ท่ไี ดโ้ ดยใชด้ ียส์ าธารณะ (Public Key) ของผู้ส่ ถ้ไดแ้ ฮช (Hash) ทต่ี รงกันก็สามารถยืนยันไดว้ า่ เป็นข้อความท่ถี ูกตอ้ ง เชอ่ื ถอื ได้

4.2 Chain Chan คอื วธิ กี ารจดจาขอ้ มลู ทุก ๆ ธรุ กรมของผมู ้ สี ว่ นเกยี่ วขอ้ งทกุ ๆ ฝ่ ยในระบบ และ บนั ทกึ ขอ้ มูลพรอ้ มจดั ทาเป็ นสาเนแจกจา่ ยใหก้ บั ทกุ คนในระบบ โดยสาเนานั้นจะถกู กระจายสง่ ตอ่ ไปใหท้ กุ ๆ Node ในระบบเพอื่ ใหท้ กุ คนรบั ทราบวม่ ธี รุ กรรมอะไรเกดิ ขนึ้ ตง้ั แตเ่ ปิ ดระบบบล็อกเชน (Blockchain) ถงึ แมว้ ่า Node ได เกดิ ความเสยี หายไป ก็ยงั สามารถยนื ยนั หรอื กขู ้ อ้ มลู ธรุ กรรมทเี่ กดิ ขนึ้ จาก Node อนื่ ใหท้ ง้ั ระบบ ก4ไ.า3ดรเC้ หกoมาnหsอื eนนnsดเดuขsมิ อ้ ตกลงและความเห็นชอบรว่ มกนั ระหวา่ งสมาชกิ ในเครอื ขา่ ยบล็อกเชน (Blockchain) โดยสมาชกิ ตอ้ งยอมรบั กฎระเบยี บรว่ มกนั ดว้ ยกลไกในกาควบคมุ ความถกู ตอ้ งของขอ้ มูล ในทกุ Node ผ่าน อลั กอรทิ ตี า่ ง ๆ เพอื่ ใหข้ อ้ มูลมคี วามถกู ตอ้ งเทยี่ งตรงและป็ นขอ้ มูลชดุ เดยี่ วกนั รวมทง้ั ขอ้ มูล มกี ารจดั เก็บที่ สอดคลอ้ งและมลี าดบั การจดั เก็บตรงกนั ทง้ั นี้ กระบวนการ Conseทรนร มอี ย่ดู ว้ ยกนั หลาย

4.4 Validation คอื การตรวจสอบความถูกตอ้ งแบบทบทวนทงั้ ระบบและทกุ Noชอ ในระบบบลอื ก เทน (Blockchain) จว่าจะไมม่ ีขอ้ ผดิ พลาดเกิดข้ึนไม่ว่าจะมาจากส่วนคทต่ี าม ซง่ึ กค็ อื ส่วนหน่ึงของ ทเี่ รยี กวา่ Proor-of-Wok ซง่ึ ในหลกั การแลว้ การทา Valdaton นั้นมีจดุ ประสงคอ็ ยู่ 3 ประการคอื 4.4.1 วิธกี ารในการยอมรบั /ปฏเิ สธ รายการใน Block นั้น ๆ 4.4. วธิ กี ารตรวจสอบทท่ี กุ คนในระบบยอมรบั รว่ มกัน 4.4.3 วิธตี รวจสอบความถกู ตอ้ งของแต่ละ Block ตวั อยา่ งเชน่ 1) หมายเลข Block โดยตรวจสอบ Block ก่อนหน้ทต่ี กิ นั ว่าเป็น Bock ทถ่ี ูกด้องหรอื ไม่ โดยเวลาที่ Blck ถกู สรา้ งข้นึ ตอ้ งมากกวา่ เวลาของ Block อนหน่ 2) ตา่ Nonce โดยการตรวจสอบต่า Nonce ซง่ึ ก็คอื ตา่ Hash ของ Block ทไี่ ดม้ าจาก การทา Proof-of-Work 3) คา่ Previous Hash และต่ Current Hash โดยการครวจสอบสถานะเรม่ิ คน้ ใน Block ซง่ึ ตอ้ งมีข้อมลู ตรงตามสถานะสดุ ทา้ ยของ Block ก่อนหน้า

ประเภทของบล็อกเชน (Blockchain) บล็อกเชนแบ่งออกได ้3 ประเภท Public Blockchain เป็ นบล็อกเชนทถี่ กู นาไปใชง้ านจรงิ กบั บติ คอยน์ ซงึ่ ปัจจบุ นั มกี ารใชง้ านจรงิ กบั คนทว่ั โลกโดย Ethereum เป็ นแพลตฟอรม์ แบบเปิ ดของบล็อก เชน ทที่ าใหท้ กุ คนสามารถสรา้ งและใชง้ านแอป พลเิ คชนั แบบกระจายขอ้ มูล ซงึ่ ทางานบน เทคโนโลยบี ล็อกเชน ไดโ้ ดย Ethereum มคี วาม คลา้ ยคลงึ กบั บติ คอยน์ ในเรอื่ งของการทไี่ ม่มี ผใู ้ ดสามารถควบคมุ หรอื เป็ นเจา้ ของ Ethereum ได ้ เนื่องจาก Ethereum เป็ นโอเพนซอรส์ ทสี่ รา้ งขนึ้ โดยผคู ้ นจานวนมากจากทว่ั โลก

Private Blockchain บลอ็ กเชน(Blockchain) ประเภทนี้ เป็นการสรา้ งวงบลอ็ กเชนนี้ ข้นึ มาใชง้ านกนั เองภายในองค์กร อาจจะเป็นบรษิ ัทในเครอื เทา่ นั้ นทม่ี สี ิทธเิ ข้าถงึ บล็อกเซนส่ิงทต่ี รงกันข้ามกบั Public Blockchain อยา่ งส้ินเชงิ บลอ็ กเซน (Blockchain) ประเภทน่ี จะลดปัญหาในเรอ่ื งของการเปิดเผย ข้อมูลท่ีอาจจะพบในวง Public Blockchain ได้ แต่ก็อาจจะมีปัญหามากข้ึน โดยเฉพาะในเรอ่ื งค่าใชจ้ ่ายเพราะการ ทีอ่ งค์กรต้องลงทนุ ในการสรา้ งระบบ Infrastructureข้ึนมาให้รองรบั การทางาน ภายในองค์กร ซง่ึ กม็ ีปัญหาในการดแู ลรกั ษา และเม็ดเงนิ ทอ่ี งค์กรจะตอ้ งลงทนุ อีกเชน่ กนั

Consortium Blockchain บลอ็ กเชน (Blockchain) ประเภทท่ี 3 น้ี คอื การรวมกนั ของ 2 แนวคดิ แรกเข้าดว้ ยกนั เป็นการผสาน public-Private เขา้ ด้วยกนั และเหมือนจะเป็นการร ขอ้ ดเี ขา้ มาดว้ ยกนั ซง่ึ แนวคดิ น้ีกาลังได้รบั ความนิยม อยา่ งสูงในปัจจบุ ัน นั่นคอื การทอี่ งคก์ รตา่ ง ๆ ทมี่ ี ลกั ษณะธุรกจิ เหมือนกนั และตอ้ งรบั ส่งแลกเปลยี่ น ขอ้ มลู กันอยแู่ ลว้ มารวมกันตงั้ ส่ิงทเี่ รยี กวา่ Consortiurm Blockchain เชน่ Consortium Blockchain สาหรบั ธนาคารใชใ้ นการแลกเปล่ียนข้อมลู การโอนเงนิ กนั ภายในสมาคมนาธนาคารด้วยกัน และธนาคารทจี่ ะเข้า มารว่ มในวงไดต้ อ้ งไดร้ บั การอนญุ าตจากตัวแทน เสียก่อนถึงจะมีสิทธเิ ขา้ ถงึ การใชง้ านรว่ มกันได้

รูปแบบของเคร่ือข่ายบลอ็ กเชน แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่ 6.1 Non-Permissioned Public Ledgers หรอื Permission Less Ledgers เป็นบลอ็ กเซน (Blockchain) ทีไ่ มม่ ีผู้ใดมสี ิทธอ์ิ นญุ าตให้บคุ คลอืน่ สามารถอ่านขอ้ มลู หรอื ส่งรายการธุรกรรม (Transaction) ขอ้ มลู ไดแ้ ต่เป็นบล็อกเซน (Blockchain) ท่เี ปิดให้ทุกคนสามารถมีส่วนรว่ มใน กระบวนการ ซง่ึ ประกอบดว้ ย การกาหนดว่าบลอ็ ก (Block) ใดถูกเพ่ิมเขา้ ไปในบลอ็ กเชน (Blockchain) ตัวอย่างเชน่ กล่มุ ของสกลุ ดิจิทัล(Cryptocurrency) อย่างบติ คอยน์ (Bitcoin) และ Ethereum ท่มี องภาพกว้าง กวา่ บิตคอยน์ (Bitcoin)โดยไม่จากดั อย่แู ค่สกลุ เงนิ แตเ่ ป็นระบบประมวลผลแบบไรศ้ นู ย์กลาง



คุณลักษณะพ้ืนฐานทส่ี าคัญของเทคโนโลยบี ล็อกเชน การจดั เกบ็ ขอ้ มูลในรูปแบบของ Block โดยเชอื่ มตอ่ แตล่ ะ Block ด้วย Hash Function และกระจายให้ทุก Node เก็บ ทาให้เกิดคุณสมบัตทิ ส่ี าคัญของบล็อกเชน 3 ประการ คือ 1 . ความถูกตอ้ งเท่ียงตรงของข้อมูล (DATA INTEGRITY) 2 . ความโปรง่ ใสในการเข้าถงึ ข้อมูล (TRANSPARENCY) 3 . ความสามารถในการทางานได้อย่างต่อเนื่ องของระบบ (AVAILABILITY)

ประโยชน์ ของเทคโนโลยบี ลอ็ กเชน บล็อกเซน (Blockchain) เป็นเทคโนโลยีทม่ี ศี ักยภาพในเรอื่ งของการเปลย่ี นแปลงรูปแบบการทาธุรกรรมใน ชวี ิตประจาวัน โดยไมไ่ ดจ้ ากัด เพียงแค่ธุรกรรมทางการเงนิ เท่าน้ั น แตบ่ ล็อกเชน(Blockchain) สามารถนามาประยกุ ต์ใชใ้ นอุตสาหกรรม BLOCKCHAINต่าง ๆ ไดอ้ กี ดว้ ย จากความรว่ มมือของไอบเี อ็ม(IBM) กบั ห้างค้าปลีกรายใหญ่สัญชาติอเมรกิ นั อย่างวอลมารท์ (Walmart) และมหาวิทยาลัยชงิ หวา (Tsinghua)ซง่ึ เป็นสถาบนั การศึกษาชนั้ นาของจีน ไดร้ ว่ มกนั พัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Tracebiility) ในสินค้าประเภทอาหารทว่ี างจาหน่ ายในประเทศจีนโดยใช้ เทคโนโลยี บลอ็ กเซน (Blockchain) ซง่ึ วอลมารท์ (Walmart) เป็นผู้เชยี่ วชาญในด้านความปลอดภัย อาหาร โลจิสติกและห่วงโซอ่ ุปทาน บล็อกเชนยังสามารถชว่ ยลดต้นทนุ และ ชว่ ยให้ทุกฝ่ายสามารถปฏบิ ัตงิ านอยูใ่ น กรอบของกฏเกณฑ์และมาตรฐาน เดยี วกนั ทาให้การทาธุรกรรมสามารถ ทาได้แบบเรยี ลไทม์ และมคี วามโปรง่ ใส ส่งผลให้องค์การสามารถอยใู่ นจุดที่ แขง่ ขนั ได้

การนาบลอ็ กเชนไปประยกุ ตใ์ ช้ในกระบวนการห่วงโซ่อุปทาน การนาบลอ็ กเชน (Blockchain) ไปประยกุ ดใ์ ชใ้ นกระบวนการห่วงโซอ่ ปุ ทานกระบวนการห่วงโซ่ อุปทานเป็นกระบวนการสาคัญตง้ั แต่การจดั หาวัตถุดบิ สาหรบั นาไปผลติ จนกระทั่งจดั ส่งสินค้า ไปยงั ผู้บรโิ ภคโดยหน่ึ ในปัญหาสาคัญของกระบวนการห่วงโซอ่ ปุ ทานทม่ี มี าหลายทศวรรษ คือ ยัง ไม่มเี ทคโนโลยีท่ีดพี อทจ่ี ะคอยตดิ ตามสินค้าและตรวจสอบทีม่ าทไี่ ปของสินค้า กรณีทสี่ ินค้าได้รบั ความเสียหายรวมถึงผู้ซอื้ และผู้ขายไม่มกี ระบวนการอย่างชดั เจนและโปรง่ ใสในการตรวจสอบตนั ทุนและทม่ี าของราคาสินค้านอกจากน้ี ยงั พบปัญหาเก่ียวกับการปลอมแปลงสินค้า และ โรงงานผลติ สินค้ท่ตี า่กวา่ มาตรฐาน ดังน้ั น การนาบล็อกเชน(Blockchain) ข้ามาใชใ้ น กระบวนการห่วงโซอ่ ปุ ทานจะชว่ ยให้ขอ้ มูลต่าง ๆ สามารถระบุที่มาทีไ่ ปได้ เชน่ ผ้ทู เ่ี กี่ยวข้องกับ ผลิตภัณฑ์ สถานะของการทดสอบผลติ ภณั ฑ์ ราคา วนั ท่ีผลติ สถานท่ี คุณภาพของสิน และขอ้ มูลอนื่ ๆ ท่เี ป็น ประโยชน์ ในการจดั การ เนื่ องจากโครงสรา้ งพ้ืนฐานของบล็อกเชน (Blockchain) ทาให้ผ้มู สี ่วน เก่ยี วขอ้ งท่จี ะสามารถถอื สิทธคิ วามเป็นเจา้ ของธุรกรรม และเขา้ ไปแกไ้ ขขอ้ มูลเพื่อประโยชน์ ส่วน ตนในปัจจุบันมหี ลายองค์กรไดท้ ดลองนาบลอ็ กเชน (Blockchain) เขา้ ไปประยกุ ต์ใชใ้ น กระบวนการห่วงโซอ่ ุปทาน