เป็นการตรวจอวัยวะภายในร่างกายโดยต้องใส่กล้องเข้าไปตามรูเปิดของร่างกาย เช่น ปาก ท่อปัสสาวะ ทวารหนัก การตรวจโดยส่องกล้องเข้าภายในร่างกายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ การ วินจิ ฉยั โรค ในด้านการรกั ษาทำเพ่อื ขจัดสิ่งแปลกปลอม 6.3.1 การสอ่ งกล้องหลอดลม (Bronchoscope) มีวัตถุประสงค์เพอื่ การวินิจฉยั เช่น ดูลักษณะของท่อทางเดินหายใจ เก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อ เก็บเสมหะเพื่อส่งเพาะเชื้อ ตรวจหาตำแหน่ง หรือประเมินพยาธิสภาพของโรคในท่อทางเดินหายใจ ตรวจดูลักษณะ ตำแหน่งของเนื้องอกใน ทางเดินหายใจ และเพื่อการรักษา เช่น เอาสิ่งแปลกปลอมออก ดูดเอาเสมหะที่อุดกั้นอยู่ภายใน หลอดลมออก ตดั เนื้องอกในทอ่ ทางเดนิ หายใจ เปน็ ตน้ 6.3.2 การส่องกล้องตรวจหลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น Esophagogastro Duodenoscopy (EGD) เปน็ การใช้กลอ้ งที่มีลกั ษณะเปน็ ท่อขนาดเลก็ ปรับโค้งงอ ทีป่ ลายกลอ้ งจะมีเลนส์ขยายภาพ ส่องเข้าไปในปาก ผ่านหลอดอาหารลงไปในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กสว่ นตน้ เพื่อการวนิ จิ ฉัย โรค หลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เลก็ สว่ นต้น เช่น มีการอักเสบ เป็นแผล มีเนื้องอก หรือมีการ ตีบตัน หรือเพื่อการรักษา โดยการใส่เครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางกล้องส่องตรวจ เช่น เครื่องมือขยายหลอดอาหาร อุปกรณ์ฉีดยา หรือรัดหลอดเลือดโป่งพองของหลอดอาหาร การส่อง กล้องตรวจจะทำในกรณีที่ผู้ปว่ ยมีอาการดังนี้ กลืนลำบาก อาเจียนเป็นเลือด ปวดท้องจุกแน่นลิ้นป่ี เปน็ ต้น 6.3.3 การวินิจฉัยโรคทางเดินอาหารด้วยการกลืนแคปซูล (Gastrointestinal Wireless Capsule Endoscopy) โดยการใหผ้ ู้ปว่ ยกลืน แคปซูลพร้อมน้ำโดยไม่ต้องเคย้ี ว แคปซูลจะเดนิ ทางไปยงั ส่วนตา่ งๆ ของระบบทางเดินอาหารพร้อมบนั ทกึ ภาพสว่ นต่างๆของระบบทางเดินอาหารโดยสามารถบันทึกภาพ ได้ 2 ภาพต่อวนิ าที และเก็บภาพได้ถงึ 50,000 ภาพ และจะส่งสญั ญาณภาพต่อไปยังชุดรับส่ง สัญญาณ ทีต่ ิดไวบ้ ริเวณหนา้ ท้องผูป้ ว่ ยรวม 8 จุด จากนั้นสญั ญาณดงั กลา่ ว จะถูกส่งตอ่ เนือ่ งเชือ่ มเข้า เกบ็ บนั ทกึ ไวใ้ นเคร่ืองบันทึกภาพและข้อมูลท่ีถูกตดิ ตง้ั ไวก้ บั เขม็ ขดั รดั เอวของผปู้ ว่ ย ใชเ้ วลา 6-8 ชัว่ โมง ระหวา่ งน้นั ผปู้ ่วยสามารถเคลอ่ื นไหวร่างกายและทำงานไดต้ ามปกติ แคปซูลจะถูกถา่ ยออกมา กับอจุ จาระและจะไม่นำกลับมาใช้อีกเมือ่ เสร็จสนิ้ ขน้ั ตอนแพทย์จะนำภาพและข้อมูลท่ีได้ไปทำการ วเิ คราะห์ประ มวลผลเพ่ือให้การรักษาผู้ปว่ ย ข้อดขี องการตรวจด้วยกล้องแคปซลู คือ ผูเ้ ขา้ รบั การ ตรวจไม่ตอ้ งบอบซ้ำ หรอื เจ็บตวั จากการตรวจด้วยวิธแี บบเดมิ ๆ เช่น การกลืนแป้งเอกซเรย์ กล้อง แคปซลู ยงั สามารถหารอยโรคภายในลำไส้เลก็ ในชว่ งท่มี ีความยาวมากและในจดุ ทล่ี ึกมากได้ 6.3.4 การสอ่ งกล้องตรวจทางเดนิ อาหารสว่ นล่าง เป็นการส่องกล้องตรวจดลู กั ษณะ ลำไส้ใหญ่จากทวารหนักจนถงึ ลำไสใ้ หญส่ ว่ นต้น โดยใช้กล้องชนดิ อ่อนโคง้ งอได้ ได้แก่ การตรวจลำไส้
ส่วนโคลอน (colonoscopy) การตรวจลำไส้ใหญส่ ว่ นซกิ มอยด์ (sigmoidoscopy) และการตรวจ ทวารหนกั (proctoscopy) โดยจะตรวจผูท้ ่มี ีอาการดงั ตอ่ ไปนี้ 1.3.4.1 มีความผิดปกติเกี่ยวกับการขับถ่ายอุจจาระ เช่น ทอ้ งผูก หรือท้องเสีย เป็นประจำ หรือท้องผูกสลบั ท้องเสยี 1.3.4.2 ถา่ ยอุจจาระมีเลือดปน อาจจะเปน็ สีแดงสดหรอื สีคล้ำ มกี ลิน่ เหม็น ผดิ ปกติ 1.3.4.3 เวลาเบง่ ถ่ายอุจจาระมีติ่งเน้อื ยืน่ ออกมาจากทวารหนกั และมเี ลือดออก 1.3.4.4 มกี ารแนน่ อึดอัดท้อง ทอ้ งอดื ท้องเฟอ้ และปวดทอ้ งร่วมดว้ ย 1.3.4.5 มีกอ้ นในท้อง น้ำหนกั ลด ซดี อ่อนเพลีย 1.3.4.6 ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปควรได้รับการตรวจทางทวารหนักโดยการส่อง กลอ้ งทกุ ๆ 3 ปี 6.3.5 การส่องกล้องตรวจท่อทางเดนิ นำ้ ดแี ละตับอ่อน Endoscopic retrograde Cholangiopancreatography ( E.R.C.P.) เปน็ การใชก้ ล้องส่องเขา้ ไปทางปาก ผ่านหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้นจนถึงท่อเปิดของน้ำดีในลำไส้เล็กแล้วฉีดสารทึบแสงและถ่าย ภาพเอกซเรย์ไว้ เพื่อตรวจหาความผิดปกตขิ องท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน และรักษาการอุดตันของ ท่อทางเดินน้ำดีหรือท่อตับอ่อน โดยใส่ท่อระบายน้ำดีคาไว้ในกรณีที่มีนิ่วในท่อทางเดินน้ำดีโดยการ คล้องหรือขบนิ่วออก ถ้ามีนิ่วทั้งในถุงน้ำดีและในท่อทางเดินน้ำดี หลังการส่องกล้องคล้องหรือขบน่ิว ในท่อทางเดนิ น้ำดแี ลว้ จำเป็นตอ้ งไดร้ ับการผ่าตดั เพ่ือเอาถุงน้ำดอี อกด้วย โดยโรคทมี่ ักจะทำการตรวจ ไดแ้ ก่ ดีซ่าน น่วิ ในทอ่ ทางเดินนำ้ ดี ทอ่ ทางเดินนำ้ ดีหรอื ท่อตบั อ่อนอดุ ตนั เนอื้ งอกของท่อทางเดินน้ำดี หรอื ตับอ่อน ตบั ออ่ นอกั เสบจากนิว่ ในท่อทางเดินนำ้ ดี หรอื เพอ่ื การวินจิ ฉยั ก่อนการรักษาดว้ ยวิธีผ่าตัด ภาวะแทรกซ้อนท่ีอาจจะเกิดจากการตรวจน้ี เช่น ปวดทอ้ ง แน่นท้อง จากการมลี มในทางเดินอาหาร เพิ่มขึ้น มีไข้ ตับอ่อนอักเสบ หรือ การติดเชื้อในท่อน้ำดี เลือดออกในทางเดินอาหาร หรือ ภาวะ ลำไส้ฉีกขาด ทะลรุ ่วั ได้ อาจจำเปน็ ต้องไดร้ บั การผา่ ตัดในบางกรณี 6.4. การตรวจพิเศษอ่นื ๆ 6.4.1 การตรวจด้วยคอมพิวเตอร์ (computer tomograph, CT) เป็นเอ็กซ์เรย์ชนิด พิเศษที่สามารถแยก ความแตกต่างของเนื้อเยื่อแต่ละชั้นได้ถึง 3 ลักษณะตามความหนาแน่นของ เนื้อเยื่อ เนื้อเยื่อท่ีหนาแน่นมาก เช่น กระดูก จะเห็นเป็นภาพสีขาว เนื้อเยื่อที่หนาแน่นรองลงมา เชน่ สมอง จะเห็นเป็นสีเทาและส่วนใดที่มีโพรงอากาศหรือเนื้อเยื่อที่บวมจะเห็นเป็นสีดำ เป็นต้น วิธีการ ตรวจนี้อาศัยหลักการให้ลำแสงเอ็กซ์เรย์ส่องผ่านอวัยวะที่ต้องการตรวจไปยังจอรับแสงซึ่งบรรจุผลึก โซเดียมไอโอไดด์ไว้ จากจอนีจ้ ะป้อนข้อมูลเข้า ไปในจานเก็บบันทึกแล้วส่งไปยงั คอมพิวเตอร์ๆจะอ่าน ข้อมูลตา่ งๆและแปลออกมาเปน็ ตัวเลขความ หนาแนน่ หรอื ภาพขาวดำ แลว้ ส่งกลับเข้าไปในจานเก็บ
บันทึกอีกครั้งหนึง่ แลว้ แพทย์จะนำออกมาเป็นฟลิ ม์ เอ็กซเรย์และแปลผล ประสิทธิภาพของเครื่องมือ ชนิดนจี้ ะใชแ้ ยกได้วา่ เปน็ เนื้อเย่ือธรรมดาหรือเนอื้ งอก เป็นเน้อื สมองหรือเม็ดเลือด หรือหนองคัง่ และ ยงั สามารถบอกการอกั เสบของอวัยวะภายใน เช่น ท่อน้ำดี ถงุ นำ้ ดี ได้การเตรียมผปู้ ่วยควรปฏบิ ัตดิ งั นี้ 6.4.2 การตรวจเอ็มอาร์ไอ (Magnetic Resonance Imaging; MRI) เป็นเทคนิคการ สร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า โดยอาศัยแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นความถี่วิทยุผ่านอวัยวะส่วนท่ี ต้องการตรวจ ข้อดีของการตรวจวิธีนี้ คือ ปราศจากรังสีเอกซ์แบบที่ใช้ในการถ่ายภาพรังสีธรรมดา และการตรวจ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและจากข้อมูลที่มีในปัจจุบันไม่ พบว่ามีอันตรายต่อเด็กในครรภ์และสามารถใช้วินิจฉัยความแตกต่างของเนื้อเยื่อ หลอดเลือดได้ทั่ว อวัยวะในร่างกายทำให้มคี วามถูกต้อง แมน่ ยำในการวินิจฉัยโรคมากยิ่งข้ึนรวมทง้ั สามารถทำการตรวจ ได้ในทุกระนาบหรือทุกแนวตามต้องการ ไม่ใช่เฉพาะแนวขวางอย่างเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แต่บาง กรณีอาจต้องฉีดสารทึบรังสี (Contrast media) ร่วมกับการตรวจเอ็มอาร์ไอเนื่องจากสารทึบรังสีจะ ช่วยเพ่ิมความแตกตา่ งของเนื้อเย่ือทำให้เห็นรายละเอียดของเน้อื เยื่อได้ดีย่ิงขึน้ เพ่ิมประสทิ ธภิ าพในการวินจิ ฉัยโรค 6.4.3 อุลตราซาวด์ (ultrasound, ultrasonography) เปน็ การนำคลืน่ เสยี งทม่ี คี วามถี่ สูงเกินกวา่ หขู องคนจะได้ยิน โดยอาศัยทรานซดิวเซอร์ (transducer) เป็นเครอ่ื งมือปล่อยและรับคลื่น เสยี งโดยจะปล่อยคลื่น เสยี งเปน็ จังหวะประมาณ 1000 ครั้งต่อวนิ าที คลนื่ เสยี งจะผา่ นไปตามเน้ือเยื่อ ต่างๆที่ต้องการตรวจ แบ่งการตรวจออกได้ ดังนี้ Upper abdomen Lower abdomen Whole abdomen Thyroid Breasts Doppler US Lung mass pleural mass / effusion ทารกในครรภ์ (Obstretic) 6.4.4 Plain film คือ การถ่ายภาพรังสีเอ็กซ์โดยไม่ใช้สารทึบรังสี ตัวอย่าง plain film เช่น Chest X-ray Plain Abdomen Plain KUB 6.4.4.1 การตรวจเอกซเรยท์ รวงอก (chest x-ray, CXR) หรือการเอกซเรย์ปอด เป็นการตรวจทางรงั สวี ิทยาอยา่ งหน่ึง โดยถ่ายภาพทรวงอกดว้ ยรังสเี อกซ์ ใชใ้ นการตรวจวินิจฉัยภาวะ ต่างๆ เกี่ยวกับทรวงอก อวัยวะภายใน และโครงสร้างข้างเคียง การถ่ายภาพรังสีทรวงอกเป็นการ ถ่ายภาพรังสที ่ีทำบ่อยท่ีสุดอย่างหนึ่ง และชว่ ยในการวนิ ิจฉยั โรคและภาวะต่างๆ ไดห้ ลายอย่าง ทา่ ท่ีใช้ในการถา่ ยภาพรงั สที รวงอก 1. Posteroanterior (PA)ให้ผู้ป่วยยืนหันหน้าเข้าหาฟิล์มเงยคางขึ้นเอาหลัง มอื แตะสะโพกงุม้ ไหล่เขา้ หาฟลิ ม์ เพอ่ื ใหเ้ งาชองกระดกู สะบักหลบจากเงาของปอด 2. Lateral ให้ผู้ป่วยเอาข้างที่สงสัยมีพยาธิสภาพชิดฟิล์ม จัดให้ยืนในท่าตรง ยกแขนข้ึนเหนือศีรษะ ลาแสงเขา้ ด้านตรงขา้ มฟิลม์
3. Left anterior oblique ใช้เมื่อต้องการถ่ายภาพหัวใจ เนื่องจากหัวใจอยู่ ด้านหน้า จึงต้องถ่ายในท่า anterior oblique ให้ผู้ป่วยยืนเอาด้านหน้าข้างซ้ายชิดฟิล์ม ตะแคงตัว ประมาณ55องศาเพ่อื หลบเงาหวั ใจแสงเข้าข้างหลังดา้ นขวา 4. Right anterior oblique ให้ผู้ป่วยเอาด้านหน้าข้างขวาชิดฟิล์มเอียงตัว ประมาณ45องศาแสงเข้าดา้ นหลังขา้ งซ้าย 5. Lateral decubitus เป็นท่าที่ใช้ถ่ายดู air fluid level ในท่านอนตะแคง โดยเอาข้างทสี่ งสัยวา่ มีน้ำลงหรือดา้ นท่มี ลี มขน้ึ ดา้ นบน 6. Apical lordotic เป็นท่าสาหรับดูยอดปอด ท่านี้ผู้ป่วยยืนห่างฟิล์มหลังเอน เท้าชิดฟลิ ์มแสงเอก็ ซเ์ รย์จะเอยี งผ่านใต้ระดับของกระดูกไหปลารา้ เพื่อใหเ้ งาของกระดูกน้หี ลบไปจาก เงาของยอดปอด ทำให้เห็นยอดปอดได้ชัดเจน 6.4.4.2 Plain Abdomen เป็นการถ่ายภาพทางรังสีทั่วทั้งช่องท้อง โดยไม่ใช้ สารทึบรังสี เพื่อดูสภาวะทั่ว ๆ ไป ได้แก่ ความผิดปกติจากการรวมตัวของก๊าซ ในระบบทางเดิน อาหาร ก้อนนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ก๊าซที่รั่วเข้าไปในช่องท้อง(peritoneal cavity) น้ำในช่องทอ้ ง( Ascitis) รวมถึงเลือดออกในช่องทอ้ ง ก้อนในช่องท้อง ฝีในช่องทอ้ ง ฝีใต้กระบังลม สิ่ง แปลกปลอมต่างๆ ในระบบทางเดินอาหาร หรือ ช่องท้อง ขนาด รูปร่าง ตำแหน่ง และพยาธิสภาพ ของตับ มา้ ม ไต ตอ่ มหมวกไต ตับออ่ น และมดลูก 6.4.4.3 Plain K U B เป็นการตรวจอย่างง่ายโดยใช้ถ่ายภาพรังสี ไต ท่อไต และกระเพาะปัสสาวะ เพื่อศึกษาเกี่ยวกับรูปร่าง ลักษณะ ตำแหน่ง และขนาด นอกจากนี้อาจจะพบ นิ่วที่ทึบรังสี ภาวะที่ไตโป่งพอง หรือโรคไตเรื้อรังบางอย่าง หรืออาจจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของ กระดกู ซงึ่ เกดิ จากผลของการกระจายของมะเร็งเพื่อให้ภาพชัดเจน ลำไสใ้ หญ่จะต้องว่างและไม่มีก๊าซ บัง จงึ ควรให้ยาระบายก่อนนอน 6.4.5 การตรวจเอกซเรย์เต้านม (Mammography) โดยใช้เครื่องเอกซเรย์ชนิดพิเศษ ในการตรวจ เพื่อค้นหาความผิด ปกติของเต้านม เช่น ก้อนในเต้านมว่าเป็นก้อนเนื้องอก ถุงน้ำ ถุง ไขมัน หรือมะเร็ง หาความผิดปกติ ของต่อมน้ำเหลือง เพื่อหาตำแหน่งของสิ่งผิดปกติในเต้านม เป็นตน้ ผูร้ บั การตรวจจะได้รับรังสีนอ้ ยมาก สรปุ ทา้ ยบท การเรยี นการประเมินสภาพทว่ั ไปของผู้ปว่ ยจะต้องใช้เทคนิคที่ดีในการส่ือสาร เพื่อจะได้ซัก ประวัติ การตรวจร่างกาย การวัดสัญญาณชีพ การส่งตรวจพิเศษ เพื่อวินิจฉัยโรค และจะได้มีการวาง แผนการพยาบาลได้อย่างถูกต้อง นักศึกษาต้องมีการเรียนและการฝึกทักษะในการวัดสัญญาณชีพได้ อยา่ งถกู ต้องและแมน่ ยำ เพราะสัญญาณชพี เป็นเคร่ืองมือในการประเมนิ สขุ ภาพของผู้ป่วย
บรรณานกุ รม ชมนาด วรรณพรศิริ.(2552).การประเมินระบบหัวใจและหลอดเลือด.โครงการตำราคณะพยาบาล ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. ชวนพิศ วงศ์สามัญและกล้าเผชิญ โชคบำรุง.(2556).การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการพยาบาล. พมิ พ์คร้ังท1่ี 9.ขอนแกน่ : ขอนแก่นการพมิ พ์. ณัฐฐิตา เพชรประไพ.(2556).เอกสารประกอบการสอน การประเมินภาวะสุขภาพ.สำนักวิชา พยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยสี ุรนารี. นงณภัทร รุ่งเนย.(2550).การประเมินภาวะสุขภาพสำหรับพยาบาลเวชปฏิบัติ.เพชรบุรี : มุมหนึ่งพ รนิ ต้งิ . ผอ่ งพรรณ อรุณแสง. (2559). การประเมินภาวะสขุ ภาพผใู้ หญ่และผ้สู ูงอายุ : การประยุกต์ใชใ้ น การพยาบาล. ขอนแกน่ : คลังนานา. พงษธ์ ารา วจิ ติ รเวชไพศาล.(2557).การวเิ คราะห์กา๊ ซในเลอื ด.กรุงเทพ ฯ : พี.เอ.ลีฟว่งิ จำกัด. เพ็ญจันทร์ สุวรรณแสง โมไนยพงศ์.(2551).การวิเคราะห์ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการสำหรับ พยาบาล. กรุงเทพ ฯ : วเี จ พริน้ ตง้ิ . มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. (2554). เอกสารการสอนชุดวิชา การพยาบาลอนามยั ชมุ ชนและ การรกั ษาพยาบาลเบ้ืองตน้ (พมิ พค์ รงั้ ที่ ๓). นนทบรุ ี : มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช วีรวรรณ เล็กสกุลไชย. (2555).ตำราพยาธิวิทยา:การตรวจสารเคมีในเลือดและสิ่งส่งตรวจ.กรงุ เทพ ฯ : วีพริน้ ท์ จำกัด วิทยา ศรดี ามา, (2553). การสัมภาษณป์ ระวตั แิ ละตรวจร่างกาย โครงการตำราจฬุ าอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย . สุรเกียรติ อาชานภุ าพ. (2543). ตำราการตรวจรกั ษาโรคทวั่ ไป (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรงุ เทพฯ: อุษาการ พิมพ์. _____. (2544). ตำราการตรวจรกั ษาโรคท่ัวไป (พมิ พ์คร้งั ท่ี 3). กรุงเทพฯ: หมอชาวบ้าน. หทยั ชนก บวั เจริญ และคณะ. (2559). เอกสารประกอบการสอนเรื่อง กระบวนการพยาบาล. นครปฐม: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม. อารี ชีวเกษมสขุ .(2551). กระบวนการพยาบาลและการประเมินสุขภาพ:ทฤษฎีและการปฏบิ ัติ. กรงุ เทพฯ:มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช.
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครปฐม
Search