94 ฮาร์ดดสิ ก์ สแกนเนอร์ ซดี ีรอม โมเดม็ ฯลฯ 3. ช่วยลดความซา้ ซอ้ นและสามารถกาหนดมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยให้กบั แฟม้ ข้อมูลตา่ งๆได้สะดวก 4. สามารถขยายอาณาเขตในการสือ่ สารข้อมูลได้ครอบคลุมกว้างไกลยิง่ ขนึ้ จากเครือข่ายขนาดเลก็ ท่ีเชือ่ มตอ่ กนั ดว้ ยคอมพวิ เตอร์เพยี งสองสามเคร่อื งภายในหนว่ ยงานหรอื บรษิ ัทเล็กๆไปจนถึงเครือข่ายทเ่ี ชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ นับลา้ นๆเครือ่ งทั่วโลกครอบคลุมไปเกอื บทุกประเทศทร่ี ้จู ักกันดคี ือเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ น็ตซ่งึ เปน็ เครือขา่ ยที่ใหญ่ ท่สี ุดในโลก องค์ประกอบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Network Elements) องคป์ ระกอบของระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์มี 7 องคป์ ระกอบด้วยกันประกอบด้วย 1. จุดเชือ่ มต่อ (Node) อยา่ งน้อย 2 จดุ ข้นึ ไป ซึ่งอาจจะเปน็ Personal Computer , Host Computer, Workstation และ Printer 2.การ์ดแลน(Network Interface Card : NIC)เป็นอุปกรณ์ท่ที าหน้าท่ีแปลงสญั ญาณและควบคุมการรบั ส่งขอ้ มลู ระหว่างเคร่ืองคอมพวิ เตอรแ์ ตล่ ะเคร่ืองทเ่ี ช่อื มต่อกับระบบเครือขา่ ย รูปการ์ดแลน10/100และการ์ดแลน10/10 3. ส่ือกลางในการสง่ ขอ้ มูล (Media)ได้แกส่ ายเคเบิล คลืน่ วทิ ยุ คล่ืนอนิ ฟราเรด เป็นตน้ ซ่ึงรายละเอยี ดเก่ียวกับ สอื่ กลางในการสง่ ขอ้ มลู จะอธิบายอยา่ งละเอียดในบทตอ่ ไป สาย UTP Cat 5 4. แพกเกจของข้อมูล (Data Packets) เป็นสญั ญาณทว่ี งิ่ ระหวา่ ง Node ภายในระบบ เครอื ขา่ ย 5. ทอี่ ยู่ (Address) เปรยี บเสมือนบา้ นเลขที่ของแตล่ ะ Node ในระบบเครอื ขา่ ยซ่ึงจะไม่ ซา้ กัน 6. ซอฟตแ์ วรใ์ นการสือ่ สารขอ้ มูล (CommunicationSoftware)เป็นโปรแกรมทต่ี ดิ ตง้ั ในเคร่อื งคอมพิวเตอร์ แมข่ า่ ย (Server) เพื่อควบคุมการทางานของเครอ่ื งคอมพวิ เตอรล์ กู ข่าย ได้แก่ Netware, Window NT/ Windows 2000 Server, Linux และ Unix เปน็ ตน้ -Netware เปน็ ระบบปฏบิ ัติการทมี่ ีผู้นิยมใชง้ านในระบบเครือข่ายมากสาหรบั เคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์ ในยุคแรกๆ พฒั นาโดยบรษิ ทั Novell จดั เปน็ ระบบปฏิบัตกิ ารเครือข่ายที่ทางานภายใต้ MS-DOS - Window NT, Windows 2000 Server เปน็ ระบบปฏิบตั กิ ารทพ่ี ัฒนาโดยบรษิ ัท ไมโครซอฟต์ จากัด สามารถ นาไปประยุกต์ใชง้ านได้หลากหลายรูปแบบ เร่ิมต้นไมโครซอฟตต์ อ้ งการพัฒนาเปน็ แอปปลเิ คชัน่ เซอร์ฟเวอร์ แต่ ปจั จุบนั สามารถประยกุ ต์ได้เปน็ ดาต้าเบส เซอรฟเ์ วอร์ และอินเทอรเ์ นต็ เซอรฟ์ เวอร์ -Unixเป็นระบบปฏิบัติการทกี่ าเนดิ มาบนเคร่ืองคอมพวิ เตอรข์ นาดใหญ่(Mainframe)ท่ีรองรบั ผู้ใช้จานวนมาก สาหรับระบบเครือข่ายในหน่วยงานใหญๆ่ เป็นโปรแกรมจดั การระบบงาน (Operating system) ในเครือข่าย คอมพิวเตอรร์ ะบบหน่ึง ไดร้ ับการออกแบบโดยห้องปฏิบตั กิ ารเบลล์ของบรษิ ัท AT&T ในปี ค.ศ. 1969 ถึงแมว้ ่า ระบบUnixจะคิดค้นมานานแลว้ แต่ยงั เป็นทนี่ ยิ มใช้กนั มากมาจนถงึ ปัจจุบันโดยเฉพาะระบบพืน้ ฐานของ อนิ เตอรเ์ นต เนอื่ งจากมีความคลอ่ งตวั สงู ตลอดจนสามารถใชไ้ ดก้ บั เครือ่ งคอมพิวเตอร์หลายชนิด นอกจากน้นั Unixยงั เปน็ ระบบ ใช้ในลกั ษณะผูใ้ ช้ร่วมกันหลายคน (Multiuse) และงานหลายงานในขณะเดยี วกัน (Multitasking) ผ้ใู ช้สามารถดดั แปลง หรอื เพมิ่ คาสั่งใน Unix ด้วยตนเองเพอื่ ความสะดวกได้ - Linux เป็นระบบปฏิบตั กิ ารสาหรบั ระบบเครือข่าย ท่อี ยใู่ นกลมุ่ ของ Free Ware ทม่ี ี คณุ ภาพและประสิทธภิ าพ สงู Linux พฒั นาขน้ึ โดยนายไลนัส ทอรว์ ลั ด์ (Linus Torvalds) ขณะทย่ี ังเปน็ นกั ศกึ ษาของมหาวิทยาลัยเฮซงิ กิ
95 ประเทศฟินแลนด์ เขาได้สง่ ซอรส์ โคด้ (Source Code) ใหน้ กั พฒั นาทวั่ โลกร่วมกนั พฒั นา โดยขอ้ ดขี อง Linux สามารถทางานไดพ้ รอ้ มกัน (Multitasking) และใช้งานไดพ้ ร้อมกันหลายคน(Multiuse)ทาให้เปน็ ทน่ี ิยมแพร่หลาย บางคนกล่าวว่า\"Linuxกค็ อื น้องของUnix\"แตจ่ ริงๆแลว้ Linuxมีข้อดีกว่ายนู กิ ซ(์ Unix)คอื สามารถทางานได้ บนเครื่องคอมพวิ เตอรส์ ่วนบคุ คล (PC) ท่ีใช้งานอยู่ทว่ั ๆ ไป เพราะว่า Linux เป็นระบบปฏิบตั ิ 7. รูปแบบในการเช่ือมตอ่ เครอื ข่าย (Topology) ซ่ึงเปน็ แผนผงั ทางกายภาพที่จะบอกวา่ สัญญาณขอ้ มูลจะว่งิ จาก Nodeหน่ึงไปยังอีก Node หนง่ึ ในลักษณะอยา่ งไร ซง่ึ มี 3 รูปแบบ คือ Bus Topology0, Ring Topology และ Star Topology 8. อัตราการส่งข้อมูล (Data Transmission Rate) เปน็ ความเรว็ ทแ่ี พกเกตจานวนหน่ึงสามารถเดินทางจาก Node หนง่ึ ไปยังอีก Node หน่งึ ในระบบเครือข่าย เชน่ ความเร็ว 1 Mbps (Megabits per second) , 1Gbps (Gigabits per second) ประเภทของเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ (Type of Network) ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์สามารถแบง่ แยกไดห้ ลายรปู แบบ เช่น แบ่งแยกตามขนาดและ แบ่งแยกตามการให้และรับบรกิ าร 1. การแบ่งระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ตามขนาด การแบ่งรปู แบบนจ้ี ะดูขนาดการครอบคลมุ พน้ื ที่เป็นสาคญั ซึ่งสามารถแบง่ ได้เปน็ 3 ลักษณะดังนี้ - LAN (Local Area Network) เป็นกลุ่มของคอมพวิ เตอร์ทเ่ี ชื่อมตอ่ กันในพ้นื ทีจ่ ากดั เชน่ ภายในตกึ สานักงานหรอื ภายในโรงงาน ส่วนมากจะใชส้ ายเคเบลิ้ ในการติดต่อสื่อสารกนั เครือขา่ ย LAN - MAN (Metropolitan Area Network) เป็นการนาเครือข่ายLANหลายๆเครือขา่ ยทอ่ี ยู่ในพน้ื ท่ใี กลเ้ คยี งกันมาเชื่อมต่อกันใหม้ ีขนาดใหญข่ นึ้ เชน่ เชื่อมตอ่ กันในเมอื ง หรอื จังหวดั เป็นต้น - WAN (Wide Area Network) เป็นกล่มุ ของเครอื ข่ายคอมพิวเตอรท์ ีเ่ ชือ่ มต่อกันแบบกวา้ งขวางอาจจะเป็นภายในประเทศระหวา่ งประเทศ ซง่ึ ภายในเครอื ข่าย WAN จะมเี ครอื ขา่ ย LAN หรือ MAN เชื่อมต่อกันอย่ภู ายใน เชน่ สานกั งานใหญ่ ทีเ่ มืองซานดิเอโก้ประเทศสหรัฐอเมรกิ าตดิ ต่อกับสานักงานสาขาในกรุงมะนลิ าประเทศฟลิ ปิ ปินสซ์ ่งึ การตดิ ตอ่ สื่อสารกนั อาจจะใชต้ ั้งแตร่ ะบบโครงขา่ ยโทรศพั ท์จนกระท่ังถงึ ดาวเทียม2การแบ่งระบบเครอื ขา่ ยตามลักษณะ การใหแ้ ละรบั บริการเป็นการแบง่ ตามลกั ษณะหนา้ ที่ของคอมพิวเตอรแ์ ต่ละเคร่อื งในระบบเครอื ข่ายเปน็ สาคญั อาจแบ่งไดเ้ ป็น 2 ประเภท - เพยี ร์ทูเพียร์ (Peer to Peer) เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์แบบ Peer - To - Peer เป็นลักษณะของกล่มุ คอมพวิ เตอรท์ ี่คอมพวิ เตอร์ทุกเคร่อื งมีสทิ ธิเท่าเทยี มกันหมด (Peer)ไมม่ เี ครอ่ื งไหน ทท่ี าหนา้ ที่เปน็ ศูนยก์ ลางของเครอื ข่ายเครื่องทกุ เครื่องสามารถเป็นไดท้ ้งั ผู้รบั บรกิ าร(Client)และ ผ้ใู ห้บรกิ าร(Server)ไมม่ ีเคร่ืองไดมหี นา้ ที่ดูแลจัดการระบบทงั้ หมดผูใ้ ช้งานแต่ละเคร่ืองจะเป็นผ้ดู ูแล
96 ขอ้ มลู และทรพั ยากรของตัวเอง - ไคลเอ็นต์ - เซริ ฟ์ เวอร์ (Client-Server) เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ บบ Client- Server ในกรณที อี่ งคก์ รมีเครอื่ งคอมพวิ เตอรจ์ านวนมากเครือขา่ ยแบบ Peer- To- Peer อาจจะไมส่ ามารถรองรบั ได้ เครือขา่ ย Client Server จะเปน็ ทางเลอื กท่ีเหมาะสมกวา่ เนือ่ งจาก Client Server มีความสามารถในการดูแล ควบคมุ ใช้งานของระบบเครอื ทม่ี ขี า่ ยผู้ใช้จานวนมากไดด้ ีกวา่ มีเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ท่ที าหนา้ ที่ดแู ลระบบ จดั เก็บข้อมูลใหบ้ ริการท้งั Hardware , Software และ Data รวมท้ังเรอื่ งของการรกั ษาความปลอดภัย ใหก้ บั คอมพิวเตอรท์ ้ังระบบเราเรยี กคอมพิวเตอร์ท่ีทาหน้าท่เี หล่านีว้ ่าเครื่องให้บรกิ ารหรือเคร่อื งแม่ข่าย (Server) สว่ นเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ท่เี หลอื ในระบบท่ไี ม่ได้ทาหนา้ ทนี่ จ้ี ะเรยี กว่า เคร่อื งรับบรกิ ารหรือเคร่อื งลกู ข่าย (Client) หรอื เวริ ก์ สเตชัน (Workstation) ซง่ึ จะเป็นกลุ่มคอมพิวเตอร์ในระบบท่ที าหนา้ ที่รับการบริการจากเครือ่ ง Server ซง่ึ จะทาหนา้ ท่ี ควบคมุ การใช้งานทกุ อยา่ งของระบบเครอื ขา่ ย เช่น การใชง้ านเครอื่ งพิมพจ์ ะถูกดูแลโดย Print Server หรืออุปกรณ์และทรัพยากรอื่นๆ จะถกู ดแู ลโดย Server เชน่ File Server , Program Server ส่วนเครอ่ื ง Client ทกุ เครอื่ งจะใช้งานทรพั ยากรตา่ งๆ โดยผา่ นทาง Server การใช้งานระบบเครอื ขา่ ย (Network Capability) การประยกุ ตใ์ ช้งานระบบเครือขา่ ยมีมากมายหลายประเภทขนึ้ อยูก่ ับวตั ถปุ ระสงค์ขององคก์ รท่นี า ระบบเครอื ขา่ ย มาใช้ ซึ่งพอจะสรปุ ได้ดงั นี้ - การบรกิ ารไฟล์ และการพิมพ์ (File and Print Service) - การบรกิ ารแฟกส์ (Fax Service) - การบรกิ ารโมเดม็ (Modem Service) - การบริการการเขา้ สโู่ ฮสต์ (Host Service) - การบริการ Client/Server Software - การบรกิ าร Information Network เช่น Internet อนิ เทอรเ์ น็ต (Internet) เครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต คาว่า Internet เป็นคาผสมระหว่าง Interconnection กับ Network เป็นการเชือ่ มต่อ ระหวา่ งเครือข่ายเพือ่ สามารถมองเห็นกันไดท้ ุกเครอื ขา่ ย เป็นระบบเครอื ขา่ ยสากล ท่มี ีเครื่องคอมพิวเตอร์เช่อื มตอ่ กันมากท่สี ดุ ในโลก โดยทีเ่ ป็นผลจากการวจิ ัยและพัฒนาการทางทหาร ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 1969 เร่มิ จากการ เช่อื มโยงขอ้ มูลใน 4 มหาวิทยาลยั ดว้ ยการใชโ้ ปรโตคอล (Protocol เปรยี บเหมอื นกับภาษาท่ี คอมพิวเตอร์ใช้ เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจความหมายของขอ้ มูลทีใ่ ชร้ ับและสง่ ไปในเครอื ขา่ ย) แบบ TCP/IP ลกั ษณะสาคญั คือ กาหนดให้เคร่อื งทกุ เครื่อง ท่ีอยู่ในระบบมีหมายเลขประจาตวั ท่ีเรยี กว่า IP address การสง่ ขอ้ มลู ระหว่างกนั ก็จะ ใชห้ มายเลขนี้เหมอื นกับระบบไปรษณยี ์ ซง่ึ ขอ้ กาหนดนเ้ี ป็นทีเ่ ปิดเผย เข้าใจงา่ ย และใชไ้ ด้ผลดี ทาให้ระบบนข้ี ยาย ไปท่ัวโลก
97 บรกิ ารตา่ งๆ บนอินเทอรเ์ นต็ - การรบั ส่งไปรษณยี อ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ (E-mail) เปน็ ระบบสือ่ สารทางคอมพิวเตอร์หรือเรียกว่า จดหมายออนไลน์ ลักษณะของแอดเดรสผู้ใช้ เชน่ [email protected] - การโอนยา้ ยแฟ้มข้อมลู ระหว่างกนั (FTP หรอื Download) ทาให้ผู้ใช้สามารถรบั สง่ แฟ้มขอ้ มูลระหวา่ งกนั หรอื มี สถานใี ห้บรกิ ารเก็บแฟ้มข้อมูลทอ่ี ยู่ในท่ีต่าง ๆ และให้บริการ ผู้ใช้สามารถเขา้ ไปคดั เลือกแฟม้ ขอ้ มลู มาใช้ประโยชนไ์ ด้ - การใชเ้ คร่อื งคอมพวิ เตอรใ์ นท่หี า่ งไกล(Telnet)การเชอ่ื มโยงคอมพิวเตอรเ์ ข้ากับเครอื ขา่ ยทาให้เราสามารถ เรียกเขา้ หาเครื่องคอมพิวเตอรท์ ่ีเป็นสถานบี ริการในทห่ี า่ งไกลไดผ้ ใู้ ชส้ ามารถนาขอ้ มูลไปประมวลผลยัง เคร่ืองคอมพวิ เตอรท์ ่อี ยูใ่ นเครือข่ายโดยไม่ตอ้ งเดนิ ทางไปเอง - การเรยี กคน้ หาขอ้ มูลข่าวสาร (Search) ปจั จบุ ันมีฐานขอ้ มูลข่าวสารทเ่ี กบ็ ไว้ใหใ้ ช้งานจานวนมาก ฐานขอ้ มูลบาง แห่งเกบ็ ข้อมลู ในรูปส่ิงพมิ พอ์ เิ ล็กทรอนกิ ส์ท่ีผู้ใชส้ ามารถเรยี กอา่ น หรือนามาพมิ พ์ มลี ักษณะเหมือนหอ้ งสมดุ ขนาด ใหญอ่ ยู่ภายในเครือขา่ ยทสี่ ามารถค้นหาขอ้ มูลใดๆ ก็ได้ เรยี กว่า เครอื ข่ายใยแมงมมุ ครอบคลุมทั่วโลก (World Wide Web : www) ซึง่ เปน็ ฐานขอ้ มูลท่เี ชือ่ มโยงกนั ทว่ั โลก - การอา่ นจากกลมุ่ ข่าว หรือกระดานข่าว (Web board) จะมกี ลมุ่ ข่าวเป็นกลุ่มๆ แยกตามความสนใจ แต่ละกลมุ่ ข่าวอนุญาตให้ผ้ใู ช้อินเทอร์เนต็ สง่ ข้อความโตต้ อบได้ กลมุ่ ขา่ วนจ้ี ึงแพรห่ ลายกระจายขา่ ว ได้รวดเร็ว -การสนทนาบนเครือข่าย(Chatหรอื IRC)ในยุคแรกใช้วธิ กี ารสนทนากันด้วยตัวหนงั สือเพือ่ โต้ตอบกนั แบบทนั ทที นั ใดบนจอภาพ ตอ่ มามผี ้พู ฒั นาให้ใช้เสียงไดจ้ นถงึ ปัจจบุ ันถ้าระบบสื่อสารข้อมลู มีความเรว็ พอ
98 ก็สามารถสนทนาโดยเห็นหน้ากันและกนั บนจอภาพได้ อนิ ทราเนต็ (Intranet) เปน็ เครือข่ายภายในองค์กรทเ่ี ปลยี่ นโปรโตคอลในการส่อื สารบนระบบเครอื ขา่ ยแบบแลนเดมิ ๆ ไปเป็นโปรโตคอลTCP/IPเชน่ เดยี วกับอินเทอร์เน็ตและสามารถใช้โปรแกรมต่างๆทพี่ ัฒนาเพอื่ ใช้ กับอนิ เทอร์เนต็ ได้ทาให้มีคา่ ใช้จา่ ยถูกลงมาก ต่างกนั ตรงท่ี อนิ ทราเน็ต จะเป็นเครอื ข่ายปิด ใช้เฉพาะในองคก์ ร เท่าน้ันกลบั ดา้ นบน 1.2 การใชง้ านเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรก์ ับงานดา้ นตา่ ง ๆ จากการทีค่ อมพวิ เตอรม์ ีลักษณะเดน่ หลายประการทาให้ถูกนามาใชป้ ระโยชน์ตอ่ การดาเนินชีวิตประจาวนั ในสังคม เปน็ อย่างมาก ท่พี บเห็นได้บ่อยท่สี ุดก็คอื การใช้ในการพิมพเ์ อกสารตา่ งๆ เช่น พิมพ์จดหมาย รายงาน เอกสาร ตา่ งๆ ซ่ึงเรียกว่างานประมวลผล (word processing ) นอกจากน้ยี ังมกี ารประยกุ ตใ์ ชค้ อมพวิ เตอร์ในดา้ นต่างๆ อีก หลายด้าน ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. งานธุรกิจ เชน่ บรษิ ัท ร้านค้า ห้างสรรพสนิ ค้า ตลอดจนโรงงานตา่ งๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการทาบญั ชี งาน ประมวลคา และตดิ ต่อกับหน่วยงานภายนอกผ่านระบบโทรคมนาคม นอกจากนี้งานอุตสาหกรรม ส่วนใหญก่ ใ็ ช้ คอมพวิ เตอรม์ าช่วยในการควบคุมการผลิต และการประกอบช้ินสว่ นของอปุ กรณ์ต่างๆ เชน่ โรงงานประกอบ รถยนต์ ซง่ึ ทาให้การผลิตมีคุณภาพดีข้นึ บรษิ ทั ยงั สามารถรบั หรืองานธนาคาร ที่ให้บริการถอนเงินผา่ นตู้ฝากถอน เงินอัตโนมัติ ( ATM ) และใชค้ อมพวิ เตอรค์ ิดดอกเบี้ยให้กับผู้ฝากเงนิ และการโอนเงนิ ระหว่างบญั ชี เชือ่ มโยงกนั เปน็ ระบบเครือขา่ ย 2. งานวทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสขุ สามารถนาคอมพิวเตอร์มาใช้ในนามาใช้ในสว่ นของการ คานวณที่คอ่ นข้างซับซอ้ น เช่น งานศกึ ษาโมเลกลุ สารเคมี วิถกี ารโคจรของการส่งจรวดไปสู่อวกาศ หรืองาน
99 ทะเบยี น การเงิน สถติ ิ และเป็นอุปกรณ์สาหรับการตรวจรกั ษาโรคได้ ซ่งึ จะใหผ้ ลท่ีแม่นยากว่าการตรวจด้วยวธิ ีเคมี แบบเดิม และให้การรักษาได้รวดเร็วขน้ึ 3. งานคมนาคมและสื่อสาร ในสว่ นท่ีเกีย่ วกบั การเดินทาง จะใชค้ อมพวิ เตอร์ในการจองวันเวลา ทนี่ ง่ั ซึง่ มกี าร เชื่อมโยงไปยังทกุ สถานีหรือทุกสายการบินได้ ทาให้สะดวกตอ่ ผเู้ ดินทางทไี่ มต่ ้องเสียเวลารอ อกี ทัง้ ยงั ใชใ้ นการ ควบคุมระบบการจราจร เชน่ ไฟสัญญาณจราจร และ การจราจรทางอากาศ หรอื ในการสื่อสารก็ใช้ควบคุมวงโคจร ของดาวเทียมเพอ่ื ใหอ้ ยู่ในวงโคจร ซึง่ จะช่วยส่งผลตอ่ การส่งสญั ญาณให้ระบบการส่ือสารมคี วามชัดเจน 4. งานวศิ วกรรมและสถาปตั ยกรรม สถาปนิกและวิศวกรสามารถใชค้ อมพวิ เตอร์ในการออกแบบ หรือ จาลอง สภาวการณ์ ต่างๆ เชน่ การรับแรงส่ันสะเทอื นของอาคารเมอ่ื เกดิ แผ่นดินไหว โดยคอมพวิ เตอรจ์ ะคานวณและ แสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียงความจริง รวมท้งั การใช้ควบคุมและตดิ ตามความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ เชน่ คนงาน เคร่อื งมอื ผลการทางาน 5. งานราชการ เปน็ หน่วยงานทม่ี ีการใชค้ อมพวิ เตอรม์ ากที่สุด โดยมกี ารใช้หลายรูปแบบ ทัง้ นข้ี ้ึนอยูก่ ับบทบาท และหนา้ ที่ของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ระบบประชมุ ทางไกลผา่ นคอมพวิ เตอร์ , กระทรวงวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ได้จัดระบบเครือขา่ ย Internet เพอื่ เชือ่ มโยงไปยังสถาบันต่างๆ กรมสรรพากร ใช้จดั ในการจัดเกบ็ ภาษี บนั ทึกการเสยี ภาษี เปน็ ตน้ 6. การศึกษา ได้แก่ การใช้คอมพวิ เตอรท์ างด้านการเรียนการสอน ซงึ่ มีการนาคอมพิวเตอร์มาช่วยการสอนใน ลักษณะบทเรยี น CAI หรืองานดา้ นทะเบยี น ซ่ึงทาให้สะดวกตอ่ การคน้ หาขอ้ มูลนกั เรยี น การเกบ็ ข้อมลู ยมื และการ ส่งคนื หนงั สอื หอ้ งสมุด การนาเอาเทคโนโลยี เข้ามามสี ว่ นร่วมในการจัดการเรียนการสอน เป็นการเพิม่ พนู ประสิทธิภาพทางการเรียนร้แู ก่ ผเู้ รียน และในสภาพปัจจบุ นั การเรียนการสอนก็ไม่อาจหลกี เล่ียงสงิ่ น้ีได้ ครูจะตอ้ งปรบั เปล่ียนพฤติกรรมการสอน ของตนเอง ตอ้ งยอมรบั ความเปล่ยี นแปลงท่ี เกิดข้ึน จงึ ตอ้ งเรียนรเู้ ทคโนโลยตี ่าง ๆ แล้ววิเคราะห์ความเป็นไปได้ ใช้ให้เกิดประสทิ ธภิ าพสูงสุด ให้เหมาะสมกับสภาพของโรงเรยี น ทม่ี คี วามพรอ้ มในระดบั หนง่ึ ครคู วรต้องพฒั นา ตนเองเพือ่ พฒั นาผู้เรยี นได้อย่างเหมาะสม และยดึ ผ้เู รียนเป็นศูนยก์ ลาง เพ่ือนาพาผู้เรยี นให้สามารถเรียนรู้ ดารง ตนอย่ไู ดอ้ ย่างมีความสขุ 2.12 ความหมายและความสาคัญสารสนเทศ \"เทคโนโลยี”(Technology) มาจากรากศพั ท์ \"Technic\" หรอื \"Techno\" ซึง่ มคี วามหมายวา่ วธิ ีการ หรือการจัดแจงอย่างเป็นระบบ รวมกบั \"logy\" ซ่ึงแปลว่า “ศาสตร์” หรอื “วทิ ยาการ” ดังนนั้ คาว่า \"เทคโนโลยี\" ตามรากศัพท์จึงหมายถึง ศาสตรว์ า่ ด้วยวธิ กี ารหรือศาสตร์ทว่ี า่ ด้วยการจัดการ หรอื การจัดแจงสง่ิ ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน อย่างเป็นระบบ เพ่ือให้เกิดระบบใหม่และเปน็ ระบบทส่ี ามารถนาไปใช้ตามวัตถปุ ระสงค์หรอื เจตนารมณท์ ตี่ ง้ั ใจไวไ้ ด้ ซ่ึงกม็ คี วามหมายตรงกับความหมายท่ปี รากฏในพจนานุกรม คือ วิทยาศาสตร์ประยกุ ต์ ดังน้นั เทคโนโลยีการศึกษา จึงเปน็ การจัดแจงหรอื การประยกุ ตห์ ลกั การทางวทิ ยาศาสตร์กายภาพมาใช้ในกระบวนการของการศึกษา ซึ่งเปน็ พฤตกิ รรมศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ถือเป็นสอื่ นวัตกรรมใหมอ่ ย่างหนึ่ง เพง่ิ แพรห่ ลายข้นึ มาประมาณ 40 ปี มานเี้ อง คอมพิวเตอร์เป็นอปุ กรณ์ที่ใช้ในการจัดเก็บ คานวณ ประมวลผล แสดงผล หรืองานอน่ื ใด ตามคาสั่ง ทีจ่ ดั ทาข้นึ แล้วบันทึกเก็บไวใ้ นหนว่ ยความจาของอปุ กรณ์น้ัน ปัจจุบันมีการพฒั นาคอมพิวเตอรอ์ ย่างรวดเรว็ มาก จนเปน็ สื่อ สาคญั ย่ิงในการนาเข้าสยู่ ุคขอ้ มูลขา่ วสาร ทุก ๆ วินาที สามารถรับรคู้ วามเป็นไปในทกุ พ้นื พิภพไดเ้ กือบพรอ้ มกัน ท้ังทอ่ี ยู่กันคนละซกี โลก การรับรู้ข่าวสารทรี่ วดเร็วนาประโยชนส์ ผู่ ู้ใช้ นาประโยชนส์ ู่ประเทศชาตไิ ดอ้ ยา่ งมหาศาล
100 เชน่ สามารถติดตอ่ คา้ ขายกนั ไดต้ ลอด 24 ชั่วโมง โดยทผ่ี ู้ซื้อและผ้ขู ายไม่ตอ้ งพบหน้ากนั ไม่มีข้อจากดั ของเวลา ไม่ มขี ้อจากัดด้านพรมแดน สามารถใชร้ ะบบ E - Commerce และใช้ในเรือ่ งการศึกษา การแสวงหาความรู้ การ ส่อื สาร รวมถงึ กิจการอื่น ๆ มากมาย หากผู้ใช้สามารถใชป้ ระโยชน์เปน็ อย่างคุ้มคา่ หลายปีทผ่ี า่ นมาโรงเรียนที่มี ความพร้อมเร่ิมนาคอมพิวเตอร์มาใช้ในโรงเรียนกันมากขึน้ โดยโรงเรียนดงั กลา่ วมกั จะอยู่ในกรงุ เทพฯ และเมือง ใหญ่ทม่ี เี ศรษฐกิจดี ผ้ปู กครองมีฐานะทางเศรษฐกิจมั่นคง ช่วงแรกเริ่มใชเ้ พอ่ื การบรหิ ารจัดการกอ่ น เรียกวา่ Computer Assisted Management โปรแกรมน้ีชว่ ยจัดการดา้ นงานธรุ การ เงินเดอื น ห้องสมดุ งานปกครอง และอนื่ ๆ ระยะตอ่ มาคอมพิวเตอรม์ ีราคาถกู ลง โรงเรยี นตา่ ง ๆ เรม่ิ นามาใช้ในการจัดการเรยี นการสอน ซงึ่ เรียกวา่ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction) หรือเรยี กย่อ ๆ ว่า \" CAI \" หมายถงึ การใช้คอมพิวเตอร์เป็นสอ่ื เสนอเน้อื หา กระตุ้นเรา้ ให้ผ้เู รยี นเกิดความสนใจ ต้องการเรยี นรู้ บทบาทของ CAI มมี ากขึ้น ผลที่ไดผ้ ู้เรยี นได้เรียนในส่งิ ท่ตี นเองต้องการ ตรงตามความประสงค์ เป็นการตอบสนอง ความเป็น Child Center ได้ประการหนง่ึ ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายให้โรงเรยี นต่าง ๆ ใช้ ICT เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้อยา่ งกว้างขวาง สภาพการณ์ดงั กล่าวทาใหผ้ ู้ปกครองเกดิ ความต่นื ตวั ต้องการทจี่ ะให้ บุตรหลานไดเ้ รยี นรูจ้ ากคอมพิวเตอร์มากขึน้ จนกลายเปน็ กระแสของความทนั สมยั โรงเรยี นใดไม่สอนวชิ า คอมพวิ เตอร์ ผูป้ กครองจะย้ายเด็กไปเรียนโรงเรียนอืน่ ทส่ี อนคอมพิวเตอร์ เป้าหมายสาคัญท่นี อกเหนอื ไปจากภาระ งานปกติของโรงเรยี น คือการจัดการศึกษาใหต้ อบสนองความต้องการของชมุ ชน ผูบ้ ริหาร คณะครู กรรมการ สถานศกึ ษา 2. การปฏวิ ตั ทิ างการศกึ ษา (Education Revolution) วิธีการเรยี นรู้ของนักเรยี นนักศึกษาในอนาคต จะเปลย่ี นไปอยา่ งมาก คือ จะเนน้ ตวั ผู้เรียนเป็นหลกั แทนการเน้น ตัวผู้สอนท่สี อนนกั เรยี นจานวนมากพร้อมกันทง้ั หอ้ ง ซึ่งเป็นวธิ ีที่เกดิ ขึ้นมาพรอ้ มกับการปฏิบัตอิ ตุ สาหกรรม เมือ่ ประมาณสองศตวรรษก่อน วิธกี ารเรียนในคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๒๑ นี้ จะเปน็ การเรยี นรู้แบบสร้างประสบการณ์ โดย เน้นให้นกั เรยี นค้นพบด้วยตัวเอง (learning by discovery) เป็นการศึกษา ท่นี ักเรียนจะเรยี นรวู้ ่าจะเรยี นรู้เอง ตอ่ ไปได้อย่างไร (learning how to learn) ทเ่ี ป็นดังน้ไี ด้ เพราะเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ทีท่ างานมลั ติมีเดยี จะทา ให้เราสามารถกลบั ไปใช้ระบบ ท่ีครูทาหนา้ ทสี่ าคัญในการสอน และช้ีนานักเรยี นเปน็ รายบคุ คล คอมพิวเตอร์จะ ชว่ ยใหค้ รูไม่ต้องทางานซ้าๆ กัน ในการสอนกจิ กรรมอยา่ งง่าย และสามารถใช้เวลามากขน้ึ กบั นกั เรยี นทีต่ อ้ งการ ความเอาใจใสม่ ากเปน็ พิเศษ การศึกษาท่ีใช้เทคโนโลยี (technology aided education) มีขอ้ ไดเ้ ปรยี บหลาย ประการคอื การเรียนรู้เปน็ แบบโตต้ อบกันนักเรยี นจะเรียนรไู้ ดใ้ นอตั ราความเร็วท่ีเหมาะสมกบั ตนเอง การเรียนรู้ จะเกดิ ข้ึนทีใ่ ดกไ็ ด้ โดยผ่านระบบการเรียนทางไกล (distance learning) ท่ีตอ่ โยงผ้เู รยี นผ่านเครือข่าย คอมพวิ เตอร์มลั ตมิ เี ดยี ไปยงั ศูนยก์ ารศึกษาอุปกรณป์ ระกอบการเรยี นจะชว่ ยใหเ้ ข้าใจเน้ือหาได้ดีขึ้น เพราะจะมที ้ัง อกั ษร ภาพนงิ่ ภาพเคลอ่ื นไหว และเสยี ง และการตอ่ โยงของเน้ือหาในแบบไฮเปอรม์ ีเดยี (hypermedia) ซง่ึ ชว่ ย ให้นักเรียนสามารถถามถึงสิง่ ที่ตนสนใจ ต่อโยงกันไปได้เร่ือยๆ โดยไม่ถูกจากดั ให้เห็นเฉพาะสว่ นท่ีกาหนดไว้ วิธีการเรียนรเู้ ชน่ น้จี ะมใี ช้ในทุกระดับการศึกษาตั้งแต่ระดบั อนบุ าลไปจนถงึ ระดับอดุ มศกึ ษา รวมท้ังระดบั การฝกึ อบรมวชิ าชพี ตา่ งๆ อีกดว้ ย นอกจากนวี้ ิธกี ารสอนเชน่ น้กี ็ทาให้สามารถรวมเน้ือหาของวิชาทเ่ี กีย่ วเนื่องกนั (content integration) ให้สามารถสอนไปพร้อมกัน เชน่ สามารถสอนเน้ือหาวิชาคอมพวิ เตอร์ วชิ าการเงินและ วิชาจริยธรรม ในสว่ นทีเ่ กย่ี วขอ้ งกันไปพรอ้ มกนั แทนทจี่ ะตอ้ งสอนแยกกันเป็นสามวิชาซึง่ จะทาให้เขา้ ใจยาก เชน่ การประยกุ ต์ใชง้ านเน้อื หาสว่ นทเ่ี ป็นเรอ่ื งของจรยิ ธรรม ในการใชค้ อมพิวเตอร์ เพือ่ ทางานดา้ นการเงิน เปน็ ต้น
101 นอกจากนี้ ยังมีหลายกรณีทีส่ ามารถทาการทดสอบผ่านเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรไ์ ปยังศนู ยก์ ารศกึ ษา ซึ่งสะดวกตอ่ การวดั ผลการเรยี นและการกาหนดมาตรฐานคณุ ภาพของการศึกษาในระบบการสอบด้วยคอมพวิ เตอรแ์ บบ มาตรฐาน(computer based uniform testing) นักศกึ ษาท่เี รยี นรู้ไดช้ า้ ก็สามารถเรยี นตอ่ เนื่องไปได้โดยใช้เวลา มากขน้ึ ขณะทน่ี ักเรยี นทีเ่ รียนรู้ไดเ้ ร็วกส็ ามารก้าวหน้าไปได้เร็วขนึ้ แทนท่จี ะตอ้ งรอขนึ้ ช้ันใหมพ่ รอ้ มกับทุกคน การ สอบกส็ ามารถทาได้เม่ือนักศึกษาพร้อมที่จะสอบโดยตวั ขอ้ สอบจะถกู สรา้ งข้ึนใหม่ สาหรับนกั ศกึ ษาแตล่ ะคน เปน็ การตดั ปัญหาการทจุ รติ หลายอย่าง ท่ีอาจจะเกดิ ข้ึนได้ในห้องสอบ 3. เทคโนโลยเี พ่ือการศกึ ษา เทคโนโลยีเพ่อื การศกึ ษา (Technology in Education) หมายถงึ การนาเทคโนโลยดี ้านต่าง ๆ เข้ามาประยุกตใ์ ช้ เพอ่ื ประโยชน์ในการจดั การศกึ ษา การจดั การเรียนการสอน เพ่ือให้การศึกษาการสอนการเรยี นมคี ณุ ภาพ และมี ประสิทธภิ าพ เทคโนโลยีท่นี ามาใช้ในการศกึ ษา ไดแ้ ก่เทคโนโลยีตา่ ง ๆ ดังน้ี 1. เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม คอื เทคโนโลยที ี่เกย่ี วกับการสือ่ สารทางไกลโดยผา่ นระบบการส่อื สาร คมนาคมต่าง ๆ 2. เทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงใช้คอมพวิ เตอร์ในการรบั ข้อมลู ประมวลผลข้อมลู และนาเสนอข้อมูลตามท่ีผใู้ ช้ ต้องการ 3. เทคโนโลยเี ครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงแบง่ เปน็ ประเภทใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ เครอื ขา่ ยเฉพาะที่ (Local Area Network-LAN) เป็นระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรข์ นาดเล็กทต่ี อ่ เช่อื มคอมพิวเตอรก์ บั อุปกรณ์ไมม่ ากนัก มักอยู่ใน อาคารหลงั เดยี ว เครอื ข่ายบรเิ วณกว้าง (Wide Area Network-WAN) เป็นระบบเครือขา่ ยท่มี ีคอมพิวเตอร์ กระจายอยา่ งกว้างขวางทวั่ ประเทศ ชว่ ยให้สานกั งานในจงั หวดั ตดิ ตอ่ สื่อสารและทางานร่วมกบั สานักงานใหญท่ ีอ่ ยู่ ในเมอื งหลวงได้ 4. ระบบสานกั งานอัตโนมตั ิ เปน็ แนวคดิ ทน่ี าระบบเครือขา่ ยมาใชเ้ ชอ่ื มโยงคอมพิวเตอร์กับอปุ กรณ์สานกั งาน เชน่ ระบบไปรษณียอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ ระบบประชมุ ทางไกล 5. เทคโนโลยีระบบสารสนเทศ เป็นการประมวลผลข้อมูลในลกั ษณะตา่ ง ๆ เพ่อื ช่วยในการจัดการและ บริหารงาน 6. ระบบมัลติมีเดีย เปน็ เทคโนโลยที ่ีผสมผสานภาพ ภาพเคล่อื นไหว เสียง และข้อความเขา้ ดว้ ยกันโดยใชร้ ะบบ คอมพิวเตอร์ชว่ ยในการแสดงผล นาไปประยุกตใ์ ช้ในการสอน เช่น คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน (CAI) กิจกรรมเพ่ือ การศกึ ษาทใ่ี ชเ้ ทคโนโลยีเข้ามาช่วย ในปัจจุบันนไี้ ด้แก่ วทิ ยกุ ระจายเสยี งเพื่อการศกึ ษา วิทยุโรงเรียน โทรทัศน์เพอ่ื การศกึ ษา การสอนทางไกลผ่านดาวเทยี ม ระบบประชมุ ทางไกล ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ เชน่ เครือข่าย อินเทอรเ์ น็ตในบทความผู้เขยี นไดก้ ลา่ วถึงความสาคัญของเทคโนโลยเี พอื่ การศกึ ษาที่มใี นพระราชบญั ญัติการศกึ ษา แหง่ ชาติ พุทธศกั ราช 2542 และประวัติการนาเทคโนโลยมี าใช้ในการศึกษาของไทยไวด้ ้วย 4 การประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศสาหรบั ครู ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ และการแข่งขนั การ พัฒนาทางด้านซอฟตแ์ วร์ ในปจั จบุ นั สง่ ผลให้ประเทศต่าง ๆ นาคอมพิวเตอรม์ าใช้ในด้านการศึกษากันมาก การใช้ คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน(Computer Assisted Instruction) มีบทบาทและมีประสทิ ธิภาพย่ิงขน้ึ การใช้คอมพิวเตอร์ ชว่ ยสอนเปน็ การพัฒนาผู้เรยี นอกี ทางหน่ึง โดยอาศัยประสบการณ์ ความรู้ ปรับประยกุ ต์ใช้ภายใต้บรบิ ทของ โรงเรยี น
102 1. จดั การเรยี นรู้ \"ตลอดเวลา\" (Anytime) เวลาใดก็สามารถเรยี นรู้ได้ ระยะแรกเรม่ิ ใหน้ กั เรียนสามารถใช้ Computer สืบค้นหาความรู้จากห้องสมุด ซ่งึ มีเครือ่ งคอมพิวเตอร์ให้บริการระบบ Internet 2. เรยี นรู้จากแหลง่ เรียนรู้ \"ทกุ หนแหง่ \" (Anywhere) นกั เรยี นสามารถเรียนรูร้ ่วมกนั จากสือ่ ต่างๆ เชน่ คอมพิวเตอร์ วีดทิ ัศน์ โทรทศั น์ CAI และอนื่ ๆ 3. การให้ทกุ คน (Anyone) ได้เรียนรพู้ ฒั นาตนเองอย่างเตม็ ศกั ยภาพของตน ต้งั แตร่ ะดับอนุบาลเปน็ ต้นไป การใช้ ICT เพอื่ การเรยี นรู้ การเรยี นรใู้ นปัจจบุ ันแตกต่างจากเดิมไปอยา่ งสิ้นเชงิ ซง่ึ หมายความวา่ ผเู้ รียนมีโอกาส มีอิสระในการเรียนร้ดู ้วย ตนเอง สร้างองค์ความรู้ สรา้ งทกั ษะดว้ ยตนเอง ครูเปลีย่ นบทบาทจากผู้สอนมาเปน็ ผใู้ ห้คาแนะนา นอกจากนี้ท้งั ครูและศษิ ยส์ ามารถเรยี นรู้ไปพรอ้ มกนั ได้ การจดั การเรยี นท่โี รงเรียนดาเนินการได้ในขณะนี้ 1. การสอนโดยใชส้ ื่อ CAI ช่วยสอนใหเ้ กิดการเรียนร้ตู ามความสนใจ เช่น วิชาคณติ ศาสตร์ วิชาภาษาไทย วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาสังคม หรอื สปช. วชิ าภาษาอังกฤษ 2. ส่งเสริมให้ผู้เรยี นรูจ้ ักสบื ค้นวิทยาการใหม่ ๆ จากอนิ เทอร์เน็ต จาก E-book จาก E-Library 3. ส่งเสริมการเรียนรแู้ ละสรา้ งเจตคตทิ ่ดี ีในการเรยี นและการค้นควา้ หาความรู้ โดยกาหนดให้ผเู้ รียนไดเ้ ล่น เกมการศกึ ษา (Education Games ) ท่ีผา่ นการวเิ คราะหข์ องครูผรู้ บั ผิดชอบวา่ ไม่เปน็ พิษภยั ตอ่ ผู้เล่น และเปน็ การ สรา้ งเสรมิ ความคิดสรา้ งสรรค์ที่ดีใหก้ ับเด็ก 4. ใชแ้ ผนการสอนแบบ ICT บรู ณาการเรียนรใู้ นสาระวิชาต่างๆเชน่ คณิตศาสตร์วทิ ยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และ คอมพวิ เตอร์ 5. จัดระบบข้อมูลสารสนเทศเพอื่ การบริหารจัดการเรียนรู้ 6. ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศในการจดั ระบบและเผยแพรค่ วามรู้ 7. จัดระบบขอ้ มูลสารสนเทศแหลง่ เรยี นรภู้ ายในโรงเรยี น และภูมปิ ญั ญาชุมชนทอ้ งถน่ิ 8.พัฒนาเครือขา่ ยการเรียนร้ใู นการจดั การเรยี นรขู้ องผ้สู อน สาหรับกระบวนการการจัดการระบบสารสนเทศเพ่ือให้ได้สารสนเทศตามตอ้ งการอยา่ งรวดเร็วถูกต้อง แมน่ ยา และมีคุณภาพ จะเร่มิ ด้วยการคัดเลอื ก การจัดหา การวเิ คราะหเ์ นื้อหา และการค้นคืนสารสนเทศซง่ึ กระบวนการจัดการหรอื จัดทาสารสนเทศเพ่ือให้สามารถผลิตสารสนเทศสนองความต้องการของผใู้ ชไ้ ดน้ น้ั จะ ประกอบด้วยกรรมวิธี 3 ประการ คอื การนาเข้าขอ้ มลู การประมวลผลข้อมลู และการแสดงผลข้อมูล และ กระบวนการท้งั 3 ขั้นตอนน้ีจาเปน็ ต้องอาศัยเทคโนโลยีดา้ นฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ทางานรว่ มกัน 2.เทคโนโลยสี ่อื สารโทรคมนาคมเทคโนโลยีสอื่ สารโทรคมนาคม ใช้ในการตดิ ต่อสอ่ื สารรับ/ส่งขอ้ มูลจาก ทไ่ี กล ๆ เปน็ การส่งของข้อมลู ระหวา่ งคอมพิวเตอร์หรือเครอื่ งมอื ที่อยหู่ ่างไกลกนั ซึง่ จะช่วยให้การเผยแพรข่ อ้ มูล หรือสารสนเทศไปยงั ผใู้ ชใ้ นแหลง่ ต่าง ๆ เป็นไปอยา่ งสะดวก รวดเร็ว ถูกตอ้ ง ครบถ้วน และทันการณ์ ซึ่งรปู แบบ ของขอ้ มูลทีร่ บั /สง่ อาจเปน็ ตัวเลข (Numeric Data) ตัวอกั ษร (Text) ภาพ (Image) และเสียง (Voice) ตวั อย่าง เช่น การสง่ ข้อมูลตา่ ง ๆ ของยานอวกาศทีอ่ ยู่นอกโลกมายงั เคร่ืองคอมพิวเตอรบ์ นโลก เพ่อื ทาการคานวณและ ประมวลผล ทาให้ทราบปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
103 เทคโนโลยีทใ่ี ชใ้ นการสอ่ื สารหรอื เผยแพรส่ ารสนเทศ ไดแ้ ก่ เทคโนโลยีท่ีใช้ในระบบโทรคมนาคมทง้ั ชนิดมี สายและไร้สาย เช่น ระบบโทรศัพท์, โมเด็ม, แฟกซ์, โทรเลข, วิทยกุ ระจายเสียง, วทิ ยโุ ทรทศั น์ เคเบ้ิลใยแกว้ นา แสง คล่ืนไมโครเวฟ และดาวเทียม เป็นตน้ สาหรับกลไกหลักของการสอ่ื สารโทรคมนาคมมอี งคป์ ระกอบพืน้ ฐาน 3 สว่ น ไดแ้ ก่ ต้นแหล่งของข้อความ (Source/Sender),ส่ือกลางสาหรับการรบั /สง่ ข้อความ(Medium),และส่วนรับขอ้ ความ (Sink/Decoder) นอกจากนี้ เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจาแนกตามลกั ษณะการใชง้ านได้เป็น 6 รูปแบบ ดังนี้ตอ่ ไปนี้ คือ 1เทคโนโลยที ่ีใช้ในการเกบ็ ข้อมูล เช่นดาวเทียมถ่ายภาพทางอากาศ, กล้องดิจิทัลกลอ้ งถ่ายวดี ที ัศน์, เครือ่ งเอกซเรย์ ฯลฯ 2. เทคโนโลยที ี่ใช้ในการบนั ทึกขอ้ มูล จะเป็นสอื่ บนั ทกึ ข้อมูลต่าง ๆ เช่น เทปแม่เหลก็ จานแม่เหล็ก, จานแสงหรอื จานเลเซอร์, บัตรเอทีเอม็ ฯลฯ 3. เทคโนโลยีทใ่ี ช้ในการประมวลผลขอ้ มูล ได้แก่ เทคโนโลยีคอมพวิ เตอรท์ ้ังฮาร์ดแวร์ และซอฟตแ์ วร์ 4. เทคโนโลยีที่ใชใ้ นการแสดงผลข้อมูล เช่น เคร่ืองพิมพ์, จอภาพ, พลอตเตอร์ ฯลฯ 5. เทคโนโลยีท่ีใช้ในการจัดทาสาเนาเอกสาร เช่น เคร่อื งถ่ายเอกสาร, เครือ่ งถ่ายไมโครฟลิ ์ม 6. เทคโนโลยสี าหรบั ถา่ ยทอดหรอื ส่ือสารขอ้ มูล ได้แก่ ระบบโทรคมนาคมตา่ ง ๆ เชน่ โทรทศั น์, วิทยกุ ระจายเสยี ง, โทรเลข, เทเลก็ ซ์ และระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ทง้ั ระยะใกลแ้ ละไกล เทคโนโลยสี ารสนเทศได้สรา้ งสง่ิ ใหม่ให้กบั สงั คมปัจจุบนั ทเี่ รยี กวา่ เป็นสงั คม ไรพ้ รมแดนหรือสังคมโลกา ภวิ ัตน์ (Globalization) ไวม้ ากมาย เช่น อินเทอร์เน็ต (Internet), ทางด่วนข้อมูล (Information Superhighway), ระบบทีวตี ามความตอ้ งการ (Video On Demand), การประชมุ ผ่านทางจอภาพ (Video Conference), พาณชิ ยอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์ (E-commerce), ระบบการเรยี นทางไกล (Tele Education), โทร เวช (Tele Medicine), ไปรษณยี ์อิเล็กทรอนกิ ส์ (E-mail) ไปรษณยี ภ์ าพ (Video Mail), โทรทัศน์แบบมกี าร
104 โตต้ อบ (Interactive TV), หอ้ งสมุดอเิ ล็กทรอนิกส์ (E-library), หอ้ งสมุดเสมอื น (Virtual Library) เปน็ ตน้ (รอม หริ ัญพฤกษ์ 2544: 254-256) 1.3 วิวัฒนาการของเทคโนโลยสี ารสนเทศ วิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศจากยคุ อนาลอกสูย่ ุคดิจิตอลน้นั มีความเปน็ มาทยี่ าวนานมากกว่า ทีจ่ ะมาเปน็ เทคโนโลยีท่ี ใช้งานกันอยู่ในปจั จุบนั นี้ บางช่วงใช้เวลาในการคน้ คดิ นานเปน็ พันปีโดยไม่มีการ เปลย่ี นแปลง บางชว่ งก็เร็วมาก หากสงั เกตจะเห็นว่าในปัจจุบันการค้นคิดเทคโนโลยเี หล่านเ้ี ปลี่ยนไปอยา่ งเร็วมาก จนผู้ใช้แทบจะตามไมท่ นั ซ่ึงความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกับวิวฒั นาการของเทคโนโลยสี ารสนเทศจะช่วยทาให้มองภาพ ในอนาคตของเทคโนโลยีเหลา่ นี้ได้ การวิวฒั นาทางด้านเทคโนโลยแี บ่งเป็น 2 ดา้ นทีค่ วบค่กู นั มา คอื วิวัฒนาการทางด้านคอมพวิ เตอรแ์ ละ วิวฒั นาการทางด้านการส่อื สาร ซง่ึ จะหมายรวมถงึ ลกั ษณะของข้อมูลหรอื สารสนเทศทีใ่ ชใ้ นการส่ือสาร รายละเอียดของวิวฒั นาการของแตล่ ะเทคโนโลยีสามารถศึกษาได้จากรปู ภาพตอ่ ไปนี้ เม่อื มคี วามเขา้ ใจเกีย่ วกับววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์และการส่อื สารในยุคต่าง ๆ แล้ว ควรมีความเขา้ ใจ เก่ียวกับลกั ษณะของขอ้ มลู หรอื สารสนเทศท่สี ่งผ่านระบบคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร ดังนี้ ข้อมูลหรอื สารสนเทศที่ใชก้ นั อยทู่ วั่ ไปในระบบสื่อสาร เช่น ระบบโทรศพั ท์ จะมีลกั ษณะของสัญญาณ เป็นคล่ืนแบบต่อเน่ืองทีเ่ ราเรียกว่า \"สัญญาณอนาลอก\" แตใ่ นระบบคอมพิวเตอร์จะแตกต่างไป เพราะระบบ คอมพวิ เตอร์ใชร้ ะบบสญั ญาณไฟฟา้ สงู ตา่ สลับกนั เป็นสญั ญาณที่ไมต่ อ่ เนอ่ื ง เรียกว่า \"สัญญาณดิจิตอล\" ซึ่งขอ้ มลู เหล่านัน้ จะสง่ ผ่านสายโทรศัพท์ เมอ่ื เราตอ้ งการส่งข้อมูลจากคอมพวิ เตอร์เครื่องหนึ่งไปยงั เคร่อื งอืน่ ๆ ผ่านระบบ โทรศัพท์ ก็ต้องอาศัยอุปกรณ์ช่วยแปลงสญั ญาณเสมอ ซงึ่ มีช่ือเรยี กว่า \"โมเดม็ \" (Modem)
105 2.13 การวิเคราะห์ปัญหาทเี่ กิดจากการใชน้ วตั กรรม ความหมายปญั หาคอื ประเด็นทเ่ี ป็นอุปสรรค ความยากลาบาก ความท้าทาย หรอื เปน็ สถานการณใ์ ด ๆ ทตี่ อ้ งมกี าร แกป้ ัญหาซ่ึงการแก้ปัญหาจะรบั รไู้ ด้จากผลลัพธข์ องการแกป้ ญั หาหรือผลงานท่ีนาไปสูว่ ัตถุประสงค์หรอื เปา้ หมาย ประเดน็ ปญั หาแสดงถึงทางออกทตี่ ้องการ ควบคู่กบั ความบกพร่อง ขอ้ สงสัย หรอื ความไมส่ อดคล้องท่ีปรากฏขึ้นซ่งึ ขัดขวางมใิ ห้ผลลัพธ์ประสบผลสาเร็จ 2. วิธกี ารหรือกระบวนการวิเคราะห์ปัญหา กระบวนการวิเคราะหป์ ญั หากระบวนการแกไ้ ขปญั หามีขั้นตอนทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง 5 ประการ ดังน้ี 1. การกาหนดหรอื นยิ ามปัญหา 2. การวเิ คราะหส์ าเหตุ 3. การตัดสินใจ 4. การลงมือปฏิบตั ิ 5. การประเมนิ ผล 3. เหตผุ ล ที่ครตู อ้ งมคี วามรู้ ความเข้าใจ เกีย่ วกับปัญหาการจัดการเรยี นร้ทู ่ีเกดิ จากการใช้นวตั กรรมและเทคโนโลยี สารสนเทศ ครตู ้องมีความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกับปญั หาการจดั การเรียนรทู้ ่ีเกดิ จากการใชน้ วัตกรรมและเทคโนโลยี สารสนเทศครูจะต้องมคี วามเข้าใจและผลกระทบทจี่ ะตามมาจากการใชง้ านนวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ เนอ่ื งจากการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศนอกจากจะมปี ระโยชนม์ ากมายในการพฒั นาการเรยี นกา
106 สอนแล้วยงั มีโทษของการใชง้ านและปัญหาอน่ื ๆหากใช้อย่างไม่เหมาะสมครจู ึงต้องตระหนกั และมีความรู้มีคณุ ธรรม ในการใชง้ าน เพือ่ ใหเ้ กิดผลประสิทธภิ าพทีด่ ี และเพ่ือปอ้ งกนั ปญั หาทอี่ าจจะตามมาในการจัดการเรียนรู้ 4. ปญั หา และสาเหตุ การจดั การเรียนรูท้ เ่ี กิดจากการใช้นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ดา้ นการกระจายโครงสร้างพืน้ ฐานเพื่อการศึกษามีคอมพวิ เตอรย์ งั ไม่มีหรอื มีไม่เพยี งพอตอ่ ความต้องการและที่มีอยู่ ก็ขาดการบารุงรักษา รวมท้ังไม่อยใู่ นสภาพทีใ่ ช้การได้ ด้านการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ พฒั นาการเรยี นรู้ครูใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารเพ่ือพฒั นาทักษะ วิชาชีพครนู อ้ ยมากและคอมพิวเตอรม์ ีจานวนไม่เพยี งพอกบั ความต้องการท่ีครจู ะใช้ มีการวางแผนทไี่ ม่ดีพอวางแผนจดั การความเสยี่ งไมด่ พี อ ย่ิงสถานศึกษามีขนาดใหญ่มากขน้ึ เท่าใด การจดั การกบั ความเสย่ี งย่อมจะมคี วามสาคญั มากขึ้นตามลาดับ ทาให้คา่ ใช้จา่ ยด้านนีเ้ พมิ่ สูงขนึ้ การนาเทคโนโลยีทไ่ี มเ่ หมาะสมมาใชง้ านการนาเทคโนโลยสี ารสนเทศเขา้ มาใช้ในสถานศกึ ษาจาเป็นตอ้ งพจิ ารณา ให้สอดคลอ้ งและตรงกบั ลักษณะของแนวการสอนหรอื นโยบายของสถานศกึ ษา การขาดการจัดการหรือสนับสนุนจากผู้บรหิ ารสถานศึกษาระดับสูง ด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร เพื่อพฒั นาการบรหิ ารจดั การและให้บริการทางการศึกษา สถานศกึ ษายังขาดรูปแบบระบบสารสนเทศ และจดั ให้ผู้บรหิ ารมคี วามรู้ความเข้าใจในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสอื่ สารในระดบั เบ้อื งต้น ปญั หาการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ พบว่า สว่ นใหญก่ ารใช้วัสดุ เครอื่ งมอื หรอื อปุ กรณ์ และเทคนิควธิ ีการครูหรือ บคุ ลากรทางการศกึ ษาในโรงเรียนมปี ัญหาดา้ นงบประมาณไมเ่ พียงพอและมีความลา่ ชา้ วสั ดุ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ มีไมเ่ พยี งพอกบั ความต้องการ 5. สาเหตุ ของการเกดิ ปญั หาการจัดการเรยี นรู้ที่เกิดจากการใชน้ วตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่ละด้าน โดยใช้เครอื่ งมือ 5.1 ผูบ้ รหิ าร ครู และนักเรียน บุคลากรขาดความรู้ความเขา้ ใจในการผลิตส่ือประกอบการจัดกจิ กรรมบุคลากรขาดประสบการณ์ในการใช้ส่อื นวตั กรรมทางการศกึ ษา 5.2 เครื่องมอื และอปุ กรณ์ เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ ขาดงบประมาณในการพฒั นานวัตกรรม อุปกรณไ์ มเ่ พียงพอกบั ผู้เรยี น 5.3 วสั ดุ วัสดขุ าดงบประมาณในการจดั ซอื้ ไมม่ งี บประมาณและการจัดเก็บไม่มีประสทิ ธิภาพ ทาให้วสั ดุเกดิ ความเสยี หาย 5.4 วิธกี ารการจดั กิจกรรม วิธกี าร กิจกรรม ครยู ดึ วธิ ีการสอนแบบเดิม คือบรรยายหนา้ ชั้นเรียน แต่สว่ นใหญ่มแี นวโนม้ ในการพฒั นาทดี่ ีขึน้ ครู ยงั ไม่มีการนาสอ่ื นวตั กรรมมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนอย่างตอ่ เนื่อง 5.5 สภาพแวดลอ้ ม สภาพแวดลอ้ มโดยทั่วไปยังไม่เหมาะสมกับการใช้ส่ือ เนื่องจากความย่งุ ยากและไม่คล่องตัว มีสถานทไี่ ม่เปน็ สดั ส่วน ไม่มีหอ้ งที่ใชเ้ พอื่ เก็บรักษาส่อื 6.จากข้อ
107 5. เสนอแนวทางการแกป้ ัญหาการจดั การเรียนรูท้ เ่ี กดิ จากการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่ละด้าน 1. สร้างความตระหนกั ความรบั ผดิ ชอบในสว่ นที่ยงั บกพรอ่ งทางนวัตกรรมของบคุ ลากร ส่งเสริมใหเ้ ขา้ ร่วมการ อบรมสมั มนาส่งเสรมิ ให้เกดิ การศกึ ษาด้วยตนเองเพ่ือใหค้ วามรู้และประสบการณ์ในการใช้ส่ือนวัตกรรมทาง การศึกษาทมี่ ากข้นึ 2. เพ่ิมงบประมาณให้เพียงพอ ใหห้ นว่ ยงานที่มีส่วนเกย่ี วข้องจัดหางบประมาณสนับสนุน สานักงานเขตพน้ื ทต่ี ้อง ช่วยดูแลและให้ความชว่ ยเหลือจดั สรรงบประมาณได้ เพ่ือใชใ้ นการพฒั นานวตั กรรมใหม้ ีคณุ ภาพดียง่ิ ขนึ้ และระดม ทรัพยากรทม่ี ใี นท้องถน่ิ มาช่วยสนบั สนุน 3. แนวทางการแกไ้ ข คอื ใช้สื่อนวตั กรรมตามความเหมาะสมของเนื้อหาวชิ าตามความยากง่ายของเน้ือหา แบง่ สือ่ ไปตามห้องให้ครูรบั ผดิ ชอบ ควรจัดหาห้องเพอ่ื การน้เี ป็นการเฉพาะ 4. จัดกล่มุ ใหเ้ พอ่ื นช่วยเพอื่ น คอยกากับแนะนาช่วยเหลอื จดั ครเู ขา้ สอนตามประสบการณ์ความถนัด ควรจดั อบรม เพ่ือให้ความรู้ จัดทานวตั กรรมทีม่ ีโอกาสเป็นไปได้ และสรา้ งการมสี ว่ นร่วมจากชุมชน สอนเพมิ่ เตมิ นอกเวลา 5.เน้นการเรยี นการสอนท่ีนักเรียนไดฝ้ กึ ปฏบิ ัติจริงและสร้างองค์ความรดู้ ้วยตนเองจัดแบบทดสอบที่หลากหลาย ทง้ั แบบปรนยั และอัตนัย และประเมินผลตามสภาพจริง ประเมินผลงานจากแฟ้มสะสมงาน 7. วเิ คราะหป์ ญั หา ในชน้ั เรียน ความสาคญั ของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทนี ้นั มคี วามสาคญั มากกว่าเทคโนโลยีอืน่ ใดท่ีมนุษยเ์ คยคิดคน้ ขึน้ แมโ้ ดยพ้ืนฐานแลว้ เทคโนโลยีสารสนเทศจะไม่ทาให้เกดิ อนั ตรายร้ายแรงอย่างเทคโนโลยีนวิ เคลยี ร์ไม่ทาให้โลกร่ารวยด้วยอาหาร เหมอื นเทคโนโลยีการเกษตรและอาหารและไมอ่ าจทาใหม้ นุษย์มีชีวิตยืนยาวไม่เจ็บป่วยเหมือนเทคโนโลยี การแพทย์แต่เทคโนโลยีทงั้ หลายท่รี ะบมุ านี้ล้วนแลว้ แต่พัฒนาก้าวหน้ามาถึงระดับนี้ได้เพราะมเี ทคโนโลยี สารสนเทศเปน็ รากฐานหากขาดซงึ่ เทคโนโลยีสารสนเทศแลว้ เทคโนโลยตี า่ ง ๆ จะไม่มคี วามก้าวหน้ามากดังท่เี ป็น ในปัจจบุ ัน (ครรชิต มาลยั วงศ:์ 4-5) เทคโนโลยีสารสนเทศทาให้การกระจายขอ้ มูลขา่ วสารเปน็ ไปอยา่ งรวดเร็ว และมลี กั ษณะการกระจาย แบบทกุ ทิศทาง และมรี ะบบตอบสนองอยา่ งรวดเร็ว และยังสอ่ื สารแบบสองทศิ ทาง ด้วยเหตุนีผ้ ลกระทบตอ่ การ
108 เปลยี่ นแปลงทางดา้ นเศรษฐกจิ การเมอื ง และสังคมจึงแตกต่างจากในอดตี มาก ดังจะเห็นได้จากวกิ ฤตการณ์ ทางด้านเศรษฐกิจจากประเทศหน่ึงมผี ลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ อยา่ งรวดเรว็ และกวา้ งขวาง ซง่ึ สามารถอธิบาย ความสาคญั ของเทคโนโลยีสารสนเทศในด้านทม่ี ีผลกระทบตอ่ การเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมด้านต่าง ๆ ของผคู้ นไว้ หลายประการดงั ตอ่ ไปน้ี (จอหน์ ไนซ์บิตต์ อา้ งถงึ ใน ยนื ภวู่ รวรรณ) ประการทหี่ นึง่ เทคโนโลยีสารสนเทศ ทาให้สงั คมเปลีย่ นจากสงั คมอุตสาหกรรมมาเปน็ สงั คมสารสนเทศ แตเ่ ดิม สภาพของสงั คมโลกเคยเปลีย่ นแปลงมาแลว้ สองคร้ัง จากสงั คมความเปน็ อย่แู บบเรร่ อ่ นมาเปน็ สังคมเกษตรทรี่ จู้ ัก กบั การเพาะปลกู และสร้างผลติ ผลทางการเกษตร ทาใหม้ กี ารสรา้ งบ้านเรอื นเปน็ หลกั แหลง่ ตอ่ มามีความ จาเป็นต้องผลิตสนิ ค้าใหไ้ ดป้ ริมาณมากและตน้ ทนุ ถูก จงึ ตอ้ งหนั มาผลติ แบบอุตสาหกรรม ทาให้สภาพความเปน็ อยู่ ของมนษุ ย์เปล่ียนแปลงมาเป็นสงั คมเมือง มกี ารรวมกลุม่ อยูอ่ าศัยเป็นเมอื ง มีอุตสาหกรรมเป็นฐานการผลติ สงั คม อตุ สาหกรรมไดด้ าเนินการมาจนถงึ ปัจจุบนั และปัจจบุ นั ยา่ งกา้ วเขา้ สู่สังคมสารสนเทศ ลกั ษณะวถิ กี ารดาเนิน กิจกรรมต่าง ๆ ของมนษุ ยอ์ าศัยเครอื ขา่ ยเทคโนโลยีคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยีสอื่ สารโทรคมนาคมมากข้นึ เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเปน็ การพูดคุย การซื้อสนิ ค้าและบรกิ าร และการทางานที่ทาให้เกิดสภาพที่เสมอื นจริง เชน่ ห้องสมดุ เสมอื นจริง ห้องเรียนเสมอื นจริง ทที่ างานเสมือนจรงิ เป็นตน้ ประการทสี่ อง เทคโนโลยีสารสนเทศทาให้ระบบเศรษฐกจิ เปลี่ยนจากระบบแห่งชาติไปเปน็ เศรษฐกจิ โลก ท่ีทาให้ระบบเศรษฐกิจของโลกผกู พนั กับทกุ ประเทศความเช่ือมโยงของเครอื ขา่ ยสารสนเทศทาใหเ้ กิดสงั คม โลกาภิวัฒน์ ระบบเศรษฐกจิ ซ่ึงแต่เดิมมีขอบเขตจากดั ภายในประเทศ กก็ ระจายเปน็ เศรษฐกิจโลกทั่วโลก มกี ระแส การหมุนเวยี นแลกเปลีย่ นสนิ คา้ และบรกิ ารอย่างแพรห่ ลายและรวดเร็วเครื่องมอื สาคัญที่เอ้ืออานวยให้การ ดาเนินการดังกล่าวมขี อบเขตกวา้ งขวาง และเช่ือมโยงกนั แนบแนน่ มากข้ึนก็คือ เทคโนโลยสี ารสนเทศ ประการที่สาม เทคโนโลยสี ารสนเทศทาให้องคก์ รมีลักษณะผกู พนั หนว่ ยงานภายในเป็นแบบเครือข่าย มากขนึ้ แต่เดิมการจัดองค์กรมกี ารวางเปน็ ลาดับขนั้ มสี ายการบงั คับบัญชาจากบนลงล่าง แตเ่ มื่อการสื่อสารแบบ สองทางและการกระจายข่าวสารดีขนึ้ มกี ารใช้เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ภายในองคก์ รผกู พันกนั เปน็ ลักษณะกลมุ่ งาน มีการเพมิ่ คณุ ค่าขององคก์ รด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ การจดั โครงสร้างขององคก์ รจึงปรบั เปล่ยี นจากเดิม องค์กร กลายเปน็ เครอื ข่ายที่มีลกั ษณะการบงั คบั บัญชาแบบแนวราบมากขึ้น หนว่ ยธรุ กจิ มีขนาดเล็กลง และเชอ่ื มโยงกนั กบั หน่วยธรุ กิจอ่ืนเป็นเครอื ข่าย สถานะภาพขององคก์ รไดป้ รับเปลยี่ นไปตามกระแสของเทคโนโลยีสารสนเทศ การ ดาเนินธรุ กิจจงึ ลดความสาคัญในเรื่องของขนาดแต่แขง่ ขันกันความเร็วโดยอาศัยการใชร้ ะบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ และการสอื่ สารโทรคมนาคมเป็นตัวสนบั สนนุ เพื่อใหเ้ กดิ การแลกเปลี่ยนขอ้ มูลได้ง่ายและรวดเรว็ ประการทส่ี ี่ เทคโนโลยีสารสนเทศเปน็ เทคโนโลยีแบบสนุ ทรียสมั ผสั และสามารถตอบสนองตามความ ตอ้ งการการใช้เทคโนโลยีในรปู แบบใหมท่ เี่ ลอื กไดเ้ อง กล่าวคอื หากเราต้องการชมภาพยนตร์ หรือโทรทศั น์ เรา ตอ้ งเปดิ เครอื่ งรับโทรทัศน์ และไมส่ ามารถเลือกตามความต้องการได้ ถา้ สถานีสง่ สัญญาณใดมา เรากจ็ ะตอ้ งชม ตามนั้น หรือเม่อื ตอ้ งการฟงั รายการวิทยุ ก็ตอ้ งเปดิ วทิ ยจุ ะมีเสยี งดงั ข้ึนทนั ที หากไมพ่ อใจกท็ าได้เพยี งเลือกสถานี ใหม่ แต่ปัจจบุ ันจะเห็นว่าการเปลีย่ นแปลงในลักษณะ “ตามทเ่ี ราต้องการ” หรือ “On Demand” มากขน้ึ ๆ เรา มี TV On Demand มีวิทยแุ บบตามความต้องการ เมื่อต้องการชมภาพยนตรเ์ รอ่ื งใดกเ็ ลือกชม และดไู ด้ตงั้ แต่ต้น รายการ หากจะศกึ ษาหรือเรยี นร้กู ม็ ี Education On Demand คอื สามารถเลอื กบทเรียนไดต้ ามอธั ยาศยั ประการทห่ี า้ เทคโนโลยสี ารสนเทศทาใหเ้ กิดสภาพทางการทางานแบบทกุ สถานที่และทุกเวลา เมอื่ การ ส่ือสารแบบสองทางกา้ วหนา้ และแพรห่ ลายขึ้น การโตต้ อบผ่านเครือขา่ ยทาใหเ้ สมอื นมปี ฏิสมั พนั ธ์ได้จรงิ เชน่ การ
109 ประชุมทางไกลผ่านจอภาพหรือวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ระบบ การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทยี ม พาณชิ ย์อิเลก็ ทรอนิกส์ ฯลฯ ลักษณะของการดาเนนิ กจิ กรรมเหล่าน้ีทาให้การทางาน ขยายขอบเขตไปทกุ หนทกุ แห่ง และสามารถ ดาเนนิ การไดต้ ลอดเวลา สาหรับตัวอย่างทเ่ี กิดข้ึนนานแล้ว เชน่ ระบบเอทเี อม็ ชว่ ยให้การเบกิ จ่ายสะดวกและทาได้ ทกุ เมอื่ และกระจายไปใกล้ตวั ผู้รับบริการมากข้นึ แต่ทวา่ ดว้ ยเทคโนโลยีสารสนเทศทกี่ า้ วหน้ามากขึ้น การบริการ จะกระจายยง่ิ ข้นึ จนถงึ ที่บา้ น ดังจะเห็นไดว้ า่ ในขณะนผี้ ู้คนสามารถทางานบางอยา่ งไดจ้ ากทบ่ี า้ นหรอื ทใ่ี ด ๆ กไ็ ด้ โดยไมม่ ขี ้อจากดั ดา้ นเวลา กล่าวอย่างง่าย ๆ กค็ ือ เทคโนโลยีสารสนเทศชว่ ยลดอุปสรรคเร่ืองสถานที่และเวลาใน การดาเนนิ กิจกรรมตา่ ง ๆ ของมนษุ ย์ ประการท่ีหก เทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดการวางแผนการดาเนนิ การระยะยาวข้นึ อีกทง้ั ยังทาใหว้ ิถีการ ตัดสนิ ใจ หรือเลอื กทางเลอื กไดล้ ะเอยี ดขึ้น แต่เดมิ การตดั สนิ ปัญหาอาจมหี นทางใหเ้ ลือกได้น้อย เชน่ มคี าตอบ เดียว ใช่ และ ไมใ่ ช่ แต่ดว้ ยขอ้ มูลข่าวสารท่ีสนบั สนุนการตดั สินใจ ทาให้วิถคี วามคดิ ในการตดั สินปัญหาเปลย่ี นไป ผตู้ ดั สนิ ใจมที างเลือกได้มากขนึ้ มีความละเอียดอ่อนในการตดั สนิ ปัญหาไดด้ ีขึ้น กล่าวโดยสรปุ แล้ว เทคโนโลยีสารสนเทศมบี ทบาทท่ีสาคัญในทกุ วงการ มผี ลต่อการเปล่ยี นแปลงโลกดา้ น ความเป็นอยู่ สังคม เศรษฐกิจ การศึกษา การแพทย์ เกษตรกรรม อตุ สาหกรรม การเมอื ง ตลอดจนการวิจยั และ การพฒั นาต่างๆเทคโนโลยสี ารสนเทศโดยตัวของเทคโนโลยีเองไมท่ าลายธรรมชาติหรอื สรา้ งมลภาวะตอ่ สิ่งแวดล้อมและนับว่ามีคุณสมบัตเิ ด่นพเิ ศษท่ที าใหเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศกลายเป็นเทคโนโลยยี ุทธศาสตรแ์ หง่ ยุค ปัจจบุ นั และอนาคต เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถช่วยเพม่ิ ประสิทธิภาพและสมรรถภาพในกิจกรรมหลายอย่าง เนอ่ื งจากเทคโนโลยีสารสนเทศสามารถช่วยลดตน้ ทนุ หรอื คา่ ใช้จ่าย เพมิ่ คุณภาพของงาน สร้างกระบวนการหรือ กรรมวิธใี หม่ ๆ และสร้างผลติ ภณั ฑ์และบริการใหม่ ๆ ขน้ึ ดว้ ย (สุเมธ วงศ์พานชิ เลิศ และนิตย์ จันทรมงั คละศรี 2538) 1.5เทคโนโลยีสารสนเทศกับการใช้ชีวิตในสังคมปัจจบุ ัน ในภาวะปัจจุบันนนั้ สารสนเทศไดก้ ลายเป็นปัจจัยพ้นื ฐานปัจจยั ท่ีหา้ เพ่ิมจากปัจจยั ส่ปี ระการท่ีมนษุ ย์เรา ขาดเสยี มไิ ด้ในการดารงชีวิตประจาวนั ไม่วา่ จะเปน็ สารสนเทศทจี่ าเปน็ ในการประกอบธรุ กิจ ในการคา้ ขาย การ ผลติ สินคา้ และบริการ หรือการใหบ้ รกิ ารสงั คม การจดั การทรพั ยากรของชาติ การบริหารและปกครอง จนถงึ เรื่อง เบา ๆ เร่อื งไรส้ าระบ้าง เชน่ สภากาแฟท่สี ามารถพบได้ทุกแหง่ หนในสังคม เรือ่ งสาระบันเทิงในยามพกั ผ่อน ไป จนถึงเรื่องความเปน็ ความตาย เช่น ข่าวอุทกภัย วาตภัย หรอื การทารัฐประหารและปฏิวัติ เปน็ ต้น ในความคดิ เหน็ ของกลุ่มบคุ คลตา่ ง ๆ ตง้ั แต่นกั วชิ าการ นักธรุ กิจ นกั สงั คมศาสตร์ นกั เศรษฐศาสตร์ จนกระทง่ั ผูน้ าต่าง ๆ ในโลก ดงั เช่น ประธานาธบิ ดี Bill Clinton และรองประธานาธิบดี Al Gore ของสหรัฐอเมรกิ า สารสนเทศเปน็ ทรัพยากรทสี่ าคัญที่สุดอยา่ งหนงึ่ ในปจั จุบัน และในยุคสังคมสารสนเทศแหง่ ศตวรรษท่ี 21 สารสนเทศจะกลายเป็นทรพั ยากรทส่ี าคญั ท่สี ุดเหนือส่ิงอ่นื ใด กล่าวกนั ส้นั ๆ สารสนเทศกาลังจะกลายเปน็ ฐานแห่ง อานาจอันแทจ้ รงิ ในอนาคต ทง้ั ในทางเศรษฐกจิ และทางการเมอื ง ในสมยั สังคมเกษตรนน้ั ปัจจัยพื้นฐานในการ ผลิตทสี่ าคญั ไดแ้ ก่ ทดี่ นิ แรงงาน และทนุ ทรัพย์ ต่อมาในสังคมอตุ สาหกรรม การผลิตต้องพึ่งพาปจั จัยพืน้ ฐาน เพ่ิมเตมิ ไดแ้ ก่ วสั ดุ พลังงาน และโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ สารสนเทศ สงั คมเกษตรและสังคมอุตสาหกรรมต้องพึง่ พาการ ใช้ทรพั ยากรท่มี อี ยอู่ ย่างจากัด อนั ไดแ้ ก่ ทด่ี ิน พลังงาน และวสั ดุ เปน็ อยา่ งมาก และผลของการใชท้ รพั ยากร เหลา่ นนั้ อยา่ งฟมุ่ เฟือยและขาดความระมดั ระวัง กไ็ ดส้ ร้างปญั หาสง่ิ แวดล้อมทีร่ นุ แรงมาก ซงึ่ กาลงั คุกคามโลก รวมทง้ั ประเทศไทย ตง้ั แตป่ ญั หาการแปรปรวนของสภาพดนิ ฟ้าอากาศ ภยั ธรรมชาติท่นี ับวนั จะเพม่ิ ความถ่ีและ
110 รนุ แรงขนึ้ ปญั หาการบ่อนทาลายความสมดุลทางนิเวศวทิ ยาทั้งป่าดงดิบ ปา่ ชายเลน ปา่ ต้นนา้ ลาธาร ความแหง้ แล้ง อากาศเป็นพิษ แมน่ า้ ลาคลองที่เต็มไปดว้ ยสารพษิ เจือปน ตลอดจนถงึ ปญั หาวกิ ฤติทางจราจรและภยั จาก ควันพษิ ในมหานครทุกแห่งทั่วโลก ในทางตรงกันข้าม ขบวนการผลติ การเกบ็ และถา่ ยทอดสารสนเทศ อาศยั การ ใช้วัสดแุ ละพลงั งานนอ้ ยมาก และไมม่ ีผลเสียต่อภาวะแวดลอ้ มหรอื มีเพยี งเล็กนอ้ ยมาก ยง่ิ กวา่ นน้ั สารสนเทศจะ สามารถช่วยให้กิจกรรมการผลิตและการบรกิ ารต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เชน่ สามารถชว่ ยใหก้ ารผลติ ทางอตุ สาหกรรมใชว้ ตั ถุดบิ และพลงั งานนอ้ ยลง มีมลภาวะน้อยลง แตส่ นิ ค้ามีคุณภาพดขี ึน้ คงทนมากข้ึน ปญั หา วิกฤตทิ างจราจรในบางดา้ นกส็ ามารถผอ่ นปรนไดด้ ้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ เชน่ ในการช่วยติดต่อสอ่ื สารทางธุรกิจ ตา่ งๆ โดยไมจ่ าเปน็ ตอ้ งเดนิ ทางดว้ ยตนเองดงั เช่นแต่ก่อน จงึ อาจกล่าวไดว้ ่า เทคโนโลยีสารสนเทศจะมีสว่ นอยา่ ง มาก ในการนาสงั คม สวู่ วิ ฒั นาการอีกระดบั หนงึ่ ท่ีอาจเรยี กได้ว่าเป็นสังคมสารสนเทศ อันเปน็ สังคมท่พี งึ ปรารถนา และยง่ั ยืนย่ิงขน้ึ นนั่ จึงเปน็ เหตุผลทวี่ ่าสังคมต่าง ๆ ในโลก ตา่ งจะต้องก้าวสู่สังคมสารสนเทศอย่างหลีกเลย่ี งไม่ได้ ไมเ่ รว็ กช็ า้ และนัน่ หมายความว่าสงั คมจะต้องพงึ่ พาเทคโนโลยีสารสนเทศ อยา่ งแนน่ อน ไมว่ ่าเราจะยอมรบั หรือไมก่ ต็ าม มิใช่เพียงแต่เพือ่ สร้างขดี ความสามารถในเชิงแขง่ ขันในสนามการค้าระหว่างประเทศ แต่เพอื่ ความอยู่ รอดของมนุษยชาติ และเพอ่ื คุณภาพชวี ิตท่ดี ขี นึ้ อีกต่างหากดว้ ย กล่าวกนั อยา่ งสั้น ๆ เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ เทคโนโลยที ี่เก่ยี วข้องกับการจดั หา วิเคราะห์ ประมวล จดั การและจดั เกบ็ เรียกใช้หรือแลกเปลย่ี น และเผยแพร่ สารสนเทศ ดว้ ยระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ไม่วา่ จะอยใู่ นรูปแบบของรปู เสยี ง ตวั อักษร หรอื ภาพเคลอ่ื นไหว รวมไปถงึ การนาสารสนเทศและข้อมูลไปปฏิบตั ิตามเนอ้ื หาของสารสนเทศนน้ั เพ่อื ให้บรรลเุ ปา้ หมายของผ้ใู ช้ การจัดหา วเิ คราะห์ ประมวล และจัดการกับข่าวสารข้อมลู จานวนมหาศาล จึงขาดเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เสียมไิ ด้ ส่วนการ แสวงหาและแลกเปล่ยี นข้อมูลข่าวสาร อย่างรวดเร็ว ทันเวลา ประหยดั คา่ ใชจ้ ่าย และมปี ระสิทธภิ าพ กจ็ าเปน็ ตอ้ ง อาศัยเทคโนโลยีโทรคมนาคม และท้ายสดุ สารสนเทศทีม่ ี จะกอ่ ให้เกิดประโยชนจ์ ากการบริโภค อยา่ งกว้างขวาง ตามแต่จะต้องการและอย่างประหยัดท่ีสุด กต็ ้องอาศยั ทง้ั สองเทคโนโลยขี ้างตน้ ในการจัดการและการสอ่ื หรือขน ย้ายจากแหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ สู่ผู้บริโภคในท่ีสุด ฉะนัน้ เทคโนโลยสี ารสนเทศจงึ ครอบคลมุ ถึงหลาย ๆ เทคโนโลยหี ลัก อนั ไดแ้ ก่ คอมพวิ เตอร์ทัง้ ฮารด์ แวร์ ซอฟตแ์ วร์ และฐานขอ้ มลู โทรคมนาคมซ่ึงรวมถึง เทคโนโลยรี ะบบสื่อสารมวลชน (ได้แก่ วิทยุ และโทรทศั น์) ทง้ั ระบบแบบมสี ายและไรส้ าย รวมถงึ เทคโนโลยีด้านอเิ ลก็ ทรอนิกสต์ า่ ง ๆ อาทิ เทคโนโลยีโทรทัศนค์ วามคมชัดสงู (HDTV) ดาวเทยี มคมนาคม (communications satellite) เส้นใยแก้วนาแสง (fibre optics) สารก่งึ ตวั นา (semiconductor) ปัญญาประดษิ ฐ์ (artificial intelligence) อปุ กรณ์อตั โนมตั สิ านกั งาน (office automation) อปุ กรณ์อตั โนมตั ใิ นบ้าน (home automation) อุปกรณ์อตั โนมัติในโรงงาน (factory automation) เหล่าน้ี เป็น ต้น
111 สรุป ในปจั จุบันประเทศไทยไดต้ ระหนักถงึ ศกั ยภาพอนั มหาศาลของเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังจะเห็นได้ว่ามี การพัฒนา เครือข่ายและบริการโทรคมนาคมอยา่ งจริงจงั ซงึ่ เปรียบเสมอื นทางหลวงสาหรับการขนถ่ายแลกเปลยี่ นสารสนเทศ อันเป็นโครงสร้างพน้ื ฐานท่จี ะขาดแคลนหรือลา้ สมัยมิได้ โครงการหลาย ๆ โครงการทม่ี มี ลู ค่ารวมกนั เปน็ แสนๆ ล้านบาท จึงได้รบั การผลักดนั ใหเ้ กดิ ขน้ึ ในที่สุด อาทิ โครงการขยายเครอื ข่ายโทรศพั ท์ 3 ล้านเลขหมาย โครงการ ดาวเทยี มสือ่ สารไทยคม ดวงท่ี 1 และ 2 โครงการเครือข่ายบริการรว่ มระบบดจิ ิตอล (ISDN) โครงการเสน้ ใยแก้ว นาแสงตามทางรถไฟท่ัวประเทศ โครงการเส้นใยแกว้ นาแสงใตน้ า้ หลายโครงการ ทจี่ ะเช่ือมโยงประเทศไทยกบั ประเทศอาเซยี น เชอ่ื มโยงกบั ฮอ่ งกงผ่านเวยี ดนาม และเช่อื มโยงกบั ประเทศยโุ รปผ่านประเทศตะวนั ออกกลาง เปน็ ต้น รวมถึงการเปิดโอกาส ให้ภาคเอกชนมีส่วนในการพัฒนาในบางโครงการดังกล่าว และการใหส้ ัมปทานแก่ เอกชนในการใหบ้ ริการมลู ค่าเพม่ิ (value-added services) อาทิ บรกิ ารวทิ ยตุ ดิ ตามตวั บรกิ ารโทรศัพท์มอื ถอื (cellular telephones) บริการเครอื ขา่ ยขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ (data communications) และบริการ Cable-TV ฯลฯ อกี ท้งั กระทรวงคมนาคมยังมีแผนทีจ่ ะขยายเครือขา่ ยโทรศพั ท์อีก 6 ล้านเลขหมาย รวมถึงการติดตั้งโทรศพั ท์ สาธารณะให้ครบท่วั ทกุ หมู่บ้านภายในชว่ งแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 อกี ดว้ ย แม้ว่าประเทศไทยมเี จตนารมณ์และความมงุ่ ม่ันทจ่ี ะพฒั นาในด้านน้อี ยา่ งชัดเจนอย่างน้อยในดา้ น โครงสรา้ งพนื้ ฐาน และบริการโทรคมนาคม หากแต่ผลประโยชนท์ ่ีตามมา จะมากนอ้ ยเพยี งไร และการกา้ วสู่ สงั คมสารสนเทศจะเป็นไปได้มากนอ้ ยเพียงไร ยงั เปน็ สงิ่ ท่ไี มค่ อ่ ยชัดเจนนกั ในปจั จบุ นั ดังตัวอย่างทวี่ ่าในปจั จุบัน เพยี งไม่ถงึ 2,000 ตาบล จากท้ังสน้ิ 5,300 กวา่ ตาบลเท่าน้นั ท่มี โี ทรศัพท์สาธารณะใช้ ท่ีเหลอื อกี กวา่ 3,000 ตาบล และอกี กวา่ 50,000 หมู่บา้ น จะต้องทยอยรอกันถึงปี พ.ศ. 2544 เปน็ อยา่ งเรว็ จงึ จะมีโทรศัพท์ประจาหมบู่ ้านใช้ อยา่ งถว้ นหน้า หากเปรียบเทียบเกาหลใี ต้แล้ว กว่า 24,000 หมบู่ ้านท่ัวประเทศท่ีมีผอู้ าศยั กวา่ 10 ครวั เรอื น ตา่ งมี โทรศัพท์ใช้แล้วต้ังแตป่ ี พ.ศ. 2530 เปน็ ตน้ มา เนือ่ งจากในปัจจุบนั มีความขาดแคลนอย่างมากทางเครือขา่ ยโทรคมนาคมขน้ั พนื้ ฐาน (เช่น โทรศพั ท)์ ใน นานาประเทศทัว่ โลก ดังเชน่ ในประเทศไทยทม่ี ีผยู้ ื่นขอคูส่ าย โทรศัพทเ์ กอื บ 2 ลา้ นเลขหมายในนครหลวงและหัว เมืองใหญ่ ๆ ขณะทีโ่ ทรศพั ท์สาธารณะชุมชนยังครอบคลุมไดเ้ พยี งเสย้ี วหนึง่ ของพ้ืนทที่ ว่ั ประเทศเทา่ น้ัน ดังนน้ั แนวความคดิ ที่วา่ บรกิ ารโทรคมนาคมเปิดเสรีมไิ ด้แต่เปน็ กจิ กรรมท่จี าเปน็ ต้องใหส้ ิทธิผกู ขาดตามธรรมชาติ (natural monopoly) เชน่ เดยี วกบั สาธารณูปโภคอนื่ ๆ อาทิ ไฟฟ้า และประปา เพือ่ ที่ผู้ให้บรกิ ารจะสามารถ สนองความต้องการของประชาชนผ้ใู ช้ ได้อย่างเท่าเทียมทว่ั ถงึ และเป็นธรรม (universal services) จึงน่าจะเป็น ความคิดทไี่ มค่ อ่ ยถกู ต้อง
112 กระแสการปฏิรูปไมว่ ่าจะเปน็ การแปรสถานภาพของรฐั วิสาหกจิ โทรคมนาคมไปสบู่ ริษทั มหาชน การเปดิ ตลาดเสรี ในบริการโทรคมนาคมบางชนิด จนถงึ การเปดิ เสรีเต็มที่ (market liberalization) ท่รี วมท้ังบริการและ เครอื ข่ายทุกชนิด ไดเ้ ร่มิ มกี ารยอมรับและนาไปปฏิบตั มิ ากขนึ้ ในหลายประเทศ อาทิเชน่ อาร์เจนตนิ า เมก็ ซโิ ก เวเนซุเอลา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลยี นิวซแี ลนด์ ญ่ีปนุ่ และมาเลเซีย ฯลฯ กรณีของประเทศเลก็ มากอย่าง นวิ ซแี ลนดท์ ม่ี คี วามสาเร็จสูงในการเปดิ ตลาดเสรีอยา่ งเตม็ รูปแบบที่สดุ เปน็ กรณีศกึ ษาอย่างดี ประเทศไทยมแี นวความคดิ แก้ไขปญั หาบางสว่ นด้วยรูปแบบของ BTO (build-transfer-operate) โดย การให้สมั ปทานตดิ ตงั้ โทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมายแกบ่ ริษัทเอกชน 2 ราย แตน่ ัน่ เป็นเพียงมาตรการแก้ปัญหาการ ขาดแคลนเฉพาะหนา้ เทา่ นั้นยังไม่ไดม้ กี ารปรับโครงสรา้ งของธุรกิจโทรคมนาคมอย่างแทจ้ รงิ แมว้ ่าเอกชนจะไดร้ ับ สมั ปทานไปกจ็ รงิ แตต่ ามกฎหมายแลว้ รฐั บาลก็ยงั มอี านาจผกู ขาดในธุรกจิ นอ้ี ยู่ ประเด็นนโยบายท่ีคา้ งคารอการตดั สินใจของรฐั ทีจ่ ะย่ืนมอื เข้ามาจัดการในอนาคต จึงยังมมี ากมายหลาย ประการ โดยเฉพาะในเร่อื งแนวทางการเปิดตลาดเสรี ของบริการโทรคมนาคม การแปรรปู รฐั วิสาหกจิ ท่ีเกย่ี วขอ้ ง ตัง้ แตอ่ งค์การโทรศพั ทแ์ หง่ ประเทศไทย การสื่อสารแหง่ ประเทศไทย จนถงึ องค์การสื่อสารมวลชน แห่งประเทศ ไทย การแยกอานาจหนา้ ท่ีการควบคมุ และกากับ (regulation) ออกจากหน้าทีก่ ารให้บรกิ าร (operation) อานาจ หนา้ ทีก่ ารบรหิ ารความถีว่ ิทยุ และทา้ ยสุด การแก้ไขกฎหมายที่เก่ียวข้องให้สอดคล้องกบั นโยบายดงั กล่าวขา้ งต้น เพอ่ื ให้ประเทศรกั ษาสถานภาพเป็นสว่ นสาคัญสว่ นหน่งึ ในสงั คมโลก เปน็ ประเทศเปิดที่สามารถ จะแข่งขันกับ ประเทศอืน่ ได้ เป็นศนู ยก์ ลางในหลาย ๆ ด้านตามเจตนารมณ์ของแผนพฒั นาประเทศ และหากประชาชนต้องการสังคมเปิดท่ีสามารถจะรับรขู้ ่าวสารอยา่ งทัว่ หนา้ แล้ว เราคงจะปฏเิ สธทางเลอื ก ใหม่ท่ีจะเปน็ สังคมสารสนเทศมไิ ด้ เพียงแต่ว่าเราจะเลอื กเดนิ ไปใน อนาคตอยา่ งไร เรว็ หรอื ชา้ ดว้ ยราคาทเี่ ทยี บกบั ผลประโยชนแ์ บบไหน และท้ายสุด สังคมพรอ้ มท่ีจะยอมรับในการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ การตอบคาถามเหล่าน้ี จึง ข้ึนกบั โจทย์ทีว่ ่า “คณุ ภาพชีวติ จะดีขน้ึ หรอื ไม่ในสงั คมสารสนเทศ” อยา่ งหลีกเล่ยี งไม่ได้
113 ข้อสอบทา้ ยบทวิชาสารสนเทศและเทคโนโลยี 20 ข้อ 1.ขอ้ ใดเกี่ยวข้องกับทฤษฏกี ารเรียนรขู้ องพาฟลอฟ ก. การทางานเป็นข้ันตอน (Pavlov) ข. การเรยี นรู้จากหนังสือเรยี น ก. Readiness ค. การเรียนรูภ้ ายในห้องเรียน ข. Exercise 6. ข้อใดคอื ขน้ั ตอนสดุ ท้ายของการจัดทาหลกั สตู ร ค. Effect สถานศกึ ษา ง. Conditioning ก. การจัดทาสาระของหลกั สูตร ตอบ ง. ข. การจดั หนว่ ยการเรยี นรู้ 2.ส่ือประเภทใดทเี่ หมาะสมกบั การพัฒนาจรยิ ธรรม ค. การจดั ทาแผนจดั การเรยี นรู้ คอื คุณธรรม สาหรบั เดก็ ระดับประถมศึกษา ง. การกาหนดอตั ราเวลาเรียน ก.เกมและเพลง ตอบ ค. ข.เกมการศึกษา 7. บทบาทของครูในการจดั การเรยี นร้ตู ามหลักสูตร ค.นทิ าน การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน ง. รปู ภาพ ก. ผสู้ อน ตอบ ค. ข. ผู้ช้นี า 3. บทบาทของครใู นการจดั การเรยี นการสอนท่ีเนน้ ค. ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผูเ้ รียน เปน็ สาคัญ ตรงกับขอ้ ใด ง. ผูส้ ่งเสริมช่วยเหลือ ก. Supporter ตอบ ง. ข. Helper and Advisor 8. Teleconference เปน็ การนาเทคโนโลยี ค. supporter and Encourager สารสนเทศและการสือ่ สารมาใช้เพอื่ การใด ง. ถูกทกุ ข้อ ก. การบรหิ ารทางไกล ตอบ ง. ข. การตัดสินใจ 4.การประเมินในข้อใดสาคญั ท่ีสุด ค. การบรหิ ารสถานศกึ ษา ก. การแกไ้ ขพัฒนาผเู้ รียน ง. การจดั การเรียนรู้ ข.การพัฒนาระบบการให้ระดับคะแนน 9. Computer-Assisted Instruction (CAI) คอื ค.การพัฒนาและปรับปรงุ หลักสตู ร ขอ้ ใด ง. การตดั สินให้ผ่านและไมผ่ ่าน ในการสอบปลายปี ก. การเรียนร้โู ดยใช้คอมพวิ เตอร์ ตอบ ก. ข. ดาวเทียมเพื่อการศกึ ษา 5.นกั เรียนสามารถนาหลกั การทาโครงงาน ค. การใช้คอมพวิ เตอรเ์ ปน็ สอื่ ในการสอน คอมพิวเตอร์ไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้ในข้อใด ง. การใชค้ อมพิวเตอร์ในการสอน
ตอบ ง 114 10. ทาไมตอ้ งนานวัตกรรมการศกึ ษามาใชแ้ ทน วิธกี ารเดิม ข. รูปแบบการสอนที่เน้นผู้เรยี น และการศกึ ษาด้วย ก. เพือ่ ไดป้ ระสิทธิผลสงู ขึ้น ตนเองเปน็ สาคญั เปน็ สาคัญ ข. เพือ่ ให้มีประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ ค. รปู แบบการสอนที่เนน้ กิจกรรมเปน็ สาคญั ค. เพอ่ื ลดการสอนของครจู ะได้ไปทางานดา้ นอื่น ง. รปู แบบการสอนท่เี นน้ การสรา้ งสรรคน์ วัตกรรม ง. การเรียนรู้ผ่านดาวเทียม ใหมเ่ ป็นสาคญั ตอบ ก ตอบ ง 11. บทบาทของครูตอ่ นโยบายดา้ นเทคโนโลยี 15. บทบาทสาคญั ของผู้เรียนในกระบวนการเรียน สารสนเทศและการสอ่ื สารเพอ่ื การศึกษา การสอนแบบ Project Based Learning ? ก. พฒั นาระบบ ก. สามารถเรยี นรู้ และสร้างองค์ความรดู้ ้วยตนเอง ข. พฒั นาบุคลากร ข. มคี วามเชี่ยวชาญในเทคโนโลยี ค. ใช้และผลิต ค. มภี าวะผู้นาสูง ง. ผู้คิดค้น ง. มีทกั ษะท่ีดีการสร้าง การออกแบบ ตอบ ข ตอบ ก 12. การนาเทคโนโลยมี าใชค้ วรคานึงถึงส่งิ ใด ก. ประสทิ ธภิ าพของงาน ประหยัด และประสทิ ธิผล 16. ข้อใดเป็นความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ ข. ประสิทธิภาพของงาน สะดวก ปลอดภัย ทีถ่ กู ต้องมากทส่ี ุด ค. ความก้าวหน้า ก. การนาความรมู้ าประยกุ ตใ์ ชจ้ ัดการกับสารสนเทศ ง. ความมั่นคง อยา่ งเป็นระบบ ตอบ ข ข. การนาความรู้ทางวทิ ยาศาสตรม์ าประยุกต์ใช้ 13. PBL คืออะไร เพ่อื ให้เป็นระบบและรวดเร็ว ก. Project Based Learning ค. การนาวิทยาศาสตรม์ าประยุกต์ใชเ้ พอ่ื สร้างหรือ ข. Project Beta Learning จัดการกับสารสนเทศอย่างเป็นระบบ ค. Project Based Leader ง. การนาความรู้ทางด้านวทิ ยาศาสตรม์ าประยกุ ต์ใช้ ง. Project Boundary Learning เพอ่ื สร้างหรือจดั การกบั สารสนเทศอย่างเป็นระบบ ตอบ ก ตอบ ง 14. การเรียนรโู้ ดยใช้ Project Based Learning มี 17. ขอ้ ใดจัดเป็นซอฟต์แวร์ระบบทั้งหมด ลักษณะอย่างไร ? ก. Window 7 / C++ ก. รปู แบบการสอนที่เนน้ ผู้สอน และการถ่ายโอน ข. Window 7 / Ubuntu ความรู้เป็นสาคัญ ค. Microsoft Office2010 / Window XP ง. Window media player / Window Vista
ตอบ ข 115 18. ข้อใดจัดเปน็ ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ตท์ ้งั หมด ก. Window 7 / Window XP ตอบ ก ข. Window 7 / Microsoft Office2010 หน่วยงาน ค. Window media player / Window Vista 20.กระบวนการในข้อใดเกดิ ข้นึ เปน็ ส่งิ แรกเมอื่ เปดิ ง. Adobe Master CS5 / Windows Live เคร่อื งคอมพิวเตอร์ Messenger ก. เชค็ สถานะของฮาร์ดแวร์. ตอบ ง ข. โหลดระบบปฏิบัตกิ ารเข้าสหู่ นว่ ยความจาหลกั . 19. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ลักษณะสาคัญของเทคโนโลยี ค. หน่วยประมวลผลกลางประมวลชุดคาสง่ั ใน สารสนเทศ หนว่ ยความจาหลกั แบบแก้ไขได้ (RAM). ก. เกี่ยวข้องกับผ้มู อี านาจ ง. หน่วยประมวลผลกลางประมวลชุดคาสงั่ ใน ข. เพิ่มประสทิ ธภิ าพในการทางาน หน่วยความจาหลกั แบบอา่ นไดอ้ ย่างเดยี ว (ROM) ค. เปลี่ยนรปู แบบการบริการให้เป็นแบบกระจาย ตอบ ง ง. เป็นส่ิงทจี่ าเปน็ สาหรบั การดาเนนิ งานของ
116 บรรณานกุ รม กฤติกา (2554). สารสนเทศ. สืบค้นเมือ่ วันท่ี 31 มกราคม 2565, จาก https://www.gotoknow.org/posts/376670 กรรณกิ าร์ ม้าอตุ สา่ ห์. (2547). ระบบเครือขา่ ยในสถานศึกษา. สืบค้นเม่อื วันที่ 2 กมุ ภาพนั ธ์ 2565. จาก https://www.nectec.or.th/schoolnet/library/create-web/10000/generality/10000- 12708.html บ้านจอมยุทธ. ความรเู้ บือ้ งต้นเก่ียวกบั สารสนเทศ. สบื ค้นเมือ่ วันที่ 31 มกราคม 2565. จาก https://www.baanjomyut.com/ วิทยาลยั การอาขพี บ้านลาด. การรับ-สง่ ขอ้ มูลอินเทอรเ์ นต็ . สืบคน้ เม่อื วนั ที่ 31 มกราคม 2565. จาก https://sites.google.com/a/bicec.ac.th/e-learning/ วสันต์ ผูพงษ์ (2557). สารสนเทศ. สืบค้นเมอื่ วนั ท่ี 31 มกราคม 2565, จาก https://www.gotoknow.org/posts/380330 ดรณี ดา ปะสังตโิ ย. (2555). คอมพิวเตอรแ์ ละอนิ เทอร์เนต็ . สืบคน้ เมอ่ื วนั ท่ี 2 กุมภาพันธ์ 2565. จาก https://www.gotoknow.org/posts/287066 นงนาท (2557). สารสนเทศ. สบื คน้ เมื่อ วันท่ี 31 มกราคม 2565, จาก https://sites.google.com/site/xnngnath/phl-khxng-thekhnoloyi-sarsnthes-1 มหาลัยอาชัพบา้ นลาด. การรับ-ส่งขอ้ มูลบนเครอื ขา่ ยอินเตอรเ์ นต็ . สืบค้นเมอ่ื วันที่ 2 กมุ ภาพันธ์ 2565. จาก https://sites.google.com/a/bicec.ac.th/e-learning/kar-rab-sng-khx-mul-bn-kherux- khay-xintexrnet-1 พรมสทิ ธ์ิ โมทนะธนนั ต์ชัย. (2552). WBI. สืบคน้ เมอ่ื 2 กมุ ภาพันธ์ 2565, จาก http://promsitcomed.blogspot.com/2012/11/wbi.html วาสนา สขุ กระสานติ. (2541). โลกของคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ(คู่มอื เรยี นรคู้ อมพวิ เตอร์ฉบบั สมบูรณ์). (พิมพ์ครงั้ ที่2). กรงุ เทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. วิโรจน์ ชัยมูล และสพุ รรษา ยวงทอง. (2552). ความรเู้ บือ้ งต้นเกย่ี วกบั คอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศ. กรุงเทพฯ : โปรวชิ นั่ .
117 อธษิ ฐาน ตองกล่ิน. (2557). Web-Based Instruction : WBI การเรยี นการสอนผา่ นเว็บ. สบื ค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2565, จาก https://www.l3nr.org/posts/550880 อทิ ธเิ ชษฐ์ ศรลี านนท์. ประเภทของระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์. สบื คน้ เมอ่ื 1 กุมภาพนั ธ์ 2565, จาก http://home.kku.ac.th/samnat/network_system_02.html. กรมวิชาการ. (2545). หลกั สตู รการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2544. กรงุ เทพฯ : กรมวชิ าการ. กรมสามัญศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2544). การพัฒนาและการใชแ้ หลง่ เรียนรูใ้ นโรงเรยี นและ ท้องถิน่ เพื่อจดั กระบวนการเรียนร.ู้ กรุงเทพฯ :โรงพมิ พก์ ารศาสนา. กระทรวงวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2550). 81 แหลง่ การเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพส์ านกั งานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ. เกษม คาบตุ ดา. (2550) . การพฒั นาแหล่งเรียนรใู้ นโรงเรยี น เพอ่ื สง่ เสรมิ การพัฒนาคณุ ธรรมจริยธรรม นกั เรียนโรงเรยี นอนบุ าลมหาสารคาม อาเภอเมือง จงั หวัดมหาสารคาม. (การศกึ ษาค้นคว้าอสิ ระ, มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. กดิ านันท์ มลิทอง. (2540). เทคโนโลยีการศึกษาและนวัตกรรม. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คเชนทร์ กองพลิ า. (2558). แบบจาลองการเรยี นการสอนโครงงานโดยใช้สอ่ื สงั คมออนไลนเ์ ป็นฐาน เพอื่ พฒั นาการคิดวเิ คราะห.์ วิทยานิพนธป์ รญิ ญาปรชั ญาดุษฎบี ัณฑติ สาขาวิชาเทคโนโลยี การศกึ ษา บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ขอนแก่น. ไชยยศ เรืองสวุ รรณ (2521). ระเบยี บการออกแบบนวัตกรรม กรงุ เทพฯ: ทิศนา แขมมณ.ี (2547). ศาสตร์การสอน. (พมิ พ์คร้งั ที่ 3). กรุงเทพฯ : ธารงค์ บัวศร.ี (2527). เทคโนโลยีการศกึ ษาและนวตั กรรม. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. ลัดดา ศุขปรดี ี. (2523). การวจิ ยั และพัฒนานวัตกรรม. กรงุ เทพฯ. เอกสารอดั สาเนา. สาลี ทองธวิ (2526 ). นวตั กรรมการศกึ ษา. (พมิ พค์ รัง้ ท่ี)
33
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127