๘๒ 9. การเปรียบเทยี บจานวนสองจานวนถา้ จานวนหลกั ไมเ่ ท่ากันจานวนทีม่ จี านวนหลกั มากกวา่ จะ มากกว่าอีกจานวนหนึ่งถา้ จานวนหลกั เทา่ กนั ให้พิจารณาเลขโดดในหลกั สิบก่อนเลขโดดในหลกั สบิ ของจานวน ใดมากกว่าจานวนนนั้ จะมากกว่าถา้ เลขโดดในหลักสิบเทา่ กันให้พิจารณาเลขโดดในหลักหน่วย 10. การเรียงลาดับจานวนจากมากไปน้อยหรือจากน้อยไปมากอาจทาได้โดยพจิ ารณาจานวนท่มี าก ที่สุดและน้อยท่ีสุดก่อนจากนั้นนาจานวนท่ีเหลอื มาเปรยี บเทยี บกันแล้วนาจานวนมาเรียงตามลาดับ 11. แบบรปู ของจานวนที่เพ่ิมขน้ึ ทลี ะ 1 ทีละ 10 เป็นชดุ ของจานวนท่ีมีความสมั พันธก์ ันอยา่ ง ต่อเนือ่ งในลกั ษณะของการเพ่ิมขึน้ ทลี ะ 1 ทีละ 10 เชน่ 10 11 12 13 14 หรอื 10 20 30 40 50 ตามลาดับ 12. แบบรูปของจานวนทีล่ ดลงทีละ 1 ทีละ 10 เป็นชดุ ของจานวนทีม่ ีความสมั พนั ธก์ ันอยา่ ง ตอ่ เนอื่ งในลักษณะของการลดลงทีละ 1 ทลี ะ 10 เชน่ 30 29 28 27 26 95 หรอื 85 75 65 55 ตามลาดับ 13. จากตารางรอ้ ยจานวนจากซา้ ยไปขวาเปน็ จานวนท่เี พ่ิมข้ึนทลี ะ 1 จานวนจากขวาไปซ้ายเป็น จานวนท่ีลดลงทีละ 1 จานวนจากบนลงล่างเปน็ จานวนทีเ่ พ่ิมขึน้ ทลี ะ 10 จานวนจากลา่ งขึ้นบนเป็นจานวนท่ี ลดลงทีละ 10 เป้ำหมำยกำรเรียนรู้ ควำมรู้ - บอกจานวนของสง่ิ ต่างๆและแสดงสิง่ ต่างๆตามจานวนทีก่ าหนด 21 ถึง 100 - บอกหลกั ของเลขโดดค่าของเลขโดดในหลักสบิ หลักหนว่ ยและสามารถเขียนจานวนในรูปกระจาย - อา่ นและเขียนตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตัวเลขไทยตัวหนงั สือแสดงจานวนนับ 21 ถงึ 100 - เปรยี บเทยี บและเรียงลาดับจานวนนบั 21 ถึง 100 3 ถึง 5 จานวน - บอกจานวนทห่ี ายไปในแบบรูปของจานวนท่ีเพิ่มข้ึนหรอื ลดลงทีละ 1 และทีละ 10 ทกั ษะกระบวนกำร - มีความสามารถในการแกป้ ัญหา - มคี วามสามารถในการส่อื สาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ - มีความสามารถในเช่อื มโยงความรู้ทางคณติ ศาสตร์ - มีความสามารถในการให้เหตุผล คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - มีความมุมานะในการทาความเข้าใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ - มีความสามารถในการคน้ หาลักษณะทเี่ กิดขึ้นซ้า ๆ และประยุกต์ใชล้ ักษณะดังกลเพื่อทา ความเข้าใจหรือแกป้ ัญหาในสถานการณ์ตา่ ง ๆ - มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทางาน ช้นิ งำนหรือภำระงำน(หลักฐำน/รอ่ งรอย) กิจกรรม เรียงแกว้
๘๓ กำรวัดและประเมนิ ภำระงำน ใช้เกณฑ์ มิติคุณภาพ ( Rubrics ) ความถูกต้องของใบงาน/แบบฝกึ หัด รำยละเอียดของกำรประเมนิ ( Rubrics /แบบประเมนิ อน่ื ๆ)
๘๔ กำหนดกำรประเมินผล หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี10 เรื่อง จำนวนนบั 21 ถึง 100 มำตรฐำน / ชน้ิ งำน / ภำระงำน วธิ ีกำรประเมนิ เครื่องมือ / คำอธิบำย เกณฑ์ ตัวชว้ี ดั กิจกรรม เรียงแกว้ คณุ ภำพงำน 60 % ใช้เกณฑ์ มิตคิ ณุ ภาพ ค 1.1 ป.1/1 Rubric 1.ทาแบบฝกึ หัด/ ค 1.1 ป.1/2 เกณฑ์การให้คะแนน ค 1.1 ป.1/3 ร้อยละ 90ขึ้นไป ดมี าก แบบฝกึ ทกั ษะได้อยา่ ง ค 1.2 ป.1/1 รอ้ ยละ 80 – 89 ดี ถูกต้อง รอ้ ยละ 60 – 79 พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤตกิ รรม ต่ากวา่ รอ้ ยละ60 ปรับปรงุ การทางานรายบุคคล 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานกล่มุ
๘๕ กำรออกแบบกิจกรรมกำรเรยี นรู้ หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 10 เรื่อง จำนวนนับ 21 ถึง 100 เวลำ 15ชวั่ โมง ชิ้นงำน / ภำระงำน กจิ กรรม เวลำ กิจกรรม เรียงแกว้ กจิ กรรมนำสู่กำรเรยี น 15 -ใชข้ ้อมลู ในหนงั สือเรียนหนา้ เปดิ บท เพื่อกระตุ้น ความสนใจ และการมองสงิ่ ตา่ ง ๆ รอบตวั ท่สี ามารถนามาใช้ในการเรียน การสอนเร่ืองการนับได้โดยครูใช้คาถามถึงสง่ิ ที่ใกลต้ วั นกั เรยี น เพอื่ นนาเข้าสู่บทเรยี น - เพลงนับเลข(กิจกรรมจิตศกึ ษาประกอบท่าทาง) - เกม กจิ กรรมพฒั นำ 1.แบบฝกึ จานวน ๒๑ ถงึ ๑๐๐ - บอกจานวนของสงิ่ ต่าง ๆ และแสดงส่ิงต่าง ๆ ตามจานวนที่ กาหนด 21 ถึง 100 -อา่ นและเขยี นตัวเลขฮินดอู ารบกิ ตวั เลขไทย ตัวหนังสือแสดง จานวนนับ 21 ถึง 100 - เปรยี บเทยี บและเรียงลาดับจานวนนับ 21 ถงึ 10 - บอกจาานวนท่ีหายไปในแบบรูปของจาานวนทีเ่ พิ่มขนึ้ หรอื ลดลงทีละ 1 และทีละ 1 2.แบบทดสอบจานวน ๒๑ ถงึ ๑๐๐ -แบบทดสอบกอ่ น - หลังเรยี น กิจกรรมรวบยอด ( กำรประยกุ ตค์ วำมรูไ้ ปใช้ ) -กิจกรรม เรียงแกว้
๘๖ กำรออกแบบหน่วยกำรเรียนรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1๑ เรอ่ื ง การวัดความยาว ช่ือรายวิชา คณติ ศาสตร์ รหสั ค 11101 กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เวลา 11 ชัว่ โมง ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐานค 2.1 เข้าใจพื้นฐานเกย่ี วกบั การวัดวดั และคาดคะเนขนาดของสิง่ ทีต่ ้องการวดั และนาไปใช้ ตัวช้วี ัด ค 2.1 ป.1/1วดั และเปรียบเทยี บความยาวเปน็ เซนติเมตร เปน็ เมตร สำระสำคัญ 1.ยาวกว่าสัน้ กว่าสูงกวา่ เต้ียกวา่ เท่ากันยาวทสี่ ดุ ส้นั ทสี่ ดุ สงู ท่สี ดุ เต้ียที่สดุ เปน็ คาทใี่ ช้ในการเปรยี บเทยี บ ความยาวของสง่ิ ตา่ งๆ 2. การเปรยี บเทยี บความยาวตอ้ งวางให้ปลายข้างหน่งึ เสมอกันแลว้ ดทู ปี่ ลายอกี ขา้ งหนงึ่ 3. เซนตเิ มตรเมตรเปน็ หน่วยมาตรฐานทใ่ี ชบ้ อกความยาวความสงู ของส่งิ ตา่ งๆ 4. การเปรยี บเทยี บความยาวสามารถทาได้โดยนาความยาวในหน่วยเดียวกนั มาเปรียบเทียบกนั 5. การแก้โจทยป์ ัญหาสามารถทาไดโ้ ดยอ่านและทาความเขา้ ใจวางแผนวิธีคดิ โดยอาจใช้การวาดภาพ หาคาตอบและตรวจสอบความสมเหตุสมผล เปำ้ หมำยกำรเรียนรู้ ควำมรู้ - เปรียบเทยี บความยาวระหว่างสิ่งของโดยใช้คาว่ายาวกวา่ ส้นั กวา่ สูงกวา่ เตี้ยกวา่ เท่ากนั ยาวที่สดุ ส้ันท่ีสุดสงู ท่สี ดุ เตย้ี ที่สดุ - วดั และเปรียบเทยี บความยาวท่ีมีหนว่ ยเป็นเซนตเิ มตรเปน็ เมตร ทกั ษะกระบวนกำร - มีความสามารถในการแก้ปญั หา - มีความสามารถในการส่อื สาร สอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ - มคี วามสามารถในเชือ่ มโยงความรทู้ างคณติ ศาสตร์ - มคี วามสามารถในการให้เหตุผล - มคี วามสามารถในการคดิ สร้างสรรค์ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - มีความมุมานะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตร์
๘๗ - มีระเบยี บวนิ ัยในการทางาน ชิน้ งำนหรอื ภำระงำน(หลกั ฐำน/ร่องรอย) กจิ กรรม ใครยาวกว่ากัน กำรวัดและประเมินภำระงำน ใชเ้ กณฑ์ มิติคณุ ภาพ ( Rubrics ) ความถกู ต้องของใบงาน/แบบฝกึ หัด รำยละเอียดของกำรประเมนิ ( Rubrics /แบบประเมนิ อ่นื ๆ)
๘๘ กำหนดกำรประเมินผล หน่วยกำรเรียนรู้ที่11 เรือ่ ง การวดั ความยาว มำตรฐำน / ชิน้ งำน / ภำระงำน วธิ กี ำรประเมนิ เครอื่ งมือ / คำอธบิ ำย เกณฑ์ ตัวชว้ี ัด กจิ กรรม ใครยาวกว่ากนั คุณภำพงำน 60 % ใชเ้ กณฑ์ มิตคิ ณุ ภาพ ค 2.1 ป.1/1 Rubric 1.ทาแบบฝกึ หัด/ เกณฑ์การให้คะแนน ร้อยละ 90ขึน้ ไป ดีมาก แบบฝกึ ทักษะได้อยา่ ง รอ้ ยละ 80 – 89 ดี ถูกต้อง รอ้ ยละ 60 – 79 พอใช้ 2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ต่ากวา่ รอ้ ยละ60 ปรับปรงุ การทางานรายบุคคล 3. แบบสังเกตพฤตกิ รรม การทางานกล่มุ
๘๙ กำรออกแบบกิจกรรมกำรเรียนรู้ หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ 11 เร่อื ง การวดั ความยาวเวลำ 11ชัว่ โมง ช้ินงำน / ภำระงำน กิจกรรม เวลำ กจิ กรรม ใครยาวกวา่ กัน กจิ กรรมนำสู่กำรเรยี น 11 -ใช้ขอ้ มูลในหนังสือเรยี นหน้าเปดิ บท เพ่ือกระตุ้นความสนใจ เกย่ี วกบั การวัดความยาว โดยถามคาถามนักเรียนสนทนา เกีย่ วกับภาพในหน้าเปดิ บท เพ่อื นาเขา้ สบู่ ทเรียน - เพลง - เกม กจิ กรรมพัฒนำ 2.แบบฝึกการวัดความยาว - เปรียบเทยี บความยาวระหวา่ งสิง่ ของโดยใชค้ าวา่ ยาวกว่า สั้นกว่า สูงกวา่ เตยี้ กว่า เท่ากัน ยาวท่ีสุดสั้นท่ีสุด สงู ทส่ี ุด เต้ยี ทส่ี ดุ - วดั และเปรยี บเทียบความยาวท่ีมีหนว่ ยเปน็ เซนติเมตร เปน็ เมตร 2.แบบทดสอบการวัดความยาว -แบบทดสอบก่อน - หลังเรียน กิจกรรมรวบยอด ( กำรประยุกต์ควำมรไู้ ปใช้ ) -กิจกรรม ใครยาวกวา่ กนั
๙๐ กำรออกแบบหนว่ ยกำรเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 12 เรือ่ ง การบวกจานวนทผ่ี ลบวกไม่เกิน 100 ชอ่ื รายวิชา คณติ ศาสตร์ รหสั ค 11101 กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 10 ชั่วโมง มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐานค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวนระบบจานวนการดาเนนิ การของจานวน ผลท่เี กิดขึ้นจากการดาเนินการสมบตั ิของการดาเนินการและนาไปใช้ ตวั ชว้ี ดั ค 1.1 ป.1/4หาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวกและประโยคสัญลกั ษณ์แสดง การลบของจานวนนับไม่เกิน 100 และ 0 ค 1.1 ป.1/5แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบของจานวนนับไมเ่ กิน 100 และ 0 สำระสำคญั 1.การบวกเป็นการนบั รวมจานวนส่งิ ตา่ งๆตัง้ แต่สองกล่มุ ขึ้นไป 2. การบวกจานวนสองหลกั เมอ่ื สลบั ท่กี ันผลบวกยังคงเท่ากนั 3. การบวกจานวนทีม่ สี องหลกั ใช้วธิ บี วกจานวนที่อยูใ่ นหลกั เดยี วกนั เข้าดว้ ยกนั 4. วธิ กี ารบวกเพือ่ ความรวดเรว็ ใช้วิธีการนบั ต่อจากจานวนทม่ี ากกว่า เป้ำหมำยกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ - หาผลบวกของจานวนหนึง่ หลักกบั จานวนสองหลักทผ่ี ลบวกไมเ่ กิน 100 - หาผลบวกของจานวนสองหลักกบั จานวนสองหลักทผี่ ลบวกไม่เกิน 100 ทักษะกระบวนกำร - มีความสามารถในการแกป้ ญั หา - มคี วามสามารถในการส่ือสาร สื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ - มคี วามสามารถในเชือ่ มโยงความรู้ทางคณติ ศาสตร์ - มีความสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์ - มีความมุมานะในการทาความเข้าใจปญั หาและแก้ปญั หาทางคณติ ศาสตร์ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
๙๑ - มคี วามใฝ่เรยี นรู้ ชิ้นงำนหรือภำระงำน(หลกั ฐำน/รอ่ งรอย) เกมคูฉ่ นั อยู่ไหน กำรวดั และประเมนิ ภำระงำน ใช้เกณฑ์ มิติคุณภาพ ( Rubrics ) ความถูกต้องของใบงาน/แบบฝึกหดั รำยละเอยี ดของกำรประเมนิ ( Rubrics /แบบประเมนิ อ่ืนๆ)
๙๒ กำหนดกำรประเมนิ ผล หน่วยกำรเรียนรูท้ ่ี12 เรอ่ื ง กำรบวกจำนวนทผี่ ลบวกไม่เกิน 100 มำตรฐำน / ชิน้ งำน / ภำระงำน วิธกี ำรประเมิน เครอ่ื งมือ / คำอธบิ ำย เกณฑ์ ตัวชี้วดั เกมคู่ฉนั อยู่ไหน คุณภำพงำน 60 % ใชเ้ กณฑ์ มิตคิ ุณภาพ ค 1.1 ป.1/4 Rubric 1.ทาแบบฝกึ หัด/ ค 1.1 ป.1/5 เกณฑ์การให้คะแนน รอ้ ยละ 90ขน้ึ ไป ดีมาก แบบฝกึ ทกั ษะได้อย่าง รอ้ ยละ 80 – 89 ดี ถกู ต้อง ร้อยละ 60 – 79 พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรม ต่ากวา่ ร้อยละ60 ปรับปรงุ การทางานรายบคุ คล 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานกลมุ่
๙๓ กำรออกแบบกจิ กรรมกำรเรียนรู้ หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ 12 เรือ่ ง กำรบวกจำนวนท่ีผลบวกไม่เกิน 100เวลำ 10ชัว่ โมง ชน้ิ งำน / ภำระงำน กจิ กรรม เวลำ เกมคู่ฉันอยู่ไหน กจิ กรรมนำสู่กำรเรียน 10 -ใชข้ ้อมูลในหนังสือเรยี นหน้าเปดิ บท เพ่ือกระตุ้นความสนใจ เกย่ี วกบั การบวกที่ผลบวกไมเ่ กิน 100 โดยครใู ชค้ าถาม ครู สนทนากับนกั เรยี นเก่ยี วกบั การหาผลรวม เพื่อนนาเข้าสู่ บทเรยี น - เพลงเรามารวมเลข(กจิ กรรมจิตศกึ ษา) - เกม กิจกรรมพฒั นำ แบบฝึก การบวกจานวนทผ่ี ลบวกไมเ่ กิน 100 - หาผลบวกของจานวนหนึ่งหลักกับจานวนสองหลักที่ ผลบวกไม่เกิน 100 - หาผลบวกของจานวนสองหลักกบั จานวนสองหลักท่ี ผลบวกไม่เกนิ 100 2.แบบทดสอบ การบวกจานวนที่ผลบวกไม่เกนิ 100 -แบบทดสอบกอ่ น - หลังเรยี น กิจกรรมรวบยอด ( กำรประยกุ ตค์ วำมร้ไู ปใช้ ) -เกมคู่ฉนั อยู่ไหน
๙๔ กำรออกแบบหนว่ ยกำรเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 13 เร่อื ง การลบจานวนทตี่ ัวตั้งไม่เกนิ 100 ชอื่ รายวิชา คณติ ศาสตร์ รหัส ค 11101 กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เวลา 14 ช่ัวโมง ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 1 มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐานค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวนระบบจานวนการดาเนินการของจานวน ผลทเี่ กิดข้ึนจากการดาเนนิ การสมบตั ขิ องการดาเนนิ การและนาไปใช้ ตวั ชีว้ ดั ค 1.1 ป.1/4หาคา่ ของตวั ไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวกและประโยคสัญลกั ษณ์แสดง การลบของจานวนนบั ไมเ่ กนิ 100 และ 0 ค 1.1 ป.1/5แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบของจานวนนับไมเ่ กนิ 100 และ 0 สำระสำคัญ 1.สามารถหาผลลบของจานวนสองจานวนทีต่ ัวตัง้ มากกวา่ 20 แต่ไม่เกนิ 100 ได้หลายวธิ ีเช่นการนบั ตอ่ การนับถอยหลงั การเปรียบเทยี บแลว้ หาว่าต่างกนั อยูเ่ ทา่ ไรการเอาออกแล้วหาจานวนทเี่ หลือการใช้ ความสัมพนั ธ์ของจานวนแบบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวมการตง้ั ลบเป็นตน้ ท้งั นีใ้ นการตงั้ ลบจะลบในหลักหนว่ ยก่อนและ ต้องเขียนเลขโดดในหลักเดยี วกันใหต้ รงกนั แลว้ นาจานวนทอี่ ยู่ในหลักเดียวกนั มาลบกนั ซ่ึงตัวต้ังต้องมากกว่าตวั ลบหากตัวตัง้ นอ้ ยกวา่ ตัวลบตอ้ งกระจายจากหลักสิบมาหลักหนว่ ยก่อน 2. สามารถหาคา่ ของตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสญั ลักษณก์ ารบวกและประโยคสญั ลักษณ์การลบอาจ ใช้ความสัมพันธ์ของการบวกและการลบในการแปลงประโยคสญั ลกั ษณ์การบวกเปน็ ประโยคสัญลักษณ์การลบ เพอื่ ให้หาคาตอบงา่ ยข้ึนหรืออาจแปลงประโยคสญั ลกั ษณ์การลบเปน็ ประโยคสญั ลกั ษณ์การบวกเพือ่ ใหห้ า คาตอบง่ายขึ้น เปำ้ หมำยกำรเรียนรู้ ควำมรู้ - หาผลลบจานวนสองหลกั กบั จานวนหนึง่ หลักที่ตวั ต้ังมากกว่า 20 แต่ไม่เกนิ 100 - หาผลลบจานวนสองหลกั กบั จานวนสองหลกั ทต่ี ัวตัง้ มากกว่า 20 แตไ่ ม่เกิน 100 - หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการลบ ทักษะกระบวนกำร - มีความสามารถในการแก้ปัญหา - มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร สื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์
๙๕ - มคี วามสามารถในเชอ่ื มโยงความรูท้ างคณติ ศาสตร์ - มคี วามสามารถในการใหเ้ หตุผล คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ - ความมุมานะในการทาความเข้าใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ - มีความมงุ่ มนั่ ในการทางาน (A) ชน้ิ งำนหรือภำระงำน(หลกั ฐำน/ร่องรอย) เกมปรศิ นาตวั เลขไขว้ กำรวดั และประเมินภำระงำน ใช้เกณฑ์ มิติคณุ ภาพ ( Rubrics ) ความถกู ต้องของใบงาน/แบบฝึกหดั รำยละเอียดของกำรประเมิน ( Rubrics /แบบประเมินอน่ื ๆ)
๙๖ กำหนดกำรประเมนิ ผล หน่วยกำรเรียนรู้ที่13 เร่ือง การลบจานวนที่ตัวตง้ั ไม่เกิน 100 มำตรฐำน / ชิน้ งำน / ภำระงำน วธิ กี ำรประเมนิ เครือ่ งมอื / คำอธิบำย เกณฑ์ ตวั ชว้ี ดั เกมปรศิ นาตวั เลขไขว้ คุณภำพงำน 60 % ใชเ้ กณฑ์ มิตคิ ณุ ภาพ ค 1.1 ป.1/4 Rubric 1.ทาแบบฝึกหดั / ค 1.1 ป.1/5 เกณฑ์การให้คะแนน ร้อยละ 90ขนึ้ ไป ดีมาก แบบฝกึ ทักษะได้อย่าง ร้อยละ 80 – 89 ดี ถูกต้อง รอ้ ยละ 60 – 79 พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรม ต่ากว่าร้อยละ60 ปรับปรงุ การทางานรายบคุ คล 3. แบบสังเกตพฤตกิ รรม การทางานกลมุ่
๙๗ กำรออกแบบกิจกรรมกำรเรยี นรู้ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี 13 เร่ือง การลบจานวนที่ตวั ต้งั ไม่เกิน 100เวลำ 14ชว่ั โมง ชิ้นงำน / ภำระงำน กิจกรรม เวลำ เกมปรศิ นาตวั เลขไขว้ กจิ กรรมนำส่กู ำรเรียน 14 -ใชข้ ้อมลู ในหนังสือเรียนหนา้ เปิดบท เกย่ี วกับรา้ นสหกรณข์ อง โรงเรยี น โดยใชค้ าถามและสนทนาเก่ยี วกับการนาความร้เู รอ่ื ง การลบไปใชใ้ นชีวิตจรงิ เรือ่ งอ่ืน ๆ กอ่ นทจี่ ะนาเข้าสู่บทเรยี น - เพลงเรามาลบเลข(กจิ กรรมจิตศึกษา) - เกม กจิ กรรมพัฒนำ ๑. แบบฝกึ การลบจานวนที่ตัวต้ังไม่เกนิ 100 - หาผลลบจานวนสองหลกั กบั จานวนหนึง่ หลกั ท่ีตัวต้งั มากกวา่ 20 แต่ไมเ่ กนิ 100 - หาผลลบจานวนสองหลักกบั จานวนสองหลักท่ีตัวต้ัง มากกวา่ 20 แต่ไมเ่ กนิ 100 - หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบ 2.แบบทดสอบการลบจานวนท่ีตวั ตัง้ ไมเ่ กนิ 100 - แบบทดสอบก่อน - หลังเรียน กจิ กรรมรวบยอด ( กำรประยกุ ตค์ วำมรไู้ ปใช้ ) -เกมปริศนาตัวเลขไขว้
๙๘ กำรออกแบบหน่วยกำรเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 14 เรือ่ ง โจทย์ปญั หาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบ ชอ่ื รายวิชา คณิตศาสตร์ รหัส ค 11101 กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 เวลา 16 ชวั่ โมง มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐานค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวนระบบจานวนการดาเนินการของจานวน ผลทเี่ กิดขนึ้ จากการดาเนินการสมบัตขิ องการดาเนนิ การและนาไปใช้ ตัวชว้ี ดั ค 1.1 ป.1/4หาคา่ ของตวั ไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวกและประโยคสัญลกั ษณ์แสดง การลบของจานวนนับไม่เกนิ 100 และ 0 ค 1.1 ป.1/5แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หาการบวกและโจทย์ปญั หาการลบของจานวนนับไม่เกิน 100 และ 0 สำระสำคัญ 1.สถานการณห์ รือปญั หาทีห่ าคาตอบไดด้ ้วยการบวกหรือการลบมหี ลากหลายลกั ษณะให้ทาความ เขา้ ใจวเิ คราะหแ์ ละหาคาตอบ 2. การแก้โจทยป์ ัญหาทาไดโ้ ดยอา่ นทาความเข้าใจปญั หาวางแผนแก้ปญั หาหาคาตอบและตรวจสอบ ความสมเหตุสมผลของคาตอบ เป้ำหมำยกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ - แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวกของจานวนนับท่ีผลบวกไมเ่ กนิ 100 - แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการลบของจานวนนับท่ีตัวต้ังไม่เกนิ 100 ทกั ษะกระบวนกำร - มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา - มคี วามสามารถในการสื่อสาร สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ - มคี วามสามารถในเชื่อมโยงความรทู้ างคณิตศาสตร์ - มคี วามสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - มรี ะเบียบวนิ ัยในการทางาน
๙๙ ช้ินงำนหรือภำระงำน(หลักฐำน/รอ่ งรอย) เกมถอดรหัส กำรวดั และประเมนิ ภำระงำน ใชเ้ กณฑ์ มิติคณุ ภาพ ( Rubrics ) ความถกู ต้องของใบงาน/แบบฝึกหดั รำยละเอยี ดของกำรประเมิน ( Rubrics /แบบประเมินอ่ืนๆ)
๑๐๐ กำหนดกำรประเมินผล หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี14เร่อื ง โจทยป์ ญั หำกำรบวกและโจทย์ปญั หำกำรลบ มำตรฐำน / ชิ้นงำน / ภำระงำน วธิ ีกำรประเมิน เครื่องมอื / คำอธิบำย เกณฑ์ ตวั ชี้วัด เกมถอดรหสั คณุ ภำพงำน 60 % ใช้เกณฑ์ มิตคิ ุณภาพ ค 1.1 ป.1/4 Rubric 1.ทาแบบฝึกหัด/ ค 1.1 ป.1/5 เกณฑ์การให้คะแนน รอ้ ยละ 90ข้นึ ไป ดมี าก แบบฝกึ ทักษะได้อย่าง ร้อยละ 80 – 89 ดี ถูกต้อง ร้อยละ 60 – 79 พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤตกิ รรม ตา่ กวา่ รอ้ ยละ60 ปรับปรงุ การทางานรายบุคคล 3. แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกลมุ่
๑๐๑ กำรออกแบบกิจกรรมกำรเรยี นรู้ หนว่ ยกำรเรียนรูท้ ่ี 14 เรื่อง โจทยป์ ญั หำกำรบวกและโจทยป์ ัญหำกำรลบเวลำ 16ชว่ั โมง ชนิ้ งำน / ภำระงำน กจิ กรรม เวลำ เกมถอดรหสั กิจกรรมนำส่กู ำรเรยี น 16 -ใช้หน้าเปิดเพอ่ื กลา่ วถงึ การนาความรูเ้ กย่ี วกับการแกป้ ญั หาการ บวกและโจทย์ปัญหาการลบในชีวติ ประจาวนั นักเรยี นสามารถ นาไปใชไ้ ด้ทุกสถานการณ์ เมอ่ื มกี ารกาหนดเง่อื นไข หรือให้ พจิ ารณาตามความเหมาะสม เพือ่ ใหน้ ักเรยี นสามารถทีจ่ ะ แก้ปัญหาเหลา่ น้ันได้ซ้ึงคาถามสาคญั นน้ี ักเรียนอาจจะยงั ไมต่ อบ ตอนนี้ นกั เรยี นต้องเรียนเนอ้ื หาในบทเรียนน้ีกอ่ น แล้วจงึ กลบั มา ตอบคาถามหนา้ นี้ - เพลง - เกม กจิ กรรมพฒั นำ ๒. แบบฝึกโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทย์ปญั หาการลบ - แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวกของจานวน นับทผ่ี ลบวกไมเ่ กนิ 100 - แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการลบของจานวน นับทต่ี ัวต้งั ไม่เกิน 100 2.แบบทดสอบโจทย์ปัญหาการบวกและโจทย์ปญั หาการลบ - แบบทดสอบก่อน - หลงั เรยี น กิจกรรมรวบยอด ( กำรประยุกต์ควำมรู้ไปใช้ ) - เกมถอดรหสั
๑๐๒ วดั และประเมินผล ในการจัดการเรียนการสอนใดๆก็ตาม การสอนกับการวัดประเมินผล มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมา ต้ังแต่ต้นจนอาจกล่าวได้ว่า เม่ือมีการสอนต้องมีการวัดและประเมินควบคู่ไปด้วยเสมอ เพียงแต่การวัดและการ ประเมินอาจเปล่ียนรูปแบบไปตามยุคตามสมัย การประเมินเป็นส่วนท่ีสาคัญ และจาเป็นของกระบวนการเรียน การสอน ซึ่งมีความหมายมากกว่าการให้เกรด หรือคะแนนรวม แต่เป็นการหาคาตอบท่ีสร้างสรรค์ ในทางบวก และให้ข้อมูลย้อนกลับ เกี่ยวกับความก้าวหน้าของผู้เรียน เพ่ือตรวจสอบว่า การสอนน้ันบรรลุเป้าหมายในระดับ ใด ผลจากการประเมินจะนาไปสู่การตัดสินใจ ที่มีผลต่อโรงเรียน ในเชิงบริหาร และการสร้างความเชื่อม่ันใน สังคม การประเมินท่ีดี ส่วนหนึ่งเป็นเสมือนเคร่ืองช่วย ในการวัดและบ่งบอกถึงความสามารถของผู้เรียนตลอด หลกั สตู ร ตามมาตรฐานการเรยี นรู้ หลักการสาคัญในการวัดและประเมินผลที่พึงพิจารณา คือ การประเมินผลควรมีลักษณ ะ กระบวนการพัฒนาผู้เรียน เน้นคุณลักษณะ และความสามารถของผู้เรียนเป็นภาพรวม ผลการประเมินต้อง ช้ใี หเ้ ห็น ผลการปรับปรุงการสอนของครู ผู้สอน และความสาเร็จของผู้เรยี น ตามเป้าหมายของหลักสูตร บ่งบอก ถึงความสามารถในการนาความรู้และทักษะไปใช้ในชีวิตจริงได้ ทั้งยังส่งเสริมให้ผู้เรียน ได้แสดงความสามารถที่ หลากหลาย ไม่แยกเด็ดขาดจากการเรียนการสอน เป็นการให้ข้อมูลท่ีทาให้ผู้เรียนแต่ละคนรู้จักตนเอง และ มองเห็นแนวทางท่ีจะปรับปรุงตนเองให้ดีข้ึน โดยเน้นความร่วมมือของทุกฝ่าย ท่ีเกี่ยวข้องในการให้ข้อมูล ตรวจสอบและทบทวนซึ่งกันและกนั เน้นท่ีการวัดกระบวนการเท่าๆกับการวัดผลผลติ ของกระบวนการ เน้นการ วัดทีส่ ะทอ้ นใหเ้ ห็นถงึ การใช้ ความคิดพจิ ารณาไตร่ตรองรวมท้งั การใชเ้ หตุผลและการแก้ปญั หา ข้อมูลท่ีนามาใช้ประเมิน จะต้องได้มาโดยกระบวนการเก็บรวบรวม จากแหล่งข้อมูลท่ีหลากหลาย และ สอดคล้องกบั รูปแบบการประเมนิ ผลตามหลักสูตร โดยใชเ้ คร่ืองมือและวธิ ีการประเมนิ ทหี่ ลากหลายรปู แบบ เลอื ก นามาใช้ให้สอดคล้องเหมาะสมกับกระบวนการสอนของผู้สอน และกระบวนการเรียนของผู้เรียน เพ่ือให้เกิด ประสิทธิภาพสูงสุด บางครั้งอาจจะต้องปรับวิธีการหรือดัดแปลงเครื่องมือวัด เพ่ือใช้สาหรับผู้เรียนท่ีมีความ ต้องการพิเศษ บางกรณีจาเป็นต้องใช้เทคนิค การประเมินท่ีผสมผสานหรือหลากหลาย เพ่ือให้ได้ภาพ เกยี่ วกบั ผลสมั ฤทธิ์ ของผู้เรยี นทกี่ ว้าง และสมบูรณ์ข้ึน จากกระบวนการจัดการเรียนรู้ท่ีเปล่ียนแปลง ภาระงานด้านการประเมินผลการเรียน ระบบการวัดและ ประเมินผล ที่สถานศึกษาต้องดาเนินการ จึงต้องเปล่ียนแปลงไปด้วย เพ่ือให้เกิดความสอดคล้องกับการ ประเมินผลตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 จึงเน้นไปที่การวัดและการประเมิน ท่ีจะนาไปสู่การชี้ให้เห็น ถึงสภาพท่ีแท้จริงของผู้เรียน และสภาพจริงของการเรียน การสอน จากพฤติกรรมท่ี ผู้เรียนได้แสดงออก สะท้อนให้เห็นความสามารถอย่างหลากหลาย ในการ พัฒนาคนท่ีชัดเจน สอดคล้องกับ สมรรถภาพท่ีมีในตนเอง และจากการลงมือปฏิบัติจริง ซ่ึงชี้ให้เห็นวิธีการตัดสินใจ และการแก้ปัญหาด้วยตน เอง การใชก้ ิจกรรมการประเมินตามสภาพจรงิ จะช่วยให้ค้นพบไดว้ ่าผู้เรียนเรยี นร้เู รื่องต่างๆมากนอ้ ยเพยี งใด นอกจาก กระบวนการวัดและประเมินผลจะปรับเปลีย่ นแล้ว ผู้ท่ีเก่ียวขอ้ งกับการประเมินจะตอ้ งปรบั เปล่ียนไปจากเดิม ซึ่งมี ผู้ประเมินเป็นบุคคลหลายกลมุ่ ได้แก่ ครูผู้สอน ผู้เรียน ผู้ปกครอง เป็นต้น ทั้งนี้ผู้เก่ียวขอ้ งควรมีส่วนร่วมในการ กาหนดเป้าหมายวิธีการและเกณฑต์ ่างๆในการประเมนิ ดว้ ย ส่วนลักษณะภาษาที่นามาประเมิน ควรเป็นภาษาที่ใช้ในสถานการณ์ การสื่อสารตามสภาพจริงคือเป็น ข้อความที่สมบูรณ์ในตัวเอง เป็นภาษาที่เจ้าของภาษาใช้ มีความเป็นธรรมชาติ อยู่ในบริบท ทั้งน้ีต้องคานึงถึง ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้เรียนด้วย การประเมินความสามารถในการใช้ภาษาเพ่ือการส่ือสาร ควร ประเมินความสามารถในการส่อื ความหมายจรงิ ๆ ไมค่ วรแยกภาษาออกจากสถานการณ์ และควรวัดให้ครอบคลุม องค์ประกอบทางภาษา อันประกอบด้วยความรู้เร่ืองเสียง คาศัพท์ โครงสร้าง การใช้ภาษาในสถานการณ์ และ กลวิธีในการส่ือสาร แนวการประเมินเช่นนี้ ช่วยเสริมให้เกิดการเช่ือมโยงระหว่างหลักสูตร การสอนและการ ประเมิน
๑๐๓ ในการวดั และการประเมินผลการเรียนรู้ สถานศกึ ษาจะต้องทาหลักเกณฑ์ และแนวปฏิบตั ิของสถานศึกษา เพื่อให้บุคลากรท่ีเก่ียวข้อง ทุกฝ่ายถือปฏิบัติร่วมกัน และเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน สถานศึกษาต้องมีการวัด และประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนทั้งในระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา และ ระดับชาติ โดยมีจุดมุ่งหมายสาคัญ เพ่ือนาผลการประเมิน ไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียน ปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ และใชเ้ ป็นข้อมลู สรา้ งความมนั่ ใจ เก่ียวกับคุณภาพผู้เรียน และสถานศกึ ษา แก่ผู้เก่ยี วขอ้ งต่อไป กำรประเมนิ ระดับชนั้ เรยี น มีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้ทราบความก้าวหน้าของผู้เรียน ด้านความรู้ ทักษะกระบวนการคุณธรรม จริยธรรม และค่านยิ มอันพึงประสงค์ อันเป็นผลเนือ่ งจากการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ตามมาตรฐานการเรียนรู้ ทีก่ าหนดไวใ้ น ของแต่ละรายวิชา ดังน้ัน การประเมินความสามารถ ในการใช้ภาษาจึงต้องเน้นวิธีการและเคร่ืองมือวัดท่ี หลากหลาย เน้นการปฏิบัติให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสาระการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน และ สามารถดาเนินการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการจัดการเรียนรู้ ของผู้เรียน การวัดภาคปฏิบัติ การสังเกต การ สัมภาษณ์ การตรวจภาระงาน/ชิ้นงาน การบันทึกพฤติกรรม แฟ้มสะสมงาน ท้ังน้ี วิธีการและเคร่ืองมือวัดท่ี เลือกใชต้ อ้ งสอดคล้องกับเน้อื หาภาษาหรอื ทกั ษะท่ีตอ้ งการวัดดว้ ย สรุปลักษณะของการวดั ประเมนิ ผลทางภาษา 1.ขอ้ ทดสอบทัว่ ไป - ข้อทดสอบมาตรฐาน - ขอ้ ทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้ - ข้อทดสอบที่ครูสรา้ งข้ึน 2. การสอ่ื สารสว่ นบุคคล - การซักถามเป็นรายบุคคล - การอภิปรายกลมุ่ ย่อย - การสัมภาษณ์ 3. การสงั เกตและการรบั รู้ - ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นชน้ั เรียน - การมสี ่วนรว่ มของผู้เรียน 4. การปฏิบตั ิจริง - โครงงาน - การวาดภาพ - การสาธติ - การนาเสนอ - การเขยี นรายงาน - ภาระงาน/ชิ้นงาน - แฟม้ สะสมงาน ผลการประเมินในระดับช้ันเรียน ทาให้ผู้เรียนได้ทราบระดับความก้าวหน้าและความสาเร็จ ของตน สามารถนาผลไปพัฒนาปรับปรุงการเรียนรู้ และควบคุมการเรียนรู้ของตนเอง ทาให้ผู้สอน ได้รู้ถึง ความสามารถ และเขา้ ใจความต้องการของผู้เรียนรายบุคคล ตลอดจนมองเหน็ ภาพความเปลีย่ นแปลงของผู้เรียน อย่างต่อเนือ่ ง สามารถชว่ ยเหลือแก้ไขขอ้ บกพร่องได้ทันท่วงที และนามาจัดกลุม่ ผูเ้ รียนไดร้ วมท้งั ใชป้ ระเมินผลการ จัดกิจกรรมของตนเอง ทาให้ผู้ปกครองได้ทราบระดับความสาเร็จของผู้เรียนสามารถให้การสนับสนุน ส่งเสริม เพอื่ พัฒนาผู้เรียนได้
๑๐๔ กำรประเมนิ ระดบั สถำนศกึ ษำ เปน็ การประเมินเพ่ือตรวจสอบความกา้ วหนา้ ของการเรยี นรู้และตัดสนิ ผลการเรียน สถานศึกษาตอ้ งจัดให้ มีการประเมินผลการเรียนรู้ รายชั้นปี เพื่อนาข้อมูลที่ได้จากการประเมินน้ี ไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา ปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการจัดการเรียนรู้ และคุณภาพผู้เรียน ให้เป็นไปตามมาตรฐานการเรียนรู้ และ ตัดสินการเลอ่ื นชัน้ การประเมินผลนี้จะช่วยให้ข้อมูลอย่างดีสาหรับผู้สอน ในการพิจารณาว่า การจัดการเรียนรูใ้ ห้แก่ผู้เรียน มีประสิทธิภาพหรือคุณภาพเพียงใด โดยดูผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของผู้เรียน ว่าอยู่ในระดับใดน่าพอใจหรือไม่ ผลจากการประเมินจะช่วยให้ผู้สอนและสถานศึกษานามาเป็นข้อมูล ในการตัดสินใจปรบั ปรุง ระบบการจดั การเรียนรู้ เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลการพัฒนาการเรียนร้ขู องผเู้ รยี นทพี่ ึงประสงค์ นอกจากนี้ผลการประเมินระดับสถานศึกษา สามารถช่วยผู้เรียนในการปรับปรุงแก้ไข ผลการเรียน การ วางแผน การศกึ ษาต่อ การประกอบอาชีพ ผูส้ อนสามารถวางแผนช่วยเหลือผู้เรียนให้เรียนรู้ได้ดยี ิ่งขนึ้ ฝ่ายแนะ แนวสามารถจัดบริการแนะแนวได้อย่างเหมาะสม ผู้บริหารได้ทราบถึงมาตรฐานด้านวิชาการของโรงเรียน และ สามารถปรับสภาพการจัดการเรียนรู้ และช่วยให้ผู้ปกครองรู้ความก้าวหน้าของผู้เรียนด้านต่างๆเพื่อสนับสนุน พัฒนาการผ้เู รยี น กำรประเมินระดบั เขตพนื้ ท่ีกำรศึกษำ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพ้ืนที่ การศึกษา ตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน เพ่ือใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพ้ืนท่ี การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดาเนินการโดยประเมินคุณภาพของผู้เรียนด้วยวิธีการและเครื่องมือที่เป็น มาตรฐานที่จัดทาและดาเนินการ โดยเขตพ้ืนท่ีการศึกษาหรอื ด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัด หรือจากการ ตรวจสอบข้อมูลจากการประเมินระดับสถานศึกษาในเขตพน้ื ท่ีการศึกษา กำรประเมนิ ระดับชำติ เป็นการประเมินระดับชาติ ตามมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สถานศึกษาต้องจัดใหผ้ ู้เรียนทุกคนท่เี รียนในช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 3 ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 6 เข้ารับการประเมิน ผล จากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่างๆ เพ่ือนาไปใช้ในการวางแผน ยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นขอ้ มูลสนบั สนุนการตัดสนิ ใจในระดบั นโยบายของประเทศ กำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรียนรู้กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ การประเมินผลการเรยี นรูใ้ นกลมุ่ สาระการเรียนรู้ เป็นการประเมนิ ผลการเรยี นรตู้ ามตัวชว้ี ดั ใน หลักสูตร ซึง่ จะนาไปสู่การสรปุ ผลการเรียนรู้ของผเู้ รยี นตามมาตรฐานการเรยี นรู้ มีรายละเอยี ดดังนี้ 1. กาหนดสัดส่วนคะแนนระหว่างเรียนกับปลายปี โดยใหค้ วามสาคัญคะแนนระหว่างเรียนมากกวา่ คะแนนปลายปี 70 : 30 2. กาหนดเกณฑ์การตดั สนิ ผลการเรียน กาหนดเป็นระดับผลการเรียน 8 ระดบั วิธีกำรและเคร่ืองมือประเมิน 1. การประเมนิ ผลก่อนเรียน โดยใช้แบบทดสอบ แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์ 2. การประเมินระหวา่ งเรียน โดยใชแ้ บบทดสอบ ประเมินภาระงาน/ชนิ้ งาน แบบสังเกต พฤติกรรม แบบประเมินตนเอง แบบผ้ปู กครองประเมิน 3. การประเมินผลหลงั เรยี น โดยใช้แบบทดสอบ
๑๐๕ เกณฑ์กำรประเมิน การมีเกณฑ์ประเมนิ เป็นการสรา้ งแนวทางการวดั ท่ีเป็นระบบ ทาให้การวัด มีประสิทธิภาพ คือ 1. ผ้เู รยี นต้องมีเวลาเรยี นไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 80 ของเวลาเรยี นทงั้ หมด 2. เกณฑ์การผา่ นตวั ชีว้ ัด แต่ละมาตรฐาน และหน่วยการเรยี นรู้ เมือ่ ใชแ้ บบทดสอบใหบ้ ันทกึ เป็นคะแนน และ ผูเ้ รียนต้องไดร้ บั การประเมนิ ทกุ ตัวชี้วดั และผา่ นเกณฑ์การประเมิน รอ้ ยละ 70ของ ตัวช้วี ัดท้งั หมด 3 การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ กาหนดเป็นระดบั ผลการเรียน 8 ระดบั 80 - 100 คะแนน ระดับผลการเรียน 4 75 - 79 คะแนน ระดบั ผลการเรียน 3.5 70 - 74 คะแนน ระดับผลการเรยี น 3 65 - 69 คะแนน ระดบั ผลการเรยี น 2.5 60 - 64 คะแนน ระดับผลการเรยี น 2 55 - 59 คะแนน ระดบั ผลการเรียน 1.5 1 50 - 54 คะแนน ระดบั ผลการเรียน 0 0 - 49 คะแนน ระดับผลการเรียน การประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ในแต่ ละหน่วยการเรียนรู้ กาหนดเป็น 3 ( ดีเย่ียม ) หมายถงึ ผู้เรียนมคี ุณลกั ษณะพฤติกรรมตามตัวบ่งชร้ี อ้ ยละ 80-100 2( ด)ี หมายถึง ผเู้ รียนมีคณุ ลักษณะพฤติกรรมตามตวั บ่งช้รี ้อยละ 70-79 1( ผา่ น ) หมายถึง ผเู้ รียนมคี ุณลกั ษณะพฤตกิ รรมตามตวั บ่งชรี้ อ้ ยละ 50-69 0( ไม่ผ่าน ) หมายถงึ ผู้เรยี นมีคุณลักษณะพฤติกรรมตามตัวบ่งช้ีตา่ กวา่ ร้อยละ 50 การประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ในแตล่ ะหน่วยการเรยี นรู้ กาหนดเป็นคะแนน ร้อยละ 50 ผ่าน สือ่ และแหล่งกำรเรียนรู้ 1. แหลง่ เรียนร้ใู นบรเิ วณโรงเรียน 2. หอ้ งสมุด 3. มุมหนังสือในหอ้ งเรยี น 4.ศนู ยเ์ ครือขา่ ยพฒั นาการเรียนการสอนภาษาองั กฤษในโรงเรียน 5. หนังสอื พิมพภ์ าษาอังกฤษ 6. ส่ือเทคโนโลยี 7. หนงั สือเรียนภาษาอังกฤษ 8. สื่อและแหล่งเรยี นรู้อ่ืนๆ เชน่ สถานทที่ ่องเที่ยวในชมุ ชน
๑๐๖ ภำคผนวก
๑๐๗ เกณฑก์ ำรวดั และประเมินผล 1. กำรวัดผล เครอื่ งมอื เกณฑ์ วิธกี ำร แบบทดสอบ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระ ดั บ คุ ณ ภ าพ 2 ผ่ าน สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบคุ คล เกณฑ์ รายบคุ คล 2. กำรประเมินผล ประเด็นกำร 4 ระดบั คุณภำพ 1 ประเมิน (ดมี ำก) (ตอ้ งปรับปรุง) 32 (ด)ี (กำลังพัฒนำ) 1. เกณฑก์ าร ทาแบบฝกึ หัด/ ทาแบบฝึกหดั / ทาแบบฝกึ หดั / ทาแบบฝึกหดั / ประเมินการทา แบบฝึกทักษะได้ แบบฝึกทักษะได้ แบบฝกึ ทกั ษะได้ แบบฝึกทกั ษะได้ แบบฝกึ หัด/ อย่างถูกต้องร้อยละ อยา่ งถูกต้องร้อยละ อยา่ งถูกต้องร้อยละ อยา่ งถูกต้องต่ากวา่ แบบฝึกทกั ษะ 90 ขนึ้ ไป 80 - 89 60 - 79 ร้อยละ 60 2. เกณฑ์การ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ ประเมนิ ความ สัญลกั ษณท์ าง สญั ลกั ษณ์ทาง สัญลักษณ์ทาง สญั ลกั ษณ์ทาง สามารถในการ คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ สอ่ื สาร สอื่ สอ่ื สาร สือ่ สาร สอ่ื สาร สอ่ื สาร ความหมายทาง สอ่ื ความหมาย ส่อื ความหมาย สรปุ ผล สอ่ื ความหมาย สอื่ ความหมาย คณิตศาสตร์ สรปุ ผล และนาเสนอ และนาเสนอได้ถูกต้อง สรุปผล และนาเสนอ สรปุ ผล และ ได้อย่างถกู ตอ้ ง แตข่ าดรายละเอียดท่ี ได้ถูกต้องบางสว่ น นาเสนอไม่ได้ ชัดเจน สมบูรณ์ 3. เกณฑก์ าร ใช้ความรู้ทาง ใชค้ วามรู้ทาง ใชค้ วามรทู้ าง ใช้ความรทู้ าง ประเมินความ คณิตศาสตร์เป็น คณติ ศาสตร์เป็น คณิตศาสตร์เป็น คณติ ศาสตร์เป็น สามารถในการ เคร่ืองมือในการเรียนรู้ เคร่ืองมือในการ เครอ่ื งมือในการ เครือ่ งมือในการ เชอ่ื มโยง คณิตศาสตร์ เนื้อหาต่าง เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เรียนรู้คณิตศาสตร์ เรียนรู้คณิตศาสตร์ ๆ หรือศาสตร์อ่ืน ๆ เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรอื เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรือ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรอื และนาไปใชใ้ นชวี ติ จริง ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ ได้อย่างสอดคล้อง นาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ ได้ นาไปใช้ในชวี ิตจรงิ นาไปใช้ในชวี ิตจรงิ เหมาะสม บางสว่ น 4. เกณฑก์ าร รับฟังและให้เหตุผล รับฟงั และใหเ้ หตุผล รบั ฟงั และให้เหตผุ ล รบั ฟงั และให้เหตผุ ล ประเมนิ ความ สนบั สนนุ หรือโต้แยง้ สนบั สนุน หรอื โต้แยง้ สนับสนุน หรือโตแ้ ย้ง สนับสนุน หรือโตแ้ ยง้ สามารถในการ เพื่อนาไปสู่ การสรปุ เพอ่ื นาไปสู่ การสรุป แตไ่ มน่ าไปสู่การสรุป ไม่ได้ ใหเ้ หตผุ ล โดยมีข้อเท็จจริงทาง โดยมีขอ้ เท็จจริงทาง ทม่ี ขี ้อเทจ็ จริงทาง คณิตศาสตร์รองรับได้ คณิตศาสตร์รองรับได้ คณติ ศาสตร์รองรับ อยา่ งสมบรู ณ์ บางสว่ น 5. เกณฑ์การ ขยายแนวคดิ ที่มอี ยู่ ขยายแนวคิดท่ีมอี ยู่ ขยายแนวคิดที่มีอยู่ ขยายแนวคิดท่ีมีอยู่ ประเมนิ ความ เดิม หรอื สรา้ ง เดมิ หรือสร้าง เดิมได้ แตส่ รา้ ง เดมิ ไม่ได้ สร้าง
๑๐๘ ประเด็นกำร 4 ระดับคณุ ภำพ 1 ประเมิน (ดมี ำก) (ตอ้ งปรับปรุง) 32 แนวคดิ ใหมเ่ พ่ือ สามารถในการ แนวคิดใหม่เพ่ือ (ด)ี (กำลังพัฒนำ) ปรบั ปรุงพฒั นาองค์ คิดสรา้ งสรรค์ ปรบั ปรงุ พฒั นาองค์ ความรู้ไม่ได้ ความรู้ได้อย่าง แนวคดิ ใหมเ่ พื่อ แนวคิดใหม่เพือ่ 6. เกณฑก์ าร สมบูรณ์ ปรบั ปรงุ พฒั นาองค์ ปรบั ปรุงพัฒนาองค์ สมุดงาน ชิ้นงาน ประเมนิ การมี ความรู้ได้แตไ่ ม่ ความรู้ไม่ได้ ไม่ค่อยเรียบร้อย ระเบียบวนิ ัยใน สมุดงาน ชิ้นงาน สมบรู ณ์ ไมป่ ฏิบัตติ นอย่ใู น การทางาน สะอาดเรียบร้อย ข้อตกลงที่กาหนด ให้ ปฏิบัตติ นอย่ใู น สมุดงาน ช้ินงาน สมุดงาน ชน้ิ งาน ร่วมกัน ต้องอาศยั ข้อตกลงทก่ี าหนด ให้ สะอาดเรยี บร้อย สะอาดเรยี บร้อย การแนะนา ร่วมกันทุกคร้ัง ปฏิบัตติ นอยู่ใน ปฏบิ ตั ติ นอยูใ่ น ขอ้ ตกลงทกี่ าหนด ให้ ขอ้ ตกลงที่กาหนด ให้ รว่ มกันเปน็ สว่ นใหญ่ ร่วมกันเปน็ บางคร้ัง แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล (ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์)
๑๐๙ ท่ี ชื่อ – สกลุ มีความสามารถใน มีความ มีความ มคี วาม รวม การส่อื สาร สือ่ สามารถในการ สามารถในการ สามารถในการ 16 ความหมายทาง คิดสร้างสรรค์ คะแนน คณติ ศาสตร์ เช่อื มโยง ให้เหตผุ ล 4321432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 ลงช่ือ.......................................................ผู้ประเมนิ (...................................................) ..................../.........................../.................. เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ = ปรับปรงุ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์กำรตัดสนิ คณุ ภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 13-16 ดมี าก 9-12 ดี 5-8 1-4 พอใช้ ปรบั ปรุง แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนรำยบุคคล
๑๑๐ (คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค)์ ที่ ชื่อ – สกลุ มรี ะเบยี บวินัยในการทางาน รวม 4 คะแนน 4321 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. ลงชอ่ื .......................................................ผูป้ ระเมิน (...................................................) ..................../.........................../.................. เกณฑก์ ำรให้คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ = ปรับปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์กำรตัดสนิ คุณภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 4 ดมี าก 3 ดี 2 1 พอใช้ ปรบั ปรุง
๑๑๑ แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลมุ่ กลมุ่ ที่.................................................. สมาชิกของกลมุ่ 1. ................................................................................................................... 2. .................................................................................................................. 3. .................................................................................................................. 4. .................................................................................................................. 5. .................................................................................................................. 6. .................................................................................................................. ลาดับ พฤติกรรม คุณภาพการปฏิบตั ิ ที่ 4 3 21 1 มีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเห็น 2 มีความกระตือรอื รน้ ในการทางาน 3 รบั ผิดชอบในงานที่ไดร้ ับมอบหมาย 4 มขี นั้ ตอนในการทางานอย่างเป็นระบบ 5 ใชเ้ วลาในการทางานอย่างเหมาะสม รวม ลงชือ่ .......................................................ผปู้ ระเมนิ (...................................................) ..................../.........................../.................. เกณฑก์ ำรให้คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ = ดมี าก ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ = ดี ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั = พอใช้ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ = ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ำรตัดสนิ คณุ ภำพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภำพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช้ 5-8 ปรบั ปรงุ
๑๑๒ คณะผู้จัดทา คณะทป่ี รึกษา ผอู้ านวยการโรงเรียนชุมชนบา้ นช่องมา้ เหลียว ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน โรงเรียน วา่ ท่ีร้อยตรี รังสฤษฎ์ สาริพฒั น์ ชุมชนบา้ นช่องมา้ เหลียว นายศุภประสงค์ อินทพฒั น์ คณะทางาน 1.นางจุฑารัตน์ โกมาลย์ ครู คศ.3 โรงเรียนชุมชนบา้ นช่องมา้ เหลียว 2. นางสมพร จานงค์ ครู คศ.3 โรงเรียนชุมชนบา้ นช่องมา้ เหลียว 3. นายสุทศั น์ หนูเล็ก 4. นางสาวประภาศรี สุเวช ครู คศ.2 โรงเรียนชุมชนบา้ นช่องมา้ เหลียว ครูผชู้ ่วย โรงเรียนชุมชนบา้ นช่องมา้ เหลียว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131