Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรคณิต-ป.1 ปรับ 62

หลักสูตรคณิต-ป.1 ปรับ 62

Published by lawan borisut, 2020-03-22 10:37:24

Description: หลักสูตรคณิต-ป.1 ปรับ 62

Search

Read the Text Version

รำ้ งรำยวิชำ เวลำ มสำระกำรเรียนรคู้ ณติ ศำสตร์ (ชว่ั โมง ) 01 ช้ันประถมศึกษำปีที่ 1 เวลำ 160 ชั่วโมง (5) สำระสำคญั  การบอกตาแหน่งของส่งิ ตา่ งๆอาจใช้คาข้างซ้าย ข้างขวาตรงกลางขา้ งบนขา้ งล่างข้างหน้าขา้ ง หลงั ถัดจากระหวา่ ง.....กบั ..... ต้งั แต่.....ถึง.....  การบอกอันดบั ท่ขี องสง่ิ ตา่ งๆอาจใชค้ าอันดับที่ คนท่ชี ัน้ ท่ี  การบอกตาแหน่งและอนั ดบั ที่ของสง่ิ ต่างๆทา ใหเ้ ข้าใจตรงกันวา่ อยู่ท่ใี ดหรอื กล่าวถึงสิง่ ใด  การจัดอนั ดบั ที่ขน้ึ อยกู่ ับเง่ือนไขหรือกตกิ าท่ี กาหนดเชน่ คะแนนมากทส่ี ุดไดอ้ ันดบั ที่ 1 รำ้ งรำยวชิ ำ

รำยวชิ ำพ้นื ฐำน กลุ่ม ช่ือรำยวิชำ คณติ ศำสตร์ 1 รหัสวิชำ ค 1110 บทที่ ชอื่ หน่วยกำรเรยี นรู้ มฐ / ตชว. สำระกำรเรีย 9 รปู เรขาคณิต ค 1.2 ป.1/1 ∙แบบรปู ซ้าของจานวน ค 2.2 ป.1/1 และรูปอ่นื ๆ ∙ลกั ษณะของทรงสเี่ หลยี่ ทรงกลม ทรงกระบอก ก ∙ ลักษณะของรูปสามเห รปู ส่ีเหล่ยี ม วงกลม และ

มสำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์ 01 ชัน้ ประถมศึกษำปีที่ 1 เวลำ 160 ช่ัวโมง ยนรู้ สำระสำคัญ เวลำ (ชว่ั โมง ) รปู เรขาคณิต  จาแนกทรงสีเ่ หลีย่ มมมุ ฉากทรงกลมทรงกระบอก และกรวย ( 12 ) ยมมมุ ฉาก กรวย  ส่ิงของรอบตวั เราท่ีมลี ักษณะคล้ายทรงสี่เหล่ียมมุม หลี่ยม ฉากทรงกลมทรงกระบอกและกรวย ะวงรี  จาแนกรปู สามเหลี่ยมรูปสเ่ี หลี่ยมวงกลมและวงรี  ลกั ษณะของรปู สามเหลยี่ มมี 3 ดา้ น 3 มมุ รปู สเ่ี หลีย่ มมี 4 ดา้ น 4 มมุ วงกลมและวงรไี ม่มีดา้ นไม่มี มมุ  การเขียนรูปสามเหลีย่ มรูปสเ่ี หลยี่ มวงกลมและวงรี โดยใช้แบบของรปู และใชส้ ิ่งของรอบๆตัวมาเป็น แบบ  แบบรปู ซา้ ของรปู เรขาคณิตและรูปอื่นๆ  การหารูปท่ีหายไปในแบบรปู ซ้าของรปู เรขาคณติ และรปู อื่นๆ  การสรา้ งแบบรปู ซ้าของรปู เรขาคณิตและรปู อ่ืนๆ  การนาไปใช้

โครงสร รำยวชิ ำพ้นื ฐำน กลุ่ม ช่อื รำยวิชำ คณติ ศำสตร์ 1 รหสั วิชำ ค 1110 บทที่ ช่อื หนว่ ยกำร มฐ / ตชว. สำระกำรเรียนรู้ เรยี นรู้ 10 จำนวนนับ 21 ค 1.1 ป.1/1 ∙ การนับทีละ 1 และทีละ 10 น ค 1.1 ป.1/2 ∙ การอ่านและการเขยี นตวั เลข น ถงึ 100 ค 1.1 ป.1/3 ฮนิ ดูอารบิก ตัวเลขไทยแสดง ค 1.2 ป.1/1 จานวน . ∙ การแสดงจานวนนบั ไมเ่ กนิ 20 . ในรูปความสมั พันธ์ของจานวน . แบบสว่ นย่อย -สว่ นรวม(Part - น Whole Relationship) ∙การบอกอันดบั ที่  ∙หลกั คา่ ของเลขโดดในแต่ละหลกั และการเขียนตวั เลขแสดงจานวน จ ในรูปกระจาย ก ∙การเปรยี บเทียบจานวนและการ 1 ใช้เครอ่ื งหมาย = ≠>< ∙การเรียงลาดับจานวน 1 2 เ ก จ ก อ ม ก น แ ล ต แ ล ต จ ล ล

รำ้ งรำยวิชำ เวลำ มสำระกำรเรียนรคู้ ณติ ศำสตร์ (ช่ัวโมง ) 01 ชั้นประถมศกึ ษำปีที่ 1 เวลำ 160 ช่ัวโมง ( 15 ) สำระสำคัญ นับได้ 1 สบิ เขียนเป็นตัวเลขฮินดูอารบกิ 10 ตวั เลขไทย๑๐ตัวหนงั สือสิบ นบั ได้ 2 สบิ เขยี นเป็นตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ 20 ตัวเลขไทย๒๐ตัวหนังสือยส่ี บิ . . . นับได้ 10 สบิ เขยี นเป็นตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ 100 ตวั เลขไทย๑๐๐ตัวหนงั สอื หนึง่ รอ้ ย 10 20 30 ... 100 เป็นจานวนนับที่เพิ่มขึน้ ทลี ะ 10 ตามลาดบั จานวนนับ 21 ถงึ 100 เปน็ จานวนนบั ที่เพิม่ ข้ึนทีละ 1 ตามลาดับ การเขียนแสดงจานวนสามารถเขียนเปน็ ตัวเลขฮินดูอารบิกตวั เลขไทยหรอื ตัวหนังสอื 10 11 ... 99 เปน็ จานวนสองหลกั ถา้ เลขโดด 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 อยใู่ นหลักหนว่ ยมีค่าเป็น 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ตามลาดับและถ้าเลขโดด 1 2 3 4 5 6 7 8 9 อยู่ในหลักสิบมีค่าเปน็ 10 20 30 40 50 60 70 80 90 ตามลาดับ 100 เปน็ จานวนสามหลกั เลขโดด 1 อยใู่ นหลักรอ้ ยมีค่า เปน็ 100 การเขียนตวั เลขแสดงจานวนในรปู กระจาย เป็นการเขยี นในรปู การบวกค่าของเลขโดดในหลกั ตา่ งๆของ จานวนนัน้ การเปรยี บเทียบจานวนสองจานวนถ้าจานวนหลกั ไมเ่ ท่ากันจานวนทีม่ ีจานวนหลักมากกว่าจะมากกว่า อกี จานวนหน่ึงถา้ จานวนหลกั เท่ากันใหพ้ จิ ารณาเลขโดดในหลกั สิบก่อนเลขโดดในหลกั สิบของจานวนใด มากกวา่ จานวนน้ันจะมากกวา่ ถา้ เลขโดดในหลักสบิ เท่ากนั ให้พจิ ารณาเลขโดดในหลกั หน่วย การเรยี งลาดับจานวนจากมากไปน้อยหรือจากนอ้ ยไปมากอาจทาไดโ้ ดยพิจารณาจานวนที่มากทส่ี ดุ และ น้อยที่สุดกอ่ นจากนน้ั นาจานวนท่เี หลือมาเปรียบเทียบกนั แล้วนาจานวนมาเรียงตามลาดับ แบบรปู ของจานวนทีเ่ พ่มิ ข้ึนทีละ 1 ทีละ 10 เป็นชดุ ของจานวนท่มี ีความสมั พันธ์กันอย่างตอ่ เนือ่ งใน ลักษณะของการเพ่ิมขึน้ ทลี ะ 1 ทีละ 10 เช่น 10 11 12 13 14 หรอื 10 20 30 40 50 ตามลาดับ แบบรูปของจานวนท่ีลดลงทลี ะ 1 ทีละ 10 เปน็ ชุดของจานวนท่ีมีความสัมพันธก์ ันอย่างตอ่ เน่ืองใน ลกั ษณะของการลดลงทีละ 1 ทีละ 10 เชน่ 30 29 28 27 26 95 หรือ 85 75 65 55 ตามลาดบั จากตารางร้อยจานวนจากซา้ ยไปขวาเปน็ จานวนทีเ่ พิ่มขึน้ ทีละ 1 จานวนจากขวาไปซา้ ยเป็นจานวนที่ ลดลงทีละ 1 จานวนจากบนลงล่างเป็นจานวนที่เพ่ิมขนึ้ ทลี ะ 10 จานวนจากล่างขึน้ บนเป็นจานวนที่ ลดลงทีละ 10

โครงสร รำยวชิ ำพน้ื ฐำน กลุ่ม ช่อื รำยวิชำ คณติ ศำสตร์ 1 รหัสวิชำ ค 1110 บทท่ี ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ มฐ / ตชว. สำระกำรเรยี 11 กำรวดั ควำมยำว ค 2.1 ป.1/1 ∙การวัดความยาวโดยใช ที่ไมใ่ ช่หน่วยมาตรฐาน ∙การวัดความยาวเปน็ เซ เป็นเมตร ∙การเปรยี บเทียบความย เปน็ เซนติเมตร เปน็ เมต ∙การแกโ้ จทย์ปัญหาการ การลบเกีย่ วกบั ความยา หนว่ ยเป็นเซนติเมตร เป

รำ้ งรำยวิชำ มสำระกำรเรยี นรูค้ ณิตศำสตร์ 01 ชน้ั ประถมศกึ ษำปีที่ 1 เวลำ 160 ช่ัวโมง ยนรู้ สำระสำคัญ เวลำ (ชว่ั โมง ) ชห้ น่วย ยาวกว่าส้ันกวา่ สงู กว่าเตีย้ กวา่ เทา่ กนั ยาวท่สี ุดส้นั ท่ีสุด สูงทส่ี ดุ เตี้ยทีส่ ุดเปน็ คาทีใ่ ช้ในการเปรยี บเทียบความ ( 11) ซนตเิ มตร ยาวของสิ่งต่างๆ การเปรยี บเทียบความยาวตอ้ งวางใหป้ ลายข้างหนงึ่ ยาว เสมอกันแลว้ ดูทป่ี ลายอีกข้างหนึ่ง ตร รบวก เซนติเมตรเมตรเป็นหนว่ ยมาตรฐานท่ีใช้บอกความ าวทม่ี ี ยาวความสงู ของส่งิ ตา่ งๆ ปน็ เมตร การเปรียบเทียบความยาวสามารถทาได้โดยนาความ ยาวในหนว่ ยเดยี วกันมาเปรียบเทียบกัน การแกโ้ จทยป์ ญั หาสามารถทาได้โดยอา่ นและทา ความเขา้ ใจวางแผนวิธีคิดโดยอาจใช้การวาดภาพหา คาตอบและตรวจสอบความสมเหตสุ มผล

โครงสร รำยวิชำพนื้ ฐำน กลุ่ม ชอ่ื รำยวิชำ คณติ ศำสตร์ 1 รหสั วิชำ ค 1110 บทท่ี ชื่อหน่วยกำรเรยี นรู้ มฐ / ตชว. สำระกำรเรีย 12 กำรบวกจำนวนที่ ค 1.1 ป.1/4 ∙ความหมายของการบว ผลบวกไม่เกิน ค 1.1 ป.1/5 ความหมายของการลบ 100 การหาผลลบ และความ ของการบวกและการลบ ∙การแก้โจทย์ปญั หาการ ปญั หาการลบและการส ปัญหา พร้อมทง้ั หาคาต

รำ้ งรำยวชิ ำ มสำระกำรเรียนรคู้ ณติ ศำสตร์ 01 ช้ันประถมศกึ ษำปีท่ี 1 เวลำ 160 ชว่ั โมง ยนรู้ สำระสำคญั เวลำ (ช่ัวโมง ) วก  การบวกเปน็ การนับรวมจานวนส่งิ ตา่ งๆต้งั แต่สอง ( 10) การหาผลบวก กลุ่มข้ึนไป มสัมพันธ์  การบวกจานวนสองหลกั เมอื่ สลบั ที่กันผลบวกยงั คง บ เทา่ กนั รบวก โจทย์ สร้างโจทย์  การบวกจานวนทมี่ สี องหลักใช้วธิ บี วกจานวนทอี่ ยูใ่ น ตอบ หลกั เดยี วกนั เขา้ ด้วยกนั  วธิ กี ารบวกเพอ่ื ความรวดเรว็ ใชว้ ธิ กี ารนับต่อจาก จานวนท่มี ากกวา่

โครงสร รำยวิชำพื้นฐำน กลุ่ม ชอื่ รำยวชิ ำ คณิตศำสตร์ 1 รหสั วิชำ ค 1110 บทท่ี ชื่อหน่วยกำรเรยี นรู้ มฐ / ตชว. สำระกำรเรีย 13 กำรลบจำนวนท่ตี วั ค 1.1 ป.1/4 ∙ความหมายของการบว ต้งั ไมเ่ กิน 100 ค 1.1 ป.1/5 ความหมายของการลบ การหาผลลบ และความ ของการบวกและการลบ ∙การแก้โจทย์ปัญหาการ ปญั หาการลบและการส ปัญหา พรอ้ มทั้งหาคาต

รำ้ งรำยวชิ ำ มสำระกำรเรยี นร้คู ณิตศำสตร์ 01 ช้ันประถมศกึ ษำปีที่ 1 เวลำ 160 ชว่ั โมง ยนรู้ สำระสำคัญ เวลำ (ช่ัวโมง ) วก  สามารถหาผลลบของจานวนสองจานวนที่ตัวตัง้ การหาผลบวก มากกว่า 20 แตไ่ ม่เกิน 100 ไดห้ ลายวิธีเช่นการ ( 14 ) มสมั พันธ์ นบั ต่อการนับถอยหลังการเปรียบเทยี บแลว้ หาวา่ บ ตา่ งกันอยเู่ ทา่ ไรการเอาออกแล้วหาจานวนทเ่ี หลอื การใช้ความสัมพันธ์ของจานวนแบบส่วนย่อย- รบวก โจทย์ สว่ นรวมการตง้ั ลบเปน็ ตน้ ทัง้ น้ีในการตง้ั ลบจะลบใน สรา้ งโจทย์ หลักหน่วยกอ่ นและตอ้ งเขียนเลขโดดในหลัก ตอบ เดียวกันให้ตรงกันแล้วนาจานวนทีอ่ ยใู่ นหลกั เดยี วกนั มาลบกันซึ่งตวั ตง้ั ตอ้ งมากกว่าตัวลบหากตวั ต้งั น้อยกว่าตวั ลบต้องกระจายจากหลักสบิ มาหลัก หนว่ ยกอ่ น  สามารถหาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยค สัญลักษณ์การบวกและประโยคสญั ลกั ษณ์การลบ อาจใชค้ วามสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบในการ แปลงประโยคสญั ลกั ษณ์การบวกเปน็ ประโยค สญั ลักษณ์การลบเพื่อใหห้ าคาตอบงา่ ยข้ึนหรืออาจ แปลงประโยคสัญลกั ษณ์การลบเป็นประโยค สญั ลักษณ์การบวกเพือ่ ให้หาคาตอบง่ายขนึ้

โครงสร รำยวชิ ำพื้นฐำน กลุ่ม ชือ่ รำยวชิ ำ คณิตศำสตร์ 1 รหสั วิชำ ค 1110 บทที่ ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ มฐ / ตชว. สำระกำรเรีย 14 โจทย์ปญั หำกำร ค 1.1 ป.1/4 ∙ความหมายของการบว บวกและโจทย์ ค 1.1 ป.1/5 ความหมายของการลบ ปัญหำกำรลบ การหาผลลบ และความ ของการบวกและการลบ ∙การแก้โจทย์ปญั หาการ ปัญหาการลบและการส ปญั หา พรอ้ มทงั้ หาคาต

รำ้ งรำยวิชำ มสำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ 01 ชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี 1 เวลำ 160 ช่ัวโมง ยนรู้ สำระสำคัญ เวลำ (ชว่ั โมง ) วก  สถานการณห์ รือปญั หาท่หี าคาตอบไดด้ ้วยการบวก การหาผลบวก ( 16 ) มสัมพันธ์ หรือการลบมีหลากหลายลักษณะให้ทาความเข้าใจ บ วเิ คราะหแ์ ละหาคาตอบ รบวก โจทย์ สรา้ งโจทย์  การแกโ้ จทย์ปญั หาทาได้ โดยอ่านทาความเข้าใจ ตอบ ปัญหาวางแผนแกป้ ญั หาหาคาตอบและตรวจสอบ ความสมเหตสุ มผลของคาตอบ

๔๕ กำรออกแบบหน่วยกำรเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง จานวนนับ 1 ถึง 10 และ 0 ชื่อรายวชิ า คณิตศาสตรร์ หสั ค 11101 กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 14 ชว่ั โมง มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวน ผลทเ่ี กิดขึ้นจากการดาเนินการ สมบตั ิของการดาเนินการ และการนาไปใช้ ตัวช้วี ดั ค 1.1 ป.1/1 บอกจานวนของสิง่ ต่าง ๆ แสดงส่งิ ตา่ ง ๆ ตามจานวนทกี่ าหนด อ่านและเขยี น ตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทยแสดงจานวนนับไมเ่ กิน 100 และ 0 ค 1.1 ป.1/2 เปรยี บเทียบจานวนนับไมเ่ กนิ 100 และ 0 โดยใช้เคร่อื งหมาย = ≠ >< ค 1.1 ป.1/3 เรียงลาดับจานวนนบั ไม่เกิน 100 และ 0 ตงั้ แต่ 3 ถงึ 5 จานวน สำระสำคัญ 1. บอกจานวนของสง่ิ ตา่ ง ๆ ได้จากการนบั หนง่ึ สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สบิ 2. ถ้าไม่มีสง่ิ ของอยเู่ ลย ถอื วา่ มีจานวนเป็นศูนย์ 3. จานวน หนง่ึ สอง สาม ส่ี หา้ หก เจด็ แปด เก้า สบิ เปน็ จานวนนบั ที่เพิม่ ข้นึ ทลี ะ 1 4. ตัวเลขฮนิ ดูอารบิก 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ตัวเลขไทย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ตัวหนงั สือ หนงึ่ สอง สาม ส่ี ห้า หก เจ็ด แปด เกา้ สิบ เป็นสญั ลกั ษณ์ใช้เขยี นแสดงจานวน 5. ไม่เท่ากัน เท่ากัน มากกวา่ นอ้ ยกวา่ เปน็ คาท่ีใช้ในการเปรียบเทียบจานวน โดยอาจใชก้ าร จบั คู่ กันของส่ิงของท่ีจะนามาเปรยี บเทยี บกัน 6. การเรยี งลาดับจานวนจากมากไปน้อย หรือจากน้อยไปมากอาจทาได้โดยพิจารณาจานวนที่มาก ที่สุดและน้อยที่สุดก่อนแล้วนาจานวนท่ีเหลือมาเปรยี บเทยี บกัน 7. ความสมั พันธ์ของจานวนแบบส่วนย่อย – ส่วนรวม เปน็ การเขยี นแสดงจานวนที่เป็นสว่ นรวมใน รูปของจานวนสองจานวนทเี่ ป็นสว่ นยอ่ ย 8. บอกจานวนของสิ่งต่าง ๆ ไดโ้ ดยไมต่ ้องนบั

๔๖ เป้ำหมำยกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ - บอกจานวนสง่ิ ต่าง ๆ และแสดงสง่ิ ตา่ ง ๆ ตามจานวนที่กาหนด 1 ถึง 10 และ 0ฝึกนบั จานวน 1 - 10 เป็นภาษาในประเทศอาเซียน - อ่านและเขียนตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนงั สือ แสดงจานวนนับหนงึ่ ถงึ สิบ - เปรียบเทียบจานวนนับหนึ่งถึงสบิ - เรยี งลาดับจานวนนับ 1 ถึง 10 และ 0 ทักษะกระบวนกำร - มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร สือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ - มคี วามสามารถในเชอ่ื มโยงความร้ทู างคณิตศาสตร์ - มีความสามารถในการให้เหตุผลทางคณติ ศาสตร์ - มีความสามารถในการคดิ สรา้ งสรรค์ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - มคี วามสนใจใฝเ่ รยี นรู้ -มุ่งม่ันในการทางาน - สนใจเขา้ รว่ มกิจกรรม - มรี ะเบียบวินัยในการทางาน ช้นิ งำนหรอื ภำระงำน(หลกั ฐำน/รอ่ งรอย) - การเขียนและอา่ นตัวเลขแสดงจานวน 1 ถงึ 10 และ 0 - การเปรียบเทยี บจานวนไม่เกิน 100 และ 0 โดยใชเ้ ครื่องหมาย = ≠ >< -เรยี งลาดับจานวนนบั ไมเ่ กิน 100 และ 0 ตั้งแต่ 3 ถงึ 5 จานวน กำรวัดและประเมินภำระงำน ใช้เกณฑ์ มิตคิ ุณภาพ ( Rubrics ) ความถูกต้องของแบบฝกึ หัด รำยละเอียดของกำรประเมนิ ( Rubrics /แบบประเมนิ อื่นๆ)

๔๗ กำหนดกำรประเมินผล หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 จำนวนนับ 1 ถึง 10 และ 0 มำตรฐำน / ช้ินงำน / ภำระงำน วิธีกำรประเมิน เคร่อื งมอื / คำอธบิ ำย เกณฑ์ ตัวชวี้ ัด แบบผึกหัดทักษะ คณุ ภำพงำน 60 % ใชเ้ กณฑ์ มิตคิ ุณภาพ ค 1.1 ป.1/1 Rubric 1.ทาแบบฝกึ หดั / ค 1.1 ป.1/2 เกณฑ์การให้คะแนน ค 1.1 ป.1/3 รอ้ ยละ 90ขน้ึ ไป ดมี าก แบบฝึกทักษะได้อยา่ ง ร้อยละ 80 – 89 ดี ถูกต้อง รอ้ ยละ 60 – 79 พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤตกิ รรม ตา่ กวา่ ร้อยละ60 ปรบั ปรุง การทางานรายบุคคล

กำรออกแบบกิจกรรมกำรเรียนรู้ ๔๘ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี 1 จำนวนนบั 1 ถงึ 10 และ 0 เวลำ 14ช่วั โมง ช้ินงำน / ภำระงำน กจิ กรรม เวลำ 14 -การเขียนและอา่ นตัวเลขแสดง กิจกรรมนำสกู่ ำรเรียน จานวน 1ถงึ 10 และ 0 - สนทนาเก่ยี วกับการนาความร้เู รื่องการนับไปใช้ในการบอก จานวนของสง่ิ ของต่างๆเพือ่ นาเขา้ สู่บทเรียน - การเปรียบเทยี บจานวนไม่เกิน - เพลง เกม 100 และ 0 โดยใชเ้ ครอ่ื งหมาย กจิ กรรมพัฒนำ = ≠ >< 1. แบบฝึกการจานวนนบั 1 ถึง 10 และ 0 - เรียงลาดบั จานวนนับไม่เกนิ - ออกเสียงจานวนนบั 1 ถึง 10 และ 0ฝกึ นับจานวน 1 - 100 และ 0 ตัง้ แต่ 3 ถึง 5 10 เปน็ ภาษาในประเทศอาเซยี น จานวน - ฝึกเขยี นจานวนนบั 1 ถึง 10 และ 0 - บอกจานวน 1 ถึง 10 - ฝึกเปรียบเทยี บจานวนไม่เกิน 100 และ 0 โดยใช้ โดยไมต่ อ้ งนับ เคร่อื งหมาย = ≠ >< - การเรยี งลาดบั จานวนนับไม่เกิน 100 และ 0 ตัง้ แต่ 3 ถงึ 5 จานวน 2.แบบทดสอบจานวนนับ 1 ถงึ 10 และ 0 - โยงภาพกับจานวนนบั 1 ถึง 10 และ 0 - แบบทดสอบการอา่ นและเขยี นตวั เลขฮินดูอารบกิ ตัวเลข ไทย ตัวหนังสือ ของจานวนนับ 1 ถงึ 10 และ 0 - แบบทดสอบการเปรียบเทียบจานวนไม่เกิน 100 และ 0 โดยใช้เคร่ืองหมาย = ≠ >< - แบบทดสอบการเรยี งลาดับจานวนนับไม่เกนิ 100 และ 0 ตัง้ แต่ 3 ถงึ 5 จานวน กิจกรรมรวบยอด ( กำรประยกุ ตค์ วำมรูไ้ ปใช้ ) - บอกจานวน 1 ถึง 10 โดยไมต่ ้องนบั และ สามารถฝึกนบั จานวน 1 - 10 เปน็ ภาษา ในประเทศอาเซียน

๔๙ กำรออกแบบหน่วยกำรเรียนรู้ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เร่ือง การบวกจานวนสองจานวนที่มีผลบวกไมเ่ กนิ 10 ช่อื รายวิชา คณติ ศาสตร์ รหสั ค 11101 กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1 เวลา 11 ช่ัวโมง มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวน ผลท่ีเกดิ ขึ้นจากการดาเนินการ สมบัติของการดาเนินการ และการนาไปใช้ ตัวชีว้ ดั ค 1.1 ป.1/4หาค่าของตวั ไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวกและประโยคสญั ลกั ษณ์ แสดงการลบของจานวนนับไม่เกิน 100 และ 0 ค 1.1 ป.1/5 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบของจานวนนบั ไม่เกิน 100 และ 0 สำระสำคญั 1. จานวนสองจานวนรวมกันหาจานวนทั้งหมดได้ดว้ ยการนบั เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลักษณก์ ารบวกได้ เชน่ 1 + 2 = 3 2. การหาผลบวกทาไดห้ ลายวิธไี ดแ้ ก่การวาดรูป 3. จานวนใดบวกกับ 0 ผลบวกจะเทา่ กบั จานวนน้นั 4. จานวนเดียวกันบวกกนั และมผี ลบวกไม่เกิน 10 ได้แก่ 1+1 = 2, 2+2 = 4, 3+3 = 6, 4+4 = 8, 5+5 = 10 5. จานวนแสดงจานวนทบี่ วกกนั ได้ 10 ไดแ้ ก่ 1 กบั 9, 2 กับ 8, 3 กบั 7, 4 กับ 6, 5 กบั 5, 6 กับ 4, 7 กบั 3, 8 กับ 2, 9 กับ 1, 10 กบั 0, 0 กับ 10 6. ความสัมพนั ธแ์ บบสว่ นยอ่ ย – ส่วนรวมกับการบวกจานวนสองจานวนบวกกันสามารถสลบั ท่ีกันได้ เนอื่ งจากผลบวกเทา่ กนั 7. เร่อื งราวท่แี สดงให้เหน็ ถงึ การนาจานวนมารวมกันเปน็ สถานการณ์การบวก 8. การแกป้ ัญหาทาได้โดยอ่านทาความเข้าใจปัญหาวางแผนซึง่ อาจใชก้ ารวาดภาพหาคาตอบและ ตรวจสอบความสมเหตสุ มผล

๕๐ เป้ำหมำยกำรเรียนรู้ ควำมรู้ - หาผลบวกในประโยคสัญลักษณ์การบวกของจานวนนับไมเ่ กิน 10 และ 0 - แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวกของจานวนนับไมเ่ กิน 10 และ 0 ทักษะกระบวนกำร - มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา - มีความสามารถในการสอ่ื สาร ส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ - มีความสามารถในเช่อื มโยงความรู้ทางคณิตศาสตร์ - มีความสามารถในการคดิ สรา้ งสรรค์ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ - มคี วามมุมานะในการทาความเข้าใจปัญหาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ - มีระเบยี บวินยั ในการทางาน ชนิ้ งำนหรือภำระงำน(หลกั ฐำน/รอ่ งรอย) งานประดิษฐ์ของนักคณติ น้อย กำรวัดและประเมนิ ภำระงำน ใชเ้ กณฑ์ มิติคุณภาพ ( Rubrics ) ความถูกต้องของใบงาน/แบบฝึกหัด รำยละเอยี ดของกำรประเมิน ( Rubrics /แบบประเมินอืน่ ๆ)

๕๑ กำหนดกำรประเมนิ ผล หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๒กำรบวกจำนวนสองจำนวนทมี่ ผี ลบวกไม่เกนิ 10 มำตรฐำน / ช้ินงำน / ภำระงำน วธิ กี ำรประเมิน เคร่ืองมือ / คำอธิบำย เกณฑ์ ตวั ชวี้ ดั คณุ ภำพงำน 60 % งานประดิษฐ์ของนัก ใชเ้ กณฑ์ มิติคุณภาพ ค 1.1 ป. 1/4 คณิตน้อย Rubric 1.ทาแบบฝึกหดั / ค 1.1 ป. 1/5 เกณฑ์การให้คะแนน ร้อยละ 90ข้นึ ไป ดมี าก แบบฝึกทกั ษะได้อยา่ ง รอ้ ยละ 80 – 89 ดี ถูกต้อง รอ้ ยละ 60 – 79 พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรม ตา่ กว่าร้อยละ60 ปรบั ปรงุ การทางานรายบคุ คล 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานกลุม่

๕๒ กำรออกแบบกจิ กรรมกำรเรียนรู้ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี 2กำรบวกจำนวนสองจำนวนทม่ี ีผลบวกไมเ่ กนิ 10 เวลำ 11ชว่ั โมง ช้นิ งำน / ภำระงำน กจิ กรรม เวลำ งานประดษิ ฐ์ของนักคณิตนอ้ ย กิจกรรมนำสูก่ ำรเรียน 11 - จดั ประสบการณห์ น่วยการเรยี นโรงเรียนของเราน่าอยู่ สามารถบูรณำกำรกบั สาระการเรียนรูส้ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรอ่ื งสมำชกิ ที่ดีของครอบครัวและโรงเรียน ครพู านักเรียนสารวจบรเิ วณโรงเรียน แนะนา อาคารสถานทตี่ ่างๆ สนทนาเกี่ยวกับโรงเรียนทนี่ า่ อยโู่ ดยใช้ คาถามเพื่อนาเขา้ สู่บทเรียน -ทบทวนความรเู้ ดมิ เรื่องจานวนนับไมเ่ กนิ 10 และปูพ้นื ฐาน เรื่องผลรวม - เพลง เกม กจิ กรรมพัฒนำ 1. แบบฝกึ การบวกจานวนท่ีมีผลบวกไม่เกนิ 10 - หาผลบวกในประโยคสญั ลกั ษณก์ ารบวกของจานวนนับ ไมเ่ กิน 10 และ 0 - แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก ของจานวนนบั ไม่เกิน 10 และ 0 2.แบบทดสอบการบวกจานวนทีม่ ีผลบวกไมเ่ กนิ 10-การหา ค่าของตวั ไม่ทราบคา่ ในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวกของ จานวนนบั ไมเ่ กิน 10 และ 0 -การแสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หาการบวก ของจานวนนบั ไม่เกนิ 10 และ 0 กิจกรรมรวบยอด ( กำรประยกุ ต์ควำมรู้ไปใช้ ) - กิจกรรมงานประดษิ ฐข์ องนักคณิตน้อยเป็นการนาวัสดุทีไ่ ม่ ใชแ้ ล้ว กลบั มาใช้อกี ครั้งโดยประดษิ ฐ์ของเล่นของใช้ หรอื ของ ตกแต่งบา้ น - นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปโรงเรียนของเราน่าอยู่เพราะทุก คนร่วมมือกนั รักษาความสะอาด มรี ะเบียบวินยั หากพบขยะหรือมขี ยะท่ีไม่ใชแ้ ลว้ ตอ้ งรู้จกั แยกขยะและนาไป ทงิ้ ในถงั ขยะใหถ้ ูกถัง

๕๓ กำรออกแบบหนว่ ยกำรเรยี นรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 เรื่อง การลบจานวนสองจานวนท่ตี ัวตั้งไมเ่ กิน 10 ชอื่ รายวิชา คณติ ศาสตร์ รหัส ค 11101 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 11 ช่วั โมง มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวน ผลที่เกิดข้ึนจากการดาเนินการ สมบตั ขิ องการดาเนนิ การ และการนาไปใช้ ตัวชี้วัด ค 1.1 ป.1/4 หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวกและประโยคสญั ลกั ษณ์ แสดงการลบของจานวนนบั ไม่เกิน 100 และ 0 ค 1.1 ป.1/5 แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบของจานวนนบั ไมเ่ กนิ 100 และ 0 สำระสำคัญ 1.การหาผลลบโดยการเอาออก 8 เอาออก 3 เหลอื 5 เขยี นเป็นประโยคสัญลกั ษณ์ 8 – 3 = 5 อ่านวา่ แปดลบด้วยสามเท่ากับห้า 8 เปน็ ตัวตง้ั 3 เปน็ ตัวลบ 5 เป็นผลลบ 2. “ – ” เรียกวา่ เคร่ืองหมายลบและ “ = ” เรียกวา่ เครื่องหมายเทา่ กับ 3. การนาจานวนหนึ่งออกจากจานวนทัง้ หมดสามารถหาจานวนที่เหลือดว้ ยการลบโดยจานวน ทั้งหมดเปน็ ตวั ตง้ั จานวนทเี่ อาออกเป็นตัวลบจานวนทเี่ หลอื เปน็ ผลลบ 4. การเปรยี บเทียบจานวนสองจานวนว่ามากกว่ากนั หรือนอ้ ยกว่ากันเท่าไรทาไดด้ ้วยการลบโดย จานวนท่ีมากกวา่ เป็นตัวตั้งจานวนที่น้อยกว่าเปน็ ตวั ลบ 5. เม่ือรจู้ านวนท้ังหมดที่เป็นการรวมของจานวนสองจานวน (สว่ นรวม) และร้จู านวนหน่งึ ในสอง จานวน (ส่วนย่อย) เราสามารถหาอีกจานวนหน่งึ ได้ดว้ ยการลบโดยจานวนทัง้ หมดเป็นตัวต้งั 6. จานวนใดลบดว้ ยศูนย์ไดผ้ ลลบเทา่ กบั จานวนน้นั 8. ผลบวกของสองจานวนลบดว้ ยจานวนใดจานวนหนึง่ ในสองจานวนน้ันจะได้ผลลบเทา่ กบั จานวนท่ี เหลือเช่น 2 + 5 = 7 , 7 – 5 = 2 9. สามารถใช้ความสัมพันธข์ องการบวกและการลบในการหาคา่ ตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์ การบวกและประโยคสัญลกั ษณก์ ารลบ

๕๔ 10. สถานการณ์ต่อไปนี้เป็นสถานการณ์การลบ 1. แสดงการเอาออกเพ่อื หาจานวนท่เี หลอื 2. แสดงการเปรียบเทียบเพื่อหาวา่ มากกว่าหรือน้อยกว่ากันอยู่เทา่ ไร 3. แสดงการหาจานวนหนึ่งเมื่อรู้อกี จานวนหน่ึงและจานวนทั้งหมด 11. การแก้ปญั หาทาได้โดยอ่านทาความเข้าใจปญั หาวางแผนวธิ ีคิดซง่ึ อาจใชก้ ารวาดภาพหาคาตอบ และตรวจสอบความสมเหตุสมผล 12. การสร้างโจทย์ปัญหามีส่วนท่โี จทยบ์ อกและสว่ นที่โจทย์ถาม เปำ้ หมำยกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ - หาผลลบในประโยคสัญลักษณ์การลบของจานวนนบั ไมเ่ กิน 10 และ 0 - ใชค้ วามสัมพันธ์ของการบวกและการลบ ช่วยในการหาคา่ ของตวั ไม่ทราบคา่ ในประโยค สญั ลักษณ์การบวกและประโยคสัญลักษณ์การลบของจานวนนบั ไม่เกนิ 10 และ 0 - แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาการลบของจานวนนับไม่เกิน 10 และ 0 ทกั ษะกระบวนกำร - มีความสามารถในการแกป้ ัญหา - มคี วามสามารถในการส่อื สาร สอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ - มีความสามารถในเชอื่ มโยงความรู้ทางคณติ ศาสตร์ - มีความสามารถในการใหเ้ หตุผล - มคี วามสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - มีความมุมานะในการทาความเข้าใจปัญหาและแก้ปญั หาทางคณติ ศาสตร์ - มีระเบียบวินยั ในการทางาน ชิ้นงำนหรอื ภำระงำน(หลกั ฐำน/รอ่ งรอย) สมุดเลม่ เล็กการสร้างโจทย์ปัญหาการลบจากประโยคสัญลักษณ์ กำรวดั และประเมินภำระงำน ใชเ้ กณฑ์ มิตคิ ุณภาพ ( Rubrics ) ความถกู ต้องของใบงาน/แบบฝึกหดั รำยละเอียดของกำรประเมนิ ( Rubrics /แบบประเมนิ อ่นื ๆ)

๕๕ กำหนดกำรประเมินผล หน่วยกำรเรียนรู้ที่ การลบจานวนสองจานวนทีต่ ัวตงั้ ไม่เกนิ 10 มำตรฐำน / ช้ินงำน / ภำระงำน วิธีกำรประเมนิ เคร่อื งมือ / คำอธบิ ำย เกณฑ์ ตัวช้ีวัด คณุ ภำพงำน 60 % สมุดเล่มเลก็ การสร้าง ใชเ้ กณฑ์ มิตคิ ณุ ภาพ ค 1.1 ป. 1/4 โจทย์ปัญหาการลบจาก Rubric 1.ทาแบบฝึกหดั / ค 1.1 ป. 1/5 ประโยคสญั ลกั ษณ์ เกณฑ์การให้คะแนน ร้อยละ 90ขนึ้ ไป ดีมาก แบบฝึกทักษะได้อยา่ ง รอ้ ยละ 80 – 89 ดี ถกู ต้อง รอ้ ยละ 60 – 79 พอใช้ 2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ต่ากวา่ รอ้ ยละ60 ปรบั ปรุง การทางานรายบุคคล 3. แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกลมุ่

๕๖ กำรออกแบบกิจกรรมกำรเรียนรู้ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี 3กำรลบจำนวนสองจำนวนทีต่ วั ตั้งไมเ่ กนิ 10เวลำ 11ช่วั โมง ชนิ้ งำน / ภำระงำน กจิ กรรม เวลำ กิจกรรมนำส่กู ำรเรียน 11 สมุดเลม่ เล็กการสรา้ งโจทยป์ ัญหา -ทบทวนและตรวจสอบความร้เู กีย่ วกบั ความสมั พันธข์ อง การลบจากประโยคสัญลกั ษณ์ จานวนแบบสว่ นยอ่ ย-สว่ นรวม - เพลง เกม กจิ กรรมพฒั นำ 1. แบบฝกึ การลบจานวนสองจานวนท่ตี วั ตง้ั ไมเ่ กิน 10 - หาผลลบในประโยคสญั ลักษณ์การลบของจานวนนับไม่เกิน 10 และ 0 - ใชค้ วามสมั พนั ธ์ของการบวกและการลบ ชว่ ยในการหาค่า ของตัวไมท่ ราบคา่ ในประโยคสัญลักษณ์การบวกและประโยค สัญลักษณ์การลบของจานวนนับไมเ่ กนิ 10 และ 0 - แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหาการลบของจานวนนับไม่ เกิน 10 และ 0 2.แบบทดสอบการลบจานวนสองจานวนที่ตวั ต้ังไม่เกนิ 10 -การหาผลลบในประโยคสัญลักษณ์การลบของจานวนนบั ไม่ เกนิ 10 และ 0-การแสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หาการ บวก - ใช้ความสมั พนั ธ์ของการบวกและการลบ ชว่ ยในการหาค่า ของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณ์การบวกและประโยค สัญลักษณ์การลบของจานวนนับไม่เกิน 10 และ 0 - แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปญั หาการลบของจานวนนบั ไม่ เกิน 10 และ 0 กิจกรรมรวบยอด ( กำรประยกุ ตค์ วำมรู้ไปใช้ ) - สมุดเล่มเลก็ การสรา้ งโจทย์ปัญหาการลบจากประโยค สญั ลกั ษณ์

๕๗ กำรออกแบบหนว่ ยกำรเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง จานวนนบั 11 ถงึ 20 ชือ่ รายวิชา คณิตศาสตร์ รหัส ค 11101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ เวลา 9 ชว่ั โมง ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวน ผลที่เกิดขนึ้ จากการดาเนินการ สมบัตขิ องการดาเนินการ และการนาไปใช้ ตวั ช้ีวัด ค 1.1 ป.1/1 บอกจานวนของสง่ิ ต่าง ๆ แสดงสิง่ ต่าง ๆ ตามจานวนทกี่ าหนด อา่ นและเขียน ตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทยแสดงจานวนนบั ไมเ่ กนิ 100 และ 0 ค 1.1 ป.1/2 เปรยี บเทียบจานวนนับไมเ่ กนิ 100 และ 0 โดยใชเ้ ครือ่ งหมาย = ≠ >< ค 1.1 ป.1/3 เรียงลาดับจานวนนบั ไมเ่ กิน 100 และ 0 ตงั้ แต่ 3 ถึง 5 จานวน สำระสำคญั 1.บอกจานวนของสิ่งต่างๆได้จากการนับสบิ เอ็ด สบิ สอง สิบสามสบิ ส่ีสิบห้า สบิ หกสบิ เจ็ดสิบแปดสบิ เก้ายส่ี บิ 2. จานวนสิบเอด็ สบิ สองสบิ สามสิบสส่ี ิบหา้ สิบหกสิบเจ็ด สบิ แปดสิบเก้า ยี่สิบ 3. ความสมั พันธข์ องจานวนแบบส่วนยอ่ ย–ส่วนรวมเป็นการเขยี นแสดงจานวนท่ีเปน็ สว่ นรวมในรปู ของจานวนสองจานวนทีเ่ ป็นสว่ นย่อย 4. ตัวเลขฮินดูอารบิก11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ตัวเลขไทย๑๑๑๒๑๓๑๔๑๕๑๖๑๗๑๘๑๙๒๐ ตวั หนังสอื สบิ เอ็ดสิบสองสิบสามสิบส่ีสิบหา้ สบิ หกสบิ เจด็ สบิ แปดสิบเกา้ ย่สี ิบ เปน็ สัญลกั ษณ์ใช้เขยี นแสดงจานวน 5. ไม่เทา่ กนั เท่ากันมากกวา่ นอ้ ยกวา่ เปน็ คาทใี่ ชใ้ นการเปรียบเทียบจานวนโดยอาจใชก้ ารจับคู่กันของ ส่งิ ของทีจ่ ะนามาเปรยี บเทยี บ 6. การเรยี งลาดับจานวนจากมากไปน้อยหรอื จากน้อยไปมาก อาจทาได้โดยพิจารณาจานวนทม่ี าก ทสี่ ดุ และน้อยท่สี ดุ ก่อน แล้วนาจานวนท่เี หลือเปรียบเทยี บกัน เปำ้ หมำยกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ - นบั จานวน 10 ถึง 20 ได้ - อา่ นและเขยี นตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตัวเลขไทยตวั หนังสือแสดงจานวนนบั 10 ถงึ 20 - เปรยี บเทยี บและเรียงลาดับจานวน 10 ถงึ 20

๕๘ ทกั ษะกระบวนกำร - มคี วามสามารถในการส่ือสาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ - มีความสามารถในเช่ือมโยงความรู้ทางคณติ ศาสตร์ - มีความสามารถในการให้เหตุผล คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - มีระเบยี บวนิ ัยในการทางาน ช้ินงำนหรอื ภำระงำน(หลกั ฐำน/ร่องรอย) กจิ กรรมหมวกแสนสวย (นบั จานวน11-20 และบันทึก) กำรวัดและประเมนิ ภำระงำน ใช้เกณฑ์ มิติคุณภาพ ( Rubrics ) ความถูกต้องของใบงาน/แบบฝกึ หดั รำยละเอียดของกำรประเมนิ ( Rubrics /แบบประเมินอ่ืนๆ)

๕๙ กำหนดกำรประเมินผล หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ่ี จำนวนนับ 11 ถึง 20 มำตรฐำน / ชน้ิ งำน / ภำระงำน วิธีกำรประเมิน เครอ่ื งมอื / คำอธบิ ำย เกณฑ์ ตวั ชีว้ ัด คุณภำพงำน 60 % กจิ กรรมหมวกแสนสวย ใช้เกณฑ์ มิติคณุ ภาพ ค 1.1 ป.1/1 (นับจานวน11-20 และ Rubric 1.ทาแบบฝกึ หดั / ค 1.1 ป.1/2 บันทึก) เกณฑ์การให้คะแนน ค 1.1 ป.1/3 แบบฝกึ ทักษะได้อย่าง รอ้ ยละ 90ขึน้ ไป ดมี าก ถูกต้อง รอ้ ยละ 80 – 89 ดี 2. แบบสงั เกตพฤติกรรม ร้อยละ 60 – 79 พอใช้ การทางานรายบุคคล ตา่ กว่ารอ้ ยละ60 ปรบั ปรงุ 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานกล่มุ

๖๐ กำรออกแบบกจิ กรรมกำรเรียนรู้ เวลำ 9ช่วั โมง หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ 4 จำนวนนับ 11 ถึง 20 ชน้ิ งำน / ภำระงำน กจิ กรรม เวลำ กิจกรรมนำสูก่ ำรเรียน 9 กจิ กรรมหมวกแสนสวย (นบั -ใช้ขอ้ มลู ในหนงั สือเรียนหนา้ เปดิ บท เพื่อกระตนุ้ ความสนใจ จานวน11-20 และบันทึก) เกยี่ วกบั การนับจานวนของสง่ิ ตา่ ง ๆ - เพลง เกม กจิ กรรมพฒั นำ 1. แบบฝกึ จานวนนับ 11 ถึง 20 - นบั จานวน 10 ถงึ 20 ได้ - อา่ นและเขยี นตัวเลขฮนิ ดูอารบิกตวั เลขไทยตวั หนังสือ แสดงจานวนนับ 10 ถึง 20 - เปรียบเทยี บและเรียงลาดบั จานวน 10 ถงึ 20 2.แบบทดสอบจานวนนบั 11 ถงึ 20 - การนับจานวน 10 ถงึ 20 ได้ - การอา่ นและเขยี นตวั เลขฮินดูอารบิกตวั เลขไทยตัวหนงั สือ แสดงจานวนนบั 10 ถึง 20 - การเปรียบเทยี บและเรียงลาดับจานวน 10 ถงึ 20 กจิ กรรมรวบยอด ( กำรประยกุ ต์ควำมรู้ไปใช้ ) -กจิ กรรมหมวกแสนสวย (นับจานวน11-20 และบันทกึ )

๖๑ กำรออกแบบหนว่ ยกำรเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 เร่อื ง การบวก การลบ จานวนนบั ไม่เกิน 20 ชื่อรายวิชา คณติ ศาสตร์ รหัส ค 11101 กล่มุ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 15 ชั่วโมง มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวน ผลที่เกิดขน้ึ จากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนินการ และการนาไปใช้ ตัวชี้วดั ค 1.1 ป.1/4 หาค่าของตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสัญลักษณแ์ สดงการบวกและประโยคสัญลกั ษณ์ แสดงการลบของจานวนนบั ไม่เกิน 100 และ 0 ค 1.1 ป.1/5 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบของจานวนนบั ไม่เกนิ 100 และ 0 สำระสำคญั 1.การบวกจานวนสองจานวน สามารถหาผลบวกโดยใช้การนบั ต่อ 2. การหาผลบวกโดยใช้การนับตอ่ ถ้านบั ต่อจากจานวนที่มากกวา่ จะทาให้หาผลบวกได้เร็วกว่า 3. การบวกจานวนสองจานวนสามารถหาผลบวกโดยใช้เส้นจานวน 4. การหาผลบวกของจานวนสองจานวนอาจใชผ้ ลบวกของจานวนเดยี วกันสองจานวนช่วยในการหา ผลบวก 5. การหาผลบวกของจานวนสองจานวนอาจใช้การทาให้ครบสิบ 6. การบวกจานวนสามจานวนจะบวกสองจานวนใดก่อนก็ไดแ้ ลว้ บวกจานวนทีเ่ หลือผลบวกเท่ากัน 7. ถา้ มสี องจานวนใดทีบ่ วกครบสบิ ใหบ้ วกสองจานวนนัน้ ก่อนแล้วบวกจานวนทเ่ี หลือ 8. เราสามารถหาผลลบโดยใชก้ ารวาดรปู 9. เราสามารถหาผลลบโดยใช้เสน้ จานวน 10. เราสามารถหาผลลบโดยใช้การนบั ตอ่ โดยนบั ต่อจากตัวลบไปถงึ ตัวตงั้ จานวนคร้งั ในการนับต่อ เป็นผลลบ 11. การลบจานวนสามจานวนสามารถนาตวั ต้งั ลบด้วยตวั ลบ 1 หรือตวั ลบ 2 ก่อนแลว้ ลบดว้ ยตวั ลบ ทเี่ หลือ 12. เราอาจใชก้ ารนบั ตอ่ หรือเส้นจานวนหรือความสัมพันธ์ของการบวกและการลบช่วยในการหาค่า ของตัวไมท่ ราบคา่ ในประโยคสัญลักษณ์การบวกและประโยคสัญลักษณ์การลบ 13. การแก้โจทยป์ ญั หาทาได้โดยอ่านทาความเขา้ ใจปัญหาวางแผนวิธีคิดซง่ึ อาจใช้การวาดรูปหา คาตอบและตรวจสอบความสมเหตุสมผล 14. การสรา้ งโจทย์ปัญหาต้องมที ั้งส่ิงท่ีโจทยบ์ อกและสิง่ ท่ีโจทยถ์ าม

๖๒ เป้ำหมำยกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ - หาผลบวกในประโยคสัญลกั ษณ์การบวกของจานวนนบั ไมเ่ กนิ 20 และ 0 - หาผลลบในประโยคสัญลกั ษณก์ ารลบของจานวนนบั ไมเ่ กิน 20 และ 0 - หาค่าของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณ์การบวกและประโยคสัญลกั ษณ์การลบของ จานวน - นับไม่เกิน 20 และ 0 - แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบของจานวนนบั ไมเ่ กิน 20 และ 0 ทักษะกระบวนกำร - มีความสามารถในการส่อื สาร ส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ - มคี วามสามารถในเชื่อมโยงความรทู้ างคณติ ศาสตร์ - มีความสามารถในการใหเ้ หตุผล - มีความสามารถในการคดิ สร้างสรรค์ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - มีระเบยี บวินัยในการทางาน - มีความมุมานะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแก้ปญั หาทางคณติ ศาสตร์ ช้ินงำนหรือภำระงำน(หลักฐำน/ร่องรอย) กิจกรรมรบั แลว้ แบง่ (ร่วมกนั คิดรว่ มกันทา จับคจู่ านวนทบ่ี วกกันได้ 20 ) กำรวดั และประเมนิ ภำระงำน ใชเ้ กณฑ์ มิตคิ ุณภาพ ( Rubrics ) ความถกู ต้องของใบงาน/แบบฝกึ หัด รำยละเอยี ดของกำรประเมิน ( Rubrics /แบบประเมินอนื่ ๆ)

๖๓ กำหนดกำรประเมนิ ผล หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ การบวก การลบ จานวนนับไมเ่ กิน 20 มำตรฐำน / ช้นิ งำน / ภำระงำน วธิ กี ำรประเมนิ เคร่อื งมือ / คำอธิบำย เกณฑ์ ตัวช้วี ัด คุณภำพงำน 60 % กิจกรรมรับแลว้ แบ่ง ใช้เกณฑ์ มิติคณุ ภาพ ค 1.1 ป.1/4 (ร่วมกันคดิ ร่วมกันทา Rubric 1.ทาแบบฝกึ หัด/ ค 1.1 ป.1/5 จบั คจู่ านวนทบี่ วกกันได้ เกณฑ์การให้คะแนน 20 ) ร้อยละ 90ขึ้นไป ดมี าก แบบฝกึ ทกั ษะได้อย่าง รอ้ ยละ 80 – 89 ดี ถกู ต้อง รอ้ ยละ 60 – 79 พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤตกิ รรม ต่ากวา่ รอ้ ยละ60 ปรบั ปรงุ การทางานรายบคุ คล 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานกลมุ่

๖๔ กำรออกแบบกิจกรรมกำรเรียนรู้ หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ 5กำรบวก กำรลบ จำนวนนบั ไมเ่ กิน 20 เวลำ 15ช่วั โมง ชนิ้ งำน / ภำระงำน กิจกรรม เวลำ 15 กจิ กรรมรบั แล้วแบง่ (ร่วมกันคิด กิจกรรมนำสู่กำรเรียน ร่วมกนั ทา จับคู่จานวนท่ีบวกกนั ได้ -ใชข้ ้อมลู ในหนังสือเรียนหน้าเปิดบท จาลองสถานการณ์ 20 ) วนั หยดุ ไปเขา้ คา่ ยวชิ าการ“ท่องแดนคณิตคิดบวกลบ” โดยเตรยี มบตั รตวั เลข บตั รการบวก บัตรการลบ หนบี ไว้กับ ราวเป็นค่แู ละมีบัตรท่ยี งั ไมไ่ ด้จดั วางกองรวมกัน -ให้นักเรียนได้เรยี นรู้จากของจรงิ เพือ่ นาเข้าสบู่ ทเรียน - เพลง เกม กจิ กรรมพฒั นำ 1. แบบฝึกการบวก การลบ จานวนนับไม่เกนิ 20 - หาผลบวกในประโยคสญั ลกั ษณก์ ารบวกของจานวนนับไม่ เกิน 20 และ 0 - หาผลลบในประโยคสญั ลกั ษณ์การลบของจานวนนบั ไม่เกิน 20 และ 0 - หาคา่ ของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณ์การบวกและ ประโยคสญั ลกั ษณ์การลบของจานวน - นบั ไมเ่ กิน 20 และ 0 - แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทย์ ปญั หาการลบของจานวนนับไม่เกนิ 20 และ 0 2.แบบทดสอบการบวก การลบ จานวนนับไมเ่ กนิ 20การ นบั จานวน 10 ถงึ 20 ได้ กิจกรรมรวบยอด ( กำรประยกุ ต์ควำมรู้ไปใช้ ) -กิจกรรมรับแล้วแบง่ (รว่ มกนั คดิ รว่ มกันทา จบั คู่จานวนท่บี วก กันได้ 20 )

๖๕ กำรออกแบบหนว่ ยกำรเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 เรอ่ื ง แผนภมู ริ ูปภาพ ช่ือรายวิชา คณิตศาสตร์ รหัส ค 11101 กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เวลา 5 ชั่วโมง ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐานค3.1เขา้ ใจกระบวนการทางสถิติและใชค้ วามรู้ทางสถิติในการแก้ปัญหา ตัวช้ีวดั ค 3.1 ป.1/1ใช้ขอ้ มูลจากแผนภมู ิรูปภาพในการหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเมื่อกาหนดรูป 1 รปู แทน 1 หน่วย สำระสำคัญ 1.แผนภูมิรูปภาพเป็นการใช้รูปภาพแสดงจานวนของสิง่ ต่างๆ 2. ส่วนทา้ ยของแผนภมู ิคือข้อกาหนดของแผนภมู ิรปู ภาพรูปภาพทแ่ี ทนสง่ิ เดยี วกันต้องเปน็ รปู ภาพที่ เหมอื นกนั และมีขนาดเทา่ กนั 3.รอยขีด| ใชใ้ นการบันทึกขอ้ มลู แล้วนาข้อมลู มาแสดงเปน็ แผนภมู ิรูปภาพโดยรปู ภาพ 1 รูปแทนรอย ขดี 1 ขดี เป้ำหมำยกำรเรียนรู้ ควำมรู้ - อา่ นและตอบคาถามจากแผนภูมริ ูปภาพเมอื่ กาหนดรปู 1 รปู แทน 1 หน่วยได้ ทักษะกระบวนกำร - มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา - มคี วามสามารถในการสื่อสาร สอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ - มคี วามสามารถในเชอ่ื มโยงความรู้ทางคณิตศาสตร์ - มคี วามสามารถในการใหเ้ หตุผล คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ - มีระเบยี บวนิ ัยในการทางาน - มีความมุมานะในการทาความเขา้ ใจปญั หาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ ช้นิ งำนหรือภำระงำน(หลกั ฐำน/รอ่ งรอย) กจิ กรรมรว่ มกันคิดรว่ มกันทา แผนภมู ริ ปู ภาพของเรา กำรวัดและประเมินภำระงำน ใช้เกณฑ์ มิตคิ ณุ ภาพ ( Rubrics ) ความถูกต้องของใบงาน/แบบฝึกหัด

๖๖ รำยละเอยี ดของกำรประเมิน ( Rubrics /แบบประเมนิ อ่ืนๆ)

๖๗ กำหนดกำรประเมนิ ผล หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ แผนภูมิรูปภำพ มำตรฐำน / ช้นิ งำน / ภำระงำน วธิ กี ำรประเมนิ เครอื่ งมือ / คำอธิบำย เกณฑ์ ตวั ชี้วัด คุณภำพงำน 60 % กิจกรรม ร่วมกันคิด ใชเ้ กณฑ์ มิตคิ ุณภาพ ค 3.1 ป.1/1 ร่วมกนั ทา แผนภูมิ Rubric 1.ทาแบบฝกึ หัด/ รปู ภาพของเรา เกณฑ์การให้คะแนน ร้อยละ 90ข้ึนไป ดีมาก แบบฝึกทักษะได้อย่าง รอ้ ยละ 80 – 89 ดี ถกู ต้อง ร้อยละ 60 – 79 พอใช้ 2. แบบสงั เกตพฤติกรรม ต่ากวา่ ร้อยละ60 ปรับปรุง การทางานรายบคุ คล 3. แบบสังเกตพฤติกรรม การทางานกลมุ่

๖๘ กำรออกแบบกิจกรรมกำรเรียนรู้ หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ่ี 6แผนภมู ริ ปู ภำพ เวลำ 5ชัว่ โมง ชิ้นงำน / ภำระงำน กิจกรรม เวลำ กจิ กรรมนำสกู่ ำรเรียน 5 กิจกรรม ร่วมกันคิดร่วมกันทา -ใชข้ อ้ มลู ในหนังสือเรียนหน้าเปดิ บท เพื่อกระตุน้ ให้นักเรยี น แผนภมู ิรปู ภาพของเรา เห็นความจาเป็นเกี่ยวกับการเก็บและรวบรวมข้อมลู และการนาเสนอข้อมลู ในรูปแผนภมู ริ ปู ภาพโดยใชค้ าถาม - เพลง เกม กจิ กรรมพฒั นำ 1. แบบฝกึ แผนภมู ิรปู ภาพ - อ่านและตอบคาถามจากแผนภมู ริ ูปภาพเม่อื กาหนดรปู 1 รปู แทน 1 หนว่ ยได้ 2.แบบทดสอบแผนภมู ริ ูปภาพ - นาเสนอแผนภมู กิ ล่มุ ของตนเองได้อย่างมเี หตผุ ล กจิ กรรมรวบยอด ( กำรประยุกต์ควำมรูไ้ ปใช้ ) -กิจกรรม รว่ มกนั คิดร่วมกนั ทา แผนภมู ิรปู ภาพของเรา

๖๙ กำรออกแบบหนว่ ยกำรเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง การวัดน้าหนกั ช่ือรายวชิ า คณติ ศาสตร์ รหัส ค 11101 กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 เวลา 10 ชั่วโมง มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐานค2.1เข้าใจพ้ืนฐานเกย่ี วกบั การวัดวัดและคาดคะเนขนาดของสงิ่ ท่ีต้องการวัด และนาไปใช้ ตวั ชีว้ ัด ค 2.1 ป.1/2วดั และเปรียบเทยี บน้าหนักเปน็ กิโลกรมั เป็นขดี สำระสำคัญ 1.ส่งิ ของสองสงิ่ ท่ีอยูบ่ นเคร่ืองชัง่ สองแขนอยา่ งง่ายสง่ิ ใดอยู่ในระดับตา่ กวา่ ส่ิงน้นั จะหนกั กวา่ หรอื ส่งิ ใด อย่ใู นระดับสูงกว่าส่งิ นั้นจะเบากวา่ และถ้าสิง่ ของสองสง่ิ นน้ั อยใู่ นระดับเดยี วกันสิง่ ของสองสง่ิ น้ันจะหนักเท่ากนั 2. การบอกน้าหนักของสง่ิ ของทาได้โดยการชงั่ ดว้ ยเครื่องชั่งสองแขนอยา่ งงา่ ยเราสามารถนาวตั ถทุ ่มี ี น้าหนกั เทา่ ๆกันเชน่ ลูกแก้วฝาขวดน้าบลอ็ กไม้มาเปน็ หน่วยในการบอกนา้ หนัก 3. การใชเ้ คร่อื งชัง่ สปริงเมื่อชั่งสง่ิ ของจะอ่านน้าหนกั โดยดูตัวเลขทเี่ ขม็ ชีก้ ่อนช่งั สิ่งของเข็มชี้น้าหนัก อยูท่ ่ตี ัวเลข 0 4. นา้ หนัก 1 กโิ ลกรมั เทา่ กบั 10 ขดี การบอกน้าหนกั ของส่ิงของต่างๆอาจบอกเปน็ ขีดหรือกโิ ลกรมั 5. การคาดคะเนนา้ หนกั ของส่ิงของต่างๆเปน็ การบอกนา้ หนกั โดยไม่ใช้เครื่องชงั่ แต่อาจบอกนา้ หนัก ได้โดยเทยี บกบั น้าหนกั 1 กโิ ลกรมั หรอื 2 กโิ ลกรัม 6. การเปรียบเทียบน้าหนักของสง่ิ 2 สง่ิ ทม่ี ีหน่วยเป็นกโิ ลกรัมเป็นการบอกวา่ สง่ิ ใดหนักเทา่ กันหนัก กว่าหรือเบากว่ากนั อยู่เท่าใด 7. การเปรยี บเทยี บนา้ หนกั ของสิ่ง 2 สิ่งทีม่ ีหน่วยเป็นขีดเป็นการบอกนา้ หนกั ทห่ี นักกวา่ เบากว่าหรอื เท่ากนั 8. การแก้ปัญหาทาได้โดยอ่านทาความเข้าใจปัญหาวางแผนแกป้ ัญหาซ่ึงอาจใช้การวาดภาพหา คาตอบและตรวจสอบความสมเหตสุ มผล เป้ำหมำยกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ - บอกไดว้ ่าสิง่ ใดหนกั กวา่ เบากว่าหนกั เท่ากนั หนักทสี่ ดุ เบาที่สุด - ชัง่ และบอกนา้ หนักเป็นกโิ ลกรมั เปน็ ขดี - เปรยี บเทยี บน้าหนกั เป็นกโิ ลกรัมเปน็ ขดี - แก้โจทยป์ ญั หาการบวกการลบเกี่ยวกบั น้าหนัก

๗๐ ทักษะกระบวนกำร - มีความสามารถในการแก้ปัญหา - มคี วามสามารถในการสื่อสาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ - มีความสามารถในเชอ่ื มโยงความร้ทู างคณติ ศาสตร์ - มีความสามารถในการให้เหตุผล คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - มรี ะเบยี บวนิ ยั ในการทางาน - มีความมุ่งม่นั ในการทางาน ชิน้ งำนหรือภำระงำน(หลักฐำน/ร่องรอย) กิจกรรม ร่วมกันคดิ ร่วมกันทา ซอื้ เอง ขายเอง กำรวดั และประเมินภำระงำน ใชเ้ กณฑ์ มิติคณุ ภาพ ( Rubrics ) ความถกู ต้องของใบงาน/แบบฝกึ หัด รำยละเอียดของกำรประเมนิ ( Rubrics /แบบประเมินอ่นื ๆ)

๗๑ กำหนดกำรประเมนิ ผล หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี กำรวัดน้ำหนัก มำตรฐำน / ช้ินงำน / ภำระงำน วธิ ีกำรประเมนิ เครื่องมอื / คำอธิบำย เกณฑ์ ตัวชวี้ ัด คณุ ภำพงำน 60 % กิจกรรม รว่ มกนั คิด ใชเ้ กณฑ์ มิติคุณภาพ ค 2.1 ป.1/2 รว่ มกนั ทา ซ้ือเอง ขาย Rubric 1.ทาแบบฝกึ หดั / เอง เกณฑ์การให้คะแนน รอ้ ยละ 90ขนึ้ ไป ดมี าก แบบฝึกทักษะได้อยา่ ง ร้อยละ 80 – 89 ดี ถกู ต้อง ร้อยละ 60 – 79 พอใช้ 2. แบบสงั เกตพฤติกรรม ตา่ กวา่ ร้อยละ60 ปรบั ปรงุ การทางานรายบุคคล 3. แบบสังเกตพฤติกรรม การทางานกลุ่ม

๗๒ กำรออกแบบกิจกรรมกำรเรียนรู้ หนว่ ยกำรเรียนรูท้ ี่ 7 กำรวัดน้ำหนกั เวลำ 10ช่วั โมง ช้นิ งำน / ภำระงำน กจิ กรรม เวลำ กจิ กรรมนำส่กู ำรเรียน 10 กจิ กรรม ร่วมกันคิดรว่ มกนั ทา ซ้ือ -ใช้หน้าเปดิ บทซึ่งเปน็ สนามเด็กเล่นทม่ี เี ครือ่ งเลน่ ชนดิ ต่าง ๆ เอง ขายเอง กระดานหกเปน็ เคร่ืองเลน่ ชนิดหนึ่งในชวี ติ ประจาวันที่นามาใช้ ในการเรียนการสอนเรื่องนา้ หนักได้ ครูใชค้ าถามกระต้นุ ความ สนใจแลว้ สนทนาเกี่ยวกับน้าหนักของนักเรียนน้าหนักของ ส่ิงของตา่ ง ๆ เพ่ือนาเข้าสู่“เตรียมควำมพรอ้ ม” - เพลง เกม กจิ กรรมพฒั นำ 1. แบบฝกึ การวดั น้าหนัก - บอกไดว้ า่ สง่ิ ใด หนักกว่า เบากว่า หนักเทา่ กนั หนักที่สดุ เบาทสี่ ุด -ชง่ั และบอกนา้ หนักเป็นกิโลกรัม เป็นขดี - เปรียบเทียบนา้ หนักเป็นกิโลกรมั เป็นขีด -แก้โจทย์ปญั หาการบวก โจทย์ปญั หาการลบเกยี่ วกับ นา้ หนัก 2.แบบทดสอบการวัดน้าหนัก กิจกรรมรวบยอด ( กำรประยุกต์ควำมรูไ้ ปใช้ ) -กจิ กรรม ร่วมกันคิดรว่ มกันทา ซอ้ื เอง ขายเอง

๗๓ กำรออกแบบหนว่ ยกำรเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 8 เรือ่ ง การบอกตาแหนง่ และอันดับท่ี ช่ือรายวิชา คณติ ศาสตร์ รหสั ค 11101 กลมุ่ สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 1 เวลา 5 ชว่ั โมง มำตรฐำนกำรเรียนรู้ - ตัวชวี้ ดั - สำระสำคัญ 1.การบอกตาแหน่งของสิง่ ต่างๆอาจใช้คาข้างซ้ายขา้ งขวาตรงกลางขา้ งบนขา้ งล่างข้างหน้าขา้ งหลงั ถดั จากระหวา่ ง.....กับ..... ต้งั แต่.....ถงึ ..... 2. การบอกอนั ดบั ที่ของส่ิงต่างๆอาจใช้คาอันดับท่คี นที่ชั้นที่ 3. การบอกตาแหนง่ และอนั ดับทีข่ องสงิ่ ตา่ งๆทาให้เข้าใจตรงกันว่าอยู่ท่ีใดหรอื กลา่ วถงึ สง่ิ ใด 4. การจดั อันดบั ท่ีขึน้ อยู่กับเงื่อนไขหรือกติกาทก่ี าหนดเชน่ คะแนนมากท่ีสุดได้อันดบั ที่ 1 เปำ้ หมำยกำรเรยี นรู้ ควำมรู้ - อธิบายตาแหนง่ ของสิง่ ตา่ งๆโดยใช้คาทใ่ี ชใ้ นการบอกตาแหน่งได้ - แสดงตาแหน่งของสง่ิ ต่างๆตามอนั ดับที่ท่กี าหนดได้ - นาความรไู้ ปใช้ได้ ทกั ษะกระบวนกำร - มีความสามารถในการแกป้ ัญหา - มคี วามสามารถในการสื่อสาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ - มคี วามสามารถในเชอ่ื มโยงความร้ทู างคณิตศาสตร์ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - มีความมุมานะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ (A) - มีระเบียบวนิ ัยในการทางาน (A)

๗๔ ชน้ิ งำนหรอื ภำระงำน(หลกั ฐำน/ร่องรอย) กจิ กรรม ร่วมกนั คดิ ร่วมกนั ทา เกม โยนลูกบอลกระดาษ กำรวัดและประเมนิ ภำระงำน ใช้เกณฑ์ มิตคิ ุณภาพ ( Rubrics ) ความถกู ต้องของใบงาน/แบบฝกึ หดั รำยละเอียดของกำรประเมิน ( Rubrics /แบบประเมินอน่ื ๆ)

๗๕ กำหนดกำรประเมนิ ผล หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 8 การบอกตาแหนง่ และอนั ดับที่ มำตรฐำน / ช้ินงำน / ภำระงำน วธิ กี ำรประเมิน เครอื่ งมือ / คำอธบิ ำย เกณฑ์ ตวั ช้ีวัด คณุ ภำพงำน 60 % กจิ กรรม รว่ มกนั คิด ใชเ้ กณฑ์ มิตคิ ณุ ภาพ - รว่ มกนั ทา เกม โยนลูก Rubric 1.ทาแบบฝึกหัด/ บอลกระดาษ เกณฑ์การให้คะแนน รอ้ ยละ 90ขึน้ ไป ดีมาก แบบฝกึ ทักษะได้อยา่ ง ร้อยละ 80 – 89 ดี ถกู ต้อง รอ้ ยละ 60 – 79 พอใช้ 2. แบบสงั เกตพฤติกรรม ตา่ กว่ารอ้ ยละ60 ปรบั ปรุง การทางานรายบคุ คล 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานกลมุ่

๗๖ กำรออกแบบกจิ กรรมกำรเรียนรู้ หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี 8การบอกตาแหนง่ และอนั ดบั ท่ี เวลำ 5ชว่ั โมง ชิน้ งำน / ภำระงำน กิจกรรม เวลำ 5 กจิ กรรม ร่วมกันคิดรว่ มกนั ทา เกม กจิ กรรมนำสกู่ ำรเรยี น โยนลูกบอลกระดาษ -ใชภ้ าพในหนงั สอื เรยี นหน้าเปดิ บท เพื่อกระต้นุ ความสนใจ เกีย่ วกับการบอกตาแหน่งและอันดับทโี่ ดยใช้คาถาม - เพลง เกม กิจกรรมพัฒนำ 1. แบบฝกึ การบอกตาแหนง่ และอนั ดบั ท่ี -อธบิ ายตาแหนง่ ของส่งิ ต่าง ๆ โดยใช้คาทีใ่ ช้ในการบอก ตาแหนง่ - แสดงตำแหนง่ ของสง่ิ ต่ำง ๆ ตำมอนั ดบั ทีท่ ี่กำหนด 2.แบบทดสอบการบอกตาแหนง่ และอันดบั ที่ กจิ กรรมรวบยอด ( กำรประยุกตค์ วำมรูไ้ ปใช้ ) -กิจกรรม รว่ มกันคิดร่วมกันทา เกม โยนลกู บอลกระดาษ

๗๗ กำรออกแบบหน่วยกำรเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 9 เร่อื ง รปู เรขาคณติ ชอื่ รายวชิ า คณิตศาสตร์ รหสั ค 11101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 เวลา 12 ชัว่ โมง มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.2 เขา้ ใจและวิเคราะห์แบบรปู ความสัมพันธ์ฟงั ก์ชนั ลาดบั และอนุกรม และนาไปใช้ มาตรฐาน ค 2.2เข้าใจและวเิ คราะหร์ ูปเรขาคณิต สมบัตขิ องรูปเรขาคณติ ความสัมพนั ธ์ระหว่างรปู เรขาคณติ และทฤษฎีบททางเรขาคณติ และนาไปใช้ ตัวชว้ี ดั ค 1.2 ป.1/1ระบุจานวนทห่ี ายไปในแบบรปู ของจานวนที่เพม่ิ ขึ้นหรือลดลงทลี ะ 1 และทีละ 10 และ ระบรุ ูปทห่ี ายไปในแบบรปู ซ้าของรูปเรขาคณิตและรูปอืน่ ๆที่สมาชิกในแต่ละชุดท่ี ซ้ามี 2 รูป ค 2.2 ป.1/1จาแนกรูปสามเหลี่ยมรูปสเ่ี หลี่ยมวงกลมวงรที รงส่ีเหลย่ี มมุมฉากทรงกลมทรงกระบอก และกรวย สำระสำคัญ 1.จาแนกทรงสเ่ี หลีย่ มมุมฉากทรงกลมทรงกระบอกและกรวย 2. ส่ิงของรอบตัวเราทมี่ ีลกั ษณะคลา้ ยทรงส่ีเหลย่ี มมมุ ฉากทรงกลมทรงกระบอกและกรวย 3. จาแนกรปู สามเหลี่ยมรปู ส่ีเหล่ยี มวงกลมและวงรี 4. ลกั ษณะของรปู สามเหล่ยี มมี 3 ดา้ น 3 มุมรูปสี่เหลีย่ มมี 4 ดา้ น 4 มุมวงกลมและวงรีไม่มดี า้ นไมม่ ี มุม 5. การเขยี นรูปสามเหลีย่ มรูปสเ่ี หล่ียมวงกลมและวงรีโดยใชแ้ บบของรูปและใช้ส่งิ ของรอบๆตัวมาเปน็ แบบ 6. แบบรูปซ้าของรูปเรขาคณิตและรปู อ่นื ๆ 7. การหารปู ที่หายไปในแบบรปู ซา้ ของรปู เรขาคณิตและรปู อืน่ ๆ 8. การสรา้ งแบบรูปซา้ ของรูปเรขาคณิตและรูปอ่นื ๆ 9. การนาไปใช้

๗๘ เป้ำหมำยกำรเรียนรู้ ควำมรู้ - จาแนกทรงสี่เหล่ียมมุมฉากทรงกลมทรงกระบอกและกรวยได้ - จาแนกรูปสามเหลีย่ มรปู ส่ีเหลี่ยมวงกลมและวงรีได้ - บอกลักษณะรูปสามเหล่ียมรูปสเ่ี หลีย่ มวงกลมและวงรีได้ - เขยี นรปู สามเหลย่ี มรูปสีเ่ หล่ยี มวงกลมและวงรโี ดยใช้แบบของรปู ได้ - บอกความสัมพนั ธ์ของแบบรปู ซา้ และบอกรปู ท่หี ายไปในแบบรูปได้ - สรา้ งแบบรูปของรปู เรขาคณติ ได้ ทกั ษะกระบวนกำร - มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา - มีความสามารถในการสื่อสาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ - มคี วามสามารถในเชื่อมโยงความรูท้ างคณติ ศาสตร์ - มีความสามารถในการให้เหตุผล - มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - มคี วามมุมานะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ (A) - มีความสามารถในการคน้ หาลักษณะที่เกดิ ขึน้ ซ้า ๆ และประยกุ ต์ใช้ลกั ษณะดังกลเพ่ือทา ความเข้าใจหรือแกป้ ญั หาในสถานการณ์ตา่ ง ๆ (A) - มรี ะเบยี บวินยั ในการทางาน (A) ชนิ้ งำนหรอื ภำระงำน(หลกั ฐำน/ร่องรอย) กจิ กรรม ปกสมุดสร้างสรรค์ กำรวัดและประเมินภำระงำน ใชเ้ กณฑ์ มิติคุณภาพ ( Rubrics ) ความถกู ต้องของใบงาน/แบบฝกึ หัด รำยละเอยี ดของกำรประเมิน ( Rubrics /แบบประเมินอืน่ ๆ)

๗๙ กำหนดกำรประเมนิ ผล หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี9 รูปเรขาคณติ มำตรฐำน / ช้นิ งำน / ภำระงำน วิธกี ำรประเมนิ เคร่อื งมือ / คำอธบิ ำย เกณฑ์ ตัวชวี้ ัด คณุ ภำพงำน 60 % กจิ กรรม ปกสมุด ใช้เกณฑ์ มิตคิ ุณภาพ ค 2.2 ป.1/1 สร้างสรรค์ Rubric 1.ทาแบบฝึกหัด/ ค 1.2 ป.1/1 เกณฑ์การให้คะแนน ร้อยละ 90ข้นึ ไป ดมี าก แบบฝกึ ทกั ษะได้อย่าง ร้อยละ 80 – 89 ดี ถูกต้อง ร้อยละ 60 – 79 พอใช้ 2. แบบสังเกตพฤติกรรม ต่ากว่าร้อยละ60 ปรับปรงุ การทางานรายบคุ คล 3. แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกลุ่ม

๘๐ กำรออกแบบกจิ กรรมกำรเรียนรู้ หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ 9รูปเรขาคณติ เวลำ 12ชว่ั โมง ชน้ิ งำน / ภำระงำน กจิ กรรม เวลำ กจิ กรรม ปกสมดุ สร้างสรรค์ กิจกรรมนำสู่กำรเรียน 12 -ใชข้ ้อมลู ในหนงั สือเรยี นหนา้ เปดิ บท เพ่ือกระตุ้น ความสนใจ และฝกึ การสังเกตส่งิ ของต่าง ๆ โดยใชค้ าถาม แล้วถามว่าใน หอ้ งเรยี นของเรามีสงิ่ ของใดบ้างทเี่ ป็นรูปเรขาคณติ ทีน่ ักเรียน รู้จัก เพ่ือนนาเขา้ สบู่ ทเรียน - เพลงกลมและเหลยี่ ม(กิจกรรมจิตศกึ ษา) - เกม กิจกรรมพฒั นำ 1. แบบฝึกรปู เรขาคณติ - จาแนกทรงส่ีเหลย่ี มมมุ ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอกและ กรวย - จาแนกรปู สามเหล่ียม รปู ส่เี หลยี่ ม วงกลม และวงรี - บอกลกั ษณะรูปสามเหลี่ยม รูปสีเ่ หล่ียม วงกลม และวงรี - เขียนรูปสามเหลย่ี ม รูปสเ่ี หลี่ยม วงกลม และวงรโี ดยใช้ แบบของรูป - บอกรปู ทีห่ ายไปในแบบรูปซ้าของรปู เรขาคณิตและรปู อืน่ ๆ - สรา้ งแบบรูปของรปู เรขาคณิต 2.แบบทดสอบรูปเรขาคณิต -แบบทดสอบหลงั เรยี น กจิ กรรมรวบยอด ( กำรประยกุ ต์ควำมรู้ไปใช้ ) -กิจกรรม ปกสมุดสรา้ งสรรค์

๘๑ กำรออกแบบหน่วยกำรเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 10 เรอ่ื ง จานวนนับ 21 ถงึ 100 ช่ือรายวิชา คณติ ศาสตร์ รหสั ค 11101 กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 15 ช่วั โมง มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐานค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวนระบบจานวนการดาเนินการของจานวน ผลท่ีเกดิ ข้ึนจากการดาเนินการสมบตั ขิ องการดาเนนิ การและนาไปใช้ มาตรฐาน ค 1.2 เขา้ ใจและวิเคราะห์แบบรูป ความสัมพันธฟ์ ังกช์ ัน ลาดับและอนุกรม และนาไปใช้ ตวั ชว้ี ดั ค 1.1 ป.1/1บอกจานวนของส่งิ ต่าง ๆ แสดงสงิ่ ต่าง ๆ ตามจานวนทก่ี าหนด อา่ นและเขียนตัวเลข ฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทยแสดงจานวนนับไมเ่ กนิ 100 และ 0 ค 1.1 ป.1/2เปรียบเทยี บจานวนนบั ไมเ่ กิน 100 และ 0 โดยใชเ้ คร่อื งหมาย = ≠ >< ค 1.1 ป.1/3เรยี งลาดบั จานวนนับไมเ่ กนิ 100 และ 0 ต้ังแต่ 3 ถงึ 5 จานวน ค 1.2 ป.1/1ระบจุ านวนท่ีหายไปในแบบรปู ของจานวนท่เี พ่ิมข้ึนหรือลดลงทลี ะ 1 และทลี ะ 10 และ ระบรุ ูปทีห่ ายไปในแบบรปู ซา้ ของรูปเรขาคณิตและรูปอ่นื ๆท่สี มาชิกในแตล่ ะชดุ ที่ ซา้ มี 2 รูป สำระสำคญั 1.นบั ได้ 1สบิ เขียนเปน็ ตวั เลขฮินดูอารบิก 10 ตวั เลขไทย๑๐ตวั หนังสอื สิบ 2. นบั ได้2 สิบเขียนเป็นตัวเลขฮินดูอารบกิ 20 ตัวเลขไทย๒๐ตวั หนังสือย่ีสิบ . . . 3. นบั ได้ 10สบิ เขยี นเป็นตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ 100 ตวั เลขไทย๑๐๐ตัวหนังสอื หนึง่ รอ้ ย 4. 10 20 30 ... 100 เปน็ จานวนนบั ที่เพม่ิ ขึ้นทลี ะ 10 ตามลาดับ 5. จานวนนบั 21 ถึง 100 เปน็ จานวนนบั ท่เี พ่ิมข้ึนทลี ะ 1 ตามลาดบั 6. การเขยี นแสดงจานวนสามารถเขียนเป็นตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทยหรือตวั หนงั สอื 7. 10 11 ... 99 เปน็ จานวนสองหลกั ถา้ เลขโดด 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 อย่ใู นหลักหน่วยมีคา่ เป็น 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ตามลาดับและถา้ เลขโดด 1 2 3 4 5 6 7 8 9 อยใู่ นหลกั สบิ มีคา่ เป็น 10 20 30 40 50 60 70 80 90 ตามลาดับ 100 เป็นจานวนสามหลักเลขโดด 1 อยู่ในหลักรอ้ ยมีค่าเป็น 100 8. การเขียนตวั เลขแสดงจานวนในรปู กระจาย เป็นการเขียนในรูปการบวกค่าของเลขโดดในหลกั ตา่ งๆของจานวนน้ัน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook