Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัยแบบฝึกทักษะการจัดการเรียนรู้รูปแบบโครงงาน

วิจัยแบบฝึกทักษะการจัดการเรียนรู้รูปแบบโครงงาน

Published by สุดโปรด หล่อเฟี้ยว, 2022-06-09 04:54:54

Description: วิจัยแบบฝึกทักษะการจัดการเรียนรู้รูปแบบโครงงาน

Keywords: วิจัยแบบฝึกทักษะการจัดการเรียนรู้รูปแบบโครงงาน

Search

Read the Text Version

95 8. ข้อใดไม่ใช่จุดมงุ่ หมายของการทําโครงงาน 12. กฎขัน้ ตอนวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตรท์ ่ใี ชใ้ นการ วทิ ยาศาสตร์ * แสวงหาความร้มู ีท้ังหมดกี่ข้ันตอน * จ. เพ่อื ให้นักเรียนได้รู้จักใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ก. 5 ขั้น ประโยชน์ ข. 4 ขนั้ ค. 3 ข้ัน ฉ. เพ่อื สง่ เสรมิ ใหน้ ักเรียนเกดิ ความรกั และ ง. 2 ขัน้ สนใจในวชิ าวิทยาศาสตร์ 13. การท่ผี ูเ้ รยี นมีเจตคติทางวิทยาศาสตรห์ รอื จติ วิทยาศาสตร์จะมีลักษณะตรงกับข้อใด * ช. เพอื่ พัฒนาความรับผิดชอบ และสามารถ ก. มเี หตผุ ล ซอ่ื สัตย์ รบั ฟงั ความคิดเห็น ทาํ งานรว่ มกับผู้อ่ืนได้ ข. ต้ังในเรยี นวิชาวิทยาศาสตร์ ค. ตระหนกั ในคุณและโทษของการใช้ ซ. เพ่ือใหเ้ หน็ ถึงนสิ ัยและพฤตกิ รรมของผู้ทํา โครงงานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ง. ศรัทธา ซาบซึง้ ในผลงานทางวิทยาศาสตร์ 9. ข้อใดไม่ใชค่ วามสาํ คัญของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 14. ในกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ถ้าหากผลการ เปน็ การหาความรดู้ ้วยตนเองทห่ี ลากหลาย ทดลองท่ีไดจ้ ากการทดสอบสมมติฐานไม่สอดคลอ้ ง กบั สมมตฐิ านจะต้องทาํ อยา่ งไร * จ. ช่วยสง่ เสริมใหม้ กี ารเผยแพรผ่ ลงาน และ ก. ตั้งปัญหาใหม่ เปน็ หนทางในการสรา้ งรายได้ ข. ออกแบบการทดลองใหม่ ค. เปลีย่ นสมมติฐาน ฉ. รจู้ กั การทํางานร่วมกันเปน็ หมู่คณะ รู้จกั ง. สงั เกตใหม่ ยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผู้อน่ื 15. สมมตฐิ านทางวิทยาศาสตร์จะเปล่ยี นเป็น ทฤษฎีได้เมือ่ ใด * ช. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นได้แสดงความสามารถ ก. เป็นท่ียอมรบั โดยทว่ั ไป ตามศกั ยภาพของตนเอง ข. ทดสอบแล้วเป็นจรงิ ทุกครั้ง ค. อธบิ ายได้กว้างขวาง 10. นักเรยี นไดร้ บั ประโยชน์อะไรจากการทํา ง. มีเคร่อื งมือพิสูจน์ โครงงานมากทสี่ ุด * จ. ไดใ้ ช้เวลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นทาง สรา้ งสรรค์ ฉ. ได้ฝกึ การนาํ เอาทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรม์ าใชแ้ ก้ปัญหา ช. ไดป้ ระสบการณ์และพฒั นาคุณลักษณะใน หลายๆด้านให้กับผ้เู รยี น ง. สรา้ งความสํานึกและรับผิดชอบในการศกึ ษา ค้นควา้ หาความรู้ 11. การสงั เกตของนักวทิ ยาศาสตร์ทําให้เกดิ สิง่ ใด เปน็ อนั ดับแรก * ก. สมมตฐิ าน ข. ถูกทุกข้อ ค. ปญั หา ง. การทดลอง

96 16. ขอ้ ใดเรียงลาํ ดบั ขั้นตอนของวิธกี ารทาง 20. ในการต้ังสมมตฐิ านของการศึกษาค้นคว้ามี วิทยาศาสตรไ์ ด้ถูกต้อง * ประโยชนอ์ ย่างไร * ก. การตงั้ สมมติฐาน การสังเกตและปญั หา ก. เพ่ือเป็นการบอกผลสรุปจากการทาํ การตรวจสอบสมมตฐิ านและการทดลอง โครงงานล่วงหน้า และสรปุ ผล ข. เพ่ือเป็นการพสิ ูจนผ์ ลของปัญหาที่ตัง้ ไว้ ข. การตง้ั สมมตฐิ าน การรวบรวมข้อมูล การ ค. เพื่อเป็นแนวทางในการดําเนินโครงการ ทดลอง และสรปุ ผล ง. เพอ่ื เป็นการคาดคะเนคาํ ตอบช่ัวคราวของ ค. การสงั เกตและปญั หา การทดลองและ ปัญหาทต่ี ัง้ ไว้ ตง้ั สมมตฐิ าน การตรวจสอบสมมตฐิ าน 21. ขอ้ ใดกลา่ วได้ถกู ต้องเกย่ี วกับทกั ษะ และสรปุ ผล กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ * ง. การสงั เกตและปญั หา การตง้ั สมมติฐาน ก. เปน็ ทักษะท่ีจาํ เป็นต้องใชใ้ นการทํา การตรวจสอบสมมตฐิ านและการทดลอง โครงงานวิทยาศาสตร์ และสรปุ ผล ข. เปน็ ทกั ษะกระบวนการพืน้ ฐานท่มี ี 17. การต้งั สมมติฐานจะต้องสอดคลอ้ งกบั ข้อใด * ความสําคญั และจาํ เปน็ ในการเรียนรู้ ก. ตวั แปรในการศึกษา ข. การทดลอง ค. ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ค. เครอ่ื งมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล เปรียบเสมอื นเคร่ืองมอื ท่ีจําเป็นในการ ง. ปญั หา แสวงหาความรู้ และแกป้ ัญหา 18. ขอ้ ใดไม่ใชข่ ัน้ ตอนของ “ กระบวนการทาง ง. ถกู ทุกข้อ วิทยาศาสตร์ “ * 22. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มีก่ที ักษะ * ก. การทดลอง ก. 8 ข. การแก้ปัญหา ข. 5 ค. การตง้ั สมมตฐิ าน ค. 10 ง. การสรปุ และแปลความหมาย ง. 13 19. ขอ้ ใดคือความชาํ นาญและความสามารถในการ 23. ทกั ษะใดไม่ใช่ทักษะกระบวนการทาง ใชก้ ระบวนการคิดเพื่อแก้ปัญหา * วทิ ยาศาสตร์ * ก. จิตวิทยาศาสตร์ ก. การตั้งสมมตฐิ าน ข. วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ข. การสังเกต ค. ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ค. การทดลอง ง. ทกั ษะกระบวนการคดิ ง. การวางแผน 24. ทกั ษะใดท่ีต้องใชข้ ้อมูลมาทําการประมวลผล * ก. การทดลอง ข. การคาํ นวณ ค. การตง้ั สมมตฐิ าน ง. การสังเกต

25. ทักษะใดท่มี ีการกําหนดความหมาย หรอื นยิ าม 97 ส่ิงตา่ ง ๆ เพ่ือความเข้าใจทตี่ รงกัน * -31. โครงงานวิทยาศาสตร์ มีก่ีประเภท * ก. การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ ก. 5 ประเภท ข. การกาํ หนดนิยามเชงิ ปฏิบัติการ ข. 3 ประเภท ค. การคาํ นวณ ค. 4 ประเภท ง. การทดลอง ง. 6 ประเภท 26. ทกั ษะทางวทิ ยาศาสตรใ์ ดท่เี กีย่ วข้องกับการ แยกส่วนจดั กลุ่ม * -32. โครงงานประเภทใดที่ง่ายเหมาะสาํ หรับการ ก. การจาํ แนกประเภท เร่ิมตน้ ในการทาํ โครงงาน * ข. การคาํ นวณ ค. การต้ังสมมติฐาน ก. ทฤษฎี ง. การสงั เกต ข. การทดลอง 27. การคดิ หาคา่ คําตอบลว่ งหนา้ กอ่ นจะทาํ การ ค. สาํ รวจรวบรวมข้อมูล ทดลอง เปน็ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ใด ง. สง่ิ ประดิษฐ์ * 33. โครงงานทนี่ าํ เอาหลกั การ กฎ แนวคิดใหม่ ๆ ก. ทกั ษะการกาํ หนดนิยามเชงิ ปฏิบัตกิ าร ซึง่ อาจอยู่ในรูปสูตร สมการ หรอื คําอธิบาย คอื ข. การสังเกต โครงงานประเภทใด * ค. การตงั้ สมมติฐาน ก. โครงงานประเภทส่งิ ประดษิ ฐ์ ง. ทกั ษะการตีความและลงข้อสรปุ ข. โครงงานประเภททดลอง 28. การนาํ ผลการทดลองมาจัดทําใหมใ่ หเ้ ข้าใจงา่ ย ค. โครงงานประเภทสาํ รวจรวบรวมขอ้ มลู ขนึ้ เปน็ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ข้อใด * ง. โครงงานประเภททฤษฎี ก. ทักษะการกาํ หนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ 34. โครงงานประเภทใดทเ่ี กี่ยงข้องกบั การประดิษฐ์ ข. การตงั้ สมมตฐิ าน เครื่องมือ เคร่ืองใช้และอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ที่เกยี่ วกบั ค. การจดั กระทําและสื่อความหมายขอ้ มลู การใชส้ อย * ง. ทักษะการตีความและลงข้อสรุป ก. การทดลอง 29. ทกั ษะใดหมายถงึ การทํานายผล การคาดคะเน ข. ทฤษฎี ส่งิ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยใชข้ อ้ มูลเป็นหลักการ * ค. สง่ิ ประดษิ ฐ์ ก. การตั้งสมมติฐาน ง. สาํ รวจรวบรวมขอ้ มูล ข. ทักษะการกาํ หนดนยิ ามเชิงปฏบิ ตั กิ าร 35. การจดั ทําโครงงานที่ดี นักเรยี นตอ้ งทาํ อย่างไร ค. ทักษะการตีความและลงข้อสรุป ก. เปน็ โครงงานทม่ี ีอาจารยท์ ่ปี รึกษาเก่ง ๆ ง. ทกั ษะการพยากรณ์ ข. เปน็ โครงงานทไ่ี ปดมู ากจากโครงงานอ่นื 30. การวดั ความยาวของโตะ๊ ตวั หน่ึง 3 คร้ังไดผ้ ล ค. เปน็ โครงงานท่ี สง่ เขา้ ประกวดได้รางวัล ดังนี้ 98.1 97.7 98.5 ค่าเฉลีย่ ความยาวของโต๊ะ ง. เป็นโครงงานทเี่ ราคดิ เอง ทาํ เอง แกป้ ัญหา ตวั น้เี ป็นเท่าไร * ก. 94.3 เอง นาํ เสนอเองอยา่ งมรี ูปแบบขน้ั ตอน ข. 98.1 36. โครงงานวิทยาศาสตรเ์ ร่ือง “การสร้างเคร่ือง ค. 99.4 ถอนขนไก่” เป็นโครงงานประเภทใด * ง. 98.2 ก. สาํ รวจรวบรวมขอ้ มลู ข. ส่ิงประดิษฐ์ ค. ทฤษฎี ง. การทดลอง

37. โครงงานวิทยาศาสตรเ์ รอื่ ง “การอธบิ ายอวกาศ 98 แนวใหม”่ เป็นโครงงานประเภทใด * 42. ในการจดั นทิ รรศการแสดงโครงงานนน้ั ควร ก. สาํ รวจรวบรวมขอ้ มลู คํานงึ ถึงส่งิ ใดมากที่สดุ * ข. การทดลอง ค. สิง่ ประดิษฐ์ ก. ความปลอดภัยและความเหมาะสมของ ง. ทฤษฎี เนื้อหาทจ่ี ดั แสดง 38. โครงงานท่ีศึกษาผลของตวั แปรหนึ่งที่มีต่อตวั แปรอีกตวั แปรหน่ึงจดั ว่าเป็นโครงงานประเภทใด * ข. ดงึ ดดู ความสนใจผเู้ ข้าชม ก. ทฤษฎี ค. ใช้ตาราง และรูปภาพประกอบโดยจดั วาง ข. การทดลอง ค. ส่ิงประดิษฐ์ เหมาะสม ง. สาํ รวจรวบรวมขอ้ มูล ง. ส่ิงประดษิ ฐค์ วรอยใู่ นสภาพท่ีทาํ งานได้ 39. การศกึ ษาชนิดและปรมิ าณของแพลงก์ตอนใน นํา้ ทง้ิ จากฟาร์มเล้ยี งสุกรจัดวา่ เป็นโครงงานประเภท อย่างสมบรู ณ์ ใด 43. ขั้นตอนใดเปน็ ข้ันตอนสุดท้ายในการทาํ ก. สํารวจรวบรวมข้อมูล โครงงานวิทยาศาสตร์ * ข. การทดลอง ค. ทฤษฎี ก. ศึกษาเอกสารท่ีเก่ียวข้อง ง. สงิ่ ประดิษฐ์ ข. การเขียนรายงาน 40. โครงงานประเภทใดทีม่ ีการกําหนดตัวแปรท่ี ค. การแสดงผลงาน คอ่ นข้างเดน่ ชัด * ง. ขัน้ ตอนการคิดหัวข้อของโครงงาน ก. สิ่งประดิษฐ์ ทดลอง 44. ขัน้ ตอนทีส่ าํ คญั ทสี่ ดุ ในการทาํ โครงงาน ข. ทดลอง สาํ รวจรวบรวมขอ้ มูล วิทยาศาสตรค์ ือขน้ั ตอนใด * ค. สํารวจรวบรวมข้อมลู ส่งิ ประดิษฐ์ ก. การคิดหวั ข้อเรอ่ื งทจี่ ําทําโครงงาน ง. สงิ่ ประดษิ ฐ์ ทฤษฎีคําช้ีแจง 41. สงิ่ ท่ีควรทําเปน็ อันดับแรกในการทําโครงงาน วิทยาศาสตร์ คือทาํ อยา่ งไร * ข. การลงมือทาํ โครงงาน ก. ศึกษาหาสถานที่ที่จะประกวด ค. การจดั ทาํ เคา้ โครงยอ่ ของโครงงาน ข. สอบถามเรื่องท่ีจะทําจากอาจารย์ที่ปรกึ ษา ง. การศกึ ษาเอกสารทีเ่ กี่ยวข้อง ค. คิดหวั เรือ่ งท่ีจะทํา 45. ขอ้ ใดเป็น การประเมินผลของโครงงาน ง. เตรียมสถานที่ทจี่ ะทําโครงงาน วทิ ยาศาสตร์ * ก. การจัดแสดงโครงงาน ข. การเขยี นรายงาน ค. การอภิปรายปากเปล่า ง. ถูกทุกข้อ 46. ความสําเรจ็ ของการทาํ โครงงานวิทยาศาสตร์ ขึ้นอยู่กับข้อใด * ก. ผลการทดลองที่ได้ไมจ่ าํ เป็นต้องเป็นไปตาม ความคาดหวงั ข. ไดส้ ิง่ ประดิษฐท์ ส่ี วยงาม และมรี าคาแพง ค. ผลการทดลองทีไ่ ดต้ รงกบั ความคาดหวงั เสมอ ง. มีความปลอดภัย และใช้ต้นทุนสงู

99 47. ข้อใดคือความสําคัญของการศกึ ษาเอกสารท่ี เกย่ี วขอ้ ง * ก. ชว่ ยให้นกั เรยี นได้แนวความคิดท่ีจะกําหนด ขอบข่ายของเรื่องทีจ่ ะศกึ ษาค้นคว้าให้ เฉพาะเจาะจงมากข้นึ ข. ชว่ ยให้นกั เรยี นไดเ้ อกสารประกอบการทาํ รายงาน ค. ช่วยใหน้ ักเรียนไดม้ แี หล่งความรทู้ ่ีจะ คน้ คว้า ง. ชว่ ยให้นักเรียนไดร้ ้งู บประมาณ 48. การเขยี นรายงานเกยี่ วกับโครงงานท่ีถูกต้องคือ ขอ้ ใด * ก. การเขยี นรายงานควรใชภ้ าษาท่อี า่ นเขา้ ใจ งา่ ย ชดั เจน สัน้ ๆ และตรงไปตรงมา ครอบคลุมหวั ขอ้ ตา่ ง ๆ ข. การเขยี นรายงานควรรายงานอย่าง ตรงไปตรงมา ค. การเขยี นรายงานควรใชต้ าราง และรปู ภาพ ประกอบ ง. การเขียนรายงานควรดึงดดู ความสนใจ ใชส้ ี ทส่ี ดใส และครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ 49. รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์แบ่งออกเปน็ สว่ น ใหญ่กสี่ ว่ น * ก. 4 ส่วน ข. 3 ส่วน ค. 2 สว่ น ง. 5 สว่ น 50. ส่วนทเี่ ปน็ เนื้อหาโครงงานวทิ ยาศาสตรแ์ บ่ง ออกเปน็ กีบ่ ท * ก. 4 บท ข. 5 บท ค. 2 บท ง. 3 บท

100 เฉลยแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนแบบฝึกทักษะการเรียนรเู้ ร่ืองโครงงาน (Project - Based Leaning : PBL) ระดับช้นั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ขอ้ คําตอบ ข้อ คําตอบ 1 ง 26 ก 2 ง 27 ค 3 ง 28 ค 4 ก 29 ง 5 ค 30 ข 6 ข -31 ค 7 ง 32 ค 8 ง 33 ง 9 ข 34 ค 10 ข 35 ง 11 ค 36 ข 12 ก 37 ง 13 ก 38 ข 14 ค 39 ก 15 ข 40 ก 16 ง 41 ค 17 ง 42 ง 18 ง 43 ข 19 ค 44 ข 20 ง 45 ง 21 ง 46 ก 22 ก 47 ก 23 ง 48 ค 24 ข 49 ข 25 ข 50 ข