หัวข้อเร่ือง เนือ้ หาสาระ วิธกี ารวดั และ เครอื่ งมอื การวดั และประเมนิ ผล 3. เกิดความรกั 1. ขนบธรรมเนยี ม ประเมินผล แบบสอบถาม และผกู พันกบั ประเพณแี ละ 1. พจิ ารณาขอบขา่ ยของขอ้ มูล ชุมชนท้องถ่นิ วฒั นธรรมของชมุ ชน 1. สอบถามและรายงาน โดยการสังเคราะหจ์ ากกรอบ 2. บุคคลสำคัญใน แนวคดิ ของขอ้ มลู ชมุ ชนและหรอื การเข้าร่วมกิจกรรม ๒. เลอื กรปู แบบของคำถามให้ ปราชญท์ อ้ งถิ่น 2. จดั บอร์ด/นทิ รรศการ เหมาะสมกบั บุคคลสำคัญทจ่ี ะ - เข้าร่วมกิจกรรม ถาม อาจจะเป็นคำถามปลายเปดิ หรือปลายปดิ ก็ได้ เกีย่ วกับวฒั นธรรมและ 3. สรา้ งคำถามตามรปู แบบที่ ประเพณขี องชุมชน แลว้ เลอื กไวใ้ หค้ รอบคลมุ ทกุ ด้าน เขียนขนั้ ตอนดำเนนิ 4. จดั ทำต้นฉบบั ของ แบบสอบถามทีส่ มบรู ณ์ กจิ กรรมนนั้ ๆ 5. ตรวจสอบและปรบั ปรุง - นำภาพเหตกุ ารณ์และ ข้อบกพรอ่ งกอ่ นทจ่ี ะพมิ พฉ์ บบั ข้ันตอนการดำเนนิ จริงไปใช้ แบบสงั เกตแบบรายงานการร่วม ๒. กจิ กรรมมาจัดบอร์ด/ กจิ กรรม นิทรรศการ 1. สอบถามการเขา้ ร่วมกิจกรรม 1. เขยี นรายงานและ 2. สงั เกตการณ์มสี ่วนรว่ มในการ ทำกิจกรรม จดั ป้ายนเิ ทศแนะนำ 3. การเขยี นรายงานการเข้าร่วม บคุ คลสำคัญ กิจกรรมแบบประเมินผลการจัด - ค้นคว้าและวิเคราะห์ บอรด์ /นทิ รรศการ - ความถกู ต้องของเนือ้ หาความรู้ วิถีการดำรงชีวติ - ขน้ั ตอนในการดำเนินกิจกรรม คณุ ธรรมจรยิ ธรรมของ - องคป์ ระกอบในการจัดบอร์ด/ บุคคลหรอื ปราชญ์ นิทรรศการ แบบตรวจรายงานและการจดั ท้องถิ่น ป้ายนเิ ทศ - เขยี นรายงานและจดั 1. ตรวจความถูกตอ้ งครอบคลมุ ปา้ ยนเิ ทศ ขอเน้อื หา 2. ตรวจความถูกต้องขน้ั ตอน การเขียนรายงาน 3. ตรวจการอ้างอิงถงึ แหลง่ ที่มา ของข้อมูล สำนกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษากระบ่ี ๙๗
หัวขอ้ เรอื่ ง เนอ้ื หาสาระ วิธกี ารวดั และ เครือ่ งมือการวัดและประเมินผล 4. ภมู ิใจในบา้ น 1. สถานทีส่ ำคญั ของ เกิดเมืองนอน ชมุ ชน ประเมินผล - โบราณสถาน 5. เพ่ือให้สามารถ - ศาสนสถาน 1. เขยี นรายงาน แบบตรวจเรียงความ แกป้ ญั หา - สถานท่รี าชการ พัฒนาตนเอง ๒. จัดป้ายนเิ ทศ 1. ตรวจดคู วามเรยี บรอ้ ย ภมู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ ๓. นิทรรศการ ความถกู ต้องและครอบคลมุ ของ ๔. ทำแผน่ พบั เนอื้ หา ๕. ประชาสัมพนั ธ์ 2. ตรวจความถูกตอ้ งของ - สบื คน้ ค้นควา้ ข้ันตอนการเขียนเรยี งความ ความสำคญั ความ 3. ตรวจการอา้ งองิ ถงึ แหล่งทีม่ า เปน็ มาของโบราณสถาน ของข้อมลู แบบประเมินผลการจดั ศาสนสถาน หรือสถานที่ นทิ รรศการ ราชการท่ตี ั้งอยู่ในชมุ ชน แบบตรวจรายงานและการจดั แลว้ เขียนรายงานจัดปา้ ย ปา้ ยนิเทศ นเิ ทศ นทิ รรศการ 1. ตรวจความถกู ต้องครอบคลมุ ทำแผน่ ประชาสมั พนั ธ์ ขอเนอื้ หา 2. ตรวจความถกู ตอ้ งขน้ั ตอน การเขียนรายงาน 3. ตรวจการอ้างองิ ถึงแหล่งที่มา ของข้อมูล 1. เขียนเรยี งความ แบบตรวจเรียงความ - สภาพปญั หาในการ 1. ตรวจดูความเรยี บรอ้ ยความ ดำรงตนตามวิถีทาง ถูกต้องแลครอบคลุมของเนอื้ หา สังคมและสังเคราะห์ 2.ตรวจความถกู ต้องของขนั้ ตอน แนวทางในการนำภมู ิ การเขียนเรียงความ ปญั ญาทอ้ งถิ่นมาแกไ้ ข 3. ตรวจการอ้างองิ ถงึ แหลง่ ทม่ี า ปัญหา ของข้อมลู ๒. การตอบคำถาม แบบสมั ภาษณ์ - สถานการณ์ทตี อ้ งใช้ 1. ตรวจสอบความสอดคลอ้ ง การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ระหว่างวตั ถปุ ระสงค์กับเนื้อหา เพ่อื แกไ้ ขปัญหา 2. ประเด็นคำถามมคี วามถกู ตอ้ ง ครบถว้ น และชัดเจน ๓. เรยี บเรยี งและสรปุ เน้ือหาจาก การสมั ภาษณ์อย่างตรงไปตรงมา สำนกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบ่ี ๙๘
หัวข้อเร่ือง เนอ้ื หาสาระ วธิ ีการวัดและ เครอ่ื งมอื การวดั และประเมนิ ผล ประเมินผล 6. พฒั นาอาชีพ อาชพี ในท้องถิ่น แฟม้ สะสมผลงาน ครอบครวั และ ๑. ใบความรู้/ใบงาน - แบบบันทกึ หรือใบงานเก่ยี วกบั สงั คมของตนเอง ๒. จัดทำโครงงานฝกึ อาชพี ในทอ้ งถิ่น อาชีพตามภูมปิ ญั ญา แบบตรวจการเขียนรายงาน ท้องถิน่ โครงงาน - ทำโครงงานแลว้ จดั - พจิ ารณาจาก นทิ รรศการแลกเปลี่ยน 1. ความเป็นมา เรยี นรู้ 2. วตั ถุประสงค์ 3. วิธีการศกึ ษา/ค้นควา้ / แสวงหาข้อมลู 4. การวิเคราะห์ขอ้ มลู 5. การสรปุ ผลการศกึ ษาแบบ ประเมินผลการจัดนทิ รรศการ พิจารณาดังนี้ - ความถูกตอ้ งของเน้ือหาความรู้ - ขัน้ ตอนในการดำเนินกิจกรรม - องค์ประกอบในการจดั บอรด์ นทิ รรศการ หมายเหตุ: วิธีการวัดและประเมนิ ผลมีหลากหลายวธิ ี สามารถออกแบบการประเมนิ เปน็ การ ทดสอบการสงั เกต การสัมภาษณ์การประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน ตามความเหมาะสมกบั วัตถปุ ระสงค์ และเป้าหมายของการวัดและประเมนิ ผลในครง้ั นัน้ ๆ สำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษากระบี่ ๙๙
ส่วนที่ ๕ การนำกรอบหลกั สตู รระดบั ทอ้ งถ่ินสู่การพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษา สถานศึกษาเป็นหน่วยงานระดับปฏิบัติการท่ีจะต้องนำกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน ท่ีสำนักงาน เขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษากระบี่ เป็นผู้จัดทำไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม เพ่ือให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้ เกี่ยวกับท้องถ่ินของตนเอง เกิดความรัก ความผูกพัน และมีความภาคภูมิใจในท้องถ่ิน สถานศึกษาจึงต้อง นำกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิ่นมาจัดทำรายละเอียดของเนื้อหาองค์ความรู้ท่ีเกี่ยวกับท้องถิ่นให้เหมาะสม กบั บรบิ ทของสถานศึกษาและสภาพของชมุ ชนน้นั ๆ แนวทางการดำเนนิ งาน 1. ควรดำเนินงานในรูปคณะกรรมการระดับสถานศึกษา ซ่ึงประกอบด้วย ครู ผู้บริหาร ผู้นำทางศาสนา ผู้นำชุมชน ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้และประสบการณ์หลากหลาย เพ่ือจะได้ร่วมกันพิจารณา จัดทำสาระการเรียนรู้ระดับท้องถ่ิน ให้เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา และสภาพของชุมชนตาม กรอบสาระการเรยี นรู้ท้องถ่ินทสี่ ำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษากำหนดไว้ 2. วิเคราะห์กรอบสาระการเรียนรู้ท้องถ่ินที่สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษากำหนดไว้ เพื่อได้ทราบถึง ขอบข่ายในการกำหนดรายละเอียดของเน้ือหา องค์ความรู้เกี่ยวกับท้องถิ่นของสถานศึกษา ซึ่งสำนักงาน เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาได้กำหนดไว้ 3. วิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษา เพ่ือจะได้ทราบถึงจุดเน้น หรือประเด็นท่ีสถานศึกษา ให้ความสำคัญ และการจัดทำสาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน ว่าควรอยู่ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ใด ช้ันปีใด เป็นรายวิชาพ้ืนฐาน หรือรายวิชาท่ีต้องการเรียนเพ่ิมเติม และควรจะมีเน้ือหามากน้อยอย่างไร ตามที่ หลกั สตู รสถานศึกษากำหนดไว้ 4. ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษาและชุมชน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลจัดทำ สาระการเรยี นรูร้ ะดบั ท้องถิน่ ของสถานศึกษาใหส้ มบรู ณ์ข้นึ 5. จัดทำสาระการเรียนรู้ท้องถ่ินของสถานศึกษา เม่ือคณะกรรมการได้วิเคราะห์ สังเคราะห์ กรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษา ชุมชน และวิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษา ทราบแล้วว่าในกลุ่มสาระการเรียนรู้ใด ช้ันปีใดบ้างท่ีจะต้องจัดทำสาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน และจะจัดทำ เป็นรายวิชาพ้ืนฐานหรือรายวิชาเพ่ิมเติม จากนั้น จึงร่วมกันพิจารณากำหนดเนื้อหาองค์ความรู้เกี่ยวกับ ท้องถ่ินอย่างเหมาะสม ให้สอดคล้องกับบริบท และจุดเน้นของสถานศึกษาและสภาพชุมชน ซึ่งอาจจัดทำ สาระการเรียนรู้ท้องถ่ินเป็นช่วงชั้น หรือเป็นช้ันปีก็ได้ การนำสาระการเรียนรู้ท้องถิ่นไปจัดประสบการณ์ การเรียนรู้ให้ผู้เรียนน้ัน สถานศึกษาหรือครูผู้สอนสามารถนำไปวางแผนจัดประสบการณ์ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ เกี่ยวกับท้องถ่ินของตนเอง ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ท่ีกำหนดไว้ ตามโครงสรา้ งของหลกั สตู ร สำนกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๐๐
๖. นำกรอบหลักสูตรระดบั ทอ้ งถิ่นสูก่ ารพฒั นาหลกั สตู รสถานศึกษาโดยใชแ้ นวทางดงั นี้ ๖.๑ สอดแทรกในรายวิชาพ้ืนฐาน โดยปรับกิจกรรมการเรียนการสอนหรือจัด กิจกรรมเสริม หรือบูรณาการในรายวิชาต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนมีประสบการณ์การเรียนรู้เก่ียวกับท้องถิ่น ของตนเองตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้และระดับช้ันนั้น ๆ ทั้งน้ีในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ ครูผู้สอนอาจเชิญวิทยากร ภูมิปัญญาท้องถ่ิน หรือนำนักเรียนออกไปเรียนรู้สภาพจริง ในท้องถ่ินกจ็ ะทำใหก้ ารเรยี นรู้มคี วามหมายต่อผูเ้ รยี นมากย่ิงข้ึน ๖.๒ จัดเป็นรายวิชาเพ่ิมเติม ซ่ึงครูผู้สอนอาจจัดทำรายวิชาท่ีเป็นสาระการเรียนรู้พื้นฐาน หรือรายวิชาท่ีเป็นสาระการเรียนรู้เพ่ิมเติม ของสถานศึกษานั้น ๆ ก็ได้ ในการจัดทำครูผู้สอน อาจปรับปรุง พัฒนารายวิชาที่มีอยู่เดิม หรือจัดเป็นรายวิชาใหม่ เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ ของกลมุ่ สาระการเรียนรแู้ ละระดบั ชน้ั นัน้ ๆ ๖.๓ จัดในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยสอดแทรกหรือบูรณาการในกิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเอง ตามธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพ เน้นให้ความสำคัญ ทั้งความรู้ คุณธรรม จริยธรรม เพื่อแสดงถึง ความรับผิดชอบ และเป็นประโยชน์ต่อตนเองครอบครัว โรงเรียน สังคม ชุมชน ท้องถิ่น และประเทศชาติ ทั้งนี้อาจจัดกิจกรรมในลักษณะ โครงการ โครงงาน หรือกิจกรรมท่ีผู้เรียนคิดสร้างสรรค์ออกแบบ วางแผน และปฏิบัติกิจกรรมร่วมกันตามองค์ ความรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้และประสบการณ์ซ่ึงสามารถจัดกิจกรรม ทัง้ ภายในโรงเรยี น นอกโรงเรยี น และจัดกิจกรรมรว่ มกบั องค์กรหรอื หน่วยงานในทอ้ งถิ่น ๗. วัดและประเมินผลตามระเบยี บว่าดว้ ยการวัดและประเมนิ ผลของสถานศึกษา และใหส้ อดคลอ้ ง กบั แนวทางการวัดและประเมนิ ผลตามกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น สำนกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๐๑
บรรณานกุ รม ----------------------------------------------- กลน่ิ คงเหมอื นเพชร. ประวัติตำนาน นทิ าน ความเช่อื เก่ยี วกบั ชอื่ บา้ นนามเมอื ง และฝ่ังทะเลตะวันตก. กระบี่ : ศูนยว์ ัฒนธรรมจังหวดั กระบ,ี่ ๒๕๓๙ กล่นิ คงเหมือนเพชร. ภูมิศาสตร์สังคมจังหวัดกระบ.่ี กระบี่ : รุง่ โรจน์การพมิ พ,์ ๒๕๕๑. กลิ่น คงเหมือนเพชร. วฒั นธรรมพน้ื บา้ นจังหวดกระบี่. กรุงเทพฯ : กรมพลศกึ ษา, ๒๕๓๙. กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผลการจดั การศึกษา สำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษากระบี.่ ชอ่ื บา้ นนามโรงเรียน. ๒๕๕๙. คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ. หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พช์ ุมชนสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย, ๒๕๕๒. คณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ. แนวทางการบรหิ ารจดั การหลักสูตร ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์ชมุ ชนสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย, ๒๕๕๓. คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. แนวปฏบิ ัตกิ ารวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พช์ มุ ชนสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย, ๒๕๕๗. คณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. แนวทางการจดั การเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพช์ ุมชนสหกรณก์ ารเกษตร แหง่ ประเทศไทย, ๒๕๕๓. คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ. แนวทางการจดั กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์ชมุ ชน สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย, ๒๕๕๓. คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. แนวทางการพฒั นา การวัดและประเมิน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์ชมุ ชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, ๒๕๕๓. คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ. หลกั เกณฑ์และวิธกี ารปรบั ใชห้ ลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาขัน้ พน้ื ฐานพทุ ธศักราช ๒๕๕๑ สำหรบั กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์ชมุ ชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, ๒๕๕๓. คณะกรรมการฝา่ ยประมวลเอกสารและจดหมายเหตใุ นคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ฯ จัดพมิ พ์เนื่องในโอกาสพระราชพธิ ีมหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒. วฒั นธรรมพัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ เอกลักษณแ์ ละภูมปิ ญั ญา จงั หวัดกระบ.่ี กรงุ เทพ : โรงพมิ พ์คุรุสภาลาดพรา้ ว, ๒๕๕๓. สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษากระบ่ี ๑๐๒
คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. ตวั ชวี้ ดั และสาระการเรียนร;ูแกนกลาง กลม?ุ สาระการเรียนรู;ภาษาไทย. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพช์ ุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, ๒๕๕๓. คณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรยี นรู;แกนกลาง กล?มุ สาระการเรียนร;ูคณิตศาสตร.J กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย, ๒๕๕๓. คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. ตวั ชีว้ ัดและสาระการเรียนรู;แกนกลาง กลุม? สาระการเรยี นรส;ู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ชุมชนสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย, ๒๕๕๓. คณะกรรมการการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรียนรู;แกนกลาง กลุ?มสาระการเรยี นรู;สขุ ศึกษาและพลศึกษา. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพช์ ุมชนสหกรณก์ ารเกษตร แหง่ ประเทศไทย, ๒๕๕๓. คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. ตวั ช้วี ัดและสาระการเรียนรู;แกนกลาง กลุ?มสาระการเรียนรศ;ู ิลปะ. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ชุมชนสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย, ๒๕๕๓. คณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ. ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรียนร;ูแกนกลาง กลม?ุ สาระการเรยี นร;ูการงานอาชีพและเทคโนโลยี. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ชุมชนสหกรณ์ การเกษตรแหง่ ประเทศไทย, ๒๕๕๓. คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. ตัวชว้ี ดั และสาระการเรยี นร;ูแกนกลาง กลม?ุ สาระการเรยี นรภู; าษาตา? งประเทศ. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พช์ มุ ชนสหกรณก์ ารเกษตร แหง่ ประเทศไทย, ๒๕๕๓. คณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชี้วดั กลมุ่ สาระ การเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสาระภมู ศิ าสตร์ ในกลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. สำนกั คณะกรรมการศึกษาข้นั พื้นฐานกระทรวงศกึ ษาธิการ, กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพช์ มุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด, ๒๕๖๐. คณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ. ตวั ช้ีวัดและสาระการเรยี นร้แู กนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษา ขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑.สำนกั คณะกรรมการศึกษาขัน้ พ้ืนฐานกระทรวงศกึ ษาธิการ, กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั , ๒๕๖๐. สำนกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๐๓
คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ. ตัวชีว้ ดั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551. สำนักคณะกรรมการศึกษาขน้ั พน้ื ฐานกระทรวงศึกษาธกิ าร, กรงุ เทพมหานคร:โรงพมิ พช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด, ๒๕๖๐. คณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนร้แู กนกลางสาระ ภมู ิศาสตร์ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 และแนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู.้ สำนกั คณะกรรมการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ, กรงุ เทพมหานคร:โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั , ๒๕๖๐. ศึกษานิเทศกจ์ ังหวัดกระบ,ี่ สำนกั งาน. เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศกึ ษา เรื่องจังหวดั กระบ.ี่ เอกสารโรเนียว, มปป. สำนักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษากระบ่ี ๑๐๔
ภาคผนวก ๑ เอกสารหลกั สูตร/เอกสารเพม่ิ เติม (คิวอารโ์ คด้ ) สำนกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๐๕
เอกสารหลกั สตู ร/เอกสารเพิ่มเติม ----------------------------------------------- หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 shorturl.at/jvFR8 ตวั ชวี้ ดั และสาระการเรียนร>ูแกนกลาง กล3มุ สาระการเรยี นรู>ภาษาไทย shorturl.at/guyJ3 ตัวชีว้ ดั และสาระการเรยี นรู>แกนกลาง กลม3ุ สาระการเรียนรส>ู ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม shorturl.at/dzMT5 สำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๐๖
ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรียนรูแ> กนกลาง กลุม3 สาระการเรยี นรส>ู ขุ ศกึ ษาและพลศึกษา shorturl.at/zCOMZ ตวั ชีว้ ดั และสาระการเรียนรแู> กนกลาง กลมุ3 สาระการเรยี นรศู> ิลปะ shorturl.at/fgCLX ตวั ชวี้ ดั และสาระการเรยี นรแ>ู กนกลาง กล3มุ สาระการเรยี นรูก> ารงานอาชพี และเทคโนโลยี shorturl.at/jEHTZ สำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๐๗
ตัวชีว้ ัดและสาระการเรยี นรแ>ู กนกลาง กลมุ3 สาระการเรียนรภู> าษาตา3 งประเทศ shorturl.at/kGHXO มาตรฐานการเรยี นรแู> ละตวั ชว้ี ดั กลุ3มสาระการเรยี นร>คู ณติ ศาสตรB วทิ ยาศาสตรB และสาระภมู ิศาสตรB ในกลมุ3 สาระการเรยี นรส>ู งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 shorturl.at/hHPYZ ตัวชว้ี ัดและสาระการเรียนร>แู กนกลาง กล3มุ สาระการเรยี นรูค> ณติ ศาสตรB (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 shorturl.at/cdyDS สำนกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษากระบ่ี ๑๐๘
ตัวชวี้ ัดและสาระการเรยี นรแู> กนกลาง กลมุ3 สาระการเรียนรู>วิทยาศาสตรB (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 shorturl.at/dryDH ตัวช้วี ดั และสาระการเรยี นรูแ> กนกลางสาระภมู ิศาสตรฯB (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 และแนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นร>ู shorturl.at/crwA4 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๐๙
เอกสารประกอบหลกั สูตร แนวทางการบรหิ ารจดั การหลกั สตู ร ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 shorturl.at/IJUY8 แนวปฏิบตั กิ ารวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู> ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 shorturl.at/rwzBF แนวทางการจดั การเรียนรู> ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 shorturl.at/swHTO สำนกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษากระบ่ี ๑๑๐
แนวทางการจดั กิจกรรมพฒั นาผเ>ู รียน ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 shorturl.at/mHIMT แนวทางการพัฒนา การวัดและประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงคB ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 shorturl.at/glGZ9 หลักเกณฑBและวธิ ีการปรับใชห> ลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สำหรบั กล3มุ เปาq หมายเฉพาะ shorturl.at/eowOZ สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๑๑
เอกสารเพม่ิ เติม หนงั สือ ช่ือบา; น นามโรงเรยี น shorturl.at/gkrKY หนงั สอื วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัตศิ าสตรJ เอกลกั ษณแJ ละภูมปิ ญZ ญา จังหวดั กระบี่ บรรณานกุ รม shorturl.at/hjCJZ สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษากระบ่ี ๑๑๒
ภาคผนวก ๒ อภธิ านศพั ท์ สำนกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบ่ี ๑๑๓
อภธิ านศพั ท์ ----------------------------------------------- 1. วัฒนธรรม หมายถึง วิถีชีวิตของคนในสังคม เป็นแบบแผนประพฤติปฏิบัติและการแสดงออก ซึ่งความรู้สึกนึกคิดในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่สมาชิกในสังคมเดียวกันสามารถเข้าใจ ซาบซ้ึง ยอมรับและใช้ ปฏิบตั ริ ว่ มกนั อนั จะนำไปสกู่ ารพัฒนาคุณภาพชวี ติ ๒. ศิลปวัฒนธรรม หมายถึง ผลงานของมนุษย์ที่ถูกสร้างข้ึนเพ่ือท่ีจะรับใช้สังคมและชุมชน เป็นส่ิงควบคมุ พฤตกิ รรมของสังคมและชุมชนให้งาม ให้พอดี และให้เหมาะกบั สงั คมและชมุ ชนนั้น ๓. ท้องถ่ิน หมายถึง ที่อยู่อาศัย บริเวณ พ้ืนท่ี สถานท่ี สภาพทางภูมิศาสตร์ และสังคมวัฒนธรรม ท่ีผู้เรียนมีวิถีชีวิตเก่ียวข้อง มาตั้งแต่กำเนิด มีขอบข่ายครอบคลุมถึงชุมชนในหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ในจังหวดั กระบ่ี 4. กรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น หมายถึง ทิศทางการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ท่ีสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษากระบ่ี และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง กำหนดเป็นขอบข่ายเนื้อหาการเรียนรู้ระดับ ท้องถ่ิน เพ่ือให้สถานศึกษาในเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำ กรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น และเป็นแนวทางในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา จัดทำรายละเอียด สาระการเรียนรทู้ ้องถิ่น ตามสภาพความพรอ้ มและความตอ้ งการของสถานศกึ ษา 5. สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายถึง รายละเอียดเนื้อหาที่นำไปใช้จัดกระบวนการเรียนรู้ ประกอบด้วย องค์ความรู้ ทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ท่ีได้จากการวิเคราะห์ข้อมูล สารสนเทศเกี่ยวกับจังหวัดกระบ่ีในด้านต่างๆ เช่น ประวัติความเป็นมาของจังหวัด สภาพภูมิอากาศ สภาพทางภูมิศาสตร์ท่ีตั้ง ทรัพยากรธรรมชาติ สภาพส่ิงแวดล้อม สภาพเศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิต การประกอบอาชีพ ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น สภาพปัญหา ตลอดจน แนวโน้มการพัฒนาท้องถิ่น เพื่อให้สถานศึกษานำไปใช้ในการจัดประสบการณ์แก่ผู้เรียนได้เรียนรู้เก่ียวกับ ทอ้ งถิน่ ของตน 6. สถานศึกษา หมายถึง โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบ่ี ทุกโรงเรยี น ทมี่ หี นา้ ที่นำสาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่นิ ไปจัดประสบการณ์ใหผ้ ูเ้ รยี นในโรงเรยี น 7. คนดี หมายถึง ผู้ท่ีมีสัมมาคารวะ สุภาพอ่อนน้อม กตัญญู มีจิตสำนึกที่ดีต่อตนเอง และผู้อ่ืน เช่น มีวินัย มีความเอ้ือเฟ้ือเก้ือกูล มีเหตุผล รู้หน้าที่ ช่ือสัตย์ พากเพียร ขยัน ประหยัด มีจิตใจเป็น ประชาธิปไตย เคารพความคิดเห็นและสิทธิของผู้อื่น มีความเสียสละ รักษาส่งแวดล้อม สามารถอยู่ร่วมกับ บุคคล อื่นอยา่ งสนั ติสุข 8. วินัย หมายถึง การตรงต่อเวลา รู้หน้าที่ตน รู้จักควบคุมตนเอง ประพฤติตนตามระเบียบแบบ แผน และกฎเกณฑ์ของส่วนรวม ชมุ ชน ท้องถ่ิน ประเทศชาติ 9. ใฝ่เรียนรู้ หมายถึง ขยันหม่ันเพียร พยายามในการเรียน และเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ แสวงหาความรู้ และนำความร้ไู ปใชพ้ ัฒนาตนเองได้อย่างเหมาะสม สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๑๔
10. ความคิดสร้างสรรค์ หมายถึง ความคิดสร้างผลงานท่ีเกิดประโยชน์แก่ตนเอง กล้าคิดกล้า แสดงออก มคี วามเช่ือมั่นในตนเอง และริเรม่ิ สรา้ งผลงานที่สง่ ผลตอ่ คณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ี ๑1. ก้าวทันการเปล่ียนแปลงของโลก หมายถึง รู้จักใช้ส่ือเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ทงั้ ด้านการเรียน การสร้างอาชพี และการใชท้ ักษะชีวิตในสงั คม 11. ส่ือสารได้หลายภาษา หมายถึง มีทักษะการใช้ภาษาสื่อสารกับนานาประเทศได้อย่างดี เพ่ือให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ต่อการเรียนรู้ รู้จักใช้ส่ือสารสนเทศเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพ ส่ือสาร ได้หลายภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาฝร่ังเศส ภาษาจีน ภาษาญ่ีปุ่น ฯลฯ และภาษาอาเซียน เช่น ลาว เวียดนาม เขมร ฯลฯ 12. วัฒนธรรมการใช้ภาษา หมายถึง การใช้ภาษาสื่อสารได้อย่างถูกต้องตามแบบแผน ใชค้ ำถูกความหมายและถูกกาลเทศะ มีมารยาทในการใช้ภาษาสือ่ สาร เพื่อให้เกดิ ความเข้าใจอนั ดีตอ่ กัน 13. สร้างอาชีพ มีรายได้ หมายถึง มีความรู้ความเข้าใจ มีประสบการณ์ มีทักษะในการทำงาน นำกระบวนการเรียนรู้การทำงานไปประกอบอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว มีความมุ่งมั่น ขยัน อดทน ชื่อสัตย์ รับผิดชอบงาน ตั้งใจทำงานให้ประสบความสำเร็จ มีแนวทาง ในการทำงานอาชีพ และมีเจตคติทด่ี ตี ่ออาชพี ทต่ี นเลอื ก 14. รักภูมิใจในท้องถิ่น หมายถึง แสดงออกถึงความภูมิใจ เห็นคุณค่า ร่วมอนุรักษ์สืบทอด ภูมิปัญญาไทย ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรม ใช้ภาษาในการสื่อสาร ได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม 15. สืบสานภูมิปัญญา หมายถึง นำประสบการณ์ท่ีเกิดจากการเขียนรู้ เลือกสรร พัฒนา และ ถ่ายทอดสืบต่อกัน เพ่ืออนุรักษ์และพัฒนาวิถีชีวิตของตนให้สมดุลกับสภาพแวดล้อมและเหมาะสมกับ ยุคสมัย 15. ความสามารถแช่งขันในระดับนานาชาติ หมายถึง ทักษะ ความสามารถในการทำงาน รู้จัก พัฒนาตนเองให้เป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะ รู้เท่าทันต่อการเปล่ียนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคม รู้จัก ปรับตัวให้เป็นผู้มีศักยภาพสร้างผลผลิตที่ตอบสนองความต้องการของตลาดโลก และมีความพร้อมท่ีจะเข้าสู่ ตลาดแรงงานโลก 16. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หมายถึง โครงการหลวง/โครงการในพระราชดำริ เกิดขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงช่วยเหลือราษฎรในพื้นท่ีให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น โดยมุ่งเน้น ให้ชาวบ้านมีพื้นท่ีทำกินและมีอาชีพที่สามรถเล้ียงตัวเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 16 โครงการ ๑. โครงการส่งเสริมอตุ สาหกรรมน้ำมันปาลม์ ขนาดเล็ก ๒. โครงการศูนย์ศกึ ษาการพฒั นาและอนุรักษ์พันธุป์ ูป่าทงุ่ ทะเล ๓. โครงการฟ้ืนฟแู ละอนรุ กั ษป์ ่าทุง่ ทะเล ๔. โครงการปลูกข้าวเพอ่ื บรโิ ภคครบวงจรในนิคมสหกรณ์อา่ วลึก สำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๑๕
๕. โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพชื ๖. โครงการอา่ งเก็บนำ้ หว้ ยน้ำเขียว ๗. โครงการฝายห้วยน้ำแกว้ ๘. โครงการอนรุ ักษ์พนั ธ์ุกล้วยไม้รองเทา้ นารี ๙. โครงการอ่างเกบ็ น้ำบางกำปรัด ๑๐. โครงการอา่ งเก็บนำ้ คลองหยา ๑๑. โครงการส่งเสรมิ และพัฒนาอาชีพการเพาะเลีย้ งสตั ว์น้ำ ๑๒. โครงการปรบั ปรุงโรงงานต้นแบบสกัดน้ำมนั ปาลม์ สหกร์นคิ มอ่าวลึก ๑๓. โครงการทำนบดินคลองสงั กาอูอ้ ันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ ๑๔. โครงการปรบั ปรุงฝายคลองน้ำตายอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ ๑๕. โครงการศึกษาความตอ้ งการการใชน้ ำ้ มันไบโอดเี ซลเพ่อื ทดแทนน้ำมนั ดีเซลของ เกษตรกรในพน้ื ทจี่ งั หวัดกระบี่ ๑๖. โครงการฟ้นื ฟแู ละอนุรกั ษ์ปา่ ท่งุ ทะเลอันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ (ระบบส่งนำ้ และอาคารประกอบสระเก็บนำ้ หนองใหญ)่ 17. คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงคข์ องเด็กไทยในโลกปจั จบุ ัน ตามสมรรถนะ 6 ดา้ น ประกอบด้วย 1. การจดั การตนเอง 2. การคิดข้ันสูง 3. การสือ่ สาร 4. การรวมพลังทำงานเป็นทีม 5. การเปน็ พลเมอื งที่เข้มแขง็ 6. การอยู่ร่วมกบั ธรรมชาตแิ ละวิทยาการอย่างยัง่ ยืน สมรรถนะการจัดการตนเอง หมายถึง การรู้จัก รักเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น การพัฒนาปัญญา ภายในต้ังเป้าหมายในชีวิต และกำกับตนเองในการเรียนรู้และใช้ชีวิต การจัดการอารมณ์และความเครียด รวมถึงการจัดการปัญหาและภาวะวิกฤต สามารถฟื้นคืนสู่สภาวะสมดุล (Resilience) เพ่ือไปสู่ความสำเร็จ ของเปา้ หมายในชีวติ มสี ขุ ภาวะทด่ี ีและมีสัมพันธภาพกับผ้อู ืน่ ได้ดี มอี งคป์ ระกอบ 1. การเห็นคุณค่าในตนเอง : การรู้จัก รัก เห็นคุณค่าในตนเอง รู้จุดเด่น ข้อจำกัด ความสนใจ ความสามารถ ความถนัด และภาคภูมิใจในตนเอง มั่นใจในตนเอง เห็นอกเห็นใจ ให้เกียรติ และเคารพสิทธติ นเองและผอู้ ืน่ มคี วามรบั ผิดชอบในตนเอง 2. การมีเป้าหมายในชีวิต : การตั้งเป้าหมายในชีวิต มีวินัยในตนเอง สามารถบริหาร จัดการเวลา ทรพั ยากร สามารถพึ่งพาและกำกบั ตนเองให้ไปสูเ่ ป้าหมายในชวี ติ และมีสุขภาวะท่ดี ี 3. การจัดการอารมณ์และความเครียด : การรับรู้ เข้าใจ รู้เท่าทัน อารมณ์ ความรู้สึก ความคิด และความเครียดท่ีเกิดข้ึนในชีวิตประจำวันของตนเอง เข้าใจสาเหตุและสามารถจัดการอารมณ์ ความรสู้ กึ และความคิดของตนเอง สำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๑๖
4. การจัดการปัญหาและภาวะวิกฤต : การรู้เท่าทันการเปล่ียนแปลงที่เกิดจากปัญหา และภาวะวิกฤต สามารถฟ้ืนคืนสู่สภาวะสมดุลได้ สามารถเตรียมการป้องกัน และแก้ไข เพื่อให้เกิด ความปลอดภยั ในชีวิตและทรัพย์สิน สมรรถนะการคิดข้ันสูง สามารถคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และตัดสินใจอย่างมีวิจารญาณ บนหลักเหตุผลอย่างรอบด้าน โดยใช้คุณธรรมกำกับการตัดสินใจได้อย่างมีวิจารณญาณ มีความสามารถ คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลด้วยความเข้าใจถึงความเชื่อมโยงของสรรพส่ิงท่ีอยู่ร่วมกันอย่างเป็นระบบ ใชจ้ นิ ตนาการและความรู้สรา้ งทางเลอื กใหม่ เพอื่ แกป้ ัญหาทซ่ี ับซอ้ นได้อย่างมเี ปา้ หมาย องค์ประกอบ ดงั น้ี 1. การคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking : HOT-CTC) หมายถึง การคิด พิจารณาไตร่ตรองอย่างมีเหตุผลท่ีมีจุดประสงค์เพื่อตัดสิหว่าส่ิงใดควรเชื่อหรือควรกระทำ โดยอาศัย การใช้ทักษะหรือกลยุทธ์ต่าง ๆ เพ่ือเพิ่มความเป็นไปได้ของผลลัพธ์จากการตัดสินใจท่ีดี เช่น ทักษะการตีความ ประเมิน วิเคราะห์ สรุปความ และอธิบาย ตามหลักฐาน แนวคิด วิธีการ กฎเกณฑ์ หรือ บริบทต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวกับข้อมูลท่ีรวบรวมหรือข้อมูลจากการสังเกต ประสบการณ์ การใช้เหตุผล การสะท้อน คิด การสอ่ื สาร และการโตแ้ ยง้ 2. การคิดเชิงระบบ (System Thinking : HOT-STM) หมายถึง การคิดท่ีแสดงให้เห็น โครงสร้างทั้งหมดที่เช่ือมโยงสัมพันธ์กันเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้บริบท/ปัจจัยของสิ่งแวดล้อมท่ีเกิด ปัญหานั้น ๆ โดยมองปัญหาให้ลึกลงไปกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้เห็นถึงแบบแผนหรือรูปแบบพฤติกรรม ท่ีเกิดข้ึนให้เห็นรากเหง้าของสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับสถานการณ์นั้น ๆ จนเกิด ความเข้าใจในสถานการณข์ องระบบนั้นอย่างลึกซึ้ง นำไปสกู่ ารแกป้ ัญหาทร่ี ากเหงา้ ของปญั หาอยา่ งแท้จริง 3. การคิดสร้างสรรค์ ( Creative Thinking : HOT-CRT) หมายถึง การคิดที่หลากหลาย ริเริ่ม ประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาต่อยอดความคิด เพื่อการแก้ปัญหาหรือสร้างทางเลือกท่ีมีประสิทธิภาพ การสร้างความก้าวหน้าในความรู้ หรือการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ โดยอาศัยจินตนาการและ ทักษะพ้ืนฐานด้านการคิดริเริ่ม คิดคล่อง คิดยืดหยุ่น คิดละเอียดลออ คิดหลากหลาย คิดวิเคราะห์และ สังเคราะห์เพื่อให้ได้สิ่งใหม่ท่ีดีกว่า แตกต่างไปจากเดิม มีประโยชน์ และมีคุณค่าต่อตนเอง ผู้อื่น และสังคม มากกว่าเดิม 4. การคิดแก้ปัญหา ( Problem Solving Thinking : HOT-PRB) หมายถึง การคิด ของบุคคล ในการระบุปัญหา นิยามปัญหา รวบรวมข้อมูลเพื่อแก้ปัญหา ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา เลือกทางเลือกในการแก้ปัญหาและดำเนินการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเกณฑ์ที่ชัดเจน และครอบคุลมทกุ มิติ ระดบั สมรรถนะการคิดข้ันสูง ระดบั การพัฒนา ระดบั ความสามารถ สมรรถนะการส่ือสาร หมายถึง ความสามารถรับรู้ รับฟัง ตีความ และส่งสารด้วยภาษาต่าง ๆ ท้ังวัจนภาษาและอวัจนภาษา โดยใช้กระบวนการคิด ซ่ึงจะนำไปสู่การเรียนรู้ ความเข้าใจในระบบคุณค่า การแก้ปัญหาร่วมกันผ่านกลวิธีการสื่อสาร อย่างฉลาดรู้ สร้างสรรค์ มีพลัง โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อ สงั คม มีองคป์ ระกอบ ดังนี้ สำนกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบ่ี ๑๑๗
1. การรับสารอย่างมีสติและถอดรหัสเพื่อให้เกิดความเข้าใจ หมายถึง การรับสาร ด้วยความใส่ใจ ผ่านประสาทสัมผัสในการรับสาร ตลอดจนสามารถตีความสารท่ีส่งมาได้ทั้งความคิด ความรสู้ กึ เจตนา ตลอดจนสามารถตีความสารและสามารถนำสารมาใชพ้ ัฒนาตนเองและสงั คม 2. การรับส่งสารบนพื้นฐานความเข้าใจและความเคารพในความคิดเห็นและวัฒนธรรม ท่ีแตกต่าง หมายถึง การรับส่งสารด้วยวิธีการที่หลากหลาย ทั้งการเจรจาต่อรอง หรือแลกเปล่ียนข้อมูล สารสนเทศ องค์ความรู้ ประสบการณ์ ผ่านช่องทางหรือส่ือท่ีมีความหลากหลาย ทั้งส่ือบุคคล สื่อธรรมชาติ ส่ือส่ิงพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และสื่อระคน โดยปราศจากความขัดแย้งต่าง ๆ และรู้เท่าทัน บนพื้นฐาน ความเขา้ ใจในบรบิ ทสังคมทมี่ ีความคดิ และวฒั นธรรมทแี่ ตกต่าง ทั้งในระดับชมุ ชน ชาติ และสากล 3. การเลือกใช้กลวิธีการส่ือสารอย่างเหมาะสมโดยคำน่ังถึงความรับผิดชอบต่อสังคม เพ่ือบรรจุวัตถุประสงค์ในการส่ือสาร หมายถึง การเลือกใช้วิธีการสื่อสารในลักษณะต่างๆ ท้ังวัจนภาษา และอวัจนภาษา ตลอดจนการสื่อความหมายผ่านส่ือในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสื่อสาร โดยมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ ผลทจี่ ะเกดิ ขนึ้ ในสงั คมและวฒั นธรรมทแี่ ตกต่างทั้งในระดบั ชมุ ชน ชาติ และสากล สมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม หมายถึง สามารถจัดระบบและกระบวนการทำงาน กิจการ และการประกอบการใด ๆ ของตนเอง และร่วมกับผู้อื่น โดยใช้การรวมพลังทำงานเป็นทีม มีแผน ขั้นตอน ให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย มีภาวะผู้นำ มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการประสานความคิดเห็น ที่แตกต่างสู่การตัดสินใจและแก้ปัญหาเป็นทีม อย่างรับผิดชอบร่วมกัน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและจัดการ ความขดั แยง้ ภายใต้สถานการณ์ทยี่ ่งุ ยาก องค์ประกอบ ดังนี้ 1. เป็นสมาชิกทีมที่ดีและมีภาวะผู้นำ มีทักษะการทำงานเป็นทีม รับผิดชอบในบทบาท หน้าที่ของตนและของทีม มีความยืดหยุ่นในการทำงานร่วมกับกลุ่มคนที่แตกต่าง นำจุดเด่นของตนและ สมาชิกมาใช้ในการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย สะท้อนการทำงานของตนเองและทีม ส่งเสริมและพัฒนา ศักยภาพของทีม สร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง ให้เป็นท่ียอมรับและไว้วางใจ ประสาน ความร่วมมือภายในทีม และระหว่างทีม สร้างคำนิยมใหม่ในการทำงานร่วมกัน และการพัฒนาทีมที่เข้มแข็ง สามารถเปน็ ตน้ แบบผู้สรา้ งการเปลี่ยนแปลง 2. กระบวนการทำงานแบบร่วมมือรวมพลังอย่างเป็นระบบ สามารถจัดระบบการทำงาน กิจการ และการประกอบการใด ๆ ท้ังของตนเอง และร่วมกับผู้อื่น ร่วมกันกำหนดเป้าหมาย แผนการ ทำงาน ขั้นตอน และกระบนการทำงานเป็นทีม เห็นภาพความสำเร็จของทีม คำนึงถึงประโยชน์ของทีมก่อน ประโยชน์ส่วนตน แบ่งบทบาทหน้าท่ีให้เหมาะสมกับศักยภาพของสมาชิก รับผิดชอบตามบทบาทหน้าท่ี ด้วยความใส่ใจ มีความพยายามในการทำงานและสนับสนุนช่วยเหลือให้เกิดความสำเร็จ เคารพ รับฟัง แลกเปลี่ยน และประสานความคิดเห็นท่ีแตกต่าง ประยุกต์ใช้ทักษะการคิดขั้นสูงในการตัดสินใจเป็นทีม ท่ีมีประสิทธิภาพ ประเมินและปรับปรุงกระบวนการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ด้วยความโปร่งใส และตรวจสอบได้ ร่วมรับผิดและรับชอบต่อผลการดัดสินใจของทีม เห็นคุณค่าของการทำงานแบบร่วมมือ รวมพลัง สำนักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๑๘
3. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการจัดการความขัดแย้ง มีทัศนคติเชิงบวกในการทำงาน ร่วมกับผู้อ่ืน เห็นคุณค่าของสัมพันธภาพที่ดี สร้างและรักษาความสัมพันธ์อันดีในทีม ให้ความไว้วางใจซ่ึงกัน และกันปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ เห็นอกเห็นใจในฐานะที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน เคารพและเห็นประโยชน์ ของ ความแตกตา่ งหลากหลาย มีทักษะและใช้วธิ กี ารปอ้ งกันและจดั การความขัดแยง้ ไดอ้ ย่างเปน็ ระบบ สมรรถนะการเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง หมายถึง การปฏิบัติตนอย่างรับผิดชอบในฐานะพลเมืองไทย และพลโลก รู้เคารพสิทธิเสริภาพของตนเองและผู้อื่น เคารพในกฎกติกาและกฎหมาย มีส่วนร่วมทางสังคม อย่างมีวิจารณญาณ อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนท่ามกลางความหลากหลาย เห็นคุณค่าของศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ มีบทบาท ในการตัดสินใจและสร้างการเปลี่ยนทางสังคม โดยยึดมั่นในความเท่าเทียมเป็นธรรม ค่านิยม ประชาธิปไตย และสันติวธิ ี องคป์ ระกอบ ดงั นี้ 1. พลเมืองรู้เคารพสิทธิ เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อ่ืน ตระหนักในสิทธิเสรีภาพของตนเอง ช่วยเหลือ ให้เกียรติ และเห็นอกเห็นใจผู้อื่นบนพื้นฐานของการพ่ึงพาอาศัยกันโดยปราศจากอคติ ไม่เลือก ปฏบิ ตั ิเพ่อื การอยู่ร่วมกันอยา่ งสันติ 2. พลเมืองรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ ปฏิบัติตนตามกฎ กติกา ข้อตกลง กฎหมาย อย่าง ถูกตอ้ งและเหมาะสม รบั ผิดชอบบทบาทหนา้ ท่ีตนเองในฐานะพลเมอื งไทยและพลโลก 3. พลเมืองมีส่วนร่วมอย่างมีวิจารณญาณ ติดตามสถานการณ์และประเด็นปัญหาของ สงั คมอย่างมวี ิจารณญาณ มีส่วนรว่ มทางสงั คมดว้ ยจิตสาธารณะและสำนึกสากล 4. พลเมืองผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง มีความกระตือรือร้นในการสร้างการเปลี่ยนแปลง เชิงบวกทางสงั คมบนพืน้ ฐานของความเท่าเทียมเปน็ ธรรม คา่ นยิ มประชาธปิ ไตย และสนั ติวิธี สมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน หมายถึง ความเข้าใจพ้ืนฐาน เกี่ยวกับปรากฏการณ์ของโลกและเอกภพและความสัมพันธ์ของคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และธรรมชาติ ในชีวิตประจำวัน ใช้และรู้เท่าทันวิทยาการเทคโนโลยี มีความอยากรู้ อยากเห็น ช่างสังเกต เห็นคุณค่า สามารถแก้ปัญหา หรือสร้างสรรค์นวัตกรรมได้เพ่ือการดำรงชีวิตและอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างย่ังยืน องคป์ ระกอบ ดังน้ี 1. การเข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนบนโลกและในเอกภพ: สืบเสาะ ทำความเข้าใจ ข้อเท็จจริง สาเหตุ กระบวนการ และผลกระทบท่ีเกิดข้ึนของปรากฏการณ์ต่าง ๆท่ีเกิดข้ึนบนโลก และ ในเอกภพ 2. การเช่ือมโยงความสัมพันธ์ของคณิตศาสตร์: วิทยาศาสตร์เพื่อการอยู่ร่วมกัน กับธรรมชาติอย่างยั่งยืน มองเห็นปัญหา เชื่อมโยงและประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะและกระบวนการ ทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีเพ่ือแก้ปัญหา หรือสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อการดำรงชีวิต และอย่รู ว่ มกับธรรมชาติอย่างย่ังยืน สำนักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๑๙
3. การสร้าง ใช้ และรู้เท่าทันวิทยาการเทคโนโลยี: สร้างและใช้เทคโนโลยีอย่างมี ประสิทธิภาพ สร้างสรรค์ รู้เท่าทัน มีความฉลาดทางดิจิทัล คำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต ส่ิงแวดล้อม และ สังคม การมีคุณลักษณะทางคณิ ตศาสตร์และวิทยาศาสตร์สำหรับการเข้าใจระบบธรรมชาติ และการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน มีความอยากรู้อยากเห็น ช่างสังเกต เข้าใจระบบธรรมชาติ เห็นคุณค่า ของคณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ เพอื่ การดำรงชีวิตและอย่รู ่วมกบั ธรรมชาติอย่างย่ังยนื สำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๒๐
ภาคผนวก ๓ คณะกรรมการจัดทำหลกั สูตรระดับท้องถนิ่ สำนักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบ่ี ๑๒๑
คณะกรรมการจัดทำกรอบหลักสูตรระดบั ทอ้ งถ่นิ โดยการมสี ่วนรว่ มของชุมชน สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษากระบ่ี ----------------------------------------------- ท่ีปรกึ ษา ผอู้ ำนวยการสำนกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษากระบ่ี 1. นายสพล ชทู อง รองผู้อำนวยการสำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษากระบ่ี 2. นายชยั ยงค์ ตุลารกั ษ์ รองผอู้ ำนวยการสำนกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษากระบี่ 3. นางสาวสณิ ณี าฏ อารยี ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษากระบี่ 4. นางสาวจริ ชยา คงแสนคำ ผู้อำนวยการกลมุ่ นเิ ทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศกึ ษา 5. นางปิยวรรณ ตันตธิ นอมร ผนู้ ำชุมชน ผทู้ รงคณุ วุฒิ ผู้ทรงคณุ วฒุ ิทม่ี ีความรปู้ ระสบการณห์ ลากหลาย 1. นายจนิ ดา ชา่ งคดิ ผูท้ รงคณุ วฒุ ิท่ีมคี วามรปู้ ระสบการณ์หลากหลาย 2. นายวฑิ ูรย์ จันทโน ผทู้ รงคุณวฒุ ทิ ่มี คี วามรู้ประสบการณห์ ลากหลาย 3. นายเกษียร เพ็ชรพวง 4. นางจรรี ัตน์ ปานพรหมมนิ ทร์ ผอู้ ำนวยการสำนักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษากระบ่ี รองผูอ้ ำนวยการสำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษากระบ่ี ผอู้ นมุ ัติกรอบหลกั สตู รระดับทอ้ งถ่นิ (รับผดิ ชอบกลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศกึ ษา) 1. นายสพล ชทู อง ผู้อำนวยการกลมุ่ นเิ ทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา 2. นางสาวจริ ชยา คงแสนคำ ผู้นำชุมชน ผู้ทรงคุณวฒุ ทิ ม่ี ีความรู้ประสบการณห์ ลากหลาย 3. นางปยิ วรรณ ตันตธิ นอมร ผู้ทรงคุณวุฒิท่มี คี วามรู้ประสบการณ์หลากหลาย 4. นายจนิ ดา ชา่ งคิด ผทู้ รงคุณวฒุ ิทม่ี คี วามรปู้ ระสบการณ์หลากหลาย 5. นายวฑิ ูรย์ จันทโน ผู้อำนวยการโรงเรียนชมุ ชนบา้ นเขากลม 6. นายเกษยี ร เพ็ชรพวง ครโู รงเรยี นอตุ รกจิ 7. นางจรรี ตั น์ ปานพรหมมนิ ทร์ ครโู รงเรยี นบา้ นบางคราม 8. นายธรี ะพล บุญสขุ 9. นางสาวนสั ริน สุหรรษา 10. นางสาวบัณฑติ า ราชบัญฑติ ย์ สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๒๒
11. นายสทิ ธิพงษ์ รอดคุ้ม ศึกษานเิ ทศก์ สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ 12. นางจนิ ตนา สุขย้อย ศกึ ษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศกึ ษากระบ่ี 13. นางผิวพรรณ ป้อมอนุ่ เรอื น ศึกษานเิ ทศก์ สำนกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษากระบ่ี 14. นางเยาวดี เลก็ กุล ศกึ ษานเิ ทศก์ สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศึกษากระบี่ 15. นางสาวสุภนิช จนั ทมา ศกึ ษานเิ ทศก์ สำนกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ 16. นางสาวรมยช์ ลี บุตรกริม ศกึ ษานิเทศก์ สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษากระบ่ี ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการ กลุ่มนเิ ทศตดิ ตาม และประเมนิ ผลการจัดการศึกษา 1. นางเยาวดี เลก็ กลุ ศึกษานเิ ทศก์ สำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษากระบ่ี 2. นางสาวสภุ นชิ จันทมา ศกึ ษานเิ ทศก์ สำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษากระบ่ี 3. นางสาวรมยช์ ลี บตุ รกรมิ ศกึ ษานเิ ทศก์ สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบ่ี คณะทำงานขบั เคลื่อน ปรับปรุง และจดั ทำกรอบหลกั สูตรระดบั ทอ้ งถ่นิ 1. นางจรีรัตน์ ปานพรหมมนิ ทร์ ผ้ทู รงคุณวุฒิทม่ี คี วามรู้ประสบการณห์ ลากหลาย 2. นางปยิ วรรณ ตนั ติธนอมร ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจัดการศึกษา 3. นางศุลีมาศ เล็กกลุ ศึกษานเิ ทศก์ สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ 4. นายสทิ ธพิ งษ์ รอดคุม้ ศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษากระบี่ 5. นางบุญญา นวลใย ศกึ ษานิเทศก์ สำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษากระบ่ี 6. นางผวิ พรรณ ปอ้ มอ่นุ เรือน ศกึ ษานิเทศก์ สำนกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษากระบ่ี 7. นางอาจารยี า กาญจนววิ ิญ ศกึ ษานิเทศก์ สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ 8. นางจินตนา สุขย้อย ศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ 9. ว่าทรี่ ้อยตรพี รชัย ชว่ ยเอยี ด ศึกษานเิ ทศก์ สำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษากระบี่ 10. นางเยาวดี เลก็ กลุ ศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษากระบี่ 11. นางสาวกลั ยวรี ์ จนั ทร์เรือง ศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษากระบี่ 12. นางวิภาพร จนั ทรแ์ จม่ ศรี ศึกษานเิ ทศก์ สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ 13. นางสาวสุภนชิ จนั ทมา ศกึ ษานเิ ทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษากระบ่ี 14.นางสาวจิราวรรณ ศรวี เิ วก ศึกษานเิ ทศก์ สำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษากระบ่ี 15. นางสาวรมย์ชลี บุตรกริม ศึกษานิเทศก์ สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ 16. นายสำราญ มณีสวุ รรณ ศึกษานเิ ทศก์ สำนักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ 17. นายธวัช ประเสรฐิ กลุ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคลองแห้ง 18. นายพรชัย สสั ดีเดช ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นชมุ ชนบ้านศาลาดา่ น 19. นายวิชาญ ศรชี าย ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบา้ นเขาดิน 20. นายสรุ ศักด์ิ หนูพยนั ต์ ผู้อำนวยการโรงเรยี นบ้านพรดุ นิ นา 21. นายฉลอง จนั ทร์เอยี ด ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นบ้านทะเลหอยราษฎรอ์ ุทิศ สำนกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษากระบ่ี ๑๒๓
22. นายสุชาติ สขุ ไกร ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดินแดง 23. นางสาวนิตยา สาระภี ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นบ้านคลองหมาก 24. นายสิงหา เพชรหนองชมุ ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบา้ นบางเจรญิ 25. นายสนทิ คลองรั้ว ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนบา้ นสังกาอู้ 26. นายวฑิ ูรย์ จันทโน ผู้ทรงคุณวุฒทิ ่ีมคี วามรูป้ ระสบการณ์หลากหลาย 27. นายเกษยี ร เพช็ รพวง ผู้ทรงคุณวุฒทิ ่มี ีความรปู้ ระสบการณห์ ลากหลาย 28. นางสาวบณั ฑิตา ราชบญั ฑติ ย์ ครู โรงเรยี นบา้ นบางคราม 29. นางวไิ ลลกั ษณ์ สขุ ศรี ครู โรงเรยี นบา้ นหนองจดู 30. นางสาวสุณสิ า สมบรู ณ์ ครู โรงเรียนบา้ นกลางมติ รภาพที่ 44 31. นางสาวจริ นชุ บุตรแขก ครู โรงเรยี นบ้านถ้ำเสือ 32. นางสาวนสั ริน สุหรรษา ครู โรงเรียนอตุ รกจิ 33. นางขวัญตา วาหะ ครู โรงเรยี นอนุบาลคลองท่อม 34. นางสาวเพยี งออ ศรีมณี ครู โรงเรยี นบา้ นคลองยา(เจรญิ ราษฎรส์ ามคั ค)ี 35. นางสาวธาดารัตน์ สิทธเิ ม่ง ครู โรงเรยี นชมุ ชนบา้ นเขากลม 36. นางสาวมยุรี กุลบตุ ร ครู โรงเรยี นบ้านนานอก 37. นางรงุ่ รตั น์ ทมิ กลับ เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน 38. นายณัฐพล กจิ การ นักวชิ าการเทคโนโลยีส่ิงแวดลอ้ มศกึ ษา 39. นางสาวอรพรรณ บญุ พรัด เจา้ หนา้ ที่ธุรการ 40. นางสาวทพิ านนั ขุนบญุ จันทร์ เจา้ หนา้ ทลี่ กู เสอื บรรณาธิการกิจ ผู้อำนวยการกลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษา 1. นางปิยวรรณ ตันติธนอมร ศกึ ษานิเทศก์ สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษากระบ่ี 2. นางเยาวดี เล็กกุล ศึกษานเิ ทศก์ สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษากระบี่ 3. นางจนิ ตนา สขุ ย้อย ศกึ ษานิเทศก์ สำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษากระบี่ 4. นางสาวสุภนิช จนั ทมา ศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษากระบ่ี 5. นางสาวรมย์ชลี บุตรกรมิ ศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบ่ี 6. นางผวิ พรรณ ปอ้ มอนุ่ เรอื น ศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ 7. นางอาจารียา กาญจนววิ ิญ ครู โรงเรียนอตุ รกิจ 8. นางสาวนัสริน สุหรรษา ครู โรงเรยี นอนุบาลคลองท่อม 9. นางขวญั ตา วาหะ ครู โรงเรียนชมุ ชนบา้ นเขากลม 10. นางสาวธาดารัตน์ สทิ ธเิ มง่ สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๒๔
สำนกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษากระบี่ ๑๒๕
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129