คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 14 แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม คาํ ตอบ การสบื เสาะ การสบื เสาะ
15 คมู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 กิจกรรมที่ 1 จมหรอื ลอย กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดสังเกตเพื่อหาคําตอบวา ส่งิ ของใดจมหรือลอยนํ้า โดยอธิบายและใชวิธีการสืบเสาะ เพอื่ ตอบคําถามที่สงสัย เวลา 2 ชวั่ โมง จุดประสงคก ารเรียนรู สังเกตและอธิบายวิธีการสบื เสาะในการตอบคําถามท่ี สงสัย วัสดุ อุปกรณสําหรบั ทาํ กจิ กรรม ส่ิงที่ครูตองเตรียม/กลุม 1. ถังนาํ้ กนลึก 1 ใบ 2. ลูกบอลพลาสติก 1 ลกู สื่อการเรยี นรแู ละแหลง เรียนรู 3. ยางลบ 1 กอ น 1. หนังสอื เรยี น ป.1 เลม 1 หนา 5-6 2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.1 เลม 1 หนา 6-8 4. ชอนสเตนเลส 1 คัน 5. ชอ นพลาสตกิ 1 คนั 6. ไมบรรทดั เหล็ก 1 อัน 7. ดินนํ้ามนั 1 กอ น 8. แผนโฟม (ตัดเปนแผน ขนาดเลก็ ) 1 แผน 9. ฟองนํ้า (ตัดเปน แผน ขนาดเล็ก) 1 แผน ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร S1 การสังเกต S8 การลงความเหน็ จากขอ มูล ทกั ษะแหง ศตวรรษที่ 21 C4 การสอ่ื สาร C5 ความรวมมอื
คมู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 16 แนวการจดั การเรยี นรู ค รู รั บ ฟ ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง นักเรียนเปนสําคัญ ครูยังไม 1. ครูและนักเรียนรวมสนทนาเก่ียวกับการเรียนรูของนักวิทยาศาสตรเพื่อ เฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวนให ตรวจสอบความรเู ดมิ ของนกั เรียน โดยใชคาํ ถาม ดังน้ี หาคําตอบท่ีถูกตองจากกิจกรรม 1.1 นกั เรยี นรจู ักนกั วทิ ยาศาสตรหรือไม นักวิทยาศาสตรทํางานเกี่ยวกับ ตาง ๆ ในบทเรยี นี้ อะไร (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน นักวิทยาศาสตร เปนผคู น พบสงิ่ ใหม ๆ ทํางานเกี่ยวกับการทดลอง) 1.2 นักเรียนคิดวานักวิทยาศาสตรคนพบสิ่งใหม ๆ หรือเรียนรูสิ่งตางๆ ไดโดยวิธีการใดบาง (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน โดยการทดลอง การสังเกต การสืบคน) 2. นักเรียนอานชื่อกิจกรรม และทําเปนคิดเปน จากหนังสือเรียนหนา 5 จากนน้ั ครูตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเกี่ยวกับส่ิงที่จะเรียน โดยใช คําถาม ดังน้ี 2.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดเรียนเกี่ยวกับเร่ืองอะไร (วิธีการสืบเสาะใน การตอบคําถามที่สงสยั ) 2.2 นกั เรียนจะไดเรยี นเรือ่ งนี้ดว ยวิธีใด (การสังเกต) 2.3 เมื่อเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (อธิบายวิธีการสืบเสาะใน การตอบคําถามทส่ี งสัย) 3. นักเรียนอานส่ิงที่ตองใช วามีวัสดุอุปกรณอะไรบาง โดยใหนักเรียนบอก ชื่อวสั ดอุ ุปกรณและวธิ ีใชอุปกรณ ในกรณที น่ี กั เรยี นไมร จู ัก ครูควรบอกช่ือ หรือชนดิ ของวัสดอุ ปุ กรณนน้ั 4. นกั เรียนอา นทําอยา งไร ในหนงั สอื เรยี นหนา 5 โดยครอู าจใชวธิ กี ารอานที่ เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นตรวจสอบความเขาใจ ข้ันตอนการทาํ กิจกรรมทลี ะขน้ั โดยอาจนาํ อภิปรายตามแนวคําถาม ดังน้ี 4.1 เม่ือสังเกตสิ่งของตาง ๆ ที่ใชในการทํากิจกรรมนี้ นักเรียนตองทํา อะไรตอ (ตง้ั คาํ ถามเกี่ยวกบั การจมและการลอยนํ้าของสิ่งของตาง ๆ จากนั้นบันทึกผล) 4.2 หลังจากคาดคะเนวาสิ่งของใดบางจะจมนํ้าหรือลอยน้ําแลวนักเรียน ตองทําอะไรตอ (นําส่ิงของแตละช้ินมาทดสอบการลอยนํ้าและ จมน้าํ ) 5. เม่ือนักเรียนเขาใจวิธีทํากิจกรรมในทําอยางไรแลว นักเรียนจะไดปฏิบัติ ตามขัน้ ตอน ดังนี้ 5.1 สงั เกตสิ่งของ ตั้งคําถามเก่ียวกบั การจมน้ําและการลอยนํ้า บันทึกผล ในแบบบนั ทึกกิจกรรมหนา 6 (S1)
17 คูมอื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 5.2 คาดคะเนวาส่ิงใดจะจมน้ํา สิ่งใดจะลอยน้ํา แลวบันทึกผลในแบบ บนั ทึกกิจกรรมหนา 6-7 5.3 นาํ ส่งิ ของแตละชิ้นมาลอยนา้ํ สังเกตและบันทึกผล 5.4 บอกสิง่ ที่คนพบและนํามาเปรียบเทียบกบั คําตอบของเพ่ือน 5.5 นําเสนอส่ิงท่ีคนพบวาเหมือนหรือแตกตางจากเพื่อนอยางไร (S8) (C4, C5) 6. หลงั จากทํากิจกรรมแลว ครูนําอภิปรายผลการทํากิจกรรม โดยใชคําถาม ดงั น้ี 6.1 ส่ิงของตาง ๆ ท่ีครูนํามา มีลักษณะเปนอยางไรบาง (นักเรียนตอบ ตามการสังเกตของตนเอง เชน ฟองน้ําเบาและนิ่ม ไมบรรทัดเหล็ก หนัก แบน และเปน แผนยาว ชอ นพลาสตกิ เบาและมสี ขี าว) 6.2 เมื่อสังเกตการลอยและจมของสิ่งของตาง ๆ แลว นักเรียนมีคําถาม อะไรบาง (นักเรียนลองต้ังคําถามตามความสงสัยของตนเอง เชน ส่ิงของใดบางจะจมและสิ่งของใดบางจะลอย ส่ิงของใดจะลอยได นานทสี่ ุด) 6.3 นักเรียนคนพบอะไรบางเกี่ยวกับการจมและการลอยของส่ิงของตาง ๆ (นักเรียนตอบตามสิ่งที่ตนเองคนพบ เชน ส่ิงของที่เบาจะลอยและ ส่ิงของที่หนักจะจม สิ่งของท่ีมีลักษณะแบนจะลอย ส่ิงของท่ีมี ลักษณะตนั จะจม) 6.4 สิ่งท่ีนักเรียนคนพบเหมือนหรือแตกตางจากเพื่อนอยางไร (นักเรียน ตอบตามผลทีไ่ ดจ ากการเปรยี บเทียบสิ่งที่คน พบกับเพ่ือน) 6.5 จากกิจกรรมน้ี ส่ิงของใดบางท่ีจมน้ําและสิ่งของใดที่ลอยนํ้า (ส่ิงของ ที่จม ไดแก ยางลบ ชอนสเตนเลส ไมบรรทัดเหล็ก ดินน้ํามัน และ ส่ิงของท่ีลอยนํ้า ไดแก ลูกบอสพลาสติก ชอนพลาสติก แผนโฟม ฟองนาํ้ ) คําตอบของนักเรยี นอาจแตกตางจากนี้ได เชน นกั เรียน บางคน อาจจะปนดินน้ํามันเปนรูปเรือ ทําใหไดผลวาดินนํ้ามันลอยนํ้าได หรือ นกั เรียนบางคนอาจวางชอนพลาสติกบนผิวน้ําโดยวางใหปลายชอนด่ิงลง น้ํา ทําใหไดผลวาชอนพลาสติกจมน้ํา ท้ังน้ีครูไมควรรีบสรุปคําตอบ แต ควรใหเวลานกั เรยี นอภปิ รายถงึ วิธีการในการหาคาํ ตอบของตนเอง 7. นักเรียนรวมกันอภิปรายและตอบคําถามในฉันรูอะไร โดยครูอาจเพิ่ม คําถามในการอภิปรายเพ่ือใหไดแนวคําตอบที่ถูกตอง และบันทึกคําตอบ ในแบบบนั ทึกกจิ กรรมหนา 7-8
คูม ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 18 8. นักเรียนสรุปส่ิงที่ไดเรียนรูในกิจกรรมนี้ โดยเช่ือมโยงส่ิงท่ีไดเรียนรู จากกิจกรรมเพื่อสรุปวาการสืบเสาะเปนวิธีการในการหาคําตอบที่สงสัย ทําไดโ ดยการตงั้ คาํ ถาม รวบรวมขอ มูลจากการทํากิจกรรมหรือการสังเกต อธิบายสิ่งที่คนพบ เปรียบเทียบเช่ือมโยงส่ิงท่ีตนคนพบกับผูอื่น และ สื่อสารสิ่งท่ีคนพบใหผูอื่นเขาใจ จากน้ันครูใหนักเรียนอานส่ิงท่ีไดเรียนรู และเปรยี บเทยี บกบั ขอสรุปของตนเอง 9. นักเรียนต้ังคําถามในอยากรูอีกวา จากน้ันครูสุมนักเรียน 2-3 คน นําเสนอคําถามของตนเองหนาชั้นเรียนและใหนักเรียนชวยกันอภิปราย แนวคาํ ตอบ 10.ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรแ ละทกั ษะแหง ศตวรรษท่ี 21 อะไรบางและในขนั้ ตอนใดบา ง 11.นักเรียนรวมกันอานรูอะไรในเรื่องนี้ ในหนังสือเรียน หนา 7 โดยครูนํา อภปิ รายเพ่อื นําไปสูข อสรปุ เกีย่ วกับสง่ิ ท่ีไดเรยี นรใู นเรือ่ งน้ี จากน้ันกระตุน ใหนักเรียนตอบคําถามในชวงทายของเน้ือเรื่อง ดังนี้ “ยังมีวิธีการอ่ืนอีก หรือไมท่ีจะส่ือสารส่ิงท่ีคนพบใหผูอื่นรับรูและเขาใจ” ครูและนักเรียน รวมกันอภิปรายแนวทางการตอบคําถาม เชน การเขียน การถายภาพ นักเรียนอาจมีคําตอบที่แตกตางจากน้ี ครูควรเนนใหนักเรียนตอบคําถาม พรอ มอธิบายเหตุผลประกอบ การเตรียมตัวลว งหนา สาํ หรับครู เพือ่ จดั การเรยี นรูในครง้ั ถัดไป ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดอานเร่ือง ท่ี 2 การสังเกตและการลงความเห็นจาก ขอมูล โดยครูอาจเตรียมทําบัตรคํา “การ สังเกต” และ “การลงความเห็นจากขอมูล” เพือ่ สอนวิธกี ารสะกดคาํ
19 คมู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม ลอย
คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 20 นักเรยี นคาดคะเน ตามความคิดของ ตนเอง ลอยนาํ้
21 คูมอื ครูรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 สบื เสาะ คําถามของนกั เรยี นทต่ี ั้งตามความอยากรูของตนเอง
คมู ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 22 แนวการประเมินการเรียนรู การประเมินการเรียนรขู องนักเรียนทาํ ได ดงั นี้ 1. ประเมินความรเู ดิมจากการอภิปรายในชั้นเรียน 2. ประเมนิ การเรยี นรจู ากคาํ ตอบของนกั เรยี นระหวา งการจดั การเรยี นรูและจากแบบบันทึกกจิ กรรม 3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 จากการทาํ กิจกรรมของนกั เรียน การประเมินจากการทาํ กจิ กรรมท่ี 1 จมหรอื ลอย ระดบั คะแนน 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช รหสั ส่ิงทีป่ ระเมนิ ระดับคะแนน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสงั เกต S8 การลงความเห็นจากขอ มลู ทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 C4 การสือ่ สาร C5 ความรว มมอื รวมคะแนน
23 คมู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 ตาราง แสดงการวิเคราะหทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเกณฑก ารประเมิน ดังนี้ ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรุง (1) 1. การสงั เกต การบรรยาย สามารถบรรยายรายละเอียด สามารถบรรยายรายละเอยี ด ไมสามารถบรรยาย ลกั ษณะสิ่งของตา ง ลกั ษณะส่งิ ของตา ง ๆ จากการ ลักษณะส่งิ ของตาง ๆ จากการ รายละเอยี ดลักษณะ ๆ ท่นี าํ มาทาํ ใชประสาทสมั ผสั ไดครบถว น ใชป ระสาทสมั ผสั โดยอาศัย สิง่ ของตางๆ จากการ กิจกรรมโดยบอก สมบูรณโดยไมเ พมิ่ ความคิดเห็น ความรูห รอื ประสบการณเดิมได ใชประสาทสัมผสั รายละเอยี ดท่ี จากการช้แี นะของครูหรือผอู ่ืน แมว า จะไดรับ สังเกตได คําแนะนําจากครู หรอื ผูอืน่ 8.การลงความเห็น การลงความเห็น สามารถลงความเหน็ จากขอมูล สามารถลงความเหน็ จากขอมูล ไมสามารถลง จากขอ มูล จากขอมูลถงึ ไดวาสงิ่ ของลักษณะใดจะจมนํ้า ไดวา สิง่ ของลกั ษณะใดจะจมน้ํา ความเหน็ จากขอมลู ลกั ษณะของส่ิงของ และลอยนํ้าอยา งมเี หตผุ ลไดด วย และลอยนาํ้ อยา งมีเหตผุ ลไดโดย ไดวา สิง่ ของลักษณะ ทีจ่ ะจมนาํ้ และลอย ตนเอง อาศัยการชี้แนะของครูหรอื ผูอ่นื ใดจะจมนํ้าและลอย น้ํา น้าํ อยา งมเี หตผุ ลได แมวาจะไดร บั คาํ แนะนําจากครู หรือผอู ื่น
คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 24 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท ักษะแหง ศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรียน โดยอาจใชเกณฑการประเมิน ดังน้ี ทักษะแหง รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรงุ (1) ศตวรรษท่ี 21 สามารถนาํ เสนอขอ มูลสิ่งท่ี พอใช (2) ไมสามารถนาํ เสนอขอมลู ส่งิ C4 การสือ่ สาร การนําเสนอขอ มลู คนพบและผลจากการ ทค่ี นพบและผลจากการ สง่ิ ทีค่ นพบและผล อภิปรายเปรยี บเทียบคําตอบ สามารถนําเสนอขอมูลสิง่ อภิปรายเปรยี บเทยี บ C5 ความ จากการอภิปราย กับเพ่ือน ไดอยา งถูกตอง ทค่ี น พบและผลจากการ คําตอบกบั เพอ่ื นได แมว า จะ รวมมือ เปรยี บเทียบคําตอบ ครบถว น อภปิ รายเปรยี บเทยี บ ไดรบั การกระตนุ จากครหู รือ กับเพื่อน คําตอบกับเพื่อน ไดอยาง ผูอ่นื มีสวนรวมกบั ผอู นื่ ในการทาํ ถกู ตอง แตไมครบถว น ไมม สี วนรวมในการทํา การมีสว นรวม กิจกรรม และการอภิปราย กิจกรรมและการอภปิ ราย ในการทํากจิ กรรม เกยี่ วกับการจมนํา้ การลอย มสี ว นรวมกบั ผูอนื่ ในการ เกย่ี วกับการจมน้ําการลอย และการรวมกัน น้ําของสิง่ ของตา ง ๆ อยาง ทํากจิ กรรม และการ น้ําของส่ิงของตา งๆ แมว า อภปิ รายเกีย่ วกบั ตอ เน่ืองต้ังแตเ ร่ิมตนจน อภิปรายเกีย่ วกบั การ จะไดร บั การกระตุน จากครู การจมนํ้าและการ สําเรจ็ ลลุ วง จมนา้ํ การลอยนํ้าของ หรือผูอ่นื ลอยนํ้าของสิ่งของ สงิ่ ของตา ง ๆ เปน ตางๆ บางขณะ
25 คมู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 เร่อื งท่ี 2 การสงั เกตและการลงความเห็นจากขอ มูล ในเรือ่ งนีน้ กั เรียนจะไดเรียนรูเกี่ยวกับการใชประสาท สัมผัสในการสังเกตส่ิงตาง ๆ รอบตัวและการใช ประสบการณในการลงความเห็นจากขอมูล จดุ ประสงคการเรยี นรู 1. สังเกตรปู ภาพเพ่อื เปรยี บเทยี บความเหมือนและ ความแตกตา ง 2. สงั เกตและระบสุ ิ่งตา งๆ ท่อี ยูในถุง 3. อภปิ รายความหมายของการสงั เกตและ การลงความเห็นจากขอมลู เวลา 5 ชั่วโมง วัสดุ อุปกรณส ําหรบั ทํากจิ กรรม สื่อการเรียนรแู ละแหลง เรียนรู ถุงกระดาษ ไมเสียบ ขาวโพดคั่วหรือของท่ีสามารถ 1. หนงั สอื เรียน ป.1 เลม 1 หนา 8-12 กินไดและมีกลน่ิ เพ่อื ใสใ นถงุ ปริศนา 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป.1 เลม 1 หนา 9-16
คูมือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 26 แนวการจัดการเรยี นรู (120 นาที) ขัน้ ตรวจสอบความรู (20 นาท)ี 1. ครูติดบัตรคําซ่ึงมีขอความวา การสังเกตและการลงความเห็น จาก ในการตรวจสอบความรู ครู ขอมลู บนกระดาน จากนั้นใหนกั เรียนอา นตามครทู ลี ะคํา เพียงรับฟงเหตุผลของนักเรียนและ ยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวน 2. ครูตรวจสอบความรูเดิมของนักเรยี นโดยนําการอภปิ ราย ดงั น้ี ใหนักเรียนไปหาคําตอบดวยตนเอง 2.1. ถาครูบอกใหนักเรียนสังเกตสิ่งของบางอยางเพ่ือบอกวามันมี จากการอา นเน้อื เร่อื ง ลักษณะอยางไร นักเรียนจะมีวิธีสังเกตอยางไรบาง (นักเรียน ตอบไดต ามความเขาใจของตนเอง) 2.2. นักเรยี นจะลงความเหน็ เกีย่ วกับส่ิงท่ีสังเกตน้ันไดวาอยางไรบาง (นกั เรยี นตอบไดต ามความเขา ใจของตนเอง) ครูบันทึกคําตอบของนักเรียนบนกระดาน ครูอาจแสดงส่ิงของ บางอยางประกอบการอภปิ รายเพ่อื ชว ยใหน กั เรยี นเขาใจคาํ ถามไดดีขึน้ ขั้นฝก ทกั ษะจากการอา น (40 นาที) 3. นักเรียนอา นช่อื เรื่อง และคําถามคิดกอนอาน จากหนังสือเรียนหนา 8 แลวตอบคําถามตามความเขาใจของตนเอง ครูบันทึกคําตอบบน กระดานเพ่อื ใชเ ปรียบเทียบกับคําตอบของนักเรียนภายหลังจากการ ทํากจิ กรรม 4. นักเรียนอานคําในคําสําคัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หาก นักเรียนยังอานคําไมได ครูควรสอนการอานคําใหถูกตองและให นักเรียนอธิบายความหมายของคําตามความเขาใจของตนเอง ครู ชักชวนใหห าความหมายของคาํ ตา ง ๆ จากการอา นเน้อื เร่อื ง 5. นักเรียนอานเนื้อเร่ืองดวยวิธีการอานที่เหมาะสมกับความสามารถ ของนักเรียนทีละยอ หนา จากน้ันรวมกันอภิปรายใจความสําคัญตาม แนวคาํ ถาม ดงั นี้ แนวคําถามในยอ หนา ท่ี 1 และ 2
27 คูม ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 5.1. การสังเกตไอศกรีม มีวิธีสังเกตอยางไรบาง (ใชประสาทสัมผัส ตาง ๆ ทง้ั การดู การดม การชิมรส การฟง และการสัมผัส) 5.2. จากการสังเกต ไอศกรีมมีลักษณะอยางไร (เปนกอนกลม ๆ สเี ขยี ว ใสอ ยูในถวย) แนวคําถามในยอ หนา ที่ 3 5.3. จากขอมูล ไอศกรีมรสน้ีมีกลิ่นออน ๆ เปนการใชประสาท สัมผัสใดในการสงั เกต (การดมกลิ่น) 5.4. จากขอมูล เมื่อฉันเร่ิมกินไอศกรีมก็รูสึกเย็นท่ัวปากเปนการใช ประสาทสัมผัสใดในการสงั เกต (การสัมผสั ) 5.5. จากขอมูล รสชาติของไอศกรีมเปร้ียวปนหวาน เปนการใช ประสาทสัมผัสใดบา งในการสังเกต (การชิมรส) 5.6. จากขอมูล เมื่อฉันกัดถวยไอศกรีมก็ไดยินเสียงถวยแตกดังกรอบ เปน การใชประสาทสัมผสั ใดในการสังเกต (การฟง เสียง) แนวคาํ ถามในยอ หนาท่ี 4 5.7. จากเรื่องที่อาน ขอความใดเปนการลงความเห็นจากขอมูล (ไอศกรีมมกี ล่นิ หอม ถว ยทท่ี าํ จากขนมปงกรอบ) ขัน้ สรุปจากการอาน (60 นาท)ี 6. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจากเรื่องในบทเรียนจนไดขอสรุป เก่ียวกับความหมายของการสังเกตวาการสังเกตเปนการใชประสาท สัมผัสในการดู การดมกล่นิ การชิมรส การฟงเสยี ง และการสัมผัส ทํา ใหไดขอมูลเกี่ยวกับลักษณะตาง ๆ ของส่ิงท่ีสังเกต สวนการลง ความเห็นจากขอมูลเปนการใชความคิดเห็นของเรา หรือใช ประสบการณหรือส่ิงที่เราเคยรูมากอนมาอธิบายขอมูลที่สังเกตได ท้ังน้ีครูอาจถามนักเรียนเพิ่มเติมวาเขาใจคําวาประสบการณหรือไม คําน้ีมีความหมายวาอะไร (นักเรียนตอบไดตามความเขาใจของ ตนเอง)
คมู ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 28 หมายเหตุ ครูควรอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับความหมายของคํา ประสบการณ วาหมายถึง ส่ิงที่เราไดรับรูมากอน เกิดจากการกระทํา หรือท่ีไดพบเห็นมา ดังนั้น การใชประสบการณในการอธิบายสิ่งท่ี คน พบหรือส่ิงท่สี งั เกตได จึงเปน การลงความเหน็ จากขอ มูล 7. ครูใหความรูเพิ่มเติมกับนักเรียนวาในการสังเกตน้ัน เราไดใช สวนตา ง ๆ ของรางกายในการสงั เกต ไดแ ก จมกู ใชใ นการดมกลน่ิ ตา ใชในการมองดู หู ใชใ นการฟง เสยี ง ปาก/ลิ้น ใชใ นการชิมรส มอื ผิวกาย ผิวหนงั ใชในการสัมผัส การเตรียมตัวลวงหนาสําหรับครู เพือ่ จดั การเรียนรูในครงั้ ถัดไป 8. นักเรยี นตอบคําถามรหู รอื ยงั ในแบบบันทกึ กจิ กรรมหนา 9 ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะไดทํา 9. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ือเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียน กิจกรรมที่ 2 การสังเกตและการลง ความเหน็ จากขอมูลทําไดอยา งไร การเลน ในรูหรือยัง กับคําตอบท่ีเคยตอบและบันทึกไวในคิดกอนอาน เกมจับผิดรูปและสังเกตสิ่งท่ีอยูในถุง ปริศนา ดังน้ันครูควรเตรียมถุงปริศนาไว จากน้ันฝกเขียนคําวา การสังเกต และการลงความเห็นจากขอมูล ใน ลวงหนา โดยอาจเตรียมกลุมละ 1 ถุง และเตรียมขาวโพดค่ัวหรือเตรียมของท่ี แบบบันทึกกิจกรรมหนา 10 สามารถกนิ ได และมกี ล่ิน 1 ชนิด ใสลงใน กลอ งปริศนา 10.ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียน ในรูหรือยังกบั คําตอบทีเ่ คยตอบและบนั ทึกไวใ นคดิ กอนอา น 11.ครเู นน ย้าํ กบั นกั เรียนเก่ยี วกับคําถามทายเร่ืองท่ีถามวาการสังเกตและ การลงความเห็นจากขอมูลเปนอยางไร และแตกตางกันอยางไร และ อาจถามนกั เรียนเพ่ิมเติมวาการสังเกตและการลงความเห็นจากขอมูล มีประโยชนตอการเรียนรูวิทยาศาสตรอยางไรบาง ครูบันทึกคําตอบ ของนักเรียนบนกระดานโดยยังไมเฉลยคําตอบแตชักชวนใหนักเรียน ไปหาคําตอบจากการทํากจิ กรรมตอ ไป
29 คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 แนวคาํ ตอบในแบบบันทึกกิจกรรม ดู ดม ฟง หอม อรอย
คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 30 การสังเกต การสงั เกต การลงความเหน็ จากขอมูล การลงความเห็นจากขอมูล
31 คมู อื ครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 กจิ กรรมที่ 2 การสังเกตและการลงความเห็นจากขอมลู ไดอ ยา งไร กิจกรรมนี้นักเรียนจะไดเลนเกมเพื่ออธิบายวา ส่ือการเรยี นรแู ละแหลง เรียนรู การสังเกตคือการใชประสาทสัมผัสเก็บขอมูลเก่ียวกับ ลักษณะของสิ่งตางๆ สวนการลงความเห็นจากขอมูลคือ 1. หนังสือเรยี น ป.1 เลม 1 หนา 10-12 การใชความเห็นหรือประสบการณมาอธิบายเกี่ยวกับ 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป.1 เลม 1 หนา 12-16 ขอ มลู น้ัน ๆ 3. ตัวอยางวีดิทัศนปฏิบัติการวิทยาศาสตรเร่ืองการ เวลา 3 ชว่ั โมง สังเกตและการลงความเห็นจากขอมูลทําไดอยางไร จุดประสงคก ารเรียนรู http://ipst.me/8115 เลนเกมเพ่ืออธิบายความแตกตางระหวางการสังเกต และการลงความเหน็ จากขอ มลู วัสดุ อปุ กรณส ําหรับทํากจิ กรรม สงิ่ ทคี่ รูตอ งเตรยี ม/กลุม 1. ถุงกระดาษ ขนาด 12 x 13 นว้ิ 1 ใบ 2. ไมเ สียบเทา จํานวนนักเรยี นในกลุม 1 ไม/คน 3. ขาวโพดควั่ หรอื ของท่ีสามารถกนิ ได และมีกล่ินเพ่ือใสใ นถุงปริศนา ประมาณ 1/3 ของถุง 1 ถุง ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร S1 การสงั เกต S8 การลงความเหน็ จากขอ มูล ทกั ษะแหง ศตวรรษท่ี 21 C4 การสอ่ื สาร C5 ความรว มมือ
คูม ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 32 แนวการจดั การเรยี นรู ค รู รั บ ฟ ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง นักเรียนเปนสําคัญ ครูยังไม 1. ครูนําเขาสูบทเรียน ดวยการทบทวนความรูท่ีไดจากการศึกษาและทํา เฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวนให กิจกรรมในครั้งที่ผานมาเร่ืองการสังเกตและการลงความเห็นจากขอมูล หาคําตอบท่ีถูกตองจากกิจกรรม รวมถึงอภิปรายเพมิ่ เตมิ เกี่ยวกับการใชป ระสาทสัมผสั โดยใชค าํ ถาม ดังนี้ ตา ง ๆ ในบทเรียนี้ 1.1 การสังเกตคืออะไร (การสังเกตคือการใชประสาทสัมผัสในการบอก ลักษณะของสงิ่ ของ) 1.2 ประสาทสัมผัสท่ีใชในการสังเกตมีอะไรบาง (การดมกลิ่น การฟง เสียง การชมิ รส การมองดู และการสัมผสั ) 1.3 เราใชส ว นใดของรางกายในการดมกลนิ่ (จมกู ) 1.4 เราใชสว นใดของรางกายในการฟงเสยี ง (ห)ู 1.5 เราใชสวนใดของรางกายในการชิมรส (ปาก/ล้นิ ) 1.6 เราใชส วนใดของรางกายในการมองดู (ตา) 1.7 เราใชส ว นใดของรา งกายในการสัมผัส (มือ ผิวกาย ผวิ หนัง) 1.8 ขอ มลู ทีเ่ ราไดจากการดมกล่นิ คืออะไร (มกี ลิ่น หรอื ไมม ีกลิ่น) 1.9 ขอมูลท่ีเราไดจากการฟงเสียง คืออะไร (มีเสียง/ไมมีเสียง เสียงสูง/ เสียงตา่ํ เสียงดัง/เสยี งคอ ย) 1.10ขอมูลที่เราไดจากการชิมรส คืออะไร (มีรสชาติ เชน เปร้ียว หวาน เคม็ ขม และไมมรี สชาติ) 1.11ขอ มูลทีเ่ ราไดจากการมองดู คอื อะไร (รูปรา ง สี ขนาด) 1.12ขอมลู ทเ่ี ราไดจากการสมั ผสั คืออะไร ถานักเรียนไมเขาใจคําถาม ครู อาจปรับคําถามใหม เชน ถาเอามือไปจับ ลูบหรือกดสิ่งของ ทําให เรารลู ักษณะของสง่ิ ของอยา งไรบาง (แขง็ น่มิ ลืน่ หยาบ ละเอียด) ครูใหความรูเพ่ิมเติมกับนักเรียนวากลิ่นหอมหรือเหม็นเปน การลงความเห็นจากขอมูลที่ไดจากการดมกล่ิน เชน ทุเรียนเปนผลไมท่ีมี กล่ิน แตบางคนจะลงความเห็นจากขอมูลวาหอมแตบางคนจะบอกวา เหม็น ทงั้ นี้ขึน้ อยกู ับความชอบของแตละคน การบอกกลิ่นทุเรียนจึงไมถือ เปนการสงั เกต แตเ ปน การลงความเหน็ จากขอมลู การฟงเสียงและการชิม รสก็เชนเดียวกันบางคนตอบวา ไพเราะ (เพราะ) แตบางคนบอกวา ไมไพเราะ (ไมเพราะ) บางคนบอกวาอรอย แตบางคนบอกวาไมอรอย
33 คมู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 ดังนั้น ความไพเราะหรือไมไพเราะ ความอรอยหรือไมอรอย จึงไมใชสิ่งที่ ไดจากการสงั เกต แตเปนการลงความเห็นจากขอมลู 1.13การสังเกตเกี่ยวของกับการเรียนรูวิทยาศาสตรอยางไร (การสังเกต เปนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรหน่ึงท่ีชวยใหเรารูลักษณะ ของส่งิ ตา ง ๆ ได) 2. นักเรียนอานชื่อกิจกรรม และทําเปนคิดเปน ในหนังสือเรียนหนา 10 จากน้ันครูตรวจสอบความเขา ใจของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องท่ีจะเรียน โดย อาจใชค ําถาม ดงั นี้ 2.1. กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดเรียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร (การสังเกตและ การลงความเห็นจากขอมูล) 2.2. นักเรยี นจะไดเรยี นเรอ่ื งนดี้ ว ยวธิ ีใด (การเลน เกม) 2.3. เม่ือเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (อธิบายความแตกตางระหวาง การสังเกตและการลงความเห็นจากขอ มลู ) 3. นักเรียนอานส่ิงท่ีตองใช วากิจกรรมนี้ตองใชวัสดุอุปกรณอะไรบาง ให นักเรียนบอกชื่อวัสดุอุปกรณและวิธีใชอุปกรณ เน่ืองจากกิจกรรมนี้ มีการใชไมเสียบเพื่อจ้ิมส่ิงของในถุงปริศนามาใหนักเรียนสังเกต ครูควร ระวังไมใหนักเรียนนําไมเสียบมาเลนกันระหวางการทํากิจกรรมเพราะ อาจเกดิ อนั ตรายได 4. นักเรียนอานทําอยา งไร ในหนังสือเรยี นหนา 10 โดยครูอาจใชวิธีการอาน ท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบ ความเขาใจข้ันตอนการทํากิจกรรมทีละข้ัน โดยอาจนําอภิปรายตามแนว คําถาม ดงั นี้ 4.1 นักเรียนเคยเลนเกมจับผิดรูปหรือไม (นักเรียนตอบไดตาม ประสบการณข องตนเอง) 4.2 ส่งิ ท่ีนกั เรียนตอ งทําในการเลนเกมจับผิดรูป คืออะไร (รวมกันสังเกต และเปรียบเทียบรปู ทงั้ สองรูป จากนั้นหาวารปู ทั้งสองมีจุดท่ีแตกตาง กันทีใ่ ดบาง) 4.3 เมื่อนักเรียนพบจุดท่ีแตกตางกันของรูปทั้งสองแลว นักเรียนตองทํา อยา งไร (ใหว งกลมลอมรอบส่ิงที่รูปท้งั สองแตกตา งกัน ลงบนรูปท่ี 2)
คมู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 34 4.4 นักเรียนเขาใจความหมายของคําวาปริศนาหรือไม เขาใจวาอยางไร (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง จากนั้นครูอธิบาย ความหมายคําวา ปรศิ นา หมายถึง สง่ิ ท่ีปกปด ไวเพื่อให ทา ทาย) 4.5 ขณะนักเรียนสังเกตถุงปริศนา นักเรียนจะไดทํากิจกรรมตามลําดับ อยางไรบาง (1. เขยาถุงปริศนาและฟงเสียง 2. เจาะรูบนถุงปริศนา แลวดมกลิ่น 3. หลับตาแลวสัมผัสสิ่งท่ีอยูในถุงปริศนา 4. หลับตา แลวชิมรสสิ่งที่อยูในถุงปริศนา 5. เปดตาแลวมองดูสิ่งที่อยูใน ถุงปรศิ นา) ในการอภิปรายเก่ียวกับวิธีการทํากิจกรรมแตละข้ันตอน ครูอาจ สาธิตและใหนักเรียนทําตาม เชน เขยาถุงปริศนา ครูอาจใหนักเรียนทําทา เพอื่ ใหเ ขาใจความหมายของคําวา เขยา ตรงกัน และครูควรชี้แจงใหนักเรียน เขา ใจตรงกันวา เม่อื นักเรียนเจาะรูบนถุงปริศนาแลวใหสังเกตโดยการดมกลิ่น เทา นน้ั หามใชต าดสู ิ่งท่ีอยูในถุงเดด็ ขาด 4.6 ระหวา งการสงั เกตแตละข้นั ตอน นักเรียนตองทําอะไรบาง (บันทึกสิ่งที่ สังเกตได และบันทึกการลงความเห็นในทุกข้ันตอนของการสังเกตวา สิ่งที่อยูในถุงมีลกั ษณะอยา งไรและลงความเห็นวา สิ่งนั้นคืออะไร) ครูควรย้ําเตือนใหนักเรียนบันทึกลักษณะของสิ่งท่ีสังเกตไดตามจริง โดยไมเพิ่มความเห็นสวนตัวลงไป นักเรียนสามารถใชประสบการณของ ตนเองในการบนั ทึกเพอ่ื สรปุ วาสิ่งทอี่ ยูในถุงนน้ั คอื อะไร 4.7 หลังจากลงความเห็นจากขอมูลเสร็จแลว นักเรียนตองทําอยางไร ตอไป (นาํ เสนอผลการลงความเห็นจากขอ มูล) 5. เมอื่ นกั เรยี นเขาใจวธิ ีทาํ กิจกรรมในทําอยางไรแลว ใหนักเรียนปฏิบัติตาม ขัน้ ตอน ดังนี้ 5.1 เลน เกมจับผดิ รปู โดยรวมกันสังเกตรูปแตล ะรปู เพ่ือเปรียบเทียบส่ิงที่ เหมอื นและแตกตางของรูปท้ังสอง บันทึกผลการทํากิจกรรมในแบบ บนั ทึกกิจกรรมหนา 12 (S1) (C5) 5.2 นักเรียนแตละกลุมรับถุงปริศนาซ่ึงภายในบรรจุขาวโพดค่ัวไว ให นกั เรียนใชป ระสาทสมั ผสั สงั เกตสง่ิ ที่อยูในถุงตามลําดับข้ันตอน และ นกั เรียนบันทึกผลลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรมหนา 13 (S1)
35 คูมอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 ขอเสนอแนะเพิ่มเติม 5.3 นักเรียนใชประสบการณของตนเองลงความเห็นวาส่ิงที่อยูในถุง ครูอาจใชคําถามในระหวางที่ให คอื อะไร (S8) นักเรียนทํากิจกรรมการสังเกตถุงปริศนา ในแตละข้ันตอน เชน เม่อื ใหนักเรียนเขยา 5.4 นาํ เสนอผลการลงความเหน็ จากขอมูล (C4) ถุงและฟงเสียง ครูอาจถามวาใชประสาท 6. หลังจากทํากิจกรรมแลว ครูนําอภิปรายผลการทํากิจกรรม โดยใชคําถาม สัมผัสใดในการสังเกต และใชสวนใดของ รา งกายในการสงั เกต ดงั นี้ 6.1 นักเรียนทําอยางไรจึงสามารถจับผิดรูปได (ใชการสังเกตและ เปรียบเทยี บความแตกตาง) 6.2 ในการเลนเกมจับผิดรูป นักเรียนใชประสาทสัมผัสใดเพื่อการสังเกต (การดู) 6.3 การสังเกตชวยใหเราจับผิดรูปไดอยางไร (การสังเกตลักษณะและ รายละเอียดของรูปแตละรูป แลวนํามาเปรียบเทียบกัน ทําให สามารถเหน็ ขอ แตกตางได) 6.4 เมือ่ นกั เรียนเขยา ถงุ ปรศิ นาและฟงเสยี ง นกั เรียนใชป ระสาทสัมผัสใด ในการสงั เกต (การฟงเสียง) 6.5 สว นของรา งกายที่ใชคอื อะไร (หู) 6.6 ไดข อ มลู อะไรจากการฟงเสยี ง (มเี สยี งหรือไมมีเสยี ง) 6.7 เมือ่ นกั เรยี นเจาะถงุ ปริศนาแลว ดมกล่ินส่ิงของที่อยูในถุงปริศนา โดย หา มใชต าดู นกั เรยี นใชประสาทสัมผัสใดในการสงั เกต (การดมกลนิ่ ) 6.8 สวนของรางกายท่ใี ชค อื อะไร (จมกู ) 6.9 เมื่อนักเรียนหลับตาแลวใชมือสัมผัสส่ิงท่ีอยูในถุงปริศนา นักเรียนใช ประสาทสัมผสั ใดในการสังเกต (การสมั ผัส) 6.10สว นของรา งกายทใ่ี ชค อื อะไร (มอื ) 6.11 เมือ่ นกั เรียนหลับตาแลวใชม อื หยบิ สิ่งท่ีอยูในถุงปริศนามาคนละ 1 ช้ิน เพื่อชิมรส นักเรียนใชป ระสาทสมั ผัสใดในการสังเกต (การชิมรส) 6.12สวนของรา งกายทีใ่ ชคอื อะไร (ปากหรือลนิ้ ) 6.13เม่ือนักเรียนมองดูส่ิงท่ีอยูในถุงปริศนา นักเรียนใชประสาทสัมผัสใด ในการสงั เกต (การมองดู) 6.14สว นของรา งกายท่ใี ชค อื อะไร (ตา)
คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 36 6.15กิจกรรมถุงปริศนา เราใชประสาทสัมผัสอะไรบางในการสังเกตส่ิงที่ การเตรยี มตวั ลว งหนาสําหรบั ครู อยใู นถงุ ปริศนา (การฟงเสียง การดมกล่นิ การสัมผสั การชมิ รส และ เพอื่ จดั การเรยี นรใู นครง้ั ถดั ไป การมองดู) ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดศึกษา 6.16 การสังเกตในกิจกรรมถุงปริศนาเหมือนหรือแตกตางจากกิจกรรม เร่ืองท่ี 3 การจําแนกประเภท โดยครูอาจ จับผิดรูปอยางไร (แตกตางกัน กิจกรรมสังเกตรูปใชประสาทสัมผัส เตรียมสิ่งของตาง ๆ เชน ของเลนของใช เพียงอยางเดียวคือการมองดู สวนกิจกรรมถุงปริศนาใชประสาท เสื้อผา มาใหนักเรียนจําแนกประเภท สัมผัสหลายอยา ง) ทั้งน้ีเพื่อชวยใหนักเรียนเขาใจเรื่องที่อาน ไดด ยี งิ่ ข้ึน ครูใหค วามรูเพ่ิมเติมวา บางครั้งเราสงั เกตโดยใชป ระสาทสัมผัสเพียงอยาง เดียวก็สามารถอธิบายสงิ่ ตางๆ ได แตบ างครัง้ เราจําเปน ตอ งใชป ระสาทสัมผัส นอกจากน้ีครูอาจเตรียมทําบัตรคํา มากกวา 1 อยา งในการสงั เกตเพอื่ อธบิ ายสิง่ ตา ง ๆ จากน้ันครถู ามตอไปวา “การจําแนกประเภท” เพื่อสอนวิธีสะกด คาํ ดวย 6.17การสังเกตโดยใชประสาทสัมผัสในกิจกรรมน้ี เราทําอยางไรจึง สามารถระบุไดวาสิ่งท่ีอยูในถุงคืออะไร (ใชขอมูลท่ีไดจากการสังเกต มาเทียบเคียงกับสิ่งท่ีเคยกระทําหรือมีความรูมากอน เชน เคยเห็น เคยไดกลน่ิ เคยกนิ ขา วโพดควั่ มากอน) 6.18 การใ ชคว ามรู หรือ ประส บกา รณท่ี เคย มีมาก อนม าอธิ บาย ขอมู ล เรยี กวา อะไร (การลงความเห็นจากขอมูล) 6.19นักเรียนคิดวาการลงความเห็นมีประโยชนอยางไร (ประสบการณที่ เราเคยกินขาวโพดคั่วมากอน ทําใหเราสามารถอธิบายหรือบอกได อยางแมนยําวาส่งิ ทอ่ี ยูในถงุ คอื ขาวโพดค่ัว) 7. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเชื่อมโยงสิ่งที่ไดเรียนรูจากกิจกรรมเพ่ือ ล ง ค ว า ม เ ห็ น ว า ก า ร สั ง เ ก ต แ ล ะ ก า ร ล ง ค ว า ม เ ห็ น จ า ก ข อ มู ล เ ป น ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรที่เราใชในการเรียนรูเก่ียวกับ สงิ่ ตาง ๆ รอบตัว 8. นักเรียนรวมกันอภิปรายคําตอบในฉันรูอะไร โดยครูอาจเพ่ิมคําถามใน การอภิปรายเพอื่ ใหไ ดแนวคําตอบทถ่ี ูกตอง 9. นักเรียนสรุปสิง่ ทไี่ ดเรียนรูในกิจกรรมน้ี จากน้นั นักเรียนอานสงิ่ ทไี่ ดเรียนรู และเปรยี บเทียบกับขอ สรปุ ของตนเอง 10.นักเรียนตั้งคําถามในอยากรูอีกวา จากนั้นครูสุมนักเรียน 2-3 คน นําเสนอคําถามของตนเองหนาช้ันเรียนและใหนักเรียนชวยกันอภิปราย แนวคาํ ตอบ
37 คมู อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 11.ครูนําอภิปรายใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรและทักษะแหง ศตวรรษที่ 21 ในขั้นตอนใดบาง 12.นักเรียนอานรูอะไรในเรื่องน้ี ในหนังสือเรียน หนา 12 โดยครูและ นกั เรยี นรวมกนั อภิปรายเพ่ือนาํ ไปสูขอ สรปุ เกย่ี วกบั สิ่งทไี่ ดเรียนรูในเร่ืองน้ี จากน้ันครูกระตุนใหนักเรียนตอบคําถามในชวงทายของเน้ือเร่ือง ดังนี้ “นอกจากการสังเกตและการลงความเห็นจากขอมูลแลว ยังมีทักษะอ่ืน อีกหรือไมท่ีนักวิทยาศาสตรใชในการหาความรู” ครูใหนักเรียนลองตอบ คําถามตามท่ีตนเองคิด เชน การจําแนกประเภท การสรางแบบจําลอง ท้ังนี้นักเรียนอาจมีคําตอบที่แตกตางจากน้ี ครูยังไมตองเฉลยคําตอบแต บอกนักเรียนวายังมีทักษะอยางอื่นอีกท่ีนักวิทยาศาสตรใชในการหา ความรู เราจะไดเ รยี นรใู นเร่ืองตอ ๆ ไป
คูมือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 38 แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม
39 คมู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 ขาวอมเหลือง มีเสยี งดัง… มีกลนิ่ ... มรี ส... กลม แขง็ กดแลว แตก ผวิ ไมเ รยี บ ตอบตาม ตอบตาม ตอบตาม ตอบตาม ตอบตาม ความคดิ ของ ความคิดของ ความคิดของ ความคิดของ ความคดิ ของ นกั เรยี น นักเรียน นักเรียน นักเรยี น นักเรยี น ขา วโพดคว่ั
คูมอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 40
41 คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 ประสบการณต างกัน การมองดู ประสบการณ การสังเกต การลงความเห็น
คมู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 42 คาํ ถามของนกั เรียนท่ตี ้ังตามความอยากรูของตนเอง
43 คมู ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 แนวการประเมินการเรียนรู การประเมนิ การเรียนรขู องนักเรยี นทําได ดงั นี้ 1. ประเมนิ ความรเู ดิมจากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมินการเรยี นรูจากคําตอบของนักเรยี นระหวางการจดั การเรยี นรแู ละจากแบบบนั ทึกกิจกรรม 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ ละทกั ษะแหง ศตวรรษที่ 21 จากการทํากิจกรรมของนักเรยี น การประเมนิ จากการทาํ กจิ กรรมที่ 2 การสงั เกตและการลงความเหน็ จากขอ มูลทําไดอ ยางไร ระดบั คะแนน 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ 3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช รหัส ส่งิ ทป่ี ระเมิน ระดบั คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสังเกต S8 การลงความเหน็ จากขอ มลู ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 C4 การสือ่ สาร C5 ความรว มมอื รวมคะแนน
คูมือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 44 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรตามระดับความสามารถของนักเรียน โดยอาจใชเกณฑก ารประเมนิ ดงั น้ี ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรุง (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) 1. การสงั เกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถบรรยาย สามารถบรรยายรายละเอียด ไ ม ส า ม า ร ถ บ ร ร ย า ย ร า ย ล ะ เ อี ย ด ที่ รายละเอยี ดของสิ่งทีส่ ังเกต ดวยการใชป ระสาทสัมผสั รายละเอียดของสิ่งที่สังเกต สั ง เ ก ต ไ ด ดวยการใชป ระสาทสมั ผัส โดยอาศยั การชแ้ี นะของครู ได แมว า จะไดรับคําแนะนํา ประกอบดวย โดยไมเ พิ่มความคิดเหน็ หรือผอู ืน่ จากครูหรอื ผอู น่ื - ตําแหนง ของ สวนที่ไม เหมือนกันในรูป - ลกั ษณะของ ขา วโพดควั่ 8.การลงความเห็น การลงความเห็น สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จาก ไมส ามารถสามารถลง จากขอมูล เกี่ยวกับสิง่ ท่ีอยใู น ขอมลู เก่ียวกับส่งิ ท่ีอยูใ นถงุ ขอ มูลเกี่ยวกบั ส่งิ ท่ีอยใู นถุง ความเห็นจากขอมลู ถุงปรศิ นา ปรศิ นาไดด ว ยตนเอง ปริศนาได โดยอาศยั การ เกย่ี วกับสง่ิ ท่ีอยใู นถุง ชีแ้ นะของครหู รือผูอ่นื ปรศิ นาได แมว า จะไดร บั คําแนะนําจากครูหรือผูอ ่ืน
45 คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท ักษะแหงศตวรรษที่ 21 ตามระดับความสามารถของนักเรียน โดยอาจใชเกณฑการประเมนิ ดังนี้ ทักษะแหง รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1) ศตวรรษที่ 21 สามารถนาํ เสนอผลการลง พอใช (2) ไมส ามารถการนาํ เสนอ C4 การสือ่ สาร การนําเสนอผลการ ความเหน็ จากขอมลู ผลการลงความเหน็ จาก ลงความเห็นจาก เกีย่ วกบั ส่ิงท่ีอยูในถุง สามารถนาํ เสนอผลการลง ขอ มลู เกีย่ วกบั สิ่งที่อยูใน C5 ความ ขอ มูลเก่ยี วกบั สิ่งท่ี ปริศนา ไดอยางถูกตอง ความเห็นจากขอมลู เก่ยี วกับ ถุงปริศนาได รว มมอื อยูในถงุ ปรศิ นา ครบถวน สิง่ ท่อี ยใู นถงุ ปริศนา ไดอยาง มสี วนรวมในการสงั เกตรปู ถกู ตอง แตไมค รบถวน ไมมีสว นรว ม การมีสว นรว ม และการสังเกตสิง่ ท่ีอยใู นถุง ในการสงั เกตรปู และการ ในการสงั เกตรปู ปริศนาตั้งแตเ ริ่มตน จน มีสวนรว มในการสังเกตรปู สงั เกตส่งิ ท่ีอยูในถุง และการสังเกต สาํ เรจ็ ลุลว ง หรือการสงั เกตสิ่งท่ีอยใู นถุง ปริศนา สงั เกตสงิ่ ท่ีอยใู นถุง ปริศนาเปน บางขณะ ปรศิ นา
คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 46 เรื่องที่ 3 การจําแนกประเภท ในเรื่องนี้นักเรียนจะไดเรียนรูเกี่ยวกับการจําแนก ประเภทสิ่งของ โดยสังเกตและจําแนกส่ิงของตามลักษณะ ท่ีเหมือนกัน อธิบายความหมายและประโยชนของการ จาํ แนก จุดประสงคก ารเรยี นรู 1. สังเกต อภปิ ราย อธิบายความหมายและประโยชน ของการจาํ แนกประเภท 2. สังเกตและจาํ แนกสิ่งของตามลักษณะท่เี หมือนกนั เวลา 2 ชั่วโมง วัสดุ อุปกรณสาํ หรบั ทํากจิ กรรม สอื่ การเรยี นรแู ละแหลงเรียนรู กระดมุ แบบตา ง ๆ 1. หนงั สอื เรียน ป.1 เลม 1 หนา 13-16 2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.1 เลม 1 หนา 16-19
47 คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 ในการตรวจสอบความรู ครู เพียงรับฟงเหตุผลของนักเรียนและ แนวการจัดการเรียนรู (60 นาที) ยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวน ใหนักเรียนไปหาคําตอบดวยตนเอง ขน้ั ตรวจสอบความรู (20 นาที) จากการอานเนอ้ื เรอ่ื ง 1. ครูเร่ิมตนการสอนโดยเขียนคําวา การจําแนกประเภท บนกระดาน จากนั้นใหนักเรียนอานตามครู จากน้ัน ชักชวนนักเรียนอภิปรายเพ่ือ ตรวจสอบความรเู ดมิ ของนกั เรยี น โดยใชคําถามดังนี้ 1.1 การจําแนกประเภทหมายถึงอะไร (นักเรียนตอบไดตามความคิด ของตนเอง เชน การจัดส่ิงตาง ๆ ออกเปนกลุมตามลักษณะที่ เหมอื นหรอื แตกตา งกัน) 1.2 การจําแนกประเภทส่ิงของทําไดอยางไรบาง (นักเรียนตอบไดตาม ความคิดของตนเอง เชน ส่ิงของประเภทเดียวกันจัดรวมไว ดวยกนั ) 1.3 การจําแนกประเภทมีประโยชนหรือไม อยางไร (นักเรียนตอบได ตามความคิดของตนเอง เชน หองเปน ระเบียบ หาของไดงา ย) 1.4 ถา เราไมมีการจําแนกประเภทของสิ่งของจะเปนอยางไร (นักเรียน ตอบไดต ามความคดิ ของตนเอง เชน หอ งอาจไมเ ปนระเบยี บ) ครูเชื่อมโยงสูการเรียนเรื่องการจําแนกประเภท จากน้ันใหนักเรียน พิจารณารูปในหนังสือเรียน หนา 13 แลวชวนนักเรียนสนทนา เก่ียวกับรูปหองนอนวาเปนอยางไร ครูอาจใหนักเรียนมองหาเสื้อหรือ กางเกงที่มีลักษณะบางอยาง เชน เสื้อสีฟาปกสีน้ําเงิน จากในภาพ แลว ถามวาหาพบหรอื ไม และมองหางา ยหรือยาก ข้ันฝก ทกั ษะจากการอาน (40 นาที) 2. ครูใหนักเรยี นอานชอื่ เร่ือง และคําถามในคิดกอนอาน ในหนังสือเรียน หนา 13 แลวรวมกันอภิปรายในกลุมเพื่อหาแนวคําตอบ ครูบันทึก คําตอบของนักเรียนบนกระดานเพ่ือใชเปรียบเทียบคําตอบหลัง การอา นเนอ้ื เรอ่ื ง 3. นักเรียนอานคําในคําสําคัญ ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และอาจ ใหนักเรียนอธิบายความหมายตามความเขาใจ หากนักเรียนยัง
คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 48 อานไมได ใหครูสอนวิธีสะกดคํา ครูอาจเขียนคําศัพทและคําอาน บนกระดาน ดังน้ี การจําแนกประเภท อานวา กาน-จํา-แนก-ประ-เพด 4. ครูชวนนักเรียนอานเน้ือเร่ือง ตามวิธีการอานท่ีเหมาะสมกับ ความสามารถของนกั เรยี น จากน้ันรวมกันอภิปรายใจความสําคัญตาม แนวคาํ ถามดงั น้ี 4.1. นอกจากเสื้อผาแลว ในแตละวันนักเรียนใชสิ่งของอ่ืนอีกหรือไม อะไรบาง (นกั เรยี นตอบไดตามประสบการณข องตนเอง) 4.2. ถาวางของปะปนกัน จะเลือกหยิบของที่เราตองการ ไดงายหรือ ยากเพราะเหตุใด (นกั เรยี นตอบไดตามความเขา ใจของตนเอง) 4.3. จากเร่ืองท่ีอาน นักเรียนคิดวาการจําแนกประเภทหมายถึงอะไร (การจัดส่ิงของตาง ๆ ออกเปนกลุม ตามความเหมือนหรือความ แตกตางกนั ) 4.4. เราจําแนกประเภทของสิ่งของไดอยางไรบาง (ทําไดโดยการแยก ส่งิ ของออกเปนพวก ๆ ตามลักษณะการใชงาน หรือนักเรียนอาจ ตอบวาตามลกั ษณะทีเ่ หมอื นกันของส่ิงของ เชน สี ขนาด รปู รา ง) 4.5. การจําแนกประเภทมีประโยชนอยางไรบาง (หยิบก็งาย หายก็รู ดูก็งามตา หรือสามารถหยิบสิ่งของมาใชไดงาย เกิดความเปน ระเบยี บ เรียบรอย สบายตา) ขั้นสรปุ จากการอา น (10 นาที) 5. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจนไดขอสรุปจากเรื่องท่ีอานวา การจาํ แนกประเภท คอื การจดั ส่ิงของตาง ๆ ออกเปนกลุม ตามความ เหมือนหรือความแตกตางกัน หรือตามลักษณะการใชงานซึ่งมี ประโยชนทําใหหยิบส่ิงของมาใชไดงาย เกิดความเปนระเบียบ เรียบรอย 6. นกั เรียนตอบคําถามจากเร่อื งทีอ่ านในรูหรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 16
49 คมู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 การเตรียมตวั ลว งหนา สาํ หรับครู เพ่ือจัดการเรยี นรูในครง้ั ถัดไป 7. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียน ในรูหรือยังกับคําตอบท่ีเคยตอบและบันทึกไวในคิดกอนอาน จากนั้น ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะไดทํา ฝกเขียนคําวา การจําแนกประเภท ในเขียนเปน ในแบบบันทึก กิจกรรมท่ี 3 เร่ือง การจําแนกประเภท กิจกรรม หนา 16 ทําไดอยางไร โดยการสังเกตและจําแนก กระดุม ดังน้ัน กิจกรรมนี้ครูควรเตรียม 8. ครูชักชวนนักเรียนลองตอบคําถามทายเร่ืองที่อาน ดังนี้ การจําแนก กระดุมหลากหลายแบบ เพ่ือแจกใหแต ประเภททาํ ไดอ ยางไร ครูบันทกึ คําตอบของนักเรยี นบนกระดานโดยยัง ละกลมุ อยางนอ ยกลุมละ 10 เมด็ หรือให ไมเฉลยคําตอบแตช ักชวนใหนักเรียนไปหาคําตอบจากการทํากิจกรรม นักเรียนชว ยกันเตรียมกระดุมแบบตาง ๆ ตอไป มาจากท่ีบาน และทุกกลุมควรไดรับ ก ร ะ ดุ ม ที่ มี ลั ก ษ ณ ะ เ ห มื อ น กั น แ ล ะ มี จํานว นเทากัน เพ่ือส ะดวกในการ อภิปรายผลการจําแนกประเภทของ กระดุม
คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 50 แนวคําตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม เหมอื น แตกตา งกนั การจาํ แนกประเภท การจําแนกประเภท
51 คูม ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 กจิ กรรมที่ 3 จําแนกสิง่ ของไดอ ยา งไร กิจกรรมนน้ี กั เรียนจะไดจ ําแนกส่งิ ของ โดยการสังเกต สอื่ การเรียนรแู ละแหลงเรียนรู และจําแนกประเภทสิ่งของตามลักษณะที่เหมือนหรือ แตกตา งกันของส่งิ ของ 1. หนังสอื เรียน ป.1 เลม 1 หนา 14-15 เวลา 1 ชว่ั โมง 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.1 เลม 1 หนา 17-19 จุดประสงคการเรยี นรู 3. ตวั อยา งวดี ทิ ัศนปฏบิ ตั ิการวทิ ยาศาสตรเร่ือง สังเกต และจําแนกประเภทสิ่งของตามลักษณะท่ี เหมือนหรือแตกตางกัน การจาํ แนกประเภททําไดอยา งไร วัสดุ อุปกรณสําหรับทํากจิ กรรม http://ipst.me/8118 สง่ิ ที่ครตู อ งเตรยี ม/กลุม กระดุมแบบตา ง ๆ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร S1 การสังเกต S4 การจําแนกประเภท ทกั ษะแหง ศตวรรษที่ 21 C4 การสื่อสาร C5 ความรวมมือ
คูม อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 52 แนวการจัดการเรยี นรู ค รู รั บ ฟ ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง นักเรียนเปนสําคัญ ครูยังไม 1. ครูทบทวนความรูพื้นฐานท่ีไดจากการเรียนรูในการเรียนคร้ังที่ผานมา เฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวนให เรอ่ื งการจําแนกประเภท โดยใชคาํ ถามดงั นี้ หาคําตอบที่ถูกตองจากกิจกรรม 1.1 การจําแนกประเภทคืออะไร (การแยกส่ิงของออกเปนกลุมตาม ตา ง ๆ ในบทเรยี น้ี ลักษณะที่เหมือนกัน เชน มีสีเหมือนกัน มีรูปรางเหมือนกัน หรือใช งานไดเ หมือนกัน) 1.2 การจําแนกประเภทนํามาใชในชีวิตประจําวันไดหรือไม อยางไร (นักเรียนตอบไดตามความเขาใจของตนเอง เชน การแยกประเภท ของเลน ของใช) 1.3 การจําแนกประเภททําไดอยางไร (นักเรียนตอบไดตามความเขาใจ ของตนเอง) 2. นักเรียนเปดหนังสือเรียน หนา 14 อานชื่อกิจกรรม และทําเปนคิดเปน จากน้ันครูตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเก่ียวกับส่ิงที่จะเรียน โดย อาจใชค ําถาม ดงั นี้ 2.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะไดเรียนเก่ียวกับเร่ืองอะไร (การจําแนก ประเภท) 2.2 นักเรียนจะไดเรียนเร่ืองน้ีดวยวิธีใด (การสังเกตและการจําแนก ประเภทของสงิ่ ของ) 2.3 เม่ือเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (จําแนกประเภทส่ิงของตาม ลักษณะท่เี หมือนหรือแตกตางกนั ) 3. นักเรียนอานทําอยางไร โดยครูอาจใชวิธีการอานท่ีเหมาะสมกับ ความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความเขาใจข้ันตอนการ ทาํ กิจกรรมทีละขน้ั โดยอาจนาํ อภิปรายตามแนวคาํ ถาม ดังน้ี 3.1 กิจกรรมนี้ สิ่งของทีน่ กั เรยี นตองจําแนกคืออะไร (กระดุม) 3.2 กอนการจําแนก นักเรียนตองทําอะไรบาง (สังเกตลักษณะของ กระดมุ แตละเมด็ ) 3.3 จําแนกกระดมุ โดยใชสิง่ ใด (ลักษณะของกระดมุ ที่สงั เกต) 3.4 เมื่อจําแนกเสร็จแลว นักเรียนตองทําอะไรบาง (นําเสนอผล การจาํ แนกใหเ พือ่ นกลมุ อ่ืนฟง ) 4. หลังจากนักเรียนเขาใจวิธีการทํากิจกรรมแลว ใหนักเรียนลงมือทํา กิจกรรม ดังน้ี 4.1 สังเกตลักษณะของกระดุมแตละเม็ดวามีลักษณะเหมือนกันและ แตกตา งกันอยางไร (S1)
53 คมู อื ครรู ายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 4.2 เลือกลักษณะของกระดุมที่จะนํามาใชในการจัดกลุม เชน สี ขนาด รูปราง โดยครูใหนักเรียนแตละกลุมเลือกลักษณะของกระดุมท่ีจะ นํามาใชในการจําแนกที่แตกตางกัน และใชลักษณะเดียวกัน อยางนอ ยลักษณะละ 2 กลมุ 4.3 จําแนกหรือแยกกระดุมเปนกลุมตามลักษณะท่ีเลือกไว โดยให กระดุมที่มีลักษณะเหมือนกันอยูในกลุมเดียวกัน (S4) (C5) โดยครู อาจใหนักเรียน ติดกระดุมท่ีจําแนกแลวลงบนกระดาษ A4 จากน้ัน บนั ทึกผลการทํากจิ กรรมในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม หนา 17 4.4 นําเสนอผลการจําแนกกระดุม และเปรียบเทียบกับกลุมอ่นื ๆ (C4) 5. หลังจากการนําเสนอของนักเรียน ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายผล การทํากิจกรรม โดยครูอาจใชคาํ ถาม ดังน้ี 5.1 จากกิจกรรมน้ี นักเรียนใชลักษณะใดในการจําแนกกระดุมออกเปน กลุม (นกั เรียนตอบไดตามผลการทาํ กิจกรรม) 5.2 กลุมใดใชลักษณะที่เหมือนกันในการจําแนกกระดุม (นักเรียนตอบ ไดต ามผลการทํากิจกรรม เชน กลุมท่ี 1และ 5 ใช สี ในการจําแนก กระดุม) 5.3 เม่ือใชลักษณะของกระดุมที่แตกตางกันในการจําแนกกระดุม กลุม ของกระดุมเปลีย่ นไปหรือไม อยา งไร (เปล่ยี นไป กลุมของกระดุมจะ เปลี่ยนไปตามลักษณะที่ใชจําแนก เชน กลุมที่ใชสีของกระดุมใน การจําแนก จะมีการแบงกลุมของกระดุมแตกตางกับกลุมท่ีใช ขนาดหรือรูปรา งของกระดุมในการแบงกลมุ ) 5.4 นักเรียนคิดวา การจําแนกกระดุมออกเปนกลุมมีประโยชนอยางไร บาง (นักเรียนตอบไดตามความเขาใจของตนเอง เชน ชวยใหหยิบ กระดุมมาใชไ ดงา ยขน้ึ คน หากระดมุ ไดง ายข้ึน สามารถเลือกกระดุม ไปใชใหเหมาะสมไดงา ยขึน้ ) 6. ครูนําคําถามท่ีถามนักเรียนในตนช่ัวโมง มาอภิปรายอีกคร้ัง เพ่ือ ตรวจสอบความรูของนกั เรยี นหลงั การทํากจิ กรรม โดยใชค ําถามดงั นี้ 6.1 การจําแนกประเภทคืออะไร (คือการแยกส่ิงของออกเปนกลุมตาม ลักษณะที่เหมือนกัน เชน มีสีเหมือนกัน มีรูปรางเหมือนกัน หรือ ใชงานเหมอื นกนั ) 6.2 การจําแนกประเภทนํามาใชในชีวิตประจําวันไดหรือไม อยางไร (นักเรียนตอบไดตามความเขาใจของตนเอง เชน การจัดตูเสื้อผา
คมู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 54 แบงเส้ือผาออกเปนกลุมเสื้อ กางเกง หรือการจัดของใชในหองครัว แบงออกเปน กลุมจาน ชาม เปน ตน ) 6.3 นักเรียนสามารถจําแนกประเภทนักเรียนในหองไดก่ีกลุม และใช ลักษณะใดในการจําแนก (นักเรียนตอบไดตามความเขาใจของ ตนเอง เชน จําแนกโดยใชเพศไดเปน 2 กลุม หรือจําแนก โดยใช สเี สอ้ื ของนักเรยี นไดเ ปน 2 กลมุ เปน ตน ) 7. นักเรียนรวมกันอภิปรายและตอบคําถามในฉันรูอะไร โดยครูอาจเพิ่ม คาํ ถามในการอภิปรายเพ่ือใหไ ดแ นวคาํ ตอบท่ีถูกตอง 8. นักเรียนสรุปสิ่งท่ีไดเรียนรูในกิจกรรมน้ี โดยครูและนักเรียนรวมกัน เชื่อมโยงสิ่งที่ไดเรียนรูจากกิจกรรมเพื่อสรุปวา การจําแนกประเภท เปน การจดั กลุม ของสิ่งตาง ๆ โดยใชลักษณะทเี่ หมอื นหรือแตกตา งกัน ชวยให เราสามารถแยกส่ิงของที่มีลักษณะแตกตางกันออกจากกัน และจัดกลุม ส่ิงของนั้นใหมตามลักษณะท่ีเหมือนกันจากนั้นครูใหนักเรียนอานสิ่งที่ได เรยี นรู และเปรียบเทยี บกับขอสรุปของตนเอง 9. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกต้ังคําถามเกี่ยวกับเรื่องท่ีสงสัยหรืออยากรู เพิ่มเติมใน อยากรูอีกวา จากน้ันครูอาจสุมนักเรียน 2 -3 คน นําเสนอ คําถามของตนเองหนาชั้นเรียน และใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ คาํ ถามท่ีนาํ เสนอ 10.ครูนําอภิปรายใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 อะไรบางและในขั้นตอน ใดบา ง
55 คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 แนวคําตอบในแบบบันทึกกิจกรรม นักเรยี นตอบไดตามผลการทํากิจกรรม เชน ลกั ษณะของกระดุมที่ เลือกใชใ นการจดั กลุม คือ สี จดั กลุมกระดุมได 2 กลุม ดังนี้ กระดุมสเี ขียว 3 เม็ด สขี าว 4 เมด็ นกั เรยี นตอบไดตามผลการทํากจิ กรรม เชน ลักษณะอื่น ๆ ทีส่ ามารถ นํามาใชใ นการจดั กลมุ กระดุม คอื ขนาด รูปราง จํานวนรูตรงกลางเม็ด กระดมุ
คมู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 56 คําตอบตามผลการทาํ กิจกรรมของนกั เรยี น เชน พนื้ ผวิ หรือจาํ นวนรู ลกั ษณะ สี ขนาด รปู รา ง
57 คมู ือครรู ายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 จดั กลุม ความเหมือน คาํ ถามของนกั เรียนที่ต้ังตามความอยากรขู องตนเอง
คมู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 58 แนวการประเมินการเรียนรู การประเมินการเรียนรูข องนักเรยี นทําได ดงั นี้ 1. ประเมินความรูเดิมจากการอภปิ รายในช้ันเรยี น 2. ประเมินการเรียนรจู ากคําตอบของนกั เรียนระหวา งการจัดการเรยี นรูและจากแบบบนั ทึกกจิ กรรม 3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 จากการทาํ กิจกรรมของนักเรยี น การประเมนิ จากการทาํ กิจกรรมที่ 3 จําแนกสงิ่ ของไดอยา งไร ระดบั คะแนน 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช รหัส สิ่งท่ปี ระเมิน ระดบั คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสังเกต S4 การจําแนกประเภท ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 C4 การส่อื สาร C5 ความรวมมอื รวมคะแนน
59 คูมอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรตามระดบั ความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใชเกณฑก ารประเมิน ดังน้ี ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรงุ (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) S1 การสงั เกต การบรรยาย สามารถใชประสาทสัมผัส สามารถใชป ระสาทสมั ผสั ไมสามารถใชป ระสาท รายละเอยี ด เกบ็ รายละเอยี ดของขอมูล เก็บรายละเอียดของขอ มูล สัมผัสเกบ็ รายละเอยี ดของ เกยี่ วกบั ลกั ษณะ เก่ียวกบั ลักษณะของ เก่ียวกับลกั ษณะของกระดุม ขอมูลเกีย่ วกับลักษณะของ ของกระดุมท่ี กระดมุ ท่สี งั เกตได เชน สี ทสี่ ังเกตได เชน สี ขนาด กระดมุ ท่สี ังเกตได เชน สี สงั เกตได เชน สี ขนาด จํานวนรู และรปู ราง จํานวนรู และรปู รางของ ขนาด จํานวนรู และรูปราง ขนาด จํานวนรู ของกระดุมไดดว ยตนเอง กระดุมได จากการช้แี นะของ ของกระดุมได แมว า จะได และรปู รางของ โดยไมเ พิ่มเติมความ ครูหรือผอู ืน่ หรือมีการ รับคําชแี้ นะจากครหู รือ กระดมุ คิดเหน็ เพิม่ เติมความคิดเห็น ผูอ่ืน S4 การจําแนก การจําแนกกระดุม สามารถจดั กลมุ ของ สามารถจัดกลมุ ของกระดุม ไมสามารถจัดกลุม ของ ประเภท โดยใชล กั ษณะท่ี กระดุมแบบตา ง ๆ โดยใช แบบตา ง ๆ โดยใชลกั ษณะท่ี กระดมุ แบบตาง ๆ โดยใช เหมือนหรอื ลกั ษณะท่ีเหมือนหรือ เหมอื นหรือแตกตางกันของ ลกั ษณะท่ีเหมือนหรอื แตกตา งกันของ แตกตา งกันของกระดุมใน กระดมุ ในการจาํ แนกไดอยาง แตกตางกนั ของกระดุมใน กระดมุ ในการ การจําแนกไดอยางถูกตอง ถกู ตองจากการช้แี นะของครู การจําแนกได แมว า จะ จาํ แนก ดว ยตนเอง หรอื ผูอ ่นื ไดร ับคําแนะนําจากครูหรือ ผูอ่ืน
คูมอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 60 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท ักษะแหง ศตวรรษที่ 21 ตามระดบั ความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใชเกณฑการประเมิน ดงั นี้ ทักษะแหง รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรงุ (1) ศตวรรษท่ี 21 สามารถนาํ เสนอขอ มูล พอใช (2) ไมส ามารถนําเสนอขอมลู จาก C4 การสอ่ื สาร นําเสนอขอมลู จาก จากการอภปิ ราย การอภปิ รายลักษณะของ การอภปิ ราย ลกั ษณะของกระดมุ เพ่อื สามารถนําเสนอขอมูลจาก กระดมุ เพื่อจําแนกกระดุม C5 ความ ลกั ษณะของกระดุม จาํ แนกกระดุมออกเปน การอภิปรายลกั ษณะของ ออกเปนกลุม เชน โดยใช รว มมอื เพ่ือจําแนกกระดุม กลมุ เชน โดยใชคําพดู กระดุม เพื่อจาํ แนกกระดมุ คําพูด หรือเขยี นบรรยาย ออกเปน กลุม หรอื เขยี นบรรยาย ออกเปน กลุม เชน โดยใช เพ่อื ใหผูอน่ื เขา ใจได แมวาจะ เพ่อื ใหผ ูอ ืน่ เขาใจไดดว ย คําพดู หรอื เขียนบรรยาย ไดรบั คาํ ชแ้ี นะจากครูหรือ ทาํ งานรวมกบั ผูอ่ืน ตนเอง เพ่ือใหผูอ ่นื เขาใจได โดย ผอู ื่น ในการทาํ กิจกรรม สามารถทํางานรวมกับ อาศยั การชีแ้ นะจากครหู รือ ไมสามารถทํางานรวมกบั และการรว มกัน ผูอื่นในการทํากิจกรรม ผูอ่นื ผอู ื่นไดต ลอดเวลาที่ทํา อภิปรายเก่ียวกบั และการรวมกันอภิปราย สามารถทาํ งานรวมกับผูอื่น กจิ กรรม การจําแนกกระดุม เ กี่ ย ว กั บ ก า ร จํ า แ น ก ในการทาํ กิจกรรม และการ แบบตา ง ๆ รวมท้งั ก ร ะ ดุ ม แ บ บ ต า ง ๆ รวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ ยอมรับความ รว ม ทั้งย อม รับค ว า ม ก า ร จํ า แ น ก ก ร ะ ดุ ม แ บ บ คดิ เห็นของผูอ่ืน คิดเห็นของผูอื่นต้ังแต ตาง ๆ รวมท้ังยอมรับความ เร่มิ ตนจนสาํ เร็จ คิ ด เ ห็ น ข อ ง ผู อื่ น บ า ง ชว งเวลาที่ทาํ กิจกรรม
61 คูมอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 เรอ่ื งที่ 4 การพยากรณ ในเรื่องนี้นักเรียนจะไดเรียนรูเก่ียวกับการพยากรณ โดยการสังเกตและลงความเห็นจากขอมูล เพื่อพยากรณ ส่ิงท่ีจะเกิดข้ึนและอธิบายความหมายและประโยชนของ การพยากรณ จดุ ประสงคการเรียนรู 1. สังเกต อภปิ ราย และอธบิ ายความหมายและ ประโยชนของการพยากรณ 2. สังเกตและพยากรณส ิ่งที่จะเกิดขึน้ จากรปู ท่นี ําเสนอ เวลา 2 ชว่ั โมง วสั ดุ อุปกรณส าํ หรบั ทํากจิ กรรม สอ่ื การเรยี นรแู ละแหลง เรียนรู หนา 17-20 หนา 20-22 - 1. หนังสือเรียน ป.1 เลม 1 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.1 เลม 1
คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 1 62 แนวการจดั การเรยี นรู (60 นาที) ขัน้ ตรวจสอบความรู (10 นาที) 1. ครเู ร่มิ ตน การสอนโดยเขยี นคาํ วา การพยากรณ บนกระดานจากน้ัน ครู ในการตรวจสอบความรู ครู ตรวจสอบความรเู ดมิ ของนกั เรยี นโดยชกั ชวนนกั เรียนอภปิ ราย ดังน้ี เพียงรับฟงเหตุผลของนักเรียนและ 1.1 นักเรียนเคยไดยินคําวาการพยากรณหรือไม ไดยินจากที่ใดบาง ยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวน (นกั เรียนตอบไดตามความเขา ใจของตนเอง เชน พยากรณอากาศ) ใหนักเรียนไปหาคําตอบดวยตนเอง 1.2 การพยากรณเก่ียวของกับนักเรียนหรือไม อยางไร (นักเรียนตอบ จากการอานเน้อื เรอ่ื ง ไดต ามความเขาใจของตนเอง เชน เกีย่ วขอ ง โดยใชขอมูลจากการ พยากรณอ ากาศเพอ่ื วางแผนการเดินทาง) เม่ือนกั เรียนตอบคาํ ถามแลว ครูเช่ือมโยงสูการเรียนเรื่อง การพยากรณ โดยกลา ววา นักเรียนอาจหาคาํ ตอบไดเ มอื่ อา นเรอ่ื ง การพยากรณ ข้นั ฝกทักษะจากการอา น (40 นาที) 2. ครใู หน ักเรยี นอา นช่ือเร่อื ง และคาํ ถามในคิดกอนอาน ในหนังสือเรียน หนา 17 แลวรวมกันอภิปรายในกลุมเพ่ือหาแนวคําตอบ ครูบันทึก คําตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใชเปรียบเทียบคําตอบหลัง การอา นเน้อื เรื่อง 3. นักเรียนอานคําในคําสําคัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และอาจ ใหนักเรียนอธิบายความหมายตามความเขาใจ หากนักเรียนยังอาน ไมได ใหครูสอนวิธีสะกดคํา ครูอาจเขียนคําศัพทและคําอานบน กระดาน ดังนี้ การพยากรณ อา นวา พะ-ยา-กอน 4. ครูใหนักเรียนอานเน้ือเร่ืองตามวิธีการอานท่ีเหมาะสมกับ ความสามารถของนกั เรียน จากน้ันรวมกันอภิปรายใจความสําคัญตาม แนวคาํ ถาม ดงั นี้ 4.1. จากเน้ือเรอื่ งท่อี าน ขอมูลท่ีไดจากการสังเกตมีอะไรบาง (ทองฟา มดื และมเี มฆหนาปกคลมุ )
63 คมู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 1 4.2. เหตใุ ดเดก็ ในรปู จึงตัดสินใจเลนอยูในบานแทนที่จะออกไปเลนนอก บาน (จากขอมูลเม่ือวันกอนที่พบวา เม่ือทองฟามืด และมีเมฆหนา ปกคลุม ฝนจะตก ดังนั้น เด็กจึงตัดสินใจเลนอยูในบานแทนท่ีจะ ออกไปเลนนอกบา น) 4.3. เด็กในรูปใชการพยากรณหรือไม เพราะเหตุใด (ใชการพยากรณ เพราะ มีการใชขอมูลท่ีเคยพบมากอน มาพยากรณหรือ คาดการณส ่ิงท่จี ะเกดิ ตอ ไปได) ขนั้ สรปุ จากการอา น (10 นาที) 5. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจนไดขอสรุปจากเรื่องท่ีอานวา การพยากรณเปนการใชขอมูลที่เคยพบมากอนมาใชพยากรณหรือ คาดการณสิง่ ท่ีจะเกดิ ข้นึ 6. นักเรยี นตอบคําถามจากเรอ่ื งที่อานในรูหรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 20 7. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียน ในรูหรือยงั กบั คําตอบทเ่ี คยตอบและบันทึกไวในคดิ กอนอา น 8. ครชู กั ชวนนักเรียนลองตอบคําถามทายเร่ืองท่ีอาน ดังน้ี การพยากรณ ทําไดอ ยางไร ครูบันทกึ คาํ ตอบของนักเรียนบนกระดานโดยยังไมเฉลย คําตอบแตช ักชวนใหนกั เรยี นไปหาคาํ ตอบจากการทํากจิ กรรมตอไป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226