Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (คู่มือ) หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ม.1 ล.1

(คู่มือ) หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ม.1 ล.1

Published by แชร์งานครู Teachers Sharing, 2021-01-22 08:04:45

Description: (คู่มือ) หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ม.1 ล.1
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
เล่ม 1

ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Keywords: (คู่มือ) หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ม.1 ล.1,คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์,กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560),หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Search

Read the Text Version

หน่วยท่ี 4 | การดำรงชวี ติ ของพชื 215 คู่มือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ การน�ำเขา้ สหู่ น่วยการเรยี นรู ้ ครูด�ำเนนิ การดังน้ี 1. ให้นกั เรยี นสังเกตภาพและอ่านเนอ้ื หานำ� หน่วยท่ี 4 ในหนงั สือเรียน ร่วมกันอภิปรายและตอบคำ� ถามดัง ต่อไปน้ี • นักเรียนสังเกตเห็นอะไรบ้างจากภาพในหนังสือ เรียน(สังเกตเห็นอุโมงค์ท่ีมืด มีหลอดไฟให้แสง สวา่ ง มีชน้ั วางและมพี ชื อยบู่ นชั้น) • นกั เรยี นคดิ วา่ การปลูกพืชในอุโมงคด์ งั ภาพ พืช จะเจริญเติบโตไดห้ รือไม่ เพราะเหตุใด (นกั เรยี น ตอบตามความเข้าใจ เช่น พืชเจริญเติบโตไม่ได้ เพราะไม่มีดิน ไม่มีแสงอาทิตย์ หรือพืชเจริญ เติบโตได้ เพราะสามารถปลกู พชื แบบไม่ใช้ดินได้ และสามารถใช้แสงไฟฟ้าแทนแสงอาทติ ย์ได)้ • นกั เรยี นคดิ วา่ ตอ้ งทำ� อยา่ งไรบา้ ง ใหอ้ โุ มงคใ์ ตด้ นิ มสี ภาพแวดลอ้ มทสี่ ามารถปลกู พชื ได้ (ตอ้ งศกึ ษา ความต้องการของพืช ปรับพื้นที่ วางระบบน้�ำ ระบบไฟ และระบบระบายอากาศให้เหมาะสม ต่อการเจริญเติบโตของพชื ) ความร้เู พมิ่ เตมิ ส�ำหรบั ครู ภาพน�ำหน่วย คือ ภาพการปลูกพืชในอุโมงค์ใต้ดิน ซ่ึงการปลูกพืชในอุโมงค์ใต้ดิน มีการทดลองและประสบ ความส�ำเร็จท่ีประเทศอังกฤษ โดยใช้อุโมงค์ร้างท่ีเคยเป็นที่หลบภัยระเบิดระหว่างสงครามโลกคร้ังท่ี 2 อุโมงค์ ลึกประมาณ 33 เมตร สามารถบรรจุคนได้ประมาณ 8,000 คน หลังสงครามอุโมงค์แห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้าง จนกระทงั่ มคี นนำ� พนื้ ทท่ี ง้ิ รา้ งนมี้ าปลกู พชื จำ� พวกผกั สลดั โดยใชร้ ะบบไฮโดรพอนกิ สใ์ ชแ้ สงจากหลอดไฟ LED ซง่ึ เปน็ หลอดไฟทลี่ ดการใชพ้ ลงั งาน และไมป่ ลอ่ ยมลพษิ ออกสสู่ งิ่ แวดลอ้ ม หลงั จากประสบความสำ� เรจ็ ในการทดลองปลกู พชื ในอโุ มงค์ ฟารม์ ปลกู พชื ใตด้ นิ แหง่ นก้ี ส็ ามารถผลติ ผกั สดและผกั สลดั สง่ ขายไดจ้ ำ� นวนมากทำ� รายไดใ้ หแ้ กเ่ จา้ ของฟารม์ เพราะเป็นผกั ปลอดสารพิษซง่ึ เปน็ ทน่ี ิยมของผ้บู รโิ ภค แนวคิดการน�ำภาพมาใช้ เพ่ือกระตุ้นให้นักเรียนสนใจการด�ำรงชีวิตของพืชและสามารถน�ำความรู้ไปใช้ประโยชน์ใน ชีวติ ได้ ครอู าจเตรยี มภาพก่อนและหลงั การท�ำฟารม์ แห่งนม้ี าให้นกั เรียนเปรยี บเทยี บได้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

216 หน่วยท่ี 4 | การดำ�รงชีวติ ของพืช คมู่ อื ครรู ายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ • สภาพของอุโมงค์ใต้ดิน หลังมีการปรับสภาพ ความรู้เพ่มิ เติมสำ�หรับครู แวดล้อมแล้ว มีความเหมาะสมกับการปลูกพืช ภาพนำ� บท คอื ภาพสระนำ�้ ภายในวดั สงิ หค์ ยู าง จ.ลพบรุ ี หรอื ไม่ อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบไดต้ ามความเขา้ ใจ ที่เต็มไปด้วยต้นผักตบชวาที่ออกดอกบานสะพร่ัง เช่น เหมาะสมต่อพชื เพราะมีการให้น�้ำส�ำหรับ ในช่วงเดือนมีนาคม ผักตบชวาเป็นพืชดอกที่สามารถ พืชน�ำไปใช้ในการเจริญเติบโต มีแสงไฟส�ำหรับ สืบพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศและแบบไม่อาศัยเพศ ให้พชื ใช้ในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง) ท�ำใหแ้ พรพ่ ันธไุ์ ดอ้ ย่างรวดเรว็ 2. ให้นักเรียนวิเคราะห์ค�ำถามน�ำหน่วย และอภิปราย ว่าในหน่วยนน้ี กั เรยี นจะไดเ้ รียนเก่ยี วกับเรอ่ื งอะไร 3. สรุปข้อมูลเพ่ือเชื่อมโยงเข้าสู่บทที่ 1 โดยครูอาจใช้ คำ� ถามวา่ นกั เรยี นมคี วามรเู้ กย่ี วกบั การสบื พนั ธข์ุ อง พชื ดอกหรือไม่ 4. ใหน้ กั เรยี น สงั เกตภาพนำ� บทท่ี 1 ในหนงั สอื เรยี น วดี ิ ทศั น์ หรอื สอื่ อนื่ ๆ ทเ่ี กย่ี วกบั ปญั หาการเพมิ่ จำ� นวน ของผักตบชวาในแหลง่ นำ�้ ของประเทศไทย จากนนั้ ให้นักเรียนอ่านเนื้อหาน�ำบท และร่วมกันอภิปราย เก่ียวกับการเพิ่มจ�ำนวนของผักตบชวา โดยอาจใช้ ค�ำถามดงั น้ี • นักเรียนคิดว่าผักตบชวาท่ีแพร่พันธุ์เต็มผืนน้�ำ สง่ ผลกระทบตอ่ สงิ่ ใดบา้ ง อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบ ตามความเขา้ ใจ เชน่ กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาการจราจร ทางนำ้� ทำ� ใหน้ ำ้� เนา่ เสยี ซงึ่ สง่ ผลตอ่ การดำ� รงชวี ติ ของสัตว์นำ้� ) • ผักตบชวาเพ่ิมจ�ำนวนได้อย่างไรบ้าง (นักเรียน ตอบตามความเข้าใจ เช่น เพ่ิมโดยการสืบพันธุ์ แบบอาศยั เพศและแบบไมอ่ าศยั เพศ) • พืชชนิดใดบ้าง ท่ีสามารถเพิ่มจ�ำนวนได้แบบ เดียวกับผักตบชวา และเพิ่มจ�ำนวนอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เชน่ บวั สาย) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หน่วยที่ 4 | การดำรงชีวิตของพืช 217 คมู่ ือครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ 5. ให้นักเรียนอ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ของบทเรียน และอภิปรายร่วมกัน เพ่ือให้นักเรียนทราบขอบเขตเน้ือหา เป้าหมายการเรียนรู้และแนวทางการประเมินท่ีนักเรียนจะได้เรียนรู้ในบทเรียนน้ี (นักเรียนจะได้สังเกตและ อธิบายวิธีการและผลของการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอก ตระหนักถึงความส�ำคัญของสัตว์ท่ีช่วยในการ ถ่ายเรณู รวมถึงอธิบายการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืชดอก สามารถเลือกวิธีการขยายพันธุ์พืชให้เหมาะสมกับ ชนิดของพืชและความต้องการของตนเอง รวมทั้งอธิบายความส�ำคัญของการน�ำเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือพืช มาใช้ประโยชน์ ในดา้ นตา่ ง ๆ) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

218 หน่วยท่ี 4 | การด�ำ รงชีวติ ของพชื คู่มอื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เร่อื งที่ 1 การสบื พนั ธ์แุ บบอาศยั เพศและไม่อาศัยเพศของพืชดอก แนวการจดั การเรียนรู้ ครูด�ำเนินการดังนี้ 1. ให้นักเรียนสังเกตภาพน�ำเรื่อง อ่านเนื้อหา น�ำเร่ืองและรู้จักค�ำส�ำคัญ ท�ำกิจกรรมทบทวน ความรู้ก่อนเรียน น�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม ถ้า ครูพบว่านักเรียนท�ำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อน เรยี นไมถ่ กู ตอ้ ง ครคู วรทบทวนหรอื แกไ้ ขความเขา้ ใจ ผิดของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนมีความรู้พื้นฐาน ที่ถูกต้อง และเพียงพอที่จะเรียนเรื่องการสืบพันธุ์ แบบอาศัยเพศและไม่อาศยั เพศของพชื ดอกตอ่ ไป ความรเู้ พิ่มเตมิ สำ�หรับครู ภาพนำ� เรอ่ื ง คอื ภาพดอกตอ้ ยตงิ่ ดอกกลว้ ยไม้ ดอกพดุ ศุภโชค ดอกบัวสาย ดอกพุดชมพู และดอกกุหลาบ แสดงให้เห็นว่าดอกของพืชมีรูปร่างลักษณะ สี กล่ินท่ี หลากหลาย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หน่วยท่ี 4 | การดำรงชวี ติ ของพชื 219 คมู่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เฉลยทบทวนความรู้กอ่ นเรยี น จากรูปโครงสร้างของดอก เขยี นชอ่ื และหนา้ ทขี่ องสว่ นประกอบของดอก ยอดเกสร เพศเมยี เกสรเพศผู้ มหี นา้ ท่สี รา้ ง อับเรณู กา้ นเกสร เกสรเพศเมีย เซลลส์ ืบพันธเ์ุ พศผู้ ก้านชอู บั เรณู เพศเมีย มีหนา้ ท่ีสรา้ ง เซลลส์ ืบพันธ์ุ กลีบดอก ช่วยในการดงึ ดดู เพศเมยี สตั วใ์ หเ้ ขา้ มาช่วยถา่ ยเรณู กลบี เล้ียง หอ่ หมุ้ ดอกท่ยี งั ตูม รังไข่ เพอ่ื ป้องกนั อันตรายใหแ้ กด่ อก ฐานรองดอก เป็นที่ติดของส่วนประกอบอื่นๆ ของดอก 2. ตรวจสอบความรเู้ ดมิ เกยี่ วกบั การสบื พนั ธข์ุ องพชื ดอก โดยใหน้ กั เรยี นทำ� กจิ กรรม รอู้ ะไรบา้ งกอ่ นเรยี น นกั เรยี นสามารถ เขยี นตามความเขา้ ใจ ครยู งั ไมเ่ ฉลยคำ� ตอบ และนำ� ขอ้ มลู จากการตรวจสอบความรเู้ ดมิ ของนกั เรยี นไปใชใ้ นการวางแผน การจดั การเรยี นรวู้ า่ ควรเนน้ ยำ�้ หรอื อธบิ ายเรอื่ งใดเปน็ พเิ ศษ เมอ่ื นกั เรยี นเรยี นจบเรอื่ งนแี้ ลว้ นกั เรยี นจะมคี วามรคู้ วาม เข้าใจครบถ้วนตามจดุ ประสงคข์ องบทเรยี น ตวั อยา่ งแนวคิดคลาดเคล่ือนซง่ึ อาจพบในเร่อื งนี้ • พชื ดอกแตล่ ะชนิดจะสบื พนั ธ์ุไดเ้ พยี งแบบเดยี ว • พืชไมม่ ีการสืบพนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศ • การสืบพันธแุ์ บบอาศัยเพศของสิ่งมชี วี ิตต้องมีการเก้ียวพาราสี • พชื จะสร้างผลกอ่ นแล้วจึงสรา้ งเมลด็ • ออวลุ คือเซลลไ์ ขข่ องพืช • เรณคู อื เซลล์สบื พันธ์เุ พศผูข้ องพืชดอก • การถ่ายเรณแู ละการปฏิสนธิคือกระบวนการเดียวกัน • ผลของพชื ทกุ ชนิดมีรสหวาน อวบนำ้� ฉ�่ำ และสามารถรับประทานได้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

220 หน่วยท่ี 4 | การดำ�รงชวี ิตของพืช คมู่ ือครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ 3. ใหน้ กั เรยี นทบทวนความรเู้ กยี่ วกบั สว่ นประกอบของดอก และหนา้ ทข่ี องแตล่ ะสว่ นประกอบ โดยอาจนำ� ดอกพชื มาใหด้ ู และสงั เกตสว่ นประกอบแตล่ ะส่วน เพอ่ื ใหเ้ ห็นอย่างชดั เจนว่าเรณูกับถงุ เอ็มบริโออย่คู นละสว่ นกนั ครใู ชค้ �ำถามเพอื่ ให้ นกั เรยี นคดิ วิเคราะห์ ดงั นี้ • ส่วนใดของดอกที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอก เพราะเหตุใด (ส่วนเกสรเพศผู้และ เกสรเพศเมยี เพราะวา่ เกสรเพศผเู้ ปน็ สว่ นทส่ี รา้ งเซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศผู้ และเกสรเพศเมยี เปน็ สว่ นทสี่ รา้ งเซลลส์ บื พนั ธ์ุ เพศเมยี ) • การสืบพันธ์แุ บบอาศยั เพศของพชื มขี น้ั ตอนอย่างไร (การถา่ ยเรณู และการผสมกนั ของเซลลส์ ืบพันธุ์เพศผ้แู ละเซลล์ สืบพนั ธ์ุเพศเมีย) • การถา่ ยเรณเู กดิ ขน้ึ ได้อยา่ งไร มีสิง่ ใดบา้ งทีช่ ว่ ยในการถา่ ยเรณู (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ) 4. ร่วมกนั อภิปรายเพ่ือให้ไดข้ ้อสรุปวา่ การสบื พันธแุ์ บบอาศัยเพศของพืชจะเกิดขึ้นทีด่ อก สว่ นของดอกทีท่ ำ� หน้าทสี่ ร้าง เซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศผู้ คอื เรณู ซง่ึ อยใู่ นอบั เรณขู องเกสรเพศผู้ และสว่ นทสี่ รา้ งเซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศเมยี คอื ถงุ เอม็ บรโิ อ ซงึ่ อยู่ ในออวลุ ของเกสรเพศเมยี การสบื พนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศตอ้ งมกี ารผสมกนั ของเซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศผแู้ ละเซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศเมยี จงึ ตอ้ งมกี ารเคลอ่ื นยา้ ยเรณจู ากอบั เรณไู ปยงั ยอดเกสรเพศเมยี เรณจู ากอบั เรณจู ะไปตกบนยอดเกสรเพศเมยี ไดอ้ ยา่ งไร นัน้ จะได้ทราบจากการท�ำกิจกรรมที่ 4.1 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยที่ 4 | การดำรงชีวิตของพืช 221 คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมที่ 4.1 การถ่ายเรณูเกดิ ขึ้นได้อย่างไร แนวทางการจัดการเรยี นร้กู จิ กรรม กอ่ นการท�ำกจิ กรรม ครคู วรอภปิ รายในหัวข้อตอ่ ไปน้ี 1. ใหน้ ักเรยี นอ่านวธิ ีการดำ� เนนิ กิจกรรมในหนงั สอื เรยี น และร่วมกันอภปิ รายในประเดน็ ดงั ต่อไปน้ี • กจิ กรรมน้เี กย่ี วกับเรอ่ื งอะไร (การถ่ายเรณขู องพชื ดอก) • กจิ กรรมนีม้ ีจุดประสงค์อะไร (นกั เรียนตอบตามความคิดของตนเอง) • วธิ กี ารด�ำเนนิ กจิ กรรมโดยสรปุ เปน็ อยา่ งไร (สงั เกตลกั ษณะตา่ ง ๆ ของดอกพชื คาดคะเนวธิ กี ารถา่ ยเรณขู องพชื ดอก แต่ละชนิดโดยใช้ข้อมูลจากการสังเกตลักษณะดอก สืบค้นและรวบรวมข้อมูลวิธีการถ่ายเรณูของพืชดอก เปรียบ เทยี บวธิ ีการถา่ ยเรณขู องพชื ดอกจากขอ้ มูลที่สบื คน้ ได้กบั ขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการอภปิ ราย) • ทราบได้อย่างไรว่าส่วนไหนของดอกคือเกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย (เกสรเพศผู้ต้องมีอับเรณู เกสรเพศเมีย อย่วู งในสุด สว่ นฐานท่ีพองออกคอื รังไข่ สว่ นทตี่ ่อขนึ้ มาจากรงั ไข่เรียวยาวคอื กา้ นเกสรเพศเมีย ทส่ี ่วนปลายสุดคอื ยอดเกสรเพศเมียทม่ี กั พองออกเป็นตุ่มมขี องเหลวเหนียวหรือมขี นเสน็ เล็ก ๆ) • รวบรวมข้อมูลการถ่ายเรณูของพชื ดอกจากแหลง่ ใดได้บ้าง (หนงั สือ วีดิทัศน)์ • ข้อควรระวังในการท�ำกิจกรรมน้ีมีหรือไม่ อย่างไร (มี ต้องใช้ใบมีดโกนอย่างระมัดระวังเพราะใบมีดโกนมีคม อาจบาดได้) ครคู วรอธิบายเพม่ิ เตมิ ในประเด็นทีน่ กั เรยี นยังตอบได้ไมค่ รบถ้วน 2. แนะนำ� ให้นักเรียนวางแผนการทำ� งานรว่ มกัน พร้อมทง้ั ออกแบบตารางบนั ทกึ ผลใหเ้ รยี บรอ้ ยก่อนเรม่ิ ท�ำกิจกรรม และ ตรวจสอบการออกแบบตารางบนั ทกึ ผลของนกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ โดยอาจใหบ้ างกลมุ่ นำ� เสนอแลว้ ครใู หค้ ำ� แนะนำ� ปรบั แก้ ตารางบนั ทึกผลตามความเหมาะสม ระหวา่ งการทำ� กิจกรรม 3. ให้นักเรียนท�ำกิจกรรมตามข้ันตอน โดยแนะน�ำให้นักเรียนในกลุ่มสังเกตดอกพืชทีละชนิดไปพร้อมกันทั้งกลุ่ม เพ่ือให้ มีการลงความเห็นกันในกล่มุ และบันทกึ ผล ครูสงั เกตการบันทกึ ผลของนักเรียน ใหข้ ้อแนะนำ� ถา้ เกดิ ข้อผิดพลาดหรือ บนั ทึกผลไมค่ รบถว้ น เพื่อน�ำขอ้ มลู ท่คี วรจะปรบั ปรุงและแกไ้ ขมาใช้ประกอบการอภปิ รายหลงั ทำ� กิจกรรม 4. ให้นกั เรยี นรวบรวมขอ้ มูลเรือ่ งการถา่ ยเรณูของพืชดอก เชน่ การชมวีดิทัศน์ และบันทึกขอ้ มลู เชน่ ความจำ� เพาะของ ลกั ษณะดอกของพชื และสง่ิ ทชี่ ว่ ยในการถา่ ยเรณู สงิ่ ทพ่ี ชื ใชใ้ นการดงึ ดดู สตั วม์ าถา่ ยเรณู และสงิ่ ทส่ี ตั วไ์ ดร้ บั จากการถา่ ย เรณู สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

222 หน่วยท่ี 4 | การดำ�รงชีวติ ของพืช คมู่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ หลงั การทำ� กจิ กรรม 5. ใหน้ ักเรียนนำ� ขอ้ มลู วิธีการถ่ายเรณูของพชื ดอกแตล่ ะชนิด มาน�ำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ เชน่ การเขยี นแผนภาพ หรือ การท�ำภาพเคลือ่ นไหวโดยใช้โปรแกรมสำ� เร็จรปู หรือแอปพลิเคชนั สำ� หรบั จัดท�ำงานนำ� เสนอ 6. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเปรยี บเทยี บขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการทำ� กจิ กรรม ถา้ มขี อ้ มลู ใดคลาดเคลอื่ น ควรอภปิ รายเพอื่ แกไ้ ข ใหถ้ ูกต้อง เชน่ การได้กล่ินของดอก หรือมองเห็นสีดอกแตกตา่ งกัน 7. ใหน้ กั เรยี นตอบคำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม และอา่ นเนอ้ื หาในหนงั สอื เรยี น จากนนั้ รว่ มกนั อภปิ รายคำ� ตอบเพอื่ ใหน้ กั เรยี นสรปุ ได้ว่าวธิ กี ารถา่ ยเรณูของพืชดอกแตล่ ะชนิดเก่ยี วข้องกับลกั ษณะต่าง ๆ ของดอกพืช ทงั้ รปู รา่ ง ขนาด สี กลน่ิ ต�ำแหน่ง ของเกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี ซ่งึ จะสมั พนั ธ์กบั สง่ิ ทช่ี ่วยในการถา่ ยเรณู เชน่ สัตว์ ลม นำ้� 8. ให้นักเรียนตอบค�ำถามระหว่างเรียน เพ่ือประเมินความเข้าใจเก่ียวกับวิธีการถ่ายเรณูของพืชดอก ในหนังสือเรียนและ ร่วมกันอภิปรายค�ำตอบดังตัวอยา่ ง เฉลยคำ�ถามระหว่างเรียน • การถ่ายเรณเู กิดข้ึนข้ามดอกได้หรอื ไม่ อย่างไร แนวคำ� ตอบ การถ่ายเรณูสามารถเกิดข้ึนข้ามดอกได้ โดยมีพาหะหรือตัวกลางถ่ายเรณูจากดอกหน่ึงไปยัง อีกดอกหน่ึง • ดอกทก่ี ลบี ดอกมีสแี ตกต่างกันจะดึงดดู สตั ว์ได้แตกต่างกันหรือไม่ อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ ดอกทมี่ สี ขี องกลบี ดอกแตกตา่ งกนั จะดงึ ดดู สตั วต์ า่ งชนดิ กนั เชน่ ผงึ้ สว่ นใหญจ่ ะเขา้ หาพชื ทม่ี กี ลบี ดอกสมี ว่ ง สม้ เหลอื ง นกและผเี สอื้ สว่ นใหญช่ อบเขา้ หาดอกทม่ี กี ลบี ดอกสแี ดง ผเี สอ้ื กลางคนื และ ค้างคาวจะเขา้ หาดอกทม่ี กี ลบี ดอกสขี าว 9. ถา้ พบวา่ นกั เรยี นมแี นวความคดิ คลาดเคลอ่ื นเกยี่ วกบั เรอ่ื งการถา่ ยเรณขู องพชื ดอก ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเพอื่ แกไ้ ข แนวคดิ คลาดเคล่ือนใหถ้ กู ตอ้ ง เชน่ แนวคดิ คลาดเคลอื่ น แนวคิดท่ถี กู ตอ้ ง พชื ไมม่ กี ารสบื พันธุแ์ บบอาศยั เพศ พืชมกี ารสืบพนั ธ์แุ บบอาศยั เพศ การสบื พนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศของสง่ิ มชี วี ติ ตอ้ งมกี ารเกย้ี ว การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอกไม่มีการเก้ียว พาราสี พาราสี แต่มีการถา่ ยเรณู สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หน่วยท่ี 4 | การดำรงชีวติ ของพชื 223 คมู่ อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ 10. เชอ่ื มโยงความรขู้ องนกั เรยี นทไี่ ดจ้ ากเรอ่ื งวธิ กี ารถา่ ยเรณขู องพชื ดอก และตรวจสอบความรเู้ ดมิ ในเรอื่ งการปฏสิ นธขิ อง พืชดอก โดยอาจใช้คำ� ถามดงั น้ี • การถา่ ยเรณู เรณูจะไปตกทส่ี ว่ นใดของเกสรเพศเมีย (ยอดเกสรเพศเมยี ) • หลงั จากถา่ ยเรณแู ลว้ เซลล์สบื พันธ์เุ พศผทู้ อี่ ยใู่ นเรณูจะเขา้ ไปผสมกับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมยี ได้อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบ ตามความเข้าใจ) 11. ใหน้ กั เรยี นอา่ นจบั ใจความและสรปุ เนอื้ หาจากหนงั สอื เรยี นเกยี่ วกบั การปฏสิ นธขิ องพชื ดอก จากนน้ั ซกั ถาม โดยอาจใช้ ค�ำถามดงั ตอ่ ไปนี้ • ไซโกตเกดิ ขึ้นได้อย่างไร (ไซโกต เกิดจากการปฏสิ นธขิ องสเปิร์มกับเซลล์ไข)่ • ไซโกตมคี วามสำ� คญั อยา่ งไร (ไซโกตเปน็ เซลลท์ จ่ี ะพฒั นาไปเปน็ เอม็ บรโิ อ ซง่ึ เปน็ สว่ นทม่ี ลี กั ษณะคลา้ ยตน้ ออ่ นอยใู่ น เมลด็ ) • เอนโดสเปิร์มเกดิ ข้นึ ได้อยา่ งไร และส�ำคัญอยา่ งไร (เอนโดสเปิรม์ เกดิ จากการปฏสิ นธขิ องสเปิรม์ กบั โพลาร์นวิ คลไี อ มีความสำ� คัญเพราะเปน็ แหลง่ สะสมอาหารในเมล็ด) • ผล และเมล็ดพฒั นามาจากส่วนใด (ผลพัฒนามาจากรงั ไข่ เมลด็ พัฒนามาจากออวลุ ) 12. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปเนื้อหาท้ังหมดท่ีได้เรียนรู้จากการท�ำกิจกรรมและการอ่านเพิ่มเติม โดยอาจให้ นักเรียนวาดภาพข้ันตอนตั้งแต่การถ่ายเรณูจนถึงการปฏิสนธิของพืชดอก เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า การสืบพันธุ์แบบอาศัย เพศของพืชดอกเกิดขึ้นท่ีดอก มีการถ่ายเรณูจากอับเรณูไปยังยอดเกสรเพศเมียโดยมีสิ่งต่าง ๆ ช่วยในการถ่ายเรณู จากน้ันสเปิร์มในเรณูจะเข้าไปปฏิสนธิกับเซลล์ไข่และโพลาร์นิวคลีไอในถุงเอ็มบริโอ ได้ไซโกตและเอนโดสเปิร์ม ส่วน ออวุลจะพฒั นาและเจริญเตบิ โตไปเปน็ เมลด็ รังไข่จะพัฒนาและเจริญเตบิ โตเปน็ ผล 13. ถ้าครูพบว่านักเรียนมีแนวคิดคลาดเคล่ือนเกี่ยวกับเร่ืองการปฏิสนธิของพืชดอก ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือแก้ไข แนวคิดคลาดเคลอ่ื นให้ถกู ตอ้ ง เช่น สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

224 หนว่ ยที่ 4 | การดำ�รงชวี ติ ของพืช หนงั สือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน | วิชาวิทยาศาสตร์ แนวคิดคลาดเคลอื่ น แนวคดิ ทถ่ี ูกต้อง พชื จะสร้างผลก่อนแล้วจึงสรา้ งเมล็ด หลังปฏิสนธิออวุลจะพัฒนาและเจริญเติบโตเป็นเมล็ด ส่วนของรังไข่จะพัฒนาและเจริญเติบโตเป็นผลห่อหุ้ม ออวลุ คือเซลล์ไข่ของพชื เมล็ด ทง้ั ผลและเมลด็ จะเจริญเติบโตไปพร้อมกนั ออวุลคือส่วนประกอบของเกสรเพศเมีย ภายในออวุล เรณคู ือเซลล์สืบพนั ธ์เุ พศผขู้ องพืชดอก จะมีเซลลท์ ่จี ะแบ่งเซลล์หลายครงั้ และเปลีย่ นแปลงตอ่ การถา่ ยเรณแู ละการปฏิสนธิคือกระบวนการเดยี วกัน ไปจนได้เซลล์ไขข่ องพชื สเปริ ม์ เปน็ เซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศผขู้ องพชื ดอก จะอยภู่ ายใน ผลของพืชทกุ ชนิดมรี สหวาน อวบนำ้� ฉำ่� และสามารถ เรณู รบั ประทานได้ การถ่ายเรณูเป็นการเคลื่อนย้ายเรณูจากอับเรณูไปยัง ยอดเกสรเพศเมีย สว่ นการปฏิสนธิเป็นขน้ั ตอนตอ่ จาก การถ่ายเรณู เป็นการผสมกันของเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ และเซลล์สืบพนั ธุเ์ พศเมยี ผลของพืชมีหลายลักษณะ มีทั้งแบบผลมีเน้ือนุ่ม (fleshy fruit) เช่น มะม่วง แตงกวา สม้ แอบเปล้ิ และ ผลแห้ง (dry fruit) เชน่ มะพร้าว ยางนา ทานตะวัน ประดู่ 14. ร่วมสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการถ่ายเรณูของพืชซ่ึงเป็นกระบวนการท่ีน�ำไปสู่การปฏิสนธิของพืชดอก ท�ำให้เกิด ไซโกตและเอนโดสเปริ ม์ สว่ นออวลุ จะเจรญิ เตบิ โตเปน็ เมลด็ และรงั ไขจ่ ะเจรญิ เตบิ โตเปน็ ผลหอ่ หมุ้ เมลด็ ครอู าจใชค้ ำ� ถาม ต่อไปว่าเมล็ดพืชมีส่วนประกอบใดบ้าง เมล็ดพืชงอกได้อย่างไร เมล็ดมีความส�ำคัญต่อพืชอย่างไรเพ่ือเช่ือมโยงเข้าสู่ กิจกรรมท่ี 4.2 เมล็ดงอกได้อย่างไร สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยที่ 4 | การดำรงชวี ิตของพืช 225 คมู่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมที่ 4.2 เมล็ดงอกไดอ้ ย่างไร แนวการจัดการเรียนร้กู จิ กรรม กอ่ นการทำ� กจิ กรรม ตอนท่ี 1 ครูควรอภปิ รายในหัวขอ้ ต่อไปน้ี 1. ให้นักเรียนอ่านวิธีการดำ� เนนิ กิจกรรมในหนงั สือเรยี น และร่วมกันอภปิ รายในประเดน็ ดงั ต่อไปน้ี • กิจกรรมนเี้ กี่ยวกับเร่อื งอะไร (สว่ นประกอบและหนา้ ท่ีของแต่ละสว่ นประกอบของเมลด็ ) • กิจกรรมน้ีมจี ดุ ประสงค์อะไร (นักเรยี นตอบตามความคิดของตนเอง) • วธิ ีการดำ� เนินกจิ กรรมโดยสรุปเป็นอย่างไร (สังเกตลักษณะภายนอกและภายในของเมล็ดถ่วั แดงและเมลด็ ขา้ วโพด สบื คน้ และรวบรวมขอ้ มูลเพอื่ ระบุสว่ นประกอบและหน้าทข่ี องแตล่ ะสว่ นประกอบของเมลด็ ) • ข้อควรระวงั ในกิจกรรมนมี้ หี รอื ไม่ อยา่ งไร (มี ตอ้ งใช้ใบมีดโกนอย่างระมดั ระวังเพราะใบมีดโกนคม อาจบาดได้) ครูควรอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ในประเด็นที่นักเรียนยังตอบไม่ครบถว้ น 2. แนะนำ� ให้นักเรยี นวางแผนการท�ำงานรว่ มกนั ตามความเหมาะสมกอ่ นเรม่ิ ทำ� กิจกรรม ระหวา่ งการทำ� กิจกรรม 3. ให้นักเรียนท�ำกิจกรรมตามข้ันตอน โดยครูเน้นย�้ำในเร่ืองการใช้ใบมีดโกนผ่าเมล็ดด้วยความระมัดระวัง สังเกตการ ร่วมมือกันภายในกลุ่ม การสืบค้นข้อมูลเร่ืองส่วนประกอบและหน้าที่ของแต่ละส่วนประกอบของเมล็ดจากแหล่ง ทน่ี า่ เช่อื ถอื และเนน้ ให้นกั เรียนบันทกึ ผลการสังเกตโดยการวาดภาพสว่ นประกอบของเมลด็ หลงั การท�ำกจิ กรรม 4. ให้นักเรียนนำ� เสนอขอ้ มลู สว่ นประกอบและหน้าท่ีของแตล่ ะส่วนประกอบของเมล็ด โดยวิธกี ารต่าง ๆ เชน่ นำ� แผนภาพ ไปตดิ ทีผ่ นังหอ้ งเรยี น และใหเ้ พ่ือนรว่ มชั้นเรียนศกึ ษาข้อมลู จากนน้ั รว่ มกนั อภปิ รายเปรียบเทยี บข้อมลู ทีไ่ ดจ้ ากการทำ� กจิ กรรมของแต่ละกลมุ่ ถ้ามีขอ้ มูลใดคลาดเคลอ่ื น ควรอภิปรายเพือ่ แกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ ง 5. ใหน้ กั เรยี นตอบคำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม และรว่ มกนั อภปิ รายคำ� ตอบเพอื่ ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ เมลด็ ถว่ั แดงและเมลด็ ขา้ วโพด มสี ่วนประกอบแตกตา่ งกนั ส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของเมล็ดท�ำหนา้ ท่ีแตกตา่ งกนั 6. ให้นักเรียนอ่านเน้ือหาในหนังสือ ร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุปเก่ียวกับส่วนประกอบ และหน้าท่ีของแต่ละส่วน ประกอบของเมล็ด เพื่อลงข้อสรุปว่าเมล็ดพืชแต่ละชนิดมีลักษณะและส่วนประกอบบางอย่างแตกต่างกัน บางอย่าง เหมือนกัน ซงึ่ โดยท่ัวไปเมลด็ พืชประกอบดว้ ย เปลอื กหมุ้ เมล็ดทเ่ี ปน็ ส่วนห่อห้มุ สว่ นประกอบอืน่ ๆ ของเมล็ด เอม็ บรโิ อ ทเ่ี ปน็ ต้นอ่อนภายในเมล็ด และเอนโดสเปริ ์มเป็นอาหารสะสมภายในเมล็ด สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

226 หนว่ ยที่ 4 | การด�ำ รงชีวติ ของพืช คมู่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ 7. ถ้าครูพบว่านักเรียนมีแนวคิดคลาดเคล่ือนเก่ียวกับเร่ืองส่วนประกอบและหน้าที่ของแต่ละส่วนประกอบของเมล็ด ให้ นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายเพ่ือแกไ้ ขแนวความคิดคลาดเคลือ่ นใหถ้ กู ตอ้ ง 8. สนทนากบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั สว่ นประกอบของเมลด็ วา่ เมลด็ พชื ตา่ งชนดิ กนั มสี ว่ นประกอบทอ่ี าจเหมอื นกนั หรอื แตกตา่ ง ขึ้นอยู่กับชนดิ ของพชื และครอู าจใชค้ ำ� ถามต่อไปวา่ ท�ำอย่างไรเมล็ดจึงจะงอก และเมอื่ เมลด็ งอกจะมีการเปล่ยี นแปลง อย่างไร เพือ่ เชือ่ มโยงเขา้ สูก่ ิจกรรมท่ี 4.2 เมล็ดงอกไดอ้ ย่างไร ตอนท่ี 2 กอ่ นการท�ำกิจกรรม ตอนที่ 2 ครคู วรอภปิ รายในหวั ข้อต่อไปนี้ 9. ใหน้ กั เรยี นอ่านวธิ ีการดำ� เนินกิจกรรม ตอนท่ี 2 ในหนงั สอื เรียน และร่วมกนั อภิปรายในประเด็นดังต่อไปนี้ • กจิ กรรมนี้เก่ยี วกับเร่ืองอะไร (การงอกของเมล็ด) • กจิ กรรมนี้มจี ุดประสงค์อะไร (นกั เรยี นตอบตามความคิดของตนเอง) • วิธกี ารดำ� เนินกจิ กรรมโดยสรปุ เป็นอย่างไร (รวบรวมขอ้ มูลเกย่ี วกับปัจจัยในการงอกของเมล็ด แล้วออกแบบวธิ ี ท�ำใหเ้ มลด็ งอกเพอื่ สังเกตการงอก จากนั้นเพาะเมลด็ ตามวิธที ่ีออกแบบและสังเกตการงอกของเมล็ดถวั่ แดงและ เมลด็ ขา้ วโพด) • เร่ิมสังเกตการงอกของเมล็ดตั้งแต่ช่วงไหนจนถึงช่วงไหน (สังเกตการเปล่ียนแปลงต้ังแต่เริ่มเพาะจนมีใบแรกโผล่ ออกจากเมล็ด) ครคู วรอธิบายเพิ่มเติมในประเดน็ ทน่ี กั เรียนยงั ตอบไม่ครบถว้ น 10. ควรแนะนำ� ใหน้ กั เรยี นวางแผนการเพาะเมลด็ เพอื่ สงั เกตการงอกรว่ มกนั ออกแบบตารางบนั ทกึ ผลการเปลย่ี นแปลงของ เมล็ดขณะงอกให้เรียบร้อยก่อนท�ำกิจกรรม ครูตรวจสอบการออกแบบวิธีการเพาะเมล็ดของนักเรียนว่ามีปัจจัยใดบ้าง ทเี่ กี่ยวกบั การงอกของเมลด็ ตรวจสอบตารางบนั ทกึ ผลของนกั เรยี น และใหค้ ำ� แนะนำ� ปรบั แกต้ ามความเหมาะสม ระหวา่ งการทำ� กิจกรรม 11. ใหน้ กั เรยี นรวบรวมขอ้ มลู ปจั จยั ในการงอกของเมลด็ และดำ� เนนิ การเพาะเมลด็ ตามวธิ กี ารทอี่ อกแบบ กำ� ชบั ใหน้ กั เรยี น คอยสงั เกต และบนั ทกึ การเปลี่ยนแปลงของเมล็ดในแตล่ ะวนั ลงในตารางทอ่ี อกแบบไว้ หลงั การท�ำกิจกรรม 12. ให้นักเรียนน�ำข้อมูลการงอกของเมล็ดท่ีได้จากการท�ำกิจกรรม มาน�ำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ตารางบันทึกการ เปลยี่ นแปลง หรือแผนภาพบรรยายการเปลย่ี นแปลงขณะงอกของเมล็ดถัว่ แดงและเมล็ดข้าวโพด 13. รว่ มกนั อภปิ รายเปรยี บเทยี บขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการทำ� กจิ กรรม และสาเหตทุ ที่ ำ� ใหผ้ ลการทำ� กจิ กรรมคลาดเคลอื่ น เชน่ เมลด็ ไม่งอกเพราะเมล็ดไมส่ มบรู ณ์ หรอื ขาดปัจจยั ในการงอก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยที่ 4 | การดำรงชีวติ ของพืช 227 คมู่ ือครูรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ 14. ใหน้ กั เรยี นตอบคำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม และรว่ มกนั อภปิ รายคำ� ตอบเพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ เมลด็ จะงอกไดต้ อ้ งอยใู่ นสภาพ ทีม่ ีน้�ำหรอื ความช้ืน มแี ก๊สออกซเิ จน และมอี ณุ หภมู ิที่เหมาะสม ในขณะงอกเมล็ดพืชทมี่ ีสว่ นประกอบแตกต่างกนั จะมี การเปลยี่ นแปลงขณะงอกที่แตกต่างกนั 15. ใหน้ กั เรยี นอ่านเนอ้ื หาในหนังสือ เพื่อเรียนรเู้ พ่มิ เตมิ เก่ยี วกบั การงอกของเมล็ด 16. ใหน้ ักเรียนตอบคำ� ถามระหวา่ งเรยี นและร่วมกันอภิปรายคำ� ตอบ เพือ่ ประเมนิ ความเข้าใจเก่ยี วกับการงอกของเมลด็ ใน หนังสือเรยี นและรว่ มกันอภิปรายคำ� ตอบดงั ตัวอยา่ ง เฉลยคำ�ถามระหว่างเรียน • การงอกของเมล็ดพืชใบเล้ียงเด่ียวและเมล็ดพชื ใบเลี้ยงคู่ เหมือนและแตกต่างกนั อยา่ งไร แนวค�ำตอบ การงอกของเมล็ดพืชใบเล้ียงเดี่ยวและเมล็ดพืชใบเลี้ยงคู่ มีส่วนที่เหมือนกันคือมีรากงอก ออกมาจากเมล็ดก่อนสว่ นอื่นๆ แต่แตกต่างกนั ท่ีการงอกของเมล็ดพชื ใบเลย้ี งเด่ียว เช่น ข้าวโพด ใบเล้ียงจะไม่โพล่พ้นออกจากเมล็ด มีแต่ใบแท้เจริญออกมา ส่วนการงอกของเมล็ดพืชใบเล้ียงคู่ เช่น ถวั่ แดง ใบเลี้ยงจะเจริญงอกจากเมล็ดพรอ้ มกับต้นอ่อน และเม่อื ใบเลย้ี งขยายขนาดใหญข่ ึน้ กจ็ ะกางออกท�ำให้เห็นใบแท้ 17. ถ้าพบว่านักเรียนมีแนวคิดคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับเรื่องการงอกของเมล็ด ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือแก้ไขแนวคิด คลาดเคลื่อนให้ถูกตอ้ ง 18. ร่วมสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการงอกของเมล็ด ว่าเมล็ดพืชสามารถงอกได้เม่ืออยู่ในสภาวะท่ีเหมาะสม ครูอาจ ใชค้ ำ� ถามต่อไปวา่ เมลด็ พืชกระจายออกจากตน้ เพือ่ ไปตกในสภาวะท่เี หมาะสมตอ่ การงอกไดอ้ ย่างไร เพอ่ื เชื่อมโยงกบั เนื้อหาเรอ่ื งการกระจายของผลและเมล็ด 19. ใหน้ กั เรยี นสงั เกตภาพ 4.8 ในหนงั สอื เรยี น และวเิ คราะหว์ า่ ผลและเมลด็ ทม่ี รี ปู รา่ งลกั ษณะแตกตา่ งกนั ดงั ภาพจะกระจาย ออกจากต้นไปงอกยังทต่ี ่าง ๆ ไดด้ ้วยวิธีการใด ในการเรยี นเรอ่ื งนค้ี รูสามารถนำ� ตัวอยา่ งจรงิ มาให้นกั เรียนสังเกตและ วเิ คราะห์วธิ ีการกระจายของผลและเมลด็ พชื ชนดิ นัน้ ๆ ได้ 20. ให้นักเรียนอ่านเนอื้ หาเรอ่ื งการกระจายของเมลด็ และรว่ มกนั อภปิ รายเพ่อื ให้ได้ขอ้ สรปุ วา่ เมล็ดจะกระจายออกไปจาก ตน้ ได้โดยวธิ กี ารที่หลากหลาย ขนึ้ อยู่กับลกั ษณะของผลและเมลด็ พืชแต่ละชนิด สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

228 หนว่ ยท่ี 4 | การด�ำ รงชีวติ ของพชื คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ 21. ใหน้ กั เรยี นตอบคำ� ถามระหวา่ งเรยี น เพอ่ื ประเมนิ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั การกระจายของผลและเมลด็ ในหนงั สอื เรยี นและ ร่วมกันอภิปรายค�ำตอบดงั ตวั อย่าง เฉลยคำ�ถามระหว่างเรยี น • การสุกของผลมีผลตอ่ การกระจายของผลและเมลด็ หรอื ไม่ อยา่ งไร แนวค�ำตอบ การสุกของผลมีผลต่อการกระจายของเมล็ด โดยเฉพาะพืชท่ีมีผลเป็นอาหารของสัตว์ เม่ือผลสุก จะมกี ลนิ่ ในการดงึ ดดู สตั วใ์ หเ้ ขา้ มากนิ และนำ� ผลตดิ ตวั ออกไปดว้ ย หรอื เมอ่ื สตั วก์ นิ และจดจำ� รสชาติ ไดก้ จ็ ะกลบั มากินผลหรอื เมล็ดของพชื ชนดิ นน้ั อกี • ความสงู ของล�ำตน้ มีผลตอ่ การกระจายของผลและเมล็ดโดยลมหรือไม่ อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ ความสงู ของลำ� ตน้ พชื มผี ลตอ่ การกระจายของผลและเมลด็ เพราะเกย่ี วขอ้ งกบั แรงโนม้ ถว่ งทที่ ำ� ให้ ผลที่ตกลงมาน้ันอาจจะแตกหรือกระจายออกไปได้ไกลหรือใกล้กบั ตเ้ ดิม 22. ถา้ พบวา่ นกั เรยี นมแี นวคดิ คลาดเคลอ่ื นเกย่ี วกบั เรอ่ื งการกระจายของผลและเมลด็ ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเพอ่ื แกไ้ ข แนวคดิ คลาดเคลอ่ื นให้ถูกต้อง 23. ร่วมสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชว่าการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชเกิดข้ึนท่ีดอก มีการถ่ายเรณู การปฏิสนธิ ท�ำให้ได้เมล็ด เมล็ดสามารถงอกได้เมื่อมีปัจจัยที่เหมาะสม ครูอาจใช้ค�ำถามว่านอกจาก การสบื พนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศ พชื มกี ารสบื พนั ธแ์ุ บบอนื่ อกี หรอื ไม่ อยา่ งไร เพอื่ เชอ่ื มโยงไปยงั เรอื่ งการสบื พนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศยั เพศของพืชดอก 24. ใหน้ กั เรียนสงั เกตภาพ 4.10 ในหนงั สอื เรยี น จากน้นั วิเคราะห์วา่ พชื ชนดิ ตา่ ง ๆ ดังภาพ จะมตี ้นอ่อนหรือหนอ่ เกิดจาก ส่วนใดของพืชไดบ้ า้ ง 25. ใหน้ กั เรียนอา่ นเน้อื หาเรือ่ งการสืบพนั ธุ์แบบไม่อาศยั เพศของพืชในหนังสือเรยี น และรว่ มกันอภิปรายเพอื่ ให้ไดข้ อ้ สรปุ ว่า การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืช เป็นการที่เน้ือเย่ือจากส่วนต่าง ๆ ของพืชต้นเดิมยกเว้นส่วนของดอกมีการ พัฒนาและเปล่ียนแปลงไปเปน็ ตน้ อ่อนท่สี ามารถเจรญิ แยกออกจากตน้ เดิมกลายเปน็ ต้นใหม่ 26. ให้นักเรียนตอบค�ำถามระหว่างเรียน เพื่อประเมินความเข้าใจเกี่ยวกับการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืชดอกใน หนงั สือเรียน และรว่ มกนั อภปิ รายคำ� ตอบดงั ตวั อยา่ ง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยท่ี 4 | การดำรงชีวิตของพชื 229 คู่มอื ครูรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เฉลยคำ�ถามระหว่างเรียน • การสบื พันธุ์แบบอาศัยเพศและแบบไมอ่ าศัยเพศของพืชแตกตา่ งกนั อย่างไร แนวคำ� ตอบ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศและแบบไม่อาศัยเพศของพืชแตกต่างกัน โดยการสืบพันธุ์แบบ อาศยั เพศของพืชดอกจะเกิดข้ึนท่ีดอก มกี ารถ่ายเรณูซึง่ น�ำไปสกู่ ารปฏิสนธิ เกดิ เปน็ ผลและเมลด็ เมล็ดสามารถงอกเป็นพืชต้นใหม่ได้ ส่วนการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืชดอกไม่ได้เกิดข้ึนท่ี ดอกแต่จะเกิดตน้ ใหมจ่ ากการพฒั นาของเน้ือเยื่อส่วนอื่น ๆ ของพืชตน้ เดิม เช่น ราก ใบ ล�ำต้น 27. ถา้ พบวา่ นกั เรยี นมแี นวความคดิ คลาดเคลอื่ นเกย่ี วกบั เรอ่ื งการสบื พนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศยั เพศของพชื ดอก ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเพื่อแกไ้ ขแนวคิดคลาดเคลอ่ื นใหถ้ ูกตอ้ ง เช่น แนวคิดคลาดเคลือ่ น แนวคดิ ที่ถูกตอ้ ง พืชดอกแตล่ ะชนิดจะสบื พนั ธุไ์ ด้เพียงแบบเดียว พืชดอกทุกชนิดมกี ารสบื พันธ์ุแบบอาศัยเพศ บางชนดิ ยงั พบการสืบพนั ธ์แุ บบไมอ่ าศัยเพศด้วย 28. ร่วมสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ของพืชว่าการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชเป็นกระบวนการเพิ่มจ�ำนวน ตามธรรมชาติโดยพืชเองเพ่ือด�ำรงพันธุ์ไว้ ซ่ึงพืชดอกทุกชนิดสามารถสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศได้ และบางชนิดยังพบ การสืบพนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศัยเพศดว้ ย การสืบพนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศเกิดขนึ้ ทีด่ อก มกี ารถ่ายเรณโู ดยมีส่ิงตา่ ง ๆ ชว่ ยในการ ถา่ ยเรณู และตามมาดว้ ยการปฏสิ นธิซอ้ นได้ไซโกตและเอนโดสเปริ ม์ ไซโกตจะพัฒนาต่อไปเป็นเอ็มบรโิ อ เอนโดสเปริ ์ม เปน็ เนอื้ เยอื่ ในเมลด็ ทำ� หนา้ ทสี่ ะสมอาหาร สว่ นออวลุ พฒั นาไปเปน็ เมลด็ รงั ไข่ พฒั นาไปเปน็ ผล ผลและเมลด็ จะกระจาย ออกจากต้นโดยวิธีการต่าง ๆ เมื่อเมล็ดไปตกในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะงอกเป็นต้นใหม่ ส่วนการสืบพันธุ์แบบ ไม่อาศัยเพศ เป็นการสืบพันธุ์ที่พืชต้นใหม่เกิดจากการพัฒนาและเจริญเติบโตของเน้ือเย่ือส่วนต่าง ๆ ของพืชต้นเดิม ครูอาจใชค้ ำ� ถามวา่ ถ้าตอ้ งการพืชจำ� นวนมาก และให้ได้พืชทมี่ ลี ักษณะตรงกับความตอ้ งการ มนุษยจ์ ะตอ้ งทำ� อยา่ งไร เพอื่ เชื่อมโยงไปยังเรื่องการขยายพนั ธพุ์ ชื ดอก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

230 หน่วยที่ 4 | การด�ำ รงชวี ติ ของพืช คู่มือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ กิจกรรมท่ี 4.1 การถ่ายเรณเู กิดขึ้นได้อย่างไร นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นรเู้ กยี่ วกบั การถา่ ยเรณขู องพชื ผา่ นการสงั เกตลกั ษณะดอก และรวบรวมขอ้ มลู วธิ กี ารถา่ ยเรณขู องพชื จากน้นั น�ำผลการทำ� กจิ กรรมมาวิเคราะห์และอธิบายวธิ กี ารถา่ ยเรณขู องพชื จดุ ประสงค์ สังเกต รวบรวมขอ้ มูล และอธบิ ายวธิ กี ารถ่ายเรณขู องพชื ดอก เวลาทใี่ ช้ใน 1 ชัว่ โมง การทำ� กิจกรรม วสั ดแุ ละอุปกรณ์ วัสดแุ ละอุปกรณ์ทีใ่ ช้ต่อกลมุ่ รายการ ปรมิ าณ/กลุ่ม 1. ดอกบัวหลวง 2 - 3 ดอก 2. ดอกกล้วยไม้ 2 - 3 ดอก 3. ดอกชบา 2 - 3 ดอก 4. ดอกแก้ว 2 - 3 ดอก 5. ดอกมะละกอ 3 ดอก 6. แวน่ ขยาย 2-3 อนั 7. ใบมดี โกน 2-3 อนั การเตรยี มตวั • เตรียมดอกพืชสดให้มีจำ� นวนเพยี งพอกบั นักเรยี น ลว่ งหนา้ ส�ำหรบั ครู • เตรยี มดอกมะละกอทัง้ ดอกเพศผู้ ดอกเพศเมีย และดอกสมบูรณเ์ พศใหน้ กั เรียนทกุ กลุ่ม • ศึกษาและเตรียมขอ้ มูลให้ชัดเจนเกีย่ วกบั ส่วนประกอบของดอกพชื ที่นำ� มาใหน้ กั เรยี นสงั เกต • เตรยี มวดี ทิ ศั นเ์ กยี่ วกบั การถา่ ยเรณขู องพชื ดอก ของ สสวท. และอปุ กรณส์ ำ� หรบั เปดิ ใหน้ กั เรยี นชม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยที่ 4 | การดำรงชีวติ ของพชื 231 คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ขอ้ ควรระวงั ใบมดี โกนมีความคม ควรใช้ด้วยความระมัดระวงั ขอ้ เสนอแนะ • ถา้ ไม่สามารถหาดอกพชื ชนดิ ทกี่ ำ� หนดได้ครบตามหนังสือเรียนให้ครใู ชด้ อกพืชชนดิ อื่นแทนได้ ในการทำ� กจิ กรรม โดยดอกพชื ควรมีลกั ษณะ ดังน้ี - มกี ล่ิน - กลีบดอกมีสีสันสดใส - ดอกและกลบี ดอกมขี นาดใหญ่ - ดอกมขี นาดเลก็ - เปน็ ดอกที่เกสรเพศผูอ้ ย่ตู �่ำกวา่ ยอดเกสรเพศเมีย - เปน็ ดอกทีเ่ กสรเพศผ้อู ย่สู ูงกวา่ ยอดเกสรเพศเมีย - เป็นดอกที่เกสรเพศผู้และยอดเกสรเพศเมียอย่รู ะดับเดียวกัน • ในกรณีท่ีมีกล้องจุลทรรศน์แบบสเตอริโอ ครูสามารถให้นักเรียนสังเกตดอกพืชโดยใช้ กลอ้ งจลุ ทรรศน์แบบสเตอริโอได้ • ครอู าจใหน้ กั เรยี นบนั ทกึ ภาพลกั ษณะของสว่ นตา่ ง ๆ ของดอกโดยใชก้ ลอ้ งถา่ ยรปู หรอื โทรศพั ท์ เคลอ่ื นที่ หรอื อาจใหน้ กั เรยี นนำ� สว่ นตา่ ง ๆ ของดอกปะตดิ ลงบนกระดาษเพอ่ื ใชใ้ นการนำ� เสนอ ผลงาน เน่ืองจากการทำ� กิจกรรมนี้มีตวั อยา่ งดอกพืชจ�ำนวนมาก อาจทำ� ใหน้ ักเรยี นวาดภาพ อยา่ งละเอยี ดไมท่ ันในเวลาเรียน ควรมอบหมายให้นักเรียนไปทำ� นอกเวลาเรยี น สือ่ การเรียนรู้/ • หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตรร์ ะดับมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 สสวท. แหลง่ เรียนรู้ • วีดทิ ัศนก์ ารถา่ ยเรณูของพืชดอกจากแหลง่ ต่าง ๆ • แหล่งการเรียนรู้ท่ีแสดงและอธิบายส่วนประกอบของพืช เช่น เว็บไซต์ของหน่วยปฏิบัติการ วจิ ัยพรรณไมป้ ระเทศไทย ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (http://www.sc.chula.ac.th/thaiplants/flowers/) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

232 หน่วยท่ี 4 | การด�ำ รงชวี ิตของพืช คู่มอื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ตวั อยา่ งผลการทำ�กจิ กรรม ตาราง บนั ทกึ ผลการสงั เกตรปู รา่ งลกั ษณะ สี กลนิ่ และตำ� แหนง่ ของเกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี ของ ดอกพชื ชอ่ื พืช รปู ร่างลกั ษณะ กลีบเลีย้ ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย กล่นิ แกว้ ดอกเป็นช่อดอก สี เขี ย ว ก ลี บ เกสรเพศผู้มี 10 เกสรเพศเมีย1 มกี ล่นิ มีขนาดเล็ก ดอก ข น า ด ดอก อัน สั้น 5 อัน อัน กา้ นเกสรเพศ ตูม รปู ทรงรี ยาว เลก็ สีขาว 5 ยาว 5 อัน เรียง เมีย สีเขียว ยอด ประมาณ 1.5 - 6 กลีบ อยู่รอบเกสรเพศ เกสรเพศเมียพอง เซนติเมตร ดอก เมีย ความสูงของ อ อ ก เ ป ็ น ตุ ่ ม สี บานมีกลีบดอก อับเรณูของเกสร เหลืองเข้มท่ียอด แยกจากกนั เพศผู้อันยาวอยู่ มขี องเหลวเหนยี ว ในระดับเดียวกับ ยอดเกสรเพศเมีย บวั หลวง ดอกเด่ียวมีก้าน ดอกบัวมีกลีบรวมมี เกสรเพศผมู้ จี ำ� นวน รั ง ไข ่ มี จ� ำ น ว น ดอกยาว ดอก จ�ำนวนมาก กลีบช้ัน มาก มี 2 แบบ แบบ มากฝังตัวอยู่ใน ตูมมีขนาดใหญ่ นอกมีสีเขียว ชั้นถดั ที่1มลี กั ษณะคลา้ ย ฐ า น ด อ ก นู น ท่ี มี ประมาณ 1 ก�ำ เข้าไปด้านในมีสีขาว ก ลี บ ร ว ม แ ต ่ มี ลักษณะรูปถ้วย มอื เมอ่ื ดอกบาน หรือชมพู (ข้ึนอยู่กับ ขนาดเล็กกว่าท่ี โผล่เฉพาะส่วน จะเห็นเกสรเพศ ดอกที่สังเกต) กลีบ ปลายมรี ยางคส์ ขี าว ยอดเกสรเพศ ผู้และเกสรเพศ ดอกขนาดใหญ่ แบบที่ 2 เรียงตัว เมียออกมาก้าน เมียชัดเจน ถั ด เข ้ า ไ ป จ า ก เกสรเพศเมียส้ัน แบบแรก มีก้าน ยอดเกสรเพศเมีย เกสรเพศผู้ส้ัน มี คล้ายจานขนาด อับเรณูสีเหลือง เ ล็ ก มี ข อ ง เ ห ล ว ยาวประมาณ 1 เหนียว รังไข่เป็น เซนตเิ มตร ทป่ี ลาย รปู ทรงรี มี ร ย า ง ค ์ สี ข า ว ต�ำแหน่งของอับ เ ร ณู อ ยู ่ บ ริ เ ว ณ กึ่งกลางของฐาน ดอกนนู สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยท่ี 4 | การดำรงชวี ิตของพืช 233 คู่มอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ตวั อยา่ งผลการทำ�กิจกรรม ตาราง บนั ทกึ ผลการสงั เกตรปู รา่ งลกั ษณะ สี กลนิ่ และตำ� แหนง่ ของเกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี ของ ดอกพชื (ตอ่ ) ชื่อพืช รูปร่างลักษณะ กลบี เลยี้ ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย กลน่ิ กล้วยไม้ ดอกเป็นช่อ ดอก กลบี เลย้ี งมี 3 ก ลี บ ด อ ก มี เกสรเพศผแู้ ละเกสรเกสรเพศเมยี เชอ่ื มตดิ ไมม่ ี ตมู มสี เี ขียว รูปรา่ ง กลบี รูปขอบ 3 กลีบแยก กันเป็นโครงสร้างเรียกว่า เส้าเกสร ส่วน กล่ิน คล้ายรองเท้า ดอก ขนานปลาย จากกัน กลีบ บนสุดเป็นอับเรณูท่ีมีฝาปิด ถัดจากอับ บานสีม่วงแดง (สี แหลม ด้าน ดอก1 กลีบมี เรณูคือยอดเกสรเพศเมียท่ีมีลักษณะเป็น ข้ึ น กั บ ด อ ก ที่ ห ลั ง สี ข า ว ลักษณะแตก แอ่ง มีของเหลวเหนียวอยู่ในแอ่ง มีรังไข่ สังเกต) ขนาดใหญ่ ด้านหน้าสี ต่างจากอีก เช่ือมลงมาจากยอดเกสรเพศเมีย กลีบแยกจากกัน มว่ ง (สขี นึ้ กบั 2 กลบี เรียก ชัดเจน ดอกทสี่ งั เกต) ว่ากลีบปาก ดา้ นหลงั กลบี ด อ ก สี ข า ว ด ้ า น ห น ้ า สี มว่ ง (สขี น้ึ กบั ดอกทสี่ งั เกต) ชบา ดอกบานมีขนาด กลีบเล้ียงสี ก ลี บ ด อ ก มี ก้านเกสรเพศผู้ เกสรเพสเมียมี 1 ไม่มี ใหญ่ กลีบดอก เขียวที่ฐาน ขนาดใหญ่ เช่ือมติดกันเป็น อัน รังไข่และก้าน กลิน่ แยกจากกันมีก้าน ก ลี บ เ ชื่ อ ม สีแดง ขาว หลอดห่อหุ้มก้าน เกสรเพศเมียถูก ชูเกสรเพศผู้และ ติ ด กั น เ ป ็ น ชมพู ส้ม (สี เกสรเพศเมียไว้ ก้านเกสรเพศผู้หุ้ม เกสรเพศเมียย่ืน หลอดปลาย ข้ึ น อ ยู ่ กั บ และรงั ไข่ ทป่ี ลายมี ไว้ ยอดเกสรเพศเมยี ออกมาจากกลาง กลบี แยกจาก ดอกทส่ี งั เกต) ก้านเกสรเพศผู้อัน อยู่สูงข้ึนไปจากอับ ดอก เหน็ ชัดเจน กั น เ ป ็ น 5 จ� ำ น ว น 5 เล็กๆ จ�ำนวนมาก เรณู ยอดเกสรเพศ กลีบ ท่ีโคน กลีบ ที่โคน อับเรณูสีเหลือง เมียแยกกันเป็น 5 หลอดกลีบมี เช่ือมกันเล็ก เห็นชัดเจน แฉก มีรูปร่างค่อน ร้ิวประดับสี น้อย ข้างกลม มีขนเส้น เขียว เล็กๆ เม่ือดอกบาน จะเห็นเกสรเพศเมีย ชดั เจน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

234 หนว่ ยท่ี 4 | การด�ำ รงชีวิตของพืช คู่มือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ตัวอยา่ งผลการทำ�กิจกรรม ตาราง บนั ทกึ ผลการสงั เกตรปู รา่ งลกั ษณะ สี กลนิ่ และตำ� แหนง่ ของเกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี ของ ดอกพชื ช่อื พชื รูปรา่ งลักษณะ กลีบเล้ยี ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย กล่นิ มะละกอ ดอกขนาด กลีบเลี้ยงมี ก ลี บ ด อ ก เกสรเพศผู้ เกสรเพศ มกี ลนิ่ (ดอกสมบรู ณ์ เลก็ มรี ปู รา่ ง ข น า ด เ ล็ ก สี เ ห ลื อ ง จ�ำนวน 5 เมยี มจี ำ� นวน เพศ) เป็นหลอดที่ มาก 5 กลบี อ ม เ ขี ย ว อัน อับเรณู 1 อัน รังไข่ ป ล า ย ก ลี บ ท่ี โ ค น ติ ด อ ยู ่ บ น รูปร่างรียาว แยกจากกนั ก ลี บ เช่ื อ ม หลอดกลีบ ก้านเกสร ติ ด กั น ดอก ระดับ เพศเมียสั้น เป็นหลอด ความสูงต�่ำ ยอดเกสร ป ล า ย ก ลี บ กว่ายอด เพศแยก แยกจาก เกสรเพศ เป็น 5 แฉก กัน 5 กลีบ เมีย แต่ละแฉก รูปร่างขอบ จะแตกแข ขนานปลาย นงเล็กๆ แหลม กลีบ บิดเลก็ น้อย มะละกอ ดอกขนาด กลีบเล้ียงมี ก ลี บ ด อ ก เกสรเพศผู้ ไม่มี มีกล่นิ (ดอกเพศผู)้ เลก็ มรี ปู รา่ ง ข น า ด เ ล็ ก สี เ ห ลื อ ง จ�ำนวน 5 เป็นหลอดท่ี มาก 5 กลบี อมเขียว ท่ี อัน อับเรณู ป ล า ย ก ลี บ โ ค น ก ลี บ ติ ด อ ยู ่ บ น แยกจากกัน เช่ือมติดกัน หลอดกลีบ เป็นหลอด ดอก ป ล า ย ก ลี บ แยกจาก กัน 5 กลีบ รูปร่างขอบ ขนานปลาย แหลม กลีบ บดิ เล็กน้อย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หน่วยที่ 4 | การดำรงชีวติ ของพชื 235 คู่มือครูรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ตวั อย่างผลการทำ�กจิ กรรม ตาราง บนั ทกึ ผลการสงั เกตรปู รา่ งลกั ษณะ สี กลน่ิ และตำ� แหนง่ ของเกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี ของ ดอกพชื (ตอ่ ) ช่อื พืช รปู รา่ งลักษณะ กลบี เล้ียง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมยี กล่นิ มะละกอ ดอกขนาด กลีบเล้ียงมี ก ลี บ ด อ ก สี ไม่มี เกสรเพศเมยี มีกล่นิ (ดอกเพศ เลก็ มรี ปู รา่ ง ข น า ด เ ล็ ก เ ห ลื อ ง อ ม มจี ำ� นวน1อนั เมยี ) เป็นหลอดท่ี มาก 5 กลบี เขียว ที่โคน รังไข่รูปร่าง ป ล า ย ก ลี บ ก ลี บ เชื่ อ ม คอ่ นขา้ งกลม แยกจากกัน ติ ด กั น เ ป ็ น ก้านเกสร หลอด ปลาย เพศเมียสั้น กลบี แยกจาก ยอดเกสรเพศ กัน 5 กลีบ แยกเป็น 5 รูปร่างขอบ แฉก แต่ละ ขนานปลาย แฉกจะแตก แหลม กลีบ แขนงเลก็ ๆ บดิ เล็กน้อย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

236 หน่วยท่ี 4 | การด�ำ รงชวี ิตของพืช คูม่ ือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ตวั อยา่ งผลการทำ�กจิ กรรม ผลการอภปิ รายเกยี่ วกบั สง่ิ ทชี่ ว่ ยในการถา่ ยเรณขู องพชื ดอกแตล่ ะชนดิ พชื ส่ิงที่ช่วยในการถา่ ยเรณู เหตผุ ล บวั หลวง สัตว์ เช่น นก แมลงต่าง ๆ ดอกบัวมีขนาดใหญ่ มีสีสัน มีกลิ่น มีอับเรณูอยู่ต�่ำกว่า กลว้ ยไม้ สัตว์ เชน่ ผงึ้ และแมลงอน่ื ๆ ยอดเกสรเพศเมยี ในดอกเดยี วกัน ลักษณะเช่นนีส้ ามารถ ใช้สีสันและกล่ินดึงดูดสัตว์ให้ช่วยถ่ายเรณูได้ ท้ังสัตว์ที่มี ชบา สตั ว์ เช่น ผึง้ และแมลงอ่นื ๆ ขนาดใหญ่ เช่น นก และสัตว์ท่ีมีขนาดเล็ก เช่น แมลง และลม ตา่ ง ๆ แกว้ ดอกกล้วยไม้มีลักษณะที่ค่อนข้างจ�ำเพาะ และมีกลีบ มะละกอ สัตว์ เช่น ผง้ึ และแมลงอน่ื ๆ ปากที่ปิดส่วนของเส้าเกสรไว้ กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมี สตั ว์ เช่น ผ้ึง และแมลงอน่ื ๆ สสี นั ไมม่ กี ลนิ่ ลกั ษณะเชน่ นเี้ หมาะกบั การถา่ ยเรณโู ดนสตั ว์ ที่มีขนาดใกลเ้ คยี งกบั กลีบปาก เช่น ผง้ึ และแมลงอ่นื ๆ ดอกชบามกี ลบี ดอกขนาดใหญ่ มสี สี นั ไมม่ กี ลน่ิ อบั เรณแู ละ ยอดเกสรเพศเมยี ตดิ อยบู่ นหลอดทยี่ น่ื ออกมาจากสว่ นอนื่ ๆ ของดอก และอบั เรณตู ำ�่ กวา่ ยอดเกสรเพศเมยี ลกั ษณะ เช่นนี้สามารถใช้สีสันดึงดูดสัตว์ให้ช่วยถ่ายเรณูได้ ส่วน ใหญ่จะเป็นสัตว์ขนาดเล็กต่าง ๆ ท่ีสามารถเกาะท่ีอับ เรณูแล้วสามารถเคลื่อนที่ต่อไปยังยอดเกสรเพศเมียได้ หรอื อาจมกี ารถา่ ยเรณขู า้ มไปยงั ดอกทอี่ ยตู่ ำ� แหนง่ ตำ�่ กวา่ ไดโ้ ดยลม ดอกแก้วมีขนาดเล็ก กลีบดอกสีขาว มีกลิ่น อับเรณูอยู่ ล้อมรอบยอดเกสรเพศเมีย ลักษณะดอกเช่นนี้สามารถ ใช้กล่ินดึงดูดสัตว์ให้ช่วยถ่ายเรณูได้ โดยเฉพาะสัตว์ท่ีมี ขนาดเล็ก เชน่ แมลงต่าง ๆ ดอกมะละกอเป็นที่ดอกมีทั้งสมบูรณ์เพศและไม่สมบูรณ์ เพศ จ�ำเป็นต้องมีสิ่งที่ช่วยในการถ่ายเรณูภายใน ดอกเดียวกัน และระหว่างดอก ซ่ึงดอกมะละกอมีขนาด ค่อนขา้ งเล็ก ไม่มีสีสัน แตม่ กี ล่นิ ทช่ี ว่ ยในการดงึ ดูดแมลง ท่ีมีขนาดเล็กได้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยท่ี 4 | การดำรงชีวิตของพืช 237 คูม่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ผลการรวบรวมข้อมูล สงิ่ ทชี่ ว่ ยในการถา่ ยเรณใู หพ้ ชื จะสมั พนั ธก์ บั ลกั ษณะและโครงสรา้ งของดอก ซง่ึ พชื ทด่ี อกมสี สี นั มกี ลน่ิ จะมสี ตั วต์ า่ งๆ ช่วยในการถา่ ยเรณู เช่น มด แมลงวัน ผึ้ง ผเี สื้อ นก ค้างคาว กระรอก มนษุ ย์ สว่ นพืชท่มี ีดอกไมม่ ีสีหรอื ไมม่ ีกล่ินจะมีลม นำ้� ชว่ ยในการถา่ ยเรณไู ด้ เฉลยคำ�ถามทา้ ยกิจกรรม 1. ลกั ษณะต่าง ๆ ของดอกมีสว่ นช่วยในการถ่ายเรณูของพืชดอกหรอื ไม่ อย่างไร แนวคำ� ตอบ ลักษณะต่าง ๆ ของดอกมีส่วนเกี่ยวข้องในการถ่ายเรณูของพืชดอก โดยถ้าส่วนของเกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมียอยใู่ นระดับเดียวกนั หรอื เกสรเพศผู้สูงกวา่ เกสรเพศเมีย พืชชนิดนน้ั กม็ โี อกาส ท่ีจะถ่ายเรณูได้เอง แต่ถ้าเกสรเพศผู้ต่�ำกว่าเกสรเพศเมีย ก็จ�ำเป็นต้องมีสิ่งท่ีช่วยในการถ่ายเรณู เช่น ลม สัตว ์ 2. ปจั จัยภายนอกท่ีชว่ ยในการถ่ายเรณขู องพชื ดอกมีอะไรบา้ ง แนวคำ� ตอบ ส่ิงที่ช่วยในการถา่ ยเรณูของพชื ดอกมหี ลายอยา่ ง เชน่ ลม นำ�้ สัตว์ มนษุ ย์ และตวั กลางหรอื พาหะ อืน่ ๆ 3. วิธีการถ่ายเรณจู ากการอภิปรายเหมือนหรอื แตกต่างจากข้อมลู ท่ีได้จากการสบื ค้น อยา่ งไร แนวค�ำตอบ เหมือนกนั คือ ดอกของพืชแตล่ ะชนดิ มลี ักษณะรปู ร่างทีแ่ ตกตา่ งกัน ซ่ึงจะมีสว่ นเกยี่ วข้องกบั วิธี การถ่ายเรณูของพชื เช่น ดอกท่ีมีกลิ่น มีสสี นั สดใส จะมีสตั วช์ ว่ ยในการถ่ายเรณู แตกต่างกัน คอื นอกจากการมีกลีบดอกสีสันสดใสหรือมีกลิ่นช่วยในการดึงดูดสัตว์ให้มาช่วยถ่ายเรณูแล้ว พืชยัง ถา่ ยเรณโู ดยมตี วั กลางอยา่ งอนื่ อกี เชน่ ลม นำ้� 4. จากกจิ กรรม สรุปไดว้ า่ อย่างไร แนวค�ำตอบ วธิ กี ารถา่ ยเรณขู องพชื แตล่ ะชนดิ เกย่ี วขอ้ งกบั ลกั ษณะ รปู รา่ งของดอก โดยมสี งิ่ ทช่ี ว่ ยถา่ ยเรณู เชน่ ลม น้�ำ สตั ว์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

238 หน่วยที่ 4 | การดำ�รงชวี ติ ของพชื คู่มือครูรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ กจิ กรรมที่ 4.2 เมล็ดงอกไดอ้ ย่างไร นกั เรียนจะได้เรียนรเู้ กีย่ วกบั สว่ นประกอบของเมลด็ ปัจจัยในการงอกของเมล็ด การเปลยี่ นแปลงของสว่ นประกอบ ของเมล็ดขณะงอก จากนนั้ นำ� ผลท่ไี ด้จากการสังเกตและรวบรวมขอ้ มูลมาลงข้อสรปุ เกี่ยวกับการงอกของเมลด็ จดุ ประสงค์ 1. สังเกต รวบรวมขอ้ มูล และระบุสว่ นประกอบและหนา้ ที่ของสว่ นประกอบของเมล็ดพชื 2. รวบรวมข้อมลู และระบปุ ัจจัยในการงอกของเมลด็ 3. อภปิ ราย ลงมอื ปฏบิ ตั เิ พื่อสงั เกตการเปลยี่ นแปลงของเมล็ดขณะงอก เวลาทีใ่ ชใ้ น 45 นาที การทำ� กิจกรรม วัสดแุ ละอปุ กรณ์ วัสดอุ ุปกรณ์ทใี่ ช้ต่อห้อง - วสั ดุอุปกรณท่ใี ชต้ อ่ กลมุ่ รายการ ปรมิ าณ/กล่มุ 1. เมล็ดถัว่ แดง 10 - 15 เมล็ด 2. เมล็ดข้าวโพด 10 - 15 เมล็ด 3. ใบมีดโกน 4. แว่นขยาย เทา่ จำ� นวนคนในกล่มุ 5. นำ�้ 2 - 3 อัน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยท่ี 4 | การดำรงชีวิตของพืช 239 คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ การเตรียมตวั • เตรยี มเมลด็ พชื และสอื่ การเรยี นรเู้ พอ่ื ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู สว่ นประกอบของเมลด็ และปจั จยั ล่วงหนา้ ส�ำหรับครู ในการงอกของเมล็ด • วางแผนการจัดเวลาส�ำหรับท�ำกิจกรรม เพราะกิจกรรมตอนท่ี 2 มีการเพาะเมล็ดเพื่อสังเกต ปัจจัยในการงอก และการเปลย่ี นแปลงของเมล็ดขณะงอก ซึง่ ไม่สามารถปฏบิ ัตกิ ารได้เสร็จใน เวลาเรียน ครอู าจใหน้ กั เรียนรว่ มกันออกแบบวิธีการเพาะเมล็ดในเวลาเรียน แตใ่ ห้เพาะเมล็ด และสงั เกตผลนอกเวลาเรยี น จากนน้ั นำ� ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการสงั เกตการงอกของเมลด็ มาอภปิ ราย ในชั่วโมงถดั ไป ข้อควรระวงั ใบมีดโกนมคี วามคม ควรใชด้ ว้ ยความระมดั ระวัง ข้อเสนอแนะ • การสงั เกตเมลด็ ในตอนที่ 1 ครคู วรนำ� เมลด็ ถั่วแดงแชน่ ้�ำประมาณ 4 - 6 ชั่วโมงก่อนถงึ ชว่ั โมง ในการทำ� กิจกรรม เรยี น เพ่ือให้เมล็ดน่ิมง่ายในการผา่ เมลด็ สือ่ การเรยี นรู/้ • หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตรร์ ะดบั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 สสวท. แหลง่ เรยี นรู้ • ส่ือการเรียนรูท้ ีแ่ สดงและอธบิ ายสว่ นประกอบของเมลด็ และปจั จัยในการงอกของเมล็ด สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

240 หน่วยท่ี 4 | การด�ำ รงชวี ิตของพืช คูม่ ือครรู ายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ตัวอยา่ งผลการทำ�กจิ กรรม ตอนที่ 1 ตาราง ผลการสงั เกตลักษณะภายนอก และภายในของเมลด็ ถั่วแดงและเมลด็ ขา้ วโพด เมล็ดพชื ลักษณะภายนอก ลักษณะภายใน ถวั่ แดง ขา้ วโพด ตาราง ผลการสบื คน้ และรวบรวมขอ้ มลู เกยี่ วกบั สว่ นประกอบและหนา้ ทขี่ องแตล่ ะสว่ นประกอบของเมลด็ ถวั่ แดงและ เมลด็ ขา้ วโพด เมลด็ พชื สว่ นประกอบ หน้าทีข่ องส่วนประกอบ ถัว่ แดง เปลอื กหมุ้ เมล็ด หอ่ หมุ้ สว่ นประกอบอืน่ ๆ ของเมล็ด เอ็มบรโิ อ - จะเจริญเติบโตตอ่ ไปเป็นรากแก้ว ประกอบด้วย - จะเจริญเติบโตเปน็ ตอ่ ไปล�ำต้น - รากแรกเกดิ (radicle) - เป็นแหล่งอาหารของต้นอ่อนในขณะงอก - ตน้ อ่อน (caulicle) - ใบเลีย้ ง (cotyledon) ขา้ วโพด เปลือกหมุ้ เมลด็ หอ่ หมุ้ สว่ นประกอบอ่นื ๆ ของเมล็ด เอ็มบรโิ อ - จะเจริญเตบิ โตต่อไปเป็นรากแกว้ ประกอบด้วย - จะเจริญเตบิ โตต่อไปเป็นล�ำตน้ - รากแรกเกิด (radicle) - สร้างเอนไซม์มาช่วยดึงอาหารจาก - ตน้ อ่อน (caulicle) เอนโดสเปิร์มมาใช้ขณะงอก - ใบเลยี้ ง (cotyledon) เอนโดสเปิรม์ เปน็ แหล่งอาหารของตน้ ออ่ นในขณะงอก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หน่วยท่ี 4 | การดำรงชวี ิตของพชื 241 ค่มู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ตัวอยา่ งผลการทำ�กจิ กรรม ตอนที่ 1 ตาราง ลกั ษณะภายนอก และภายในของเมลด็ ถว่ั แดงและเมลด็ ขา้ วโพด ลกั เษมลณด็ ะถภว่ั าแยดนงอก เปลอื กหมุ้ เมลด็ ไฮลมั ลกั ษณะภายใน ยอดออ่ น เอม็ บรโิ อ รากแรกเกดิ ใบเลยี้ ง เปลอื กหมุ้ เมลด็ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

242 หน่วยที่ 4 | การดำ�รงชวี ิตของพชื ค่มู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ตัวอยา่ งผลการทำ�กจิ กรรม ตอนท่ี 1 ตาราง ลักษณะภายนอก และภายในของเมล็ดถั่วแดงและเมล็ดขา้ วโพด เมลด็ ขา้ วโพด ลกั ษณะภายนอก ขวั้ ผล เนอ้ื ผลและเปลอื กหมุ้ เมลด็ เอนโดสเปริ ม์ ใบเลยี้ ง เอม็ บรโิ อ เปลอื กหมุ้ เมลด็ ตน้ ออ่ น รากแรกเกดิ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขว้ั ผล

หน่วยที่ 4 | การดำรงชวี ติ ของพชื 243 คมู่ อื ครรู ายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เฉลยคำ�ถามท้ายกจิ กรรม ตอนที่ 1 1. เมล็ดถวั่ แดงและเมล็ดข้าวโพดมสี ่วนประกอบเหมอื นหรอื แตกตา่ งกัน อยา่ งไร แนวค�ำตอบ เมลด็ ถั่วแดงและเมลด็ ขา้ วโพดมเี ปลอื กหุ้มเมลด็ และเอ็มบริโอ เหมือนกนั แต่เมลด็ ขา้ วโพดมีเอน โดสเปิร์ม ซึง่ เมลด็ ถั่วแดงไม่มี 2. สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของเมลด็ มหี น้าท่ีอยา่ งไร แนวค�ำตอบ - เปลือกหุม้ เมล็ดเป็นสว่ นท่ีอยู่ชั้นนอกสดุ ทำ� หนา้ ท่หี อ่ หมุ้ สว่ นประกอบอื่น ๆ ของเมลด็ - เอม็ บรโิ อจะประกอบดว้ ย 3 สว่ น ไดแ้ ก่ รากแรกเกดิ จะเจรญิ เตบิ โตเปน็ รากแกว้ ตน้ ออ่ น จะเจรญิ เปน็ ลำ� ตน้ และ ใบเลีย้ ง ทำ� หน้าทีเ่ ป็นแหลง่ อาหารใหแ้ กต่ น้ อ่อนขณะงอก - เอนโดสเปิรม์ มหี น้าท่ีสะสมอาหารสำ� หรับต้นอ่อนท่ีกำ� ลังงอก 3. จากกิจกรรมตอนท่ี 1 สรปุ ได้ว่าอยา่ งไร แนวค�ำตอบ เมล็ดพืชประกอบด้วย เปลือกหุ้มเมล็ด เอ็มบริโอ และเอนโดสเปิร์ม ซ่ึงแต่ละส่วนมีหน้าที่ แตกตา่ งกนั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

244 หนว่ ยที่ 4 | การด�ำ รงชวี ติ ของพืช คมู่ ือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ตัวอย่างผลการทำ�กจิ กรรม ตอนที่ 2  ปจั จัยในการงอกของเมล็ด ไดแ้ ก่ ความชน้ื (นำ�้ ) แกส๊ ออกซเิ จน อณุ หภมู ิท่เี หมาะสม  วิธีการเพาะเมล็ดเพ่อื สังเกตการงอกของเมล็ดถว่ั แดงและเมล็ดขา้ วโพด การเลือกเมลด็ พชื • เลือกเมลด็ ถ่วั แดง โดยนำ� เมลด็ ถ่ัวแดงไปแชน่ ำ�้ 1 คนื แลว้ เลือกเมล็ดที่จมน�้ำ 10 เมล็ด • เลือกเมล็ดขา้ วโพด โดยเมล็ดต้องสมบรู ณ์ ไมม่ ีรอยกัดแทะ จำ� นวน 10 เมล็ด การเพาะเมลด็ 1. น�ำเมล็ดท่ีเลือกมาเพาะในขวดพลาสติกใสตัดครึ่ง เจาะรูท่ีก้นขวด ใส่ทรายหยาบ สูงประมาณ 2 เซนติเมตร วางเมล็ดถั่วแดงและเมล็ดข้าวโพดให้ติดผนังด้านในของขวด และใส่ทรายปิดทบั เมลด็ หนาประมาณ 2 เซนติเมตร 2. น�ำขวดไปวางในท่ีแดดส่องถึง อุณหภูมิกลางวันเฉล่ียประมาณ 30 องศาเซลเซียส รดน้�ำ ทกุ วัน ปริมาตร 5 ช้อนโต๊ะ 3. สังเกตการเปล่ยี นแปลงของเมล็ด หลงั รดน�้ำทุกวัน บันทึกผลโดยการถ่ายภาพ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หน่วยที่ 4 | การดำรงชีวติ ของพืช 245 คู่มือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ตวั อยา่ งผลการทำ�กิจกรรม การเปลย่ี นแปลง ตอนที่ 2 ตารางบนั ทึกผลเพ่ือบันทกึ การเปล่ยี นแปลงของเมลด็ ถว่ั แดงในแตล่ ะวนั วนั ที่ ภาพวาด/ภาพถา่ ย 1 เมล็ดยังไม่มกี ารเปลี่ยนแปลง 2 เมล็ดขยายขนาดขน้ึ มีรากสขี าวแทงออกจาก เมลด็ แทงฝังลงในทราย 3 เมลด็ ขยายขนาดขนึ้ เปลอื กหมุ้ เมลด็ แตก ราก เจรญิ เตบิ โตยาวขน้ึ และมรี ากแขนง 4 รากเจริญเติบโตยาวขึ้น เมล็ดดันทรายข้ึนไป ดา้ นบน เรม่ิ เห็นใบเลยี้ งสเี ขยี ว รากเจริญเติบโตยาวข้ึนมาก เมล็ดโผล่ข้ึน 5 เหนอื ทราย เหน็ ลำ� ต้นโค้งงอ เปลือกหุม้ เมล็ด หลดุ ออก ใบเลีย้ ง 2 ใบ เหน็ ใบแท้ 6 ลำ� ตน้ เจรญิ เตบิ โจสงู ขนึ้ และมลี ำ� ตน้ สว่ นเหนอื ใบเลย้ี ง ใบเลยี้ งแยกจากกนั 2 ใบ มใี บแท้ 2 ใบ 7 ล�ำต้นเจรญิ เติบโตสงู ข้ึน ใบเลีย้ งเล็กลง ใบแท้ 2 ใบ กางออก เริ่มมใี บแท้คทู่ ่ี 2 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

246 หน่วยท่ี 4 | การด�ำ รงชวี ิตของพืช ค่มู ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ตัวอยา่ งผลการทำ�กิจกรรม ตอนท่ี 2 ตอนท่ี 2 การเปล่ยี นแปลง ตารางบันทึกผลเพ่ือบันทกึ การเปล่ียนแปลงของเมล็ดขา้ วโพดในแตล่ ะวนั วันที่ ภาพวาด/ภาพถ่าย 1 เมลด็ ยงั ไม่มีการเปลีย่ นแปลง 2 เมลด็ ขยายขนาดขึน้ 3 มีรากสีขาวแทงออกจากขั้วผลแทงลงทางก้น ขวด 4 รากเจรญิ เตบิ โตยาวขึ้น และมจี ำ� นวนรากเพมิ่ ขน้ึ ส่วนยอดเจริญเติบโตพน้ ทราย 5 รากยาวข้นและมีจ�ำนวนเพิ่มข้ึน ส่วนยอด เจรญิ เติบโตยาวข้นึ เห็นใบแท้สเี ขยี ว 6 ล�ำต้นเจริญเติบโตขึ้น มีใบแท้ 2 ใบ แผ่นใบ ขยายขนาดและเรม่ิ กางออก 7 ลำ� ตน้ เจรญิ เตบิ โตขน้ึ มใี บแท้ 2 ใบ ขนาดใหญ่ ขนึ้ และแยกจากกันชดั เจน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยท่ี 4 | การดำรงชีวติ ของพืช 247 คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เฉลยคำ�ถามทา้ ยกจิ กรรม ตอนท่ี 2 1. ปจั จยั ในการงอกของเมลด็ มอี ะไรบ้าง และปัจจัยเหลา่ นน้ั มีสว่ นช่วยในการงอกอยา่ งไร แนวคำ� ตอบ ปัจจยั ในการงอกของเมลด็ ไดแ้ ก่ - นำ้� หรอื ความชนื้ ชว่ ยใหเ้ มลด็ หยดุ การพกั ตวั และพองขยายขนาดขน้ึ เปลอื กหมุ้ เมลด็ ออ่ นตวั ลง ท�ำให้รากแรกเกดิ งอกแทงออกจากเมล็ดได้ - แก๊สออกซิเจน เมล็ดใชแ้ กส๊ ออกซเิ จนในกระบวนการสรา้ งพลังงานในการงอก - อณุ หภูมิ อุณหภูมิทเ่ี หมาะสมจะสง่ ผลตอ่ กระบวนการทำ� งานภายในเซลล์ของเมลด็ 2. วิธกี ารเพาะเมลด็ ของนกั เรียน จดั ให้มีปจั จัยใดบ้างทช่ี ่วยในการงอก เพราะเหตใุ ด แนวคำ� ตอบ นกั เรยี นตอบตามความเปน็ จรงิ จากการออกแบบ เชน่ จดั ใหม้ คี วามชนื้ อณุ หภมู เิ ฉลย่ี ทง้ั วนั ประมาณ 30 องศาเซลเซียส และมแี ก๊สออกซิเจน 3. การเปล่ยี นแปลงขณะงอกของเมล็ดถ่ัวแดงและเมล็ดขา้ วโพดเหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ การเปลยี่ นแปลงขณะงอกของเมลด็ ถว่ั แดงและเมลด็ ขา้ วโพดแตกตา่ งกนั โดยขณะทเ่ี มลด็ ขา้ วโพด งอก รากแรกเกิดแทงออกจากเมล็ดในเวลาไล่เลี่ยกันกับต้นอ่อน เม่ือใบแท้ใบแรกเจริญโผล่ข้ึน พน้ ดนิ เมลด็ จะเหย่ี วและลบี ไป สว่ นการงอกของเมลด็ ถวั่ แดงรากแรกเกดิ จะงอกออกจากเมลด็ กอ่ น จากนนั้ ตน้ ออ่ นจะเจรญิ เตบิ โตและโผลอ่ อกจากเมลด็ ตน้ ออ่ นจะงอตวั ดงึ ใบเลย้ี งและยอดออ่ นออก จากเปลือกหุ้มเมล็ด เมื่อต้นออ่ นส่วนใต้ใบเลย้ี งตงั้ ตรง ตน้ อ่อนเหนอื ใบเลย้ี งยดื ตัว ใบเลี้ยงจะกาง ออกทำ� ให้เห็นใบแทแ้ ละยอดอ่อน 4. จากกจิ กรรมตอนที่ 2 สรุปได้ว่าอยา่ งไร แนวคำ� ตอบ ปจั จยั ในการงอกของเมล็ด ได้แก่ นำ�้ แกส๊ ออกซเิ จน และอุณหภูมทิ ีเ่ หมาะสม ซ่งึ ขณะทง่ี อกเมล็ด ข้าวโพดและเมลด็ ถั่วแดงจะมกี ารเปล่ยี นแปลงทีแ่ ตกต่างกัน 5. จากกจิ กรรมทั้ง 2 ตอน สรปุ ได้ว่าอยา่ งไร แนวคำ� ตอบ เมลด็ จะงอกไดต้ อ้ งอยใู่ นสภาพทมี่ นี ำ้� หรอื ความชน้ื มแี กส๊ ออกซเิ จน และมอี ณุ หภมู ทิ เี่ หมาะสม ใน ขณะงอกเมลด็ จะมกี ารเปลย่ี นแปลง ซง่ึ เมลด็ พชื ทมี่ สี ว่ นประกอบแตกตา่ งกนั เมอ่ื มกี ารงอกกจ็ ะมี การเปล่ียนแปลงทแ่ี ตกต่างกนั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

248 หน่วยที่ 4 | การด�ำ รงชวี ติ ของพืช คู่มอื ครรู ายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เรอ่ื งท่ี 2 การขยายพันธ์ุพืชดอก 150 หน่วยที่ 4 | การดำารงชวี ติ ของพชื หนังสอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ แนวการจัดการเรยี นรู้ ครดู �ำเนนิ การดงั นี้ เรือ่ งที่ 2 กำรขยำยพนั ธุ์พืชดอก 1. ให้นักเรียนสังเกตภาพน�ำเรื่อง อ่านเนื้อหา น�ำเรื่อง และรู้จักค�ำส�ำคัญ ท�ำกิจกรรมทบทวน ค�ำส�ำคญั ความรู้ก่อนเรียน แล้วน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม กำรขยำยพนั ธ์ุพชื ถา้ ครูพบวา่ นักเรยี นท�ำกิจกรรมทบทวนความรกู้ อ่ น กำรเพำะเล้ียงเน้ือเยื่อพชื เรียนยังไม่ถูกต้อง ครูควรทบทวนหรือแก้ไขความ เข้าใจผิดของนักเรียน เพ่ือให้นักเรียนมี ภำพ 4.13 กำรขยำยพันธุ์พริกโดยกำรเพำะเมล็ด ความรพู้ น้ื ฐานทถี่ กู ตอ้ ง และเพยี งพอทจ่ี ะเรยี นเรอื่ ง พชื มปี ระโยชนต์ อ่ มนษุ ย์มากเพราะเป็นที่มาของปจั จยั สี่ ได้แก ่ อาหาร ท่อี ยอู่ าศยั เครอ่ื งน่งุ ห่ม และยารักษาโรค การขยายพันธุพ์ ชื ดอกต่อไป และยังเป็นแหลง่ พกั ผ่อนหย่อนใจ เมือ่ ประชากรมนษุ ย์เพ่มิ ข้ึน ความตอ้ งการใชป้ ระโยชน์จากพืชกม็ ีมากขึน้ ดว้ ย จงึ ตอ้ งมี กำรขยำยพนั ธพุ์ ืช (plant propagation) เพ่อื ให้ได้พชื จ�านวนมากเพยี งพอต่อความต้องการ โดยอาจจะขยายพนั ธพ์ุ ืช ทเ่ี ปน็ พนั ธด์ุ งั้ เดมิ หรอื ขยายพนั ธพ์ุ ชื ทผ่ี า่ นการปรบั ปรงุ พนั ธจ์ุ นไดพ้ ชื ทม่ี ลี กั ษณะด ี เชน่ ใหผ้ ลผลติ สงู ทง้ั คณุ ภาพและปรมิ าณ มอี ายเุ กบ็ เกย่ี วสน้ั สามารถปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มได ้ รหู้ รอื ไมว่ า่ มนษุ ยข์ ยายพนั ธพ์ุ ชื โดยวธิ ใี ดบา้ ง และแตล่ ะวธิ เี หมาะกบั การขยายพนั ธ์พุ ชื ทมี่ ีลกั ษณะอย่างไร ทบทวนควำมรกู้ ่อนเรียน เขียนเครือ่ งหมำย R หนำ้ ขอ้ ควำมทถ่ี กู £ การสืบพันธุ์แบบอาศยั เพศของพืชดอกมีการปฏิสนธซิ อ้ นเสมอ £ การปฏสิ นธิของพืชดอกทา� ใหเ้ กดิ เมลด็ และผล £ เมล็ดของพืชจะไม่สามารถงอกไดถ้ า้ ไมไ่ ด้รับแสงแดด £ พชื ดอกทกุ ชนดิ สามารถสืบพันธแ์ุ บบไม่อาศยั เพศได้โดยใช ้ ดอก ราก ล�าตน้ ใบ £ พชื สามารถเพ่ิมจ�านวนจากเมลด็ เทา่ นั้น £ สงิ่ มีชวี ติ อนื่ ๆ สามารถชว่ ยเพมิ่ จา� นวนพืชได้ รอู้ ะไรบำ้ งกอ่ นเรียน เขียนสิ่งท่รี ู้เก่ียวกบั การขยายพันธุ์พชื ดอก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความรู้เพิม่ เตมิ สำ�หรับครู ภาพนำ� เรอ่ื ง คอื ภาพตน้ พรกิ ทไี่ ดจ้ ากการเพาะเมลด็ ซงึ่ เปน็ การขยายพนั ธพ์ุ ชื โดยนำ� เมลด็ ทเี่ กดิ จากการสบื พนั ธ์ุ แบบอาศัยเพศของพืชมาใช้เพาะขยายพันธุ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หน่วยท่ี 4 | การดำรงชีวติ ของพชื 249 คมู่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เฉลยทวนความรู้ก่อนเรยี น เขยี นเครือ่ งหมาย หนา้ ขอ้ ความทถี่ กู  การสืบพนั ธ์แุ บบอาศยั เพศของพืชดอกมกี ารปฏิสนธซิ ้อนเสมอ  การปฏิสนธิของพืชดอกทำ� ใหเ้ กิดเมลด็ และผล  เมลด็ ของพืชจะไมส่ ามารถงอกไดถ้ ้าไม่ไดร้ บั แสงแดด  พืชดอกทุกชนดิ สามารถสบื พันธแุ์ บบไมอ่ าศัยเพศไดโ้ ดยใช้ ดอก ราก ลำ� ต้น ใบ  พืชสามารถเพ่มิ จ�ำนวนจากเมล็ดเทา่ น้ัน  สิง่ มชี วี ติ อื่น ๆ สามารถช่วยเพมิ่ จำ� นวนพืชได้ 2. ตรวจสอบความรูเ้ ดิมเกย่ี วกับการขยายพนั ธุพ์ ชื ดอก โดยให้นกั เรียนทำ� กจิ กรรม รู้อะไรบา้ งกอ่ นเรยี น นกั เรียนสามารถ เขียนตามความเข้าใจ ครยู ังไม่เฉลยคำ� ตอบ แตน่ ำ� ข้อมลู จากการตรวจสอบความรูเ้ ดมิ ของนักเรยี นไปใช้ในการวางแผน การจดั การเรยี นรวู้ า่ ควรเนน้ ยำ�้ หรอื อธบิ ายเรอื่ งใดเปน็ พเิ ศษ เมอ่ื นกั เรยี นเรยี นจบเรอื่ งนแ้ี ลว้ นกั เรยี นจะมคี วามรคู้ วาม เขา้ ใจครบถว้ นตามจดุ ประสงคข์ องบทเรียน ตวั อยา่ งแนวคิดคลาดเคลอ่ื นซึง่ อาจพบในเร่ืองนี้ • พชื ทเ่ี จริญมาจากการขยายพนั ธ์พุ ืช ไม่สามารถสรา้ งเมล็ดได้ 3. กระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยอาจน�ำภาพพืชที่แปลกตาที่เกิดจากการขยายพันธุ์พืชมาให้นักเรียนชม เช่น ภาพเฟื่องฟ้ามีดอกหลายสีในต้นเดียว และอาจถามนักเรียนว่ามนุษย์ท�ำให้ต้นเฟื่องฟ้ามีดอกหลายสีในต้นเดียว ได้อยา่ งไร จะใช้วิธเี ดยี วกนั นีก้ บั พชื ชนิดอ่นื ได้หรอื ไมซ่ ่ึงจะไดท้ ราบจากการทำ� กจิ กรรมที่ 4.3 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

250 หน่วยที่ 4 | การด�ำ รงชวี ติ ของพืช คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมที่ 4.3 เลอื กวิธีการขยายพันธ์ุพืชอย่างไรใหเ้ หมาะสม แนวทางการจดั การเรยี นรู้กิจกรรม ก่อนการท�ำกิจกรรม ครคู วรอภปิ รายในหัวข้อต่อไปน้ี 1. ให้นักเรยี นอา่ นวิธกี ารดำ� เนินกจิ กรรมในหนงั สอื เรยี น และรว่ มกนั อภิปรายในประเด็นดงั ต่อไปน้ี • กจิ กรรมน้ีเกี่ยวกับเรื่องอะไร (การขยายพนั ธุ์พืชดอก) • กิจกรรมนม้ี จี ุดประสงค์อะไร (นักเรยี นตอบตามความคิดของตนเอง) • วธิ กี ารดำ� เนนิ กจิ กรรมโดยสรปุ เปน็ อยา่ งไร (รวบรวมขอ้ มลู วธิ ขี ยายพนั ธพ์ุ ชื เปรยี บเทยี บขอ้ ดี ขอ้ จำ� กดั ของแตล่ ะวธิ ี เลอื กพชื ดอกทส่ี นใจและเลอื กวธิ กี ารทเี่ หมาะสมในการขยายพนั ธพ์ุ ชื ดอกชนดิ นน้ั แลว้ จดั ทำ� เปน็ แผนภาพเพอื่ อธบิ าย ขอ้ มลู เหล่านั้น) • วิธีการขยายพันธพ์ุ ชื มีอะไรบา้ ง (การเพาะเมลด็ ตดิ ตา ปกั ชำ� ต่อกิง่ ทาบก่ิง ตอนกิ่ง และเพาะเล้ียงเน้อื เย่ือ) ครคู วรอธบิ ายเพิ่มเติมในประเด็นทน่ี ักเรยี นยงั ตอบไม่ครบถ้วน 2. ครูควรแนะน�ำให้นักเรียนวางแผนการท�ำงานร่วมกัน พร้อมทั้งออกแบบตารางบันทึกผลให้เรียบร้อยก่อนท�ำกิจกรรม ตรวจสอบการออกแบบตารางบันทกึ ผลของนักเรียนแต่ละกลมุ่ การเลอื กข้อมลู ท่ีตอ้ งบนั ทกึ และให้ค�ำแนะนำ� ปรับแก้ ตามความเหมาะสม ระหวา่ งการทำ� กจิ กรรม 3. ให้นักเรียนท�ำกิจกรรมตามข้ันตอน โดยครูสังเกตการท�ำงานร่วมกัน การสืบค้นข้อมูลจากแหล่งที่น่าเช่ือถือ ในกรณีท่ี นกั เรยี นไมร่ จู้ กั พชื ทจี่ ะเลอื กมาขยายพนั ธ์ุ ครคู วรแนะนำ� หรอื สอบถามถงึ พชื ทม่ี ที บี่ า้ นของนกั เรยี น เพอ่ื นำ� มาเปน็ ตวั อยา่ ง พชื ในการอธิบายการขยายพันธ์ุ หลังการท�ำกิจกรรม 4. ใหน้ กั เรยี นนำ� ขอ้ มลู วธิ กี าร ขอ้ ดี ขอ้ จำ� กดั ของการขยายพนั ธพ์ุ ชื วธิ ตี า่ ง ๆ มานำ� เสนอในรปู แบบตาราง และนำ� เสนอการ ขยายพันธพ์ุ ชื ทตี่ อ้ งการในรปู แบบแผนภาพโดยใช้แอบพลเิ คช่นั สำ� เรจ็ รปู ต่าง ๆ 5. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำ� เสนอผลการทำ� กจิ กรรม และรว่ มกนั เปรยี บเทยี บขอ้ ดแี ละขอ้ จำ� กดั ของการขยายพนั ธพ์ุ ชื แตล่ ะ วิธี โดยทุกกลุ่มอาจติดผลงานบนผนังห้องเรียน ครแู ละนักเรียนร่วมพิจารณาผลงาน 6. ใหน้ กั เรยี นตอบค�ำถามทา้ ยกจิ กรรม รว่ มกนั อภปิ รายค�ำตอบเพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ วา่ มนษุ ยม์ คี วามจ�ำเปน็ ตอ้ งขยายพนั ธพ์ุ ชื ให้เพิ่มจ�ำนวนมากข้ึนให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ประโยชน์ของตนเอง การขยายพันธุ์พืชมีหลายวิธี แต่ละวิธีมี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยท่ี 4 | การดำรงชีวิตของพชื 251 คมู่ ือครูรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ขน้ั ตอน ขอ้ ดแี ละขอ้ จ�ำกดั ทแ่ี ตกตา่ งกนั บางวธิ มี หี ลกั การทคี่ ลา้ ยคลงึ กนั ซงึ่ เหมาะกบั พชื ตา่ งชนดิ กนั การเลอื กวธิ ขี ยาย พนั ธ์ุพืชกบั พชื ที่ตอ้ งการขยายพันธค์ุ วรเลอื กให้มีความเหมาะสมกบั ชนดิ ของพืช จ�ำนวนและลักษณะท่ีต้องการ 7. ใหน้ ักเรยี นอ่านเนื้อหาในหนังสอื เรียน เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นเรียนรู้เพ่ิมเตมิ เกย่ี วกบั การขยายพนั ธุ์พืช 8. ครูให้นักเรียนตอบค�ำถามระหว่างเรียน เพ่ือประเมินความเข้าใจเกี่ยวกับการขยายพันธุ์พืชในหนังสือเรียนและร่วมกัน อภปิ รายค�ำตอบดังตัวอยา่ ง เฉลยคำ�ถามระหวา่ งเรยี น 1. การเพาะเมล็ด เหมอื นหรอื แตกต่างจากการขยายพนั ธว์ุ ิธีอ่ืน ๆ อย่างไร แนวคำ� ตอบ การเพาะเมล็ดเป็นการขยายพันธุ์พืชที่เก่ียวกับการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืช ส่วนวิธีการ อนื่ ๆ เช่น การตดิ ตา ตอนก่งิ เพาะเลยี้ งเนอื้ เย่อื เป็นการน�ำความรู้เรอ่ื งการสืบพนั ธ์แุ บบไม่อาศยั เพศของพชื มาใช้ 2. การปกั ชำ� และการตอนก่งิ แตกตา่ งจากการทาบก่ิง การตอ่ กิง่ และการตดิ ตาอยา่ งไร แนวคำ� ตอบ การปักช�ำและการตอนก่ิงเป็นการท�ำให้เนื้อเย่ือล�ำเลียงของกิ่งขาดออกจากกันแล้วเนื้อเย่ือ สว่ นนนั้ จะสรา้ งรากขนึ้ มาใหม่ ทำ� ใหไ้ ดพ้ ชื ตน้ ใหมเ่ พม่ิ ขนึ้ จากเดมิ ซง่ึ แตกตา่ งจากการทาบกง่ิ การ ตอ่ กิ่งและการตดิ ตา ที่เป็นการท�ำใหเ้ นอื้ เย่ือของพชื ต้นตอและกิ่งทาบ ตา หรือยอดท่นี �ำมาเสยี บ ประสานตดิ กนั ซึ่งทำ� ให้พชื ทต่ี ้องการเพิ่มจ�ำนวนเจรญิ เติบโตอย่บู นพืชต้นอน่ื ส�ำหรบั การทาบกิง่ เม่อื เน้อื เยื่อสว่ นที่ทาบประสานติดกันดีแล้วสามารถตดั กง่ิ ใตร้ อยทาบมาปลูกได้ 3. เพราะเหตุใด จึงนยิ มขยายพนั ธุส์ บั ปะรดโดยการปักช�ำหน่อหรอื จกุ แนวคำ� ตอบ เพราะสบั ปะรดเปน็ พชื ทมี่ เี มลด็ นอ้ ย เมลด็ งอกยาก และเจรญิ เตบิ โตจากเมลด็ ชา้ จงึ ไมเ่ หมาะสำ� หรบั การเพาะเมลด็ และเปน็ พชื ทเ่ี นอื้ ไมอ้ อ่ น มใี บซอ้ นกนั แนน่ อยบู่ นลำ� ตน้ ยากตอ่ การขยายพนั ธโ์ุ ดยการ ตดิ ตา ตอ่ กงิ่ ทาบกง่ิ ตอนกง่ิ ซง่ึ จากลกั ษณะของตน้ สบั ปะรดจะเหน็ วา่ หนอ่ หรอื จกุ นน้ั เปน็ สว่ นของ ตาที่สามารถแตกเป็นต้นใหม่ได้ การน�ำหน่อหรือจุกมาปักช�ำท�ำให้ได้ต้นใหม่ที่เจริญเติบโตได้เร็ว และเป็นวธิ ที ม่ี ปี ระสิทธิภาพ ทำ� ไดง้ ่ายและต้นทไี่ ด้จะไมก่ ลายพนั ธ์ุ 4. เพราะเหตุใดการเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือจงึ ไดร้ บั ความนิยมเพ่ิมมากขนึ้ เร่ือย ๆ แนวคำ� ตอบ การเพาะเล้ียงเน้ือเย่ือได้รับความนิยมเพ่ิมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นวิธีการท่ีสามารถผลิต ต้นพชื ได้ปริมาณมากในระยะเวลาอนั รวดเร็ว มขี นาดสมำ�่ เสมอ ผลผลติ ทีไ่ ดม้ มี าตรฐาน เก็บเกี่ยว ไดค้ ร้ังละจ�ำนวนมาก ได้ต้นพืชทีป่ ลอดโรคและมีลักษณะเหมือนกับตน้ เดมิ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

252 หน่วยที่ 4 | การดำ�รงชวี ิตของพชื คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ 9. ถ้าพบว่านักเรียนมีแนวความคิดคลาดเคลื่อนเก่ียวกับเร่ืองการขยายพันธุ์พืชดอก ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อ แกไ้ ขแนวคิดคลาดเคลื่อนให้ถกู ตอ้ ง เชน่ แนวคดิ คลาดเคลอื่ น แนวคิดที่ถกู ตอ้ ง พืชท่ีเจริญมาจากการขยายพันธุ์พืช เป็นพืชที่ไม่ พืชดอกท่ีเจริญมาจากการขยายพันธุ์พืช สามารถ สามารถสรา้ งเมล็ดได้ สืบพันธ์แุ บบอาศยั เพศ และมีเมล็ดได้ 10. อาจใหน้ กั เรยี นท�ำกจิ กรรมเสรมิ นอกเวลาเรยี น โดยส�ำรวจพชื ทน่ี กั เรยี นสนใจทพ่ี บภายในบรเิ วณโรงเรยี น รวบรวม ข้อมูลการขยายพันธ์ุ และขยายพนั ธุพ์ ืชชนดิ น้ัน 11. สนทนาร่วมกับนักเรียนเก่ียวกับหัวข้อเรื่องในบทเรียนการสืบพันธุ์และการขยายพันธุ์ของพืชดอก จากน้ันครูให้ นักเรียนทำ� กจิ กรรมตรวจสอบตนเอง เพ่อื สรุปองคค์ วามรทู้ ไี่ ด้เรียนรจู้ ากบทเรยี น โดยการเขียนบรรยาย วาดภาพ หรือเขียนผังมโนทัศน์สิ่งท่ีได้เรียนรู้จากบทเรียนนี้ ให้นักเรียนน�ำเสนอผลงาน โดยอาจออกแบบให้นักเรียน น�ำเสนอและอภิปรายภายในกลุ่ม หรืออภิปรายร่วมกันในชั้นเรียน หรือติดแสดงผลงานบนผนังห้องเรียน และให้นักเรยี นรว่ มพจิ ารณาผลงาน จากนนั้ ครูและนกั เรยี นอภปิ รายสรุปองคค์ วามรู้ที่ได้จากบทเรียนรว่ มกัน ตวั อยา่ งผงั มโนทัศน์ การสรุปองคค์ วามรใู้ นบทเรียนการสบื พนั ธ์แุ ละการขยายพนั ธข์ุ องพชื ดอก การเพม่ิ จำ� นวนของพืช มี 2 วิธี คือ การสบื พันธุ์ การขยายพนั ธโ์ุ ดยมนษุ ย์ มี 2 แบบ คอื โดยวิธี แบบอาศัยเพศ แบบไมอ่ าศยั เพศ เพาะเมล็ด ปกั ชำ� ตอนกิง่ ติดตา ตอ่ กงิ่ ทาบกงิ่ เพาะเลยี้ งเนอ้ื เยือ่ โดยใช้ โดยใช้ ดอก ใบ ราก ลำ� ตน้ มี การถา่ ยเรณู และ การปฏสิ นธิ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หน่วยท่ี 4 | การดำรงชีวติ ของพืช 253 คู่มือครูรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ 12. ใหน้ ักเรยี นทำ� กจิ กรรมท้ายบทและตอบคำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม 13. ให้นักเรียนตอบค�ำถามส�ำคัญของบท และร่วมกันอภิปรายค�ำตอบเพ่ือประเมินความเข้าใจเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ และการขยายพันธ์พุ ชื ดอก ดังตัวอยา่ ง เฉลยคำ�ถามสำ�คญั ของบท • พชื ดอกมกี ารสบื พันธุแ์ บบใดบา้ ง แต่ละแบบมีวธิ ีอยา่ งไร แนวคำ� ตอบ พืชดอกทุกชนิดมีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ และบางชนิดพบว่ามีการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ได้ด้วย การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศเกิดขึ้นท่ีดอก มีการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเซลล์ สืบพันธ์เุ พศเมยี ส่วนการสืบพนั ธแุ์ บบไม่อาศัยเพศไม่มกี ารปฏสิ นธิ โดยพชื ตน้ ใหมจ่ ะเกิดจากการ พฒั นาและเจรญิ เตบิ โตของเน้ือเยอื่ จากสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื ตน้ เดมิ • การขยายพันธุพ์ ืชมีวิธีการ และประโยชน์อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ การขยายพนั ธพ์ุ ชื มหี ลายวธิ ี เชน่ เพาะเมลด็ ปกั ชำ� ตดิ ตา ตอนกงิ่ ตอ่ กง่ิ ทาบกง่ิ เพาะเลยี้ งเนอ้ื เยอื่ ซงึ่ แตล่ ะวธิ มี วี ธี กี ารทแี่ ตกตา่ งกนั การขยายพนั ธพ์ุ ชื มปี ระโยชนใ์ นการเพม่ิ จำ� นวนพชื ใหไ้ ดล้ กั ษณะ และจ�ำนวนท่ตี อ้ งการ 14. ให้นักเรียนตรวจสอบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ท่ีได้เรียนรู้จากบทเรียนน้ี ในกรอบตรวจสอบตนเอง ในหนงั สือเรียน โดยร่วมกนั อภปิ รายว่านกั เรยี นได้ฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทักษะใดบ้าง และฝกึ ใน ขัน้ ตอนใด 15. ให้นักเรียนอา่ นสรุปท้ายบท และทำ� แบบฝกึ หัดท้ายบท 16. แนะนำ� บทเรียนที่จะได้เรียนรตู้ อ่ ไปในหน่วยการเรียนรู้นี้ คอื บทที่ 2 การสังเคราะห์ด้วยแสง วา่ หลังจากนกั เรยี น ได้เรียนรู้เก่ียวกับการสืบพันธุ์และการขยายพันธุ์ของพืชแล้ว ต่อไปนักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับการสังเคราะห์ ด้วยแสงของพชื รวมท้ังผลของการสังเคราะห์ดว้ ยแสงที่มตี อ่ พืช มนษุ ย์ และส่ิงแวดล้อม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

254 หนว่ ยท่ี 4 | การด�ำ รงชวี ิตของพืช คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ กิจกรรมที่ 4.3 เลอื กวิธีการขยายพนั ธพ์ุ ืชอย่างไรให้เหมาะสม นักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับวิธีการขยายพันธุ์พืช ผ่านการรวบรวมข้อมูลวิธีการและวิเคราะห์ข้อดีข้อจ�ำกัดของ การขยายพันธุ์พืชโดยวิธีต่าง ๆ จากน้ันน�ำผลท่ีได้จากการท�ำกิจกรรมมาเลือกวิธีการขยายพันธุ์พืชให้เหมาะสม กับความต้องการของตนเอง จุดประสงค์ 1. รวบรวมขอ้ มลู วิธกี าร และเปรยี บเทยี บข้อดี ขอ้ จำ� กดั ของการขยายพันธพ์ุ ืชโดยวิธตี า่ ง ๆ 2. อธบิ ายวธิ กี ารขยายพนั ธพ์ุ ชื ดอกท่ีสนใจ เวลาทใี่ ช้ใน 50 นาที การทำ� กจิ กรรม -ไม่ม-ี วัสดแุ ละอปุ กรณ์ การเตรียมตัว เตรยี มสอื่ การเรยี นรเู้ กย่ี วกบั การขยายพนั ธพ์ุ ชื เชน่ หนงั สอื คอมพวิ เตอรห์ รอื อปุ กรณท์ ส่ี ามารถ ลว่ งหนา้ สำ� หรบั ครู เชอื่ มต่ออนิ เทอร์เน็ตได้ สอ่ื การเรียนร/ู้ • หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตรร์ ะดบั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 สสวท. แหลง่ เรยี นรู้ • หนงั สือหรือสือ่ อืน่ ๆ เกี่ยวกับการขยายพันธุ์พชื • วีดทิ ัศน์การขยายพนั ธุ์พชื จากแหลง่ ทน่ี ่าเชือ่ ถือ • แหลง่ เรยี นรู้ เชน่ สวนพฤกษศาสตร์ ศูนยเ์ รียนรู้การเกษตร เกษตรกรในพน้ื ที่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยท่ี 4 | การดำรงชวี ติ ของพืช 255 คมู่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ตวั อย่างผลการทำ�กิจกรรม ตาราง ข้อมูลวิธีการขยายพนั ธุ์พชื ข้อดี ขอ้ จำ� กดั ของวิธีการขยายพันธุพ์ ชื ด้วยวธิ ีต่าง ๆ วธิ ีการ ข้นั ตอน ข้อดี ขอ้ จ�ำกัด ตวั อย่างพชื ขยาย พันธุพ์ ชื เพาะเมลด็ น�ำเมล็ดไปเพาะในดิน • วธิ กี ารไม่ซับซอ้ น • พืชต้นใหมอ่ าจมี พริก มะเขือ ข้าว หรือวัสดุท่ีมีปัจจัยครบ • ใช้อปุ กรณ์น้อย ลักษณะบางอยา่ ง ข้าวโพด มะละกอ ถั่ว ถ้วนส�ำหรับการงอก • ไดต้ น้ พชื ทม่ี ีราก แตกต่างไปจากเดมิ สัก หลังเมล็ดงอกรอให้ แข็งแรง • พืชบางชนิดทง่ี อก ต้นกล้าแข็งแรงจึงน�ำ จากเมลด็ จะเจรญิ ไปปลูกในกระถางหรือ เตบิ โตชา้ ลงดิน ปักชำ� ตัดก่ิง ใบ หรือรากมา • วธิ กี ารไม่ซบั ซ้อน • ต้นพชื ไม่มีรากแกว้ กหุ ลาบ วาสนา ฝรง่ั ปักลงในดินหรือวัสดุ • ใช้อุปกรณ์น้อย มะนาว โหระพา ปลูก เป็นวิธีท่ีกระตุ้น • เปน็ วิธีการท่รี วดเรว็ สะระแหน่ เบญจมาศ ให้ส่วนที่ตัดมาปักช�ำ • ได้พืชทม่ี ลี กั ษณะ ลนิ้ มังกร สรา้ งรากเพอ่ื ดดู นำ�้ และ เหมอื นเดมิ ธาตุอาหาร ตดิ ตา กรีดกิ่งของต้นตอออก • วธิ ีการไม่ซับซอ้ น • ตอ้ งระวงั การตดิ เชอ้ื เฟือ่ งฟา้ ชบา กุหลาบ เป็นรูปตัวที (T) น�ำ • ใชอ้ ุปกรณน์ ้อย การเกดิ โรค ส่วนตาของพืชต้นที่ • ท�ำใหพ้ ชื มหี ลาย ต้องการขยายพันธุ์มา ลกั ษณะบนต้นเดยี ว เสียบเข้าไปในส่วนของ ต้นตอท่ีกรีดไว้ พนั สว่ น ทีต่ ิดตาด้วยเทปพนั กิง่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

256 หนว่ ยท่ี 4 | การดำ�รงชวี ิตของพชื คมู่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ตัวอยา่ งผลการทำ�กิจกรรม ตาราง ขอ้ มูลวิธีการขยายพันธพ์ุ ืช ขอ้ ดี ขอ้ จำ� กัดของวิธกี ารขยายพนั ธพุ์ ชื ดว้ ยวิธีตา่ ง ๆ (ต่อ) วิธีการ ขั้นตอน ข้อดี ขอ้ จ�ำกัด ตวั อย่างพืช ขยาย พันธุพ์ ืช ตัดหรือบากกิ่งของ • ไดพ้ ชื ตน้ ใหมท่ ม่ี รี าก • ตอ้ งระวงั การตดิ เชอื้ ชวนชม ขนุน เงาะ ตอ่ กง่ิ ต้นตอ แล้วน�ำก่ิงพันธุ์ แขง็ แรงและมี การเกดิ โรค สาเก เฟ่อื งฟา้ ดีที่ต้องการเพ่ิมจ�ำนวน ลกั ษณะพนั ธุ์ดตี าม • กง่ิ พันธด์ุ ีต้องมีตา มาต่อบนรอบตัดหรือ ทต่ี อ้ งการ มากกว่า 1 ตา รอยบากบนต้นตอ • พชื เจรญิ เติบโตเร็ว ทาบกง่ิ น�ำต้นตอที่มีรากแข็ง • ได้ตน้ พชื ที่มีราก • ขนาดของตน้ ตอ มะม่วง มะขาม ขนนุ แรงไปทาบกับกิ่งพันธุ์ แข็งแรง และกงิ่ พันธ์ดุ ีตอ้ ง ของพนั ธทุ์ ่ีตอ้ งการ ใกล้เคยี งกัน • ตอ้ งระวังการติดเช้ือ การเกดิ โรค ตอนกิ่ง ท�ำโดยคว่ันเน้ือเย่ือ • ไดต้ น้ พืชที่มีลักษณะ • ตน้ พชื ไมม่ ีรากแกว้ ชะอม ส้มโอ มะนาว ล�ำเลียงอาหารของพืช ตามต้องการ • เหมาะกบั การขยาย จำ� ปี ฝรง่ั เฟ่อื งฟ้า ไผ่ ออกและหุ้มด้วยตุ้ม • พืชเจรญิ เตบิ โตเรว็ พันธ์ุพืชทม่ี เี นอ้ื ไม้ จนั ทร์ผา ตอนที่มีความชื้น ส่วน ค่อนข้างแข็ง ท่ีอยู่เหนือรอยควั่นซึ่ง หุ้มไว้ด้วยตุ้มตอนจะ สร้างรากออกมา สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยท่ี 4 | การดำรงชีวติ ของพืช 257 คู่มอื ครูรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม ตาราง ข้อมูลวิธีการขยายพนั ธ์พุ ืช ข้อดี ขอ้ จ�ำกดั ของวธิ ีการขยายพนั ธ์พุ ืชดว้ ยวธิ ีตา่ ง ๆ (ตอ่ ) วธิ กี าร ขัน้ ตอน ข้อดี ข้อจำ� กัด ตวั อย่างพืช ขยาย พันธพุ์ ชื น� ำ ส ่ ว น ข อ ง พื ช ที่ มี • เพมิ่ จำ� นวนพชื ไดม้ าก • ต้องควบคมุ พืชเศรษฐกจิ เชน่ เพาะเล้ยี ง เนอ้ื เยอ่ื ทส่ี ามารถเจรญิ ในเวลาทีร่ วดเรว็ ความสะอาด กลว้ ย กลว้ ยไม้ สกั เนื้อเยอื่ เติบโตได้ เช่น ล�ำต้น • พืชมลี ักษณะตาม • ตอ้ งควบคุมแสง ปาลม์ ยอด ตา ก้านช่อดอก ต้องการ และอณุ หภมู ขิ อง ใบ กา้ นใบ อับเรณู เรณู • พืชปลอดโรค หอ้ งเพาะเลี้ยง เอม็ บริโอ มาเพาะเลีย้ ง • พชื มขี นาดสม่�ำเสมอ • ใช้ความเช่ียวชาญ บนอาหารสังเคราะห์ที่ ผลผลติ ไดม้ าตรฐาน ของผเู้ พาะเลย้ี ง มีธาตุอาหารท่ีจ�ำเป็น • สารเคมคี ่อนขา้ งแพง ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและ ช่วยให้พืชเพ่ิมจ�ำนวน ได้ ภายใต้สภาวะที่ ควบคุมความสะอาด อณุ หภมู ิ และแสง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

258 หนว่ ยที่ 4 | การดำ�รงชีวติ ของพชื ค่มู อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ตวั อย่างผลการทำ�กิจกรรม ผลการเปรยี บเทยี บขอ้ ดี ขอ้ จำ� กดั ของการขยายพนั ธพ์ุ ชื ดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆ สิ่งทีพ่ จิ ารณา เพาะเมล็ด ปักชำ� วธิ ีการขยายพนั ธพ์ุ ชื ตอนกง่ิ เพาะเล้ียง ติดตา ตอ่ ก่ิง ทาบกง่ิ เนือ้ เยื้อ ยาก ยาก ยาก ความยากของวิธกี าร งา่ ย ง่าย แขง็ แรง แขง็ แรง แขง็ แรง ยาก ยาก ความแข็งแรงของราก แข็งแรง ค่อนข้าง ค่อนข้าง คอ่ นข้าง พชื ต้นใหม่ ออ่ นแอ ออ่ นแอ อ่อนแอ ระยะเวลาการเจริญ ขึ้นอยกู่ บั เร็ว เร็ว ขนึ้ อย่กู บั เรว็ เรว็ เรว็ เติบโตของพืชต้นใหม่ ชนิดพชื ชนิดพชื ข้ึนอย่กู บั ชนิดพืช จ�ำนวนของพืชต้นใหม่ มาก มาก น้อย น้อย น้อย นอ้ ย มาก ตรงกบั ตรงกบั ตรงกับ ตรงกับ ตรงกับ ลักษณะทต่ี อ้ งการ อาจไม่ตรง ตรงกบั ความ ความ ความ ความ ความ กับความ ความ ตอ้ งการ ต้องการ ตอ้ งการ ตอ้ งการ ต้องการ ตอ้ งการ ตอ้ งการ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หน่วยท่ี 4 | การดำรงชวี ติ ของพืช 259 คู่มือครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ผลการเลอื กและวธิ กี ารขยายพนั ธท์ุ ีเ่ หมาะสมกบั พชื ที่เลือก พชื ที่สนใจ คือ ชบา วิธีการท่ีเลือก........การตอนกงิ่ ....... ขัน้ ตอนการขยายพนั ธช์ุ บาโดยการตอนกิ่ง เลอื กกงิ่ ชบาที่ไม่แก่จนเกนิ ไป ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ใช้มีดคัทเตอร์ที่สะอาดและคม กรดี เปลอื กต้นชบาออกยาวประมาณ 1 นว้ิ ใชม้ ีดขูดเมือกของกงิ่ บรเิ วณรอยกรดี ออกเบาๆ เพอ่ื ขดู เอาเน้อื เยื่อท่อล�ำเลยี งอาหารออก น�ำตุ้มตอนที่เปน็ ขุยมะพร้าวหรอื ดนิ ท่ีชน้ื มาห้มุ บริเวณรอยควน่ั มดั ต้มุ ตอนให้ตดิ กับกงิ่ ให้แน่น สังเกตและรดน้�ำให้ต้มุ ตอนชืน้ อยเู่ สมอ ประมาณ 2 สัปดาห์ ก่ิงชบาบริเวณเหนอื รอยควน่ั จะสรา้ งรากออกมา ตัดกิ่งชบาใต้ต้มุ ตอน นำ� ตมุ้ ตอนออก และน�ำกิง่ ตอนไปปลกู ลงดิน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

260 หน่วยท่ี 4 | การดำ�รงชีวติ ของพืช คมู่ อื ครูรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เฉลยคำ�ถามท้ายกิจกรรม 1. การขยายพนั ธพุ์ ชื วธิ ใี ดบ้างที่เกี่ยวข้องกบั การสบื พนั ธุ์แบบอาศัยเพศ เพราะเหตใุ ด แนวคำ� ตอบ การเพาะเมล็ด เพราะเมลด็ เกิดจากการสืบพันธ์แุ บบอาศัยเพศ 2. การขยายพนั ธุ์พืชวธิ ีใดบ้างทใ่ี ช้หลกั การคล้ายคลึงกัน และคล้ายคลงึ กันอย่างไร แนวคำ� ตอบ การปกั ช�ำ การตอนกงิ่ เปน็ วธิ ีทที่ �ำให้เนอื้ เยื่อของพชื ขาด และมกี ารกระต้นุ ให้สว่ นทขี่ าดสร้างราก เพ่อื ดูดน�้ำและธาตอุ าหาร การทาบกง่ิ ตดิ ตา และตอ่ กง่ิ เปน็ การทำ� ใหเ้ นอื้ เยอ่ื ของพชื ตน้ ตอและเนอ้ื เยอ่ื ของกง่ิ หรอื ตา ทนี่ ำ� มา ต่อกันนั้นประสานติดกัน และท�ำให้พืชต้นใหม่สามารถล�ำเลียงน้�ำ ธาตุอาหาร และอาหารไปท่ัว ลำ� ต้นได้ 3. เพราะเหตใุ ด จงึ ต้องมกี ารนำ� เทคโนโลยีการเพาะเลีย้ งเนอ้ื เย่ือมาใช้ในการขยายพันธ์พุ ชื แนวคำ� ตอบ เพราะพชื บางชนดิ มคี วามจำ� กัดในการขยายพนั ธ์ุด้วยวธิ ีอน่ื เชน่ สร้างเมล็ดน้อย ใช้เวลาค่อนขา้ ง นานในการเจริญเติบโต ได้จ�ำนวนต้นน้อย ส่วนการเพาะเล้ียงเนื้อเยื่อท�ำให้ได้พืชจ�ำนวนมากใน เวลาทีร่ วดเร็ว และสามารถควบคมุ ระบบการผลติ ได้ดี 4. การเลือกใชว้ ิธกี ารขยายพันธ์ุพืชควรคำ� นงึ ถึงสิ่งใดบ้าง เพราะเหตุใด แนวค�ำตอบ การเลือกใช้วิธีขยายพันธุ์พืชควรค�ำนึงถึงจ�ำนวนพืชที่ต้องการ ลักษณะท่ีต้องการ และชนิด ของพืช 5. จากกิจกรรม สรปุ ไดว้ า่ อย่างไร แนวค�ำตอบ การขยายพนั ธพ์ุ ชื แตล่ ะวธิ มี ขี นั้ ตอน ขอ้ ดแี ละขอ้ จำ� กดั ทแี่ ตกตา่ งกนั บางวธิ มี หี ลกั การทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั ซง่ึ เหมาะกับพืชท่แี ตกต่างกนั การเลอื กวิธีการขยายพนั ธุ์พชื จงึ ควรเลือกใหม้ ีความเหมาะสม กับชนิดของพชื ลกั ษณะและจ�ำนวนทต่ี ้องการ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หน่วยที่ 4 | การดำรงชีวิตของพืช 261 คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ตัวอยา่ งผลการทำ�กิจกรรมเสรมิ พชื ทสี่ นใจ คอื โมก การขยายพันธุ์ต้นโมก ...การปักชำ� การตอนกิ่ง การเพาะเมล็ด.... วิธกี ารที่เลือก........การปกั ชำ� ....... ขัน้ ตอนการขยายพันธโุ์ มกโดยการปกั ชำ� 1. เตรยี มวัสดสุ ำ� หรบั การปักช�ำ โดยเตรยี มดินร่วน หรอื ดนิ รว่ นปนทราย ท่ีไม่อมุ้ น้�ำจนเกนิ ไป ผสมแกลบเผา นำ� ใสถ่ งุ ชำ� ทเี่ ตรียมไว้ 2. เลือกกิ่งโมกทไ่ี มอ่ ่อนหรือแกจ่ นเกินไป โดยตอ้ งมีตาอย่างน้อย 1-2 ตา ตัดกง่ิ ทเ่ี ลือกมาใหย้ าวประมาณ 1 ฟุต โดยตัดโคนกง่ิ ใหเ้ ปน็ แนวเฉยี ง 3. ปักกิ่งโมกในถงุ ชำ� ที่เตรียมไวใ้ ห้ลกึ ประมาณ 2 น้วิ 4. นำ� ถงุ ชำ� กิ่งโมกไปวางบริเวณท่มี แี ดดรำ� ไร รดน้�ำทกุ เชา้ 5. รอจนกิ่งโมกแตกใบ และราก จึงนำ� ไปปลกู ในกระถาง หรอื ลงดนิ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

262 หนว่ ยที่ 4 | การด�ำ รงชวี ิตของพชื คู่มือครูรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมท้ายบท ผลของพชื เกดิ ขึน้ ไดอ้ ย่างไร นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นรเู้ กย่ี วกบั ผลของการสบื พนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศของพชื ดอก และสามารถน�ำความรเู้ รอ่ื งการถา่ ยเรณแู ละ การปฏิสนธิของพชื ดอกมาใช้ในชวี ิตประจำ� วนั ได้ จดุ ประสงค์ สังเกตและอธิบายการเกิดผลของพืชดอก เวลาทีใ่ ชใ้ น 30 นาที การทำ� กิจกรรม วสั ดุและอปุ กรณ์ วสั ดุอปุ กรณ์ท่ใี ชต้ อ่ หอ้ ง -ไมม่ ี- วัสดอุ ุปกรณ์ที่ใชต้ อ่ กล่มุ รายการ ปรมิ าณ/กลุ่ม 1. ต้นพืชที่มีดอก เช่น อัญชัน กล้วยไม้ 1 ชนดิ หางนกยงู ไทย พรกิ มะเขือ ฝร่งั มะนาว 2 - 3 อนั 2. พู่กันหรอื ไมจ้ ิม้ ฟัน 2 - 3 อัน 3. ปากคบี 5 แผ่น 5 แผน่ 4. กระดาษขาวเทาขนาด 2 cm x 5 cm 1 ดา้ ม 1 ม้วน 5. กระดาษแกว้ 6. ดินสอ 7. เชือก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หนว่ ยท่ี 4 | การดำรงชวี ิตของพืช 263 คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ การเตรยี มตัว • ส�ำรวจว่ามีพืชท่ีก�ำหนดให้ในบริเวณโรงเรียนหรือในท้องถ่ินหรือไม่ ถ้ามีสามารถแนะน�ำให้ ลว่ งหนา้ ส�ำหรับครู นกั เรียนถ่ายเรณใู หพ้ ืชเหลา่ น้ันได้ ถ้าไมม่ สี ามารถใช้พืชชนดิ อื่นทตี่ ดิ ผลงา่ ยแทนได้ ข้อเสนอแนะ • ครูอาจแนะนำ� ใหน้ ักเรียนเลอื กพชื ดอกทหี่ ลากหลายเพ่อื เปรยี บเทยี บผลของกจิ กรรม ในการทำ� กจิ กรรม • เวลาทีเ่ หมาะสมในการถา่ ยเรณขู องพืชหลายชนดิ คือเวลาเชา้ • กิจกรรมนี้ต้องใช้เวลาในการสังเกตผลของการถ่ายเรณูซ่ึงต้องใช้เวลานอกเวลาเรียน ครูควร เตอื นให้นกั เรยี นทกุ กลมุ่ ตดิ ตามผลการถา่ ยเรณูและบนั ทกึ ผล จัดสรรเวลาในการอภปิ รายหลงั จากเสร็จสิน้ การท�ำกจิ กรรม สื่อการเรียนร/ู้ • หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตรร์ ะดับมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 สสวท. แหลง่ เรยี นรู้ • หนังสอื หรือส่อื อื่น ๆ เกยี่ วกบั การปรบั ปรงุ พนั ธุพ์ ชื สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

264 หน่วยที่ 4 | การดำ�รงชวี ติ ของพชื คูม่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ตัวอยา่ งผลการทำ�กจิ กรรม พืชทีเ่ ลอื ก....พริก.... วธิ กี ารถ่ายเรณู เลอื กดอกทต่ี อ้ งการถ่ายเรณู เตรียมอับเรณทู ีไ่ มอ่ อ่ นหรือแก่เกนิ ไป ใชพ้ ู่กันบี้อับเรณูใหแ้ ตก และเด็ดเกสรเพศผอู้ อก และแยกเรณใู หต้ ดิ ปลายพูก่ นั หอ่ ดอกทถี่ ่ายเรณูด้วยกระดาษแกว้ ติดปา้ ยแสดงวนั ท่ีถา่ ยเรณู นำ� เรณูมาแตะไปท่ียอดเกสรเพศเมีย ของดอกท่ตี ้องการถา่ ยเรณู สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี