Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (คู่มือ) หนังสือเรียนสสวท เพิ่มเติมโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 6

(คู่มือ) หนังสือเรียนสสวท เพิ่มเติมโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 6

Published by แชร์งานครู Teachers Sharing, 2021-01-26 04:30:13

Description: (คู่มือ) หนังสือเรียนสสวท เพิ่มเติมโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 6
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
เล่ม 6
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Keywords: (คู่มือ) หนังสือเรียนสสวท เพิ่มเติมโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 6,คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์,โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ,กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560),หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Search

Read the Text Version

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 บทที่ 17 | ทรงกลมฟา้ 37 4. เมื่อผู้สังเกตอยู่ที่ละติจูดต่างกัน เส้นทางการขึ้นการตกของดาวดวงเดียวกันจะเหมือนหรือ ตา่ งกนั อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ เส้นทางการข้นึ การตกของดาวฤกษ์ มที ้ังที่เหมือนและแตกต่างกนั ดงั นี้ ลกั ษณะเหมอื นกนั คอื เสน้ ทางการขน้ึ การตกของดาวฤกษท์ กุ ดวงจะขนานกนั และจะขนาน กับเสน้ ศูนย์สตู รฟ้า ลกั ษณะแตกตา่ งกนั คอื ผสู้ งั เกตอยทู่ บ่ี รเิ วณศนู ยส์ ตู รจะเหน็ เสน้ ทางการขนึ้ และการตกของ ดาวฤกษ์ตั้งฉากกับขอบฟ้า ผู้สังเกตท่ีอยู่บริเวณซีกโลกเหนือจะเห็นเส้นทางการขึ้นการตก ของดาวฤกษ์เฉียงไปทางใต้ ผสู้ งั เกตที่อยูบ่ รเิ วณซกี โลกใตจ้ ะเห็นเสน้ ทางการขน้ึ การตกของ ดาวฤกษ์ ดาวเฉียงไปทางเหนอื 5. เม่ือผสู้ ังเกตอย่ทู ี่ละติจูดต่างกัน จะเห็นดาว D (เดคลิเนชัน +45๐) มีเสน้ ทางการขน้ึ การตก เหมอื นหรือแตกตา่ งกันหรอื ไม่ อยา่ งไร แนวค�ำตอบ เมื่อผูส้ งั เกตอยทู่ ่ีละตจิ ูดตา่ งกนั จะเห็นเสน้ ทางการขึ้นการตกของดาว D แตก ต่างกัน • เมื่อผู้สังเกตท่ีศูนย์สูตรจะเห็นดาว D มีเส้นทางการขึ้นการตกเป็นรูปครึ่งวงกลมตั้งฉาก กับขอบฟ้า และห่างจากข้วั ฟา้ เหนอื ประมาณ 45 องศา • เมื่อผู้สังเกตท่ีอยู่ละติจูด 45 องศาเหนือจะเห็นดาว D มีเส้นทางการขึ้นการตกเฉียงไป ทางใต้ โดยดาว D จะอยู่ตรงจุดเหนือศรี ษะของผสู้ งั เกตขณะเคลื่อนทีผ่ ่านเมริเดียน • เมอื่ ผสู้ งั เกตทลี่ ะตจิ ดู 45 องศาใตจ้ ะเหน็ ดาว D ปรากฏทข่ี อบฟา้ ทางทศิ เหนอื และไมเ่ หน็ เสน้ ทางการข้นึ ตก 5. ให้นักเรียนน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม ร่วมกันสรุปและอภิปรายผลพร้อมตอบค�ำถามท้ายกิจกรรม ตามแนวทางการตอบค�ำถามข้างต้น 6. ครูและนักเรียนร่วมกันตอบค�ำถามชวนคิดหน้า 22 “ถ้าดาวดวงหนึ่งข้ึนทางทิศตะวันออกเฉียงไป ทางเหนือแลว้ จะเหน็ ดาวดวงนีต้ กลบั ขอบฟา้ ทางทิศใด” แนวค�ำตอบ ดาวท่ขี น้ึ จากทิศตะวันออกเฉยี งไปทางเหนือจะตกลับขอบฟ้าทางทศิ ตะวันตกเฉียงไป ทางเหนือ เน่ืองจากเส้นทางการข้ึนการตกของดาวเกิดจากการหมุนรอบตัวเองของโลก ดังนั้นเส้น ทางการข้นึ การตกของดาวจงึ ขนานกับเส้นศูนยส์ ตู รฟ้า 7. ครูขยายความรู้เก่ียวกับภาพรอยดาว โดยใหน้ ักเรยี นวิเคราะหภ์ าพในหนังสอื เรียนหน้า 23 โดยใช้ ประเด็นค�ำถามดงั น้ี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

38 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟา้ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 รปู ก รปู ข • ภาพรอยดาวในรูป ก และ รปู ข เหมอื นกันอย่างไร แนวค�ำตอบ เส้นทางการข้ึนการตกของดาวแต่ละดวงจะขนานกันและดาวทุกดวงจะโคจรรอบ จดุ ศนู ยก์ ลาง • ภาพรอยดาวในรปู ก และ รูป ข แตกตา่ งกันอยา่ งไร แนวค�ำตอบ จดุ ศูนย์กลางของภาพรอยดาวในภาพ ข จะอยสู่ ูงจากขอบฟา้ มากกว่าภาพ ก • เพราะเหตุใดภาพรอยดาวของผู้สังเกตทอี่ ยใู่ นรูป ก และ รปู ข จึงแตกต่างกัน แนวค�ำตอบ เนื่องจากผสู้ ังเกตทงั้ สองอย่บู นละติจูดท่แี ตกตา่ งกนั • เพราะเหตใุ ดเราจงึ มองเหน็ เสน้ ทางการขน้ึ การตกของดาวฤกษ์แตกตา่ งกนั แนวค�ำตอบ ขึน้ อยกู่ ับเดคลเิ นชันของดาว และต�ำแหน่งละติจดู ของผสู้ งั เกต 8. จากนนั้ ครูใหค้ วามร้เู พิ่มเติมเก่ยี วกับเดคลเิ นชันและเสน้ ทางการข้นึ การตกของดาวดงั น้ี • เส้นทางการขึ้นการตกของดาวฤกษ์แต่ละดวงจะแตกต่างกันขึ้นกับเดคลิเนชันของดาวฤกษ์และ ตำ� แหนง่ ละตจิ ดู ของผสู้ งั เกต โดยตำ� แหนง่ ขน้ึ และตกของดาวฤกษท์ ม่ี เี ดคลเิ นชนั เปน็ 0 องศา จะ ขึ้นตรงทิศตะวันออกและตกตรงทิศตะวันตกพอดี ดาวฤกษ์ที่มีเดคลิเนชันเป็นบวกจะขึ้นทาง ตะวันออกเฉียงไปทางเหนือและตกทางตะวันตกเฉียงไปทางเหนือ ส่วนดาวที่มีเดคลิเนชันเป็น ลบจะขนึ้ ทางตะวันออกเฉียงไปทางใต้และตกทางตะวนั ตกเฉียงไปทางใต้ โดยต�ำแหนง่ ทด่ี าวขึ้น และตกจะห่างจากทิศตะวนั ออกและทศิ ตะวนั ตกตามเดคลิเนชนั ของดาว ดงั รูป สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทที่ 17 | ทรงกลมฟ้า 39 • ดาวทม่ี ีเดคลเิ นชนั ตรงกบั ตำ� แหน่งละติจดู ของผสู้ งั เกต ดาวจะผา่ นเหนือศีรษะของผู้สงั เกตพอดี ขณะทีด่ าวผา่ นเมรเิ ดยี น • เส้นทางการข้ึนการตกของดาวฤกษ์ยังข้ึนกับต�ำแหน่งละติจูดของผู้สังเกต หากผู้สังเกตอยู่ท่ี ศูนย์สูตรจะเห็นเส้นทางการขึ้นการตกของดาวฤกษ์ตั้งฉากกับขอบฟ้าดังรูป (ก) ส่วนผู้สังเกตที่ อยู่ทางซีกโลกเหนือจะเห็นเส้นทางการข้ึนการตกของดาวฤกษ์เฉียงไปทางใต้ดังรูป (ข) และผู้ สังเกตทอ่ี ยู่ทางซีกโลกใตจ้ ะเห็นเสน้ ทางการขึน้ การตกของดาวฤกษเ์ ฉยี งไปทางเหนอื 17.9 (ค) (ก) (ข) (ค) 9. ครแู ละนกั เรยี นอภปิ รายรว่ มกนั วา่ “เสน้ ทางการขนึ้ การตกของดวงอาทติ ยจ์ ะมลี กั ษณะเชน่ เดยี วกบั ดาวฤกษ์หรอื ไม่ อย่างไร” และให้นักเรยี นศึกษาเสน้ ทางการขน้ึ การตกของดวงอาทติ ย์ โดยปฏบิ ัติ กิจกรรม 17.6 เส้นทางการขน้ึ การตกของดวงอาทติ ย์ กจิ กรรม 17.6 เสน้ ทางการขนึ้ การตกของดวงอาทติ ย์ จุดประสงค์กิจกรรม อธิบายเส้นทางการขน้ึ การตกของดวงอาทติ ย์โดยใชแ้ บบจำ� ลอง วสั ด-ุ อปุ กรณ์ 1. เอกสารความรู้ เรอ่ื ง ตำ� แหนง่ สำ� คญั บนเสน้ สรุ ยิ วถิ ี 1 ชดุ 2. แบบจำ� ลองทรงกลมฟา้ จากกจิ กรรม 17.5 3 ชดุ 3. แบบจำ� ลองทอ้ งฟา้ เชน่ เดยี วกบั กจิ กรรม 17.5 3 ชดุ 4. ปากกาเคมแี บบลบไมไ่ ด ้ 3 ดา้ ม 5. แถบสตกิ เกอรส์ ขี นาด 5 มลิ ลเิ มตร 1 มว้ น วิธกี ารท�ำกิจกรรม 1. ศึกษาความรเู้ ร่ือง จุดส�ำคญั บนเส้นสรุ ิยวถิ ี จากเอกสารความรู้ที่ก�ำหนด 2. ระบุจุดส�ำคัญ 4 จุดบนแบบจ�ำลองทรงกลมฟ้าจากกิจกรรม 17.5 ได้แก่ จุดวสันตวิษุวัต จุดครษี มายัน จุดศารทวิษวุ ัต และจดุ เหมายนั ตามพิกดั ทก่ี �ำหนด สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

40 บทที่ 17 | ทรงกลมฟ้า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 3. สร้างเส้นสุริยวิถีโดยลากเส้นวงกลมใหญ่ผ่านจุดส�ำคัญทั้งสี่ ทั้งนี้อาจใช้แถบสติกเกอร์แทน การลากเสน้ 4. ตดิ สตกิ เกอร์แสดงต�ำแหน่งดวงอาทติ ย์ท่จี ุดวสนั ตวิษวุ ตั 5. สังเกตเส้นทางการขน้ึ การตกของดวงอาทิตย์โดยมขี ั้นตอนดงั น้ี 5.1 เมื่อผู้สังเกตอยู่ที่ศูนย์สูตร ถือแบบจ�ำลองให้ระนาบขอบฟ้าของผู้สังเกตขนานกับพ้ืน จากน้ันหมุนแกนโลกให้ต�ำแหน่งดวงอาทิตย์อยู่ที่ขอบฟ้าทางทิศตะวันออก และใช้ ปากกาเคมีบันทึกตำ� แหนง่ การขน้ึ ของดวงอาทิตย์ลงบนแบบจำ� ลองท้องฟา้ แบบจำ� ลองทรงกลมฟา้ แบบจ�ำลองท้องฟ้า 5.2 คอ่ ย ๆ หมนุ แกนหมนุ แกนโลกไปครง้ั ละ 2 ชวั่ โมง พรอ้ มบนั ทกึ ตำ� แหนง่ ของดวงอาทติ ย์ ลงบนแบบจำ� ลองทอ้ งฟา้ และหมนุ แกนโลกไปจนกระทง่ั ดวงอาทติ ยล์ บั ขอบฟา้ ทางทศิ ตะวนั ตก ดังรูป 5.3 ลากเส้นเช่อื มจุดบนแบบจ�ำลองท้องฟ้า 5.4 นับจ�ำนวนช่ัวโมงที่ดวงอาทิตย์อยู่เหนือขอบฟ้า จากจ�ำนวนชั่วโมงที่เปล่ียนไปบน เส้นศนู ย์สูตรฟ้า บนั ทกึ ผล 6. ทำ� ซำ้� เชน่ เดยี วกบั ขอ้ 5 แตเ่ ปลยี่ นตำ� แหนง่ ดวงอาทติ ยอ์ ยทู่ จ่ี ดุ ครษี มายนั จดุ ศารทวษิ วุ ตั และ จุดเหมายัน ตามลำ� ดบั บันทึกผลบนแบบจ�ำลองทอ้ งฟ้า สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทที่ 17 | ทรงกลมฟ้า 41 7. เปลยี่ นตำ� แหนง่ ผสู้ งั เกตอยทู่ ลี่ ะตจิ ดู 45 องศาเหนอื และละตจิ ดู 45 องศา ใตต้ ามลำ� ดบั และ ทำ� ซ�้ำเช่นเดยี วกับข้อ 5-6 8. สรุป และนำ� เสนอผลการทำ� กิจกรรม ตัวอย่างผลการท�ำกิจกรรม ต�ำแหน่งผสู้ งั เกตท่ี …………………ศนู ย์สูตร……………… ตำ� แหนง่ การข้นึ การตกของดวงอาทิตยแ์ ละจำ� นวนชวั่ โมงที่ดวงอาทิตย์อยู่เหนือขอบฟา้ ตำ� แหนง่ ตำ� หนง่ ท่ี ตำ� แหนง่ ท่ี จำ� นวนชวั่ โมงทด่ี วงอาทติ ย์ ดวงอาทติ ยข์ นึ้ ดวงอาทติ ยต์ ก อยเู่ หนอื ขอบฟา้ วสนั ตวิษุวัต ตะวันออก ตะวันตก 12 ครษี มายนั ตะวนั ออก ตะวันตก 12 เฉียงไปทางเหนอื เฉียงไปทางเหนอื ศารทวิษวุ ัต ตะวันออก ตะวันตก 12 เหมายนั ตะวันออก ตะวนั ตก 12 เฉียงไปทางใต้ เฉียงไปทางใต้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

42 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟา้ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 ต�ำแหนง่ ผู้สังเกตท่ี ……………………ละติจูด 45 องศาเหนอื …………… ตำ� แหน่งการขน้ึ การตกของดวงอาทติ ย์และจ�ำนวนช่วั โมงทีด่ วงอาทติ ยอ์ ยู่เหนอื ขอบฟา้ ตำ� แหนง่ ตำ� หนง่ ที่ ตำ� แหนง่ ท่ี จำ� นวนชวั่ โมงทด่ี วงอาทติ ย์ ผสู้ งั เกต ดวงอาทติ ยข์ นึ้ ดวงอาทติ ยต์ ก อยเู่ หนอื ขอบฟา้ วสันตวิษุวัต ตะวนั ออก ตะวนั ตก 12 ครีษมายนั 15 ตะวนั ออก ตะวนั ตก ศารทวษิ วุ ตั เฉยี งไปทางเหนอื เฉยี งไปทางเหนือ 12 เหมายัน ตะวันออก ตะวนั ตก 9 ตะวนั ออก ตะวนั ตก เฉียงไปทางใต้ เฉยี งไปทางใต้ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟ้า 43 ต�ำแหนง่ ผ้สู งั เกตท่ี ………………ละติจดู 45 องศาใต…้ ……………… ตำ� แหน่งการขน้ึ การตกของดวงอาทติ ยแ์ ละจำ� นวนช่ัวโมงทีด่ วงอาทติ ย์อยู่เหนือขอบฟา้ ตำ� แหนง่ ตำ� หนง่ ที่ ตำ� แหนง่ ท่ี จำ� นวนชว่ั โมงทดี่ วงอาทติ ย์ ผสู้ งั เกต ดวงอาทติ ยข์ น้ึ ดวงอาทติ ยต์ ก อยเู่ หนอื ขอบฟา้ ตะวนั ตก 12 วสนั ตวิษวุ ตั ตะวนั ออก 9 ตะวันตก ครษี มายนั ตะวนั ออก เฉยี งไปทางเหนือ 12 เฉยี งไปทางเหนอื ตะวนั ตก 15 ศารทวิษุวตั ตะวนั ออก ตะวนั ตก เฉียงไปทางใต้ เหมายัน ตะวนั ออก เฉยี งไปทางใต้ สรุปผลการทำ� กิจกรรม ผสู้ งั เกตบนโลกจะเหน็ ดวงอาทติ ยข์ นึ้ ทางตะวนั ออกและตกทางตะวนั ตก โดยเสน้ ทางการขน้ึ การตกของดวงอาทิตย์เปล่ียนแปลงไปตามเดคลิเนชันของดวงอาทิตย์ที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน นอกจากนเี้ มอื่ ละตจิ ดู ของผสู้ งั เกตเปลยี่ น เสน้ ทางการขนึ้ การตกของดวงอาทติ ยจ์ ะเปลย่ี นไปดว้ ย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

44 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟา้ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 คำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม 1. เม่ือต�ำแหน่งดวงอาทิตย์อยู่ที่จุดส�ำคัญส่ีจุด ต�ำแหน่งการข้ึนการตกของดวงอาทิตย์เหมือน หรอื ตา่ งกนั อย่างไร แนวค�ำตอบ ตา่ งกัน ในวันวสันตวิษุวตั และศารทวิษุวตั ดวงอาทิตยจ์ ะขึน้ ทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตกพอดี ในวันครีษมายันดวงอาทิตย์จะขึ้นทางตะวันออกเฉียงไปทาง เหนอื และตกทางตะวนั ตกเฉยี งไปทางเหนอื ในวันเหมายันดวงอาทติ ย์จะขน้ึ ทางตะวันออก เฉยี งไปทางใต้และตกทางตะวันตกเฉียงไปทางใต้ 2. เมอื่ ผสู้ งั เกตอยลู่ ะตจิ ดู ตา่ ง ๆ เสน้ ทางการขนึ้ การตกของดวงอาทติ ยใ์ นวนั เดยี วกนั จะเหมอื น หรอื แตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อย่างไร แนวคำ� ตอบ แตกตา่ งกนั โดยผสู้ งั เกตทอ่ี ยบู่ รเิ วณศนู ยส์ ตู รจะเหน็ เสน้ ทางการขนึ้ การตกของ ดวงอาทติ ยต์ ง้ั ฉากกบั ขอบฟา้ ผสู้ งั เกตทอี่ ยบู่ รเิ วณซกี โลกเหนอื จะเหน็ เสน้ ทางการขนึ้ การตก ของดวงอาทิตย์เฉียงไปทางใต้ และผู้สังเกตที่อยู่บริเวณซีกโลกใต้จะเห็นเส้นทางการข้ึน การตกของดวงอาทิตย์เฉียงไปทางเหนือ 3. ในวันเดียวกัน ผู้สังเกตที่อยู่ละติจูดต่างกันจะมีช่วงเวลากลางวันกลางคืนยาวเท่ากันหรือไม่ อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ ในวนั เดยี วกนั ถา้ ผสู้ งั เกตอยทู่ ล่ี ะตจิ ดู ตา่ งกนั จะมชี ว่ งเวลากลางวนั กลางคนื ยาว ไมเ่ ท่ากนั เช่น • ในวันครีษมายันผู้สังเกตที่อยู่ซีกโลกเหนือจะมีกลางวันยาวกว่ากลางคืน ส่วนผู้สังเกตท่ี อยซู่ ีกโลกใต้จะมีกลางคืนยาวกวา่ กลางวนั • ในวันเหมายันผู้สังเกตท่ีอยู่ซีกโลกเหนือจะมีกลางคืนยาวกว่ากลางวัน ส่วนผู้สังเกตท่ีอยู่ ซกี โลกใตจ้ ะมีกลางวนั ยาวกวา่ กลางคืน • ส่วนวันวสันตวิษุวัตและวันศารทวิษุวัตจะมีช่วงเวลากลางวันและกลางคืนยาวเท่ากันทุก ละติจูดบนโลก 4. ถา้ ในวนั ทดี่ วงอาทติ ยอ์ ยทู่ จี่ ดุ วสนั ตวษิ วุ ตั และจดุ ศารทวษิ วุ ตั ดวงอาทติ ยข์ นึ้ จากขอบฟา้ เวลา 06:00 นาฬิกา ดวงอาทติ ยจ์ ะลับขอบฟ้าท่เี วลาประมาณเท่าใด แนวค�ำตอบ ลบั ขอบฟ้าท่เี วลาประมาณ 18:00 นาฬกิ า สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 บทที่ 17 | ทรงกลมฟ้า 45 10. ให้นักเรียนน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม และร่วมกันสรุปและอภิปรายผลพร้อมตอบค�ำถามท้าย กิจกรรมตามแนวทางการตอบค�ำถามขา้ งตน้ 11. ครูให้นักเรียนศึกษาเก่ียวกับเส้นสุริยวิถีและจุดส�ำคัญท้ัง 4 จุดในหนังสือเรียนหน้า 26 และรว่ มกนั อภิปรายโดยใชค้ ำ� ถามดังน้ี • ต�ำแหน่งส�ำคัญ 4 จุดบนเส้นสุริยวิถีมีอะไรบ้าง และส่งผลต่อเส้นทางการข้ึนการตกของ ดวงอาทติ ยอ์ ยา่ งไร แนวค�ำตอบ จุดวสันตวษิ วุ ัต ศารทวษิ วุ ตั ครษี มายนั และเหมายัน โดยในแต่ละวันตำ� แหน่งที่ ดวงอาทิตย์ขึน้ และดวงอาทิตยต์ กจะแตกต่างกนั • จดุ วสนั ตวิษุวตั อยู่ตำ� แหน่งใดบนทรงกลมฟา้ และมีความเกีย่ วขอ้ งกบั ฤดูอยา่ งไร แนวค�ำตอบ จุดวสันตวิษุวัตเป็นจุดตัดของเส้นศูนย์สูตรฟ้ากับเส้นสุริยวิถี เม่ือดวงอาทิตย์ เคลื่อนท่ีมาต�ำแหน่งประมาณวันที่ 21 มีนาคม ส�ำหรับคนที่อยู่ทางซีกโลกเหนือจะเป็น วันเร่ิมต้นเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ และส�ำหรับคนที่อยู่ทางซีกโลกใต้จะเป็นวันเริ่มต้นเข้าสู่ ฤดูใบไม้รว่ ง • จุดครีษมายันอยูต่ ำ� แหนง่ ใดบนทรงกลมฟ้า และมคี วามเก่ียวข้องกบั ฤดูอย่างไร แนวค�ำตอบ จุดครีษมายันเป็นต�ำแหน่งท่ีดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรฟ้าทางขั้วฟ้า เหนือมากที่สุดเป็นช่วงฤดูร้อน และเม่ือเป็นจุดที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนมาท่ีต�ำแหน่งน้ีประมาณ วนั ท่ี 21 มถิ นุ ายน ในวนั นจี้ ะเปน็ วนั ทจี่ ะมกี ลางวนั ยาวนานทสี่ ดุ ในรอบปสี ำ� หรบั ในซกี โลกเหนอื ส�ำหรับในซกี โลกใตจ้ ะเปน็ ฤดหู นาว และเปน็ วนั ทีก่ ลางคืนยาวนานท่สี ุดในรอบปี • จดุ ศารทวษิ วุ ัตอยตู่ ำ� แหน่งใดบนทรงกลมฟ้า และมคี วามเกีย่ วขอ้ งกบั ฤดูอยา่ งไร แนวค�ำตอบ จุดศารทวิษุวัตเป็นจุดตัดของเส้นศูนย์สูตรฟ้ากับเส้นสุริยวิถี เมื่อดวงอาทิตย์ เคลอ่ื นทมี่ าตำ� แหนง่ น้ใี นวนั ที่ 22 กนั ยายน สำ� หรบั คนท่ีอย่ทู างซกี โลกเหนือจะเปน็ วันเร่ิมตน้ เข้าส่ฤู ดใู บไมร้ ่วง และส�ำหรับคนที่อยู่ทางซกี โลกใตจ้ ะเปน็ วนั เริ่มต้นเขา้ สูฤ่ ดใู บไมผ้ ลิ • จดุ เหมายนั อยตู่ ำ� แหน่งใดบนทรงกลมฟา้ และมีความเก่ยี วข้องกับฤดอู ย่างไร แนวคำ� ตอบ จดุ เหมายนั เปน็ ตำ� แหนง่ ทด่ี วงอาทติ ยอ์ ยหู่ า่ งจากเสน้ ศนู ยส์ ตู รฟา้ ทางขว้ั ฟา้ ใตม้ าก ท่ีสุด เม่ือดวงอาทิตย์เคลื่อนท่ีมาต�ำแหน่งนี้ประมาณวันที่ 22 ธันวาคม ซ่ึงเป็นฤดูหนาวจะมี กลางคืนยาวนานท่สี ุดในรอบปสี �ำหรบั ในซีกโลกเหนอื และจะเป็นฤดูร้อนในซกี โลกใต้ ซึง่ จะ เป็นวันทก่ี ลางวนั ยาวนานทส่ี ดุ ในรอบปี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

46 บทที่ 17 | ทรงกลมฟา้ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 12. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั ปรากฏการณต์ า่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เสน้ ทางการขนึ้ การตก ของดวงอาทิตย์ในธรรมชาติ จากหนงั สอื เรียนหน้า 27 โดยใช้ประเด็นคำ� ถามดังต่อไปนี้ • จากภาพเป็นต�ำแหน่งท่ีดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าในวันต่าง ๆ ต�ำแหน่งดังกล่าวมีการเปลื่ยน แปลงหรือไม่ อย่างไร แนวค�ำตอบ จากภาพ ต�ำแหน่งการตกของดวงอาทิตย์ในแต่ละวันมีการเปลี่ยนไปทุกวัน เนอ่ื งจากเดคลเิ นชันของดวงอาทติ ย์เปล่ยี นไปทุกวนั บนเสน้ สรุ ยิ วถิ ี ทำ� ให้ตำ� แหน่งการตกของ ดวงอาทติ ยข์ ยบั ขนึ้ ไปทางดา้ นเหนอื ในช่วงฤดรู ้อน ส�ำหรบั ผสู้ ังเกตในซีกโลกเหนอื • ปรากฏการณต์ ะวันออ้ มข้าวคอื อะไร แนวค�ำตอบ เป็นค�ำเรียกช่วงเวลาที่เส้นทางการขึ้นการตกของดวงอาทิตย์เฉียงไปทางใต้โดย ไม่ได้ผ่านจุดเหนือศีรษะ โดยเส้นทางการขึ้นการตกของดวงอาทิตย์จะเฉียงไปทางใต้และ อยู่ใกล้ขอบฟ้ามากท่ีสุด จึงเห็นดวงอาทิตย์เคล่ือนท่ีอ้อมผ่านต้นข้าวไป ซึ่งตรงกับช่วง ฤดูเกบ็ เกย่ี วข้าว เราจงึ เรียกว่า ตะวนั ออ้ มข้าว • ตะวันอ้อมขา้ วเกิดขึน้ ในช่วงเวลาใดของปี แนวค�ำตอบ เกิดในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าว เส้นทางการขึ้นการตกของ ดวงอาทติ ยจ์ ะเฉยี งไปทางใต้และอยูใ่ กล้ขอบฟา้ • ปรากฏการณพ์ ระอาทิตยเ์ ทีย่ งคืนเกดิ ได้อยา่ งไร แนวค�ำตอบ ปรากฏการณ์น้ีจะเกิดในประเทศท่ีอยู่ในละติจูด 66.5 องศาเหนือและใต้ขึ้นไป โดยผู้สังเกตบริเวณดังกล่าวมีโอกาสเห็นดวงอาทิตย์อยู่เหนือขอบฟ้ายาวนาน 24 ช่ัวโมง ทั้งนก้ี ารจะสังเกตเหน็ ปรากฏการณ์นยี้ าวนานเทา่ ไรขึน้ อยูก่ ับละตจิ ดู ของผสู้ ังเกต สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทที่ 17 | ทรงกลมฟ้า 47 แนวทางการวัดและประเมินผล KPA การวดั และประเมินผล K: 1. เสน้ ทางการขน้ึ การตกของดาวฤกษ์ 1. ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 17.5 และ 17.6 รวมทง้ั การตอบคำ� ถาม 2. เสน้ ทางการขนึ้ การตกของดวงอาทติ ย์ ทา้ ยกจิ กรรม 3. ปรากฏการณท์ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั การเปลยี่ น 2. การอภปิ รายและสรปุ ผลกจิ กรรม ตำ� แหนง่ ของดวงอาทติ ยแ์ ละดาวฤกษ์ 3. แบบฝกึ หดั P: 1. การสงั เกตจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 17.5 – 17.6 และการ 1. การสงั เกต 2. การวดั อภปิ รายเพอื่ ตอบคำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม 3. การหาความสมั พนั ธข์ องสเปซกบั เวลา 2. การวดั จากการใชเ้ ครอื่ งมอื วดั มมุ วดั ตำ� แหนง่ ของดวงอาทติ ย์ 4. ความมงุ่ มนั อดทน และดวงดาวในการปฎบิ ตั กิ จิ กรรม 17.5 - 17.6 5. การสรา้ งแบบจำ� ลอง 3. การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกบั เวลา จากการระบเุ สน้ 6. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและ ทางการขนึ้ การตกของดาวฤกษแ์ ละดวงอาทติ ย์ การแกป้ ญั หา 4. ความมุ่งมั่นอดทนจากการปฏิบัติกิจกรรมการศึกษาเส้น 7. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้ ทางการขนึ้ การตกของดวงอาทติ ยแ์ ละดวงดาว เทา่ ทนั สอื่ 5. การสรา้ งแบบจำ� ลองจากการสรา้ งแบบจำ� ลองทรงกลมฟา้ และ 8. ความรว่ มมอื การทำ� งานเปน็ ทมี และ แบบจำ� ลองทอ้ งฟา้ ภาวะผนู้ ำ� 6. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา จากการวเิ คราะห์ เชอ่ื มโยงความรเู้ รอื่ งเสน้ ทางการขน้ึ การตกของดาวฤกษแ์ ละ ดวงอาทติ ยเ์ พอื่ นำ� ไปสกู่ ารอธบิ ายปรากฏการณท์ เ่ี กดิ ขนึ้ บนโลก 7. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื จากการสบื คน้ ขอ้ มลู และการนำ� เสนอผลงาน 8. ความรว่ มมอื การทำ� งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ ำ� จากการแบง่ หนา้ ทก่ี ารทำ� งานและทำ� กจิ กรรมรว่ มกนั ภายในกลมุ่ A: 1. ความใจกวา้ ง จากการสงั เกตพฤตกิ รรมระหวา่ งการทำ� งานกลมุ่ 1. ความใจกวา้ ง 2. ความอยากรอู้ ยากเหน็ และการเหน็ คณุ คา่ ทางวทิ ยาศาสตร์ จาก 2. ความอยากรอู้ ยากเหน็ 3. การเหน็ คณุ คา่ ทางวทิ ยาศาสตร์ การรว่ มอภปิ ราย และการตอบคำ� ถามเกยี่ วกบั การใชป้ ระโยชน์ 4. ความมงุ่ มน่ั อดทน จากการศึกษาเส้นทางการขึ้นการตกของดาวฤกษ์และ ดวงอาทติ ย์ 3. ความมุ่งมันอดทนจากการปฏิบัติกิจกรรมการศึกษา เสน้ ทางการขน้ึ การตกของดวงอาทติ ยแ์ ละดวงดาว สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

48 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟา้ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 17.3 เวลาสรุ ิยคติ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายการบอกเวลาสุรยิ คติปรากฏและเวลาสุริยคติปานกลาง 2. อธิบายการก�ำหนดเขตเวลามาตรฐานสากลพร้อมทั้งเปรียบเทยี บเวลาในแต่ละเขตเวลาบนโลก 3. อธิบายการใชป้ ระโยชนเ์ วลามาตรฐานสากล 4. ออกแบบและวางแผนการสังเกตดาวฤกษบ์ นทอ้ งฟ้า สื่อและแหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียนรายวิชาเพมิ่ เตมิ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 2. สืบคน้ ขอ้ มลู เพิ่มเตมิ ได้จาก สสวท. learning space http://www.scimath.org แนวการจดั การเรยี นรู้ 1. ครูน�ำเข้าสู่บทเรียน โดยใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภิปรายโดยใชค้ ำ� ถามดงั น้ี • ในอดตี มนษุ ย์มีวธิ กี ารใดในการบอกเวลา แนวทางการอภิปราย ตอบตามความเข้าใจของนักเรียน เช่น ใช้ดวงอาทิตย์ หรือดวงดาวใน การบอกเวลา 2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ ราย เพอ่ื แลกเปลย่ี นความรหู้ รอื ประสบการณเ์ กยี่ วกบั การสงั เกตตำ� แหนง่ ของดวงอาทิตยบ์ นทอ้ งฟ้า และนาฬิกาแดด โดยใช้คำ� ถามดังน้ี • มนษุ ยใ์ ช้ดวงอาทติ ยใ์ นการบอกเวลาได้อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ ตอบตามความคดิ ของนกั เรยี น เชน่ ดวงอาทติ ยอ์ ยตู่ รงขอบฟา้ ทางทศิ ตะวนั ออกเปน็ เวลาเชา้ ดวงอาทติ ยอ์ ยตู่ รงศรี ษะเปน็ เวลาเทย่ี ง ดวงอาทติ ยอ์ ยตู่ รงขอบฟา้ ทางทศิ ตะวนั ตกเปน็ เวลาเยน็ 3. ให้นกั เรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 17.7 เวลาสรุ ยิ คติปรากฏ ตามหนงั สอื เรียนหนา้ 31–32 กจิ กรรม 17.7 เวลาสรุ ิยคติปรากฏ จุดประสงคก์ ิจกรรม เปรียบเทียบเวลาที่เกดิ เงา ณ ต�ำแหนง่ เดมิ ในแต่ละวัน เวลา 50 นาที วสั ดุ-อปุ กรณ์ 1. เอกสารความรู้เรอื่ ง การสร้างอปุ กรณ์ท่ีใชส้ งั เกตเงา 1 ชดุ 2. ชุดข้อมลู วนั ทแี่ ละเวลาทเ่ี งาผา่ นเมรเิ ดียนของผสู้ งั เกต ในแต่ละเดอื นตลอดทง้ั ปี 1 ชุด สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟ้า 49 3. แทง่ วตั ถปุ ลายแหลมท่ใี ช้เป็นหลกั เงา เชน่ แท่งไม้ทรงกระบอก ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร 1 แท่ง 4. แผน่ พลาสตกิ ลูกฟกู สีขาว ขนาด กว้าง 50 เซนตเิ มตร ยาว 50 เซนตเิ มตร 1 แผ่น 5. ปากเคมีแบบลบไม่ได้ 1 ดา้ ม 6. เข็มทศิ 1 อัน 7. เทปผ้า 1 มว้ น การเตรยี มตัวล่วงหน้า ติดต้ังอปุ กรณ์ทใ่ี ชส้ ังเกตเงาตามเอกสารความรู้ ขอ้ เสนอแนะสำ� หรับครู 1. เนอ่ื งจากกจิ กรรมนี้ ตอ้ งใชเ้ วลาอยา่ งนอ้ ย 4 สปั ดาห์ จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งปฏบิ ตั กิ จิ กรรมนอกเวลา เรยี น ครใู หน้ กั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมนอกเวลาเรยี น และนำ� ผลการทำ� กจิ กรรมมาอภปิ รายรว่ ม กนั ในชั้นเรยี น 2. ในการบนั ทกึ เวลาของวนั ถดั ไป ขอใหไ้ ปกอ่ นเวลาทบ่ี นั ทกึ ไดใ้ นวนั กอ่ นหนา้ ประมาณ 10 นาที 3. ในกรณที ฝี่ นตกและตอ้ งตดิ ตง้ั อปุ กรณใ์ หมใ่ หต้ ดิ ตง้ั ทตี่ ำ� แหนง่ เดมิ เพอื่ ใหเ้ วลาทบ่ี นั ทกึ ไดต้ อ่ เนอ่ื งกนั 4. ในกรณที ส่ี ปั ดาหใ์ ดไมส่ ามารถบนั ทกึ ขอ้ มลู ไดต้ อ่ เนอ่ื งกนั 2 วนั ใหเ้ รมิ่ บนั ทกึ ขอ้ มลู 2 วนั ใหม่ ทตี่ อ่ เนือ่ งกัน 5. ในกรณีที่ไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้ต่อเน่ืองกัน 4 สัปดาห์ สามารถใช้ข้อมูลที่บันทึกได้ ต่อเนือ่ งกนั อย่างนอ้ ย 3 สัปดาห์ เพอื่ สังเกตแนวโนม้ ของขอ้ มลู 6. ครูควรแนะน�ำวิธีการหาทิศโดยใช้เงาของวัตถุ ซ่ึงวิธีการดังกล่าวเป็นหลักการหาทิศของ ผู้สังเกต โดยไม่ต้องอาศัยเข็มทิศ เพราะเข็มทิศอาจถูกรบกวนโดยสนามแม่เหล็กที่พบใน บรเิ วณที่ตดิ ต้ังอุปกรณไ์ ด้ ซ่ึงสามารถศกึ ษาวิธีการดงั กลา่ วได้จาก QR code ประจ�ำบท 7. ครอู าจแนะนำ� ใหใ้ ชแ้ อปพลเิ คชนั ในโทรศพั ท์มอื ถอื ในการหาทิศแทนเข็มทศิ ได้ วิธกี ารทำ� กิจกรรม 1. ศึกษาความรู้เรือ่ ง การสร้างอปุ กรณท์ ่ใี ช้สงั เกตเงา จากเอกสารทีก่ ำ� หนดให้ 2. สร้างและติดตั้งอปุ กรณ์ทใ่ี ช้สังเกตเงา 3. สังเกตเงาบนแผ่นพลาสติกลูกฟูกเมื่อเงาผ่านเมริเดียนของผู้สังเกต บันทึกวันท่ีและเวลา โดยบันทึกเวลาถึงหนว่ ยวินาที 4. ในวนั ถดั มาสงั เกตเงาของหลักเงาเม่ือเงาผ่านเมริเดยี นของผสู้ งั เกต บนั ทกึ วนั ท่แี ละเวลา 5. ทำ� ซ้ำ� สัปดาห์ละ 2 วนั ตดิ กัน ตอ่ เนือ่ งกนั เปน็ เวลา 4 สัปดาห์ 6. เปรยี บเทยี บชว่ งเวลาทเ่ี งาผา่ นเมรเิ ดยี นของผสู้ งั เกตทบ่ี นั ทกึ ไวส้ องวนั ตดิ กนั ในแตล่ ะสปั ดาห์ 7. สรปุ และนำ� เสนอผลการท�ำกจิ กรรม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

50 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟ้า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 ตวั อยา่ งผลการทำ� กจิ กรรม สัปดาห์ วันที่ เวลา ชว่ งเวลา 1 วนั สุริยคติปรากฏ 12:16:23 นาฬิกา 23 ชั่วโมง 59 นาที 58 วนิ าที 1 5 พฤศจิกายน 2562 12:16:21 นาฬิกา 23 ช่ัวโมง 59 นาที 51 วินาที 12:15:47 นาฬิกา 23 ชว่ั โมง 59 นาที 45 วนิ าที 6 พฤศจกิ ายน 2562 12:15:38 นาฬกิ า 23 ชั่วโมง 59 นาที 40 วนิ าที 12:14:29 นาฬกิ า 2 12 พฤศจิกายน 2562 12:14:14 นาฬิกา 13 พฤศจกิ ายน 2562 12:12:31 นาฬกิ า 12:12:11 นาฬิกา 3 19 พฤศจิกายน 2562 20 พฤศจกิ ายน 2562 4 26 พฤศจิกายน 2562 27 พฤศจิกายน 2562 สรุปผลการท�ำกจิ กรรม จากกิจกรรม เวลาทเี่ งาผา่ นเมรเิ ดยี นของผู้สังเกตในแตล่ ะวนั แตกต่างกัน ช่วงเวลาท่ีเงาผ่าน เมรเิ ดยี นของผูส้ งั เกตของแต่ละวนั ใน 1 เดือนตลอดทงั้ ปียาวไมเ่ ท่ากัน โดยช่วงเวลาอาจเพ่มิ ข้นึ หรอื ลดลงแตกต่างกันในแต่ละเดือน ค�ำถามท้ายกิจกรรม 1. เวลาทเ่ี งาผา่ นเมริเดียนของผู้สังเกตในแตล่ ะวันเป็นเวลาเดยี วกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร แนวค�ำตอบ ไม่เป็นเวลาเดียวกัน ซึ่งในแต่ละวันอาจจะเร็วกว่าหรือช้ากว่าเดิม ข้ึนอยู่กับ เดือนทท่ี ำ� การศึกษา 2. วิเคราะห์ชุดข้อมูล วันท่ีและเวลาท่ีเงาผ่านเมริเดียนสองวันติดกันในแต่ละสัปดาห์ตลอด ทง้ั ปที ก่ี ำ� หนดให้ ชว่ งเวลาทเ่ี งาผา่ นเมรเิ ดยี นสองวนั ตดิ กนั ในแตล่ ะสปั ดาหต์ ลอดทงั้ ปยี าวนาน เท่ากนั หรอื ไม่ อย่างไร แนวคำ� ตอบ ชว่ งเวลาของแตล่ ะวนั ยาวไมเ่ ทา่ กนั โดยอาจเพม่ิ ขน้ึ หรอื ลดลงแตกตา่ งกนั ในแตล่ ะเดอื น ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน และช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม เวลา 1 วนั สุรยิ คติปรากฏจะสน้ั ลง ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน และช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม เวลา 1 วนั สรุ ิยคติปรากฏจะยาวข้ึน สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทที่ 17 | ทรงกลมฟา้ 51 4. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำ� เสนอผลการทำ� กจิ กรรม และรว่ มกนั อภปิ ราย พรอ้ มตอบคำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม โดยมีแนวทางการอภิปรายและตอบค�ำถามดงั ข้างต้น 5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเชื่อมโยงความรู้จากกิจกรรมเร่ือง ช่วงเวลาที่เกิดเงาในวันแรก จนถงึ เวลาทเ่ี กดิ เงาผา่ นเมรเิ ดยี นของผสู้ งั เกตในวนั ถดั ไป และวนั สรุ ยิ คตปิ รากฏ ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 32–33 โดยใชต้ ัวอย่างคำ� ถามดังนี้ • ทราบไดอ้ ยา่ งไรว่า เวลาผา่ นไปครบรอบ 1 วัน แนวคำ� ตอบ สงั เกตจากชว่ งเวลาตงั้ แตเ่ กดิ เงาในแนวเมรเิ ดยี นครง้ั แรกจนถงึ ครง้ั ถดั ไปนบั เปน็ 1 วนั • นักดาราศาสตรก์ �ำหนดชว่ งเวลา 1 วันสรุ ิยคตปิ รากฏอยา่ งไร แนวค�ำตอบ 1 วนั สุริยคติปรากฏ คอื ช่วงเวลาทีด่ วงอาทติ ย์ผ่านเมรเิ ดยี นของผสู้ งั เกตครงั้ แรก จนถงึ คร้งั ถดั ไป • การท่ีเวลา 1 วันสุรยิ คติปรากฏไม่เทา่ กัน เป็นเพราะเหตใุ ด แนวค�ำตอบ เวลา 1 วนั สุริยคติปรากฏไมเ่ ทา่ กัน เนอ่ื งจากความเอยี งของเสน้ สรุ ิยวิถีเมื่อเทียบ กับเส้นศูนย์สูตรฟ้า และจากกฏของเคพเลอร์ข้อที่ 1 โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี และ กฏข้อที่ 2 เม่ือโลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์โลกโคจรเร็ว แต่ถ้าโลกอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์จะโคจรช้า ทำ� ใหร้ ะยะห่างเชิงมมุ แตกต่างกัน 6. จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ ราย โดยใชค้ ำ� ถาม “เวลาสรุ ยิ คตปิ รากฏสามารถนำ� มาใชก้ ำ� หนด เวลามาตรฐานในการบอกเวลาได้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด” แนวคำ� ตอบ เราไมส่ ามารถใชเ้ วลาสรุ ยิ คตปิ รากฏกำ� หนดเวลามาตรฐานได้ เนอื่ งจากวนั สรุ ยิ คตปิ รากฏ ในแตล่ ะวนั ยาวไมเ่ ทา่ กนั 7. ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมว่า เนื่องจากต�ำแหน่งปรากฏของดวงอาทิตย์เปล่ียนแปลงตามแนวเส้นสุริยวิถี ในแตล่ ะวนั ตลอดทง้ั ปี ทำ� ใหก้ ารบอกเวลาแตล่ ะวนั ไมต่ รงกนั จงึ ไมส่ ามารถนำ� มาใชก้ ำ� หนดเปน็ เวลา มาตรฐานได้ ทงั้ น้ีเพื่อใหก้ ารบอกเวลาเปน็ มาตรฐานเดียวกนั จึงได้มีการก�ำหนด ดวงอาทติ ย์สมมติ เรียกว่า ดวงอาทิตย์ปานกลาง และก�ำหนดให้ดวงอาทิตย์โคจรอยู่บนเส้นศูนย์สูตรฟ้าด้วยอัตราเร็ว สมำ�่ เสมอ เพ่ือให้ 1 วันสุริยคตปิ านกลางมคี า่ คงที่ตลอดทง้ั ปี และมีคา่ เท่ากบั 24 ช่ัวโมง 8. ให้นักเรียนศึกษาเรื่อง เวลาสุริยคติปานกลางและเขตเวลามาตรฐานสากล ในหนังสือเรียนหน้า 35–37 และอภปิ รายรว่ มกัน โดยใช้คำ� ถามดังน้ี • การบอกเวลาจากนาฬกิ า อ้างอิงจากเวลาสรุ ยิ คติปรากฏหรอื เวลาสรุ ิยคตปิ านกลาง แนวค�ำตอบ เวลาสุรยิ คติปานกลาง • ทเ่ี วลาเดยี วกัน คนท่อี ยทู่ ล่ี องจจิ ดู ตา่ งกนั จะมเี วลาทอ้ งถิ่นปานกลางเดยี วกนั หรอื ไม่ อย่างไร แนวค�ำตอบ ตา่ งกัน เพราะดวงอาทติ ยป์ านกลางผา่ นเมริเดยี นท้องถนิ่ ไม่พร้อมกัน 9. ถา้ ตอ้ งการใหก้ ารสอื่ สารเรอื่ งเวลาของแตล่ ะประเทศใหเ้ ขา้ ใจตรงกนั จะมวี ธิ กี ารอยา่ งไร ใหน้ กั เรยี น ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 17.8 เวลามาตรฐาน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

52 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟ้า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 กิจกรรม 17.8 เวลามาตรฐาน จดุ ประสงคก์ จิ กรรม ระบแุ ละเปรยี บเทยี บเวลามาตรฐานของประเทศตา่ ง ๆ โดยใชข้ อ้ มลู เขตเวลามาตรฐานสากล เวลา 50 นาที วสั ด-ุ อปุ กรณ์ 1. เอกสารความรู้ เรอ่ื ง การเปรยี บเทยี บเวลามาตรฐาน ในแตล่ ะเขตเวลามาตรฐานสากล 1 ชดุ 2. แผนทแ่ี สดงเขตเวลาของโลก 1 แผน่ 3. ปากกาเคมสี ตี า่ งกนั 3 สี 3 ดา้ ม สถานการณ์ สถานการณท์ ่ี 1 ถ้านายเออยู่ที่ประเทศไทยต้องการโทรศัพท์ไปติดต่อกับหน่วยงานราชการที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจนี ซงึ่ เปดิ ทำ� การถงึ เวลา 17:00 นาฬกิ า ขณะทเ่ี วลามาตรฐานทป่ี ระเทศไทยคอื เวลา 15:00 นาฬกิ า เวลามาตรฐานทป่ี ระเทศจนี คอื เวลาใด และสามารถโทรศพั ทต์ ดิ ตอ่ ไดห้ รอื ไม่ สถานการณท์ ี่ 2 ถา้ นางสาวหญงิ ไปศกึ ษาตอ่ ทปี่ ระเทศออสเตรเลยี ซง่ึ อยใู่ นเขตเวลามาตรฐานสากล +10 และ ตอ้ งการสง่ ขอ้ ความผา่ นแอปพลเิ คชนั มาหาครอบครวั ทอ่ี ยทู่ ป่ี ระเทศไทย ขณะทเี่ วลามาตรฐานท่ี ประเทศออสเตรเลียคือเวลา 07:00 นาฬิกา ครอบครัวที่อยู่ท่ีประเทศไทยจะได้รับข้อความใน เวลาใด ตามเวลามาตรฐานของประเทศไทย ทง้ั นไ้ี มค่ ดิ เวลาทใ่ี ชใ้ นการสง่ ขอ้ ความ สถานการณท์ ่ี 3 ถา้ นายนวิ อยทู่ รี่ ฐั เนวาดา ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ตอ้ งการเดนิ ทางไปยงั ประเทศญป่ี นุ่ และ เครอ่ื งบนิ ออกเดนิ ทางเวลา 17:00 นาฬกิ าของวนั ที่ 18 กมุ ภาพนั ธ์ และบนิ ไปทางทศิ ตะวนั ออกซง่ึ ใชเ้ วลาเดนิ ทาง 12 ชวั่ โมง นายนวิ จะเดนิ ทางถงึ ประเทศญป่ี นุ่ เปน็ วนั และเวลาใดตามเวลามาตรฐาน ของประเทศญปี่ นุ่ วธิ กี ารทำ� กจิ กรรม 1. ศกึ ษาความรู้ เรอื่ ง การเปรยี บเทยี บเวลามาตรฐานในแตล่ ะเขตเวลามาตรฐานสากล จากเอกสาร ทก่ี ำ� หนดให้ 2. ศึกษาสถานการณ์ข้างต้น และระบุต�ำแหน่งของแต่ละคนบนแผนที่แสดงเขตเวลาด้วย ปากกาเคมี โดยกำ� หนดใหส้ ถานการณล์ ะ 1 สี 3. บอกเขตเวลามาตรฐานสากลของแตล่ ะคน สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 บทที่ 17 | ทรงกลมฟ้า 53 4. ตอบคำ� ถามในสถานการณท์ กี่ ำ� หนดให้ 5. สรปุ และนำ� เสนอผลการทำ� กจิ กรรม ตวั อยา่ งผลการทำ� กจิ กรรม หมายเหตุ สแี ดงคอื สถานการณท์ ี่ 1 สเี หลอื ง คอื สถานการณท์ ่ี 2 สนี ำ้� เงนิ คอื สถานการณท์ ี่ 3 สถานการณท์ ี่ 1 ประเทศไทยอยใู่ นเขตเวลามาตรฐานสากล +7 และประเทศจนี อยใู่ นเขตเวลามาตรฐานสากล +8 ดงั นน้ั เวลามาตรฐานทปี่ ระเทศจนี คอื เวลา 16:00 นาฬกิ า จงึ สามารถโทรศพั ทต์ ดิ ตอ่ ได้ สถานการณท์ ่ี 2 ประเทศไทยอยใู่ นเขตเวลามาตรฐานสากล +7 ครอบครวั ทอี่ ยทู่ ป่ี ระเทศไทยจะไดร้ บั ขอ้ ความ ในเวลา 04:00 นาฬกิ า ตามเวลามาตรฐานของประเทศไทย สถานการณท์ ี่ 3 ประเทศญปี่ นุ่ อยใู่ นเขตเวลามาตรฐานสากล +9 นายนวิ ทอ่ี ยอู่ ยใู่ นเขตเวลามาตรฐานสากล -8 ซง่ึ จะเดนิ ทางถงึ ประเทศญปี่ นุ่ ในวนั ท่ี 19 กมุ ภาพนั ธ์ เวลา 21:00 นาฬกิ า ตามเวลามาตรฐานของ ประเทศญป่ี นุ่ สรปุ ผลการทำ� กจิ กรรม จากกจิ กรรม แตล่ ะประเทศมเี วลามาตรฐานแตกตา่ งกนั เนอื่ งจากตง้ั อยใู่ นตำ� แหนง่ ลองจจิ ดู ตา่ งกนั และอยใู่ นเขตเวลามาตรฐานสากลตา่ งกนั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

54 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟา้ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 คำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม 1. เขตเวลามาตรฐานสากลบนโลกมที งั้ หมดกเี่ ขต แนวคำ� ตอบ 25 เขต (เนอ่ื งจากเขตเวลามาตรฐานสากลมตี งั้ แต่ -12 ถงึ +12 และมเี ขตเวลาท่ี 0 ทำ� ใหม้ เี ขตเวลาทงั้ หมด 25 เขต แตท่ ง้ั นเี้ ขตเวลา -12 กบั +12 อยใู่ นเขตเวลาเดยี วกนั แตเ่ ปน็ วนั ทต่ี า่ งกนั เชน่ หมเู่ กาะมารแ์ ชล อยใู่ นเขตเวลา +12 ณ เวลา 08:00 นาฬกิ า เปน็ วนั ท่ี 5 มนี าคม แตห่ มเู่ กาะฮาวแลนด์ อยใู่ นเขตเวลา -12 ณ เวลา 08:00 นาฬกิ า จงึ เปน็ วนั ที่ 4 มนี าคม) 2. แตล่ ะประเทศในทง้ั สามสถานการณอ์ ยใู่ นเขตเวลาใดบา้ ง แนวคำ� ตอบ ประเทศจนี อยใู่ นเขตเวลามาตรฐานสากล +8 ประเทศไทยอยใู่ นเขตเวลามาตรฐาน สากล +7 และประเทศญปี่ นุ่ อยใู่ นเขตเวลามาตรฐานสากล +9 ประเทศสหรฐั อเมรกิ าอยใู่ น เขตเวลามาตรฐานสากล -5 ถงึ -10 3. ในแตล่ ะประเทศมเี ขตเวลามาตรฐานสากลเพยี งเขตเดยี วหรอื ไม่ อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ ประเทศสว่ นใหญม่ เี ขตเวลามาตรฐานสากลเพยี งเขตเดยี วเนอ่ื งจากอาณาเขตของ ประเทศอยภู่ ายในเขตเวลามาตรฐานสากลเดยี ว แตบ่ างประเทศอาจมเี ขตเวลามาตรฐานสากล หลายเขต เนอื่ งจากอาณาเขตของประเทศครอบคลมุ พนื้ ทหี่ ลายเขตเวลามาตรฐานสากล เชน่ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ประเทศออสเตรเลยี 10. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม และร่วมกันอภิปราย พร้อมตอบค�ำถามท้าย กิจกรรม โดยมแี นวทางการอภปิ รายและตอบค�ำถามดงั ขา้ งตน้ 11. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและตอบคำ� ถามชวนคดิ ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 38 ซง่ึ มแี นวคำ� ตอบดงั นี้ • ประเทศสงิ คโปรต์ ง้ั อยใู่ นเขตเวลามาตรฐานสากลเดยี วกนั กบั ประเทศไทย เพราะเหตใุ ดประเทศ สิงคโปรจ์ ึงก�ำหนดเวลามาตรฐานของประเทศเปน็ เวลา UTC+08:00 เพราะเหตใุ ดจงึ กำ� หนด เวลามาตรฐานแตกต่างจากประเทศไทย แนวคำ� ตอบ เพอ่ื ให้มีความเหมาะสมต่อการท�ำการคา้ และเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศ รวมท้ัง ตารางเวลาในการเดินทางระหว่างประเทศ ประเทศสิงคโปร์จึงก�ำหนดเวลามาตรฐานของ ประเทศเป็นเวลา UTC+08:00 โดยให้สอดคล้องกับเมืองเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ฮ่องกง ประเทศจีน และเมืองเพริ ธ์ ประเทศออสเตรเลยี 12. ให้นักเรียนศึกษาเร่ือง การใช้ประโยชน์จากข้อมูลเวลามาตรฐาน ในหนังสือเรียนหน้า 38–40 แลว้ ร่วมกันอภปิ รายโดยใช้คำ� ถามดงั น้ี • ถ้ามีข้อมูลตารางเวลาเท่ียวบินโดยสารที่จะเดินทางไปท่องเท่ียวประเทศญ่ีปุ่น จะวางแผน การเดนิ ทางอยา่ งไรใหม้ จี ำ� นวนวันทอ่ งเทย่ี วมากทีส่ ุดและประหยดั ค่าทพ่ี กั ได้มากทีส่ ดุ แนวค�ำตอบ ออกเดินทางในเวลากลางคืนเพื่อไปถึงประเทศญ่ีปุ่นตอนเช้า และเดินทางกลับ ประเทศไทยในเวลากลางคืน สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 บทที่ 17 | ทรงกลมฟา้ 55 • ข้อมลู เวลามาตรฐานมปี ระโยชน์ในด้านใดบา้ ง แนวคำ� ตอบ การคมนาคม เช่น รถไฟ เคร่อื งบิน การส่อื สาร เชน่ คอมพิวเตอร์และอนิ เตอร์เนต็ • นักเรียนน�ำขอ้ มูลเวลามาตรฐานมาใช้ในชีวติ ประจำ� วันไดอ้ ย่างไร แนวคำ� ตอบ การวางแผนการเดนิ ทางระหวา่ งประเทศ การรบั ชมการถา่ ยทอดสญั ญาณโทรทศั น์ เกมสอ์ อนไลน์ 13. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า “เราจะน�ำองค์ความรู้เก่ียวกับการเปล่ียนต�ำแหน่งของ ดวงอาทิตย์และดวงดาวมาใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง” จากน้ันให้นักเรียนปฎิบัติกิจกรรม 17.9 วางแผนดดู าว กจิ กรรม 17.9 วางแผนดดู าว จุดประสงค์กิจกรรม วางแผนการสังเกตต�ำแหนง่ ของดาวตามสถานการณท์ ีก่ �ำหนด เวลา 30 นาที วัสดุ-อุปกรณ์ 1. แผนทดี่ าววงกลม 1 แผ่น 2. แผนท่ีดาวระบบเสน้ ศนู ย์สูตรท้องฟ้า 1 แผ่น สถานการณ์ สถานการณ์ที่ 1 ถา้ นกั เรยี นไปเขา้ คา่ ยและไดร้ บั คำ� สงั่ ใหไ้ ปทำ� กจิ กรรมทางทศิ เหนอื ของคา่ ย ครใู หน้ กั เรยี น หาทางกลบั คา่ ยดว้ ยตนเอง บงั เอญิ นกั เรยี นทำ� กจิ กรรมจนถงึ เวลาคำ�่ นกั เรยี นจะหาทางกลบั คา่ ย ไดอ้ ยา่ งไร ถา้ นักเรยี นไม่มเี ครื่องมอื ใดในการช่วยน�ำทาง สถานการณท์ ี่ 2 หากนกั เรยี นตดิ อยบู่ นเกาะแหง่ หนงึ่ ซงึ่ มเี วลาทอ้ งถน่ิ เรว็ กวา่ เวลามาตรฐาน 8 ชว่ั โมง นกั เรยี น มีแผนท่ีดาวและขณะนั้นเห็นดาวตาวัวอยู่จุดเหนือศีรษะพอดี นักเรียนจะบอกละติจูดและ ชว่ งลองจิจูดของตนเองใหค้ นมาช่วยไดอ้ ย่างไร สถานการณท์ ่ี 3 ถา้ นกั เรยี นตอ้ งการถา่ ยภาพกลมุ่ ดาวนายพรานใหช้ ดั เจน นกั เรยี นจะใชข้ อ้ มลู ใดบา้ งและจะ วางแผนไปถ่ายภาพท่ีภาคใด ในชว่ งเดือนใด เพราะเหตใุ ด สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

56 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟา้ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 วิธกี ารท�ำกจิ กรรม 1. นกั เรียนร่วมกนั วเิ คราะหส์ ถานการณท์ ีก่ �ำหนด และอภปิ รายเก่ียวกับองคค์ วามรู้ท่ีเกี่ยวข้อง เช่น - การระบุค่าไรต์แอสเซนชันและเดคลเิ นชันของดาวบนแผนทดี่ าว - ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งเดคลเิ นชนั และตำ� แหนง่ ปรากฏของดาวฤกษ์ - การอา่ นแผนทีด่ าว - การดดู าวเบอ้ื งต้น 2. สืบค้นข้อมลู ตามประเดน็ ทีก่ �ำหนดจากขอ้ 1 3. นำ� เสนอแผนการแก้ปญั หา ตามสถานการณท์ ี่กำ� หนด แนวการตอบคำ� ถามท้ายกิจกรรม สถานการณท์ ี่ 1 นักเรียนเดินทางไปทางทิศเหนือของค่าย หากนักเรียนต้องการเดินทางกลับค่ายนักเรียน จะตอ้ งเดนิ ทางไปทางทิศใต้ แตเ่ นือ่ งจากการสังเกตกลุ่มดาวทางทศิ ใต้ท�ำได้ยาก นกั เรยี นจึง ต้องหาทิศเหนือ โดยสังเกตต�ำแหน่งของดาวเหนือโดยเดินทางไปในทิศตรงข้ามกับดาวเหนือ การสังเกตต�ำแหน่งดาวเหนือโดยดูจากดาวท่ีปรากฏอยู่สูงจากขอบฟ้าเท่ากับค่าละติจูดของผู้ สงั เกต นอกจากน้นี กั เรยี นสามารถหาทิศเหนือไดจ้ ากกลมุ่ ดาวอืน่ เช่น ดาวหมใี หญ่ ดาวหมี เล็ก และดาวค้างคาว 1. กลุม่ ดาวใดบ้างที่ชว่ ยในการบอกทศิ บนโลก แนวค�ำตอบ กลมุ่ ดาวหมใี หญ กล่มุ ดาวหมีเลก็ กลุม่ ดาวค้างคาว สถานการณท์ ่ี 2 ในการสังเกตต�ำแหน่งของดาวสามารถน�ำมาใช้บอกต�ำแหน่งละติจูดของผู้สังเกตบนโลกได้ โดยดาวที่ผ่านจุดเหนือศีรษะของผู้สังเกตพอดีขณะท่ีดาวผ่านเมริเดียนจะมีเดคลิเนชันตรงกับ ตำ� แหน่งละตจิ ดู ของผสู้ งั เกต นกั เรียนสามารถบอกละตจิ ดู ไดจ้ ากการสงั เกตตำ� แหน่งของดาวที่ ผา่ นจดุ เหนือศรี ษะของผสู้ งั เกตพอดีขณะทด่ี าวผา่ นเมรเิ ดยี นซ่งึ จะมเี ดคลเิ นชนั ตรงกบั ตำ� แหนง่ ละติจูดของผู้สังเกต จากสถานการณ์ก�ำหนดให้ดาวตาวัวอยู่ตรงจุดเหนือศีรษะพอดี ดังนั้น ละติจูดของผู้สังเกตจงึ มคี า่ เทา่ กบั ค่าเดคลิเนชนั ของดาวตาววั ซ่ึงเท่ากับ 16 องศาเหนือ ส่วนลองจจิ ูดสามารถค�ำนวณได้จากเวลามาตรฐาน จากสถานการณ์ก�ำหนดใหเ้ วลาท้องถิน เร็วกวา่ เวลามาตรฐาน 8 ช่วั โมง จากเวลา 1 ชั่วโมง เทา่ กบั 15 องศาลองจิจดู ดังนนั้ ลองจิจดู ของผสู้ งั เกตมีคา่ เทา่ กบั 8 ช่วั โมง x 15 องศา = 120 องศาและเวลาเร็วกว่าเวลามาตรฐาน ดงั นนั้ ตำ� แหน่งผูส้ ังเกตจึงอยทู่ ี่ลองจจิ ดู 120 องศาตะวนั ออก สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทที่ 17 | ทรงกลมฟ้า 57 1. พิกัดของดาวตาวัวในระบบพิกัดศนู ยส์ ตู รฟ้าเปน็ เทา่ ใด แนวคำ� ตอบ มพี ิกัดเป็ น ( 4.5h, +16๐ ) 2. นกั เรียนอยู่ทตี่ �ำแหน่งละตจิ ูดใด ทราบไดอ้ ย่างไร แนวค�ำตอบ อยทู่ ่ลี ะตจิ ดู ประมาณ 16 องศาเหนอื เนอ่ื งจากกลุม่ ดาวตาวัวอยตู่ รงศีรษะ 3. นกั เรียนหาลองจจิ ูดของนกั เรียนได้จากข้อมลู ใด แนวค�ำตอบ ลองจจิ ูดประมาณ 120 องศาตะวันออก เนอ่ื งจากเวลาต่างจากเวลามาตรฐาน 8 ช่ัวโมง ดงั น้นั 8 ชว่ั โมง x 15 องศา = 120 องศา มลี องจิจูดประมาณ 120 องศา ส่วน เวลาเรว็ กวา่ เวลามาตรฐาน แสดงวา่ ตำ� แหนง่ ผสู้ งั เกตอยทู่ างตะวนั ออกของลองจจิ ดู ที่ 0 องศา สถานการณ์ท่ี 3 ถา้ นกั เรยี นตอ้ งการถา่ ยภาพกลมุ่ ดาวนายพรานใหช้ ดั เจน นกั เรยี นจะใชข้ อ้ มลู ใดบา้ งและจะ วางแผนไปถ่ายภาพที่ภาคใด ในชว่ งเดอื นใด เพราะเหตใุ ด ในการถา่ ยภาพกลุ่มดาวนายพรานควรตอ้ งทราบเวลาการขึน้ การตกของกลมุ่ ดาวโดยดูจาก คา่ ไรตแ์ อสเซนชนั ของดาวเทยี บกบั คา่ ไรตแ์ อสเซนชนั ของดวงอาทติ ยใ์ นขณะนน้ั จากแผนทดี่ าว พบว่ากลุ่มดาวนายพรานมีไรต์แอสเซนชันประมาณ 6 ช่ัวโมงซึ่งตรงกับค่าไรต์แอสเซนชัน ดวงอาทิตย์ในช่วงเดือนมิถุนายน ในช่วงเวลาน้ีกลุ่มดาวนายพรานจึงข้ึนและตกพร้อมกับ ดวงอาทิตย์ ดังน้ันหากต้องการถ่ายภาพกลุ่มดาวนายพรานให้ชัดเจนควรจะถ่ายภาพในช่วงที่ ดวงอาทิตย์มีค่าไรต์แอสเซนชันห่างจากกลุ่มดาวอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เช่น เดือนมีนาคมดวง อาทิตย์มีไรต์แอสเซนชัน 0 ชั่วโมง ดวงอาทิตย์ข้ึนเร็วกว่ากลุ่มดาวนายพราน 6 ชั่วโมง ดังน้ัน เ ม่ื อ ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าผู้สังเกตจะเห็นกลุ่มดาวนายพรานอยู่กลางท้องฟ้า ในช่วงเดือนธันวาคม ดวงอาทิตย์มีไรต์แอสเซนชัน 18 ชั่วโมง ซ่ึงห่างจากกลุ่มดาวนายพราน 12 ช่ัวโมง ดังนั้นเมื่อ ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าผู้สังเกตจะเห็นกลุ่มดาวนายพรานขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกและ สามารถเหน็ กลมุ่ ดาวตลอดทงั้ คนื สถานทท่ี เี่ หมาะสมกบั การถา่ ยภาพกลมุ่ ดาวควรเปน็ พน้ื ทโ่ี ลง่ หา่ งจากแสงรบกวน ภูมภิ าคท่ีเหมาะสำ� หรับในการถา่ ยภาพคอื ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื หรือ ภาคเหนือ เน่ืองจากในช่วงฤดหู นาวซึ่งเปน็ ช่วงเวลาที่ทอ้ งฟา้ โปรง่ มีเมฆน้อย 1. ชว่ งเดือนใดท่ีสามารถมองเหน็ กลุ่มดาวนายพรานได้ตลอดท้งั คนื แนวค�ำตอบ ในช่วงเดือนธันวาคม เนื่องจากดวงอาทิตย์อยู่ตรงข้ามกับกลุ่มดาวนายพราน ดาวจะขึ้นตัง้ แตห่ วั ค�ำ่ ในชว่ งฤดูหนาว ท้องฟา้ จะโปรง่ มีเมฆน้อย 2. ขณะที่กลุ่มดาวผ่านเมริเดียน นักเรียนจะเห็นดาวนายพราน (เข็มขัด) อยู่สูงจากขอบฟ้า ประมาณกี่องศา แนวค�ำตอบ ประมาณ 75 องศา สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

58 บทที่ 17 | ทรงกลมฟ้า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 แนวทางการวัดและประเมนิ ผล KPA การวดั และประเมินผล K: เวลาสรุ ยิ คติ 1. ผลการปฏิบัติกิจกรรม 17.7 17.8 และ 17.9 รวมทั้ง การตอบค�ำถามท้ายกิจกรรม 2. การอภปิ รายและสรปุ ผลกจิ กรรม 3. แบบฝึกหดั ทา้ ยบท และแบบทดสอบ P: 1. การสังเกตจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 17.7 และ 17.9 1. การสงั เกต 2. การวดั 2. การวัดจากการปฏบิ ัติกจิ กรรม 17.7 3. การใชจ้ ำ� นวน 3. การใช้จ�ำนวน และการลงความเห็นจากข้อมูล จากการ 4. การลงความเห็นจากข้อมูล ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 17.7-17.9 5. การหาความสัมพันธ์ของสเปซกับ 4. การหาความสัมพันธ์ของสเปซกับเวลาจากการปฏิบัติ เวลา กิจกรรม 17.7 และ 17.8 6. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการ 5. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาจากการ แก้ปญั หา ปฏบิ ตั ิกิจกรรม 17.7-17.9 7. ความร่วมมือ การท�ำงานเป็นทีม 6. ความร่วมมือ การท�ำงานเป็นทีมและภาวะผู้น�ำจากการ และภาวะผูน้ �ำ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 17.7-17.9 A: 1. การใช้วิจารณญาณ และความใจกว้าง จากการร่วม 1. การใชว้ ิจารณญาณ อภิปราย และการตอบค�ำถามโดยมหี ลกั ฐานหรือเหตุผล 2. ความใจกวา้ ง สนับสนุน 3. ความอยากรอู้ ยากเห็น 4. การเห็นคณุ ค่าทางวิทยาศาสตร์ 2. ความอยากรู้อยากเห็น และการเห็นคุณค่าทาง วิทยาศาสตร์ จากการวิเคราะห์และแก้ปัญหาใน สถานการณท์ ี่ก�ำหนดให้ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟ้า 59 ความรเู้ พ่ิมเตมิ ส�ำหรบั ครู การปรบั เทยี บเวลาจากนาฬกิ าแดดใหต้ รงกบั เวลาทอ้ งถน่ิ ปานกลาง จากการทน่ี าฬกิ าแดดใชเ้ งาของดวงอาทติ ยใ์ นการบอกเวลา ซง่ึ มคี วามคลาดเคลอ่ื นในแตล่ ะวนั ดงั นน้ั จงึ มวี ธิ กี ารปรบั เทยี บเวลาจากนาฬกิ าแดดใหต้ รงกบั เวลามาตรฐานหรอื เวลาทอ้ งถน่ิ ปานกลาง โดยใชก้ ราฟสมการเวลา ดงั รปู เชน่ วนั ที่ 1 ตลุ าคม อา่ นเวลาจากนาฬกิ าแดดได้ 12:10 นาฬกิ า ดังนั้นจากกราฟสมการเวลาจะหาเวลาท้องถ่ินปานกลางได้โดยลบเวลาออก 10 นาที ได้เวลา ทอ้ งถนิ่ ปานกลาง 12:00 นาฬกิ า ประมาณวนั ที่ 15 มกราคม อา่ นเวลาจากนาฬกิ าแดดได้ 11:50 นาฬกิ า หาเวลาทอ้ งถน่ิ ปานกลางไดโ้ ดยบวกเวลาเพมิ่ 10 นาที ไดเ้ วลาทอ้ งถน่ิ ปานกลาง 12:00 นาฬกิ า รปู กราฟของสมการเวลาที่ใชป้ รบั เทยี บเวลาทอี่ ่านได้จากนาฬิกาแดดกบั เวลามาตรฐาน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

60 บทที่ 17 | ทรงกลมฟ้า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 นาฬิกาอะตอม (atomic clock) การประดษิ ฐน์ าฬิกามีขนึ้ ต้ังแต่ 1,500–1,300 ปกี อ่ นคริสตศักราช ตอ่ มานาฬิกาแดดไดถ้ ูก ประดษิ ฐ์ข้ึนแตบ่ อกเวลาไดไ้ มค่ อ่ ยเที่ยงตรงนกั เนอื่ งจากวันสุรยิ คตปิ รากฏแตล่ ะวันยาวนานไม่ เทา่ กนั ในเวลาตอ่ มา National Institute of Standards and Technology (NIST) ไดป้ ระดษิ ฐ์ นาฬกิ าอะตอมเครอ่ื งแรก โดยใชแ้ กส๊ แอมโมเนยี และพฒั นาตอ่ มาโดยใชธ้ าตไุ ฮโดรเจน รบู เิ ดยี ม และซเี ซียม นาฬกิ าอะตอมทำ� งานโดยใหค้ วามรอ้ นกบั ธาตุซเี ซียม-133 และ เพ่ือทำ� ให้อะตอมท่ี มีความเร็วสูงเคล่ือนที่ผ่านคลื่นไมโครเวฟ อะตอมของธาตุซีเซียมที่สามารถดูดกลืนพลังงานได้ เมื่อผ่านคลื่นไมโครเวฟจะปลดปล่อยพลังงานออกมาที่ความถี่ 9,192,631,770 รอบต่อวินาที ซึ่งมีความเทย่ี งตรง ดังน้นั นกั วิทยาศาสตร์จึงนำ� มาก�ำหนดหน่วยของวินาทใี นระบบเอสไอว่า 1 วินาทีมีค่าเท่ากับ อะตอมของธาตุซีเซียม-133 ที่เกิดการสั่นพ้องจ�ำนวน 9,192,631,770 คร้ัง นาฬกิ าอะตอมถูกนำ� มาใช้ในการบอกเวลาที่ตอ้ งการความแมน่ ย�ำสงู เชน่ การก�ำหนดเวลายูทีซี ระบบจพี เี อส การสื่อสารผา่ นดาวเทียม หมายเหตุ พจนานุกรมค�ำศพั ทร์ าชบณั ฑติ สถานบญั ญัตคิ �ำศพั ท์ Coordinated Universal Time :UTC ไวว้ า่ เวลาสากลรว่ มประสาน แตใ่ นหนังสือเรยี นใชค้ ำ� วา่ เวลายูทซี ี เวลามาตรฐานของประเทศไทย ในอดตี มกี ารกำ� หนดเวลามาตรฐานของประเทศไทยทบ่ี รเิ วณพระราชวงั เดมิ ฝง่ั ธนบรุ ี ใหเ้ รว็ กว่าเวลาปานกลางกรีนิช อยู่ 6 ช่ัวโมง 41 นาที 58.2 วินาที ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2462 รฐั บาลไทยไดส้ ่งผ้แู ทนเข้ารว่ มในการประชุมเก่ยี วกับการก�ำหนดเขตเวลามาตรฐาน ของโลก จากการประชุมดังกล่าวได้ก�ำหนดให้ หอดดู าวหลวงกรีนิช ประเทศองั กฤษเป็นจุดแรก ของการกำ� หนดเขตเวลา และกำ� หนดใหเ้ ปน็ ลองจจิ ดู 0 องศา และเสน้ เมรเิ ดยี นถดั ไปจะหา่ งกนั เส้นละ 15 องศา ซ่งึ มเี วลาต่างกัน 1 ชั่วโมง ประเทศไทยมีอาณาเขตระหว่างเสน้ ลองจิจูด 97.5 องศาตะวันออก จนถึงเส้นลองจิจูด 105 องศาตะวันออก และเพ่ือให้เวลามาตรฐานของ ประเทศไทยต่างจากเวลาปานกลางกรีนิชเป็นจ�ำนวนเต็มของช่ัวโมง ประเทศไทยจึงก�ำหนดให้ เส้นลองจิจดู 105 องศาตะวันออกเปน็ เสน้ เมรเิ ดียนอ้างอิงเวลามาตรฐานของประเทศไทย และ เป็นเวลาก่อนเวลาปานกลางกรนี ชิ 7 ชว่ั โมง นบั ตงั้ แตว่ ันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2463 เปน็ ต้นมา สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟ้า 61 เฉลยแบบฝึกหัดทา้ ยบท 1. ระบุจดุ และเสน้ ส�ำคญั บนทรงกลมฟ้าลงในแผนภาพให้ถกู ต้อง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

62 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟา้ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 2. ให้หาค่ามมุ ทิศและมมุ เงยของดาว A B และ C ดาว มุมทิศ (องศา) มุมเงย (องศา) A 130 70 B 195 60 C - 90 3. ทำ� เครอ่ื งหมายแสดงจดุ และเสน้ สำ� คญั ลงในแผนภาพทก่ี ำ� หนดให้ โดยใหผ้ สู้ งั เกตอยทู่ ลี่ ะตจิ ดู 60o N 3.1 จุดเหนอื ศรี ษะ 3.2 เมรเิ ดยี นผู้สงั เกต 3.3 ดาวเหนอื 3.4 เส้นทางการขึ้นการตกของดวงอาทิตย์ในวันวสันตวิษุวัต ศารทวิษุวัต เหมายัน และ ครีษมายนั สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 บทที่ 17 | ทรงกลมฟ้า 63 4. จากภาพดา้ นล่างเป็นทอ้ งฟ้าของผ้สู ังเกตทีต่ ำ� แหนง่ ละตจิ ดู ใด และทราบได้อย่างไร แนวค�ำตอบ ผสู้ งั เกตอยู่ทล่ี ะตจิ ดู 30 องศาเหนือ ทราบได้จากมมุ ของดาวเหนือทีอ่ ยู่สูงจาก ขอบฟา้ 5. จากภาพแสดงเงาของต้นไมท้ ่ีเวลา 12:00 นาฬิกา ของผู้สงั เกตทปี่ ระเทศไทยในชว่ งเดอื น ธนั วาคม ผู้สงั เกตในภาพหันหน้าไปในทิศใด ทราบได้อยา่ งไร แนวค�ำตอบ หันหน้าไปทางทิศเหนือ ทราบไดจ้ ากการสงั เกตเงาของตน้ ไมท้ ี่อยดู่ ้านตรงข้าม กับดวงอาทิตย์ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเดือนธันวาคมซึ่งดวงอาทิตย์จะเฉียงไป ทางใต้ ดังนั้นเจึงเห็นเงาของต้นไม้และตนเองทอดไปด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

64 บทที่ 17 | ทรงกลมฟ้า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 6. ระบุพิกัดของดาว A–E ในระบบพิกัดศูนย์สตู รฟ้า สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 บทที่ 17 | ทรงกลมฟา้ 65 7. วัตถทุ อ้ งฟ้าที่มเี ส้นทางการขึน้ การตกตามแนวเส้นศูนยส์ ูตรฟ้ามีค่าเดคลิเนชันเท่าไร แนวค�ำตอบ วัตถุท้องฟ้าที่มีเส้นทางการข้ึนการตกตามแนวเส้นศูนย์สูตรฟ้า จะมีค่า เดคลเิ นชันเทา่ กับ 0 องศา 8. วัตถุท้องฟา้ ใด ๆ ทม่ี ีเดคลิเนชันเดยี วกบั ดวงอาทติ ย์ จะมเี ส้นทางการข้นึ การตกเป็นอยา่ งไร แนวคำ� ตอบ วัตถทุ ้องใดๆ ทีม่ ีคา่ เดคลเิ นชันเดียวกับดวงอาทติ ย์ จะมีเส้นทางการขนึ้ การตก เช่นเดยี วกับดวงอาทติ ย์ 9. จงเติมเครื่องหมายถูก หรือผิด  ลงในช่องว่างที่ก�ำหนดให้ ถ้าข้อความใดผิดให้แก้ไข ข้อความน้ันให้ถูกตอ้ ง ขอ้ ท่ี ข้อความ เคร่อื งหมาย 1 เวลาสรุ ยิ คตปิ รากฏก�ำหนดโดยใชต้ ำ� แหน่งของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า  2 สองวนั สุริยคตปิ รากฏ คือช่วงเวลาท่ดี วงอาทติ ย์จรงิ โคจรผ่าน  เมริเดียนทอ้ งถิ่นสองครงั้ ติดกัน  แนวคำ� ตอบ หนงึ่ วนั สรุ ยิ คตปิ รากฏ คอื ชว่ งเวลาทด่ี วงอาทติ ยจ์ รงิ โคจร ผ่านเมริเดยี นทอ้ งถิ่นสองครง้ั ติดกัน 3 วันสรุ ยิ คตปิ านกลาง คือช่วงเวลาท่ดี วงอาทิตย์ปานกลางผา่ น เมรเิ ดียนท้องถ่นิ ครง้ั แรกถึงครง้ั ถัดไป 4 เขตเวลามาตรฐานสากลกำ� หนดโดยใชเ้ ส้นละตจิ ูดเปน็ หลกั  แนวค�ำตอบ เขตเวลามาตรฐานสากลก�ำหนดโดยใช้เส้นลองจิจูดเป็น  หลกั 5 เวลาสากล คอื เวลาสรุ ยิ คตปิ านกลางทหี่ อดดู าวหลวงกรนี ชิ ในประเทศองั กฤษเทยี บกบั เวลาของนาฬกิ าอะตอม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

66 บทท่ี 17 | ทรงกลมฟา้ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 10. เคร่ืองบินเที่ยวบินหน่ึงออกเดินทางจากท่าอากาศยานในประเทศไทยเวลา 9:30 นาฬิกา และเดนิ ทางถงึ ทา่ อากาศยานทป่ี ระเทศญป่ี นุ่ เวลา 17:30 นาฬกิ า เทยี่ วบนิ นใ้ี ชเ้ วลาในการ เดินทางเท่าใด แนวค�ำตอบ เวลามาตรฐานของประเทศญี่ปุ่นคือ 17:30 นาฬิกา และประเทศไทยอยู่ใน เขตเวลามาตรฐานสากล +7 ส่วนประเทศญ่ีปุ่นอยู่ในเขตเวลามาตรฐานสากล +9 ดังน้ันเวลามาตรฐานของประเทศไทยเม่ือเครื่องบินเดินทางไปถึงคือ 15:30 นาฬิกา เคร่ืองบินจึงใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง 11. จากตารางเวลาของเที่ยวบนิ โดยสารทกี่ ำ� หนดให้หาเวลาท่ีเครอื่ งบนิ ใช้ในการเดนิ ทาง แนวคำ� ตอบ ส�ำหรับการเดินทางเท่ียวไป เวลามาตรฐานของประเทศอังกฤษคือ 17:25 นาฬิกาและ ประเทศไทยอยใู่ นเขตเวลามาตรฐานสากล +7 ส่วนประเทศอังกฤษอยใู่ นเขตเวลามาตรฐาน สากล 0 ดงั นัน้ เวลามาตรฐานของประเทศไทยเมอื่ เครอ่ื งบินเดินทางไปถึงคือ 00:25 นาฬิกา เครื่องบนิ จึงใชเ้ วลาเดนิ ทาง 13 ช่ัวโมง 10 นาที สำ� หรบั การเดนิ ทางเทย่ี วกลบั เวลามาตรฐานของประเทศองั กฤษคอื 15:05 นาฬกิ า และ ประเทศไทยอยใู่ นเขตเวลามาตรฐานสากล +7 ส่วนประเทศอังกฤษอยู่ในเขตเวลามาตรฐาน สากล 0 ดังน้ันเวลามาตรฐานของประเทศไทยเม่ือเครื่องบินเดินเร่ิมออกเดินทางคือ 22:05 นาฬกิ า เคร่อื งบินจงึ ใช้เวลาเดนิ ทาง 11 ชว่ั โมง 20 นาที สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทที่ 17 | ทรงกลมฟ้า 67 12. การก�ำหนดเขตเวลามาตรฐานใช้เสน้ ลองจจิ ดู เปน็ เสน้ อา้ งองิ ในการก�ำหนดเวลา มขี ้อดีอย่างไร แนวคำ� ตอบ ขอ้ ดใี นการกำ� หนดเวลามาตรฐานโดยใชเ้ สน้ ลองจจิ ดู เปน็ เสน้ อา้ งองิ นน้ั จะสอดคลอ้ ง กบั การข้ึนการตกของดวงอาทติ ย์ 13. เพราะเหตใุ ดจึงไม่ใช้เส้นละติจดู ในการก�ำหนดเขตเวลามาตรฐาน แนวคำ� ตอบ เนอ่ื งจากตำ� แหนง่ บนเสน้ ละตจิ ดู ไมส่ อดคลอ้ งกบั การขนึ้ การตกของดวงอาทติ ย์ และ ถา้ ผสู้ งั เกตอยทู่ ตี่ ำ� แหนง่ ละตจิ ดู เดยี วกนั แตอ่ ยทู่ ลี่ องจจิ ดู ตา่ งกนั จะสงั เกตเหน็ ตำ� แหนง่ ปรากฏของ ดวงอาทติ ยต์ า่ งกัน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

68 บทที่ 18 | ตำ� แหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 18บทท่ี | ตำ� แหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ (Apparent Place of Planets) ดาวพฤหสั บดี ipst.me/10874 ดาวศุกร ดาวเสาร ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายมุมห่างท่ีสัมพันธ์กับต�ำแหน่งในวงโคจร และอธิบายเช่ือมโยงกับต�ำแหน่งปรากฏของ ดาวเคราะหท์ ่สี ังเกตได้จากโลก 2. สืบค้นข้อมูล ออกแบบและน�ำเสนอกิจกรรมการสังเกตดาวบนท้องฟ้าด้วยตาเปล่าและ/หรือ กลอ้ งโทรทรรศน์ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 บทที่ 18 | ตำ� แหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ 69 การวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายมุมห่างที่สัมพันธ์กับต�ำแหน่งในวงโคจร และอธิบายเชื่อมโยงกับต�ำแหน่งปรากฏของ ดาวเคราะห์ท่ีสังเกตไดจ้ ากโลก 2. สืบค้นข้อมูล ออกแบบและน�ำเสนอกิจกรรมการสังเกตดาวบนท้องฟ้าด้วยตาเปล่าและ/หรือ กล้องโทรทรรศน์ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ระบุต�ำแหน่งในวงโคจรของดาวเคราะหว์ งในและดาวเคราะหว์ งนอกด้วยมมุ ห่าง 2. อธิบายความหมายของต�ำแหนง่ หลักในวงโคจรของดาวเคราะห์วงในและดาวเคราะหว์ งนอก 3. อธบิ ายความสัมพันธ์ของมมุ ห่างกับตำ� แหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ 4. อธิบายปรากฏการณ์ทางดาราศาสตรท์ ่เี กี่ยวขอ้ งกับดาวเคราะหโ์ ดยใช้มุมหา่ ง 5. ออกแบบและวางแผนการสังเกตดาวเคราะห์บนท้องฟ้า ทักษะกระบวนการทาง ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จติ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 1. การวัด 1. การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ 1. การยอมรบั ความเห็นต่าง 2. การลงความเห็นจากขอ้ มลู 2. ความร่วมมือ การท�ำงาน 2. ความซื่อสัตย์ 3. การหาความสัมพันธ์ของ เป็นทมี และภาวะผนู้ ำ� 3. ความอยากรูอ้ ยากเหน็ สเปซกับเวลา 4. ความมุง่ ม่ันอดทน 4. การใช้จ�ำนวน 5. การจัดกระท�ำและสื่อความ หมายข้อมลู 6. การตคี วามหมายขอ้ มลู และ ลงข้อสรปุ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

70 บทที่ 18 | ต�ำแหน่งปรากฏของดาวเคราะห์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 ผังมโนทัศน์ ดาวเคราะห มกี ารเปลี่ยนแปลง ระบุไดด วย มมุ หา ง มี ตำแหนง ของดาวเคราะห แบงเปน ปรากฏการณต า ง ๆ แบงเปน เชน ดาวเคราะหว งใน ดาวเคราะหวงนอก มุมหา งไปทางทศิ ตะวันออก ดาวเคราะหชมุ นุม มมุ หางไปทางทิศตะวันตก ไดแก ไดแก ดาวเคยี งเดือน รว มทิศแนววงใน ตรงขา ม ดาวเคราะหผานหนา ดวงอาทติ ย หา งไปทางตะวนั ตก ตัง้ ฉากทางตะวันตก มากทส่ี ุด รวมทศิ วางแผนสังเกตโดยใช รวมทศิ แนววงนอก ตั้งฉากทางตะวนั ออก แผนภาพแสดง หางไปทางตะวันออก มุมหา งของดาวเคราะห มากทสี่ ดุ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทท่ี 18 | ต�ำแหน่งปรากฏของดาวเคราะห์ 71 ล�ำดับแนวความคดิ ตอ่ เนอื่ ง มมุ หา่ งของดาวเคราะห์คอื ระยะเชงิ มมุ จากดวงอาทิตย์ไปยังตำ� แหนง่ ของดาวเคราะห์ มมุ ห่างอาจมที ศิ ทางไปทางตะวันออกหรอื ทิศตะวนั ตก  ดาวเคราะหว์ งใน จะมีการเปล่ียนแปลงมุมห่างอยู่ในชว่ งแคบ ๆ ท�ำให้การปรากฏของดาวอยู่ใกล้ ขอบฟ้าในช่วงเช้ามืดหรอื หัวคำ่� เทา่ นั้น  ดาวเคราะห์วงในมีต�ำแหนง่ หลัก 4 ตำ� แหนง่ ไดแ้ ก่ ร่วมทศิ แนววงใน หา่ งไปทางตะวนั ตกมากทส่ี ุด ร่วมทิศแนววงนอก และห่างไปทางตะวนั ออกมากท่สี ุด  ดาวเคราะหว์ งนอกจะมกี ารเปลยี่ นแปลงมุมหา่ งไดถ้ งึ 180 องศา ทำ� ให้สามารถเหน็ ไดต้ ลอดท้ังคืน  ดาวเคราะหว์ งนอกมีตำ� แหน่งหลกั 4 ต�ำแหนง่ ไดแ้ ก่ ตรงขา้ ม ต้ังฉากทางตะวันตก ร่วมทิศ และตง้ั ฉากทางตะวันออก  ปรากฏการณท์ างดาราศาสตรท์ ี่เกยี่ วขอ้ งกบั ดาวเคราะห์อธบิ ายไดด้ ้วยมมุ ห่าง  การวางแผนสงั เกตปรากฏการณ์ท่เี ก่ยี วข้องกบั ดาวเคราะห์ ทำ� ไดโ้ ดยใช้แผนภาพแสดงมุมหา่ ง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

72 บทท่ี 18 | ต�ำแหน่งปรากฏของดาวเคราะห์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 สาระสำ� คัญ ตำ� แหนง่ ปรากฏของดาวเคราะหข์ นึ้ อยกู่ บั ตำ� แหนง่ ในวงโคจรของดาวเคราะห์ ซงึ่ ระบไุ ดด้ ว้ ยมมุ หา่ ง โดยมุมห่างของดาวเคราะห์อาจมีทิศทางไปทางตะวันออกหรือตะวันตก ดาวเคราะห์วงในมีการ เปล่ียนแปลงมุมห่างในช่วงแคบ ท�ำให้การปรากฏของดาวอยู่ใกล้ขอบฟ้าในช่วงเช้ามืดหรือหัวค�่ำ มีต�ำแหน่งหลักในวงโคจร 4 ต�ำแหน่ง ส่วนดาวเคราะห์วงนอกจะมีการเปล่ียนแปลงมุมห่างได้ถึง 180 องศา ทำ� ใหเ้ ห็นดาวปรากฏอยู่บนทอ้ งฟา้ ตลอดคืน และมตี ำ� แหน่งหลักในวงโคจร 4 ตำ� แหน่ง ดาวเคราะห์อาจปรากฏในต�ำแหน่งที่ใกล้เคียงกัน หรืออาจใกล้เคียงกับดวงจันทร์หรือดวงอาทิตย์ เกิดเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ และการวางแผนเพ่ือสังเกตปรากฏการณ์ดังกล่าวท�ำได้โดยใช้ แผนภาพแสดงมมุ หา่ งของดาวเคราะห์ เวลาทีใ่ ช้ บทเรยี นน้คี วรใช้เวลาประมาณ 18 ชวั่ โมง 18.1 ตำ� แหนง่ ของดาวเคราะห์ 13 ชว่ั โมง 18.2 ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่เกีย่ วข้องกบั ดาวเคราะห์ 5 ช่ัวโมง ความร้กู อ่ นเรยี น 1. ระยะหา่ งเชงิ มุม 2. การขึ้นการตกของวตั ถทุ ้องฟา้ 3. ระบบสุริยะ 4. การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทติ ย์ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทท่ี 18 | ตำ� แหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ 73 ตรวจสอบความรู้ก่อนเรยี น ใหน้ ักเรียนพิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปนี้ แล้วเติมเครือ่ งหมาย  ลงในช่องค�ำตอบท้ายข้อความท่ี ถกู หรอื เคร่อื งหมาย  ลงในช่องคำ� ตอบทา้ ยข้อความทผี่ ดิ ขอ้ ท่ี ความรูพ้ ื้นฐาน คำ� ตอบ 1 เมอ่ื สงั เกตดว้ ยตาเปลา่ ดาวฤกษแ์ ตล่ ะดวงในกลมุ่ ดาวตา่ ง ๆ มตี ำ� แหนง่ คงที่  เมื่อเทียบกับต�ำแหนง่ ของดาวฤกษด์ วงอื่น ๆ 2 ระยะเชิงมุม คือ คา่ ของมมุ ระหว่างเส้นตรง 2 เส้นท่ีลากจากผสู้ ังเกตไปยงั  สองจดุ ใด ๆ ระยะเชงิ มมุ มีหน่วยเป็นเรเดยี นหรือองศา 3 ดาวเคราะหท์ อี่ ยใู่ กลด้ วงอาทติ ยม์ คี าบการโคจรยาวกวา่ ดาวเคราะหท์ อี่ ยไู่ กล  ดวงอาทิตย์ แนวค�ำตอบ ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มีคาบการโคจรน้อยกว่า ดาวเคราะหท์ ี่อยไู่ กลดวงอาทิตย์ 4 ดาวเคราะห์บางดวงโคจรรอบดวงอาทิตยใ์ นทิศทางตรงข้ามกับดาวเคราะห์  ดวงอื่น แนวคำ� ตอบ ดาวเคราะหท์ กุ ดวงโคจรรอบดวงอาทิตยไ์ ปในทิศทางเดยี วกัน 18.1 ตำ� แหนง่ ในวงโคจรและต�ำแหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบตุ ำ� แหน่งในวงโคจรของดาวเคราะห์วงในและดาวเคราะห์วงนอกดว้ ยมุมห่าง 2. อธบิ ายความหมายของต�ำแหนง่ หลักในวงโคจรของดาวเคราะหว์ งในและดาวเคราะห์วงนอก 3. อธบิ ายความสัมพันธ์ของมุมห่างกับต�ำแหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียนรายวิชาเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 2. บทความเรื่อง ดาวเคราะห์ เขา้ ถงึ ได้จาก www.scimath.org/lesson-physics/item/7314-the- planets 3. สืบค้นขอ้ มูลเพิ่มเตมิ ได้จาก สสวท. learning space http://www.scimath.org สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

74 บทท่ี 18 | ตำ� แหน่งปรากฏของดาวเคราะห์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 แนวการจัดการเรียนรู้ 1. ครนู �ำเข้าสบู่ ทเรยี น โดยใช้คำ� ถามดังน้ี • ถา้ สงั เกตตำ� แหนง่ ของดาวฤกษแ์ ละดาวเคราะหบ์ นทอ้ งฟา้ จะมคี วามแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ ตอบความเขา้ ใจของนักเรยี น 2. ครูใหน้ ักเรยี นสงั เกตรปู 18.1 ในหนังสอื เรียนหนา้ 52 จากนน้ั ครนู �ำอภปิ รายโดยใชค้ �ำถามดงั นี้ • ดาวใดท่ีมีการเปล่ยี นต�ำแหน่ง และดาวใดท่ีอยตู่ ำ� แหน่งเดมิ แนวคำ� ตอบ กลมุ่ ดาวคนั ชงั่ อยตู่ ำ� แหนง่ เดมิ สว่ นดาวองั คารมกี ารเปลย่ี นแปลงตำ� แหนง่ ในแตล่ ะวนั • ถ้าดาวอังคารซึ่งเป็นดาวเคราะห์มีการเปล่ียนแปลงต�ำแหน่งดังน้ันการระบุต�ำแหน่งของ ดาวเคราะห์จะแตกตา่ งกบั การระบตุ ำ� แหน่งของดาวฤกษห์ รอื ไม่ อย่างไร แนวค�ำตอบ ตอบตามความเขา้ ใจของนักเรยี น 3. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษา การระบตุ ำ� แหนง่ และทศิ ทางของดาวเคราะหด์ ว้ ยมมุ หา่ ง จากหนงั สอื เรยี นหนา้ 53 - 54 จากน้นั ครนู �ำอภปิ รายโดยใช้คำ� ถามดงั น้ี • มุมห่างของดาวเคราะหม์ ีกี่ทศิ อะไรบ้าง แนวค�ำตอบ 2 ทิศทาง ไดแ้ ก่ ทศิ ตะวันออก และทิศตะวนั ตก • ถา้ ต้องการระบตุ �ำแหน่งของดาวเคราะห์ว่ามมี มุ หา่ งไปทางทศิ ใด จะท�ำอย่างไร แนวคำ� ตอบ ถา้ ลากเสน้ จากดวงอาทติ ยผ์ า่ นดาวเคราะหไ์ ปทางขอบฟา้ ดา้ นตะวนั ตก หมายความวา่ ดาวเคราะห์มีมุมห่างไปทางตะวันออก แต่หากขอบฟ้าด้านน้ันเป็นขอบฟ้าด้านตะวันออก หมายความว่าดาวเคราะหม์ มี ุมหา่ งไปทางตะวนั ตก • ถ้าดาวเคราะหม์ มี ุมหา่ งไปทางตะวันตก จะสงั เกตเห็นดาวเคราะหบ์ นท้องฟา้ ไดใ้ นชว่ งเวลาใด แนวค�ำตอบ จะสังเกตเห็นดาวเคราะห์ในช่วงเช้ามืดตรงขอบฟ้าทางทิศตะวันออก เนื่องจาก ดาวเคราะหข์ ้นึ จากขอบฟ้าในช่วงเช้ามืดก่อนดวงอาทติ ย์ขึน้ • ถา้ ดาวเคราะหม์ มี มุ หา่ งไปทางตะวันออก จะสังเกตเห็นดาวเคราะหบ์ นทอ้ งฟา้ ไดใ้ นช่วงเวลาใด แนวค�ำตอบ จะสังเกตเห็นดาวเคราะห์ในช่วงหัวค่�ำตรงขอบฟ้าทางทิศตะวันตก เน่ืองจาก ดาวเคราะหต์ กลับขอบฟ้าหลังดวงอาทิตยต์ ก 4. ครใู ห้นกั เรยี นปฏิบตั ิกจิ กรรม 18.1 ตำ� แหน่งในวงโคจรและต�ำแหน่งปรากฏของดาวศกุ ร์ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทท่ี 18 | ต�ำแหน่งปรากฏของดาวเคราะห์ 75 กจิ กรรม 18.1 ต�ำแหนง่ ในวงโคจรและต�ำแหน่งปรากฏของดาวศุกร์ จดุ ประสงค์กิจกรรม 1. ระบตุ ำ� แหน่งในวงโคจรและมุมหา่ งของดาวศกุ ร์โดยใชแ้ ผนภาพท่ีกำ� หนดให้ 2. อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งมมุ หา่ งกบั ต�ำแหน่งปรากฏของดาวศกุ ร์ เวลา 180 นาที วัสดุ-อุปกรณ์ ตอนที่ 1 1. ตารางบันทกึ ขอ้ มลู 1 แผ่น 2. แผนภาพส�ำหรบั บนั ทกึ ตำ� แหน่งของโลก และดาวศกุ ร์ในวงโคจร 1 แผน่ 3. กราฟสำ� หรับบนั ทึกค่ามมุ ห่าง และจำ� นวนวนั ท่ดี าวศกุ รโ์ คจรรอบดวงอาทิตย ์ 1 แผ่น 4. ไมโ้ ปรแทรกเตอรช์ นดิ ครึง่ วงกลม 1 อนั 5. ไมบ้ รรทัด ยาว 30 เซนตเิ มตร 1 อัน ตอนที่ 2 1. แผนภาพวงโคจรของดาวศกุ ร์ 1 แผน่ 2. แผ่นใสขนาด A4 1 แผ่น 3. ไมโ้ ปรแทรกเตอร์ชนดิ ครึ่งวงกลม 1 อนั 4. ไม้บรรทดั ยาว 30 เซนติเมตร 1 อนั 5. ปากกาเคมีสดี �ำ 1 ดา้ ม ขอ้ เสนอแนะสำ� หรบั ครู 1. กอ่ นเรม่ิ ท�ำกจิ กรรมทบทวนวิธีการวัดมมุ โดยใช้ไมโ้ ปรแทรกเตอรช์ นิดครึง่ วงกลม 2. ย�ำ้ กับนักเรียนวา่ วงโคจรของดาวศกุ ร์คือวงโคจรทเ่ี ล็กกว่าวงโคจรของโลก 3. ครอู ธบิ ายการระบขุ อบฟา้ ของผสู้ งั เกตวา่ ขอบฟา้ ดา้ นซา้ ยของรปู เปน็ ขอบฟา้ ดา้ นตะวนั ออก และขอบฟ้าดา้ นขวาของรปู เป็นขอบฟ้าด้านตะวันตก ดวงอาทติ ย ขอบฟาดานตะวนั ออก ผสู งั เกต โลก ขอบฟา ดานตะวันตก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

76 บทท่ี 18 | ตำ� แหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 4. ในกจิ กรรมตอนที่ 2 ครอู ธบิ ายวธิ กี ารระบเุ วลาโดยนำ� แผน่ ใสมาวางทบั แผนภาพ วงโคจรของ ดาวศุกรแ์ ละเรมิ่ จากเวลาประมาณ 12:00 นาฬกิ า 18:00 นาฬิกา 24:00 นาฬกิ า และ 6:00 นาฬกิ า ตามลำ� ดับ ดงั รูป แผนภาพวงโคจรของดาวศุกร แผนภาพวงโคจรของดาวศุกร แผนใส ขอบ ฟาดานตะ ัวนตก ดวงอาทติ ย ดวงอาทติ ย ผูสังเกต ผูสงั เกต โลก ขอบฟา ดา นตะวันออก โลก ขอบฟา ดา นตะวันตก แผน ใส ขอบ ฟา ดานตะวันออก แผนภาพวงโคจรของดาวศุกร แผนภาพวงโคจรของดาวศุกร ดวงอาทติ ย ขอบฟาดานตะวนั ออก แผน ใส ดวงอาทิตย ขอบฟาดานตะ ัวนตก ขอบฟาดานตะวันออก ูผ ัสงเกต โลก โลก ผูสงั เกต แผนใส ขอบฟา ดานตะวันตก สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 บทที่ 18 | ต�ำแหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ 77 5. ครูอธิบายว่ารูป ก ดาวศุกร์มีมุมห่างไปทางตะวนั ออก และรปู ข ดาวศุกร์มีมุมห่างไปทาง กข ดวงอาทติ ย ดวงอาทติ ย ดาวศกุ ร ดาวศกุ ร ขอบฟา ผูสงั เกต ขอบฟา ขอบฟา ผูสงั เกต ขอบฟา โลก โลก วิธที �ำกจิ กรรม ตอนที่ 1 ต�ำแหน่งในวงโคจรและมมุ หา่ งของดาวศกุ ร์ 1. คำ� นวณมมุ ทโี่ ลกและดาวศกุ รโ์ คจรไปโดยใชส้ มการและตวั อยา่ งการคำ� นวณในตารางบนั ทกึ ข้อมลู ก�ำหนดให้ดาวศกุ ร์และโลกมีวงโคจรเป็นวงกลมในระนาบเดียวกนั และมอี ตั ราเร็วใน การโคจรคงที่ มคี าบการโคจรประมาณ 225 วัน และ 365 วนั ตามล�ำดบั 2. ศึกษาวิธกี ารระบุตำ� แหนง่ ของโลกและดาวศุกร์ เมื่อโลกและดาวศุกร์โคจรมาอยู่ในต�ำแหนง่ ท่ี 1 จากแผนภาพสำ� หรับบนั ทกึ ต�ำแหนง่ ของโลกและดาวศกุ รใ์ นวงโคจร โดยกำ� หนดให้โลก และดาวศุกรม์ ตี �ำแหนง่ เรม่ิ ตน้ ที่ 0 องศา 3. ระบุต�ำแหน่งของโลกและดาวศุกร์เมื่อเวลาผ่านไป 60 วัน ลงในแผนภาพส�ำหรับบันทึก ตำ� แหนง่ ของโลกและดาวศกุ รใ์ นวงโคจร และใสเ่ ลข 2 กำ� กบั เพอ่ื กำ� หนดใหเ้ ปน็ ตำ� แหนง่ ที่ 2 4. ลากเส้นตรงจากโลกไปยงั ดวงอาทติ ย์ และลากเสน้ ตรงอีกเส้นจากโลกไปยงั ดาวศกุ ร์ 5. วัดขนาดของมุมห่างดาวศุกร์โดยใช้ไม้โปรแทรกเตอร์ดังรูป พร้อมระบุทิศของมุมห่าง บนั ทกึ ผล ลงในตารางบันทกึ ข้อมูล สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

78 บทที่ 18 | ตำ� แหน่งปรากฏของดาวเคราะห์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 ดวงอาทิตย ดาวศุกร โลก 6. ท�ำซ้�ำขอ้ 3-5 จนครบ 20 ต�ำแหน่ง บนั ทกึ ผล 7. นำ� ข้อมูลทไ่ี ด้จากตารางมาบนั ทึกตำ� แหนง่ ลงในแผ่นกราฟที่กำ� หนดให้ 8. ลากเส้นแนวโนม้ การเปล่ยี นแปลงมุมหา่ งของดาวศุกร์กบั จ�ำนวนวัน 9. สรุป และน�ำเสนอผลการทำ� กจิ กรรม ตอนที่ 2 ต�ำแหนง่ ในวงโคจรและการมองเห็นดาวศุกร์ของผ้สู ังเกตท่อี ยู่บนโลก 1. สรา้ งแผน่ จำ� ลองทอ้ งฟ้าเพือ่ ใช้ศกึ ษาตำ� แหน่งปรากฏของดาวศุกรต์ ามข้นั ตอนดังตอ่ ไปน้ี 1.1 ขดี เสน้ ตรงท่ีด้านล่างของแผ่นใสตามแนวยาว ใหห้ า่ งจากขอบล่าง 3 เซนตเิ มตร 1.2 ระบตุ �ำแหนง่ ของผู้สงั เกตท่ีจดุ กึ่งกลางของเส้น 1.3 ระบุตำ� แหนง่ \"ขอบฟ้าด้านตะวันออก\" ไว้ท่ดี ้านซ้าย และ \"ขอบฟ้าดา้ นตะวนั ตก\" ไวท้ ่ี ดา้ นขวา ดงั รปู สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 บทท่ี 18 | ต�ำแหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ 79 แผน ใส ขอบฟา ดา นตะวันออก ผูสังเกต ขอบฟาดานตะวนั ตก 2. ระบุต�ำแหน่งของดาวศุกร์ลงบนแผนภาพวงโคจรของดาวศุกร์ท่ีก�ำหนด เม่ือมีมุมห่าง 25 องศา ไปทางตะวันตก พรอ้ มบันทึกคา่ มุมห่างและทิศทางของมุมหา่ ง 3. น�ำแผ่นจ�ำลองท้องฟ้ามาวางซ้อนบนแผนภาพในข้อ 2 โดยให้ต�ำแหน่งผู้สังเกตอยู่ต�ำแหน่ง เดียวกบั โลกบนแผนภาพวงโคจรของดาวศุกร์ ดังรปู จากนน้ั หมุนแผน่ จ�ำลองท้องฟา้ โดยให้ ต�ำแหน่งของโลกเป็นจุดหมุนพร้อมระบุต�ำแหน่งปรากฏของดาวศุกร์ในช่วงเวลาเช้ามืดและ หวั ค�่ำบนั ทึกผล แผนภาพวงโคจรของดาวศุกร ขอบฟา ดา นตะวันออกดวงอาทิตย โลก ผูสงั เกต สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

80 บทท่ี 18 | ตำ� แหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 4. ท�ำซ้ำ� ข้อ 2-3 โดยก�ำหนดใหด้ าวศกุ รม์ มี ุมห่างตามล�ำดับ ดังนี้ - 0 องศา - 25 องศา ไปทางตะวนั ออก - มีค่ามากที่สดุ ไปทางตะวนั ตก - มีคา่ มากท่สี ุดไปทางตะวันออก 5. สรปุ และนำ� เสนอผลการท�ำกิจกรรม ตัวอย่างผลการท�ำกจิ กรรม ตอนท่ี 1 ต�ำแหนง่ ในวงโคจรและมมุ หา่ งของดาวศกุ ร์ จำ� นวนวัน มมุ ท่ดี าวเคราะหโ์ คจรซึ่งไดจ้ ากการค�ำนวณ ผลทีไ่ ดจ้ ากกจิ กรรม ตำ� แหนง่ ทโี่ ลกโคจร (องศา) มุมหา่ ง ไปทางทศิ ไปได้ (วัน) โลก ดาวศุกร์ (องศา) เร่มิ ตน้ 0 0 0 0- มุมที่โลกโคจรไปได้ มุมท่ีดาวศุกร์โคจรไป ≈ 360 × จำ� นวนวนั ได≈้ 360 × จำ� นวนวนั คาบการโคจร คาบการโคจร 1 30 ≈ 360 × 30 ≈ 360 × 30 36 ตะวันตก 365 687 ≈ 29.6 ≈ 48.0 2 60 59.2 96.0 46 ตะวนั ตก 3 90 88.8 144.0 45.5 ตะวนั ตก 4 120 118.4 192.0 41 ตะวันตก 5 150 147.9 240.0 35 ตะวันตก 6 180 177.5 288.0 28 ตะวันตก 7 210 207.1 336.0 21 ตะวนั ตก 8 240 236.7 384.0 13.5 ตะวนั ตก สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทท่ี 18 | ตำ� แหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ 81 จำ� นวนวัน มมุ ที่ดาวเคราะหโ์ คจรซ่งึ ไดจ้ ากการค�ำนวณ ผลท่ไี ด้จากกิจกรรม ตำ� แหนง่ ทโ่ี ลกโคจร (องศา) มมุ ห่าง ไปทางทศิ ไปได้ (วัน) โลก ดาวศกุ ร์ (องศา) 9 270 266.3 432.0 6 ตะวนั ตก 10 300 295.9 480.0 11 330 325.5 528.0 2 ตะวันออก 12 360 355.1 576.0 13 390 384.7 624.0 9 ตะวันออก 14 420 414.2 672.0 15 450 443.8 720.0 17 ตะวันออก 16 480 473.4 768.0 17 510 503.0 816.0 24.5 ตะวนั ออก 18 540 532.6 864.0 19 570 562.2 912.0 32 ตะวันออก 20 600 591.8 960.0 38.5 ตะวันออก 43.5 ตะวนั ออก 46.5 ตะวนั ออก 44 ตะวันออก 24 ตะวันออก 20 ตะวนั ตก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

82 บทท่ี 18 | ตำ� แหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 แผนภาพส�ำหรับบันทึกต�ำแหน่งของโลกและดาวศุกร์ในวงโคจร 935072010 7 91522690000 951159000 519408000 6 18 157830900 165082800 155018070 945080220 4 19 5 17 140500860 95059022300 12 11 130 490 850 960600240 8 20 3 18 120 480 840 970610250 5 10 4 16 110 470 830 620 260 13 100 460 820 9 ดวงอาทิตย 2 3 90 450 810 17 15 630 270 9 80 440 800 640 280 6 70 430 790 650 290 14 1 10 16 2 60420780 660 300 14 670310 7 ดาวศุกร 8 50410770 15 680320 11 703040 ตำแหนงเริม่ ตน 1 33097050 40400760 330 13 มไุมปหทาางงต3ะ6วันองตศกา 690 23078400 731500 12 3706200 โลก 13707300 0.723 AU 1 AU สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 บทท่ี 18 | ต�ำแหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ 83 กราฟสำ� หรบั บันทกึ ค่ามมุ ห่างและจำ� นวนวนั ทดี่ าวศกุ ร์โคจรรอบดวงอาทติ ย์ มมุ หา งจากดวงอาทิตยไปทางตะวันออก ดวงอาทิตย มมุ หางจากดวงอาทิตยไ ปทางตะวนั ตก 180o 160o 140o 120o 100o 80o 60o 40o 20o 20o 40o 60o 80o 100o 120o 140o 160o 180o เร่ิมตน 30 60 90 120 150 180 210 240 จำนวนวัน ันบจาก ุจดเริ่ม ตน 270 300 330 360 390 420 450 480 510 540 570 600 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

84 บทที่ 18 | ตำ� แหน่งปรากฏของดาวเคราะห์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 สรปุ ผลการท�ำกจิ กรรม จากกิจกรรมมุมห่างของดาวศุกร์ท่ีจุดเริ่มต้นจะมีค่าเป็นศูนย์และเพ่ิมขึ้นไปทางตะวันตกจน มีค่าสูงสุดประมาณ 46.5 องศา จากนั้นจะมีค่าลดลงจนกระท่ังเป็นศูนย์และเพ่ิมขึ้นไปทาง ตะวันออกจนมีค่าสูงสุดประมาณ 46.5 องศา และมคี า่ ลดลงเป็นศนู ย์อีกครั้ง ค�ำถามท้ายกิจกรรม 1. จากกราฟ ดาวศกุ ร์มคี า่ มมุ หา่ งสงู สดุ ไปทางตะวันตกประมาณเท่าใด แนวค�ำตอบ ประมาณ 46.5 องศา 2. จากกราฟ ดาวศุกร์มคี า่ มุมหา่ งสูงสุดไปทางตะวนั ออกประมาณเทา่ ใด แนวคำ� ตอบ ประมาณ 46.5 องศา 3. จากกราฟ ดาวศกุ ร์มกี ารเปล่ียนแปลงขนาดและทศิ ทางของมุมหา่ งอย่างไร แนวคำ� ตอบ มมุ หา่ งมคี า่ เพมิ่ ขน้ึ จาก 0 องศาไปทางตะวนั ตกจนกระทง่ั มคี า่ มากทสี่ ดุ ประมาณ 46.5 องศา จากน้ันมุมห่างมีค่าลดลงจนกระทั่งมีค่าเป็นศูนย์ และมีค่าเพ่ิมข้ึนไปทาง ตะวนั ออกจนกระท่ังมีคา่ มากทส่ี ดุ ประมาณ 46.5 องศา และมีคา่ ลดลงเปน็ ศนู ย์อีกครง้ั สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 6 บทที่ 18 | ต�ำแหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ 85 ตวั อย่างผลการท�ำกิจกรรม ตอนที่ 2 ต�ำแหน่งในวงโคจรและการมองเห็นดาวศุกร์ของผู้สงั เกตทอ่ี ย่บู นโลก แผนภาพวงโคจรของดาวศุกร์ 25 องศา 0 องศา 25 องศา ไปทางตะวนั ออก ไปทางตะวันตก ดวงอาทติ ย ประมาณ 46.5 องศา 25 องศา 25 องศา ประมาณ 46.5 องศา ไปทางตะวนั ออก ไปทางตะวันออก 0 องศา ไปทางตะวนั ตก ไปทางตะวนั ตก วงโคจรดาวศุกร วงโคจรโลก โลก 0.723 AU 1 AU สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

86 บทที่ 18 | ต�ำแหนง่ ปรากฏของดาวเคราะห์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 6 ตารางบันทึกผล ชว่ งเวลาท่ีมองเห็น เช้ามืด มมุ ห่าง 25 องศา ไปทางตะวันตก ไม่สามารถสังเกตเหน็ ได้ หวั คำ่� 0 องศา เชา้ มืด 25 องศา ไปทางตะวันออก หวั คำ�่ มีค่ามากทส่ี ดุ ไปทางตะวันตก มีคา่ มากทีส่ ดุ ไปทางตะวันออก สรปุ ผลการท�ำกจิ กรรม ตอนท่ี 1 ตำ� แหนง่ ในวงโคจรและมมุ ห่างของดาวศุกร์ เมื่อดาวศุกร์มีมุมห่างเป็น 0 องศา ไม่สามารถสังเกตเห็นดาวศุกร์ได้ เนื่องจากดาวศุกร์ข้ึนและตก พร้อมดวงอาทิตย์ ในช่วงท่ีดาวศุกร์มีมุมห่างไปทางตะวันออก ผู้สังเกตบนโลกจะเห็นดาวศุกร์ในช่วง หวั คำ่� หลงั ดวงอาทิตย์ตกเหนือขอบฟา้ ดา้ นตะวนั ตก และเมอ่ื ดาวศุกร์มมี มุ หา่ งไปทางตะวนั ตก ผสู้ งั เกต จะเหน็ ดาวศุกรใ์ นชว่ งเช้ามืดก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือขอบฟา้ ด้านตะวนั ออก คำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม ตอนท่ี 1 ต�ำแหนง่ ในวงโคจรและมมุ หา่ งของดาวศกุ ร์ 1. ดาวศุกร์ขึ้นและตกพรอ้ มดวงอาทติ ย์เม่อื ดาวศกุ ร์มีมมุ หา่ งเท่าใด แนวค�ำตอบ 0 องศา 2. ผู้สงั เกตจะเหน็ ดาวศุกร์ในช่วงเช้ามดื เหนอื ขอบฟา้ ด้านใด และมีมุมหา่ งไปทางทศิ ใด แนวคำ� ตอบ เหนอื ขอบฟ้าด้านตะวันออก โดยดาวศุกร์มมี ุมหา่ งไปทางตะวันตก 3. ผู้สงั เกตจะเห็นดาวศกุ รใ์ นช่วงหวั ค่�ำเหนอื ขอบฟา้ ดา้ นใด และมมี ุมห่างไปทางทิศใด แนวค�ำตอบ เหนือขอบฟ้าด้านตะวันตก โดยดาวศุกรม์ มี ุมห่างไปทางตะวันออก 4. ต�ำแหน่งในวงโคจรที่แตกต่างกันของดาวศุกร์จะมีมุมห่างเท่ากันและทิศทางเดียวกัน ได้หรือไม่ อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ ได้ เช่น เมื่อดาวศกุ ร์มมี ุมห่าง 25 องศา ไปทางตะวันตก ตำ� แหนง่ ดาวศกุ รใ์ นวงโคจร อาจอยู่ใกล้โลก หรอื อาจอยูไ่ กลจากโลกก็ได้ 5. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำ� เสนอ และรว่ มกนั อภปิ รายผลการทำ� กจิ กรรม พรอ้ มตอบคำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม โดยมแี นวทางการอภปิ รายและแนวทางการตอบคำ� ถามดงั แสดงขา้ งตน้ 6. ครูให้ข้อมูลนักเรียนเพ่ิมเติมว่า จากกิจกรรมเป็นการก�ำหนดให้ผู้สังเกตอยู่ที่เส้นศูนย์สูตร และ วงโคจรของโลกและดาวศุกร์เป็นวงกลม โลกและดาวศุกร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยระยะห่างจาก สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี