Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท เพิ่มเติมโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ3

(คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท เพิ่มเติมโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ3

Published by แชร์งานครู Teachers Sharing, 2021-01-24 20:07:40

Description: (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท เพิ่มเติมโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ3
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
เล่ม 3
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Keywords: (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท เพิ่มเติมโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ3,คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์,โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ,กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560),หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Search

Read the Text Version

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 บทท่ี 9 | การหมนุ เวยี นของน้�ำในมหาสมทุ ร 89 ไดร้ บั แรงกระทำ� จากคลนื่ กระแสนำ้� และนำ้� ขนึ้ นำ�้ ลง ทำ� ใหน้ ำ�้ ผสมผสานกนั ดี อณุ หภมู แิ ละ ความเค็มของน�้ำจึงใกล้เคียงกันทุกระดับความลึก โดยทั่วไปน�้ำช้ันบนมีความหนาไม่เกิน 200 เมตร  นำ้� ชน้ั ลา่ ง เปน็ นำ�้ ทมี่ อี ณุ หภมู ติ ำ่� เนอื่ งจากเปน็ นำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รบรเิ วณขว้ั โลกทจี่ มตวั ลง ด้านล่างและไหลในระดบั ลกึ ไปยงั บริเวณตา่ ง ๆ ของมหาสมทุ รโดยไมผ่ สมกับมวลน�้ำอ่ืน ๆ ทำ� ให้น�้ำช้ันลา่ งมีอุณหภูมิใกลเ้ คยี งกนั ในทกุ ระดับความลึก  นำ้� ช้ันเทอรโ์ มไคลน์ เปน็ ชั้นน�้ำทเี่ กิดจากการผสมกันระหวา่ งน�้ำชนั้ บนและน�้ำช้นั ลา่ ง ท�ำให้ นำ้� ชนั้ นี้มกี ารเปลี่ยนแปลงอณุ หภูมติ ามระดบั ความลกึ มากกวา่ นำ้� ชัน้ อื่น ๆ โดยอุณหภมู จิ ะ ลดลงตามระดบั ความลกึ  บรเิ วณปากอา่ วไทย นำ้� ชนั้ บนมคี วามหนาประมาณ 40 - 50 เมตร เนอื่ งจากบรเิ วณดงั กลา่ ว มแี รงกระทำ� จากคลน่ื ลมนอ้ ยกวา่ ในมหาสมทุ รเพราะมแี ผน่ ดนิ ลอ้ มรอบเปน็ สว่ นใหญ่ ทำ� ให้ การผสมผสานของนำ้� ทะเลเกดิ ขน้ึ ไดน้ อ้ ย สว่ นนำ�้ ชน้ั ลา่ งในบรเิ วณนเี้ ปน็ นำ�้ จากตอนบนของ ทะเลจนี ใตซ้ ง่ึ มคี วามหนาแนน่ มากกวา่ นำ้� บรเิ วณปากอา่ วไทย นำ้� จงึ ไหลเขา้ ทางลา่ งเกดิ เปน็ นำ้� ชนั้ ล่างในบรเิ วณนี้ 13. ครูตรวจสอบความเขา้ ใจนักเรียนเกี่ยวกับการแบง่ ชั้นนำ้� บริเวณปากอ่าวไทย โดยใชค้ �ำถามใน หนังสือเรียนหน้า 64  น�้ำบริเวณปากอ่าวไทยในแต่ละระดับความลึกมีอุณหภูมิและความเค็มแตกต่างกันอย่างไร แนวคำ� ตอบ อณุ หภมู ขิ องน�้ำทะเลแตกต่างกันในแตล่ ะระดับความลกึ โดยในชว่ งความลกึ ตงั้ แตผ่ วิ นำ�้ จนถงึ 52 เมตร นำ�้ ทะเลมอี ณุ หภมู ใิ กลเ้ คยี งกนั ที่ 29 องศาเซลเซยี ส โดยประมาณ ในช่วงความลึก 52 - 60 เมตร อุณหภูมิลดลงอย่ารวดเร็วตามความลึก โดยที่ความลึก 60 เมตร นำ้� ทะเลมอี ณุ หภมู ปิ ระมาณ 23.6 องศาเซลเซยี ส จากนน้ั ทคี่ วามลกึ 60 – 70 เมตร อณุ หภูมขิ องนำ�้ ทะเลใกลเ้ คียงกันท่ี 23.6 องศาเซลเซียส โดยประมาณ ความเคม็ ของนำ�้ ทะเลแตกตา่ งกนั ในแตล่ ะระดบั ความลกึ โดยในชว่ งความลกึ ตงั้ แตผ่ วิ นำ้� จนถึง 45 เมตร น้�ำทะเลมีความเค็มใกล้เคียงกันท่ี 32.9 โดยประมาณ ในช่วงความลึก 45 - 60 เมตร ความเคม็ ลดลงอยา่ รวดเรว็ ตามความลกึ โดยท่คี วามลกึ 60 เมตร น�้ำทะเล มีความเค็มประมาณ 34.3 จากนั้นท่ีความลึก 60 – 70 เมตร อุณหภูมิของน้�ำทะเล ใกลเ้ คียงกันท่ี 34.3 โดยประมาณ 14. ครใู หน้ ักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายเพื่อขยายความรูเ้ กย่ี วกับผลของน�้ำชนั้ บนกบั ความรุนแรงของ พายุ โดยใชค้ �ำถามชวนคดิ ในหนังสือเรียนหนา้ 64  ถา้ กลา่ ววา่ บรเิ วณทนี่ ำ้� ชน้ั บนทม่ี คี วามหนามาก จะสง่ ผลใหพ้ ายหุ มนุ เขตรอ้ นทเ่ี กดิ ขน้ึ เหนอื ผวิ นำ�้ บรเิ วณนนั้ มแี นวโนม้ ความรนุ แรงมากกวา่ บรเิ วณอนื่ นกั เรยี นเหน็ ดว้ ยหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด แนวคำ� ตอบ บรเิ วณทน่ี ำ้� ชนั้ บนทมี่ คี วามหนามากจะสง่ ผลใหพ้ ายหุ มนุ เขตรอ้ นทเ่ี กดิ ขนึ้ เหนอื ผิวน้�ำบริเวณน้ันมีแนวโน้มความรุนแรงมากกว่าบริเวณอื่น เนื่องจากบริเวณที่น�้ำช้ันบน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

90 บทท่ี 9 | การหมุนเวยี นของน้�ำในมหาสมุทร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 มีความหนามากเป็นบริเวณท่ีน�้ำกักเก็บพลังงานจากรังสีดวงอาทิตย์เอาไว้มาก จึงเกิดการ ถา่ ยโอนความรอ้ นจากนำ้� ไปยงั อากาศไดม้ ากและเกดิ การระเหยของนำ�้ ไดม้ าก สง่ ผลใหอ้ ากาศเหนอื ผวิ นำ้� มอี ณุ หภมู สิ งู จงึ ยกตวั ขนึ้ ไดด้ แี ละมโี อกาสเกดิ เมฆไดม้ าก ทำ� ใหพ้ ายหุ มนุ เขตรอ้ นทเี่ กดิ ขน้ึ มีแนวโนม้ ความรนุ แรงมากตามไปด้วย 15. ครใู หค้ วามรูเ้ พม่ิ เติมเกย่ี วกับบริเวณท่ีเกดิ และไมเ่ กิดการแบง่ ชั้นน�้ำวา่ การแบง่ ช้ันของนำ้� ในมหาสมทุ รข้นึ อยู่บความเข้มรงั สีดวงอาทติ ย์ โดยบรเิ วณที่มคี วามเข้ม รงั สดี วงอาทติ ยม์ าก อณุ หภมู ขิ องนำ้� ทอี่ ยผู่ วิ หนา้ และอณุ หภมู ขิ องนำ้� ในระดบั ลกึ จะแตกตา่ งกนั มาก จึงเกิดการแบ่งชั้นน�้ำ (รูป 1 ในหนังสือเรียนหน้า 65) เช่น บริเวณศูนย์สูตรถึงบริเวณ ละติจูดกลางในบางบริเวณของมหาสมุทร อาจไม่พบการแบ่งชั้นของน้�ำดังท่ีกล่าวมาข้างต้น เนอื่ งจากมคี วามเขม้ รงั สดี วงอาทติ ยน์ อ้ ยหรอื ไมไ่ ดร้ บั รงั สดี วงอาทติ ยใ์ นบางชว่ งของปี อณุ หภมู ิ ของนำ�้ ทอี่ ยผู่ วิ หนา้ และอณุ หภมู ขิ องนำ้� ในระดบั ลกึ จะไมแ่ ตกตา่ งกนั มากจงึ ไมเ่ กดิ การแบง่ ชน้ั นำ้� (รปู 2 ในหนงั สอื เรียนหน้า 65) เช่นบริเวณข้ัวโลก แนวทางการวดั และประเมนิ ผล KPA แนวทางการวัดและประเมินผล K : 1. การตอบค�ำถามตรวจสอบความเขา้ ใจ 1. ปจั จยั ที่ส่งผลให้อุณหภูมแิ ละความเคม็ ของ 2. การตอบคำ� ถาม และการนำ� เสนอผลการอภปิ ราย น�้ำผิวหน้ามหาสมุทรแตกต่างกันในแต่ละ 3. แบบฝึกหัด แถบละตจิ ดู และแตล่ ะระดับความลึก 2. การแบง่ ชนั้ น�้ำในมหาสมุทร P: 1. ผลการสังเกตสีของน�้ำในกิจกรรมตอนท่ี 1 และ 1. การสังเกต ตอนที่ 2 2. การวดั 2. การใช้เทอร์มอมิเตอร์วัดอุณหภูมิน�้ำในแต่ละ 3. การจ�ำแนกประเภท ระดับความลึก 4. การสรา้ งแบบจ�ำลอง 3. การจ�ำแนกช้นั น�้ำและระบเุ กณฑ์ท่ใี ช้ 5. การคดิ อย่างมีวิจารณญาณ 4. การอธิบายการแบ่งช้ันน�้ำในธรรมชาติโดยใช้ 6. ความร่วมมือ การท�ำงานเป็นทีมและภาวะ ขอ้ มูลทีไ่ ดจ้ ากแบบจ�ำลอง ผู้นำ� 5. การอธิบายการแบ่งช้ันน�้ำในแบบจ�ำลองโดยใช้ เหตุผลและหลักฐานสนบั สนุน 6. มสี ว่ นรว่ มในการคดิ ออกความเหน็ และตดั สนิ ใจ รว่ มกบั ผอู้ นื่ รวมทง้ั มกี ารแบง่ หนา้ ทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบในการทำ� งานกล่มุ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 บทที่ 9 | การหมนุ เวยี นของน้�ำในมหาสมุทร 91 KPA แนวทางการวดั และประเมนิ ผล A: 1. การรบั ฟงั ความเหน็ ของผอู้ น่ื ในการรว่ มอภปิ ราย 1. การยอมรบั ความเหน็ ตา่ ง 2. เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากแบบจำ� ลองในกจิ กรรม 2. ความซอ่ื สตั ย์ 9.1 โดยไมด่ ดั แปลงขอ้ มลู 9.2 การหมุนเวยี นนำ�้ ในมหาสมทุ ร จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายปัจจัยและรูปแบบการหมนุ เวยี นของนำ�้ ผวิ หน้ามหาสมทุ ร 2. อธบิ ายปจั จัยและรูปแบบการหมุนเวียนของนำ�้ ลึก 3. อธบิ ายการเกิดและผลที่เกิดจากน�้ำผุดและน�้ำจม ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้ หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเพม่ิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 เลม่ 3 แนวการจดั การเรยี นรู้ 1. ครนู ำ� เข้าสู่บทเรียนโดยเล่าเหตุการณต์ คู้ อนเทนเนอร์ท่ีตกลงสู่มหาสมทุ รตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 65 - 66 ดงั น้ี ในปี พ.ศ. 2533 เรอื บรรทุกสนิ ค้าขนาดใหญ่ที่แล่นจากประเทศเกาหลใี ต้เพ่อื น�ำสนิ คา้ ไปส่ง ยงั เมอื งแอตแลนตา ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ไดป้ ระสบกบั คลนื่ ลมรนุ แรงเนอ่ื งจากพายขุ นาดใหญ่ ในมหาสมุทรแปซิฟิกท�ำให้ตู้คอนเทนเนอร์ตกลงสู่มหาสมุทร รองเท้ากีฬาจ�ำนวนมากจึงหลุด ออกมาจากตแู้ ละลอยอยทู่ ผี่ วิ นำ้� เมอ่ื เวลาผา่ นไป มกี ารพบรองเทา้ หลายพนั คบู่ รเิ วณตา่ ง ๆ เชน่ ชายฝง่ั รัฐอะแลสกา รัฐวอชงิ ตัน รัฐออริกอน และประเทศแคนาดา หลังจากนัน้ ยงั มีรายงานอีก วา่ พบรองเท้ากฬี าลกั ษณะเดียวกนั บริเวณเกาะฮาวาย การพบรองเทา้ กฬี าทบี่ รเิ วณตา่ ง ๆ ทำ� ใหส้ ามารถยนื ยนั เกย่ี วกบั ทศิ ทางการไหลของกระแสนำ�้ ผิวหน้ามหาสมุทร โดยบริเวณท่ีตู้คอนเทนเนอร์ตกลงสู่มหาสมุทร กระแสน้�ำไหลไปทางทิศ ตะวันออก เม่ือกระแสน้�ำปะทะกับชายฝั่ง น้�ำบางส่วนไหลข้ึนไปยังละติจูดที่สูงขึ้น น้�ำบางส่วน ไหลลงมายังละติจูดท่ีต่�ำลง ท�ำให้พบรองเท้าบริเวณชายฝั่งรัฐวอชิงตัน รัฐออริกอน ประเทศ แคนาดา และรัฐอะแลสกา จากน้ัน น้�ำจึงไหลไปทางทิศตะวันตกท�ำให้พบรองเท้าบริเวณ เกาะฮาวาย ดงั รูป 9.7 ในหนังสอื เรยี นหน้า 66 2. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายตามความคิดของตนเองว่า “เพราะเหตุใดกระแสน้�ำผิวหน้า มหาสมทุ รจงึ มที ศิ ทางการไหลในลักษณะดังกล่าว” จากน้ันใหน้ ักเรยี นปฏบิ ัติกิจกรรม 9.2 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

92 บทท่ี 9 | การหมนุ เวยี นของน้�ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 กิจกรรม 9.2 การหมนุ เวียนของนำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมุทร จุดประสงคก์ จิ กรรม อธบิ ายการหมุนเวยี นของนำ้� ผิวหนา้ มหาสมทุ รโดยใช้แบบจำ� ลอง เวลา 2 ช่วั โมง วัสด-ุ อปุ กรณ์ 1. ถาดพลาสตกิ ส่ีเหลยี่ ม ขนาด กวา้ ง 30 เซนตเิ มตร 2 ใบ ยาว 40 เซนตเิ มตร สูง 10 เซนตเิ มตร 2. แผ่นพลาสติกสีตา่ ง ๆ 1 แผน่ 3. หลอดแบบงอได้ 4 หลอด 4. กระดาษหนงั สอื พมิ พ์ 4 แผน่ 5. ดินน้�ำมันกอ้ นใหญ่ 4 ก้อน 6. นำ้� 6 ลติ ร การเตรียมตัวลว่ งหน้า ครอู าจใหน้ กั เรยี นเตรยี มถาดและสรา้ งมหาสมทุ รจำ� ลองมาลว่ งหนา้ เพอ่ื ความรวดเรว็ ในการ ท�ำกิจกรรม ขอ้ เสนอแนะสำ� หรับครู 1. ครอู าจพมิ พ์ภาพขอบทวปี เท่าขนาดทต่ี ้องการสรา้ งจริงและน�ำมาวางไว้ที่พน้ื ถาดและให้ นกั เรยี นปน้ั ดนิ นำ้� มนั ตามภาพ เพอ่ื ชว่ ยใหน้ กั เรยี นสรา้ งขอบทวปี ไดค้ ลา้ ยจรงิ และรวดเรว็ มากขนึ้ 2. ครอู าจใชว้ ัสดอุ ่นื ทล่ี อยน้�ำไดแ้ ทนแผน่ พลาสตกิ เช่น เศษกระดาษ 3. ครอู าจตอ่ หลอดดูดนำ้� ใหย้ าวข้นึ เพ่อื ช่วยให้นกั เรียนทำ� กิจกรรมได้งา่ ยขึ้น 4. ครคู วรท�ำกิจกรรมดว้ ยตนเองก่อนน�ำไปสอนในช้ันเรยี น วิธที ำ� กิจกรรม 1. สังเกตขอบทวีปทอี่ ยใู่ นกรอบสีเ่ หลี่ยมในภาพทกี่ ำ� หนดให้ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 บทที่ 9 | การหมุนเวยี นของน�้ำในมหาสมทุ ร 93 60o 60o 30o 30o 0o 0o 30o 30o 60o 60o 2. นำ� ดนิ น�ำ้ มนั มาสรา้ งทวปี จำ� ลองลงในถาดตามขอบเขตทส่ี งั เกตได้จากขอ้ 1 โดยใหข้ อบ ทวปี มคี วามสูงอยา่ งน้อย 1.5 เซนตเิ มตร 3. ใส่นำ้� ในถาดให้มรี ะดับตำ�่ กวา่ ขอบทวีปเลก็ น้อย 4. นำ� แผน่ พลาสตกิ สีต่าง ๆ มาตัดเปน็ ช้ินเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 5 มลิ ลิเมตร x 5 มลิ ลิเมตร จำ� นวน 15 - 20 ชิน้ จากนั้นน�ำไปโรยลงบนผิวนำ�้ ใหก้ ระจายอยา่ งสม�่ำเสมอ 5. ใชห้ ลอดเปา่ ลมอยา่ งตอ่ เนอื่ งทงั้ 4 ทศิ ทางพรอ้ ม ๆ กนั ตามทศิ ทางของลกู ศร ณ ตำ� แหนง่ มหาสมทุ รแอตแลนตกิ ดงั ทกี่ ำ� หนดใหใ้ นรปู 1 โดยใหห้ ลอดขนานกบั ผวิ นำ้� ดงั รปู 2 สงั เกต ทศิ ทางการเคลอ่ื นที่ของพลาสตกิ ในมหาสมทุ รแอตแลนติก และบรเิ วณอ่นื ๆ บันทึกผล 6. น�ำเสนอผลการทำ� กิจกรรม จากน้ันอภปิ รายรว่ มกนั ในช้ันเรยี น ตัวอยา่ งผลการทำ� กจิ กรรม แทน ทศิ ทางการไหลของนำ้� สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

94 บทท่ี 9 | การหมนุ เวยี นของน้�ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 สรุปผลการทำ� กจิ กรรม จากแบบจ�ำลอง ในมหาสมุทรแอตแลนติกเศษพลาสติกเคล่ือนที่เป็นวงตามเข็มนาฬิกา บนซีกโลกเหนือ และทวนเข็มนาฬิกาบนซีกโลกใต้ นอกจากน้ีทางตอนเหนือของมหาสมุทร แอตแลนติก เศษพลาสติกบางส่วนเคล่ือนท่ีข้ึนไปทางขั้วโลก และทางตอนใต้ของมหาสมุทร แอตแลนติก เศษพลาสติกบางส่วนเคล่ือนที่ไปยังมหาสมุทรอินเดียจากและเคลื่อนท่ีย้อนกลับ มายงั มหาสมทุ รแอตแลนตกิ อกี ครงั้ โดยเศษพลาสตกิ จะเคลอื่ นทส่ี มั พนั ธก์ บั การไหลของนำ�้ ทอี่ ยู่ บริเวณผิวหนา้ ซ่งึ เป็นผลมาจากลมท่ีเปา่ และขอบทวีปจำ� ลอง คำ� ถามทา้ ยกิจกรรม 1. ทิศทางของลูกศรแทนทิศทางของลมใดทส่ี ง่ ผลตอ่ การหมนุ เวยี นของนำ�้ ในมหาสมุทร แอตแลนติก แนวคำ� ตอบ ลมตะวันตก 60o ลมคา 30o ลมคา 0o 30o ลมตะวนั ตก 60o 2. การเคลอ่ื นที่ของเศษพลาสตกิ ในแบบจำ� ลองเป็นอยา่ งไร แนวค�ำตอบ ในมหาสมุทรแอตแลนติกเศษพลาสติกเคล่ือนท่ีเป็นวงตามเข็มนาฬิกา บนซกี โลกเหนอื และทวนเขม็ นาฬกิ าบนซกี โลกใต้ เศษพลาสตกิ บางสว่ นเคลอ่ื นทข่ี นึ้ ไปทาง ข้ัวโลก และเศษพลาสติกบางส่วนเคลื่อนที่ไปยังมหาสมุทรอินเดียจากและเคลื่อนท่ี ย้อนกลับมายงั มหาสมุทรแอตแลนตกิ อกี ครัง้ 3. การเคล่ือนท่ีของเศษพลาสตกิ มคี วามสมั พันธ์กับการเคลื่อนที่ของนำ้� ในถาดหรอื ไม่ อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ การเคลอื่ นทข่ี องเศษพลาสตกิ มคี วามสมั พนั ธก์ บั การเคลอ่ื นทข่ี องนำ�้ ในถาด โดยเศษพลาสติกติกจะคล่ือนที่ไปตามการไหลของนำ�้ ทอ่ี ย่บู ริเวณผิวหน้า สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 บทที่ 9 | การหมุนเวียนของน�้ำในมหาสมทุ ร 95 4. ปัจจัยใดบา้ งส่งผลตอ่ ทิศทางการไหลของนำ้� ในแบบจำ� ลอง แนวคำ� ตอบ ลม และขอบทวีปจำ� ลอง 3. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ นำ� เสนอผลการทำ� กิจกรรม และรว่ มกนั อภปิ รายผลการท�ำกจิ กรรมพร้อม ตอบคำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม โดยมแี นวทางการอภปิ รายและแนวทางการตอบคำ� ถามดงั แสดงดา้ นบน 4. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาการหมนุ เวยี นของนำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ ร จากหนงั สอื เรยี นหนา้ 68 - 69 จากนนั้ นำ� อภิปรายเพือ่ เชือ่ มโยงความรู้จากกิจกรรมท่ี 9.1 โดยมแี นวทางในการอภิปรายดงั น้ี แนวทางการอภปิ ราย  การหมนุ เวยี นของนำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รไดผ้ ลจากลมและขอบทวปี เชน่ เดยี วกบั ในแบบจำ� ลอง นอกจากนี้ การหมนุ เวียนของนำ้� ผิวหนา้ มหาสมุทรยงั ไดร้ ับผลจากแรงคอริออลสิ อกี ด้วย  ในแถบศนู ยส์ ตู รลมคา้ ในแฮดลยี เ์ ซลลท์ พี่ ดั ผา่ นผวิ หนา้ มหาสมทุ รทำ� ใหม้ วลนำ�้ ผวิ หนา้ เคลอ่ื นที่ ไปตามทิศทางลมเกิดเป็นกระแสน�้ำผิวหน้ามหาสมุทร แต่แรงคอริออลิสส่งผลให้กระแสน้�ำ บนซกี โลกเหนอื ไหลเบยี่ งออกไปทางขวาของทศิ ทางลมและกระแสนำ้� บนซกี โลกใตไ้ หลเบย่ี ง ออกไปทางซ้ายของทิศทางลม ดังนั้น กระแสน้�ำผิวหน้ามหาสมุทรในแถบศูนย์สูตรจะไหล ไปทางทศิ ตะวนั ตก ดงั รูป 9.8 ในหนังสือเรยี นหน้า 69  เมอ่ื กระแสนำ้� ผวิ หนา้ มหาสมทุ รไหลไปชนกบั ขอบทวปี นำ้� บางสว่ นจะไหลยอ้ นกลบั มาทางทศิ ตะวันออกเกดิ เปน็ กระแสน้�ำไหลย้อนกลับไปตามแนวเสน้ ศูนย์สตู ร ในขณะที่นำ้� ส่วนใหญจ่ ะ ไหลไปตามขอบทวปี ขนึ้ ไปยงั ละตจิ ูดท่สี งู ข้ึน  เมอ่ื กระแสนำ�้ ไหลขน้ึ ไปถงึ บรเิ วณละตจิ ดู 30 - 60 องศา จะไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากลมตะวนั ตกใน เฟอร์เรลเซลล์และแรงคอริออลิสท�ำให้กระแสน้�ำโดยรวมไหลไปทางทิศตะวันออกตามแนว เสน้ ละตจิ ดู  เมื่อกระแสน้�ำไหลไปชนกับขอบทวีปที่อยู่ด้านตะวันออกของมหาสมุทร น�้ำส่วนหนึ่งจะไหล ไปตามขอบทวีปไปยังละติจูดท่ีสูงขึ้น ในขณะท่ีน้�ำอีกส่วนหน่ึงจะไหลไปตามขอบทวีปกลับ มายังแถบศูนย์สตู รอกี ครั้งทำ� ให้เกิดเปน็ กระแสน้�ำท่ีหมนุ เวียนเป็นวง  กระแสน้�ำที่หมุนเวียนเป็นวงในมหาสมุทรมี 5 วงหลัก ครอบคลุมพื้นผิวมหาสมุทรอินเดีย มหาสมทุ รแปซกิ และมหาสมทุ รแอตแลนตกิ โดยในซกี โลกเหนอื กระแสนำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ ร ไหลเป็นวงตามเข็มนาฬิกา ส่วนในซกี โลกใต้กระแสน้ำ� ผวิ หนา้ มหาสมุทรไหลเปน็ วงทวนเข็ม นาฬิกา ดังรูป 9.9 ในหนังสือเรยี นหนา้ 69  ลม แรงคอรอิ อลสิ และขอบเขตทวปี เปน็ ปจั จยั หลกั ทที่ ำ� ใหเ้ กดิ การไหลเปน็ วงของกระแสนำ�้ ผิวหนา้ มหาสมุทร สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

96 บทท่ี 9 | การหมุนเวยี นของน้�ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3  ลมค้าพัดให้น�้ำผิวหน้ามหาสมุทรไหลไปตามทิศทางลม แต่แรงคอริออลิสส่งผลให้กระแสน้�ำ บนซกี โลกเหนอื ไหลเบยี่ งออกไปทางขวาของทศิ ทางลม และกระแสนำ�้ บนซกี โลกใตไ้ หลเบย่ี ง ออกไปทางซ้ายของทิศทางลม ดังนั้น โดยรวมกระแสน้�ำผิวหน้ามหาสมุทรในแถบศูนย์สูตร จะไหลไปทางทศิ ตะวันตก  กระแสนำ�้ ทไ่ี หลไปทางทศิ ตะวนั ตกจนกระทงั่ ชนกบั ขอบทวปี นำ�้ บางสว่ นจะไหลยอ้ นกลบั มา ทางทิศตะวันออกเกิดเป็นกระแสน�้ำไหลย้อนกลับไปตามแนวเส้นศูนย์สูตร ในขณะท่ีน�้ำ ส่วนใหญ่จะไหลไปตามขอบทวีปข้นึ ไปยงั ละติจดู ทสี่ ูงข้ึน  กระแสน้�ำท่ีไหลข้ึนไปถึงบริเวณละติจูด 30 - 60 องศา จะได้รับอิทธิพลจากลมตะวันตก ในเฟอร์เรลเซลล์และแรงคอริออลิสจะท�ำให้กระแสน�้ำโดยรวมไหลไปทางทิศตะวันออกตาม แนวเส้นละตจิ ดู  กระแสน�้ำท่ีไหลไปชนกับขอบทวีปท่ีอยู่ด้านตะวันออกของมหาสมุทร น�้ำส่วนหน่ึงจะไหล ไปตามขอบทวปี ไปยงั ละตจิ ดู ทส่ี งู ขน้ึ ในขณะทน่ี ำ้� อกี สว่ นหนงึ่ จะไหลไปตามขอบทวปี กลบั มายงั แถบศนู ย์สูตรอีกคร้งั ท�ำใหก้ ระแสน�้ำไหลเปน็ วง 5. ครูตรวจสอบความเข้าใจนกั เรียนเก่ียวกับการหมุนเวียนของกระแสน้�ำผิวหนา้ มหาสมุทร โดยใช้ คำ� ถามในหนังสอื เรียนหน้า 70  ถา้ เรอื บรรทกุ นำ้� มนั ลม่ บรเิ วณศนู ยส์ ตู รของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ นกั เรยี นคดิ วา่ ชายฝง่ั บรเิ วณใด มีโอกาสไดร้ บั ผลกระทบมากท่สี ุด เพราะเหตใุ ด แนวค�ำตอบ ชายฝั่งบริเวณประเทศปาปัวนิวกินี อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย มีโอกาสได้รับผลกระทบมากที่สุด เน่ืองจากบริเวณศูนย์สูตร น้�ำผิวหน้ามหาสมุทรส่วนใหญ่ จะไหลไปทางตะวนั ตก 6. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือขยายความรู้เกี่ยวกับการหมุนเวียนของกระแสน�้ำผิวหน้า มหาสมุทร โดยใชค้ ำ� ถามชวนคิดในหนงั สือเรียนหน้า 70  หากพจิ ารณาเฉพาะรปู แบบการหมนุ เวยี นอากาศในแถบขวั้ โลกและแรงคอรอิ อลสิ กระแสนำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมุทรบริเวณขั้วโลกเหนือจะมีรูปแบบการไหลอยา่ งไร แนวคำ� ตอบ บรเิ วณขว้ั โลกเหนอื กระแสนำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รมกี ารไหลเปน็ วงในทศิ ทางตาม เข็มนาฬิกา เนื่องจากลมตะวันออกจากขั้วโลกที่มีทิศทางพัดออกจากข้ัวโลกเป็นแนวโค้ง ไปทางทิศตะวันจะพัดพาให้เกิดกระแสน�้ำผิวหน้ามหาสมุทรไหลเวียนไปตามทิศทางลม แต่อิทธิพลจากแรงคออริออลิสจะท�ำให้กระแสน้�ำไหลเบ่ียงออกไปทางขวาของทิศทางลม ส่งผลให้กระแสน้�ำโดยรวมไหลเป็นวงตามเขม็ นาฬิกา สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 บทที่ 9 | การหมุนเวยี นของน้�ำในมหาสมุทร 97 ลมตะวนั ออก กระแสน้ำ จากขั้วโลก บริเวณขว้ั โลก ขั้วโลกเหนอื 7. ครใู หค้ วามรนู้ กั เรยี นเพมิ่ เตมิ วา่ “กระแสนำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รบรเิ วณขว้ั โลกเหนอื เกดิ ขน้ึ ไมช่ ดั เจน เนอ่ื งจากในบางชว่ งของปมี นี ำ้� แขง็ ปกคลมุ ผวิ หนา้ มหาสมทุ ร นอกจากนมี้ หาสมทุ รบรเิ วณขว้ั โลกเหนอื มีขอบทวีปอยู่โดยรอบท�ำให้นอกจากการไหลเป็นวงแล้ว ยังมีการไหลของกระแสน้�ำผิวหน้า มหาสมทุ รในรปู แบบอ่นื ๆ ซง่ึ มคี วามซบั ซอ้ น” 8. ครกู ำ� หนดใหน้ กั เรยี นกระแสนำ้� ทห่ี มนุ เวยี นเปน็ วงบรเิ วณมหาสมทุ รแปซฟิ กิ ตอนเหนอื (ในกรอบ สี่เหลี่ยมสีแดง) ดงั รูป 9.9 ในหนังสือเรียนหน้า 69 และกำ� หนดกระแสน�้ำ ก และ ข ดงั เช่นในรปู จากน้ันครูให้นักเรียนอภิปรายตามความคิดของตนเองว่าน้�ำในกระแสน้�ำ ก ข ค และ ง จะมี อณุ หภูมเิ หมือนหรอื แตกตา่ งจากน�้ำโดยรอบอย่างไร เพราะเหตใุ ห้จึงเปน็ เช่นนัน้ 90°N มหาสมุทรอารก ติก ข มหาสมุทร 60°N ก คมหาสมุทรแปซิฟก แอตแลนตกิ 30°N ง 0° มหาสมทุ รอนิ เดีย มหาสมุทรแปซฟิ ก มหาสมทุ ร 30°S แอตแลนติก มหาสมุทรใต 60°S 90°S 9. ครูใหน้ กั เรียนหาคำ� ตอบจากขอ้ 8 โดยศึกษาการหมนุ เวียนของนำ้� ผวิ หนา้ มหาสมทุ รทีพ่ ัดพาน�้ำ ทม่ี ีอณุ หภมู ิแตกตา่ งกันไปยังบริเวณตา่ ง ๆ ของโลก รวมท้ังรปู แบบการหมนุ เวียนของกระแสนำ�้ ผิวหน้ามหาสมุทร จากหนังสอื เรยี นหน้า 70 จากนั้นนำ� อภิปรายโดยใช้ตัวอยา่ งค�ำถามดังน้ี  นำ�้ ในกระแสนำ้� ก มีอณุ หภูมิเหมอื นหรือแตกตา่ งจากน�้ำโดยรอบอยา่ งไร เพราะเหตุใด สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

98 บทท่ี 9 | การหมนุ เวียนของน้�ำในมหาสมุทร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 แนวคำ� ตอบ นำ�้ ในกระแสน�้ำ ก มีอณุ หภูมสิ ูงกว่าน้�ำโดยรอบ เนอ่ื งจากกระแสนำ�้ ก พดั พา น�้ำในแถบศูนย์สูตรซ่ึงน้�ำมีอุณหภูมิสูงไปยังแถบละติจูดที่สูงข้ึนซ่ึงน�้ำมีอุณหภูมิต�่ำ ส่งผลให้ น�้ำในกระแสน�้ำ ก มอี ุณหภมู สิ งู กว่าน้ำ� โดยรอบ  เรยี กกระแสนำ้� ทม่ี กี ารไหลเชน่ เดียวกับกระแสน้ำ� ก ว่าอยา่ งไร แนวค�ำตอบ กระแสน้�ำอ่นุ  น�ำ้ ในกระแสนำ�้ ข มอี ณุ หภมู ิเหมอื นหรือแตกตา่ งจากน้�ำโดยรอบอย่างไร เพราะเหตุใด แนวค�ำตอบ นำ้� ในกระแสน้�ำ ข มอี ุณหภมู ใิ กล้เคยี งกับนำ�้ โดยรอบ เนือ่ งจากนำ้� ในกระแสน้ำ� ข และน้�ำโดยรอบอยู่ในแถบละติจูดเดยี วกนั ส่งผลใหม้ ีอุณหภมู ิใกเ้ คยี งกัน  น�้ำในกระแสน�้ำ ค มีอณุ หภูมิเหมือนหรือแตกต่างจากน�้ำโดยรอบอยา่ งไร เพราะเหตใุ ด แนวค�ำตอบ น�้ำในกระแสนำ�้ ค มีอณุ หภมู ติ ำ�่ กวา่ นำ�้ โดยรอบ เนอื่ งจากกระแสน้�ำ ค พัดพา น�้ำในแถบละติจูดสูงซึ่งน้�ำมีอุณหภูมิต่�ำไปยังแถบศูนย์สูตรซ่ึงน้�ำมีอุณหภูมิสูง ส่งผลให้น้�ำใน กระแสนำ้� ค มีอุณหภมู ติ �่ำกวา่ นำ�้ โดยรอบ  เรียกกระแสน้ำ� ทม่ี ีการไหลเชน่ เดียวกับกระแสน้�ำ ค ว่าอย่างไร แนวค�ำตอบ กระแสน�้ำเย็น  น้�ำในกระแสนำ้� ง มีอณุ หภมู ิเหมอื นหรือแตกต่างจากน�ำ้ โดยรอบอยา่ งไร เพราะเหตุใด แนวค�ำตอบ น้ำ� ในกระแสน้ำ� ง มอี ณุ หภมู ิใกล้เคยี งกบั นำ้� โดยรอบ เน่อื งจากนำ้� ในกระแสนำ�้ ง และนำ้� โดยรอบอย่ใู นแถบละติจดู เดยี วกัน ส่งผลใหม้ ีอณุ หภมู ใิ ก้เคยี งกัน 10. ครใู หน้ กั เรียนศกึ ษาเพม่ิ เติมเกย่ี วกับรูปแบบการไหลของนำ้� ผวิ หน้ามหาสมุทรโดยสงั เกตรูป 9.10 ในหนังสอื เรียนหนา้ 71 จากนั้นรว่ มกนั อภปิ รายโดยใช้ตวั อย่างค�ำถามดงั นี้  ลูกศรสีแดง สีน�้ำเงนิ และสีดำ� แทนกระแสนำ้� ใดบา้ ง แนวคำ� ตอบ ลูกศรสแี ดงแทนกระแสน�ำ้ อุ่น ลูกศรสนี ำ�้ เงินแทนกระแสน้�ำเยน็ และลกู ศร สดี �ำแทนกระแสน�้ำท่ัวไป  กระแสน�้ำอุ่นมีรปู แบบการไหลทีเ่ หมอื นกันอยา่ งไร แนวคำ� ตอบ กระแสน�้ำอุ่นมที ศิ ทางการไหลไปยงั ละติจดู ท่สี งู ขึ้นเสมอ  กระแสน้�ำเย็นมรี ปู แบบการไหลทเี่ หมือนกันอยา่ งไร แนวค�ำตอบ กระแสน้�ำเยน็ มีทศิ ทางการไหลไปยังละตจิ ูดทีต่ ำ่� ลงเสมอ  กระแสน้�ำทัว่ ไปมรี ูปแบบการไหลท่ีเหมือนกันอย่างไร แนวคำ� ตอบ กระแสน้�ำทัว่ ไปมีทศิ ทางการไหลขนานไปในแนวเดียวกบั เสน้ ละตจิ ดู เสมอ  มีกระแสนำ�้ ใดหรอื ไม่ ทีไ่ หลโดยไม่ชนกับขอบทวีป แนวคำ� ตอบ กระแสน�้ำรอบทวปี แอนตาร์กตกิ า สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 บทท่ี 9 | การหมนุ เวยี นของน้�ำในมหาสมทุ ร 99 11. ครใู หค้ วามรนู้ กั เรยี นเพมิ่ เตมิ วา่ “การหมนุ เวยี นของนำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รเปน็ การหมนุ เวยี นของนำ้� ในสัดส่วนท่ีน้อยเม่ือเทียบกับน้�ำทั้งหมดในมหาสมุทร โดยน้�ำส่วนใหญ่จะหมุนเวียนอยู่ ในระดบั ลกึ เรยี กวา่ การหมนุ เวยี นของนำ้� ลกึ ” จากนนั้ ครใู หน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายตามความคดิ ของตนเองวา่ “การหมนุ เวยี นของนำ�้ ลกึ เกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร” และใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 9.3 กิจกรรม 9.3 แบบจำ� ลองการหมนุ เวียนของน้�ำลึก จดุ ประสงค์กิจกรรม อธิบายการหมนุ เวยี นของนำ้� โดยใช้แบบจำ� ลอง เวลา 2 ชัว่ โมง วสั ดุ-อุปกรณ์ 2 กลอ่ ง 1. กลอ่ งพลาสตกิ ใส ขนาด กว้าง 8 เซนติเมตร 1 ขวด ยาว 20 เซนตเิ มตร สูง 12 เซนตเิ มตร 2 อนั 2. สผี สมอาหาร 4 ลติ ร 3. หลอดหยด 0.5 กโิ ลกรมั 4. น้�ำ 10 กรัม 5. นำ�้ แข็ง 1 ใบ 6. เกลอื 2 ใบ 7. บกี เกอร์ ขนาด 100 มลิ ลลิ ิตร 2 อนั 8. ขวดน�ำ้ พลาสตกิ ขนาด 600 มลิ ลิลิตร 9. แท่งแกว้ คนสาร การเตรยี มตวั ลว่ งหน้า 1. ครอู าจใหน้ ักเรียนเตรยี มขวดน้�ำพลาสติกและตัดปากขวดมาลว่ งหนา้ เพื่อความรวดเร็ว ในการทำ� กจิ กรรม 2. ครูอาจเตรยี มน�ำ้ สไี วใ้ หน้ ักเรยี นในชน้ั เรยี น เพ่อื ความรวดเร็วในการท�ำกิจกรรม ข้อเสนอแนะส�ำหรับครู 1. ครคู วรทำ� กจิ กรรมด้วยตนเองก่อนน�ำไปสอนในช้นั เรยี น 2. ครอู าจใชส้ ผี สมอาหารแบบผงหรอื แบบนำ้� กไ็ ด้ แตค่ วรผสมใหส้ ผี สมอาหารมคี วามเขน้ ขน้ เหมาะสม ซง่ึ เมอ่ื หยดนำ้� สผี สมลงในแบบจำ� ลอง นำ�้ สจี ะไมจ่ มลงดา้ นลา่ งและมคี วามเขม้ มากพอทีจ่ ะสงั เกตเห็นการเคลือ่ นท่ี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

100 บทที่ 9 | การหมนุ เวยี นของน�้ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 3. ครูอาจใหน้ กั เรยี นน�ำกระดาษขาวมาวางเป็นฉากหลังเพือ่ ชว่ ยให้สงั เกตการเคลื่อนท่ีของ นำ้� สใี นแบบจ�ำลองไดช้ ดั เจนขน้ึ 4. ครคู วรเนน้ ยำ�้ ใหน้ กั เรยี นหยดสที บี่ รเิ วณผวิ นำ้� ใกล้ ๆ ขวด เนอ่ื งจากถา้ หยดทผี่ วิ นำ�้ ซงึ่ ไกล จากขวด จะทำ� ใหส้ งั เกตเหน็ วา่ นำ้� ผวิ หนา้ ในแบบจำ� ลองเคลอื่ นทเี่ ขา้ หาขวดและจมตวั ลง ซ่งึ อาจทำ� ใหน้ ักเรยี นสับสนกับการเกดิ กระแสน้�ำผวิ หน้ามหาสมทุ รในกจิ กรรม 9.2 วธิ ที ำ� กิจกรรม 1. เตรียมนำ้� สีโดยเตมิ น�ำ้ 100 มลิ ลติ ร ลงในบกี เกอร์ จากนน้ั หยดสผี สม อาหาร 10 หยด คนใหเ้ ข้ากนั 2. เติมน้�ำลงในกล่องพลาสติกใสท้ังสองใบ โดยให้ระดับน�้ำต่�ำกว่าขอบ ด้านบนของกล่องประมาณ 2.5 เซนติเมตร จากน้ันเติมเกลือ 5 กรัม คนใหเ้ ขา้ กัน 3. นำ� ขวดน�้ำพลาสติกทั้งสองใบมาตัดส่วนบนออก ดังรปู 4. ขวดใบแรกใสน่ ำ้� จนเกอื บเตม็ ขวดอกี ใบใสน่ ำ้� แขง็ งจนเตม็ จากนนั้ เตมิ นำ้� จนกระทั่งระดบั น้�ำเกือบถงึ ขอบดา้ นบน 5. น�ำขวดในขอ้ 4 ค่อย ๆ วางลงในกลอ่ งพลาสติกใสใบที่ 1 และใบท่ี 2 ดงั รปู โดยพยายาม ให้น�้ำในกล่องพลาสตกิ ใสนง่ิ มากท่สี ดุ แบบจ�ำลองที่ 1 แบบจ�ำลองท่ี 2 6. ก�ำหนดให้อปุ กรณช์ ดุ แรกเปน็ แบบจำ� ลองท่ี 1 และอปุ กรณอ์ กี ชุดเป็นแบบจ�ำลองท่ี 2 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 บทท่ี 9 | การหมนุ เวียนของน้�ำในมหาสมุทร 101 7. ใชห้ ลอดหยดดดู นำ้� สี แลว้ นำ� ไปหยดลงใกลข้ วดในแบบ จำ� ลองทงั้ 2 ชดุ โดยใหห้ ลอดหยดจมุ่ อยใู่ ตผ้ วิ นำ�้ และเอยี ง ทำ� มมุ กบั ผวิ นำ้� ดงั รปู สงั เกตการเคลอ่ื นทข่ี องนำ�้ สใี นแบบ จำ� ลองทง้ั 2 ชดุ เปน็ เวลาประมาณ 3 นาที บนั ทกึ ผล 8. นำ� เสนอผลการท�ำกจิ กรรม จากน้ันอภิปรายรว่ มกันในชัน้ เรียน ตัวอย่างผลการทำ� กจิ กรรม การเคล่อื นทข่ี องนำ�้ สี แบบจำ� ลองท่ี 1 แบบจ�ำลองท่ี 2 สรปุ ผลการทำ� กจิ กรรม ในแบบจ�ำลองท่ี 1 น�้ำสีลอยอยู่บริเวณผิวน�้ำและค่อย ๆ แผ่ออก ส่วนในแบบจ�ำลองท่ี 2 น�้ำสีส่วนหน่ึงลอยอยู่ที่ผิวน้�ำและค่อย ๆ แผ่ออก ในขณะที่น�้ำสีอีกส่วนหน่ึงจมตัวด้านล่างและ ไหลไปตามพ้ืนกล่องพลาสติก ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากในแบบจ�ำลองท่ี 2 น�้ำที่อยู่โดยรอบขวด พลาสติกมีอุณหภูมิต�่ำลงท�ำให้มีความหนาแน่นเพ่ิมขึ้นจึงจมตัวลงด้านล่างและไหลไปตามพื้น กลอ่ งพลาสตกิ สว่ นในแบบจำ� ลองที่ 1 นำ�้ สมี คี วามหนาแนน่ ไมแ่ ตกตา่ งจากนำ�้ ในกลอ่ งพลาสตกิ ใสมากนักจงึ ไมจ่ มตวั ลงดา้ นลา่ ง คำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม 1. นำ้� สีในแบบจำ� ลองท่ี 1 และ 2 มกี ารเคล่อื นทีเ่ หมอื นหรอื ตา่ งกันหรือไม่ อย่างไร แนวค�ำตอบ ในแบบจ�ำลองที่ 1 น้�ำสีลอยอยู่บริเวณผิวน้�ำและค่อย ๆ แผ่ออก ส่วนใน แบบจ�ำลองที่ 2 น้�ำสีส่วนหน่ึงลอยอยู่ที่ผิวน้�ำและค่อย ๆ แผ่ออก ในขณะท่ีน้�ำสีอีก ส่วนหนึง่ จมตวั ดา้ นล่างและไหลไปตามพ้นื กล่องพลาสติก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

102 บทท่ี 9 | การหมุนเวยี นของน้�ำในมหาสมุทร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 2. ในแบบจำ� ลองท่ี 1 และ 2 มีปจั จัยใดท่แี ตกต่างกัน และปจั จยั ดงั กลา่ วสง่ ผลตอ่ ลกั ษณะ การเคล่อื นที่ของนำ�้ สี อย่างไร แนวคำ� ตอบ ขวดพลาสตกิ ในแบบจำ� ลองที่ 1 บรรจนุ ำ�้ ทมี่ อี ณุ หภมู เิ ทา่ กบั นำ้� ทอ่ี ยใู่ นกลอ่ ง พลาสติกใส แต่ขวดพลาสติกในแบบจ�ำลองท่ี 2 บรรจุน้�ำที่มีอุณหภูมิต่�ำกว่าน้�ำท่ีอยู่ใน กลอ่ งพลาสตกิ ใส ส่งผลใหน้ ำ้� ท่อี ยู่โดยรอบขวดในแบบจ�ำลองที่ 2 มอี ณุ หภูมิต�่ำลง จงึ มี ความหนาแนน่ เพ่มิ ขนึ้ และจมตวั ลงดา้ นลา่ ง 12. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำ� เสนอผลการทำ� กจิ กรรม และรว่ มกนั อภปิ รายผลการทำ� กจิ กรรมพรอ้ ม ตอบคำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม โดยมแี นวทางการอภปิ รายและแนวทางการตอบคำ� ถามดงั แสดงดา้ นบน 13. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาการเกดิ กระแสนำ�้ ลกึ จากหนงั สอื เรยี นหนา้ 74 จากนนั้ นำ� อภปิ รายเพอ่ื เชอ่ื มโยง ความร้จู ากกิจกรรม 9.3 โดยมแี นวทางในการอภิปรายดังนี้ แนวทางการอภิปราย น�้ำในมหาสมุทรมีการไหลคล้ายกับในแบบจ�ำลองที่ 2 โดยน�้ำผิวหน้ามหาสมุทรท่ีไหลไปยัง แถบขั้วโลกจะได้รับรังสีดวงอาทิตย์น้อยลงและลมที่พัดเหนือผิวน�้ำท�ำให้น�้ำสูญเสียความร้อนให้กับ บรรยากาศ อณุ หภมู ขิ องนำ�้ จงึ ตำ�่ ลง ประกอบกบั กระแสลมทพี่ ดั อยา่ งรนุ แรงเหนอื มหาสมทุ รในแถบ ขวั้ โลกทำ� ใหน้ ำ�้ บางสว่ นเกดิ การระเหยและยงั ทำ� ใหน้ ำ้� บางสว่ นกลายเปน็ นำ้� แขง็ โดยทเ่ี กลอื ไมถ่ กู กกั รวมอยู่ในน้�ำแข็งส่งผลให้ความเค็มของน�้ำเพ่ิมข้ึน เม่ืออุณหภูมิของน�้ำต�่ำลงและความเค็มเพ่ิมขึ้น ท�ำให้ความหนาแน่นของน้�ำเพ่ิมขึ้น น้�ำจึงจมตัวลงด้านล่างและไหลไปตามพื้นมหาสมุทรเกิดเป็น กระแสนำ้� ลกึ 14. ครูใหน้ กั เรียนสงั เกตรูป 9.11 ภาพจ�ำลองการหมนุ เวียนเชื่อมตอ่ กนั ระหวา่ งกระแสน�ำ้ ลึกและ กระแสนำ�้ ผิวหนา้ มหาสมทุ ร จากน้นั อภิปรายร่วมกนั โดยใช้ตัวอยา่ งค�ำถามดังต่อไปนี้  แถบสสี ม้ และแถบสเี ขียวแทนส่งิ ใดบ้าง แนวคำ� ตอบ แถบสสี ม้ แทนกระแสนำ้� ผิวหน้ามหาสมทุ ร และแถบสเี ขียวแทนกระแสน�้ำลึก  กระแสนำ�้ ผิวหนา้ มหาสมุทรและกระแสน้ำ� ลึกมคี วามสัมพันธ์กนั หรอื ไม่ อย่างไร แนวค�ำตอบ กระแสน�้ำผวิ หน้ามหาสมทุ รและกระแสน�้ำลกึ มกี ารไหลเวยี นท่ีสัมพันธ์ โดย กระแสนำ้� ผวิ หน้ามหาสมทุ รมกี ารจมตัวลงดา้ นลา่ งเกดิ เป็นกระแสนำ้� ลึก และกระแสน้�ำลกึ มีการยกตัวข้นึ สู่ผิวนำ้� เกิดเป็นกระแสน�้ำผวิ หนา้ มหาสมุทร  บรเิ วณใดบา้ งท่ีเกิดการจมตวั ของนำ้� ผิวหน้ามหาสมุทรเกดิ เปน็ กระแสน้�ำลกึ แนวคำ� ตอบ บริเวณทะเลลาบราดอร์ ทะเลกรนี แลนด์ ทะเลรอส และทะเลเวดเดลล์  กระแสนำ้� ลกึ ยกตัวข้ึนสผู่ ิวนำ�้ บรเิ วณใดบ้าง แนวค�ำตอบ บรเิ วณมหาสมุทรอนิ เดยี และตอนเหนอื ของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 บทท่ี 9 | การหมุนเวียนของน้�ำในมหาสมุทร 103 15. ครตู รวจสอบความเข้าใจนกั เรียนเกี่ยวกับกระแสน�ำ้ ลึก โดยใช้ค�ำถามในหนงั สือเรียนหนา้ 70  เพราะเหตใุ ด น้�ำผวิ หนา้ มหาสมทุ รทีไ่ หลไปยังแถบข้ัวโลกจงึ มคี วามหนาแน่นเพิม่ มากข้ึน แนวค�ำตอบ เนื่องจากในแถบขั้วโลก น�้ำผิวหน้ามหาสมุทรได้รับรังสีดวงอาทิตย์น้อยลง ประกอบกับลมท่ีเหนือผิวน้�ำท�ำให้น�้ำสูญเสียความร้อนให้กับบรรยากาศ ส่งผลให้อุณหภูมิ ของน้�ำลดต�่ำลง นอกจากนี้กระแสลมท่พี ัดอย่างรุนแรงเหนอื มหาสมุทรในแถบขวั้ โลกทำ� ให้ นำ�้ บางสว่ นเกดิ การระเหยและยงั ทำ� ใหน้ ำ้� บางสว่ นกลายเปน็ นำ้� แขง็ โดยทเ่ี กลอื ไมถ่ กู กกั รวม อยู่ในน้�ำแข็งส่งผลให้ความเค็มของน้�ำเพิ่มขึ้น เมื่ออุณหภูมิของน้�ำต�่ำลงและความเค็ม เพมิ่ ข้นึ ทำ� ใหค้ วามหนาแน่นของนำ�้ เพ่ิมขึ้น 16. ครูให้ความรู้นักเรียนเพิ่มเติมว่า “การหมุนเวียนของน้�ำในมหาสมุทรช่วยให้เกิดการถ่ายโอน ความรอ้ นจากบรเิ วณศนู ยส์ ตู รไปยงั บรเิ วณขวั้ โลก ซง่ึ หากไมม่ กี ารหมนุ เวยี นของนำ�้ ในมหาสมทุ ร อณุ หภมู อิ ากาศบรเิ วณขว้ั โลกจะตำ�่ กวา่ ทเ่ี ปน็ อยใู่ นปจั จบุ นั นอกจากนกี้ ารหมนุ เวยี นของนำ้� ใน มหาสมุทรยังช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของสารอาหารและแก๊สที่ละลายอยู่ในน�้ำไปยังบริเวณ ตา่ ง ๆ ของมหาสมทุ รอกี ดว้ ย ซงึ่ การหมนุ เวยี นทกี่ ลา่ วมาขา้ งตน้ เกดิ ขน้ึ ครอบคลมุ พน้ื ทบ่ี รเิ วณ กวา้ ง อยา่ งไรกต็ าม ทบี่ รเิ วณขอบของมหาสมทุ รอาจพบการยกตวั ของในระดบั ลกึ ขน้ึ สผู่ วิ หนา้ หรอื การจมตวั ของนำ้� ผวิ หนา้ ลงสดู่ า้ น” จากนน้ั ครใู หน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายตามความคดิ ของ ตนเองวา่ “การยกตัวหรือจมตวั ของนำ�้ บริเวณขอบของมหาสมุทรเกดิ ข้ึนได้อยา่ งไร” จากนั้น ให้นกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรม 9.4 กิจกรรม 9.4 นำ้� เกิดการยกตัวหรือจมตัวได้อย่างไร จดุ ประสงค์กิจกรรม อธบิ ายการยกตัวและจมตวั ของนำ้� โดยใช้แบบจำ� ลอง เวลา 2 ชัว่ โมง วสั ดุ-อุปกรณ์ 1. กล่องพลาสติกใส ขนาด กว้าง 8 เซนติเมตร 1 กล่อง ยาว 20 เซนตเิ มตร สูง 12 เซนติเมตร 2. สผี สมอาหาร 1 ขวด 3. หลอดหยด 1 อนั 4. น้ำ� 2 ลติ ร 5. หลอดแบบงอได ้ 1 หลอด สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

104 บทท่ี 9 | การหมุนเวยี นของน้�ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 ขอ้ เสนอแนะส�ำหรับครู 1. ครูควรทำ� กจิ กรรมดว้ ยตนเองกอ่ นน�ำไปสอนในชน้ั เรยี น 2. ครอู าจใหน้ กั เรยี นเตรยี มไดรเ์ ปา่ ผมหรอื พดั ลมขนาดเลก็ มาใชแ้ ทนการเปา่ ลมโดยใชห้ ลอด 3. ครอู าจใช้สีผสมอาหารแบบนำ้� หรือแบบผงก็ได้ วธิ ีทำ� กิจกรรม 1. ใสน่ ำ้� ลงในกลอ่ งพลาสติกใสจนเกือบเต็ม 2. ใช้หลอดหยดดดู สผี สมอาหาร จุ่มปลายหลอดหยดลงไปท่พี น้ื กล่องพลาสติกใส จากน้นั บีบจุกยางเพอ่ื ใหส้ ผี สมอาหารจมอยู่ที่พืน้ กล่องพลาสตกิ ใส ดังรปู 3. วางหลอดดูดน้ำ� โดยให้หลอดเกือบขนานกบั ผวิ นำ�้ ดงั รูป จากน้นั เป่าลมอยา่ งตอ่ เน่ือง สังเกตการเปล่ยี นแปลงที่เกดิ ขน้ึ บนั ทึกผลการทำ� กิจกรรม 4. นำ� เสนอผลการทำ� กจิ กรรม จากนน้ั อภปิ รายรว่ มกันในชน้ั เรียน สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 บทที่ 9 | การหมุนเวียนของน้�ำในมหาสมุทร 105 ตัวอย่างผลการทำ� กิจกรรม สรุปผลการท�ำกิจกรรม เมอื่ เป่าลมนำ�้ สีจะยกตัวขึ้นด้านบน เม่อื น้�ำสียกตวั ขนึ้ ถงึ ผิวนำ�้ นำ�้ สจี ะเคลอ่ื นทแี่ ยกออกจาก กนั โดยนำ้� สบี างสว่ นจะเคลอ่ื นทเี่ ขา้ หาขอบกลอ่ งดา้ นทเี่ ปา่ ลม ในขณะทนี่ ำ�้ สสี ว่ นใหญจ่ ะเคลอื่ นท่ี ไปตามทศิ ทางลมและชนกบั ขอบกลอ่ งดา้ นตรงขา้ มกบั ทเ่ี ปา่ ลม จากนนั้ นำ�้ สจี ะจมตวั ลงดา้ นลา่ ง ค�ำถามทา้ ยกิจกรรม น�้ำมีการเคลือ่ นท่อี ย่างไร แนวค�ำตอบ น้�ำสีบริเวณพน้ื กล่องยกตวั ขึ้นด้านบนจนผิวนำ�้ จากนนั้ นำ้� สเี คลื่อนท่แี ยกออก จากกนั โดยน้�ำสบี างสว่ นจะเคลอ่ื นทเี่ ข้าหาขอบกลอ่ งด้านที่เปา่ ลม ในขณะท่นี ำ้� สสี ว่ นใหญ่ จะเคลื่อนท่ีไปตามทิศทางลมและชนกับขอบกล่องด้านตรงข้ามกับที่เป่าลม จากน้ันจึง จมตัวลงด้านลา่ ง 17. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำ� เสนอผลการทำ� กจิ กรรม และรว่ มกนั อภปิ รายผลการทำ� กจิ กรรมพรอ้ ม ตอบคำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม โดยมแี นวทางการอภปิ รายและแนวทางการตอบคำ� ถามดงั แสดงดา้ นบน 18. ครนู ำ� อภปิ รายเพอื่ เชอื่ มโยงความรจู้ ากการทำ� กจิ กรรมกบั การเกดิ นำ�้ ผดุ และนำ้� จมในธรรมชาติ โดยใหน้ กั เรียนสังเกตรปู 9.12 ในหนังสือเรยี นหนา้ 77 จากน้ันครนู ำ� อภิปรายโดยใชต้ วั อยา่ ง คำ� ถามดังนี้  ลูกศรสดี ำ� และลูกศรสีน้�ำเงนิ แทนสงิ่ ใด แนวคำ� ตอบ ลูกศรสีด�ำ แทน ลม และลกู ศรสนี ้�ำเงิน แทน การไหลของนำ�้  รปู (ก) และรปู (ข) แสดงการไหลของน�้ำบนซกี โลกใด แนวค�ำตอบ รูป (ก) แสดงการไหลของน�้ำบนซีกโลกเหนือ และรูป (ข) แสดงการไหล ของน�้ำบนซีกโลกใต้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

106 บทที่ 9 | การหมุนเวียนของน้�ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 ค�ำถามอภิปรายในรปู 10.12 (ก)  นำ้� ทอ่ี ยูช่ ้นั บนสุดมีทิศทางการไหลเปน็ อยา่ งไร เพราะเหตุใดจึงเป็นเชน่ นน้ั แนวค�ำตอบ น้�ำไหลเบ่ียงออกไปทางขวาของทิศทางลม เน่ืองจากแรงคอริออลิสบน ซีกโลกเหนือทำ� ใหท้ ิศทางการไหลของนำ�้ เบี่ยงออกไปทางขวา  นำ�้ ชั้นทอี่ ยถู่ ัดลงมาเกิดการไหลได้อย่างไร แนวค�ำตอบ นำ้� ช้นั ท่อี ยถู่ ดั ลงมาถูกน�้ำชั้นบนเหนย่ี วนำ� ให้เกดิ การไหล  อตั ราเรว็ และทศิ ทางในการไหลของนำ�้ ในชน้ั ทอ่ี ยถู่ ดั ลงมาเปน็ อยา่ งไร เมอื่ เทยี บกบั นำ้� ชน้ั ที่ อย่ดู า้ นบน แนวค�ำตอบ น�้ำช้ันท่ีอยู่ถัดลงมามีอัตราเร็วน้อยกว่าน้�ำช้ันบน และมีทิศทางเบี่ยงออกไป ทางขวาเมื่อเทยี บกับทิศทางการไหลของนำ�้ ช้ันทอี่ ยดู่ า้ นบน  นำ�้ มีทศิ ทางการไหลสุทธไิ ปทางใดเมอ่ื เทยี บกบั ทศิ ทางลม แนวค�ำตอบ ทิศทางสุทธขิ องนำ้� จะไหลไปทางขวาของทศิ ทางลม คำ� ถามอภิปรายในรปู 10.12 (ข)  นำ�้ ทอี่ ย่ชู ้นั บนสุดมีทิศทางการไหลเป็นอยา่ งไร เพราะเหตใุ ดจงึ เป็นเชน่ นนั้ แนวคำ� ตอบ นำ้� ไหลเบย่ี งออกไปทางซา้ ยของทศิ ทางลม เนอื่ งจากแรงคอรอิ อลสิ บนซกี โลก ใต้ทำ� ใหท้ ศิ ทางการไหลของนำ้� เบี่ยงออกไปทางซา้ ย  นำ�้ ชนั้ ทอ่ี ย่ถู ัดลงมาเกดิ การไหลไดอ้ ย่างไร แนวคำ� ตอบ นำ�้ ชน้ั ทอี่ ยู่ถดั ลงมาถกู น�ำ้ ชน้ั บนเหนย่ี วนำ� ให้เกิดการไหล  อตั ราเรว็ และทศิ ทางในการไหลของนำ�้ ในชน้ั ทอ่ี ยถู่ ดั ลงมาเปน็ อยา่ งไร เมอ่ื เทยี บกบั นำ้� ชน้ั ที่ อยู่ดา้ นบน แนวค�ำตอบ น�้ำชั้นที่อยู่ถัดลงมามีอัตราเร็วน้อยกว่าน�้ำชั้นบน และมีทิศทางเบ่ียงออกไป ทางซ้ายเมื่อเทยี บกับทศิ ทางการไหลของน�ำ้ ช้นั ทอี่ ยู่ด้านบน  นำ�้ มีทศิ ทางการไหลสทุ ธไิ ปทางใดเมื่อเทียบกับทิศทางลม แนวคำ� ตอบ ทศิ ทางสุทธขิ องนำ�้ จะไหลไปทางซ้ายของทิศทางลม 19. ครใู หน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายตามความคดิ ของตนเองวา่ บนซกี โลกเหนอื หากมลี มพดั ในทศิ ทาง ขนานกบั ชายฝั่ง จะส่งผลตอ่ การยกตวั หรอื จมตัวของนำ้� บรเิ วณน้ันหรอื ไม่ อย่างไร 20. ครูให้นักเรียนหาค�ำตอบโดยศึกษาข้อมูลเก่ียวกับการเกิดน�้ำผุดน้�ำจมในหนังสือเรียนหน้า 77 และรูป 9.13 ในหนังสือเรียนหน้า 78 จากนั้นร่วมกันอภิปรายโดยใช้รูป 9.13 และตัวอย่าง ค�ำถามดงั ตอ่ ไปนี้  การหมุนเวยี นของน�ำ้ ดงั รูป 9.13 เกิดขึน้ บนซกี โลกใด ทราบได้อย่างไร แนวค�ำตอบ ซีกโลกเหนือ ทราบได้จากทิศทางการไหลของน�้ำบริเวณผิวหน้ามหาสมุทร ไหลไปทางขวาของทิศทางลมท้ังในรูป (ก) และ (ข) สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 บทที่ 9 | การหมุนเวียนของน้�ำในมหาสมทุ ร 107  ลูกศรสชี มพแู ละลกู ศรสีฟ้าแทนสิ่งใดบา้ ง แนวคำ� ตอบ ลกู ศรสชี มพแู ทนทศิ ทางลม และลกู ศรสฟี า้ แทนทศิ ทางการไหลของนำ�้  หากลมพัดขนานไปกับชายฝั่งดังรูป (ก) จะส่งผลต่อการหมุนเวียนของน้�ำในบริเวณน้ัน อยา่ งไร แนวค�ำตอบ น�้ำผิวหน้ามหาสมุทรไหลออกจากชายฝั่งท�ำให้น้�ำท่ีอยู่ด้านล่างยกตัวขึ้นมา แทนท่ี  การหมุนเวียนของนำ�้ ในรูป (ก) มีช่อื เรยี กวา่ อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ น้�ำผุด  หากลมพัดขนานไปกับชายฝั่งดังรูป (ข) จะส่งผลต่อการหมุนเวียนของน้�ำในบริเวณน้ัน อย่างไร แนวคำ� ตอบ นำ้� ผิวหน้ามหาสมทุ รไหลเขา้ หาชายฝัง่ ท�ำใหจ้ มตัวลงดา้ นลา่ ง  การหมนุ เวียนของน�ำ้ ในรปู (ข) มีชอ่ื เรียกวา่ อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ นำ้� จม  หากก�ำหนดให้ต�ำแหน่งของชายฝั่งและทิศทางของลมยังคงเหมือนเดิม แต่เปล่ียนจาก ซีกโลกเหนือเป็นซีกโลกใต้ การหมุนเวียนของน้�ำในรูป (ก) และ (ข) จะเป็นอย่างไร เพราะเหตุใดจึงเปน็ เช่นนัน้ แนวคำ� ตอบ ในรปู (ก) นำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รไหลเขา้ หาชายฝง่ั และจมตวั ลงดา้ นลา่ ง สว่ นใน รปู (ข) นำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รไหลออกจากชายฝง่ั สง่ ผลใหน้ ำ�้ ทอ่ี ยดู่ า้ นลา่ งยกตวั ขนึ้ เนอ่ื งจาก บนซีกโลกใตก้ ระแสนำ้� ไหลไปทางซา้ ยของทิศทางลม 21. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั ความสำ� คญั ของการเกดิ นำ้� ผดุ และนำ�้ จม จากหนงั สอื เรียนหน้า 78 - 79 จากนน้ั น�ำอภปิ รายโดยใช้คำ� ถามดังน้ี  การเกิดนำ�้ ผุดสง่ ผลตอ่ นำ�้ ผิวหน้ามหาสมทุ รบรเิ วณน้ันอยา่ งไร แนวคำ� ตอบ การเกดิ นำ้� ผดุ ทำ� ใหน้ ำ้� ทอ่ี ยดู่ า้ นลา่ งซงึ่ มแี กส๊ คารบ์ อนไดออกไซดแ์ ละสารอาหาร ปริมาณมากยกตัวขึ้นด้านบน ส่งผลให้แพลงก์ตอนพืชเพ่ิมจ�ำนวนอย่างรวดเร็วและเป็น อาหารให้กับส่ิงมีชีวิตอ่ืน ๆ จึงเกิดความอุดมสมบูรณ์และมีสัตว์น�้ำชุกชุมจนเป็นแหล่งท�ำ การประมงที่สำ� คัญ หมายเหตุ ครอู าจอธบิ ายนกั เรยี นเพมิ่ เตมิ วา่ “นำ้� ทอ่ี ยดู่ า้ นลา่ งมแี กส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ และสารอาหาร มากเนอ่ื งจากจลุ นิ ทรยี ใ์ นนำ�้ ชน้ั ลา่ งใชแ้ กส๊ ออกซเิ จนยอ่ ยสลายอนิ ทรยี ว์ ตั ถใุ หก้ ลายเปน็ สารอาหารพรอ้ มกบั ปลอ่ ยแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดอ์ อกมา”  บรเิ วณใดบ้างท่เี กิดความอุดมสมบรู ณ์เนอื่ งจากนำ�้ ผดุ แนวค�ำตอบ บริเวณชายฝงั่ ประเทศเปรู  ในรูป 9.17 แสดงพนื้ ท่บี ริเวณใดบนโลก แนวค�ำตอบ ชายฝ่งั ด้านตะวันตกของทวีปอเมริกาบรเิ วณประเทศเปรู สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

108 บทที่ 9 | การหมุนเวียนของน้�ำในมหาสมุทร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3  แถบสีในรูปแทนสง่ิ ใด แนวคำ� ตอบ ความเข้มขน้ ของคลอโรฟิลล์บนผวิ นำ้�  บริเวณใดคลอโรฟลิ ล์บนผิวนำ�้ มคี วามเขม้ ข้นมาก แนวค�ำตอบ บรเิ วณชายฝ่งั ประเทศเปรู  บริเวณชายฝงั่ ประเทศเปรูลมควรพดั ในทิศทางใด แนวค�ำตอบ พัดขนานกับชายฝ่ังในทิศตะวนั ออกเฉียงใต้  การเกิดนำ้� จมมคี วามสำ� คญั อยา่ งไร แนวค�ำตอบ การเกิดน้�ำจมเป็นการเติมออกซิเจนให้กับน้�ำท่ีอยู่ด้านล่างซึ่งช่วยสิ่งมีชีวิตท่ี อาศยั อยใู่ นทะเลลกึ สามารถดำ� รงชีวติ อยไู่ ด้  เพราะเหตใุ ดนำ�้ ผวิ หน้ามหาสมุทรจงึ มีออกซิเจนละลายอยู่มาก แนวคำ� ตอบ นำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รมอี อกซเิ จนละลายอยมู่ ากเพราะไดร้ บั ออกซเิ จนจากการ สังเคราะห์ด้วยแสงของแพลงก์ตอนพืชและการเติมออกซิเจนจากอากาศลงสู่น�้ำโดยคล่ืน และลม  เพราะเหตุใดนำ้� ท่อี ยู่ด้านล่างจงึ มีออกซเิ จนละลายอยนู่ อ้ ย แนวค�ำตอบ น้�ำที่อยู่ด้านล่างมีออกซิเจนละลายอยู่น้อยเพราะถูกสิ่งมีชีวิตน�ำไปใช้ในการ หายใจและย่อยสลายสารอินทรีย์ ประกอบกับไม่มีกระบวนท่ีช่วยเติมออกซิเจนกลับเข้าสู่ มวลนำ�้ 22. ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมว่า “แพลงก์ตอน เป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้�ำและไม่สามารถเคล่ือนที่ ต้านทานกระแสน้�ำได้ท�ำให้ตัวมันล่องลอยไปกับกระแสน้�ำ สิ่งมีชีวิตหลายชนิดในมหาสมุทร ถกู จดั วา่ เปน็ แพลงกต์ อน เชน่ แมงกะพรนุ แบคทเี รยี เคย ไรทะเล ตวั ออ่ นของปลา แพลงกต์ อน บางชนิดมีคลอโรฟิลล์อยู่ในเซลล์ท�ำให้สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้จึงเรียกแพลงก์ตอน ชนิดนวี้ ่า แพลงกต์ อนพืช” 23. ครตู รวจสอบความเข้าใจนกั เรียนเก่ียวกับปจั จัยทีส่ ่งผลให้นำ�้ ผวิ หน้ามหาสมุทรแตล่ ะบริเวณมี อุณหภมู ิแตกต่างกัน โดยใช้ค�ำถามในหนงั สือเรยี นหน้า 79  นำ้� ผดุ และนำ�้ จมเกดิ ขนึ้ ไดท้ ุกบรเิ วณของมหาสมุทรหรอื ไม่ เพราะเหตุใด แนวค�ำตอบ น�้ำผุดและน้�ำจมไม่สามารถเกิดขึน้ ไดท้ กุ บรเิ วณของมหาสมุทร เน่ืองจากการ เกดิ นำ�้ ผุดและนำ้� จมจ�ำเป็นต้องมีลมพัดในทิศทางขนานกบั ชายฝ่ัง 24. ครูใหน้ ักเรียนรว่ มกันอภิปรายตามความคดิ ของตนเองวา่ “การหมนุ เวยี นของนำ้� ในมหาสมทุ ร ในลักษณะอ่ืน ๆ เช่น การหมุนเวียนของน�้ำผิวหน้ามหาสมุทร จะส่งผลต่อส่ิงมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อมหรือไม่ อย่างไร” เพื่อน�ำเข้าสู่หัวข้อ 9.3 การหมุนเวียนน้�ำในมหาสมุทรกับ ลมฟา้ อากาศ และภูมอิ ากาศ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 บทที่ 9 | การหมนุ เวียนของน้�ำในมหาสมทุ ร 109 แนวทางการวดั และประเมนิ ผล แนวทางการวดั และประเมินผล KPA 1. การตอบคำ� ถามตรวจสอบความเข้าใจ 2. การตอบคำ� ถาม และการนำ� เสนอผลการอภปิ ราย K: 3. แบบฝึกหัด 1. การหมนุ เวยี นของน้�ำผิวหนา้ มหาสมทุ ร 2. การหมุนเวียนของน�้ำลกึ 3. น้�ำผุด และน�ำ้ จม P: 1. ผลการสังเกตการเคลื่อนท่ีของเศษพลาสติกใน 1. การสังเกต กิจกรรม 9.2 การเคลื่อนท่ีของน้�ำสีในกิจกรรม 2. การสรา้ งแบบจ�ำลอง 9.3 และ 9.4 3. การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ 2. การอธิบายการหมุนเวียนของน้�ำผิวหน้า 4. ความร่วมมือ การท�ำงานเป็นทีมและ มหาสมุทร การหมนุ เวียนของนำ�้ ลกึ นำ้� ผุด และ ภาวะผูน้ �ำ น้�ำจมในธรรมชาติ โดยใช้ข้อมูลที่ได้จากแบบ จำ� ลอง 3. การอธบิ ายการหมนุ เวยี นของนำ�้ จากแบบจำ� ลอง ในกิจกรรม 9.2 9.3 และ 9.4 โดยใช้เหตุผลและ หลกั ฐานสนบั สนุน 4. มสี ว่ นรว่ มในการคดิ ออกความเหน็ และตดั สนิ ใจ ร่วมกับผู้อ่ืน รวมทั้งมีการแบ่งหน้าที่และ ความรับผดิ ชอบในการทำ� งานกล่มุ A: 1. การใช้เหตุผลและหลักฐานเพื่ออธิบาย 1. ความเชื่อมน่ั ต่อหลกั ฐาน ก า ร ห มุ น เ วี ย น ข อ ง น้� ำ ผิ ว ห น ้ า ม ห า ส มุ ท ร 2. การยอมรับความเห็นตา่ ง การหมุนเวียนของนำ้� ลึก นำ้� ผดุ และน้�ำจม 3. ความซื่อสตั ย์ 2. การรบั ฟงั ความเหน็ ของผอู้ น่ื ในการรว่ มอภปิ ราย 3. เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากแบบจำ� ลอง ในกจิ กรม 9.2 9.3 และ 9.4 โดยไมด่ ัดแปลงขอ้ มูล สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

110 บทท่ี 9 | การหมนุ เวยี นของน้�ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 9.3 การหมนุ เวยี นน�้ำในมหาสมุทรกบั ลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. วิเคราะห์ขอ้ มูลและอธบิ ายผลจากการหมนุ เวียนของนำ�้ ผวิ หน้ามหาสมุทร 2. อธบิ ายการเกดิ ปรากฏการณเ์ อลนโี ญและลานีญา และผลตอ่ ส่งิ มชี ีวติ และส่งิ แวดล้อม ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียนโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 2. เว็บไซต์กรมอตุ นุ ยิ มวิทยา - เอลนีโญ https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=17 - ลานีญา https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=18 3. วดี ทิ ศั นเ์ กย่ี วกบั เอลนโี ญและลานญี า https://www.youtube.com/watch?v=WPA-KpldDVc แนวการจดั การเรียนรู้ 1. ครใู ห้นักเรียนสังเกตรูป 9.10 ในหนังสือเรยี นหน้า 71 จากน้นั ทบทวนความรู้เกี่ยวกับกระแสน�้ำ ผิวหน้ามหาสมุทรโดยใช้ตัวอย่างคำ� ถามดังน้ี  บรเิ วณใดของโลกทม่ี คี วามร้อนมาก และบริเวณใดของโลกที่มคี วามรอ้ นนอ้ ย แนวค�ำตอบ บริเวณศูนย์สูตรมีความร้อนมาก บริเวณละติจูดสูง ๆ ไปจนถึงแถบข้ัวโลกมี ความร้อนนอ้ ย  เพราะเหตใุ ดกระแสนำ้� ทไี่ หลจากละตจิ ดู ตำ�่ กวา่ ไปยงั ละตจิ ดู ทส่ี งู กวา่ จงึ เรยี กวา่ กระแสนำ้� อนุ่ แนวค�ำตอบ เพราะน�้ำในกระแสน้�ำมอี ุณหภมู ิสูงกวา่ นำ้� โดยรอบ  เพราะเหตใุ ดกระแสนำ�้ ท่ไี หลจากละตจิ ูดสูงกวา่ ไปยงั ละติจูดทตี่ ำ�่ กวา่ จึงเป็นกระแสนำ�้ เย็น แนวค�ำตอบ เพราะน้ำ� ในกระแสน้�ำมีอุณหภมู ิตำ�่ กว่านำ้� โดยรอบ 2. ครใู หน้ ักเรียนร่วมกันอภปิ รายตามความคดิ ของตนเองวา่ “การถ่ายโอนความรอ้ นท่ีเกดิ ข้ึน เนอ่ื งจากกระแสนำ้� อนุ่ และกระแสน�้ำเยน็ สง่ ผลตอ่ ภมู อิ ากาศและสงิ่ แวดลอ้ มบรเิ วณทก่ี ระแสนำ้� นนั้ ไหลผ่านอย่างไร” จากนั้นใหน้ กั เรยี นปฏบิ ัติกิจกรรม 9.5 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 บทที่ 9 | การหมนุ เวยี นของน�้ำในมหาสมทุ ร 111 กจิ กรรม 9.5 กระแสน�้ำอนุ่ และกระแสนำ�้ เยน็ กับลมฟ้าอากาศ จดุ ประสงคก์ จิ กรรม อธบิ ายและเปรยี บเทยี บอณุ หภมู อิ ากาศและปรมิ าณฝนบรเิ วณพน้ื ทชี่ ายฝง่ั ทมี่ กี ระแสนำ�้ อนุ่ และกระแสนำ้� เยน็ ไหลผ่าน เวลา 2 ช่ัวโมง วัสด-ุ อปุ กรณ์ 1. ชุดข้อมลู อุณหภมู อิ ากาศและปริมาณฝน 1 ชดุ 2. กระดาษกราฟ 3 แผน่ ข้อเสนอแนะสำ� หรับครู 1. ครูอาจให้นักเรียนใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการสร้างกราฟและน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม 2. ครูควรเน้นย�้ำกับนักเรียนว่ากราฟที่สร้างข้ึนต้องสามารถน�ำมาใช้เปรียบเทียบอุณหภูมิ อากาศและปริมาณน้�ำฝนของท้ังสองเมืองได้ โดยอาจสร้างกราฟท้ังหมด 3 กราฟ กราฟแรกแสดงการเปรียบเทียบอุณหภูมิสูงสุดของทั้งสองเมือง กราฟที่สองแสดงการ เปรียบเทียบอุณหภูมิต�่ำสุดของท้ังสองเมือง และกราฟท่ีสามแสดงการเปรียบเทียบ ปรมิ าณน้�ำฝนของทั้งสองเมอื ง วิธที �ำกิจกรรม 1. เลอื กเมืองทอี่ ยบู่ รเิ วณชายฝง่ั ในแถบละติจูดเดียวกัน 2 เมอื ง จากชุดข้อมูลท่ีกำ� หนดให้ โดยบรเิ วณหน่ึงมีกระแสน้�ำอุ่นไหลผ่าน และอกี บรเิ วณหนง่ึ มีกระแสน�้ำเยน็ ไหลผ่าน 2. จัดกระท�ำขอ้ มลู เพ่อื เปรียบเทยี บอณุ หภูมอิ ากาศและปรมิ าณฝนของทงั้ สองเมือง 3. น�ำเสนอผลการท�ำกจิ กรรม จากน้นั อภปิ รายรว่ มกันในชนั้ เรียน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

112 บทที่ 9 | การหมุนเวยี นของน้�ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 ตวั อยา่ งผลการทำ� กจิ กรรม กราฟเปรียบเทยี บอณุ หภมู อิ ากาศและปริมาณนำ้� ฝนของเมอื ง Hopedale และ Tiree อณุ หภูมิสูงสุด (oC) 20 Hopedale Tiree 15 Hopedale 10 Tiree 5 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 -5 -10 -15 อณุ หภมู ิต�่ำสดุ (oC) 15 10 5 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 -5 -10 -15 -20 -25 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 บทที่ 9 | การหมนุ เวียนของน�้ำในมหาสมทุ ร 113 ปริมาณน้�ำฝน (มลิ ลิเมตร) Hopedale Tiree 160 140 120 100 80 60 40 20 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 การเปรยี บเทยี บอุณหภมู ิอากาศและปรมิ าณนำ้� ฝน เมอื ง Hopedale เมอื ง Tiree กระแสน�้ำ กระแสนำ้� เยน็ กระแสน้�ำอุน่ คา่ เฉล่ยี อุณหภมู ิสูงสดุ 1.5 oC 11.75 oC ค่าเฉลีย่ อณุ หภมู ิต�่ำสดุ -5.5 oC 5.58 oC ปริมาณฝนในรอบปี 592.5 มลิ ลิเมตร 1,156.0 มลิ ลเิ มตร หมายเหตุ นักเรียนอาจเปรียบเทียบอณุ หภมู สิ ูงสุด อุณหภูมติ ำ่� สุด และปรมิ าณฝน โดยการสังเกตจากกราฟ หรืออาจหาค่าเฉลย่ี ของอุณหภูมแิ ละปริมาณฝนในรอบปี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

114 บทท่ี 9 | การหมุนเวยี นของน�้ำในมหาสมุทร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 กราฟเปรียบเทยี บอณุ หภมู อิ ากาศและปริมาณนำ้� ฝนของเมือง Nemuro และ Coos Bay อณุ หภมู ิสูงสุด (oC) 25 Nemuro Coos Bay 20 15 10 5 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 -5 อุณหภมู ิต่ำ� สุด (oC) 20 15 10 Nemuro Coos Bay 5 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 -5 -10 สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 บทที่ 9 | การหมุนเวยี นของน�้ำในมหาสมุทร 115 ปรมิ าณน�้ำฝน (มลิ ลิเมตร) 300 250 200 150 Nemuro Coos Bay 100 50 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 การเปรยี บเทียบอณุ หภูมอิ ากาศและปริมาณนำ้� ฝน กระแสน�้ำ เมือง Nemuro เมือง Coos Bay คา่ เฉลีย่ อุณหภูมิสงู สดุ กระแสน้ำ� เย็น กระแสนำ�้ อนุ่ ค่าเฉลี่ยอุณหภูมิต�่ำสุด 15.5 oC ปรมิ าณฝนในรอบปี 9.58 oC 7.58 oC 3.00 oC 1,048.5 มลิ ลเิ มตร 1,574.7 มลิ ลิเมตร หมายเหตุ นกั เรียนอาจเปรียบเทียบอณุ หภมู สิ ูงสดุ อณุ หภมู ิตำ่� สดุ และปรมิ าณฝน โดยการสังเกตจากกราฟ หรืออาจหาคา่ เฉลี่ยของอณุ หภมู ิและปริมาณฝนในรอบปี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

116 บทท่ี 9 | การหมนุ เวยี นของน้�ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 กราฟเปรยี บเทยี บอณุ หภมู อิ ากาศและปรมิ าณนำ้� ฝนของเมอื ง Chula Vista และ Nishinoomote อุณหภูมสิ ูงสดุ (oC) 35 Chula Vista 30 Nishinoomote 25 20 15 10 5 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 อุณหภูมติ �่ำสดุ (oC) 30 Chula Vista 25 Nishinoomote 20 15 10 5 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 บทท่ี 9 | การหมุนเวียนของน�้ำในมหาสมุทร 117 ปริมาณน�้ำฝน (มลิ ลเิ มตร) Chula Vista Nishinoomote 500 450 400 350 300 250 200 150 100 50 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 การเปรยี บเทียบอุณหภมู อิ ากาศและปริมาณนำ้� ฝน เมือง Chula Vista เมือง Nishinoomote กระแสนำ้� กระแสนำ�้ เย็น กระแสนำ�้ อุ่น คา่ เฉลยี่ อณุ หภูมิสงู สุด 21.50 oC 23.33 oC ค่าเฉลย่ี อุณหภูมติ �่ำสุด 12.92 oC 18.33 oC ปรมิ าณฝนในรอบปี 229.1 มิลลิเมตร 2,381.4 มลิ ลเิ มตร หมายเหตุ นักเรียนอาจเปรยี บเทยี บอุณหภูมิสูงสุด อณุ หภมู ิตำ่� สุด และปรมิ าณฝน โดยการสงั เกตจากกราฟ หรืออาจหาค่าเฉล่ยี ของอณุ หภูมแิ ละปริมาณฝนในรอบปี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

118 บทที่ 9 | การหมนุ เวยี นของน้�ำในมหาสมุทร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 กราฟเปรียบเทยี บอณุ หภมู ิอากาศและปรมิ าณนำ�้ ฝนของเมือง Pointe-Noire และ Natal อณุ หภมู ิสูงสดุ (oC) 35 Pointe-Noire 30 Natal 25 20 Pointe-Noire 15 Natal 10 5 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 อณุ หภมู ิต่�ำสดุ (oC) 30 25 20 15 10 5 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 บทท่ี 9 | การหมนุ เวียนของน�้ำในมหาสมุทร 119 ปริมาณน้�ำฝน (มลิ ลเิ มตร) Pointe-Noire Natal 300 250 200 150 100 50 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 การเปรยี บเทียบอุณหภมู อิ ากาศและปรมิ าณนำ้� ฝน เมอื ง Pointe-Noire เมือง Natal กระแสน้�ำ กระแสนำ้� เย็น กระแสน้�ำอ่นุ คา่ เฉลี่ยอณุ หภมู ิสงู สุด 26.50 oC 30.42 oC ค่าเฉล่ียอุณหภูมติ �่ำสุด 22.67 oC 23.17 oC ปริมาณฝนในรอบปี 1,148.5 มิลลเิ มตร 1,503.5 มลิ ลิเมตร หมายเหตุ นักเรียนอาจเปรยี บเทียบอุณหภมู สิ ูงสุด อุณหภูมติ ำ�่ สดุ และปรมิ าณฝน โดยการสงั เกตจากกราฟ หรืออาจหาค่าเฉลยี่ ของอุณหภมู แิ ละปริมาณฝนในรอบปี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

120 บทท่ี 9 | การหมนุ เวียนของน�้ำในมหาสมุทร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 กราฟเปรียบเทยี บอณุ หภูมิอากาศและปรมิ าณนำ้� ฝนของเมอื ง Iquique และ Vitória อณุ หภมู สิ ูงสุด (oC) 35 Iquique 30 Vitória 25 20 Iquique 15 Vitória 10 5 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 อณุ หภมู ติ ่�ำสุด (oC) 35 30 25 20 15 10 5 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 บทท่ี 9 | การหมนุ เวียนของน้�ำในมหาสมทุ ร 121 ปรมิ าณน�้ำฝน (มลิ ลเิ มตร) 180 Iquique 160 Vitória 140 120 100 80 60 40 20 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 การเปรยี บเทียบอุณหภมู ิอากาศและปรมิ าณนำ�้ ฝน เมอื ง Iquique เมอื ง Vitória กระแสนำ�้ กระแสนำ้� เย็น กระแสน้�ำอนุ่ คา่ เฉล่ยี อุณหภูมิสงู สุด 21.67 oC 29.67 oC ค่าเฉลยี่ อณุ หภูมิต�่ำสุด 15.92 oC 21.50 oC ปรมิ าณฝนในรอบปี 32.1 มิลลิเมตร 1,324.2 มิลลเิ มตร หมายเหตุ นกั เรียนอาจเปรยี บเทียบอณุ หภมู สิ ูงสดุ อุณหภูมิตำ่� สดุ และปริมาณฝน โดยการสังเกตจากกราฟ หรืออาจหาค่าเฉล่ยี ของอุณหภูมแิ ละปริมาณฝนในรอบปี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

122 บทที่ 9 | การหมุนเวยี นของน�้ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 กราฟเปรยี บเทยี บอณุ หภมู อิ ากาศและปริมาณนำ้� ฝนของเมอื ง Port Nolloth และ Mtunzini อุณหภูมิสูงสดุ (oC) 35 Port Nolloth 30 Mtunzini 25 20 15 10 5 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 อณุ หภูมติ �่ำสุด (oC) 25 20 15 Port Nolloth 10 Mtunzini 5 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ปรมิ าณนำ�้ ฝน (มลิ ลิเมตร) สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 บทที่ 9 | การหมุนเวียนของน้�ำในมหาสมุทร 123 140 Port Nolloth 120 Mtunzini 100 80 60 40 20 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 การเปรยี บเทียบอุณหภมู อิ ากาศและปรมิ าณนำ้� ฝน เมือง Port Nolloth เมือง Mtunzini กระแสน�้ำ กระแสน้ำ� เย็น กระแสน้�ำอ่นุ คา่ เฉลยี่ อณุ หภมู ิสงู สุด 20.25 oC 29.33 oC ค่าเฉล่ียอุณหภูมิต่�ำสุด 11.58 oC 16.50 oC ปริมาณฝนในรอบปี 80.7 มิลลิเมตร 980.1 มิลลิเมตร หมายเหตุ นักเรียนอาจเปรียบเทยี บอุณหภูมิสูงสดุ อณุ หภูมิตำ�่ สดุ และปรมิ าณฝน โดยการสังเกตจากกราฟ หรืออาจหาคา่ เฉล่ยี ของอณุ หภมู แิ ละปรมิ าณฝนในรอบปี สรปุ ผลการท�ำกิจกรรม ในแถบละตจิ ดู เดยี วกนั พน้ื ทชี่ ายฝง่ั ทมี่ กี ระแสนำ้� อนุ่ ไหลผา่ นจะมอี ณุ หภมู อิ ากาศและปรมิ าณ ฝนมากกว่าพื้นท่ีชายฝั่งที่มีกระแสน้�ำเย็นไหลผ่าน เนื่องจากพ้ืนท่ีชายฝั่งท่ีมีกระแสน้�ำอุ่นไหล ผ่านจะเกดิ การถ่ายโอนความร้อนจากนำ้� ไปยงั อากาศท�ำให้อากาศมอี ุณหภูมสิ งู ขึ้น นำ้� จงึ ระเหย กลายเป็นไอเข้าสอู่ ากาศได้มากสง่ ผลใหม้ ปี ริมาณฝนมากกว่าบรเิ วณอืน่ ๆ สว่ นพืน้ ทีช่ ายฝงั่ ทม่ี ี กระแสน�้ำเย็นไหลผ่านจะเกิดการถ่ายโอนความร้อนจากอากาศไปยังน้�ำท�ำให้อากาศมีอุณหภูมิ ต�ำ่ ลง น�ำ้ จงึ ระเหยกลายเปน็ ไอเขา้ ส่อู ากาศไดน้ ้อยส่งผลใหม้ ปี ริมาณฝนน้อยกว่าบรเิ วณอ่ืน ๆ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

124 บทที่ 9 | การหมุนเวียนของน�้ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 ค�ำถามท้ายกิจกรรม 1. อณุ หภูมอิ ากาศและปรมิ าณฝนของท้ังสองเมอื งแตกตา่ งกันหรอื ไม่ อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ อณุ หภมู อิ ากาศและปรมิ าณฝนของทง้ั สองเมอื งแตกตา่ งกนั โดยพนื้ ทช่ี ายฝง่ั ทมี่ กี ระแสนำ้� อนุ่ ไหลผา่ นจะมอี ณุ หภมู อิ ากาศและปรมิ าณฝนโดยเฉลยี่ มากกวา่ พน้ื ทชี่ ายฝง่ั ทม่ี กี ระแสนำ้� เย็นไหลผ่าน 2. กระแสนำ้� อุน่ และกระแสนำ�้ เยน็ ส่งผลต่ออณุ หภมู อิ ากาศและปรมิ าณฝนหรือไม่ อย่างไร แนวค�ำตอบ กระแสน้�ำส่งผลต่ออุณหภูมิอากาศและปริมาณฝน โดยพ้ืนที่ชายฝั่งท่ีมี กระแสน�้ำอุ่นไหลผ่านจะเกิดการถ่ายโอนความร้อนจากน้�ำไปยังอากาศท�ำให้อากาศ มอี ณุ หภมู สิ งู ขนึ้ นำ้� จงึ ระเหยกลายเปน็ ไอเขา้ สอู่ ากาศไดม้ ากสง่ ผลใหม้ ปี รมิ าณฝนมากกวา่ บรเิ วณอน่ื ๆ สว่ นพนื้ ทช่ี ายฝง่ั ทมี่ กี ระแสนำ�้ เยน็ ไหลผา่ นจะเกดิ การถา่ ยโอนความรอ้ นจาก อากาศไปยงั นำ้� ทำ� ใหอ้ ากาศมอี ณุ หภมู ติ ำ่� ลง นำ�้ จงึ ระเหยกลายเปน็ ไอเขา้ สอู่ ากาศไดน้ อ้ ย ส่งผลใหม้ ีปรมิ าณฝนนอ้ ยกวา่ บริเวณอนื่ ๆ 3. ให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ นำ� เสนอผลการทำ� กจิ กรรม และรว่ มกนั อภิปรายผลการท�ำกิจกรรมพร้อม ตอบคำ� ถามทา้ ยกจิ กรรม โดยมแี นวทางการอภปิ รายและแนวทางการตอบคำ� ถามดงั แสดงดา้ นบน 4. ครใู หน้ กั เรยี นสงั เกตรปู 9.15 ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 81 โดยครใู หน้ กั เรยี นสงั เกตบรเิ วณพน้ื ทชี่ ายฝง่ั ทีอ่ ยูบ่ ริเวณละติจูด 30 องศาใต้ ดังรปู จากนนั้ ครูน�ำอภปิ รายโดยใช้ตัวอยา่ งค�ำถามดังน้ี กระแสน้ำเย็น กระแสน้ำอุน 30 oS เบงเกวลา อะกะลสั สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 บทท่ี 9 | การหมุนเวียนของน้�ำในมหาสมทุ ร 125  จากรปู เป็นบรเิ วณใดของโลก แนวค�ำตอบ ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา  หากพิจารณาจากแบบจ�ำลองการหมุนเวียนอากาศตามเขตละติจูด ทางตอนใต้ของทวีป แอฟรกิ าบรเิ วณละติจดู ที่ 30 องศาใต้ ควรมีภูมิอากาศแบบใด แนวค�ำตอบ ภูมิอากาศแบบแหง้ แล้งจนถงึ ทะเลทราย หมายเหตุ หากนักเรียนไม่สามารถตอบได้ครูอาจให้นักเรียนกลับไปทบทวนเก่ียวกับภูมิอากาศ ในการหมุนเวยี นอากาศแถบละติจูดกลางในหนังสือเรยี นหนา้ 49  พื้นที่ชายฝั่งด้านตะวันตกและตะวันออกของทวีปแอฟริกาบริเวณละติจูด 30 องศาใต้ มสี ภาพแวดลอ้ มสอดคลอ้ งกบั แบบจำ� ลองการหมนุ เวยี นอากาศตามเขตละตจิ ดู หรอื ไม่ อยา่ งไร แนวค�ำตอบ พื้นที่ชายฝั่งด้านตะวันตกมีสภาพเป็นทะเลทรายสอดคล้องกับแบบจ�ำลอง การหมุนเวียนอากาศตามเขตละติจูด แต่พ้ืนที่ชายฝั่งด้านตะวันออกมีสภาพเป็นป่าซึ่งไม่ สอดคลอ้ งกบั แบบจำ� ลองการหมุนเวียนอากาศตามเขตละตจิ ูด  เพราะเหตใุ ด พน้ื ท่ชี ายฝ่ังดา้ นตะวันออกจึงมีสภาพเปน็ ปา่ แนวค�ำตอบ เพราะบริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกมีกระแสน�้ำอุ่นอะกะลัสไหลผ่านจึงท�ำให้ พน้ื ท่ชี ายฝั่งบรเิ วณน้ีมีปรมิ าณนำ้� ฝนมากจงึ มสี ภาพเป็นป่า  พ้นื ท่ีชายฝงั่ ด้านตะวันออกมีสภาพแวดลอ้ มต่างจากพนื้ ท่ีที่อยูล่ ึกเข้ามาในแผน่ ดินอยา่ งไร ทราบได้อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ พนื้ ทช่ี ายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกมสี ภาพเปน็ ปา่ มากกวา่ พน้ื ทท่ี อี่ ยลู่ กึ เขา้ มาในแผน่ ดนิ สังเกตได้จากรูป 9.15 โดยพื้นที่ชายฝั่งด้านตะวันออกมีสีเขียวเข้ม ส่วนพื้นที่ท่ีอยู่ลึกเข้ามา ในแผ่นดินมีสีนำ้� ตาลอ่อนปนสีเขยี ว  เพราะเหตุใด พ้ืนที่ชายฝั่งด้านตะวันออกจึงมีสภาพเป็นป่ามากกว่าพื้นที่ท่ีอยู่ลึกเข้ามาใน แผ่นดิน แนวคำ� ตอบ เพราะบรเิ วณชายฝง่ั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากกระแสนำ�้ อนุ่ อะกะลสั มากกวา่ จงึ มสี ภาพ เปน็ ป่ามากกวา่ บรเิ วณท่ีอยู่ลกึ เขา้ ไปในแผ่นดนิ  กระแสนำ�้ เย็นเบงเกวลาส่งผลต่อพนื้ ที่ชายฝั่งดา้ นตะวันตกหรือไม่ ทราบได้อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ กระแสนำ�้ เยน็ เบงเกวลาสง่ ผลใหพ้ น้ื ทชี่ ายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตกมสี ภาพเปน็ ทะเลทราย มากกว่าพน้ื ทที่ ่ีอย่ลู กึ เข้าไปในแผน่ ดนิ สงั เกตได้จากรปู 9.15 โดยพน้ื ทช่ี ายฝั่งดา้ นตะวนั ตก มสี นี ำ�้ ตาลออ่ น สว่ นพื้นทีท่ ่ีอยลู่ กึ เขา้ มาในแผ่นดนิ มสี ีนำ้� ตาลออ่ นปนสีเขียว  เพราะเหตใุ ด พนื้ ทชี่ ายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตกมสี ภาพเปน็ ทะเลทรายมากกวา่ พนื้ ทที่ อ่ี ยลู่ กึ เขา้ ไปใน แผน่ ดนิ แนวคำ� ตอบ เพราะบรเิ วณชายฝง่ั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากกระแสนำ�้ เยน็ เบงเกวลามากกวา่ จงึ มสี ภาพ เปน็ ทะเลทรายมากกวา่ บริเวณทอ่ี ย่ลู กึ เข้าไปในแผ่นดิน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

126 บทที่ 9 | การหมนุ เวยี นของน้�ำในมหาสมุทร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 5. ครูอาจมอบหมายให้นักเรียนใช้โปรแกรมแกรมด้านสารสนเทศภูมิศาสตร์ เช่น google earth เพอื่ สำ� รวจพน้ื ท่ชี ายฝ่ังบริเวณอนื่ ๆ ในแถบละติจูดเดยี วกัน ซึ่งบรเิ วณหน่งึ มกี ระแสน้�ำอุ่นและ อกี บริเวณหนึง่ มีกระแสน�้ำเย็นไหลผา่ น เพือ่ เปรยี บเทียบสภาพแวดล้อม 6. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจนกั เรยี นเกย่ี วกบั ผลจากกระแสนำ้� ผวิ หนา้ มหาสมทุ รตอ่ สภาพลมฟา้ อากาศ โดยใช้ค�ำถามในหนังสอื เรยี นหน้า 82  พื้นท่ีชายฝั่งที่มีกระแสน�้ำอุ่นไหลผ่านและพ้ืนท่ีชายฝั่งท่ีมีกระแสน�้ำเย็นไหลผ่าน จะมี สภาพลมฟา้ อากาศแตกต่างกนั อยา่ งไร แนวคำ� ตอบ พน้ื ทชี่ ายฝง่ั ทมี่ กี ระแสนำ้� อนุ่ ไหลผา่ นมอี ณุ หภมู อิ ากาศและปรมิ าณนำ้� ฝนมากกวา่ พ้นื ทช่ี ายฝัง่ ทม่ี ีกระแสน�้ำเย็นไหลผา่ น 7. ครใู หค้ วามรเู้ กยี่ วกบั ผลจากกระแสนำ�้ อนุ่ บรเิ วณชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตกของประเทศองั กฤษผลจาก กระแสนำ�้ เยน็ บรเิ วณชายฝง่ั รฐั แคลฟิ อรเ์ นยี และปจั จยั อน่ื สง่ ผลตอ่ ภมู อิ ากาศและสภาพแวดลอ้ ม ของพ้ืนทชี่ ายฝ่ัง ดังน้ี  ชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตกของประเทศองั กฤษมกี ระแสนำ้� อนุ่ แอตแลนตกิ เหนอื ไหลผา่ นทำ� ใหพ้ นื้ ที่ ดังกลา่ วมีอากาศอบอุ่นและมแี นวโนม้ ฝนตกมากกว่าบริเวณทอ่ี ยลู่ กึ เขา้ ไปในแผ่นดนิ  บริเวณชายฝง่ั รัฐแคลฟิ อร์เนียมีกระแสน้�ำเยน็ แคลฟิ อรเ์ นยี ไหลผา่ น ส่งผลให้อณุ หภมู อิ ากาศ บริเวณชายฝ่ังในฤดรู ้อนไม่สูงมากจนเกนิ ไป  ภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมของพ้ืนที่ชายฝั่งได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัยร่วมกันพื้นที่ ชายฝง่ั บางพนื้ ทไี่ ดร้ บั อทิ ธพิ ลจากกระแสนำ้� เปน็ ปจั จยั หลกั ทำ� ใหภ้ มู อิ ากาศและสภาพแวดลอ้ ม มีความสอดคล้องกับกระแสน้�ำอุ่นหรือกระแสน�้ำเย็นอย่างชัดเจน แต่พ้ืนท่ีชายฝั่งบางพ้ืนที่ อาจได้รบั อิทธพิ ลจากปัจจัยอน่ื เป็นปจั จัยหลกั เชน่ มรสุม การหมุนเวยี นของอากาศบนโลก การเปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศโลก 8. ครใู หน้ กั เรยี นสงั เกตรปู 9.16 ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 83 และใหค้ วามรเู้ พมิ่ เตมิ วา่ “ชายฝง่ั ประเทศ ญี่ปุ่นบริเวณที่กระแสน้�ำอุ่นกุโรชิโอและกระแสน้�ำเย็นโอยาชิโอไหลมาบรรจบกันจะท�ำให้มี สตั วน์ ำ้� ชกุ ชมุ ” จากนน้ั ครใู หน้ กั เรยี นอภปิ รายตามความคดิ ของตนเองวา่ “การไหลมาบรรจบกนั ของ กระแสน้�ำอุ่นกุโรชิโอและกระแสน�้ำเย็นโอยาชิโอส่งผลให้บริเวณดังกล่าวมีสัตว์น้�ำชุกชุม ได้อย่างไร” จากน้ันครูน�ำอภิปรายโดยใช้คำ� ถามดังน้ี  น้�ำในกระแสน้�ำใดมีอุณหภมู เิ หมาะสมและไมเ่ หมาะสมต่อการด�ำรงชีวิตของสิง่ มีชีวติ แนวคำ� ตอบ นำ�้ ในกระแสนำ้� อนุ่ มอี ณุ หภมู เิ หมาะสมตอ่ การดำ� รงชวี ติ สว่ นนำ�้ ในกระแสนำ�้ เยน็ มอี ณุ หภมู ิไม่เหมาะสมต่อการด�ำรงชวี ิต  นำ้� ในกระแสน�้ำใดถูกสงิ่ มชี ีวิตนำ� สารอาหารไปใชม้ ากกว่า แนวค�ำตอบ นำ้� ในกระแสน�้ำอนุ่  กระแสนำ้� ใดมสี ารอาหารเหลืออยใู่ นนำ้� มากกว่า แนวค�ำตอบ น�ำ้ ในกระแสน้�ำเยน็ มสี ารอาหารเหลอื อยมู่ ากกวา่ สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 บทที่ 9 | การหมนุ เวียนของน�้ำในมหาสมุทร 127  เม่ือกระแสน้�ำอุ่นและกระแสน้�ำเย็นไหลมาบรรจบกันจะส่งผลให้น้�ำบริเวณนั้นเหมาะสมต่อ การด�ำรงชีวิตของสงิ่ มีชวี ิตอย่างไร แนวค�ำตอบ อุณหภูมิน้�ำไม่เย็นจนเกินไปและมีสารอาหารในน้�ำในปริมาณที่เหมาะสมต่อ การด�ำรงชวี ิตของสง่ิ มชี ีวติ 9. ครใู ห้ความรเู้ พม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั การไหลมาบรรจบกันของกระแสน�้ำอนุ่ และกระแสนำ้� เย็นดงั น้ี  บริเวณท่ีกระแสน�้ำอุ่นและกระแสน�้ำเย็นไหลมาบรรจบกัน จะท�ำให้บริเวณน้ันเหมาะสมต่อ การเจรญิ เตบิ โตของแพลงก์ตอนพืชและแพลงก์ตอนสตั ว์ซึ่งเปน็ อาหารใหก้ ับสตั ว์นำ้� ชนิดอ่นื ในมหาสมุทร เม่ือแพลงก์ตอนพชื มีจ�ำนวนมากจะส่งผลให้บริเวณดงั กล่าวมีสตั ว์น�้ำชุกชมุ  บริเวณท่ีกระแสนำ�้ อุน่ กโุ รชิโอและกระแสนำ�้ เยน็ โอยาชิโอไหลมาบรรจบกันมีชื่อเรียกว่า ครู ลิ แบงค์ (Kuril bank) ซงึ่ อยู่นอกชายฝั่งประเทศญี่ปนุ่  นอกจากนีบ้ ริเวณชายฝัง่ ดา้ นตะวันออกของทวปี อเมรกิ าเหนือ ยังมีกระแสนำ�้ อุน่ กัลฟส์ ตรมี ไหลมาบรรจบกบั กระแสนำ�้ เยน็ ลาบราดอร์ บรเิ วณดงั กลา่ วมชี อ่ื เรยี กวา่ แกรนดแ์ บงค์ (Grand bank) ซ่งึ มสี ตั ว์นำ้� ชกุ ชุมเช่นเดียวกัน  การไหลมาบรรจบกันของกระแสน้�ำอุ่นและกระแสน�้ำเย็นยังก่อให้เกิดสภาพลมฟ้าอากาศท่ี เปน็ หมอกปกคลมุ ไปทวั่ บรเิ วณทำ� ใหท้ ศั นวสิ ยั ในการมองเหน็ ตำ�่ การเดนิ ทางโดยเรอื ในบรเิ วณ นจ้ี ึงตอ้ งใช้ความระมัดระวังเปน็ พิเศษ เพราะอาจท�ำให้เกิดอุบัติเหตุทางทะเล 10. ครใู หน้ ักเรยี นร่วมกนั อภิปรายตามความคดิ ของตนเองวา่ “หากการหมนุ เวียนน�ำ้ ในมหาสมุทร เปลี่ยนไปจะส่งผลกระทบต่อภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมหรือไม่ อย่างไร” จากนั้นครูให้ นกั เรียนสังเกตรูป 9.17 ในหนังสือเรยี นหน้า 84 จากนน้ั น�ำอภิปรายโดยใชค้ ำ� ถามดงั น้ี  มหาสมุทรในรปู คอื มหาสมุทรใด แนวคำ� ตอบ มหาสมุทรแปซิฟิก  น้�ำผวิ หน้ามหาสมุทรบรเิ วณใดมีอุณหภูมสิ ูงและบริเวณใดมีอุณหภูมติ ่�ำ แนวค�ำตอบ น้�ำผิวหน้ามหาสมุทรบริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิกฟิก มอี ณุ หภมู สิ งู และนำ้� ผวิ หนา้ มหาสมทุ รบรเิ วณชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกของมหาสมทุ รแปซกิ ฟกิ มอี ณุ หภมู ติ ำ่�  เพราะเหตุใด น�้ำผิวหน้ามหาสมุทรบริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิกฟิกจึง มอี ณุ หภมู สิ งู แนวค�ำตอบ ลมค้าพัดพาน�้ำผิวหน้ามหาสมุทรซ่ึงมีอุณหภูมิสูงไหลมาสะสมบริเวณชายฝั่ง ด้านตะวันตก  นำ้� ผวิ หน้ามหาสมุทรทีม่ ีอณุ หภูมสิ ูงสง่ ผลต่อลมฟา้ อากาศบรเิ วณน้ันอย่างไร แนวค�ำตอบ อากาศเหนือพ้ืนน�้ำบริเวณนี้มีอุณหภูมิและความชื้นสูง เกิดเมฆและ ฝน ฟา้ คะนอง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

128 บทที่ 9 | การหมนุ เวยี นของน�้ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3  เพราะเหตุใด น้�ำผิวหน้ามหาสมุทรบริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิกฟิก จงึ มีอุณหภูมิตำ่� แนวคำ� ตอบ นำ�้ ชน้ั ลา่ งซง่ึ มอี ณุ หภมู ติ ำ่� ยกตวั ขน้ึ มาแทนทน่ี ำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รทถี่ กู พดั ออกไป  นำ้� ชัน้ ล่างที่ยกตัวขน้ึ มาส่งผลความอดุ มสมบูรณ์ของมหาสมทุ รบรเิ วณนัน้ อย่างไร แนวค�ำตอบ น้�ำชน้ั ลา่ งเป็นนำ้� ทีม่ สี ารอาหารสงู เม่อื นำ�้ ชน้ั ล่างยกตัวข้ึนมาสง่ ผลให้บริเวณ ชายฝง่ั ประเทศเปรแู ละเอควาดอรม์ คี วามอดุ มสมบรู ณแ์ ละสตั วน์ ำ้� ชกุ ชมุ จงึ เปน็ แหลง่ ประมง ท่สี ำ� คญั 11. ครใู ห้นกั เรยี นสังเกตรูป 9.18 ในหนังสอื เรยี นหน้า 83 และรูป 9.19 ในหนงั สือเรยี นหน้า 85 และรว่ มกนั อภปิ รายตามความคดิ ของตนเองวา่ “หากลมคา้ ออ่ นกำ� ลงั กวา่ ปกตหิ รอื มกี ำ� ลงั แรง กวา่ ปกตจิ ะสง่ ผลตอ่ การหมนุ เวยี นนำ�้ ในแถบศนู ยส์ ตู รของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ อยา่ งไร” จากนน้ั น�ำอภปิ รายโดยใช้ค�ำถามดังน้ี คำ� ถามอภิปรายรปู ใน 9.18  ลมค้าอ่อนก�ำลงั ลงกว่าปกติหรอื มกี ำ� ลังแรงกวา่ ปกติ แนวคำ� ตอบ ลมคา้ อ่อนกำ� ลงั ลงกว่าปกติ  อุณหภูมิน้�ำผิวหน้ามหาสมุทรบริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกและชายฝั่งด้านตะวันออกของ มหาสมทุ รแปซิกฟกิ เปลยี่ นแปลงไปอยา่ งไร แนวค�ำตอบ น�้ำผิวหน้ามหาสมุทรบริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิกฟิก มอี ณุ หภมู ติ ำ�่ กวา่ ปกติ และนำ้� ผวิ หนา้ มหาสมทุ รบรเิ วณชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกของมหาสมทุ ร แปซกิ ฟิกมอี ณุ หภูมสิ ูงกว่าปกติ  เพราะเหตใุ ด นำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รบรเิ วณชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตกของมหาสมทุ รแปซกิ ฟกิ จงึ มี อณุ หภูมิตำ�่ กวา่ ปกติ แนวค�ำตอบ เพราะลมคา้ อ่อนก�ำลังกว่าปกตทิ ำ� ให้นำ�้ อ่นุ บริเวณผิวหน้ามหาสมทุ รแปซิฟกิ ถกู พัดไปยังชายฝั่งดา้ นตะวนั ตกของมหาสมทุ รแปซฟิ ิกได้น้อยลง  เพราะเหตใุ ด นำ้� ผวิ หนา้ มหาสมทุ รบรเิ วณชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตกของมหาสมทุ รแปซกิ ฟกิ จงึ มี อณุ หภมู สิ งู กวา่ ปกติ แนวคำ� ตอบ เพราะเกิดน�้ำผุดนอ้ ยลง  ปรากฏการณ์ทีเ่ กดิ ข้ึนมชี ่ือเรียกวา่ อย่างไร แนวค�ำตอบ ปรากฏการณ์เอลนโี ญ ค�ำถามอภิปรายรูปใน 9.19  ลมคา้ อ่อนกำ� ลังลงกวา่ ปกตหิ รือมีกำ� ลงั แรงกวา่ ปกติ แนวค�ำตอบ ลมคา้ มกี �ำลังแรงกว่าปกติ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 บทท่ี 9 | การหมุนเวยี นของน้�ำในมหาสมทุ ร 129  อุณหภูมิน้�ำผิวหน้ามหาสมุทรบริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกและชายฝั่งด้านตะวันออกของ มหาสมทุ รแปซิกฟกิ เปล่ียนแปลงไปอย่างไร แนวค�ำตอบ น�้ำผิวหน้ามหาสมุทรบริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิกฟิก มอี ณุ หภมู สิ งู กวา่ ปกติ และนำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รบรเิ วณชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกของมหาสมทุ ร แปซิกฟิกมีอณุ หภมู ติ ่�ำกว่าปกติ  เพราะเหตใุ ด นำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รบรเิ วณชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตกของมหาสมทุ รแปซกิ ฟกิ จงึ มี อุณหภูมิสงู กวา่ ปกติ แนวคำ� ตอบ เพราะลมค้ามีก�ำลังแรงกว่าปกตทิ ำ� ให้น้ำ� อนุ่ บรเิ วณผิวหนา้ มหาสมทุ รแปซิฟกิ ` ถกู พดั ไปยังชายฝง่ั ด้านตะวนั ตกของมหาสมุทรแปซิฟกิ ไดม้ ากข้นึ  เพราะเหตใุ ด นำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รบรเิ วณชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตกของมหาสมทุ รแปซกิ ฟกิ จงึ มี อุณหภูมิตำ่� กวา่ ปกติ แนวคำ� ตอบ เพราะเกดิ น�้ำผุดมากขนึ้  ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมีชื่อเรยี กว่าอย่างไร แนวค�ำตอบ ปรากฏการณล์ านญี า 12. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายตามความคิดของตนเองว่า “ปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา ส่งผลกระทบต่อลมฟ้าอากาศ ส่ิงมีชีวิต และส่ิงแวดล้อมอย่างไรบ้าง” จากนั้นครูให้นักเรียน ปฏิบตั กิ จิ กรรม 9.6 กิจกรรม 9.6 เอลนีโญและลานญี าส่งผลกระทบอยา่ งไรบา้ ง จุดประสงค์กจิ กรรม สบื คน้ ขอ้ มลู และอธบิ ายผลของปรากฏการณเ์ อลนโี ญและลานญี าทมี่ ตี อ่ สภาพลมฟา้ อากาศ สง่ิ มีชีวิต และส่งิ แวดลอ้ ม เวลา 2 ชั่วโมง การเตรยี มตัวลว่ งหนา้ 1. ครูอาจมอบหมายใหน้ กั เรียนสืบค้นขอ้ มูลมาล่วงหนา้ 2. ครูเตรียมแผนท่ีโลกขนาด A4 เพื่อให้นักเรียนสามารถระบุพ้ืนท่ีที่ได้รับผลกระทบจาก ปรากฏการณเ์ อลนโี ญและลาณญี าลงบนแผนที่ โดยสามารถดาวนโ์ หลดแผนทโ่ี ลกไดจ้ าก QR code ของบทในคู่มือครู สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

130 บทท่ี 9 | การหมนุ เวียนของน้�ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 ข้อเสนอแนะส�ำหรบั ครู ครูอาจให้นกั เรยี นท�ำการวเิ คราะห์ขอ้ มูลลงบนแผนทีโ่ ดยใช้สัญลกั ษณ์หรอื สีแทนผลกระทบ ทีเ่ กิดข้นึ ในบรเิ วณต่าง ๆ บนโลก วธิ ที �ำกจิ กรรม 1. สบื คน้ ตวั อยา่ งเหตกุ ารณท์ ่เี กิดข้นึ จรงิ เกีย่ วกบั ผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนโี ญและ ลานญี าท่ีมีตอ่ ลมฟ้าอากาศ สิง่ มีชีวิต และสิง่ แวดลอ้ ม 2. วเิ คราะหแ์ ละเปรยี บเทียบผลกระทบท่ีเกดิ จากปรากฏการณเ์ อลนโี ญและลานีญา 3. วเิ คราะห์และอธบิ ายการหมุนเวียนอากาศและนำ�้ ในมหาสมทุ รกับผลกระทบท่เี กิดข้นึ 4. นำ� เสนอผลการท�ำกิจกรรม จากนั้นอภิปรายรว่ มกันในช้ันเรยี น ตวั อย่างผลการท�ำกจิ กรรม ตัวอย่างเหตกุ ารณ์ผลกระทบจากเอลนีโญ ปี พ.ศ. 2540 - 2541 ประเทศไทยประสบกบั สภาวะความแหง้ แลง้ มอี ุณหภมู ิสูงกว่าปกติ ทว่ั ประเทศ ท่มี า : https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=50 ผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนโี ญในปี พ.ศ. 2540 1. ภูมภิ าคทีไ่ ดร้ บั ความแหง้ แล้ง ตอนเหนอื และตะวนั ออกของออสเตรเลยี ชว่ งเดอื นเมษายน – พฤศจกิ ายน 2540 บรเิ วณ ตอนเหนือและตะวันออกของทวีปมีฝนรวมต่�ำกว่าค่าปกติ ท�ำให้เกิดความแห้งแล้ง ทว่ั บรเิ วณ ประกอบกบั ชว่ งเดอื นพฤศจกิ ายน – ธนั วาคม ทางตะวนั ออกเฉยี งใตข้ องทวปี มีอุณหภูมิสูงกว่าค่าปกติ จึงก่อให้เกิดไฟป่าขึ้นในบริเวณรัฐวิคตอเรียและนิวเซ้าต์เวลส์ เปน็ เวลาหลายสัปดาห์ ตอนใต้ของแอฟริกาตะวันตก มฝี นต่�ำกวา่ ปกตติ ้งั แตเ่ ดอื นกรกฎาคมพร้อมกบั ฤดฝู น ไดเ้ รมิ่ ชา้ กวา่ ปกติ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ บรเิ วณทไ่ี ดร้ บั ความแหง้ แลง้ มากโดยเฉพาะชว่ งเดอื นพฤษภาคม – ตุลาคม ได้แก่ อนิ โดนเี ซยี ฟิลิปปนิ ส์ มาเลเซยี สิงคโปร์ บรไู นและปาปวั นวิ กินี และ ไดเ้ กดิ ไฟปา่ ในอนิ โดนเี ซยี และรฐั ซาราวคั ของมาเลเซยี ตงั้ แตเ่ ดอื นสงิ หาคม ถงึ ปลายปี 2540 บริเวณอื่น ๆ ที่ได้รับความแห้งแล้งคือ ประเทศไทย บางส่วนของพม่า ลาว เขมรและ เวียดนาม สหรฐั อเมรกิ าตะวนั ออก แหง้ แลง้ ช่วงเดอื นเมษายน – ตุลาคม ตอ่ จากนั้นเปน็ ฤดหู นาวที่ หนาวนอ้ ย สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 บทท่ี 9 | การหมนุ เวียนของน้�ำในมหาสมทุ ร 131 อเมรกิ ากลาง มสี ภาพอากาศแล้งปกคลุมช่วงเดือนมถิ ุนายน – ตลุ าคม ตอนเหนอื ของอเมรกิ าใต้ มีอากาศรอ้ นและแห้งแลง้ ในชว่ งครึ่งหลงั ของปี 2. ภมู ภิ าคที่ได้รบั ฝนมากหรือน้�ำท่วม คาบสมทุ รอนิ เดยี มฝี นตกชกุ ตง้ั แตเ่ ดอื นพฤษภาคมตอ่ เนอ่ื งเกอื บตลอดจนถงึ สนิ้ ปี บรเิ วณนี้ ได้แกป่ ระเทศอนิ เดีย บงั คลาเทศ เนปาลและศรลี งั กา แอฟรกิ าตะวนั ออก ไดร้ บั ฝนชกุ มากในชว่ งตลุ าคม – ธนั วาคม ทำ� ใหเ้ กดิ นำ้� ทว่ มหนกั โดย เฉพาะบริเวณประเทศเคนยา อูกานดา รวนั ดาและตอนเหนือของแทนซาเนีย อเมรกิ าใต้ ตอนกลางและตอนใตข้ องอเมรกิ าใตส้ ว่ นมากมฝี นสงู กวา่ คา่ ปกตมิ ากชว่ งเดอื น มถิ ุนายนถึงส้นิ ปี บางบริเวณของชลิ ีตอนกลางไดร้ ับฝนภายใน 1 วนั เทา่ กับปรมิ าณฝน รวมเฉลยี่ ของทง้ั ปี และบริเวณชายฝ่งั ทางใต้ของเอควาดอร์และทางเหนอื ของเปรู ไดร้ ับ ฝนชุกมากและกอ่ ให้เกดิ น้�ำทว่ มชว่ งเดอื นพฤศจิกายน – ธนั วาคม อเมริกาเหนอื มีฝนตกชกุ และเกดิ นำ�้ ทว่ มเป็นบางบรเิ วณจากทางรฐั แคลิฟอร์เนียพาดไป ทางตอนใต้ของสหรฐั อเมริกาถงึ บรเิ วณรัฐฟลอรดิ าในระยะครึ่งหลงั ของปี 2540 3. ผลกระทบทีม่ ีต่อการเกิดพายุหมนุ เขตร้อน มหาสมุทรแอตแลนติค เอลนีโญท�ำให้พายุที่มีความรุนแรงระดับพายุโซนร้อนและ พายุเฮอร์ริเคนท่ีเกิดทางเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติคมีจ�ำนวนลดลงค่อนข้างชัดเจน โดยในปี พ.ศ. 2540 มพี ายโุ ซนรอ้ นเกดิ ขนึ้ 7 ลกู (ปกตปิ ระมาณ 9 ลกู ) และทรี่ นุ แรงเปน็ พายุเฮอรร์ ิเคนจ�ำนวน 3 ลกู (ปกติประมาณ 6 ลกู ) และโดยรวมแล้วพายุหมุนเขตร้อนที่ เกิดขึ้นในฤดูพายหุ มนุ เขตรอ้ นในแอตแลนตคิ เหนอื ปี 2540 เกดิ ข้ึนเพียง 52 % ของคา่ ปกตเิ ทา่ นน้ั ผลกระทบของเอลนโี ญตอ่ การเกดิ พายหุ มนุ เขตรอ้ นในมหาสมทุ รแอตแลนตกิ ปรากฏชัดทส่ี ุดระหว่างเดอื นสิงหาคม – ตุลาคม เมอ่ื มเี พียงจำ� นวน 3 ลกู ท่ไี ดก้ ่อตัวขน้ึ ในช่วงนี้ ดา้ นตะวนั ออกของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ เหนอื เอลนโี ญชว่ ยเออื้ ตอ่ การกอ่ ตวั พรอ้ มกบั ขยาย พน้ื ทข่ี องการกอ่ ตวั ของพายหุ มนุ เขตรอ้ นทางดา้ นตะวนั ออกของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ เหนอื ในปี 2540 ได้เกดิ พายุโซนรอ้ นจำ� นวน 17 ลกู (ปกติ 16 ลกู ) ทรี่ นุ แรงถึงระดบั เปน็ พายุ เฮอรร์ ิเคนจ�ำนวน 9 ลูก (ปกติ 9 ลูก) และเปน็ พายุเฮอรร์ ิเคนท่รี นุ แรงมากจำ� นวน 7 ลูก (ปกติ 5 ลกู ) นอกจากนพ้ี นื้ ทที่ เ่ี กดิ พายหุ มนุ เขตรอ้ นไดแ้ ผข่ ยายกวา้ งออกไปจากปกติ โดย มีจ�ำนวน 4 ลูก ที่ได้ก่อตัวและเคล่ือนตัวทางตะวันตกของเส้นแวง 135 องศาตะวันตก และมีพายเุ ฮอรร์ เิ คนท่ีรุนแรงจ�ำนวน 2 ลกู ทำ� ความเสียหายให้กบั ทวปี อเมริกาเหนือ ด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ พายุหมุนเขตร้อนที่เกิดขึ้นในบริเวณน้ีในปี 2540 มรี ปู แบบและลกั ษณะทผ่ี ดิ ปกตมิ าก โดยเฉพาะบรเิ วณดา้ นตะวนั ออกของประเทศ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

132 บทท่ี 9 | การหมุนเวียนของน้�ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 ฟลิ ปิ ปนิ ส์ กลา่ วคอื พายมุ กั จะมเี สน้ ทางการเคลอื่ นตวั ขน้ึ ไปในแนวทศิ เหนอื มากกวา่ ทจ่ี ะ เคล่ือนมาทางตะวันตกผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ จึงท�ำให้พายุท่ีพัดผ่าน ประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้มีจ�ำนวนน้อยกว่าปกติมาก ขณะท่ีมีพายุไต้ฝุ่นจ�ำนวน 2 ลกู เคลือ่ นเข้าสปู่ ระเทศญป่ี ่นุ เรว็ กวา่ ปกติในเดอื นมถิ นุ ายน สำ� หรับประเทศจีนฤดูพายุ หมุนเขตร้อนเกิดล่าช้ามาก และเป็นกรณีท่ีเกิดได้น้อยท่ีมีพายุหมุนเขตร้อน (พายุไต้ฝุ่น “ลินดา”) เคล่ือนผ่านปลายแหลมญวนและภาคใต้ของประเทศไทยในตอนต้นเดือน พฤศจกิ ายน 2540 ซงึ่ พายลุ กู นไ้ี ดก้ อ่ ใหเ้ กดิ ความสญู เสยี ทง้ั ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ของทางใต้ ของเวียดนามเป็นอย่างมาก จากการท่ีจ�ำนวนพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่านประเทศ ฟลิ ปิ ปนิ สม์ นี อ้ ย จงึ ทำ� ใหฟ้ ลิ ปิ ปนิ สป์ ระสบกบั ความแหง้ แลง้ และยงั สง่ ผลถงึ ประเทศใกล้ เคยี งเช่นเวยี ดนามและไทยดว้ ย เน่อื งจากพายทุ ่เี คล่ือนผา่ นฟิลปิ ปินสจ์ ะมีโอกาสเคลื่อน เขา้ สูเ่ วยี ดนามและไทยได้ในเวลาตอ่ มา หลาย ๆ ลักษณะที่กล่าวมาก็ได้เกดิ ขึน้ ในช่วงปี เอลนีโญ 2525 – 2526 ซง่ึ ชี้ให้เหน็ ถึงความเป็นไปไดอ้ ยา่ งสงู ว่ารปู แบบการเกิดของพายุ หมุนเขตร้อนในปี 2540 เก่ียวข้องกับการขยับตัวไปของการหมุนเวียนของอากาศใน ภมู ภิ าคนี้ ซึ่งสัมพนั ธ์กับปรากฏการณเ์ อลนีโญ ผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญในปี พ.ศ. 2541 (ชว่ งเดอื นมกราคม – มีนาคม) 1. ภมู ภิ าคทม่ี อี ณุ หภูมสิ ูงหรอื ฝนนอ้ ยกว่าปกติ เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ บริเวณเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ ไดแ้ ก่ ประเทศไทย พม่า ลาว เวียดนาม เขมร มาเลเซยี สิงคโปร์ อินโดนเี ซียและบรูไน มีอุณหภูมสิ ูงกวา่ คา่ ปกตติ ลอด ทงั้ ชว่ ง 3 เดอื น พร้อมกับมฝี นต�่ำกว่าค่าปกติบรเิ วณประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไนและฟิลิปปินส์ ทวีปออสเตรเลีย บริเวณด้านตะวันออก ตะวันตก และบางพ้ืนที่ทางตอนกลางของ ออสเตรเลียได้รบั ฝนตำ�่ กวา่ คา่ ปกติค่อนขา้ งมากในช่วงมกราคม – มีนาคม ส่งผลใหเ้ กิด การขาดแคลนน�ำ้ โดยเฉพาะตามบรเิ วณชายฝง่ั ดา้ นตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ เอเชียตะวันออก ด้านตะวันออกของประเทศจีนต่อเนื่องถึงประเทศเกาหลีเหนือและใต้ รวมท้งั ประเทศญีป่ ุน่ มีอณุ หภมู สิ งู กว่าคา่ ปกตใิ นเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม ตอนเหนือของอเมรกิ าใต้ มอี ุณหภูมสิ งู และฝนต่�ำกวา่ ค่าปกตติ ลอดท้งั ชว่ ง ตอนใตข้ องแอฟรกิ าตะวนั ตก ชว่ งเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ – มนี าคม มอี ณุ หภมู สิ งู และฝนตำ่� กวา่ ค่าปกติ เกาะมาดากัสการ์ ช่วงเดอื นกุมภาพนั ธ์ - มีนาคม มอี ุณหภูมสิ งู และฝนตำ่� กว่าค่าปกติ ยุโรปตะวนั ตก มอี ุณหภูมสิ ูงและฝนตำ่� กว่าค่าปกติในเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ – มีนาคม สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 บทที่ 9 | การหมุนเวียนของน้�ำในมหาสมุทร 133 2. ภูมิภาคทีม่ ีอุณหภมู ิตำ�่ หรอื ฝนมากกวา่ ปกติ อรุ กุ วยั และอารเ์ จนตนิ า มอี ณุ หภมู ติ ำ่� กวา่ ปกตแิ ละมฝี นตกหนกั ในประเทศอรุ กุ วยั ตอ่ เนอื่ ง ถงึ ทางเหนอื ของอารเ์ จนตนิ าในเดอื นมกราคม สว่ นเดอื นกมุ ภาพนั ธม์ อี ณุ หภมู ติ ำ่� และฝนตก หนกั ทางเหนือของอารเ์ จนตินา สหรฐั อเมรกิ า ในเดอื นมกราคมมฝี นตกหนกั ทางดา้ นตะวนั ออกลงไปถงึ ทางใตข้ องประเทศ และในเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ – มนี าคม บรเิ วณฝนหนกั ไดเ้ พม่ิ พน้ื ทข่ี นึ้ คอื พาดจากทางตะวนั ตก ทางใต้ ไปถึงทางตะวันออก ทม่ี า : https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=17 ปี 2015 -ปจั จบุ นั อากาศท่แี ปรปรวนดงั กล่าวทำ� ใหเ้ กดิ ภยั ธรรมชาติในหลายประเทศ อาทิ เหตุการณ์อุทกภัยคร้ังรุนแรงในรอบ 50 ปี ในหลายประเทศในภูมิภาคอเมริกาใต้ หรือวิกฤติ ไฟปา่ ทอ่ี นิ โดนเี ซยี นอกจากนเี้ อลนโี ญยงั ไดส้ ง่ ผลกระทบตอ่ ผลผลติ ทางการเกษตร เชน่ ปรมิ าณ ฝนท่ีมากข้ึนในภูมิภาคอเมริกาซ่ึงเป็นผู้ผลิตและส่งออกธัญพืชรายใหญ่ ท�ำให้ผลผลิตต่อไร่โดย เฉล่ียของผู้ปลูกถ่ัวเหลืองเพ่ิมขึ้น 2-5% อีกทั้งราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของกากถั่วเหลือง ท่ีมา : https://www.posttoday.com/finance/invest/434051 ตวั อย่างเหตุการณผ์ ลกระทบจากลานีญา 2542 - 2543 ประเทศไทยมีฝนชุกกว่าปกติ และอุณหภูมิในฤดูหนาวลดลงท�ำลายสถิติหลาย จังหวดั ในเดอื นธนั วาคม 2542 ท่ีมา : https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=50 ออสเตรเลยี อินโดนเี ซยี และฟลิ ปิ ปนิ ส์มีแนวโน้มทีจ่ ะมฝี นมากและมีน�้ำท่วม ขณะทบี่ รเิ วณ แปซิฟิกเขตร้อนตะวันออกมีฝนน้อยและแห้งแล้ง นอกจากพื้นที่ในบริเวณเขตร้อนจะได้รับผล กระทบแล้ว ปรากฏว่าลานีญายังมีอิทธิพลไปยังพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปด้วย โดยพบว่า แอฟริกาใต้มีแนวโน้มที่จะมีฝนมากกว่าปกติและมีความเสี่ยงต่ออุทกภัยมากขึ้น ขณะท่ีบริเวณ ตะวันออกของแอฟริกาและตอนใต้ของอเมริกาใต้มีฝนน้อยและเส่ียงต่อการเกิดความแห้งแล้ง และในสหรัฐอเมริกาช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ลานีญาจะแห้งแล้งกว่าปกติทางตะวันตกเฉียงใต้ ในชว่ งปลายฤดรู อ้ นตอ่ เนอ่ื งถงึ ฤดหู นาว บรเิ วณทร่ี าบตอนกลางของประเทศในชว่ งฤดใู บไมร้ ว่ ง และทางตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงฤดูหนาว แต่บางพ้ืนท่ีทางตอนเหนือและตะวันออกมีฝน มากกว่าปกติในช่วงฤดูหนาว ส่วนผลกระทบของลานีญาท่ีมีต่อรูปแบบของอุณหภูมิปรากฏว่า ในช่วงลานีญาอุณหภูมิผิวพ้ืนบริเวณเขตร้อนโดยเฉลี่ยจะลดลง และมีแนวโน้มต�่ำกว่าปกติ ในชว่ งฤดหู นาวของซกี โลกเหนอื ทางตะวนั ตกเฉยี งเหนอื ของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ บรเิ วณประเทศ ญี่ปุ่นและเกาหลีมีอุณหภูมิต�่ำกว่าปกติ ขณะท่ีทางตะวันตกเฉียงใต้ของมหาสมุทรรวมถึงพื้นที่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

134 บทที่ 9 | การหมุนเวียนของน้�ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลียมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ส่วนทางตอนเหนือของ สหรัฐอเมริกาต่อเนื่องถึงตอนใต้ของแคนาดามีอากาศหนาวเย็นกว่าปกติ พายุเฮอริเคนใน มหาสมุทรแอตแลนติกและอ่าวเม็กซิโกมีจ�ำนวนเพ่ิมมากข้ึน และสหรัฐอเมริกาและหมู่เกาะ แคริบเบยี นมโี อกาสประสบกับพายุเฮอริเคนมากขนึ้ ที่มา : https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=18 ในปีลานีญาปริมาณฝนของประเทศไทยส่วนใหญ่สูงกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนและ ต้นฤดฝู นเป็นระยะท่ลี านีญามผี ลกระทบตอ่ สภาวะฝนของประเทศไทยชดั เจนกว่าช่วงอื่น และ พบว่าในช่วงกลางและปลายฤดูฝนลานีญามีผลกระทบต่อสภาวะฝนของประเทศไทยไม่ชัดเจน สำ� หรบั อณุ หภมู ปิ รากฏวา่ ลานญี ามผี ลกระทบตอ่ อณุ หภมู ใิ นประเทศไทยชดั เจนกวา่ ฝน โดยทกุ ภาคของประเทศไทยมอี ณุ หภมู ติ ำ่� กวา่ ปกตทิ กุ ฤดู และพบวา่ ลานญี าทมี่ ขี นาดปานกลางถงึ รนุ แรง ส่งผลให้ปริมาณฝนของประเทศไทยสูงกว่าปกติมากขึ้น ขณะที่อุณหภูมิต�่ำกว่าปกติมากขึ้น ท่มี า : https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=18 การเกดิ ลานญี าในสหรฐั ฯและทางตอนเหนอื ของอเมรกิ าใต้ ปี ค.ศ. 2012 สง่ ผลให้ผลผลิต ขา้ วโพดทำ� สถติ ติ ่�ำสดุ ในรอบ 17 ปี เหลือเพยี ง 123 บุชเชลตอ่ เอเคอร์ (bushels/acres) เม่ือ เทียบกับผลิตเฉล่ยี ต้งั แตป่ ี 1995 – 2015 ที่ 144 บุชเชลต่อเอเคอร์ ทมี่ า : https://www.posttoday.com/finance/invest/434051 ส�ำหรบั ประเทศไทย ผลกระทบขนาดรุนแรงทม่ี ีตอ่ ฝนและอุณหภมู ิใน 3 ฤดู ฝา่ ยวชิ าการ ภูมิอากาศกรมอตุ ุนิยมวิทยาพบว่า ฤดูฝนปีทีเ่ กิดลานีญา (ม.ิ ย. - ต.ค.) ฝนจะสูงกว่าปกตเิ ว้นแต่ทางบริเวณของภาคตะวันออก เฉียงเหนอื ทม่ี ฝี นอยใู่ นเกณฑต์ �่ำกว่าปรกติ ฤดหู นาวปลายปที เี่ กดิ ลานญี า - ตน้ ปหี ลงั เกดิ ลานญี า (พ.ย. - ก.พ.) ทวั่ ประเทศจะมอี ณุ หภมู ิ ตำ�่ กว่าปกติ ส�ำหรบั ฝนในฤดูหนาวของประเทศตอนบนมอี ุณหภมู ใิ นเกณฑ์ต�่ำกว่าปรกติ เวน้ แต่ ตามบรเิ วณชายฝง่ั ภาคตะวนั ออกทจ่ี ะมฝี นสงู กวา่ ปกติ และฝนในภาคใตท้ ง้ั 2 ฝง่ั ในครง่ึ แรกของ ฤดู (พ.ย. - ธ.ค.) จะมีฝนสูงกว่าปรกติ แตฝ่ นจะลดลงในครงึ่ หลงั ของฤดู (ม.ค. - ก.พ.) โดยอาจ จะมฝี นอยู่ในเกณฑ์ตำ่� กว่าปรกติ ฤดรู อ้ นปหี ลงั เกดิ ลานญี า (ม.ี ค. - พ.ค.) ทวั่ ประเทศจะมอี ณุ หภมู ติ ำ่� กวา่ ปกตทิ วั่ ประเทศ และ จะมฝี นตกลงมาบ้าง อยู่ในเกณฑส์ งู กว่าปรกตทิ ่วั ประเทศซ่งึ จะท�ำให้อากาศไมร่ อ้ นมาก ที่มา : https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet4/june22/la_nina.htm ตัวอย่างการวิเคราะหแ์ ละเปรียบเทยี บผลกระทบทีเ่ กดิ จากปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 บทที่ 9 | การหมุนเวียนของน้�ำในมหาสมุทร 135 ไปทพาางยเหเุ คนลือ่ือมนาทกี่ข้นึ พจาำยนุหวมนุนเเพขิม่ตขรอ้ึนน พาจยำุหนมวุนนเลขดตลรงอ น ผลกระทบจากเอลนโี ญ อุณหภูมสิ งู กวาปกติ แหง แลงหรือฝนนอยกวาปกติ ผลผลติ ทางการเกษตรเพม่ิ ข้นึ อุณหภมู ิต่ำกวา ปกติ ฝนมากหรอื นำ้ ทว ม ผลผลติ ทางการเกษตรลดลง พจาำยนุหวมนนุ เเพข่ิมตขรอึ้นน ผลกระทบจากลานีญา อณุ หภมู ิสงู กวาปกติ แหงแลงหรือฝนนอ ยกวาปกติ ผลผลิตทางการเกษตรเพ่มิ ขึน้ อณุ หภมู ิต่ำกวาปกติ ฝนมากหรอื น้ำทวม ผลผลิตทางการเกษตรลดลง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

136 บทท่ี 9 | การหมนุ เวียนของน้�ำในมหาสมุทร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 สรุปผลการทำ� กิจกรรม ในชว่ งทเี่ กดิ ปรากฏการณเ์ อลนโี ญ ชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตกของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ เกดิ ความแหง้ แลง้ มากขนึ้ และพายหุ มนุ เขตรอ้ นเคลอื่ นทไ่ี ปทางเหนอื มากขน้ึ ในขณะทช่ี ายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกของ มหาสมทุ รแปซฟิ กิ มปี รมิ าณฝนเพม่ิ มากขนึ้ จนทำ� ใหม้ โี อกาสเกดิ นำ�้ ทว่ มและดนิ ถลม่ มากขนึ้ และ พายุหมุนเขตร้อนมีจ�ำนวนเพิ่มมากข้ึน ส่วนในพ้ืนที่ที่ห่างไกลออกไปอาจมีอุณหภูมิสูงหรือต�่ำ กว่าปกติ เกิดความแห้งแล้งหรือมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น ผลผลิตทางการเกษตรเพ่ิมขึ้น และใน มหาสมุทรแอตแลนตกิ มจี ำ� นวนพายหุ มนุ เขตร้อนลดลง ในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ลานีญา ชายฝั่งด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกมีปริมาณฝน มากขึ้นจนท�ำให้มีโอกาสเกิดน�้ำท่วมและดินถล่มมากขึ้น ในขณะท่ีชายฝั่งด้านตะวันออกของ มหาสมทุ รแปซฟิ กิ เกดิ ความแหง้ แลง้ มากขน้ึ สว่ นในพน้ื ทท่ี หี่ า่ งไกลออกไปอาจมอี ณุ หภมู ติ ำ่� กวา่ ปกติ เกดิ ความแหง้ แลง้ หรอื มปี รมิ าณฝนเพมิ่ ขน้ึ ผลผลติ ทางการเกษตรลดลง และในมหาสมทุ ร แอตแลนตกิ มีจำ� นวนพายุหมุนเขตร้อนเพมิ่ ข้นึ คำ� ถามทา้ ยกิจกรรม 1. ในชว่ งทเี่ กดิ ปรากฏการณเ์ อลนโี ญ พนื้ ทช่ี ายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกและตะวนั ตกของมหาสมทุ ร แปซฟิ ิกได้รับผลกระทบอะไรบ้าง แนวคำ� ตอบ พน้ื ท่ีชายฝ่งั ด้านตะวันออกของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ มีปริมาณฝนเพม่ิ มากขน้ึ จนทำ� ใหม้ โี อกาสเกดิ นำ�้ ทว่ มและดนิ ถลม่ มากขนึ้ ในขณะทพ่ี นื้ ทช่ี ายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกของ มหาสมุทรแปซิฟกิ เกิดฝนตกนอ้ ยลงท�ำใหม้ ีความแห้งแลง้ มากขนึ้ 2. ในชว่ งทเ่ี กดิ ปรากฏการณล์ านญี า พนื้ ทชี่ ายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกและตะวนั ตกของมหาสมทุ ร แปซฟิ ิกไดร้ ับผลกระทบอะไรบ้าง แนวคำ� ตอบ พน้ื ทชี่ ายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ เกดิ ความแหง้ แลง้ มากขน้ึ ในขณะทพ่ี น้ื ทชี่ ายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตกของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ มปี รมิ าณฝนมากขน้ึ จนทำ� ใหม้ ี โอกาสเกิดน้�ำท่วมและดินถล่มมากข้นึ 3. ปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญาสง่ ผลกระทบตอ่ พน้ื ทอ่ี ่ืน ๆ หรอื ไม่ อย่างไร แนวคำ� ตอบ ปรากฏการณเ์ อลนโี ญและลานญี าสง่ ผลกระทบตอ่ พนื้ ทอี่ น่ื ๆ ดว้ ย โดยอาจ มีอุณหภูมิสูงหรือต่�ำกว่าปกติ เกิดความแห้งแล้งหรือมีปริมาณฝนเพ่ิมขึ้น ผลผลิตทาง การเกษตรเพม่ิ ขน้ึ หรอื ลดลง และในมหาสมทุ รแอตแลนตกิ อาจมจี ำ� นวนพายหุ มนุ เขตรอ้ น เพ่มิ ข้ึนหรอื ลดลง สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 บทที่ 9 | การหมนุ เวียนของน้�ำในมหาสมทุ ร 137 4. ปรากฏการณเ์ อลนีโญและลานญี ากอ่ ให้เกิดผลกระทบได้อยา่ งไร แนวค�ำตอบ ปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญาส่งผลให้อุณหภูมิน�้ำผิวหน้ามหาสมุทร เปลยี่ นแปลงไปจากเดิม โดยบรเิ วณที่นำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รมีอณุ หภมู สิ ูงกว่าปกติ อากาศ เหนอื พนื้ นำ�้ บรเิ วณนจี้ งึ มอี ณุ หภมู แิ ละความชน้ื สงู สง่ ผลใหเ้ กดิ ฝนตกและนำ้� ทว่ มมากขน้ึ บรเิ วณทน่ี ำ�้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รมอี ณุ หภมู ติ ำ่� กวา่ ปกติ ทำ� ใหป้ รมิ าณฝนนอ้ ยลงและเกดิ ความ แห้งแล้ง 5. ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญาอยา่ งไรบ้าง แนวคำ� ตอบ ในช่วงทเ่ี กิดเอลนีโญ ประเทศไทยมีอณุ หภมู ิสงู และแห้งแลง้ มากกวา่ ปกติ และในชว่ งท่เี กดิ ลานญี า ประเทศไทยมอี ุณหภูมติ �่ำและเกิดฝนตกมากกวา่ ปกติ 13. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำ� เสนอผลการทำ� กจิ กรรม และรว่ มกนั อภปิ รายผลการทำ� กจิ กรรมพรอ้ ม ตอบค�ำถามทา้ ยกิจกรรม โดยมีแนวทางการอภปิ รายและแนวทางการตอบค�ำถามดังด้านบน 14. ให้นักเรียนศึกษาผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา จากหนังสือเรียนหน้า 86 - 87 จากน้ันน�ำอภิปรายเพ่ือเชื่อมโยงความรู้จากกิจกรรม 9.3 โดยมีแนวทางในการ อภปิ รายดงั นี้ แนวทางการอภปิ ราย ในชว่ งที่เกิดปรากฏการณเ์ อลนโี ญ น้�ำผิวหน้ามหาสมทุ รบรเิ วณชายฝั่งดา้ นตะวนั ตกของมหาสมุทร แปซิฟิกมีอุณหภูมิต�่ำกว่าปกติ ทำ� ให้บริเวณดังกล่าวมีปริมาณฝนน้อยลงและเกิดความแห้งแล้ง ส่งผล กระทบชดั เจนในประเทศอนิ โดนเี ซยี ออสเตรเลยี และปาปวั นวิ กนิ ี ในขณะเดยี วกนั นำ้� ผวิ หนา้ มหาสมทุ ร บรเิ วณตอนกลางและชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ มอี ณุ หภมู สิ งู กวา่ ปกติ จงึ เกดิ เมฆและ มีปริมาณฝนตกเพ่ิมมากข้ึนจนท�ำให้เกิดน้�ำท่วมและแผ่นดินถล่มในหลายพ้ืนที่เช่นในประเทศเปรูและ เอควาดอร์ นอกจากนี้ยังส่งผลให้ชาวประมงในบริเวณนั้นจับปลาได้น้อยลงเน่ืองจากเกิดน้�ำผุดน้อยลง ในช่วงท่ีเกิดปรากฏการณ์ลานีญาน�้ำผิวหน้ามหาสมุทรบริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกของมหาสมุทร แปซิฟิกมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ จึงเกิดเมฆและมีปริมาณฝนตกเพ่ิมมากขึ้นจนท�ำให้เกิดน้�ำท่วมและ แผ่นดนิ ถล่มในหลายพนื้ ที่ เชน่ บริเวณประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลยี และปาปวั นวิ กนิ ี และพืน้ ทใ่ี กล้ เคียง ในขณะเดียวกัน บริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกเกิดน�้ำผุดมากข้ึน ส่งผลให้ น้�ำผิวหน้ามหาสมุทรในบริเวณน้ีมีอุณหภูมิต่�ำกว่าปกติท�ำให้ปริมาณฝนน้อยลงจึงเกิดภัยแล้งใน ประเทศเปรู เอควาดอร์ และพ้นื ทใ่ี กลเ้ คียง อยา่ งไรก็ตาม การเกิดนำ้� ผุดในบริเวณน้ีจะยังคงทำ� ให้เกดิ ความอุดมสมบูรณ์และมีสัตว์นำ�้ ชกุ ชุม ส�ำหรับในประเทศไทย ในช่วงท่ีเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญนั้นมีปริมาณฝนของประเทศต�่ำกว่าปกติ และอุณหภูมิของอากาศสูงกว่าปกติในบางพื้นท่ี ประเทศไทยเคยประสบกับปรากฏการณ์เอลนีโญท่ี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

138 บทท่ี 9 | การหมนุ เวยี นของน�้ำในมหาสมทุ ร โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เลม่ 3 รนุ แรง ในปี พ.ศ. 2540 - 2541 ท�ำให้อณุ หภมู ิอากาศสงู กว่าปกตแิ ละเกดิ ภัยแลง้ ทัว่ ทัง้ ประเทศส่วนใน ช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ลานีญานั้นจะมีฝนตกมากกว่าปกติและอุณหภูมิอากาศต�่ำกว่าปกติ ซึ่งในปี พ.ศ. 2542 - 2543 เกดิ ปรากฏการณล์ านญี าท่รี นุ แรง ส่งผลให้มีฝนตกชกุ มากกว่าปกตใิ นหลายพืน้ ท่ี ของประเทศ ท�ำให้เกิดน�้ำท่วมและแผ่นดินถล่ม และอุณหภูมิอากาศในฤดูหนาวลดลงจนท�ำลายสถิติ อณุ หภูมอิ ากาศต่�ำสดุ ท่เี คยบันทึกไวใ้ นหลายจงั หวดั 15. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นเกยี่ วกบั ผลกระทบจากปรากฏการณเ์ อลนโี ญและลานญี า โดยใชค้ ำ� ถามในหนงั สอื เรยี นหน้า 87 ดงั นี้  ในชว่ งท่ีเกดิ ปรากฏการณ์เอลนีโญ ชายฝ่ังดา้ นตะวนั ออกและชายฝงั่ ดา้ นตะวนั ตกของ มหาสมทุ รแปซิฟิกได้รบั ผลกระทบอยา่ งไรบา้ ง แนวคำ� ตอบ พนื้ ทช่ี ายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตกของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ เกดิ ความแหง้ แลง้ มากขน้ึ พนื้ ที่ ชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ มโี อกาสเกดิ นำ�้ ทว่ มและแผน่ ดนิ ถลม่ มากขนึ้ และ ชาวประมงจบั ปลาไดน้ อ้ ยลง  ในชว่ งทเี่ กิดปรากฏการณ์ลานญี า ชายฝัง่ ด้านตะวนั ออกและชายฝัง่ ด้านตะวนั ตกของ มหาสมทุ รแปซิฟกิ ไดร้ บั ผลกระทบอย่างไรบ้าง แนวค�ำตอบ พ้ืนที่ชายฝั่งด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกมีโอกาสเกิดน้�ำท่วมและ แผ่นดินถล่มมากข้ึน พ้ืนท่ีชายฝั่งด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกเกิดความแห้งแล้ง มากข้นึ 16. ครอู ภิปรายกับนกั เรียนเพ่ิมเติมเกย่ี วกับผลกระทบจากปรากฏการเอลนีโญและลานีญาที่มตี อ่ ประเทศไทย โดยใช้คำ� ถามชวนคดิ ในหนงั สอื เรียนหนา้ 88 ดงั นี้  เพราะเหตุใด ในชว่ งท่เี กิดปรากฏการณล์ านญี า ประเทศไทยจงึ มีฝนตกมากกว่าปกตแิ ละ อุณหภมู ิอากาศตำ่� กว่าปกติ แนวค�ำตอบ เน่ืองจากน้�ำผิวหน้ามหาสมุทรบริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกของมหาสมุทร แปซฟิ กิ มอี ณุ หภมู สิ งู กวา่ ปกติ อากาศเหนอื ผวิ นำ้� บรเิ วณนจ้ี งึ มอี ณุ หภมู สิ งู ขนึ้ สง่ ผลใหค้ วาม กดอากาศมีค่าต่�ำกว่าปกติ ท�ำให้ความกดอากาศบริเวณตอนบนของประเทศจีนและความ กดอากาศเหนอื มหาสมทุ รมคี า่ แตกตา่ งกนั มากขน้ึ อากาศจงึ สามารถเคลอื่ นทจ่ี ากทางตอน บนของประเทศจีนผ่านประเทศไทยไปยังมหาสมุทรได้มากขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยมี อณุ หภมู ลิ ดตำ่� ลงกวา่ ปกติ หรอื อาจมฝี นตกมากขน้ึ หากอากาศเยน็ เคลอื่ นทมี่ ายงั ประเทศไทย ในช่วงทีม่ อี ากาศช้ืนปกคลมุ ประเทศไทยอยู่ 17. ครใู ห้นักเรียนสังเกตรูป 9.20 และ 9.21 จากนน้ั ร่วมกันอภิปรายโดยใช้ค�ำถามดงั ตอ่ ไปน้ี  รปู 9.20 และ 9.21 แสดงข้อมูลในชว่ งที่เกดิ ปรากฏการณใ์ ด แนวคำ� ตอบ รูป 9.20 แสดงข้อมูลในชว่ งที่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ และรูป 9.21 แสดง ข้อมลู ในชว่ งทีเ่ กิดปรากฏการณล์ านญี า สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี