คู่มือครูรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 การเรยี นรู้สง่ิ ต่าง ๆ รอบตวั 58 5.8 การเจริญเตบิ โตของผกั บงุ้ สงั เกตหรือวดั จากอะไร (วดั จาก การเตรยี มตวั ล่วงหน้าสาหรบั ครู ความสูงของต้นผักบุ้งจากยอดจนถึงโคนหรือถา้ ผกั บุง้ เพอ่ื จัดการเรียนรใู้ นครั้งถัดไป ทอดยอดอาจวัดความยาวจากยอดผังบุ้งจนถึงโคน) ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้ทา 5.9 เพราะเหตใุ ดจึงต้องมกี ารกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั กิ าร (เพื่อ กิจกรรมที่ 3 การทดลองทาได้อย่างไร กาหนดใหเ้ ขา้ ใจตรงกันวา่ จะสงั เกตหรอื วัดการเจริญเติบโต ค รู เ ต รี ย ม ก า ร จั ด กิ จ ก ร ร ม โ ด ย ส า ร ว จ จากอะไร) บริเวณที่จะเป็นจุดปล่อยร่มซ่ึงมีความสูง ประมาณ 3 เมตรจุดนี้ควรเป็นบริเวณที่ 5.10 การกาหนดนิยามเชงิ ปฏิบัติการคอื อะไร (คือการ ปลอดภัยต่อการทากจิ กรรมของนกั เรยี น กาหนดใหเ้ ข้าใจตรงกันวา่ จะสังเกตหรอื วดั ตัวแปรตาม อยา่ งไร) 5.11 การทดลองคืออะไร (กระบวนการปฏบิ ตั ิในการหาคาตอบ เพอ่ื ตรวจสอบสมมติฐาน) 5.12 สมมติฐานที่ต้ังไวถ้ กู ตอ้ งเสมอไปหรอื ไม่ (ไมเ่ สมอไปผลท่ี ได้อาจจะไม่เปน็ ไปตามสมมติฐานกไ็ ด)้ ขน้ั สรุปจากการอา่ น (10 นาท)ี 6. ครแู ละนักเรียนชว่ ยกนั สรุปเรอ่ื งทีอ่ ่านซ่งึ ควรสรปุ ได้ว่าการหา คาตอบบางอย่างอาจจะต้องทาการทดลอง ซงึ่ ประกอบด้วยการ ต้งั สมมติฐาน การกาหนดและควบคมุ ตัวแปร การกาหนดนิยาม เชงิ ปฏบิ ัติการ การทดลองคือกระบวนการในการปฏบิ ัตเิ พ่อื ตรวจสอบสมมติฐานท่ตี ง้ั ไว้ โดยมีขัน้ ตอนคือการออกแบบการ ทดลอง การทดลอง และบันทกึ ผลการทดลอง 7. นักเรียนตอบคาถามใน ร้หู รอื ยงั ในแบบบันทกึ กิจกรรม หน้า 21 8. ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายเพ่อื เปรียบเทยี บคาตอบของ นักเรียนในรูห้ รือยงั กับคาตอบทเ่ี คยตอบและบนั ทึกไว้ในคิดกอ่ น อา่ น 9. ครชู กั ชวนนกั เรยี นใหห้ าคาตอบร่วมกันในกิจกรรมต่อไปโดยใช้ คาถาม เชน่ นอกจากการทดลองจะใช้เพ่อื ค้นหาคาตอบวา่ ดนิ ชนิดใดทาให้พชื เจรญิ เตบิ โตได้ดีท่สี ุดแล้ว ยังมีประโยชน์อะไร อีกบ้าง สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
59 คูม่ ือครูรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 การเรียนร้สู ่งิ ตา่ ง ๆ รอบตวั แนวคาตอบในแบบบันทกึ กจิ กรรม สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรูส้ ่ิงต่าง ๆ รอบตัว 60 กจิ กรรมที่ 3 การทดลองทาไดอ้ ย่างไร กิจกรรมน้นี กั เรียนจะไดฝ้ ึกทักษะการทดลองโดย C5 ความรว่ มมือ การตั้งคาถามการทดลอง ตั้งสมมตฐิ าน ระบุตัวแปร กาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการเกยี่ วกบั รม่ แบบใดจะตกถึง พน้ื ได้ชา้ กว่าโดยกล่องอาหารและอาหารไม่เสยี หายเพ่ือ ฝึกทักษะการทดลอง เวลา 1 ชว่ั โมง จุดประสงค์การเรียนรู้ อธบิ ายทักษะการทดลองเพอ่ื รวบรวมขอ้ มูลใน การสบื เสาะหาความรู้ วสั ดุ อปุ กรณ์สาหรับทากจิ กรรม ส่ิงทค่ี รตู ้องเตรียม/กลุ่ม 1. ไข่นกกระทา 2 ฟอง สื่อการเรยี นร้แู ละแหลง่ เรียนรู้ 2. นาฬิกาจบั เวลา 1 เรือน 1. หนงั สอื เรียน ป.4 เลม่ 1 หนา้ 27-30 2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.4 เลม่ 1 หนา้ 22-26 3. เชอื กฟาง 3-4 เส้น 3. ตัวอยา่ งวดี ทิ ัศนป์ ฏบิ ตั ิการวทิ ยาศาสตรเ์ รอ่ื ง 4. ถงุ พลาสตกิ 2-3 ใบ ทาการทดลองได้อยา่ งไร http://ipst.me/8123 5. ถ้วยพลาสตกิ 2 ใบ ทักษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S2 การวดั S3 การใชจ้ านวน S8 การลงความเหน็ จากข้อมลู ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C4 การส่อื สาร สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
61 คมู่ อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรียนรสู้ งิ่ ตา่ ง ๆ รอบตวั แนวการจัดการเรยี นรู้ ค รู รั บ ฟั ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง นักเรียนเป็นสาคัญ ครูยังไม่ 1. ครูสาธิตหน้าชั้นเรยี น โดยนากระดาษ A4 แบบเรียบ จานวน 1 เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวนให้ แผ่นและกระดาษ A4 ท่ขี ยาแลว้ มาให้นกั เรียนดู แล้วถามวา่ ถ้า หาคาตอบท่ีถูกตอ้ งจากกิจกรรม ปล่อยกระดาษท้งั 2 แบบใหต้ กถึงพ้ืนดว้ ยระยะความสงู เท่ากนั จับ ต่าง ๆ ในบทเรยี น้ี เวลาต้งั แตป่ ลอ่ ยกระดาษจนกระดาษตกถงึ พ้ืน นกั เรยี นคดิ วา่ กระดาษแบบใดจะตกถงึ พ้ืนเรว็ กว่ากนั และเปน็ เพราะเหตุใด (นกั เรียนตอบไดต้ ามความเขา้ ใจ) ครนู านกั เรยี นเข้าสู่กจิ กรรมซงึ่ นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นรูเ้ กย่ี วกบั การทดลองเปรยี บเทยี บการตกของ วตั ถเุ มื่อใชข้ นาดวัตถุตา่ งกนั 2. นกั เรยี น อ่านชือ่ กจิ กรรมและ ทาเปน็ คิดเปน็ ในหนังสอื เรียน หน้า 27 ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นเกี่ยวกับสิง่ ทีจ่ ะเรยี น โดย ใชค้ าถามดงั ต่อไปน้ี 2.1กิจกรรมนีน้ กั เรียนจะได้เรียนเกย่ี วกับเร่ืองอะไร (ทกั ษะการ ทดลอง) 2.2นกั เรยี นจะเรยี นเรอ่ื งนด้ี ว้ ยวธิ ีใด (ทดลอง) 2.3เมอื่ เรียนแลว้ นกั เรยี นจะทาอะไรได้ (อธบิ ายทกั ษะการทดลอง) 3. ครนู าเข้าสู่กจิ กรรม โดยใหน้ กั เรยี นอา่ น ทาอยา่ งไร ในหนงั สอื เรยี น หน้า 27 โดยใช้วธิ กี ารอ่านตามความเหมาะสมกับความสามารถของ นกั เรยี น ครตู รวจสอบความเขา้ ใจขน้ั ตอนการทากจิ กรรม โดยอาจ ใชค้ าถามดังนี้ 3.1 เรือ่ งทอี่ ่านในสถานการณ์ เกี่ยวกับอะไร (เหตกุ ารณ์นา้ ท่วมทา ใหผ้ ้ปู ระสบภัยขาดแคลนยาและอาหาร อาจชว่ ยเหลอื โดยใช้ เฮลิคอปเตอร์สง่ ยาและอาหารแกผ่ ู้ประสบภยั ) 3.2 วิธกี ารขนสง่ กลอ่ งอาหารและยาโดยไมท่ าใหเ้ สียหายตอ้ งทา อยา่ งไร(ผกู กลอ่ งกบั รม่ แลว้ ปล่อยลงจากเฮลคิ อปเตอร)์ 3.3 จากสถานการณ์ นักเรียนตอ้ งทาอย่างไร (ออกแบบและ วเิ คราะหร์ ม่ จานวน 2 แบบและนาไปทดสอบโดยท่เี ม่อื ปลอ่ ย กลอ่ งอาหารกับร่มแลว้ กล่องอาหารไมเ่ สยี หาย) 3.4 การทดลองนี้มีการกาหนดเงื่อนไขอะไรบ้าง (ปล่อยรม่ จาก ความสูง 3 เมตร กลอ่ งอาหารคือถว้ ยพลาสติก และอาหารคอื ไขน่ กกระทา ตวั รม่ ทาจากถงุ พลาสตกิ และเชือกฟาง) สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 1 | หนวยที่ 1 การเรียนรสู ิ่งตา ง ๆ รอบตวั 62 3.5 จากนน้ั นกั เรยี นตองทําอยา งไร (อภิปรายเพื่อตั้งคําถามการ ทดลอง ตง้ั สมมติฐาน ระบตุ ัวแปรตน ตวั แปรตามและ ตวั แปรทตี่ องควบคุมใหคงที่ รวมกันวางแผนการทดลองและ กาํ หนดนิยามเชิงปฏิบตั ิการ) 3.6 นกั เรยี นตอ งทาํ อยา งไรตอไป (ดําเนนิ การทดลองตามที่ วางแผนและบนั ทึกผล) 3.7 จากนั้นนักเรยี นตองทาํ อยางไรอกี (ตีความหมายขอ มูลและ ลงขอสรุป) 4. เมอ่ื นักเรียนเขาใจวิธกี ารทาํ กิจกรรมแลว ใหน กั เรียนเรม่ิ ทาํ กจิ กรรม ทลี ะขอ และบันทกึ ผลในแบบบันทึกกจิ กรรมหนา 22-24 ดังนี้ 4.1 นักเรียนรว มกันต้งั คําถามในการทดลอง ตั้งสมมตฐิ าน ระบุตวั แปร (S9, S11) 4.2 วางแผนการทดลองและกําหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบัตกิ าร (S10, S12) 4.3 ดําเนินการทดลอง บันทกึ ผล (S12) (C5) 4.4 นําเสนอรม ที่ดีท่สี ดุ (C4) 4.5 ตคี วามหมายขอมลู และลงขอสรปุ (S13) 5. นักเรียนนําเสนอผลการทํากิจกรรม 6. นักเรยี นนาํ ผลการทํากจิ กรรมมาอภิปรายรวมกนั โดยอาจใชค ําถาม ดังตอ ไปนี้ 6.1 คําถามการทดลองของแตละกลุม เปน อยางไร (นกั เรียนตอบไดต าม ความเขาใจ) 6.2 สมมติฐานการทดลองของแตละกลุม เหมือนหรือแตกตางกัน อยางไร (นกั เรยี นตอบตามความเขา ใจ เชน แตกตา งกัน) 6.3 การทดลองน้ีมตี ัวแปรตน ตัวแปรตามและตวั แปรท่ีตองควบคมุ ให คงที่ คืออะไร (ตัวแปรตน คือ ขนาดของรม ตวั แปรตาม คือ ระยะเวลาที่รมตกถึงพ้ืน ตัวแปรทต่ี องควบคมุ ใหคงที่ ไดแ ก ชนดิ ของวัสดทุ ที่ ํารม ความยาวของเชอื ก จํานวนเชือก จํานวนไขนก กระทา ขนาดและชนิดของวสั ดทุ ่ีใชทําถว ย) 6.4 ผลการทดลองแตละกลุมเปนอยางไร เปน ไปตามสมมตฐิ านหรอื ไม (รมขนาดใหญต กชากวา รมขนาดเล็ก) 6.5 การทดลองน้ี สรปุ ไดวาอยางไร (รมขนาดแตกตางกันใชเวลาตกถงึ พืน้ แตกตางกนั ) สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
63 คู่มือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรู้สงิ่ ต่าง ๆ รอบตวั 6.5 การทดลองน้ี สรุปได้ว่าอยา่ งไร (ร่มขนาดแตกตา่ งกันใช้เวลาตกถึง พืน้ แตกต่างกนั ) 6.6 นกั เรยี นตอ้ งดาเนนิ การทดลองอย่างไรบ้าง (ตั้งคาถามการทดลอง วางแผนการทดลอง ทาการทดลอง และบนั ทึกผลการทดลอง) 6.7 การทดลองครัง้ นีใ้ ชท้ ักษะใดรว่ มดว้ ย (การสังเกต การตงั้ สมมติฐาน การกาหนดและควบคุมตวั แปร การตีความหมายข้อมูลและลง ข้อสรุป) 7. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายและสรปุ กจิ กรรมน้ีวา่ เปน็ การ เรียนรทู้ ักษะการทดลองโดยผา่ นการทากจิ กรรมเปรยี บเทยี บขนาด ของรม่ มผี ลต่อการตกถงึ พ้นื เร็วช้าตา่ งกนั หรอื ไม่และไมท่ าให้ส่งิ ของ เสียหาย ซงึ่ การทดลองเป็นการปฏิบตั เิ พ่ือตรวจสอบสมมตฐิ านโดย เร่มิ จากการตัง้ คาถามการทดลอง การตง้ั สมมตฐิ าน การวางแผน การทดลอง การกาหนดและควบคมุ ตวั แปร การดาเนนิ การทดลอง บนั ทึกผลการทดลอง นาเสนอผลการทดลอง 8. นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายคาตอบในฉนั รู้อะไร โดยครอู าจเพมิ่ เติม คาถามในการอภิปราย เพ่ือใหไ้ ด้แนวคาตอบตามคาถามทา้ ย กิจกรรมนี้ 9. ครูใหน้ กั เรยี นสรุปสิ่งท่ีไดเ้ รยี นรู้ในกจิ กรรมน้ี จากนนั้ ครใู หน้ ักเรยี น อา่ นสง่ิ ท่ไี ดเ้ รยี นรู้ และเปรียบเทียบกบั ข้อสรปุ ของตนเอง 10. นกั เรยี นตง้ั คาถามในอยากรอู้ ีกว่า จากนนั้ ครูสุ่มนักเรยี น 2-3 คน นาเสนอคาถามของตนเองหนา้ ชัน้ เรียน 11. ครนู าอภปิ รายเพ่อื ให้นักเรยี นทบทวนวา่ ไดฝ้ กึ ทกั ษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ในขน้ั ตอนใดบ้าง 12. นกั เรยี นรว่ มกนั อา่ น รูอ้ ะไรในเรื่องน้ี เร่ืองท่ี 3 การทดลองของ นกั วทิ ยาศาสตร์ ในหนงั สอื เรยี นหน้า 31-32 ครนู าอภิปรายเพ่ือ นาไปสขู่ ้อสรุปเก่ียวกับสงิ่ ที่ไดเ้ รียนรใู้ นเรือ่ งน้ี จากนั้นครูชกั ชวนให้ นกั เรยี นตอบคาถาม เช่น ถ้าอยากทราบวา่ รม่ ทที่ าจากวัสดชุ นดิ ใด ตกถึงพ้นื ช้าท่ีสดุ จะมีวิธีการทดลองอยา่ งไร โดยครแู ละนกั เรยี น ร่วมกันอภปิ รายแนวทางการตอบคาถาม โดยเน้นให้นกั เรียนตอบ คาถามพร้อมอธิบายเหตผุ ลประกอบ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มอื ครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 การเรยี นรสู้ ง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตวั 64 แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมนิ การเรียนรู้ของนักเรียนทาได้ ดังน้ี 1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภปิ รายในชน้ั เรียน 2. ประเมนิ การเรียนรจู้ ากคาตอบของนักเรยี นระหวา่ งการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทากิจกรรมของนักเรียน การประเมินจากการทากจิ กรรมที่ 1 จมหรอื ลอย ระดับคะแนน 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรงุ 3 คะแนน หมายถงึ ดี รหัส สิ่งทป่ี ระเมนิ คะแนน ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ S1 การสังเกต S2 การวดั S9 การตง้ั สมมติฐาน S10 การกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบัตกิ าร S11 การกาหนดและควบคมุ ตัวแปร S12 การทดลอง S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 C2 การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ C4 การสือ่ สาร C5 ความรว่ มมือ รวมคะแนน สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
65 คู่มอื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 การเรียนรู้สงิ่ ตา่ ง ๆ รอบตวั ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรต์ ามระดับความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมนิ ดังนี้ ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) S1 การสงั เกต การบรรยาย สามารถใชป้ ระสาทสมั ผสั สามารถใชป้ ระสาทสมั ผสั ไมส่ ามารถใชป้ ระสาท ลักษณะของไขน่ ก เกบ็ รายละเอยี ดและ เกบ็ รายละเอียดและบรรยาย สมั ผสั เกบ็ รายละเอยี ดและ กระทากอ่ นและ บรรยายเกย่ี วกบั ลกั ษณะ เกีย่ วกับลักษณะของไขน่ ก บรรยายเกย่ี วกบั ลกั ษณะ ภายหลังจากทต่ี ก ของไข่นกกระทากอ่ นและ กระทาก่อนและภายหลังจาก ของไข่นกกระทาก่อนและ ถงึ พนื้ ภายหลังจากตกถงึ พ้ืน ตกถงึ พน้ื โดยต้องอาศยั การ ภายหลังจากทตี่ กถงึ พืน้ ด้วยตนเอง โดยไม่เพิ่ม ชี้แนะของครูหรอื ผอู้ ื่น แม้ว่าครูหรือผอู้ ่ืนช่วย ความคดิ เหน็ แนะนาหรอื ช้แี นะ S2 การวดั การใชอ้ ปุ กรณก์ าร สามารถใช้อปุ กรณ์วดั สามารถใช้อปุ กรณว์ ัดความ ไม่สามารถใชอ้ ปุ กรณว์ ดั วดั ความยาวและ ความยาววัสดุทาร่มและ ยาววัสดุทาร่มและระบหุ นว่ ย ความยาววสั ดุทาร่มและ การระบุหน่วยท่ไี ด้ ระบหุ นว่ ยได้อยา่ งถูกต้อง ไดอ้ ยา่ งถกู ต้องโดยต้องอาศัย ระบหุ นว่ ยได้แม้ว่าครูหรือ จากการวดั ดว้ ยตนเอง และระบหุ นว่ ย การช้แี นะจากครูหรือผอู้ ื่น ผู้อื่นชว่ ยแนะนาหรอื ชี้แนะ ของมวลได้อย่างถูกต้อง S9 การ การเขียนหรือพดู สามารถเขยี นหรือพูด สามารถเขียนหรือพูด ไมส่ ามารถเขยี นหรือพดู ต้งั สมมติฐาน ขอ้ ความที่ ข้อความทีค่ าดคะเนผลการ ขอ้ ความท่ีคาดคะเนผลการ ข้อความทีค่ าดคะเนผลการ คาดคะเนผลการ ทดลองลว่ งหน้าไดด้ ว้ ย ทดลองล่วงหนา้ ไดแ้ ตต่ อ้ ง ทดลองลว่ งหน้าไดแ้ ม้วา่ จะ ทดลองลว่ งหนา้ ตนเอง อาศยั การชีแ้ นะของครหู รือ ได้รับคาแนะนาจากครูหรือ โดยข้อความน้นั ผอู้ ื่น ผู้อ่นื แสดงใหเ้ หน็ ความสัมพนั ธ์ของ ตัวแปรต้นและตวั แปรตามได้ดังน้รี ่ม ขนาดใหญ่จะตกชา้ กวา่ รม่ ขนาดเล็ก โดยไข่นกกระทาไม่ เสียหาย สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครูรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 การเรียนร้สู ่งิ ต่าง ๆ รอบตัว 66 ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) S10 การกาหนด การระบุวิธีการ สามารถกาหนดนิยามเชงิ สามารถกาหนดนิยามเชิง ไม่สามารถกาหนดนิยามเชงิ นิยามเชิง สงั เกตความ ปฏบิ ัตกิ ารเกี่ยวกบั ความ ปฏิบตั กิ ารเกี่ยวกับความ ปฏบิ ัติการเก่ียวกับความ ปฏบิ ัตกิ าร เสยี หายของไขน่ ก เสยี หายของไขน่ กกระทา เสยี หายของไข่นกกระทาได้ เสียหายของไขน่ กกระทาได้ กระทา ไดถ้ ูกต้องด้วยตนเองวา่ ถกู ตอ้ งวา่ ความเสยี หาย ถกู ตอ้ งวา่ ความเสยี หาย ความเสยี หายหมายถึง มี หมายถึง มีรอยบบุ แตก หมายถึง มรี อยบุบ แตก รอยบุบ แตก หรอื รา้ วทผี่ ิว หรอื รา้ วท่ีผิวไข่ จากการ หรือรา้ วทผ่ี ิวไข่ แม้วา่ ครู ไข่ ชี้แนะของครูหรอื ผ้อู นื่ หรอื ผอู้ น่ื ชว่ ยแนะนาหรอื ช้แี นะ S11 การกาหนด การกาหนดตัวแปร สามารถกาหนดตวั แปรตน้ สามารถกาหนดตวั แปรตน้ ไมส่ ามารถกาหนดตัวแปร และควบคมุ ตวั ตน้ ตัวแปรตาม ตวั ตวั แปรตาม ตวั แปรทต่ี ้อง ตัวแปรตาม ตวั แปรท่ีตอ้ ง ตน้ ตวั แปรตาม ตวั แปรท่ี แปร แปรทต่ี ้องควบคมุ ควบคุมให้คงทซ่ี ่งึ ควบคมุ ให้คงทซี่ ง่ึ สอดคล้อง ต้องควบคุมใหค้ งทซ่ี ่งึ ให้คงที่ซึง่ สอดคล้อง สอดคล้องกับคาถามในการ กบั คาถามในการทดลอง การ สอดคล้องกบั คาถามในการ กับคาถามในการ ทดลอง การกาหนดตวั แปร กาหนดตัวแปรนสี้ ามารถทา ทดลองแม้ ทดลอง ดงั นี้ ตวั นสี้ ามารถทาไดด้ ้วยตนเอง ได้โดยอาศัยการชแี้ นะจาก ว่าจะไดร้ ับคาแนะนาจาก แปรตน้ คอื ขนาด และถูกต้อง ครูหรอื ผอู้ ื่น ครหู รือผอู้ ่ืน ของร่ม (ใหญ่ เล็ก) ตวั แปรตาม คือ ระยะเวลาทต่ี กถึง พื้น ความเสียหาย ของไขน่ กกระทา ตัวแปรที่ต้อง ควบคมุ ใหค้ งท่ี เชน่ ชนดิ ของวสั ดทุ ี่ใช้ ทาตัวรม่ เชือกและ ภาชนะใสไ่ ข่ ความ ยาวของเสน้ เชอื ก ขนาดและรูปรา่ ง ของแกว้ พลาสติก ขนาดและรปู รา่ ง ของไขน่ กกระทา สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
67 คมู่ ือครรู ายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 การเรียนรู้สงิ่ ต่าง ๆ รอบตวั ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) S12 การทดลอง การต้งั คาถามการ สามารถตง้ั คาถามการ สามารถตัง้ คาถามการทดลอง ไมส่ ามารถตงั้ คาถามการ ทดลอง การ ทดลอง ออกแบบการ ออกแบบการทดลอง ทดลอง ทดลอง ออกแบบการ ออกแบบการ ทดลอง ทดลอง และ และสรุปผลการทดลองเพือ่ ทดลอง ทดลอง และ ทดลอง การ สรุปผลการทดลองเพื่อหา หาคาตอบที่สงสัย ได้จาก สรปุ ผลการทดลองเพื่อหา ทดลอง และ คาตอบทีส่ งสัยไดด้ ้วย การชแ้ี นะของครูหรอื ผอู้ น่ื คาตอบท่ีสงสยั แม้วา่ จะ สรปุ ผลการทดลอง ตนเอง ไดร้ ับคาแนะนาจากครหู รอื เพ่อื หาคาตอบใน ผู้อื่น คาถามทส่ี งสัย S13 การ การตคี วามหมาย สามารถตคี วามหมาย สามารถตีความหมายขอ้ มูลที่ ไมส่ ามารถตีความหมาย ตคี วามหมาย ขอ้ มูลและลง ขอ้ มูลที่ได้จากการ ขอ้ มลู ทีไ่ ด้จากการทดลอง ได้จากการทดลอง เพอื่ ลง ข้อมูลทไี่ ดจ้ ากการทดลอง ข้อสรุป ทดลอง เพ่อื ลง เพ่อื ลงขอ้ สรุปไดว้ ่าร่ม ข้อสรปุ ไดว้ า่ ร่มขนาดใหญ่ตก เพ่ือลงขอ้ สรปุ ไดว้ า่ ร่ม ขอ้ สรุปเก่ียวกับ ขนาดใหญต่ กช้ากว่ารม่ ชา้ กว่าร่มขนาดเล็กและไมท่ า ขนาดใหญต่ กชา้ กวา่ รม่ คาตอบทีไ่ ด้จาก ขนาดเลก็ และไมท่ าใหไ้ ข่ ใหไ้ ขน่ กกระทาเสยี หาย การ ขนาดเลก็ และไม่ทาใหไ้ ข่ การทดลอง นกกระทาเสียหาย การ ตีความหมายขอ้ มลู เพื่อลง นกกระทาเสียหาย ตีความหมายขอ้ มลู เพอื่ ลง ขอ้ สรปุ นีส้ ามารถทาไดโ้ ดย ตีความหมายขอ้ มูลเพื่อลง ขอ้ สรปุ น้ีสามารถทาไดด้ ้วย อาศัยการชแี้ นะจากครูหรือ ขอ้ สรปุ น้ีไม่สามารถทาได้ ตนเอง ผ้อู ่นื แม้ว่าไดร้ ับคาแนะนาจาก ครหู รอื ผู้อ่นื สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 การเรียนรสู้ ง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตวั 68 ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ กั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ตามระดับความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมิน ดังน้ี ทกั ษะแหง่ รายการประเมิน ระดบั ความสามารถ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) C2 การคิด การคดิ อยา่ งมี สามารถคดิ โดยใช้เหตผุ ลที่ สามารถคิดโดยใช้เหตผุ ลที่ ไม่สามารถคิดโดยใช้ อยา่ งมี เหตผุ ลในการ เหมาะสมในการตัดสนิ ใจ เหมาะสมในการตดั สินใจ เหตุผลท่ีเหมาะสมใน วจิ ารณญาณ ตดั สินใจเพือ่ การ เพอื่ การออกแบบการ เพื่อการออกแบบการ การตดั สนิ ใจเพื่อการ ออกแบบการ ทดลอง และสรปุ ผลการ ทดลอง และสรปุ ผลการ ออกแบบการทดลอง ทดลอง และสรุปผล ทดลองได้ดว้ ยตนเอง ทดลองไดโ้ ดยอาศัยการ และสรุปผลการทดลอง การทดลอง ชแ้ี นะของครหู รอื ผู้อ่ืน ได้ แมว้ า่ ครูหรอื ผอู้ ืน่ ชว่ ยแนะนาหรอื ชี้แนะ C4 การสือ่ สาร การนาเสนอสง่ิ ท่ี สามารถนาเสนอสิ่งที่ สามารถนาเสนอสิง่ ทค่ี น้ พบ ไม่สามารถการนาเสนอ ค้นพบเพ่อื หา ค้นพบเพอื่ หาคาตอบที่ เพอื่ หาคาตอบทสี่ งสัยให้ สิง่ ท่คี ้นพบเพื่อหา คาตอบท่สี งสยั ให้ สงสัยใหผ้ อู้ นื่ รบั รู้ได้อยา่ ง ผู้อ่นื รับรไู้ ดอ้ ยา่ งชัดเจน คาตอบทส่ี งสยั ใหผ้ อู้ ่ืน ผู้อ่ืนรบั รู้ ชัดเจน ด้วยตนเอง จากการชแี้ นะของครูหรอื รบั รู้ได้ แมว้ ่าครูหรือ ผอู้ น่ื ผอู้ นื่ ช่วยแนะนาหรอื ชีแ้ นะ C5 ความ การมสี ่วนร่วมใน มสี ว่ นรว่ มทกุ คร้งั ในการต้ัง มีสว่ นรว่ มในการต้งั คาถาม ไมม่ ีสว่ นรว่ มในการต้งั รว่ มมอื การตงั้ คาถาม คาถาม รวบรวมข้อมลู รวบรวมขอ้ มูล บนั ทึกผล คาถาม รวบรวมข้อมลู รวบรวมข้อมลู บันทึกผล อภิปรายผลการ อภปิ รายผลการทดลอง บนั ทึกผล อภปิ รายผล บนั ทึกผล อภปิ ราย ทดลอง สรปุ ผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง สืบค้น การทดลอง สรุปผลการ ผลการทดลอง สืบคน้ ขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ การ ข้อมลู เพิ่มเติม การนาเสนอ ทดลอง สืบค้นข้อมูล สรุปผลการทดลอง นาเสนอผลการทดลองได้ ผลการทดลองทั้งนโ้ี ดยการ เพิม่ เตมิ การนาเสนอผล สบื ค้นข้อมลู ดว้ ยตนเอง การมสี ่วนรว่ ม ชแี้ นะของครูหรือผอู้ ่ืน การ การทดลองแม้วา่ จะมคี รู เพมิ่ เติม การ นเ้ี ปน็ ไปโดยสมา่ เสมอ มีสว่ นร่วมนเ้ี ป็นไปเปน็ หรอื ผู้อน่ื ช่วยแนะนา นาเสนอผลการ ตลอดการทากจิ กรรม บางครัง้ ทีท่ ากิจกรรม หรอื ชแ้ี นะ ทดลอง สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
69 คูม่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 การเรียนรูส้ ิ่งตา่ ง ๆ รอบตวั แนวคาตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู อื ครรู ายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรียนรสู้ งิ่ ต่าง ๆ รอบตวั 70 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
71 คมู่ อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นร้สู ่งิ ต่าง ๆ รอบตวั สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู อื ครรู ายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรียนรสู้ งิ่ ต่าง ๆ รอบตวั 72 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
73 คมู่ อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นร้สู ่งิ ต่าง ๆ รอบตวั สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มอื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นร้สู งิ่ ต่าง ๆ รอบตัว 74 กิจกรรมทา้ ยบทท่ี 1 การเรียนรูแ้ บบนกั วิทยาศาสตร์ (2 ชว่ั โมง) 1. นกั เรยี นวาดรูปหรอื เขยี นสรปุ สง่ิ ทีไ่ ดเ้ รยี นรู้แบบนักวทิ ยาศาสตรจ์ าก บทนี้ ในแบบบนั ทึกกจิ กรรมหนา้ 27 2. นกั เรยี นตรวจสอบการสรปุ สง่ิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรขู้ องตนเองโดยเปรยี บเทยี บ กบั แผนภาพในหัวข้อรู้อะไรในบทนี้ ในหนงั สือเรยี น หน้า 33 3. นกั เรยี นตรวจสอบคาตอบของตนเองในสารวจความรู้กอ่ นเรยี น ในแบบบนั ทึกกิจกรรมหนา้ 3-4 อกี ครง้ั ถ้าคาตอบของนักเรยี นไม่ ถกู ตอ้ ง ใหแ้ ก้ไขใหถ้ กู ตอ้ งด้วยปากกาต่างสี นอกจากนี้ครอู าจนา คาถาม ในรปู นาบทในหนงั สอื เรยี นหนา้ 3 มาร่วมกนั อภิปรายคาตอบ กับนกั เรยี นอีกคร้ัง ดังน้ี “นกั วทิ ยาศาสตรใ์ ชก้ ารสบื เสาะหาความรู้ ทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรอ์ ะไรบา้ ง ในการหาคาตอบในเรื่องทส่ี งสัย” ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภปิ ราย แนวทางการตอบคาถาม เช่น นกั วิทยาสาศาสตรใ์ ชก้ ารสบื เสาะหา ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์จนได้คาตอบในคาถามท่ีสงสัย ซึ่ง ประกอบดว้ ยการมีสว่ นร่วมในการตง้ั คาถามทางวทิ ยาศาสตร์ การ รวบรวมขอ้ มลู หรอื หลกั ฐานทเ่ี กยี่ วข้อง การอธบิ ายสงิ่ ท่ีสงสัยดว้ ย ข้อมลู หรือหลกั ฐานอย่างมีเหตผุ ล การอธบิ ายเชื่อมโยงส่ิงทีไ่ ด้คน้ พบ กับความรทู้ างวิทยาศาสตร์ และการส่ือสารสง่ิ ที่ไดค้ น้ พบและให้ เหตุผล การสบื เสาะหาความรู้ทางวทิ ยาศาสตรจ์ ะได้ใช้ทักษะ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์หลายประการ เช่น การสังเกต การ ทดลองเพ่อื รวบรวมขอ้ มลู การจดั กระทาและส่ือความหมายข้อมลู ที่ รวบรวมได้ นกั เรยี นอาจมคี าตอบทแ่ี ตกตา่ งจากน้ี ครูควรเนน้ ให้ นกั เรยี นตอบคาถามพรอ้ มอธบิ ายเหตผุ ลประกอบ 4. นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบทท่ี 1 การเรียนรแู้ บบนักวทิ ยาศาสตร์ นาเสนอคาตอบหนา้ ชน้ั เรยี น ถา้ คาตอบยงั ไม่ถกู ตอ้ งครนู าอภปิ ราย หรอื ให้สถานการณ์เพม่ิ เติมเพ่อื แกไ้ ขแนวคดิ คลาดเคล่ือนใหถ้ ูกต้อง 5. นกั เรยี นรว่ มกนั ทากจิ กรรมรว่ มคดิ รว่ มทา โดยตัง้ สมมตฐิ าน กาหนด และควบคุมตวั แปร ทดลองและบันทึกผลการทดลอง เพอ่ื ตอบ คาถามท่นี กั เรยี นกล่มุ หน่งึ สงสยั ว่า เมลด็ ขา้ วเปลอื กทแ่ี ชน่ า้ และไมแ่ ช่ น้าก่อนนาไปลงแปลงปลกู เมล็ดใดจะงอกได้เร็วกว่ากนั สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
75 คูม่ อื ครูรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นร้สู ่งิ ตา่ ง ๆ รอบตวั 6. นกั เรยี นร่วมกนั อ่านและอภิปรายเนือ้ เรอ่ื งในหวั ขอ้ วิทยใ์ กล้ตัว โดย ครูกระตุ้นใหน้ กั เรียนเหน็ ความสาคญั ของความร้จู ากสิง่ ท่ไี ด้เรียนใน หน่วยน้ีว่าสามารถนาไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาวันได้ ครอู าจใช้ คาถามในการอภปิ รายดงั ต่อไปนี้ 6.1 ยงุ เป็นอันตรายต่อเราอยา่ งไร (เป็นพาหะของโรคตดิ ต่อ เช่น ไข้เลอื ดออก ไข้มาลาเรีย) 6.2 หากเราไดเ้ รยี นร้วู ฏั จักรของยงุ จะมีประโยชนต์ ่อเราอย่างไร (ช่วยใหเ้ ราทราบวัฏจักรชีวิตของยงุ และนามาใชใ้ นการแกป้ ญั หา อันตรายท่ีเกิดจากยุงได้) 6.3 การจัดกระทาและสอื่ ความหมายข้อมูลชว่ ยใหเ้ ราไดเ้ รียนรวู้ ัฏ จกั รชวี ติ ของยุงมากขน้ึ เพราะอะไร (เพราะเมือ่ เราไดน้ าข้อมูล มาจัดกระทาในรูปแผนภาพ จะช่วยสื่อความเข้าใจให้ผ้อู ่นื ไดง้ า่ ย มากกว่าเปน็ ตัวหนังสือ) สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ ือครูรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 การเรียนรูส้ ิ่งตา่ ง ๆ รอบตัว 76 สรปุ ผลการเรียนรขู้ องตนเอง สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
77 คูม่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 1 การเรยี นรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตวั แนวคาตอบในแบบฝกึ หัดทา้ ยบท สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรียนรสู้ งิ่ ต่าง ๆ รอบตวั 78 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
79 คมู่ อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นร้สู ่งิ ต่าง ๆ รอบตวั สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู อื ครรู ายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรียนรสู้ งิ่ ต่าง ๆ รอบตวั 80 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
81 คมู่ อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มีชวี ติ หน่วยท่ี 2 สิง่ มีชีวติ ภาพรวมการจดั การเรียนรปู้ ระจาหนว่ ยท่ี 2 ส่ิงมชี ีวิต บท เรอ่ื ง กจิ กรรม ลาดับการจัดการเรยี นรู้ ตัวชว้ี ดั บทที่ 1 ส่ิงมีชีวิต เร่ืองท่ี 1 การจัดกลุ่ม กจิ กรรมที่ 1.1 เรา ส่ิงมีชีวิตมีหลายชนิด แต่ละชนิดมี ว 1.3 รอบตวั สิ่งมีชีวิต จาแนกสิง่ มีชวี ิตได้ ลักษณะบางลักษณะเหมือนกันและบาง ป. 4/1 จาแนกสงิ่ มชี วี ติ อย่างไร ลักษณะแตกต่างกัน ถ้าใช้การเคลื่อนท่ี และสรา้ งอาหารเปน็ เกณฑ์ในการจาแนก โดยใชค้ วามเหมอื น กิจกรรมที่ 1.2 เรา จะได้เป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มท่ี และความแตกต่าง จาแนกสัตว์ได้ ไม่ใชพ่ ชื และสตั ว์ ของลักษณะของ อย่างไร กลุ่มพืชเป็นกลุ่มท่ีสร้างอาหารเองได้ สิ่งมีชีวิต เป็นกลุ่ม กิจกรรมที่ 1.3 เรา แตเ่ คลือ่ นทดี่ ้วยตนเองไม่ได้ พืชและกลมุ่ สตั ว์ จาแนกสัตวม์ ี กลุ่มสัตว์เป็นกลุ่มที่สร้างอาหารเอง และบอกชื่อ กระดกู สนั หลังได้ ไม่ได้ต้องกินสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร สงิ่ มชี วี ิตอ่ืนทไี่ มใ่ ช่ อยา่ งไร แต่สามารถเคลอ่ื นท่ไี ด้ พชื และสัตว์ กลุ่มท่ีไม่ใช่พืชและสัตว์ เช่น เห็ด รา ป.4/2 จาแนกพชื แบคทีเรยี ออกเปน็ พชื ดอก และพืชไมม่ ดี อก สัตว์มหี ลายชนดิ สามารถจาแนกสตั วไ์ ด้ โดยใช้การมดี อก โดยใชก้ ารมีกระดูกสันหลงั เป็นเกณฑ์ได้ เป็นเกณฑ์ จาก เปน็ สัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตวไ์ ม่มี ข้อมลู ทรี่ วบรวมได้ กระดกู สนั หลัง ป.4/3 จาแนกสัตว์ ออกเปน็ สัตวม์ ี สัตว์มีกระดูกสันหลังมีหลายกลุ่ม ได้แก่ กระดูกสนั หลัง และ กลุ่มปลา เช่น ปลาช่อน กลุ่มสัตว์สะเทิน สตั ว์ไม่มีกระดกู สนั น า ส ะ เ ทิ น บ ก เ ช่ น ก บ ก ลุ่ ม หลงั โดยใชก้ ารมี สัตวเ์ ลือยคลาน เช่น จระเข้ กลุ่มนก เชน่ กระดูกสนั หลงั เปน็ นกเอียง และกลุ่มสัตว์เลียงลกู ดว้ ยนานม เกณฑ์ จากข้อมูลที่ เ ช่ น แ ม ว ซึ่ ง แ ต่ ล ะ ก ลุ่ ม จ ะ มี รวบรวมได้ ลักษณะเฉพาะหลายลักษณะที่สังเกตได้ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สง่ิ มชี วี ิต 82 บท เรอื่ ง กจิ กรรม ลาดับการจัดการเรยี นรู้ ตัวช้ีวดั แตกต่างกัน เช่น ลักษณะผิวหนัง การมี ป.4/4 บรรยาย กิจกรรมที่ 1.4 เรา ขน การมีเกล็ดที่ผิวหนัง การมีขา ลกั ษณะเฉพาะที่ จาแนกพชื ได้ จานวนขา การมีปีก การมีครีบ การมี สงั เกตได้ของสัตว์ อย่างไร นานมเลียงลูก และการออกลูก มกี ระดกู สันหลังใน กลมุ่ ปลา กลุ่มสตั ว์ พืชมีหลายชนิด สามารถจาแนกพืชได้ สะเทนิ นาสะเทิน โดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ ได้เป็นพืช บก กลุ่ม ดอกและพืชไมม่ ดี อก สตั วเ์ ลอื ยคลาน กลมุ่ นก และกลุ่ม รว่ มคิดรว่ มทา สตั วเ์ ลียงลกู ด้วย นานม พรอ้ มทงั ยกตัวอยา่ งสง่ิ มชี ีวิต ในแตล่ ะกลมุ่ บทท่ี 2 ส่วนต่าง ๆ เรื่องท่ี 1 หน้าที่ส่วน กิจกรรมท่ี 1.1 ราก สว่ นต่าง ๆ ของพืชดอกทาหนา้ ที่ ว 1.2 ของพืชดอก ตา่ ง ๆ ของพืชดอก และลาต้นของพืช แตกต่างกนั ป. 4/1 บรรยายหน้าท่ี ทาหนา้ ทอ่ี ะไร รากทาหนา้ ทด่ี ูดนาและธาตอุ าหารขึน ของราก ลาต้น ใบ ไปยงั ลาตน้ แ ล ะ ด อ ก ข อ ง พื ช ลาตน้ ทาหนา้ ที่ลาเลียงนาต่อไปยังส่วน ดอกโดยใช้ข้อมูลท่ี กิจกรรมที่ 1.2 ใบ ตา่ ง ๆ ของพืช รวบรวมได้ ข อ ง พื ช ท า ห น้ า ที่ ใบทาหน้าทีส่ รา้ งอาหาร อาหารที่พืช อะไร สร้างขึนคือนาตาลซง่ึ จะเปลย่ี นเป็นแป้ง ดอกทาหน้าที่สืบพันธ์ุ ประกอบด้วย กจิ กรรมท่ี 1.3 ดอก ส่วนต่าง ๆ ได้แก่ กลีบเลียง กลีบดอก ข อ ง พื ช ท า ห น้ า ที่ เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ซึ่ง อะไร ส่วนประกอบแต่ละส่วนของดอกทา หน้าทแี่ ตกต่างกัน ร่วมคดิ ร่วมทา สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
83 คูม่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สง่ิ มีชีวติ บทที่ 1 ส่งิ มีชีวิตรอบตัว จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ประจาบท เม่ือเรียนจบบทนี นักเรียนสามารถ บทน้มี ีอะไร 1. จาแนกส่ิงมีชีวิตออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และ เรือ่ งที่ 1 การจดั กลุม่ ส่ิงมีชวี ิต กลุ่มที่ไม่ใช่พืชและสัตว์ โดยใช้การเคล่ือนที่และ การสรา้ งอาหารเป็นเกณฑ์ คาสาคญั เกณฑก์ ารจาแนก (classification criteria) 2. จาแนกสัตว์ออกเป็นกลุ่มสัตว์มีกระดูกสันหลัง กิจกรรมที่ 1.1 เราจาแนกสงิ่ มชี ีวิตไดอ้ ย่างไร และกลุ่มสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง โดยใช้การมี กระดูกสนั หลงั เปน็ เกณฑ์ กจิ กรรมท่ี 1.2 เราจาแนกสัตว์ได้อยา่ งไร กิจกรรมที่ 1.3 เราจาแนกสัตว์มีกระดูกสัน หลงั ได้อย่างไร 3. บรรยายลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ของสัตว์มี กจิ กรรมที่ 1.4 เราจาแนกพืชได้อย่างไร กระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินนา สะเทนิ บก กล่มุ สตั ว์เลอื ยคลาน กลุม่ นก และกลุ่ม สัตว์เลียงลูกด้วยนานม พร้อมยกตัวอย่างสัตว์แต่ ละกลมุ่ 4. จาแนกพืชออกเป็นกลุ่มพืชดอกและกลุ่มพืชไม่มี ดอกโดยใชก้ ารมดี อกเป็นเกณฑ์ แนวคิดสาคัญ ส่ิงมีชีวิตมีหลายชนิดซึ่งมีลักษณะบางอย่างเหมือนกัน และแตกต่างกัน ซึ่งสามารถนามาใช้เป็นเกณฑ์ในการ จาแนกส่ิงมีชีวิตออกเปน็ กลุ่มพชื กลุ่มสตั ว์ และกลุ่มทไี่ มใ่ ช่ พืชและสัตว์ ในกลุ่มพืชและกลุ่มสัตว์ ยังสามารถจัดเป็น กลุ่มยอ่ ยได้อกี ขนึ อยูก่ บั เกณฑ์ทใี่ ช้ สื่อการเรยี นรแู้ ละแหล่งเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียน ป. 4 เล่ม 1 หนา้ 39-75 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป. 4 เล่ม 1 หนา้ 34-65 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ อื ครรู ายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สงิ่ มีชวี ติ 84 ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 รหัส ทกั ษะ กจิ กรรมท่ี 1.1 1.2 1.3 1.4 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S2 การวัด S3 การใชจ้ านวน S4 การจาแนกประเภท S5 การหาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง สเปซกบั สเปซ สเปซกับเวลา S6 การจดั กระทาและสื่อความหมายขอ้ มลู S7 การพยากรณ์ S8 การลงความเห็นจากขอ้ มลู S9 การตงั สมมติฐาน S10 การกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั ิการ S11 การกาหนดและควบคมุ ตัวแปร S12 การทดลอง S13 การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ S14 การสรา้ งแบบจาลอง ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 C1 การสรา้ งสรรค์ C2 การคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ C3 การแกป้ ัญหา C4 การสื่อสาร C5 ความรว่ มมือ C6 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
85 คมู่ ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สิง่ มีชีวิต แนวคิดคลาดเคลือ่ น ครบู นั ทึกแนวคดิ ทีไ่ ด้จากการฟงั การสนทนาและการอภิปราย เพอื่ นาไปใชใ้ นการจัดการเรียนร้ใู ห้สามารถแก้ไขแนวคิด คลาดเคล่อื นและต่อยอดแนวคิดท่ีถูกตอ้ ง แนวคิดคลาดเคลือ่ น แนวคดิ ที่ถูกตอ้ ง มนษุ ยไ์ มใ่ ชส่ ตั ว์ (Missouri Department of Elementary มนุษย์มีสมบัตแิ ละมลี กั ษณะของรา่ งกายที่จัดอยใู่ นกลมุ่ สตั ว์ and Secondary Education, 2005) เลยี งลกู ดว้ ยนานม เต่าเปน็ สัตว์ไม่มีกระดกู สนั หลงั เพราะเต่ามกี ระดองที่แขง็ เตา่ เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลงั รา่ งกายของเตา่ มโี ครงร่างแข็งคือ อยนู่ อกรา่ งกาย ส่วนของร่างกายทีอ่ ยภู่ ายในกระดองจะ กระดองปกคลมุ รา่ งกาย สว่ นภายในกระดองมีกระดกู สนั หลัง อ่อนนมุ่ การใช้ขนาดของร่างกายที่ใหญ่ ความเร็วในการเคลอ่ื นท่ี การจาแนกสตั วอ์ อกเป็นกลมุ่ สตั วม์ ีกระดกู สันหลังและสตั วไ์ มม่ ี การมคี อ การทีส่ ามารถยืนและนัง่ ไดเ้ ป็นเกณฑ์ จาแนกสัตว์ กระดูกสันหลงั จะใชเ้ กณฑ์การมกี ระดูกสนั หลัง ออกเป็นสัตว์มีกระดกู สันหลัง (Naz and Nasreen, 2013) การจาแนกสัตว์ออกเปน็ กลมุ่ สัตว์มีกระดูกสนั หลังและสัตวไ์ มม่ ี การใชข้ นาดของร่างกายท่ีเล็ก ความสามารถในการยดื หยนุ่ กระดูกสันหลงั จะใช้เกณฑ์การมกี ระดกู สนั หลงั ของร่างกาย การเลอื ยเปน็ เกณฑ์ จาแนกสัตวอ์ อกเป็นสตั ว์ ไมม่ กี ระดูกสันหลัง การจาแนกสัตวท์ อ่ี าศัยอยใู่ นนาทุกชนดิ เป็นกลุ่มปลา เชน่ การจาแนกสัตวม์ กี ระดูกสนั หลังออกเปน็ กล่มุ ต่าง ๆ จะใช้ เพนกวิน วาฬ จาแนกสตั ว์ทบี่ นิ ไดเ้ ปน็ กล่มุ นก เชน่ ค้างคาว อวยั วะท่ใี ชใ้ นการเคลอ่ื นที่ การออกลกู เปน็ ไขห่ รอื เปน็ ตัว (Cardak, 2009) ลักษณะของผวิ หนัง และการเลียงลูกดว้ ยนานมเป็นเกณฑ์ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มชี วี ิต 86 บทนเ้ี ริ่มต้นอย่างไร (1 ชวั่ โมง) 1. ครูทบทวนความรู้พนื ฐานของนักเรียนเกี่ยวกับลักษณะของส่ิงมีชีวิต ค รู รั บ ฟั ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง ซึ่งเคยเรียนผ่านมาแล้วในชันประถมศึกษาปีท่ี 2 โดยถามว่า นักเรียนเป็นสาคัญ ครูยังไม่ สิ่งมีชีวิตมีลักษณะใดบ้าง (ลักษณะของส่ิงมีชีวิต เช่น สืบพันธ์ุได้ เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวนให้ เคล่ือนไหวหรือเคล่ือนที่ได้ หายใจได้ ขับถ่ายได้ และตอบสนองต่อ หาคาตอบที่ถูกต้องจากกิจกรรม สง่ิ เรา้ ได้) ต่าง ๆ ในบทเรยี นนี 2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเรื่องการจัดกลุ่มส่ิงมีชีวิต โดยให้นักเรียน สังเกตภาพพืชและสัตว์ อย่างละ 1 ชนิด และใช้คาถามในการ อภิปรายดังนี 2.1 สิ่งมีชีวิตทัง 2 ชนิดในภาพ มีส่วนประกอบใดบ้างที่เหมือนกัน และแตกต่างกัน (ไม่มีส่วนประกอบที่เหมือนกัน แต่มี สว่ นประกอบท่ีแตกต่างกัน คือ พชื มีลาตน้ ใบ ดอก ผล แต่สตั ว์ ไม่มี สตั วม์ ศี รี ษะ ตา หู จมูก ปาก แขน ขา แตพ่ ชื ไมม่ ี) 2.2 นักเรียนคิดว่าสิ่งมีชีวิตทัง 2 ชนิดนีเป็นส่ิงมีชีวิตในกลุ่มเดียวกัน หรือไม่ เพราะเหตใุ ด (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) 3. ครูชักชวนนักเรียนศึกษาเรื่องการจัดกลุ่มของสิ่งมีชีวิตโดยให้อ่านช่ือ หน่วย ชื่อบท และอ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ประจาบท ในหนังสือ เรียนหน้า 39 จากนันครูใช้คาถามว่า เมื่อจบบทเรียนนักเรียนจะ สามารถทาอะไรได้บ้าง (สามารถจาแนกส่ิงมีชีวิตออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มท่ีไม่ใช่พืชและสัตว์ โดยใช้เกณฑ์การเคลื่อนท่ีและ การสร้างอาหาร รวมทังจาแนกกลุ่มสัตว์และกลุ่มพืชออกเป็นกล่มุ ได้ อกี ซึง่ ขนึ อยู่กับเกณฑ์ที่ใช้) 4. นักเรียนอ่านช่ือบทและแนวคิดสาคัญ ในหนังสือเรียนหน้า 40 จากนันครูใช้คาถามว่าในบทนีจะเรียนเร่ืองอะไรบ้าง (ในบทนีจะได้ เรียนเรื่องการจาแนกสิ่งมีชวี ิตออกเปน็ กลุม่ โดยใช้เกณฑ์ทีก่ าหนด) 5. ครูชักชวนให้นักเรียนสังเกตรูป และอ่านเนือเร่ืองในหน้า 40 โดยใช้ วิธอี ่านตามความเหมาะสม แล้วตรวจสอบความเขา้ ใจในการอ่าน โดย ใชค้ าถามดงั ต่อไปนี 5.1 รอบตัวนักเรียนในขณะนีมีส่ิงมีชีวิตใดบ้าง (นักเรียนตอบตาม ความเปน็ จริง) สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
87 คมู่ ือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 สิ่งมชี วี ติ 5.2 เราสามารถใช้เกณฑ์ใดบ้างในการจาแนกส่ิงมีชีวิตท่ีอยู่รอบตัว การเตรยี มตวั ล่วงหน้าสาหรบั ครู เรา (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง) เพอ่ื จดั การเรยี นรูใ้ นคร้งั ถดั ไป 5.3 จากรูปนักเรียนสังเกตเห็นส่ิงมีชีวิตใดบ้าง แต่ละชนิดมีลักษณะ ในครังถัดไป นักเรียนจะได้เรียน อยา่ งไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) เร่ืองท่ี 1 การจัดกลุ่มสิ่งมีชีวิต โดยครู เตรยี มส่อื การสอน เช่น ภาพ หรือวดี ทิ ศั น์ 5.4 ถ้าจะจัดกลุ่มสิ่งมีชีวิตในรูป จะใชอ้ ะไรเป็นเกณฑ์ และจัดไดเ้ ป็น เกี่ยวกับค้างคาวแม่ไก่ และนกนางนวลท่ี ก่ีกลุ่ม อะไรบ้าง (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) แสดงให้เห็นลักษณะของร่างกายได้อย่าง ชัดเจน เพื่อให้นักเรียนได้สังเกตประกอบ 6. ครูชักชวนนักเรียนตอบคาถามเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตรอบตัวในสารวจ เนอื หาในเรือ่ งท่อี า่ น ความรู้ก่อนเรียน โดยอาจใช้คาถามว่านักเรียนรู้อะไรแล้วบ้าง เกี่ยวกบั การจัดกลมุ่ ส่งิ มชี วี ติ ท่ีอยูร่ อบตัวเรา 7. นักเรียนทากิจกรรมสารวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา้ 34 โดยอา่ น ชื่อหนว่ ย ชอ่ื บท 8. นักเรียนอ่านคาถาม ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเก่ียวกับ คาถามแต่ละข้อ จนแน่ใจว่านักเรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง จึงให้ นักเรียนตอบคาถาม โดยคาตอบของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน และ คาตอบอาจถูกหรอื ผดิ ก็ได้ 9. ครูสังเกตการตอบคาถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมี แนวคิดเกี่ยวกับการจัดกลุ่มส่ิงมีชีวิตอย่างไรบ้าง หรืออาจสุ่มให้ นักเรียน 2 – 3 คน นาเสนอคาตอบของตนเอง ครูยังไม่ต้องเฉลย คาตอบ แต่จะให้นักเรียนย้อนกลับมาตรวจสอบอีกครังหลังเรียนจบ บทนีแล้ว ทังนีครูอาจบันทึกแนวคิดคลาดเคลื่อนหรือแนวคิดท่ี น่าสนใจของนักเรียน แล้วนามาออกแบบการจัดการเรียนการสอน เพ่ือแก้ไขแนวคิดคลาดเคล่ือนให้ถูกต้อง และต่อยอดแนวคิดท่ี นา่ สนใจของนกั เรยี น สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิง่ มีชวี ติ 88 แนวคาตอบในแบบบันทึกกจิ กรรม การสารวจความรูก้ ่อนเรียน นกั เรยี นอาจตอบคาถามถกู หรือผดิ กไ็ ดข้ นึ อยกู่ บั ความรเู้ ดมิ ของนกั เรยี น แตเ่ มื่อเรียนจบบทเรียนแล้ว ใหน้ กั เรยี นกลบั มาตรวจสอบคาตอบอกี ครังและแก้ไขให้ถูกต้อง ดังตัวอย่าง 12 11 22 31 13 13 21 1 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
89 คูม่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มีชวี ติ 3 4 5 7 10 12 19 8 11 26 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ อื ครูรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 สง่ิ มชี ีวติ 90 เรอ่ื งที่ 1 การจดั กลุม่ สง่ิ มีชีวิต ในเร่ืองนีนักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจาแนก ส่ือการเรียนรแู้ ละแหลง่ เรยี นรู้ ส่ิงมีชีวิตโดยใช้การเคลื่อนท่ีและการสร้างอาหารเป็น เกณฑ์ซึ่งจาแนกออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มท่ี 1. หนังสอื เรียน ป.4 เล่ม 1 หนา้ 43–72 ไม่ใช่พืชและสัตว์ จาแนกสัตว์โดยใช้การมีกระดูกสันหลัง 2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.4 เล่ม 1 หนา้ 36–61 เป็นเกณฑ์จาแนกออกเป็นกลุ่มสัตว์มีกระดูกสันหลังและ กลุ่มสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง นอกจากนียังจาแนกสัตว์มี กระดูกสันหลังโดยใช้ลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้ออกเป็น กลุ่มต่าง ๆ รวมทังการจาแนกพืชโดยใช้การมีดอกเป็น เกณฑ์ออกเปน็ กลุ่มพชื ดอกและกล่มุ พชื ไมม่ ีดอก จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. รวบรวมข้อมูล เปรียบเทียบลักษณะของสิ่งมีชีวิต และจาแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มโดยใช้การเคลื่อนท่ี และการสร้างอาหารเปน็ เกณฑ์ 2. สังเกต อธิบายโครงสร้างภายนอกและโครงสร้าง ภายในของสัตว์ชนิดต่าง ๆ และจาแนกสัตว์ออกเป็น กล่มุ โดยใช้การมีกระดูกสันหลงั เป็นเกณฑ์ 3. สังเกต และบรรยายลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้ของ สัตว์มีกระดูกสันหลังกลุ่มต่าง ๆ พร้อมยกตัวอย่าง สตั ว์มกี ระดกู สันหลังในแต่ละกลุ่ม 4. สังเกต รวบรวมข้อมูลและบอกส่วนต่าง ๆ ของพืช รวมทัง จาแนกพชื ออกเป็นกล่มุ โดยใชก้ ารมีดอกเป็นเกณฑ์ เวลา 9.5 ชว่ั โมง วสั ดุ อปุ กรณส์ าหรบั ทากจิ กรรม บัตรภาพส่ิงมีชีวิต ถาด ถุงมือยาง มีด กุ้ง ปลา บัตร ภาพโครงสร้างภายนอก-ภายในของสัตว์ บัตรภาพสัตว์มี กระดกู สันหลังกลมุ่ ต่าง ๆ พืชชนิดต่าง ๆ แวน่ ขยาย สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
91 คู่มอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สงิ่ มชี วี ติ แนวการจัดการเรียนรู้ (30 นาท)ี ข้นั ตรวจสอบความรู้ (5 นาที) 1. ครูนารูปสิ่งต่าง ๆ ที่ใกล้ตัวนักเรียน เช่น ต้นมะละกอ ขวดนา แมว ในการตรวจสอบความรู้ ครู เก้าอี กิงก่า ต้นดาวเรือง สมุด ดินสอ ยางลบ กระเป๋านักเรียน มาให้ เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียนและ นักเรียนสังเกตและลองจาแนกส่ิงของต่าง ๆ เหล่านีออกเป็นกลุ่ม เพ่ือ ยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวน ตรวจสอบความรู้เดิมเก่ียวกับการจาแนก และนาอภิปรายโดยใชค้ าถาม ให้นักเรียนไปหาคาตอบด้วยตนเอง ดงั นี จากการอ่านเนอื เร่ือง 1.1 นักเรียนจัดสิ่งต่าง ๆ ได้ก่ีกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีอะไรบ้าง (นักเรียน ตอบตามความเข้าใจ เช่น จัดออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มส่ิงมีชีวิต นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ ประกอบดว้ ย มะละกอ แมว กิงก่า ต้นดาวเรืองและกลุ่มสิ่งไม่มีชวี ิต คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว ประกอบดว้ ย ขวดนา เก้าอี สมุด ดนิ สอ ยางลบ กระเป๋านกั เรียน) คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด 1.2 นักเรียนใช้เกณฑ์อะไรในการจัดสิ่งต่าง ๆ เหล่านันออกเป็นกลุ่ม อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ใช้การมีชีวิตและไม่มีชีวิตเป็น แ ล ะ รั บ ฟั ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง เกณฑ)์ นกั เรยี น 2. ครูเช่ือมโยงความรู้เดมิ ของนักเรียนสู่การเรียนเรื่องการจัดกลุ่มส่ิงมีชีวิต โดยใช้คาถามว่า ถ้าเราจะจาแนกส่งิ มีชวี ิตออกเปน็ กลุ่ม เราจะจาแนกได้ อยา่ งไร ครูชักชวนนกั เรยี นหาคาตอบจากอ่านเรือ่ งการจดั กลมุ่ ส่งิ มชี ีวติ ขั้นฝึกทักษะจากการอา่ น (20 นาที) 3. นักเรียนอ่านชื่อเร่ือง และคาถามในคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียนหน้า 43 แล้วร่วมกันอภิปรายในกลุ่มเพื่อหาแนวคาตอบตามความเข้าใจของ กลุ่ม ครูบันทึกคาตอบของนักเรียนบนกระดานเพ่ือใช้เปรียบเทียบ คาตอบภายหลงั การอ่านเนอื เรอ่ื ง 4. นักเรียนอ่านคาใน คาสาคัญ ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หาก นักเรียนอ่านไม่ได้ ครูควรสอนอ่านให้ถูกต้อง) จากนันอธิบาย ความหมายตามความเข้าใจ ครูชกั ชวนให้นักเรียนหาความหมายของคา ภายหลงั จากการอ่านเนือเรอื่ ง 5. นักเรียนอ่านเนือเร่ืองตามวิธีการอ่านท่ีเหมาะสมกับความสามารถของ นกั เรยี น และรว่ มกนั อภิปรายใจความสาคัญ โดยใช้คาถามดังนี ย่อหนา้ ที่ 1 5.1 จากรูปคา้ งคาวแม่ไกม่ ีลักษณะอย่างไร (นักเรยี นตอบตามลกั ษณะท่ี สังเกตได้ เช่น มีหัวและหน้ายาวเหมือนสุนัข มีหูเป็นแผ่นปลาย แหลม มีจมูก 2 รูเหน็ ชัดเจน ปกี มพี งั ผดื เช่ือมระหว่างกระดูก ลาตัว มีขนปุยสนี าตาลเท้าสดี ามเี ลบ็ เท้า มมี อื 2 ข้าง มีขา 2 ข้าง) 5.2 นกนางนวลมีลักษณะอย่างไร (ลาตัว ปีกและหางมีขนเป็นแผง มี จะงอยปากแหลมสีดา มีขาและเทา้ 2 ขา้ ง) 5.3 ค้างคาวแม่ไก่จัดเป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มเดียวกับนกนางนวลหรือไม่ (คา้ งคาวแมไ่ กไ่ มไ่ ดจ้ ดั อยใู่ นกลุม่ เดียวกับนกนางนวล) สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สง่ิ มีชวี ติ 92 ครูอาจใช้คาถามในเนือเรื่องถามนักเรียนได้ แต่ครูยังไม่เฉลย การเตรยี มตวั ลว่ งหน้าสาหรับครู คาตอบ โดยแนะว่านักเรียนสามารถหาคาตอบเหล่านีได้จากการทา เพอื่ จดั การเรียนรใู้ นคร้ังถัดไป กจิ กรรมต่าง ๆ ในเรอ่ื งนี ยอ่ หน้าที่ 2 ในครังถัดไป นักเรียนจะได้ทา 5.4 นักวิทยาศาสตร์มีวิธีการอย่างไรในการจัดกลุ่มส่ิงมีชีวิต กิจกรรมท่ี 1.1 เราจาแนกสิ่งมีชีวิตได้ อย่างไร ซึ่งจะมีการจาแนกส่ิงมีชีวิต (นักวิทยาศาสตร์รวบรวมข้อมูลลักษณะต่าง ๆ ของส่ิงมีชีวิต และ ออกเป็นกลุ่มโดยใช้ข้อมูลท่ีได้จากการ กาหนดเกณฑ์การจาแนกขึนมาเพื่อจัดส่ิงมีชีวิตท่ีมีลักษณะตาม รวบรวมมากาหนดเกณฑ์ของตนเอง และ เกณฑ์เหมือนกันอยกู่ ลมุ่ เดียวกนั ) ใช้การเคล่ือนท่ีและการสร้างอาหารเป็น 5.5 เกณฑ์การจาแนกคืออะไร มีความสาคัญอย่างไร (เกณฑ์การจาแนก เกณฑ์การจาแนก ขนั นาเขา้ สู่กิจกรรม ครู คอื สิง่ ที่ใช้ในการพจิ ารณาแยกสิ่งต่าง ๆ ออกเปน็ กลุ่ม) ควรเตรียมภาพส่ิงมีชีวิตเพื่อทาเป็นเกม ขัน้ สรุปจากการอ่าน (5 นาที) ทายช่ือส่ิงมีชีวิต โดยปิดกระดาษแผ่น เล็กๆ ที่มีหมายเลขบนกระดาษซึ่งปิดทับ 6. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่านักวิทยาศาสตร์จัด บนภาพสิ่งมีชีวิต แล้วให้นักเรียนเลือก กลุ่มสิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มโดยใช้ข้อมูลลักษณะต่าง ๆ ท่ีรวบรวมได้มา เปิดครังละ 1 หมายเลข เพ่ือให้นักเรียน กาหนดเกณฑก์ ารจาแนกและจัดกลุม่ ส่งิ มชี วี ติ ตามเกณฑ์ท่กี าหนดขนึ เหน็ ภาพบางส่วนแล้วทายช่ือสง่ิ มีชวี ติ 7. นักเรียนตอบคาถามจากเรื่องท่ีอ่านใน รู้หรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม ขั น ส อ น ค รู อ า จ เ ต รี ย ม หนา้ 36 ภาพเคล่ือนไหวของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด ต า ม บั ต ร ภ า พ ม า ใ ห้ นั ก เ รี ย น สั ง เ ก ต 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคาตอบของนักเรียนใน เพิ่มเติม ร้หู รือยังกบั คาตอบทเี่ คยตอบในคดิ ก่อนอา่ น ซ่งึ ครูบันทกึ ไว้บนกระดาน 9. ครชู ักชวนนักเรยี นลองตอบคาถามทา้ ยเรอื่ งท่ีอา่ น ดงั นี 9.1 รอบ ๆ ตวั นกั เรยี นมสี ิ่งมชี ีวิตอะไรบา้ ง สามารถจาแนกได้ก่ีกลุ่ม แต่ ละกลุ่มมอี ะไรบ้าง และใชอ้ ะไรเป็นเกณฑ์ในการจาแนก 9.2 นักเรียนมีวิธีการอย่างไรในการจัดกลุ่มส่ิงมีชีวิตรอบตัว วิธีของ นกั เรยี นเหมอื นหรอื แตกตา่ งจากวธิ ขี องนกั วทิ ยาศาสตร์ ครูบันทึกคาตอบของนักเรียนบนกระดานโดยยังไม่เฉลยคาตอบแต่ ชกั ชวนให้นักเรียนหาคาตอบจากการทากจิ กรรม สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
93 คมู่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สง่ิ มีชวี ติ แนวคาตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม นักวิทยาศาสตร์รวบรวมข้อมูลลักษณะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต และกาหนดเกณฑ์ การจาแนกขึ้นมาเพ่ือจัดส่ิงมีชีวิตท่ีมีลักษณะตามเกณฑ์เหมือนกันอยู่กลุ่ม เดยี วกัน สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ ือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 สิ่งมชี ีวิต 94 กิจกรรมที่ 1.1 เราจาแนกสงิ่ มีชีวิตได้อยา่ งไร กิจกรรมนีนักเรียนจะได้รวบรวมข้อมูลลักษณะ สื่อการเรยี นรแู้ ละแหลง่ เรียนรู้ ต่าง ๆ ของ สิ่งมีชีวิต เช่น การกินอาหาร การเคล่ือนไหว การหายใจ การเจริญเติบโต การสืบพันธุ์ รวมถึงข้อมูล 1. หนงั สือเรียน ป.4 เล่ม 1 หนา้ 45-51 เก่ียวกับที่อยู่อาศัย เพ่ือนามาใช้ในการจาแนกสิ่งมีชีวิต ออกเป็นกลุ่มโดยใช้เกณฑ์ของตนเองเกณฑ์การเคล่ือนท่ี 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.4 เล่ม 1 หนา้ 37-43 และการสรา้ งอาหาร เวลา 2 ชวั่ โมง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. รวบรวมขอ้ มูลและเปรียบเทยี บลักษณะของส่งิ มีชวี ิต 2. จาแนกส่งิ มชี วี ิตออกเป็นกลุ่มโดยใชก้ ารเคลือ่ นทแ่ี ละ การสร้างอาหารเป็นเกณฑ์ วัสดุ อปุ กรณ์สาหรบั ทากจิ กรรม สิง่ ท่คี รูตอ้ งเตรยี ม/กล่มุ บัตรภาพสิง่ มชี วี ติ 1 ชุด ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S4 การจาแนกประเภท S6 การจัดกระทาและสื่อความหมายขอ้ มลู S8 การลงความเหน็ จากขอ้ มลู S13 การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 C4 การสื่อสาร C5 ความรว่ มมือ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
95 คมู่ ือครูรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่งิ มชี วี ติ แนวการจัดการเรยี นรู้ ในการตรวจสอบความรู้ ครเู พยี ง รับฟังเหตผุ ลของนักเรยี นเป็นสาคัญ 1. ครตู รวจสอบความร้เู ดมิ เกยี่ วกบั ลกั ษณะของสง่ิ มชี วี ติ ชนดิ ต่าง ๆ โดยเลน่ และยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ ให้กับ เกมทายช่ือส่ิงมีชีวิตจากภาพ ครูเตรียมภาพท่ีมีกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ซ่ึงมี นักเรียน แต่ชักชวนนักเรียน ไปหา หมายเลขกากับปิดทับบนภาพ เริ่มเกมโดยให้นักเรียนเลือกหมายเลขบน คาตอบท่ีถูกต้องจากกิจกรรมต่าง ๆ กระดาษแผ่นเล็ก เพื่อเปิดให้เห็นบางส่วนของภาพ จากนันให้นักเรียน ในบทเรยี นนี ทายช่ือสิ่งมีชีวิตบนภาพนัน (ควรเป็นภาพส่ิงมีชีวิตที่เป็นพืช สัตว์ เห็ด และราทีไ่ มซ่ ากบั สงิ่ มชี วี ติ ในกิจกรรมที่ 1.1) ครูซักถามวา่ ส่งิ มชี วี ติ ในภาพ คืออะไร เพราะเหตุใดจึงคิดเช่นนัน (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง) 2. เม่ือนักเรียนเล่นเกมครบทุกภาพแล้ว ครูใช้คาถามเพื่อตรวจสอบความรู้ เดิมเกยี่ วกบั การจัดกล่มุ สิง่ มีชวี ติ ของนักเรยี น ดังนี 2.1 จากภาพมีส่งิ มีชีวติ ชนดิ ใดบ้าง (นกั เรียนตอบตามภาพทเ่ี ห็น) 2.2 สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีลักษณะอย่างไร (นักเรียนตอบตามลักษณะ ของสงิ่ มีชวี ติ ท่ีสังเกตได้จากภาพ) 2.3 ถ้าจะจาแนกสิ่งมีชีวิตเหล่านีออกเป็นกลุ่ม จะใช้ลักษณะใดเป็น เกณฑ์ในการจาแนก และจาแนกได้ก่ีกลุ่ม (นักเรียนตอบตามความ เขา้ ใจ) 3. ครูเชื่อมโยงความรู้เดิมของนักเรียนเข้าสู่กิจกรรมท่ี 1.1 โดยใช้คาถามว่า ถ้าจะจาแนกส่ิงมีชีวิตรอบตัวเราออกเป็นกลุ่ม จะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ใน การจาแนก และสามารถจาแนกสิ่งมีชีวิตออกไดก้ กี่ ลุม่ 4. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และ ทาเป็นคิดเป็น และร่วมกันอภิปรายเพ่ือ ตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์ในการทากิจกรรม โดยใช้ คาถามดังนี 4.1 กิจกรรมนีนักเรียนจะได้เรียนเร่ืองอะไร (การจาแนกสิ่งมีชีวิต ออกเปน็ กลุม่ ) 4.2 นักเรียนจะได้เรียนรู้เรื่องนีด้วยวิธีใด (สังเกต รวบรวมข้อมูลและ เปรยี บเทียบลกั ษณะของส่งิ มชี วี ติ ท่ีกาหนดให้) 4.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (จาแนกสิ่งมีชวี ิตออกเป็นกลุ่ม โดยใช้การเคล่ือนทแ่ี ละการสรา้ งอาหารเปน็ เกณฑ์) 5. นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 37 และ อ่าน สง่ิ ทต่ี อ้ งใช้ในการทากจิ กรรม สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สิง่ มีชวี ิต 96 6. นักเรียนอา่ น ทาอย่างไร โดยฝึกอ่านตามความเหมาะสม ครูนาอภิปราย นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ เพื่อสรปุ ลาดบั ขนั ตอน ตามแนวคาถามตอ่ ไปนี คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว 6.1 นักเรียนต้องสังเกตและบันทึกลักษณะอะไรของส่ิงมีชีวิต (ลักษณะ คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด การกินอาหาร การเคลื่อนไหว การหายใจ การเจริญเติบโต การ อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน สบื พันธุ์ และลกั ษณะอน่ื ๆ เช่น ลกั ษณะทอ่ี ยอู่ าศัย) แ ล ะ รั บ ฟั ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง 6.2 ในบัตรภาพมีส่ิงมีชีวิตอะไรบ้าง (กบ ปลา เห็ด รา คน จระเข้ นกั เรยี น กหุ ลาบ ข้าว เฟิน เสือ กุ้ง เป็ด) 6.3 นอกจากการสังเกตจากบัตรภาพแล้ว นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูล เพิ่มเติมเกี่ยวกับเห็ดและราจากท่ีใด (จากการอ่านใบความรู้เรื่อง เหด็ และรา ในหนังสือเรียนหน้า 50) 6.4 เมื่อสังเกตและบันทึกข้อมูลลักษณะของส่ิงมีชีวิตชนิดต่าง ๆ แล้ว นักเรียนต้องทาอะไรอีกบ้าง (กาหนดเกณฑ์ในการจาแนกส่ิงมีชีวิต แล้วจาแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มตามเกณฑ์ท่ีกาหนด จากนัน นาเสนอ) 6.5 หลังจากนักเรียนนาเสนอผลการจาแนกส่ิงมีชีวิตตามเกณฑ์ของ ตัวเองแล้วต้องทาอะไรต่อ (จาแนกส่ิงมีชีวิตออกเป็นกลุ่มโดยใช้การ เคล่อื นทแี่ ละการสรา้ งอาหารเป็นเกณฑ์) ครูอาจช่วยเขียนสรุปเป็นขันตอนสันๆ บนกระดาน และอาจถ่าย เอกสารบัตรภาพทังหมดมาให้นักเรยี นทุกกลมุ่ สังเกต กลมุ่ ละ 1 ชุด 7. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว นักเรียนจะได้ปฏิบัติ ตามขันตอน ดังนี 7.1 สังเกตและบันทึกขอ้ มลู ลักษณะของส่ิงมชี วี ิตชนดิ ตา่ ง ๆ (S1) 7.2 อ่านใบความรู้และบันทึกข้อมูลลักษณะของส่ิงมีชีวิตชนิดต่าง ๆ เพมิ่ เติม 7.3 ร่วมกันลงความเห็นเก่ียวกบั ลักษณะตา่ ง ๆ ของสิ่งมชี ีวติ (S8) 7.4 กาหนดเกณฑ์การจาแนกสิ่งมีชีวิต และจาแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็น กลุ่มตามเกณฑท์ ี่กาหนด (S4, S6) (C2) 7.5 นาเสนอผลการจาแนกสงิ่ มีชวี ิต (C4, C5) 7.6 จาแนกส่ิงมีชีวิตออกเป็นกลุ่มโดยใช้การเคล่ือนที่และการสร้าง อาหารเป็นเกณฑ์ และนาเสนอ (S4) (C2, C4) 7.7 นักเรียนร่วมกันลงความเห็นเกี่ยวกับการจัดกลุ่มสิ่งมีชวี ิตโดยใช้การ เคลื่อนทแี่ ละการสร้างอาหารเป็นเกณฑ์ (S8) สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
97 คมู่ ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิ่งมชี วี ติ 7.8 นักเรียนร่วมกันตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุปเกี่ยวกับการ นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ จาแนกสง่ิ มีชวี ิต (S13) คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด 8. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูนาอภปิ รายผลการทากิจกรรม โดยใชค้ าถาม อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน ดังตอ่ ไปนี แ ล ะ รั บ ฟั ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง 8.1 สิง่ มชี วี ติ แต่ละชนิดทนี่ กั เรียนสงั เกตมีลกั ษณะอยา่ งไรบ้าง นกั เรยี น - กบ กินสง่ิ มีชีวิตอื่นเปน็ อาหาร เคลื่อนไหวและเคลื่อนท่ีได้ หายใจ ได้ เจรญิ เติบโตได้ สืบพนั ธ์ไุ ด้ อาศัยอยู่ทังบนบกและในนา - ปลา กินสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร เคล่ือนไหวและเคล่ือนที่ได้ หายใจได้ เจริญเติบโตได้ สืบพนั ธุ์ได้ อาศยั อยู่ในนา - คน กินส่ิงมีชีวิตอ่ืนเป็นอาหาร เคลื่อนไหวและเคล่ือนที่ได้ หายใจได้ เจรญิ เติบโตได้ สบื พนั ธไุ์ ด้ อาศัยอยูบ่ กบน - เห็ด ได้รับอาหารจากการย่อยสลายซากของส่ิงมีชีวิตชนิดอื่น ๆ เคลื่อนไหวได้ เคลื่อนที่ไม่ได้ หายใจได้ เจริญเติบโตได้ สืบพันธุ์ ได้ อาศัยอยู่บนซากสงิ่ มชี ีวิตชนดิ อนื่ - จระเข้ กินส่ิงมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร เคล่ือนไหวและเคล่ือนท่ีได้ หายใจได้ เจริญเติบโตได้ สืบพันธ์ไุ ด้ อาศัยอยทู่ ังในนาและบนบก - รา ได้รับอาหารจากการย่อยสลายซากของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ เคล่ือนไหวได้ เคลื่อนที่ไม่ได้ หายใจได้ เจริญเติบโตได้ สืบพันธ์ุ ได้ อาศัยอยบู่ นซากสง่ิ มีชีวติ ชนิดอืน่ - กุหลาบ สร้างอาหารเองได้ เคลื่อนไหวได้ เคล่ือนที่ไม่ได้ หายใจ ได้ เจริญเติบโตได้ สบื พนั ธุ์ได้ อาศยั อยบู่ นบก - เป็ด กินส่ิงมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร เคลื่อนไหวและเคลื่อนที่ได้ หายใจได้ เจริญเตบิ โตได้ สืบพนั ธุไ์ ด้ อาศัยอยบู่ นบกและในนา - ข้าว สร้างอาหารเองได้ เคล่ือนไหวได้ เคล่ือนท่ีไม่ได้ หายใจได้ เจรญิ เติบโตได้ สบื พนั ธไุ์ ด้ เจรญิ เตบิ โตบนดินท่มี นี าและดินแหง้ - เฟิน สร้างอาหารเองได้ เคลื่อนไหวได้ เคล่ือนท่ีไม่ได้ หายใจได้ เจริญเติบโตได้ สืบพนั ธไุ์ ด้ อาศัยอย่บู นบก - เสือ กินส่ิงมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร เคลื่อนไหวและเคลื่อนท่ีได้ หายใจได้ เจริญเตบิ โตได้ สบื พนั ธุไ์ ด้ อาศยั อยบู่ นบก - ก้งุ กนิ สิง่ มีชวี ิตอ่ืนเปน็ อาหาร เคลอ่ื นไหวและเคลือ่ นที่ได้ หายใจ ได้ เจรญิ เติบโตได้ สืบพนั ธ์ุได้ อาศัยอย่ใู นนา สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ อื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มชี ีวติ 98 8.2 ส่ิงมีชีวิตทุกชนิดมีลักษณะใดบ้างที่เหมือนกัน (การสืบพันธ์ุ การ หายใจ การเจริญเติบโต) 8.3 สิ่งมีชีวิตชนิดใดบ้างท่ีกินสัตว์อื่นเป็นอาหาร (กบ ปลา คน จระเข้ เป็ด เสอื กงุ้ ) 8.4 ส่ิงมชี วี ิตใดบ้างท่ีสร้างอาหารไดเ้ อง (กุหลาบ ขา้ ว เฟนิ ) 8.5 ส่ิงมีชีวิตใดบ้างท่ีเคล่ือนไหวและเคลื่อนท่ีได้ (กบ ปลา คน จระเข้ เปด็ เสอื ก้งุ ) 8.6 สิ่งมีชีวิตใดบ้างท่ีเคลื่อนไหวได้แต่เคลื่อนท่ีไม่ได้ (กุหลาบ ข้าว เฟิน เห็ด รา) 8.7 นักเรียนใช้เกณฑ์ใดในการจัดส่ิงมีชีวิตออกเป็นกลุ่ม (นักเรียนตอบ ตามขอ้ มลู จริงในห้องเรียน) 8.8 ครูอาจสุ่มเลือกเกณฑ์ท่ีนักเรียนใช้ในการจาแนกส่ิงมีชีวิตมา 1 เกณฑ์ เช่น เกณฑ์แหลง่ ที่อยู่ และถามว่า ถ้าใชแ้ หลง่ ทอี่ ย่เู ปน็ เกณฑ์ จะจาแนกส่ิงมีชีวิตออกเป็นก่ีกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีสิ่งมีชีวิตชนิดใดบ้าง (นักเรียนตอบตามขอ้ มลู จริงในห้องเรยี น) 8.9 ถ้าเปล่ยี นเกณฑ์การจาแนกส่งิ มชี วี ิต ชนดิ ของสิง่ มีชีวิตในกลมุ่ ต่าง ๆ เหมอื นเดมิ หรอื ไม่ (อาจเหมอื นเดมิ หรือเปล่ียนแปลงไป) 8.10 ถ้าใช้การเคล่ือนท่ีและการสร้างอาหารเป็นเกณฑ์ สามารถจาแนก สิ่งมีชีวิตได้กี่กลุ่ม อะไรบ้าง (3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่สร้างอาหารเองได้แต่ เคล่ือนท่ีไม่ได้ กลุ่มที่สร้างอาหารเองไม่ได้แต่เคลื่อนท่ีได้ และกลุ่มที่ ไดร้ ับอาหารจากการย่อยสลายปส่ิงมชี วี ิตอน่ื หรือสร้างอาหารเองไม่ได้ และเคลื่อนท่ไี มไ่ ด)้ 8.11แต่ละกลุม่ มีสง่ิ มชี ีวิตอะไรบา้ ง - กลุ่มท่ีสร้างอาหารเองได้แต่เคล่ือนที่ไม่ได้ ได้แก่ กุหลาบ ข้าว เฟิน - กลุ่มท่ีสร้างอาหารเองไม่ได้แต่เคล่ือนที่ได้ ได้แก่ กบ ปลา คน จระเข้ เปด็ เสอื กงุ้ - กลุ่มท่ีสร้างอาหารเองไม่ได้แต่ได้รับอาหารจากการย่อยสลาย สงิ่ มีชวี ติ อืน่ และเคล่ือนที่ไม่ได้ ได้แก่ เหด็ รา 9. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุป ดังนี เราเรียกกลุ่ม สิ่งมีชีวิตที่สร้างอาหารเองไดแ้ ต่เคล่ือนท่ีไมไ่ ดว้ ่า กลุ่มพืช เรียกสิ่งมีชีวิต ที่สร้างอาหารเองไม่ได้แต่เคล่ือนท่ีได้ว่า กลุ่มสัตว์ และเรียกสิ่งมีชีวิต สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
99 ค่มู อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่ิงมีชวี ิต กลุ่มท่ีสร้างอาหารเองไม่ได้และเคล่ือนที่ไม่ได้ว่า กลุ่มท่ีไม่ใช่พืชและ สตั ว์ 10. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนยกตัวอย่างและบรรยายลักษณะสิ่งมีชวี ิตที่ ตนเองรู้จัก จากนันให้เพื่อนช่วยกันตอบว่าสิ่งมีชีวิตนีควรจัดอยู่ใน กลุ่มใดทังนีโดยใชก้ ารสร้างอาหารและการเคล่ือนท่ีเป็นเกณฑ์ หรือ ครูอาจยกตัวอย่างส่ิงมีชีวิตอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากกิจกรรมเพ่ือให้ นกั เรียนจาแนกสงิ่ มชี วี ติ ทหี่ ลากหลายขนึ 11.นักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่าสามารถจาแนกสิ่งมีชีวิต ออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ออกได้เป็น 3 กลุ่ม โดยใช้เกณฑ์การเคลื่อนท่ีและ การสรา้ งอาหาร คือ กลมุ่ พืช กลุ่มสัตว์ และกลมุ่ ทไ่ี มใ่ ชพ่ ืชและสัตว์ 12. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้คาถาม เพม่ิ เตมิ ในการอภิปรายเพื่อให้ได้แนวคาตอบที่ถกู ต้อง 13.นักเรียนสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรมนี จากนันนักเรียนอ่าน สิ่งท่ีได้ เรียนรู้ และเปรยี บเทยี บกบั ขอ้ สรุปของตนเอง 14. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตังคาถามเก่ียวกับเร่ืองท่ีสงสัยหรืออยากรู้ เพ่ิมเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนันครูอาจสุ่มนักเรียน 2 -3 คน นาเสนอ คาถามของตนเองหน้าชันเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ คาถามท่นี าเสนอ 15. ครูนาอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างและในขันตอน ใดบา้ ง และบันทึกลงในแบบบันทึกกจิ กรรมหน้า 43 การเตรยี มตวั ลว่ งหน้าสาหรับครเู พื่อจดั การเรยี นรใู้ นครง้ั ถัดไป ในครังถัดไป นักเรียนจะได้ทากิจกรรม 1.2 เราจาแนกสัตว์ได้อย่างไร ซ่ึงจะมีการจาแนกสัตว์ ออกเป็นกลมุ่ โดยใช้การมีกระดกู สันหลงั เปน็ เกณฑ์ ครูเตรียมส่ือเพือ่ จัดการเรียนการสอน ดังนี 1. เตรียมฉลากที่มีชื่อของสัตว์ 8 ชนิด (ทังสัตว์มีกระดูกสันหลัง และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง) และทาฉลากช่อื สัตวช์ นดิ ละ 5 ใบ สาหรบั เล่นเกมเพื่อตรวจสอบความรู้กอ่ นเรียน 2. เตรียมบัตรภาพโครงสร้างภายนอกและโครงสร้างภายในของสัตว์ท่ีมีกระดูกสันหลังและไม่มี กระดูกสันหลังมาให้นักเรียนสังเกต ซึ่งบัตรภาพสามารถดาวน์โหลดได้จาก QR code ใน หนงั สือเรยี นหน้า 52 3. เตรียมปลา และกงุ้ เทา่ จานวนกลุม่ ของนักเรยี น หรอื มอบหมายให้นกั เรยี นเตรียมมาเอง อาจ ใช้ปลาท่นี ึง่ สุกแล้วแทนปลาสดได้ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 ส่ิงมีชวี ิต 100 แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม 1. รวบรวมขอ้ มลู และเปรยี บเทยี บลกั ษณะของสิ่งมีชิวติ 2. จาแนกส่ิงมีชวี ติ ออกเปน็ กลมุ่ โดยใชก้ ารเคล่อื นท่ีและการสรา้ ง อาหารเป็นเกณฑ์ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
101 ค่มู ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิ่งมชี วี ิต สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
อยไู่ ด้ท้งั บนบกและในน้า อยใู่ นน้า อย่บู นบก อยู่บนบก อยูไ่ ด้ทัง้ บนบกและใน อยู่บนนา้ บก อยบู่ นบก อยู่ได้ทัง้ บนบกและในนา้ อย่ใู นดนิ ท่ีมนี ้า อยู่บนบก อยูบ่ นบก อยู่ในน้า
ค่มู อื ครูรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 สิง่ มชี ีวติ 102 ที่อยู่อาศัย 3 อาศัยอยู่บนบก คน เห็ด รา กหุ ลาบ เฟิน เสอื ขา้ ว อาศัยอยู่ในนา้ ปลา กงุ้ อาศัยอยทู่ ั้งบนบกและในนา้ กบ จระเข้ เป็ด สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
103 คูม่ อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มชี วี ติ 3 สรา้ งอาหารเองได้ แต่เคล่อื นทไ่ี มไ่ ด้ กหุ ลาบ เฟนิ ข้าว สร้างอาหารเองไมไ่ ด้ แตเ่ คลื่อนทีไ่ ด้ กบ คน เสอื จระเข้ เป็ด ปลา กุ้ง สร้างอาหารเองไม่ได้ และเคล่อื นที่ไมไ่ ด้ เห็ด รา สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ อื ครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 สิ่งมชี ีวติ 104 นกั เรยี นอาจตอบว่าเหมอื นหรอื แตกต่างขน้ึ อยู่กับการจัดกลมุ่ ของนักเรียน เหมือนกนั เพราะใช้เกณฑ์เดียวกนั คือ .... แตกตา่ งกนั เพราะใชเ้ กณฑต์ ่างกัน คอื .... จัดได้ 3 กลมุ่ ได้แก่ กลมุ่ พืช กลุ่มสัตว์ และกล่มุ ท่ีไมใ่ ชพ่ ชื และสตั ว์ กลมุ่ พชื สร้างอาหารเองได้แต่เคลื่อนทไ่ี ม่ได้ กลุ่มสตั ว์ สรา้ งอาหารเองไม่ได้ แต่ เคล่ือนทไ่ี ด้ สว่ นกลมุ่ ท่ไี มใ่ ช่พชื และสตั ว์ สร้างอาหารเองไม่ไดแ้ ละเคล่อื นทีไ่ มไ่ ด้ กลมุ่ พืช ประกอบดว้ ย กหุ ลาบ เฟิน ขา้ ว กล่มุ สตั ว์ ประกอบด้วย กบ คน เสือ จระเข้ เป็ด ปลา ก้งุ และกลมุ่ ทีไ่ มใ่ ช่พชื และสัตว์ ประกอบด้วย เหด็ รา ส่ิงมีชีวติ มลี ักษณะบางอย่างท่ีเหมือนกนั และบางอย่างทีแ่ ตกตา่ งกัน สามารถนา ลักษณะของส่ิงมชี ีวติ มากาหนดเกณฑ์ในการจาแนกส่งิ มีชวี ิตออกเป็นกลุม่ ได้ และ ถ้าใชเ้ กณฑ์การเคล่อื นทแี่ ละการสร้างอาหารจะจัดกลุม่ ส่ิงมีชีวติ ออกเปน็ 3 กลมุ่ คือ กลุ่มพืช สรา้ งอาหารเองได้แต่เคล่อื นทไ่ี ม่ได้ ประกอบดว้ ย กหุ ลาบ เฟิน ขา้ ว กลุ่ม สัตว์ สรา้ งอาหารเองไมไ่ ด้ แต่เคลอื่ นท่ีได้ ประกอบด้วย กบ คน เสอื จระเข้ เปด็ ปลา กุ้ง สว่ นกลุม่ ท่ีไมใ่ ช่พชื และสัตว์ สร้างอาหารเองไม่ไดแ้ ละเคลื่อนทไ่ี ม่ได้ ประกอบดว้ ย เหด็ รา สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
105 คูม่ ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่งิ มีชวี ิต ถ้าใช้เกณฑ์การเคลื่อนทแ่ี ละการสร้างอาหารไดจ้ ะจาแนกสิง่ มชี วี ติ ออกเป็น 3 กลมุ่ คือ กลมุ่ พชื กล่มุ สัตว์ และกล่มุ ท่ีไมใ่ ชพ่ ชื และสตั ว์ คาถามของนกั เรียนทีต่ ้งั ตามความอยากร้ขู องตนเอง สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่งิ มีชวี ติ 106 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368