Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 ล.1

(คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 ล.1

Published by แชร์งานครู Teachers Sharing, 2021-01-19 11:14:09

Description: (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 ล.1

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
เล่ม 1
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Keywords: (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 ล.1,คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์,กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560),หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Search

Read the Text Version

107 คู่มือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่ิงมชี วี ิต แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรู้ของนกั เรียนทาได้ ดังนี 1. ประเมนิ ความร้เู ดิมจากการอภปิ รายในชันเรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นร้จู ากคาตอบของนักเรียนระหว่างการจดั การเรียนรแู้ ละจากแบบบันทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทากจิ กรรมของนกั เรียน การประเมินจากการทากิจกรรมที่ 1.1 เราจาแนกส่งิ มชี ีวติ ไดอ้ ย่างไร ระดับคะแนน 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรุง 3 คะแนน หมายถึง ดี รหัส สิ่งที่ประเมนิ คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสังเกต S4 การจาแนกประเภท S6 การจัดกระทาและสอ่ื ความหมายขอ้ มลู S8 การลงความเห็นจากขอ้ มูล S13 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 C4 การสื่อสาร C5 ความรว่ มมอื รวมคะแนน  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 ส่ิงมชี ีวิต 108 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ตามระดบั ความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมิน ดงั นี ทกั ษะ ระดบั ความสามารถ กระบวนการทาง รายการประเมิน วิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) S1 การสงั เกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสัมผัส ไ ม่ ส า ม า ร ถ ใ ช้ ร า ย ล ะ เ อี ย ด สั ง เ ก ต ลั ก ษ ณ ะ แ ล ะ สังเกตลักษณะและบรรยาย ป ร ะ ส า ท สั ม ผั ส เก่ียวกับลักษณะ บรรยายรายละเอียดของ รายละเอียดของส่ิงมีชีวิตท่ี สังเกตลักษณะและ ของส่ิงมีชีวิตที่อยู่ ส่ิงมีชีวิตที่อยู่ในกลุ่มพืช อยู่ในกลุ่มพืช สัตว์ และ บรรยายรายละเอียด ในกลุ่มพืช สัตว์ สัตว์ และสิ่งมีชีวิตท่ีไม่ใช่ สิ่งมีชีวิตท่ีไม่ใช่พืชและสัตว์ ของสิ่งมีชีวิตท่ีอยู่ใน แ ล ะส่ิ งมี ชี วิ ต ที่ พืชและสัตว์ได้ด้วยตนเอง ได้ จากการชีแนะของครู กลุ่มพืช สัตว์ และ ไม่ใช่พืชและสตั ว์ โ ด ย ไ ม่ เ พิ่ ม เ ติ ม ค ว า ม หรือผู้อ่ืน หรือมีการเพ่ิมเติม สิ่งมีชีวิตท่ีไม่ใช่พืช คดิ เหน็ ความคิดเห็น และสัตว์ แม้ว่าจะได้ รับคาชีแนะจากครู หรอื ผอู้ น่ื S4 การจาแนก การกาหนดเกณฑ์ สามารถกาหนดเกณฑ์และ สามารถกาหนดเกณฑ์และ ไม่สามารถกาหนด ประเภท ก า ร จ า แ น ก จาแนกสิ่งมีชีวิตตามเกณฑ์ จาแนกส่ิงมีชีวิตตามเกณฑ์ที่ เกณฑ์และจาแนก ส่ิงมีชีวิตและการ ท่ีกาหนดเป็นกลุ่มพืช สัตว์ กาหนดเป็นกลุ่มพืช สัตว์ ส่ิงมีชีวิตตามเกณฑ์ที่ จาแนกสิ่งมีชีวิต และส่ิงมชี ีวติ ทไี่ มใ่ ช่พชื และ และส่ิงมีชีวิตที่ไม่ใช่พืชและ กาหนดเป็นกลุ่มพืช ต า ม เ ก ณ ฑ์ ที่ สัตว์ โดยใช้การเคล่ือนท่ี สัตว์ โดยใช้การเคลื่อนท่ีและ สัตว์ และสิ่งมีชีวิตท่ี กาหนดเป็นกลุ่ม และการสร้างอาหารเป็น การสร้างอาหารเป็นเกณฑ์ได้ ไม่ใช่พืชและสัตว์ พื ช สั ต ว์ แ ล ะ เกณฑ์ได้อย่างถูกต้องได้ อย่างถูกต้อง จากการชีแนะ โดยใช้การเคล่ือนท่ี ส่ิงมีชีวิตท่ีไม่ใช่ ดว้ ยตนเอง ของครูหรือผู้อืน่ และการสร้างอาหาร พืชและสัตว์ โดย เป็นเกณฑ์ได้ แม้ว่า ใ ช้ ก า ร เ ค ลื่ อ น ที่ จ ะ ไ ด้ รั บ ค า ชี แ น ะ แ ล ะ ก า ร ส ร้ า ง จากครหู รอื ผู้อ่ืน อาหารเป็นเกณฑ์ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

109 คมู่ ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 ส่ิงมชี วี ิต ทกั ษะ ระดับความสามารถ กระบวนการทาง รายการประเมนิ วทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) S6 การจัดกระทา การนาข้อมูลที่ได้ สามารถนาเสนอข้อมูลท่ีได้ สามารถนาเสนอข้อมูลท่ีได้ ไม่สามารถนาเสนอ แ ล ะ ส่ื อ จากการสังเกต จ า ก ก า ร สั ง เ ก ต แ ล ะ จากการสังเกตและรวบรวม ข้อมูลท่ีได้จากการ ค ว า ม ห ม า ย แ ล ะ ร ว บ ร ว ม รวบรวมเก่ียวกับลักษณะ เ ก่ี ย ว กั บ ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง สังเกตและรวบรวม ข้อมลู เก่ียวกับลักษณะ ของสิ่งมีชีวิตมาจาแนก สิ่งมีชีวิตมาจาแนกสิ่งมีชีวิต เกี่ยวกับลักษณะของ ของสิ่งมีชีวิตมา สิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มมา ออกเป็นกลุ่มมาจัดกระทา สิ่งมีชีวิตมาจาแนก จัดกระทาโดยการ จัดกระทาโดยการเขียน โดยการเขียนแผนภาพ หรือ ส่ิงมีชีวิตออกเป็น เขี ย น แ ผ น ภาพ แผนภาพ หรือรูปแบบอื่นๆ รูปแบบอ่ืนๆ และส่ือให้ผู้อื่น กลุ่ม มาจัดกระทา หรือรูปแบบอื่นๆ และส่ือให้ผู้อ่ืนเข้าใจการ เข้าใจการจาแนกสิ่งมีชีวิต โ ด ย ก า ร เ ขี ย น แ ล ะส่ื อ ใ ห้ ผู้ อื่น จาแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็น ออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ได้อย่าง แ ผ น ภ า พ ห รื อ เข้าใจการจาแนก กลุ่มตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างถูกต้อง ถูกต้องจากการชีแนะของครู รูปแบบอื่นๆ และไม่ ส่ิงมีชีวิตออกเป็น ไดด้ ้วยตนเอง หรือผอู้ ่ืน สามารถส่ือให้ผู้อื่น กลุ่มตา่ ง ๆ เ ข้ า ใ จ ก า ร จ า แ น ก สิ่ ง มี ชี วิ ต อ อ ก เ ป็ น กลุ่มต่าง ๆ ได้ แม้ว่า จ ะ ไ ด้ รั บ ค า ชี แ น ะ จากครหู รอื ผู้อ่ืน S8 ก า ร ล ง ลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก ไ ม่ ส า ม า ร ถ ล ง ค วา มเ ห็ น จ าก ข้อมูลว่าสิ่งมีชีวิต ข้อมูลได้ว่าส่ิงมีชีวติ ชนิดใด ข้อมูลได้ว่าส่ิงมีชีวิตชนิดใด ความเห็นจากข้อมูล ขอ้ มลู ช นิ ด ใ ด เ ป็ น พื ช เป็นพืช สัตว์ และไม่ใช่พืช เป็นพืช สัตว์ และไม่ใช่พืช ได้ว่าส่ิงมีชีวิตชนิดใด สัตว์ และไม่ใช่พืช แ ล ะ สั ต ว์ โ ด ย ใ ช้ ก า ร และสัตว์ โดยใช้การเคลื่อนท่ี เป็นพืช สัตว์ และ และสัตว์ โดยใช้ เคลื่อนท่ีและการสร้าง และการสร้างอาหารเป็น ไม่ใช่พืชและสัตว์ การเคลื่อนที่และ อาหารเป็นเกณฑ์ได้อย่าง เกณฑ์ได้อย่างถูกต้อง จาก โดยใช้การเคลื่อนท่ี การสร้างอาหาร ถกู ตอ้ งได้ดว้ ยตนเอง การชีแนะของครูหรือผอู้ น่ื และการสร้างอาหาร เปน็ เกณฑ์ เป็นเกณฑ์แม้ว่าจะ ได้รับคาชีแนะจาก ครหู รอื ผอู้ ่ืน  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 ส่งิ มีชวี ิต 110 ทกั ษะ ระดับความสามารถ กระบวนการทาง รายการประเมนิ วทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) S13 ก า ร ตี ค ว า ม ห ม า ย ส า ม า ร ถ ตี ค ว า ม ห ม า ย สามารถตีความหมายข้อมูล ไ ม่ ส า ม า ร ถ ตี ค ว า ม ห ม า ย ข้ อ มู ล จ า ก ก า ร ข้อมูลจากการสังเกตได้ว่า จากการสังเกตได้ว่าสิ่งมีชีวิต ตีความหมายข้อมูล ข้ อ มู ล แ ล ะ ล ง สั ง เ ก ต ไ ด้ ว่ า สิ่งมีชีวิตมีลักษณะต่าง ๆ มี ลั ก ษ ณ ะ ต่ า ง ๆ แ ล ะ จากการสังเกตได้ว่า ขอ้ สรปุ ส่ิ ง มี ชี วิ ต มี และสามารถลงข้อสรุปได้ สามารถลงข้อสรุปได้ว่าถ้า ส่ิงมีชีวิตมีลักษณะ ลั ก ษ ณ ะ ต่ า ง ๆ ว่าถ้าจาแนกสิ่งมีชีวิตโดย จาแนกสิ่งมีชีวิตโดยใช้การ ต่ า ง ๆ แ ล ะ ไ ม่ และสามารถลง ใช้การเคล่ือนที่และการ เคล่อื นทีแ่ ละการสร้างอาหาร สามารถลงข้อสรุปได้ ข้อสรุปได้ว่าถ้า สร้างอาหารเป็นเกณฑ์จะ เป็นเกณฑจ์ ะจาแนกสิ่งมีชีวิต ว่ า ถ้ า จ า แ น ก จาแนกสิ่งมีชีวิต จาแนกออกส่ิงมชี ีวติ ได้เป็น ออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่ม ส่ิงมีชีวิตโดยใชการ โ ด ย ใ ช้ ก า ร 3 กลุ่ม คือ กลุ่มพืช กลุ่ม พืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มท่ี เคลื่อนที่และการ เคลื่อนท่ีและการ สัตว์ และกลุ่มท่ีไม่ใช่พืช ไม่ใช่พืชและสัตว์ จากการ ส ร้ า ง อ า ห า ร เ ป็ น สร้างอาหารเป็น และสัตว์ ไดด้ ้วยตนเอง ชีแนะของครหู รือผ้อู ืน่ เ ก ณ ฑ์ จ ะ จ า แ น ก เกณฑ์จะจาแนก ส่ิงมีชีวิตออกได้เป็น อ อ ก ไ ด้ เ ป็ น 3 3 กลุ่ม คือ กลุ่มพืช กลุ่ม กลุ่มสัตว์ และกลุ่มท่ี ไ ม่ ใ ช่ พื ช แ ล ะ สั ต ว์ แ ม้ ว่าจ ะได้รั บ ค า ชี แ น ะ จ า ก ค รู ห รื อ ผู้อื่น สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

111 คู่มอื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สงิ่ มีชวี ิต ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ กั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ตามระดับความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมิน ดงั นี ทักษะแหง่ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) C4 การสอื่ สาร การนาเสนอข้อมูล สามารถนาเสนอขอ้ มลู สามารถนาเสนอข้อมูลจาก ไ ม่ ส า ม า ร ถ น า เ ส น อ จากการอภปิ ราย จากการอภปิ รายเกยี่ วกบั การอภิปรายเก่ยี วกบั การ ข้อมูลจากการอภิปราย เกีย่ วกบั การจาแนก การจาแนกสิ่งมีชีวิตโดย จาแนกสง่ิ มีชวี ติ โดยใชก้ าร เก่ียวกับการจ า แ น ก สงิ่ มีชวี ิตโดยใช้การ ใช้การเคลื่อนทแี่ ละการ เคลือ่ นทแี่ ละการสร้างอาหาร สิ่ ง มี ชี วิ ต โ ด ย ใ ช้ ก า ร เคล่ือนท่ีและการ สรา้ งอาหารเปน็ เกณฑใ์ น เปน็ เกณฑ์ในรปู แบบ เคล่ือนท่ีและการสร้าง สร้างอาหารเปน็ รูปแบบแผนภาพ หรือ แผนภาพ หรือรปู แบบอื่นๆ อาหารเป็นเกณฑ์ใน เกณฑใ์ นรปู แบบ รปู แบบอ่นื ๆ ให้คนอน่ื ใหค้ นอื่นเข้าใจ ไดอ้ ย่าง รูปแบบแผนภาพ หรือ แผนภาพ หรือ เขา้ ใจ ได้อยา่ งถูกตอ้ ง ถูกต้อง ครบถว้ น จากการ รูปแบบอ่ืนๆ ให้คนอ่ืน รูปแบบอ่นื ๆ ให้คน ครบถ้วน ไดด้ ว้ ยตนเอง ชแี นะของครหู รือผู้อ่ืน เข้าใจได้ แม้ว่าจะได้ อนื่ เข้าใจ รับคาชีแนะจากครูหรือ ผอู้ ่ืน C5 ค ว า ม ทางานร่วมกับผู้อื่น สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืน ไ ม่ ส า ม า ร ถ ท า ง า น ร่วมมือ ในการสังเกต การ ผู้อื่นในการสังเกต การ ในการสังเกต การนาเสนอ ร่ ว ม กั บ ผู้ อื่ น ไ ด้ นาเสนอ และการ นาเสนอ และการแสดง และการแสดงความคิดเห็น ตลอดเวลาทท่ี ากิจกรรม แสดงความคิดเห็น ความคิดเห็นเพื่อจาแนก เพ่ือจาแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็น เ พื่ อ จ า แ น ก สิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มที่ ส่ิงมีชีวิตออกเป็น กลุ่มสัตว์ และกลุ่มที่ไม่ใช่ ไม่ใช่พืชและสัตว์ รวมทัง กลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ พื ช แ ล ะ สั ต ว์ ร ว ม ทั ง ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น และกลุ่มท่ีไม่ใช่พืช ยอมรับความคิดเห็นของ บางชว่ งเวลาท่ที ากจิ กรรม และสัตว์ รวมทัง ผู้ อ่ื น ตั ง แ ต่ เ ริ่ ม ต้ น จ น ย อ ม รั บ ค ว า ม สาเรจ็ คิดเหน็ ของผอู้ นื่  สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 ส่งิ มีชวี ิต 112 กิจกรรมที่ 1.2 เราจาแนกสัตวไ์ ด้อยา่ งไร กิจกรรมนีนักเรียนจะได้สังเกตโครงสร้างภายนอก และโครงสร้างภายในของสัตว์ชนิดต่าง ๆ จากบัตรภาพ รวมทังผ่าร่างกายของสัตว์ เพ่ือสังเกตกระดูกสันหลัง และ จาแนกสัตว์ออกเป็นกลุ่มโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็น เกณฑ์ เวลา 3 ชวั่ โมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สงั เกตและอธบิ ายโครงสร้างภายนอกและโครงสร้าง ภายในของสตั วช์ นิดต่าง ๆ 2. จาแนกสัตวอ์ อกเป็นกลุม่ โดยใช้การมีกระดกู สันหลังเป็น เกณฑ์ วัสดุ อปุ กรณ์สาหรับทากิจกรรม ส่งิ ทีค่ รูต้องเตรยี ม/กลุม่ สิง่ ที่ครูตอ้ งเตรยี ม/กลุ่ม ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 1. บตั รภาพโครงสรา้ งภายนอก-ภายในของสตั ว์ 1 ชุด 2. ถาด 1 ใบ C4 การส่อื สาร C5 ความรว่ มมือ 3. มีด 1 เล่ม C6 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ สง่ิ ทีค่ รูต้องเตรียม/คน ถงุ มอื ยาง 1 คู่ สอ่ื การเรยี นรแู้ ละแหล่งเรียนรู้ สิ่งท่ีนกั เรียนตอ้ งเตรียม/กลมุ่ 1. หนงั สือเรียน ป.4 เลม่ 1 หนา้ 52-54 1. กงุ้ 1 ตัว 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป.4 เล่ม 1 หนา้ 44-48 2. ปลา 1 ตวั 3. ตัวอยา่ งวีดทิ ัศนป์ ฏิบัตกิ ารวทิ ยาศาสตร์เรือ่ งเราจาแนก ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สตั ว์ไดอ้ ย่างไร http://ipst.me/8050 S1 การสังเกต S4 การจาแนกประเภท S6 การจดั กระทาและสื่อความหมายขอ้ มูล S8 การลงความเห็นจากข้อมลู S13 การตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

113 คมู่ ือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สง่ิ มีชีวติ แนวการจดั การเรียนรู้ ในการตรวจสอบความรู้ ครเู พยี ง รับฟังเหตุผลของนกั เรียนเป็นสาคัญ 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับโครงสร้างของสตั ว์ แบง่ กลุ่มนักเรียนโดยให้ และยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ ให้กับ จับฉลากชื่อสัตว์ ตามรายการที่ครูเตรียมมาล่วงหน้า นักเรียนแต่ละคนเมื่อ นักเรียน แต่ชักชวนนักเรียน ไปหา จบั ฉลากแลว้ ใหแสดงทา่ ทางหรือส่งเสียงร้องเพอื่ แสดงชนดิ ของสัตว์ท่ีตนเอง คาตอบท่ีถูกตอ้ งจากกิจกรรมต่าง ๆ จับฉลากได้ จากนนั ใหน้ ักเรยี นทีจ่ บั ฉลากได้สัตว์ชนดิ เดียวกันมารวมกลุ่มกัน ในบทเรยี นนี และช่วยหันวาดรูปโครงสร้างภายนอกและโครงสร้างภายในของสัตว์ชนิด นนั ๆ ตามความคดิ ของกลุ่ม นาเสนอผลงานโดยนารูปไปตดิ ท่ผี นังหอ้ งเรียน เพื่อให้เพ่ือนร่วมชันเรียนได้ชม ครูตรวจสอบความรู้โดยใช้แนวคาถามใน การอภิปรายดังต่อไปนี 1.1 สัตว์ที่นักเรียนนาเสนอมีชนิดใดบ้าง (เช่น สุนัข นก เป็ด ผึง กบ ยุง แมงมุม ไสเ้ ดือนดนิ ) 1.2 สัตว์เหล่านีมีโครงสร้างภายนอกเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (มีทัง เหมือนกันและแตกต่างกัน เช่น สุนัขมีขา 4 ขา มีหาง นกและเป็ดมี 2 ขา มีหางและปีก ผึงและยงุ มีขา 6 ขา มีปกี สว่ นไส้เดอื นดินไม่มขี า) 1.3 สัตว์เหล่านีมีโครงสร้างภายในเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (มีทัง เหมือนและแตกต่างกัน เช่น สุนัข นกและเป็ด ต่างก็มีโครงกระดูก ภายในเหมือนกัน ซ่ึงแตกต่างจากผึง ยุง และไส้เดือนดิน ที่ไม่มีโครง กระดูกภายใน) ครูรับฟังคาตอบท่ีอาจแตกต่างกัน (ครูอาจจดคาตอบที่น่าสนใจไว้บน กระดาน) 2. นกั เรยี นช่วยกนั จาแนกสตั วท์ ัง 8 ชนิด ออกเปน็ กลุ่ม ครสู อบถามนักเรียนวา่ ใช้เกณฑ์ใดในการจาแนกสัตว์เหล่านีออกเป็นกลุ่ม ครูเช่ือมความรู้ของ นักเรียนไปสู่กิจกรรมที่ 1.2 โดยใช้คาถามว่าเราสามารถจัดกลุ่มสัตว์โดยใช้ เกณฑใ์ ดได้บ้าง 3. นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม และ ทาเป็นคิดเป็น โดยร่วมกันอภิปรายเพื่อ ตรวจสอบความเข้าใจจดุ ประสงคใ์ นการทากจิ กรรม โดยใช้คาถามดงั นี 3.1 กจิ กรรมนีนักเรียนจะได้เรียนเรอ่ื งอะไร (การจาแนกสัตว์) 3.2 นักเรียนจะได้เรียนรู้เรื่องนีด้วยวิธีใด (การสังเกตโครงสร้างภายนอก และโครงสร้างภายในของสัตว์) 3.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (จาแนกสัตว์ออกเป็นกลุ่มโดยใช้ เกณฑข์ องตนเองและเกณฑก์ ารมีกระดกู สนั หลัง)  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สง่ิ มีชีวติ 114 4. นกั เรยี นบนั ทกึ จดุ ประสงคล์ งในแบบบันทกึ กจิ กรรม หน้า 44 และ อา่ นสงิ่ ที่ ตอ้ งใช้ในการทากจิ กรรม จากนันครนู าวสั ดอุ ปุ กรณ์มาแสดงใหน้ ักเรยี นดทู ี ละอยา่ ง 5. นกั เรยี นอา่ น ทาอย่างไร ขอ้ 1-3 แล้วร่วมกนั อภิปรายเพ่ือสรปุ ลาดับ ขนั ตอนตามความเข้าใจ โดยครใู ชค้ าถามดงั ตอ่ ไปนี 5.1 นักเรียนต้องสังเกตสิ่งใดเป็นอันดับแรก (สังเกตลักษณะโครงสร้าง ภายนอกของสตั ว์จากบตั รภาพ) 5.2 นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลของสัตว์ในบัตรภาพไดจ้ ากที่ใด (จากการ สแกน QR code ในหนังสือเรยี น หนา้ 52) ครูอาจดาวน์โหลดบัตรภาพทังหมดมาให้นักเรียนสังเกต หรือให้นักเรียนใช้ โทรศพั ทใ์ นการสแกน QR code เพ่ือเข้าถึงขอ้ มลู ของบตั รภาพได้ 5.3 หลังจากสังเกตโครงสร้างภายนอกของสัตว์จากบัตรภาพแล้วนักเรียน ต้องทาสิ่งใด (กาหนดเกณฑ์การจาแนกสัตว์ออกเป็นกลุ่มจากลักษณะ ภายนอกทสี่ งั เกตได้ แล้วนาเสนอผลการจดั กล่มุ ) 6. เมือ่ นกั เรยี นเขา้ ใจวธิ กี ารทากจิ กรรมในทาอยา่ งไร ขอ้ 1-3 แล้ว นกั เรยี นจะ ไดป้ ฏบิ ัติตามขนั ตอนต่อไปนี 6.1 สงั เกตลกั ษณะโครงสรา้ งภายนอกของสัตว์จากบัตรภาพ (S1) (C6) 6.2 กาหนดเกณฑ์การจาแนกสัตว์ออกเป็นกลุ่มตามลักษณะภายนอกท่ี สงั เกตได้ แล้วนาเสนอผลการจัดกล่มุ (S4) (C4, C5) 6.3 ร่วมกันลงความเห็นเกี่ยวกับการจาแนกสัตว์จากลักษณะต่าง ๆ ภายนอกของสัตว์ (S8) 7. หลังจากทากจิ กรรมแลว้ ครนู าอภปิ รายผลการทากจิ กรรม โดยใชค้ าถาม ดังนี 7.1 นักเรียนใช้เกณฑ์ใดบ้างในการจัดสัตวอ์ อกเป็นกลุ่ม (นักเรียนตอบตาม ข้อมลู จรงิ ในห้องเรยี น) 7.2 ครูอาจสุ่มเลือกเกณฑ์ท่ีนักเรียนใช้มา 1 เกณฑ์ เช่น เกณฑ์การมีขา และถามวา่ สามารถจัดสัตว์ออกเป็นก่ีกลุ่ม แตล่ ะกลุ่มมีสัตว์ชนิดใดบ้าง (นักเรยี นตอบตามข้อมูลจรงิ ในหอ้ งเรียน) 7.3 ถ้าเปลี่ยนเกณฑ์ในการจัดกลุ่ม ชนิดของสัตว์ในกลุ่มต่าง ๆ จะ เหมือนเดิมหรือไม่ (ชนิดของสัตว์ในกลุ่มอาจเหมือนเดิมหรือแตกต่าง ไปจากเดิม) สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

115 คมู่ อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่ิงมชี วี ิต 8. ครูเชื่อมโยงข้อมูลที่ได้จากการทากิจกรรมช่วงนีไปสู่เรื่องการจัดกลุ่มสัตว์ ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม โดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ โดยถามว่านอกจากเกณฑ์ที่นักเรียน ตงั ขึนมาแล้ว นกั วทิ ยาศาสตรย์ ังใชเ้ กณฑใ์ ดอกี บ้างในการจัดกลมุ่ สัตว์ 1. ครูสามารถใช้สัตว์ชนิดอ่ืนมา ศึกษาโครงสร้างภายในได้ โดย 9. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ข้อ 4-5 แล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปลาดับ ต้องมีทังสัตว์มีกระดูกสันหลัง ขันตอนในการทากิจกรรม โดยใช้คาถามว่านักเรียนต้องทาส่ิงใดบ้าง และไมม่ ีกระดูสนั หลัง (นักเรียนผ่าตัวปลาและกุ้งเพื่อสังเกตลักษณะโครงสร้างภายในตัวปลาและ กุ้ง แล้ววาดรูป จากนันเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของสัตว์ทัง 2 ชนิดนี 2. ถ้ามีถาดพาราฟิน ให้ผ่าสัตว์บน พร้อมทงั ระบุสว่ นที่เปน็ กระดูกสันหลังลงในรูปท่วี าด) ถาดพาราฟินเพ่ือป้องกันการล่ืน และนักเรียนจะได้ใช้เคร่ืองมือที่ 10. เมื่อนกั เรยี นเขา้ ใจวธิ กี ารทากจิ กรรมในทาอย่างไร ขอ้ 4-5 แล้ว นกั เรยี นจะ ถูกตอ้ ง ได้ปฏิบัตติ ามขันตอนตอ่ ไปนี 10.1สังเกตโครงสร้างภายนอกของปลาและก้งุ (S1) 10.2ผ่าตัวปลาและกุ้ง เพื่อสังเกตโครงสร้างภายใน แล้ววาดรูป(S1, S6) ครู ต้องกาชับให้นักเรียนระมัดระวังการใช้มีดในการผ่าร่างกายสัตว์ และ ควรมีชุดปฐมพยาบาลเบืองต้นในกรณีที่นักเรียนเกิดบาดแผลจากการ ใช้มีด 10.3 ในกรณีไม่สามารถเตรียมตัวอย่างปลาและกุ้งมาให้นักเรียนสังเกตได้ ครูอาจให้นักเรียนใช้แอฟลิเคชันสาหรับการสังเกตภาพเสมือนจริง (AR) ของการผ่าและสังเกตโครงสร้างภายในของปลาและกุ้งได้ ใน หนงั สือเรียน หน้า 53 (C6) 10.4เปรียบเทียบโครงสร้างภายในของปลาและกุ้ง พร้อมทังระบุส่วนที่เป็น กระดกู สันหลงั ลงในรปู ท่วี าด (S6) (C5) 10.5 ร่วมกันลงความเห็นเก่ียวกับลักษณะของกระดูกสันหลังของส่ิงมีชีวิต (S8) 11. หลงั จากทากจิ กรรมแลว้ ครนู าอภปิ รายผลการทากจิ กรรม โดยใช้คาถาม ดังนี 11.1ปลาและกุ้ง มีโครงสร้างภายนอกและภายในเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร (ปลาและก้งุ มีโครงสร้างภายนอกทเี่ หมือนกนั คือ มีหวั ตา ปาก หาง มี โครงสรา้ งภายนอกทีแ่ ตกตา่ งกัน คือ - ปลามีลาตัวแบน ตรง ส่วนกุ้งมลี าตวั กลม และงอ - ปลามผี ิวหนังและเกลด็ ห่อหุ้มลาตัว แต่กุ้งมีเปลอื กแข็งเปน็ ปล้อง ๆ หุ้ม ลาตวั  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มีชวี ิต 116 ปลาและก้งุ มีโครงสร้างภายในที่แตกตา่ งกัน คือ ปลามีโครงกระดกู แข็ง นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ หรือกา้ ง แต่กุ้งไม่มี และอวัยวะภายในของปลาอยู่ในช่องทอ้ ง สว่ นของ คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว กงุ้ อยทู่ ีห่ ัว) คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน 11.2 ก้างของปลามีลักษณะอย่างไร (มีลักษณะเป็นกระดูกแข็งเรียงต่อกัน คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง เปน็ ข้อ ๆ ตามแนวยาวของลาตัวอยบู่ ริเวณกลางหลัง) อดทน และรับฟังแนวความคิด 11.3 ก้างของปลาที่เรียงต่อกันเป็นข้อ ๆ ตามแนวยาวของลาตัวคือส่วนใด ของนักเรียน ในร่างกายของสัตว์ (กระดกู สนั หลงั ) 11.4 กงุ้ มกี ระดกู สันหลงั หรอื ไม่ (กุ้งไม่มีกระดูกสันหลงั ) 12.ให้นกั เรยี นลองจบั บริเวณกลางหลงั ของเพือ่ นตงั แต่คอลงมาจนถงึ เอว แล้ว ใช้คาถามดงั นี 12.1มนษุ ย์มกี ระดกู สันหลังหรือไม่ (มนษุ ย์มกี ระดูกสันหลงั ) 12.2กระดูกสันหลังของมนุษย์มีลักษณะอย่างไร (เป็นข้อๆ ต่อกันเป็นแนว ยาวจากคอจนถึงเอว) 12.3ถ้าจะจัดกลุ่มสัตว์โดยใช้กระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ มนุษย์จะอยู่ในกลุ่ม เดียวกับปลาหรือกุ้ง เพราะเหตุใด (อยู่กลุ่มเดียวกับปลา เพราะมี กระดูกสันหลังเหมอื นกัน) 13. ครูเชื่อมโยงข้อมูลท่ีได้จากการทากิจกรรมช่วงนีไปสู่เรื่องการจัดกลุ่มสัตว์ โดยใช้การมีกระดกู สันหลังเปน็ เกณฑ์ และถามวา่ นอกจากมนุษย์ ปลา และ กุ้งแล้ว เราจะจาแนกสัตว์ชนิดอื่นๆ โดยใช้กระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ได้ อย่างไร 14.นกั เรยี นอา่ น ทาอยา่ งไร ขอ้ 6-7 แล้วร่วมกันอภิปรายเพ่ือสรปุ ลาดบั ขนั ตอนตามความเข้าใจ ครนู าอภิปรายตามแนวคาถามดังตอ่ ไปนี 14.1นักเรียนต้องทาส่ิงใดบ้าง (สังเกตโครงสร้างภายในของสัตว์อื่น ๆ ใน บตั รภาพ แล้วจาแนกสัตว์ออกเป็นกลุ่มโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเปน็ เกณฑ์ แล้วนาเสนอผลการจัดกลมุ่ ) 14.2 นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลของบตั รภาพได้จากที่ใด (จากการสแกน QR code ในหนังสอื เรยี น หนา้ 52) ครูอาจดาวน์โหลดบัตรภาพทังหมดมาให้นักเรียนสังเกต หรือให้นักเรียนใช้ โทรศัพท์ในการสแกน QR code เพ่ือเข้าถึงข้อมูลของบัตรภาพได้ 15.เมือ่ นกั เรยี นเขา้ ใจวธิ ีการทากจิ กรรมในทาอย่างไร ขอ้ 6 แลว้ นกั เรยี นจะได้ ปฏิบตั ิตามขนั ตอนต่อไปนี 15.1สงั เกตโครงสร้างภายในของสตั วใ์ นบัตรภาพ (S1) สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

117 คมู่ ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สง่ิ มีชีวติ 15.2 จาแนกสัตว์ออกเป็นกลุ่มโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ และ นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ นาเสนอ (S4) (C4) คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน 15.3 ร่วมกันลงความเห็นข้อมูลเกี่ยวกับการมีกระดูกสันหลังของสัตว์ชนิด คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง ตา่ ง ๆ (S8) อดทน และรับฟังแนวความคิด ของนกั เรยี น 15.4 ร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปเก่ียวกับการจาแนกสัตว์โดยใช้การมี กระดูกสันหลังเปน็ เกณฑ์ (S13) 16.หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ดังนี 16.1นักเรียนจัดกลุ่มสัตว์โดยใช้เกณฑ์การมีกระดูกสันหลังได้เป็น ก่ีกลุ่ม อะไรบ้าง (2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีกระดูกสันหลังและกลุ่มท่ีไม่มีกระดูกสัน หลัง) 16.2ในบตั รภาพมสี ัตวช์ นิดใดบ้างทีม่ ีกระดูกสนั หลัง (เตา่ กิงก่า นก) 16.3ในบัตรภาพมีสัตว์ชนิดใดบ้างที่ไม่มีกระดูกสันหลัง(แมงมุม พยาธิ ฟองนา) 16.4 ลักษณะโครงสร้างภายในของสัตว์ทัง 2 กลุ่ม เหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร (แตกต่างกัน คือ กลุ่มท่ีมีกระดูกสันหลังจะมีกระดูกสันหลังอยู่ ภายในร่างกาย มีลักษณะเปน็ ข้อๆ เรียงต่อกัน ส่วนกลุ่มที่ไมม่ ีกระดกู สนั หลัง ภายในร่างกายจะไมม่ กี ระดกู ) 17.ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบหรือซักถามในสงิ่ ที่อยากรเู้ พ่มิ เติมเกยี่ วกับการ จัดกลุ่มสัตว์โดยใช้เกณฑ์ต่าง ๆ จากนันร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า เราสามารถจาแนกสัตวอ์ อกเปน็ กลุ่มต่าง ๆ ได้โดยใช้เกณฑ์ และถ้าใช้การมี กระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ เราจะจัดกลุ่มสัตว์ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มี กระดูกสันหลัง เช่น มนุษย์ ปลา กบ กิงก่า เต่า นก ซาลาแมนเดอร์ ปลา กระเบน เป็ด เสือ หมีแพนด้า และกลุ่มท่ีไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น กุ้ง ดอกไม้ทะเล ดาวทะเล ผึง พยาธิตัวตืด ฟองนา แมงมุม ไส้เดือนดิน หมึก หอยทาก (S13) 18. นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเพอื่ ตอบคาถามใน ฉนั ร้อู ะไร โดยครูอาจใชค้ าถาม เพิม่ เติมในการอภปิ รายเพ่อื ให้ได้แนวคาตอบทถ่ี ูกตอ้ ง 19. นักเรียนร่วมกันสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ในกิจกรรมนี จากนันนักเรียนอ่าน ส่ิงที่ ไดเ้ รยี นรู้ และเปรียบเทียบกบั ข้อสรุปของตนเอง 20.ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตังคาถามเกี่ยวกับเรื่องท่ีสงสัยหรืออยากรู้เพิ่มเติม ใน อยากรู้อีกว่า จากนันครูอาจสุ่มนักเรียน 2 -3 คน นาเสนอคาถามของ  สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิ่งมีชีวิต 118 ตนเองหน้าชันเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับคาถามท่ี นาเสนอ 21. ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างและในขันตอนใดบ้าง แลว้ บนั ทึกลงในแบบบนั ทึกกิจกรรมหน้า 48 22. นักเรียนอ่าน เกร็ดน่ารู้ ในหนังสือเรียน หน้า 55 และอภิปรายร่วมกัน เกี่ยวกบั ปะการัง การเตรยี มตัวล่วงหน้าสาหรับครู เพ่ือจดั การเรยี นรใู้ นครั้งถดั ไป ในครังถัดไป นักเรียนจะได้ทากิจกรรม 1.3 เราจาแนกสัตว์มี กระดูกสันหลังได้อย่างไร ซ่ึงจะมีการจาแนกสัตว์มีกระดูกสันหลัง ออกเปน็ กลมุ่ โดยใช้ขอ้ มูลลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้ของสัตว์ที่ไดจ้ ากการ รวบรวมมาจัดจาแนกสัตว์มีกระดูกสันหลังออกเป็นกลุ่ม ส่ิงท่ีครูต้อง เตรยี มมีดังนี 1. บัตรภาพตัวอย่างสัตว์กลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินนาสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลือยคลาน กลุ่มนก กลุ่มสัตว์เลียงลูกด้วยนานม รวม 10 ชนิด เช่น ปลาช่อน ปลาตะเพียน คางคก อึ่งอ่าง งู กิงก่า นกกระยาง นกเอียง โค ลิง ซึ่งแตกต่างจากตัวอย่างภาพสัตว์ในกลุ่มต่าง ๆ ท่ีมีอยู่ในหนังสือ เพอ่ื ให้นกั เรียนสังเกตลักษณะและจาแนกสัตว์ออกเปน็ กลมุ่ ต่าง ๆ 2. ส่อื หรอื หนงั สือเกีย่ วกับสัตว์มกี ระดูกสนั หลังในกลมุ่ ต่าง ๆ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

119 คู่มอื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่งิ มชี วี ติ แนวคาตอบในแบบบันทกึ กจิ กรรม 1. สงั เกตและอธิบายโครงสร้างภายนอกและโครงสรา้ งภายในของสตั ว์ ชนดิ ตา่ ง ๆ 2. จาแนกสัตวอ์ อกเป็นกลมุ่ โดยใช้การมกี ระดกู สันหลงั เปน็ เกณฑ์ เช่น การมีขา มขี า กบ กิ้งก่า ซาลาแมนเดอร์ เตา่ นก เป็ด เสือ หมีแพนด้า กุ้ง ดาวทะเล ผง้ึ แมงมุม ไม่มขี า ปลากระเบน ปลา ดอกไมท้ ะเล พยาธิตวั ตดื ฟองนา้ ไส้เดือนดนิ หมึก หอยทาก  สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มีชวี ติ 120 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

121 ค่มู ือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สงิ่ มชี ีวิต 2 มกี ระดูกสันหลังอย่ใู นลาตวั กบ กิ้งกา่ ซาลาแมนเดอร์ เต่า นก ปลากระเบน ปลา เปด็ เสือ หมีแพนดา้ ไม่มกี ระดกู สันหลงั อยู่ในลาตวั กุ้ง ดอกไม้ทะเล ดาวทะเล ผ้ึง พยาธิตัวตดื ฟองน้า แมงมุม ไสเ้ ดือนดนิ หมึก หอยทาก คาตอบขนึ้ อยกู่ ับเกณฑ์การจาแนกของนกั เรยี นในห้อง เช่น เหมือนกนั เพราะใช้ เกณฑ์เดยี วกนั ในการจาแนก หรือแตกต่างกัน เพราะใช้เกณฑ์แตกต่างกนั ในการ จาแนก แตกต่างกัน คอื โครงสร้างภายในของปลาจะมีอวยั วะภายในอยู่ในช่องท้องและ กระดูกสนั หลงั ทอดยาวจากสว่ นหัวไปถึงหาง ส่วนโครงสรา้ งภายในของกุ้งจะมี อวัยวะภายในอยทู่ ี่ส่วนหัวและไม่มกี ระดูกสนั หลงั อยใู่ นรา่ งกายบรเิ วณกลางลาตัว มลี ักษณะเปน็ กระดกู แขง็ เรยี งเปน็ ข้อๆ เชือ่ มต่อกนั ทอดยาวอยใู่ นร่างกายของสตั ว์สว่ นที่ติดกบั หลงั จากศรี ษะจนถึงหาง  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 ส่ิงมชี วี ิต 122 2 กลุ่ม คอื กลุ่มมีกระดกู สันหลัง ไดแ้ ก่ กบ ก้งิ กา่ ซาลาแมนเดอร์ เต่า นก ปลากระเบน ปลา เป็ด เสือ หมีแพนด้า และกล่มุ ไม่มีกระดูกสนั หลงั ได้แก่ กุง้ ดอกไมท้ ะเล ดาวทะเล ผ้ึง พยาธิตัวตดื ฟองน้า แมงมุม ไสเ้ ดือนดิน หมึก หอยทาก คาตอบขึ้นอยกู่ ับเกณฑก์ ารจาแนกของกลุ่ม เชน่ เหมอื นกัน เพราะเกณฑท์ ่ีกล่มุ ใชค้ ือ การมีกระดูกสันหลัง หรือแตกต่างกัน เพราะกลุ่มใชเ้ กณฑก์ ารมีขา ทาให้รายชอื่ สตั วท์ ี่ จาแนกไดแ้ ตกต่างจากรายชอ่ื สตั วท์ ่ีจาแนกโดยใชเ้ กณฑก์ ารมกี ระดูกสนั หลงั สัตว์แตล่ ะชนดิ จะมโี ครงสรา้ งภายนอกบางอยา่ งเหมือนและบางอย่างแตกต่างกัน สามารถใชโ้ ครงสร้างภายนอกเป็นเกณฑใ์ นการจาแนกสัตวอ์ อกเปน็ กลุ่มได้ นอกจากนน้ั เราอาจจาแนกสตั วต์ ามโครงสร้างภายใน ซงึ่ พบวา่ สตั ว์บางชนดิ มกี ระดกู สนั หลัง บางชนิดไมม่ กี ระดูกสนั หลงั จึงสามารถใช้ลกั ษณะการมีกระดกู สันหลังเปน็ เกณฑ์ในการจาแนกสตั ว์ออกเป็นกล่มุ คือ สตั วม์ ีกระดูกสันหลงั และกลุ่มสัตว์ไม่มี กระดกู สนั หลงั การจาแนกสตั วอ์ อกเปน็ กลมุ่ อาจทาไดโ้ ดยใชล้ กั ษณะภายนอกเป็นเกณฑ์การจาแนก แต่ถา้ ใชเ้ กณฑ์การมีกระดกู สนั หลงั จะจาแนกกลมุ่ สตั วอ์ อกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลมุ่ สัตว์มีกระดกู สันหลงั และกลุ่มสตั ว์ไม่มีกระดูกสนั หลัง สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

123 คูม่ ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สิ่งมชี วี ติ คาถามของนักเรยี นทต่ี ้งั ตามความอยากรขู้ องตนเอง         สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิ่งมีชวี ติ 124 แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรยี นรู้ของนกั เรียนทาได้ ดงั นี 1. ประเมินความรูเ้ ดมิ จากการอภปิ รายในชนั เรยี น 2. ประเมนิ การเรียนร้จู ากคาตอบของนักเรยี นระหวา่ งการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบันทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทากิจกรรมของนักเรยี น การประเมินจากการทากิจกรรมท่ี 1.2 เราจาแนกสัตวไ์ ด้อย่างไร ระดับคะแนน 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรุง 3 คะแนน หมายถึง ดี รหัส สงิ่ ท่ีประเมนิ คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S4 การจาแนกประเภท S6 การจดั กระทาและสอื่ ความหมายข้อมูล S8 การลงความเห็นจากข้อมลู S13 การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรปุ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 C4 การสื่อสาร C5 ความร่วมมือ C6 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร รวมคะแนน สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

125 คู่มอื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่งิ มชี วี ิต ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดับความสามารถของนักเรียน โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมนิ ดังนี ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) S1 การสังเกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสัมผัส ไ ม่ ส า ม า ร ถ ใ ช้ ร า ย ล ะ เ อี ย ด เก็บรายละเอียดข้อมูล เก็บรายละเอียดข้อมูล ประสาทสัมผัสเก็บ เกี่ยวกับโครงสร้าง เ กี่ ย ว กั บ โ ค ร ง ส ร้ า ง เก่ียวกบั โครงสร้างภายนอก รายละเอียดข้อมูล ภ า ย น อ ก แ ล ะ ภายนอก และโครงสร้าง และโครงสร้างภายในของ เก่ียวกับโครงสร้าง โครงสร้างภายใน ภายในของสัตว์แต่ละชนิด สัตว์แต่ละชนิดได้ จากการ ภ า ย น อ ก แ ล ะ ของสัตว์แตล่ ะชนดิ ได้ด้วยตนเอง โดยไม่เพิ่ม ชีแนะของครหู รอื ผู้อ่นื หรอื โครงสร้างภายใน ความคดิ เหน็ มีการเพิ่มเติมความคิดเห็น ของสัตว์แต่ละชนิด แ ม้ ว่าจะได้รั บ ค า ชี แ น ะ จ า ก ค รู ห รื อ ผอู้ ื่น S4 ก า ร จ า แ น ก การกาหนดเกณฑ์ สามารถกาหนดเกณฑ์และ สามารถกาหนดเกณฑ์ ไม่สามารถกาหนด ประเภท แ ล ะจ าแน กสัตว์ จาแนกสัตว์ตามเกณฑ์ท่ี แ ล ะ จ า แ น ก สั ต ว์ ต า ม เกณฑ์และจาแนก ตามเกณฑท์ ี่กาหนด กาหนดได้ และใช้เกณฑ์ เกณฑ์ที่กาหนดได้ และใช้ สั ต ว์ ต า ม เ ก ณ ฑ์ ท่ี แ ล ะ ก า ร จ า แ น ก การมีกระดูกสันหลัง จัด เกณฑ์การมีกระดูกสัน กาหนดได้ และไม่ สั ต ว์ เ ป็ น สั ต ว์ มี กลุ่มสัตว์ออกเป็นสัตว์มี หลัง จัดกลุ่มสัตว์ออกเป็น สามารถใชเ้ กณฑ์การ กระดูกสันหลังและ กระดูกสันหลังและสัตว์ไม่ สัตว์มีกระดูกสันหลังและ มีกระดูกสันหลัง จัด สัตว์ไม่มีกระดูกสัน มีกระดูกสันหลังได้อย่าง สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังได้ กลุ่มสัตว์ออกเป็น หลัง โดยใช้การมี ถูกตอ้ งได้ด้วยตนเอง อย่างถูกต้อง จากการ สัตว์มีกระดูกสันหลัง กระดูกสันหลังเป็น ชแี นะของครหู รอื ผูอ้ ่นื และสัตว์ไม่มีกระดูก เกณฑ์ สันหลังได้แม้วา่ จะได้ รับคาชีแนะจากครู หรือผอู้ ่นื  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สง่ิ มชี ีวิต 126 ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) S6 การจัดกระทา การนาข้อมูลที่ได้ สามารถนาเสนอขอ้ มลู ทไี่ ด้ สามารถนาเสนอข้อมูลที่ ไม่สามารถนาเสนอ และสื่อความหมาย จ า ก ก า ร สั ง เ ก ต จากการสังเกตโครงสร้าง ไ ด้ จ า ก ก า ร สั ง เ ก ต ข้อมูลที่ได้จากการ ข้อมูล โครงสร้างภายนอก ภายนอกและโครงสร้าง โครงสร้างภายนอกและ สังเกตโครงสร้าง แ ล ะ โ ค ร ง ส ร้ า ง ภายในของสัตว์ มาจาแนก โครงสร้างภายในของสัตว์ ภ า ย น อ ก แ ล ะ ภายในของสัตว์มา สัตว์ออกเป็นกลุ่ม และนา มาจาแนกสัตว์ออกเป็น โครงสร้างภายใน จาแนกสัตว์ และนา ข้อมูลมาจัดกระทาโดย กลุ่ม และนาข้อมูลมาจัด ของสัตว์ มาจาแนก ข้อมูลมาจัดกระทา การเขียนแผนภาพ หรือ ก ร ะ ท า โ ด ย กา รเขียน สัตว์ออกเป็นกลุ่ม โ ด ย ก า ร เ ขี ย น รูปแบบอ่ืนๆ และส่ือให้ แผนภาพ หรือรูปแบบ และไม่สามารถนา แ ผ น ภ า พ ห รื อ ผู้อื่นเข้าใจผลของการ อื่นๆ และสื่อให้ผู้อื่น ข้อมูลมาจัดกระทา รูปแบบอื่นๆ และ จาแนกสัตว์ออกเป็นกลุ่ม เข้าใจผลของการจาแนก โ ด ย ก า ร เ ขี ย น สื่อให้ผู้อ่ืนเข้าใจผล ได้อย่างถูกต้องได้ด้วย สัตว์ออกเป็นกลุ่มได้อย่าง แ ผ น ภ า พ ห รื อ ของการจาแนกสัตว์ ตนเอง ถูกต้อง จากการชีแนะ รปู แบบอน่ื ๆ รวมทัง ออกเปน็ กล่มุ ของครูหรอื ผูอ้ นื่ ไ ม่ ส า ม า ร ถ ส่ื อ ใ ห้ ผู้ อื่ น เ ข้ า ใ จ ผ ล ข อ ง ก า ร จ า แ น ก สั ต ว์ อ อ ก เ ป็ น ก ลุ่ ม ไ ด้ แ ม้ ว่าจะได้รั บ ค า ชี แ น ะ จ า ก ค รู ห รื อ ผู้อ่นื S8 ก า ร ล ง ลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก ไ ม่ ส า ม า ร ถ ล ง ค ว า ม เ ห็ น จ า ก ข้อมูลว่าสัตว์ชนิด ข้อมูลไดว้ ่าสตั ว์ชนิดใดเป็น ข้อมูลได้ว่าสัตว์ชนิดใด ความเห็นจากข้อมูล ขอ้ มลู ใดเป็นสัตว์มีกระดูก สัตว์มีกระดูกสันหลังหรือ เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง ได้ว่าสัตว์ชนิดใดเป็น สันหลังหรือสัตว์ไม่ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง หรือสัตว์ไม่มีกระดูกสัน สัตว์มีกระดูกสันหลัง มีกระดูกสันหลัง โดยใช้การมีกระดูกสันหลัง หลังโดยใช้การมีกระดูก หรือสัตว์ไม่มีกระดูก โดยใช้การมีกระดูก เป็นเกณฑ์ได้อย่างถูกต้อง สันหลังเป็นเกณฑ์ได้อย่าง สันหลังโดยใช้การมี สนั หลงั เป็นเกณฑ์ และชัดเจน ไดด้ ้วยตนเอง ถูกต้องและชัดเจน จาก กระดูกสันหลังเป็น การชแี นะของครหู รอื ผู้อนื่ เกณฑ์ได้ แม้ว่าจะได้ รับคาชีแนะจากครู หรอื ผอู้ ื่น สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

127 ค่มู อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สงิ่ มชี ีวติ ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) S13 ก า ร ตีความหมายข้อมูล สามารถตีความ ห ม าย สามารถตีความหมาย ไม่สามารถสามารถ ตี ค ว า ม ห ม า ย จ า ก ก า ร สั ง เ ก ต ข้ อ มู ล จ า ก ก า ร สั ง เ ก ต ข้อมูลจากการสังเกต ตีความหมายข้อมูล ข้ อ มู ล แ ล ะ ล ง ลักษณะภายนอก ลักษณะภายนอก และ ลักษณะภายนอก และ จ า ก ก า ร สั ง เ ก ต ขอ้ สรุป และลักษณะภาย ลั ก ษ ณ ะ ภ า ย ข อ ง สั ต ว์ ลักษณะภายของสัตว์ ลักษณะภายนอก ของสัตว์ รวมทัง รวมทังการผ่าร่างกายสัตว์ รวมทังการผา่ ร่างกายสตั ว์ แ ล ะ ลั ก ษ ณะ ภาย การผ่าร่างกายสัตว์ ไ ด้ ว่ า สั ต ว์ บ า ง ช นิ ด มี ไ ด้ ว่ า สั ต ว์ บ า ง ช นิ ด มี ของสัตว์ รวมทังการ ไดว้ ่าสัตว์บางชนิดมี กระดูกสันหลัง สัตว์บาง กระดูกสันหลัง สัตว์บาง ผ่าร่างกายสัตว์ได้ว่า กระดูกสนั หลัง สตั ว์ ชนิดไม่มีกระดูกสันหลัง ชนิดไม่มีกระดูกสันหลัง สั ต ว์ บ า ง ช นิ ด มี บ า ง ช นิ ด ไ ม่ มี แ ล ะ ล ง ข้ อ ส รุ ป ไ ด้ ว่ า แ ล ะ ล ง ข้ อ ส รุ ป ไ ด้ ว่ า กระดูกสันหลัง สัตว์ กระดูกสันหลัง และ สามารถจาแนกจาแนก สามารถจาแนกจาแนก บางชนิดไม่มีกระดูก ลงข้อสรุปเก่ียวกับ สัตว์โดยใช้การมีกระดูกสนั สัตว์โดยใช้การมีกระดูก สั น ห ลั ง แ ล ะ ไ ม่ การจาแนกสัตว์โดย หลังเป็นเกณฑ์ออกได้เป็น สันหลังเป็นเกณฑ์ออกได้ สามารถลงข้อสรุปได้ ใช้การมีกระดูกสัน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มท่ีมีกระดกู เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มี ว่าสามารถจาแนก หลงั เป็นเกณฑ์ สันหลังและกลุ่มที่ไม่มี กระดูกสันหลังและกลุ่มที่ จาแนกสัตว์โดยใช้ กระดูกสันหลัง ได้ด้วย ไม่มีกระดูกสันหลัง จาก การมีกระดูกสันหลัง ตนเอง การชีแนะของครหู รือผ้อู ่ืน เป็นเกณฑ์ออกได้ เปน็ 2 กลุม่ คอื กลุม่ ท่ี มี ก ร ะ ดู ก สั น ห ลั ง แ ล ะ ก ลุ่ ม ท่ี ไ ม่ มี กระดกู สนั หลัง แมว้ า่ จ ะ ไ ด้ รั บ ค า ชี แ น ะ จากครหู รอื ผู้อ่ืน  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่ิงมชี วี ิต 128 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ ักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมิน ดงั นี ทกั ษะแห่ง รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) C4 การสอื่ สาร นาเสนอข้อมลู จาก นาเสนอขอ้ มลู จากการ นาเสนอข้อมลู จากการ ไ ม่ ส า ม า ร ถ น า เ ส น อ การอภิปราย อภิปรายเกีย่ วกบั การ อภิปรายเก่ยี วกับการจาแนก ข้อมูลจากการอภิปราย เกยี่ วกับการจาแนก จาแนกกลมุ่ สัตวโ์ ดยใช้ กล่มุ สตั ว์โดยใช้เกณฑ์การมี เก่ียวกับการจาแนกกลุ่ม กลุ่มสัตวโ์ ดยใช้ เกณฑก์ ารมีกระดกู สนั กระดกู สันหลงั ในรูปแบบ สัตว์โดยใช้เกณฑ์การมี เกณฑ์การมีกระดกู หลงั ในรปู แบบแผนภาพ แผนภาพหรอื รปู แบบอ่ืน ๆ ก ร ะ ดู ก สั น ห ลั ง ใ น สันหลัง ในรปู แบบ หรือรปู แบบอื่น ๆ ให้ ให้ผ้อู ่นื เขา้ ใจไดอ้ ย่างถูกต้อง รูปแบบแผนภาพหรือ แผนภาพหรอื ผู้อน่ื เข้าใจได้อย่างถกู ตอ้ ง จากการชีแนะของครหู รือ รูปแบบอ่ืน ๆ ให้ผู้อ่ืน รปู แบบอืน่ ๆ ให้ ได้ดว้ ยตนเอง ผอู้ ่นื เข้าใจได้อย่างถูกต้อง ผ้อู ื่นเขา้ ใจ แม้ว่าจะได้รับคาชีแนะ จากครหู รือผู้อื่น C5 ค ว า ม ทางานร่วมกับผู้อ่ืน สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืน ไ ม่ ส า ม า ร ถ ท า ง า น รว่ มมอื ในการสังเกต การ ผู้อ่ืนในการสังเกต การ ในการสังเกต การนาเสนอ ร่ ว ม กั บ ผู้ อ่ื น ไ ด้ นาเสนอ และการ นาเสนอ และการแสดง และการแสดงความคิดเห็น ตลอดเวลาทท่ี ากิจกรรม แสดงความคิดเห็น ความคิดเห็นเพื่อจาแนก เพ่ือจาแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์ เ พ่ื อ จ า แ น ก สั ต ว์ สั ต ว์ อ อ ก เ ป็ น สั ต ว์ มี มีกระดูกสันหลัง และสัตว์ไม่ อ อ ก เ ป็ น สั ต ว์ มี กระดูกสันหลัง และสัตว์ มีกระดูกสันหลัง รวมทัง กระดูกสนั หลงั และ ไ ม่ มี ก ร ะ ดู ก สั น ห ลั ง ยอมรับความคิดเห็นของผู้อ่ืน สัตว์ไม่มีกระดูกสัน ร ว ม ทั ง ย อ ม รั บ ค ว า ม บางช่วงเวลาทีท่ ากจิ กรรม หลัง รวมทังยอมรับ คิดเห็นของผู้อ่ืนตังแต่ ความคิดเห็นของ เรม่ิ ต้นจนสาเร็จ ผอู้ ่ืน C6 ก า ร ใ ช้ การใช้เทคโนโลยี สามารถใช้เทคโนโลยี ส า ม า ร ถ ใ ช้ เ ท ค โ น โ ล ยี ไม่สามารถใช้เทคโนโลยี เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ เ พ่ื อ สารสนเทศเพ่ือเข้าถึง สารสนเทศเพื่อเข้าถึงข้อมูล สารสนเทศเพื่อเข้าถึง สารสนเทศ เข้าถึงข้อมูลบัตร ข้อมูลบัตรภาพซึ่งแสดง บัตรภาพซึ่งแสดงโครงสร้าง ข้อมูลบัตรภาพซึ่งแสดง ภ า พ ซ่ึ ง แ ส ด ง โครงสร้างภายนอกและ ภายนอกและโครงสร้าง โครงสร้างภายนอกและ โครงสร้างภายนอก โครงสร้างภายในของสัตว์ ภายในของสัตว์ได้ จากการ โครงสร้างภายในของ แ ล ะ โ ค ร ง ส ร้ า ง ได้อย่างรวดเร็วได้ด้วย ชีแนะของครูหรอื ผอู้ ื่น สัตว์ แม้ว่าจะได้รับคา ภายในของสตั ว์ ตนเอง ชีแนะจากครูหรือผอู้ ่นื สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

129 คู่มอื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่ิงมชี วี ิต กจิ กรรมที่ 1.3 เราจาแนกสัตว์มกี ระดกู สันหลงั ได้อย่างไร กิจกรรมนีนักเรียนจะได้สังเกตและรวบรวมข้อมูล ส่อื การเรียนรแู้ ละแหลง่ เรียนรู้ หนา้ 56–62 ลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง และ หนา้ 49–54 กาหนดเกณฑ์ในการจาแนกสัตว์มีกระดูกสันหลังออกเป็น 1. หนงั สือเรยี น ป.4 เลม่ 1 กลุ่ม พรอ้ มยกตวั อยา่ งสตั ว์มกี ระดูกสันหลงั ในกลมุ่ ต่าง ๆ 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.4 เล่ม 1 เวลา 2 ชว่ั โมง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. สงั เกตและบรรยายลกั ษณะเฉพาะทสี่ งั เกตไดข้ องสัตวม์ ี กระดกู สันหลังกลมุ่ ตา่ ง ๆ 2. สารวจหรือสืบค้นขอ้ มลู เพอื่ ยกตวั อย่างสตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั กลุ่มต่าง ๆ วสั ดุ อปุ กรณ์สาหรับทากิจกรรม สงิ่ ท่ีครตู อ้ งเตรยี ม/กลมุ่ บตั รภาพสตั วม์ ีกระดูกสันหลังกลุ่มต่าง ๆ 1 ชดุ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสังเกต S4 การจาแนกประเภท S6 การจดั กระทาและสือ่ ความหมายขอ้ มลู S8 การลงความเหน็ จากข้อมลู S13 การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 C4 การสอ่ื สาร C5 ความร่วมมือ C6 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ  สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่ิงมชี วี ิต 130 แนวการจดั การเรียนรู้ ในการทบทวนความรู้ที่เคยเรียน มาแล้ว คุณครูควรให้เวลานักเรียน 1. ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับการจาแนกสัตว์ออกเป็นกลุ่มโดยใช้การมี คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง กระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ อาจใช้รูปสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังและไม่มีกระดูก อดทน นักเรียนต้องตอบคาถาม สันหลังมาให้นักเรียนสังเกต เช่น ปลา โค กิงก่า อ่ึงอ่าง นกเอียง ผีเสือ เหล่านีได้ถูกต้อง หากตอบไม่ได้หรือ ไส้เดอื นดนิ แล้วใช้คาถามเพอ่ื การอภิปรายดงั นี ลืมครตู อ้ งให้ความรทู้ ีถ่ กู ตอ้ งทันที 1.1 สตั วช์ นิดใดเป็นสตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั (ปลา โค กิงก่า อ่งึ อา่ ง นกเอียง) 1.2 สัตว์ชนิดใดเปน็ สตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั (ผีเสอื ไสเ้ ดอื นดิน) ในการตรวจสอบความรู้ ครูเพียง รับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็นสาคัญ 2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเก่ียวกับการจาแนกสัตว์มีกระดูกสันหลัง ออกเป็น และยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ ให้กับ กลุ่ม โดยให้นักเรียนสังเกตรูปสัตว์มีกระดูกสันหลังอีกครัง แล้วใช้คาถาม นักเรียน แต่ชักชวนนักเรียน ไปหา ดังนี คาตอบท่ีถูกต้องจากกิจกรรมต่าง ๆ 2.1 จากลักษณะของสัตว์ท่ีสังเกตได้สามารถนามาใช้จาแนกสัตว์มีกระดกู - ในบทเรียนนี สันหลงั ออกเป็นกลุ่มไดห้ รือไม่ อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจ) 3. ครูเชื่อมความรู้เดิมของนักเรียนโยงเข้าสู่กิจกรรมท่ี 1.3 โดยชักชวนให้ นักเรียนมาร่วมกันสังเกตลักษณะของสัตว์มีกระดูกสันหลัง และให้ใช้เกณฑ์ ในการจาแนกเหมือนนักวิทยาศาสตร์ในการจาแนกสัตว์มีกระดูกสันหลัง ออกเป็นกลมุ่ ต่าง ๆ 4. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และ ทาเป็นคิดเป็น และร่วมกันอภิปรายเพ่ือ ตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์ในการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ดงั นี 4.1 กิจกรรมนีนักเรียนจะได้เรียนเรื่องอะไร (เรื่องการจาแนกสัตว์มี กระดกู สันหลงั ออกเปน็ กลมุ่ ต่าง ๆ) 4.2 นักเรียนจะได้เรียนรู้เร่ืองนีด้วยวิธีใด (การสังเกต รวบรวมข้อมูล ลกั ษณะเฉพาะทสี่ งั เกตได้ของสตั ว์มกี ระดูกสนั หลัง) 4.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (จาแนก และบรรยายลักษณะ และยกตวั อยา่ งสตั วม์ กี ระดกู สนั หลังในกลุ่มตา่ ง ๆ) 5. นกั เรยี นบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรม หนา้ 49 และ อ่านสิง่ ท่ี ตอ้ งใช้ในการทากิจกรรม 6. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ทีละข้อ โดยฝึกอ่านตามความเหมาะสม แล้วให้ นกั เรยี นอภปิ รายเพือ่ สรปุ ลาดับขันตอน โดยใช้คาถามตอ่ ไปนี 6.1 นักเรียนอ่านใบความรู้เรื่องอะไร และเมื่ออ่านแล้วต้องทาอะไรบ้าง (อ่านใบความรู้เร่ืองกลุ่มสัตว์มีกระดูกสันหลัง อ่านแล้วต้องเขียน สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

131 คมู่ ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สง่ิ มชี วี ติ แผนผังสรุปลักษณะที่สังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มต่าง ๆ นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ และนาเสนอ) คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว 6.2 นกั เรยี นสงั เกตบตั รภาพจากทไ่ี หน (บัตรภาพท่ีครเู ตรยี มไว)้ คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด 6.3 นักเรียนต้องสังเกตอะไรบ้างในบัตรภาพ (สังเกตลักษณะต่าง ๆ ของ อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน สตั ว์) แ ล ะ รั บ ฟั ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง 6.4 สังเกตบัตรภาพแล้วต้องทาอะไรต่อไป (กาหนดเกณฑ์ในการจาแนก นกั เรยี น และจาแนกสัตว์มีกระดูกสันหลังออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ตามข้อมูลท่ี สังเกตได)้ 6.5 นักเรียนต้องสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเร่ืองอะไร (ตัวอย่างสัตว์มีกระดูกสัน หลังในกลมุ่ ตา่ ง ๆ) ครอู าจช่วยเขยี นสรปุ เป็นขันตอนสันๆ บนกระดาน และเตรยี มบัตรภาพสตั ว์ มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินนาสะเทินบก กลุ่ม สัตว์เลือยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลียงลูกด้วยนานม มาให้นักเรียนทุก กลุ่มสังเกต กลมุ่ ละ 1 ชุด (มีสตั ว1์ 0 ชนดิ ) 7. เมื่อนักเรียนเข้าใจวธิ ีการทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว นักเรียนจะไดป้ ฏบิ ัติ ตามขนั ตอน ดงั นี 7.1 อา่ นใบความรู้เรอื่ งกลมุ่ สตั วม์ กี ระดกู สันหลัง 7.2 เขียนแผนผังสรุปลักษณะที่สังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่ม ตา่ ง ๆ และนาเสนอ (S6) (C4,C5) 7.3 ร่วมกันลงความเห็นเกี่ยวกับลักษณะของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่ม ตา่ ง ๆ (S8) 7.4 สังเกตลักษณะต่าง ๆ ของสัตว์มีกระดูกสันหลังชนิดต่าง ๆ จากบัตร ภาพท่ีครเู ตรยี มไว้ (S1) 7.5 จาแนกสัตว์มีกระดูกสันหลังออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ตามข้อมูลท่ีสังเกตได้ (S4) (C5) ในกรณีที่นักเรียนสบื คน้ ข้อมูลและจดั จาแนกสตั ว์ผิดกลมุ่ ให้ ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายเพ่อื แก้ไขให้ถูกต้อง 7.6 สืบคน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ตัวอย่างสตั ว์มกี ระดกู สนั หลังในกลมุ่ ตา่ ง ๆ (C6) 7.7 รว่ มกนั สรปุ เกี่ยวกับการจดั กล่มุ สตั ว์มีกระดกู สันหลัง (S13) 8. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ดังนี คาถามสาหรบั การอภิปรายผลตามขันตอนทาอย่างไร ขอ้ 1  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู ือครูรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สง่ิ มชี วี ิต 132 8.1 ลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้ของสัตว์มีลักษณะใดบ้าง (ลักษณะผิวหนัง นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ เส้นขน ส่วนท่ีใช้ในการเคลื่อนท่ี การมีปีก การมีขา การออกลูกเป็นไข่ คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว หรือเปน็ ตวั การวางไขใ่ นนาหรือบนบก การเลียงลูกดว้ ยนานม) คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง 8.2 จากใบความรู้สามารถจัดกลุ่มสัตว์มีกระดูกสันหลังได้ก่ีกลุ่ม อะไรบ้าง อดทน และรับฟังแนวความคิด (5 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินนาสะเทินบก กลุ่มสัตวเ์ ลือยคลาน ของนกั เรยี น กลมุ่ นก และกลมุ่ สตั ว์เลียงลกู ด้วยนานม) (S4) 8.3 ลักษณะทส่ี งั เกตได้ของสัตวแ์ ต่ละกลุ่มเปน็ อย่างไร - กล่มุ ปลา มคี รีบ ไมม่ ีขา มีหาง ผวิ หนังมีเกลด็ อยู่ในนา ออกลูกเปน็ ไข่ - กลมุ่ สัตวส์ ะเทินนาสะเทนิ บก ผิวหนังเปยี กชืนตลอดเวลา ไมม่ ขี น มี ขา 4 ขา อาศัยทังบนบกและในนา ตัวผู้จะปล่อยอสุจิออกมาผสม กับไข่ที่ตัวเมียปล่อยออกมาในนา ลูกหรือตัวอ่อนจะอาศัยอยู่ในนา เม่อื เจรญิ เติบโตขึนสามารถอยบู่ นบกได้ - กลุ่มสัตว์เลือยคลาน ผิวหนังแห้ง ไม่มีขน มีเกล็ดท่ัวตัว มีขา 4 ขา มีหาง อยู่ทังบนบกและในนา วางไข่บนบก บางชนิดไม่มีขา บาง ชนิดออกลกู เปน็ ตวั - กลมุ่ นก มีขนเปน็ แผง มีขา 2 ขา มปี กี 1 คู่ บางชนิดบนิ ไดบ้ างชนิด บนิ ไมไ่ ด้ บางชนิดวา่ ยนาได้ ออกลูกเป็นไข่ - กลุ่มสัตว์เลียงลูกด้วยนานม มีขา 4 ขา มีขนเป็นเส้น ส่วนใหญ่ ออกลูกเป็นตัว เลียงลูกด้วยนานม ส่วนใหญ่อยู่บนบก บางชนิดอยู่ ในนา บางชนิดออกลูกเปน็ ไข่) คาถามสาหรับการอภปิ รายผลตามขันตอนทาอย่างไร ขอ้ 2-3 8.4 จากบตั รภาพมีสัตว์ชนิดใดอยู่ในกลุม่ ปลาบ้าง (นักเรียนตอบตามข้อมูล ของบตั รภาพที่ใชจ้ ริงในหอ้ งเรียน) 8.5 เพราะเหตุใดนักเรียนจึงจัดสัตว์ชนิดนีอยู่ในกลุ่มปลา (เพราะลาตัวมี เกล็ด มคี รีบ อยู่ในนา) 8.6 จากบัตรภาพมีสัตว์ชนิดใดอยู่ในกลุ่มสัตว์เลือยคลานบ้าง (นักเรียน ตอบตามขอ้ มลู ของบัตรภาพทใี่ ชจ้ ริงในห้องเรียน) 8.7 เพราะเหตุใดนักเรียนจึงจัดสัตว์ชนิดนีอยู่ในกลุ่มสัตว์เลือยคลาน (เพราะลาตวั มเี กล็ด มขี า 4 ขา อยทู่ ังบนบกและในนา) 8.8 จากบัตรภาพมีสัตว์ชนิดใดอยู่ในกลุ่มสัตว์สะเทินนาสะเทินบกบ้าง (นกั เรยี นตอบตามขอ้ มลู ของบตั รภาพทใ่ี ชจ้ รงิ ในหอ้ งเรยี น) สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

133 ค่มู ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่ิงมีชีวติ 8.9 เพราะเหตุใดนักเรียนจึงจัดสัตว์ชนิดนีอยู่ในกลุ่มสัตว์สะเทินนาสะเทิน นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ บก (เพราะผิวหนังเปียกชืนตลอดเวลา มีขา 4 ขา อยู่ทังบนบกและใน คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว นา ออกลูกเป็นไข่และฟักออกมาเป็นตัวมีหางก่อนหางจะหายไป เม่ือ คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน เจรญิ เตบิ โตเต็มวยั ) คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง อดทน และรับฟังแนวความคิด 8.10 จากบัตรภาพมีสัตว์ชนิดใดอยู่ในกลุ่มนกบ้าง (นักเรียนตอบตามข้อมูล ของนกั เรยี น ของบตั รภาพท่ใี ช้จรงิ ในหอ้ งเรียน) 8.11เพราะเหตุใดนักเรียนจึงจัดสัตว์ชนิดนีอยู่ในกลุ่มนก (เพราะมีขนเป็น แผง มีขา 2 ขา มีปีก 1 คู่ ออกลูกเป็นไข)่ 8.12 จากบัตรภาพมีสัตว์ชนิดใดอยู่ในกลุ่มสัตว์เลียงลูกด้วยนานมบ้าง (นกั เรยี นตอบตามขอ้ มลู ของบตั รภาพทใ่ี ชจ้ รงิ ในหอ้ งเรยี น) 8.13 เพราะเหตุใดนักเรียนจึงจัดสัตว์ชนิดนีอยู่ในกลุ่มสัตว์เลียงลูกด้วย นานม (เพราะลาตัวมีขนเป็นเส้น ออกลูกเป็นตัว เลียงลูกอ่อนด้วย นานม) 8.14 มีสัตว์ชนิดใดบ้างท่ีไม่สามารถจัดเข้ากลุ่มใน 5 กลุ่มนีได้เพราะเหตุใด (คาตอบขึนอยู่กับสถานการณ์จริงในห้องเรียน ซ่ึงครูควรนาอภิปราย เกยี่ วกบั ลกั ษณะต่าง ๆ ของสตั ว์เพ่ือให้นกั เรียนสามารถจดั เขา้ กลุม่ ได)้ 9. ร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่าสามารถจาแนกสัตว์มีกระดูกสันหลัง ออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ได้ โดยใช้ลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้เป็นเกณฑ์ ได้แก่ ลักษณะผิวหนัง เส้นขน ส่วนที่ใชใ้ นการเคลื่อนที่ การมีปกี การมีขา การออกลูก เป็นไข่หรือเปน็ ตวั การวางไข่ในนาหรือบนบก การเลียงลูกด้วยนานม ซึ่งจะ จาแนกสัตว์มีกระดกู สันหลังออกเป็น 5 กลุ่ม คือ กลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทิน นาสะเทินบก กลุ่มสตั ว์เลอื ยคลาน กลมุ่ นก และกล่มุ สตั ว์เลยี งลกู ดว้ ยนานม 10. นักเรียนรว่ มกันอภิปรายคาตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจเพ่ิมเตมิ คาถามใน การอภิปรายเพอ่ื ใหไ้ ดแ้ นวคาตอบทถี่ กู ตอ้ ง 11. นักเรียนร่วมกันสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ในกิจกรรมนี จากนันนักเรียนอ่าน สิ่งท่ี ไดเ้ รียนรู้ และเปรียบเทียบกบั ข้อสรปุ ของตนเอง 12. ครูนาประเดน็ เรื่องการจาแนกค้างคาวที่นักเรียนได้อ่านในเนือเรื่องนาเรื่อง ท่ี 1 มาถามนักเรียนอกี ครงั ดงั นี 12.1 ถ้าจัดค้างคาวตามลักษณะทสี่ งั เกตได้ จะจัดค้างคาวอยู่ในกลมุ่ เดียวกบั นกหรือไม่ เพราะเหตุใด (ค้างคาวอยู่ต่างกลุ่มกับนก เพราะค้างคาวมี ขนเป็นเส้น ออกลูกเป็นตัว และเลียงลูกด้วยนานม ซ่ึงเป็นลักษณะที่ แตกตา่ งจากนก ดงั นนั จึงจัดคา้ งคาวอยู่ในกลุ่มสตั ว์เลยี งลกู ดว้ ยนานม)  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 สิง่ มชี ีวิต 134 12.2 มีลักษณะใดบ้างท่ีค้างคาวต่างจากนก (ลักษณะของขน และการ การเตรยี มตัวลว่ งหน้าสาหรบั ครู ออกลูก การเลียงลูกด้วยนานม) เพื่อจดั การเรยี นรูใ้ นคร้งั ถดั ไป 13. นักเรียนตังคาถามใน อยากรู้อีกว่า จากนันครูสุ่มนักเรียน 2 -3 คน ในครังถัดไป นักเรียนจะได้ทา นาเสนอคาถามของตนเองหน้าชนั เรียน กจิ กรรม 1.4 เราจาแนกพืชได้อยา่ งไร ซ่งึ จะ มีการจาแนกพืชออกเป็นกลุ่มโดยใช้การมี 14. ครูนาอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง ดอกเปน็ เกณฑ์ ครูควรเตรียมส่ือสาหรับการ วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างและในขันตอนใดบ้าง จัดการเรียนรดู้ งั นี และบนั ทกึ ในแบบบนั ทกึ กิจกรรมหนา้ 54 1. ภาพพชื จานวน 4 ชนิด โดยเลือก 15. ครูชกั ชวนนักเรียนร่วมกันอภิปรายคาถามชวนคิด ในหนังสือเรียนหน้า 63 พืชทังมีดอกและไม่มีดอก เชน่ เฟิน กุหลาบ โดยอาจใหน้ ักเรยี นไปสืบคน้ ข้อมลู เพื่อหาคาตอบ ท่ีมีดอก ตะไคร้ มะม่วงท่ีมีทังดอกและผล เพ่อื ใชใ้ นการทบทวนและตรวจสอบความรู้ 16. นักเรียนอ่าน วิทย์กับอาชีพ เก่ียวกับนักสัตววิทยาในหนังสือเรียนหน้า 64 และอภปิ รายหวั ข้อนใี นช่วั โมงเรียนหรือมอบหมายให้อภปิ รายนอกเวลาเรียน 2. บตั รคาช่อื ส่วนต่าง ๆ ของพืช 3. พืชในกระถาง หรืออาจใช้พืชใน โรงเรียนสาหรบั ใหน้ กั เรยี นสังเกต กลุม่ ละ 1 ชนดิ โดยจดั ใหม้ ีทงั พืชดอกและพชื ไม่มดี อก สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

135 คมู่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สิ่งมีชวี ติ แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรม 1. สังเกตและบรรยายลกั ษณะเฉพาะท่สี ังเกตได้ของสัตวม์ ีกระดกู สันหลังกล่มุ ตา่ ง ๆ 2. สารวจหรอื สืบคน้ ขอ้ มลู เพ่ือยกตวั อยา่ งสัตว์มกี ระดูกสนั หลังกลุ่มตา่ ง ๆ  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวชิ า คาตอบขึนอยกู่ ับบตั รภาพสัตว์มีกระดกู สันหลังของห้องเรียน โค   นกยาง   จิงเหลน    เขียด  ปลาช่อน   ปลากะพง   คางคก งู  นกแกว้   คา้ งคาว   

าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 สิง่ มีชีวิต 136 เชน่    สัตวเ์ ลยี งลกู ด้วยนานม    กลุ่มนก   สัตวเ์ ลือยคลาน    สตั วส์ ะเทนิ นาสะเทนิ บก  กลมุ่ ปลา    กลมุ่ ปลา   สตั ว์สะเทินนาสะเทินบก   สัตวเ์ ลือยคลาน กลมุ่ นก  สัตว์เลยี งลูกดว้ ยนานม   สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

137 คู่มอื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่ิงมชี ีวิต ปลาทู ปลาซิว ปลา ปาด ซาลาแมนเดอร์ เต่า จ้ิงจก กง้ิ กา่ ดกุ ปลากดั ปลาฉลาม ตวั เงนิ ตัวทอง นกเขา นกยูง กระรอก มนษุ ย์ โลมา นกกระจอกเทศ นกอินทรี สุนขั กระบอื หนู ช้าง จัดได้ 5 กลุ่ม ได้แก่ กลมุ่ ปลา กลุ่มสัตวส์ ะเทินน้าสะเทนิ บก กลุ่มสตั ว์เล้ือยคลาน กล่มุ นก กลมุ่ สัตวเ์ ลี้ยงลกู ดว้ ยนา้ นม ลักษณะผิวหนงั เสน้ ขน สว่ นทใ่ี ชใ้ นการเคลอื่ นท่ี การมปี ีก การมขี า การออกลูก เปน็ ไขห่ รือเปน็ ตัว การวางไข่ในนา้ หรือบนบก การเลยี้ งลูกดว้ ยนา้ นม มีครบี ไม่มีขา มีหาง ผวิ หนังมเี กลด็ (บางชนิดไม่มเี กล็ด) อยใู่ นน้า ออกลูกเปน็ ไข่ (บางชนิดออกลูกเป็นตวั )  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ อื ครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สิ่งมชี วี ติ 138 ผิวหนังเปียกช้ืนตลอดเวลา ไม่มีขน มีขา 4 ขา อาศัยท้ังบนบกและในน้า ตัวผู้จะปล่อยอสุจิออกมาผสม กบั ไขท่ ตี่ วั เมยี ปล่อยออกมาในนา้ ตวั ออ่ นจะอยู่ในน้า เม่ือเจรญิ เตบิ โตขน้ึ สามารถขน้ึ มาอยบู่ นบกได้ ผิวหนังแห้ง ไม่มขี น มีเกลด็ ทัว่ ตัว มีขา 4 ขา มหี าง อยู่ทงั้ บนบกและในน้า วางไข่บน บก บางชนิดไม่มขี า บางชนิดออกลูกเป็นตัว มีขนเป็นแผง มีขา 2 ขา มีปีก 1 คู่ บางชนดิ บินได้บางชนิดบนิ ไม่ได้ บางชนดิ ว่ายน้าได้ ออกลูกเปน็ ไข่ มีขา 4 ขา มขี นเปน็ เสน้ ส่วนใหญ่ออกลูกเป็นตัว เล้ียงลกู ดว้ ยนา้ นม อยบู่ นบก บางชนดิ อยู่ในน้าได้ บางชนิดออกลกู เปน็ ไข่ สามารถจาแนกกลุม่ สตั วม์ ีกระดกู สนั หลงั ออกเป็นกลมุ่ ต่าง ๆ โดยใชล้ กั ษณะเฉพาะท่ี สังเกตได้เปน็ เกณฑ์ ได้แก่ ลกั ษณะผวิ หนงั เส้นขน สว่ นที่ใชใ้ นการเคลอ่ื นที่ การมปี กี การมีขา การออกลูกเป็นไขห่ รอื เปน็ ตัว การวางไขใ่ นน้าหรอื บนบก การเลีย้ งลกู ด้วย น้านม ซ่งึ สามารถจาแนกออกได้เป็น 5 กลมุ่ คอื กลมุ่ ปลา กลุ่มสัตวส์ ะเทนิ นา้ สะเทินบก กลมุ่ สัตว์เลอื้ ยคลาน กลุม่ นก และกล่มุ สตั วเ์ ลี้ยงลกู ดว้ ยนา้ นม สามารถจาแนกสตั ว์มีกระดูกสันหลังออกเป็นกลุ่มได้ 5 กลุ่ม คอื กลุ่มปลา กลุ่มสัตว์ สะเทนิ นา้ สะเทินบก กลุม่ สัตวเ์ ลอ้ื ยคลาน กล่มุ นก และกลุม่ สัตวเ์ ลีย้ งลกู ดว้ ยน้านม โดยใช้ลกั ษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้เปน็ เกณฑ์ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

139 ค่มู อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิง่ มีชวี ติ คาถามของนกั เรียนทต่ี ั้งตามความอยากรขู้ องตนเอง  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สิง่ มชี วี ิต 140         สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

141 คูม่ อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สิ่งมีชวี ิต ตัวกนิ มดหนามและตุ่นปากเป็ดต่างจากสตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนา้ นมชนิดอืน่ เพราะวา่ ออกลกู เปน็ ไข่ ซงึ่ สาเหตุที่จดั เปน็ สัตวเ์ ลยี้ งลูกด้วยนา้ นมเพราะว่าเม่ือ ตวั อ่อนออกจากไขแ่ ลว้ จะกนิ นา้ นมแม่เปน็ อาหารเหมือนสัตว์เล้ยี งลูกดว้ ยนา้ นม ชนิดอื่น ๆ จนกวา่ จะเร่ิมหากนิ เองได้ ซงึ่ ตวั กินมดหนามจะกนิ นา้ นมแม่เป็น อาหารประมาณ 40-50 วัน หลังออกจากไข่ ส่วนตุ่นปากเปด็ จะกนิ น้านมแม่ เปน็ อาหารประมาณ 4 เดอื น หลงั ออกจากไข่  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 ส่งิ มีชวี ติ 142 แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรูข้ องนกั เรยี นทาได้ ดงั นี 1. ประเมนิ ความรเู้ ดิมจากการอภิปรายในชนั เรยี น 2. ประเมนิ การเรียนร้จู ากคาตอบของนักเรียนระหว่างการจัดการเรยี นรูแ้ ละจากแบบบันทกึ กจิ กรรม 3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากิจกรรมของนกั เรยี น การประเมินจากการทากจิ กรรมท่ี 1.3 เราจาแนกสตั ว์มีกระดกู สนั หลงั ได้อย่างไร ระดบั คะแนน 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถงึ ดี รหัส สิ่งที่ประเมนิ คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสังเกต S4 การจาแนกประเภท S6 การจัดกระทาและสือ่ ความหมายข้อมูล S8 การลงความเห็นจากขอ้ มูล S13 การตีความหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C4 การส่อื สาร C5 ความร่วมมือ C6 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร รวมคะแนน สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

143 คู่มอื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิ่งมชี วี ิต ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรต์ ามระดับความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมนิ ดังนี ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) S1 การสงั เกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสัมผัส ไ ม่ ส า ม า ร ถ ใ ช้ ร า ย ล ะ เ อี ย ด เก็บรายละเอยี ดข้อมูลและ เก็บรายละเอียดข้อมูลและ ประสาทสัมผัสเก็บ เกี่ยวกับลักษณะ บรรยายลักษณะของสัตว์มี บรรยายลักษณะของสัตว์มี รายละเอียดข้อมูล ของสัตว์มีกระดูก กระดูกสันหลังแต่ละกลุ่ม กระดูกสันหลังแต่ละกลุ่ม และบรยายลักษณะ สันหลงั แต่ละกลุม่ ไ ด้ ด้ ว ย ต น เ อ ง โ ด ย ไ ม่ จากการชีแนะของครูหรือ ของสัตว์มีกระดูกสัน เพิ่มเตมิ ความคิดเห็น ผู้อื่น หรือมีการเพ่ิมเติม หลงั แต่ละกลมุ่ แมว้ า่ ความคดิ เห็น จ ะ ไ ด้ รั บ ค า ชี แ น ะ จากครูหรือผู้อ่นื S4 ก า ร จ า แ น ก การจาแนกสัตว์มี สามารถ จาแนกสัตว์มี สามารถจาแนกสัตว์มี ไม่สามารถจาแนก ประเภท กระดูกสันหลังโดย ก ร ะ ดู ก สั น ห ลั ง โ ด ย ใ ช้ กระดูกสันหลัง โดยใช้ สัตว์มีกระดูกสันหลัง ใช้ลักษณะเฉพาะท่ี ลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ ลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้ โ ด ย ใ ช้ ลั ก ษ ณ ะ สังเกตได้เป็นเกณฑ์ เป็นเกณฑ์ ออกเป็นกลุ่ม เป็นเกณฑ์ ออกเป็นกลุ่ม เฉพาะท่ีสังเกตได้ ออกเป็นกลุ่มปลา ปลา กลุ่มสัตว์สะเทินนา ปลา กลุ่มสัตว์สะเทินนา เป็นเกณฑ์ ออกเป็น กลุ่มสัตว์สะเทินนา ส ะ เ ทิ น บ ก ก ลุ่ ม ส ะ เ ทิ น บ ก ก ลุ่ ม กลุ่มปลา กลุ่มสัตว์ สะเทินบก กลุ่ม สัตว์เลือยคลาน กลุ่มนก สัตว์เลือยคลาน กลุ่มนก สะเทินนาสะเทินบก สั ต ว์ เ ลื อ ย ค ล า น และกลุ่มสัตว์เลียงลูกด้วย และกลุ่มสัตว์เลียงลูกด้วย ก ลุ่ ม สั ต ว์ เ ลื อ ย - กลุ่มนก และกลุ่ม น า น ม ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง ต า ม นานม ได้อย่างถูกต้อง คลาน กลุ่มนก และ สัตว์เลียงลูกด้วย เกณฑ์ที่กาหนด ได้ด้วย จากการชีแนะของครูหรือ กลุ่ม สัตว์เลียงลูก นานม ตนเอง ผอู้ นื่ ด้วยนานม ได้แม้ว่า จ ะ ไ ด้ รั บ ค า ชี แ น ะ จากครูหรือผู้อ่นื  สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่ิงมีชีวติ 144 ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) S6 การจัดกระทา นาข้อมูลท่ีได้จาก สามารถนาข้อมูลที่ได้จาก สามารถนาข้อมูลที่ไดจ้ าก ไม่สามารถนาข้อมูล และส่ือความหมาย การสังเกตและการ การสังเกตและการสืบค้น การสงั เกตและการสืบคน้ ที่ได้จากการสังเกต ข้อมลู สื บ ค้ น เ ก่ี ย ว กั บ เกี่ยวกับลักษณะของสัตว์มี เกีย่ วกับลกั ษณะของสัตว์ แ ล ะ ก า ร สื บ ค้ น ลักษณะของสัตว์มี กระดูกสันหลัง มาจาแนก มีกระดูกสันหลัง มา เกี่ยวกับลักษณะของ กระดูกสันหลัง มา สั ต ว์ มี ก ร ะ ดู ก สั น ห ลั ง จาแนกสตั วม์ กี ระดูกสัน สัตว์มีกระดูกสันหลัง จ า แ น ก สั ต ว์ มี ออกเป็นกลุ่ม และนาผล หลังออกเป็นกลุม่ และนา ม า จ า แ น ก สั ต ว์ มี ก ร ะ ดู ก สั น ห ลั ง การจาแนกมาจัดกระทาใน ผลการจาแนกมาจัด ก ร ะ ดู ก สั น ห ลั ง ออกเป็นกลุ่ม และ รูปแบบต่าง ๆ รวมทังสื่อ กระทาในรปู แบบตา่ ง ๆ ออกเป็นกลมุ่ และไม่ นาผลการจาแนก ใ ห้ ผู้ อ่ื น เ ข้ า ใ จ ผ ล ก า ร รวมทงั ส่อื ให้ผอู้ ื่นเขา้ ใจ สามารถนาผลการ ม า จั ด ก ร ะ ท า ใ น จาแนกสัตว์ออกเป็นกลุ่ม ผลการจาแนกสัตว์ จาแนกมาจัดกระทา รู ป แ บ บ ต่ า ง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ได้ด้วย ออกเป็นกลุม่ ไดอ้ ย่าง ใ นรูปแ บบต่าง ๆ รวมทังสื่อให้ผู้อ่ืน ตนเอง ถกู ต้อง จากการชแี นะ รวมทังไม่สามารถส่ือ เ ข้ า ใ จ ผ ล ก า ร ของครูหรือผู้อ่นื ให้ผู้อ่ืนเข้าใจผลการ จ า แ น ก สั ต ว์ จาแนกสัตว์ออกเป็น ออกเปน็ กลมุ่ กลุ่มได้อย่างถูกต้อง แ ม้ ว่าจะได้รั บ ค า ชี แ น ะ จ า ก ค รู ห รื อ ผูอ้ ื่น S8 ก า ร ล ง การลงความเห็น สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก ไ ม่ ส า ม า ร ถ ล ง ค ว า ม เ ห็ น จ า ก จากข้อมูลวา่ ข้อมูลและจาแนกสัตว์มี ข้อมูลและจาแนกสตั วม์ ี ความเห็นจากข้อมูล ขอ้ มลู การจาแนกสัตว์มี ก ร ะ ดู ก สั น ห ลั ง โ ด ย ใ ช้ กระดกู สนั หลงั โดยใช้ และจาแนกสัตว์มี กระดูกสันหลังโดย ลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ ลักษณะเฉพาะท่ีสงั เกตได้ กระดูกสนั หลังโดยใช้ ใช้ลักษณะเฉพาะที่ เป็นเกณฑ์ออกเป็น 5 กลุม่ เป็นเกณฑอ์ อกเป็น 5 ลั ก ษ ณ ะ เ ฉ พ า ะ ที่ สังเกตได้เป็นเกณฑ์ ได้อย่างถูกต้อง ได้ด้วย กลุ่มไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง จาก สังเกตได้เป็นเกณฑ์ จ ะ จ า แ น ก สั ต ว์ ตนเอง การชแี นะของครูหรอื ผูอ้ ืน่ ออกเป็น 5 กลุ่มได้ ออกเปน็ 5 กลมุ่ แ ม้ ว่าจะได้รั บ ค า ชี แ น ะ จ า ก ค รู ห รื อ ผอู้ ื่น สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

145 คู่มอื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สิ่งมชี วี ติ ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดบั ความสามารถ ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) S13 การ ตีความหมายข้อมูล สามารถตีความ ห ม าย สามารถตีความหมาย ไ ม่ ส า ม า ร ถ ตีความหมาย จากการสังเกต และ ข้อมูลจากการสังเกต และ ข้อมูลจากการสังเกต และ ตีความหมายข้อมูล ข้อมลู และลง การสืบค้นข้อมูลได้ การสืบค้นข้อมูลได้ว่าสัตว์ การสืบค้นข้อมูลไดว้ ่าสัตว์ จากการสังเกต และ ขอ้ สรุป ว่าสัตว์แต่ละกลุ่มมี แ ต่ ล ะ ก ลุ่ ม มี ลั ก ษ ณ ะ แ ต่ ล ะ ก ลุ่ ม มี ลั ก ษ ณ ะ การสืบค้นข้อมูลได้ ลักษณะเฉพาะท่ี เฉพาะท่ีสังเกตได้แตกต่าง เฉพาะที่สังเกตได้แตกต่าง ว่าสัตว์แต่ละกลุ่มมี สังเกตได้แตกต่าง กัน และลงข้อสรุปได้ว่าถ้า กัน และลงข้อสรุปได้ว่า ลั ก ษ ณ ะ เ ฉ พ า ะ ที่ กัน และลงข้อสรุป ใช้ลักษณะเฉพาะท่ีสังเกต ถ้าใช้ลักษณะเฉพาะที่ สังเกตได้แตกต่างกัน ได้ว่าถ้าใช้ลักษณะ ได้เป็นเกณฑ์จะจาแนก สังเกตได้เป็นเกณฑ์จะ และลงข้อสรุปได้ว่า เฉพาะที่สังเกตได้ กลมุ่ สัตวไ์ ด้เปน็ 5 กลุ่ม คอื จาแนกกลุ่มสัตว์ได้เป็น 5 ถ้ า ใ ช้ ลั ก ษ ณ ะ เ ป็ น เ ก ณ ฑ์ จ ะ กลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทิน กลุ่ม คือ กลุ่มปลา กลุ่ม เฉพาะท่ีสังเกตได้ จาแนกกลุ่มสัตว์ได้ น า ส ะ เ ทิ น บ ก ก ลุ่ ม สัตว์สะเทินนาสะเทินบก เป็นเกณฑ์จะจาแนก เ ป็ น 5 ก ลุ่ ม คื อ สัตว์เลือยคลาน กลุ่มนก กลุ่มสัตว์เลือยคลาน กลุ่ม กลุ่มสัตว์ได้เป็น 5 กลุ่มปลา กลุ่มสัตว์ และกลุ่มสัตว์เลียงลูกด้วย นกและกลุ่มสัตว์เลียงลูก กลุ่ม คือ กลุ่มปลา สะเทินนาสะเทิน นานม ไดด้ ว้ ยตนเอง ด้วยนานม จากการชีแนะ กลุ่มสัตว์สะเทินนา บ ก ก ลุ่ ม ของครูหรือผู้อน่ื ส ะ เ ทิ น บ ก ก ลุ่ ม สั ต ว์ เ ลื อ ย ค ล า น สัตว์เลือยคลาน กลมุ่ ก ลุ่ ม น ก แ ล ะ ก ลุ่ ม น ก แ ล ะ ก ลุ่ ม สั ต ว์ สั ต ว์ เ ลี ย ง ลู ก ด้ ว ย เลียงลูกด้วยนานม นานม แ ม้ ว่าจะได้รั บ ค า ชี แ น ะ จ า ก ค รู ห รื อ ผอู้ ่ืน  สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 สงิ่ มชี วี ติ 146 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ ักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ตามระดับความสามารถของนักเรียน โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมนิ ดงั นี ทกั ษะแห่ง รายการประเมิน ระดบั ความสามารถ ศตวรรษท่ี 21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1) C4 การส่ือสาร นาเสนอข้อมลู จาก สามารถนาเสนอขอ้ มูล สามารถนาเสนอข้อมูลจาก ไ ม่ ส า ม า ร ถ น า เ ส น อ การอภปิ ราย จากการอภปิ รายเกย่ี วกบั การอภปิ รายเกยี่ วกับการ ข้อมูลจากการอภิปราย เกี่ยวกบั การจาแนก การจาแนกกลมุ่ สัตว์มี จาแนกกลมุ่ สัตว์มกี ระดูกสัน เก่ียวกับการจาแนกกลุ่ม กลุ่มสัตว์มีกระดกู กระดูกสันหลงั โดยใช้ หลังโดยใช้ลักษณะเฉพาะท่ี สัตว์มีกระดูกสันหลังโดย สนั หลงั โดยใช้ ลกั ษณะเฉพาะท่ีสงั เกตได้ สงั เกตไดเ้ ปน็ เกณฑ์ไดอ้ ยา่ ง ใ ช้ ลั ก ษ ณ ะ เ ฉ พ า ะ ที่ ลักษณะเฉพาะท่ี เปน็ เกณฑ์ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ถกู ต้อง จากการชีแนะของครู สังเกตได้เป็น เกณ ฑ์ สงั เกตได้เป็นเกณฑ์ ได้ด้วยตนเอง หรือผู้อื่น แม้ว่าจะได้รับคาชีแนะ จากครหู รือผู้อน่ื C5 ค ว า ม ทางานร่วมกับผู้อื่น สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืน ไ ม่ ส า ม า ร ถ ท า ง า น รว่ มมอื ในการสังเกต การ ผู้อ่ืนในการสังเกต การ ในการสังเกต การนาเสนอ ร่ ว ม กั บ ผู้ อ่ื น ไ ด้ นาเสนอ และการ นาเสนอ และการแสดง และการแสดงความคิดเห็น ตลอดเวลาท่ีทากิจกรรม แสดงความคิดเห็น ความคิดเห็นเพ่ือจาแนก เพ่ือจาแนกกลุ่มสัตวม์ ีกระดูก เพ่ือ จ าแ น ก ก ลุ่ม กลุ่มสัตว์มีกระดูกสันหลัง สันหลังตามลักษณะเฉพาะที่ สัตว์มีกระดูกสัน ตามลักษณะเฉพาะที่ สังเกตได้เป็นเกณฑ์ รวมทัง หลังตามลักษณะ สั ง เ ก ต ไ ด้ เ ป็ น เ ก ณ ฑ์ ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น เฉพาะที่สังเกตได้ ร ว ม ทั ง ย อ ม รั บ ค ว า ม บางช่วงเวลาทท่ี ากจิ กรรม เป็นเกณฑ์ รวมทัง คิดเห็นของผู้อื่นตังแต่ ย อ ม รั บ ค ว า ม เริ่มต้นจนสาเร็จ คดิ เหน็ ของผูอ้ ื่น C6 ก า ร ใ ช้ สืบค้นข้อมูลทาง สามารถสืบค้นข้อมูลทาง สามารถสืบค้นข้อมูลทาง ไม่สามารถสืบค้นข้อมูล เ ท ค โ น โ ล ยี อิ น เ ท อ ร์ เ น็ ต อินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับ อินเทอร์เน็ตเก่ียวกับตัวอย่าง ทางอนิ เทอรเ์ นต็ เก่ียวกับ สารสนเทศ เก่ียวกับตัวอย่าง ตัวอย่างสัตว์มีกระดูกสัน สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่ม ตัวอย่างสัตว์มีกระดูกสัน สัตว์มีกระดูกสัน หลังในกลุ่มตา่ ง ๆ ได้ด้วย ต่าง ๆ ได้จากการชีแนะของ หลังในกลุ่มต่าง ๆ ได้ หลังในกลุ่มตา่ ง ๆ ตนเอง ครูหรือผูอ้ ่ืน แม้ว่าจะได้รับคาชีแนะ จากครูหรอื ผอู้ ืน่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

147 คมู่ ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่งิ มีชวี ติ กจิ กรรมที่ 1.4 เราจาแนกพืชได้อย่างไร กิจกรรมนีนักเรียนจะได้สังเกตและรวบรวมข้อมูล . เกี่ยวกับส่วนต่างๆ ของพืชในท้องถ่ิน เพ่ือจาแนกพืช . ออกเป็นกลมุ่ โดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ เวลา 2 ชวั่ โมง จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สังเกต สบื ค้นข้อมูลและบอกสว่ นต่าง ๆ ของพชื 2. จาแนกพืชออกเปน็ กลมุ่ โดยใช้การมีดอกเปน็ เกณฑ์ วัสดุ อปุ กรณ์สาหรับทากจิ กรรม สิ่งทค่ี รูตอ้ งเตรียม/กลมุ่ 1. พืช 1 ชนิด 2. แว่นขยาย 2-3 อัน ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S4 การจาแนกประเภท S6 การจัดกระทาและสอ่ื ความหมายขอ้ มลู S8 การลงความเหน็ จากขอ้ มลู S13 การตีความหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 C4 การส่อื สาร C5 ความร่วมมือ C6 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ สือ่ การเรียนรู้และแหลง่ เรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน ป.4 เล่ม 1 หนา้ 65–67 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.4 เลม่ 1 หนา้ 56–60  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่งิ มีชีวิต 148 แนวการจัดการเรียนรู้ ในการทบทวนความรู้ท่ีเคย เรียนมาแล้ว คุณครูควรให้เวลา 1. ครูทบทวนความรู้พืนฐานเก่ียวกับการจัดกลุ่มสิ่งมีชีวิต โดยใช้คาถามว่า นักเรียนคิดอย่างเหมาะสม รอ สิ่งมีชีวิตรอบตัวเราสามารถจาแนกตามเกณฑ์การเคล่ือนท่ีและการสร้าง คอยอย่างอดทน นักเรียนต้อง อาหารไดเ้ ปน็ กี่กลุ่ม อะไรบ้าง (3 กลุ่ม คอื กลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มไม่ใช่ ตอบคาถามเหล่านีได้ถูกต้อง พชื และสัตว)์ หากตอบไม่ได้หรือลืมครูต้องให้ ความรทู้ ่ีถูกต้องทนั ที 2. ครูทบทวนความรู้พืนฐานเก่ียวกับส่วนต่าง ๆ ของพืช โดยนาภาพพืช จานวน 4 ชนิด ตดิ ไวบ้ นกระดาน (เลือกพชื ทังมีดอกและไม่มีดอก เช่น เฟิน ในการตรวจสอบความรู้ ครู กุหลาบท่ีมีดอก ตะไคร้ มะม่วงท่ีมีทังดอกและผล) บัตรคาช่ือส่วนต่าง ๆ เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น ของพืช เพ่ือให้นักเรียนนาบัตรคาไปติดลงบนภาพพืช จากนันอาจใช้แนว สาคัญ และยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ คาถามดงั ตอ่ ไปนี ให้กับนักเรียน แต่ชักชวนนักเรียน 2.1 พชื แต่ละชนดิ มีส่วนประกอบอะไรบ้าง (ราก ลาตน้ ใบ ดอก ผล) ไปหาคาตอบท่ีถูกต้องจากกิจกรรม 2.2 พืชทัง 4 ชนิดนี มีส่วนต่าง ๆ ครบทุกส่วนหรือไม่ (คาตอบขึนอยู่กับ ต่าง ๆ ในบทเรยี นนี ภาพพืชทีน่ กั เรียนสงั เกต เชน่ - เฟนิ มีสว่ นประกอบไมค่ รบ คอื ไมม่ ดี อก และผล - กหุ ลาบ มสี ว่ นประกอบไม่ครบ คือ ไม่มีผล - ตะไคร้ มสี ว่ นประกอบไมค่ รบ คอื ไมม่ ีดอก และผล - มะมว่ ง มีสว่ นประกอบครบ 3. ครูตรวจสอบความรู้เดมิ เก่ียวกับการจัดกลุ่มพชื โดยใชค้ าถามว่าถ้าต้องการ จาแนกพืช 4 ชนดิ นี ออกเปน็ กล่มุ จะจาแนกได้ก่กี ล่มุ อะไรบ้าง และใช้เกณฑ์ ใดในการจาแนก (นกั เรียนตอบได้ตามความเข้าใจของตนเอง) ครูสังเกตคาตอบของนักเรียนและชักชวนนักเรียนทากิจกรรม การจัดกลุ่ม พชื 4. ครูเช่ือมโยงความรู้เดิมของนักเรียนเข้าสู่กิจกรรมท่ี 1.4 โดยชักชวนให้ นักเรียนร่วมกันสังเกตลักษณะและส่วนต่าง ๆ ของพืช แล้วคิดเกณฑ์ของ ตนเอง และใชเ้ กณฑเ์ หมอื นนักวทิ ยาศาสตรใ์ นการจาแนกพชื 5. นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม และ ทาเป็นคิดเป็น โดยร่วมกันอภิปรายเพ่ือ ตรวจสอบความเข้าใจจุดประสงค์ในการทากิจกรรม โดยใชค้ าถามดงั นี โดย ครูอาจชว่ ยเขียนสรุปเป็นขันตอนสนั ๆ บนกระดาน 5.1 กิจกรรมนนี กั เรยี นจะไดเ้ รียนเรอื่ งอะไร (การจดั กลุ่มพชื ) 5.2 นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นรูเ้ รอ่ื งนดี ว้ ยวธิ ใี ด (การสงั เกต รวบรวมขอ้ มลู ) สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

149 คู่มือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิ่งมชี วี ิต 5.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (จาแนกพืชโดยใช้การมีดอกเป็น ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เกณฑ์) 1. ถ้าครูเลือกจัดกิจกรรมโดยให้ 6. นกั เรยี นบนั ทึกจุดประสงคล์ งในแบบบันทึกกิจกรรม หนา้ 56 และ อา่ นสิ่งที่ นั ก เ รี ย น ส า ร ว จ พื ช ใ น บ ริ เ ว ณ ตอ้ งใช้ในการทากิจกรรม โรงเรียน ครูควรให้นักเรียนแต่ละ กลมุ่ ตกลงเลอื กพืชทไ่ี มซ่ ากัน 7. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ข้อ 1-2 โดยฝึกอ่านตามความเหมาะสม ครูนา อภิปรายเพอื่ สรปุ ลาดบั ขันตอน โดยใชค้ าถามต่อไปนี 2. ครูแนะนาให้นักเรียนสังเกต 7.1 นกั เรยี นตอ้ งสงั เกตพชื กช่ี นดิ (1 ชนดิ ) ลักษณะส่วนต่าง ๆ ของพืชให้ 7.2 หลังจากสงั เกตสว่ นต่าง ๆ ของพชื แล้ว นกั เรียนตอ้ งทาอะไร (ออกแบบ ละเอียด และสามารถระบไุ ด้ว่าพืช ตารางบนั ทกึ ผล และบนั ทกึ ผล) มหี รือไมม่ ีส่วนตา่ ง ๆ เหล่านัน 7.3 ตารางบันทึกผลของนักเรียน ต้องมีผลการสังเกตสิ่งใดบ้าง (นักเรียน ตอบตามความเข้าใจ) 3. ครูเตรียมแหล่งการเรียนรู้ เช่น ครคู วรแนะนาใหน้ กั เรยี นทุกกล่มุ บนั ทึกเกี่ยวกับสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื และ อินเทอร์เน็ต เว็บไซต์หรือหนังสือ ลกั ษณะของแต่ละสว่ น เช่น ทีม่ คี วามนา่ เชือ่ ถือ เพื่อให้นักเรยี น สืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับส่วน ชือ่ พืช สว่ นตา่ งๆ ของพืช ต่าง ๆ ของพืช ราก ลาตน้ ใบ ดอก ผล 7.4 นักเรียนต้องสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอะไร และต้องทาอย่างไรกับข้อมูลท่ี สืบค้นได้ (สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับส่วนต่าง ๆ ของพืชที่สังเกต แล้วบันทึก เพม่ิ เตมิ ลงในตาราง ) 8. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว นักเรียนจะได้ปฏิบัติ ตามขันตอน ดังนี 8.1 สังเกตส่วนต่าง ๆ ของพืช 1 ชนิด ออกแบบตารางและบันทึกผล (S1, S6) ครูเตรียมพืชให้นักเรียนกลุ่มละ 1 ชนิด แต่ละกลุ่มต้องได้พืชไม่ซากัน และต้องมีทังพืชที่มีดอกและไม่มดี อก 8.2 สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับส่วนต่าง ๆ ของพืชที่สังเกต แล้วบันทึกเพิ่มเตมิ ลง ในตาราง (S6) (C6) หากครูพบว่าข้อมูลท่ีนักเรียนสังเกตและสืบค้นยังไม่ถูกต้อง ครบถ้วน ใหค้ รแู ก้ไขก่อนการนาเสนอ โดยเฉพาะขอ้ มลู เรือ่ งการมีดอกของพืช 8.3 นาเสนอผลการสงั เกตและผลการสบื ค้น (C4) 8.4 บนั ทึกข้อมลู ทเ่ี พือ่ นนาเสนอเพม่ิ เตมิ ลงในตารางของกลมุ่ ตนเอง  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่ิงมชี วี ิต 150 8.5 ลงความเห็นร่วมกันเก่ียวกับสว่ นต่าง ๆ ของพืชแตล่ ะชนดิ (S8) นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ 8.6 ร่วมกันอภิปราย และกาหนดเกณฑ์ในการจาแนกพืช และจาแนกพืช คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน ตามเกณฑท์ ่กี าหนด (S4) คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง 8.7 นาเสนอผลการจาแนกพชื ตามเกณฑ์ของกลมุ่ (C4) อดทน และรับฟังแนวความคิด 8.8 จาแนกพชื ตามเกณฑก์ ารมีดอก (S4) และนาเสนอผลการจาแนก (C4) ของนักเรียน 8.9 รว่ มกนั สรปุ ผลการจาแนกพชื โดยใชก้ ารมีดอกเปน็ เกณฑ์ (S13) 9. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ดังนี 9.1 พืชที่นักเรียนสังเกตมีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร (นักเรียนตอบตามข้อมูลที่ค้นพบได้จริง เช่น พืชทุกชนิดมีอวัยวะ เหมือนกัน แต่มีลักษณะของอวัยวะแตกต่างกัน เช่น ใบพืชบางชนิดมี เส้นใบเปน็ ร่างแห บางชนิดมีเสน้ ใบไมเ่ ป็นรา่ งแห และพืชบางชนิดมีผล บางชนิดไมม่ ผี ล พืชบางชนิดต้นใหญ่ บางชนิดต้นเลก็ ) (S8) 9.2 นักเรียนใช้เกณฑ์ใดบ้างในการจัดกลุ่มพืช (เช่น การมีใบ มีผล มีดอก หรอื ลกั ษณะของใบ ขนาดของตน้ ) 9.3 เกณฑ์ต่าง ๆ ที่นักเรียนกาหนดขึนสามารถจาแนกพืชออกเป็นกลุ่มได้ เหมือนหรือแตกตา่ งกัน เพราะเหตใุ ด (แตกต่างกัน เพราะเม่ือใช้เกณฑ์ ท่ีต่างกัน ทาให้จาแนกพชื ออกเปน็ กล่มุ ไดแ้ ตกต่างกนั ) 9.4 เม่ือใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ จะจัดกลุ่มพืชได้เป็นก่ีกลุ่มอะไรบ้าง (เมื่อ ใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ จะจัดกลุ่มพืชได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มพืชดอก และกลมุ่ พชื ไม่มดี อก) 10. ครูอาจยกตัวอย่างพืชไม่มีดอกอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากกิจกรรมเพ่ือเป็นการ เพิ่มขอ้ มูลให้แก่นกั เรยี น ไดร้ ้จู ักพืชท่หี ลากหลายขึน 11. ร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่าพืชแต่ละชนิดมีลักษณะภายนอก บางอย่างที่เหมือนกันและบางอย่างท่ีแตกต่างกัน เราสามารถนาลักษณะ เหล่านีมาใช้เป็นเกณฑ์ในการจาแนกกลุ่มพืชได้ ซึ่งหากใช้การมีดอกเป็น เกณฑ์ จะจาแนกพืชได้เปน็ พืชดอกและพชื ไมม่ ดี อก 12. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจเพิ่มเติม คาถาม ในการอภปิ รายเพอ่ื ใหไ้ ดแ้ นวคาตอบทถี่ กู ตอ้ ง 13. ให้นักเรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในกิจกรรมนี จากนันนักเรียนอ่าน สิ่งท่ีได้ เรยี นรู้ และเปรยี บเทยี บกับขอ้ สรปุ ของตนเอง สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

151 ค่มู ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิ่งมีชีวติ 14. นักเรียนตังคาถามใน อยากรู้อีกว่า จากนันครูสุ่มนักเรียน 2 -3 คน การเตรียมตวั ลว่ งหน้าสาหรับครู นาเสนอคาถามของตนเองหน้าชันเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย เพอ่ื จดั การเรียนรูใ้ นครงั้ ถดั ไป เกี่ยวกับคาถามท่นี าเสนอ ในครังถัดไป นักเรียนจะได้เรียน 15. ครูนาอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง บทที่ 2 ส่วนตา่ ง ๆ ของพชื ดอก ครูเตรียม วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 อะไรบ้างและในขันตอนใดบ้าง ส่ือเพ่อื จดั การเรียนการสอน ดังนี จากนนั บนั ทกึ ในแบบบนั ทึกกจิ กรรมหนา้ 60 1. ตัวอย่างพชื หรอื ภาพพืชทงั ต้น 2. บัตรคาลักษณะต่าง ๆ ของพืช เช่น 16. ครูชักชวนนักเรียนร่วมกันอภิปรายคาถามชวนคิด ในหนังสือเรียนหน้า 67 โดยมอบหมายให้นกั เรียนไปสืบค้นข้อมลู เพือ่ หาคาตอบ การสืบพันธุ์ การหายใจ การกิน อาหาร การขับถ่าย การเคลื่อนไหว 17. นักเรียนอ่าน เกร็ดน่ารู้ ในหนังสือเรียนหน้า 68 และอภิปรายร่วมกัน การตอบสนองตอ่ สงิ่ เรา้ เกี่ยวกบั ไข่นาและมอส ในบทท่ี 2 กิจกรรมท่ี 1.1 นักเรยี น จะได้ทากิจกรรม เกี่ยวกับหน้าท่ีของราก 18. นักเรียนร่วมกันอ่านรู้อะไรในเรื่องนี้ ในหนังสือเรียน หน้า 69 ครูนา และลาต้นของพืชดอก ซ่ึงใช้ต้นเทียนใน อภิปรายเพื่อสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในเรื่องนี จากนันครูกระตุ้นให้นักเรียนตอบ การทากจิ กรรม ครูควรเตรียมหาตน้ เทยี น คาถามในช่วงท้ายของเนือเรื่อง ดังนี “ถ้าจาแนกสิ่งมีชีวิตรอบตัวออกเป็น หรือปลูกต้นเทียนไว้ ซ่ึงจะใช้เวลา กลุ่ม จะจัดได้ก่ีกลุ่ม อะไรบ้าง ใช้เกณฑ์อะไรในการจัดกลุ่ม” ครูและ ประมาณ 1 เดือน จึงจะเจริญเติบโตได้ นักเรียนร่วมกันอภิปรายแนวทางการตอบคาถาม เช่น ถ้าจัดตามเกณฑ์การ ขนาดทพี่ อเหมาะตอ่ การทากิจกรรม เคล่ือนที่ การสร้างอาหาร จะจัดออกได้เป็นกลุ่มสัตว์ กลุ่มพืช กลุ่มที่ไม่ใช่ สัตว์และพืช สาหรับกลุ่มสัตว์สามารถใช้เกณฑ์การมีกระดูกสันหลังจาแนก สัตว์ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีกระดูกสันหลัง และกลุ่มที่ไม่มีกระดูกสัน หลัง นอกจากนียังใช้เกณฑ์การเคล่ือนที่ การมีลูก ลักษณะของผิวหนัง การ เลียงลูกด้วยนานม จาแนกสัตว์มีกระดูกสันหลังออกได้เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนก กลุ่มปลา กลุ่มสัตว์เลือยคลาน กลุ่มสัตว์สะเทินนาสะเทินบก และ กลุ่มสัตว์เลียงลกู ด้วยนานม ส่วนพืชถ้าใช้เกณฑก์ ารมีดอกจะจาแนกกลุม่ พืช ออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ พืชมีดอกและพืชไม่มีดอก ครูควรเน้นให้นักเรียน ตอบคาถามพรอ้ มอธบิ ายเหตุผลประกอบ  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิง่ มชี ีวติ 152 แนวคาตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 1. สังเกต สืบคน้ ข้อมลู และบอกสว่ นต่าง ๆ ของพชื 2. จาแนกพืชออกเป็นกลุ่มโดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

153 ค่มู ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สงิ่ มีชีวิต คาตอบขึ้นอยกู่ บั การทากิจกรรมของนักเรยี น เช่น การมีผล 2 มีผล มะพร้าว สนสองใบ ปรง เขม็ กหุ ลาบ ลาไย ไมม่ ผี ล มอส เฟิน 2 มดี อก มะพร้าว เขม็ กุหลาบ ลาไย ไม่มดี อก มอส เฟิน ปรง สนสองใบ  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สิ่งมีชวี ิต 154 ราก ลาต้น ใบ (พชื บางชนดิ ไมม่ ีรากทีแ่ ทจ้ ริง แต่มสี ่วนทค่ี ลา้ ยรากและทาหน้าท่ีเหมอื นราก เรยี กวา่ รากเทยี ม) ดอก และผล คาตอบขึ้นอยกู่ ับการทากจิ กรรมของนักเรียน เช่น เหมอื นกนั เพราะกลมุ่ กาหนด เกณฑ์การมีดอก หรือ แตกตา่ งกัน เพราะกลมุ่ ใชเ้ กณฑก์ ารมผี ล ทาให้จาแนกพืช ออกเป็นกลมุ่ ไดแ้ ตกต่างกนั และรายชือ่ พชื ในกลุ่มทจ่ี าแนกก็แตกต่างกันดว้ ย พืชแตล่ ะชนิดมีลกั ษณะภายนอกบางอยา่ งที่ เหมอื นกันและบางอยา่ งทแี่ ตกตา่ งกัน สามารถนา ลกั ษณะเหลา่ นีม้ าใช้เปน็ เกณฑใ์ นการจาแนกพชื ออกเปน็ กลมุ่ ได้ ซง่ึ ถ้าใช้การมีดอกเปน็ เกณฑ์ จะ จาแนกพืชไดเ้ ปน็ กลุ่มพืชดอกและกลุม่ พืชไม่มดี อก สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

155 ค่มู ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิ่งมชี วี ติ ถา้ ใชก้ ารมดี อกเป็นเกณฑ์ จะจาแนกพชื ได้เป็นพชื ดอกและพืชไมม่ ดี อก คาถามของนกั เรียนที่ตง้ั ตามความอยากรู้ของตนเอง  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี