คูม่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิง่ มชี ีวิต 156 พชื ไมม่ ดี อกสามารถสบื พนั ธุไ์ ด้ โดยจะมีสว่ นอ่นื ทีไ่ ม่ใช่ดอก ทาหนา้ ทีส่ รา้ งเซลล์ สืบพนั ธเ์ุ พศผู้และเซลลส์ บื พันธ์ุเพศเมยี เพ่อื ใชใ้ นการสบื พนั ธุ์แบบอาศัยเพศ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
157 คมู่ อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สง่ิ มชี ีวติ แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรียนร้ขู องนกั เรียนทาได้ ดังนี 1. ประเมินความร้เู ดิมจากการอภปิ รายในชนั เรยี น 2. ประเมินการเรยี นรจู้ ากคาตอบของนักเรยี นระหว่างการจดั การเรยี นร้แู ละจากแบบบนั ทึกกจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรมของนักเรยี น การประเมินจากการทากจิ กรรมท่ี 1.4 เราจาแนกพืชไดอ้ ยา่ งไร ระดับคะแนน 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ 3 คะแนน หมายถงึ ดี รหัส ส่ิงทปี่ ระเมนิ คะแนน ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ S1 การสังเกต S4 การจาแนกประเภท S6 การจดั กระทาและส่ือความหมายข้อมลู S8 การลงความเห็นจากขอ้ มลู S13 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 C4 การส่อื สาร C5 ความรว่ มมือ C6 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร รวมคะแนน สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ ือครรู ายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่งิ มีชีวติ 158 ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดับความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมนิ ดงั นี ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสัมผัส ไ ม่ ส า ม า ร ถ ใ ช้ ร า ย ล ะ เ อี ย ด เก็บรายละเอยี ดข้อมูลและ เก็บรายละเอียดข้อมูลและ ประสาทสัมผัสเก็บ เกี่ยวกับลักษณะ บารรยายเกี่ยวกับลักษณะ บรรยายเก่ียวกับลักษณะ รายละเอียดข้อมูล สว่ นต่าง ๆ ของพชื ส่วนต่าง ๆ ของพืช ได้ด้วย ส่วนต่าง ๆ ของพืช จาก และบรรยายเก่ยี วกับ ตนเอง โดยไม่เพ่ิมเติม การชีแนะของครูหรือผู้อื่น ลักษณะของส่วนต่าง ความคิดเหน็ หรือมีการเพิ่มเติมความ ๆ ของพืชได้ แม้ว่า คิดเห็น จะได้รับคาชีแนะ จากครหู รือผ้อู ่ืน S4 การจาแนกประเภท การจาแนกพืช โดย สามารถจาแนกพืช โดยใช้ สามารถจาแนกพืช โดยใช้ ไม่สามารถจาแนก ใช้เกณฑ์การมีดอก เกณฑ์การมีดอกออกเป็น เกณฑ์การมีดอกออกเป็น พืช โดยใช้เกณฑ์การ ออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มพืชดอกและกลุ่มพืช กลุ่มพืชดอกและกลุ่มพืช มีดอกออกเป็นกลุ่ม ดอกและกลุ่มพืชไม่ ไม่มีดอก ได้ถูกต้องตาม ไม่มีดอก ได้อย่างถูกต้อง พืชดอกและกลุ่มพืช มีดอก เกณฑ์ที่กาหนด ได้ด้วย จากการชีแนะของครูหรือ ไม่มีดอกได้ แม้ว่าจะ ตนเอง ผอู้ ื่น ได้รับคาชีแนะจาก ครหู รือผอู้ ่ืน S6 การจัดกระทาและ นาข้อมูลท่ีได้จาก สามารถนาข้อมูลที่ได้จาก สามารถนาข้อมูลท่ีได้จาก ไม่สามารถนาข้อมูล สอื่ ความหมายข้อมูล การสังเกตและการ การสังเกตและการสืบค้น การสังเกตและการสืบค้น ที่ได้จากการสังเกต สื บ ค้ น ข้ อ มู ล ข้อมูลเกย่ี วกบั ลกั ษณะของ ข้อมูลเก่ียวกับลักษณะ และการสืบค้นข้อมูล เก่ียวกับลักษณะ พืช มาจาแนกพืชออกเป็น ของพืช มาจาแนกพืช เกี่ยวกับลักษณะของ ของพืช มาจาแนก พืชดอก และพืชไม่มีดอก ออกเป็นพืชดอก และพืช พืช มาจาแนกพืช พชื ออกเป็นพืชดอก และนาผลการจาแนกมา ไม่มีดอก และนาผลการ อ อ ก เ ป็ น พื ช ด อ ก และพืชไม่มีดอก จดั กระทาในรูปแบบตา่ ง ๆ จาแนกมาจัดกระทาใน แ ล ะ พื ช ไ ม่ มี ด อ ก แ ล ะ น า ผ ล ก า ร และสื่อให้ผู้อ่ืนเข้าใจผล รูปแบบต่าง ๆ และสื่อให้ แ ล ะ น า ผ ล ก า ร จ า แ น ก ม า จั ด การจาแนกพืช ได้ด้วย ผู้อ่ืนเข้าใจผลการจาแนก จาแนกมาจัดกระทา กระทาในรูปแบบ ตนเอง พืช จากการชีแนะของครู ใ นรูปแ บบต่าง ๆ ต่าง ๆ และสื่อให้ หรอื ผู้อน่ื และสื่อให้ผู้อื่นเข้าใจ ผ ล ก า ร จ า แ น ก พื ช สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
159 ค่มู ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สง่ิ มชี วี ติ ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดับความสามารถ ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) ผู้อื่นเข้าใจผลการ แ ม้ ว่าจะได้รั บ ค า จาแนกพชื ชี แ น ะ จ า ก ค รู ห รื อ ผอู้ น่ื S8 การลงความเห็น ลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก ไ ม่ ส า ม า ร ถ ล ง จากขอ้ มลู ข้อมูลว่าสามารถ ข้อมูลได้ว่าสามารถจาแนก ข้ อ มู ล ไ ด้ ว่ า ส า ม า ร ถ ความเห็นจากข้อมูล จาแนกพืช โดยใช้ พชื โดยใช้เกณฑ์การมีดอก จาแนกพืช โดยใช้เกณฑ์ ได้ว่าสามารถจาแนก เกณฑ์การมีดอก ออกเป็นกลุ่มพืชดอกและ การมีดอกออกเป็นกลุ่ม พืช โดยใช้เกณฑ์การ ออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มพืชไม่มีดอกได้อย่าง พืชดอกและกลุ่มพืชไม่มี มีดอกออกเป็นกลุ่ม ดอกและกลุ่มพืชไม่ ถูกต้องและชัดเจน ได้ด้วย ดอกได้อย่างถูกต้องและ พืชดอกและกลุ่มพืช มีดอก ตนเอง ชดั เจน จากการชีแนะของ ไม่มีดอกได้ แม้ว่าจะ ครหู รือผ้อู ืน่ ได้รับคาชีแนะจาก ครหู รือผ้อู ืน่ S13 การ ตีความหมาย ตีความหมายข้อมูล สามารถตีความ ห ม าย สามารถตีความหมาย ไ ม่ ส า ม า ร ถ ข้อมูลและลงข้อสรปุ จากการสังเกตและ ข้อมูลจากการสังเกตและ ข้อมูลจากการสังเกตและ ตีความหมายข้อมูล การสืบค้นข้อมูลได้ การสืบค้นข้อมูลได้ว่าพืชมี การสืบค้นข้อมูลได้ว่าพืช จากการสังเกตและ ว่าพืชมีทังพืชที่มี ทังพืชท่ีมีดอกและไม่มี มีทังพืชท่ีมีดอกและไม่มี การสืบค้นข้อมูลได้ ดอกและไม่มีดอก ดอก และลงข้อสรุปได้ว่า ดอก และลงข้อสรุปได้ว่า ว่ า พื ช มี ทั ง พื ช ที่ มี และลงข้อสรุปได้ว่า สามารถจาแนกพืชโดยใช้ สามารถจาแนกพืชโดยใช้ ดอกและไม่มีดอก สามารถจาแนกพืช การมีดอกเป็นเกณฑ์ออก การมีดอกเป็นเกณฑ์ออก และลงข้อสรุปได้ว่า โดยใช้การมีดอก ได้เป็นกลุ่มพืชดอกและ ได้เป็นกลุ่มพืชดอกและ สามารถจาแนกพืช เป็นเกณฑ์ออกได้ กลุ่มพืชไม่มีดอก ได้ด้วย กลุ่มพืชไม่มีดอก จากการ โดยใช้การมีดอกเป็น เป็นกลุ่มพืชดอก ตนเอง ชีแนะของครูหรือผูอ้ นื่ เกณฑ์ออกได้เป็น แ ล ะ ก ลุ่ ม พื ช ไ ม่ มี ก ลุ่ ม พื ช ด อ ก แ ล ะ ดอก ก ลุ่ ม พื ช ไ ม่ มี ด อ ก แ ม้ ว่าจะได้รั บ ค า ชี แ น ะ จ า ก ค รู ห รื อ ผอู้ นื่ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 สิง่ มีชวี ิต 160 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ กั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใช้เกณฑก์ ารประเมิน ดงั นี ทกั ษะแหง่ รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) C4 การสือ่ สาร นาเสนอข้อมลู จาก สามารถนาเสนอขอ้ มูล สามารถนาเสนอข้อมูลจาก ไ ม่ ส า ม า ร ถ น า เ ส น อ การอภิปราย จากการอภปิ รายเกี่ยวกบั การอภปิ รายเกี่ยวกบั การ ข้อมูลจากการอภิปราย เกยี่ วกับการจาแนก การจาแนกพชื โดยใช้ จาแนกพชื โดยใชเ้ กณฑ์การ เกี่ยวกับการจาแนกพืช พชื โดยใชเ้ กณฑ์ เกณฑ์การมดี อกออกเป็น มีดอกออกเปน็ กลุม่ พชื ดอก โดยใช้เกณฑ์การมีดอก การมดี อกออกเป็น พชื ดอกและพืชไมม่ ดี อก และกลมุ่ พชื ไมม่ ีดอกไดอ้ ยา่ ง ออกเป็นกลุ่มพืชดอก กลมุ่ พชื ดอกและ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ไดด้ ้วย ถูกตอ้ ง จากการชีแนะของครู และกลุ่มพืชไม่มีดอกได้ กลุ่มพชื ไม่มีดอก ตนเอง หรือผู้อน่ื แม้ว่าจะได้รับคาชีแนะ จากครหู รือผอู้ ่นื C5 ค ว า ม ทางานร่วมกับผู้อ่ืน สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานร่วมกับผู้อื่น ไ ม่ ส า ม า ร ถ ท า ง า น ร่วมมอื ในการสังเกต การ ผู้อื่นในการสังเกต การ ในการสังเกต การนาเสนอ ร่ ว ม กั บ ผู้ อื่ น ไ ด้ นาเสนอ และการ นาเสนอ และการแสดง และการแสดงความคิดเห็น ตลอดเวลาทที่ ากิจกรรม แสดงความคิดเห็น ความคิดเห็นเพ่ือจาแนก เพ่ือจาแนกพืช โดยใช้เกณฑ์ เพื่อจาแนกพืช โดย พืช โดยใช้เกณฑ์การมี การมีดอกออกเป็นกลุ่มพืช ใช้เกณฑ์การมีดอก ดอกออกเป็นกลุ่มพชื ดอก ดอกและกลุ่มพืชไม่มีดอก ออกเป็นกลุ่มพืช และกลุ่มพืชไม่มีดอก รวมทังยอมรับความคิดเห็น ดอกและกลุ่มพืชไม่ ร ว ม ทั ง ย อ ม รั บ ค ว า ม ของผู้อ่ืน บางช่วงเวลาท่ีทา มี ด อ ก ร ว ม ทั ง คิดเห็นของผู้อ่ืน ตังแต่ กจิ กรรม ย อ ม รั บ ค ว า ม เร่มิ ต้นจนสาเร็จ คดิ เห็นของผู้อ่นื C6 ก า ร ใ ช้ สืบค้นข้อมูลทาง สามารถสืบค้นข้อมูลทาง สามารถสืบค้นข้อมูลทาง ไม่สามารถสืบค้นข้อมูล เ ท ค โ น โ ล ยี อิ น เ ท อ ร์ เ น็ ต อินเทอร์เน็ตเก่ียวกับ อินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับลักษณะ ทางอนิ เทอรเ์ นต็ เกี่ยวกับ สารสนเทศ เก่ียวกับลักษณะ ลักษณะส่วนต่าง ๆ ของ ส่วนต่าง ๆ ของพืชได้อย่าง ลักษณะของส่วนต่าง ๆ ส่วนต่าง ๆ ของพชื พืช ไดอ้ ยา่ งถูกต้องไดด้ ้วย ถูกต้อง จากการชแี นะของครู ของพืชได้ แม้ว่าจะได้ ตนเอง หรือผอู้ ่ืน รับคาชีแนะจากครูหรือ ผู้อน่ื สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
161 คูม่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่ิงมีชวี ิต กิจกรรมท้ายบทที่ 1 เรยี นรู้แบบนักวทิ ยาศาสตร์ (1 ชว่ั โมง) 1. ครูให้นักเรียนวาดรูปหรือเขียนสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้จากบทนี ในแบบบันทึก กจิ กรรม หนา้ 61 2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ของตนเองโดยเปรียบเทียบกับผัง มโนทัศน์ในหวั ขอ้ รูอ้ ะไรในบทนี้ ในหนงั สือเรียน หนา้ 73 3. นักเรียนกลับไปตรวจสอบคาตอบของตนเองในสารวจความรู้ก่อนเรียน ใน แบบบันทึกกิจกรรม หน้า 34-35 อีกครัง ถ้าคาตอบของนักเรียนไม่ถูกต้อง ให้ขีดเส้นทับข้อความเหล่านัน แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง หรืออาจแก้ไขคาตอบ ด้วยปากกาที่มีสีต่างจากเดิม นอกจากนีครูอาจนาคาถามในรูปนาบทใน หนังสือเรียน หน้า 40 มาร่วมกันอภิปรายคาตอบอกี ครัง ดังนี “ในรูปนาบท มีส่ิงมชี วี ิตอะไรบา้ ง และแตล่ ะชนิดจัดอยใู่ นกล่มุ ใด” ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายแนวทางการตอบคาถาม เช่น ในรูปมีมอส เห็ด และแมลงเต่าทอง มอสจัดเป็นพืชไม่มีดอก เห็ดจัดเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่สัตว์และพืช ส่วนแมลง เต่าทองจัดอย่ใู นกล่มุ สตั วไ์ มม่ กี ระดูกสันหลัง 4. นักเรียนทา แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 ส่ิงมีชีวิตรอบตัว นาเสนอคาตอบหน้า ชันเรียน ถ้าคาตอบยังไม่ถูกต้องครูควรนาอภิปรายหรือให้สถานการณ์ เพิม่ เตมิ เพื่อแกไ้ ขแนวคิดคลาดเคลือ่ นให้ถูกต้อง 5. นักเรียนรว่ มกันทากจิ กรรม ร่วมคิด ร่วมทา โดยเลือกสตั วม์ กี ระดกู สันหลัง ท่ีสนใจ 1 ชนิดมาสร้างแบบจาลองตัวสัตว์ให้มีกระดูกสันหลังในแบบจาลอง ด้วย โดยใช้ดินนามันและหลอดดดู จากนนั นามาจัดแสดง สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ ือครูรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่งิ มีชวี ิต 162 สรุปผลการเรยี นรูข้ องตนเอง รูปหรอื ข้อความสรุปส่ิงที่ไดเ้ รียนรจู้ ากบทนีต้ ามความเขา้ ใจของนกั เรยี น สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
163 คู่มอื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่งิ มีชวี ติ แนวคาตอบในแบบฝกึ หัดท้ายบท สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู อื ครูรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่งิ มีชวี ิต 164 พชื สัตว์ 2 7 8 11 4 6 9 10 12 13 14 เปน็ สงิ่ มชี ีวติ ทส่ี ร้างอาหาร 15 16 เองได้ แต่เคลอื่ นท่ีไม่ได้ เป็นสง่ิ มชี วี ิตทีเ่ คลือ่ นทไี่ ด้ แต่สร้างอาหารเองไมไ่ ด้ ท่ไี ม่ใชพ่ ชื และสตั ว์ 135 เป็นส่ิงมชี ีวิตทสี่ ร้างอาหาร เองไมไ่ ด้ และเคลือ่ นทไี่ ม่ได้ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
165 คมู่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่งิ มชี ีวิต มปี กี ไม่มปี ีก มีครีบ ไม่มคี รบี นกกระจอกเทศ เสอื ปลาทู ก้งิ กา่ อ่ึงอา่ ง สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สง่ิ มชี วี ติ 166 ใช้การมีดอกเปน็ เกณฑ์ เพราะพืช 2 กล่มุ นี้ แตกต่างกันทีก่ ารมีดอก ปรง เฟนิ มอส เปน็ พชื ไมม่ ดี อก สว่ นทานตะวัน ชบา บานบุรเี ปน็ พืชดอก สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
167 คมู่ อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่ิงมชี วี ติ บทท่ี 2 ส่วนตา่ ง ๆ ของพชื ดอก จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ประจาบท เมอ่ื เรียนจบบทนี้ นักเรยี นสามารถบรรยายหนา้ ท่ขี องส่วน ต่าง ๆ ของพชื ดอก ได้แก่ ราก ลาตน้ ใบ และดอก แนวคิดสาคัญ พืชดอกประกอบด้วยราก ลาต้น ใบและดอก โดยแต่ ละส่วนมีหน้าทแ่ี ตกต่างกัน บทนี้มีอะไร เรื่องที่ 1 หนา้ ท่สี ่วนตา่ ง ๆ ของพืชดอก คาสาคัญ การสังเคราะหด์ ้วยแสง (photosynthesis) กิจกรรมที่ 1.1 รากและลาตน้ ของพืชทาหน้าท่ีอะไร กิจกรรมท่ี 1.2 ใบของพชื ทาหน้าทอ่ี ะไร กิจกรรมท่ี 1.3 ดอกของพืชทาหนา้ ท่ีอะไร สอื่ การเรยี นรู้และแหล่งเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน ป. 4 เล่ม 1 หนา้ 77-100 2. แบบบันทึกกิจกรรม ป. 4 เล่ม 1 หนา้ 66-86 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิง่ มชี วี ติ 168 ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 รหัส ทักษะ กจิ กรรมที่ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1.1 1.2 1.3 S1 การสงั เกต S2 การวดั S3 การใช้จานวน S4 การจาแนกประเภท S5 การหาความสัมพันธ์ระหว่าง สเปซกับสเปซ สเปซกบั เวลา S6 การจดั กระทาและสอื่ ความหมายข้อมลู S7 การพยากรณ์ S8 การลงความเห็นจากขอ้ มลู S9 การต้ังสมมตฐิ าน S10 การกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร S11 การกาหนดและควบคุมตัวแปร S12 การทดลอง S13 การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรุป S14 การสรา้ งแบบจาลอง ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 C1 การสรา้ งสรรค์ C2 การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ C3 การแกป้ ญั หา C4 การสอ่ื สาร C5 ความรว่ มมอื C6 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
169 คมู่ อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่งิ มชี ีวติ แนวคดิ คลาดเคล่อื น ครบู ันทึกแนวคดิ ที่ได้จากการฟังการสนทนาและการอภปิ ราย เพื่อนาไปใชใ้ นการจัดการเรียนรูใ้ ห้สามารถแก้ไขแนวคดิ คลาดเคลอ่ื นและต่อยอดแนวคิดที่ถกู ตอ้ ง แนวคดิ คลาดเคลือ่ น แนวคดิ ท่ีถูกต้อง รากพืชดดู อาหารขึน้ มาจากดนิ พชื จึงจาเป็นต้องเจรญิ เติบโต รากพชื ดดู นา้ มาใช้ในการสรา้ งอาหารของพืช ซึ่งพืชสามารถ อย่ใู นดิน (Barman et al., 2006) เจริญเตบิ โตและดารงชีวิตอยู่ไดท้ ง้ั ที่มีดินและไม่มีดิน แตใ่ น บรเิ วณท่ีเจรญิ เติบโตนน้ั ตอ้ งมีน้า ใบมีหนา้ ที่ดูดน้าฝน (Barman et al., 2006) ใบมีหนา้ ทีส่ รา้ งอาหารโดยการสงั เคราะหด์ ้วยแสง ปุ๋ยคืออาหารของพืช (Barman et al., 2006) ปุ๋ยเป็นธาตอุ าหารของพชื อาหารของพชื คอื น้าตาลทีพ่ ืชสรา้ งข้นึ เอง พืชสังเคราะห์ด้วยแสงตอนกลางวนั และหายใจตอนกลางคนื พชื สังเคราะห์ดว้ ยแสงเม่ือได้รับแสง แตพ่ ืชจะหายใจตลอดเวลาที่ (Barman et al., 2006) พืชมีชีวิตอยู่ พืชหายใจนาแก๊สคารบ์ อนไดออกไซดเ์ ขา้ และหายใจออก พืชใช้แกส๊ ออกซิเจนในการหายใจและปล่อยแกส๊ ปลอ่ ยแกส๊ ออกซิเจนออกสู่สง่ิ แวดลอ้ ม(Barman et al., คาร์บอนไดออกไซดอ์ อกมาเหมือนสงิ่ มชี ีวิตชนดิ อน่ื ๆ 2006) นา้ จากอากาศจะเข้าสใู่ บพืชระหวา่ งกระบวนการสังเคราะห์ น้าเข้าสู่พชื ผา่ นทางราก และเม่อื มีการสังเคราะห์ดว้ ยแสงพืชจะ ดว้ ยแสง (Barman et al., 2006) ปลอ่ ยนา้ สว่ นท่เี หลอื ออกทางปากใบ การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงไม่จาเปน็ ต้องใชน้ า้ (Köse, 2008) การสังเคราะหด์ ้วยแสงต้องใช้น้า พืชได้รบั น้าและอาหารจากดนิ (Köse, 2008) พชื ได้รบั น้าจากดนิ หรือวสั ดทุ พ่ี ชื เจริญอยู่ผ่านทางราก และได้รับ อาหารจากการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง หน้าทหี่ ลักของใบ คือ การดูดซับนา้ จากฝนและอากาศ หน้าทขี่ องใบคือสร้างอาหารโดยการสังเคราะหด์ ้วยแสง (Köse, 2008) หน้าทห่ี ลักของใบพืช คือ สร้างแกส๊ ออกซเิ จน และแก๊ส หน้าทข่ี องใบคือสรา้ งอาหารโดยการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึง่ การ คาร์บอนไดออกไซด์ (Köse, 2008) สงั เคราะห์ด้วยแสงจาเป็นตอ้ งใชแ้ กส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ น้า แสง และคลอโรฟิลล์ ไดผ้ ลผลิตเป็นน้าตาล และแก๊สออกซิเจน สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สง่ิ มชี ีวติ 170 บทนเ้ี ริ่มตน้ อยา่ งไร (1 ชัว่ โมง) ค รู รั บ ฟั ง เห ตุ ผ ล ข อ ง นักเรียนเป็นสาคัญ ครูยังไม่ 1. ครูทบทวนความร้พู ืน้ ฐานของนักเรียนเก่ียวกับส่วนต่าง ๆ ของพืช และการ เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวนให้ ดารงชีวิตของพืช โดยอาจนาตัวอย่างพืชท้ังต้นหรือ รูปพืชทั้งต้นมาให้ หาคาตอบที่ถูกตอ้ งจากกิจกรรม นกั เรยี นสงั เกต และใชค้ าถามในการอภิปรายดงั น้ี ตา่ ง ๆ ในบทเรยี นนี้ 1.1 พชื ประกอบด้วยสว่ นใดบา้ ง (ราก ลาตน้ ใบ ดอก และอาจมผี ล) 1.2 พืชมีกิจกรรมใดบ้างในขณะท่ีพืชดารงชีวิตอยู่ (สืบพันธุ์ หายใจ สร้าง อาหาร ขับถา่ ย เคลอื่ นไหว ตอบสนองตอ่ สง่ิ เร้า) 2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเรื่องหน้าท่ีส่วนต่าง ๆ ของพืช โดยแจกบัตรคา กิจกรรมต่าง ๆ ท่ีพืชทาเพื่อการดารงชีวิต จากนั้นให้นักเรียนนาบัตรคา กิจกรรมที่พืชทาติดให้ตรงกับส่วนต่าง ๆ ของพืช ครูตรวจสอบคาตอบของ นกั เรยี น โดยใช้คาถามในการอภปิ รายดังนี้ 2.1 พืชใช้ส่วนใดในการสืบพันธุ์ (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ดอก ใบ ลาตน้ ราก) 2.2 พืชใช้ส่วนใดในการหายใจ (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ใบ ลา ตน้ ราก) 2.3 พชื ใช้ส่วนใดในการสร้างอาหาร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ใบ ลาตน้ ) 2.4 พืชใช้ส่วนใดในการขับถ่าย (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ใบ ลา ตน้ ราก) 2.5 พืชใช้ส่วนใดในการตอบสนองต่อส่ิงเร้า (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ใบ ลาต้น) ครูยังไม่เฉลยคาตอบ หากพบว่านักเรียนมีความเข้าใจท่ีไม่ถูกต้องหรือ คลาดเคล่ือน ให้ครูบันทึกคาตอบเหล่านั้นไว้เพ่ือนากลับมาอภิปรายอีกครั้ง หลงั เรียนจบกิจกรรมในบทเรียนนี้ 3. ครูชักชวนนักเรียนศึกษาเร่ืองการทาหน้าที่ส่วนต่าง ๆ ของพืช โดยให้ นักเรียน อ่านช่ือหน่วย ช่ือบท และอ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ประจาบท ในหนังสือเรียนหน้า 77 จากน้ันครูใช้คาถามว่า เม่ือจบบทเรียนนักเรียนจะ สามารถทาอะไรได้บ้าง (สามารถบรรยายหน้าที่ของราก ลาต้น ใบ ดอก ของพืชดอกได้) 4. นกั เรียนอ่านช่ือบทและแนวคิดสาคัญ ในหนังสอื เรียนหน้า 78 และซักถาม ว่าในบทนี้นักเรียนจะได้เรียนเรื่องอะไรบ้าง (ในบทนี้จะได้เรียนเร่ืองหน้าท่ี สว่ นตา่ ง ๆ ของพืชดอก) 5. ครใู หน้ ักเรียนสังเกตรูป และอา่ นเน้ือเร่อื งในหนังสือเรยี น หน้า 78 โดยใช้วธิ ี อา่ นตามความเหมาะสม ครตู รวจสอบความเขา้ ใจจากการอ่านโดยใช้คาถาม ดังตอ่ ไปน้ี 5.1 ในรูปนาบทมีพืชอะไรบ้าง (หากนักเรียนตอบไม่ได้ ครูควรให้ข้อมูล เพ่ิมเติม ในรูปนี้มีพืชที่สังเกตได้ชัดเจน คือ ไฮเดรนเยีย กล้วยไม้ เฟิน ข้าหลวงหลงั ลาย) สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
171 คมู่ ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สงิ่ มชี ีวติ 5.2 พืชที่เห็นในรูปมีส่วนประกอบใดบ้าง (นักเรียนตอบตามสิ่งที่สังเกตได้ นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ คือ ไฮเดรนเยียและกล้วยไม้ มีลาต้น ใบ ดอก ส่วนเฟินมีลาต้นแต่ไม่มี คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว ดอก) คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง 5.3 นักเรียนคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป เฟินจะมีดอกหรือไม่ เพราะเหตุใด อดทน และรับฟังแนวความคิด (นักเรียนตอบตามประสบการณ์เดิม เช่น ไม่มีดอก เพราะเฟินเป็นพืช ของนกั เรยี น ไมม่ ีดอก) การเตรียมตวั ล่วงหน้าสาหรับครู 5.4 พืชท่ีเราไม่เห็นดอก เป็นพืชไม่มีดอกเสมอไปหรือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่ เพื่อจัดการเรียนร้ใู นครั้งถดั ไป เสมอไป เพราะพืชบางชนิดออกดอกเฉพาะช่วงเวลาหน่ึง ไม่ได้ออก ดอกตลอดทัง้ ปี หรอื บางชนิดใช้เวลาหลายปีจึงจะออกดอก) ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้เรียน เรื่องที่ 1 หน้าที่ส่วนต่าง ๆ ของพืชดอก 5.5 ดอกของพืชทาหน้าท่ีอะไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น โดยครูจัดเตรียมสื่อการสอนเพื่อใช้ในการ สืบพันธ)์ุ นาเข้าสู่บทเรียน เช่น ภาพเคลื่อนไหว หรือวีดิทัศน์ของต้นกาบหอยแครงที่กาลัง 6. ครูชักชวนนักเรียนทากิจกรรมสารวจความรู้ก่อนเรียน โดยซักถามถึงสิ่งที่ หุบใบจบั สัตว์ เชน่ แมลง มด เป็นอาหาร นกั เรยี นรู้เกย่ี วกบั หนา้ ทส่ี ว่ นตา่ ง ๆ ของพชื ดอก 7. นกั เรยี นทากิจกรรมสารวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม หนา้ 66 โดยอ่าน ชอื่ หนว่ ย ชื่อบท 8. นักเรียนอ่านคาถาม จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับ คาถามแต่ละข้อ จนแน่ใจวา่ นักเรยี นสามารถทาได้ด้วยตนเอง จึงให้นักเรียน ตอบคาถาม โดยคาตอบของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน และคาตอบอาจถูก หรอื ผดิ กไ็ ด้ 9. ครูสังเกตการตอบคาถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมีแนวคิด เกี่ยวกับหน้าที่ส่วนต่าง ๆ ของพืชดอก และอาหารของพืชอย่างไรบ้าง ครู อาจสุ่มให้นักเรียน 2–3 คน นาเสนอคาตอบของตนเอง โดยครูยังไม่ต้อง เฉลยคาตอบที่ถกู ตอ้ ง แต่จะให้นกั เรยี นย้อนกลบั มาตรวจคาตอบอกี ครงั้ หลัง เรียนจบบทนี้แล้ว ท้ังน้ีครูอาจบันทึกแนวคิดคลาดเคลื่อนหรือแนวคิดที่ น่าสนใจของนักเรียน แล้วนามาออกแบบการจัดการเรียนการสอนเพ่อื แก้ไข แนวคดิ คลาดเคล่อื นใหถ้ กู ตอ้ ง และตอ่ ยอดแนวคดิ ท่นี ่าสนใจของนกั เรยี น สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 สิ่งมีชวี ิต 172 แนวคาตอบในแบบบันทกึ กจิ กรรม การสารวจความรู้กอ่ นเรียน นกั เรยี นอาจตอบคาถามถกู หรือผดิ กไ็ ดข้ น้ึ อยกู่ บั ความรเู้ ดมิ ของนกั เรยี น แตเ่ มือ่ เรียนจบบทเรียนแลว้ ให้นกั เรียนกลบั มาตรวจสอบคาตอบอีกครงั้ และแกไ้ ขใหถ้ ูกต้อง ดังตัวอย่าง ดอก ใบ สบื พนั ธุ์ สรา้ งอาหารโดยการ สงั เคราะหด์ ้วยแสง ราก ดูดน้าและธาตอุ าหาร ลาต้น ชกู งิ่ ก้าน ใบ ดอก ผล น้าตาล ลาเลยี งน้า ธาตุอาหาร และอาหาร สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
173 คมู่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิง่ มชี วี ติ เรอื่ งที่ 1 หนา้ ท่ีส่วนตา่ ง ๆ ของพชื ดอก ในเร่ืองน้ีนักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับหน้าท่ีส่วน ส่ือการเรยี นรแู้ ละแหล่งเรยี นรู้ ต่าง ๆ ของพืชดอก ได้แก่รากมีหน้าท่ีดูดน้าและธาตุ อาหาร ส่งไปยังลาต้นจากนั้นลาต้นจะลาเลียงขึ้นไปยัง 1. หนังสอื เรียน ป.4 เลม่ 1 หนา้ 80–96 ส่วนอื่นๆ รวมถึงใบ ใบจะใช้น้าท่ีลาเลียงข้ึนมาจากราก 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.4 เลม่ 1 หนา้ 67–83 รวมทั้งแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ คลอโรฟิลล์ในใบ และ แ ส ง ม า ใ ช้ ใ น ก า ร สั ง เค ร า ะ ห์ ด้ ว ย แ ส ง ท า ใ ห้ ไ ด้ แ ก๊ ส ออกซิเจนและน้าตาลซึ่งเป็นอาหารของพืช ส่วนดอกของ พชื ทาหน้าท่ีในการสบื พนั ธุ์ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สังเกต และบรรยายลักษณะและหน้าท่ีของรากและ ลาต้นของพชื ดอก 2. สังเกตลกั ษณะของใบ และบรรยายหน้าท่ขี องใบ 3. สังเกตส่วนประกอบของดอก รวบรวมข้อมูลและ บรรยายหน้าท่ขี องส่วนต่าง ๆ ของดอก 4. อ ภิ ป ราย แ ล ะส รุป ก ารท าห น้ าท่ี ร่วม กั น ข อ ง สว่ นประกอบของดอก เวลา 7 ชั่วโมง วัสดุ อปุ กรณ์สาหรบั ทากิจกรรม มีดโกน ต้นเทียน น้าสีแดง แก้วน้า จานเพาะเช้ือ ไม้ขีดไฟ ปากคีบ ดินสอสี กระป๋องทราย แป้งมัน สาปะหลัง จานหลุม ท่ีจับหลอดทดลอง หลอดหยด บกี เกอร์ แป้งข้าวโพด แปง้ ฝุ่น สารละลายไอโอดีน เอ ทานอล ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์ หลอดทดลอง ใบพืช ชนิดต่าง ๆ ที่เป็นแผ่นบาง เช่น ใบชบา ใบผักบุ้ง ใบ หญ้า ดอกของพืชชนิดตา่ ง ๆ แว่นขยาย สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิ่งมชี ีวติ 174 แนวการจดั การเรียนรู้ (60 นาท)ี ขนั้ ตรวจสอบความรู้ (10 นาที) 1. ครูนาภาพเคล่ือนไหวหรือคลิปวีดิทัศน์ของตน้ กาบหอยแครงท่ีกาลังหุบ ในการตรวจสอบความรู้ ครู ใบจบั สัตว์ เช่น แมลง มด มาให้นักเรียนดู แล้วใช้คาถามเพ่อื ให้นักเรียน เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียนและ รว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกับหน้าท่ขี องใบพชื ดงั นี้ ยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวน 1.1 นักเรียนรู้จักส่ิงมีชีวิตในคลิปน้ีหรือไม่ (นักเรียนอาจรู้จักหรือไม่ ให้นักเรียนไปหาคาตอบด้วยตนเอง รู้จัก ครูเฉลยว่า ส่ิงมีชีวิตท่ีเห็นในคลิปคือพืช เรียกว่าต้นกาบ จากการอ่านเนอื้ เรอื่ ง หอยแครง) 1.2 แผน่ สเี ขยี วท่ีจับแมลงของต้นกาบหอยแครงคอื อะไร (นกั เรยี นตอบ นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ ตามความเขา้ ใจ) คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว 1.3 เพราะเหตุใดต้นกาบหอยแครงจึงต้องจับแมลง (นักเรียนตอบตาม คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด ความเข้าใจ) อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน แ ล ะ รับ ฟั งแ น ว ค วาม คิ ด ข อ ง 2. ครเู ชอ่ื มโยงเรื่องตน้ กาบหอยแครงสู่การเรียนเรอื่ งหน้าทส่ี ่วนตา่ ง ๆ ของ นกั เรยี น พืช โดยใช้คาถามวา่ นักเรียนอยากรู้หรือไม่ว่าส่วนที่ใช้จับแมลงของต้น กาบหอยแครงคือส่วนใด และเพราะเหตุใดต้นกาบหอยแครงจึงต้องจับ แมลง ขน้ั ฝึกทักษะจากการอา่ น (30 นาท)ี 3. นักเรียนอ่าน ช่ือเรื่องและคาถามคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียนหน้า 80 แล้วร่วมกันอภิปรายในกลุ่มเพื่อหาคาตอบตามความเข้าใจของกลุ่ม ครู บันทึกคาตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใช้เปรียบเทียบคาตอบ ภายหลงั การอา่ นเรอื่ ง 4. นักเรียนอ่านคาใน คาสาคัญ ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หาก นักเรียนอ่านไม่ได้ ครูควรสอนการอ่านให้ถูกต้อง และอาจให้นักเรียน อธิบายความหมายตามความเขา้ ใจ ครูชกั ชวนให้นักเรียนหาความหมาย ของคาสาคัญภายหลงั จากการอ่านเน้อื เรื่อง 5. นักเรียนอ่านเนื้อเร่ืองตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับความสามารถของ นกั เรยี น และรว่ มกันอภิปรายใจความสาคญั โดยใช้คาถามดังนี้ ย่อหน้าที่ 1 5.1 พชื แตกตา่ งจากสัตว์อย่างไร (พืชเคล่ือนท่ีไม่ได้แต่สัตว์ เคล่ือนท่ีได้ พืชสรา้ งอาหารเองได้ แตส่ ตั ว์สร้างอาหารไมไ่ ด)้ 5.2 สว่ นใดของพชื ทีม่ ีหนา้ ท่สี รา้ งอาหาร (ใบ) 5.3 ใบของพืชสร้างอาหารโดยใช้กระบวนการใด (การสังเคราะห์ด้วย แสง) 5.4 นอกจากใบแล้วส่วนอื่นๆ ของพืชมีหน้าท่ีอะไรบ้าง (รากมีหน้าท่ี ยึดลาต้นและดูดน้า ลาต้นมีหน้าที่ชูก่ิง ก้าน ใบ ดอกมีหน้าที่ สืบพนั ธุ์) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
175 คมู่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สิง่ มชี ีวติ 5.5 ถ้าพืชไม่มีราก ลาต้น ใบ ดอก พชื จะดารงชีวติ อยู่ได้หรอื ไม่ เพราะ การเตรียมตัวล่วงหน้าสาหรบั ครู อะไร (ไม่ได้ เพราะดูดนา้ ไม่ได้ สร้างอาหารไมไ่ ด้ สบื พันธุ์ไมไ่ ด)้ เพอ่ื จัดการเรียนรใู้ นครัง้ ถดั ไป 5.6 นักเรียนคิดว่าราก ลาต้น ใบ ดอก ทาหน้าท่ีอะไรเพื่อให้พืช ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะได้ทา ดารงชวี ิตอย่ไู ด้ (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจ) กิจกรรมที่1.1 รากและลาต้นของพืช ดอกทาหน้าที่อะไร โดยการสังเกตการ ย่อหนา้ ท่ี 2 เคลื่อนท่ีของน้าสีแดงในตน้ เทียน ครูควร 5.7 ถ้าต้นกาบหอยแครงเจริญเติบโตอยู่ในบริเวณท่ีขาดแคลนธาตุ เตรียมสื่อสาหรับจัดการเรียนการสอน ดังน้ี อาหารต้นกาบหอยแครงจะดารงชีวิตอยู่ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (ดารงชีวิตอยู่ได้ เพราะต้นกาบหอยแครงมีใบที่ใช้จับแมลงมาย่อย 1. ภาพพืชทั้งต้นมีราก ลาต้น สลายและอาศัยธาตอุ าหารจากตวั แมลงนน้ั ได้) ใบ 5.8 ธาตุอาหารของพืชคืออะไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ครูควร ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า ธาตุอาหารพืช คือ ธาตุที่อยู่ในดิน เช่น 2. ภาพพืชท่ีไม่มีราก แต่มีลา ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ซึ่งมีประโยชน์ทาให้พืช ต้น และใบ เจรญิ เติบโตไดอ้ ย่างปกตไิ ม่เป็นโรค) 5.9 ตน้ กาบหอยแครงมีใบหรือไม่ (มี) 3. ต้นเทียนขนาดเส้นผ่าน 5.10 ใบของต้นกาบหอยแครงมีลักษณะอย่างไร (มีแผ่นใบ 2 แผ่น ที่ ศู น ย์ก ล างป ระม าณ 1 ขอบใบมีเสน้ คล้ายหวี แผ่นใบทั้งสอง สามารถประกบกันได)้ เซนติเมตร ล้างรากต้น 5.11รู้หรอื ยังวา่ ต้นกาบหอยแครงใช้ส่วนใดในการจับแมลง (ใบ) เ ที ย น แ ล ะ ผ่ึ ง ล ม ไ ว้ 5.12รู้หรือยังว่าเพราะเหตุใดต้นกาบหอยแครงต้องจับแมลง (เพราะ ประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อน ตอ้ งการธาตุอาหารมาใชใ้ นการเจริญเตบิ โต ให้เป็นไปอยา่ งปกติ) เรียน 5.13ใบของต้นกาบหอยแครงสร้างอาหารได้หรือไม่ เพราะเหตุใด(ได้ เพราะมีสีเขยี ว) ขั้นสรุปจากการอ่าน (20 นาที) 6. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายเพื่อให้ไดข้ ้อสรุปวา่ สว่ นต่าง ๆ ของพชื มี หน้าท่ีแตกต่างกัน โดยรากมีหน้าท่ีดูดน้า ลาต้น มีหน้าที่ชูกิ่ง ก้าน ใบ ใบทาหนา้ ทีส่ ร้างอาหารโดยการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 7. นักเรียนตอบคาถามจากเรื่องที่อา่ นใน รู้หรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 67 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคาตอบของนักเรียนใน รหู้ รือยงั กับคาตอบท่ีเคยตอบในคดิ ก่อนอ่านซ่งึ ครูบนั ทึกไวบ้ นกระดาน 9. ครูชักชวนนักเรียนลองตอบคาถามท้ายเรื่องที่อ่านว่าอาหารที่พืชสร้าง ขึ้นคืออะไร โดยครูบันทึกคาตอบของนักเรียนบนกระดานและชักชวน ให้นกั เรียนหาคาตอบจากการทากิจกรรม สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู ือครูรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สิง่ มีชวี ิต 176 แนวคาตอบในแบบบันทึกกจิ กรรม ส่วนต่าง ๆ ของพืชดอก ประกอบด้วย ราก ลาต้น ใบ และดอก โดยรากมีหน้าที่ ยึดลาต้นและดูดน้า ลาต้นมีหน้าที่ชูก่ิง ก้าน ใบ ใบมีหน้าที่สร้างอาหารด้วยการ สังเคราะหด์ ว้ ยแสง ดอกมีหน้าท่ีสืบพนั ธุ์ เพราะส่วนใหญ่ต้นกาบหอยแครงจะอาศัยอยู่ในบริเวณท่ีดินขาดธาตุอาหารซึ่ง จาเป็นต่อการเจริญเติบโต ทาให้ต้นกาบหอยแครงต้องหาธาตุอาหารจากแหล่ง อ่ืน ซึง่ ไดจ้ ากการยอ่ ยสลายสตั วท์ ด่ี กั จับไดโ้ ดยการหุบใบเข้าหากนั ได้ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
177 คู่มือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สงิ่ มชี ีวติ กจิ กรรมที่ 1.1 รากและลาต้นของ พืชทาหน้าทีอ่ ะไร กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้สังเกตต้นเทียนและการ เคลื่อนท่ขี องน้าสเี ขา้ สู่ต้นเทียน เพ่อื บรรยายลักษณะและ หนา้ ทข่ี องรากและลาต้นของพืชดอก เวลา 2 ชว่ั โมง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ สังเกต บรรยายลกั ษณะและหน้าที่ของรากและลาต้น ของพืชดอก วัสดุ อปุ กรณ์สาหรับทากจิ กรรม สงิ่ ท่ีครตู อ้ งเตรยี ม/กล่มุ 1. มดี โกน 1 เล่ม 2. แวน่ ขยาย 1-2 อัน สื่อการเรียนรแู้ ละแหล่งเรียนรู้ 3. ตน้ เทียน 1 ตน้ 1. หนงั สอื เรยี น ป.4 เล่ม 1 หนา้ 82-82 4. ดินสอสี 1 กลอ่ ง 2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.4 เล่ม 1 หนา้ 68-73 5. นา้ สแี ดง 150 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร 3. ตัวอยา่ งวีดทิ ัศนป์ ฏิบัตกิ ารวทิ ยาศาสตร์เรอื่ งรากและ 6. แก้วน้าหรือภาชนะใส 1 ใบ ลาตน้ ของพชื ทาหนา้ ที่อะไรบา้ ง ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ http://ipst.me/8052 S1 การสังเกต S6 การจดั กระทาและสอ่ื ความหมายขอ้ มลู S8 การลงความเห็นจากขอ้ มลู ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C4 การสอื่ สาร C5 ความร่วมมอื สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สิง่ มีชีวติ 178 แนวการจดั การเรยี นรู้ ในการตรวจสอบความรู้ ครู เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับลักษณะและหน้าท่ีรากและลาต้นของพืช เป็ น สาคัญ และยังไม่ เฉลย โดยให้นักเรียนสังเกตภาพพืช 2 ภาพ ภาพท่ี 1 เป็นภาพพืชที่มีราก ลาต้น คาตอบใด ๆ ให้กับนักเรียน แต่ และใบ ส่วนภาพท่ี 2 เป็นภาพพืชท่ีมีลาต้น มีใบ แต่ไม่มีราก จากนั้นให้ ชักชวนนักเรียน ไปหาคาตอบที่ นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายโดยใชค้ าถามดงั น้ี ถูกต้องจากกิจกรรมต่าง ๆ ใน 1.1 พืชท้ัง 2 ภาพนี้มีสิ่งใดเหมือนกัน และมีส่ิงใดแตกต่างกันบ้าง (มีลาต้น บทเรยี นน้ี และใบเหมือนกัน แตต่ น้ หนึง่ มรี าก อีกตน้ ไม่มีราก) 1.2 พืชทั้ง 2 ภาพน้ีต้นใดสามารถดารงชีวิตได้นานกว่า เพราะเหตุใด ข้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ) 1.3 รากทาหน้าทอี่ ะไร (ดดู น้า) 1. ในกรณีที่ไม่มีต้นเทียนสามารถใช้ 1.4 ถ้าตัดลาต้นของพืชออกไป พืชจะดารงชีวิตอยู่ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ต้นผักกาดขาวหรือข้ึนฉ่ายฝร่ังที่มี (นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจ) รากแทนได้ 1.5 ลาต้นทาหน้าที่อะไร (ชกู ิ่ง ก้าน ใบ) 2. เลื อ ก ต้ น เที ย น ท่ี มี เส้ น ผ่ า น 2. ครูใช้คาถามเพื่อเชื่อมโยงความรู้เดิมของนักเรียนเข้าสู่กิจกรรมท่ี 1.1 โดย ศนู ย์กลางประมาณ 1 เซนตเิ มตร ถามนักเรียนว่ารากดูดน้าได้อย่างไร และนอกจากลาตน้ จะทาหน้าท่ีการชูกิ่ง กา้ น ใบ แล้วยงั ทาหน้าทีอ่ ะไรไดอ้ กี 3. ค ว ร งด น้ าต้ น เที ย น ก่ อ น ท า กิจกรรมประมาณ 1 วัน เพ่ือให้ 3. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และ ทาเป็นคิดเป็น โดยร่วมกันอภิปรายเพื่อ ต้นเทียนต้องการน้า ทาให้ใช้เวลา ตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ในการดดู น้าเร็วข้นึ ดงั นี้ 3.1 กิจกรรมนน้ี ักเรยี นจะได้เรียนเรอ่ื งอะไร (หนา้ ท่ีของรากและลาตน้ ) 4. เตรยี มน้าสีแดงโดยใชน้ า้ เปลา่ ผสม 3.2 นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นรูเ้ รอ่ื งนด้ี ว้ ยวธิ ใี ด (การสังเกต) กั บ สี ผ ส ม อ า ห า ร สี แ ด ง ใน 3.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (บรรยายลักษณะและหน้าท่ีของ อัตราสว่ น 10:0.5 รากและลาตน้ ของพชื ) 4. นกั เรยี นบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 68 และ อา่ นส่ิงที่ ตอ้ งใช้ ในการทากจิ กรรม และครูนามาแสดงให้นกั เรยี นดทู ลี ะอยา่ ง 5. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ทีละข้อ โดยฝึกอ่านตามความเหมาะสม จากน้ัน รว่ มกันอภิปรายเพือ่ สรปุ ลาดบั ขั้นตอนการทากจิ กรรม โดยใช้คาถามต่อไปนี้ ครอู าจชว่ ยเขียนสรปุ เป็นข้นั ตอนส้ันๆ บนกระดาน 5.1 พชื ท่ใี ช้ในกจิ กรรมนี้คอื ต้นอะไร (เทียนหรอื เทยี นบา้ น) 5.2 นักเรียนเตรียมต้นเทียนอย่างไร และต้องสังเกตอะไรบ้าง (ล้างรากต้น เทยี นใหส้ ะอาด และสังเกตลักษณะของรากและลาตน้ ) 5.3 นักเรียนบันทึกผลการสังเกตลักษณะของรากและลาต้น ด้วยวิธีใด (วาดภาพระบายสี) 5.4 นักเรียนต้องคาดคะเนเกี่ยวกับเรื่องอะไร (คาดคะเนว่าจะเกิดอะไรข้ึน เม่ือแช่รากและลาตน้ ของต้นเทยี นในนา้ สีแดง) 5.5 นักเรียนต้องแช่ต้นเทียนในน้าสีแดงเป็นเวลานานเท่าไร และระหว่างที่ แช่ต้นเทียนในน้าสีแดงนักเรียนต้องทาอะไร (แช่ต้นเทียนในน้าสีแดง สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
179 คมู่ ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สิ่งมีชวี ิต นาน 1 ช่ัวโมง และต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงของต้นเทียนเมื่อแช่ใน นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ นา้ สแี ดงนาน 30 นาที และ 1 ชวั่ โมง) คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว 5.6 เม่ือครบ 1 ช่ัวโมงนักเรียนต้องทาอะไร (นาต้นเทียนขึ้นจากน้าสีแดง คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน ตัดรากและลาต้นของต้นเทียนตามยาวและตามขวาง สังเกตลักษณะ คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง ภายในของรากและลาตน้ ดว้ ยแวน่ ขยาย บนั ทกึ ผล) อดทน และรับฟังแนวความคิด 5.7 การตัดรากและลาต้นตามยาวและตามขวางมีวิธีการอย่างไร (นักเรียน ของนกั เรยี น ตอบตามความเข้าใจ โดยครูอาจสาธิตวิธีการตัดเน้ือเยื่อ และกาชับให้ ใชใ้ บมีดโกนอยา่ งระมดั ระวัง) 5.8 เม่ือทากิจกรรมเสร็จแล้ว นักเรียนต้องอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องอะไร (อภปิ รายเกยี่ วกบั ลักษณะ และหน้าที่ของรากและลาตน้ ของพชื ) 6. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว ครูแจกอุปกรณ์ให้ นกั เรยี น และนกั เรยี นจะไดป้ ฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอน ดงั น้ี 6.1 สังเกตลักษณะภายนอกของรากและลาต้นของต้นเทียน บันทึกผล (S1) 6.2 คาดคะเนการเปล่ียนแปลงของต้นเทยี นเมือ่ นาไปแช่ในน้าสแี ดง 6.3 แช่ต้นเทียนในน้าสีแดง และสังเกตการเปลี่ยนแปลงของต้นเทียนท่ี เวลา 30 นาที และ 1 ช่ัวโมง (S1) 6.4 ตัดรากและลาต้นของต้นเทียนตามยาวและตามขวาง สังเกตลักษณะ ภายในของรากและลาต้น (S1) โดยครูกาชับให้ใช้ใบมีดโกนด้วยความ ระมดั ระวัง 6.5 วาดภาพลกั ษณะภายในของรากและลาต้น (S6) 6.6 อภิปรายหน้าที่ของรากพืชจากข้อมูลการสังเกตตน้ เทียน และนาเสนอ (C4, C5) 6.7 รว่ มกนั ลงความเหน็ เกยี่ วกับหน้าทขี่ องราก (S8) 7. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ดงั ตอ่ ไปนี้ 7.1 ก่อนนาต้นเทียนแชใ่ นน้าสีแดง รากและลาตน้ มีลักษณะอยา่ งไร (รากมี สีขาว ประกอบด้วยเส้นจานวนมาก ส่วนลาต้นมีลักษณะเป็น ทรงกระบอกตรงสีเขียวใส) 7.2 เม่ือนาต้นเทียนไปแช่น้าสีแดง เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร (น้าสีแดง เคลื่อนที่เข้าสู่ต้นเทียนผ่านทางราก เคลื่อนท่ีต่อไปท่ีลาต้น และ ลาเลยี งข้ึนไปจนถึงใบและดอก ซึง่ จะเหน็ เป็นเส้นสแี ดงยาวตดิ ต่อกัน) 7.3 การเปลี่ยนแปลงของต้นเทียนหลังจากแช่น้าสีแดงเป็นไปตามที่ คาดคะเนหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามการคาดคะเนและผลจาก การสังเกต เช่น เป็นไปตามท่ีคาดคะเน คือเม่ือแช่ต้นเทียนในน้าสีแดง น้าสีแดงจะเคลี่อนท่ีเข้าสู่รากและเคล่ือนท่ีจากรากผ่านลาต้นข้ึนไปยัง สว่ นอนื่ ๆ ของต้นเทียน) สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ ือครรู ายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิง่ มีชวี ติ 180 7.4 เมอ่ื ตดั รากและลาต้นตามขวาง นกั เรียนสงั เกตเห็นอะไร (สังเกตเห็นวา่ การเตรียมตัวล่วงหน้าสาหรบั ครู รากมีส่วนที่ติดสีแดงเป็นกลุ่มอยู่บริเวณส่วนกลางของราก ส่วนลาต้น เพื่อจดั การเรียนร้ใู นคร้ังถดั ไป จะมีส่วนทตี่ ดิ สีแดงเขม้ เปน็ กลมุ่ ๆ เรยี งเปน็ วงรอบลาตน้ ) ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะได้ทา 7.5 เม่ือตัดรากและลาต้นตามยาว นักเรียนสังเกตเห็นอะไร (สังเกตเห็นว่า กิจกรรม 1.2 ใบของพืชทาหน้าท่ีอะไร รากมีส่วนท่ีติดสีแดงเป็นเส้นยาวข้ึนไปจนถึงลาต้น ส่วนลาต้นมีส่วนท่ี โดยครูเตรียมสื่อเพ่ือจัดการเรียนการสอน ติดสีแดงเป็นเส้นยาวตลอดความยาวของลาต้น และมีส่วนที่แยกเข้าสู่ ดงั นี้ ก่ิงและใบ) 1. เตรียมใบพืช 3 ชนิด ท่ีมีรูปร่าง 7.6 สแี ดงท่ีตดิ เป็นเสน้ ยาวในรากและลาต้นคืออะไร (นา้ สีแดง) แตกต่างกันให้เพียงพอต่อการใช้ทา 7.7 น้าสีแดงนา่ จะแทนสงิ่ ใดในดิน (นา้ และธาตุอาหารในดิน) กิจกรรมของนักเรียนทุกกลุ่ม โดย 7.8 สรุปได้ว่ารากและลาต้นทาหน้าท่ีอะไร (รากทาหน้าท่ีดูดน้าและธาตุ ใบพืชต้องได้รับแสงอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเด็ดมาทากิจกรรม อาหารจากดิน ส่วนลาต้นทาหน้าที่ลาเลียงน้าและธาตุอาหาร ไปยัง สว่ นตา่ ง ๆ ของพืช) 2. เตรียมตรวจเช็คอุปกรณ์สาหรับต้ม 7.9 พืชมีทิศทางในการลาเลียงน้าและธาตุอาหารไปในทิศทางใด (การ และสกัดคลอโรฟิลล์ออกจากใบพืช ลาเลยี งนา้ และธาตุอาหารมที ิศทางจากด้านลา่ งขึน้ สู่ด้านบน) ให้ใช้งานได้และเพียงพอต่อการทา 8. ครูสามารถแนะนาให้นักเรียนใช้แอฟลิเคชันสาหรับการสังเกตภาพเสมือน กจิ กรรม จรงิ (AR) การดูดและลาเลียงน้าสีแดงของต้นเทยี นในหนังสือเรียน หน้า 83 9. ครูอาจให้ข้อมูลเพ่ิมเติมว่า รากพืชจะมีขนเส้นเล็ก ๆ อยู่บริเวณท่ีถดั ขนึ้ มา จากปลายราก เรียกว่า ขนราก ซ่ึงเป็นการเพ่ิมพื้นที่ในการสัมผัสกับดิน และน้าในดิน ทาให้พืชดูดน้าเข้าสู่รากได้มากขึ้น และส่วนที่ติดสีแดงใน รากและลาต้น คือ ท่อลาเลียงน้าหรือไซเล็ม (xylem) ซึ่งเป็นกลุ่มเซลล์ที่ เรียงต่อกนั เปน็ ทอ่ จากรากไปส่สู ่วนอ่นื ๆ ทว่ั ลาต้น 10. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายและลงข้อสรุปวา่ รากของพืชมหี น้าทดี่ ูดนา้ และธาตุอาหาร และลาเลียงไปยังลาต้น ลาต้นของพืชมีหน้าท่ีลาเลียงน้า และธาตอุ าหารขนึ้ ไปยงั สว่ นอ่ืน ๆ ของพืช (S13) 11. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้คาถาม เพ่มิ เติมในการอภปิ รายเพ่ือใหไ้ ดแ้ นวคาตอบท่ีถูกตอ้ ง 12. นักเรียนสรุปสิ่งท่ีไดเ้ รียนรู้ในกิจกรรมน้ี จากน้ันครูให้นักเรียนอ่าน สิ่งที่ได้ เรยี นรู้ และเปรยี บเทยี บกบั ข้อสรปุ ของตนเอง 13. ครูกระตุ้นใหน้ กั เรียนฝกึ ตง้ั คาถามเกีย่ วกบั เรอ่ื งทีส่ งสยั หรอื อยากรูเ้ พ่มิ เติม ใน อยากรอู้ กี วา่ จากนั้นครอู าจส่มุ นักเรียน 2 -3 คน นาเสนอคาถามของ ตนเองหนา้ ชัน้ เรยี น และใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภิปรายเกีย่ วกบั คาถามที่ นาเสนอ 14. ครูนาอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างในข้ันตอนใด แล้วให้ บันทกึ ในแบบบันทกึ กจิ กรรมหนา้ 72 15. ครูอาจชักชวนนักเรียนร่วมกันอภิปรายคาถาม ชวนคิด ในหนังสือเรียน หนา้ 84 โดยใหน้ กั เรยี นไปสบื คน้ ขอ้ มูลจากแหลง่ ตา่ ง ๆ เพอื่ หาคาตอบ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
181 คูม่ อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่งิ มชี ีวติ แนวคาตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม สงั เกต บรรยายลักษณะและหนา้ ทขี่ องรากและลาต้นของพชื ดอก รากสีขาว เป็นเสน้ ยาว มีจานวนมาก ท่ีโคนมขี นาดใหญ่กว่าสว่ นปลาย เป็นสีแดง ลาต้นกลม ตรง สีเขยี ว มีก่ิง เหน็ เป็นเสน้ สแี ดงตามแนวยาวของ ลาต้น สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิ่งมชี ีวติ 182 นา้ สีเข้าสู่รากพชื เห็นรากและลาตน้ น้าสีเข้าสู่รากพชื เหน็ รากและลาตน้ มีเสน้ สีแดงอยู่ภายในประมาณคร่งึ ต้น มีเสน้ สีแดงอยู่ภายใน และเหน็ เสน้ ใบ เป็นสแี ดง มีเสน้ สีแดงอยู่บรเิ วณกลาง มีสีแดงติดเป็นกล่มุ อยบู่ รเิ วณ ราก กลางราก มีเสน้ สีแดงอย่บู ริเวณขอบของ มีสีแดงติดอยู่เปน็ กลุ่มๆ เรยี ง ลาต้น เป็นวงรอบลาตน้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
183 คู่มือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สิ่งมีชีวติ แตกต่างกนั รากมสี ีขาว ลกั ษณะเป็นเสน้ ที่โคนจะกวา้ งกว่าส่วนปลาย แตล่ าต้น มีสเี ขยี ว ลกั ษณะกลมยาว นกั เรยี นตอบตามการคาดคะเนและผลจากการสังเกต เช่น เปน็ ไปตามทคี่ าดคะเน คือเมอ่ื แชต่ น้ เทยี นในนา้ สแี ดง น้าสีแดงจะเคลี่อนทเี่ ขา้ สู่รากและเคลอ่ื นที่จากราก ผา่ นลาต้นข้นึ ไปยงั สว่ นอื่น ๆ แตกต่างกัน เพราะเมื่อแช่น้าสแี ดง 1 ชว่ั โมง จะเหน็ วา่ เส้นสีแดงในลาตน้ เพ่มิ มากขนึ้ และไล่สูงขนึ้ จนถงึ ใบ น้า และธาตอุ าหาร เพราะรากดูดนา้ สแี ดงเขา้ ภายใน และลาเลียงต่อไปยังลาตน้ และลาตน้ ลาเลียงขนึ้ ไป ยังสว่ นต่าง ๆ จงึ เห็นว่าภายในรากและลาตน้ มีเส้นสแี ดง ภายในรากและลาต้นจะมีทอ่ ลาเลยี งน้า ซึง่ เปน็ ท่อยาวจากรากไปสสู่ ว่ นต่าง ๆ ของ พืช ซ่ึงเป็นทางผ่านของน้าสแี ดงขน้ึ ไปยงั สว่ นต่าง ๆ ของตน้ เทยี น สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สิ่งมีชวี ติ 184 รากของพชื มหี นา้ ท่ีดดู น้าและธาตอุ าหาร และลาเลยี งไปยงั ลาต้น ลาต้นของพชื มี หนา้ ท่ลี าเลยี งน้าและธาตุอาหารขน้ึ ไปยังสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื รูไ้ ด้จากการสังเกตการ เคล่ือนที่ของนา้ สีแดงจากรากผา่ นลาตน้ ไปสใู่ บ รากของพืชมสี ีขาว ส่วนลาต้นมีสเี ขียว เม่อื นาไปแชน่ ้าสแี ดง จะเหน็ วา่ รากและลาตน้ มีเสน้ สีแดงอยภู่ ายในยาวตัง้ แต่รากขน้ึ ไปจนถึงใบ รากของพืชมหี น้าท่ดี ดู นา้ และธาตุอาหาร และลาเลยี งไปยังลาตน้ ลาตน้ ของพชื มี หน้าทล่ี าเลยี งนา้ และธาตอุ าหารขน้ึ ไปยงั ส่วนตา่ งๆ ของพชื สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
185 คูม่ อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่ิงมชี วี ติ คาถามของนักเรยี นท่ีตง้ั ตามความอยากรู้ของตนเอง สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู อื ครูรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่งิ มชี ีวิต 186 ได้ เพราะการลาเลียงนา้ และธาตุอาหารของพืชไม่ไดข้ น้ึ อย่กู บั แรงดงึ ดดู ของโลก แต่ ข้นึ อยกู่ บั การคายนา้ ของพชื ซงึ่ ส่วนใหญเ่ กิดขน้ึ ท่ใี บ ทาใหเ้ มือ่ น้าออกจากใบ พชื จงึ ดูดนา้ ขึ้นมาทดแทนจากรากในทศิ ทางจากรากไปยังใบ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
187 คมู่ อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มชี วี ติ แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมนิ การเรยี นรู้ของนกั เรยี นทาได้ ดังน้ี 1. ประเมินความรูเ้ ดิมจากการอภิปรายในช้นั เรียน 2. ประเมนิ การเรียนรู้จากคาตอบของนกั เรยี นระหว่างการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กิจกรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทากิจกรรมของนกั เรียน การประเมินจากการทากิจกรรมที่ 1.1 รากและลาต้นของพชื ทาหน้าท่อี ะไร ระดบั คะแนน 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ 3 คะแนน หมายถงึ ดี รหัส สิ่งที่ประเมิน คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสังเกต S6 การจดั กระทาและสอ่ื ความหมายข้อมลู S8 การลงความเหน็ จากขอ้ มลู ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 C4 การสื่อสาร C5 ความร่วมมือ รวมคะแนน สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ อื ครรู ายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สง่ิ มีชีวิต 188 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรต์ ามระดบั ความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมิน ดังน้ี ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1) ทางวทิ ยาศาสตร์ พอใช้ (2) S1 การสังเกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสัมผัสเก็บ ไม่สามารถใช้ประสาท ร า ย ล ะ เ อี ย ด เก็ บ ร า ย ล ะ เอี ย ด แ ล ะ รายละเอียด และบรรยาย สัมผัสเก็บรายละเอียด เกี่ยวกับลักษณะ บรรยายเกี่ยวกับลักษณะ เก่ียวกับลักษณะของรากและ และบรรยายเก่ียวกับ รากและลาต้นของ ของรากและลาต้นของพืช ลาต้นของพืชดอกก่อนและ ลักษณะของรากและลา พืชดอกก่อนและ ดอกก่อนและหลังแช่น้าสี หลังแช่น้าสีแดง จากการ ต้นของพชื ดอกก่อนและ หลงั แชน่ ้าสแี ดง แดงได้ด้วยตนเอง โดยไม่ ช้ีแนะของครูหรือผู้อ่ืน หรือมี หลังแช่น้าสีแดง แม้ว่า เพม่ิ เติมความคดิ เหน็ การเพม่ิ เติมความคดิ เห็น จะได้รับคาชี้แนะจากครู หรือผู้อ่นื S6 ก ารจั ด ก ระ ท า นาข้อมูลที่ได้จาก สามารถนาเสนอข้อมูลท่ีได้ สามารถนาเสนอข้อมูลท่ีได้ ไม่ ส าม ารถ น าเส น อ และสื่อความหมาย การสังเกตและการ จากการสังเกตและการ จาก ก ารสั งเก ต แ ล ะก าร ข้ อ มู ล ท่ี ได้ จ า ก ก า ร ข้อมูล รวบรวมเก่ียวกับลักษณะ รวบรวมเกยี่ วกับลักษณะของ สังเกตและการรวบรวม รวบรวมเกี่ยวกับ ของรากและลาต้นของพืช รากและลาต้นของพืชก่อน เก่ี ย ว กั บ ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ลักษณ ะของราก ก่อนและหลังแช่น้าสีแดง และหลังแช่น้าสีแดงมาจัด รากและลาต้นของพืช และลาต้นของพืช มาจัดกระทาโดยการเขียน ก ร ะ ท า โ ด ย ก า ร เขี ย น ก่ อ น แ ล ะ ห ลั ง แ ช่ น้ า สี ก่อนและหลงั แชน่ า้ แ ผ น ภ า พ แ ล ะ ส่ื อ แผนภาพ และสือ่ ความหมาย แดง และไม่สามารถมา สีแดงมาจัดกระทา ความหมายหน้าท่ีของราก หน้าที่ของรากและลาต้นให้ จัดกระทาโดยการเขียน โ ด ย ก า ร เขี ย น และลาต้นให้ผู้อ่ืนเข้าใจได้ ผู้อ่ืนเข้าใจได้อย่างถูกต้อง แผ น ภ าพ ร่วม ท้ั งไม่ แผนภาพ และส่ือ อย่างถูกต้อง และชัดเจน รวดเร็ว และชัดเจน จากการ สามารถสื่อความหมาย ใ ห้ ผู้ อ่ื น เ ข้ า ใ จ ได้ด้วยตนเอง ชีแ้ นะของครูหรือผูอ้ ่นื หน้าที่ของรากและลา หน้าท่ีของรากและ ต้ น ให้ ผู้ อื่ น เข้ าใจ ได้ ลาตน้ ของพชื ดอก แม้ว่าจะได้รับคาชี้แนะ จากครหู รอื ผู้อ่นื S8 การลงความเห็น ลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก ไม่สามารถลงความเห็น จากข้อมลู ข้อมูลได้ว่ารากทา ข้อมูลได้ว่ารากทาหน้าท่ี ข้อมูลได้ว่ารากทาหน้าที่ดูด จากข้อมูลได้ว่ารากทา หน้าท่ีดูดน้า และ ดูดน้า และลาต้นมีหน้าที่ น้ า แ ล ะ ล า ต้ น มี ห น้ า ที่ หน้าที่ดูดน้า และลาต้น ล า ต้ น มี ห น้ า ที่ ลาเลียงน้าจากการสังเกต ลาเลียงน้าจากการสังเกต มีหน้าท่ีลาเลียงน้าจาก ลาเลียงน้าจากการ การเคล่ือนท่ีของน้าสีใน การเคล่ือนท่ีของน้าสีในราก การสังเกตการเคล่ือนท่ี สงั เกตการเคลื่อนที่ รากและลาต้น ได้อย่าง และลาต้นได้อย่างถูกต้อง ของน้าสีในรากและลา ข อ งน้ าสี ใน ราก ถูกต้องและชัดเจน ได้ด้วย และชัดเจน จากการชี้แนะ ต้น แม้ว่าจะได้รับคา และลาตน้ ตนเอง ของครูหรือผู้อืน่ ช้ีแนะจากครูหรือผ้อู ืน่ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
189 ค่มู อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่ิงมชี ีวติ ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ กั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรียน โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมิน ดงั นี้ ทกั ษะแห่ง รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ศตวรรษที่ 21 C4 การสอ่ื สาร ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1) C5 ความรว่ มมือ นาเสนอข้อมลู จาก สามารถนาเสนอข้อมูล สามารถนาเสนอขอ้ มูลจาก ไม่สามารถนาเสนอข้อมูล การสงั เกตและ จากการสังเกตและ การสังเกตและอภปิ ราย จ า ก ก า ร สั ง เก ต แ ล ะ อภปิ รายเกีย่ วกับ อภปิ รายเกี่ยวกับหนา้ ท่ี เกยี่ วกบั หน้าที่ของรากและลา อภิปรายเก่ียวกับหน้าท่ี หนา้ ทข่ี องรากและ ของรากและลาต้นของพชื ต้นของพืชดอกในรปู แบบ ของรากและลาต้นของ ลาตน้ ของพชื ดอก ดอกในรปู แบบแผนภาพ แผนภาพหรือรปู แบบอ่นื ๆ พื ช ด อ ก ใ น รู ป แ บ บ ในรูปแบบแผนภาพ หรือรปู แบบอืน่ ๆ ให้ผ้อู น่ื ให้ผอู้ ื่นเข้าใจได้อย่างถูกต้อง แผนภาพหรือรูปแบบอ่ืน หรอื รปู แบบอน่ื ๆ เขา้ ใจได้อยา่ งถูกตอ้ ง ได้ จากการช้ีแนะของครูหรอื ผูอ้ ืน่ ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจ แม้ว่าจะ ใหผ้ อู้ ่ืนเขา้ ใจ ด้วยตนเอง ไ ด้ รั บ ค า ช้ี แ น ะ จ า ก ค รู หรือผู้อ่ืน ทางานร่วมกับผู้อื่น สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานร่วมกับผู้อื่นใน ไม่สามารถทางานร่วมกับ ในการสังเกต การ ผู้อื่นในการสังเกต การ การสังเกต การนาเสนอ และ ผู้อื่นได้ตลอดเวลาที่ทา นาเสนอ และการ นาเสนอ และการแสดง การแสดงความคิดเห็นเพื่อ กจิ กรรม แสดงความคิดเห็น ความคิดเห็นเพื่อบรรยาย บรรยายลักษณะและหน้าท่ี เ พ่ื อ บ ร ร ย า ย ลักษณะและหน้าท่ีของ ของรากและลาต้นของพืช ลักษณะและหน้าท่ี รากและลาต้นของพชื ดอก ดอก รวมท้ังยอมรับความ ของรากและลาต้น ร ว ม ท้ั งย อ ม รั บ ค ว า ม คิดเห็นของผู้อ่ืน บางช่วงเวลา ของพืชดอก รวมท้ัง คิดเห็ น ของผู้อื่น ตั้งแต่ ทท่ี ากจิ กรรม ย อ ม รั บ ค ว า ม เรม่ิ ตน้ จนสาเรจ็ คิดเหน็ ของผอู้ ื่น สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 ส่ิงมชี วี ติ 190 กจิ กรรมที่ 1.2 ใบของพืชทาหนา้ ท่ีอะไร กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้สังเกตใบพืช และการ เปล่ียนแปลงของสารละลายไอโอดีนเม่ือหยดลงบนใบพืชที่ สกัดคลอโรฟิลล์ออกแล้ว เพื่อบรรยายหน้าทีข่ องใบ เวลา 2 ช่ัวโมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สงั เกตลกั ษณะของใบ และบรรยายหนา้ ท่ีของใบ วสั ดุ อปุ กรณ์สาหรบั ทากจิ กรรม สง่ิ ทคี่ รูตอ้ งเตรยี ม/กลุ่ม สงิ่ ทค่ี รูต้องเตรยี ม/ห้อง 1. ไม้ขดี ไฟ 1 กลกั 2. สารละลายไอโอดีน 1 ขวด 3. เอทานอล 1 ขวด สงิ่ ทีค่ รูต้องเตรียม/กล่มุ 1. จานเพาะเช้ือ 3 ใบ 2. ปากคบี 1 อัน ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ดินสอสี 1 กล่อง 4. กระปอ๋ งทราย 1 ใบ S1 การสงั เกต S6 การจดั กระทาและสือ่ ความหมายขอ้ มูล 5. แปง้ มนั สาปะหลงั 1 ช้อนเบอร์ 1 S8 การลงความเห็นจากขอ้ มลู S13 การตีความหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ 6. แป้งข้าวโพด 1 ช้อนเบอร์ 1 7. แปง้ ฝุ่น 1 ช้อนเบอร์ 1 8. จานหลมุ 1 ใบ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 9. ทีจ่ บั หลอดทดลอง 1 อัน 10. หลอดหยด 1 หลอด C4 การสอื่ สาร C5 ความรว่ มมอื 11. บีกเกอรข์ นาด 250 cm3 1 ใบ C6 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ 12. ชุดตะเกยี งแอลกอฮอล์ 1 ชุด 13. หลอดทดลองขนาดใหญ่ 1 หลอด สอ่ื การเรียนรแู้ ละแหลง่ เรียนรู้ 14. ใบพชื ชนิดต่าง ๆ ทเี่ ป็นแผ่นบาง เชน่ ใบชบา 1. หนังสอื เรยี น ป.4 เลม่ 1 หนา้ 85-90 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.4 เล่ม 1 หนา้ 74-78 ใบผักบุง้ ใบหญา้ ดอกของพืชชนิดตา่ ง ๆ 3. ตัวอย่างวีดิทัศน์ปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เร่ืองใบของพืช ทาหน้าท่ีอะไร http://ipst.me/8047 สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
191 คมู่ ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิ่งมชี วี ติ แนวการจัดการเรียนรู้ ในการทบทวนความรู้พื้นฐาน คุณครูควรให้เวลานักเรียนคิดอย่าง 1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานเร่ืองหน้าที่ของใบ โดยใช้แนวคาถามในการ เหมาะสม รอคอยอย่างอดท น อภปิ รายดงั ต่อไปน้ี นักเรียนต้องตอบคาถามเหล่าน้ีได้ 1.1 ใบของพืชมีรูปร่างลักษณะอย่างไร (ใบพืชมีรูปร่างแตกต่างกัน ใบของ ถูกต้อง หากตอบไม่ได้หรือลืมครู พืชบางชนิดมีรูปกลม บางชนิดยาว บางชนิดเป็นวงรีปลายแหลม ใบ ต้องให้ความรู้ที่ถูกตอ้ งทันที ส่วนใหญ่มีลกั ษณะเป็นแผน่ บาง มีสเี ขียว) 1.2 ใบของพืชมหี นา้ ทอี่ ะไร (สรา้ งอาหารโดยการสงั เคราะหด์ ้วยแสง) ในการตรวจสอบความรู้ ครู เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น 2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืช สาคัญ และยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ โดยนาใบพืชท่ีมีรูปร่างลักษณะแตกต่างกัน 2 ใบ มาให้นักเรียนสังเกต แล้ว ให้กับนักเรียน แต่ชักชวนนักเรียน ใช้คาถามในการอภปิ รายดงั น้ี ไปหาคาตอบท่ีถูกต้องจากกิจกรรม 2.1 ใบพืชทั้ง 2 ใบนี้มีรูปร่างลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ต่าง ๆ ในบทเรียนน้ี (นักเรียนตอบตามลักษณะท่ีสังเกตได้ เช่น มีสีเขียวเหมือนกัน แต่ รูปร่างแตกตา่ งกนั ) 2.2 นักเรียนคิดว่าใบพืชท้ัง 2 ใบนี้จะสร้างอาหารได้เหมือนกัน หรือไม่ เพราะเหตุใด (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ) 2.3 เพราะเหตุใดใบพืชจงึ สรา้ งอาหารได้ (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ) 2.4 อาหารทพ่ี ชื สร้างข้นึ คืออะไร (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจ) 3. ครูเช่ือมโยงความรู้เดิมของนักเรียนเข้าสู่กิจกรรมที่ 1.2 โดยชักชวนนักเรียน ไปหาคาตอบว่าพืชท่ีมีใบรูปร่างแตกต่างกันจะสร้างอาหารได้เหมือนกัน หรอื ไม่ และอาหารของพืชคืออะไร 4. นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม และ ทาเป็นคิดเป็น จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพื่อ ตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ดังนี้ 4.1 กิจกรรมนีน้ กั เรยี นจะไดเ้ รยี นเร่อื งอะไร (หน้าท่ีของใบ) 4.2 นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นรูเ้ รอ่ื งนด้ี ว้ ยวธิ ใี ด (การสังเกต) 4.3 เมอื่ เรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (บรรยายหน้าที่ของใบพืช) นกั เรยี นบนั ทึกจดุ ประสงคล์ งในแบบบนั ทกึ กิจกรรม หน้า 74 5. นักเรียนอ่านสิ่งท่ีต้องใช้ในการทากิจกรรม ครูยังไม่แจกวัสดุอุปกรณ์ให้ นกั เรยี น แตน่ าวสั ดอุ ปุ กรณม์ าแสดงให้นกั เรยี นดทู ีละอยา่ ง 6. นกั เรยี นอา่ น ทาอยา่ งไร ทีละขอ้ โดยฝกึ การอา่ นตามความเหมาะสม แล้ว รว่ มกันอภิปรายเพือ่ สรปุ ลาดับขน้ั ตอนการทากิจกรรมตามความเข้าใจ ครู นาอภปิ รายตามแนวคาถามดังต่อไปน้ี ครอู าจช่วยเขยี นสรุปเปน็ ขนั้ ตอนสัน้ ๆ บนกระดาน เพ่อื ให้นกั เรยี นใช้เป็นแนวทางในการทากิจกรรม 6.1 นกั เรยี นตอ้ งสงั เกตสง่ิ ใดเปน็ อนั ดบั แรก (สังเกตลกั ษณะของแป้งในจาน หลุม) 6.2 นักเรียนต้องสังเกตแป้งกี่ชนิด อะไรบ้าง (3 ชนิด คือ แป้งฝุ่น แป้งมัน- สาปะหลงั แป้งขา้ วโพด) สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 สิง่ มีชีวิต 192 6.3 สังเกตลักษณะของแป้งแล้วต้องทาอะไรต่อ (หยดสารละลายไอโอดีน ข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม ลงบนแป้งแต่ละชนดิ สังเกตและบันทึกผล) 1. ค รู เ ตื อ น นั ก เ รี ย น ใ ห้ 6.4 นกั เรยี นตอ้ งใชใ้ บพชื กช่ี นดิ ในการทากจิ กรรม (3 ชนิด) ระมัดระวังในการถือและใช้ ครูอาจเตรียมใบพืชมาให้นักเรียน หรือให้นักเรียนเตรียม โดยครู ตะเกียงแอลกอฮอล์ หาก ตรวจดูใบพืชที่นักเรียนเตรยี มมา ซ่ึงต้องเปน็ ใบพืชท่ีมีลักษณะแตกต่าง เกิดไฟไหม้ห้ามใช้น้าดับไฟที่ กนั ทงั้ 3 ชนิด และตอ้ งมสี เี ขยี วทั้งใบ เกิดจากแอลกอฮอล์ แต่ให้ ใช้ผ้าชบุ นา้ คลมุ เพอ่ื ดับไฟ 6.5 นกั เรยี นบนั ทกึ ลกั ษณะของใบพชื อยา่ งไร (วาดรปู แลว้ ระบายส)ี 6.6 วิธีการทดสอบสารในใบพืชมีขั้นตอนอย่างไร (ต้มใบพืชในน้าร้อน และ 2. ครูควรเตือน ให้นักเรียน จัด เก็บ วัส ดุ อุ ป ก รณ์ ให้ ต้มต่อในแอลกอฮอล์จนใบซีดขาว แล้วนามาล้างน้า จากน้ันหยด เรียบร้อย เมื่อเสร็จส้ินการ สารละลายไอโอดนี ลงบนใบพืช สังเกตการเปล่ยี นแปลงของสารละลาย ทากิจกรรม ไอโอดีนบนใบพืช วาดภาพสง่ิ ที่สังเกตได้ และระบายส)ี 6.7 การทดสอบสารในใบพืช นักเรียนตอ้ งระมัดระวังในเรื่องใดบ้าง (ไม่จุด 3. ควรเก็บใบพืชในตอนสาย ไม้ขีดไฟเล่น ดับไม้ขีดไฟในกระป๋องทราย ไม่เอียงตะเกียงแอลกอฮอล์ หรือบ่ายในวันท่ีทากิจกรรม เวลาจุดตะเกียง ไม่เติมแอลกอฮอล์ในตะเกียงมากเกินไป ห้ามนา เ พ่ื อ ใ ห้ ใ บ พื ช มี ก า ร แอลกอฮอล์เขา้ ใกล้ไฟ ถ้ามีไฟไหมใ้ หด้ บั ไฟโดยใชผ้ ้าชบุ น้าคลุมเปลวไฟ สั ง เค ร า ะ ห์ ด้ ว ย แ ส ง ก่ อ น และระวังน้ารอ้ นลวกรา่ งกาย) นามาใชท้ ากจิ กรรม 6.8 เม่ือทดสอบแป้งชนิดต่าง ๆ และทดสอบสารในใบพืชแล้วนักเรียนต้อง ทาอะไรต่อไป (เปรยี บเทยี บผลที่เกิดข้นึ เมอื่ ทดสอบสารละลายไอโอดีน 4. ครูอาจให้น้าร้อนสาหรับต้ม บนแปง้ และบนใบพชื ) ใบพืช ท้ังน้ีเพ่ือลดเวลาใน 6.9 นักเรียนอ่านใบความรู้เร่ืองอะไร จากหน้าใด (อ่านใบความรู้เรื่อง การทากิจกรรม หน้าท่ีของใบพืช หนา้ 89) 7. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว ครูแจกวัสดุและ 5. เติมเอทานอลลงในหลอด อุปกรณ์แก่นักเรยี น นกั เรียนปฏิบัตติ ามขัน้ ตอน ดงั นี้ ท ด ล อ ง จ น ท่ ว ม ใบ พื ช 7.1 สงั เกตลักษณะของแป้งฝุ่น แปง้ มันสาปะหลัง และแปง้ ข้าวโพด บนั ทึก เล็ ก น้ อ ย ไ ม่ เติ ม ม า ก ผล (S1, S6) จนเกินไป เพราะเวลาต้ม 7.2 สังเกตลักษณะของแป้งแต่ละชนิด หลังหยดสารละลายไอโอดีนลงบน แปง้ (S1) 7.3 ร่วมกันลงความเห็นเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนเม่ือหยด สารละลายไอโอดีนลงบนแปง้ ชนิดต่างๆ (S8) (C5) 7.4 สงั เกตลักษณะของใบพืช 3 ชนดิ และวาดรูประบายสี (S1, S6) ครูอาจเตรียมใบพืชมาให้นักเรียน หรือมอบหมายให้นักเรียนเตรียมมาเอง โดยครูตรวจดูใบพืชที่นักเรียนเตรียมมา ใบพืชต้องมีลักษณะแตกต่างกันทั้ง 3 ชนิด และตอ้ งมสี ีเขียวท้ังใบ 7.5 การทดสอบสารในใบพืช นาใบพืชต้มในน้าร้อน และต้มต่อใน แอลกอฮอล์จนใบซีดขาว แล้วนามาล้างน้า จากน้ันหยดสารละลาย ไอโอดีนลงบนใบพืช สังเกตการเปล่ียนแปลงของสารละลายไอโอดีน บนใบพชื วาดภาพสิ่งทสี่ งั เกตได้ และระบายสี (S1, S6) สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
193 คู่มือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สิง่ มชี ีวิต ครูต้องเน้นย้าเร่ืองความระมัดระวังในการใช้ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์ และ นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ เดินดูนักเรียนตามกลุ่มต่าง ๆ เพื่อคอยแนะนา และแก้ปัญหาที่อาจเกิดข้ึน คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว ไดท้ นั เวลา คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน 7.6 นาเสนอผลการทดสอบใบพืชดว้ ยสารละลายไอโอดีน (C4) คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง 7.7 ร่วมกันเปรียบเทียบลงความเห็นเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นเม่ือ อดทน และรับฟังแนวความคิด ของนกั เรยี น หยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบพืช (S8) (C5) 7.8 อา่ นใบความรเู้ รื่องหน้าท่ีของใบพชื 7.9 รว่ มกันลงความเหน็ เกย่ี วกบั อาหารท่ีพชื สรา้ งข้นึ (S8) 7.10รว่ มกนั ลงขอ้ สรุปเกี่ยวกบั หน้าท่ขี องใบพชื (S13) 8. หลังจากทากจิ กรรมแลว้ ครูนาอภปิ รายผลการทากจิ กรรม โดยใชค้ าถาม ดงั ตอ่ ไปนี้ 8.1 แป้งมันสาปะหลังกับแป้งข้าวโพด เหมือนหรือแตกต่างจากแป้งฝุ่น อย่างไร (แป้งมันสาปะหลังและแป้งข้าวโพดเป็นแป้งที่มาจากพืช ส่วน แป้งฝุน่ เป็นแปง้ ท่ปี ระกอบดว้ ยสารทส่ี งั เคราะหข์ ้นึ ) 8.2 เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนบนแป้งท้ั ง 3 ชนิดแล้วเกิดการ เปล่ียนแปลงอย่างไร (เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนแป้งมันและ แปง้ ข้าวโพด สารละลายไอโอดีนเปล่ียนสีจากสีน้าตาลเป็นสีน้าเงิน แต่ เม่อื หยดลงบนแป้งฝุ่นสารละลายไอโอดีนไม่มีการเปล่ยี นแปลง) 8.3 เพราะเหตุใดเมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนแป้งมันและแป้ง ข้าวโพดสารละลายไอโอดีนจึงเปลี่ยนสีจากสีน้าตาลเป็นสีน้าเงิน (เพราะแปง้ ทั้ง 2 ชนดิ นี้ เป็นแป้งท่มี าจากพืช) 8.4 เพราะเหตุใดเม่ือหยดสารละลายไอโอดีนลงบนแป้งฝุ่นสารละลาย ไอโอดีนจึงไม่เกิดการเปล่ียนแปลง (เพราะแป้งฝุ่นไม่ใช่แป้งที่มาจาก พืช) 8.5 เม่ือหยดสารละลายไอโอดีนบนใบพืชท้ัง 3 ใบ สีของสารละลายไอโอดีน จะมีการเปล่ียนแปลงอย่างไร (สารละลายไอโอดีนบนใบพืชทั้ง 3 ชนิด เปลี่ยนจากสนี า้ ตาลเป็นสีน้าเงินเขม้ ) 8.6 เพราะเหตุใดเมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบพืชทั้ง 3 ชนิดแล้ว สารละลายไอโอดีนบนใบพืชจึงเปลี่ยนจากสีน้าตาลเป็นสีน้าเงินเข้ม (เพราะในใบพืชมแี ป้ง) 8.7 อาหารท่ีพืชสรา้ งข้นึ นา่ จะเปน็ สิ่งใด (แป้ง) 8.8 แปง้ ในใบพชื เกดิ ขนึ้ ได้อย่างไร (การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง) 8.9 พื ช ใช้ สิ่ ง ใด บ้ า ง ใน ก า ร สั ง เค ร า ะ ห์ ด้ ว ย แ ส ง (แ ส ง แ ก๊ ส คาร์บอนไดออกไซด์ นา้ และสารสเี ขยี ว) 8.10 สิ่งที่เกิดข้ึนจากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช คืออะไร (น้าตาลและ แก๊สออกซเิ จน) 8.11 แป้งในใบพืชเกิดข้ึนได้อย่างไร (แป้งเกิดมาจากการเปล่ียนแปลงของ นา้ ตาล) สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มชี ีวิต 194 8.12 เพราะเหตุใดลาต้นของพืชบางชนิดท่ีมีสีเขียวจึงสามารถเกิดการ สังเคราะห์ด้วยแสงได้ (เพราะสารสีเขียวเป็นหน่ึงในส่ิงท่ีทาให้เกิดการ สังเคราะห์ด้วยแสงของพชื ) 8.13การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชมีความสาคัญอย่างไร (การสังเคราะห์ ด้วยแสงเป็นการผลิตอาหารคือน้าตาล ซึ่งพืชจะนาไปใช้เป็นพลังงาน ในการดารงชีวิต และบางส่วนพืชสะสมไว้ตามส่วนต่าง ๆ ในรูปของ แป้งและสารอ่ืน ๆ นอกจากนี้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง พืชยังปล่อย แก๊สออกซิเจนที่ส่ิงมีชีวิตทุกชนิดใช้ในการหายใจ และช่วยลดปริมาณ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซดใ์ นอากาศ) 9. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบหรือซักถามในสิ่งที่อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ หน้าที่ของใบ จากนั้นร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่าใบของพืชที่มีสีเขียว มหี น้าทใ่ี นการสรา้ งอาหารโดยการสังเคราะหด์ ้วยแสง 10.นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้คาถามเพ่ิมเติม ในการอภิปรายเพอื่ ใหไ้ ด้แนวคาตอบทถ่ี ูกตอ้ ง 11. นักเรียนสรุปสิ่งทไ่ี ด้เรียนรใู้ นกจิ กรรมนี้ จากน้ันนักเรยี นอา่ น สิ่งท่ีไดเ้ รียนรู้ และเปรียบเทียบกบั ขอ้ สรุปของตนเอง 12. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกต้ังคาถามเก่ียวกับเรื่องท่ีสงสัยหรืออยากรู้เพ่ิมเติม ใน อยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจสุ่มนักเรียน 2 -3 คน นาเสนอคาถามของ ตนเองหน้าชั้นเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับคาถามที่ นาเสนอ 13. ครูนาอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างและในข้ันตอนใด แล้ว ใหบ้ นั ทึกในแบบบันทกึ กิจกรรมหนา้ 78 การเตรียมตัวลว่ งหน้าสาหรบั ครู เพ่ือจดั การเรยี นรใู้ นครั้งถดั ไป ในครงั้ ถัดไป นักเรยี นจะได้ทากจิ กรรม 1.3 ดอกของพชื ทา หน้าที่อะไร โดยการสังเกตส่วนตา่ ง ๆ ของดอกส่ิงที่ครูต้องเตรียมมี ดังนี้ 1. ดอกของพืชที่มีส่วนประกอบครบท้ัง 4 ส่วน คือ กลีบเล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย เช่น ดอกชบา หรือดอก ตอ้ ยต่งิ 2. ดอกของพืชที่มีส่วนประกอบไม่ครบ 4 ส่วน คือ ขาดส่วน เกสรเพศผู้หรือเกสรเพศเมียอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ดอกฟักทอง ดอกมะละกอ ดอกบวบ ดอกตาลึง ครูอาจเตรียมท้ังดอกท่ีเปน็ ดอก เพศผู้ และดอกทีเ่ ปน็ ดอกเพศเมีย สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
195 ค่มู อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สงิ่ มชี ีวติ แนวคาตอบในแบบบันทกึ กิจกรรม สังเกตลักษณะของใบ และบรรยายหนา้ ท่ขี องใบ ลักษณะเปน็ ผงสขี าว ผงแป้งที่ผสมกบั สารละลาย ลกั ษณะเปน็ ผงสขี าว ไอโอดนี เปลยี่ นเป็นสีนา้ เงนิ เขม้ ลักษณะเปน็ ผงสขี าว ผงแปง้ ทผ่ี สมกบั สารละลาย ไอโอดนี เปลีย่ นเป็นสนี า้ เงนิ เขม้ ผงแป้งท่ีผสมกบั สารละลาย ไอโอดนี มีสนี ้าตาลเหมอื นสี ของสารละลายไอโอดนี สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่ิงมีชวี ติ 196 บันทึกชนดิ พชื ทีใ่ ช้ในห้องเรยี นจรงิ เช่น หญ้ามาเลเซีย ตอ้ ยตง่ิ อญั ชญั หญ้ามาเลเซยี ตอ้ ยตง่ิ อัญชญั สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
197 คู่มอื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สงิ่ มชี ีวิต แปง้ สรา้ งอาหารโดยการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง นา้ ตาล แป้งมันสาปะหลังและแป้งขา้ วโพดได้ผลเหมือนกนั คือ เม่อื หยดสารละลายไอโอดนี ลงบนแป้ง จะเหน็ วา่ แปง้ ทผ่ี สมกบั สารละลายไอโอดนี เป็นสีน้าเงนิ แต่เมอ่ื หยดสารละลายไอโอดีนลงบนแปง้ ฝ่นุ สขี องสารละลายไอโอดนี ไม่มีการเปลยี่ นแปลง ถ้าเปน็ แป้งจากพชื สีของสารละลายไอโอดีนจะเปลี่ยนจากสีน้าตาลเปน็ สนี า้ เงนิ เข้ม ใบพชื ท้งั 3 ชนดิ มีสีเขียวเหมอื นกัน แต่มีรปู รา่ งแตกตา่ งกัน ใบหญ้ามาเลเซยี มีรปู รา่ ง เรยี วยาว ใบอญั ชัญเปน็ ใบประกอบมีใบยอ่ ยรปู รี ใบต้องติง่ รูปรา่ งรี ปลายใบมน ต้มใบพืชในน้าเดือดเพ่ือให้เซลล์ตาย ทาให้กิจกรรมต่าง ๆ ในใบหยดุ ลง ตม้ ใบพชื ใน เอทานอลเพอื่ สกดั คลอโรฟลิ ลห์ รือสารสเี ขยี วออกจากใบพืช พบแปง้ เพราะสสี ารละลายไอโอดนี เปลีย่ นจากสนี า้ ตาลเปน็ สีนา้ เงนิ เข้ม สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มอื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่งิ มีชวี ติ 198 เกยี่ วขอ้ ง เพราะสง่ิ ที่พบในใบพชื คือ แปง้ ซึ่งเปน็ อาหารของพชื เกิดจากการเปลยี่ นแปลง ของนา้ ตาล และเป็นสิง่ ทีพ่ ชื สรา้ งขึ้นโดยการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ใบพชื อาจมีรปู ร่างแตกต่างกัน แต่ใบพืชทกุ ชนดิ ทมี่ สี เี ขยี วจะสรา้ งอาหารไดโ้ ดยการ สงั เคราะหด์ ้วยแสง อาหารที่พืชสร้างขึ้นคือน้าตาล และพืชจะสะสมนา้ ตาลไว้ในรูป ของแป้ง เม่อื ทดสอบใบพชื ดว้ ยสารละลายไอโอดนี จงึ เห็นว่าสขี องสารละลาย ไอโอดีนจะเปล่ียนจากสนี ้าตาลเปน็ สนี ้าเงิน เหมือนการทดสอบกับแปง้ มันสาปะหลงั และแปง้ ข้าวโพด ใบของพืชทีม่ สี ีเขยี วมหี น้าที่สร้างอาหารโดยการสงั เคราะหด์ ้วยแสง อาหารของพชื คอื น้าตาล สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
199 คูม่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 ส่ิงมชี วี ติ คาถามของนกั เรียนทต่ี ง้ั ตามความอยากร้ขู องตนเอง สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มอื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มชี วี ติ 200 แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรยี นรูข้ องนักเรยี นทาได้ ดงั น้ี 1. ประเมนิ ความรู้เดิมจากการอภิปรายในชัน้ เรียน 2. ประเมินการเรยี นรู้จากคาตอบของนักเรียนระหวา่ งการจัดการเรยี นรูแ้ ละจากแบบบนั ทึกกิจกรรม 3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากิจกรรมของนกั เรยี น การประเมินจากการทากิจกรรมท่ี 1.2 ใบของพชื ทาหนา้ ท่ีอะไร ระดบั คะแนน 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรบั ปรงุ 3 คะแนน หมายถงึ ดี รหัส สิง่ ทป่ี ระเมนิ คะแนน ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ S1 การสังเกต S6 การจัดกระทาและสือ่ ความหมายขอ้ มลู S8 การลงความเห็นจากข้อมลู S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรุป ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 C4 การสอื่ สาร C5 ความรว่ มมือ รวมคะแนน สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
201 ค่มู ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สิง่ มชี วี ติ ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ตามระดับความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมิน ดงั นี้ ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) S1 การสงั เกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสัมผัส ไ ม่ ส า ม า ร ถ ใ ช้ ร า ย ล ะ เ อี ย ด เก็ บ ร าย ล ะ เอี ย ด แ ล ะ เก็ บ ร า ย ล ะ เอี ย ด แ ล ะ ประสาทสัมผัสเก็บ เกี่ยวกับ ลักษณ ะ บรรยายเก่ียวกับลักษณะ บรรยายเกี่ยวกับลักษณะ ราย ล ะ เอี ย ด แ ล ะ ของใบพืชก่อนและ ของใบพืชก่อนและหลัง ของใบพชื ก่อนและหลังการ บ รรย าย เก่ี ย วกั บ ห ลังการท ดสอบ ก า ร ท ด ส อ บ ด้ ว ย ทดสอบด้วยสารละลาย ลักษณะของใบพืช ด้ ว ย ส าร ล ะ ล า ย สารละลายไอโอดีนได้ด้วย ไอโอดีนจากการชี้แนะของ ก่อนและหลังการ ไอโอดีน ตน เอง โดยไม่เพิ่ มเติม ครูหรือผู้อ่ืน หรือมีการ ท ด ส อ บ ด้ ว ย ความคิดเห็น เพิ่มเตมิ ความคิดเห็น สารละลายไอโอดีน แ ม้ ว่าจ ะได้ รับ ค า ชี้ แ น ะ จ า ก ค รู ห รื อ ผูอ้ ื่น S6 การจัดกระทาและ นาข้อมูลที่ได้จาก สามารถนาข้อมูลที่ได้จาก สามารถนาข้อมูลที่ได้จาก ไม่สามารถนาข้อมูล สื่อความหมายข้อมลู การสังเกตและการ ก า ร สั ง เก ต แ ล ะ ก า ร ก า ร สั ง เก ต แ ล ะ ก า ร ท่ีได้จากการสังเกต ร ว บ ร ว ม เกี่ ย ว กั บ รวบรวมเก่ียวกับลักษณะ รวบรวมเก่ียวกับลักษณะ และการรวบรวม ลักษณะของใบพืช ของใบพืชก่อนและหลัง ของใบพืชก่อนและหลัง เกี่ยวกับลักษณะของ ก่อนและหลังการ ก า ร ท ด ส อ บ ด้ ว ย ก า ร ท ด ส อ บ ด้ ว ย ใบพืชก่อนและหลัง สารละลายไอโอดีนมาจัด สารละลายไอโอดีนมาจัด ก า ร ท ด ส อ บ ด้ ว ย ท ด ส อ บ ด้ ว ย กระทาโดยการวาดภาพ กระทาโดยการวาดภาพ สารละลายไอโอดีน สารละลายไอโอดีน และส่ือความหมายของ และสื่อความหมายของ มาจัดกระทาโดยการ มาจัดกระทาโดย หน้าท่ีของใบพืชให้ผู้อ่ืน หน้าท่ีของใบพืชให้ผู้อื่น วาด ภ าพ แ ล ะ ไม่ การวาดภาพ และ เข้าใจได้อย่างถูกต้องได้ เขา้ ใจได้อย่างถกู ต้อง จาก ส า ม า ร ถ ส่ื อ สื่อให้ ผู้อ่ืน เข้าใจ ด้วยตนเอง การชีแ้ นะของครูหรอื ผูอ้ นื่ ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง ห น้ า ท่ี ข อ ง ใ บ ข อ ง หน้าท่ีของใบพืชให้ พืช ผู้อ่ืนเข้าใจได้ แม้ว่า จะได้รับ คาชี้แน ะ จากครูหรอื ผ้อู ่ืน สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ ือครูรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่งิ มีชีวิต 202 ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดับความสามารถ ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) S8 การลงความเห็น ลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก ไ ม่ ส า ม า ร ถ ล ง จากข้อมูล ข้ อมู ล ว่าใบ พื ช มี ข้อมูลได้ว่าใบพืชมีแป้ง ข้อมูลได้ว่าใบพืชมีแป้ง ความเห็นจากข้อมูล แป้งจากการสังเกต จ า ก ก า ร สั ง เก ต ก า ร จ า ก ก า ร สั ง เก ต ก า ร ไดว้ ่าใบพืชมีแป้งจาก การเปล่ียนแปลงสี เป ลี่ ย น แ ป ล ง สี ข อ ง เป ล่ี ย น แ ป ล ง สี ข อ ง ก า ร สั ง เก ต ก า ร ข อ งส า ร ล ะ ล า ย สารละลายไอโอดีนจากสี สารละลายไอโอดีนจากสี เปลี่ยนแปลงสีของ ไ อ โ อ ดี น จ า ก สี น้ าตาลเป็ น สีน้ าเงิน ได้ น้าตาลเป็นสีน้าเงิน ได้ สารละลายไอโอดีน นา้ ตาลเปน็ สนี า้ เงนิ อย่างถูกต้องและชัดเจน อย่างถูกต้องและชัดเจน จากสีน้าตาลเป็นสี ได้ด้วยตนเอง จากการช้ีแนะของครูหรือ น้าเงิน แม้ว่าจะได้ ผ้อู ่นื รับคาช้ีแนะจากครู หรอื ผอู้ น่ื S13 การตีความหมาย ตีความหมายข้อมูล ส าม ารถตี ค วาม ห ม าย สามารถตีความหมาย ไ ม่ ส า ม า ร ถ ข้อมลู และลงขอ้ สรปุ จากการสังเกตและ ข้อมูลจากการสังเกตและ ข้อมูลจากการสังเกตและ ตีความหมายข้อมูล การอ่านใบความรู้ การอ่านใบความรู้ได้ว่า การอ่านใบความรู้ได้ว่า จากการสังเกตและ ได้ว่า เมื่อทดสอบ เมื่ อ ท ด ส อ บ แ ป้ งด้ ว ย เมื่ อ ท ด ส อ บ แ ป้ งด้ วย การอ่านใบความรู้ได้ แป้งดว้ ยสารละลาย สารละลายไอโอดีนบนใบ สารละลายไอโอดีนบนใบ ว่า เมื่อทดสอบแป้ง ไอโอดีนบนใบพืช พื ช จ ะ เ ห็ น สี ข อ ง พื ช จ ะ เ ห็ น สี ข อ ง ด้ ว ย ส า ร ล ะ ล า ย จ ะ เ ห็ น สี ข อ ง สารละลายไอโอดีนเปลี่ยน ส า ร ล ะ ล า ย ไอ โอ ดี น ไอโอดีนบนใบพืชจะ สารละลายไอโอดีน จากสีน้าตาลเป็นสีน้าเงิน เปล่ียนจากสีน้าตาลเป็นสี เห็นสีของสารละลาย เปลีย่ นจากสีน้าตาล เข้ม และลงข้อสรุปใบของ น้าเงินเข้ม และลงข้อสรุป ไอโอดีนเปลี่ยนจากสี เป็ น สี น้ าเงิน เข้ ม พืชท่ีมีสีเขียวมีหน้าท่ีสร้าง ใบของพื ชท่ี มีสีเขียวมี น้าตาลเป็นสีน้าเงิน และลงข้อสรุปใบ อาหารโดยการสังเคราะห์ หน้าท่ีสร้างอาหารโดย เข้ม และไม่สามารถ ของพืชท่ีมีสีเขียวมี ด้วยแสง และอาหารของ การสังเคราะห์ด้วยแสง ลงข้อสรุปใบของพืช หน้าท่ีสร้างอาหาร พืช คือ น้าตาล ได้ด้วย และอาหารของพืช คือ ท่ีมีสีเขียวมีหน้าที่ โดยการสังเคราะห์ ตนเอง น้าตาล จากการชี้แนะ สร้างอาหารโดยการ ดว้ ยแสง ของครูหรอื ผอู้ ืน่ สังเคราะห์ด้วยแสง และอาหารของพืช คือ น้าตาล แม้ว่า จะได้รับ คาชี้แน ะ จากครหู รือผอู้ ื่น สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
203 คูม่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่ิงมชี ีวิต ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ กั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ตามระดับความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมนิ ดงั น้ี ทกั ษะแหง่ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1) C4 การสอื่ สาร นาเสนอขอ้ มูลจาก สามารถนาเสนอข้อมูล สามารถนาเสนอขอ้ มูลจาก ไม่สามารถนาเสนอข้อมูล การอภปิ ราย จากการอภิปรายเกีย่ วกบั การอภปิ รายเก่ียวกับการ จากการอภิปรายเกีย่ วกับ เก่ยี วกับการจาแนก การจาแนกกลมุ่ สตั วโ์ ดย จาแนกกลมุ่ สตั วโ์ ดยใชเ้ กณฑ์ การจาแนกกลุ่มสัตว์โดย กลุม่ สัตวโ์ ดยใช้ ใช้เกณฑก์ ารมีกระดกู สัน การมีกระดูกสันหลงั ใน ใช้เกณฑ์การมีกระดูกสัน เกณฑก์ ารมีกระดกู หลัง ในรูปแบบแผนภาพ รปู แบบแผนภาพหรือรปู แบบ หลัง ในรูปแบบแผนภาพ สันหลัง ในรปู แบบ หรอื รปู แบบอื่น ๆ ให้ อนื่ ๆ ให้ผู้อ่ืนเขา้ ใจได้อยา่ ง หรือรูปแบบอื่น ๆ ให้ แผนภาพหรือ ผู้อ่ืนเขา้ ใจไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ถูกต้อง จากการชแ้ี นะของครู ผู้ อื่ น เข้ า ใ จ ได้ อ ย่ า ง รปู แบบอืน่ ๆ ให้ ไดด้ ว้ ยตนเอง หรือผู้อนื่ ถูกต้อง แม้ว่าจะได้รับคา ผู้อืน่ เข้าใจ ช้แี นะจากครหู รือผู้อืน่ C5 ความรว่ มมอื ทางานร่วมกับผู้อื่น สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืนใน ไม่สามารถทางานร่วมกับ ในการสังเกต การ ผู้อื่นในการสังเกต การ การสังเกต การนาเสนอ และ ผู้อ่ืนได้ ตลอดเวลาที่ทา นาเสนอ และการ นาเสนอ และการแสดง การแสดงความคิดเห็นเพ่ือ กจิ กรรม แสดงความคิดเห็น ความคิดเห็นเพ่ือจาแนก จาแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มี เพื่ อ จ าแ น ก สั ต ว์ สัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูก กระดูกสันหลัง และสัตว์ไม่มี อ อ ก เป็ น สั ต ว์ มี สั น ห ลั ง แ ล ะสั ต ว์ไม่ มี กระดูกสันหลัง รวมท้ังยอมรับ กระดูกสันหลัง และ กระดูกสันหลัง รวมทั้ง ความคิดเห็นของผู้อื่น บาง สัตว์ไม่มีกระดูกสัน ยอมรับความคิดเห็นของ ช่วงเวลาท่ีทากจิ กรรม หลัง รวมทั้งยอมรับ ผู้อื่นตงั้ แตเ่ ริม่ ต้นจนสาเร็จ ค ว า ม คิ ด เห็ น ข อ ง ผ้อู ่นื สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มชี ีวติ 204 กิจกรรมท่ี 1.3 ดอกของพชื ทาหน้าท่อี ะไร กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้สังเกตลักษณะดอกของพืช และรวบรวบข้อมูลเก่ียวกับหน้าท่ีส่วนประกอบต่าง ๆ ของ ดอก เพื่อบรรยายการทาหน้าที่ร่วมกันของส่วนประกอบ ของดอกในการสบื พนั ธุ์ เวลา 2 ชั่วโมง จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สังเกตส่วนประกอบของดอก รวบรวมขอ้ มูลและ บรรยายหนา้ ทีส่ ่วนตา่ ง ๆ ของดอก 2. อภปิ รายและสรปุ การทาหนา้ ทีร่ ่วมกันของสว่ นประกอบ ของดอก วัสดุ อปุ กรณส์ าหรบั ทากจิ กรรม ส่ิงท่คี รูต้องเตรยี ม/กลุ่ม 1. ดอกของพชื ชนิดต่าง ๆ 2 ชนดิ ส่ือการเรยี นรแู้ ละแหล่งเรียนรู้ 2. แวน่ ขยาย 2-3 อัน 1. หนังสือเรยี น ป.4 เลม่ 1 หนา้ 91–94 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.4 เลม่ 1 หนา้ 79-82 ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ตั วอ ย่ างวีดิ ทั ศ น์ ป ฏิ บั ติ ก ารวิท ย าศ าส ต ร์เร่ือ ง S1 การสงั เกต ส่วนประกอบของดอกมีหน้าทีอ่ ะไร S6 การจดั กระทาและสอ่ื ความหมายขอ้ มลู http://ipst.me/8114 S8 การลงความเห็นจากข้อมลู S13 การตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C4 การสือ่ สาร C5 ความรว่ มมือ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
205 คมู่ อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิง่ มชี วี ิต แนวการจดั การเรยี นรู้ ในการทบทวนความรู้ท่ีเคย เรียนมาแล้ว คุณครูควรให้เวลา 1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานเก่ียวกับพืชดอกซ่ึงนักเรียนได้เรียนมาแล้ว โดยให้ นักเรียนคิดอย่างเหมาะสม รอ นักเรียนยกตัวอย่างพืชดอกที่นักเรียนรู้จัก เช่น กุหลาบ มะลิ ครูจดชอื่ พืชที่ คอยอย่างอดทน นักเรียนต้อง นักเรียนตอบบนกระดาน ครูซักถามว่าเพราะเหตุใดนักเรียนจึงคิดว่าพืชที่ ตอบคาถามเหล่าน้ีได้ถูกต้อง นกั เรยี นยกตวั อยา่ งเปน็ พชื ดอก (เปน็ พชื ดอกเพราะมดี อก) หากตอบไม่ได้หรือลืมครูต้องให้ ความรูท้ ่ถี ูกตอ้ งทันที 2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเก่ียวกับหน้าท่ีของดอก โดยให้นักเรียนวาดรูป ดอกไม้ตามความเขา้ ใจของตนเอง แลว้ ใช้คาถามเพือ่ การอภิปรายดังนี้ ในการตรวจสอบความรู้ ครู 2.1 ดอกของพืชที่นักเรียนวาดมีส่วนประกอบใดบ้าง (นักเรียนตอบตาม เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน ความเขา้ ใจ) เป็ น สาคัญ และยังไม่ เฉลย 2.2 ดอกของพืชมีความสาคญั อย่างไร (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ) คาตอบใด ๆ ให้กับนักเรียน แต่ ถ้ามีนักเรียนตอบว่า ดอกมีความสาคัญเพราะทาหน้าท่ีสืบพันธ์ุ ให้ครูใช้ ชักชวนนักเรียน ไปหาคาตอบท่ี คาถามต่อไปนใ้ี นการอภปิ รายเพมิ่ เตมิ ถูกต้องจากกิจกรรมต่าง ๆ ใน 2.3 การสืบพันธ์ุหมายความว่าอย่างไร (การมีลูกหลานเพื่อดารงพันธุ์ไม่ให้ บทเรยี นนี้ สูญพนั ธ)์ุ 2.4 ดอกของพืชสืบพนั ธุ์ได้อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ) 3. ครูเช่ือมโยงความรู้เดิมของนักเรียนเข้าสู่กิจกรรมที่ 1.3 โดยชักชวนให้ นักเรียนมาร่วมกันสังเกตว่าดอกของพชื มีส่วนประกอบอะไรบา้ ง และดอกมี หนา้ ทส่ี บื พันธ์ไุ ด้อยา่ งไร 4. นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม และ ทาเป็นคิดเป็น โดยร่วมกันอภิปรายเพ่ือ ตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์ในการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ดงั น้ี 4.1 กจิ กรรมนน้ี ักเรียนจะไดเ้ รยี นเร่ืองอะไร (หนา้ ท่ขี องดอก) 4.2 นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นรูเ้ รอ่ื งนด้ี ว้ ยวธิ ใี ด (การสงั เกต รวบรวมข้อมลู ) 4.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (บรรยายหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของดอก) 5. นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า79 และ อ่านสิ่งที่ ต้องใชใ้ นการทากิจกรรม 6. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ทีละข้อ โดยฝึกอ่านตามความเหมาะสม ครูนา อภิปรายเพ่ือสรุปลาดับขั้นตอน ตามแนวคาถามต่อไปนี้ ครูอาจช่วยเขียน สรุปเปน็ ข้ันตอนสนั้ ๆ บนกระดาน 6.1 นั กเรียน มีวิธีสังเกตส่วน ป ระกอบ ของดอกอย่างไร (สังเกต ส่วนประกอบของดอกเป็นช้ัน ๆ เร่ิมจากชั้น ก ไปจนถึงช้ัน ง โดยใช้ แว่นขยายชว่ ยในการสังเกต จากนัน้ วาดรปู ส่วนประกอบของดอก) 6.2 นอกจากสังเกตและวาดรูปลักษณะของส่วนต่าง ๆ ของดอกแล้ว นักเรียนต้องอภิปรายส่ิงใดเพ่ิมเติม (หน้าท่ีส่วนประกอบ แต่ละส่วน ของดอก) 6.3 นักเรียนอ่านใบความรู้เร่ืองอะไร ที่หน้าใด (อ่านใบความรู้เร่ือง สว่ นประกอบของดอก หน้า 94) สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368