Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 ล.1

(คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 ล.1

Published by แชร์งานครู Teachers Sharing, 2021-01-19 11:14:09

Description: (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 ล.1

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
เล่ม 1
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Keywords: (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 ล.1,คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์,กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560),หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Search

Read the Text Version

คู่มือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิ่งมีชีวติ 206 6.4 นกั เรียนอา่ นใบความรู้แล้วตอ้ งทาอะไรตอ่ ไป (อภิปรายเก่ียวกับการทา นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ หน้าท่รี ่วมกันของแต่ละสว่ นประกอบของดอก) คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน ครูอาจชว่ ยเขยี นสรุปเป็นขน้ั ตอนส้ันๆ บนกระดาน คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง 7. เม่ือนักเรยี นเข้าใจวธิ ีการทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว นักเรียนจะได้ปฏิบัติ อดทน และรับฟังแนวความคิด ของนกั เรยี น ตามขั้นตอน ดงั นี้ 7.1 สังเกตส่วนประกอบของดอก โดยใช้แว่นขยาย และวาดรูปในแบบ บนั ทึกกจิ กรรม (S1, S6) 7.2 นาเสนอผลการสงั เกตสว่ นประกอบของดอก (C4) 7.3 ร่วมกันลงความเหน็ เก่ยี วกบั ลกั ษณะสว่ นตา่ ง ๆ ของดอก (S8) ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่าดอกของพืชส่วนใหญ่มีส่วนประกอบ 4 ส่วน คือ กลีบเลี้ยงอยู่วงนอกสุด ถัดเข้าไปเป็นกลีบดอก ซ่ึงส่วนใหญ่จะมีสีสัน ถัดเข้า ไปเป็นเกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ซ่ึงดอกของพืชบางชนิดจะขาดส่วนใด ส่วนหน่ึงไปได้ เชน่ ดอกมะละกอมี 3 แบบ คือ มสี ่วนประกอบของดอกครบ ทัง้ 4 สว่ น บางดอกขาดเกสรเพศผู้ และบางดอกขาดเกสรเพศเมยี 7.4 รวบรวมข้อมลู หนา้ ท่ขี องแต่ละสว่ นประกอบ 7.5 นักเรียนอ่านใบความรู้และอภิปรายเกี่ยวกับการทาหน้าที่ร่วมกันของ แตล่ ะสว่ นประกอบของดอก นาเสนอผลการอภปิ ราย (C5, C6) 7.6 นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปขอ้ มลู เกย่ี วกบั หนา้ ทข่ี องดอก (S13) 8. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ดังต่อไปน้ี 8.1 ดอกของพืชมีส่วนประกอบก่ีส่วน อะไรบ้าง (4 ส่วน กลีบเลี้ยง กลีบ ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย) (S8) 8.2 ส่วนประกอบของดอกแต่ละส่วนมีลักษณะอย่างไร (นักเรียนตอบตาม ลกั ษณะท่ีสงั เกตได้จรงิ ) 8.3 ดอกของพืชแตล่ ะชนดิ มีส่วนประกอบครบทัง้ 4 ส่วน หรอื ไม่ (นักเรยี น ตอบตามข้อมูลจริง เช่น ดอกชบามีส่วนประกอบครบท้ัง 4 ส่วน แต่ ดอกมะละกอบางดอกไม่มีเกสรเพศผู้ บางดอกไม่มีเกสรเพศเมีย บาง ดอกมคี รบส่วนประกอบครบทง้ั 4 สว่ น) 8.4 กลบี เล้ยี งมีหน้าทีอ่ ะไร (หอ่ หุ้มดอกท่ยี งั ตูมอยู)่ 8.5 กลบี ดอกมหี น้าทอี่ ะไร (ดึงดูดสตั วใ์ ห้เข้ามาช่วยถ่ายเรณู) 8.6 เกสรเพศผู้มหี น้าท่ีอะไร (สรา้ งเซลลส์ ืบพนั ธเ์ุ พศผ)ู้ 8.7 เกสรเพศผู้ประกอบด้วยส่วนใดบา้ ง (ก้านชอู ับเรณู อับเรณู) 8.8 เซลลส์ บื พันธ์ุเพศผู้เรียกวา่ อะไร (สเปริ ม์ ) 8.9 สเปริ ์มอยู่ในส่วนใด (เรณู) 8.10 เกสรเพศเมียมีหน้าทอ่ี ะไร (สรา้ งเซลลส์ ืบพนั ธุ์เพศเมยี ) 8.11 เกสรเพศเมียประกอบด้วยส่วนใดบ้าง (รังไข่ ก้านเกสรเพศเมีย ยอด เกสรเพศเมยี มีออวุลอยู่ในรงั ไข)่ 8.12 เซลลส์ ืบพนั ธเุ์ พศเมยี เรยี กวา่ อะไร (เซลล์ไข)่ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

207 คู่มอื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สิ่งมีชีวิต 8.13 เซลลไ์ ขอ่ ยทู่ สี่ ว่ นใด (ในออวุล) 8.14 นกั เรยี นคิดวา่ ส่วนประกอบต่าง ๆ ของดอก ทาหนา้ ทร่ี ว่ มกนั ในเรอ่ื ง ใด (ทาหน้าทีร่ ว่ มกนั ในการสืบพันธ์ุ 9. ครแู นะนาให้นักเรยี นใช้แอฟลิเคชันสาหรับการสงั เกตภาพเสมอื นจริง (AR) ส่วนประกอบของดอก จากหนังสือเรยี น หน้า 94 10. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่าการสืบพันธ์ขุ องพืชแบบอาศัยเพศ จะมีการผสมกัน ของเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้หรือสเปิร์มกับเซลล์สืบพนั ธุเ์ พศเมียหรือเซลลไ์ ข่ โดย การที่สเปิร์มจากเรณูท่ีอยู่ในอับเรณูจะเคล่ือนย้ายไปยังยอดเกสรเพศเมีย เพ่ือเข้าไปผสมกับเซลล์ไข่ในออวุลได้น้ัน อาจมีตัวช่วย เช่น สัตว์ ลม น้า และส่ิงที่ช่วยในการดึงดูดสัตว์ คือ สีสันของกลีบดอก และ/หรือกลีบดอก กลิน่ และนา้ หวาน 11. นักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่าดอกของพืชมีส่วนประกอบ 4 ส่วน ได้แก่ กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ซึ่งแต่ละ สว่ นทาหน้าที่รว่ มกันในการสืบพันธข์ุ องพืชดอก (S13) 12. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้คาถาม เพ่ิมเตมิ ในการอภปิ รายเพอื่ ใหไ้ ด้คาตอบท่ีถูกต้อง 13. นกั เรยี นสรปุ ส่ิงทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ในกจิ กรรมนี้ จากนน้ั ครใู หน้ กั เรยี นอา่ น ส่งิ ทไี่ ด้ เรยี นรู้ และเปรยี บเทยี บกบั ขอ้ สรปุ ของ ตนเอง 14. ครูกระต้นุ ให้นักเรยี นฝึกตัง้ คาถามเก่ยี วกับเรอื่ งที่สงสยั หรืออยากรู้เพมิ่ เตมิ ใน อยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจสุ่มนักเรียน 2 -3 คน นาเสนอคาถามของ ตนเองหน้าชั้นเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับคาถามที่ นาเสนอ 15. ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างและในข้ันตอนใด แลว้ ให้บันทึกในแบบบันทกึ กิจกรรมหนา้ 82 16. นักเรียนร่วมกันอ่านรู้อะไรในเร่ืองนี้ ในหนังสือเรียน หน้า 95 ครูนา อภิปรายเพ่ือนาไปสู่ข้อสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ในเร่ืองน้ี จากน้ันครู กระตุ้นให้นักเรียนตอบคาถามในช่วงท้ายของเน้ือเร่ือง ดังน้ี “พืชใช้ส่วน ต่าง ๆ ทาหน้าท่ีอย่างไร และอาหารท่ีพืชสร้างคืออะไร” ครูและนักเรียน ร่วมกันอภิปรายแนวทางการตอบคาถาม เช่น พืชใช้รากในการดูดน้า น้า จะถูกลาเลียงส่งต่อไปยังลาต้น และส่วนอ่ืน ๆ ของพืช พืชใช้ใบในการ สร้างอาหารโดยการสังเคราะห์ด้วยแสง ใช้ดอกในการสืบพันธ์ุโดย ส่วนประกอบต่าง ๆ ของดอกทาหน้าที่ร่วมกันให้ดอกสามารถสืบพันธ์ุได้ ครูควรเนน้ ให้นกั เรยี นตอบคาถามพรอ้ มอธิบายเหตุผลประกอบ 16. ครูชักชวนนักเรียนร่วมกันอภิปรายคาถาม ใน ชวนคิด ในหนังสือเรียน หน้า 93 และแนะนาให้นักเรียนไปสืบค้นข้อมูลเพ่ือหาคาตอบจาก แหล่งขอ้ มลู ต่าง ๆ  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่งิ มีชวี ิต 208 แนวคาตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม 1. สังเกตสว่ นประกอบของดอก รวบรวมข้อมูล และบรรยายหนา้ ทส่ี ่วนตา่ ง ๆ ของดอก 2. อภปิ รายและสรุปการทาหน้าท่ีร่วมกันของส่วนประกอบของดอก นักเรียนบนั ทกึ ผลตามชนิดดอกพืชที่ใชจ้ รงิ และจากการอภิปรายของกลมุ่ เช่น ชบา หมุ้ ดอก ล่อแมลง สร้างเซลล์สืบพันธุ์ สรา้ งเซลล์สบื พนั ธุ์ ตาลงึ หุ้มดอก ล่อแมลง สรา้ งเซลล์สบื พันธุ์ สรา้ งเซลลส์ บื พนั ธุ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

209 ค่มู อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 ส่ิงมชี ีวติ กลบี เล้ียง ห่อหมุ้ ดอกขณะที่ยงั ตมู อยู่ กลีบดอก เกสรเพศผู้ ดงึ ดูดสัตว์ให้เขา้ มาถา่ ยเรณู สรา้ งเซลล์สบื พนั ธ์เุ พศผู้ เกสรเพศเมยี สรา้ งเซลล์สืบพนั ธ์ุเพศเมีย ทาหน้าท่ีร่วมกันในการสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศ โดยดอกที่ยังตูมอยู่จะมีกลีบเล้ียง ห่อหุ้มส่วนอ่นื ๆ ของดอกไว้เพื่อให้เจริญเติบโต พร้อมทจี่ ะสืบพันธ์ุ เม่ือเจริญเติบโต เต็มทก่ี ลีบดอกจะบานดึงดูดสัตวใ์ หเ้ ขา้ มาถ่ายเรณูจากเกสรเพศผู้ไปยังเกสรเพศเมีย ทาใหเ้ กดิ การผสมกันของเซลล์สืบพนั ธุเ์ พศผ้แู ละเซลล์สืบพันธุ์เพศเมยี กลบี เล้ยี ง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี นักเรียนตอบตามผลการสังเกตจรงิ ในห้องเรียน เชน่ ดอกของพืชท่ีสงั เกตมีสว่ นประกอบ แตกต่างกนั คอื ดอกชบามสี ่วนประกอบครบทัง้ 4 สว่ น แตด่ อกตาลงึ ไม่มีเกสรเพศเมีย  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 สงิ่ มีชีวิต 210 กลบี เลย้ี งมีหนา้ ทีห่ ่อห้มุ ดอกขณะท่ดี อกยังตูม กลีบดอกมีหนา้ ท่ีดึงดูดสตั ว์ให้เขา้ มาถา่ ยเรณู เกสรเพศผู้มีหน้าท่ีสร้างเซลลส์ ืบพนั ธเุ์ พศผู้ เกสรเพศเมยี มหี น้าทส่ี ร้างเซลล์สบื พันธุเ์ พศเมยี เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมยี ดอกของพืชมีส่วนประกอบ 4 สว่ น คอื กลีบเลี้ยง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศ เมีย ซึง่ แตล่ ะสว่ นมหี น้าที่แตกตา่ งกนั แต่ทาหน้าที่รว่ มกนั ในการสบื พันธุ์ของพชื ดอก ดอกของพืชดอกมหี น้าท่ใี นการสบื พันธุ์ คาถามของนักเรียนที่ตั้งตามความอยากรู้ของตนเอง สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

211 คู่มอื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิ่งมชี ีวติ      สามารถสืบพนั ธุ์ได้ เพราะการสบื พนั ธขุ์ องพชื จะมีการถา่ ยเรณูจากเกสรเพศผ้ไู ป ยังเกสรเพศเมีย ซ่ึงเกิดขา้ มดอกได้ โดยอาศัยสตั ว์ ลม หรือนา้ ชว่ ยนาเรณจู าก ดอกท่ีมีเกสรเพศผูไ้ ปยังดอกท่ีมเี กสรเพศเมยี ได้  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สง่ิ มชี ีวติ 212 แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรขู้ องนักเรียนทาได้ ดังน้ี 1. ประเมนิ ความรเู้ ดิมจากการอภปิ รายในช้ันเรียน 2. ประเมินการเรียนรจู้ ากคาตอบของนักเรียนระหว่างการจัดการเรียนรู้และจากแบบบันทึกกจิ กรรม 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทากิจกรรมของนกั เรียน การประเมินจากการทากจิ กรรมที่ 1.3 ดอกของพืชทาหน้าท่อี ะไร ระดับคะแนน 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรงุ 3 คะแนน หมายถึง ดี รหัส สงิ่ ทป่ี ระเมนิ คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสังเกต S6 การจดั กระทาและสอื่ ความหมายข้อมลู S8 การลงความเหน็ จากขอ้ มูล S13 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 C4 การสอื่ สาร C5 ความร่วมมือ รวมคะแนน สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

213 คมู่ ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่ิงมชี วี ติ ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ตามระดบั ความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมิน ดังนี้ ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดบั ความสามารถ ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1) S1 การสังเกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสัมผัส ไ ม่ ส า ม า ร ถ ใ ช้ ร า ย ล ะ เ อี ย ด เก็ บ ร าย ล ะ เอี ย ด แ ล ะ เก็ บ ร า ย ล ะ เอี ย ด แ ล ะ ประสาทสัมผัสเก็บ เกี่ยวกับ ลักษณ ะ บรรยายเก่ียวกับลักษณะ บรรยายเก่ียวกับลักษณะ ราย ล ะ เอี ย ด แ ล ะ ส่วนประกอบแต่ละ ส่วนประกอบแต่ละส่วน ส่วนประกอบแต่ละส่วน บ รรย าย เกี่ ย วกั บ สว่ นของดอก ของดอกได้ด้วยตนเอง ของดอก จากการชี้แนะ ลั ก ษ ณ ะ โด ย ไม่ เพ่ิ ม เติ ม ค ว า ม ข อ งค รูห รือ ผู้ อื่ น ห รือ ส่วนประกอบแต่ละ คิดเห็น เพม่ิ เติมความคดิ เห็น ส่วนของดอก แม้ว่า จะได้รับ คาช้ีแน ะ จากครูหรือผู้อนื่ S6 การจัดกระทาและ การนาข้อมูลที่ได้ สามารถนาข้อมูลที่ได้จาก สามารถนาข้อมูลที่ได้จาก ไม่สามารถนาข้อมูล สอ่ื ความหมายข้อมลู จากการสังเกตและ การสังเกตและการอ่านใบ การสงั เกตและการอา่ นใบ ที่ได้จากการสังเกต การอ่านใบความรู้ ค ว า ม รู้ เก่ี ย ว กั บ ลั ก ษ ณ ะ ความรู้เกี่ยวกับลักษณะ แ ล ะ ก า ร อ่ า น ใ บ เก่ียวกับ ลักษณ ะ แ ล ะ ห น้ า ที่ ข อ ง แ ล ะ ห น้ า ท่ี ข อ ง ค ว า ม รู้ เกี่ ย ว กั บ แ ล ะ ห น้ า ที่ ข อ ง ส่วนประกอบแต่ละส่วน ส่วนประกอบแต่ละส่วน ลักษณะและหน้าที่ ข อ ง ด อ ก ข อ ง พื ช ม า ว า ด ของดอกของพืชมาวาด ของส่วนประกอบแต่ ส่วนประกอบแต่ละ ภาพ และส่ือให้ผู้อ่ืนเข้าใจ ภาพ และส่อื ให้ผอู้ ืน่ เขา้ ใจ ละส่วนของดอกของ ส่วนของดอกของ หน้าที่ของดอกได้อย่าง หน้าท่ีของดอกได้อย่าง พืชมาวาดภาพ และ พื ช ม า ว า ด ภ า พ ถูกตอ้ ง ไดด้ ้วยตนเอง ถูกต้อง จากการชี้แนะ ส่ื อ ให้ ผู้ อ่ื น เข้ าใจ ของครหู รอื ผู้อืน่ หน้าที่ ของดอกได้ แ ล ะ ส่ื อ ให้ ผู้ อ่ื น อย่างถูกต้อง จาก เข้าใจห น้ าท่ี ของ การช้ีแน ะของค รู ดอก หรือผู้อ่นื แม้ว่าจะได้ รับคาชี้แนะจากครู หรอื ผู้อื่น S8 การลงความเห็น ลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก ไ ม่ ส า ม า ร ถ ล ง จากขอ้ มูล ข้ อ มู ล ว่ า ด อ ก มี ข้ อ มู ล ไ ด้ ว่ า ด อ ก มี ข้ อ มู ล ไ ด้ ว่ า ด อ ก มี ความเห็นจากข้อมูล ส่ วน ป ระ ก อ บ 4 ส่วนประกอบ 4 ส่วน แต่ ส่วนประกอบ 4 ส่วน แต่ ไ ด้ ว่ า ด อ ก มี ส่วน แต่ละส่วนทา ละส่วนทาหน้าที่แตกต่าง ละส่วนทาหน้าที่แตกต่าง ส่วนประกอบ 4 สว่ น หนา้ ทแี่ ตกตา่ งกัน กันได้อย่างถูกต้องและ กันได้อย่างถูกต้องและ แต่ละส่วนทาหน้าท่ี ชัดเจน ไดด้ ว้ ยตนเอง ชัดเจน จากการชี้แนะ แตกต่างกัน แม้วา่ จะ ของครหู รือผู้อื่น ได้รับคาชี้แนะจาก ครูหรือผู้อื่น  สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิ่งมีชีวติ 214 ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1) S13 การตคี วามหมาย ตีความหมายข้อมูล ส าม ารถตี ค วาม ห ม าย สามารถตีความหมาย ไ ม่ ส า ม า ร ถ ข้อมูลและลงขอ้ สรปุ จากการสังเกตและ ข้อมูลจากการสังเกตและ ข้อมูลจากการสังเกตและ ตีความหมายข้อมูล การอ่านใบความรู้ การอ่านใบความรู้ได้ว่า การอ่านใบความรู้ได้ว่า จากการสังเกตและ ได้ว่าดอกของพืชมี ด อ ก ข อ ง พื ช มี ด อ ก ข อ ง พื ช มี การอ่านใบความรู้ได้ ส่ วน ป ระ ก อ บ 4 ส่วนประกอบ 4 ส่วน คือ ส่วนประกอบ 4 ส่วน คือ ว่ า ด อ ก ข อ งพื ช มี สว่ น และลงข้อสรุป กลีบเล้ียง กลีบดอก เกสร กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสร สว่ นประกอบ 4 สว่ น เกี่ยวกับหน้าที่ของ เพศผู้ และเกสรเพศเมีย เพศผู้ และเกสรเพศเมีย คือ กลีบเล้ียง กลีบ ดอก และลงข้อสรุปได้ว่าแต่ละ และลงข้อสรุปได้ว่าแต่ละ ด อ ก เก ส ร เพ ศ ผู้ ส่วนมีหน้าท่ีแตกต่างกัน ส่วนมีหน้าท่ีแตกต่างกัน และเกสรเพ ศเมีย แต่จะทาหน้าท่ีร่วมกันใน แต่จะทาหน้าที่ร่วมกันใน และไม่สามารถลง การสืบพันธ์ุของพืชดอก การสืบพันธ์ุของพืชดอก ข้อสรุปได้ว่าแต่ละ ไดด้ ว้ ยตนเอง จากการชี้แนะของครูหรือ ส่วนมีหน้าที่แตกต่าง ผู้อน่ื กัน แต่จะทาหน้าที่ ร่ ว ม กั น ใ น ก า ร สืบพันธ์ุของพืชดอก แ ม้ ว่าจ ะได้ รับ ค า ชี้ แ น ะ จ า ก ค รู ห รื อ ผู้อน่ื สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

215 คู่มือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สง่ิ มีชีวิต ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ กั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ตามระดบั ความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมิน ดังน้ี ทักษะแห่ง รายการประเมิน ระดับความสามารถ ศตวรรษที่ 21 นาเสนอข้อมลู จาก ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) C4 การส่ือสาร การอภปิ ราย เกีย่ วกบั หน้าทข่ี อง สามารถนาเสนอข้อมลู สามารถนาเสนอข้อมูลจาก ไม่สามารถนาเสนอข้อมูล ดอก จากการอภิปรายเกย่ี วกับ หน้าท่ีของดอกไดอ้ ย่าง การอภิปรายเกี่ยวกับหน้าท่ี จากการอภิปรายเก่ียวกับ ถกู ตอ้ ง ได้ดว้ ยตนเอง ของดอกได้อย่างถูกต้อง จาก หน้าที่ของดอกได้ แม้ว่า การชีแ้ นะของครูหรอื ผู้อน่ื จะได้รับคาชี้แนะจากครู หรอื ผู้อ่ืน C5 ความรว่ มมอื ทางานร่วมกับผู้อ่ืน สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืนใน ไม่สามารถทางานร่วมกับ ในการสังเกต การ ผู้อื่นในการสังเกต การ การสังเกต การนาเสนอ และ ผู้อื่นได้ตลอดเวลาที่ทา นาเสนอ และการ นาเสนอ และการแสดง การแสดงความคิดเห็นเพื่อ กจิ กรรม แสดงความคิดเห็น ความคิดเห็นเพื่อบรรยาย บรรยายลักษณะและหน้าท่ี เ พื่ อ บ ร ร ย า ย ลักษณะและหน้าท่ีของ ของดอก รวมท้ังยอมรับความ ลักษณะและหน้าท่ี ดอก รวมทั้งยอมรับความ คิดเห็นของผู้อ่ืน บางช่วงเวลา ของดอก รวมทั้ ง คิดเห็ น ของผู้อ่ืน ต้ังแต่ ทีท่ ากจิ กรรม ย อ ม รั บ ค ว า ม เร่มิ ต้นจนสาเร็จ คดิ เห็นของผู้อ่ืน  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สง่ิ มชี วี ิต 216 กจิ กรรมท้ายบทท่ี 2 สว่ นตา่ ง ๆ ของพืชดอก (1 ช่วั โมง) 1. นกั เรยี นวาดรูปหรือเขยี นสรุปสงิ่ ทไี่ ด้เรียนรจู้ ากบทน้ี ในแบบบนั ทึกกิจกรรม หนา้ 83 2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ของตนเองโดยเปรียบเทียบกับผัง มโนทัศน์ในหวั ข้อ รู้อะไรในบทนี้ ในหนังสอื เรยี น หนา้ 97 3. นักเรียนกลับไปตรวจสอบคาตอบของตนเองในสารวจความรู้ก่อนเรียน ใน แบบบนั ทึกกิจกรรม หนา้ 66 อีกคร้ัง ถา้ คาตอบของนกั เรียนไม่ถูกตอ้ งใหข้ ีด เส้นทับข้อความเหล่านั้น แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง หรืออาจแก้ไขคาตอบด้วย ปากกาที่มีสีต่างจากเดิม นอกจากน้ีครูอาจนาคาถามในรูปนาบทในหนังสือ เรียน หน้า 78 มาร่วมกันอภิปรายคาตอบกับนักเรียนอีกครั้ง ดังน้ี “จากรูป นาบทส่วนต่าง ๆ ของพืช ทาหน้าที่อะไรบ้าง” ครูและนักเรียนร่วมกัน อภิปรายแนวทางการตอบคาถาม เช่น จากรูปต้นไฮเดรนเยียมีดอก ดอกทา หน้าที่สืบพันธุ์ ส่วนใบของพืชทุกชนิดมีหน้าท่ีสร้างอาหาร ลาต้นมีหน้าที่ ลาเลยี งน้า ธาตอุ าหาร 4. นักเรียนทา แบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 2 ส่วนต่าง ๆ ของพืชดอก โดยนาเสนอ คาตอบหน้าชั้นเรียน ถ้าคาตอบยังไม่ถูกต้อง ให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย หรือใหส้ ถานการณเ์ พม่ิ เติมเพ่อื แกไ้ ขแนวคดิ คลาดเคล่ือนใหถ้ กู ตอ้ ง 5. นักเรียนร่วมกันทากิจกรรม ร่วมคิดร่วมทา โดยให้นักเรียนออกแบบเพ่ือ ศึกษาว่าใบพชื ท่มี สี ีอื่นๆ นอกจากสีเขียวมีการสรา้ งอาหารหรอื ไม่ 6. นักเรียนทาแบบทดสอบท้ายเล่ม เพื่อเป็นการประเมินการเรียนรู้ของ นักเรียนตลอดภาคเรียน หากนักเรียนยังมีแนวคิดคลาดเคล่ือน ครูและ นกั เรยี นอาจรว่ มกนั อภปิ รายคาตอบเพอ่ื ชว่ ยให้นกั เรียนมีแนวคดิ ทีถ่ ูกตอ้ ง สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

217 คมู่ ือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สงิ่ มีชวี ติ สรปุ ผลการเรียนร้ขู องตนเอง รูปหรือขอ้ ความสรุปสงิ่ ที่ไดเ้ รยี นรจู้ ากบทนต้ี ามความเขา้ ใจของนักเรยี น  สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่งิ มีชีวิต 218 แนวคาตอบในแบบฝึกหัดทา้ ยบท ข้อ ค. เพราะใบที่มสี เี ขียวและได้รบั แสงจะมกี ารสงั เคราะห์ด้วยแสง ดงั น้ันส่วนของใบที่ มีกระดาษสีดาปดิ ไวไ้ มไ่ ดร้ บั แสงจึงไมม่ ีการสังเคราะห์ดว้ ยแสงเกดิ ขนึ้ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

219 ค่มู ือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สง่ิ มชี วี ิต สว่ นราก ลาตน้ และใบทีเ่ หลืออยู่ทาหน้าท่ีรว่ มกันเพ่อื การเจรญิ เตบิ โต โดยรากจะดดู น้า ลาเลียงไปยงั ลาตน้ และลาต้นจะลาเลยี งไปยงั ใบ ใบทมี่ ีสีเขยี วจะใชน้ ้า แสง แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ ในการสร้างอาหารโดยการสังเคราะหด์ ้วยแสง ไดเ้ ปน็ น้าตาล สาหรบั ใชใ้ นการดารงชวี ิต ตน้ ผกั ชีจึงมีการเจรญิ เติบโตต่อได้  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิง่ มชี ีวติ 220 นกั เรียนออกแบบการทดลองตามแนวทางของตนเอง เชน่ นาใบพืชที่ มีหลายสี หรอื ใบพชื ทีด่ ่างขาว มาต้มและสกัดคลอโรฟลิ ล์ออกด้วย แอลกอฮอล์ และทดสอบแปง้ ด้วยสารละลายไอโอดนี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

221 คูม่ อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 แรงและพลงั งาน หนว่ ยที่ 3 แรงและพลงั งาน ภาพรวมการจดั การเรียนรปู้ ระจาหน่วยที่ 3 แรงและพลังงาน บท เร่ือง กจิ กรรม ลาดับการจัดการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั บทที่ 1 มวลและ เรื่องท่ี 1 มวลและแรงโนม้ กิจกรรมที่ 1.1 วัตถุ  มวลเปน็ ปรมิ าณเนอื ของ ว 2.2 นาหนกั ถ่วงของโลก เคลื่อนที่อย่างไรเมือ่ ถกู สสารทังหมดทปี่ ระกอบกนั ป.4/1 ระบผุ ล ปลอ่ ยจากมือ เปน็ วัตถุ มวลของวัตถุจะคงตวั ของแรงโนม้ ถว่ งท่ี ไมเ่ ปล่ยี นแปลง มตี อ่ วตั ถจุ าก  โลกมีแรงดงึ ดูดมวลของ หลักฐานเชิง วัตถุ ทาให้วตั ถุตกสู่พนื ประจักษ์  แรงทีโ่ ลกดึงดดู หรอื แรง โน้มถว่ งทาใหว้ ัตถมุ นี าหนกั  นาหนกั ของวตั ถวุ ดั ได้โดย ใช้เครอ่ื งชั่งสปรงิ ป.4/2 ใช้เคร่อื งชงั่ สปริงในการวดั นาหนกั ของวตั ถุ กิจกรรมท่ี 1.2 มวลและ  มวลและนาหนกั เกย่ี วขอ้ ง นาหนกั สัมพันธก์ ัน สมั พนั ธก์ นั วตั ถุทมี่ มี วลมากจะมี ป.4/3 บรรยาย อย่างไร นาหนักมากกว่าวัตถทุ มี่ มี วลน้อย มวลของวตั ถุทมี่ ี ผลตอ่ การ กจิ กรรมที่ 1.3 มวลมผี ล  มวลของวตั ถุมผี ลต่อการ เปลีย่ นแปลงการ ตอ่ การเปลย่ี นแปลงการ เปลี่ยนแปลงการเคลอ่ื นทข่ี อง เคลอ่ื นท่ีของวตั ถุ เคลื่อนทขี่ องวัตถุอย่างไร วตั ถุนัน วัตถทุ ีม่ ีมวลมากจะ จากหลกั ฐานเชิง เปล่ยี นแปลงการเคลือ่ นทีไ่ ด้ ประจกั ษ์ ยากกวา่ วัตถุท่ีมีมวลนอ้ ย รว่ มคดิ ร่วมทา  สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครูรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สง่ิ มชี วี ิต 222 บท เรอ่ื ง กจิ กรรม ลาดับการจัดการเรียนรู้ ตวั ชี้วัด บทที่ 2 ตวั กลางของ เรื่องที่ 1 การมองเห็นส่ิง กิจกรรมที่ 1 ลกั ษณะ  เมื่อมองส่ิงต่าง ๆ โดยมี ว 2.3 แสง ต่างๆ ผ่านวัตถุท่ีนามา การมองเหน็ ต่างกนั วตั ถตุ า่ งชนดิ กนั มากนั จะทา กัน อยา่ งไรเมอ่ื มีวตั ถมุ า กันแสง ให้ลักษณะการมองเห็นส่ิง ป.4/1 จาแนกวัตถุ รว่ มคิด รว่ มทา นนั ๆ แตกตา่ งกัน เป็นตัวกลางโปร่งใส  จาแนกวัตถุที่ใช้กันแสง ตัวกลางโปร่งแสง ต า ม เ ก ณ ฑ์ ลั ก ษ ณ ะ ก า ร และวัตถุทึบ แ ส ง มองเห็นได้ 3 ประเภท คือ จากลักษณะการ ตัวกลางโปร่งใส ตัวกลาง มองเห็นสิ่งต่าง ๆ โปรง่ แสง และวตั ถุทบึ แสง ผ่ า น วั ต ถุ นั น เ ป็น เ ก ณ ฑ์ โ ด ย ใ ช้ ห ลั ก ฐ า น เ ชิ ง ประจักษ์ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

223 คู่มือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 แรงและพลังงาน บทท่ี 1 มวลและนา้ หนัก บทนีม้ อี ะไร จุดประสงคก์ ารเรียนร้ปู ระจาบท เรือ่ งที่ 1 มวลและแรงโนม้ ถว่ งของโลก คาสาคญั มวล (mass) เมอ่ื เรยี นจบบทนี นกั เรียนสามารถ 1. บอกความหมายและระบุความแตกต่างระหว่าง แรงโนม้ ถว่ ง (gravitational force) นาหนกั (weight) มวลและนาหนกั กิจกรรมที่ 1.1 วัตถเุ คลอ่ื นทอ่ี ย่างไรเมือ่ ถกู ปล่อยจากมอื 2. ระบผุ ลของแรงโน้มถว่ งท่ีมีต่อวัตถุ 3. วัดนาหนกั ของวัตถุโดยใช้เคร่ืองชง่ั สปรงิ กจิ กรรมที่ 1.2 มวลและนาหนกั สัมพันธ์กนั อย่างไร 4. บอกความสัมพนั ธร์ ะหว่างมวลและนาหนกั 5. บรรยายมวลกับการเปลยี่ นแปลงการเคลื่อนที่ กจิ กรรมท่ี 1.3 มวลมผี ลต่อการเปลยี่ นแปลงการเคลอ่ื นท่ี ของวตั ถอุ ย่างไร ของวตั ถุ แนวคิดสาคัญ มวลและนาหนักแตกต่างกัน โดยมวลเป็นเนือ ของวัตถุทังหมดหรือเป็นการต้านการเปล่ียนแปลงการ เคล่ือนท่ีของวัตถุ แต่นาหนักคือ แรงโน้มถ่วงของโลกท่ี ก ร ะ ท า ต่ อ ม ว ล ข อ ง วั ต ถุ แ ล ะ ท า ใ ห้ วั ต ถุ ต ก สู่ พื น โ ล ก วัดนาหนกั ไดโ้ ดยใชเ้ ครือ่ งชั่งสปรงิ ส่อื การเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี น ป.4 เลม่ 1 หนา้ 103-121 2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.4 เล่ม 1 หนา้ 89-109 3. วีดทิ ัศน์เกี่ยวกบั การใช้ชวี ติ ในสถานีอวกาศของ นักบินอวกาศจาก YouTube  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 สิง่ มชี ีวติ 224 ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 รหัส ทักษะ กจิ กรรมท่ี ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1.1 1.2 1.3 S1 การสงั เกต  S2 การวดั  S3 การใช้จานวน S4 การจาแนกประเภท S5 การหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง   สเปซกับสเปซ  สเปซกบั เวลา S6 การจัดกระทาและสอื่ ความหมายข้อมลู S7 การพยากรณ์  S8 การลงความเห็นจากข้อมลู  S9 การตงั สมมตฐิ าน S10 การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร S11 การกาหนดและควบคมุ ตัวแปร S12 การทดลอง S13 การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป  S14 การสร้างแบบจาลอง ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 C1 การสรา้ งสรรค์ C2 การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ C3 การแก้ปัญหา C4 การส่อื สาร  C5 ความร่วมมือ  C6 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

225 คมู่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงาน แนวคดิ คลาดเคล่ือน ครบู ันทกึ แนวคดิ ทไ่ี ด้จากการฟงั การสนทนาและการอภิปราย เพ่อื นาไปใช้ในการจดั การเรียนรูใ้ ห้สามารถแก้ไขแนวคดิ คลาดเคลอ่ื นและต่อยอดแนวคิดที่ถกู ตอ้ ง แนวคิดคลาดเคลื่อน แนวคดิ ท่ถี กู ต้อง มวลและนาหนกั คือสง่ิ เดียวกนั มีหนว่ ยเดียวกนั คอื กโิ ลกรัม มวลและนาหนกั แตกต่างกัน มวลเป็นปริมาณเนอื ทงั หมดของ (Gonen, 2018; Stamenkovski and Zajkov, 2014) วัตถุ สว่ นนาหนักเป็นแรงดึงดูดหรือแรงโน้มถ่วงของโลกท่ี กระทาตอ่ วัตถุ มวลมหี นว่ ยเปน็ กรัมหรอื กโิ ลกรัม ส่วนนาหนกั มี หน่วยเป็นนวิ ตัน  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 สงิ่ มชี ีวิต 226 บทน้ีเริ่มตน้ อย่างไร (0.5 ช่ัวโมง) ค รู รั บ ฟั ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง นักเรียนเป็นสาคัญ ครูยังไม่ 1. ครนู าเขา้ สู่บทเรียนโดยใหน้ กั เรยี นชมวีดิทศั นเ์ กย่ี วกับการใช้ชวี ติ เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวนให้ ของนักบินอวกาศในสถานอี วกาศเพ่ือใหเ้ ห็นการทากิจกรรมตา่ ง ๆ หาคาตอบที่ถูกต้องจากกิจกรรม ในสภาพไรแ้ รงดงึ ดดู ของโลก จากนนั ครนู าอภิปรายเพ่ือกระตุน้ ต่าง ๆ ในบทเรยี นี ความสนใจ โดยอาจใชค้ าถามดังนี 1.1 วีดิทัศน์นาเสนอเร่ืองราวเกี่ยวกับอะไร (นักเรียนตอบตาม ความเขา้ ใจ เชน่ การใช้ชีวิตของนักบินอวกาศในสถานอี วกาศ) 1.2 นักเรียนเคยใฝ่ฝันเป็นนักบินอวกาศหรือไม่ ถ้าเคย เพราะเหตใุ ด (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) 1.3 นักบนิ อวกาศมีการเคล่อื นทีเ่ หมือนหรอื แตกต่างจากนักเรยี นท่ี อยู่บนโลกหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง เช่น เคลื่อนท่ีไม่เหมือนกัน โดยนักบินอวกาศ ลอยไป มาในอวกาศได)้ 2. ครูชักชวนให้นักเรยี นศึกษาเก่ยี วกับมวลและแรงโน้มถ่วง โดยให้ นกั เรยี นเปดิ หนงั สอื เรียนหนา้ 103 แล้วเรม่ิ อ่านชอ่ื หนว่ ย ชื่อบท และจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ประจาบท จากนันครซู กั ถามวา่ เมื่อจบ บทเรยี นนี นักเรียนจะสามารถทาอะไรไดบ้ า้ ง (บอกความหมายและ ความแตกต่างระหว่างมวลและนาหนัก ระบผุ ลของแรงโนม้ ถว่ งทีม่ ี ตอ่ วตั ถุ ใชเ้ คร่อื งชัง่ สปริงวดั นาหนักของวัตถุ พร้อมทังบอก ความสัมพนั ธร์ ะหว่างมวลและนาหนัก และบรรยายมวลกบั การ เปลี่ยนแปลงการเคล่อื นทข่ี องวัตถ)ุ 3. ครใู หน้ กั เรียนเปิดหนงั สือเรียนหน้า 104 อ่านชื่อบท และแนวคิด สาคัญ จากนันครูซักถามวา่ ในบทนีจะเรียนเรือ่ งอะไรบ้าง (ในเรื่องนี จะได้เรยี นเรื่องมวล นาหนัก แรงโน้มถ่วงของโลก และการวดั นาหนัก ของวตั ถุโดยใช้เครือ่ งชั่งสปริง) 4. นกั เรยี นอา่ นเนอื เร่อื งในหนังสอื เรียนหน้า 2 ครูอาจใชว้ ธิ ีฝกึ การอ่านที่ เหมาะสมกบั นกั เรียน จากนันตอบคาถามเพื่อตรวจสอบความรู้เดมิ ของนกั เรยี นโดยให้นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ ราย ดงั นี 4.1 นกั บินอวกาศอยู่ที่ใด (นอกยานอวกาศ ท่ีลอยอย่ใู นอวกาศ นอกโลก) 4.2 นกั บินอวกาศทาภารกจิ อะไร (กาลงั ซอ่ มยานอวกาศหรอื ซ่อม อปุ กรณใ์ นอวกาศ) 4.3 นกั บินอวกาศมีการเคลอ่ื นทเ่ี หมอื นอยู่บนโลกหรอื ไม่ อยา่ งไร (ไมเ่ หมือนกนั ในอวกาศนักบนิ อวกาศลอยไปมาไดอ้ ยา่ งสะดวก สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

227 คมู่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลงั งาน 4.4 จากเรอื่ งทีอ่ ่าน มีคาถามเกี่ยวกบั เร่อื งอะไรบา้ งท่ีนักเรยี นจะได้ การเตรยี มตวั ลว่ งหน้าสาหรับครู เรียนรใู้ นบทนี (มวล นาหนัก การลอยในอวกาศของนกั บนิ เพื่อจดั การเรียนรใู้ นคร้ังถัดไป อวกาศ) ในครังถัดไป นักเรียนจะได้อ่าน 5. ครูชกั ชวนนักเรียนตอบคาถามในสารวจความรู้ก่อนเรียน เก่ียวกับ เร่ืองท่ี 1 มวลและแรงโน้มถ่วงของโลก มวลและนาหนกั ของนักบินอวกาศเม่ืออยู่บนโลกและอยู่ในอวกาศ ครูควรเตรียมวัตถุหลาย ๆ ประเภท เช่น หนังสือเรียน แปรงลบกระดาน หรือวัตถุ 6. ครูให้นักเรียนทาสารวจความรู้ก่อนเรียนในแบบบันทึกกิจกรรม อ่ืน ๆ ที่หาได้ง่าย และเป็นส่ิงท่ีนักเรียน หน้า 90 โดยอ่าน ช่อื หน่วย ชือ่ บท พบเห็นได้ทว่ั ไปในชวี ิตประจาวัน สาหรับ ใช้เป็นสื่อการเรียนรู้เพื่อแสดงให้เห็น 7. ครใู หน้ ักเรยี นอา่ นคาถาม และครูตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียน แรงดึงดูดของโลกที่กระทาต่อมวลของ เกี่ยวกับคาถามแต่ละข้อ จนแน่ใจว่านักเรียนสามารถทาได้ด้วย วตั ถุท่ีทาใหว้ ตั ถุตกลงส่พู นื ตนเอง จึงให้นักเรียนตอบคาถามตามความเข้าใจของตนเอง ซ่ึง คาตอบของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน และคาตอบอาจตอบถูกหรือ ผิดกไ็ ด้ 8. ครูสังเกตการตอบคาถามของนักเรียนเพ่ือตรวจสอบว่านักเรียนมี แนวคิดเก่ียวกับมวลและนาหนักอย่างไรบ้าง ครูอาจสุ่มให้นักเรียน 2-3 คน นาเสนอคาตอบของตนเองในแต่ละข้อ โดยครูยังไม่ต้อง เฉลยคาตอบท่ีถูกต้อง แต่จะให้นักเรียนย้อนกลับมาตรวจสอบ อีกครังหลังเรียนจบบทนีแล้ว และครูอาจบันทึกแนวคิด คลาดเคล่ือนหรอื แนวคดิ ท่นี า่ สนใจของนักเรยี น แล้วนามาออกแบบ การจัดการเรียนการสอนเพื่อแก้ไขแนวคิดคลาดเคลื่อนให้ถูกต้อง และต่อยอดแนวคิดท่นี ่าสนใจของนกั เรียน  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สง่ิ มชี ีวิต 228 แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม การสารวจความรูก้ อ่ นเรยี น นกั เรยี นอาจตอบคาถามถกู หรือผดิ กไ็ ดข้ นึ อยกู่ บั ความรเู้ ดมิ ของนกั เรยี น แตเ่ มอ่ื เรียนจบบทเรียนแล้ว ให้นกั เรียนกลับมาตรวจสอบคาตอบอีกครังและแก้ไขให้ถูกตอ้ ง ดงั ตัวอย่าง  มวลเปน็ ปริมาณเนื้อของสสาร ในอวกาศ นกั บนิ อวกาศก็ยงั คงมปี ริมาณ ท้ังหมดทีร่ วมกันเป็นตวั นักบนิ เนือ้ ของสสารทรี่ วมกนั เป็น อวกาศ ตัวนักบินอวกาศเช่นเดิม  เมื่ออยู่บนโลก มแี รงโนม้ ถ่วงของ ในอวกาศ ไมม่ แี รงโน้มถ่วงของโลก โลกกระทาตอ่ ตัวนักบินอวกาศ ที่กระทาต่อตวั นักบินอวกาศ จึงทา ใหไ้ มม่ ีนา้ หนกั มวลและน้าหนักแตกต่างกนั มวลเป็นปรมิ าณเนอ้ื ของสสารทง้ั หมดทปี่ ระกอบกัน เป็นวตั ถุ สว่ นน้าหนกั เปน็ แรงโนม้ ถว่ งของโลกทกี่ ระทาตอ่ มวลของวตั ถุ มวลของ วตั ถุจะเทา่ เดิมถา้ ไมม่ สี ่วนใดส่วนหนงึ่ ของวัตถุหายไปหรอื เพ่ิมขึ้นมา แตน่ ้าหนกั ของ วัตถเุ ปลี่ยนแปลงไดต้ ามคา่ แรงโน้มถ่วงของโลก มวลมีหนว่ ยเป็นกรมั หรอื กิโลกรมั ส่วนน้าหนกั มีหน่วยเปน็ นิวตัน สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

229 ค่มู ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลงั งาน เร่อื งท่ี 1 มวลและแรงโน้มถว่ งของโลก ในเรอื่ งนีนักเรียนจะไดเ้ รียนรู้เก่ยี วกบั ความแตกตา่ ง ระหวา่ งมวลและนาหนักของวตั ถุ ผลของแรงโน้มถว่ ง ของโลกทีก่ ระทาตอ่ มวลของวัตถุ รวมทังบอกความ สมั พนั ธร์ ะหวา่ งมวลและนาหนกั ตลอดจนเรยี นรูว้ ิธวี ดั นาหนกั ของวตั ถุ โดยใช้เครอ่ื งชง่ั สปริง และเรยี นรู้ เกี่ยวกับมวลมีผลตอ่ การเปล่ียนแปลงการเคล่ือนทข่ี อง วตั ถุ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรแู้ ละแหล่งเรยี นรู้ 1. บอกความหมายและระบุความแตกต่างระหว่างมวล 1. หนังสอื เรยี น ป.4 เล่ม 1 หนา้ 106-118 และนาหนกั 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.1 เล่ม 1 หนา้ 91-105 2. สังเกตและอธิบายการเคล่ือนท่ีของวัตถุเม่ือปล่อย วัตถจุ ากมือ 3. สังเกตและบอกความสัมพันธ์ระหว่างมวลและ นาหนกั ของวตั ถุ 4. ใชเ้ ครอ่ื งช่งั สปรงิ เพือ่ วดั นาหนักของวัตถุ 5. สังเกตและบรรยายมวลกับการเปลี่ยนแปลงการ เคล่ือนท่ขี องวตั ถุ เวลา 7 ช่วั โมง วสั ดุ อปุ กรณ์สาหรบั ทากจิ กรรม ดนิ นามนั แท่งไม้ ใบไม้ ลูกบอล ฟองนา เมล็ดถว่ั ถุงทราย 500 กรมั เครอื่ งช่งั สปรงิ เชือกฟาง ทราย คานไม้ ขวดนาพลาสตกิ  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิง่ มีชีวติ 230 แนวการจัดการเรียนรู้ (60 นาท)ี ในการตรวจสอบความรู้ ครู เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียนและ ขัน้ ตรวจสอบความรู้ (10 นาท)ี ยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวน ให้นักเรียนไปหาคาตอบด้วยตนเอง 1. ครูนาวัตถุต่าง ๆ เช่น หนังสือเรียน แปรงลบกระดานมาให้นักเรียน จากการอา่ นเนอื เรอ่ื ง พิจารณา แลว้ ซักถามดังนี 1.1 นักเรียนรู้จักคาว่ามวลหรือไม่ (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง) 1.2 มวลของหนังสือ หรือแปรงลบกระดานคือส่วนใด (นักเรียนตอบ ตามความเขา้ ใจของตนเอง เช่น มวลของหนงั สือคอื กระดาษทงั หมด ที่รวมเปน็ หนงั สอื เล่มนนั ) 1.3 มวลกับนาหนกั เหมือนหรอื ตา่ งกัน อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบตามความ เข้าใจของตนเอง เช่น มวลและนาหนักไม่แตกต่างกัน มวลมาก นาหนักจะมาก) ข้ันฝกึ ทักษะจากการอ่าน (35 นาที) 2. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อเร่ือง และคาถามในคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียน หน้า 106 แล้วร่วมกันอภิปรายในกลุ่มเพ่ือหาแนวคาตอบ ครูบันทึก คาตอบของนักเรียนบนกระดานเพอ่ื ใชเ้ ปรยี บเทียบคาตอบภายหลังการ อา่ นเรื่อง 3. นักเรียนอ่านคาในคาสาคัญ ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หาก นักเรียนยังอ่านไม่ได้ ครูควรสอนการอ่านให้ถูกต้อง นักเรียนอธิบาย ความหมายตามความเข้าใจ ครูชกั ชวนให้นักเรียนหาความหมายของคา ภายหลังจากการอา่ นเนอื เรอื่ ง 4. ครูชวนนักเรียนอ่านเนือเร่ืองทีละย่อหน้าตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับ ความสามารถของนักเรียน ร่วมกันอภิปรายใจความสาคัญตามแนว คาถามดังนี 4.1 เพราะเหตใุ ดแอปเปลิ้ จึงมีประโยชนต์ อ่ ร่างกาย (แอป เปิล้ ทาใหร้ า่ งกายแข็งแรง ไมเ่ ป็นโรคไดง้ า่ ย) 4.2 มวลคืออะไร (มวลเป็นปริมาณเนือของสสารทังหมดท่ี ประกอบกนั เป็นวัตถุ) 4.3 สสารที่นักเรียนรู้จักมีอะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามความ เขา้ ใจ) สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

231 คู่มอื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 แรงและพลงั งาน 4.4 สสารมลี กั ษณะอยา่ งไร (นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจ) ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมเกี่ยวกับความหมายของสสารว่า สสาร เป็นส่ิงต่าง ๆ ที่สามารถจับต้องได้ สัมผัสได้ ต้องการที่อยู่ โดยครู อาจจะทบทวนกิจกรรมท่ีนกั เรียนเคยเรียนมาในชัน ป. 3 เชน่ นาหรือ อากาศ เป็นส่ิงที่สามารถสัมผัสได้ มีนาหนัก และต้องการที่อยู่ ดังนัน นาและอากาศจงึ เป็นสสาร 4.5 สสารอ่ืน ๆ รอบตัวนักเรียนมีอะไรอีกบ้าง เพราะเหตุใดจึง เป็นสสาร (นักเรียนตอบได้หลากหลาย เช่น ปากกา หนังสือ โตะ๊ รองเท้า ตวั นกั เรยี น เป็นสสาร เพราะส่ิงของต่าง ๆ นจี ับ ต้องได้ มนี าหนัก ต้องการที่อย่)ู 4.6 มวลของแอปเปิ้ลคือสว่ นใดบ้าง (เนือสสารทังหมดท่ีประกอบ กันเป็นผลแอปเปิล้ ทงั เปลอื ก เนอื ผล เมลด็ ขวั ผลไม้) 4.7 มวลของตวั นักเรียนคือสว่ นใดบ้าง (ทุกสว่ นทีป่ ระกอบกันเปน็ ร่างกาย ทังเนอื ผม อวยั วะภายใน เล็บ ฯลฯ) 4.8 มวลมีหนว่ ยอะไร (มวลมีหน่วยกรมั หรือกิโลกรมั ) 4.9 เม่ือยา้ ยตาแหนง่ ทีอ่ ยู่ของวตั ถุ มวลของวัตถเุ ปลี่ยนแปลง หรอื ไม่ อย่างไร (ไมเ่ ปลีย่ นแปลง มวลของวัตถมุ ีคา่ เท่าเดมิ ไม่ ว่าจะอยูท่ ่ใี ดบนโลกหรอื นอกโลก) 4.10มวลของวตั ถุจะเปลี่ยนแปลงได้เม่ือใด (เม่ือมีส่วนใดส่วนหนึ่ง ของวตั ถหุ ลุดหายไปหรอื เพมิ่ ขนึ มา) 4.11นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบแรงดึงดูดของโลกคือใคร (เซอร์ ไอแซก นวิ ตนั ) 4.12การค้นพบของนิวตันมีจุดเร่ิมต้นจากอะไร (จากการ สังเกตเห็นผลแอปเป้ิหล่นจากตน้ ลงสพู่ ืน และเกิดข้อสงสยั ว่า ทาไมผลแอปเป้ิลจึงตกจากต้นสู่พืนดิน ทาให้นิวตัน ทาการศึกษาอย่างต่อเนอื่ ง) 4.13วัตถุมนี าหนักไดอ้ ยา่ งไร (แรงโนม้ ถ่วงของโลกกระทาต่อวตั ถ)ุ 4.14นาหนกั ของวตั ถมุ ีหนว่ ยอะไร (นวิ ตนั ) ข้นั สรปุ จากการอ่าน (15 นาท)ี 5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปจากการอ่านว่า มวลเป็น ปริมาณเนือของสสารท่ีประกอบกันเป็นวัตถุ มวลมีหน่วยกรัมหรือ  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 สง่ิ มีชีวิต 232 กิโลกรัม เซอร์ไอแซก นิวตัน เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ตังข้อสงสัยจากการ การเตรียมตัวลว่ งหน้าสาหรบั ครู สังเกตผลแอปเปิ้ล แล้วศึกษาอย่างต่อเน่ืองจนค้นพบว่าโลกมีแรงดึงดดู เพ่อื จดั การเรยี นร้ใู นคร้ังถัดไป หรือแรงโน้มถ่วงซึ่งกระทาต่อมวลของวัตถุ ทาให้วัตถุมีนาหนักและ นาหนกั มหี น่วยนวิ ตัน ในครังถัดไป นักเรียนจะได้ทา 6. ครูให้นกั เรยี นตอบคาถามใน ร้หู รอื ยงั ในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หนา้ 9 กิจกรรมท่ี 1.1 วัตถุเคล่ือนท่ีอย่างไรเม่ือ 7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือเปรียบเทียบคาตอบของนักเรียนใน ถูกปล่อยจากมอื โดยนักเรียนจะได้สังเกต รู้หรือยังกับคาตอบที่เคยตอบในคิดก่อนอ่าน ซ่ึงครูบันทึกไว้บน เส้นทางการเคลื่อนท่ีของวัตถุชนิดต่าง ๆ กระดาน เม่ือถูกปลอ่ ยจากมอื ตังแต่เร่ิมเคลื่อนทจี่ น 8. ครชู ักชวนนกั เรียนลองตอบคาถามท้ายเรื่องท่อี ่าน ดงั นี หยุดน่ิง ครูจะต้องเตรียมวัตถุต่าง ๆ 8.1 แรงโนม้ ถ่วงของโลกมผี ลอยา่ งไรต่อวัตถอุ ีกบ้าง ล่วงหน้า คือ ดินนามัน ฟองนา แท่งไม้ 8.2 วัดนาหนักของวัตถไุ ด้อยา่ งไร ใบไม้ ลูกบอล เมล็ดถั่ว หรืออุปกรณ์อืน่ ๆ 8.3 มวลและนาหนักสัมพันธ์กันหรือไม่ มวลมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง เพ่ือให้นักเรียนสังเกตการเคล่ือนที่ของ วตั ถเุ หลา่ นัน การเคล่อื นทขี่ องวตั ถุอยา่ งไร ครูบันทึกคาตอบของนักเรียนไว้โดยยังไม่เฉลยคาตอบแต่ชักชวน ใหน้ กั เรยี นไปหาคาตอบรว่ มกันในกจิ กรรมทีจ่ ะทาในครงั ถดั ไป สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

233 คู่มือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 แรงและพลังงาน แนวคาตอบในแบบบันทึกกจิ กรรม มวลเปน็ ปรมิ าณของเนอ้ื สสารท้งั หมดทปี่ ระกอบเปน็ วตั ถุ วตั ถมุ นี า้ หนกั เนอื่ งจากมแี รงดึงดูดของโลกกระทาตอ่ มวลของวตั ถุ  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่งิ มีชวี ิต 234 กจิ กรรมท่ี 1.1 วตั ถุเคลอ่ื นทอ่ี ยา่ งไรเมือ่ ถกู ปลอ่ ยจากมอื กิ จ ก ร ร ม นี นั ก เ รี ย น จ ะ ไ ด้ สั ง เ ก ต เ ส้ น ท า ง ก า ร เคลื่อนที่ของวัตถุต่าง ๆ เม่ือถูกปล่อยจากมือตังแต่เริ่ม เคล่อื นท่จี นหยุดเพ่อื อธิบายได้ว่ามีแรงดึงดูดหรอื แรง โน้มถว่ งของโลกกระทาตอ่ วัตถุ ทาใหว้ ตั ถตุ กลงส่พู ืน เวลา 2 ชัว่ โมง จุดประสงค์การเรียนรู้ สังเกตและอธิบายการเคลื่อนท่ีของวัตถุเมื่อถูกปล่อย จากมอื วสั ดุ อปุ กรณส์ าหรบั ทากจิ กรรม สิ่งที่ครตู อ้ งเตรยี ม/กลุ่ม 1. ดินนามัน 1 กอ้ น 2. ฟองนา 1 ชนิ 3. แท่งไม้ 1 อัน 4. ใบไม้ 1 ใบ 5. ลูกบอล 1 ลูก 6. เมล็ดถ่วั 1 เมลด็ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ S1 การสงั เกต สื่อการเรยี นรแู้ ละแหลง่ เรยี นรู้ S6 การจัดกระทาและสอื่ ความหมายขอ้ มูล S7 การพยากรณ์ 1. หนงั สือเรียน ป.4 เล่ม 1 หนา้ 108-109 S8 การลงความเหน็ จากข้อมลู 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.4 เล่ม 1 หนา้ 92-95 ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 3. ตัวอย่างวีดิทัศน์ปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เรื่องแรงโน้มถ่วง C4 การส่อื สาร ของโลกมีผลตอ่ วตั ถุอยา่ งไร http://ipst.me/8053 C5 ความรว่ มมอื สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

235 คมู่ ือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลงั งาน แนวการจดั การเรียนรู้ ค รู รั บ ฟั ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง นักเรียนเป็นสาคัญ ครูยังไม่ 1. ครูทบทวนเกี่ยวกับนาหนักของวัตถุโดยอาจใช้คาถามดังนี วัตถุมี เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวนให้ นาหนกั ไดอ้ ย่างไร (นาหนกั เกิดจากแรงดึงดดู ของโลกกระทาตอ่ มวลของ หาคาตอบที่ถูกตอ้ งจากกิจกรรม วัตถ)ุ ตา่ ง ๆ ในบทเรียนี 2. ครูนาเข้าสู่กิจกรรมโดยการซักถามว่านอกจากแรงดึงดูดของโลกจะทา ให้วัตถุมีนาหนักแล้ว นักเรียนคิดว่าแรงดึงดูดของโลกมีผลอย่างไรต่อ วตั ถุอกี (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 3. ให้นักเรยี นอ่านชอื่ กจิ กรรม และ ทาเป็นคดิ เป็น ในหนังสอื เรียน หน้า 108 จากนันตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับ จดุ ประสงคใ์ นการทากจิ กรรม โดยอาจใช้คาถามดงั นี 3.1 กิจกรรมนีนักเรียนจะได้เรียนเกีย่ วกบั เรอื่ งอะไร (การเคล่ือนทข่ี องวตั ถตุ ่าง ๆ เมือ่ ปลอ่ ยวตั ถุจากมอื ) 3.2 นักเรียนจะไดเ้ รียนเร่อื งนีดว้ ยวธิ ใี ด (การสังเกต) 3.3 เม่ือเรียนแลว้ นกั เรียนจะทาอะไรได้ (อธิบายการเคล่อื นทข่ี องวัตถุ ท่ปี ล่อยจากมือได้) นกั เรยี นบนั ทกึ จุดประสงคล์ งในแบบบันทกึ กิจกรรม หนา้ 92 4. นักเรียนอ่านส่ิงท่ีต้องใช้ในการทากิจกรรม หน้า 108 จากนันครูนาวัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีเตรียมไว้ นามาแสดงให้นักเรียนดูทีละอย่าง พร้อมให้ นักเรียนบอกช่ือวัสดุอุปกรณ์นัน ๆ ทังนีครูยังไม่แจกวัสดุอุปกรณ์ให้ นกั เรยี นในช่วงนี 5. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ทีละข้อ โดยครูอาจใช้วิธีการอ่านที่เหมาะสม กับความสามารถของนักเรียน จากนันครูตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกบั ลาดบั ขันตอนการทากิจกรรมทีละขนั โดยใชค้ าถามเพื่อชว่ ยสรปุ ดงั นี 5.1 เร่ิมสังเกตแนวการเคล่ือนที่ของวัตถุต่าง ๆ ตังแต่เม่ือใดถึงเมื่อใด (สังเกตตังแต่เริ่มปล่อยวัตถุให้หลุดจากมือลงสู่พืนจนวัตถุหยุดการ เคลอ่ื นที่) 5.2 นักเรียนจะบันทึกการสังเกตอย่างไร (บันทึกโดยการวาดลูกศร แสดงเส้นทางการเคลื่อนที่ของวัตถุแต่ละชนิดตังแต่เร่ิมปล่อยวตั ถุ จนวตั ถุหยดุ การเคลือ่ นที)่ 5.3 เมื่อบันทึกผลการสังเกตแล้ว นักเรียนต้องทาอะไรต่อไป (ร่วมกัน อภปิ รายเกี่ยวกบั สง่ิ ท่ที าให้วัตถุเคลอ่ื นที่ เมอ่ื ปล่อยวัตถจุ ากมือ) 6. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว ให้นักเรียนรับวัสดุอุปกรณ์ แล้วเริม่ ทากิจกรรม โดยปฏบิ ัติตามขนั ตอน ดังนี 6.1 สังเกตลักษณะของวตั ถุตา่ ง ๆ ที่ใช้ในกิจกรรม (S1) 6.2 พยากรณ์และบนั ทึกเสน้ ทางการเคลื่อนทขี่ องวัตถุแต่ละชินตังแต่ ปลอ่ ยจากมอื จนวัตถุหยดุ การเคล่อื นที่ (S7)  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สง่ิ มชี วี ติ 236 6.3 สังเกตเส้นทางการเคลื่อนที่ของวัตถุแตล่ ะชินตังแต่ปล่อยจากมือ จนหยุดการเคล่ือนท่ี (S1) บันทกึ ผล (S6) 6.4 นาเสนอและร่วมกันอภิปรายส่ิงท่ีเกิดขึน จากนันร่วมกันลง ความเห็นจากข้อมูลท่ีได้จากการทากิจกรรมเก่ียวกับสิ่งที่ทาให้ วตั ถุเคลอ่ื นทีเ่ ม่ือปล่อยวตั ถุจากมือ (S8) (C4,C5) 7.ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายผลการทากจิ กรรมโดยอาจใชค้ าถามดังนี 7.1 เม่อื ถือวตั ถุในมอื วัตถมุ กี ารเคลือ่ นท่ีหรือไม่ (วัตถุไม่เคลอื่ นท)ี่ 7.2 เมื่อปล่อยวัตถุจากมือ วัตถุแต่ละชนิดมีการเปล่ียนแปลงการ เคล่ือนที่หรือไม่ อย่างไร (วัตถุแต่ละชนิดมีการเปล่ียนแปลงการ เคล่ือนที่เหมือนกัน โดยเปล่ียนจากหยุดน่ิงในมือเป็นเคล่ือนที่ลง สพู่ ืน) 7.3 เมื่อปล่อยวัตถุจากมือ มีแรงกระทาต่อวัตถุหรือไม่ รู้ได้อย่างไร (มี เพราะวัตถุมีการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ได้เม่ือมีแรงมา กระทา) 7.4 เมื่อปล่อยวัตถุจากมือ มีแรงจากมือกระทาต่อวัตถุหรือไม่ (ไม่มี แรงกระทาจากมือ) 7.5 เมื่อไม่มีแรงที่มือกระทาต่อวัตถุ วัตถุเปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ี โดยมีแรงอะไรกระทาต่อวัตถุ (มีแรงอื่นที่ไม่ใช่แรงจากมือ โดย แรงนนั เปน็ แรงโน้มถว่ งหรอื แรงดึงดูดของโลกทก่ี ระทาตอ่ วตั ถุ) 7.6 เส้นทางการเคล่ือนท่ีของวัตถุแต่ละชินที่ถูกปลอ่ ยจากมือแตกต่าง กันหรือไม่ อย่างไร (แตกต่างกันคือ วัตถุบางชนิด เช่น ดินนามัน แท่งไม้ เคลื่อนที่ลงสู่พืนในแนวตรง แต่วัตถุบางชนิด เช่น ใบไม้ เคล่ือนทร่ี ่อนไปมาขณะตกลงสูพ่ ืน และวัตถบุ างชนิด เช่น ฟองนา เมลด็ ถ่ัว เม่ือตกลงสู่พืนจะกระดอนขึนจากพนื แล้วจึงตกลงสูพ่ ืน) 7.7 วัตถุแต่ละชินหยุดเคลื่อนท่ีที่ใด เหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (วัตถุ แต่ละชินหยดุ การเคล่ือนท่ที ีพ่ นื เหมอื นกัน) 7.8 แรงโน้มถ่วงหรือแรงดึงดูดของโลกกระทาต่อวัตถุในทิศทางใด รไู้ ดอ้ ยา่ งไร (ทิศทางลงสู่พืนเสมอ เพราะวตั ถุตกสูพ่ นื โลกเสมอ) 8. ครูและนักเรียนร่วมกันเชื่อมโยงส่ิงท่ีได้เรียนรู้จากกิจกรรมเพื่อลง ความเหน็ ว่าวัตถุทกุ ชนิดเมื่อปล่อยจากมือ จะตกลงส่พู ืนเสมอ เน่อื งจาก มแี รงดึงดดู ของโลกหรือแรงโน้มถ่วงกระทาตอ่ วัตถุ 9. นักเรียนร่วมกันอภิปรายและตอบคาถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจ เพม่ิ เตมิ คาถามในการอภปิ รายเพอ่ื ใหไ้ ด้แนวคาตอบทถี่ ูกตอ้ ง 10.ครูให้นักเรียนสรุปสิ่งที่ไดเ้ รียนรู้ในกิจกรรมนี จากนันนักเรียนอ่าน ส่ิงท่ี ได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบกบั ข้อสรปุ ของตนเอง 11. ครูชักชวนนักเรียนตอบคาถามท้ายเรื่องท่ีอ่านซึ่งถามว่านอกจากแรง โน้มถ่วงของโลกจะทาให้วัตถุมีนาหนักแล้ว แรงโน้มถ่วงของโลกยังมีผล สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

237 คมู่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงาน ต่อวัตถุอย่างไรบ้าง ซึ่งนักเรียนควรตอบได้ว่าแรงโน้มถ่วงของโลกทาให้ วัตถตุ กลงสู่พืนโลก 12. ครูให้นักเรียนฝึกตังคาถามเก่ียวกับเรื่องท่ีสงสัยหรืออยากรู้เพ่ิมเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนันครูสุ่มนักเรียน 2-3 คน ให้นาเสนอคาถามของ ตนเองหนา้ ชันเรยี น 13. นักเรียนอ่านความรู้เพ่ิมเติมเกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลกในหัวข้อ เกร็ดน่ารู้ จากนันครูให้นักเรียนสรุปสิ่งท่ีอ่านเก่ียวกับแรงดึงดดู ของโลก ซ่งึ เปน็ แรงไมส่ ัมผัส และคา่ ของแรงขนึ อยู่กบั ระดบั ความสูงจากพืนโลก 14.ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 อะไรบ้างและในขันตอน ใดบ้าง จากนนั บันทกึ ในแบบบันทึกกจิ กรรมหน้า 95 การเตรียมตวั ลว่ งหน้าสาหรับครู เพือ่ จัดการเรยี นรู้ในคร้งั ถดั ไป ในครังถัดไป นักเรียนจะได้ทากิจกรรมท่ี 1.2 มวลและนาหนักสัมพันธ์กัน อย่างไร โดยการใช้เคร่ืองช่ังสปริงอ่านค่านาหนักของถุงทราย ทังนีครูต้องเตรียม เครื่องชัง่ สปริง และถุงทรายมวล 500 กรัม ถ้าไม่มีถุงทราย อาจใชว้ ัตถุอน่ื ที่ทราบ ค่ามวลบรรจุลงในถุงพลาสติกมีหูหิว แล้วจึงนามาแขวนกับขอเกี่ยวของเครื่องชั่ง สปริง โดยวัตถุท่ีใช้จะต้องมีนาหนักไม่เกินค่าสูงสุดท่ีเคร่ืองช่ังสปริงอ่านได้ คือ 10 นิวตัน นอกจากนคี รเู ตรยี มส่อื การสอนเพิม่ เติมโดยดาวน์โหลดแอพลเิ คชัน่ สาหรบั ดสู ือ่ ความเป็นจริงเสริม (Augment Reality) สาหรับให้นักเรียนศึกษาในเกร็ดความรู้ใน กิจกรรมตอ่ ไป  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่งิ มชี ีวติ 238 แนวคาตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม สงั เกตและอธบิ ายการเคล่ือนท่ขี องวัตถตุ า่ งชนดิ กนั เมอ่ื ถูกปลอ่ ยจากมือ ขน้ึ อยกู่ ับความคดิ และเหตุผลของนกั เรยี น ขึน้ อย่กู ับความคดิ และเหตผุ ลของนักเรียน สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

239 คู่มอื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 แรงและพลงั งาน ข้ึนอยกู่ ับความคิดและเหตุผลของนักเรียน ขึน้ อยู่กับความคดิ และเหตผุ ลของนกั เรยี น ขึ้นอยกู่ ับความคิดและเหตผุ ลของนกั เรียน ขน้ึ อย่กู ับความคดิ และเหตผุ ลของนกั เรยี น  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 สง่ิ มีชีวิต 240 ขณะท่วี ัตถอุ ยใู่ นมอื วตั ถไุ มม่ ีการเคลอ่ื นท่ี เม่อื ปล่อยวัตถจุ ากมือ วัตถทุ กุ ชนิดมีการเปลี่ยนแปลงการเคลอ่ื นท่โี ดยเปลี่ยน จากหยดุ นง่ิ ในมือเปน็ เคลอ่ื นทล่ี งสพู่ น้ื เม่ือปล่อยวัตถจุ ากมือ มแี รงกระทาต่อวตั ถุ รไู้ ด้จากวัตถุเปล่ียนแปลง การเคล่อื นทจ่ี ากหยดุ นิ่งเปน็ เคลอื่ นทลี่ งสพู่ ืน้ แรงทกี่ ระทาตอ่ วตั ถุ เป็นแรงโนม้ ถ่วงของโลก วัตถแุ ต่ละช้ินมเี สน้ ทางการเคลอ่ื นที่เหมอื นหรอื ตา่ งกันก็ได้ เช่น ดนิ นา้ มัน แทง่ ไม้ ตกลงสู่ พน้ื ในแนวดง่ิ แล้วหยดุ นิง่ ขณะทลี่ กู บอล ฟองนา้ เมล็ดถวั่ จะตกในแนวด่ิงเชน่ กัน เมื่อถึง พืน้ จะกระดอนข้ึนลงจนหยดุ น่ิง ส่วนใบไม้เคลอื่ นทีร่ อ่ นไปทางซ้าย ทางขวาจนตกลงสพู่ ืน้ แตส่ ่งิ ท่ีเหมือนกันคอื วัตถุทกุ ชนดิ หยดุ เคลื่อนทีท่ พ่ี ้ืนเสมอ เม่ือปลอ่ ยวตั ถจุ ากมือ เส้นทางการเคลื่อนท่ขี องวัตถแุ ต่ละชนดิ ทีต่ กลงส่พู น้ื อาจ แตกตา่ งกัน แต่วัตถทุ ุกชนิดจะหยดุ เคลื่อนทที่ ีพ่ ้นื เสมอ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

241 คูม่ อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 แรงและพลังงาน เมอ่ื ปลอ่ ยวตั ถจุ ากมือ วตั ถทุ ุกชนิดตกลงสพู่ ้นื เสมอเน่ืองจากมีแรงโน้มถว่ งของโลก กระทาตอ่ วัตถใุ นแนวด่ิง ในทศิ ทางลงสู่พื้นโลก คาถามของนักเรยี นท่ตี งั้ ตามความอยากร้ขู องตนเอง        สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สง่ิ มีชวี ิต 242 แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรขู้ องนกั เรียนทาได้ ดังนี 1. ประเมนิ ความร้เู ดิมจากการอภปิ รายในชันเรยี น 2. ประเมินการเรียนรจู้ ากคาตอบของนักเรยี นระหวา่ งการจัดการเรยี นรูแ้ ละจากแบบบันทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทากจิ กรรมของนกั เรยี น การประเมินจากการทากิจกรรมท่ี 1.1 วัตถุเคล่อื นที่อยา่ งไรเมือ่ ถกู ปล่อยจากมือ ระดบั คะแนน 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรงุ 3 คะแนน หมายถึง ดี รหัส ส่งิ ที่ประเมนิ คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ S1 การสังเกต S6 การจดั กระทาและสือ่ ความหมายข้อมลู S7 การพยากรณ์ S8 การลงความเห็นจากขอ้ มูล ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 C4 การส่ือสาร C5 ความรว่ มมอื รวมคะแนน สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

243 ค่มู ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลังงาน ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรต์ ามระดบั ความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมนิ ดังนี ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรงุ (1) ทางวทิ ยาศาสตร์ พอใช้ (2) S1 การสังเกต การบรรยาย สามารถใชป้ ระสาทสมั ผัส สามารถใช้ประสาทสมั ผัส ไม่สามารถใช้ รายละเอยี ด เก็บรายละเอียดของ เกบ็ รายละเอียดของขอ้ มูล ประสาทสมั ผัสเก็บ เก่ียวกบั เสน้ ทาง ขอ้ มลู เก่ียวกับเสน้ ทาง เก่ยี วกบั เสน้ ทางการเคล่อื นท่ี รายละเอียดของ การเคล่อื นทีข่ อง การเคลอื่ นทีข่ องวัตถุแต่ ของวัตถุแต่ละชนดิ เมือ่ ถกู ขอ้ มลู เกี่ยวกับ วัตถุแตล่ ะชนิด ละชนดิ เมอ่ื ถกู ปล่อยจาก ปลอ่ ยจากมอื จนวัตถหุ ยดุ นง่ิ เสน้ ทางการ เม่ือถูกปล่อยจาก มอื จนวตั ถหุ ยดุ นิง่ ได้ ได้ จากการชีแนะของครหู รือ เคล่ือนท่ขี องวัตถแุ ต่ มือ จนวตั ถุหยุด ดว้ ยตนเอง โดยไม่เพิ่มเติม ผูอ้ ืน่ หรือมีการเพ่มิ เติม ละชนดิ เมอ่ื ถูก นง่ิ ความคิดเหน็ ความคิดเห็น ปลอ่ ยจากมอื จน วัตถหุ ยุดนงิ่ ได้ แม้ว่าจะได้รบั คา ชแี นะจากครูหรือ ผู้อน่ื S6 การจดั กระทาและ นาข้อมูลท่ีได้จาก สามารถนาขอ้ มูลที่ได้จาก สามารถนาเสนอข้อมูลที่ได้ ไม่สามารถนาขอ้ มลู สอื่ ความหมายขอ้ มลู การสงั เกตเก่ียวกับ การสังเกตเก่ยี วกบั เสน้ ทาง จากการสงั เกตเก่ียวกบั ทีไ่ ดจ้ ากการสงั เกต เสน้ ทางการ การเคลอื่ นท่ีของวตั ถุแตล่ ะ เสน้ ทางการเคล่ือนที่ของวัตถุ เกี่ยวกับเส้นทางการ เคลอ่ื นท่ขี องวตั ถุ ชนิดเมือ่ ถูกปลอ่ ยจากมือ แตล่ ะชนดิ เม่อื ถกู ปล่อยจาก เคลอ่ื นที่ของวตั ถแุ ต่ แต่ละชนิดเม่อื ถูก จนวตั ถุหยดุ นง่ิ มาจัด มือ จนวัตถหุ ยุดนิ่งมาจัด ละชนิดเมือ่ ถกู ปลอ่ ย ปลอ่ ยจากมือ จน กระทาโดยการเขยี น กระทาโดยการเขียน จากมือ จนวัตถหุ ยดุ วตั ถุหยดุ นิ่งมาจดั แผนภาพและสอื่ แผนภาพ และสอ่ื ความหมาย นง่ิ มาจดั กระทาโดย กระทาโดยการ ความหมายการ การเปล่ียนแปลงเคลือ่ นท่ี การเขยี นแผนภาพ เขยี นแผนภาพ เปลี่ยนแปลงเคลอ่ื นที่ของ ของวตั ถุแต่ละชนดิ ให้ผูอ้ ื่น และไมส่ ามารถส่อื และส่อื ให้ผอู้ ื่น วตั ถุแต่ละชนิดให้ผอู้ น่ื เข้าใจไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง จาก ความหมายการ เขา้ ใจการ เขา้ ใจไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ได้ การชีแนะของครูหรอื ผู้อน่ื เปลย่ี นแปลง เปลยี่ นแปลง ดว้ ยตนเอง เคลอื่ นทขี่ องวัตถแุ ต่ เคลือ่ นทขี่ องวตั ถุ ละชนดิ ใหผ้ อู้ น่ื เขา้ ใจ แตล่ ะชนดิ ได้ แมว้ ่าจะได้รบั คา ชีแนะจากครหู รือ ผอู้ ่นื S7 การพยากรณ์ พยากรณ์เส้นทาง สามารถพยากรณเ์ ส้นทาง สามารถพยากรณ์เส้นทาง ไมส่ ามารถพยากรณ์ การเคลื่อนทข่ี อง การเคลอ่ื นทขี่ องวัตถแุ ตล่ ะ การเคลื่อนทข่ี องวตั ถแุ ตล่ ะ เส้นทางการเคลือ่ นที่ วตั ถุแตล่ ะชนิดเม่ือ ชนดิ เมอื่ ถูกปล่อยจากมือ ชนิดเมอ่ื ถกู ปล่อยจากมือ จน ของวัตถแุ ตล่ ะชนิด ถูกปล่อยจากมอื จนหยุดเคลื่อนท่ี โดยอาศัย หยดุ เคลือ่ นที่จากการชแี นะ เมื่อถกู ปลอ่ ยจากมือ จนหยดุ เคลื่อนที่ ของครแู ละผ้อู น่ื จนหยดุ เคล่ือนที่  สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 สง่ิ มีชีวติ 244 ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรบั ปรงุ (1) ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2) S8 การลงความเห็น ข้อมูลหรอื ความรูท้ ีม่ อี ยู่ ได้ แมว้ ่าจะได้รับคา จากขอ้ มูล ดว้ ยตัวเอง ชีแนะจากครหู รอื ผูอ้ ่ืน ลงความเหน็ จาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จาก ไม่สามารถลง ขอ้ มลู ไดว้ ่ามีแรง ข้อมลู ไดว้ ่ามแี รงโน้มถ่วง ข้อมลู ไดว้ า่ มแี รงโน้มถว่ งของ ความเหน็ จากข้อมูล โนม้ ถ่วงของโลก ของโลกกระทาตอ่ วตั ถุท่ี โลกกระทาตอ่ วตั ถทุ ีป่ ล่อย ไดว้ ่ามแี รงโน้มถว่ ง กระทาต่อวัตถุท่ี ปลอ่ ยจากมือ ทาให้วตั ถุ จากมอื ทาใหว้ ตั ถุ ของโลกกระทาตอ่ ปล่อยจากมอื ทา เปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ เปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่ วัตถุท่ปี ล่อยจากมือ ใหว้ ัตถุ จากหยดุ นิง่ ในมือ เปน็ จากหยุดน่งิ ในมือ เปน็ ทาใหว้ ตั ถุ เปลีย่ นแปลงการ เคล่ือนทล่ี งส่พู นื ไดอ้ ย่าง เคลอ่ื นทล่ี งสู่พนื ได้อย่าง เปล่ยี นแปลงการ เคลือ่ นท่จี ากหยดุ ถกู ตอ้ ง ได้ด้วยตนเอง ถกู ตอ้ ง จากการชแี นะของ เคล่ือนทจี่ ากหยดุ น่ิง นง่ิ ในมือ เปน็ ครหู รือผู้อน่ื ในมือ เปน็ เคลอ่ื นที่ เคลือ่ นทลี่ งสพู่ นื ได้ ลงสพู่ นื ได้ แมว้ ่าจะ ไดร้ บั คาชีแนะจาก ครหู รอื ผู้อ่นื สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

245 คูม่ ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงาน ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ กั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใช้เกณฑก์ ารประเมนิ ดงั นี ทักษะแห่งศตวรรษ รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1) ที่ 21 พอใช้ (2) C4 การส่ือสาร นาเสนอขอ้ มูลจาก สามารถนาเสนอขอ้ มูล สามารถนาเสนอข้อมลู ไม่สามารถนาเสนอขอ้ มูล การสังเกตและ จากการสังเกตและ จากการสังเกตและ จากการสงั เกตและอภิปราย อภิปรายเกี่ยวกับ อภปิ รายเกีย่ วกับ อภปิ รายเกยี่ วกับ เกีย่ วกบั เสน้ ทางการ เสน้ ทางการ เส้นทางการเคลื่อนที่ เสน้ ทางการเคลือ่ นทขี่ อง เคลอื่ นทข่ี องวัตถุแต่ละชนิด เคลือ่ นทข่ี องวัตถแุ ต่ ของวตั ถแุ ต่ละชนดิ เมอ่ื วัตถุแต่ละชนิดเม่อื ถูก เมอื่ ถูกปลอ่ ยจากมอื จน ละชนดิ เม่อื ถกู ถกู ปลอ่ ยจากมอื จน ปล่อยจากมือ จนวตั ถุ วตั ถหุ ยุดน่ิงเพือ่ ใหผ้ ู้อ่ืน ปล่อยจากมอื จน วตั ถุหยุดนง่ิ เพอื่ ใหผ้ ้อู น่ื หยุดนงิ่ เพ่ือใหผ้ ูอ้ ื่นเขา้ ใจ เข้าใจได้ แม้ว่าจะได้รบั คา วตั ถุหยุดนง่ิ เพ่อื ให้ เขา้ ใจไดด้ ว้ ยตนเอง ได้ โดยอาศยั การชีแนะ ชีแนะจากครหู รือผ้อู นื่ ผอู้ ่ืนเขา้ ใจ จากครูหรอื ผอู้ นื่ C5 ความรว่ มมอื ทางานร่วมกบั ผู้อน่ื สามารถทางานรว่ มกบั สามารถทางานร่วมกบั ไมส่ ามารถทางานรว่ มกับ ในการสงั เกต ผอู้ ่นื ในการสงั เกตสงั เกต ผู้อน่ื ในการสังเกตสงั เกต ผ้อู น่ื ได้ตลอดเวลาท่ีทา เส้นทางการ เส้นทางการเคลื่อนท่ี เส้นทางการเคลอ่ื นทข่ี อง กจิ กรรม เคลือ่ นทขี่ องวตั ถแุ ต่ ของวตั ถแุ ต่ละชนิดเมือ่ วัตถุแต่ละชนดิ เม่ือถกู ละชนิดเมอ่ื ถูก ถกู ปล่อยจากมอื จน ปล่อยจากมือ จนวัตถุ ปล่อยจากมือ จน วตั ถหุ ยดุ น่ิง รวมทงั หยุดนงิ่ รวมทังยอมรับ วัตถหุ ยุดนิ่งรวมทงั ยอมรับความคิดเหน็ ของ ความคิดเห็นของผอู้ น่ื ยอมรับความ ผูอ้ นื่ ตังแตเ่ รม่ิ ตน้ จน บางชว่ งเวลาที่ทา คดิ เห็นของผ้อู ่นื สาเร็จ กจิ กรรม  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิ่งมีชวี ติ 246 กิจกรรมท่ี 1.2 มวลและนา้ หนักสมั พนั ธ์กนั อยา่ งไร กิจกรรมนนี กั เรยี นจะได้สงั เกตและใช้เคร่อื ง ช่งั สปริงในการชั่งนาหนักของวัตถซุ ึ่งมีมวลต่างกัน เพอ่ื บอกความสัมพนั ธ์ระหวา่ งมวลและนาหนัก โดยเม่ือ วัตถทุ ่ีมมี วลมาก จะมีนาหนกั มาก เวลา 2 ช่ัวโมง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สังเกตและบอกความสัมพันธ์ระหว่างมวลและ นาหนักของวตั ถุ 2. ใช้เครือ่ งชั่งสปรงิ เพือ่ ชัง่ นาหนกั ของวัตถุ วสั ดุ อปุ กรณ์สาหรบั ทากจิ กรรม สิง่ ท่คี รตู ้องเตรยี ม/กลุ่ม 1. ถงุ ทรายขนาด 500 กรัม 2 ถุง 2. เคร่ืองช่ังสปรงิ 1 เครือ่ ง สอ่ื การเรยี นรแู้ ละแหล่งเรยี นรู้ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. หนงั สือเรยี น ป.4 เล่ม 1 หนา้ 111-113 S1 การสังเกต 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.4 เลม่ 1 หนา้ 96-100 S2 การวัด S6 การจดั กระทาและสอื่ ความหมายข้อมูล 3. ตัวอย่างวีดิทัศน์ปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เรื่องมวลและ S7 การพยากรณ์ นาหนกั เป็นอยา่ งไร http://ipst.me/8054 S8 การลงความเหน็ จากขอ้ มลู S13 การตีความหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 C4 การสอ่ื สาร C5 ความร่วมมอื สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

247 คมู่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงาน แนวการจดั การเรยี นรู้ ค รู รั บ ฟั ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง นักเรียนเป็นสาคัญ ครูยังไม่ 1. ครทู บทวนความรูท้ ่ีเรยี นมา โดยอาจใชค้ าถามดงั นี เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวนให้ 1.1 มวลและนาหนักต่างกันอย่างไร (มวลเป็นปริมาณเนือสสารท่ี หาคาตอบที่ถูกต้องจากกิจกรรม รวมกันเป็นวัตถุ ส่วนนาหนักเป็นแรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทาต่อ ต่าง ๆ ในบทเรยี นี วตั ถ)ุ 1.2 มวลมีหน่วยอะไร และนาหนักมีหน่วยอะไร (มวลมีหน่วยเป็นกรัม ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม หรอื กโิ ลกรัม และนาหนกั มีหน่วยเปน็ นวิ ตนั ) วิธีชว่ ยให้นักเรียนสามารถสงั เกตเหน็ หมดุ ท่ี 2. ครูนาวัตถุหลาย ๆ ชนิด เช่น หนังสือ หรือกล่องใส่ดินสอให้นักเรียน ชีบอกคา่ แรงของเคร่ืองช่งั สปริงได้ชัดเจน สังเกตหรือยก เพ่ือให้นักเรียนคาดคะเนนาหนักของวัตถุว่าเป็นเท่าไร ขณะทคี่ รนู าอภปิ รายวธิ กี ารอ่านคา่ ของแรง นักเรียนอาจตอบได้หลากหลาย ครูอาจนาอภิปรายว่าการยกวัตถุโดย จากเครื่องชงั่ สปรงิ หนา้ ชันเรยี นอาจทาไดโ้ ดย อาศัยเพียงความรู้สึกของแต่ละคนนันจะทาให้คาดคะเนค่านาหนักท่ี ใช้ไมจ้ ิมฟันเลก็ ๆ ทาดว้ ยสีแดง ตดั ให้ยาวจาก แตกตา่ งกัน) ปลายดา้ นแหลมประมาณ 1-2 เซนตเิ มตร แล้วนามายดึ ตดิ กบั รอยบากกึ่งกลางของหมดุ 3. ครูซักถามว่าเราจะมีวิธีหานาหนักของวัตถุไดอ้ ยา่ งไร (นักเรียนอาจตอบ ดงั รูป ตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ใช้เคร่ืองมือหรืออุปกรณ์ในการชั่ง นาหนกั ) 4. นักเรียน อ่านช่ือกิจกรรม และทาเป็นคิดเป็น ในหนังสือเรียน หน้า 111 ครูตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนเก่ยี วกับจุดประสงคใ์ นการทา กจิ กรรม โดยอาจใช้คาถามดงั นี 4.1 กิจกรรมนีนักเรียนจะได้เรียนเก่ียวกับเร่ืองอะไร (การหา ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและนาหนักของวัตถุโดยใช้เคร่ือง ชั่ง สปริง) 4.2 นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นเรือ่ งนดี ว้ ยวธิ ใี ด (การสงั เกต) 4.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (บอกความสัมพันธ์ระหว่าง มวลและนาหนักของวัตถุ และใช้เคร่ืองช่ังสปริงหาค่านาหนักของ วัตถไุ ด)้ นกั เรยี นบนั ทกึ จุดประสงคล์ งในแบบบันทกึ กจิ กรรมหนา้ 96 5. นักเรียนอ่านส่ิงที่ต้องใช้ในการทากิจกรรม ในหนังสือเรียนหน้า 111 ซึ่งครูอาจเตรียมวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้เพื่อแสดงให้นักเรียนดูทีละอย่าง พร้อมกับให้นักเรียนบอกช่ือวัสดุอุปกรณ์และวิธีใช้อุปกรณ์ โดยครูให้ คาแนะนาเพิม่ เตมิ ในกรณที น่ี ักเรียนไม่ร้จู กั วสั ดุอปุ กรณ์ ครคู วรบอกชื่อ และแนะนาวิธีใช้วัสดุอุปกรณ์นัน ๆ เช่น ในกิจกรรมนีครูควรแนะนาให้ นกั เรยี นรู้จกั ถงุ ทรายและเครอ่ื งชง่ั สปรงิ  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่ิงมีชวี ิต 248 6. นักเรียนอ่านทาอย่างไรทีละขอ้ โดยครูอาจใช้วิธีการอ่านทเี่ หมาะสมกับ ข้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ ความสามารถของนักเรียน จากนันครูตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกับ ขันตอนการทากิจกรรมทีละขันและอาจเขียนสรุปเป็นลาดับขันตอน 1. หลังจากอภิปรายวิธีการใช้เคร่ือง สันๆ บนกระดาน ช่ังสปริงแล้ว ครูอาจสุ่มนักเรียนมา ส า ธิ ต ก า ร ใ ช้ แ ล ะ อ่ า น ค่ า เ พื่ อ 7. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว นักเรียนจะได้ ตรวจสอบว่านักเรียนทุกคนเข้าใจ ปฏบิ ตั ิตามขันตอน ดังนี วธิ ีการใช้อย่างถูกตอ้ ง 7.1 สังเกตลักษณะของเคร่ืองช่ังสปริงอย่างละเอียด (S1) และวาดรูป เพ่ือบันทึกผล (S6) 2. ครูไม่ควรแจกอุปกรณ์ทังหมดให้แก่ 7.2 ร่วมกันอภิปรายวิธีการใช้เครื่องช่ังสปริงด้วยตนเอง (C5) ถ้า นักเรียน เพราะนักเรียนอาจทา นักเรียนยังไม่สามารถบอกวิธีการใช้เครื่องช่ังสปริงได้ครบถ้วน ครู กิจกรรมข้ามขันตอน ครูควรกาหนด ใหค้ าแนะนาเพ่ิมเติมกับนักเรียน กติกาให้แต่ละกลุ่มมารับอุปกรณ์ 7.3 ออกแรงดึงตะขอเก่ียวของเคร่ืองชั่งสปริงจานวน 3 ครัง สังเกตค่า ทีละอย่างตามลาดับคือ เครื่องช่ัง ของแรงที่อ่านไดจ้ ากการดงึ แต่ละครัง (S1) สปริง ถุงทราย 1 ถุง และหลังจาก 7.4 นาถุงทราย 1 ถุง แขวนกับขอเกีย่ วของเครือ่ งชง่ั สปรงิ เมอ่ื ถุงทราย นันรับถุงทรายเพิ่มอีก 1 ถุง และ อยนู่ ง่ิ อา่ นค่าของแรง บนั ทึกผล (S2) ควรให้นักเรียนได้พยากรณ์ก่อน 7.5 พยากรณ์และบันทึกค่าของแรงเม่ือแขวนถุงทราย 2 ถุง กับขอเกี่ยว เรม่ิ ทากิจกรรม ของเครื่องชั่งสปริง (S7) 7.6 นาถุงทราย 2 ถุง แขวนกับขอเก่ียวของเครื่องช่ังสปรงิ เม่อื ถุงทราย 3. ครูควรใช้กระดาษหรือเทปกาวปิด อยู่นงิ่ อา่ นคา่ ของแรง บนั ทึกผล (S2) สเกลด้านที่เป็นหน่วยกรัมไว้ก่อน 7.7 ลงความเห็นจากข้อมูลเก่ียวกับจานวนถุงทรายและมวลของถุง เพื่อไม่ให้นักเรียนเห็นสเกลด้านนี ทราย (S8) ป้องกันการเกิดความสับสนในการ 7.8 ลงข้อสรุปเพื่อเช่ือมโยงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมวลและ อ่านค่าของแรงทม่ี ีหน่วยเป็นนวิ ตนั นาหนัก 7.9 นาเสนอผลการทากจิ กรรมในชนั เรยี น (C4) 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ดังต่อไปนี 8.1 จากการสังเกต เครื่องช่ังสปริงมีลักษณะอย่างไร (เคร่ืองชั่งสปริงมี ลกั ษณะเป็นรูปทรงกระบอก) 8.2 เครื่องช่ังสปริงมีส่วนประกอบอะไรบ้าง (เครื่องชั่งสปริง ประกอบด้วยตัวกระบอกเคร่ืองชั่งที่มีขีดสเกล 2 ด้าน ด้านหน่ึงมี หน่วยเป็นกรัมและอีกด้านหน่ึงมีหน่วยเป็นนิวตัน มีหูจับด้านบน และมีนอตหมุนด้านบนของกระบอก ด้านล่างของกระบอกมี สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

249 คูม่ ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลงั งาน ขอเก่ียวย่ืนออกมา ขอเกี่ยวยึดกับสปริงท่ีอยู่ด้านในของกระบอก แรงที่เคร่อื งชง่ั สปริงดึงถงุ ทราย และมีหมุดสเี งนิ อยู่ระหวา่ งกระบอก สามารถเลือ่ นไปมาได)้ 8.3 เม่ือออกแรงในการดึงขอเก่ียวของเคร่ืองช่ังสปริงเกิดอะไรขึนกับ แรงโน้มถว่ งของโลกที่กระทาตอ่ เคร่ืองชั่งสปริง (สปริงยืด โดยหมุดท่ีติดกับสปริงจะเล่ือนลงมา ถุงทราย หรอื นาหนักของถุงทราย ด้านลา่ งชสี เกลอา่ นค่าของแรง) 8.4 เมื่อออกแรงในการดึงขอเกี่ยวของเครื่องช่ังสปริงให้มากขึน จะ เกิดอะไรขึนกับเครื่องช่ังสปริง (สปริงยืดมากขึน หมุดจะเล่ือนลง มาดา้ นลา่ งมากขึน คา่ ตวั เลขทอี่ า่ นไดก้ จ็ ะมากขึน) 8.5 ค่าที่อ่านได้จากเครื่องช่ังสปริงคือค่าของแรงอะไร (แรงที่ถุงทราย ดงึ เครอื่ งช่ังสปริงหรือนาหนกั ของถุงทราย) 8.6 ค่าของแรงท่ีอ่านได้จากเคร่ืองช่ังสปริงเม่ือแขวนถุงทราย 2 ถุง เทยี บกับเมือ่ แขวนถุงทราย 1 ถงุ แตกต่างกันหรอื ไม่ อยา่ งไร (เมือ่ แขวนถุงทราย 2 ถุง ค่าของแรงที่อ่านได้จะมากกว่าเม่ือแขวน ถุงทราย 1 ถุง โดยมากกว่าเท่ากับ 4.9 นวิ ตัน) 8.7 ถุงทราย 2 ถุง มีมวลเท่าใดและมีมวลมากกว่าถุงทราย 1 ถุง เท่าใด (ถุงทราย 2 ถุง มีมวล 500 x 2 = 1,000 กรัม ดังนันถุง ทราย 2 ถงุ มมี วลมากกว่า ถงุ ทราย 1 ถุง เท่ากับ 500 กรัม) 9. ครูและนักเรียนรว่ มเช่ือมโยงส่ิงทไ่ี ด้เรียนรู้จากกิจกรรมเพ่ือลงความเห็น ว่าเคร่ืองช่ังสปริงเป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดแรงท่ีกระทาต่อเคร่ืองชั่งและ สามารถวัดนาหนักของวัตถุได้ มวลและนาหนักสัมพันธ์กัน โดยเมื่อเพ่ิม มวลของถุงทรายให้มากขึน ค่านาหนักที่อ่านได้จะมากขึนด้วย และลง ข้อสรุปว่าวัตถุทม่ี ีมวลมาก จะมีนาหนักมาก 10.ครูนาวัตถุท่ีเตรียมมาให้นักเรียนคาดคะเนนาหนักเมื่อช่วงต้นชั่วโมง เรียน มาชั่งด้วยเครื่องช่ังสปริง และให้อ่านค่านาหนักว่าเป็นไปตามท่ี นกั เรยี นคาดคะเนไวห้ รอื ไม่ 11.ครูใหค้ วามรเู้ พิ่มเตมิ ว่าแรงทีถ่ งุ ทรายดึงเครื่องชงั่ สปริงจะเทา่ กับนาหนัก ของถุงทราย หรือแรงโน้มถ่วงของโลกท่ีกระทาต่อถุงทรายและวิธีอ่าน ค่านาหนักของถุงทรายทีถ่ ูกตอ้ งทาโดยแขวนถุงทรายให้อยู่นิ่งในแนวด่งิ ครูเขียนแผนภาพบนกระดานแสดงแรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทาต่อ ถงุ ทรายและแรงทเ่ี ครอ่ื งช่ังสปริงดึงถุงทราย ดังรปู 12.นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจเพ่ิมเติม คาถามในการอภปิ รายเพื่อใหไ้ ด้แนวคาตอบทีถ่ ูกตอ้ ง  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 สง่ิ มชี ีวติ 250 13.นักเรียนสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ในกิจกรรมนี จากนันนักเรียนอ่านสิ่งที่ได้ เรยี นรู้ และเปรยี บเทียบกับข้อสรุปของตนเอง 14.นักเรียนตังคาถามในอยากรู้อีกว่า โดยครูกระตุ้นให้นักเรียนตังคาถาม ในเร่ืองท่ีนักเรียนสงสัยหรืออยากรู้เพ่ิมเติมจากบทเรียนและควรเป็น คาถามที่พัฒนาความคิดระดับสูง จากนันครูสุ่มนักเรียน 2-3 คน ให้ นาเสนอคาถามของตนเองหนา้ ชนั เรียน 15.นักเรียนอ่านความรู้เพิ่มเติมใน เกร็ดน่ารู้ ครูแนะให้นักเรียนใช้ แอพลิเคชันสาหรับการสังเกตภาพสื่อเสริมเพ่ิมความรู้ (AR) เก่ียวกับ ลักษณะ รูปทรงของโลกในหนังสือเรียน หน้า 114 และร่วมกันอภิปราย เก่ียวกับค่าของแรงโน้มถ่วงของโลกท่ีตาแหน่งบริเวณเส้นศูนย์สูตรและ บริเวณขัวโลกซึ่งแตกต่างกัน ทาให้นาหนักของวัตถุอันเดียวกันที่ชั่งใน สองบรเิ วณนนั มคี ่าแตกต่างกันด้วย 16.ครูนาอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 อะไรบา้ งและในขนั ตอนใดบา้ ง แลว้ บนั ทกึ ในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมหนา้ 100 การเตรยี มตวั ลว่ งหน้าสาหรับครู เพื่อจดั การเรียนรใู้ นครัง้ ถดั ไป ในครังถดั ไป นักเรียนจะไดท้ ากิจกรรมท่ี 1.3 มวลมผี ลต่อการเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนทีอ่ ย่างไร โดยการสังเกตการเปลย่ี นแปลงการเคล่อื นที่ของขวดบรรจทุ รายที่มมี วลตา่ งกัน ในขันนาเข้าสู่บทเรียน ครูทาชุดสาธิตโดยบรรจุทรายลงในขวดพลาสติกปิดทึบท่ีมีลักษณะ เหมือนกันทัง 2 ใบขวดใบหนึ่งบรรจุทรายเต็มขวด และอีกใบหนึ่งบรรจุทรายเพียง 1 ใน 4 ของขวด จากนันปิดฝาขวด ผูกขวดไว้กับไม้เมตรให้ขวดทังสองใบห่างกันพอประมาณ นาไม้เมตรไปพาด ระหว่างโต๊ะหรือเก้าอีในตาแหน่งที่นักเรียน ทังชันมองเห็น เพื่อให้ครูนาอภิปรายสาหรับตรวจสอบ ความร้เู ดิมของนกั เรยี น สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

251 คู่มอื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลังงาน ความรู้เพิ่มเติมสาหรับครู วิธีการใช้และอ่านค่าของแรงบนเคร่ืองชั่งสปริงท่ีถูกต้อง ให้จับที่หูจับด้านบน ส่วนการอ่านค่าของแรงจะทาได้ เมื่อหมดุ หยดุ นิ่ง แลว้ มองตรงรอยบากกึ่งกลางของหมุดทร่ี ะดบั สายตาว่าตรงกบั ขดี บอกค่าที่เท่าใด การอ่านค่าของแรง อาจจะคลาดเคลื่อนได้ถ้าระดับสายตาของผู้สังเกตอยู่ต่าหรือสูงกว่าหมุด นอกจากนีถ้าเคร่ืองช่ังสปริงบางเคร่ืองมีค่า เร่ิมต้นไม่ตรงกับค่าศูนย์ สามารถปรับระดับให้ตรงท่ีขีดศูนย์ได้ โดยการหมุนนอตท่ีอยู่ด้านบนของกระบอกเครื่องชั่ง เพ่อื ปรับให้หมดุ ตรงทขี่ ดี ศูนย์ การอ่านค่านาหนักของวัตถุหรือแรงท่ีโลกดึงดูดวัตถุ เมื่อแขวนวัตถุไว้กับ เคร่ืองชั่งสปริงจะต้องสังเกตท่ีขีดสเกลหน่วยนิวตันบนเคร่ืองชั่งสปริง ซ่ึงแบ่งค่า ไว้ตังแต่ 1-10 นิวตัน นอกจากขีดสเกลจะแสดงค่าของแรงแล้ว เคร่ืองช่ังสปริง ยังมีขีดสเกลหน่วยกรัม ท่ีแสดงค่าของมวล ซึ่งแบ่งค่าไว้ตังแต่ 0-1,000 กรัม หรือ 1 กิโลกรัมอกี ด้วย เน่อื งจากนาหนักและมวลมคี วามสมั พันธ์กัน จงึ สามารถ เทียบเคียงระหวา่ งนาหนักและมวลของวตั ถไุ ด้ เครื่องชั่งสปริงจะยืดออกเม่ือมีแรงมาดึง เราสามารถอ่านค่าของแรงท่ีใช้ดึงได้จากสเกล ในกรณีที่นาวัตถุมา แขวนไว้กับเครื่องช่ังสปรงิ ค่าของแรงทอี่ ่านไดจ้ ากเคร่ืองชง่ั สปริงคือแรงทว่ี ัตถุดึงเครือ่ งช่ังสปริง ซึ่งเท่ากับนาหนักของ วัตถุ เช่น นาวัตถุหนัก 8 นิวตัน มาแขวนไว้กับเคร่ืองช่ังสปริง เข็มสเกลจะชีท่ีเลข 8 นิวตัน กรณีนีค่าที่อ่านได้จาก เคร่ืองชั่งสปรงิ เทา่ กับนาหนกั ของวตั ถุซง่ึ เปน็ แรงโนม้ ถว่ งของโลกท่ีกระทาต่อวตั ถุ  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่งิ มีชวี ติ 252 ความรู้เพมิ่ เติมสาหรบั ครู (ต่อ) ถ้าออกแรงพยุงวตั ถุขนึ เล็กน้อย ค่าท่ีอ่านไดจ้ ากเครื่องชัง่ สปรงิ จะลดลง ในขณะทแ่ี รงโนม้ ถ่วงของโลกท่ี กระทาต่อวัตถุมีค่าคงเดิม นาหนักของวัตถุก็จะมีค่าคงเดิมด้วย แต่ค่าที่อ่านได้จากเคร่ืองชั่งสปริงจะลดลง แสดงวา่ คา่ ท่อี า่ นไดจ้ ากเคร่อื งชัง่ ในกรณีนีจะไมเ่ ทา่ กบั นาหนกั ของวัตถุ และถ้าออกแรงดึงวัตถใุ ห้เลื่อนลง ค่าที่ อ่านได้จากเคร่ืองชั่งสปริงจะเพ่ิมขึน ค่าที่อ่านได้นันก็จะไม่เท่ากับนาหนักของวัตถุ จึงสรุปได้ว่า ค่าท่ีอ่านได้ จากเคร่ืองช่ังสปริงจะเท่ากับนาหนักของวัตถุ เฉพาะในกรณีท่ีแขวนวัตถุให้อยู่น่ิง โดยไม่มีแรงอ่ืนมาเกี่ยวข้อง เท่านนั สาหรับเคร่ืองชั่งสองแขนซ่ึงอาจเห็นได้ตามร้านขายทองเป็นเคร่ืองชั่งสาหรับชั่งมวลของวัตถุโดย เปรียบเทียบกับมวลมาตรฐาน โดยใช้หลักการท่ีว่า ถ้ามวลบนจานทังสองข้างของเครื่องชั่งมีค่าเท่ากัน แขนของเครอื่ งชงั่ จะอยู่ในแนวระดับ ประเด็นเร่ืองมวล (mass) และนาหนัก (weight) ถือเป็นประเด็นสาคญั ทม่ี ักพบความเข้าใจ คลาดเคลือ่ นเป็นอยา่ งมาก สาเหตนุ ันอาจมาจากความคนุ้ เคยในชวี ติ ประจาวนั ซ่ึงเรามักใชแ้ ตค่ าว่านาหนัก เช่น เมื่อไปซอื ของทตี่ ลาด ไมว่ า่ จะเปน็ ผกั หรือผลไม้ ข้างกล่องหรอื บรรจุภณั ฑ์จะบอกนาหนักของสินคา้ หรอื การชง่ั นาหนักร่างกาย ซงึ่ ไม่ปรากฏคาวา่ มวลในชวี ิตประจาวนั เลย จึงทาใหม้ กี ารใชค้ าวา่ “นาหนกั ” แทน คาวา่ “มวล” เสมอ ทังท่ีมวลและนาหนกั ไมใ่ ช่สง่ิ เดยี วกนั ตา่ งกันทังความหมาย และหนว่ ยทใ่ี ชก้ ็ตา่ งกนั เราแต่อาจจะไม่ ชินทีจ่ ะพดู ถึงมวล เพราะในชีวิตประจาวันเรานันใช้แต่คาว่านาหนัก และในชวี ิตประจาวันก็จะใช้หนว่ ยของ นาหนักเปน็ กโิ ลกรัมด้วย ในทางวทิ ยาศาสตรน์ ันถอื ว่าใชห้ นว่ ยไมถ่ ูกต้อง แต่สถานการณใ์ นชีวิตจริง เมือ่ เวลา ซอื ของต่าง ๆ เช่น เนอื สัตว์ ทผ่ี ้บู ริโภคตอ้ งการคือปรมิ าณเนอื ทังหมดของเนอื สัตวห์ รือมวลของเนือสัตว์นนั ซ่งึ มหี นว่ ยเปน็ กิโลกรมั แต่การใช้ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและนาหนกั ทาให้เราสามารถช่ังนาหนกั หรือ แรงโนม้ ถ่วงทีก่ ระทาต่อเนอื สตั ว์ แล้วเทยี บคา่ กลบั เปน็ มวลในหน่วยกิโลกรัมได้ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

253 คู่มอื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลงั งาน แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม 1. สงั เกตและบอกความสมั พันธร์ ะหวา่ งมวลและน้าหนกั ของวตั ถุ 2. ใชเ้ คร่อื งชง่ั สปรงิ เพอ่ื วัดนา้ หนักของวตั ถุ รูปท่วี าดควรมหี จู บั ดา้ นบน ขดี สเกลบอกหนว่ ยกรมั และนวิ ตัน มหี มดุ สเี งนิ สามารถเล่อื นขึน้ ลงได้ มขี อเก่ยี วสาหรบั เกีย่ ววัตถดุ า้ นลา่ ง  สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มีชวี ิต 254 (ขน้ึ อยู่กับแรงทีน่ ักเรยี นดึง) (ขึ้นอยู่กับแรงท่ีนักเรยี นดึง) (ข้นึ อยู่กับแรงทนี่ กั เรยี นดงึ ) 4.9 หรือ 5 4.9 (ขนึ้ อยู่กับการพยากรณ)์ 9.8 หรือ 10 4.9 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

255 คู่มือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลงั งาน เครอ่ื งช่ังสปรงิ ใช้วดั ค่าของแรงทใี่ ช้ดึง เมอื่ ดงึ เคร่อื งชง่ั สปรงิ ให้ยดื มากข้นึ เร่ือย ๆ คา่ ของแรงที่อา่ นได้จากเครอ่ื งชง่ั สปริงจะแตกตา่ งกัน เมื่อดึงเครื่องชง่ั สปรงิ ใหย้ ืดมากขน้ึ หมุดของเครอ่ื งชงั่ จะเล่ือนลงมาก ทาให้อ่านค่าแรงไดม้ ากขึน้ ค่าท่ีอา่ นได้บนถุงทราย 1 ถงุ มีค่า 500 กรัม เปน็ ค่ามวลของถุงทราย คา่ ท่อี ่านเมอื่ แขวนถุงทรายไว้น่งิ ๆ เปน็ คา่ ของแรงโน้มถ่วงของโลกทกี่ ระทาต่อ ถุงทรายหรือนา้ หนกั ของถุงทราย เมอื่ เพ่มิ มวลของถงุ ทรายใหม้ ากข้ึน คา่ น้าหนกั ท่ีอา่ นได้จะมีค่ามากขน้ึ เม่ือออกแรงดึงขอเกี่ยวของเครื่องช่งั สปรงิ มากข้นึ ค่าแรงทอ่ี า่ นได้จะมากขึ้น เม่อื แขวนถงุ ทราย กบั เคร่อื งช่ังสปริงแลว้ ถุงทรายอยูน่ งิ่ จะทาใหร้ ู้ค่าแรงโนม้ ถ่วงของโลกทกี่ ระทาตอ่ ถงุ ทรายหรอื นา้ หนักของถงุ ทรายได้ เคร่อื งช่ังสปรงิ ใช้อา่ นคา่ แรง ถา้ นาวัตถุแขวนกบั เคร่ืองช่งั สปรงิ แล้ววตั ถอุ ยนู่ ่งิ จะหาคา่ นา้ หนกั ของวตั ถุนน้ั ได้ น่ิง  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี