Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

P.3

Published by janvisitk022532, 2019-05-14 02:58:32

Description: P.3

Search

Read the Text Version

-1- แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวิชาเพ่มิ เติม การปอ้ งกันการทจุ ริต” ระดบั ประถมศกึ ษาช้ันปีที่ 3 ชดุ หลักสูตรต้านทุจริตศกึ ษา (Anti - Corruption Education) สานกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ รว่ มกบั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2561

-2- ก คานา ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ได้กาหนดยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต อันมีกลยุทธ์ว่าด้วยเร่ืองของการปรับฐานความคิดทุก ช่วงวัยต้ังแต่ปฐมวัยให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ส่งเสริมให้มีระบบ และกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพ่ือต้านทุจริต ประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเคร่ืองมือ ต้านทุจริต เสริมพลังการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community) และบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อต่อต้านการทุจริต คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จึงได้มีคาสั่งแต่งต้ัง คณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต ขึ้น เพือ่ ศกึ ษา วิเคราะห์ และรวบรวมข้อมูล กาหนดแนวทางและขอบเขตในการจัดทาหลักสูตร ยกร่างและจัดทา เน้ือหาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ พิจารณาให้ความเห็นเพ่ิมเติม กาหนดแผนหรือ แนวทางการนาหลักสูตรไปใช้ในหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง และดาเนินการอ่ืนๆ ตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย คณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการ ทุจริตได้ร่วมกันสร้างหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา : Anti-Corruption Education ประกอบด้วย ๕ หลักสูตร ดังน้ี ๑. หลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (รายวิชาเพ่ิมเติม การป้องกันการทุจริต) ๒. หลักสูตรอุดมศึกษา (วัย ใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”) ๓. หลักสูตรตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและตารวจ ๔. หลักสตู รสร้างวทิ ยากรผ้นู าการเปลย่ี นแปลงสู่สังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต และ ๕. หลักสูตรโค้ชเพื่อการรู้คิด ต้านทจุ ริต หลกั สตู รดงั กลา่ วไดผ้ ่านกระบวนการนาไปทดลองใช้ เพ่ือปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ สาหรับการใช้ ในกลุ่มเป้าหมายต่อไป นอกจากน้ี คณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการ เรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริตยังได้คัดเลือกส่ือการเรียนรู้ จากแหล่งต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อประกอบการเรยี นการสอนต่อไป สานักงาน ป.ป.ช. หวังเป็นอย่างย่ิงว่าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา : Anti-Corruption Education จะ สร้างความรู้ความเข้าใจและทักษะให้แก่ผู้เรียนหรือผู้ผ่านการอบรมในเร่ือง การคิดแยกแยะระหว่าง ผลประโยชนส์ ่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียง ตา้ นทจุ ริต และพลเมืองกับความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม เพอ่ื ร่วมกันปอ้ งกันหรือตอ่ ต้านการทุจริต มิให้มีการทุจริต เกิดขึน้ ในสงั คมไทย รว่ มสร้างสังคมไทยทไ่ี มท่ นตอ่ การทจุ รติ ต่อไป พลตารวจเอก (วชั รพล ประสารราชกจิ ) ประธานกรรมการ ป.ป.ช. 14 มนี าคม ๒๕๖๑

-3- สารบญั หน้า โครงสรา้ งรายวชิ า 1 หน่วยที่ 1 การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม 2 หนว่ ยท่ี 2 ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ 76 หนว่ ยท่ี 3 STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ ริต 111 หนว่ ยท่ี 4 พลเมืองกบั ความรับผิดชอบต่อสงั คม 145 ภาคผนวก 195 คาสั่งแต่งตัง้ คณะอนกุ รรมการจดั ทาหลักสตู รหรือชุดการเรียนรู้และ 196 สื่อประกอบการเรยี นรู้ ดา้ นการป้องกนั การทุจริต สานกั งาน ป.ป.ช. รายชื่อคณะทางานจัดทาหลกั สูตรหรือชุดการเรียนรแู้ ละส่ือประกอบการเรียนรู้ 199 ดา้ นการป้องกันการทุจริต กลุ่มการศึกษาข้ันพื้นฐาน รายชอ่ื คณะบรรณาธกิ ารกจิ หลักสตู รหรือชุดการเรยี นรูแ้ ละส่อื ประกอบการเรียนรู้ 202 ดา้ นการปอ้ งกนั การทุจรติ กลุ่มการศึกษาขนั้ พื้นฐาน รายชอื่ คณะผปู้ ระสานงานการจัดทาหลักสตู รหรอื ชดุ การเรียนรแู้ ละส่ือประกอบการเรยี นรู้ 204 ดา้ นการปอ้ งกนั การทจุ ริต กลุ่มการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน สานักงาน ป.ป.ช.

-4- โครงสร้างรายวชิ า ระดบั ประถมศึกษาชั้นปที ี่ 3 ลาดับ หน่วยการเรียนรู้ เรอ่ื ง รวมช่ัวโมง 1. การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ 16 - การคดิ แยกแยะ ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม - ระบบคิดฐาน 2 10 - ระบบคิดฐาน 10 4 2. ความละอายและความไม่ทนตอ่ การ - ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ 10 ทุจรติ ส่วนรวม 40 3. STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการ - การขัดกนั ระหวา่ งประโยชน์สว่ นตน ทุจริต และผลประโยชน์สว่ นรวม 4. พลเมืองกบั ความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม - การทาการบา้ น - การทาเวร - การสอบ - การแต่งกาย - กจิ กรรมส่งเสริมความถนัดและความ สนใจ - ความพอเพยี ง - ความโปร่งใส - ต้านทจุ รติ - ความเอ้ืออาทร - เรื่องการเคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเอง และผอู้ น่ื ทีม่ ีต่อชุมชน - เรอ่ื งการเคารพสิทธิหน้าท่ีตอ่ ตนเองและ ผอู้ ืน่ ท่ีมีต่อประเทศชาติ - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรับผิดชอบ (ต่อโรงเรียน) - ความเป็นพลเมือง รวม

-2- หนว่ ยที่ 1 การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชนส์ ว่ นรวม

-3- แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 1 ช่อื หน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๓ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑ เรอื่ ง การคิดแยกแยะ (การทาความด)ี เวลา ๒ ชั่วโมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม 1.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถบอกความหมายของความดตี อ่ ตนเองได้ ๒.๒ นักเรยี นสามารถบอกความหมายของความดีตอ่ ผูอ้ ื่นได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ การทาความดตี ่อตนเอง หมายถึง การประพฤติปฏบิ ัตใิ นส่ิงทดี่ ตี อ่ ตนเอง การทาความดตี ่อผู้อนื่ หมายถงึ การประพฤติปฏบิ ัตใิ นส่งิ ทีด่ ตี อ่ ผู้อ่นื ๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกิด) ๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร (ฟงั พดู เขยี น) ๒) ความสามารถในการคิด (วิเคราะห์ จดั กลมุ่ สรุป) ๓.๓ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ข้นั ตอนการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ ๑ ๑. ระบคุ าถาม - ครูนาภาพเด็กคนหน่ึงกาลังช่วยคุณแม่กวาดบ้านและภาพเด็กเก็บขยะบริเวณ โรงเรียนมาใหน้ ักเรยี นดู แล้วรว่ มกันวเิ คราะห์ว่าเดก็ ในภาพทาความดหี รือไม่ อย่างไร ๒. แสวงหาสารสนเทศ - ครใู หน้ กั เรยี นศึกษาใบความรู้ เรือ่ งการทาความดีตอ่ ตนเองและผู้อื่น - นกั เรียนแบ่งกลุม่ กลุ่มละ ๔-๕ คน และให้นักเรียนเลือกหัวหน้ากลุ่ม เลขานุการ กลมุ่ พร้อมต้งั ช่อื กลุ่ม ๓. สร้างความรู้ - นักเรยี นนาความร้ทู ีไ่ ด้จากการศกึ ษาจากใบความรู้มาอภิปราย สนทนา แลกเปล่ียนความคิดเห็นกนั ภายในกลุ่ม เพ่ือใหม้ ีความรคู้ วามเข้าใจที่ชดั เจนมากยิ่งขึน้ - ให้นักเรียนร่วมกันสรุปความหมายและแยกแยะการทาความดีตอ่ ตนเองและผ้อู นื่ โดยการทาแบบทดสอบ เร่ือง การแยกแยะการทาความดีต่อตนเองและผอู้ ่ืนซ่ึงให้นักเรียนทา เคร่ืองหมาย หน้าขอ้ ทีเ่ ป็นการทาความดีต่อตนเอง และทาเคร่ืองหมาย หน้าข้อท่เี ป็น การทาความดีต่อผู้อน่ื

-4- ชั่วโมงที่ ๒ ๔. สอ่ื สาร ให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันสรุปเก่ยี วกบั การทาความดตี อ่ ตนเองและต่อผอู้ ื่น แล้วส่งตัวแทน กลุ่มออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน โดยครูคอยให้คาแนะนาและอธิบายเพ่ิมเติม เพ่ือให้นักเรียนมีความเข้าใจ มากย่ิงขน้ึ ๕. ตอบแทนสังคม นาผลงานที่นักเรียนทาไปติดท่ีป้ายนิเทศประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน เพื่อเป็นการรณรงค์ เกี่ยวกับการทาความดี ๔.๒ สอื่ การเรียนรู/้ แหลง่ เรียนรู้ - ภาพเด็กกวาดบา้ น ภาพเด็กเกบ็ ขยะ - ใบความรู้ เรอ่ื งการทาความดตี ่อตนเองและตอ่ ผอู้ ่นื - แบบทดสอบเรื่อง การแยกแยะการทาความดตี อ่ ตนเองและต่อผู้อ่นื ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ ีการประเมนิ - การตรวจผลงาน - การทดสอบ - การประเมินการนาเสนอผลงาน - การประเมนิ การทางานกลุม่ - การประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (มีวนิ ยั ,ใฝ่เรยี นร้)ู ๕.๒ เครอื่ งมอื ท่ีใช้ในการประเมิน - แบบประเมนิ ผลงานการแยกแยะการทาความดีต่อตนเองและตอ่ ผู้อ่ืน - แบบทดสอบ - แบบประเมินการนาเสนอผลงาน - แบบประเมินการทางานกลุม่ - แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (มวี นิ ยั ,ใฝ่เรยี นรู้) ๕.๓ เกณฑก์ ารประเมนิ - นกั เรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ถอื ว่าผ่าน - นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับดี ขึ้นไป ถอื ว่าผา่ น ๖. บนั ทึกหลงั สอน ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................... ............................. ......................................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื ..............................................ครูผู้สอน (..................................................)

-5- ๗. ภาคผนวก - ภาพเด็กกวาดบา้ น, เดก็ เก็บขยะ - ใบความรู้ เรือ่ ง การทาความดตี อ่ ตนเองและต่อผู้อื่น - แบบทดสอบ เรอ่ื ง การแยกแยะการทาความดตี ่อตนเองและต่อผู้อน่ื - แบบประเมนิ ผลงานการแยกแยะการทาความดีต่อตนเองและต่อผู้อ่นื - แบบประเมินการนาเสนอผลงาน - แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม - แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (มวี นิ ัย,ใฝเ่ รียนร้)ู

-6- ภาพเดก็ กวาดบ้าน ภาพเดก็ เกบ็ ขยะ

-7- ใบความรู้ เร่อื ง การทาความดีต่อตนเองและตอ่ ผู้อนื่ การทาความดี คือ การประพฤติปฏบิ ัติในสิง่ ที่ดี ซึ่งเกิดจากเจตนาท่ดี ี การทาความดสี ามารถปฏิบตั ิไดท้ ัง้ กาย วาจาและใจ ดังนี้ ทางกาย - ต้ังใจเรียน - ไมล่ ักขโมยของผ้อู ่ืน - ปฏิบัติตามคาสัง่ ของพ่อแม่ ครู อาจารย์ - เมตตากรุณาต่อสัตว์ ทางวาจา - พูดจาไพเราะ - พูดความจรงิ - พดู ในสิ่งทเ่ี ป็นประโยชน์ ทางใจ - ไม่คดิ ร้ายต่อผู้อ่ืน - คดิ อภยั ผู้ที่ทาผิดพลาด - พยายามข่มใจไมใ่ ห้โกรธ

-8- แบบทดสอบ เร่อื ง การแยกแยะการทาความดตี ่อตนเองและต่อผู้อืน่ ................................................................................................................................................................. คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นทาเครื่องหมาย / หน้าข้อท่ีถกู และทาเคร่อื งหมาย x หน้าข้อท่ีผิด .............1.ผ้ทู าความดี เกดิ ความสขุ กาย สุขใจ เพราะได้ทาในสงิ่ ที่ถูกต้อง .............2.เมื่อทาความดี ทาใหเ้ กดิ ความแตกแยกในหมู่คณะ .............3.ช่วยเหลอื ผู้ทต่ี กทุกข์ได้ยาก .............4.ไม่เบยี ดเบยี นผ้อู ่นื .............5.เมอ่ื ทาความดจี ะทาใหเ้ กิดความวุ่นวาย .............6.การทาความดีควรต้องมีผลตอบแทนบ้าง ............7.แก้วตาชอบแบง่ ปันขนมให้เพอ่ื น ดังนั้นแกว้ ตาจงึ เปน็ คนดีและเป็นท่ีรักของเพ่ือนๆ …………8.อ้อแอ้ไมใ่ ห้เพ่ือนลอกการบา้ น เพราะฉะน้ัน ถือวา่ อ้อแอ้เปน็ คนไม่ดี ...........9.เมธามักจะโกหกคุณครูเร่อื งที่เมธาชอบมาโรงเรยี นสาย ...........10.นรมี ักจะชวนเพือ่ นๆ ไปเก็บขยะหลงั อาคารเรียนเสมอ ...........................................

-9- เฉลยแบบทดสอบ .................................................. .............1.ผทู้ าความดี เกดิ ความสุขกาย สุขใจ เพราะได้ทาในสง่ิ ทถ่ี ูกตอ้ ง .............2.เมื่อทาความดี ทาให้เกดิ ความแตกแยกในหมู่คณะ .............3.ชว่ ยเหลือผู้ท่ีตกทกุ ข์ไดย้ าก .............4.ไม่เบยี ดเบยี นผู้อื่น .............5.เมอ่ื ทาความดจี ะทาใหเ้ กิดความวุ่นวาย .............6.การทาความดีควรต้องมีผลตอบแทนบา้ ง .............7.แกว้ ตาชอบแบง่ ปันขนมให้เพ่อื น ดังนนั้ แกว้ ตาจึงเปน็ คนดีและเปน็ ที่รักของเพื่อนๆ …….…..8.ออ้ แอไ้ มใ่ ห้เพื่อนลอกการบ้าน เพราะฉะนั้น ถอื วา่ อ้อแอเ้ ป็นคนไมด่ ี ............9.เมธามักจะโกหกคณุ ครูเรื่องทีเ่ มธาชอบมาโรงเรียนสาย ............10.นรีมักจะชวนเพอื่ นๆ ไปเก็บขยะหลังอาคารเรยี นเสมอ ...........................................

- 10 - แบบตรวจผลงานการทาใบงาน เรื่อง การแยกแยะการทาความดีต่อตนเองและผ้อู นื่ ท่ี ช่อื -สกลุ บอกผลประโยชนส์ ่วน รวม สรุปผล ตนและผลประโยชน์ คะแนน ผ่าน ไมผ่ ่าน สว่ นรวมได้ (จานวนข้อ) ๑๐ คะแนน ลงชอื่ .........................................ผตู้ รวจ ()

- 11 - แบบประเมินการนาเสนอผลงาน เรอ่ื ง ................................................................................. รายการประเมนิ ที่ ชื่อกลมุ่ ความ การรว่ ม เสียงดงั ฟัง ความ รปู แบบ รวมคะแนน ร่วมมอื แสดง ชดั มัน่ ใจใน การ ภายใน ความ ตนเอง นาเสนอ กลุ่ม คดิ เห็น ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๑๐ คะแนน ลงชือ่ .........................................ผูต้ รวจ () เกณฑ์การประเมนิ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ถือวา่ ผ่าน

- 12 - แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม เร่ือง ................................................................................. รายการประเมนิ ที่ ช่อื กลุ่ม ความ การแสดง ความตง้ั ใจ การรบั ฟัง การรว่ ม รวมคะแนน ร่วมมือ ความ ผูอ้ ่ืน ปรับปรงุ คดิ เห็น ผลงาน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๑๐ คะแนน ลงชอื่ .........................................ผตู้ รวจ () เกณฑ์การประเมนิ นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ถือวา่ ผา่ น

- 13 - แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ช่ือ-สกุลนกั เรียน......................................................................ช้ัน..............................เลขท.ี่ ...................... คาชแี้ จง : ใหค้ รู สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี / ลงใน ช่องท่ตี รงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อันพึงประสงค์ 3 2 10 มีวนิ ัย 1. เขา้ เรียนตรงเวลา ๒. แตง่ กายเรียบร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ ๓.ปฏบิ ัตติ ามกฎระเบียบของห้อง ใฝ่เรียนรู้ ๔. แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ เรียนรู้ต่างๆ ๕. มีการจดบันทกึ ความรู้อย่างเปน็ ระบบ ๖.สรุปความรไู้ ด้อย่างมีเหตุผล รวม สรุปผลคะแนน ลงช่ือ......................................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................................) ........... /................................/...................... เกณฑ์การให้คะแนน - พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ชิ ดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน สรปุ ผลการประเมิน  ๑๕-๑๘ คะแนน เทา่ กบั ดเี ยย่ี ม - พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน  ๑๐-๑๔ คะแนน เทา่ กบั ดี  ๕-๙ คะแนน เท่ากับ พอใช้ - พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติบางครั้ง ให้ 1 คะแนน  ๐-๔ คะแนน เทา่ กับ ปรบั ปรงุ - พฤติกรรมท่ีไมไ่ ดป้ ฏบิ ตั ิ ให้ 0 คะแนน นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั ดี ขึ้นไป ถือวา่ ผ่าน

- 14 - แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 1 ชอ่ื หนว่ ย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ชัน้ ประถมศกึ ษา ๓ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๒ เรอื่ ง การคิดแยกแยะ (ความรับผดิ ชอบ) เวลา ๒ ชวั่ โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถบอกความหมายของความรบั ผดิ ชอบต่อตนเองได้ ๒.๒ นักเรียนสามารถบอกความหมายของความรับผิดชอบต่อผู้อนื่ ได้ ๒.๓ นกั เรียนสามารถแยกแยะความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเองและต่อผู้อื่นได้ ๒.๔ นักเรยี นเห็นความสาคญั ของความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อผู้อ่ืนได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ความรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง หมายถงึ ภาระงานท่ีจะต้องปฏิบัตติ ่อตนเองใหเ้ ป็นไปตาม เป้าหมายทว่ี างไว้ ความรับผิดชอบต่อผ้อู ่ืน หมายถึง ภาระงานทีจ่ ะตอ้ งปฏบิ ัตติ ่อผอู้ นื่ ใหเ้ ป็นไปตามเป้าหมายท่วี างไว้ ๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกิด) ๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร (ฟัง พดู เขยี น) ๒. ความสามารถในการคดิ (วิเคราะห์ จดั กล่มุ สรปุ ) ๓.๓ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ มีวนิ ยั ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขน้ั ตอนการเรยี นรู้ ชัว่ โมงที่ ๑ ๑. ระบุคาถาม - นักเรียนดูภาพตัวอย่างการปฏิบัติตนเป็นผู้ท่ีมีความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อ ผู้อ่ืนให้นกั เรียนดู และรว่ มกนั สนทนา - ครเู ชื่อมโยงเขา้ สูเ่ นือ้ หาโดยใช้คาถามดงั น้ี ๑. ความรับผิดชอบต่อตนเองได้แกอ่ ะไรบ้าง ๒. ความรบั ผดิ ชอบต่อผ้อู ่นื ได้แก่อะไรบ้าง ๓. นักเรียนมีความคดิ อยา่ งไรเก่ียวกับความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อผู้อน่ื ๒. แสวงหาสารสนเทศ - ครูให้นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ ๕-๖ คน - ครใู ห้นักเรยี นชมวดี ีทศั นแ์ อนิเมชั่น ๓ ดี เรื่องความรบั ผดิ ชอบ

- 15 - ๓. สรา้ งความรู้ - นักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับดีทศั นแ์ อนิเมชัน่ ๓ ดี ทีไ่ ด้ชมมา - นกั เรียนช่วยกนั บอกความหมายของความรับผดิ ชอบต่อตนเองและความ รบั ผิดชอบต่อผอู้ ื่น - ใหน้ ักเรียนศกึ ษาหาความรู้ เรื่องความรบั ผดิ ชอบต่อตนเองและตอ่ ผู้อืน่ จาก หนงั สือเรยี น ห้องสมดุ และแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ แล้วใหน้ กั เรียนแยกแยะความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเองและ ตอ่ ผอู้ ่นื โดยทาใบงานเร่ือง การแยกแยะความรับผิดชอบตอ่ ตนเองและตอ่ ผู้อื่น โดยให้นกั เรียนวาดภาพบทบาท ของลกู ท่มี ตี ่อพ่อแม่พร้อมระบายสใี ห้สวยงาม ชวั่ โมงที่ ๒ ๔. สอ่ื สาร - นักเรียนร่วมกันอภิปรายและนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อตนเอง และตอ่ ผอู้ ื่น ๕. ตอบแทนสงั คม - ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนนาเร่ือง ความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อผู้อ่ืน ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั และบนั ทึกลงในแบบบนั ทึกการทาความดี เรอ่ื งความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเองและตอ่ ผูอ้ นื่ ๔.๒ สอื่ การเรียนร/ู้ แหลง่ เรียนรู้ - บัตรภาพ - วีดที ศั นแ์ อนเิ มชน่ั ๓ ดี เรอ่ื งความรับผดิ ชอบ -.ใบงาน เรื่อง การแยกแยะความรบั ผิดชอบต่อตนเองและตอ่ ผู้อืน่ ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วิธีการประเมิน - การตรวจผลงานใบงาน เรอื่ ง การแยกแยะความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อผูอ้ น่ื - การประเมินการทางานกลุม่ - การประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (มวี นิ ยั ) ๕.๒ เครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการประเมิน - แบบบันทึกการให้คะแนนการตรวจผลงานใบงาน เร่ือง การแยกแยะความรับผิดชอบต่อ ตนเองและตอ่ ผูอ้ ื่น - แบบประเมินการทางานกลุ่ม - แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (มีวินยั ) ๕.๓ เกณฑก์ ารประเมนิ - นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ถือว่าผา่ น - นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ดีขึ้นไป ถือว่าผา่ น ๖. บนั ทกึ หลงั สอน ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. .................................................... ........................................ ลงช่ือ........................................ครูผู้สอน (..................................................)

- 16 - ๗. ภาคผนวก - ภาพเด็กแต่งตวั ดว้ ยตนเอง, ภาพเด็กช่วยเหลือเพือ่ น - วดี ีทัศนแ์ อนิเมชั่น ๓ ดี เรอื่ งความรบั ผิดชอบ (https://www.youtube.com/watch?v=7kbnUOzerjg) - ใบงาน เรอ่ื ง การแยกแยะความรบั ผิดชอบต่อตนเองและตอ่ ผู้อืน่ - แบบบันทึกการให้คะแนนการตรวจผลงาน ใบงานเรื่อง การแยกแยะความรับผิดชอบต่อตนเองและ ตอ่ ผู้อ่ืน - แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม - แบบบันทึกความดี - แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (มีวินัย)

- 17 - ภาพเดก็ แต่งตัวด้วยตนเอง ภาพเดก็ ช่วยเหลอื เพอื่ น

- 18 - ใบงาน เร่อื ง การแยกแยะความรับผิดชอบตอ่ ตนเองและต่อผู้อืน่ คาช้แี จง ให้นกั เรียนวาดภาพบทบาทของลกู ที่มีต่อพ่อแม่พร้อมระบายสีให้สวยงาม ช่อื ..............................................................................ชั้น.............................เลขท่.ี ...............................

- 19 - แบบบันทึกการใหค้ ะแนนการตรวจผลงานใบงาน เรอื่ ง การแยกแยะความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเองและผู้อ่นื เลขที่ ชื่อ – สกลุ คะแนนที่ได้ สรปุ ผล ผา่ น ไม่ผ่าน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 สรุป เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑก์ ารตัดสนิ ได้คะแนนรวมระหวา่ ง 8-๑๐ คะแนน ระดับคุณภาพ ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๐-7 คะแนน ผ่าน ไม่ผา่ น

- 20 - แบบประเมนิ การทางานกลมุ่ เร่อื ง ................................................................................. รายการประเมนิ ที่ ช่อื กล่มุ ความ การแสดง ความต้ังใจ การรบั ฟัง การร่วม รวมคะแนน ร่วมมอื ความ ผู้อนื่ ปรบั ปรงุ คดิ เหน็ ผลงาน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๑๐ คะแนน ลงชือ่ .........................................ผู้ตรวจ () เกณฑ์การประเมิน นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ถือวา่ ผา่ น

- 21 - แบบบนั ทึกความดี วันที.่ ................เดือน................................พ.ศ................... ๑. ความดีท่ีทาใหต้ นเอง ............................................................................................................................. ............................ ........................................................................................................................... .............................. ๒. ความดีท่ีทาให้ครอบครวั ......................................................................................................................................................... ................................................................................................................. ........................................ ๓. ความดที ที่ าให้โรงเรียน ................................................................................................................................. ........................ ................................................................................................ ......................................................... ๔. ความดีที่ทาให้กับสังคม ............................................................................................................................. ............................ ......................................................................................................................................................... ลงช่อื ..................................... () นกั เรยี น ความคิดเห็นของผ้ปู กครอง ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ .......................................................................................... .......................................................................... .......... ลงชือ่ ..................................... () ผู้ปกครอง ความคิดเห็นของครทู ป่ี รกึ ษา ......................................................................................................................... ..................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ..................................... () ครูท่ปี รกึ ษา

- 22 - แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ชอ่ื -สกุลนักเรียน......................................................................ชัน้ ..............................เลขท่.ี ...................... คาชี้แจง : ใหค้ รู สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี / ลงใน ชอ่ งทต่ี รงกับระดับคะแนน คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพึงประสงค์ ๓ ๒๑ ๐ มวี นิ ยั ๑. เขา้ เรยี นตรงเวลา ๒. แต่งกายเรยี บร้อยเหมาะสมกบั กาลเทศะ ๓. ปฏิบัติตามกฎระเบียบของหอ้ ง รวม สรุปผลคะแนน ลงชือ่ ......................................................................ผู้ประเมิน (.....................................................................) ........... /................................/...................... เกณฑก์ ารให้คะแนน - พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ให้ ๓ คะแนน สรุปผลการประเมนิ  ๘-๙ คะแนน เท่ากบั ดเี ยี่ยม - พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน  ๖-๗ คะแนน เท่ากบั ดี  ๔-๕ คะแนน เทา่ กับ พอใช้ - พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางครัง้ ให้ 1 คะแนน  ๐-๓ คะแนน เทา่ กบั ปรับปรุง - พฤตกิ รรมที่ไม่ได้ปฏบิ ัติ ให้ 0 คะแนน นกั เรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับดี ขึ้นไป ถือวา่ ผา่ น

- 23 - แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยที่1 ชื่อหนว่ ย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๓ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓ เรอ่ื ง การคิดแยกแยะ (สทิ ธหิ นา้ ทีต่ อ่ ตนเองและผอู้ ื่น) เวลา ๒ ชั่วโมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถบอกความหมายของสิทธหิ น้าที่ตอ่ ตนเองได้ ๒.๒ นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของสิทธิหนา้ ทีต่ อ่ ผอู้ ่ืนได้ ๒.๓ นกั เรียนสามารถแยกแยะสทิ ธิหนา้ ที่ตอ่ ตนเองและผู้อืน่ ได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ สิทธิหนา้ ท่ตี อ่ ตนเอง หมายถึง ประโยชนห์ รืออานาจของตนเองที่กฎหมายรบั รองและ คมุ้ ครอง มใิ หม้ ีการละเมดิ สิทธิหน้าท่ตี ่อผู้อน่ื หมายถงึ ประโยชนห์ รอื อานาจของตนเองทีม่ ีต่อผู้อนื่ ทก่ี ฎหมายรับรอง และคุม้ ครองมใิ หม้ ีการละเมดิ ๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ (สมรรถนะทีเ่ กดิ ) ๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร (อา่ น ฟัง พดู เขยี น) ๒. ความสามารถในการคิด (วเิ คราะห์ จดั กลุ่ม สรปุ ) ๓.๓ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - มีวนิ ัย - รักความเป็นไทย - มจี ติ สาธารณะ ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขั้นตอนการเรียนรู้ ช่วั โมงท่ี ๑ ๑. ระบคุ าถาม - นักเรียนเล่นเกมเกา้ อ้ดี นตรี แล้วสนทนาถงึ เหตุการณ์ทีถ่ ูกเพื่อนแย่งเก้าอ้ี โดยใช้ คาถามดงั นี้ ๑. นกั เรยี นรสู้ กึ อยา่ งไรเม่ือถกู แย่งเก้าอี้ ๒. ถ้าเพ่ือนของนักเรียนถูกนักเรียนแย่งเก้าอ้ี นักเรียนคิดว่าเพื่อนจะรู้สึก อยา่ งไร - ครูถามนักเรยี นถึงความหมายของคาวา่ สิทธสิ ว่ นตนและสทิ ธิสว่ นรวม - ครูกระตุ้นให้นักเรยี นทกุ คนมสี ่วนรว่ มในการตอบคาถาม เพ่ือนาเข้าสูบ่ ทเรยี น

- 24 - ๒. แสวงหาสารสนเทศ - ครูใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน - นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ ๕-๖ คน ๓. สรา้ งความรู้ - นักเรยี นร่วมกนั ศกึ ษาใบความรู้ เร่อื ง สทิ ธิและหนา้ ทข่ี องตนเองและผอู้ น่ื - นักเรยี นร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับสิทธแิ ละหนา้ ท่ีของตนเองและผู้อนื่ ที่นักเรยี น พบเห็น และแยกแยะสิทธิหน้าท่ีต่อตนเองและผอู้ ่ืน โดยใหเ้ ด็กทาใบงาน เร่ือง การแยกแยะสทิ ธิหน้าที่สว่ นตน และสิทธิหน้าทส่ี ว่ นรวม ซ่งึ ให้นักเรยี นเขียนเปน็ ผงั มโนทัศน์ลงในกระดาษบรู๊ฟและตกแต่งใหส้ วยงาม ชัว่ โมงท่ี ๒ ๔. สอื่ สาร - ตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอผลการทาใบงาน เร่ือง การแยกแยะสิทธิหน้าที่ส่วน ตนและสทิ ธิหน้าทสี่ ่วนรวม - นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น ๕. ตอบแทนสังคม - นกั เรยี นนาผลงานไปตดิ ป้ายนเิ ทศประชาสมั พนั ธข์ องโรงเรียน ๔.๒ ส่อื การเรยี นรู/้ แหล่งเรยี นรู้ - แบบทดสอบกอ่ นและหลังเรยี น - ใบงาน เร่อื ง การแยกแยะสิทธหิ นา้ ที่สว่ นตนและสิทธหิ น้าทส่ี ว่ นรวม ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ - การตรวจแบบทดสอบ - การตรวจผลงานใบงาน - การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (มีวนิ ัย, รกั ความเปน็ ไทย, มีจิตสาธารณะ) ๕.๒ เครอ่ื งมือทใ่ี ชใ้ นการประเมิน - แบบใหค้ ะแนนการตรวจแบบทดสอบ - แบบบันทึกการให้คะแนนการตรวจใบงาน - แบบประเมินการทางานกลมุ่ - แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (มีวนิ ัย, รักความเปน็ ไทย, มจี ิตสาธารณะ) ๕.๓ เกณฑก์ ารประเมิน - นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน - นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินระดบั ดี ขึน้ ไป ถือว่าผ่าน ๖. บนั ทกึ หลงั สอน ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ........................................ครผู ูส้ อน (..................................................)

- 25 - ๗. ภาคผนวก - แบบทดสอบกอ่ นและหลงั เรียน - ใบความรู้เร่อื งความหมายของบทบาทหน้าท่แี ละสทิ ธิ - แบบบนั ทกึ การให้คะแนนการตรวจใบงาน - แบบใหค้ ะแนนการตรวจแบบทดสอบ - แบบประเมนิ การทางานกลมุ่ - แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (มวี นิ ยั , รกั ความเป็นไทย, มีจติ สาธารณะ)

- 26 - แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรียน เรอื่ ง สิทธหิ นา้ ท่ขี องตนเองและผูอ้ น่ื ................................................................................................................................................................. คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นทาเครอื่ งหมาย / หน้าข้อทีถ่ ูก และทาเคร่ืองหมาย x หน้าขอ้ ท่ีผิด .............1.สมชายนาอาวุธมาด้วยขณะชุมนุมขับไลร่ ัฐบาลเปน็ การชมุ นมุ โดยสนั ตวิ ิธี .............2.สมจิตนาอาหารมารับประทานขณะร่วมชุมนุมต่อต้านการสร้างโรงไฟฟา้ นิวเคลียรไ์ ด้โดยไม่ ผดิ กฎหมาย .............3.ผูป้ กครองสามารถฟ้องร้องผูบ้ ริหารโรงเรียนได้ในกรณีออกระเบียบใหน้ กั เรียนทกุ คนทา ประกนั อุบัตเิ หตุ .............4.ประชาชนไม่มีสิทธใิ นการมสี ว่ นรว่ มในกระบวนการพิจารณาของเจ้าหน้าทีร่ ฐั เก่ยี วกบั การ ปฏบิ ตั ิราชการดา้ นการปกครอง .............5.ถ้าประชาชนปฏบิ ตั ิตามสิทธิและหน้าทต่ี ามที่กฎหมายกาหนดบ้านเมืองจะมีความสงบสขุ .............6.รฐั บาลสามารถสร้างโรงไฟฟา้ นวิ เคลียร์ไดห้ า้ มประชาชนชมุ นมุ ประทว้ ง ............7.ปอ๋ งแป๋งไปร่วมงานประเพณลี อยกระทงถือเปน็ การการอนรุ ักษ์และฟน้ื ฟูจารีตประเพณี ภูมิ ปัญญาท้องถ่นิ ...………8.ปจั จุบันมผี ผู้ ลิตโทรศัพท์มอื ถือเปน็ จานวนมากทาให้โทรศัพท์มรี าคาถกู ลง เป็นสิทธเิ สรีภาพ ในการประกอบอาชีพ ............9.บรษิ ัทรถยนต์จะผลิตรถยนต์ทีไ่ ม่มีคณุ ภาพก็ไดเ้ พราะเปน็ สทิ ธเิ สรีภาพในการประกอบอาชีพ ............10.การชุมนุมโดยสันติวธิ คี ือการชุมนมุ ที่ปราศจากอาวุธ ...........................................

- 27 - เฉลยแบบทดสอบ .................................................. .............1.สมชายนาอาวธุ มาดว้ ยขณะชมุ นมุ ขับไล่รฐั บาลเป็นการชุมนมุ โดยสันติวธิ ี .............2.สมจิตนาอาหารมารับประทานขณะร่วมชมุ นมุ ต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้านวิ เคลียร์ไดโ้ ดย ไม่ผดิ กฎหมาย .............3.ผปู้ กครองสามารถฟ้องรอ้ งผู้บริหารโรงเรียนได้ในกรณีออกระเบยี บใหน้ ักเรียนทุกคนทา ประกันอุบัติเหตุ .............4.ประชาชนไม่มีสิทธิในการมีสว่ นร่วมในกระบวนการพิจารณาของเจ้าหน้าทร่ี ัฐ เก่ยี วกบั การปฏิบตั ิราชการด้านการปกครอง .............5.ถา้ ประชาชนปฏบิ ตั ติ ามสิทธิและหน้าท่ีตามที่กฎหมายกาหนดบ้านเมอื งจะมีความสงบ สุข .............6.รัฐบาลสามารถสรา้ งโรงไฟฟา้ นวิ เคลยี ร์ได้หา้ มประชาชนชุมนมุ ประทว้ ง ............7.ป๋องแป๋งไปร่วมงานประเพณลี อยกระทงถือเป็นการการอนรุ กั ษ์และฟ้นื ฟูจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ...………8.ปจั จุบนั มีผู้ผลิตโทรศพั ท์มือถือเปน็ จานวนมากทาให้โทรศัพท์มรี าคาถูกลง เปน็ สทิ ธิ เสรภี าพในการประกอบอาชพี ............9.บริษัทรถยนต์จะผลิตรถยนตท์ ี่ไม่มีคุณภาพก็ได้เพราะเป็นสิทธเิ สรีภาพในการประกอบ อาชีพ ............10.การชุมนมุ โดยสันติวธิ คี อื การชมุ นุมทปี่ ราศจากอาวธุ ...........................................

- 28 - ใบความรู้ เรอ่ื ง ความหมายของบทบาทหน้าท่ีและสิทธิ บทบาท หมายถึง ส่งิ ท่ีบคุ คลต้องปฏบิ ัติ เช่น นักเรียนมบี ทบาทหน้าที่ต้ังใจศกึ ษา เล่าเรียน พ่อแม่มบี ทบาทหน้าที่ในการเลยี้ งดลู ูกและอบรมสง่ั สอนใหเ้ ป็นคนดี นักเรยี นมีบทบาทหน้าท่ตี ่อครอบครวั คอื เช่อื ฟังคาสง่ั สอนของพ่อแม่ เลยี้ งดพู ่อแม่ ยามแกช่ รา ช่วยพ่อแม่ทางานบา้ น สทิ ธิ หมายถึง ประโยชน์ท่บี คุ คลควรจะได้รับตามกฎหมาย เช่น เด็กท่ีเกิดมา มสี ทิ ธทิ ่จี ะมีชื่อและนามสกลุ มีสิทธไิ ด้รบั ความรัก ความปลอดภยั การดแู ลปกป้อง จากอันตราย สิทธิที่นักเรยี นพึงได้รบั เช่น สทิ ธิได้รับการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน มสี ทิ ธิจะได้รบั การเลย้ี งดูและปกป้องจากพ่อแม่ มสี ทิ ธทิ ่จี ะแสดงความคิดเห็นรว่ มกบั สมาชกิ ในครอบครัว

- 29 - ใบงาน เร่อื ง สทิ ธหิ น้าที่ของตนเองและผู้อ่ืน คาชแี้ จง ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคดิ แสดงการปฏิบตั ิตนท่แี สดงถงึ การเคารพสิทธิของตนเองและผู้อน่ื ท่ีมี ต่อชุมชน สังคม ช่อื ..............................................................................ชั้น.............................เลขท.ี่ ............................... การปฏิบตั ติ นทีแ่ สดงถงึ การเคารพสทิ ธขิ องตนเองและผู้อื่น ตอ่ ตนเอง ต่อผ้อู ่ืน .......................................... ............................ .......................................... ............................ .......................................... ............................ .......................................... ............................ .......................................... ............................ .......................................... ............................ .......................................... ............................ .......................................... ............................ ............................ ............................ ............................ ...................

- 30 - แบบการให้คะแนนการตรวจผลงาน เลขท่ี ชอ่ื – สกลุ คะแนนท่ีได้ สรุปผล ผ่าน ไมผ่ ่าน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 สรุป เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑก์ ารตดั สนิ ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง 8-๑๐ คะแนน ระดบั คุณภาพ ได้คะแนนรวมระหว่าง ๐-7 คะแนน ผา่ น ไม่ผา่ น

- 31 - แบบบันทึกการให้คะแนนการตรวจใบงาน เลขที่ ชอ่ื – สกลุ คะแนนที่ได้ สรปุ ผล ผ่าน ไมผ่ า่ น 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 สรุป เกณฑ์การประเมนิ เกณฑก์ ารตัดสิน ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง 8-๑๐ คะแนน ระดบั คณุ ภาพ ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๐-7 คะแนน ผา่ น ไมผ่ า่ น

- 32 - แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม เร่อื ง ................................................................................. รายการประเมนิ ที่ ชือ่ กลมุ่ ความ การแสดง ความตั้งใจ การรบั ฟงั การร่วม รวมคะแนน รว่ มมือ ความคดิ เหน็ ผ้อู น่ื ปรับปรงุ ผลงาน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๑๐ คะแนน ลงชอ่ื .........................................ผตู้ รวจ () เกณฑก์ ารประเมิน นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ข้ึนไป ถือวา่ ผ่าน

- 33 - แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 1 ชอ่ื หน่วย การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เรอ่ื ง ระบบคิดฐาน ๒ เวลา 2 ชัว่ โมง 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน กบั ส่วนรวม 1.2 สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนส่วนตน กับสว่ นรวมได้ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ นกั เรียนสามารถ นักเรยี นสามารถบอกความหมายของ ระบบคดิ ฐานสอง ได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ “การปฏบิ ตั ิงานแบบใช้ระบบคดิ ฐานสอง (Digital)” คอื การท่ีเจ้าหนา้ ที่ของรฐั ระบบการ คิดทสี่ ามารถแยกเร่ืองตาแหน่งหน้าทก่ี บั เร่ืองส่วนบุคคลออกจากกันได้อย่างชดั เจนว่าสิง่ ไหนถูกสง่ิ ไหนผดิ ส่งิ ไหนทาไดส้ ิ่งไหนทาไม่ได้ สิง่ ไหนคือประโยชน์ส่วนตนสิง่ ไหนคอื ประโยชนส์ ่วนรวม ไมน่ ามาปะปนกนั ไมน่ า บคุ ลากรหรอื ทรัพยส์ ินของราชการมาใชเ้ พื่อประโยชน์สว่ นตน ไม่เบยี ดบงั ราชการ เหน็ แกป่ ระโยชนส์ ่วนรวม หรือของหนว่ ยงานเหนอื กวา่ ประโยชนข์ องสว่ นบุคคล เครือญาติ และพวกพ้อง ไม่แสวงหาประโยชนจ์ าก ตาแหน่งหนา้ ท่รี าชการ ไมร่ บั ทรัพย์สนิ หรอื ประโยชนอ์ ืน่ ใดจากการปฏิบัติหนา้ ท่ี กรณเี กิดการขัดกันระหว่าง ประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม ก็จะยดึ ประโยชน์ส่วนรวมเปน็ หลกั ตวั อยา่ งสิง่ ของต่างๆ ทน่ี กั เรียนรูจ้ ักทงั้ ทีเ่ ปน็ ส่วนรวมและส่วนตน ไมก้ วาด ดินสอ สมุด ยางลบ พัดลม แปรงลบ กระดาน ถังขยะ โทรศพั ท์มอื ถือ กระเป๋าเรยี น เกา้ อี้ โต๊ะ เป็นต้น 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะท่เี กดิ ) 1. ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พูด เขยี น) 2. ความสามารถในการคดิ ( จัดกลมุ่ สรปุ ) 3.3 คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ / ค่านยิ ม มงุ่ มั่นในการทางาน 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.1 ขนั้ ตอนการเรียนรู้ ช่วั โมงที่ ๑ ขน้ั ท่ี ๑ เสนอสง่ิ เรา้ และระบุคาถามสาคัญ 1. ครแู จกใบความรู้ เรื่องระบบคิดฐานสอง 2. ครูใหน้ กั เรียนศกึ ษาและอ่าน ใบความรู้ จากน้นั ครซู ักถามนักเรียน ดังน้ี - จากทน่ี ักเรียนอ่านในความรู้ นักเรียนมีความเขา้ ใจอยา่ งไร

- 34 - - นักเรียนอยากเล่าเรื่องนี้ใหเ้ พ่อื นคนอน่ื ฟงั ไหม ขั้นท่ี ๒ แสวงหาสารสนเทศและวิเคราะห์ 1. ครูใหน้ ักเรียนนงั่ เปน็ กลุม่ ๆ ละ 3-4 คน และสนทนารว่ มกันและอภิปรายภายในกลุ่มว่า เร่ืองในใบความรู้ เกย่ี วกับอะไร 2. นกั เรียนมวี ธิ กี ารใหค้ วามรู้เพ่ือนคนอ่ืนๆ อย่างไร ขน้ั ที่ ๓ อภิปรายและสรา้ งความรู้ 1. แต่ละกล่มุ สง่ ตวั แทนนาเสนอผลงาน อภิปรายร่วมกันและสรปุ หน้าช้ันเรยี นว่าแต่ละกลุ่ม เข้าใจเนอื้ หาว่าอย่างไร 2.ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงวธิ กี ารใหค้ วามรู้แก่เพอื่ น ๆ ในโรงเรียน ช่ัวโมงท่ี ๒ ข้นั ท่ี ๔ ส่อื สารและสะท้อนความคิด 1. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ เรอื่ ง การปฏิบตั งิ านแบบใชร้ ะบบคดิ ฐาน ๒ 2. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันทาปา้ ยรณรงค์ ใหค้ วามรู้เร่ืองระบบคิดฐาน ๒ ในกระดาษบรูฟ๊ ขั้นที่ ๕ ประยกุ ตแ์ ละตอบแทนสงั คม ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันเดินรณรงค์ ถอื ปา้ ยระบบคดิ ฐาน ๒ ภายในบริเวณโรงเรียน ๔.๒ สอ่ื การเรยี นรู้/ แหล่งการเรยี นรู้ ๑. ใบความรู้ เร่ือง ตวั อย่างระบบคิดฐาน ๒ ๓. ปากกาเคมี 2. กระดาษบรู๊ฟ ๔. สีไม้ 5. การประเมนิ การเรยี นรู้ 5.1 วิธกี ารประเมิน - การสังเกตพฤติกรรมการม่งุ มนั่ ในการทางาน 5.2 เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการประเมิน - แบบสังเกตพฤติกรรมการมุ่งม่ันในการทางาน - แบบบนั ทึกการให้คะแนนการตรวจผลงาน 5.3 เกณฑ์การประเมิน - นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไปถือว่าผ่าน ๖. บันทกึ หลงั สอน ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................. .................................................................... ......................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ ................................................ ครูผ้สู อน (.................................................) ๗. ภาคผนวก - ใบความรู้ เรอื่ ง ระบบคดิ ฐาน ๒ - แบบสังเกตพฤติกรรมการมุ่งม่ันในการทางาน - แบบบันทกึ การใหค้ ะแนนการตรวจผลงาน

- 35 - ใบความรู้ เรอื่ งระบบคดิ ฐาน ๒ นกั เรยี นอย่าทานะ ครับ เพราะ ไม่ นา่ รกั เลย

- 36 - แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรยี น ช่ือนกั เรียน.......................................................................... ช้นั ..............ภาคเรียนท.่ี ..........ปกี ารศึกษา............. คาช้ีแจง การบนั ทกึ ให้กาเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งทต่ี รงกับพฤติกรรมท่เี กดิ ข้นึ จริง ม่งุ ม่นั ในการทางาน ท่ี พฤติกรรม เป็นประ ระดับการปฏิบัติ ไมท่ าเลย/ (๓) ไมช่ ัดเจน บางครงั้ นอ้ ยครง้ั (๒) (๑) (๐) ๑ มคี วามรบั ผิดชอบในหน้าที่การงาน ๒ ต้ังใจและเอาใจใสต่ ่อการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีท่ีได้รบั มอบหมาย ๓ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายาม ๔ รจู้ กั แกป้ ญั หาในการทางานเม่ือมีอปุ สรรค ๕ อดทนเพ่อื ให้งานสาเรจ็ ตามเปา้ หมาย ๖ ปรับปรงุ และพัฒนาการทางานใหด้ ีขึ้นดว้ ยตนเอง รวมคะแนน/ระดับคุณภาพ ผู้ประเมนิ  ครู  พ่อแม่/ผูป้ กครอง  ตนเอง  เพ่ือน ลงชื่อ ...................................................ผู้ประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ (.................................................) ระดับคุณภาพ ดีเยี่ยม เกณฑ์การตัดสิน ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๑๕-๑๘ คะแนน และไม่มผี ลการประเมนิ ข้อ ดี ใดขอ้ หน่ึงต่ากวา่ ๒ คะแนน ได้คะแนนรวมระหว่าง ๑๑-๑๔ คะแนน และไม่มผี ลการประเมนิ ข้อ ผ่าน ใดข้อหนึ่งต่ากว่า ๐ คะแนน ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๖-๑๐ คะแนน และไม่มีผลการประเมินข้อ ไม่ผ่าน ใดข้อหน่ึงตา่ กวา่ ๐ คะแนน ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๕ คะแนน

- 37 - แบบบนั ทึกการใหค้ ะแนนการตรวจผลงาน เลขท่ี ชอื่ – สกลุ คะแนนทีไ่ ด้ สรปุ ผล ผ่าน ไม่ผา่ น 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 สรปุ เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑก์ ารตัดสิน ได้คะแนนรวมระหว่าง 8-๑๐ คะแนน ระดบั คณุ ภาพ ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๗ คะแนน ผ่าน ไม่ผา่ น

- 38 - แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 1ชื่อหน่วย การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๕ เร่ือง ระบบคดิ ฐาน 2 เวลา ๑ ชัว่ โมง 1. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน กับสว่ นรวม ๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นสว่ นตน กบั สว่ นรวมได้ 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ นักเรียนสามารถ แยกแยะสิ่งของที่เปน็ ของส่วนตน กับของส่วนรวมได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ “การปฏิบัตงิ านแบบใช้ระบบคิดฐานสอง (Digital)” คือ การท่ีเจ้าหน้าท่ีของรฐั ระบบการ คดิ ที่สามารถแยกเรื่องตาแหน่งหน้าที่กบั เร่ืองส่วนบคุ คลออกจากกนั ได้อยา่ งชัดเจนวา่ ส่ิงไหนถกู สง่ิ ไหนผิด ส่งิ ไหนทาไดส้ ่ิงไหนทาไม่ได้ ส่ิงไหนคือประโยชนส์ ว่ นตนส่งิ ไหนคอื ประโยชน์ส่วนรวม ไม่นามาปะปนกัน ไม่นา บุคลากรหรอื ทรัพย์สิของราชการมาใชเ้ พ่ือประโยชน์สว่ นตน ไมเ่ บยี ดบังราชการ เห็นแก่ประโยชนส์ ว่ นรวมหรอื ของหน่วยงานเหนือกวา่ ประโยชนข์ องสว่ นบุคคล เครือญาติ และพวกพ้อง ไม่แสวงหาประโยชน์จากตาแหนง่ หนา้ ท่รี าชการ ไม่รบั ทรัพยส์ นิ หรอื ประโยชน์อื่นใดจากการปฏิบัติหนา้ ที่ กรณีเกิดการขัดกันระหวา่ งประโยชน์ ส่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวม กจ็ ะยดึ ประโยชน์ส่วนรวมเปน็ หลกั ตวั อยา่ งส่งิ ของตา่ งๆ ทีน่ กั เรยี นรู้จกั ท้ังที่เป็นส่วนรวมและส่วนตน ไมก้ วาด ดนิ สอ สมดุ ยางลบ พัดลม แปรงลบ กระดาน ถงั ขยะ โทรศัพท์มือถือ กระเปา๋ เรียน เกา้ อ้ี โตะ๊ เปน็ ตน้ 3.2 ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทีเ่ กดิ ) 1. ความสามารถในการส่ือสาร (อา่ น ฟงั พดู เขยี น) 2. ความสามารถในการคิด ( จัดกลุ่ม สรุป ) 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 3.3 คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ / ค่านยิ ม ม่งุ ม่ันในการทางาน 4. กิจกรรมการเรยี นรู้ 4.1 ข้ันตอนการเรียนรู้ ขั้นท่ี ๑ เสนอสิง่ เร้าและระบุคาถามสาคญั ๑. ครนู าส่งิ ของทีน่ ักเรียนรจู้ กั (ไม้กวาด ดินสอ สมดุ ยางลบ พัดลม แปรงลบกระดาน ถัง ขยะ โทรศัพท์มือถือ กระเปา๋ เรียน) มาใหน้ กั เรียนดู ๒. ครใู ชค้ าถามกับนักเรยี นดังนี้

- 39 - - นกั เรยี นรจู้ ักส่งิ ของเหลา่ น้ีบา้ งไหมค่ะ - นกั เรยี นสามารถเห็นส่ิงของเหล่าน้ไี ดท้ ไ่ี หนบ้าง - นักเรยี นนาของทไ่ี ม่ใชข่ องตวั เองไปใช้เป็นของสว่ นตัวได้หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ๓. ครแู จกใบความรู้ เร่อื ง ระบบฐานคดิ สอง และอธิบายเนอ้ื หาใหน้ กั เรยี นฟัง ขั้นท่ี ๒ แสวงหาสารสนเทศและวเิ คราะห์ 1. ครใู หน้ ักเรียนนัง่ เปน็ กลมุ่ ๆ ละ 3-4 คน พรอ้ มแจกใบงาน เรื่อง แบบสารวจสง่ิ ของที่ เป็นของสว่ นรวมและสว่ นตน ขั้นท่ี ๓ อภปิ รายและสร้างความรู้ 1. ให้แต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนนาเสนอผลงาน อภปิ รายรว่ มกนั และสรุปหน้าช้ันเรียนวา่ แตล่ ะ กลมุ่ มี อะไรบา้ ง 2.ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปตวั อย่างของระบบคิดฐานสองจากการนาเสนอ วา่ ส่ิงใดเป็นของ ส่วนรวม และสว่ นตน ขนั้ ท่ี ๔ สือ่ สารและสะท้อนความคิด 1. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสนทนาเกีย่ วกบั สงิ่ ของทีเ่ ปน็ ส่วนรวม และสงิ่ ของท่ีเปน็ สว่ นตน ที่ นอกเหนือจากในห้องเรียนและโรงเรยี น เช่น สวนสาธารณะ ทางเท้า เปน็ ต้น ข้นั ท่ี ๕ ประยกุ ตแ์ ละตอบแทนสังคม ใหน้ กั เรียนเขียน ทาปา้ ยรณรงค์ เชน่ ของใช้ส่วนรวมใช้ด้วยความประหยดั เปน็ ตน้ และ นาไปตดิ บริเวณห้องเรียนหรือภายในโรงเรยี น ๔.๒ สอื่ การเรียนรู้/ แหล่งการเรยี นรู้ ๑. แบบสารวจ เร่อื ง ระบบคิดฐาน ๒ ๒. ปา้ ยนิเทศ ๓. ใบความรู้ เร่อื ง ระบบคิดฐาน ๒ 5. การประเมนิ การเรยี นรู้ 5.1 วธิ ีการประเมนิ 1. ประเมินความรโู้ ดยตรวจใบงาน 2. การสงั เกตพฤติกรรมการมุ่งมัน่ ในการทางาน ๕.๒ เครือ่ งมือทีใ่ ช้ในการประเมิน 1. แบบให้คะแนนการตรวจผลงานจากการทาใบงาน 2. แบบสงั เกตพฤติกรรมการม่งุ มั่นในการทางาน 5.3 เกณฑก์ ารประเมิน นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินร้อยละ ๘๐ ข้ึนไปถอื วา่ ผ่าน

- 40 - ๖. บนั ทกึ หลังสอน ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................. ............................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื ................................................ ครผู สู้ อน (.................................................) ๗. ภาคผนวก - แบบสารวจเร่อื งระบบคิดฐาน ๒ - ใบความรเู้ ร่ืองระบบคดิ ฐาน ๒ - แบบสงั เกตพฤติกรรมการมงุ่ มัน่ ในการทางาน - แบบให้คะแนนการตรวจผลงานจากการทาใบงาน

- 41 - ใบความรู้ เรอื่ งระบบคดิ ฐาน ๒ นกั เรยี นอย่าทานะ ครับ เพราะ ไม่ นา่ รกั เลย

- 42 - แบบสารวจ เร่อื งระบบคดิ ฐานสอง คาส่ัง ใหน้ กั เรยี นเขียนแยกแยะตัวอย่างส่ิงของในหอ้ งเรยี นและส่ิงของรอบตัวมาอย่างละ 5 ชื่อ ( 10 คะแนน ) ส่ิงของส่วนรวม สง่ิ ของสว่ นตน คะแนน ..….....… ช่ือ.....………………………………….…………………กลุม่ ท…่ี ……..……ช้ัน…………....เลขที่…………..

- 43 - แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรยี น ชือ่ นัก เรยี น......................................................................... ชน้ั ..............ภาคเรียนท.ี่ ..........ปกี ารศกึ ษา............. คาช้ีแจง การบันทกึ ให้กาเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งท่ตี รงกับพฤติกรรมที่เกิดข้นึ จรงิ มงุ่ ม่นั ในการทางาน ระดบั การปฏิบัติ ที่ พฤติกรรม เป็นประจา บางคร้ัง น้อยครั้ง ไม่ทาเลย/ ไม่ชดั เจน (๓) (๒) (๑) (๐) ๑ มคี วามรบั ผิดชอบในหน้าท่ีการงาน ๒ ต้งั ใจและเอาใจใส่ต่อการปฏบิ ตั หิ นา้ ทท่ี ่ไี ด้รบั มอบหมาย ๓ ทางานด้วยความเพียรพยายาม ๔ รูจ้ กั แก้ปญั หาในการทางานเมื่อมีอุปสรรค ๕ อดทนเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย ๖ ปรบั ปรงุ และพฒั นาการทางานให้ดีข้ึนด้วยตนเอง รวมคะแนน/ระดบั คณุ ภาพ ผปู้ ระเมิน  ครู  พ่อแม่/ผู้ปกครอง  ตนเอง  เพ่อื น เกณฑ์การประเมิน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ระดับคุณภาพ (.................................................) ดีเยีย่ ม ดี เกณฑ์การตัดสิน ผ่าน ไม่ผ่าน ได้คะแนนรวมระหว่าง ๑๕-๑๘ คะแนน และไม่มผี ลการประเมนิ ข้อ ใดขอ้ หน่ึงต่ากว่า ๒ คะแนน ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๑๑-๑๔ คะแนน และไมม่ ผี ลการประเมนิ ข้อ ใดขอ้ หน่ึงตา่ กว่า ๐ คะแนน ได้คะแนนรวมระหว่าง ๖-๑๐ คะแนน และไม่มผี ลการประเมนิ ขอ้ ใดขอ้ หน่ึงตา่ กว่า ๐ คะแนน ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๐-๕ คะแนน

- 44 - แบบการให้คะแนนการตรวจผลงานจากการทาใบงาน เลขที่ ชือ่ – สกุล คะแนนที่ได้ สรุปผล ผา่ น ไมผ่ ่าน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 สรปุ เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑก์ ารตดั สนิ ได้คะแนนรวมระหว่าง 8-๑๐ คะแนน ระดับคุณภาพ ได้คะแนนรวมระหว่าง ๐-๗ คะแนน ผา่ น ไม่ผา่ น

- 45 - ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 2 ชวั่ โมง แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี ๑ ช่อื หนว่ ย การคดิ แยกแยะประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรอื่ ง ระบบคดิ ฐาน 10 ๑.ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับการแยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตน กบั สว่ นรวมได้ ๑.2 สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน กับสว่ นรวมได้ ๒.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรยี นสามารถ ๒.1 นักเรยี นสามารถบอกความหมายระบบคดิ ฐาน 10 ได้ 2.๒ นกั เรียนสามารถบอกพฤตกิ รรมที่เกี่ยวกบั ระบบคดิ ฐาน 10 ได้ ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ ระบบคดิ ฐาน 10 เป็นการกระทาหรอื พฤติกรรมที่ นาสิง่ ของส่วนตนและสงิ่ ของส่วนรวมนามาปะปนกนั ไป หมด โดยไม่สามารถแยกแยะได้วา่ ส่งิ ไหนเป็นส่ิงของส่วนตน สงิ่ ไหนเปน็ สง่ิ ของส่วนรวม 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะที่เกดิ ) 1. ความสามารถในการส่ือสาร (อา่ น ฟงั พดู เขียน) 2. ความสามารถในการคดิ (วเิ คราะห์ ) 3.3 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ / คา่ นยิ ม ความรบั ผดิ ชอบ ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 ขัน้ ตอนการเรยี นรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 ขัน้ ท่ี ๑ เสนอสง่ิ เรา้ และระบุคาถามสาคญั ๑.๑ ครยู กตวั อย่าง การกระทาและพฤติกรรมดังนี้ - นกั เรยี นเอาจานโรงเรียนกลับไปใชท้ ี่บา้ น - ครู หรอื นักเรียนชารต์ แบตโทรศพั ท์มอื ถอื ท่ีโรงเรียน - ครใู ชน้ า้ ประปาของโรงเรียนล้างรถส่วนตวั จากสถานการณ์ท่ีครูยกตัวอย่างให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ว่าการกระทาเช่นน้ี เหมาะสม หรอื ไมช่ ว่ ยกนั วิเคราะหแ์ ละอภิปราย

- 46 - ๑.2 ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมว่า เป็นการการกระทาหรือพฤติกรรมที่เอาสิ่งของส่วนรวมมา ใช้เป็นสิ่งของส่วนตนและก่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ส่วนตนมากกว่าผลประโยชน์ ส่วนรวมโดยท่ีบุคคลเหล่าน้ี ทราบแลว้ วา่ สิง่ ของทใี่ ชเ้ ปน็ ของส่วนรวม ซ่ึงการกระทาเช่นนเ้ี ราเรียกวา่ ระบบคดิ ฐาน 10 ขั้นตอนท่ี ๒ แสวงหาสารสนเทศและวิเคราะห์ ๒.๑ ให้นกั เรยี นแบ่งกล่มุ 4-5 คน ศึกษาใบความรูเ้ พิม่ เตมิ เร่ืองระบบคิดฐาน 10 2.๒ ครูแจกใบงาน เร่ือง อะไรบ้างหนอ ให้นักเรียนช่วยกันคิดวิเคราะห์และ ยกตวั อยา่ งการกระทาหรือพฤติกรรมท่ีเรียกว่าเป็น ระบบคิดฐาน 10 มา 5 การกระทา แล้วออกมานาเสนอ หน้าชนั้ เรยี น ชวั่ โมงท่ี 2 ขั้นตอนที่ ๓ อภปิ รายและสร้างความรู้ ๓.๑ ให้แต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานพรอ้ มอภิปรายหนา้ ช้ันเรียน ๓.๒ ครนู านกั เรยี นอภิปรายเกี่ยวกับการกระทาท่เี ก่ยี วกบั ระบบคดิ ฐาน 10 ๓.๓ ครสู รปุ ความหมายของระบบคิดฐาน 10 ระบบคิดฐาน 10 หมายถึงการกระทาหรือพฤติกรรมที่ นาสิ่งของส่วนตนและ สิ่งของส่วนรวมนามาปะปนกันไปหมด โดยไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งของส่วนตนส่ิงไหนเป็น ส่ิงของส่วนรวมและก่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ส่วนตนมากกว่าผลประโยชน์ ส่วนรวมโดยที่บุคคลเหล่าน้ีทราบ แลว้ ของส่ิงของท่ีใช้เปน็ สว่ นรวม ข้นั ที่ ๔ สือ่ สารและสะท้อนความคดิ เราจะมีวิธกี ารอย่างไรเพอ่ื ไม่ให้นกั เรยี นมีพฤติกรรมหรอื การกระทา เข้าขา่ ย ลกั ษณะระบบคดิ ฐาน 10 ขน้ั ท่ี 5 ประยุกตแ์ ละตอบแทนสงั คม ให้นกั เรียนวาดรูปภาพรณรงค์ ส่งเสริมการกระทาหรือพฤตกิ รรมทเี่ ห็นแก่ ผลประโยชนส์ ่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน แลว้ ติดปา้ ยประชาสมั พันธ์ในชัน้ เรยี น 4.2 สอ่ื การเรยี นรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑. ใบความรู้ระบบคดิ ฐาน 10 ๒. ใบงาน เรื่อง อะไรบ้างหนอ ๓. สไี ม้/ปากกาเมจกิ ๕.การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5.1 วิธีการประเมนิ 1. ตรวจใบงาน เร่อื ง อะไรบา้ งหนอ 2. ตรวจผลงานการเขยี นรปู ภาพการรณรงค์ ต้านการกระทาท่เี ข้าข่ายพฤตกิ รรมระบบคิด ฐาน10 3. สงั เกตพฤติกรรมดา้ นความรับผดิ ชอบของนักเรยี น

- 47 - ๕.๒ เคร่ืองมือทใ่ี ชใ้ นการประเมิน 1.แบบใหค้ ะแนนการตรวจผลงานใบงาน เรื่อง อะไรบา้ งหนอ 2.แบบบันทึกการใหค้ ะแนนการเขยี นรปู ภาพการรณรงค์ ต้านการกระทาท่ีเข้าขา่ ย พฤติกรรมระบบคดิ ฐาน 10 3.แบบประเมนิ คุณลักษณะความรับผดิ ชอบ 5.3 เกณฑก์ ารประมิน - ใบงานนักเรยี น ได้คะแนนร้อยละ 70 ขน้ึ ไป ถือว่าผา่ น - การเขยี นรูปภาพการรณรงค์ ต้านการกระทาท่ีเขา้ ข่ายพฤติกรรมระบบคดิ ฐาน 10 ได้คะแนนรวม 8 คะแนนข้นึ ไป ถือวา่ ผา่ น - นักเรยี นได้คะแนน พฤตกิ รรมความรับผดิ ชอบ ระดบั ดขี ้นึ ไปถือว่าผา่ น ๖. บันทกึ หลังสอน ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ....................................................................... ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................................... ........................ ........................................................................................................... ............................................................ ลงชอื่ ................................................ ครูผูส้ อน (.................................................) ๗. ภาคผนวก - ใบความรู้ เร่อื ง ระบบคิดฐาน ๑๐ - ใบงาน เรื่อง อะไรบ้างหนอ - แบบสังเกตพฤติกรรมความรับผิดชอบ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook