ความไม่รู้กฎหมาย จะอ้างเป็ นข้อแก้ตวั ไม่ได้Ignorantia juris non excusat
กฎหมายทเี่ กย่ี วข้อง กบั การบารุงรักษา เขตเดินสายไฟฟ้า
กฎหมายที่เกี่ยวขอ้ งกบั การบารุงรักษาเขตเดินสายไฟฟ้ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540พระราชบญั ญตั ิการไฟฟ้าฝ่ ายผลติ แห่งประเทศไทยพระราชบัญญัติวธิ ีปฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539พระราชบญั ญตั ิจดั ต้งั ศาลปกครองและวธิ ีพจิ ารณา คดปี กครองพ.ศ. 2542พระราชบัญญตั ิความรับผดิ ทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ี พ.ศ. 2539
กฎหมายที่เก่ียวขอ้ งกบั การบารุงรักษาเขตเดินสายไฟฟ้าพระราชบัญญตั ทิ างหลวง พ.ศ. 2535พระราชบัญญตั ิป่ าไม้ พ.ศ. 2484แก้ไขโดย พ.ร.บ.ป่ าไม้(ฉบบั ที่ 5) พ.ศ.2518ประมวลกฎหมายอาญา
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540
มาตรา 26การใช้อานาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กรต้องคานึงถึงศักด์ศิ รีความเป็ นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพตามบทบัญญตั แิ ห่งรัฐธรรมนูญนี้
มาตรา 30 บุคคลย่อมเสมอกนั ในกฎหมาย และได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทยี มกนั
พระราชบญั ญตั ิการไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511
เขตเดินสายไฟฟ้า มาตรา 4 “เขตเดนิ สายไฟฟ้ า” หมายความวา่ บรเิ วณทท่ี จี่ ะเดนิ สายสง่ไฟฟ้ า โดยมคี วามกวา้ งจากแนวศนู ยก์ ลางของเสาสายสง่ ไฟฟ้ าดา้ นละไมเ่ กนิ สส่ี บิ เมตร
ระยะจากจดุ กง่ึ กลางเสา ระยะจากจดุ กง่ึ กลางเสาเขตเดนิ สายไฟฟ้ า
ระยะห่างระหว่างเสาสายส่ง จุดกง่ึ กลางเสาระยะห่างจากแนวศูนย์กลาง แนวศูนย์กลางสายส่ ง สายส่ ง
มาตรา 31ห้ามมใิ ห้ผู้ใดกระทาการอย่างหนึ่งอย่างใดอนั อาจเป็ นอนั ตรายแก่ระบบไฟฟ้าในเขตเดนิ สายไฟฟ้า
มาตรา 32 ในเขตเดนิ สายส่งไฟฟ้า ห้ามมใิ ห้ผู้ใดสร้างโรงเรือนหรือสิ่งอ่ืน ปลูกต้นไม้ หรือพืชผล เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็ นหนังสือจาก กฟผ. การอนุญาตน้ันให้เป็ นไปตามเง่ือนไขที่ กฟผ.กาหนด
มาตรา 33 เพื่อประโยชน์แห่งความปลอดภยั ให้ กฟผ.มอี านาจทาลายหรือตัดฟัน ตดั ต้น กงิ่ หรือรากของต้นไม้ ท่ีอยู่ใกล้ระบบไฟฟ้า แต่ต้องแจ้งเป็ นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองต้นไม้ทราบล่วงหน้าภายในเวลาอนั สมควร ในกรณที ตี่ ้นไม้น้ันมอี ยู่ก่อนการสร้างระบบไฟฟ้า ให้กฟผ.จ่ายค่าทดแทนให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองต้นไม้เท่าท่ีต้องเสียหายเพราะการกระทาน้ัน
มาตรา 34 ในกรณีจาเป็ นเพื่อตรวจ ซ่อมแซม หรือแก้ไขระบบไฟฟ้า พนักงานหรือลูกจ้างอาจเข้าไปในสถานท่ีของบุคคลใดในเวลาใดกไ็ ด้ เม่ือได้แจ้งให้เจ้าของ หรือผู้ครอบครองทราบแล้ว และให้นามาตรา 28 วรรคสอง มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม
มาตรา 54 ผู้ใดขัดขวางการกระทาของ กฟผ. หรือพนักงานซึ่งกระทาการตามมาตรา 28 มาตรา 29 มาตรา 32 วรรคสองมาตรา 33 หรือมาตรา 34 ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกนิ หนึ่งพนั บาทหรือท้งั จาท้งั ปรับ
พระราชบญั ญตั ิวธิ ีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
มาตรา 5 “คาสั่งทางปกครอง” หมายความว่า (๑) การใช้อานาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าท่ที ี่มีผลเป็ นการสร้างนิตสิ ัมพนั ธ์ขนึ้ ระหว่างบุคคลในอนั ทจ่ี ะก่อเปลย่ี นแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมผี ลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าทขี่ องบุคคล ไม่ว่าจะเป็ นการถาวรหรือช่ัวคราว เช่น การส่ังการ การอนุญาต การอนุมตั ิ การวนิ ิจฉัยอทุ ธรณ์ การรับรอง และการรับจดทะเบียน แต่ไม่หมายความรวมถงึ การออกกฎ
“กฎ” หมายความว่าพระราชกฤษฎกี า กฎกระทรวง ประกาศกระทรวงข้อบญั ญัตทิ ้องถ่ิน ระเบยี บ ข้อบังคบั หรือบทบัญญตั ิอื่นทมี่ ผี ลบงั คบั เป็ นการทว่ั ไป โดยไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคบั แก่กรณใี ดหรือบุคคลใดเป็ นการเฉพาะ
พระราชบญั ญตั ิจดั ต้งั ศาลปกครองและวธิ ี พิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
มาตรา 42 ผู้ใดได้รับความเดือดร้อนเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหาย โดยมอิ าจหลกี เลย่ี งได้อนั เน่ืองจากการกระทาหรือการงดเว้นการกระทาของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าทีข่ องรัฐ หรือมขี ้อโต้แย้งเกยี่ วกบั สัญญาทางปกครอง หรือกรณอี ื่นใดที่อยู่ในเขตอานาจศาลปกครอง ตามมาตรา 9 และการแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อนหรือความเสียหาย หรือยุตขิ ้อโต้แย้งน้ันต้องมีคาบงั คบั ตามทก่ี าหนดในมาตรา 72 ผู้น้ันมีสิทธิฟ้องคดตี ่อศาลปกครอง
ศาลปกครองแบ่งออกเป็น 2 ช้นั คือ• 1.ศาลปกครองชนั้ ต้น (ศาลปกครองกลาง , ศาลปกครองในภมู ิภาค)• 2.ศาลปกครองสงู สดุ
อานาจศาลปกครอง ศาลปกครองชนั้ ต้นศาลปกครองสงู สดุ
• กรณี แปรรูป กฟผ. (คดพี พิ าทเกยี่ วกบั ความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎกี า)• กรณพี นักงาน กฟผ.ถูกฟ้อง (คดพี พิ าทเกย่ี วกบั การทห่ี น่วยงานทางปกครองกระทาการโดย ไม่ ชอบด้วยกฎหมาย)
พระราชบญั ญตั ิความรับผิดทางละเมิดของ เจา้ หนา้ ท่ี พ.ศ.2539
เหตุผล และความจาเป็ นทต่ี ้องมีกฎหมายว่าด้วยความรับผดิ ทาง ละเมิดของเจ้าหน้าที่
สาระสาคญั ของพระราชบัญญตั ิความรับผดิ ทางละเมดิ ของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
เป็ นกฎหมายทที่ าให้เกดิ ความเป็ นธรรม และเพมิ่ พูนประสิทธิภาพ ในการทางานของรัฐ
ขอบเขตการบงั คบั “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอ่ืน ไม่ว่าจะแต่งต้ัง ในฐานะเป็ นกรรมการ หรือ ฐานะอ่ืนใด
“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวงกรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็ นกรม ราชการส่ วนภูมิภาค ราชการส่ วนท้องถิ่นและรัฐวิสาหกิจท่ีต้ังขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึง หน่วยงานอื่นของรัฐ ที่มีพระราชกฤษฎีกากาหนดให้เป็ นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญตั ินี้
เดมิ- ความรับผิดของเจา้ หนา้ ที่ ที่ทาละเมิด (ทาต่อบุคคลอ่ืนโดยผดิ กฎหมาย และใหเ้ ขาเสียหาย)- ใชโ้ ครงสร้างความรับผดิ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 420
เดมิ หลกั : นาหลกั เร่ืองลูกหน้ีร่วม ในระบบกฎหมายแพง่ มาใช้ (เจา้ หนา้ ท่ีหลายๆคนตอ้ งร่วมกนั รับผดิ ในความ เสียหายท่ีเกิดข้ึน )
เดมิ “ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทาต่อ บุคคลอื่น โดยผดิ กฎหมายให้เขาเสียหาย แก่ชีวิตก็ดี แก่ร่ างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่าง หนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้น้ันกระทา ละเมดิ จาต้องใช้ค่าสินไหม เพื่อการน้ัน”
เดมิ โครงสร้าง - การทาละเมดิ โดยจงใจ - การทาละเมดิ โดยประมาทเลนิ เล่อธรรมดา - การทาละเมดิ โดยประมาทเลนิ เล่ออย่างร้ายแรง
เดมิ การคุ้มครองเจ้าหน้าทจ่ี ากความรับผดิ ทางละเมดิผู้เสียหาย หน่วยงานของรัฐ หากพสิ ูจน์ว่าเจ้าหน้าท่ี กระทาละเมดิ จริง ฟ้อง เจ้าหน้าทรี่ ับผิด เจ้าหน้าทที่ าละเมดิ ส่วนตัว
กรณตี ัวอย่าง- กรมทดี่ นิ ออกใบแทนโฉนดให้แก่ผู้แอบอ้าง โดยผดิ พลาด- ผู้รับจานองใบแทนโฉนด ฟ้องกรมทดี่ นิ ศาลฎกี าให้ชดใช้- กรมทดี่ นิ ชดใช้ ให้เจ้าหน้าทช่ี ดใช้- เจ้าหน้าทร่ี ้องทุกข์ ต่อคณะกรรมการวนิ ิจฉัย ข้อร้องทุกข์ ยกเร่ือง
ปัจจุบัน : การนาหลกั กฎหมายแพ่งมาใช้ จะไม่เป็ นธรรมแก่ เจ้าหน้าทข่ี องรัฐ เพราะเจ้าหน้าทก่ี ระทาไปเพ่ือประ โยชน์ของรัฐ : เจ้าหน้าทกี่ ระทาโดยสุจริต อาจผดิ พลาดได้ ไม่ได้ทาเพ่ือประโยชน์ ส่ วนตวั : เจ้าหน้าทเี่ งนิ เดือนน้อย แต่ความรับผดิ อาจสูง
ปัจจุบนั: รับผดิ เฉพาะ 1. เมื่อมกี ารจงใจกระทาให้เกดิ ความเสียหาย 2. ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เท่าน้ัน
ปัจจุบัน : แบ่งแยกความรับผดิ ของเจ้าหน้าที่ ทแี่ ต่ละคน กระทา (รับผดิ เฉพาะส่วนทตี่ นรับผดิ ชอบ) ไม่นาหลกั ลกู หนี้ร่วมมาใช้
• กรณเี จ้าหน้าทขี่ องรัฐ กระทาละเมดิและมผี ลต่อบุคคลภายนอก• กรณีเจ้าหน้าท่ีของรัฐ กระทาละเมิดและมีผลต่อหน่วยงานของรัฐ (กฟผ.)
กรณเี จ้าหน้าทีข่ องรัฐ กระทา ละเมดิ และมผี ลต่อ บุคคลภายนอก
หลกั : กระทาในการปฏิบตั หิ น้าที่ หน่วยงานของรัฐต้องรับผดิ ต่อผู้เสียหายในผลแห่งละเมิด ที่เจ้าหน้าที่ของตนได้ กระทาในการปฏบิ ตั หิ น้าท่ี
มาตรา 5 “หน่วยงานของรัฐต้องรับผดิ ต่อผู้เสียหายในผลแห่งละเมิด ทีเ่ จ้าหน้าท่ีของตนได้กระทาในการปฏบิ ตั หิ น้าท่ี ในกรณผี ู้เสียหายอาจฟ้องหน่วยงานของรัฐดงั กล่าวได้โดยตรง แต่จะฟ้องเจ้าหน้าท่ีไม่ได้”
หลกั : มใิ ช่การกระทาในการปฏิบัตหิ น้าท่ี เจ้าหน้าทต่ี ้องรับผดิ เป็ นการเฉพาะตวั ต่อผู้เสียหายในผลแห่งละเมดิ ของเจ้าหน้าที่ ที่มใิ ช่การกระทาในการปฏิบตั หิ น้าที่
มาตรา 6 “ถ้าการกระทาละเมดิ ของเจ้าหน้าท่ีมิใช่การกระทาในการปฏิบัติหน้าท่ี เจ้าหน้าท่ีต้องรั บผิดในการนั้นเป็ นการเฉพาะตัว ในกรณีผู้เสียหายอาจฟ้องเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง แต่จะฟ้องหน่วยงานของรัฐไม่ได้”
การไล่เบยี้ เอาแก่เจ้าหน้าท่ี ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน มาตรา 8 “ในกรณีท่ีหน่วยงานของรัฐ ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย เพ่ือการละเมิดของเจ้าหน้าท่ี ให้หน่วยงานของรัฐ มีสิทธิเรียกเจ้าหน้าทผ่ี ู้ทาละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทาก ารน้ั นไปด้ วย ความจงใจห รื อ ประมาทเลนิ เล่ออย่างร้ายแรง”
หลกั เกณฑ์การไล่เบยี้- ต้องคานึงถึงระดบั ความร้ายแรงแห่งการกระทา และความเป็ นธรรมแต่ละกรณี
กรณีเจ้าหน้าท่ขี องรัฐ กระทา ละเมิด และมผี ลต่อหน่วยงาน ของรัฐ
Search