Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore posn1-bio62-1

posn1-bio62-1

Published by kotchawan5162, 2021-02-23 02:44:08

Description: posn1-bio62-1

Search

Read the Text Version

1 ข้อสอบวชิ าชีววิทยา เพ่ือคดั เลอื กนักเรียนเขา้ รับการอบรมค่าย 1 สอวน. ชอ่ื -สกลุ ......................................................................... ข้อสอบวิชาชวี วทิ ยา เลขประจาตวั สอบ ......................................................... รหสั ชุดวชิ า 0000001 สถานทสี่ อบ .................................................................. สอบวันอาทิตยท์ ่ี 25 สิงหาคม 2562 หอ้ งสอบ ....................................................................... เวลา 09.00 - 12.00 น. คาชี้แจง 1. ข้อสอบมี 20 หนา้ (ไมร่ วมปก) จานวน 100 ขอ้ 2. ใช้ปากกาเขียนช่ือ นามสกุล เลขประจาตัวสอบ สถานท่สี อบ และใช้ดินสอ 2B ระบายลงใน วงกลมใหต้ รงกับเลขประจาตวั และรหสั ชดุ วชิ าทกี่ รอกในกระดาษคาตอบ 3. ขอ้ สอบส่วนที่เป็นแบบปรนยั ชนดิ เลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก กรณีทีต่ ัวเลือกในข้อสอบและกระดาษคาตอบ ไมต่ รงกนั ใหถ้ ือตามข้อกาหนดขา้ งลา่ งนี้ ข้อ ก. = a = A = i = 1 ขอ้ ข. = b = B = ii = 2 ขอ้ ค. = c = C = iii = 3 ขอ้ ง. = d = D = iv = 4 4. วิธีตอบ ทาการระบายคาตอบขอ้ ทถี่ ูกต้องทส่ี ุด ลงในกระดาษคาตอบด้วยดินสอ 2B ใหน้ กั เรียน พจิ ารณาเลือกคาตอบทถ่ี ูกต้องและเหมาะสมท่สี ดุ เพยี งคาตอบเดยี ว ถ้าขอ้ ใดตอบมากกว่า 1 ตัวเลอื ก ข้อนน้ั ถอื เปน็ โมฆะ 5. ห้ามนาข้อสอบและกระดาษคาตอบออกจากหอ้ งสอบ 6. หา้ มเผยแพร่ก่อนทม่ี ูลนธิ ิ สอวน. จะเผยแพรท่ างเวบ็ ไซต์ 7. ห้ามใช้เครอื่ งคานวณ 8. ห้ามนักเรยี นออกจากหอ้ งสอบกอ่ น 1 ชวั่ โมง หลังจากเวลาเร่ิมการสอบ

1 1. โครงสร้างในข้อใดเกี่ยวข้องกบั การยอ่ ยสลายภายในเซลล์สตั ว์ ก. Golgi body, lysosome, endosome ข. endoplasmic reticulum, Golgi body, vacuole ค. endoplasmic reticulum, Golgi body, mitochondria ง. nuclear membrane, endoplasmic reticulum, Golgi body 2. ขนั้ ตอนการเติมนา้ ตาลเพอ่ื สงั เคราะห์ไกลโคโปรตนี บนเย่อื ห้มุ เซลล์เร่ิมต้นและสนิ ้ สดุ ท่อี อร์แกเนลล์ใด ก. nucleus  Golgi body ข. ribosome  cell membrane ค. endoplasmic reticulum  Golgi body ง. ribosome  Golgi body ใช้ภาพด้านลา่ งตอบคาถามข้อท่ี 34 D C B GH A F E 3. สารพลงั งานสงู ได้จาก glycolysis และวฏั จกั ร Krebs คืออกั ษรในข้อใดบ้าง glycolysis วฏั จกั ร Krebs ก. A A ข. B A ค. B A, B ง. A A, B 4. ข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. องค์ประกอบท่ีสาคญั ของสาร D คือ Fe2+ ข. โครงสร้างทสี่ าร E เคลอื่ นผา่ นคอื ATP synthase ค. สาร G คือตวั รับอิเลก็ ตรอนสดุ ท้ายของกระบวนการ ง. ในเซลลพ์ ชื ด้านลา่ งของภาพที่มีการสงั เคราะห์สาร F คอื intermembrane space ของไมโทคอนเดรีย

2 5. จากขนั้ ตอนของภาพขวามือข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. เอนไซม์ในภาพเร่งปฏิกิริยา oxidation ข. ขนั้ ตอนนพี ้ บได้ในไกลโคลซิ ิสของแบคทีเรีย ค. ตวั อยา่ งของ substrate คือ phosphoenolpyruvate ง. พบการทางานของเอนไซม์เชน่ นใี ้ นเมทริกซ์ (matrix) ของไมโทคอนเดรีย 6. ข้อใดถกู ต้องเก่ียวกบั การหายใจระดบั เซลล์ของยีสต์ ก. มี FADH2 ทาหน้าที่เป็ นตวั รีดิวซ์ ในการสร้าง ATP ข. เป็ นสงิ่ มีชีวิตท่ไี ม่สามารถมีชีวติ อยไู่ ด้หากขาดออกซิเจน ค. พบการทางานของ lactate dehydrogenase ในไซโทพลาซมึ ง. กระบวนการ oxidative phosphorylation เกิดขนึ ้ ท่ีเยื่อห้มุ เซลล์ 7. ข้อใดกลา่ วถึงจานวน chromatid ทงั้ หมดทพี่ บในเซลล์ระยะตา่ ง ๆ ได้ถกู ต้อง ก. G2 มากกวา่ G1 และ G1 มากกวา่ anaphase I ข. G1 เทา่ กบั prophase II และ prophase II มากกวา่ anaphase II ค. metaphase I มากกวา่ G0 และ G0มากกวา่ anaphase ง. prophase เทา่ กบั anaphase I และ anaphase I มากกวา่ metaphase II 8. ข้อใดถกู ต้อง ก. glucose มีหม่คู โี ตนอยใู่ นโมเลกลุ ข. glycogen จดั เป็ น storage polysaccharide มีการแตกแขนงน้อยกวา่ amylose ค. chitin เป็ น polymer ของ N-acetylglucosamine จดั เป็ นสว่ นประกอบของเห็ดรา ง. cellulose เป็ น polymer ของกลโู คส ประกอบด้วยพนั ธะ -1-4 glycosidic linkage และจดั เป็ น structural polysaccharide 9. หากใสเ่ ซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดงและใบสาหร่ายหางกระรอกลงในบกี เกอร์ 2 ใบ ใบท่ี 1 บรรจุสารละลายซูโครสทีม่ ี ความเข้มข้น 0.6 M และใบท่ี 2 บรรจนุ า้ กลนั่ พบวา่ ในบกี เกอร์ท่ี 1 เซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดงเหย่ี ว ข้อใดถกู ต้อง 1. ในบกี เกอร์ท่ี 1 เซลลส์ าหร่ายหางกระรอกจะอยใู่ นภาวะ plasmolysis 2. ในบีกเกอร์ท่ี 2 จะพบแรงดนั เตง่ (turgor pressure) ในเซลล์สาหร่ายหางกระรอก 3. สารละลายซูโครส 0.6 M และนา้ กลนั่ เป็ นสารละลายไฮเพอร์โทนกิ (hypertonic solution) และสารละลายไฮโพโทนิก (hypotonic solution) ตามลาดบั 4. การลาเลยี งสารผา่ น cell membrane ทีเ่ กิดขนึ ้ จาเป็ นต้องอาศยั พลงั งาน ก. 1 และ 2 ข. 1, 2 และ 3 ค. 1, 3 และ 4 ง. 2, 3 และ 4

3 10. ข้อใดถกู ต้องเกี่ยวสารชีวโมเลกลุ ที่แสดงด้านลา่ ง 1. มีกรดอะมิโนเป็ นองค์ประกอบ 2. มีคณุ สมบตั เิ ป็ น amphiphatic 3. เป็ น triacylglycerol 4. มีนา้ ตาลแบบ -configuration เป็ นองค์ประกอบ ก. 1 และ 2 ข. 1 และ 3 ค. 2 และ 4 ง. 3 และ 4 11. โรคพนั ธุกรรมหนง่ึ มีรูปแบบการถา่ ยทอดดงั แสดงในพนั ธุประวตั ิด้านลา่ ง กาหนดให้ หญิงคนที่ 1 ไม่มีแอลลลี ที่ทาให้เกิดโรค และ หญิงคนท่ี 6 มีแอลลลี ทท่ี าให้เกิดโรค ข้อใดถกู ต้อง ก. ยีนกอ่ โรคอยบู่ นโครโมโซม X ข. ยีนกอ่ โรคอยบู่ นโครโมโซม Y ค. โรคนเี ้กิดจากแอลลลี ด้อย ง. ฮอร์โมนเพศมีผลตอ่ การแสดงอาการของโรค 12. กาหนดให้ลกั ษณะความยาวหกู ระตา่ ยควบคมุ ด้วยยนี 5 คู่ แอลลลี เดน่ ของแตล่ ะยีนทาให้หกู ระตา่ ยยาวขนึ ้ เทา่ ๆ กนั กระตา่ ยท่ีมีจีโนไทป์ เป็ น homozygous recessive และ homozygous dominant มีความยาวหู 15 เซนตเิ มตร และ 30 เซนตเิ มตร ตามลาดบั ข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. เม่ือผสมพนั ธ์ุกระตา่ ยหยู าว 20 เซนตเิ มตร 2 ตวั จะไมม่ ีโอกาสได้ลกู หยู าวมากกวา่ พอ่ แม่ ข. กระตา่ ยท่ีมีจีโนไทป์ แบบ homozygous dominant 3 ยนี และ homozygous recessive 2 ยนี มีความยาวหู 24 เซนติเมตร ค. เม่ือผสมพนั ธ์ุระหวา่ งกระตา่ ยทม่ี ีจีโนไทป์ heterozygous ของทกุ ยีน จะมีโอกาสได้รุ่นลกู ความยาวหู 22.5 เซนติเมตรมากท่สี ดุ ง. เมื่อผสมพนั ธ์ุระหวา่ งกระตา่ ยหยู าว 15 เซนตเิ มตรและ 30 เซนติเมตร จะมีโอกาสได้รุ่นลกู ความยาวหู 22.5 เซนติเมตรทกุ ตวั

4 13. ข้อใดถกู ต้องเกี่ยวกบั โรคพนั ธุกรรมทม่ี ีลกั ษณะดงั นี ้ (i) มีปานแดงสเี ข้มขนาดใหญ่บนลาตวั ผ้ปู ่ วยแตล่ ะคนมีตาแหนง่ ปานแตกตา่ งกนั ดงั ตวั อยา่ งในรูป (ii) แสดงอาการตงั้ แตว่ ยั เดก็ พบในเพศหญิงเทา่ นนั้ (iii) ข้อมลู สถิติชีว้ า่ ครอบครัวของหญิงทเ่ี ป็ นโรคกบั ชายปกติ มีสดั สว่ นลกั ษณะของลกู ดงั นี ้ ลกู สาวปกติ: ลกู สาวเป็ นโรค: ลกู ชายปกติ: ลกู ชายทแี่ ท้งก่อนคลอด อตั ราสว่ น 1:1:1:1 ก. สง่ิ แวดล้อมเป็ นปัจจยั หลกั ทค่ี วบคมุ ตาแหนง่ ของปาน ข. ชายปกติไม่แสดงอาการของโรคเพราะอิทธิพลของฮอร์โมน ค. หญิงทเี่ ป็ นโรคทกุ คนมีจีโนไทป์ แบบ heterozygous ง. ชายปกติอาจมีแอลลลี ของยีนทที่ าให้เกิดโรค 14. สดี อกของพืชชนิดหนงึ่ ควบคมุ โดยยนี 3 คู่ คอื ยนี A, B และ C แอลลลี A ควบคมุ ลกั ษณะ จดุ สแี ดง แอลลลี B ควบคมุ ลกั ษณะ จุดสเี หลอื ง และ แอลลลี C ควบคมุ ลกั ษณะ จุดสนี า้ เงนิ ทงั้ 3 เป็ นแอลลลี เดน่ ขม่ สมบรู ณ์ตอ่ แอลลลี ด้อย (ควบคมุ ลกั ษณะไม่มีจุดสี) คือ a, b และ c ตามลาดบั ยนี ทงั้ 3 อยบู่ นโครโมโซมเดียวกนั และ ควบคมุ การแสดงออกของลกั ษณะร่วมกนั ถ้านาพชื ที่มีจีโนไทป์ AaBbCc (ยีนมีการเรียงตวั บนโครโมโซมดงั ภาพ) ซง่ึ มีกลบี ดอกเป็ นจุดสนี า้ เงนิ จุดสแี ดง และจดุ สเี หลอื ง มาผสมกบั พชื ทมี่ ีจีโนไทป์ aabbcc ซงึ่ กลบี ดอกไม่ มีจุดสี ลกั ษณะใดมีโอกาสพบได้น้อยทีส่ ดุ ในรุ่นลกู ก. กลบี ดอกไม่มีจุดสี ข. กลบี ดอกเป็ นจดุ สแี ดง และ จดุ สเี หลอื ง ค. กลบี ดอกเป็ นจุดสเี หลอื ง และ จดุ สนี า้ เงิน ง. กลบี ดอกเป็ นจดุ สนี า้ เงนิ และ จดุ สแี ดง 15. ข้อใดถกู ต้องเก่ียวกบั ทางเดินอาหารสว่ นตา่ งๆ ก. ในปากสามารถเกิดเฉพาะการยอ่ ยเชิงกลเทา่ นนั้ ข. การดดู ซมึ สารอาหารเกิดขนึ ้ มากทล่ี าไส้เลก็ และลาไส้ใหญ่ ค. การยอ่ ยอาหารในลาไส้เลก็ อาศยั เฉพาะเอนไซม์ทสี่ ร้างจากลาไส้เลก็ เทา่ นนั้ ง. หลอดอาหารของคนเป็ นเพียงทางผา่ นของอาหาร ในขณะท่หี ลอดอาหารบางสว่ นของววั มีการเปลยี่ นแปลงเพอ่ื ทาหน้าทใ่ี นกระบวนการ fermentation

5 16. ข้อใดถกู ต้องเมื่อรับประทานนมววั รสจืดทซ่ี ง่ึ ไม่ได้ปรุงแตง่ ก. คาร์โบไฮเดรตในนมถกู ยอ่ ยท่ีลาไส้เลก็ ข. การยอ่ ยเชิงเคมีเกิดครัง้ แรกที่ช่องปาก ค. ไขมนั ถกู ดดู ซมึ เข้าหลอดเลอื ดบริเวณลาไส้เลก็ ง. นา้ ตาลกาแลกโทสถกู ดดู ซมึ บริเวณลาไส้ใหญ่ 17. ข้อใดถกู ต้องเก่ียวกบั การยอ่ ยสารอาหารชนิดตา่ ง ๆ ก. เอนไซม์ยอ่ ยไขมนั ทีล่ าไส้เลก็ สร้างมาจากตบั ข. การยอ่ ยแป้ งเป็ นนา้ ตาลโมเลกลุ เดี่ยวเกิดขนึ ้ เป็ นสว่ นใหญ่ที่ลาไส้เลก็ ค. ปฏิกิริยาการยอ่ ยอาหารอาศยั เอนไซม์เป็ นตวั สลายพนั ธะเคมีภายในอาหาร ง. ววั ใช้พลงั งานจากหญ้าได้ เพราะสามารถสร้างเอนไซม์ยอ่ ยเซลลโู ลสได้ 18. ข้อใดเกิดขนึ ้ ในกระบวนการหายใจเข้า ก. กล้ามเนอื ้ ระหวา่ งซโี่ ครงและกระบงั ลมคลายตวั ข. กล้ามเนอื ้ กระบงั ลมหดตวั กระดกู ซี่โครงยกตวั สงู ขนึ ้ ค. กล้ามเนอื ้ กระบงั ลมหดตวั ทาให้ภายในปอดเป็ น positive pressure ง. กระดกู ซีโ่ ครงลดตวั ต่าลง ทาให้ภายในปอดเป็ น negative pressure 19. ข้อใดจดั เป็ น nonspecific defense mechanism ของระบบภมู ิค้มุ กนั ก. การทางานของ helper T cell ข. Inflammation ค. การสร้าง memory cell ง. ภมู ิค้มุ กนั ท่ีกระต้นุ โดยวคั ซนี 20. ข้อใดเป็ นลกั ษณะของหลอดเลอื ดทม่ี ีตาแหนง่ อยลู่ กึ ความดนั ภายในหลอดเลอื ดสงู ก. หลอดเลอื ดท่นี าเลอื ดเข้าสหู่ วั ใจ ข. เป็ นหลอดเลอื ดที่มีปริมาณเลอื ดมาก ค. เป็ นหลอดเลอื ดที่มีความเร็วในการไหลของเลอื ดสงู ง. เป็ นหลอดเลอื ดทมี่ ีพนื ้ ท่ีหน้าตดั รวมมากท่ีสดุ และเป็ นบริเวณทเ่ี กิดการแลกเปลยี่ นสาร 21. ข้อใดถกู ต้องเก่ียวกบั การทางานของหวั ใจของมนษุ ย์ ก. ระบบประสาทอตั โนวตั ิไมม่ ีผลตอ่ การบบี ตวั ของหวั ใจ ข. หวั ใจสามารถเกิดการบีบตวั ได้เองจากการกระต้นุ ของ sinoatrial node ค. electrocardiography เป็ นการวดั การหดตวั และคลายตวั ของกล้ามเนอื ้ หวั ใจ ง. cardiac output แปรผนั ตรงกบั heart rate แตจ่ ะแปรผกผนั กบั stroke volume 22. พชื ในข้อใดมีโครงสร้างดอกดงั ภาพด้านขวา ก. มะเขือ ข. บวั หลวง ค. ทบั ทิม ง. พริก

6 23. ข้อใดกลา่ วถกู ต้องเก่ียวกบั dioecious plant ก. พืชทีม่ ี perfect flower ข. พชื ทีม่ ี male flower และ female flower อยตู่ า่ งต้น ค. พืชที่มี stamen และ pistil อยตู่ า่ งดอก ง. พชื ทม่ี ี male flower และ female flower อยรู่ ่วมต้นเดยี วกนั 24. ข้อใดไม่ถกู ต้องเกี่ยวข้องกบั การเกิดเซลลส์ บื พนั ธ์ุ การปฏิสนธิ การเกิดผลและเมลด็ ของพืชดอก ก. sperm (n) ปฏสิ นธิกบั 2 polar nuclei (n+n) เจริญและพฒั นาเป็ น endosperm (3n) ข. megaspore mother cell แบง่ เซลลแ์ บบไมโอซิส ได้ 4 megaspores ทีม่ ีจานวนชดุ โครโมโซม n มีเพยี ง 1 megaspore เจริญไปเป็ น female gametophyte ซง่ึ สร้าง archegonium ค. ovary wall เจริญและพฒั นาเป็ น pericarp ซง่ึ แบง่ เป็ น 3 ชนั้ ได้แก่ exocarp, mesocarp และ endocarp ง. หลงั จากการปฏสิ นธิ ovule เจริญและพฒั นาเป็ น seed ซงึ่ มี integument เจริญและพฒั นาเป็ น seed coat 25. ข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. angiosperms เป็ นพืชสร้างสปอร์สองแบบ ข. megaspore, female gametophyte และ seed coat มีจานวนชดุ โครโมโซม n, n และ 2n ตามลาดบั ค. archegonium เป็ น female gametangium ท่พี บใน มอส, ไลโคโพเดียม, เฟิร์น และพชื เมลด็ เปลอื ย ง. พืชเมลด็ เปลอื ยมี single fertilization หลงั จากปฏสิ นธิ มีการเจริญเติบโตเป็ น embryo โดยอาศยั endosperm ซงึ่ เป็ นอาหารสะสม 26. ข้อใดถกู ต้อง ก. การงอกของหลอดเรณเู ป็ น gravitropism ข. การเกี่ยวพนั ของมือเกาะตาลงึ จดั เป็ น nastic movement ค. pulvinus ท่โี คนก้านใบไมยราบทาให้เกิด nastic movement ง. การหบุ ของใบกาบหอยแครงเป็ น thigmotropism 27. ข้อใดถกู ต้องเก่ียวกบั การเคลอื่ นไหวของพชื ตอบสนองตอ่ สง่ิ เร้า ก. phototropism เป็ นการตอบสนองแบบไมส่ มั พนั ธ์กบั ทศิ ทางของสง่ิ เร้า ข. การตอบสนองตอ่ แรงโน้มถว่ งของรากเป็นแบบสมั พนั ธ์กบั ทิศทางของสง่ิ เร้า ค. รากตอบสนองตอ่ ความชืน้ เป็ นแบบไมส่ มั พนั ธ์กบั ทิศทางของสงิ่ เร้า ง. การหบุ ใบของกาบหอยแครงเป็ นการตอบสนองแบบสมั พนั ธ์กบั ทิศทางของสง่ิ เร้า 28. ข้อใดถกู ต้องเก่ียวกบั ฮอร์โมนของพืช ข. IAA ยบั ยงั้ การออกรากของกิ่งปักชา ก. ABA สง่ เสริมการงอกของเมลด็ ง. GA3 ยบั ยงั้ การขยายตวั ของเซลลแ์ ละการยดื ของลาต้น ค. ไซโตไคนินชว่ ยชะลอการแกข่ องใบ

7 29. จากภาพด้านลา่ งข้อใดไม่ถกู ต้องเก่ียวกบั การเปิ ดปิ ดปากใบและการคายนา้ ก. เมื่อพืชขาดนา้ เนอื ้ เยือ่ xylem มีความเป็ นเบสเลก็ น้อยและ ABA เคลอ่ื นท่ีเข้าสเู่ ซลล์คมุ ทาให้ K+ เคลอ่ื นท่ี ออกจากเซลลค์ มุ แรงดนั เตง่ ลดลง ปากใบจงึ ปิ ด ข. ในสภาพปกตเิ นอื ้ เยือ่ xylem มีความเป็ นกรดเลก็ น้อยและ ABAH เคลอื่ นท่เี ข้าสู่ mesophyll cells ทาให้ K+ เคลอื่ นทีเ่ ข้าสเู่ ซลล์คมุ มากขนึ ้ แรงดนั เตง่ เพมิ่ ขนึ ้ ปากใบจงึ เปิ ด ค. เมื่อนา้ แพร่ออกเซลล์คมุ ทาให้แรงดนั เตง่ ในเซลล์คมุ เพม่ิ ขนึ ้ ปากใบจงึ เปิ ด ง. raised stomata ช่วยให้พืชคายนา้ ได้มากขนึ ้ 30. สมองสว่ นใดท่ีทาหน้าทเ่ี ก่ียวข้องกบั การเต้นของหวั ใจและการหายใจ 1. cerebrum 2. cerebellum 3. hypothalamus 4. medulla oblongata 5. pons 6. midbrain ก. 1, 2 และ 3 ข. 3, 4 และ 5 ค. 1, 5 และ 6 ง. 4, 5 และ 6 31. ข้อใดไมใ่ ช่การทางานของ sympathetic nervous system ก. กระต้นุ การทางานของตอ่ มนา้ ลาย ข. เพ่มิ อตั ราการเต้นของหวั ใจ ค. กระต้นุ การทางานตอ่ มหมวกไตชนั้ ใน ง. เพม่ิ การสลายตวั ของ glycogen ในตบั 32. ข้อใดตอ่ ไปนีไ้ ม่ถกู ต้อง ก. myelin sheath ในระบบประสาทสว่ นปลายสร้างจาก Schwann cell ข. axon ทมี่ ี myelin sheath หนาจะนากระแสประสาทได้เร็วกวา่ myelin sheath บาง ค. axon ท่มี ีเส้นผา่ ศนู ย์กลางเลก็ จะสง่ สญั ญาณได้เร็วกวา่ axon ที่เส้นผา่ ศูนย์กลางใหญ่ ง. saltatory conduction เป็ นการนากระแสประสาททีเ่ กิดขนึ ้ ใน myelinated axon

33. ข้อใดไม่ถกู ต้องเก่ียวกบั สารสอื่ ประสาท 8 ก. พบใน synaptic vesicles ของ presynaptic cell ข. พบใน synaptic vesicles ของ postsynaptic cell ง. cerebellum ค. มีผลตอ่ membrane potential ของ presynaptic cell ง. ถกู สลายโดยทนั ทีเมื่อจบั กบั ตวั รับ 34. ข้อใดถกู ต้องเกี่ยวกบั ไขสนั หลงั ก. gray matter เป็ นบริเวณที่พบ cell body ของเซลลป์ ระสาท ข. white matter เป็ นบริเวณที่พบ dendrite ของเซลล์ประสาท ค. spinal nerve มีทงั้ sensory และ motor fiber (mixed nerve) ง. นา้ เลยี ้ งสมองและไขสนั หลงั พบในช่องกลวงบริเวณ white matter 35. ข้อใดตอ่ ไปนีไ้ ม่มีสว่ นเกี่ยวข้องกบั taste pathway ก. gustatory cell ข. cranial nerve คทู่ ี่ 7 และ 9 ค. cerebral cortex 36. ข้อใดถกู ต้องเก่ียวกบั การมองเหน็ ของคน ก. rod cell สามารถแยกความแตกตา่ งของสไี ด้ ข. cone cell มีความไวตอ่ แสงน้อยกวา่ rod cell ค. fovea มี rod cell มากกวา่ บริเวณอ่ืน ๆ ง. เม่ือดวู ตั ถทุ ี่อยใู่ กล้เลนส์ตาจะโค้งนนู น้อย 37. ข้อใดไม่ถกู ต้องเก่ียวกบั การได้ยิน ก. hair cell ใน ampulla เป็ น chemoreceptor ข. การทรงตวั อาศยั semicircular canal ของหสู ว่ นใน ค. การได้ยิน อาศยั หสู ว่ นนอก, หสู ว่ นกลาง และ cochlea ของหสู ว่ นใน ง. auditory nerve คอื เส้นประสาทสมองคทู่ ่ี 8 ทสี่ ง่ กระแสประสาทไปยงั cerebrum ใช้ภาพด้านลา่ งตอบคาถามข้อที่ 3840 หมายเหตุ: ขนาดของรูปไม่เป็ นไปตามสเกลจริง

9 38. ภาพในข้อใดมีลกั ษณะของ genome คล้ายคลงึ กบั อาร์เคียมากท่สี ดุ ก. A ข. B ค. C ง. D 39. ภาพในข้อใดมีการดารงชีวิตเป็ น obligate intracellular parasite เทา่ นนั้ ก. A ข. B ค. C ง. D 40. ภาพในข้อใดพบไคตินเป็ นองค์ประกอบ ก. A ข. B ค. C ง. D 41. จงพิจารณาคากลา่ วเกี่ยวกบั สงิ่ มีชีวิตในอาณาจกั รพืชตอ่ ไปนี ้ A: พืชทกุ ชนดิ มีระยะ sporophyte และมีการสร้าง sporangia B: พืชทกุ ชนดิ มีระยะ gametophyte และมีการสร้าง gametangia C: โดยทว่ั ไปแล้ว gametes ของพชื จะสร้างจากการแบง่ เซลล์แบบ meiosis โดยเซลลใ์ นเนอื ้ เยอื่ ของ ระยะ gametophyte D: โดยทวั่ ไปแล้ว spores ของพืชจะสร้างจากการแบง่ เซลลแ์ บบ meiosis โดยเซลล์ในเนอื ้ เย่ือ ของระยะ sporophyte E: male gametes ของพืชที่มีววิ ฒั นาการสงู กวา่ จะไม่มีฟลาเจลลา (flagella) ข้อใดถกู ต้องท่ีสดุ ABCDE ก.      ข.      ค.      ง.      42. ข้อใดถกู ต้องเกี่ยวกบั การกรองพลาสมาทไ่ี ต 1. ของเหลวทไ่ี ด้จากกระบวนการนมี ้ ีคา่ ความเข้มข้นออสโมลเทา่ กบั เลอื ด 2. เป็ นกระบวนการแรกในการผลติ นา้ ปัสสาวะ 3. ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การกรองคอื ขนาดและประจขุ องสารในเลอื ด ก. 1 และ 2 ข. 2 และ 3 ค. 1 และ 3 ง. 1, 2 และ 3 43. ข้อใดถกู ต้องเก่ียวกบั ฮอร์โมนแอนติไดยเู รติก (ADH) 1. ออกฤทธ์ิทีท่ อ่ รวม 2. มีฤทธิ์เพมิ่ การดดู กลบั นา้ 3. หลง่ั มาจากตอ่ มใต้สมองสว่ นหน้า ก. 1 และ 2 ข. 2 และ 3 ค. 1 และ 3 ง. 1, 2 และ 3 44. ข้อใดมีบทบาทสาคญั ที่สดุ ในการควบคมุ pH ของนา้ นอกเซลล์ ก. PO43 ข. H+ และ HCO3 ค. ฮีโมโกลบิน ง. โปรตีน

10 45. จาก cladogram ด้านลา่ ง อกั ษร A และ B เป็ นลกั ษณะร่วมกนั และ อกั ษร C และ D เป็ นช่ือไฟลมั จากข้อมลู เหลา่ นขี ้ ้อใดถกู ต้อง Platyhelminthes Rotifera A Mollusca Annelida Arthropoda Bilateral animal C BD Chordata ลักษณะร่ วม ไฟลัม A BC D ก. ตวั แบน เป็ น protostome Echinodermata Nematoda ข. มขี ้อปล้อง เป็ น deuterostome Nematoda Echinodermata ค. ตวั ออ่ นเป็ น เป็ น deuterostome Nematoda Echinodermata trochophore larva ง. มกี ารลอกคราบ เป็ น protostome Echinodermata Nematoda 46. ข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. เพรียงหวั หอมเป็ นสตั ว์ไม่มีกระดกู สนั หลงั ข. สตั ว์ปี กววิ ฒั นาการมาจากสตั ว์เลอื ้ ยคลาน ค. สตั ว์เลอื ้ ยคลานมีผวิ หนงั ทีป่ กคลมุ ด้วย cutin ง. องึ่ อา่ งมีการปฏิสนธิภายในร่างกาย 47. เม่ือมีการเปลย่ี นแปลงปริมาตรเลอื ดหรือความดนั เลอื ด ร่างกายจะปรับให้เข้าสภู่ าวะปกติโดยอาศยั การปรับ สมดลุ ของอิเลก็ โทรไลต์ในข้อใด ก. โพแทสเซยี ม ข. ไบคาร์บอเนต ค. โซเดยี ม ง. คลอไรด์ 48. ข้อใดไม่ถกู ต้องเก่ียวกบั หน้าที่ของดเี อ็นเอ ก. รหสั พนั ธุกรรมสาหรับกรดอะมิโนมีทงั้ หมด 64 รหสั ข. ดีเอ็นเอ ทาหน้าทเ่ี ก่ียวข้องกบั การถ่ายทอดรหสั พนั ธุกรรม ค. รหสั พนั ธุกรรมในสายดเี อ็นเอ เป็ นรหสั สาหรับกรดอะมิโน ง. กรดอะมิโน 1 ชนิด กาหนดโดยนวิ คลีโอไทด์ 3 นิวคลโี อไทด์

11 49. ข้อใดถกู ต้องเกี่ยวกบั transcription ของแบคทีเรีย ก. เกิดโดยการทางานของเอนไซม์ DNA polymerase ข. ใช้ deoxyribonucleotide เป็ น monomer ในการสงั เคราะห์ ค. ไม่ต้องการ primer ในการเร่ิมต้นสร้างสาย polynucleotide ง. ใช้ DNA template ทงั้ สองสายเป็ นแมแ่ บบพร้อมกนั 50. การเพ่ิมจานวนดีเอ็นเอในหลอดทดลองใช้เอนไซม์ข้อใด ก. DNA ligase ข. thermostable DNA polymerase ค. phosphatase ง. restriction endonuclease 51. การโคลนดเี อ็นเอที่มียนี จากมนษุ ย์เข้าสพู่ ลาสมิด และถา่ ยโอนเข้าสแู่ บคทีเรีย เพ่อื ผลิตโปรตีน ข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. plasmid ทาหน้าท่เี ป็ น DNA vector ข. เทคนิคที่นายนี เข้าสแู่ บคทเี รียเรียกวา่ transduction ค. plasmid สามารถจาลองตวั เองและเพ่ิมจานวนภายในแบคทเี รีย ง. ยีนจากดเี อ็นเอมนษุ ย์สว่ นใหญ่ไมส่ ามารถใช้ในการสงั เคราะห์สายพอลเิ ปปไทด์ โดยตรงภายในเซลล์แบคทีเรียได้ 52. พืชชนดิ หนงึ่ มีดอกเป็ นแบบดอกเดี่ยว องค์ประกอบของดอกมีกลบี เลยี ้ ง 5 กลบี กลบี ดอก 5 กลบี เกสรเพศผู้ 10 อนั และมีเกสรเพศเมีย 1 อนั (มี 2 คาร์เพล และ 15 ออวลุ ) ผลที่จะเกิดจากดอกนขี ้ ้อใดเป็ นไปได้มากที่สดุ ก. ผลเดยี่ ว และมี 15 เมลด็ ข. ผลกลมุ่ และมี 15 เมลด็ ค. ผลเดย่ี ว และมี 10 เมลด็ ง. ผลกลมุ่ และมี 10 เมลด็ 53. ข้อใดถกู ต้องเก่ียวกบั ลกั ษณะและหน้าท่ีของเนอื ้ เยื่อพืช ก. เอพเิ ดอมิสอยชู่ นั้ นอกสดุ ทาหน้าท่ีในการป้ องกนั เนอื ้ เยือ่ ท่ีอยดู่ ้านใน ข. ไซเลม็ ประกอบด้วยเซลล์เวสเซลและเทรคดี ทาหน้าท่ลี าเลยี งอาหาร ค. คอลเลงคิมาประกอบด้วยเซลล์ที่มีผนงั เซลล์ทตุ ยิ ภมู ิหนา ทาหน้าท่ใี ห้ความแขง็ แรง ง. พาเรงคิมาประกอบด้วยเซลล์ท่มี ีชีวติ มีลกิ นินในผนงั เซลล์ ทาหน้าที่สะสมอาหาร 54. Photosystem II จะพบได้ทใี่ ด ก. grana เทา่ นนั้ ข. stroma เทา่ นนั้ ค. stroma และ stroma lamellae ง. grana และ stroma lamellae 55. หากไมม่ ีการถ่ายทอดอิเลก็ ตรอนใน photosystem II เหตกุ ารณ์ในข้อใดยงั คงดาเนนิ ตอ่ ไปได้ ก. photolysis ข. cyclic-electron transfer ค. non-cyclic electron transfer ง. เหตกุ ารณ์ในข้อ ก, ข และ ค สามารถดาเนนิ ตอ่ ไปได้ 56. ข้อใดคอื นา้ ตาลท่ีได้จากกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง ก. PGA ข. PGAL ค. glucose ง. sucrose

12 57. ข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. พืช C4 มีการสญู เสยี คาร์บอนอะตอมจาก photorespiration น้อยมาก ข. พชื C4 มีการตรึงคาร์บอนอนนิ ทรีย์ทเี่ ซลล์ mesophyll และ bundle sheet cell ค. พืช CAM มีการสงั เคราะห์ malic acid ซงึ่ จะสลายให้ pyruvic acid และ CO2 ง. พชื CAM จะเปิ ดรูปากใบในเวลากลางวนั เน่ืองจากเซลล์คมุ มีการสงั เคราะห์ด้วยแสง จากภาพตดั ขวางของพืชด้านลา่ ง ตอบคาถามข้อ 5859 endodermis 1 58. ภาพด้านบนแสดงโครงสร้างใด ก. ลาต้นพชื ใบเลยี ้ งเดยี่ ว ข. ลาต้นพืชใบเลยี ้ งคู่ ค. รากพืชใบเลยี ้ งคู่ ง. รากพืชใบเลยี ้ งเดย่ี ว 59. หมายเลข 1 คือเนอื ้ เยอ่ื ชนดิ ใด ก. พาเรงคิมา ข. เพอริไซเคลิ ค. โฟลเอ็ม ง. ไซเลม็ 60. ข้อใดมีบทบาทมากท่ีสดุ ในการดงึ นา้ ไปเลยี ้ งยอดไม้ของต้นไม้ใหญ่ ก. root pressure ข. transpiration pull ค. capillary action ง. มีบทบาทไมแ่ ตกตา่ งกนั 61. เม่ือปากใบปิ ด แตพ่ ืชได้รับนา้ เต็มที่ พชื มีการลาเลยี งนา้ หรือไม่ ถ้ามี พืชลาเลยี งด้วยกลไกใด ก. ไมม่ ีการลาเลยี งนา้ ข. มีโดยใช้ root pressure ค. มีโดยใช้ transpiration pull ง. มีโดยใช้ capillary force และ transpiration pull 62. การเปิ ดปากใบของพชื โดยทว่ั ไปเกิดจากสญั ญาณใดในธรรมชาติ ก. แสง ข. CO2 ค. อุณหภมู ิ ง. ความชืน้ 63. การลาเลยี งอาหารจากกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงใน phloem ถกู ลาเลยี งในรูปใด ก. กลโู คส ข. ซูโครส ค.ฟรักโทส ง. มอลโทส 64. ถ้า sperm ของคนไมส่ ามารถยอ่ ยชนั้ zona pellucida นา่ จะเกิดจากความผดิ ปกติของโครงสร้างใด ก. flagellum ข. centrosome ค. mitochondria ง. acrosome

13 65. endoderm พฒั นาไปเป็ นอวยั วะใด ก. ตบั ข. ไขสนั หลงั ค. หวั ใจ ง. โนโทคอร์ด 66. เมื่อแรกคลอดจะพบเซลล์สบื พนั ธ์ุในเด็กหญิงและเดก็ ชายระยะใดตามลาดบั ก. primary oocyte, primary spermatocyte ข. oogonia, spermatogonia ค. primary oocyte, spermatogonia ง. secondary oocyte, primary spermatocyte 67. ข้อใดถกู ต้อง 1. ถ้าระดบั testosterone สงู จะทาให้ luteinizing hormone ลดลง 2. ผ้หู ญิงตงั้ ครรภ์จะมี progesterone สงู และ luteinizing hormone ตา่ 3. ผ้หู ญิงท่ีทอ่ นาไขต่ นั สามารถรักษาภาวะมีบตุ รยากด้วยวธิ ี artificial insemination 4. Cowper’s gland ผลติ สารทาให้ sperm ใน semen ทนตอ่ สภาวะกรดในทอ่ สบื พนั ธ์ุเพศหญิง ก. 1 และ 3 ข. 1 และ 2 ค. 2 และ 3 ง. 2 และ 4 68. ภาพด้านลา่ งแสดงฮอร์โมน (AD) ท่คี วบคมุ การเจริญและพฒั นาของระบบสบื พนั ธ์ุเพศหญิง ฮอร์โมนใด กระต้นุ การเจริญของ follicle โดยตรง และฮอร์โมนใดกระต้นุ ให้ endometrium หนาตวั กระต้นุ การเจริญของ follicle กระต้นุ ให้ endometrium หนาตวั ก. B C ข. A C, D ค. B A, C ง. A B, D 69. ข้อใดเรียงลาดบั กระบวนการและระยะการเจริญของตวั ออ่ นสตั ว์ได้ถกู ต้อง ก. embryo, zygote, blastula, morula ข. zygote, blastula, fetus, organogenesis ค. fertilization, zygote, blastula, gastrula ง. fetus, blastula, morula, gastrula

14 70. ถ้ากาหนดให้มนษุ ย์มี somatic number (2n) = 4 เซลลไ์ ขท่ พ่ี บในทอ่ นาไขข่ ณะที่รอการปฏิสนธิตรงกบั ภาพใด ก. ข. ค. ง. 71. ข้อใดถกู ต้อง 1. ชอ่ ง blastopore ของเพรียงหวั หอม และ amphioxus พฒั นาเป็ น anus 2. เยื่อ amnion ของสตั ว์เลยี ้ งลกู ด้วยนมป้ องกนั แรงกระเทือนและป้ องกนั การสญู เสยี นา้ ของเอ็มบริโอ 3. โนโทคอร์ดพบได้ในสตั ว์มีกระดกู สนั หลงั ทาหน้าทเี่ ป็ นแกนของเอ็มบริโอ และเจริญเป็ นกระดกู สนั หลงั เม่ือโตเต็มวยั 4. ผ้หู ญิงตงั้ ครรภ์คนหนงึ่ ผา่ นการมีประจาเดอื นเป็ นครัง้ สดุ ท้ายมาแล้วเป็ นเวลา 30 วนั เอ็มบริโอซง่ึ อยใู่ น ครรภ์ของผ้หู ญิงคนนจี ้ ะพฒั นาถงึ ระยะฟีตสั ก. 1 และ 3 ข. 1 และ 2 ค. 2 และ 3 ง. 2 และ 4 72. พืชใน taiga ววิ ฒั นาการมาให้มีทรงพมุ่ ของเรือนยอดทเ่ี หมาะกบั ปัจจยั ใด ก. หิมะและนา้ แข็ง ข. ปริมาณแสงแดด ค. การกดั กินจากแมลง ง. อุณหภมู ิของอากาศ 73. บริเวณใดของบงึ นา้ จืดทพี่ บแพลงก์ตอนพชื ได้มากที่สดุ ก. profundal zone ข. benthic zone ค. limnetic zone ง. littoral zone 74. การเพิ่มของประชากรแบบเอ็กโพเนนเชียลมีลกั ษณะเป็ นอยา่ งไร ก. มีอตั ราการเพิ่มประชากรคงที่ ข. ประชากรเพมิ่ จานวนขนึ ้ อยา่ งไม่มีขีดจากดั ค. จานวนสมาชิกที่เพมิ่ ขนึ ้ ในแตล่ ะช่วงเวลามีจานวนเทา่ กนั ง. สดั สว่ นของสมาชิกวยั เจริญพนั ธ์ุมีการเปลย่ี นแปลงเพ่ิมขนึ ้ เร่ือย ๆ 75. สตั ว์ที่มีกราฟการรอดชีวิตของประชากรเป็ นรูปแบบท่ี 1 (type I curve) มีลกั ษณะเฉพาะเป็ นอยา่ งไร ก. มีอายสุ นั้ ไม่เกินหนงึ่ ปี ข. สบื พนั ธ์ุเพียงครัง้ เดียวในชีวติ ค. ออกลกู จานวนมากในแตล่ ะครัง้ ง. มีการเลยี ้ งดลู กู เป็ นระยะเวลานาน 76. พชื กลมุ่ แรก ๆ ของกระบวนการเปลยี่ นแปลงแทนทแ่ี บบปฐมภมู ิควรมีลกั ษณะอยา่ งไร ก. เป็ นพชื ทช่ี อบร่มเงา ข. ต้องการความชืน้ มาก ค. เจริญเตบิ โตและเริ่มสบื พนั ธ์ุได้เร็ว ง. เมลด็ ต้องอาศยั สตั ว์เป็ นพาหะชว่ ยแพร่กระจาย

15 77. พชื กินแมลง (carnivorous plants) มีวิวฒั นาการให้เหมาะสมกบั แหลง่ ทอ่ี ยอู่ าศยั ทม่ี ีลกั ษณะอยา่ งไร ก. บริเวณท่ีดินแห้งแล้ง ข. บริเวณที่มีแมลงชุกชุม ค. บริเวณท่ีดนิ มีสารอาหารต่า ง. บริเวณที่ได้รับแสงแดดน้อย 78. พฤตกิ รรมหนง่ึ ทช่ี ่วยให้ปลาแซลมอนอพยพกลบั จากทะเลมาผสมพนั ธ์ุและวางไขใ่ นแมน่ า้ ทม่ี นั เกิดได้ถกู ต้องคือ พฤตกิ รรมใด ก. kinesis ข. imprinting ค. habituation ง. insight learning 79. ในแตล่ ะปี พลงั งานแสงถกู เปลย่ี นให้เป็ นพลงั งานเคมีในสารอินทรีย์มากที่สดุ ในระบบนิเวศแบบใดและเพราะ เหตใุ ด ก. บริเวณทะเลเปิ ด เพราะเป็ นระบบนิเวศทีม่ ีพนื ้ ทก่ี ว้างขวางท่ีสดุ ข. บริเวณชายฝ่ังทะเล เพราะเป็ นระบบนเิ วศท่มี ีความอดุ มสมบูรณ์สงู มากทีส่ ดุ ค. ในป่ าดบิ ชืน้ เพราะเป็ นระบบนเิ วศทีม่ ีความหลากหลายทางชีวภาพสงู ทสี่ ดุ ง. ในทงุ่ หญ้าสะวนั นา เพราะเป็ นระบบนเิ วศท่ีได้รับพลงั งานแสงมากทสี่ ดุ 80. ในการทดลองผสมลกั ษณะเดียวของ Mendel ข้อใดแสดงลาดบั ของการทดลองถกู ต้อง ก. cross pollination ถว่ั ลนั เตา heterozygous ในรุ่น P ได้ลกู heterozygous ในรุ่น F1 จากนนั้ self pollination ลกู รุ่น F1 ได้ ลกู pure line และ heterozygous ในรุ่น F2 ข. self pollination ถวั่ ลนั เตา pure line ในรุ่น P ได้ลกู heterozygous ในรุ่น F1 จากนนั้ cross pollination ลกู รุ่น F1 ได้ ลกู pure line และ heterozygous ในรุ่น F2 ค. cross pollination ถวั่ ลนั เตา pure line ในรุ่น P ได้ลกู heterozygous ในรุ่น F1 จากนนั้ self pollination ลกู รุ่น F1 ได้ ลกู pure line และ heterozygous ในรุ่น F2 ง. self pollination ถวั่ ลนั เตา heterozygous ในรุ่น P ได้ลกู pure line ในรุ่น F1 จากนนั้ cross pollination ลกู รุ่น F1 ได้ ลกู pure line และ heterozygous ในรุ่น F2 81. ในการทดลองผสมลกั ษณะเดียวของ Mendel ความนา่ จะเป็ นของการทดลองและผลท่ีได้ในข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. ความนา่ จะเป็ นของ sperm แตล่ ะแบบของต้นในรุ่น P มีคา่ เทา่ กบั 1 ข. ความนา่ จะเป็ นของ egg แตล่ ะแบบของต้นในรุ่น F1 มีคา่ เทา่ กบั 1 ค. ความนา่ จะเป็ นของจีโนไทป์ แตล่ ะแบบของต้นในรุ่น F1 คานวณโดยใช้กฎการคณู เทา่ นนั้ ง. ความนา่ จะเป็ นของจีโนไทป์ แตล่ ะแบบของต้นในรุ่น F2 คานวณโดยใช้กฎการบวกและการคณู 82. ข้อใดไม่ถกู ต้องเกี่ยวกบั ซากดกึ ดาบรรพ์ Lucy ก. จดั อยใู่ นสปี ชีส์ Australopithecus afarensis ข. ยงั ไม่สามารถเดนิ 2 ขาได้ ค. มีลกั ษณะผสมผสานระหวา่ งลกั ษณะของมนษุ ย์กบั ลงิ ไม่มีหาง ง. เชื่อวา่ เป็ นบรรพบุรุษของมนษุ ย์ในจีนสั Homo

16 83. หากนกั เรียนทดลองผสมพืชท่ีมีจีโนไทป์ ดงั ต่อไปนี ้ (ต้นพอ่ ) aaBbCcDDEeFfgg  AAbbccDdEeffGg (ต้นแม)่ ข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. sperms ที่มาปฏสิ นธิมีจีโนไทป์ หลากหลายกวา่ eggs ข. ลกู ทไ่ี ด้มีจีโนไทป์ และฟีโนไทป์ แตกตา่ งกัน 96 และ 32 แบบตามลาดบั ค. ลกู ทไ่ี ด้จะมีจีโนไทป์ เป็ น homozygous recessive ได้มากทส่ี ดุ 6 ยีน ง. ลกู ทไ่ี ด้จะมีจีโนไทป์ เป็ น heterozygous ได้มากท่สี ดุ 7 ยนี 84. จากข้อมลู เก่ียวกบั ลกั ษณะ (ฟีโนไทป์ ) ของถว่ั ลนั เตาตอ่ ไปนี ้ผลการทดลองในข้อใดไม่ถกู ต้อง ลกั ษณะเดน่ ลกั ษณะด้อย ดอกสมี ว่ ง ดอกสขี าว ต้นเตยี ้ ต้นสงู เมลด็ สเี ขียว เมลด็ สเี หลอื ง เมลด็ ยน่ เมลด็ กลม ก. เมื่อผสมถวั่ ลนั เตา homozygous ต้นสงู ดอกสมี ่วง กบั ถว่ั ลนั เตา homozygous ต้นเตยี ้ ดอกสขี าวในรุ่น P ความนา่ จะเป็ นท่ีจะได้ลกู รุ่น F2 มีลกั ษณะเหมือนกบั ต้นในรุ่น P เทา่ กบั 10 สว่ น 16 ข. เมอ่ื ผสมถว่ั ลนั เตา homozygous ต้นสงู เมลด็ สเี หลอื ง กบั ถว่ั ลนั เตา homozygous ต้นเตีย้ เมลด็ สเี ขยี วในรุ่น P ความนา่ จะเป็ นทจี่ ะได้ลกู รุ่น F2 มีลกั ษณะตา่ งจากต้นในรุ่น P เทา่ กบั 6 สว่ น 16 ค. เมื่อผสมถวั่ ลนั เตา homozygous ดอกสมี ่วงเมลด็ ยน่ กบั ถว่ั ลนั เตา homozygous ดอกสขี าวเมลด็ กลมในรุ่น P ความนา่ จะเป็ นที่จะได้ลกู รุ่น F2 มีลกั ษณะเหมือนกบั ต้นในรุ่น P เทา่ กบั 6 สว่ น 16 ง. เม่ือผสมถว่ั ลนั เตา homozygous ต้นสงู เมลด็ สเี หลอื ง กบั ถวั่ ลนั เตา homozygous ต้นเตีย้ เมลด็ สเี ขียวในรุ่น P ความนา่ จะเป็ นทจี่ ะได้ลกู รุ่น F2 มีลกั ษณะตา่ งจากต้นในรุ่น P เทา่ กบั 10 สว่ น 16 85. จากข้อมลู ในข้อ 84 ผลการทดลองในข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. เมื่อผสมถวั่ ลนั เตา heterozygous ต้นสงู ดอกสมี ว่ งเมลด็ กลม 2 ต้น จะมีความนา่ จะเป็ นท่ีได้ลกู ท่มี ีลกั ษณะ ตา่ งจากต้นพอ่ แม่ และมีจีโนไทป์ ของทกุ ยนี เป็ น homozygous เทา่ กบั 9 สว่ น 64 ข. เมื่อผสมถว่ั ลนั เตา heterozygous ต้นสงู ดอกสมี ่วงเมลด็ กลม 2 ต้น จะมีความนา่ จะเป็ นทไ่ี ด้ลกู ทมี่ ีลกั ษณะ เหมือนกบั ต้นพอ่ แม่ แตม่ ีจีโนไทป์ ของทกุ ยีนเป็ น homozygous เทา่ กบั 1 สว่ น 64 ค. เม่ือผสมถวั่ ลนั เตา heterozygous ดอกสมี ่วงเมลด็ กลมสเี หลอื ง กบั ถว่ั ลนั เตา homozygous ดอกสมี ่วง เมลด็ ยน่ สเี หลอื ง จะได้ลกู ท่มี ีลกั ษณะตา่ งกนั 2 แบบเทา่ นนั้ ง. เม่ือนาเรณขู องถว่ั ลนั เตา homozygous ดอกสขี าวเมลด็ ยน่ สเี หลอื ง มาถา่ ยลงบนเกสรตวั เมียของถว่ั ลนั เตา homozygous ดอกสมี ว่ งเมลด็ กลมสเี ขียว จะไม่ได้ลกู ท่มี ีลกั ษณะเหมือนต้นแม่เลย

17 86. ในการทดลองผสมสองลกั ษณะของ Mendel ความนา่ จะเป็ นของการทดลองและผลทีไ่ ด้ในข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. ในการสร้างเซลล์สบื พนั ธ์ุของถวั่ ลนั เตาในรุ่น F1 ความนา่ จะเป็ นของ sperm แตล่ ะแบบ มีคา่ เทา่ กนั ทกุ แบบ ข. ในการสร้างเซลลส์ บื พนั ธ์ุของถวั่ ลนั เตาในรุ่น F1 ความนา่ จะเป็ นของ sperm ท่ีมีแต่ dominant alleles มีคา่ เทา่ กบั 0 ค. ในการสร้างเซลล์สบื พนั ธ์ุของถว่ั ลนั เตาในรุ่น F1 ความนา่ จะเป็ นของ sperm ที่มีทงั้ dominant และ recessive alleles มีคา่ เทา่ กบั 0.5 ง. ในการสร้างเซลล์สบื พนั ธ์ุของถวั่ ลนั เตาในรุ่น F1 ความนา่ จะเป็ นของ sperm แตล่ ะแบบ มีคา่ ไม่ตา่ งจาก ความนา่ จะเป็ นของ egg แตล่ ะแบบ 87. ข้อใดแสดงลกั ษณะที่เปรียบเทียบกบั การถ่ายทอดแบบ incomplete dominance ได้ใกล้เคยี งทีส่ ดุ ก. ซกั เสอื ้ กล้ามสขี าวร่วมกบั เสอื ้ สแี ดงได้เสอื ้ กล้ามสขี มพู ข. หยดสนี า้ มนั สแี ดงลงบนผ้าใบสขี าวได้งานศลิ ป์ ลายจุด ค. ปักด้ายสนี า้ เงนิ ลงบนเสอื ้ นกั เรียน ได้เสอื ้ ที่มีชื่อของนกั เรียนเป็ นเจ้าของ ง. นากระโปรงนกั เรียนสซี ีดไปย้อมคราม ได้กระโปรงสสี ดเหมือนซอื ้ ใหม่ 88. ข้อใดไม่พบในยนี ท่ีมีการถ่ายทอดแบบ multiple allele ก. ในสงิ่ มีชีวติ 1 ตวั อาจพบ allele ของยนี นไี ้ ด้มากกวา่ 2 แบบ ข. ในสง่ิ มีชีวิต 1 ตวั อาจพบ allele ของยีนนไี ้ ด้น้อยกวา่ 2 แบบ ค. ในประชากรของสง่ิ มีชีวติ 1 ชนดิ อาจพบ dominant allele ของยนี นไี ้ ด้มากกวา่ 2 แบบ ง. ในประชากรของสงิ่ มชี ีวิต 1 ชนิด อาจพบความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง allele ของยีนนีท้ ่ีไมเ่ ป็ นไป ตามแบบของ Mendel 89. หากสขี องดอกไม้ชนดิ หนงึ่ มีการถ่ายทอดแบบ multiple allele ในขณะทค่ี วามยาวของชอ่ ดอกมีการถ่ายทอด แบบ incomplete dominant ผลการผสมในข้อใดไม่นา่ เกิดขนึ ้ ได้ ก. ผสมต้นพอ่ แมท่ มี่ ีสดี อกเหมือนกนั แตไ่ ด้ลกู ทีม่ ีสดี อกตา่ งออกไป ข. ผสมต้นท่ีมีชอ่ ดอกสนั้ กบั ต้นท่มี ีช่อดอกยาว ได้ลกู ที่มีช่อยาวกงึ่ กลางของพอ่ แม่ ค. ผสมต้นพอ่ แม่ท่ีมีสดี อกเหมือนกนั แตช่ อ่ ดอกยาวไมเ่ ทา่ กนั ได้ลกู ทงั้ หมดทม่ี ีสแี ละความยาวชอ่ เหมอื นต้นพอ่ แมต่ ้นใดต้นหนง่ึ ง. ผสมต้นพอ่ แมท่ ่ีมีสดี อกตา่ งกนั แตช่ อ่ ดอกยาวเทา่ กนั ได้ลกู จานวนหนงึ่ ทีม่ ีสดี อกเหมือนต้นพอ่ และอีกจานวน หนง่ึ มีสดี อกเหมือนต้นแม่ แตล่ กู ทงั้ หมดมีความยาวชอ่ เทา่ กนั 90. กลไกการแยกกนั ทางการสบื พนั ธ์ุหลงั ระยะไซโกต กลไกใดพบมากในพชื ก. ลกู ผสมตายกอ่ นถงึ วยั เจริญพนั ธ์ุ ข. ลกู ผสมเป็ นหมนั ค. ลกู ผสมล้มเหลว ง. ข้อ ข. และ ค. ถกู ต้อง

18 91. ข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. การปรับปรุงพนั ธ์ุข้าว ใช้รังสแี กมมาชกั นาให้เกิดมิวเทชนั ข. นกฟินช์มีจะงอยปากที่แตกตา่ งกนั เพราะลดการแกง่ แยง่ อาหาร ค. ความแปรผนั ทางพนั ธุกรรมทาให้สงิ่ มีชีวติ ในสปี ชีสห์ นง่ึ ๆ มีลกั ษณะท่แี ตกตา่ งกนั ง. สง่ิ มีชีวิตที่เกิดจากการโคลนจะไม่มีโอกาสเกิดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมท่ตี า่ งจากสง่ิ มีชีวิตต้นแบบ 92. ข้อใดไม่ถกู ต้องเกี่ยวกบั พอลพิ ลอยดี ก. พบในสตั ว์น้อยกวา่ ในพชื ข. เกิดจากสง่ิ มีชีวิตสปี ชีสเ์ ดียวกนั เป็ นสว่ นมาก ค. มีสาเหตจุ ากความผดิ ปกตขิ องกระบวนการแบง่ เซลล์แบบไมโอซิส ง. มีสาเหตจุ ากทไี่ มส่ ามารถถ่ายเทเคลอ่ื นย้ายยีนระหวา่ งสมาชิกในประชากร จงใช้ภาพด้านลา่ งตอบคาถามข้อท่ี 9394 อวยั วะ X อวัยวะเป้ าหมาย 93. สาร เป็ นสารทีผ่ ลติ ท่ีอวยั วะ X และมีการลาเลยี งภายในร่างกายไปยงั อวยั วะเป้ าหมายโดยอาศยั กลไกดงั ภาพหากอวยั วะ X คือ ตอ่ มใต้สมองสว่ นหน้า สาร นา่ จะเป็ น ก. melatonin ข. calcitonin ค. endorphin ง. oxytocin 94. หากสาร เป็ นโพลเิ ปปไทด์ จะมีกลไกการกระต้นุ อวยั วะเป้ าหมายโดยอาศยั ตวั รับ (receptor) ทบี่ ริเวณใด ก. ตวั รับบริเวณดเี อ็นเอ (DNA) ของเซลลเ์ ป้ าหมาย ข. ตวั รับบนเย่อื ห้มุ นวิ คลยี ส (nuclear membrane) ของเซลล์เป้ าหมาย ค. ตวั รับภายในไซโทซอล (cytosol) ของเซลลเ์ ป้ าหมาย ง. ตวั รับบนเยือ่ ห้มุ เซลล์ (cell membrane) ของเซลล์เป้ าหมาย 95. การเคลอ่ื นทข่ี องอาหารจากหลอดอาหารลงสกู่ ระเพาะอาหาร ที่เรียกวา่ peristalsis อาศยั การทางานของ กล้ามเนอื ้ ชนิดใดเป็ นหลกั ก. smooth muscle ข. cardiac muscle ค. skeletal muscle ง. striated muscle

19 จงใช้ภาพด้านลา่ งตอบคาถามข้อที่ 9697 นกั เรียนชายคนหนึ่ง รับประทานอาหารค่าเวลา 18.00 น. เมื่อรบั ประทานอาหารเสร็จ จึงได้วดั ระดบั นา้ ตาลในเลอื ด ทกุ ๆ 2 ชวั่ โมง ตงั้ แตเ่ วลา 18.00 น. จนถงึ 6.00 น. ของวนั ถดั ไป ได้ผลการทดลองดงั ภาพ ระดบั นา้ ตาลในเลอื ด (g/dL) 96. จากข้อมลู ข้างต้น อินซูลนิ ของนกั เรียนนา่ จะทางานสงู สดุ ในชว่ งเวลาใด ง. 04.0006.00 น. ก. 18.0020.00 น. ข. 20.0022.00 น. ค. 22.0024.00 น. 97. อินซูลนิ มีกลไกการทางานท่สี อดคล้องกบั ผลการทดลองอยา่ งไร ก. เร่งการสลายไกลโคเจนเป็ นกลโู คส ข. เร่งการสร้างดดู ซมึ ของกลโู คสเข้าสกู่ ระแสเลอื ดบริเวณลาไส้เลก็ ค. เร่งการดดู ซมึ กลโู คสจากกระแสเลอื ดเข้าสเู่ ซลล์ร่างกาย ง. เร่งกระบวนการหายใจในระดบั เซลลเ์ พือ่ เพ่มิ การเผาผลาญกลโู คส 98. ในขณะทนี่ กั เรียนยืดแขนออกไปด้านหน้าลาตวั จนสดุ กล้ามเนอื ้ ที่บริเวณแขนจะมีการเปลยี่ นแปลงอยา่ งไร กล้ามเนอื ้ กล้ามเนอื ้ กล้ามเนอื ้ กล้ามเนอื ้ Biceps Triceps Flexors Extensors ก. หดตวั คลายตวั หดตวั คลายตวั ข. หดตวั คลายตวั คลายตวั หดตวั ค. คลายตวั หดตวั คลายตวั หดตวั ง. คลายตวั หดตวั หดตวั คลายตวั

20 99. ในระหวา่ งทลี่ กู อ๊อดเจริญเติบโตจนกลายเป็ นกบตวั เต็มวยั ร่างกายของกบมีการเปลย่ี นแปลงเชิงโครงสร้าง หลายอวยั วะ เช่น มีการลดลงของหาง มีการพฒั นาของรยางค์ และมีการเจริญของกระดกู เป็ นต้น (ดงั ภาพ) กระบวนการเมทามอร์โฟซิส (metamorphosis) ท่ีเกิดขนึ ้ โดยอาศยั การทางานของไทรอกซนิ (thyroxin) ทสี่ ร้าง จากตอ่ มไทรอย์ เหตใุ ดไทรอกซินกระต้นุ ให้เซลลเ์ ป้ าหมายในอวยั วะตา่ ง ๆ ทางานตา่ งกนั ก. ไทรอกซินมีโครงสร้างเชิงเคมีหลากหลาย จึงมีความจาเพาะตอ่ อวยั วะตา่ ง ๆ แตกตา่ งกนั ข. เซลล์เป้ าหมายของไทรอกซินมีตวั รับและกลไกการตอบสนองเชิงเคมีในระดบั เซลล์ทแ่ี ตกตา่ งกนั ค. การทางานของ releasing hormone จากตอ่ มใต้สมองกระต้นุ ให้ไทรอกซินที่หลงั่ ออกมาทางานแตกตา่ งกนั ง. เซลล์เป้ าหมายมีรูปแบบของตวั รับทีแ่ ตกตา่ งกนั บางชนดิ มีตวั รับทอ่ี ยทู่ ีเ่ ยอื่ ห้มุ เซลล์ บางชนิดมีตวั รับภายใน นิวเคลยี ส 100. ในขณะท่ไี ส้เดือนกาลงั เคลอื่ นทีด่ งั ภาพ กล้ามเนอื ้ ตามยาว (longitudinal muscle) และกล้ามเนอื ้ วง (circular muscle) ในบริเวณ A (เส้นประ) และ B (เส้นทบึ ) จะอยใู่ นสภาพใด ตามลาดบั บริเวณ A บริเวณ B ก. กล้ามเนอื ้ ตามยาว หดตวั กล้ามเนอื ้ วง หดตวั ข. กล้ามเนอื ้ ตามยาว หดตวั กล้ามเนอื ้ วง คลายตวั ค. กล้ามเนอื ้ ตามยาว คลายตวั กล้ามเนอื ้ วง หดตวั ง. กล้ามเนอื ้ ตามยาว คลายตวั กล้ามเนอื ้ วง คลายตวั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook