Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง จากยุคมืดสู่ความเจริญแห่งปัญญา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง จากยุคมืดสู่ความเจริญแห่งปัญญา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563

Published by สุนิษา, 2021-05-15 04:20:39

Description: ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง จากยุคมืดสู่ความเจริญแห่งปัญญา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563

Search

Read the Text Version

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ วชิ า อารยธรรมตะวันตก ส30271 เร่ือง จากยุคมืดสู่ความเจรญิ แห่งปัญญา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 นางสุนษิ า กัณฑแ์ ก้ว ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นมหาวชริ าวุธ จังหวัดสงขลา สานักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษาเขต 16 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยุคมืดสู่ความเจริญแห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ วชิ า อารยธรรมตะวนั ตก ส30271 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 หน่วยที่ 2 เรอื่ ง จากยคุ มืดสูค่ วามเจรญิ แหง่ ปญั ญา ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรยี นมหาวชริ าวุธ จงั หวัดสงขลา สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 16 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 จากยคุ มืดสู่ความเจริญแหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก คานา ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาอารยธรรมตะวันตก (ส30271) ได้จัดทาโดยยึดหลักสูตรสถานศึกษา กลุม่ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาเพ่ิมเติม โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการ เรียนรู้ การสบื เสาะหาความรตู้ ามธรรมชาติของรายวิชาสังคมศึกษา ให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ได้ฝึก ปฏิบัติกิจกรรมอันก่อให้เกิดความรู้และทักษะที่สามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย 7 เรื่อง 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ 9 กิจกรรม ดังนี้ เร่ืองที่ 1 ยุโรปสมยั กลาง ( 3 ช่ัวโมง ) กิจกรรมที่ 1 อทิ ธิพลของครสิ ตศ์ าสนาในยุคกลาง กิจกรรมที่ 2 การเมืองเศรษฐกิจสังคม ในยุคกลาง กิจกรรมท่ี 3 เหตุการณ์สาคญั ในยุโรปสมัยกลาง และอารยธรรมในสมัยกลาง เรอ่ื งที่ 2 การฟืน้ ฟูศลิ ปะวิทยาการ ( 3 ช่ัวโมง ) กจิ กรรมที่ 4 การฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ เรื่องที่ 3 การสารวจทางทะเล ( 2 ชัว่ โมง ) กิจกรรมที่ 5 การสารวจทางทะเล เรื่องท่ี 4 การปฏริ ปู ศาสนา ( 3 ช่วั โมง ) กิจกรรมท่ี 6 การปฏิรูปศาสนา เรื่องท่ี 5 การปฏวิ ัติวิทยาศาสตร์ ( 3 ช่ัวโมง ) กจิ กรรมท่ี 7 การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ เร่ืองท่ี 6 การปฏวิ ัตอิ ตุ สาหกรรม ( 3 ชว่ั โมง ) กจิ กรรมท่ี 8 การปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรม เรอื่ งที่ 7 ยุคภูมธิ รรมและแนวคดิ ประชาธปิ ไตย( 3 ชวั่ โมง ) กจิ กรรมที่ 9 ยคุ ภูมิธรรมและแนวคดิ ประชาธิปไตย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้ผา่ นการแก้ไขปรับปรุง พัฒนาอยา่ งตอ่ เน่ือง และไดท้ ดลองจดั การเรยี นรู้ เพื่อใหเ้ กิดผลดที สี่ ดุ กบั ผเู้ รียน ชุดกิจกรรมการเรยี นรนู้ ้ีไดเ้ สรจ็ สมบูรณไ์ ด้ด้วยการสนบั สนุนช่วยเหลือจากหลาย ฝุาย ขอขอบคุณมา ณ โอกาสน้ี ผู้จดั ทาหวงั เปน็ อย่างยิ่ง ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาอารยธรรมตะวนั ตก ส30271 ช้ันมธั ยมศึกษา ปที ี่ 4 ชว่ ยให้ผลสัมฤทธ์หิ ลังเรยี นสูงขึน้ และก่อให้เกดิ ประโยชน์กบั ครผู ้สู อนทใ่ี ช้ในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ หากมีส่งิ ใดบกพร่อง ผู้จัดทาขอน้อมรับคาแนะนา เพือ่ ใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการปรบั ปรุงโอกาสตอ่ ไป สนุ ิษา กณั ฑ์แกว้

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยคุ มืดสู่ความเจรญิ แห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก คาชแ้ี จง ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ รายวชิ าอารยธรรมตะวนั ตก (ส30271) ผจู้ ดั ทาได้ศึกษาวิเคราะห์หลักสูตร สถานศึกษา โรงเรยี นมหาวชริ าวธุ จังหวดั สงขลา กลมุ่ สาระการเรยี นร้สู งั คมศึกษา ศาสนาวฒั นธรรม ประกอบด้วย 7 เร่ือง 1 หน่วยการเรียนรู้ ใชเ้ วลาทั้งหมด 20 ชั่วโมง วัตถุประสงค์ในการสรา้ งชุดกิจกรรม 1.เพอื่ ใชเ้ ป็นส่ือประกอบการจดั การเรียนรู้ รายวิชาอารยธรรมตะวนั ตก (ส30271) ซ่งึ เป็นสือ่ ท่ี เหมาะสมตามธรรมชาตขิ องวิชา ใหผ้ ู้เรียนได้สบื เสาะหาความรจู้ ากการปฏิบัติกจิ กรรมการเรยี นร้มู ีทกั ษะการ เรยี นรู้ทางศกึ ษาได้แก่ การเรียนรู้โดยการอภิปราย การตอบคาถาม การวเิ คราะห์จากสื่อวดี โี อ เทคนคิ การตงั้ คาถาม การคดิ วิเคราะหเ์ ชงิ สร้างสรรค์ การบูรณาการการเรียนรู้ ซ่งึ ทาให้นักเรียนเกิดทักษะกระบวนการทาง สงั คมศึกษาและเพ่อื นาไปสกู่ ารสรุปองค์ความรู้ตลอดจนนาความรไู้ ปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน 2.เพือ่ ใหน้ ักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับเน้ือหา การนาความรู้ไปปรับใช้ในชวี ิตประจาวนั มีเจต คตทิ ี่ดีต่อวชิ าอารยธรรมตะวันตก และมีความพึงพอใจในสื่อ ทใ่ี ช้ในการเรยี นรู้

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยุคมืดสู่ความเจริญแหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก บทบาทของครแู ละนักเรียน บทบาทของครู 1.ครูเตรยี มความพร้อมในการจัดกจิ กรรมในด้านสอื่ ประกอบการเรยี นร้ปู ระกอบด้วย 7 เรอ่ื ง หน่วยการเรียนรู้ 1 หนว่ ยการเรียนรู้ 2. ครูนาเข้าสูก่ ิจกรรมการเรียนร้ดู ว้ ยการนาเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยสอ่ื Power point 3. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายและสรุปผลจากการทากิจกรรมและสรุปองค์ความรทู้ ่ีไดจ้ ากการ ทากจิ กรรม 4.ครคู วรสังเกตพฤติกรรมการเรียนรูข้ ณะทากิจกรรมและประเมนิ ผลจากการบนั ทึกกจิ กรรม 5. ครเู ปน็ ผูส้ นับสนนุ ใหน้ ักเรียนทากิจกรรมเพื่อใหบ้ รรลจุ ุดประสงคก์ ารเรียนรู้ บทบาทของนักเรยี น 1.นกั เรียนปฏบิ ัติตามขั้นตอนการเรยี นรู้ด้วยความรบั ผิดชอบมงุ่ ม่นั กระตอรอื ร้น มีส่วนรว่ มปฏิบตั ิ กจิ กรรมตามข้นั ตอนของกิจกรรม มีวินัย ซ่ือสตั ย์ และมนี ้าใจ ใฝุเรยี นรู้ มุ่งมัน่ ในการทางาน 2.นักเรียนบนั ทกึ การทากจิ กรรมทกุ กจิ กรรมให้สมบรู ณ์ รว่ มกันอภิปรายคาถามและสรปุ องค์ ความรู้ ได้จากการทากจิ กรรมอยา่ งครบถ้วน 3.หากนักเรียนมขี อ้ สงสยั เก่ียวกบั การทากจิ กรรมควรสอบถามครูผูส้ อนทันที

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยุคมดื ส่คู วามเจรญิ แห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก สารบญั หน้า เร่ือง 1-2 คาชี้แจง 3 วเิ คราะหม์ าตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้ีวดั 4 รปู แบบการจดั กิจกรรม 5-9 หลักการแนวคิดในการสรา้ งชุดกจิ กรรมในการเรียนรู้ 10-28 เรอ่ื งที่ 1 ยโุ รปสมยั กลาง 29-35 เรอ่ื งที่ 2 การฟน้ื ฟูศลิ ปะวทิ ยาการ 36-44 เรอ่ื งท่ี 3 การสารวจทางทะเล 45-50 เรื่องที่ 4 การปฏริ ปู ศาสนา 51-55 เร่ืองที่ 5 การปฏวิ ตั วิ ทิ ยาศาสตร์ 56-62 เรอื่ งที่ 6 การปฏวิ ัตอิ ุตสาหกรรม 63-71 เรื่องท่ี 7 ยุคภูมธิ รรมและแนวคดิ ประชาธปิ ไตย บรรณานุกรม ประวัติผจู้ ัดทา ภาคผนวก

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยที่ 2 จากยุคมดื สู่ความเจริญแห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก การวิเคราะห์หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานกลุ่มสาระการเรียนร้ปู ระวตั ิศาสตร์ (เพ่ิมเตมิ ) สู่การจดั ทาแนวการจัดการเรยี นรู้วิชา อารยธรรมตะวันตก รหสั ส30271 หนว่ ยที่ 2 เรอ่ื ง เหตุการณส์ าคญั ที่สง่ ผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลกปัจจุบัน สาระท่ี 4 ประวตั ิศาสตร์ มาตรฐาน ส 4.2 เขา้ ใจพฒั นาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบันในดา้ นความสัมพนั ธ์และการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณอ์ ยา่ งตอ่ เนื่อง ตระหนักถึงความสาคัญและสามารถวิเคราะห์ผลกระทบทเ่ี กดิ ขึน้ ม.4-6/2 วิเคราะหเ์ หตุการณส์ าคัญต่างๆท่ีสง่ ผลตอ่ การเปล่ียนแปลง ทางสังคม เศรษฐกิจและการเมอื งเขา้ สู่ โลกสมัยปจั จุบัน ตวั ชีว้ ดั สมรรถนะ สาระการเรียนรู้ สาระการ กิจกรรม / /ผลการเรียนรู้ คุณลักษณะ แกนกลาง เรยี นรู้ กระบวนการ ทอ้ งถ่นิ วเิ คราะห์เหตกุ ารณ์ สมรรถนะสาคัญ •เหตุการณส์ าคัญตา่ งๆ •กระบวนการกลมุ่ สาคญั ต่างๆที่ส่งผล ที่ส่งผลตอ่ การ •แบบทดสอบ ตอ่ การเปลย่ี นแปลง 2 เปล่ยี นแปลงของโลกใน •บัตรภาพ-บัตรคา ทางสงั คม เศรษฐกิจ ปัจจบุ นั เช่น ระบอบ •ชุดกจิ กรรมการ และการเมอื ง เขา้ สู่ 4.ความสามารถในการ ศกั ดินาสวามิภักด์ิ เรยี นรู้ โลกสมัยปัจจุบนั แก้ปัญหา สงครามครเู สด คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การฟื้นฟูศลิ ปวทิ ยาการ การปฏิวตั ทิ างวทิ ยา ้ ศาตร์ การสารวจทาง น ทะเล การปฏิรูปศาสนา การปฏิวตั ิอตุ สาหกรรม แนวคิดเสรีนยิ ม แนวคดิ จักรวรรดินิยม แนวคดิ ชาตินิยม

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยุคมดื สคู่ วามเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก รูปแบบการจดั กิจกรรม ใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ควบคูก่ บั การนาเสนอกจิ กรรมการเรียนรดู้ ว้ ยโปรแกรม Power point ส่ือวดี โี อ ใบความรู้ ซง่ึ ประกอบด้วย 1 หนว่ ยการเรียนรู้ ใชก้ ารจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ รวม 20 ชั่วโมง เร่ืองท่ี 1 ยุโรปสมัยกลาง ( 3 ชวั่ โมง ) กจิ กรรมท่ี 1 อทิ ธิพลของครสิ ตศ์ าสนาในยุคกลาง กจิ กรรมที่ 2 การเมืองเศรษฐกิจสงั คม ในยุคกลาง กจิ กรรมที่ 3 เหตกุ ารณ์สาคญั ในยโุ รปสมัยกลาง และอารยธรรมในสมยั กลาง เรือ่ งท่ี 2 การฟื้นฟศู ลิ ปะวทิ ยาการ ( 3 ชั่วโมง ) กิจกรรมท่ี 4 การฟน้ื ฟศู ิลปะวทิ ยาการ เร่ืองท่ี 3 การสารวจทางทะเล ( 2 ช่วั โมง ) กจิ กรรมท่ี 5 การสารวจทางทะเล เร่ืองที่ 4 การปฏิรูปศาสนา ( 3 ชวั่ โมง ) กจิ กรรมท่ี 6 การปฏริ ปู ศาสนา เรื่องที่ 5 การปฏิวตั ิวิทยาศาสตร์ ( 3 ช่วั โมง ) กิจกรรมที่ 7 การปฏิวตั วิ ทิ ยาศาสตร์ เรือ่ งที่ 6 การปฏิวัตอิ ตุ สาหกรรม ( 3 ชัว่ โมง ) กิจกรรมท่ี 8 การปฏิวตั ิอตุ สาหกรรม เรอ่ื งที่ 7 ยคุ ภมู ิธรรมและแนวคิดประชาธิปไตย( 3 ชัว่ โมง ) กิจกรรมที่ 9 ยคุ ภูมิธรรมและแนวคิดประชาธปิ ไตย

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 จากยุคมดื สู่ความเจรญิ แหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก หลักการแนวคดิ ในการสร้างชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สาระสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เปน็ วิชาท่ีเกยี่ วกับความสัมพันธ์ระหวา่ งมนษุ ยก์ ับ สง่ิ แวดลอ้ ม ประกอบด้วยเรื่อง ราวเกี่ยวกับภมู ศิ าสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ หน้าทพ่ี ลเมือง วัฒนธรรม การดาเนนิ ชวี ติ รวมถงึ ศาสนา ศลี ธรรม และจริยธรรม วิชาสงั คมศึกษาจึงช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจวา่ มนษุ ยด์ ารงชวี ติ อย่างไร และเขา้ ใจถงึ การพัฒนา การเปลย่ี นแปลงตามยุคสมัย ตามกาลเวลา ตามเหตุปจั จยั ตา่ งๆ ทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจในตนเองและเข้าใจผูอ้ ่ืน ยอมรับในความแตกต่าง มีคุณธรรม มีความอดทน อด กล้นั สามารถนาความรไู้ ปปรับใชใ้ นการดาเนินชีวิต มคี ุณภาพชีวติ ท่ดี ี อยใู่ นสงั คมอย่างเป็นสุข เปน็ พลเมืองดี ของประเทศชาติและสังคมโลก อนั เป็นเปูาหมายทีแ่ ท้จรงิ ของการเรียนวชิ าสังคมศกึ ษา สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรมสาคัญอย่างไร? ความสาเรจ็ ของการเรียนสาระสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม คอื การที่ผเู้ รียนเขา้ ใจ และ นามาใชใ้ นการดาเนินชีวิต ประจาวนั ได้ ให้เป็นชีวติ ทีด่ ีงามและช่วยสร้างสรรค์สงั คม ดังน้ัน การจดั การเรยี น การสอนสังคมจงึ เช่อื มโยงให้เดก็ เรยี นรูก้ ารใชช้ ีวติ ทถ่ี ูกต้อง อยู่อยา่ งมคี วามสุข โดยเรยี นผ่านสถานการณจ์ ริงท่ี เกิดขึ้นในห้องหรือในโรงเรียน หรือวเิ คราะห์จากตวั อยา่ งสถานการณท์ เ่ี ป็นจริงในสงั คม เพื่อใหเ้ ด็กฝกึ คดิ วเิ คราะห์ รู้ทนั การเปล่ยี นแปลง รู้จักตัวเอง สามารถจัดการชีวิตของตวั เอง และมีวิถชี ีวติ รว่ มกับผู้อน่ื ได้อยา่ งมี ความสุข การเรยี นการสอนสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเปน็ การศึกษาท่พี ฒั นาทัง้ 3 ดา้ นของชวี ติ ของ เรา นน่ั คือ 1. ด้านพฤตกิ รรม (ศีล) คือ • พฤติกรรมในความสัมพนั ธก์ บั โลกแห่งวัตถุ ได้แก่ การใชต้ า หู จมูก ล้นิ กาย ในการส่งเสริม คุณภาพชีวติ มีประสิทธิ ภาพในการใช้งาน ให้ดูเป็น ฟงั เปน็ และ การบริโภคปจั จัย 4 รวมถงึ การใชป้ ระโยชน์ จากวตั ถอุ ปุ กรณต์ ่างๆ รวมท้ังเทคโนโลยดี ้วยปญั ญา มงุ่ คณุ ค่าทแี่ ทจ้ ริง และสง่ เสริมการพฒั นาชวี ติ เรยี กวา่ กินเป็น บริโภคเป็น ใชเ้ ป็น • พฤติกรรมในการสมั พันธก์ ับโลกแห่งชวี ิต ไดแ้ ก่ การอยรู่ ว่ มสงั คม โดยไมเ่ บียดเบยี น ไมก่ ่อความ เดือดร้อน มีความ สมั พันธ์ทดี่ ีกบั เพ่ือนมนุษย์ ช่วยเหลอื เกอื้ กูลกัน ดารงตนอยู่ในขอบเขตแหง่ ศลี 5 รักษา กตกิ าสังคม กฎเกณฑ์ กฎหมาย ระเบียบแบบแผน จรรยาบรรณต่างๆ มีการให้ เผื่อแผ่ แบง่ ปนั ช่วยเหลอื ให้ ความสขุ กับเพื่อนมนษุ ย์ ส่งเสริมการสร้างสรรค์สิง่ ดงี าม •พฤติกรรมในดา้ นอาชพี คือ ทามาหาเลยี้ งชีพทเี่ ป็นสมั มาชพี ไม่กอ่ ความเดือดรอ้ นแก่ผอู้ ่ืน เปน็ อาชีพทเี่ อื้อตอ่ การพัฒนาชวี ิตของตน ไมท่ าใหเ้ สือ่ มจากคุณความดี 2. ด้านจิตใจ (สมาธ)ิ แยกได้ดังน้ี •คณุ ภาพจิต ไดแ้ ก่ คุณธรรมความดีงามต่างๆ เช่น เมตตา กรณุ า กตัญญูกตเวที หริ โิ อตตปั ปะ ฯลฯ ซ่งึ จะหลอ่ เลีย้ งจติ ใจให้งอกงาม และเป็นพ้นื ฐานของพฤติกรรมทด่ี งี าม •สมรรถภาพจติ ไดแ้ ก่ ความสามารถ เข้มแข็ง มน่ั คง มฉี ันทะ (ความใฝุรู้ ใฝุดี ใฝทุ า) มคี วามเพยี ร (วริ ิยะ) ขยัน (อุตสาหะ) อดทน (ขันติ) มีสติ ควบคุมได้ สงบ มีสมาธิ ไมป่ ระมาท ทาใหก้ ้าวหน้ามัน่ คงใน พฤติกรรมทด่ี ีงามและพร้อมท่ีจะใชป้ ัญญา

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยุคมืดสู่ความเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก •สุขภาพจติ ได้แก่ สภาพจติ ที่ปราศจากความขุ่นมัว เศร้าหมอง เป็นจิตทสี่ ดช่ืน รา่ เรงิ เบกิ บาน ผ่อนคลาย ผอ่ งใส เปน็ สขุ ซ่ึงสง่ ผลต่อสขุ ภาพกาย และทาใหพ้ ฤติกรรมทีด่ ีงาม มคี วามมั่นคง 3. ดา้ นปญั ญา (ปัญญา) มกี ารพัฒนาหลายด้าน หลายระดบั เชน่ • ความรคู้ วามเขา้ ใจในการฟัง เลา่ เรียน และรบั ขอ้ มลู ข่าวสารอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ •รับรู้ประสบการณแ์ ละเรียนร้สู ิง่ ต่างๆอยา่ งถูกตอ้ งตามความเป็นจรงิ •คิดพจิ ารณาอย่างมวี จิ ารณญาณ ใชป้ ัญญา •ร้จู กั มอง รจู้ ักคิด ท่จี ะให้เข้าถึงความจรงิ และได้คณุ ประโยชน์ มโี ยนโิ สมนสิการ ที่เรียกว่า มองเปน็ คิดเป็น •รู้จกั คิดจัดการ ดาเนนิ การ ทากจิ ให้สาเร็จ ฉลาดในวธิ ีการที่จะนาไปสู่จดุ หมาย •แสวงหา คัดเลือก นาความรู้ท่ีมีอยู่มาเชอ่ื มโยงสรา้ งเป็นความรคู้ วามคิดใหมๆ่ เพื่อใช้แก้ปัญหา และสร้างสรรค์ •รู้เท่าทันธรรมดาของสิ่งทั้งหลาย ร้แู จ้งความจรงิ ของโลกและชีวติ ทาให้วางใจถกู ต้องต่อทุกส่ิง ทุกอย่าง สามารถแก้ ปัญหาชีวิต ขจัดความทุกข์ในจติ ใจของตนได้ หลุดพ้นจากความยึดติดถือมน่ั ในสง่ิ ท้งั หลาย ดาเนนิ ชวี ิตดว้ ยปัญญาอย่างแท้ จริง ทฤษฎพี ฒั นาการทางสติปญั ญาของเพยี เจต์ เพยี เจต์ (Piaget) ไดศ้ ึกษาเกีย่ วกบั พฒั นาการทางดา้ นความคิดของเด็กวา่ มีขน้ั ตอนหรอื กระบวนการอยา่ งไร ทฤษฎีของเพยี เจต์ตง้ั อยูบ่ นรากฐานของทง้ั องค์ประกอบที่เป็นพนั ธุกรรม และสิง่ แวดล้อม เขาอธบิ ายว่า การเรียนรู้ของเดก็ เปน็ ไปตามพัฒนาการทางสติปัญญา ซงึ่ จะมีพฒั นาการไปตามวยั ต่าง ๆ เป็น ลาดับขนั้ พัฒนาการเป็นสง่ิ ทเ่ี ปน็ ไปตามธรรมชาติ ไม่ควรท่ีจะเรง่ เด็กให้ข้ามจากพฒั นาการจากข้ันหนงึ่ ไปสู่อีก ขนั้ หนง่ึ เพราะจะทาใหเ้ กิดผลเสียแก่เดก็ แต่การจัดประสบการณส์ ง่ เสรมิ พฒั นาการของเดก็ ในชว่ งทเ่ี ด็กกาลงั จะพัฒนาไปสูข่ นั้ ทสี่ ูงกวา่ สามารถชว่ ยให้เด็กพฒั นาไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรกต็ าม เพยี เจต์เนน้ ความสาคัญของ การเขา้ ใจธรรมชาติและพัฒนาการของเด็กมากกว่าการกระตุน้ เด็กใหม้ ีพัฒนาการเรว็ ขึน้ เพยี เจต์สรปุ วา่ พัฒนาการของเด็กสามารถอธิบายไดโ้ ดยลาดบั ระยะพัฒนาทางชวี วทิ ยาท่ีคงที่ แสดงใหป้ รากฏโดยปฏสิ ัมพนั ธ์ ของเด็กกับสิง่ แวดลอ้ ม ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูรา แนวคดิ และทฤษฎี แบนดูรามีความเชือ่ วา่ การเรียนรู้ของมนษุ ย์สว่ นมากเปน็ การเรียนรูโ้ ดยการสังเกต หรอื การเลียนแบบ เนื่องจากมนุษยม์ ีปฏสิ มั พันธก์ บั สง่ิ แวดลอ้ มที่อยรู่ อบ ๆ ตัวอยูเ่ สมอ ผเู้ รียนต้องสามารถที่ จะประเมนิ ได้ว่าตนเลียนแบบได้ดหี รอื ไม่ดีอย่างไร และจะต้องควบคุมพฤติกรรมของตนเองได้ดว้ ย บันดูรา จงึ สรุปวา่ การเรียนรโู้ ดยการสงั เกตจงึ เปน็ กระบวนการทางการรู้คดิ หรือพุทธิปัญญา ขั้นตอนการเรยี นรโู้ ดยการสังเกตหรือเลยี นแบบมี 2 ขั้น

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยคุ มืดสูค่ วามเจรญิ แห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก ขน้ั ที่ 1 ขั้นการไดร้ ับมาซึง่ การเรยี นรู้ (Acquisition) ทาใหส้ ามารถแสดงพฤตกิ รรมได้ ส่งิ เร้าหรอื การรับเข้า > บุคคล (Input) (Person) ขน้ั ท่ี 2 เรยี กวา่ ขน้ั การกระทา (Performance) ซง่ึ อาจจะกระทาหรือไม่กระทาก็ได้ ส่งิ เร้าหรอื การรับเข้า > บุคคล (Input) (Person) ปัจจัยท่ีสาคัญในการเรยี นรูโ้ ดยการสงั เกต 1. กระบวนการความเอาใจใส่ (Attention) ความใส่ใจของผู้เรยี นเปน็ สงิ่ สาคัญมาก ถา้ ผู้เรียนไม่มีความใส่ใจ การเรยี นร้กู ็จะไม่เกิดขน้ึ 2. กระบวนการจดจา (Retention) ผู้เรยี นสามารถจดจาส่งิ ทีต่ นเองสงั เกตและไปเลยี นแบบได้ถงึ แมเ้ วลาจะ ผา่ นไปก็ตาม 3. กระบวนการแสดงพฤติกรรมเหมือนตวั อยา่ ง (Reproduction) เปน็ กระบวนการท่ีผเู้ รียนสามารถแสดง ออกมาเปน็ การการกระทาหรือแสดงพฤตกิ รรมเหมือนกับตัวแบบ 4. กระบวนการการจูงใจ (Motivation) แรงจงู ใจของผู้เรยี นทีจ่ ะแสดงพฤติกรรมเหมือนตัวแบบท่ีตนสงั เกต เนื่องจากความคาดหวงั ว่า การเลยี นแบบจะนาประโยชนม์ าให้ แบนดรู าและผ้รู ่วมงานได้แบง่ เด็กออกเปน็ 3 กลมุ่ 1.กลุ่มหนง่ึ ใหเ้ หน็ ตัวอยา่ งจากตวั แบบท่มี ชี วี ิต แสดงพฤตกิ รรมก้าวร้าว 2. เด็กกลมุ่ ทีส่ องมีตัวแบบทไี่ ม่แสดงพฤตกิ รรมกา้ วร้าว 3. เดก็ กลุ่มที่สามไม่มตี ัวแบบแสดงพฤตกิ รรมใหด้ เู ปน็ ตัวอย่าง ผลการทดลองพบวา่ เด็กท่อี ยู่ในกลุ่มท่ีมีตัวแบบแสดงพฤตกิ รรมก้าวร้าวจะแสดงพฤติกรรมก้าวรา้ ว จะแสดงพฤติกรรมเหมือนกับทสี่ งั เกตจากตวั แบบการทดลอง คุณสมบัติของผ้เู รยี น - ผ้เู รียนจะต้องมคี วามสามารถท่ีจะรบั รสู้ ่งิ เร้า - สามารถสร้างรหัสหรือกาหนดสญั ลักษณ์ของสงิ่ ทส่ี ังเกตเกบ็ ไวใ้ นความจาระยะยาว - สามารถเรยี กใช้ในขณะท่ผี ูส้ งั เกตตอ้ งการแสดงพฤตกิ รรมเหมอื นตัวแบบ การนาทฤษฎีมาประยกุ ตใ์ นการเรยี นการสอน 1. บง่ ชีว้ ัตถุประสงคท์ ่ีจะให้นักเรยี นแสดงพฤติกรรมหรือเขียนวัตถปุ ระสงคเ์ ปน็ เชงิ พฤติกรรม 2. แสดงตัวอยา่ งของการกระทาหลายๆอยา่ ง 3. ใหค้ าอธิบายควบคู่กันไปกับการใหต้ วั อย่างแต่ละอยา่ ง 4. ชี้แจงขัน้ ตอนของการเรียนรู้โดยการสังเกตแก่นกั เรียน 5. จัดเวลาใหน้ ักเรยี นมีโอกาสท่ีแสดงพฤติกรรมเหมือนตัวแบบ 6. ใหเ้ สริมแรงแกน่ ักเรยี นทส่ี ามารถเลียนแบบได้อย่างถูกต้อง สรุป เนน้ ความสาคัญของการเรยี นรู้แบบการสงั เกตหรอื เลียนแบบจากตัวแบบ ซ่งึ อาจจะเป็นได้

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยที่ 2 จากยคุ มืดสู่ความเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก ท้ังตวั บคุ คลจรงิ ๆ เช่น ครู เพ่ือน หรือจากภาพยนตร์โทรทัศน์ การ์ตนู การเรยี นรู้โดยการสังเกตประกอบดว้ ย 2 ขั้น คือ ข้ันการรับมาซึ่งการเรยี นรูเ้ ป็นกระบวนการทางพุทธิปญั ญา และขัน้ การกระทา ตวั แบบทมี่ ีอิทธพิ ล ต่อพฤตกิ รรมของบคุ คลมีท้งั ตัวแบบในชีวิตจริงและตวั แบบที่เป็นสัญลกั ษณ์ แหล่งขอ้ มลู อ้างอิง http://watcharaphonchai.blogspot.com/2007/08/bandura.html http://waenalai02.blogspot.com/2012/10/blog-post_243.html https://sites.google.com/ แนวคดิ และหลักการของชดุ กิจกรรม บุญเกื้อ ควรหาเวช (2545:92) 5 1. ต้องนาทฤษฎีความตา่ งระหว่างบุคคล โดยจะตอ้ งคานงึ ถงึ ความต้องการ ความถนัด และความสนใจของ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคญั 2. ตอ้ งเปล่ียนวิธกี ารสอนของครใู ห้นกั เรยี นเป็นสาคัญ 3. ใช้สอ่ื การสอนที่ท้งั ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ผลิตขนึ้ มาโดยมีแนวคดิ ว่าเปลยี่ นจากสื่อเพ่ือชว่ ยครูสอนเปน็ ส่ือ เพื่อช่วยผเู้ รียน 4. เพม่ิ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูนักเรียน เปลี่ยนแนวการสอนจากทิศทางเดยี วเป็นหลากหลายทศิ ทาง รวมทง้ั มี การระดมทรัพยากรจากชมุ ชนท้องถ่นิ เขา้ มาใช้กิจกรรม มาช่วยในการจดั กิจกรรม โดยเฉพาะนอกหอ้ งเรยี น 5. เปิดโอกาสให้นกั เรยี นกาหนดแนวทางในการเรยี น การประเมินผล โดยใช้จุดมุ่งหมายปลายทางที่ต้องการ พฒั นาเป็นหลัก 6. ขน้ั ตอนในการดาเนนิ กจิ กรรม เป็นส่วนทร่ี ะบุวธิ กี ารจัดกิจกรรมโดยแบง่ ออกเป็นขนั้ ตอนดังน้ี 6.1 ขนั้ นา เปน็ การเตรยี มความพร้อมของนักเรยี น 6.2 ขนั้ กจิ กรรม เปน็ สว่ นที่ชว่ ยให้ผู้เรยี นไดม้ ีสว่ นรว่ มในกิจกรรมการเรียนรนู้ ักเรยี นไดฝ้ กึ ปฏิบัตติ าม แบบฝึก อภิปรายและสาระสาคญั โดยให้ทาแบบทดสอบวดั ทักษะท้ายกิจกรรม 7. ภาคผนวก ในสว่ นนจี้ ะให้ตวั อยา่ งวสั ดอุ ปุ กรณ์ที่ใช้ในการจัดกจิ กรรมและข้อมูลอืน่ ท่จี าเปน็

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยคุ มืดสู่ความเจริญแห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก ส่วนประกอบของชดุ กจิ กรรม ทศิ นา แขมมณี ( 2541: 10-12) ได้กลา่ วไว้วา่ ชดุ การเรยี นหรือชดุ กจิ กรรมประกอบดว้ ยส่วนตา่ งๆ ดังนี้ 1. ชอื่ กจิ กรรม ประกอบดว้ ย หมายเลขกจิ กรรม ชื่อกจิ กรรมและเน้ือหาของกิจกรรมน้ัน 2. คาชีแ้ จง เปน็ สว่ นที่อธิบายความมงุ่ หมายหลักของกิจกรรม และลกั ษณะการจัดกิจกรรม เพือ่ ให้บรรลุ จดุ มุ่งหมาย 3. จดุ มุ่งหมาย เปน็ สว่ นทีร่ ะบุจดุ มงุ่ หมายที่สาคัญของกิจกรรมน้ัน แนวคิดเปน็ สว่ นท่รี ะบุเนือ้ หาหรือมโน ทศั น์ของกจิ กรรมนั้น สว่ นนค้ี วรไดร้ ับการยา้ และเน้นเป็นพเิ ศษ 4.สื่อ เปน็ สว่ นทรี่ ะบุถงึ วสั ดุอุปกรณ์ท่จี าเปน็ ในการดาเนนิ กิจกรรมเพื่อช่วยให้ครทู ราบวา่ ตอ้ งเตรยี ม อะไรบา้ ง 5.เวลาที่ใช้ เปน็ สว่ นท่รี ะบุจานวนโดยประมาณว่ากจิ กรรมนัน้ ควรใชเ้ วลาเพยี งใด 6.ขั้นตอนในการดาเนินกิจกรรมเปน็ สว่ นท่ีระบวุ ธิ กี ารดาเนินกจิ กรรมเพือ่ ใหบ้ รรลุตามวัตถปุ ระสงค์ทีต่ ง้ั ไว้ วิธีการจดั กจิ กรรมนีไ้ ดจ้ ัดไวเ้ ปน็ ขน้ั ตอน 7.ภาคผนวก ในส่วนน้คี ือตัวอย่างวัสดุอปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นการจดั กจิ กรรมและข้อมลู อื่นๆ ทีจ่ าเปน็ หลักเกณฑก์ ารเลอื กและจดั กิจกรรม สมพร โตนวล (2544:137) ได้กลา่ วว่า หลกั เกณฑก์ ารเลือกและจัดกจิ กรรมท่ีดีประกอบดว้ ย สว่ น ตา่ งๆดงั น้ี 1. กจิ กรรมที่ใช้ในการเรียนการสอนต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรยี นรู้ 2. กจิ กรรมต้องสรา้ งความพึงพอใจให้กับนักเรยี น เป็นที่นิยมและนา่ สนใจในวยั ของนักเรียน มี ประโยชน์ในการนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ซง่ึ นาไปสทู่ ัศนคตทิ ่ีดตี ่อวิชาเรยี น 3. เปน็ กิจกรรมท่ีอยู่ในขอบเขตของความสามารถทางดา้ นร่างกายของนักเรยี นที่จะปฏิบตั ไิ ด้ ครูต้อง คานึงถึงประสบการณเ์ ดิมหรือทักษะเดิมท่ีนักเรียนมีอยู่ มีกจิ กรรมใหม่ที่นกั เรยี นจะได้รับ ควรสืบต่อเน่อื งจาก กิจกรรม และประสบการณใ์ นอดีต 4.ควรเปน็ กจิ กรรมทีส่ ่งเสริมจุดประสงค์การเรียนรู้หลายๆด้าน 5. ควรเปน็ กิจกรรมท่คี านงึ ถึงความแตกต่างระหว่างบคุ คล เพราะกจิ กรรมบางอยา่ งนกั เรยี นบางคน อาจมีความชานาญ บางคนอาจไม่ถนัด สรปุ ไดว้ ่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นการนาทฤษฎีการเรียนรู้ตา่ งๆมาผสมผสานกันมาสร้างให้ เหมาะสมกับธรรมชาตขิ องวิชาสังคมศึกษา และวิธกี ารเรียนรทู้ างสังคมศกึ ษาท่ีหลากหลายทใ่ี ชจ้ ัดกจิ กรรมให้ ครอบคลุมตามสาระการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้ีวัดซง่ึ ประกอบดว้ ยกิจกรรม การเรยี นรโู้ ดยการ อภปิ ราย การตอบคาถาม การวิเคราะห์จากสื่อวีดีโอ เทคนิคการตั้งคาถาม การคิดวิเคราะหเ์ ชิงสรา้ งสรรค์ การบูรณาการการเรียนรู้ เพือ่ นาไปสกู่ ารสรุปองค์ความรตู้ ามสาระการเรียนรู้

กจิ กรรมการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยคุ มดื สู่ความเจริญแหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 10 ชดุ หน่วยท่ี 2 จากยคุ มืดสคู่ วามเจรญิ แห่งปัญญา เรอื่ ง ยโุ รปสมยั กลาง กิจกรรมท่ี 1 อทิ ธพิ ลของคริสต์ศาสนาในยคุ กลาง กจิ กรรมที่ 2 เหตกุ ารณส์ าคญั ในยโุ รปสมยั กลาง กจิ กรรมท่ี 3 อารยธรรมในสมัยกลาง ผลการเรียนรู้ วเิ คราะหเ์ หตกุ ารณส์ าคัญต่างๆท่สี ง่ ผลต่อการ เปลย่ี นแปลงทางสงั คมเศรษฐกจิ และการเมืองเข้าสู่ โลกสมัยปัจจบุ นั

กจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยคุ มดื สูค่ วามเจริญแหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 11 ชดุ กิจกรรมที่ 1 อทิ ธิพลของคริสตศ์ าสนาในยุคกลาง จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม วเิ คราะห์เหตกุ ารณส์ าคัญตา่ งๆที่สง่ ผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจและการเมือง เขา้ ส่โู ลกสมยั ปจั จุบัน ส่อื ในการเรยี นรู้ 1. Power point เรือ่ ง ยโุ รปยุคกลาง 2. วดี ิโอเรอื่ ง ยโุ รปสมยั กลาง 3. ใบงานเรื่อง อทิ ธิพลของครสิ ตศ์ าสนาในยุคกลาง วิธกี ารเรียนรู้ 1.ครแู จง้ จุดประสงค์การเรียนรู้ เร่อื งยุโรปสมยั กลาง และทาแบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วย การเรยี นรู้ท่ี 2 2. นกั เรียนดูวีดิโอ เร่ือง ยโุ รปสมัยกลาง 3. ครูใช้ Power point อธิบาย เรอ่ื ง อิทธพิ ลของคริสตศ์ าสนาในยโุ รปสมัยกลาง 4. นักเรยี นและครูรว่ มกันอภปิ รายอิทธิพลของครสิ ต์ศาสนาในยุคกลาง และทาใบงาน เรื่อง อิทธพิ ลของคริสต์ศาสนาในยุคกลาง

กิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 จากยุคมดื สู่ความเจรญิ แหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 12 ชดุ บนั ทกึ การทากิจกรรมที่ 1 อิทธพิ ลของคริสต์ศาสนาในยคุ กลาง ศรสิ ตศ์ าสนาตอ่ สังคม ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………….………………… …………………………………………………………………………..…. ศรสิ ต์ศาสนาตอ่ การเมือง อทิ ธพิ ลของ ศรสิ ตศ์ าสนาต่อเศรษฐกิจ ครสิ ตศ์ าสนา ……………………………………………………………………………………… ในยุคกลาง ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………..………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………..…… นกั เรยี นคดิ วา่ เหตุการณน์ ้สี ง่ ผลดี ผลเสยี อย่างไร .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ..................................................

กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยุคมืดสูค่ วามเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 13 ชุด กิจกรรมที่ 2 เหตุการณส์ าคัญในยโุ รปสมัยกลาง จดุ ประสงคข์ องกจิ กรรม วิเคราะห์เหตุการณ์สาคัญต่างๆท่ีส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจและการเมือง เขา้ สูโ่ ลกสมยั ปัจจุบนั สอ่ื ในการเรียนรู้ 1. Power point เรอ่ื ง ยุโรปยคุ กลาง 2. วดี ิโอเรอ่ื ง สงครามครเู สด สงครามร้อยปี ระบบฟวิ ดลั ความเสื่อมของศาสนจักร 3. ใบงานเร่อื ง เหตกุ ารณ์สาคัญในยุโรปสมัยกลาง วิธกี ารเรยี นรู้ 1. นักเรียนดูวดี ิโอ เรือ่ ง สงครามครูเสด สงครามร้อยปี ระบบฟวิ ดลั ความเสอื่ มของศาสนจักร 2. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ เพื่อทากิจกรรมสรปุ เหตุการณ์สาคัญในยุโรปสมัยกลาง 3. นกั เรยี นทาเสนองาน 4. ครใู ช้ Power point อธบิ าย เร่ือง เหตุการณส์ าคญั ในยุโรปสมัยกลาง

กิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 จากยคุ มดื สู่ความเจรญิ แหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 14 ชดุ ใบความรู้ เรื่อง ระบบฟิวดัล ในช่วงคริสต์ศตวรรษท่ี 9 ยุโรปได้เกิดระบบฟิวดัล (Feudalism) หรือระบบศักดินาสวามิภักด์ิ ซึ่งเป็นระบบท่ีครอบคลุมทังทางด้านการเมื่องการปกครอง สังคม และ เศรษฐกิจของยุโรปยุคกลางในเวลา ตอ่ มา คาว่าFeudalism มาจากคาวา่ ฟฟี (Fief) หมายถึง ท่ีดนิ ที่เป็นพันธสัญญาระหว่างเจ้านายท่ีเป็นเจ้าของ ที่ดิน ซึ่งเจ้าของท่ีดินจะเป็นพวกขุนนาง เรียกว่า ลอร์ด(Lord) กับผู้ใช้ประโยชน์ในท่ีดิน คือ ข้า หรือเรียกว่า วัสซลั (Vassal)ความสมั พันธ์ในระบบฟิวดลั คือความสัมพันธร์ ะหวา่ งผอู้ ุปถัมภก์ บั ผไู้ ดร้ ับการอปุ ถัมภ์ การเกิดระบบฟิวดัลน้ัน เร่ิมจากกษัตริย์ที่เจ้านายช้ันสูงของระบบและเป็นเจ้าของทีดินท้ัง ราชอาณาจักรจะพระราชทานที่ดินให้กับขุนนางระดับสูงในท้องถิ่นเพื่อให้ขุนนางระดับสูงจงรักภักดีและเป็น การตอบแทนความดีความชอบจากการทาสงคราม ท้ังกษัตริย์และขุนนางจะมีพันธะต่อกัน กล่าวคือขุนนางมี หนา้ ทส่ี ง่ ทหารมาช่วยเหลอื เมื่อมีสงคราม ส่งภาษีตามเวลาที่กาหนด ส่วนกษัตริย์มีหน้าที่ให้ความคุ้มครองและ ความยุติธรรมแก่ขุนนาง ทั้งนี้ขุนนางระดับสูงก็จะนาที่ดินนั้นมาแบ่งให้กับขุนนาง ระดับรองลงไป ขุนนาง ระดับสงู จึงเป็นขา้ หรือวลั ซัลของกษัตริย์ แต่เป็นเจ้านายหรือลอร์ดของขุนนางระดับรองลงไปอีกเพ่ือให้ขุนนาง ระดับรองภักดีและสนับสนุนด้านกาลัง ส่วนประชาชนที่เป็นข้าติดที่ดินจะได้รับการคุ้มครองจากขุนนาง ระดับสูง จากนั้นขุนนางจะนาที่ดินนั้นมาหาผลประโยชน์และปกครองดูแลผู้คนดูแลคนที่จะทามาหากินบน ท่ีดินในเขตแมเนอร์(manor)ของตน ประชาชนที่อาศัยและทางานในที่ดินน้ันเรียกว่า เซิร์ฟ serf หรือข้าติด ท่ีดิน ดังน้ัน ระบบน้ีจึงเป็นการแบ่งที่ดินลงเป็นการแบ่งท่ีดินลงเป็นทอด ขุนนางล่างสุดคืออัศวิน ในแต่ละ แมเนอรจ์ ะมศี นู ยก์ ลางของแมเนอรค์ ือปราสาท ซง่ึ เป็นทีอ่ ยู่ของขนุ นางและครอบครัว บริเวณที่ดินโดยรวมเป็น ที่ทากินของชาวนาและเชิร์ฟ ซึ่งรวมกันเป็นหมู่บ้าน มีทั้งโรงตีเหล็ก ช่างซ่อมแซมสิ่งของ มีโบสถ์สาหรับ ประกอบพิธีทางศาสนา รอบๆ หมู่บ้านจะเป็นพ้ืนท่ีเกษตรกรรม ซ่ึงชาวนาและเซิร์ฟจะต้องแบ่งผลผลิตให้ เจ้าของท่ีดินเป็นค่าตอบแทน ความสัมพันธ์หรือข้อตกลงของลอร์ดกับวัสซัลมีตามพิธีกรรมท่ีเรียกว่า “การ แสดงความจงรกั ภักด”ี (homage)หรือสวามิภกั ดิ์ การลม่ สลายของระบบฟวิ ดลั การท่ีระบบฟิวดัลล่มสลายนั้นเป็นผลจากการขยายตัวทางการค้าและอุตสาหกรรม ในยุโรป โดยเฉพาะในบริเวณทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนียน ทาให้เกิดชุมชนพาณิชย์อุตสาหกรรมขึ้น ส่งผลให้ชาวชนบท ละท้ิง ทน่ี าเข้ามาประกอบอาชีพค้าขาย หรือประกอบการผลิตสินค้าหัตถกรรมในเขตเมืองทาให้สังคมมีการขยายตัว เกิดเป็นสังคมเมืองข้ึนมาใหม่ ซึงผู้คนท่ีมาอยู่ในเมืองไม่ได้อยู่ในระบบฟิวดัล แต่เป็นกลุ่มคนท่ีประกอบอาชีพ ทางการค้าและอุตสาหกรรม และเมื่อมีประชาชนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ชุมชนเมืองขยายตัวเพ่ิมมากขึ้น มี เมืองใหม่ๆ เกิดขึ้นท่ัวท้ังยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 11-12 หัวเมืองในอิตาลี เช่นเมืองเวนิส เมืองเจนัว เนเธอร์แลนเป็นเมืองสาคัญทางด้านการค้าและอุตสาหกรรม การค้าทางทะเลมีความสาคัญเพ่ิมมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตทะเลเหนือและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมืองท่ีเกิดข้ึนใหม่นี้มีการจัดการปกครองแบบ

กจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 จากยุคมืดสู่ความเจริญแห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 15 ชุด เทศาภิบาล มีการเก็บภาษีท้องถิ่นเพื่อท่ีจะพัฒนาเมือง และมีระบบสร้างความปลอดภัย พวกพ่อค้าและพวก ช่างมีความมงั่ คั่งขน้ึ ชนชน้ั กลางเหล่านเ้ี ม่อื มีอานาจมากขน้ึ จงึ ไดห้ ันไปสนบั สนุนกษัตร์ิย์ เพ่ือให้คุ้มครองกิจการ และผลประโยชน์ของตน การฟ้ืนฟูทางเศรษฐกิจมีผลต่อการเปล่ียนแปลงสังคมและระบอบการเมืองการ ปกครอง เพราะทาให้ระบอบการปกครองแบบฟิวดัลเร่ิมเสื่อมอานาจลง ขุนนางท่ีเคยเป็นใหญ่และมีอานาจ อสิ ระในการปกครองตามระบบแมเนอร์ต้องล่มสลาย ซ่ึงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากขุนนางต้องออกไปทาสงคราม และเสียชีวิตจานวนมาก ทาให้พวกชนช้ันกลาง(Bourgeoie) ข้ึนมามีอานาจแทนขุนนาง สังคมได้เปลี่ยน คา่ นยิ มจากเรอื่ งชาตกิ าเนดิ ตามชนชน้ั มาเป็น ฐานะทางเศรษฐกจิ ของบุคคล พวกขุนนางต้องขายที่ดินใด้ชนชั้น กลาง ทาให้เกิดการพัฒนาท่ีดินให้เป็นเกษตรกรรมเพื่อการค้า โดยเจ้าของท่ีดินยกเลิกวิธีการดั้งเดิม มาให้ ชาวนาเชา่ ที่ดนิ และจ่ายเงินให้กับเจ้าของแทน ทาให้พันธะตามระบอบฟิวดัลส้ินสุดลง ระบอบกษัตริย์สามารถ ดึงอานาจกลับคืนมาได้ และสถาปนาอานาจการปกครองสูงสุดตามระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้อีกครั้ง หนงึ่ ทาใหก้ ารปกครองระบบฟิวดัลเสือ่ มอานาจและล่มสลายลงในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ทม่ี า: https://suphannigablog.wordpress.com

กิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 จากยคุ มืดสคู่ วามเจริญแห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 16 ชดุ ใบความรู้ เรอ่ื ง สงครามครูเสด เป็นสงครามระหว่างศาสนาคริสต์ กับ ศาสนาอิสลาม เพื่อปลด ปล่อยกรุงเยรูซาเล็ม ซ่ึงชาวคริสต์ เช่ือวา่ เปน็ ดินแดนอันศักดสิ์ ทิ ธ์ิ ท่ีอยู่ในการควบคมุ ของพวกมุสลิม สาเหตุ 1. ทางด้านการเมือง มีการเปลี่ยนอานาจในจักรวรรดิอาหรับเม่ือพวกเซลจุกเติร์ก (Seijuk Turk) เขา้ ไปมีอานาจ ในจกั รวรรดอิ าหรับ ซึ่งเป็นศาสนาอิสลาม และใน ค.ศ. 1071 กอง ทหารพวกนี้ก็ได้เข้ารุกราน จักรวรรดิไบแซนไทต์ เมื่อจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิไปแซนไทต์ได้ขอความช่วยเหลือไปยังคริสตจักรท่ีกรุงโรม สนั ตะปาปาเออร์บนั ท่ี 2(Urban II) เรยี กประชุมผู้นาทางศาสนาและขุนนางท่ีมีอานาจในเขตต่างๆของฝร่ังเศส เพื่อให้ยุติการสู้รบแย่งชิงอานาจกัน และช่วยกันปกปูองศาสนาคริสต์ ซึ่งในสมัยน้ัน สถาบันศาสนามีอานาจ เหนือกวา่ สถาบันกษัตริย์ จงึ ทาใหก้ ษตั รยิ ์ต่างๆ พากนั เข้าร่วมสงครามครูเสดนี้ เป็นการตอบสนองนโยบายของ สนั ตะปาปาเพื่อความมน่ั คงทางการเมือง 2. สาเหตุทางด้านศาสนา สันตะปาปาทรงชักชวนและนาทัพในสงครามครูเสดคร้ังท่ี 1 ผู้ข้าร่วม สงครามซ่ึงมีจานวนมากมาจากดินแดนต่างๆ ทั่วยุโรป เพราะเชื่อว่าการไปรบเพื่อศาสนาจะเป็นการไถ่บาปท่ี ยง่ิ ใหญ่ ผู้ท่เี สียชวี ติ ในสงครามครูเสดจะไดข้ น้ึ สวรรค์ สนั ตะปาปาทรงให้สัญญาว่าทรัพย์สิน และครอบครัวของ นกั รบครเู สดจะ ไดร้ บั ความคมุ้ ครองจากศาสนจกั ร นักรบทมี่ หี นีส้ นิ จะได้รบั การยกเว้นหน้ีและนักโทษคดีอาญา ท่ีไปร่วมรบก็จะได้รับอภัยโทษด้วย และผลจากการชักชวนของพระสันตะปาปา ทาให้ขุนนาง พ่อค้า และ ประชาชนพากนั เดินทางไปที่ดนิ แดนปาเลสไตน์ ส่วนเหตุผลอ่ืนๆมอี ยหู่ ลายประการ คอื 1. ชาวยุโรปในสมัยน้ันมีความศรัทธาศาสนาอย่างแรงกล้า ทาให้คน จานวนมากเดินทางไปทา สงคราม เน่ืองจากจะได้ปลดเปลื้องวิญญาณ และ สนั ตะปาปาทรงประกาศยกบาปใหก้ ับคนพวกน้ี 2. บคุ คลท่ีไม่มีทด่ี นิ ในยุโรป โดยเฉพาะขุนนางระดับล่าง และคนสามัญ ต้องการท่ีจะครอบครองท่ีดิน ในดนิ แดนตะวันออกกลาง 3. มีคนเปน็ จานวนมากท่จี ะเดินทางไปแสวงโชค เพอ่ื ความม่งั คั่งในดินแดนตะวันออกกลาง 4. สงครามครูเสดได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผลประโยชน์ทาง เศรษฐกิจ โดยเฉพาะพ่อค้าในแหลม อิตาลีซ่ึงได้รับผลประโยชน์จาก การขนส่งทหารและเสบียง อาหารให้กับกองทัพครูเสดไปยังปาเลสไตน์ ขณะเดียวกันพอ่ คา้ เหล่านัน้ กแ็ สวงหาประโยชน์อื่นจากนักรบครูเสด ด้วย ดังกรณีที่พ่อค้าเมืองเวนิส (Venice) เสนอจะลดคา่ ขนส่งท่ีมีมลู ค่า สูงใหก้ ับกองทพั ครูเสดหากยนิ ดยี กทพั ไปตีเมืองซารา

กจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 2 จากยุคมดื สคู่ วามเจรญิ แห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 17 ชุด สงครามครูเสดน้ีดาเนินอยู่ในช่วงเวลาเกือบ 200 ปี และชาวยุโรปยกทัพไปทาสงครามครูเสดรวม 6 คร้ัง เมื่อ ค.ศ. 1291 เมือเอเคอร์ (Acre) ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของพวกคริสเตียน ในปาเลสไตน์แห่งสุดท้ายถูก พวกมสุ ลมิ ยึดครอง สงครามครเู สดก็ได้สิ้นสุดลง ผลกระทบของสงครามครเู สด ด้านการเมือง สงครามครูเสดสง่ ผลกระทบทางการเมืองอยา่ ง กวา้ งขวาง กลา่ วคอื 1. สงครามครูเสดทาให้ความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปและโลกมุสลิมเสื่อมลงเนื่องจากทั้งสองฝุายต่างมี อคติต่อกนั 2. การท่ีนักรบครูเสดบุกยึดกรุงคอนสแตนติโนเปิลในสงครามครูเสดครั้งท่ี 4 ได้ทาให้จักรวรรดิไบแซน ไทต์อ่อนแออย่างมาก กระทง่ั ไม่อาจต้านทานการรกุ รานของพวกออตโตมนั เตริ ์กและล่มสลายไปในท่สี ุด 3. สงครามครูเสดมีผลให้ระบบฟิวดัลของยุโรปเสื่อมลง เนื่องจากขุนนางและอัศวินซ่ึงปกครองดูแล แมเนอร์ของตนในเขตต่างๆ ต้องไปร่วมรบในสงครามครูเสด ทาให้กษัตริย์มีอานาจปกครองดินแดนต่างๆ เพิ่มขนึ้ ซงึ่ รวมถงึ การจัดเกบ็ ภาษจี ากราษฎร ด้านเศรษฐกจิ สงครามครเู สดส่งผลกระทบทส่ี าคัญทางเศรษฐกจิ คอื 1. หลังสงครามครูเสดยุติลงแล้ว พ่อค้ายุโรปโดยเฉพาะในแหลม อิตาลีประสบปัญหาการเดินเรือใน เขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพราะ เมืองท่าบางแห่งอยู่ใต้อานาจของพวกมุสลิมซึ่งมีคติต่อชาวยุโรป นอกจากนี้ พอ่ คา้ ยุโรปยังประสบปญั หาการขยายการคา้ กบั ดิน แดนตะวนั ออกตามเสน้ ทางบกซ่ึงต้องผ่านดินแดนของพวก มุสลิม ดังน้ันชาวยุโรปจึงต้องพัฒนาเส้นทางทะเล โดยเฉพาะการเดินเรืออ้อม แอฟริกาไปยังเอเชียที่ประสบ ความสาเร็จในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติใน เวลาต่อมา 2. การติดตอ่ กบั ตะวนั ออกกลางในช่วงสงครามครูเสดทาให้ชาวยุโรป รูจ้ ักบริโภคสินค้า และผลิตภัณฑ์ จากตะวันออกกลาง เช่น ข้าว น้าตาล มะนาว ผลแอปริคอต และผ้าปุานมัสลิน ซ่ึงกลายเป็นสินค้าท่ี ยุโรป นาเขา้ เปน็ ประจา ด้านสงั คม สงครามครูเสดทาให้เกดิ ผลกระทบทางสังคม คือ 1. สงครามครูเสดไดเ้ ปิดโลกทศั น์ของชาวยุโรปเกย่ี วกบั “โลกตะวันออก” โดยเฉพาะความก้าวหนา้ และเทคโนโลยขี องชาวตะวันออก เชน่ การใชด้ นิ ปืนในการทาสงคราม ต่อมาชาวยุโรปได้นาความร้นู ้ี ไปพัฒนา เป็นอาวธุ ปืนและสามารถทาสงครามชนะชา เอเชยี ทาใหย้ ุโรปกลายเปน็ มหาอานาจของโลก 2. นักรบครูเสดมาจากดินแดนต่างๆ ในสงั คมของระบบฟิวดลั ท่ีไม่มโี อกาสรู้จักโลกภายนอกมากนัก เม่อื ได้พบปะเพ่ือนนักรบอืน่ ๆ จึงไดแ้ ลกเปลีย่ นทัศนคติและองค์ความรู้ตอ่ กนั ทาให้เกิดการหล่อหลอม ทางด้านวฒั นธรรมและความคดิ ของชาวยโุ รป โดยเฉพาะในการแสดงออกทางความคิดการวิพากษว์ ิจารณ์ และการเปิดรับแนวคดิ ใหม่ ซึ่งรากฐานของขบวนการมนษุ ย์นยิ มท่เี ติบโตในสมยั ฟื้นฟูศลิ ปะวทิ ยาการ และยัง เปน็ ประโยชนต์ ่อการพฒั นาอุดมการณเ์ สรนี ยิ มของยโุ รปสมัยใหม่

กิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 จากยคุ มืดส่คู วามเจริญแห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 18 ชดุ การส้รู บในสงครามครเู สด นกั รบครูเสด ทม่ี า : https://sites.google.com

กิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยคุ มืดสูค่ วามเจรญิ แห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 19 ชุด ใบความรู้ เร่ือง สงครามร้อยปี เป็นสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส เริ่มข้ึนในปี ค.ศ. 1337 และสิ้นสุดในค.ศ. 1453 ซ่ึงรวมแล้ว เป็นระยะเวลากว่า 100 ปี โดยเหตุการณ์นี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงรูป แบบการปกครองทางการเมือง และ สังคมใน สมัยกลางอย่างส้ินเชิง ซึง่ เปน็ ตน้ กาเนิดของความ เป็นรัฐชาติสมัยใหม่ สาเหตขุ องสงคราม มีหลายประการ คือ 1.ความขดั แย้งในเร่ืองดินแดนระหว่างองั กฤษกับฝรัง่ เศส 2.สทิ ธิในราชบัลลังกฝ์ รงั่ เศส เน่ืองจากพระเจ้าเอด็ เวิรด์ ที่ 3 มี พระราชมารดาเปน็ เจ้าหญิงฝรั่งเศส ใน ค.ศ. 1324 พระเจา้ ชาลส์ที่ 4 แห่งฝรงั่ เศส สิ้นพระชนม์โดยไม่มีทายาท ทาใหร้ าชวงศ์กาเปเชยี งสายตรง ตอ้ งสิน้ สดุ ลง พระเจา้ เอ็ดวาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษทรงเป็นพระนดั ดาของพระเจ้าชาลส์ที่ 4 เปน็ พระญาตชิ ายที่ ใกลช้ ิดทีส่ ดุ ทางสายพระโลหติ จงึ เป็นผมู้ สี ทิ ธิจะครองบัลลงั ก์มากทสี่ ุด แต่ขนุ นางฝรง่ั เศสไมต่ ้องการให้กษัตริย์ องั กฤษมาปกครองฝรง่ั เศส จึงอา้ งกฏบตั รซาลลคิ ของชนแฟรงกโ์ บราณว่า การสืบสนั ตวิ งศจ์ ะต้องผา่ นทาง ผชู้ ายเทา่ น้นั และใหฟ้ ิลิปเคานทแ์ หง่ วาลวั ส์ ทสี่ ืบเชอื้ สายจากพระเจา้ ฟิลปิ ที่ 3 ขึ้นครองราชยเ์ ปน็ พระเจ้าฟลิ ิป ท่ี 6 เป็นปฐมกษัตรยิ ร์ าชวงศ์วาลัวส์ ซ่ึงเปน็ สาขาของราชวงศ์กาเปเชียง ในค.ศ. 1331 พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 3 ทรงยินยอมทจี่ ะสละสิทธ์ิ ในบลั ลังก์ฝร่ังเศสท้ังมวลแต่ครองแคว้น กาสโคนีในค.ศ. 1333 พระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงทาสงครามกับสกอตแลนด์ ซ่ึงเป็นพันธมิตรกับฝร่ังเศสตามสัญญา พันธมิตรเก่า (Auld Alliance ) ทาให้พระเจ้าฟิลิปที่ 6 ทรงเห็นเป็นโอกาสจึงนาทัพบุกยึด แคว้นกาสโคนี แต่ พระเจา้ เอด็ วารด์ ทรงปราบปราม สกอตแลนด์อย่างรวดเร็ว ตอบโตพ้ ระเจ้าฟลิ ปิ ได้ทัน 3. อังกฤษต้องการท่ีจะผนวกสกอตแลนด์ แต่สกอตแลนด์ได้รับการ สนับสนุนจากฝรั่งเศสให้ต่อต้าน องั กฤษ ทาใหอ้ งั กฤษไมพ่ อใจ 4. ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ ฝร่ังเศสได้ขัดขวางการค้าระหว่าง อังกฤษกับแคว้นฟลานเดอร์ (เบล เยย่ี มในปจั จุบนั ) และขัดขวางอังกฤษในการครองแควน้ กาสโกนเี พือ่ เป็นศูนยก์ ลางทางการคา้ 5. กษตั ริย์ทั้งสองประเทศกาลงั ประสบปัญหาการขยายอานาจของ เหล่าขนุ นาง จึงต้องการใช้ สงครามดงึ ความสนใจของขุนนางและประชาชน สถานการณ์ของกองทัพเรือของฝรงั่ เศสสามารถโจมตเี มืองท่าองั กฤษได้หลายที่ แต่ลมก็เปลี่ยนทิศเม่ือทัพเรอื ฝร่ังเศสถกู ทาลายล้างในการรบท่สี ลุยส์ (Sluys) ใน ค.ศ. 1341 ตระกลู ดรอื ซ์แหง่ แคว้นบรีตตานสี ญสู ิน้ พระ เจ้าเอด็ วารด์ และพระเจ้าฟิลิปจงึ สู้รบกันเพื่อให้คนของตนได้ครองแคว้นบรีตตานี ในค.ศ. 1346 พระเจ้าเอด็ วารด์ ทรงสามารถ ข้ึนบกได้ที่เมืองคัง (Caen) ในนอร์มังดี เปน็ ที่ตกใจแก่ชาวฝร่ังเศส พระเจ้าฟลิ ปิ แต่งทัพไปสู้ แตพ่ ระเจา้ เอด็ วาร์ดทรงหลบหนีไปประเทศ (Low Countries) ทัพฝรงั่ เศสตามมาทัน แตพ่ ่ายแพย้ บั เยนิ ท่ีการ รบท่ีเครซี (Crécy) ทาให้พระเจา้ เอด็ วารด์ ต่อไปยดึ เมืองทา่ คาเลส์ของฝรัง่ เศสและยึดเปน็ ท่ีมั่นบนแผ่นดนิ

กจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยคุ มดื ส่คู วามเจริญแห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 20 ชุด ฝรงั่ เศสได้ในค.ศ. 1347 ใน ค.ศ. 1348 ระหวา่ งที่ฝรงั่ เศสกาลังลกุ เป็นไฟด้วยสงคราม กาฬโรคก็ระบาดมาถึง ฝรั่งเศสคร่าชวี ติ ผคู้ นไปเปน็ จานวนมาก เจ้าชายดาพระโอรสของพระเจ้าเอ็ดวาร์ด บุกอังกฤษจากกาสโคนี ชนะฝร่ังเศสในศึกปัวติเยร์ (Poitiers) จบั พระเจ้าชองแหง่ ฝรงั่ เศสได้ ดว้ ย อานาจของฝรั่งเศสท่ีอ่อนแอลง ทาให้ตามชนบทมีโจรอาละวาด ทาให้ชาวบ้านก่อจลาจลกันมากมาย พระเจ้าเอ็ดวาร์ดเห็นโอกาสจึงทรง บุกอีกครั้ง แต่ถูกองค์รัชทายาทแห่ง ฝร่ังเศสต้านไว้ได้ จนทาสนธิสัญญาบรีติญญี (Bretigny) และสงครามก็ได้เร่ิมข้ึนอีกครั้ง ในสมัยของพระเจ้า ชาลสท์ ี่ 5 แหง่ ฝรง่ั เศสทรงสามารถบุกยึดดินแดนคืนจากฝรั่งเศสได้ ด้วยความช่วย เหลือของขุนพลแบร์ทรันด์ เดอ เกอสแคลง (Bertrand de Guesclin) องค์ชายเอ็ดวาร์ดทรงติดพันอยู่กับสงครามในสเปน จนทรงปลีก พระองค์มาฝรั่งเศสได้ในค.ศ. 1371 ฝุายอังกฤษตอบโต้ โดยการปล้นสะดมทาลายล้าง (chevauchée) เมือง ต่างๆของ ฝร่ังเศส แต่เดอเกอสแคลงก็ไม่หลงกล องค์ชายเอ็ดวาร์ดสิ้นพระชนม์ ในค.ศ. 1376 พระเจ้าเอ็ด วาร์ดส้ินพระชนม์ในค.ศ. 1377 และเดอ เกอสแคลงส้ินชีวิตในค.ศ. 1380 เมื่อผู้นาทัพส้ินชีวิตไปหมดแล้ว สงครามก็สงบลงอีกครั้ง จนทาสัญญาสงบศึกในค.ศ. 1389 ระหว่างตระกูลอาร์มันญัค (Armagnac) และ ดยุคแห่งเบอร์กันดี เพราะพระเจ้าชาร์ลส์ท่ี 6 ทรงมีพระสติไม่สมประกอบ ทาให้แย่งอานาจกันปกครอง บ้านเมือง และขอให้อังกฤษช่วย แต่อังกฤษเองก็กาลังมีสงครามกลางเมือง และเวลส์และไอร์แลนด์ก่อกบฎ สกอตแลนด์บุกเมื่ออังกฤษสงบแล้ว พระเจ้าเฮนรีที่ 5 ก็ทรงนาทัพบุกฝร่ังเศสในค.ศ. 1415 และชนะฝรั่งเศส ขาดลอยท่ีการรบท่ีอแกงคูร์ต ได้ดยุคแห่งเบอร์กันดีมาเป็นพวก และยึดฝร่ังเศสตอนเหนือไว้ได้ท้ังหมดในค.ศ. 1419 พระเจา้ เฮนรีทรงเฝูาพระเจ้าชาลส์ที่ 6 แห่ง ฝรง่ั เศสซงึ่ ทรงพระสติไม่สมประกอบ ทาสัญญาให้พระโอรส พระเจ้าเฮนรีข้ึนครองฝรั่งเศสเมื่อพระเจ้าชาลส์สิ้นพระชนม์ แต่ทัพสกอตแลนต์ก็ มาช่วยขัดขวางเอาไว้ เมื่อ พระเจ้าชาลส์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่งอังกฤษ ก็ข้ึนเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศส แต่ตระกูลอาร์มันญัคยังคง จงรกั ภคั ดีต่อองคร์ ัชทายาทฝรั่งเศส ใน ค.ศ. 1428 อังกฤษล้อมเมืองออร์เลียงส์ จึงทาให้เกิดวีรสตรีโจนออฟอาร์ค (Joan of Arc หรือ ฌานดาก) เสนอตวั ขบั ไลท่ พั อังกฤษ กลา่ ววา่ พระเจ้ามีมตใิ ห้เธอปลดปล่อย ฝรั่งเศสจากอังกฤษ จนสามารถ ขับ ไล่ทัพอังกฤษออกไปได้ในท่ีสุด ซึ่งสามารถเอาชนะอังกฤษได้หลายคร้ัง และยังสามารถเปิดทางให้องค์รัช ทายาทสามารถยึดเมอื งแรงสเ์ พ่อื ราชาภิเษก พระเจา้ ชาลส์ที่ 7 นับเป็นจดุ เปลย่ี นในสงครามร้อยปี แต่โจนออฟ อาร์คถูกพวกเบอร์กันดีจับได้จึงถูกศาลศาสนาตัดสินว่า เป็นแม่มด จะต้องถูกลงโทษโดยการเผาท้ังเป็น วรี กรรมนี้จงี ถูกยกย่องและสรา้ งความคดิ เรือ่ งชาตินยิ มให้กบั ชาวฝรัง่ เศส ความเสื่อมของศาสนาในช่วงปลายสมยั กลาง มสี าเหตสุ าคัญ คอื 1. การเกิดลทั ธิชาตนิ ิยมและรฐั ชาติ กอ่ ตวั ขนึ้ ในสมยั ยุโรปกษัตริย์ สามารถปกครองขุนนางได้ 2. ประชาชนสนบั สนนุ อานาจของกษตั ริยม์ ากขึ้น 3. เกดิ การต่อสูท้ างการเมืองระหว่างกษัตริย์ฝรงั่ เศสกบั สนั ตะปาปา ซึ่งชัยชนะเปน็ ของพระเจา้ ฟิลิปท่ี 4 และได้ แต่งตง้ั พระสนั ตะปาปา องค์ใหม่

กจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 2 จากยคุ มืดสู่ความเจรญิ แห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 21 ชุด 4. ความแตกแยกภายในของศาสนจักรอยา่ งรนุ แรงจนถึงขั้นมี สันตะปาปา 2 องคใ์ นเวลาเดียวกัน การสิ้นสดุ สมยั กลาง การค้าขยายตามเมืองต่างๆท่วั ยโุ รป เกิดชนชั้นกลาง เชน่ พ่อคา้ แพทย์ ครู นักกฎหมาย แทรก ระหวา่ งชนชั้นสงู อยา่ งพวกขุนนาง และชนชน้ั ตา่ อย่างชาวนาและ ชา่ งฝมี อื ระบบฟวิ ดลั ของขนุ นางอ่อนแอลง ประชาชนสนใจท่จี ะแสวงหาความรู้นอกศาสนจักรจงึ ทาให้อานาจของศาสนจักรเส่ือมลง และเร่มิ สนใจอารย ธรรมกรีกโบราณ และโรมัน ซึ่งนาไปสู่ ยคุ ฟนื้ ฟูศลิ ปะวทิ ยาการ ทาให้แตกต่างจาก สมยั กลางทศ่ี าสนาเข้ามามี อานาจอย่างมาก ท่มี า : https://sites.google.com

กิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยุคมืดส่คู วามเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 22 ชดุ บันทึกการทากิจกรรมท่ี 2 เหตกุ ารณ์สาคญั ในยุโรปสมัยกลาง ชว่ ยกันสรุปอภิปรายเหตกุ ารณส์ าคญั ในยุโรปยคุ กลาง มีอะไรบ้างแต่ละเหตุการณ์มผี ลดี ผลเสยี อยา่ งไร ( แสดงเป็น MY MAPPING )

กิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 จากยุคมดื สูค่ วามเจรญิ แห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 23 ชดุ กิจกรรมที่ 3 อารยธรรมยุโรปสมัยกลาง จดุ ประสงค์ของกิจกรรม วิเคราะหเ์ หตกุ ารณ์สาคญั ตา่ งๆท่สี ง่ ผลต่อการเปลย่ี นแปลงทางสังคมเศรษฐกิจและการเมืองเข้า สโู่ ลกสมัยปจั จบุ ัน สอื่ ในการเรียนรู้ 1. Power point อธบิ าย เร่ือง อารยธรรมยุโรปสมัยกลาง 2. ใบงานเร่อื ง อารยธรรมยโุ รปสมัยกลาง 3.ใบความรู้ อารยธรรมยุโรปสมยั กลาง วิธีการเรยี นรู้ 1. นักเรียนศกึ ษา Power point เรื่อง อารยธรรมยโุ รปสมยั กลาง 2. ทาใบงาน อารยธรรมยโุ รปสมัยกลาง 3. นักเรียนและครรู ่วมกันสรปุ อารยธรรมยุคกลาง โดยสมุ่ เป็นรายบุคคล จดบนั ทึกกจิ กรรม

กิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 จากยคุ มดื ส่คู วามเจรญิ แหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 24 ชดุ ใบความรู้ อารยธรรมยุคกลาง ในสมัยกลาง สังคมตะวันตกตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสถาบันคริสต์ศาสนาและการปกครองระบบ ฟิวดัล กล่าวคือ คริสต์ศาสนาสามารถสร้างศรัทธาให้แก่ชาวตะวันตกจนสามารถเป็นผู้ช้ีนาสังคมทั้งด้านความ เชอ่ื จริยธรรม การดาเนินชีวติ การปกครอง ศลิ ปวัฒนธรรม และอนื่ ๆ สว่ นระบบฟวิ ดัลท่ีเกิดจากความอ่อนแอ ของอานาจส่วนกลางก็ทาให้บรรดาขุนนางสามารถก้าวข้ึนมาเป็นผู้นาในการกาหนดฐานะและสิทธิต่างๆ ของ ปัจเจกชนท่ีส่วนใหญ่มีฐานะเป็นข้าติดที่ดินได้ ดังน้ัน จึงเห็นได้ว่าอารยธรรมในสมัยกลางเกิดจากการส่งเสริม และทานบุ ารุงของพระและขุนนางเปน็ ส่วนใหญ่ จึงสะท้อนให้เห็นถึงเรือ่ งราวและอิทธิพลของคริสต์ศาสนาและ ขุนนางในสงั คมสมยั กลาง 1.สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ สถาปัตยกรรมแบบกอธกิ ท่มี า : https://sites.google.com ทีม่ า : https://sites.google.com ในสมัยกลางมีผลงานด้านสถาปัตยกรรมท่ีสาคัญอยู่ 2 แบบ คือ แบบโรมาเนสก์ และ แบบกอทิก ซึ่งเก่ียวข้องโดยตรงต่อการสร้างวัดและมหาวิหารในคริสต์ศาสนา ศิลปะแบบโรมาเนสก์เป็นศิลปะที่ เจริญรุ่งเรืองก่อนคริสต์ศตวรรษท่ี 11 เกิดจากการสืบทอดของศิลปะโรมัน วัดหรืออาคารประกอบด้วยประตู หนา้ ตา่ งโค้งกลมแบบสถาปัยกรรมโรมัน กาแพงหนา กระเบื้องปูพื้นขนาดใหญ่ บานหน้าต่างเล็กและเรียวยาว บรรยากาศภายในทึมและมืดคร้ึม มองภายนอกเหมือนปูอมปราการ และอาจใช้เป็นท่ีหลบภัยของประชาชน เมื่อเกิดอันตรายจากศัตรูได้ มีภาพหินโมเสกประดับ ศิลปะแบบโรมาเนสก์นี้จะให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งและ ห้าวหาญแก่ผู้ที่พบเห็น และนับเป็นศิลปะท่ีเป็นแบบอย่างของการก่อสร้างโดยท่ัวไปในระหว่างสมัยกลาง ตอนต้น ในระหว่าง ค.ศ. 1150-1300 ซ่ึงอยู่ในช่วยระยะเวลาแห่งความเจริญท่ีเรียกว่า สมัยกลางยุครุ่งโรจน์ ศิลปะแบบโรมาเนสก์ได้พัฒนาเปลี่ยนเป็นรูปแบบกอทิกท่ีมีลักษณะโปร่งบางและแลดูอ่อนช้อยมากกว่ า

กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยคุ มดื สคู่ วามเจรญิ แห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 25 ชดุ จุดเดน่ ของศลิ ปะแบบกอทิก คือ ใช้อิฐปูนค้ายันจากภายนอก และการใช้เสาหินเพ่ือรองรับน้าหนักของหลังคา ทาให้ศิลปะแบบกอทิกไม่ต้องอาศัยกาแพงท่ีหนาเพ่ือรับน้าหนักของหลังคา รูปแบบของศิลปะแบบกอทิกจึง มองดูเพรียวมากกว่า ส่วนประตูหน้าต่างก็เปลี่ยนแบบจากโค้งกลมขนาดเล็กเป็นโค้งแหลมขนาดกว้างที่แสง สว่างสามารถลอดผ่านได้ นอกจากนี้บนกาแพงยังสามารถประดับด้วยกระจกสีขนาดใหญ่ด้วยสีสันงดงาม ภายในโบสถ์วิหารกอทิกประดับด้วยรูปแกะสลักของนักบุญตามลักษณะท่ีเหมือนจริงตามธรรมชาติซ่ึงเป็น ลักษณะแตกตา่ งไปจากศิลปะแบบโรมาเนสก์ทไี่ มพ่ ถิ ีพิถันในเร่ืองของความงาม นักศิลปะแบบกอทิกสะท้อนให้ เห็นวา่ สมัยกลางยุครงุ่ โรจน์เริ่มมีความรู้สึกนึกคิดถึงความสวยงามของธรรมชาติและมนุษย์มากขึ้น ศิลปะแบบ กอทิกยังสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถทางสติปัญญาและอัจฉริยะของศิลปินในสมัยกลางเป็นอย่างดี โบสถ์ วิหารท่ีสวยงามในปัจจุบัน เช่น มหาวิหารแซงต์เอเตียนน์ มหาวิหารนอเตรอดาม มหาวิหารแซงต์ชาแปลล์ใน ฝร่ังเศส และมหาวิหารออรเ์ วยี ตโตในอติ าลี ลว้ นแตเ่ ป็นศิลปกรรมกอทกิ ทก่ี อ่ สร้างในสมัยกลางทงั้ สน้ิ 2.วรรณกรรม วรรณกรรมในสมัยกลางนอกจากจะเน้นเร่ืองราวความเชื่อในคริสต์ศาสนา แล้วยังมีวรรณกรรมทาง โลกด้วย แต่งเป็นภาษาละตินซึ่งถือกันว่าเป็นภาษาหนังสือที่เป็นสากล และเป็นภาษาสาคัญทางศาสนา วรรณกรรมทางศาสนาที่มีอิทธิพลต่อแนวความคิดของคริสต์ศาสนิกชนในสมัยกลางมากท่ีสุดเล่มหน่ึง ได้แก่ เทวนคร เขียนโดยนักบุญออกัสตินในสมัยปลายจักรวรรดิโรมัน งานเขียนอีกช้ินหน่ึงที่ความสาคัญทัดเทียมกัน คือ มหาเทววิทยา โดยนักบุญทอมัส อะไควนัส ซึ่งใช้สอนในวิชาเทววิทยาในมหาวิทยาลัย เป็นเร่ืองเกี่ยวกับ ความเช่ือและศรัทธาในครสิ ตศ์ าสนาอยา่ งมีเหตผุ ล 2.1 มหากาพย์ (epic) ในฝรั่งเศสเรียกว่า ชองซองเดอเจสต์(Chanson de Geste) เป็นเรื่องราวของการสร้างวีรกรรมของ วีรบุรุษในอดีตนิยมประพันธ์ด้วยโคลงกลอน แพร่หลายในคริสต์ศตวรรษที่ 11-12 วรรณกรรมประเภทนี้ท่ี สาคัญ ไดแ้ ก่ ชองซองเดอโรลองด(์ Chanson de Roland) ซึ่งเป็นเร่ืองราวการต่อสู้ของโรลองด์ ทหารคนสนิท ของจักรพรรดิชาร์เลอมาญกับกองทัพของพวกซาราเซ็นซ่ึงเป็นมุสลิมที่เดินทัพมาจากสเปนเพื่อพิชิตยุโรป ตะวันตก กองทัพของโรลองด์ถูกฝุายมุสลิมซุ่มโจมตีในเทือกเขาพิเรนีส โรลองด์เสียชีวิตในสนามรบ ชองซอง เดอโรลองด์เป็นท่ีนิยมของพวกชนชั้นสูงโดยเฉพาะอย่างย่ิงพวกนักรบ เพราะสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติ ควา ม กล้าหาญ ความเสียสละของนักรบ อุดมการณ์ จริยธรรม ตลอดจนความมศี รัทธาในคริสต์ศาสนาอยา่ งเด่นชดั 2.2 นยิ ายวรี คตหิ รอื นยิ ายโรมานซ์ (romance) ประพันธ์เป็นคากลอน เกิดในยุโรปตะวันตกในคริสต์ศตวรรษท่ี 11-12 ต่อมาได้เจริญแพร่หลายใน ฝร่ังเศส อังกฤษและเยอรมัน นิยายวีรคติเป็นเร่ืองราวความจงรักภักดีของอัศวินต่อเจ้าและขุนนาง และความ รักแบบเทิดทูนท่ีอัศวินมีต่อสตรี นิยายวีรคติคล้ายกับมหากาพย์ ต่างกันตรงที่มหากาพย์มีความยาวมากกว่า และไมม่ เี ร่อื งของความรกั เขา้ มาเกย่ี วข้อง นยิ ายวรี คติทีร่ จู้ ักกันเท่าไป คอื กษตั รยิ ์อาเทอร์กบั อัศวินโตะ๊ กลม

กิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยุคมืดส่คู วามเจริญแห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 26 ชดุ 2.3 คตี กานท์ (lyric) เป็นบทร้อยกรองท่ีกล่าวถึงความในใจ เกิดในฝรั่งเศสภายใต้เม่ือกลางคริสต์ศตวรรษท่ี 12 โดยนักร้อง เรท่ ่ีเรียกตัวเองว่า ตรูบาดูร์ (Troubadour) แต่งเพ่ือขับร้องคลอเสียงพิณ นิยมร้องและบรรเลงในปราสาทของ ขุนนางและราชสานัก เป็นเร่ืองเกี่ยวกับความรักแบบเทิดทูนต่อสตรีสูงศักดิ์ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากราชสานัก ของพวกมุสลิม การเทิดทูนสตรีที่สูงศักด์ิดังกล่าวน้ีก่อให้เกิดระเบียบวิธีปฏิบัติที่บุรุษควรมีต่อสตรีเพศ หรือท่ี เรียกว่า ธรรมเนียมวีรคติ ซ่ึงถือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดในหมู่อัศวินนักรบของสมัยกลางในภายหลังโดยถือว่า การอุทศิ ตนเพ่ือสตรีท่รี ักทาให้ชีวติ ของการเป็นอัศวนิ มคี ุณคา่ และมเี กียรตยิ ศย่ิงนัก 2.4 นทิ านฟาบลโิ อ (fabliau) เล่าเร่ืองขนาดสั้นเขยี นเปน็ บทรอ้ ยกรอง มุ่งเสียดสีสงั คมสมัยน้ัน มักเปน็ เรือ่ งของนักบวชหรอื เร่อื งของ สตรี เดิมเปน็ นิทานของฝรัง่ เศส แตม่ ีกรากฏในวรรณกรรมอังกฤษด้วย เลม่ สาคญั ไดแ้ ก่ แคนเทอร์เบอรเี ทลส์ ของ เจฟฟรีย์ ชอเซอร์ กวีเอกชาวองั กฤษ เปน็ โคลงเลา่ เร่ือง 24 เรื่องทนี่ ักจารกิ แสวงบญุ เลา่ ส่กู ันฟงั ในชว่ งพัก คา้ งคนื ระหว่างการเดนิ ทางไปแสวงบุญ ณ ทฝ่ี งั ศพของนกั บุญทอมสั เบ็คเก็ต ในแคนเทอร์เบอรเี ทลส์ เรอ่ื งราว สะทอ้ นให้เหน็ ถึงนสิ ยั และบุคลกิ ของปุถุชนคนธรรมดาซึ่งมีต่างๆกัน 2.5นิทานอุทาหรณ(์ fable) เป็นนิทานร้อยแก้วหรือร้อยกรองในลักษณะของนิทานอีสปท่ีมชี ่ือเสียงท่สี ุด คือ นทิ านชุดโรมานซอ์ อ ฟรีนารด์ (The Romance of Renard) เรม่ิ แตง่ ในฝรั่งเศสในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 12 และมผี ู้แต่งตอ่ ๆกันมาจนถึง คริสตศ์ ตวรรษที่ 14 เปน็ เรอื่ งราวของสุนัขจ้ิงจอกช่ือรีนารด์ เนื้อหาล้อเลยี นเสยี ดสีสังคมฝร่ังเศสในสมัยกลาง เรือ่ งสนุ ขั จงิ้ จอกรนี ารด์ ทีแ่ ตง่ ในระยะหลงั ประณามระบบฟิวดัล กระบวนการยุตธิ รรม และวงการศาสนาอย่าง รุนแรง 3. เมอื งท่ีเกิดจากการค้า ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 11 การค้าของโลกตะวันตกได้ฟื้นตัวอีกครั้งหลังจากชะงักงันเป็นเวลาหลาย รอ้ ยปี อันเน่ืองมาจากการรกุ รานของพวกอนารยชน และการเข้ายดึ ครองทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของพวกมุสลิม ท่ีทาให้การค้าทางทะเลของตะวันตกและตะวันออกต้องส้ินสุดลง การฟ้ืนตัวของการค้าดังกล่าวน้ียังก่อให้เกิด การฟ้ืนตัวของบรรดาเมืองเก่าที่เคยรุ่งเรืองในสมัยจักรวรรดิโรมันและการเกิดของเมืองใหม่ๆ ในคาบสมุทร อิตาลีจนถึงคาบสมุทรสแกนดิเนเวียตลอดจนดินแดนยุโรปตะวันออกอีกด้วย เมืองกลายเป็นศูนย์กลางการค้า และวัฒนธรรมของยุโรป เกิดสมาคมอาชีพ ที่ควบคุมการดาเนินงานและการจัดสวัสดิการของคนกลุ่มอาชีพ เดียวกัน เกิดระบบการเก็บภาษีอากร การปกครองแบบท้องถ่ินที่เรียกว่า เทศบาล ตลาดนัด งานแสดงสินค้า ธนาคาร ฯลฯ ทเ่ี ปน็ พ้ืนฐานของวัฒนธรรมเองในปจั จุบัน โดยเฉพาะการทาสัญญา และการกู้ยืมเงินของบรรดา พ่อค้าต่อกันก่อให้เกิดความจาเป็นในการกาหนดวันเร่ิมต้นและวันส้ินสุดของปีท่ีแน่นอน พวกพ่อค้าได้ กาหนดให้วันที่ 1 มกราคมเป็นวันเร่ิมต้นของปีใหม่ ซ่ึงสอดคล้องกับวันเฉลิมฉลองปีใหม่ของชาวโรมันที่เคย ปฏิบตั ิมา

กจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยคุ มืดสคู่ วามเจรญิ แหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 27 ชดุ 4. มหาวทิ ยาลัยตะวนั ตก มหาวิทยาลัยนับเป็นมรดกท่ีสาคัญของยุโรปในสมัยกลาง และเป็นผลิตผลโดยตรงของสังคมเมือง มหาวิทยาลัยในระยะแรกเกิดจากการรวมตัวของอาจารย์และนักศึกษา และมีลักษณะเป็นสมาคมอาชีพ เช่นเดียวกับสมาคมอาชีพอื่นๆ ที่รวมคนอาชีพเดียวกันไว้ด้วยกัน สมาคมอาชีพของอาจารย์และนักศึกษา ดงั กล่าวนี้เรียกวา่ ยูนเิ วอรซ์ ติ (ี university) ในครสิ ต์ศตวรรษที่ 11-12 มหาวทิ ยาลยั เกดิ ข้ึนจากการขยายตวั และพัฒนาการของโรงเรยี นวัด ซึ่งเป็น สถานที่อบรมส่ังสอนพระหรือนักบวช และโรงเรียนมหาวิหาร ซ่ึงเป็นสถานที่ให้การอบรมสั่งสอนทั้งนักบวช และประชาชนท่ัวไปโดยมมี หาวทิ ยาลัยปารีสเปน็ ผู้นาทางภาคเหนือ และมหาวิทยาลัยโบโลญญาเป็นผู้นายุโรป ทางใต้ นักศึกษาส่วนใหญ่เป็นพระหรือลูกหลานของขุนนางและพ่อค้า มหาวิทยาลัยเจริญเติบโตในเวลา อันรวดเร็ว อันเน่ืองมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเมือง สงครามครูเสด และการรับความรู้ใหม่ๆ จาก ทางยุโรปตะวันออกและเอเชยี ไมเนอร์ เชน่ วิชาปรัชญา คณิตศาสตร์ แพทยศ์ าสตร์ นติ ิศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ สูญหายไปจากยุโรปตะวันตกต้ังแต่การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันมหาวิทยาลัยในระยะแรกเริ่มมีหลักสูตรที่ แน่นอน และนาเอาระบบสมาคมอาชีพมาใช้ในการฝึกหัดนักศึกษา การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยในสมัย กลางเจริญแพร่หลายอยา่ งกวา้ งขวาง เมอ่ื ส้นิ สมยั กลางปรากฏว่ามีมหาวิทยาลยั ในยุโรปทั้งสิ้นกว่า 80 แหง่ มหาวิทยาลัยหลายแห่งในยุโรปท่ีตั้งในสมัยกลาง เช่น มหาวิทยาลัยปารีส โบโลญญา ปาดัว ออกซ์ ฟอรด์ และเคมบริดจ์ ยังคงเป็นมหาวทิ ยาที่มีเชอื่ เสยี งตราบเทา่ ทุกวนั น้ี มหาวิทยาลยั ออกซ์ฟอร์ด ทมี่ า : https://sites.google.com มหาวทิ ยาลัยเคมบริดจ์ ทมี่ า : https://sites.google.com

กิจกรรมการเรยี นรู้ หน่วยที่ 2 จากยคุ มดื สูค่ วามเจริญแห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 28 ชุด บันทกึ การทากจิ กรรมท่ี 3 อารยธรรมยุคกลาง การศึกษา สถาปัตยกรรม .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. ............................................................................... ............................................................................... .................................................................................... .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. ............................................................................... .............................................................................. .............................................................................. ............................................................................... .............................................................................. .............................................................................. ............................................................................... .............................................................................. .................................................................................... อารยธรรมยุคกลาง การเมือง เศรษฐกิจ .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. ............................................................................... ............................................................................... . .............................................................................. .................................................................................. .............................................................................. .............................................................................. ............................................................................... ............................................................................... .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. ............................................................................... ............................................................................... .............................................................................. ...................................................................................... .............................................................................. ............................................................................... ......................................................................................... ...................................................................................

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 จากยคุ มดื สู่ความเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 29 หนว่ ยท่ี 2 จากยคุ มืดสู่ความเจรญิ แห่งปัญญา เร่ือง การฟ้ืนฟูศลิ ปะวทิ ยาการ กจิ กรรมที่ 4 รู้ถึงยุคการฟนื้ ฟูศิลปะวทิ ยาการ ผลการเรยี นรู้ วิเคราะหเ์ หตุการณส์ าคัญตา่ งๆทส่ี ่งผลต่อการ เปลย่ี นแปลงทางสงั คมเศรษฐกจิ และการเมืองเขา้ สู โลกสมยั ปจั จบุ นั

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หน่วยที่ 2 จากยคุ มืดส่คู วามเจรญิ แห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 30 กจิ กรรมท่ี 4 รถู้ งึ ยคุ การฟืน้ ฟูศลิ ปะวทิ ยาการ จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม วิเคราะห์เหตุการณ์สาคัญต่างๆที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจและการเมืองเข้าสู่ โลกสมยั ปจั จบุ นั สื่อในการเรยี นรู้ 1. Power point อธิบาย เร่ือง การฟื้นฟศู ิลปะวทิ ยาการ 2. บตั รภาพ วิธีการเรียนรู้ 1. นักเรียนศกึ ษา ใบความรู้ เรอื่ ง การฟ้ืนฟศู ลิ ปะวิทยาการ 2. ใชก้ ระบวนการกลมุ่ ในการรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น สรุปประเด็นสาคัญ 3. ฝึกการเล่าเร่อื ง ( Story telling ) 4. นกั เรียนอัดคลปิ วดี ีโอ

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยคุ มดื สคู่ วามเจรญิ แหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 31 ใบความรู้ รูถ้ งึ ยุคการฟนื้ ฟศู ลิ ปะวิทยาการ การฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ (RENAISSANCE) เกิดในช่วงเวลาระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 14-16 คือ ปลายสมัยกลางถึงต้นสมัยใหม่ ถือว่าเป็นจุดเช่ือมต่อ (TRANSITIONAL PERIOD) ของ ประวัติศาสตร์สองยุค การฟ้ืนฟศู ิลปะวทิ ยาการเร่ิมขึ้นท่นี ครรัฐต่างๆ บนคาบสมุทรอิตาลี ซ่ึงมีความ มั่งค่ังและร่ารวยจากการค้าขาย ต่อมาจึงแพรห่ ลายไปสู่บริเวณอน่ื ๆ ในยุโรป คาว่า RENAISSANCE แปลว่า เกิดใหม่ (REBIRTH) หมายถึง การนาเอาศิลปวิทยาการของ กรีกและ โรมันมาศึกษาใหม่ ทาให้ศิลปวิทยาการกรีก-โรมันเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหน่ึงเป็นสมัยท่ีชาวยุโรปเกิดความ กระตือรือรน้ สนใจอารยธรรมกรกี -โรมนั จึงถือวา่ เปน็ ยุคเจริญรุ่งเรืองท่ีชาวยุโรปมีสิทธิและเสรีภาพ ช่วงเวลาน้ี จึงถือว่าเป็นขบวนการขั้นสุดท้ายที่จะปลดปล่อยยุโรปจาก สังคมในยุคกลางที่เคยถูกจากัดโดยกฏเกณฑ์และ ขอ้ บงั คบั ของครสิ ตศ์ าสนาสาเหตแุ ละความเป็นมาของการฟน้ื ฟูศลิ ปะวิทยาการ สาเหตแุ ละความเป็นมาของการฟื้นฟูศลิ ปะวทิ ยาการ มีดังนี้ 1. การขยายตัวทางการค้า ทาให้พอ่ คา้ ชาวยุโรปและบรรดาเจ้าผู้ครองนครในนครรัฐ อิตาลีมีความม่ัง คั่งข้ึน เช่น เมืองฟลอเรนซ์ เมืองมิลานหันมาสนใจศิลปะและวิทยาการความ เจริญในด้านต่างๆ ประกอบกับ ที่ต้ังของนครรัฐในอิตาลีเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิโรมันตะวันตก มาก่อน ทาให้นักปราชญ์และศิลปินต่างๆ ในอิตาลีจึงให้ความสนใจศิลปะและวทิ ยาการของโรมนั 2. ความเจรญิ ทางเศรษฐกิจและการเกิดรัฐชาตใิ นปลายยคุ กลาง ทาใหเ้ กดิ การ เปล่ียนแปลงหลายด้าน ทั้งด้านองค์กรทางการเมือง องค์กรทางเศรษฐกิจซึ่งต้องใช้ความรู้ความ สามารถมาบริหารจัดการ แต่การศึกษาแบบเดิมเน้นปรัชญาทางศาสนาและสังคมในระบบฟิวดัล จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการ ของสังคมได้ ดังน้ันนักปราชญ์สาขาต่างๆ จึงหันมาศึกษา อารยธรรมกรีกและโรมัน เช่น นักกฎหมายศึกษา กฎหมายโรมันโบราณเพื่อนามาใช้พิพากษาคดี ทางการค้า นักรัฐศาสตร์ศึกษาตาราทางการเมือง เพื่อนามาใช้ ในการทูตและความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศ รวมทั้งนักประวัติศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ กค็ น้ หาความจริงและสนใจ ศกึ ษาอารยธรรมกรกี -โรมันเช่นกนั เปน็ ตน้ 3. ทัศนคติของชาวยุโรปในช่วงปลายสมัยกลางต่อการดาเนินชีวิตเปลี่ยนแปลงไป จากเดิม จากการท่ี เคร่งครัดต่อคาสั่งสอนทางคริสต์ศาสนา มุ่งแสวงหาความสุขในโลกหน้า ใฝุใจ ที่จะหาทางพ้นจากบาป และ ปฏิบตั ิทุกอยา่ งเพอื่ เสริมสรา้ งกศุ ลให้แก่ตนเอง ได้เปลี่ยนมาเปน็ การ มองโลกในแง่ดี และเบื่อหน่ายกับระเบียบ สังคมที่เข้มงวดกวดขันของคริสตจักรรวมทั้งมีอคติต่อ การกระทามิชอบของพวกพระ จึงหันไปสนใจผลงาน สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ของมนุษยชาติ และเห็น ว่ามนุษย์สามารถพัฒนาชีวิตตนเองให้ดีและมีคุณค่าขึ้นได้ ซง่ึ แนวคดิ ดังกล่าวเป็นท่ีมาของแนวคิด แบบมนุษยนิยม (HUMANISM) ท่ีสนใจโลกปัจจุบันมากกว่าหนทางมุ่ง หน้าไปส่สู วรรคด์ ังเชน่ เคย

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 จากยคุ มืดสู่ความเจริญแหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 32 4. การล่มสลายของจักรวรรดิไบแซนไทต์หรือจักรวรรดิโรมันตะวันออก เพราะถูกพวก มุสลิม เติร์กยึดครองใน ค.ศ. 1453 ทาให้วิทยาการแขนงต่างๆ ที่จักรวรรดิไบแซนไทต์สืบทอดไว้ หลั่งไหลคืนสู่ยุโรป ตะวนั ตก ความเจริญในสมัยฟืน้ ฟศู ิลปะวิทยาการ การฟื้นฟูศิลปะวิทยาการเป็นการศึกษาอารยธรรมกรีก-โรมัน ท้ังด้านวรรณกรรม ประวัติศาสตร์ ศลิ ปกรรม และวทิ ยาการดา้ นต่างๆ โดยให้ความสาคัญของมนุษย์กับการดาเนิน- ชีวิตในโลกปัจจุบัน ที่เรียกว่า มนุษยนิยม (HUMANISM) โดยผู้ท่ีมีความคิดความเช่ือเช่นนี้เรียก ตนเองว่า นักมนุษยนิยม (HUMANISTS) ซ่ึงไดพ้ ยายามปลดเปลื้องตนเองจากการครอบงาของ คริสตจักรและระบบฟิวดัล ลักษณะท่ีให้ความสาคัญของ ความเจริญในสมัยฟนื้ ฟูศลิ ปะวิทยาการ คอื ถึงแม้จะเปน็ ความสนใจศึกษาความรจู้ ากอารยธรรมกรีก-โรมัน แต่ มิใช่การลอกเลียนแบบ จุดม่งุ หมายสาคัญ คอื การศึกษาความรู้เพ่ือประโยชน์ต่อสังคมและสร้างสรรค์ส่ิงใหม่ๆ ขึ้นมา ผลงานสาคญั ได้แก่ 1. วรรณคดีประเภทคลาสสิก นักมนุษยนิยมท่ีกระตุ้น จินตนาการของชาวยุโรปให้มาสนใจงาน วรรณคดีและปรัชญา ได้รับการ ยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งมนุษยนิยม คือ ฟรานเซสโก เพทราร์ก (FRANCESCO PETRARCA : ค.ศ. 1304-1374) ชาวอิตาลี ผู้ซ่ึงช้ีความงดงามของภาษาละตินและการใช้ภาษาละตินให้ ถูกต้อง ผู้ทส่ี นใจและ นิยมงานเขียนวรรณคดีประเภทคลาสสิกจะค้นคว้าศึกษางานของ ปราชญ์สมัยโรมันตาม ห้องสมุดของวัดและโบสถ์วิหารในยุโรป แล้วนา มาคัดลอกรวมท้ังนาวรรณคดีและแนวคิดของปรัชญากรีก มาแปลเป็นภาษาละตินเผยแพร่ท่ัวไป นอกจากนี้ยังมีผลงานของนิคโคโล มา- เคียเวลลี (NICCOLO MACHIAVELLI : ค.ศ. 1469-1527) เร่ืองเจ้าผู้ครอง นคร (THE PRINCE) กล่าวถึงลักษณะการเป็นผู้ปกครอง รัฐที่ดี และ เซอร์ธอมัส มอร์ (SIR THOMAS MORE : ค.ศ. 1478-1536) เขียนเรื่อง ยูโทเปีย (UTOPIA) กล่าวถึงเมืองในอุดมคติท่ีปราศจากความเลวร้าย ซึ่งผลงานของนักมนุษยนิยมเหล่านี้นาไปสู่การต่อต้านการ ปกครองและ วิธีปฏิบัติของคริสตจักรที่ขัดต่อคัมภีร์ไบเบิล ซ่ึงส่งผลทาให้เกิดการ ปฏิรูปศาสนาข้ึนใน ค.ศ. 1517 ส่วนงานวรรณกรรมท่ีเป็นบทละคร นักประพันธ์ที่สาคัญ คือ วิลเลียม เช็กสเปียร์ ( WILLIAM SHAKESPEARE: ค.ศ. 1564-1616) ซ่ึงเขียนบทละครที่มีช่ือเสียง คือ โรมิโอและ จูเลียต (ROMEO AND JULIET) และเวนสิ วาณชิ (THE MARCHANT OF VENICE) 2. ศลิ ปกรรม ในยคุ กลางศิลปกรรมเป็นเร่ืองท่ีเกีย่ วข้องกับคริสตศ์ าสนาโดยเฉพาะ ทาให้ ไม่สามารถ ถ่ายทอดจนิ ตนาการอยา่ งเสรีได้ ผลงานสว่ นใหญ่จึงขาดชวี ติ ชีวา แต่ศิลปกรรมในสมัย ฟ้ืนฟูศลิ ปวิทยานิยมงาน ศิลปะของกรกี -โรมนั ทเี่ ปน็ ธรรมชาติ จงึ ใหค้ วามสนใจความสวยงามใน สรีระของมนุษย์ มิติของภาพ สี และ แสงในงานประตมิ ากรรมและจติ รกรรมใหส้ มจรงิ สมดลุ และกลมกลืนสอดคล้องมากข้นึ ศลิ ปนิ ทีส่ าคัญ เชน่ – ไมเคลิ แอนเจโล บูโอนาร์โรตี (MICHELANGELO BUONARROTI : ค.ศ. 1475-1564) เป็น ศิลปินที่มีผลงานท้ังด้านจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ผลงานประติมากรรมที่ สาคัญและมี ช่ือเสยี ง คอื รูปสลกั เดวดิ (DAVID) เปน็ ชายหนุ่มเปลือยกาย และปิเอตา (PIETA) เป็นรูปสลักพระมารดากาลัง

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยคุ มดื สคู่ วามเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 33 ประคองพระเยซูในอ้อมพระกร ส่วน ผลงานจิตรกรรมท่ีมีชื่อเสียง คือ จิตรกรรมฝาผนังท่ีเขียนไว้บน เพดาน และฝาผนังของโบสถซ์ สี ตนิ (SISTINE CHAPEL) ในมหาวหิ ารเซนต์ปีเตอร์ ทีก่ รุงโรมท่มี ลี ักษณะงดงามมาก รูปแกะสลกั เดวดิ ประติมากรรมทม่ี ีช่ือเสยี งของ ไมเคลิ แอนเจโล ที่มา : https://sites.google.com – เลโอนารโ์ ด ดา วนิ ชี (LEONARDO DA VINCI : ค.ศ. 1452-1519) เป็นศลิ ปนิ ท่ีมี ผลงานเป็นเลิศในสาขา ต่างๆ ภาพเขยี นที่มีชือ่ เสยี ง คือ ภาพอาหารม้อื สุดท้าย (THE LAST SUPPER) ซงึ่ เป็นภาพพระเยซกู ับสาวกนง่ั ทโ่ี ตะ๊ อาหารกอ่ นที่พระเยซูจะถูกนาไปตรงึ ไม้กางเขน และภาพโมนาลิซา่ (MONALISA) เปน็ ภาพหญงิ สาวทมี่ ี รอยยมิ้ ปริศนากับบรรยากาศของธรรมชาติ ภาพวาดโมนาลซิ ่า งานจติ รกรรมของเลโอนารโ์ ด ดา วินชี ทมี่ า : https://sites.google.com – ราฟาเอล (RAPHAEL : ค.ศ. 1483-1520) เปน็ จติ รกรทีว่ าดภาพเหมือนจริงภาพท่ีมี ชอื่ เสยี ง คือ ภาพพระมารดาและพระบตุ ร พร้อมดว้ ยนักบุญจอห์น (MADONNA AND CHILD WITH ST. JOHN) ภาพวาดพระมารดาและพระบุตร งานจิตรกรรมของราฟาเอล ทม่ี า : https://sites.google.com

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 2 จากยุคมดื สคู่ วามเจริญแหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 34 3. ดา้ นวิทยาการความเจรญิ อืน่ ๆ ได้แก่ – ด้านดาราศาสตร์ เป็นสาขาวิชาที่ชาวยุโรปสนใจกันมากในช่วงเวลาน้ี นัก ดาราศาสตร์ท่ี สาคัญ คือ คอเปอร์นิคัส (ค.ศ. 1473-1543) ได้เสนอทฤษฎีที่ขัดแย้งกับคาสอนของ คริสต์ศาสนา โดยระบุว่า โลกไม่ไดแ้ บนและไม่ได้เปน็ ศูนยก์ ลางของจักรวาล แตเ่ ปน็ บริวารทโี่ คจร รอบดวงอาทิตย์ – ด้านการพิมพ์ ในช่วงสมัยนี้ได้มีการคิดค้นการพิมพ์ที่ใช้วิธีการเรียงตัวอักษรได้ สาเร็จเป็น คร้ังแรก โดยโยฮัน กูเตนเบิร์ก ( JOHANNES GUTENBURG : ค.ศ. 1400-1468) ชาว เมืองไมนซ์ (MAINZ) ในเยอรมนี ทาใหร้ าคาหนังสือถูกลงและเผยแพร่ไปได้อยา่ งกว้างขวาง ผลของการฟน้ื ฟูศลิ ปวทิ ยาการ ในสมยั ฟืน้ ฟศู ลิ ปวิทยาการ ศลิ ปกรรมและวิทยาการตา่ งๆ ได้เจรญิ กา้ วหนา้ มากขึ้นส่งผล ใหค้ นยุโรปมี ลักษณะ ดงั น้ี 1. ความสนใจในโลกปัจจุบัน ในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ชาวยุโรปยังคงนับถือศรัทธาใน พระเจ้า แต่ จากการไดร้ บั อิทธพิ ลจากแนวคดิ แบบมนษุ ยนยิ ม ทาให้ชาวยุโรปมีแนวคิดในการ ดาเนินชีวิตในโลกปัจจุบันให้ ดีและสรา้ งสงิ่ ต่างๆ เพอ่ื ความสขุ และความม่ันคงให้แก่ตน ทั้งหมดนี้ สะท้อนในงานศิลปกรรมต่างๆ ที่สร้างขึ้น เพื่อนสนองความพึงพอใจของตนเอง เช่น สร้างบ้าน เรือนอย่างวิจิตรสวยงาม การมีรูปปั้นประดับอาคาร บ้านเรอื น การวาดภาพเหมอื นของมนุษย์ เป็นตน้ 2. ความต้องการแสวงหาความรู้ การท่ีมนุษย์ต้องการหาความรู้และความสะดวกสบาย ให้แก่ชีวิต ทา ให้ตอ้ งมีการคิดสรา้ งสรรคผ์ ลงานและวทิ ยาการต่างๆ ดังนน้ั มนุษย์ในสมยั ฟ้ืนฟู ศลิ ปวทิ ยาการ จึงมีการส่งเสริม และสนับสนุนการศึกษา การคิคค้น การทดลอง การพิพากษ์ วิจารณ์อย่างมีเหตุผล เป็นผลให้วิทยาการด้าน ต่างๆ พัฒนามากขึ้น สภาพสงั คมของมนษุ ย์ในสมยั น้ีคือการต่ืนตัวในการค้นหาความจริงของโลก ทาให้มนุษย์ ต้องการแสวงหาความรู้และสารวจดิน แดนต่างๆ อันนาไปสู่การปฏิรูปศาสนา การสารวจทางทะเล และการ ปฏิวตั ิทางวิทยาศาสตรใ์ น เวลาต่อมา เรอื่ งราวนา่ สนใจ มากๆเลย

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยุคมืดสูค่ วามเจริญแหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 35 บนั ทกึ การทากิจกรรมท่ี 4 การฟ้ืนฟศู ิลปะวิทยาการ สรุปสาระสาคัญ เร่อื ง การฟืน้ ฟศู ิลปะวิทยาการ

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยคุ มดื สู่ความเจริญแห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 36 หน่วยท่ี 2 จากยุคมืดส่คู วามเจรญิ แห่งปญั ญา กจิ กรรมท่ี 5 การสารวจเส้นทางทางทะเล ผลการเรียนรู้ วเิ คราะห์เหตกุ ารณส์ าคัญต่างๆทส่ี ง่ ผลต่อการ เปลยี่ นแปลงทางสังคมเศรษฐกิจและการเมืองเขา้ ส่โู ลก สมัยปัจจุบนั

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยุคมืดสคู่ วามเจริญแหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 37 กจิ กรรมที่ 5 เร่ือง การสารวจเส้นทางทางทะเล จุดประสงคข์ องกจิ กรรม วิเคราะหเ์ หตุการณส์ าคัญต่างๆท่ีส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจและ การเมอื งเขา้ สู่โลกสมัยปัจจบุ ัน สือ่ ในการเรยี นรู้ 1. วดิ ีทัศน์ เรอื่ ง การสารวจเส้นทางการเดนิ เรอื 2. ใบกิจกรรม เรอื่ ง การสารวจเส้นทางทางทะเล 3. ใบความรู้ เร่ือง การสารวจเสน้ ทางทางทะเล วิธีการเรียนรู้ 1. นักเรียนศกึ ษาวดี ิทศั น์ เร่ือง การสารวจเส้นทางทางทะเล 2. ใชก้ ระบวนการตอบคาถามร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น อภิปราย โดยใชใ้ บความรู้ใน การศึกษาหาข้อมลู 3. บันทึกการทากิจกรรม เรือ่ ง การสารวจเสน้ ทางทางทะเล

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 จากยุคมดื สคู่ วามเจริญแห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 38 ใบความรู้ เรอ่ื ง การสารวจเส้นทางทางทะเล การสารวจทางทะเลของยุโรปเรมิ่ ต้นเมือ่ ค.ศ. 1450-1750 ซ่ึงเกดิ ข้นึ ในช่วงเวลาใกล้ เคียงกับยุคฟื้นฟู ศิลปวิทยาการของยุโรป และต่างก็มีบทบาทสาคัญต่อประวัติศาสตร์ยุโรปในยุค ใหม่ กล่าวได้ว่า การฟ้ืนฟู ศลิ ปะวทิ ยาการเปน็ พนื้ ฐานสาคัญทาให้เกิดการสารวจทางทะเล ซึ่งเป็น ผลให้ยุโรปเผยแพร่วัฒนธรรมของตน ไปสู่ภูมิภาคอนื่ ๆ ของโลกไดใ้ นเวลาต่อมา สาเหตขุ องการสารวจทางทะเล มีดงั น้ี 1. การมีวิทยาการที่ก้าวหน้า ในสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ชาวยุโรปได้เร่ิมหันมาสนใจ ศึกษา สิง่ แวดล้อมรอบๆ ตัว และผลจากการติดต่อกับโลกตะวันออกในสมัยสงครามครูเสด รวมท้ัง การขยายตัวของ เมืองในระยะเวลาใกลเ้ คยี งกัน ทาใหช้ าวยโุ รปไดส้ ัมผสั กบั อารยธรรมความเจริญ ของโลกตะวันออกหลายอย่าง โดยเฉพาะทางด้านปรัชญา คณิตศาสตร์ และดาราศาสตร์ ทาให้ ปัญญาชนเริ่มตรวจสอบความรู้ของตนและ ค้นหาคาตอบให้กับตนเองเกี่ยวกับธรรมชาติรอบตัว ซึ่งผลักดันให้ชาวยุโรปหันมาสนใจต่อความลี้ลับของท้อง ทะเลท่ีกั้นระหว่างโลกตะวันออกกับโลก ตะวันตก โดยเฉพาะความรู้ทางภูมิศาสตร์และแผนที่ของโตเลมี (PTOLEMY) นักดาราศาสตร์และ นักคณิตศาสตร์ชาวกรีก ที่แสดงท่ีต้ังของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ดินแดนริม ฝ่ังทะเลคาบสมุทร ไอบีเรีย จนถึงดินแดนฝ่ังทะเลตอนเหนือของทวีปแอฟริกา รวมท้ังดินแดนทางด้าน ตะวันออกท่ีเป็นผืนแผ่นดินใหญ่ถึงอินเดียและจีน นอกจากนี้ความรู้ในการใช้เข็มทิศและการพัฒนารูปทรง และขนาดของเรือให้แข็งแรงทนทานต่อสภาพลมฟ้าอากาศ สามารถที่จะเดินทางไกลได้ดีข้ึน ทาให้ชาติ ตะวนั ตกหลงั่ ไหลส่โู ลกตะวนั ออกอยา่ งกว้างขวาง 2. แรงผลักดันทางด้านการค้า เมื่อพวกมุสลิมสามารถยึดครองกรุงคอนสแตนติโนเปิล และดินแดน จักรวรรดิไบแซนไทต์ได้ทั้งหมดใน ค.ศ. 1453 ทาให้การค้าทางบกระหว่างโลก ตะวันออกกับโลกตะวันตก หยุดชะงัก แต่สนิ ค้าตา่ งๆ จากตะวันออก เช่น ผ้าไหม เคร่ืองเทศยาต่างๆ ยังเป็นที่ต้องการของตลาดตะวันตก ซ่ึงหนทางเดียวท่ีพ่อค้าจะติดต่อค้าขายได้ก็คือ การติดต่อค้าขายทางทะเล ดังน้ันจึงจาเป็นต้องสารวจเส้นทาง ทางทะเล เพ่ือหาเส้นทางตดิ ตอ่ กบั ดนิ แดนต่างๆ ทางตะวันออก 3. แรงผลักดันทางดา้ นศาสนา เนื่องจากความคิดของผู้นาชาติต่างๆ ในขณะนั้นเห็น ว่าการเผยแผ่ คริสต์ศาสนาเป็นกุศลอย่างมาก รวมทั้งต้องการแข่งขันกับชาวมุสลิมท่ีเข้ามาขยายอิทธิพลอยู่ในขณะน้ัน จึงสนบั สนุนให้มกี ารคน้ หาดินแดนใหม่ๆ และเผยแผค่ ริสต์ศาสนาไปพรอ้ มกนั ดว้ ย 4. อิทธิพลของแนวคิดในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ แนวความคิดในสมัยฟ้ืนฟูศิลปวิทยาการ ทาให้ชาว ยุโรปมุ่งหวังที่จะสร้างชื่อเสียงเกียรติยศและความต้องการที่จะเส่ียงโชคเพ่ือชีวิต ท่ีดีกว่า ผลักดันให้ชาวยุโรป เกิดความกล้าหาญที่จะเผชิญกับสิ่งต่างๆ รวมทั้งความกระตือรือร้น ที่จะแสวงหาความรู้ใหม่ๆ และรักการ ผจญภัย เป็นปจั จัยสาคญั ที่ทาให้ชาวยุโรปกลา้ เสย่ี งภัยเดนิ ทางสารวจมหาสมุทรท่กี ว้างใหญ่ไพศาล

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยุคมืดสู่ความเจริญแห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 39 บทบาทของชาติต่างๆ ในการสารวจทางทะเล โปรตุเกส ในคริสต์ศตวรรษท่ี 15 เจา้ ชายเฮนรี นาวิกราช (HENRY THE NAVIGATOR) พระอนุชาของพระเจ้า จอหน์ ที่ 1 (JOHN I) แห่งโปรตเุ กส ไดจ้ ดั ต้ังโรงเรียนราชนาวเี พอื่ เป็น ศูนยก์ ลางการเรยี นรเู้ กี่ยวกับการเดินทาง ทะเล การใช้ เครื่องมือและเทคนิคการสร้างเรือ ซ่ึงส่งผลให้ชาว โปรตุเกสสามารถค้นพบเส้นทางเดินเรือสู่ ดนิ แดนทาง ตะวันออก ได้แก่ –บาร์โธโลมิว ไดแอส (BARTHOLOMEU DIAS) สามารถเดนิ เรอื เลียบชายฝั่งทวปี แอฟริกาผา่ นแหลม กดู๊ โฮป (CAPE OF GOOD HOPE) ได้สาเรจ็ ใน ค.ศ. 1488 ทีม่ า : https://sites.google.com วัสโก ดา กามา (VASCO DA GAMA) แลน่ เรือตาม เส้นทางสารวจของไดแอสจนถงึ ทวีปเอเชีย และสามารถขนึ้ ฝ่ัง ท่เี มืองกาลิกตั (CALICUT) ของอนิ เดียไดเ้ มอ่ื ค.ศ. 1498 ตอ่ มา ชาว โปรตุเกสสามารถควบคมุ เมอื งต่างๆ ทางชายฝ่งั ตะวันออก ของทวปี แอฟริกาและอนิ เดยี ทาง ชายฝ่งั ตะวันตก สามารถยึด เมืองกัว (GOA) ในมหาสมุทรอินเดยี ได้ ทม่ี า : https://sites.google.com

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยคุ มืดสู่ความเจริญแหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 40 สเปน คริสโตเฟอร์ โคลมั บัส (CHRISTOPHER COLUMBUS) ที่มา : https://sites.google.com ค.ศ. 1492 ครสิ โตเฟอร์ โคลัมบัส (CHRISTOPHER COLUMBUS) ชาวเมืองเจนัว (ประเทศอิตาลี) ซ่ึงมีความ เชื่อว่าโลกกลม ได้รับ การสนับสนุนจากกษัตริย์สเปนให้เดินทางข้าม มหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อสารวจ เส้นทางเดนิ เรือ ไปประเทศจนี แตเ่ ขาไดพ้ บหมเู่ กาะเวสตอ์ ินดสี ซ่งึ เปน็ สว่ นหนึ่งของทวีปอเมริกาใต้โดยบังเอิญ ใน ค.ศ. 1492 ซ่งึ ทาใหส้ เปนได้ครอบครองดินแดนส่วนใหญ่ ในอเมรกิ าใตท้ ีอ่ ุดมสมบูรณ์ด้วยแร่เงินและทองคา ในเวลาต่อมา คริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นช่วงการแข่งขันอานาจทางทะเลระหว่างโปรตุเกสและสเปนเพื่อ หาเส้นทาง ไปหมู่เกาะอีสต์อินดีส (EAST INDIES) ซึ่งเป็นแหล่งเคร่ืองเทศและพริกไทย ใน ค.ศ. 1494 สันตะปาปาอเล็ก ซานเดอร์ท่ี 6 (ALEXANDER VI) ได้ให้สเปนและโปรตุเกสทาสนธิสัญญา ทอร์เดซียัส (TREATY OF TORDESILLAS) กาหนดเส้นสมมติแบ่งโลกออกเป็น 2 ส่วน โดยสเปนมีสิทธิ สารวจและยึดครองดินแดน ทางด้านตะวันตกของเส้นเมริเดียนที่ 51 ส่วนโปรตุเกสได้สิทธิทาง ด้านตะวันออกและนาไปสู่การสร้าง จักรวรรดทิ างทะเลของโปรตเุ กสในเอเชีย ในครติ ส์ศตวรรษที่ 16 โปรตุเกสได้ขยายอานาจมาจนถึงเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้และเข้า ยึดครองมะ ละกา ทาให้บรเิ วณคาบสมุทรมลายูและหมู่เกาะอนิ โดนเี ซียตกอยู่ภายใต้อิทธพิ ลของ โปรตเุ กส ค.ศ. 1519 เฟอร์ดินันด์ แมกเจลลัน (FERDINAND MAGELLAN) นักเดินเรือชาวโปรตุเกสโดย ความสนับสนุนจากกษัตริย์สเปน ได้เดินทางไปทางทิศตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติกผ่านช่องแคบที่ ภายหลังตั้งชื่อว่าแมกเจลลันทางตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้ ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก มายังทวีปเอเชีย เขาถูก ชาวพ้ืนเมืองฆ่าตายเม่ือพยายามเผยแผ่คริสต์ศาสนาท่ีเกาะฟิลิปปินส์ แต่ ลูกเรือของเขาสามารถเดินทางกลับ สเปนทางมหาสมทุ รอินเดียไดส้ าเร็จใน ค.ศ. 1522 นบั เป็นเรือ ลาแรกทแ่ี ล่นรอบโลกได้สาเร็จ

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยคุ มดื สู่ความเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 41 ในยุคนี้โปรตุเกสและสเปนกลายเป็นชาติท่ีมีอานาจ มีความม่ังค่ัง ทาให้หลายชาติทาการ สารวจ เส้นทางเดินเรือ การแข่งขันอานาจทางทะเลระหว่างโปรตุเกสกับสเปนยุติลงเม่ือโปรตุเกส ตกอยู่ภายใต้การ ปกครองของสเปนในช่วง ค.ศ. 1580-1640 ฮอลนั ดา เดิมฮอลันดาเคยอยู่ใต้การปกครองของสเปน และทาหน้าท่ีเป็นพ่อค้าคนกลางในการค้า เครื่องเทศ จนกระท่ัง ค.ศ. 1581 ได้แยกตัวเป็นอิสระจากสเปน ทาให้สเปนประกาศปิดท่าเรือ ลิสบอนส่งผลให้ฮอลันดา ไม่สามารถซ้ือเครื่องเทศได้อีก ฮอลันดาจึงต้องหาเส้นทางทางทะเลเพื่อ ซื้อเครื่องเทศโดยตรง ในที่สุด กองทัพเรือของฮอลันดาก็สามารถยึดครองอานาจทางทะเลใน ค.ศ. 1598 และได้จัดต้ังสถานีการค้าในเกาะ ชวา และจัดตงั้ บรษิ ัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดา เพ่ือ ควบคุมการค้าเครื่องเทศ ใน ค.ศ. 1605 เรือดุฟเกน (DUYFKEN) ของฮอลันดา ท่ีเป็นเรือค้นหาเกาะทองคาท่ีเชื่อว่าอยู่ทางทิศใต้และทิศตะวันออกของเกาะชวา ได้ค้นพบทวีปออสเตรเลียเป็นคร้ังแรก และเรียก ทวีปน้ีว่า นิวฮอลแลนด์ (NEW HOLLAND) แต่ใน คริสต์ศตวรรษที่ 18 อังกฤษได้ครอบครองและ เรียกทวีปนี้ว่า ออสเตรเลีย ซึ่งมาจาก AUSTRALIS ในภาษา กรกี แปลวา่ ดนิ แดนทางซกี โลกใต้ องั กฤษ ใน ค.ศ. 1588 กองทัพเรือของอังกฤษทาสงครามชนะกองทัพเรืออาร์มาดา (ARMADA) ของสเปน ทมี่ ีชอื่ เสียงได้ ทาใหอ้ งั กฤษขยายอทิ ธิพลส่ดู ินแดนตะวนั ออก สามารถสลายอานาจทาง ทะเลของโปรตุเกสและ เข้าไปมีอานาจและอิทธิพลในอินเดีย และเป็นคู่แข่งทางการค้ากับฮอลันดา ในคริสต์ศตวรรษท่ี 17 มีเพียง อังกฤษ ฮอลันดา และฝรั่งเศส แข่งขันกันมีอานาจทางทะเลและ แสวงหาอาณานิคม ทั้งนี้ได้มีการทาสงคราม กันหลายคร้ัง ในที่สุดฮอลันดายังคงมีอานาจแถบ มะละกาและควบคุมการค้าเคร่ืองเทศในหมู่เกาะเครื่องเทศ ต่อไป จนถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 อังกฤษกลับเป็นประเทศท่ีมีแสนยานุภาพกลางทะเลเหนือกว่าทุกชาติ โดยได้อาณานิคมในอนิ เดีย อเมรกิ าเหนือ และทวปี ออสเตรเลียท้ังทวปี ผลการสารวจทางทะเล มดี ังน้ี 1. อารยธรรมยุโรปเผยแพร่ไปสู่ดินแดนอื่นๆ ที่ชาวยุโรปเดินทางไปถึงโดยชาวยุโรป ได้สร้างเมืองและ ความเจรญิ ตา่ งๆ เพ่ือใหต้ นสามารถดาเนนิ ชวี ติ ได้ตามแบบท่คี นุ้ เคยจึงเกิดการแพร่กระจายวัฒนธรรมตามแบบ ตะวันตก เช่น ภาษา การแต่งกาย อาหาร ระบบการปกครอง ศิลปกรรม เช่น การก่อสร้างถนน สะพาน สถานที่ราชการ โบสถ์ วหิ าร เป็นตน้ 2. ยุโรปได้รับอารยธรรมจากดินแดนอ่ืนๆ เช่น วิทยาการของชาวตะวันออก เช่น การ เดินเรือ ศิลปะ จีนท่ีเน้นความงดงามของธรรมชาติ อารยธรรมของอิสลาม เช่น คณิตศาสตร์ การ ดื่มชาแบบจีน กาแฟจาก

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ หน่วยที่ 2 จากยุคมดื สู่ความเจริญแห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 42 ตุรกี ยาสูบจากหมู่เกาะเวสต์อินดีส น้าตาลจากบราซิล และมันฝรั่งจาก อเมริกาใต้ ได้มีบทบาทสาคัญต่อการ ดาเนินชวี ติ ของชาวยุโรป 3. เกิดการแพร่กระจายของพันธุ์พืชและพันธ์ุสัตว์ ชาวยุโรปได้นาพันธุ์พืชจากถิ่นกาเนิด ไปยังภูมิภาค อ่ืนๆ เช่น นากาแฟจากดินแดนตะวนั ออกกลางมาปลูกทเี่ กาะชวา ต่อมาได้แพร่ขยาย ไปปลูกยังอเมริกาใต้ ต้น ยางพาราจากบราซิลมาปลูกท่ีอินโดนีเซีย มาเลเซีย ต่อมาได้ขยายมาปลูก ทางภาคใต้ของไทย มันฝรั่งและ ขา้ วโพดจากทวีปอเมรกิ ามาปลกู ในยุโรป ปลูกข้าวโอ๊ตและ ข้าวโพดในทวีปแอฟริกา หัวผักกาดหวานจากทวีป อเมริกามาปลกู ทจี่ นี และนาสัตว์ตา่ งๆ ไปยัง ทวีปอ่ืน เช่น แกะ ไปแพร่พันธุ์ท่ีออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และ นาลา ล่อ วัว แพะ มาเล้ยี งใน อเมริกา เปน็ ต้น 4. เกิดการระบาดของโรคภัยไข้เจ็บ ซ่ึงมาพร้อมๆ กับเรือของชาวยุโรป โรคระบาดที่ สาคัญ เช่น โรคหัดและฝีดาษในอเมริกาเหนือ ไข้เหลืองและไข้มาลาเรียที่มีมากในแอฟริกามาระบาดในอเมริกากลางและ ใต้ เปน็ ต้น 5. ศาสนาคริสต์ได้แผ่ขยายไปในดินแดนต่างๆ ท่ีชาวยุโรปเข้าไปติดต่อค้าขาย หรือ ดินแดนท่ียุโรปได้ เขา้ ยึดครองจัดต้ังเปน็ อาณานิคม ในบางแห่งใช้แบบสันติวิธี โดยบาทหลวงจะทา หน้าที่สั่งสอนให้การศึกษากับ ชาวพน้ื เมอื งและช่วย เหลอื ดา้ นมนุษยธรรม ในบางแหง่ ใชว้ ิธกี ารรนุ แรงบีบบังคับคนพื้นเมืองในบริเวณอเมริกา กลางและอเมริกาใต้ ให้มาเข้ารีตนับถือคริสต์ศาสนา ทาให้ ศาสนาคริสต์เจริญอย่างมั่นคงในดินแดนทวีป อเมริกา และดินแดนตา่ งๆ 6. การเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของยุโรป การขยายตัวทางการค้าทาให้ สมาคมอาชีพ (GUILD) ท่ีมีมาต้ังแต่สมัยกลางล่มสลายลง การค้นพบดินแดนใหม่ส่งผลให้การค้า ขยายตัวอย่างรวดเร็ว นาไปสู่การ ปฏิวัติทางการค้า ประเทศต่างๆ ในตะวันตกต่างใช้นโยบาย แข่งขันทางเศรษฐกิจเป็นหลัก บรรดาพ่อค้าและ นายทุนรวมตัวกันจัดต้ังบริษัทโดยมีกษัตริย์ให้ การสนับสนุนทาการค้าในนามของประเทศ เช่น บริษัทอินเดีย ตะวนั ออกขององั กฤษ บริษทั อินเดยี ตะวนั ออกของฮอลนั ดา เป็นต้น ซ่ึงทาให้บรรดาพ่อค้าและนายทุนมีฐานะ ม่นั คงและกลาย เปน็ บคุ คลชั้นนาทางการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และสงั คมในเวลาตอ่ มา

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยุคมืดสู่ความเจริญแห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 43 บนั ทกึ การทากจิ กรรมที่ 5 กเารรื่อสงารกวจารเสสน้ าทรวางจทเสา้นงททะาเงลทางทะเล คาสง่ั ให้นักเรียนเขียนอธิบายการสารวจเส้นทางการเดินเรือดงั ตอ่ ไปนี้ 1.โปรตุเกส ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................. ............................ ....................................................................................................... ....................................................................... 2. สเปน ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................... ............................................... .................................................................................... .......................................................................................... 3.ฮอลันดา ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 4. อังกฤษ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................ ......

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หน่วยที่ 2 จากยุคมืดสูค่ วามเจริญแห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 44 การสารวจเส้นทางการเดนิ เรอื สง่ ผลต่อโลกปจั จบุ ันอย่างไร ............................................................................................................................. ... ....................................................................................................... ......................... ............................................................................................................................. ... ....................................................................................................... ......................... ............................................................................................................................. ... ....................................................................................................... ......................... ............................................................................................................................. ... ....................................................................................................... ......................... ............................................................................................................................. ... ....................................................................................................... ......................... ............................................................................................................................. ... ....................................................................................................... ......................... ............................................................................................................................. ... ....................................................................................................... ......................... ............................................................................................................................. ... ....................................................................................................... ......................... .

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 จากยุคมดื สู่ความเจริญแหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 45 หนว่ ยท่ี 2 จากยุคมดื สคู่ วามเจริญแห่งปญั ญา เรอื่ ง การปฏิรูปศาสนา กิจกรรมท่ี 6 การปฏริ ปู ศาสนา ผลการเรียนรู้ วิเคราะห์เหตุการณส์ าคัญต่างๆที่สง่ ผลต่อการ เปล่ียนแปลงทางสังคมเศรษฐกจิ และการเมืองเขา้ สู่โลก สมยั ปัจจบุ ัน

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยคุ มดื สูค่ วามเจรญิ แห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 46 กิจกรรมที่ 6 เรื่อง การปฏิรูปศาสนา จดุ ประสงคข์ องกิจกรรม วิเคราะหเ์ หตกุ ารณ์สาคัญต่างๆที่ส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจและ การเมอื งเขา้ สโู่ ลกสมัยปจั จบุ ัน สื่อในการเรียนรู้ 1. วิดีทศั น์ เร่ือง การปฏิรูปศาสนา 2. ใบความรู้ การปฏิรูปศาสนา 3. บนั ทึกกิจกรรม เรอื่ งการปฏิรปู ศาสนา วิธีการเรียนรู้ 1. นักเรียนศึกษาวดี ิทัศน์ เรอ่ื ง การปฏริ ปู ศาสนา 2. ใชก้ ระบวนการตอบคาถาม แสดงความคดิ เหน็ อภปิ รายกลุ่ม 3.บนั ทกึ กิจกรรม เรอื่ งการปฏริ ูปศาสนา