Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1.เอกสารประกอบการสอนรายวิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 นางสุนิษา กัณฑ์แก้ว ภาคเรียนที่ 1.2564

1.เอกสารประกอบการสอนรายวิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 นางสุนิษา กัณฑ์แก้ว ภาคเรียนที่ 1.2564

Published by สุนิษา, 2021-05-15 04:11:21

Description: 1.เอกสารประกอบการสอนรายวิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 นางสุนิษา กัณฑ์แก้ว ภาคเรียนที่ 1.2564

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการสอน วิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 โดย นางสุนษิ า กัณฑแ์ กว้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม

คานา เอกสารประกอบการสอน รายวิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 เล่มนี้ ได้จัดทาข้ึนเพื่อใช้ ประกอบการเรียนการสอนนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4/11-4/16 สาระวิชาเพิ่มเติมโดยเอกสาร ประกอบการสอนเล่มนี้ เป็นเน้ือหาของหน่วยที่ 1 เรื่อง อารยธรรมตะวันออกสมัยโบราณประกอบด้วย 6 เรื่อง ได้แก่ อารยธรรมจีน อารยธรรมอินเดีย อารยธรรมญ่ีปุ่น อารยธรรมอิสลาม อารยธรรมเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ และอารยธรรมเปอรเ์ ซยี แตล่ ะเรอ่ื งประกอบด้วยใบความรู้ ใบงาน และแบบทดสอบ ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารประกอบการสอนเล่มน้ี จะเป็นประโยชน์แก่นักเรียน ในรายวิชา เพมิ่ เตมิ อารยธรรมตะวันออกและรายวิชาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้สนใจท่ัวไป และหากมีข้อผิดพลาด ประการใด ผู้เขียนขอน้อมรับดว้ ยความยินดยี ิง่ และขอขอบคณุ ในความอนุเคราะห์น้ันมา ณ โอกาสน้ีด้วย และจะนาไปปรับปรุงเพ่ือให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษาต่อไป นางสนุ ษิ า กณั ฑ์แกว้ ผูจ้ ัดทา

สารบญั เร่ือง หน้า คาอธิบายรายวิชา 1 ผลการเรยี นรู้ 1 โครงสรา้ งรายวชิ า 2 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 3-7 อารยธรรมจนี สมยั โบราณ  ใบความรูท้ ี่ 1.1 เรื่อง สภาพภมู ิศาสตรท์ ี่ส่งผลตอ่ อารยธรรมจนี 8  ใบความรทู้ ่ี 1.2 เร่ือง ยุคสมัยทางประวัติศาสตรอ์ ารยธรรมจนี 9-19  ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง สภาพภมู ิศาสตร์ที่ส่งผลตอ่ อารยธรรมจีน 20  ใบงานท่ี 1.2 เรือ่ ง ยุคสมยั ทางประวตั ศิ าสตร์อารยธรรมจีน 21  ใบงาน 1.3 เร่อื ง อารยธรรมจีนท่สี ่งผลต่อโลกปจั จุบนั 22  แบบทดสอบ เร่ือง อารยธรรมจนี ยุคโบราณ 23-24 ............................................................................................................................. ....................... อารยธรรมอินเดยี สมัยโบราณ  ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง อารยธรรมอินเดีย 25-31  ใบงานท่ี 2.1 เรื่อง ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์อารยธรรมอินเดีย 32  ใบงานท่ี 2.2 เรือ่ ง สภาพภูมศิ าสตรท์ สี่ ่งผลต่อการสร้างอารยธรรมอนิ เดยี 33  ใบงานท่ี 2.3 เรือ่ ง การรุกรานและพัฒนาการของอารยธรรมอารยนั 34  ใบงานที่ 2.4 เรอื่ ง การรวมตัวกันของอารยธรรมอินเดียสมยั ราชวงศ์ 35  แบบทดสอบ เรือ่ ง อารยธรรมอนิ เดียสมัยโบราณ 36-37 ............................................................................................................................. ....................... อารยธรรมญป่ี นุ่  ใบความรทู้ ี่ 3 เร่อื ง อารยธรรมญี่ปุ่น 38-45  ใบงานท่ี 3.1 เรื่อง ยุคสมัยอารยธรรมญ่ปี ุ่น 46-47  ใบงานที่ 3.2 เรอ่ื ง สภาพภูมิศาสตรท์ ี่ส่งผลตอ่ การสรา้ งอารยธรรมญป่ี ุ่น 48

สารบญั เรอื่ ง หนา้  ใบงานที่ 3.3 เรื่อง พัฒนาการของอารยธรรมญป่ี นุ่ ท่ีมีผลต่อการพัฒนาการ 49 เปลี่ยนแปลงของโลก  แบบทดสอบหลงั เรียน เร่อื ง อารยธรรมญ่ปี ุ่น 50-52 ............................................................................................................... .................................. อารยธรรมเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้  ใบความรทู้ ่ี 4 เรอ่ื ง อารยธรรมเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ 53-67  ใบงานที่ 4.1 เรื่อง เอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ก่อนการรับวัฒนธรรมจากภายนอก 68-69  ใบงานท่ี 4.2 เรอื่ ง อาณาจักรสาคัญในเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ 70-71  ใบงานท่ี 4.3 เร่อื ง อารยธรรมเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ทม่ี ีผลต่อการพัฒนาการ 72 เปล่ยี นแปลงของโลก  แบบทดสอบหลงั เรียน เรอื่ ง อารยธรรมเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ 73 ............................................................................................................................. .......................... อารยธรรมอสิ ลาม  ใบความรู้ท่ี 5 เรือ่ ง อารยธรรมอสิ ลาม 74-92  ใบงานที่ 5.1 เร่ือง กาเนดิ หลกั การและนิกายตา่ งๆในอสิ ลาม 93-94  ใบงานที่ 5.2 เรื่อง มรดกอิสลาม 95  ใบงานท่ี 5.3 อทิ ธิพลของอารยธรรมอสิ ลามที่มผี ลต่อการพฒั นาการ 96 เปลยี่ นแปลงของโลก แบบทดสอบหลงั เรยี น เร่อื ง อารยธรรมอสิ ลาม 97-99 ............................................................................................................................................ .............. อารยธรรมเปอรเ์ ซีย ใบความรทู้ ่ี 6 เรื่อง อารยธรรมเปอร์เซีย 100-105 ใบงานที่ 6.1 เรอื่ ง อารยธรรมเปอรเ์ ซีย 106 แบบทดสอบหลังเรียน เร่อื ง อารยธรรมเปอร์เซีย 107-108 แบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 109-112 บรรณานุกรม ภาคผนวก

เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 1 ส30270 อารยธรรมตะวันออก รายวชิ าเพิม่ เติม กลุม่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ระดับชั้นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หน่วยกติ วิเคราะห์อารยธรรมโลกตะวนั ออกสมยั โบราณ อินเดยี จีน ญี่ปุน่ เปอร์เซยี อสิ ลาม และเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ศึกษาพัฒนาการของปรชั ญาแนวคิดทางการเมือง เศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรมตะวนั ออก ยุคแหง่ ความรุง่ เรืองของปรชั ญาตะวันออก ยคุ แหง่ การเปลี่ยนแปลงสืบเนื่องจากการเข้ามามีอทิ ธพิ ลของอารย ธรรมตะวนั ตกต่อระบบสังคมและแนวคดิ ด้านต่าง ๆ และการปรบั เปลีย่ นตนเองของภมู ภิ าคเอเชยี ต่อกระแส โลกาภิวัตน์ โดยใชว้ ิธีการทางประวตั ศิ าสตรใ์ นการสืบค้นข้อมูล กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ กระบวนการสรา้ งความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการมสี ว่ นรว่ ม เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และสงั คมของโลก ผลกระทบท่ีมตี อ่ ภูมิภาคอ่ืน ๆ ซ่ึงก่อให้เกิดความเป็นสมัยใหม่และความขัดแย้งในส่วนต่าง ๆ ของโลกจนถงึ สมัยโลกาภวิ ตั น์ ผลการเรียนรู้ 1. วิเคราะห์อทิ ธิพลของอารยธรรมโลกตะวันออกสมัยโบราณ ทม่ี ีผลตอ่ พัฒนาการและการ เปล่ยี นแปลงของโลก 2. วเิ คราะห์เหตกุ ารณส์ าคญั ต่างๆทส่ี ง่ ผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม เศรษฐกิจ และการเมือง เขา้ สโู่ ลกสมยั ปัจจุบัน รวมท้ังหมด 2 ผลการเรยี นรู้

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 2 รหสั วชิ า ส30270 โครงสร้างรายวิชา อารยธรรมตะวันออก ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ภาคเรียนท่ี 1 เวลาเรียน 40 ชว่ั โมง คะแนนเตม็ 100 คะแนน ลาดับ ช่ือหน่วย ผลการ สาระการเรียนรู้ เวลา น้าหนัก ที่ การเรยี นรู้ เรยี นรู้ (ชัว่ โมง) คะแนน 1 อารยธรรม 1. วเิ คราะห์ 1.อารยธรรมจนี สมยั โบราณ 20 45 ดินแดน อทิ ธพิ ลของ 2.อารยธรรมอินเดยี สมยั โบราณ ตะวันออก อารยธรรมโลก 3.อารยธรรมญี่ป่นุ ตะวันออก 4.อารยธรรมเปอร์เซีย สมยั โบราณ 5.อารยธรรมอิสลาม ทีม่ ีผลตอ่ 6.อารยธรรมเอเชยี ตะวนั ออก พัฒนาการ เฉียงใต้ และการ เปลี่ยนแปลง ของโลก 2 จักรวรรดวิ ิวัฒน์ 2. วิเคราะห์ 1.บทบาทของชาตติ ะวันตกต่อ 20 55 เหตกุ ารณ์ อนิ เดีย สาคญั ต่างๆที่ 2.จนี กบั การเข้ามาของ ส่งผลตอ่ การ ชาวตะวันตก เปลี่ยนแปลง ทางสงั คม 3.ญี่ปุ่นกบั การพัฒนาชาติสู่ เศรษฐกจิ สมยั ใหม่ และการเมอื ง 4.อิทธพิ ลของตะวันตกในญป่ี ุ่น เข้าสู่โลกสมัย 5.ยุคสมัยใหมใ่ นเอเชยี ปจั จุบัน ตะวนั ออกเฉยี งใต้ รวม 40 100

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 3 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง อารยธรรมแดนตะวันออก วิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ผลการเรยี นรู้ : ออก คาส่งั ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบท่ถี ูกท่สี ุดเพยี งขอ้ เดียว 1. เมอ่ื จนี เขา้ สู่ยคุ ประวตั ิศาสตร์เมอ่ื ใด ก. เม่ือมอี ักษรคูนิฟอร์ม ข. เมือ่ มี อกั ษรเฮยี โรกราฟฟิก ค. บันทึกบนฝาผนงั ตามถ้าต่างๆ ง. เมือ่ มีการบนั ทึกบนกระดองเตา่ 2.เสน้ ทางสายไหม (Silk Road )คืออะไร ก. เสน้ ทางการคา้ ไหม ข. เส้นทางการเดนิ ทัพในการรบ ค. เสน้ ทางการพักรบ ในการทาสงคราม ง. เสน้ ทางแลกเปลีย่ นการคา้ และวัฒนธรรม 3.ระบบฟาเจีย หรอื ระบบนิตนิ ยิ ม คืออะไร ก. เปน็ ระบบท่ีให้ความยตุ ธิ รรมแก่คนในสงั คม ข. ระบบการคา้ ชง่ั ตวง วดั มี่มีมาตรฐาน ค.เป็นวฒั นธรรมทีส่ าคญั ของคนจนี ทีส่ ืบทอดมาจนถงึ ปัจจุบัน ง. มกี ฎหมายเป็นเคร่ืองกาหนดพฤติกรรมของคนในสังคมให้รางวลั และมีการลงโทษอยา่ งรุนแรง 4.เหตกุ ารณ์ใดต่อไปนี้ไม่ได้เกิดข้ึนในสมัยราชวงศ์ฮน่ั ก. อารยธรรมจนี เผยแผไ่ ปยัง เกาหลีและเวยี ดนาม ข. เกดิ การสอบข้าราชการที่เรยี กวา่ จอหงวน ค. เกิดการก่อสรา้ งกาแพงเมอื งจนี ทีย่ ่ิงใหญ่ ง. เกิดเสน้ ทางสายไหมทเ่ี จรญิ รุง่ เรือง

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 4 5.จากการที่ประเทศอินเดียเป็นแหล่งอารยธรรมโลกข้อใดเป็นขอ้ มูลทส่ี นับสนุนขอ้ ความดังกล่าวท่ี สาคญั ที่สุด ก. เพราะอนิ เดียมีพ้นื ทีก่ ว้างใหญ่ง่ายต่อการพฒั นา ข. เพราะชาวอารยันเขา้ มามีบทบาทต่อการต้ังถน่ิ ฐานและพัฒนาประวตั ิศาสตร์อนิ เดีย ค. เพราะอนิ เดยี มีแมน่ ้าคงคา –สนิ ธุ ท่ีมีความอุดม สมบูรณ์ที่เป็นตัวแปรต่อการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ในยุคโบราณ ง. เพราะอินเดยี มีสิ่งปลูกสร้างที่ยง่ิ ใหญ่ คือ ทัชมาฮาล 1 ใน 7 สิ่งมหสั จรรย์ของโลก 6. ขอ้ ใดที่มวี รรณะทง้ั 4 ครบในสงั คมอนิ เดยี ก. กษตั รยิ ์ พราหมณ์ ศูทร แพศ ข. กษตั รยิ ์ พราหมณ์ แพศ ศูทร ค. กษตั ริย์ แพศ พราหมณ์ ศูทร ง. กษตั รยิ ์ ศทู รแพศ พราหมณ์ 7. ภาพนี้คอื อะไร มีความสาคญั อย่างไร ก. เสาอโสก : สรา้ งขน้ึ ในสมัยราชวงศ์โมรยิ ะเพื่อเปน็ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา ข. เสาอโสก : เป็นอนสุ รณ์สถานแหง่ การชนะสงคราม ค. ทชั มาฮาล : สรา้ งขึน้ เพอ่ื เปน็ อนุสรณ์แห่งความรักโดยสมเดจ็ พระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโมกลุ ผู้มรี กั ม่นั คงต่อพระมเหสขี องพระองค์ ง. สถูปเมืองสาญจี : เป็นมหาวิทยาลยั ทีม่ ชี ่ือเสียงในสมัยพทุ ธกาล 8. ยคุ ทองของอินเดยี ตรงกบั สมยั ใด ก. ราชวงศโ์ มริยะ ข. ราชวงศก์ ุษานะ ค. ราชวงศ์คุปตะ ง. ราชวงศโ์ มกุล 9. ญี่ปุน่ สมยั เร่มิ แรกไดม้ ีการปฏริ ูปการเมอื งการปกครองโดยได้รับอิทธพิ ลจากทใ่ี ด ก.จนี สมยั ราชวงศถ์ ังและราชวงศ์สยุ ข. จนี สมัยราชวงศห์ ยวน ค. จีนสมยั ราชวงศ์ฮนั่ ง. จีนสมยั ราชวงศ์หมิง

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 5 10. ทาไมญีป่ นุ่ ต้องปดิ ประเทศในยุคเอโดะ๊ ก. การหล่ังไหลเขา้ มาของชาวยโุ รปมีผลกระทบต่อญี่ปนุ่ ข. คณะผสู้ อนศาสนาทาใหช้ าวญีป่ ุ่นเปลี่ยนศาสนากันมาก ค. ความตอ้ งการของชาวยโุ รปในการเรียนรูว้ ัฒนธรรมของชาวญีป่ ุ่น ง. ถูกทกุ ข้อ 11. ระบอบศกั ดนิ าในญปี่ ุน่ คือข้อใด ก. การปกครองของโชกุน ข. ประชาชนดารงชีวิตแบบอิสระ ค. ซามไู รคือ บคุ คลท่ไี ร้ศกั ดนิ า ง. หวั หนา้ ตระกลู มินะโมะโตะมีอานาจของจักรพรรดิ 12.บชู ิโด เป็นวถิ ีชวี ติ ของใคร ก. ตระกลู มินาโมะโตะ ข. ซามูไร ค. ตระกูลโฮโจ ง. โชกนุ 13. อารยธรรมเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตห้ มายถงึ อารยธรรมท่เี กิดบริเวณใด ก.แผน่ ดินบนเกาะสมุ าตรา ข. แผ่นดินบนเกาะชวา ค. แผ่นดนิ ไทย-เวยี ดนาม ง.แผน่ ดนิ ท่อี ยู่ระหว่างอินเดยี และจีน 14. อารยธรรมอนิ เดยี เขา้ มาผสมผสานกบั อารยธรรมดง้ั เดิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใตอ้ ย่างไร ก. การยอมรบั นบั ถือศาสนาพราหมณ์ ฮินดู สังเกตจากศิวลงึ ค์ที่แสดงถึงความอุดมสมบรู ณ์ ข. มกี ารนาตวั อกั ษรมาใช้โดยเฉพาะภาษาบาลี และอกั ษรคพู ี ค. มกี ารนาสถาปตั ยกรรมทม่ี ลี ักษณะหลังคาโค้งมน มาสร้างศาสนสถาน ง. มีการนาการปกครองแบบพ่อปกครองลกู มาใช้ในการควบคุมสมาชิกคนในสังคม 15.การท่ีอารยธรรมจีนเขา้ มาเผยแพร่ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ได้อย่างไร ก. การค้า ข. เผยแพร่ศาสนา ค. สงคราม ง. ลทั ธิความเชอ่ื ของชาวจนี 16. การคน้ พบหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ชน้ิ ใดที่เป็นการสะท้อนใหเ้ ห็นถงึ ความเชอื่ เกี่ยวกับความตาย ของมนุษย์ ก. การปลกู สรา้ งศาลไว้ท่ีสูง ข. ทาพธิ บี ูชาบรรพบรุ ุษมี ค. การต้งั ไหหิน โกศหนิ และหนิ ตั้ง ง. พระหรือนักบวชตอ้ งปฏิบตั ติ นอยา่ งเคร่งครดั

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 6 17. ในทัศนะอิสลามตามข้อใดทมี่ คี วามสัมพนั ธ์กบั การแปลความท่เี รยี กว่า สันติ ก. การยอมตามและจงรักภกั ดตี อ่ พระเจา้ เพียงองค์เดียว ข. การยอมรับในหลักการและถือเป็นแนวปฏบิ ัติ ค. การอดทนต่อสภาพท่ีถูกกาหนด ง. การเคารพในหลกั ศรัทธา 18. อารยธรรมอิสลามส่งผลต่อโลกในปจั จบุ นั ตามข้อใด ก. เมืองหลวงท่ีมชี ่อื วา่ คอนสแตนตโิ นเปลิ (The City of Constantine) ข. อารยธรรมที่รักสันติ ภายใต้รม่ เงาของสันตภิ าพเกิดการก่อสรา้ ง การประดิษฐ์ และการบรู ณะภายใตส้ ันตภิ าพ ค. การเขียนประวัติศาสตร์เป็นชาตแิ รกในโลกท่เี ร่ิมศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ตามแบบวธิ ีการทาง ประวัติศาสตร์ ง. การสร้างสถาปตั ยกรรมแบบโรมาเนสก์ 19. ความเจริญของเปอรเ์ ซียดไู ดจ้ ากสงิ่ ใด ก. มีแม่น้าทีอ่ ุดมสมบรู ณ์ไหลผา่ น ข. ทะเลทรายที่ล้อมรอบด้วยโอเอซิส ค. กษตั รยิ ์มคี วามเข้มแขง็ สามารถทางดา้ นการรบ ง. “ศาสนาโซโรอสั เตอร์” (Zoroaster) 20. ข้อใดที่ชใ้ี หเ้ ห็นถึงอารยธรรรมเปอร์เซยี ที่ส่งผลต่อโลกปัจจบุ นั ก. การแกะสลกั หัวเสาเปน็ รปู สตั วต์ า่ งๆ มีความสวยงามและประณีต ข. ทาโครงเพดาน มีการตกแต่งหัวเสาและแกะเสาเป็นรอ่ งคล้ายของกรกี ค. ประตมิ ากรรมท่ีนิยมคอื แบบนนู ต่าโดยเฉพาะการแกะสลกั ฐานบนั ไดกาแพง หรือฝาผนงั ง. ถกู ทุกข้อ

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 7 -บนั ทึกเพมิ่ เตมิ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………..

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 8 ใบความรู้ที่ 1.1 เรื่อง สภาพภมู ศิ าสตรท์ ี่ส่งผลต่อการสรา้ งอารยธรรมจนี วชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ผลการเรียนรู้ : วิเคราะห์อิทธพิ ลของอารยธรรมโลกตะวนั ออกสมัยโบราณ ท่มี ีผลต่อพฒั นาการ และการเปลยี่ นแปลงของโลก จีนเป็นดินแดนทมี่ คี วามกวา้ งใหญ่และอุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้าฮวงโห หรือแม่น้าเหลืองในภาคเหนือ ของจีน ในบริเวณลุ่มแม่น้าฮวงโห เป็นที่ราบที่อุดมสมบูรณ์เนื่องจากมีดินสีเหลือง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อ การเกษตร ในหน้าน้าจะมีน้าเอ่อลน้ และพัดดินตะกอนมาทับถมท้าให้ท่ีราบริมแม่น้ามีความอุดมสมบูรณ์ แตก่ ็ทา้ ให้เกิดน้าทว่ มอยูเ่ สมอ สว่ นลกั ษณะภูมิอากาศเปน็ เขตอบอนุ่ ปริมาณฝนในหน้าแล้งมีน้อยจึงมีน้า ไมเ่ พยี งพอ ตอ้ งอาศัยน้าจากแม่น้าเป็นส้าคัญ ปัจจัยดังกล่าวจึงท้าให้ชาวจีนต้องมาอยู่รวมกันเป็นชุมชน และสร้างระบบชลประทานขึน้ ด้วยการขุดคลองเพ่ือระบายน้าในขณะท่ีน้าเอ่อล้น และทดน้าและกักเก็บ นา้ ไว้ใชใ้ นฤดแู ล้ง สว่ นทรัพยากรธรรมชาติบริเวณลุ่มแม่น้าฮวงโหมีปุาไม้และแร่ธาตุท่ีส้าคัญ เช่น ถ่าน หินเหล็ก ตะกั่ว ทองแดง จากสภาพภูมิศาสตร์นี้ท้าให้ชาวจีนสร้างสรรค์อารยธรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อ เอาชนะธรรมชาติ เช่น การค้านวณฤดู การควบคุมอุทกภัย ซึ่งชาวจีนได้น้าทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ ประโยชน์ต้ังแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และก่อให้เกิดการรวมตัวเป็นชุมชน มีการเกณฑ์แรงงานเพ่ือ ควบคุมระบบชลประทานภายใต้ผู้น้าชุมชน ซึ่งต่อมากลายเป็นชนช้ันปกครองและระบบกษัตริย์ นอกจากน้ีลกั ษณะท่ีต้ังของจีนมีปราการธรรมชาติ คือ ทางตะวันออกมีมหาสมุทรแปซิฟิก ทางใต้ เตม็ ไปด้วยภเู ขาและปาุ ดบิ ร้อน ส่วนทางตะวนั ตกและทางเหนอื ก็เป็นทงุ่ หญ้าทะเลทรายและภูเขา มีส่วน ชว่ ยให้ อารยธรรมจีนคงอยมู่ าตอ่ เนอ่ื งยาวนานโดยไดร้ บั อิทธิพลจากภายนอกน้อยมาก ท่ีมาhttps://panupong088.wordpress.com

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 9 ใบความร้ทู ี่ 1.2 เรอ่ื ง ยคุ สมัยทางประวตั ศิ าสตร์อารยธรรมจนี วชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ผลการเรียนรู้ : วิเคราะหอ์ ทิ ธพิ ลของอารยธรรมโลกตะวันออกสมัยโบราณ ท่ีมีผลต่อพัฒนาการ และการเปลี่ยนแปลงของโลก 1.สมยั กอ่ นประวตั ิศาสตร์ มีการค้นพบโครงกระดูกของมนุษย์ปักกิ่ง ลักษณะคล้ายกับโครงกระดูกของชาวจีนในปัจจุบัน มีการค้นพบเครื่องมือเคร่ืองใช้ท่ีท้าจากหินแบบหยาบ ครองชีพโดยการล่าสัตว์ โดยมีการค้นพบแหล่ง โบราณคดี 2 แหล่ง คอื 1. วัฒนธรรมหยางเชา ลักษณะส้าคัญ คือ เคร่ืองปั้นดินเผาลายเขียนสีจ้านวนมาก ลายที่มัก เขียนเป็นลายเรขาคณิต พืช นก สัตว์ต่างๆ และภาพใบหน้ามนุษย์ สีท่ีใช้เป็นสีด้าหรือสีม่วงเข้มซ่ึงสืบ ทอดมาถงึ สมัยส้าริดและสมยั ประวัตศิ าสตร์ แบบจ้าลองทอ่ี ยอู่ าศัยในวฒั นธรรมหยางเชา ทมี่ า https://panupong088.wordpress.com เครอ่ื งป้ันดินเผาในวฒั นธรรมหยางเชา ท่มี า https://sites.google.com

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 10 2. วัฒนธรรมหลงชาน ลักษณะส้าคัญ คือ เคร่ืองป้ันดินเผามีเน้ือละเอียด สีด้าขัดเงา คุณภาพดี เนื้อบาง และแกร่ง แสดงว่ามีการใช้แปูนหมุน และมีวิธีการเผาที่ก้าวหน้ากว่าอารยธรรมหยางเชา รูปแบบของ ภาชนะดินเผาที่สา้ คัญ คอื ภาชนะ 3 ขา ซง่ึ สืบทอดต่อมาในยุคส้าริด หมอ้ 3 ขาในวฒั นธรรมหลงซาน ที่มา https://sites.google.com 2.สมัยประวัตศิ าสตรจ์ นี 2.1 ยุคโบราณ เปน็ ทเี่ ลา่ ขานสืบทอดกันมาในหมู่ชาวจีนวา่ ตนเองเปน็ ลกู หลาน เหยยี นต้ี และ หวงตี้ เมอื่ ประมาณ 4,000 ปีมาแลว้ และยงั เช่ือเช่นน้ันจวบจนปัจจุบันราชวงศเ์ ซย่ี (2100-1600 ปกี ่อนครสิ ต์ศกั ราช) เลา่ กนั ว่าในสมยั เหยานน้ั แมน่ ้าหวงเหอ เกิดอทุ กภยั นา้ หลากเข้าท้าลายบา้ นเมอื ง ทา้ ให้ชาวบ้านตอ้ งอพยพไป อาศัยอยู่บนต้นไม้หรอื บนยอดเขาเท่านั้น ซ่ึงภายหลังพระเจ้าอวี่ ใชเ้ วลา 13 ปใี นการแกป้ ัญหาอทุ กภยั นส้ี ้าเร็จ และได้รับขนานนามว่า ต้า-ยว่ี ปกครองจนี ในชว่ ง 2100-1600 ปีก่อนครสิ ตกาล (1557-1057 ปี ก่อน พ.ศ.) มีอ้านาจอยแู่ ถบมณฑลชานสใี นปัจจบุ ัน ใกลล้ มุ่ น้าเหลอื ง กษัตริย์เซี่ยองค์แรกคือ พระเจ้าอว่ี เร่มิ ประเพณีการสืบราชสมบัตติ ามสายโลหิต ในระยะแรกสืบจากพ่มี าสูน่ ้อง สมยั ราชวงศเ์ ซย่ี มีหลกั ฐานวา่ ผปู้ กครองมักเป็นหวั หน้าทางศาสนาหรือมหี น้าทท่ี า้ ปฏทิ นิ ดว้ ย แต่ต่อมาความส้าคัญทาง ศาสนาหรือความเชอ่ื เรอ่ื งน้ีเส่ือมลงไป เม่ือพระเจ้าอวี่ข้ึนครองราชย์และสถาปนาราชวงศ์น้ี ในปีท่ี 2070 ก่อนคริสตกาล ยังยึดหลักการ สละราชบัลลังกต์ ามแบบประเพณีนิยมของพระเจ้าเหยาและพระเจา้ ซุน่ แก่ผู้ท่ีมีความสามารถ โดยเตรียมให้ อี้ ผูช้ ว่ ยรบั ช่วงสบื ราชสมบตั ิ แตห่ วั หนา้ เผา่ ตา่ งๆสนบั สนุน ฉ่ี โอรสของพระเจ้าอว่ี ซ่ึงเป็นผู้ทรงคุณธรรม และ มีความสามารถอีกคนหนึ่ง จึงได้สืบทอดอ้านาจต่อจากพระบิดา ด้วยการสถาปนาราชวงศ์เซี่ยขึ้น นับเป็นคร้ังแรกท่ีต้าแหน่งเจ้าผู้ครองราชย์เป็นการ สืบสันตติวงศ์ โดยการสืบทอดสมบัติจากพ่อสู่ลูก พ่ีส่นู อ้ งไปเรื่อยๆ การสืบทอดแบบน้ีท้าให้เกิดลกั ษณะการปกครองประเทศด้วยวงศ์สกุลเดียวขึ้นเป็นคร้ัง แรกในประเทศจนี

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 11  ราชวงศเ์ ซยี่ มีประวัติยาวนานเกือบ 500 ปี มีกษัตริย์ปกครองทั้งสิ้น 17 องค์ จนกระทั่งพระเจ้าเจ๋ีย ซ่ึงมี นิสัยโหดรา้ ย ไร้คณุ ธรรม จึงเปน็ ทเี่ กลยี ดชงั ของประชาราษฎร์ ผูน้ ้าเผ่าซาง ช่อื ทงั ผนึกก้าลังกับเผ่าต่างๆ ท้าสงครามขบั ไล่พระเจ้าเจ๋ียและเอาชนะได้ที่ หมิงเถียว (ต้ังอยู่บริเวณใกล้เมืองไคฟง มณฑลเหอ หนาน ในปัจจุบัน) พระเจ้าเจ๋ียหนีและสิ้นพระชนม์ท่ีหนานเฉา (อ้าเภอเฉาเซ่ียน มณฑลอานฮุยในปัจจุบัน) ราชวงศ์เซ่ยี จงึ ล่มสลายอย่างสมบูรณ์ ราชวงศซ์ าง (1600-1046 ปกี อ่ นครสิ ต์ศกั ราช) ราชวงศซ์ างมีอ้านาจอยู่ประมาณ 550 ปี คือ ตั้งแต่ 1600-1046 ปีก่อนคริสต์ศักราช (1057-503 ปีก่อนพ.ศ.) ในช่วงนี้เริ่มมีการก่อตั้งกองทหาร, ข้าราชการและมีการลงโทษตามกฎหมาย มีกษัตริย์ ปกครอง ท้งั สน้ิ 31 พระองค์ เม่อื พระเจ้าเจี๋ยแหง่ ราชวงศเ์ ซีย่ ซึง่ ไรค้ ณุ ธรรมสร้างความเกลียดชังแก่คนทั้ง แผ่นดินเพ่ิมขึ้น จนกระท่ังเปิดโอกาสให้ผู้ท่ีมิชอบพฤติกรรมของพระองค์ รวมตัวกันเป็นกองก้าลังเพ่ือ ต่อต้านการปกครองของเจ้าแผ่นดิน ทัง มีอ้านาจอยู่แถบเมืองซางได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าเผ่า ต่างๆจึงใช้ก้าลังพลและอาวุธโค่นล้มการปกครองของราชวงศ์เซ่ีย แล้วสถาปนาราชวงศ์ซางขึ้น โดยต้ัง เมืองหลวงท่ี เมืองปั๋ว (อ้าเภอเฉาเซ่ียน มณฑลซานตงปัจจุบัน) เนื่องจากทังเป็นชนชั้นสูงในราชวงศ์เซี่ย มาก่อน จงึ ถือวา่ เป็นการปฏิวัตขิ องชนชั้นสงู ครง้ั แรกในประวตั ศิ าสตร์จีน นอกจากน้ันยุคน้ียังเร่ิมมีการใช้ ภาชนะส้ารดิ อยา่ งแพรห่ ลายโดยเฉพาะประเภท ถ้วยสุรา มีดวงพระจนั ทร์ กลองส้ารดิ ซ่งึ มีการขุดค้นพบ เป็นหลักฐานกนั มาก การครองราชย์ช่วงแรกของพระเจ้าซางทังและทายาท บ้านเมืองมีความร่มเย็นเป็นสุขจนกระท่ัง ไปถงึ พระเจ้าโจวหวัง ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์นี้เป็นผู้เห้ียมโหด ขูดรีดเงินทองจากราษฎร อย่างหนักเพื่อสร้างอุทยานแห่งใหม่ (สระสุรา,ปุานารี) และลงโทษทัณฑ์แก่ผู้ต่อต้านนโยบายหรือสร้าง ความขัดเคืองใจด้วยการประหารชีวิต เหล่าขุนนางเสพสุขบนความทุกข์ของราษฎรโดยเจ้าแผ่นดินไม่ เหลียวแล จึงสร้างแรงกดดันและเกิดการรวมตัวของ (นาจา เจียงจื่อหยา เอ้อหลางฯ) และ พวกเผ่าโจ วซ่ึงอาศัยบนที่ราบสูงและมีก้าลังเข้มแข็ง โดยผู้น้า ชื่อ จีฟา ได้รวมก้าลังพลกับเผ่าอื่นที่ประสบความ เดือดร้อนเพ่ือโจมตีกองทัพของพระเจ้าโจ้วหวังซ่ึงแตกพ่ายแพ้ยับเยินที่ มู่เหยีย พระเจ้าโจ้วหวังต้องฆ่า ตัวตายด้วยการเผาตัวเอง ราชวงศ์ซางจึงล่มสลายลงแล้วสถาปนาราชวงศ์โจวปกครองแผ่นดินแทน ราชวงศซ์ างเมอื่ ประมาณ 1046 ปีกอ่ นคริสตกาล ราชวงศ์โจว (1046-256 ปกี อ่ นคริสต์ศักราช) นักประวัติศาสตร์จีนแบ่งราชวงศ์โจวออกเป็น ราชวงศ์โจวตะวันตก และ ราชวงศ์โจวตะวันออก ซึ่งมรี ะยะครองแผ่นดนิ ต่อเนือ่ งกนั 790 ปี (ยาวนานทสี่ ุดในจีน) แต่มีการย้ายเมืองหลวงหลังจากแพ้ชนะ กัน จึงแบง่ ราชวงศน์ ี้ด้วยทศิ ทางของเมอื งหลวงเป็นหลกั

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 12 ราชวงศ์โจวตะวันตก (1046-771 ปีกอ่ นครสิ ต์ศักราช) ราชวงศ์โจวตะวันตก เผ่าโจวเป็นเผ่าเก่าแก่และใช้แซ่ จี โดยอาศัยแถบลุ่มน้าเว่ยเหอ ต่อมาย้าย ถนิ่ ไปอยู่ ฉซี าน (ด้านเหนอื อา้ เภอฉซี าน มณฑลฉา่ นซีปัจจุบัน) ซ่ึงมีความอุดมสมบูรณ์ด้านการเพาะปลูก มากกว่า แล้วเรียกตนเองว่า ชาวโจว ผู้น้าเผ่าทุกรุ่นต่างปรับปรุงโครงสร้างเผ่า ก่อสร้างบ้านเรือน และ ก้าหนดตา้ แหนง่ ขุนนาง ทา้ ให้มลี ักษณะของชาติรฐั ชดั ขึ้น เมอื่ ผนู้ า้ นามวา่ จฟี า ทา้ ลายราชวงศ์ซางส้าเร็จ แล้ว จึงสถาปนาราชวงศ์โจวข้ึนปกครองแผ่นดิน และเปล่ียนพระนามเป็น พระเจ้าโจวอู่หวัง แล้วสร้าง เมืองหลวงใหม่ที่ เมืองเฮ่า (ด้านตะวันตกอ้าเภอฉางอาน มณฑลส่านซีปัจจุบัน) นักประวัติศาสตร์เรียก แผ่นดินโจวช่วงนี้ว่า ราชวงศ์โจว ตะวันตก นอกจากนั้นยังริเร่ิมปูนบ้าเหน็จความชอบด้วยท่ีดินและ ทรพั ยส์ นิ แก่ขนุ นางซ่ึงสร้างความชอบแกแ่ ผ่นดนิ หรือเจ้าแผ่นดนิ เป็นคร้งั แรกดว้ ย ราชวงศ์โจว ตราระบบสืบสายวงศ์ขึ้นใช้อย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก โดยก้าหนดว่า ต้าแหน่ง กษัตริย์หรือเจ้านครรัฐต่างๆต้องสืบทอดเฉพาะบุตรคนโตของภรรยาเอกเท่าน้ัน บุตรท่ีเหลือจะรับการ แต่งตัง้ ในตา้ แหนง่ ตา่้ ลงไป การสบื ทอดชดั เจนนีส้ ร้างความมนั่ คงแก่ราชวงศ์ย่ิงข้ึน เมือ่ ล่วงถงึ สมัยของพระเจา้ โจวโยวหวัง เมืองเฮา่ ซงึ่ เป็นเมอื งหลวงเกิดแผ่นดินไหวร้ายแรงเกิดโรค ระบาด ประชาชนล้าบากยากแค้นโดยกษัตริย์ไม่สนใจไยดี กลับลุ่มหลงสุรานารีและความบันเทิงหรูหรา สว่ นขนุ นางประจบสอพลอ ไม่ท้างานตามหน้าท่ี ท้าให้เจ้านครรัฐบางคนรวมตัวกับชนเผ่าเฉวี่ยนหรงเข้า โจมตแี ละปลงพระชนม์กษัตรยิ ์ ถือเป็นจุดส้ินสดุ อาณาจักรโจวตะวันตก ยุคชนุ ชวิ (770-256 ปกี ่อนครสิ ต์ศักราช) หลงั จากอาณาจกั รโจวตะวนั ตกของพระโจวโยวหวังล่มสลายลงโดยความร่วมมือของเจ้านคร รฐั บางคนกับเผา่ เฉวย่ี นหรงแล้ว พวกเขาสถาปนารชั ทายาท อี้จว้ิ ขน้ึ เป็นกษัตริย์องค์ใหม่ทรงพระนามว่า พระเจ้าโจว ผิงหวัง แล้วย้ายไปตั้งเมืองหลวงใหม่ท่ี เมืองลั่วอ้ี เนื่องจากเมืองเฮ่าได้รับความเสียหายจาก เพลงิ ไหมอ้ ย่างมาก นักประวัติศาสตร์เรียกช่วงการครองอ้านาจของราชวงศ์นี้ว่า ยุคชุนชิว (Spring and Autumn Period) ซึง่ มีสงครามแยง่ ชงิ ความเป็นใหญข่ องเจ้านครรัฐตา่ งๆเปน็ ระยะเพอื่ ความเป็นเจ้าผู้น้า นครรฐั ยคุ นเ้ี ริม่ ตน้ ในปี 770 กอ่ นค.ศ. (227 ปกี ่อนพ.ศ.) รัชสมยั พระเจ้าโจวผงิ หวัง ถึง ปี 476 ก่อนค.ศ. (67 ปีกอ่ นพ.ศ.) หรอื ปีท่ี 44 สมยั พระเจ้าโจวจิ้งหวงั ยุคเลยี ดก๊ก ต้นยุคชุนชิวแผ่นดินจีนมีประมาณสองร้อยนครรัฐ แต่สงครามแย่งชิงอ้านาจหรือแผ่ขยาย อิทธิพลต่างผนวกดินแดนต่างๆเข้ากับรัฐผู้ชนะจนกระทั่งเหลือเพียงรัฐใหญ่ เจ็ดรัฐมหาอ้านาจในตอน ปลายยุคชุนชิวนักประวัติศาสตร์จีนเรียกว่า เจ็ดมหานครรัฐแห่งยุคจั้นก๋ัว ได้แก่ รัฐฉี , รัฐฉู่ , รัฐเยียน , รัฐหาน , รัฐเจ้า , รัฐเว่ย , และรัฐฉิน ยุคสมัยน้ีมีสงครามดุเดือดระหว่างรัฐต่อเนื่อง รัฐฉินกับรัฐฉีได้รับ การขนานนามเป็นสองรัฐมหาอ้านาจฟากตะวันออกและฟากตะวันตก ซ่ึงถือเป็นดุลอ้านาจต่อกัน ยุคน้ี สิ้นสุดโดยการขึ้นครองอ้านาจของ อิ๋งเจิ้ง แห่งรัฐฉิน หรือที่รู้จักกันในนาม ฉินสื่อหวงตี้ (พระเจ้าฉินสื่อ หวงตี)้ โดยถือเปน็ จักรพรรดอิ งคแ์ รกของจีน

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 13 2.2 สมยั ราชวงศ์และจกั รวรรดิ 1. ราชวงศฉ์ ิน (221-206 ปกี ่อนคริสต์ศกั ราช) จนี ยุคจักรวรรดิ นักประวัติศาสตร์นิยมเรียกประวัติศาสตร์จีนต้ังแต่ ราชวงศ์ฉิน ถึง ราชวงศ์ชิง ว่าเป็นจีนยุค จกั รวรรดิ ถึงแมว้ ่าราชวงศ์ฉินจะมอี ายเุ พียงแค่ 12 ปี แตพ่ ระองค์ไดว้ างรากฐานส้าคัญของอารยธรรมชน เผ่าฮน่ั ไว้เปน็ จา้ นวนมาก เมอื งหลวงตั้งอยู่ที่เสียนหยาง (บริเวณเมืองซีอานปัจจุบัน) พระเจ้าฉินส่ือหวงตี้ ต้องการบังคับประชาชนให้ใช้มาตรฐานที่ก้าหนดข้ึนอย่างรวดเร็วเพื่อให้ การรวมประเทศสมบูรณ์ จึงเลือกใช้วิธคี ่อนข้างบีบคั้นและรุนแรงด้วยการประหารเหล่าปัญญาชนที่ต่อต้านค้าส่ังของพระองค์และ สานุศิษย์ขงจื๊อ นอกจากนั้นยังออกค้าสั่งเผาหนังสือในความครอบครองของขุนนางและชาวบ้านซ่ึงมิใช่ มาตรฐานของพระองคท์ ัง้ หมด แล้วเร่งเผยแพร่มาตรฐานของแผน่ ดนิ โดยเรว็ สิ่งก่อสร้างท่ีส้าคัญของราชวงศ์ฉินคือ ก้าแพงเมืองจีน ซ่ึงเป็นการต่อแนวก้าแพงเก่าให้เป็น ปกึ แผน่ ฉินซีฮ่องเต้สร้างแนวปกกันพวกปุาเถื่อนจากทางเหนือโดยการสร้างก้าแพงต่อเช่ือมก้าแพงเดิม ที่อยู่เดิม จากการก่อสร้างของรัฐต่าง ๆ สมัยจ้านก๊ัว การก่อสร้างนี้ท้าให้กลายเป็นก้าแพงขนาดยาวนับ หม่ืนล้ี จึงเรียกก้าแพงนี้ว่า “ก้าแพงหม่ืนลี้” ผลงานอ่ืนๆ ได้แก่ระบบกฎหมาย การเขียนหนังสือ ระบบเงินตรา เป็นตน้ ฉินซีฮ่องเต้เปิดศึกกับกษัตริย์ของรัฐ ท้ัง 6 ประเทศในลุ่มน้าเหลือง คือ หาน จ้าว เว้ย ฉู่ เยียน และฉี ในทสี่ ดุ การผนึกรวมรัฐต่างๆเป็นมหาอ้านาจทาง ทหาร เศรษฐกิจ สังคม กล่าวคือมีการใช้ ภาษาเขียนภาษาเดียวคือจีน มาตราชั่งตวง วัด การเงิน เป็นหน่วยเดียวกันท่ัวประเทศ มีระบบความ กว้างของถนนกว้างส้าหรับรถม้า 2 คันสวนกันได้ ท่ัวประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ก้าแพงเมืองจีน อนุญาตให้ ประชาชนมีสิทธิเป็นเจ้าของท่ีดิน จากเดิมที่ดินท้ังหมดเป็นของพระราชา ฉิน หาน จ้าว เว้ย ฉู่ เยียน และฉี ภายใตอ้ ้านาจเบ็ดเสร็จและการปกครองแบบรวบอ้านาจท่ีศูนย์กลาง (ยกเลิกระบบอ๋อง (กษัตริย์) ครองประเทศราช) หลังจากพระเจ้าฉินส่ือหวงต้ีสวรรคต เกิดความวุ่นวายขึ้นในราชวงศ์ ท้าให้เกิดกบฏ มากมาย หลิวปงั สามารถรบชนะราชวงศ์ฉินได้ แต่เซี่ยงอ้ีถือโอกาสยึดอ้านาจ แต่หลิวปังก็รบชนะได้และ สถาปนาราชวงศฮ์ น่ั 2. ราชวงศฮ์ ่นั ตะวันตก (206 ปกี ่อนครสิ ต์ศักราช - ค.ศ. 220) เมื่อเล่าปังเอาชนะเซี่ยงอ่ีส้าเร็จ จึงสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์ฮั่นอัน ยิ่งใหญ่และยาวนาน มีพระนามว่า สมเด็จพระจักรพรรดิฮั่นเกาจู โดยต้ังเมืองหลวงท่ี ฉางอาน (ใกล้ บรเิ วณเมอื งซอี าน มณฑลสา่ นซีปัจจุบัน) แลว้ เรียกชอื่ ประเทศวา่ อาณาจักรฮน่ั นักประวตั ิศาสตร์จีนแบ่ง ยุคสมัยของราชวงศ์ฮ่ันเป็นสองยุคตามท่ีต้ังของเมืองหลวง คือ ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (เริ่มต้นโดยพระเจ้า ฮ่ันเกาจู่) โดยมีราชวงศ์ซินของอองมังมาค่ันเป็นระยะสั้นๆ ก่อนที่จะเกิดการฟ้ืนฟู ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (เริ่มต้นทพี่ ระเจ้าฮัน่ กวงอ)ู่ โดยย้ายนครหลวงไปทีเ่ มอื งล่ัวหยาง 3. ราชวงศ์ซิน (ค.ศ. 9-23) ราชวงศซ์ นิ มเี ปน็ ราชวงศส์ นั้ ๆ ผู้กอ่ ต้ัง คือ อองมัง ทรงได้อ้านาจมาจากการปฏิวัตโิ คน่ ล้ม จกั รพรรดิฮัน่ เมอื่ เสด็จสวรรคต ราชวศ์ฮั่นก็ฟืน้ ฟูกลับข้ึนมาอีกครั้ง 4. ราชวงศ์ฮัน่ ตะวนั ออก (ค.ศ. 23-220) ราชวงศ์น้ีเป็นราชวงศ์ท่ีถูกกู้ข้ึนมา หลังถูกอองมังยึดอ้านาจ เป็นราชวงศ์ฮั่นดังเดิม แต่ย้าย เมอื งหลวงไปลว่ั หยาง ชว่ งเสื่อมของฮ่ันตะวันออก เกิดกบฏโจรโพกผ้าเหลือง ข้ึนใน ค.ศ. 184 (พ.ศ. 727) ซ่ึงเป็นจุดเริ่มต้นของยุคขุนศึก หลังจากนั้นได้มีอาณาจักรสามแห่งตั้งประชันกัน โดยเรียกว่า ยุคสามก๊ก

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 14 เปน็ ที่มาของวรรณกรรมเรอ่ื งสามก๊ก เนอ่ื งจากความเจริญของชนชาตจิ นี ในยุคราชวงศ์ฮ่ัน คนจีนจึงเรียก ตวั เองวา่ เปน็ \"ชาวฮ่นั \" สืบทอดมาจนถงึ ปัจจุบัน 5. ยุคสามกก๊ (ค.ศ. 220-280) เป็นยุคท่ีแผ่นดินจีนแตกออกเป็น สามก๊ก โดยมีก๊กของ เล่าป่ี, ก๊กของ โจโฉ และก๊กของ ซนุ กวน ซ่ึงต่างรบแย่งชงิ ความเปน็ ใหญ่ในแผ่นดินมงั กรทอง เริม่ จากการท่พี ระเจา้ เหีย้ นเต้ ถูกบุตรชายโจ โฉขบั ออกจากบลั ลังก์ แผ่นดินจนี แตกออกเป็น 3 แควน้ ค.ศ. 263 (พ.ศ. 806) กก๊ เล่าปีล่ ่มสลาย ค.ศ. 265 (พ.ศ. 808) กก๊ โจโฉถูกขนุ ศึกภายในช่อื สุมาเอ๋ียน ยดึ อา้ นาจ และสมุ าเอี๋ยนก่อตั้ง ราชวงศ์จนิ้ และเร่ิมครองราชยใ์ นนามราชวงศจ์ ิ้น ค.ศ. 280 (พ.ศ. 823) ก๊กซุนกวนลม่ สลาย สุมาเอี๋ยนครองแผน่ ดนิ จีนไดส้ มบูรณ์ 6. ราชวงศจ์ ิ้นตะวันตก (ค.ศ. 265-317) สุมาเอี๋ยน สถาปนาตนเองเป็นจิ้นอู่ต้ี ก่อตั้งราชวงค์จ้ินตะวันตกใน ปีคริสต์ศักราช 265 (พ.ศ. 808) แทนที่ราชวงศ์วุ่ยของเฉาเชาหรือโจโฉ เมื่อถึงปีค.ศ. 280 (พ.ศ. 823) จ้ินตะวันตกปราบง่อ ก๊กลงได้ รวมแผ่นดินเปน็ ปกึ แผ่น ยุตยิ ุคสามกก๊ ลง ราชวงศ์จ้ินได้เปิดรับเผ่านอกด่านทางเหนือเข้ามาเป็น จ้านวนมาก หัวหน้าของชนเผ่าซงหนู หลิวหยวน ก็ประกาศตั้งตัวเป็นอิสระ โดยใช้ช่ือว่า ฮั่นกว๋อ ภายหลังหลิวหยวนสิ้น บุตรชายช่ือหลิวชงยกก้าลังเข้าบุกล่ัวหยางนครหลวงของจ้ินตะวันตก จับจิ้นหวยต้ี เปน็ ตวั ประกนั และส้าเรจ็ โทษในเวลาต่อมา 7.ราชวงศ์จ้นิ ตะวนั ออก (ค.ศ. 317-420) การล่มสลายของราชวงศ์จ้ินตะวันตก ท้าให้แผ่นดินจีนตกอยู่ในภาวะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ราช ส้านกั จิน้ ยา้ ยฐานท่ีมัน่ ทางการปกครองและเมืองหลวงลงไปทางใต้ สถาปนา ราชวงศ์จิ้นตะวันออก (ค.ศ. 317-420หรือ พ.ศ. 860-963) ขณะทีส่ ถานการณท์ างตอนเหนือวุ่นวายหนัก แผ่นดินท่ีแตกออกเป็นแว่น แคว้นของชนเผ่าต่างๆ 16 แคว้น โดยเรียกยุคนี้ว่า ยุคห้าชนเผ่าสิบหกแคว้น เป็นยุคส้ันๆ ที่เกิดการ หลอมรวมทางวฒั นธรรมของชาวจนี เชอ้ื สายต่างๆ 8. ราชวงศ์เหนอื ใต้ (ค.ศ. 420-581) หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์จ้ินตะวันตก (ค.ศ. 265 – 316 หรือ พ.ศ. 808-860) ภาคเหนือของจนี ก็ตกอยู่ในภาวะจลาจลและสงครามชนเผ่าของยคุ 16 แควน้ จวบจน ค.ศ. 386 หัวหน้า เผ่าท่ัวป๋าเซียนเปยได้สถาปนาแคว้นเปุยวุ่ย และตั้งนครหลวงที่เมืองผิงเฉิง (ปัจจุบันคือเมืองต้าถงใน มณฑลซนั ซี) ยตุ คิ วามวุ่นวายจากสงครามแย่งชิงอา้ นาจท่ีเกิดข้นึ ทางภาคเหนือใน ค.ศ. 439 (พ.ศ. 982) เมือ่ ถงึ ปีค.ศ. 581 (พ.ศ. 1124) หยางเจยี นปลดโจวจง้ิ ตี้ จากบลั ลงั ก์ สถาปนาราชวงศ์สุย จากน้ัน กรีธาทัพลงใต้ ยตุ สิ ภาพการแบง่ แยกเหนอื ใตอ้ นั ยาวนานของแผ่นดินจีนได้เป็นผลส้าเร็จ เพิ่มเติม ทางฝุาย เหนือก่อนท่ีราชวงศ์จ้ินจะพบจุดจบ ทางเผ่าอนารยชน เผ่าเชียง เผ่าซวงหนู เผ่าตี เผ่าเซียนเปุย (ท่ีแบ่ง ออกเป็น ตระกูลมู่หยงและตระกูลทัวปา) หลังจากฝูเจียนอ๋องแห่งแคว้นเฉียนฉินพ่ายแพ้ที่แม่น้าเฝุยสุ่ย ก็เร่ิมอ่อนแอลง โดยได้มีการกล้าแข็งขึ้นของกลุ่มที่เหลือ และฝูเจียนได้ตายโดยน้ามือของเหยาฉัง และ ทางแดนเหนอื (ทวี่ ่านเ้ี ปน็ แดนท่ีอยูเ่ หนือ แม่นา้ แยงซีเกยี ง) ก็เป็นการช่วงชิงกันระหว่ง มู่หยงย่ง เหยาฉัง มูหยงฉุย (ตระกูลทัวปาเริ่มก้าวข้ึนมาอย่างเงี้ยบๆ) โดยมูหยงฉุยกวาดล้าง มู่หยงหย่งก่อน แล้ว โดนทัว ปากุยท้าให้พ่ายแพ้ โดยตามประวัติศาสตร์แล้ว ทัวปากุยเป็นโจรปล้นชิงม้ามาก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น ผู้ยิ่งใหญ่ในแดนเหนือ อีกฝุายทางใต้นอกจากทัวปากุยทางแดนใต้ ต้องเร่ิมจากการชนะศึกท่ีแม่น้าเฝย

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 15 สุ่ยของทัพจิ้น และผู้ปรีชาของจิ้นอันได้แก่ เซ่ียอานมหาเสนาบดี และจอมทัพเซี่ยเสียน ล้มตายลง ทางทัพของซุนเอินได้ก่อหวอด บวกกับทัพแดนจิงโจวของหวนเศียน ได้ท้าการก่อกบฏ โดยมีวีรบุรุษใน ตอนนั้น หลิวอวท้ี ่พี ากเพียรจากทหารตา้ แหนง่ เล็ก ๆในกองทัพเปุยพู และได้ไต่เต้าข้ึนจนเป็นผู้น้าในกอง กา้ ลังเปยุ พู และภายหลังได้บีบใหต้ ระกูลซอื หมา่ สละบลั ลังก์ และได้กอ่ ตั้งราชวงศ์ใต้ท่ีมีช่ือว่าราชวงศ์ซ่ง และได้ยกทัพตีชิงแดนเหนือแต่เกิดเหตุ หลิวมู่จือคนสนิทเสียชีวิตระหว่างที่ก้าลังบุกตีข้ึนเหนือเน่ืองจาก การพา่ ยแพ้ของฝูเจียน ท้าใหก้ ารรวมแผ่นดนิ ลา่ ชา้ ไปเกอื บสองร้อยปี 9. ราชวงศส์ ุย (ค.ศ. 581-618) สุยเหวินต้ีฮ่องเต้ ได้รวบรวมประเทศให้เป็นปึกแผ่นได้อีกคร้ัง แต่โอรสคือสุยหยางตี้ไม่มี ความสามารถ ท้าให้ซ้ารอยราชวงศ์ฉิน บรรดาผู้ปกครองหัวเมืองต่างตั้งตนเป็นใหญ่และแย่งอ้านาจกัน ราชวงศ์สุยอยไู่ ด้เพียงสองรชั กาลเช่นกัน (พ.ศ. 1124 - 1160) (ค.ศ. 581-617) ภายหลังการรวมแผ่นดิน ของราชวงศ์สุย สภาพสังคมโดยรวมได้รับการฟื้นฟูจากภาวะสงคราม มีการเติบโตด้านการผลิต เกดิ ความสงบสขุ ระยะหนึ่ง สยุ เหวินต้ี ไดด้ า้ เนนิ การปฏิรปู การปกครองครั้งใหญ่ โดยยุบรวมเขตปกครอง ในท้องถ่ิน ลดขนาดองค์กรบริหาร รวมศูนย์อ้านาจไว้ที่ส่วนกลาง ฮ่องเต้กุมอ้านาจเด็ดขาดทั้งในทาง ทหาร การปกครองและเศรษฐกิจ โดยมขี ุนนางเปน็ เพียงผู้ช่วยในการบริหาร 10. ราชวงศ์ถงั (ค.ศ. 618-907) หล่ีหยวน (หลี่เอียน) หรือถังเกาจูฮ่องเต้ ขุนนางใหญ่ในสมัยสุย ได้ลุกฮือที่แดนไท่หยวน และได้บุตรชายคนรองหล่ีซ่ือหมิน ท้าการชนะศึกอย่างต่อเนื่อง ได้ตั้งราชธานี ท่ีเมืองฉางอัน (เมืองฉาง อนั เปน็ เมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฮน่ั ตะวนั ตก ราชวงศ์สยุ ราชวงศจ์ ิ้นตะวนั ออก) ผู้น้าของแค้วน ถังได้สถาปนาตัวเองเป็นอิสระจากสุยหยางตี้ และได้ชัยชนะเด็ดขาดจากแคว้นอื่นๆ ในท่ีสุด ภายหลัง โอรสองค์รองหล่ีซ่ือ หมินยึดอ้านาจจากรัชทายาท หลี่เจ้ียนเฉิง และโอรสองค์ท่ีสามหล่ีหยวนจี๋ ใน เหตุการณ์ที่ประตูเสียนอู่ สุดท้ายหลี่เอียนสละราชสมบัติ หลี่ซ่ือหมินข้ึนเป็น ถังไท่จงฮ่องเต้ และเริ่มยุค ถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กับยุคฮ่ัน เป็นยุดท่ีมีความรุ่งเรื่องท้ังทางด้าน แสนยานุภาพทางทหาร การค้า ศิลปะ ๆลๆ มีนครหลวงฉางอัน (ซีอานในปัจจุบัน) ราชวงศ์ถังมีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮ่ันมาก นอกจากจกั รพรรดิถังไท่จงแลว้ ในสมยั ถงั นีย้ งั มจี กั รพรรดิถงั สวนจง ซึ่งในสมัยของพระองค์กวีรุ่งเร่ืองมาก นับว่าในสมัยของพระองค์ยังเป็นยุดรุ่งเร่ืองและเสื่อมลงเพราะปลายสมัยของพระองค์ ทรงลุ่มหลงห ยางกยุ้ เฟย ไมส่ นใจในราชกิจบา้ นเมือง และในระหว่างได้เกิดฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซ่ึงก็คือ พระนางบูเช็กเทียน อานลู่ซานแม่ทัพชายแดนจึงก่อการปฏิวัติและยึดเมืองหลวงฉางอานเป็นป็น ผลส้าเร็จ ท้าให้ราชวงศ์ถังเริ่มเส่ือมต้ังแต่บัดน้ันราชวงศ์ถังมีระยะเวลาอยู่ช่วงราวๆ พ.ศ. 1161-1450 (ค.ศ. 618-907) 11. ยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร (ค.ศ. 907-960) ตอนปลายราชวงศถ์ งั มีการก่อกบฏประชาชนตามชายแดน ขันทีครองอ้านาจบริหารบ้านเมือง อย่างเหิมเกริม มีการแย่งชิงอ้านาจกัน แม่ทัพจูเวิน (จูเฉวียนจง) สังหารขันทีทรงอ้านาจในราชส้านัก แล้วสถาปนาตนเป็นจักรพรรดิ ท้าให้ราชวงศ์ถังส้ินสุด บรรดาหัวเมืองต่างๆมีการแบ่งอ้านาจกันเป็นห้า ราชวงศ์ สบิ อาณาจักร คอื ราชวงศ์เหลยี ง ถัง จ้นิ ฮัน่ และโจว โดยปกครองแถบลุ่มน้าฮวงโหติดต่อกันมา ตามล้าดับ ส่วนเขตลุ่มแม่น้าแยงซีเกียงกับดินแดนทางใต้ลงไปเกิดเป็นรัฐอิสระอีก 10 รัฐ รวมเรียกว่า สิบอาณาจักร การแบ่งแยกอ้านาจปกครองยุคน้ีขาดเสถียรภาพ ชีวิตของประชาชนเต็มไปด้วยความ ลา้ บากยากแค้น ต่อมา เจ้าควงอิ้น ผู้บัญชาการทหารองครักษ์ชิงอ้านาจจากราชวงศ์โจวตั้งตนสถาปนา

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 16 ราชวงศ์ซ่งหรือซ้องเป็น พระเจ้าซ่งไท่จู่ แล้วปราบปรามรวมอาณาจักรเรื่อยมา จนกระท่ังพระเจ้าซ่งไท่ จง ผสู้ ืบทอดราชบลั ลงั ก์ปดิ ฉากสภาพการแบ่งแยกดินแดนทงั้ หมดลงสา้ เรจ็ โดยใชเ้ วลาเกือบ 20 ปี 12. ราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960-1279) ปีค.ศ. 960 (พ.ศ. 1503) เจ้าควงอ้ินหรือพระเจ้าซ่งไท่จู่ สถาปนาราชวงศ์ซ่งหรือซ้องเหนือ เมืองหลวงอยู่ที่ไคฟง (มณฑลเหอหนานในปัจจุบัน) รวบรวมแผ่นดินจีนเป็นอันหนึ่งอันเดียวส้าเร็จ แล้ว ใชน้ โยบายแบบ “ลา้ ต้นแข็ง กิง่ กา้ นอ่อน” ในการบริหารประเทศ ปฏริ ปู การปกครอง การทหาร การคลัง อันมีประโยชน์ในการสร้างเสถียรภาพแก่อ้านาจส่วนกลาง แต่ส่วนท้องถิ่นกลับอ่อนแอ เมื่อต้องท้า สงคราม ย่อมไมม่ ีกา้ ลงั ตอ่ ต้านศัตรไู ด้ อา้ นาจการใชก้ ระบวนการยตุ ิธรรมถูกควบคมุ โดยสว่ นกลาง 13.ราชวงศห์ ยวน (ค.ศ. 1279-1368) ยุคนี้ประเทศจีนถูกปกครองโดยชาวมองโกล น้าโดย หยวนชื่อจู่ (หรือกุบไลข่าน) ซึ่งโค่น ราชวงศ์ซ่ง ต้ังราชวงศ์หยวน หรือราชวงศ์มองโกลข้ึน ยุดสมัยนี้ได้มีชาวต่างประเทศเดินทางมาค้าขาย เช่น มาร์โคโปโล มีการพิมพ์ธนบัตรจีนขึ้นคร้ังแรกมีการส่งกองทัพรุกราน ชวา เวียดนาม ญ่ีปุน แต่ไม่ ประสบความส้าเรจ็ สมัยนี้อาณาเขตมีขนาดใหญ่มาก ว่ากันว่าใหญ่กว่าอณาจักรโรมถึง4เท่า หลังจากกุบไลข่านส้ินพระชนม์ ชนชั้นมองโกลได้กดขีช่ าวจีนอย่างรุนแรง จนเกดิ กบฏ และสะสมกองก้าลงั ทหารหรอื กลุ่มต่อต้านข้ึน ช่วง ปลายราชวงศ์หยวนจูหยวนจางได้ปราบปรามกลุ่มต่างๆ และขับไล่ราชวงศ์หยวนออกไปจากแผ่นดินจีน ได้ส้าเรจ็ 14. ราชวงศห์ มิง (ค.ศ. 1368-1644) ราชวงศ์หมิงเป็นราชวงศ์ของจีนสถาปนาโดยจูหยวนจาง (จักรพรรดิหงหวู่) เมื่อปีค.ศ. 1368 (พ.ศ. 1911) จู หยวนจาง หรอื จักรพรรดหิ มิงไท่จู่ ปฐมกษัตริย์องค์ของราชวงศ์ครองราชย์ที่[เมือง นานกิง] และได้สถาปนาราชวงศ์หมิงข้ึน 31ปีแห่งการครองอ้านาจ จักรพรรดิหมิงไท่จู่ได้เสริมสร้าง ระบอบรวมศนู ย์อ้านาจรัฐเผด็จการแบบศักดินาให้เข้มแข็งขึ้นอย่างสุดความสามารถ จักรพรรดิหมิงไท่จู่ ประหารขุนนางผู้มีคุณูปการ ฆ่าผู้คนท่ีมีความเห็นท่ีไม่เหมือนพระองค์ เพิ่มอ้านาจของจักรพรรดิให้มาก ขึ้น ปราบปรามอิทธิพลที่ต่อต้านพระองค์ หลังจากจักรพรรดิหมิงไท่จู่สวรรคตแล้ว จักรพรรดิเจี้ยนเหวิน ซึง่ เปน็ พระราชนัดดาองค์หน่งึ ได้ขึน้ ครองราชย์ ต่อมาไมน่ าน จูต้ี ผู้เป็นปิตุลาของจักรพรรดิเจ้ียนเหวินซ่ึง เป็นได้ลุกขึ้นต่อสู้และโค่นอ้านาจรัฐของจักรพรรดิเจี้ยนเหวินลง จูต้ีได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิหมิง เฉิงจู่ หรือจักรพรรดิหยุงเล่อ ในปีค.ศ. 1421 (พ.ศ. 1964) จักรพรรดิหย่งเล่อได้ย้ายเมืองหลวงจากเมือง หนานจิงไปยังกรุงปักกิ่ง แม้รัฐบาลของราชวงศ์หมิงจะเสริมระบอบรวมศูนย์อ้านาจรัฐให้มากข้ึนก็ตาม แต่มจี กั รพรรดิหลายองคไ์ มท่ รงพระปรีชาหรือไม่ก็ทรงพระเยาว์เกินไป ไม่สนพระทัยการบริหารประเทศ อ้านาจจึงตกอยู่ในมือของเสนาบดีและขันที พวกเขาทุจริตคดโกงและขู่เข็ญรีดเอาเงิน ท้าร้ายขุนนางที่ ซ่ือสัตย์ กิจการบริหารบ้านเมืองเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ ความขัดแย้งในสังคมรุนแรง ช่วงกลางสมัย ราชวงศห์ มิงจึงเกดิ การลุกข้ึนตอ่ สขู้ องชาวนาหลายครง้ั หลายหนแต่ถกู ปราบปรามลงได้ ในสมัยราชวงศ์หมิง เคยมีนักการเมืองที่มีช่ือเสียงชื่อจางจวีเจิ้ง สามารถคลี่คลายความขัดแย้ง กนั ทางสงั คมและกอบกู้การปกครองของราชวงศ์หมิงด้วยวิธีด้าเนินการปฏิรูป เขาปรับปรุงระบบขุนนาง พัฒนาการเกษตร ซ่อมแซมแม่น้าและคูคลอง และได้รวมภาษีอากรและการกะเกณฑ์บังคับต่างๆให้เป็น อนั หนึง่ อันเดียวกันได้ช่วยลดภาระของประชาชนลงไปไดบ้ ้างระดับหนึ่ง

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 17 ในสมัยราชวงศ์หมิง การเกษตรพัฒนามากข้ึนกว่ายุคก่อน การทอผ้าไหมและการผลิตเครื่อง เคลือบดินเผามีความก้าวหน้ารุ่งเรือง การท้าเหมืองเหล็ก การหล่อเครื่องทองเหลือง การผลิตกระดาษ การต่อเรือเป็นตน้ กม็ กี ารพัฒนาอยา่ งมาก การแลกเปล่ยี นทางเศรษฐกจิ และวัฒนธรรมระหว่างประเทศมี บ่อยคร้ัง เจ้ิงเหอซ่ึงชาวไทยเรียกกันว่าซ้าเปากงได้น้ากองเรือจีนไปเยือนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และ แอฟริกาท้ังหมดกว่า30ประเทศถึง7คร้ังตามล้าดับ แต่หลังช่วงกลางราชวงศ์หมิงเป็นต้นมา จีนถูกการ รกุ รานจากหลายประเทศรวมทงั้ ญีป่ ุน สเปน โปรตุเกสและเนเธอรแ์ ลนดเ์ ปน็ ต้น ในสมัยราชวงศ์หมิง เศรษฐกิจการค้าก็ได้พัฒนาเริ่มปรากฏเป็นเค้าโครงของเศรษฐกิจแบบ ทนุ นิยม ในชว่ งต้นราชวงศ์หมงิ จีนมที ีด่ นิ รกร้างว่างเปล่าที่ไม่มีเจ้าของจ้านวนมากมาย จักรพรรดิหมิงไท่จู่ ได้รวบรวมคนพเนจร ลดและงดภาษีอากรให้พวกเขา ท้าให้จ้านวนชาวนามีที่นาท้าเองเพ่ิมมากข้ึน อย่างมาก ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆทางเกษตรเช่นใบยาสูบ มันเทศ ข้าวโพดและถ่ัวลิสงเป็นต้นก็ได้มีการน้าเข้ามา ในจีน ในสมัยราชวงศ์ หมิงงานหัตถกรรมประเภทต่างๆเช่น เคร่ืองเคลือบดินเผาและสิ่งทอเป็นต้นได้ พัฒนาถึงระดับค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกิจการทอผ้าไหม มีเจ้าของโรงงานผลิตส่ิงทอที่มีเครื่องปั่นด้าย จ้านวนหลายสิบเครื่อง และ”ช่างปั่นทอ”มีฝีมือท่ีรับจัดตามส่ังโดยเฉพาะขึ้นแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจ แบบทุนนิยมเร่ิมต้นข้ึนแล้ว ในสมัยราชวงศ์ หมิงมีสินค้าหลากหลายชนิด การแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า เป็นไปอย่างคึกคัก ในสถานที่ท่ีมีผลผลิตอุดมสมบูรณ์และการคมนาคมสะดวกได้ก่อรูปข้ึ นเป็น ศูนย์การค้าทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เกิดเมืองใหญ่ท่ีมีความเจริญรุ่งเรืองเช่นปักกิ่ง นานกิง ซูโจว หงั โจว กว่างโจว เป็นตน้ ในสมัยราชวงศ์หมิง ระบอบสอบจอหงวนนิยมสอบการเขียนบทความแบบแปดตอน วรรณกรรมเรื่องยาวในสมัยราชวงศ์หมิงมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีวรรณกรรมที่มีช่ือเสียงต่างๆ เช่น ” ซอ้ งกงั๋ ” “สามก๊ก” “ไซอิ๊ว” “จินผิงเหมย” หรือ เร่ือง”บุปผาในกุณฑีทอง”เป็นต้น นอกจากน้ี ข้อเขียน และบทประพันธ์ท่ีมีลักษณะคลาสสิกต่างๆเช่นสารคดี”บันทึกการท่องเที่ยวของสวี เสียเค่อ”ในด้าน ภูมิศาสตร์ “ต้าราสมุนไพร”ของหล่ี สือเจินในด้านแพทยศาสตร์ “ชมรมหนังสือวิทยาศาสตร์ด้าน การเกษตร”ของสวี กวางฉี นักเกษตรศาสตร์ “ “เทียนกุงไคอู้”หรือ”สารานุกรมเทคโนโลยีด้าน การเกษตรและหัตถกรรม”ของนายซ่งอ้ิงซิง นักวิชาการด้านหัตถกรรม “สารานุกรมหย่งเล่อ”ซ่ึงเป็น ชมุ นุมรวมเอกสารและวิทยานิพนธเ์ ป็นตน้ ก็ล้วนประพนั ธข์ ้นึ ในสมัยราชวงศห์ มิงทั้งสิ้น ช่วงปลายราชวงศ์หมิง สภาพการผูกขาดที่ดินรุนแรงมาก พระราชวงศ์และบรรดาเจ้านายท่ี ไดร้ บั การแตง่ ตง้ั มีทดี่ นิ กระจายอย่ทู ่วั ประเทศ ภาษีอากรของรัฐบาลก็นบั วันมากขน้ึ ความขัดแย้งระหว่าง ชนช้ันต่างๆของสังคมก็นับวันรุนแรงข้ึน มีเสนาบดีและขุนนางบางคนพยายามจะคลี่คลายความขัดแย้ง ในสังคมให้เบาบางลง และเรียกร้องให้ยับยั้งสิทธิ พิเศษของเสนาบดีขันทีและเช้ือพระวงศ์ท้ังหลาย เสนาบดีเหล่านี้เทียวบรรยายวิชาการและวิพากษ์วิจารณ์การเมืองจึงถูกเรียกกันว่าเป็น ”พรรคตงหลิน ตั่ง” แต่แล้วพวกเขาก็ต้องถูกเสนาบดีขันทีและขุนนางท่ีมีอ้านาจโจมตีและท้าร้าย ซึ่งย่ิงท้าให้สังคม วุ่นวายมากยง่ิ ขึ้น การต่อสู้ในชนบทก็ทวีความรุนแรงข้ึน ในปีค.ศ. 1627 (พ.ศ. 2170) มณฑลส่านซีเกิด ทุพภิกขภยั แต่ข้าราชการยังคงบีบบังคับให้ประชาชนจ่ายภาษี จนท้าให้เกิดการลุกข้ึนต่อสู้ ประชาชนที่ ประสบภัยเป็นพันเป็นหม่ืนรวมตัวข้ึนเป็นกองทหารชาวนาหลายกลุ่มหลายสาย จนปีค.ศ. 1644 (พ.ศ. 2187) กองทหารชาวนาบุกเข้าไปถึงกรุงปักก่ิง จักรพรรดิฉงเจินซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของ ราชวงศ์หมิงต้องผูกพระศอส้ินพระชนม์ ซ่ึงในสมัยราชวงศ์หมิงมีการส่งกองเรือออกเดินทางจากจีน

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 18 แผน่ ดินใหญ่ไปจนถึงแอฟรกิ า โดยทา่ นเจิ้งเหอและบันทึกท่ีชาวอังกฤษเชื้อสายจีนเขียนไว้บางฉบับ บอก ไว้ว่ามีหลกั ฐานแสดงว่าจีนเดินทางไปอเมรกิ ากอ่ นโคลมั บสั 15.ราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644-1912) ราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644-1912 หรือ พ.ศ. 2187-2454) บุกเบิกและสร้างราชวงศ์ชิงต้ังแต่ ค.ศ. 1582-ค.ศ. 1912 โดย เผา่ นูรฮาชี (แมนจูเลีย) สมยานามกษัตริย์ ชิงไทจงฮ่องเต้ จักรพรรดิบนหลัง ม้า ปฐมกษัตริย์ชื่อ จักรพรรดิหวงไท่จี๋ ,ซุนจ่ือ และคังซี และจักรพรรดิบัลลังก์เลือด หย่งเจ้ิน (องค์ชาย ส่ี),จักรพรรดิเจ้าส้าราญ เฉียนหลง (หลานหงษล์ ิ) ศึกล่าบัลลังก์ทอง เจ่ียชิ่ง และเต้ากวง มีจักรพรรดิรวม ท้ังสิ้นในราชวงศ์ 13พระองค์ซ่ึง จักรพรรดิ ปูยี เป็นจักรพรรดิองค์สุดท้าย และเป็นราชวงศ์สุดท้ายก่อน สถาปนาเป็นระบบสาธารณรัฐ เป็นราชวงศ์ของ เผ่าแมนจูเลีย (ชนเผ่ามองโกลเลีย มีชนเผ่าถึง 2,000- 3,000เผ่า) เป็นชนต่างชาติทางเหนือท่ีเข้ามาปกครองประเทศจีน ต่อจากราชวงศ์หมิง ซึ่งภายหลังเกิด \"ศกึ กบฏราชวงศ์หมิง\" ภายในประเทศจีนโดยกบฏเปิดประตูเมอื งให้แมนจูเลียเข้ายึดครอง ท้าให้ได้รับสม ยานามกษัตริย์ ชิงไทจงฮ่องเต้ เพราะเข้ายึดเมืองได้โดย ไม่ต้องลงจากหลังม้า เป็นราชสมัยที่มีการ เปล่ียนแปลงการปกครอง,การตรวจตราขอ้ บังคับของสังคม,ศาสนา และ การค้าทางเรือที่รุ่งเรืองท่ีสุดยุค หนึง่ ก็วา่ ได้ คือ การใหช้ ายจีนไวผ้ มหางเปียและใสเ่ สอื้ แบบแมนจูเลีย คือ ปิดแขนเสื้อและขา เลียนแบบ สมยั ราชวงศ์ถังเกา่ พรอ้ มประคา้ 500เม็ด และต้องนับถือพุทธจีน ท่ีแตกต่างไปจากเดิมคือมีประค้า 500 เม็ด และเรม่ิ นับถือศาสนาพุทธจนี ท่เี จริญร่งุ เรืองมากยุคหน่งึ เพื่อบ่งบอกถึงอารยธรรมชนเผ่าของตนว่ามี ศาสนาและอารยธรรมยาวนาน (ตง้ั แตส่ มยั เจง กิสข่าน เรืองอ้านาจบุกยึดไปถึงแดนตะวันตกในระหว่าง เดินทางพบ ขงจื้อ) ในราชส้านักยังคงมีขุนนางต้าแหน่งท่ีส้าคัญๆถือก้าเนิดข้ึนด้วย คือ \"ขันที\" และ เสนาบดีฝุายซ้าย \"ตงชิงอ๋อง\" และ เสนาบดีฝุายฝุายขวา \"กังชิงอ๋อง\" อีกท้ังยังมีระบบศาลที่คาน ดุลอ้านาจกัน และ ระบบการว่าราชการท่ีเจริญที่สุดถอดแบบจากราชสมัย \"ราชวงศ์ซ่ง\" คล้ายระบอบ การปกครองของประเทศไทยในรัชสมัยรัชกาลที่5 คอื ระบบเวียง ระบบวงั ระบบคลงั และระบบนา และ ยงั มกี ารแบง่ ลักษณะการปกครองออกเป็นหัวเมืองๆท้ังหมด 18มณฑลในประเทศจีน โดยท้ังหมดขึ้นตรง ตอ่ \"จกั รพรรดริ าชวงศช์ ิง\". 2.3 จีนยคุ ใหม่ ยคุ สาธารณรฐั จนี (ค.ศ. 1912-1949) ปี พ.ศ. 2454 เกิดการปฏิวัติซินไฮ่ ซ่ึงเป็นการปฏิวัติเป็นสาธารณรัฐโดย ดร. ซุนยัดเซ็น ราชวงศ์ชงิ ถูกยึดอา้ นาจในปีนน้ั และใน พ.ศ. 2455 ผู่อี๋ จักรพรรดิองค์สุดท้ายถูกบังคับให้สละราชสมบัติ ถือเป็นจุดอวสานของราชวงศ์ชิง และการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของจีน ดร. ซุนยัดเซ็น เป็นผู้น้าการเปล่ียนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณยาสิทธิราชย์ซึ่งปกครองด้วยสิทธิขาดของ จักรพรรดิ มาเป็นระบอบสาธารณรัฐโดยมียฺเหวียน ช่ือไข่เป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐจีน หลังจากซุนยัดเซ็นเสียชีวิต เป็นช่วงเวลาชิงอ้านาจระหว่างฝุายประชาธิปไตย คือ เจียงไคเช็ค กับฝุาย คอมมวิ นสิ ต์ นา้ โดย เหมาเจ๋อตุง ช่วงแรกเจียงไคเชค็ เปน็ ฝาุ ยชนะและทา้ การปฏวิ ตั ไิ ดส้ ้าเรจ็ สุดท้ายกลุ่ม ผนู้ ้าพรรคก๊กมินตงั๋ รวมตวั กนั ขับไล่ เจียงไคเชค็ หนไี ปยงั เกาะไต้หวัน และสถาปนาสาธารณรัฐจนี ขนึ้ แทน

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 19 ยคุ สาธารณรฐั ประชาชนจีน (1949–ปจั จุบนั ) ประวัติศาสตร์สาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มต้ังแต่วันท่ี 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 เมื่อพรรค คอมมิวนิสต์มีชัยชนะเหนือพรรคก๊กมินตั๋งในสงครามกลางเมืองจีน เหมา เจ๋อตุง ประกาศจัดตั้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ทีก่ รุงปักก่ิงบน จัตรุ สั เทียนอันเหมินเพือ่ ปกครองจนี แผน่ ดนิ ใหญ่ ที่มา https://th.wikipedia.org

เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 20 ใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง สภาพภมู ศิ าสตรท์ ส่ี ่งผลตอ่ การสรา้ งอารยธรรมจีน วิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ผลการเรยี นรู้ : วิเคราะห์อิทธพิ ลของอารยธรรมโลกตะวันออกสมัยโบราณ ท่ีมผี ลต่อพัฒนาการ และการ เปล่ียนแปลงของโลก ค้าสั่ง : ให้นกั เรยี นวเิ คราะห์สภาพภูมศิ าสตรข์ องอารยธรรมจนี และอธิบายวา่ สภาพภูมศิ าสตรส์ ่งผลต่อ การสร้างอารยธรรมจนี อย่างไร ............................................................................................................................. ....................................... ............................................................................................................................. ....................................... .................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................... ........................................................................................................................................ ............................ ...................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................................. ....................................... ........................................................................................................................................................... ......... .......................................................................................................................... .......................................... ............................................................................................................................. ....................................... .................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................... ............................................................................................................................. ....................................... .................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................... ...........................................................................................................................เ.ด.ก็..ๆ..ๆ..ค...ดิ ..ว..า่..ส..ภ..า..พ...ภ..มู...ศิ ..า..ส..ต..ร..์ ..........................................................................................................................ส..ง่..ผ..ล..ต...อ่ ..ก..า..ร.ส...ร.า.้ .ง..อ..า..ร..ย..ธ..ร.ร..ม... จีนอยา่ งไรบา้ งคะ

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 21 ใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง ยคุ สมัยทางประวัติศาสตร์จีน วชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ผลการเรยี นรู้ : วเิ คราะหอ์ ิทธิพลของอารยธรรมโลกตะวันออกสมัยโบราณ ท่ีมผี ลต่อพัฒนาการ และการ เปล่ียนแปลงของโลก คาส่ัง : ให้นกั เรียนเขียน MY MAPPING แสดงยุคสมยั ทางประวัติศาสตร์จีนให้ถูกต้อง

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 22 ใบงานที่ 1.3 เรอื่ ง ยุคสมัยทางประวัตศิ าสตรจ์ นี วิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ผลการเรยี นรู้ : วเิ คราะหอ์ ทิ ธพิ ลของอารยธรรมโลกตะวันออกสมัยโบราณ ที่มผี ลต่อพฒั นาการ และการเปล่ยี นแปลงของโลก คาสงั่ : นกั เรียนศกึ ษาใบความรทู้ ี่ 1.2 แล้ววเิ คราะหว์ า่ อารยธรรมจนี มีผลตอ่ พัฒนาการและการ เปลย่ี นแปลงของโลกในปัจจุบนั อยา่ งไร ............................................................................................................................. ....................................... ........................................................................................................................................ ............................ ....................................................................................................... ............................................................. ............................................................................................................................. ....................................... ............................................................................................................................................................ ........ ........................................................................................................................... ......................................... ............................................................................................................................. ....................................... .................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................... ............................................................................................................................. ....................................... .................................................................................................... นกึ ถงึ ประเทศจนี สะพานกระจก.. แลว้ ยิง่ ใหญ่จรงิ ๆ สุดยอด เลยนะ

เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 23 แบบทดสอบ เรอ่ื ง อารยธรรมจีนยคุ โบราณ วิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 ผลการเรยี นรู้ : ออก ย บ ณ ย คาส่งั ใหน้ กั เรยี นเลอื กค้าตอบท่ีถูกท่ีสดุ เพียงขอ้ เดียว 1. เมื่อกลา่ วถึงยุคสมัยทางประวัตศิ าสตร์ มีการแบง่ ยุค 3. รจู้ กั ประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใชเ้ ป็นอกั ษรภาพถูกจารกึ สมยั เพ่อื การเรยี นรู้ทางประวิตศิ าสตร์และให้ทราบ บนกระดูกเต่าและกระดูกววั ภายหลังเกิดการ ช่วงเวลาของเหตกุ ารณ์น้นั ได้ อยากทราบว่า แตกแยกภายในท้าให้ อา้ นาจอ่อนแอและเสื่อมลง ยุคประวตั ศิ าสตร์เกดิ ขึ้น เมื่อมเี หตุการณ์ใด ลักษณะดังกลา่ วเกิดขึ้นในราชวงศใ์ ด ก. มนุษย์รู้จักท้าการเกษตรเพ่ือเล้ยี งชีพ ก. ราชวงศ์เซย่ี ข. มกี ารตั้งชมุ ชนข้ึนมกี ารปกครองเป็นชนเผ่า ข. ราชวงศซ์ าง ค. มีการใชโ้ ลหะเปน็ อาวธุ ในการต่อสู้ สงคราม ค. ราชวงศ์โจว ง. มีการบนั ทกึ เปน็ ลายลักษณ์อักษรลงบนวตั ถุ ง. ราชวงศฉ์ ิน ต่างๆ เช่น กระดกู ววั ดนิ เหนียว เป็นตน้ 4. เหตุการณใ์ ดต่อไปน้ีไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่น 2. เม่ือจนี เขา้ สยู่ ุคประวตั ิศาสตร์นน่ั หมายความว่ามี ก. อารยธรรมจนี เผยแผไ่ ปยัง เกาหลแี ละเวียดนาม การจดบนั ทึกเรื่องราวท่เี กิดขึ้นเปน็ ภาษาเขียน ข. เกิดการสอบข้าราชการท่เี รยี กวา่ จอหงวน หลกั ฐาน ค. เกดิ การก่อสรา้ งกา้ แพงเมอื งจนี ท่ยี ิ่งใหญ่ ในขอ้ ท่ีเกิดข้ึนในลกั ษณะดังกลา่ ว ง. เกิดเสน้ ทางสายไหมทีเ่ จรญิ รุ่งเรือง ก. บันทึกลงดนิ เหนยี วเรียกวา่ อกั ษรคูนฟิ อร์ม 5.เสน้ ทางสายไหม (Silk Road ) มีลักษณะสา้ คัญต่อ ข. บันทึกลงในกระดาษปาปริ ุส เรยี กวา่ การคา้ ในยคุ นน้ั อย่างไร อกั ษรเฮยี โรกราฟฟกิ ก. การค้ามคี วามเจริญรุ่งเรือง โดยมีสนิ คา้ ทีส่ า้ คัญ ค.บันทึกบนกระดองเต่าและกระดูกวัว คือผา้ ไหม ง. บันทึกบนฝาผนงั ตามถ้าตา่ งๆ ข. มกี ารแลกเปล่ียนวัฒนธรรมจากตะวนั ออกสู่ ตะวันตก ค. มกี ารปกครองทีเ่ ป็นระบบ มคี วามมั่นคง ง. เปน็ ยุคทองของจนี

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 24 6.ระบบฟาเจยี หรอื ระบบนิตินิยม มลี กั ษณ์สัมพนั ธ์ 9. เส้นทางสายไหม ( Silk Road ) มลี กั ษณะส้าคัญ ตรงกบั ข้อใด ตอ่ การค้าในยุคนนั้ อยา่ งไร ก. เปน็ ระบบทีใ่ หค้ วามยตุ ิธรรมแก่คนในสงั คม ก.การค้ามคี วามเจริญรุ่งเรือง โดยมสี ินคา้ ทีส่ ้าคัญ ข. เปน็ วฒั นธรรมทส่ี า้ คัญของคนจีนทส่ี ืบทอดมา คือผ้าไหม จนถึงปัจจบุ ัน ข.มกี ารแลกเปลย่ี นวัฒนธรรมจากตะวนั ออกสู่ ค.ระบบการคา้ ชง่ั ตวง วัด มม่ี ีมาตรฐาน ตะวันตก ง. มกี ฎหมายเป็นเคร่อื งกา้ หนดพฤติกรรมของคนใน ค.มีการปกครองที่เปน็ ระบบ มคี วามมน่ั คง สังคมให้รางวลั และมีการลงโทษอยา่ งรนุ แรง ง.เปน็ ยคุ ทองของจนี 7. ลทั ธิขงจื๊อให้ความส้าคัญในเรอื่ งใด 10. ความเช่อื ในเร่ืองใดมีผลท้าใหส้ ังคมของจนี ก.การค้า ให้ความสา้ คญั ตอ่ ข้าราชการ ข.การศกึ ษา ก.ยึดมน่ั ในลทั ธิเตา๋ ค.การเข้ารับราชการ ข.เป็นผูแ้ ทนของฮ่องเต้ ง.การสรา้ งครอบครัว ค.เปน็ ผทู้ ส่ี รา้ งความร่า้ รวยได้ 8. เหตุการณใ์ ดต่อไปน้ีไมไ่ ด้เกดิ ขนึ้ ในสมยั ราชวงศ์ฮ่ัน ง.ปฏิบัติตามบัญชาแหง่ สวรรค์ ก. อารยธรรมจนี เผยแผ่ไปยงั เกาหลแี ละ เวยี ดนาม ข. เกดิ การสอบข้าราชการท่เี รียกวา่ จอหงวน ค. เกิดการก่อสรา้ งกา้ แพงเมืองจนี ท่ียิ่งใหญ่ ง. เกิดเสน้ ทางสายไหมทเ่ี จริญรงุ่ เรือง คะแนนเตม็ 10 คะแนนท่ีได้

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 25 ใบความรทู้ ี่ 2 เรื่อง อารยธรรมอินเดีย วชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ผลการเรยี นรู้ : วเิ คราะหอ์ ิทธพิ ลของอารยธรรมโลกตะวันออกสมัยโบราณ ทมี่ ีผลต่อพัฒนาการ และการเปลี่ยนแปลงของโลก 1. ยคุ สมัยทางประวตั ศิ าสตร์อารยธรรมอนิ เดีย อารยธรรมอินเดยี มีความเจรญิ รุ่งเรืองและมีอายเุ กา่ แก่ ไม่แพ้อารยธรรมแหล่งอืน่ ๆ ทกี่ ล่าว มาแลว้ สรปุ สาระสาคัญได้ดงั นี้ 1.1 สมัยอารยธรรมลมุ่ แมน่ ้าสินธุ (ประมาณ 2,500-1,500 ปี กอ่ นคริสต์ศักราช)ถือว่าเปน็ สมยั อารยธรรม “กง่ึ ก่อนประวัตศิ าสตร์” เพราะมีการคน้ พบหลักฐานจารกึ เป็นตัวอักษรโบราณแลว้ แตย่ งั ไมม่ ีผใู้ ดอา่ นออก และไม่แน่ใจว่าเปน็ ตวั อักษรหรือภาษาเขียนจริงหรอื ไม่ ศนู ยก์ ลางความเจริญอยทู่ ่ี เมืองโมเฮนโจ – ดาโร และเมืองฮารปั ปา รมิ ฝั่งแม่น้าสินธุประเทศปากีสถานในปัจจุบนั สนั นษิ ฐานว่า เป็นอารยธรรมของชนพ้ืนเมอื งเดิม ที่เรยี กวา่ “ทราวิฑ” หรือพวกดราวิเดยี น (Dravidian) เมอื งโมเฮนโจดาโร เมืองฮารัปปา ที่มา: https://th.wikipedia.org. ท่ีมา: https://th.wikipedia.org. 1.2 สมยั พระเวท (ประมาณ 1,500-600 ปีกอ่ นครสิ ตศ์ กั ราช) เปน็ อารยธรรมของชนเผา่ อินโด-อารยนั (Indo-Aryan) ซง่ึ อพยพมาจากเอเชยี กลาง เข้ามาตั้งถนิ่ ฐานในบริเวณทร่ี าบลมุ่ แม่นา้ สนิ ธุและคงคาโดย ขบั ไล่ชนพ้ืนเมืองทราวฑิ ให้ถอยร่นลงไปทางตอนใต้ของอนิ เดยี สมัยพระเวทแสดงถึงความเจริญรุง่ เรอื ง ของศาสนาพราหมณ์ หลักฐานทีท่ าให้ทราบเรอ่ื งราวของยุคสมยั นี้ คอื “คมั ภรี ์พระเวท” ซง่ึ เป็นบทสวด ของพวกพราหมณ์ นอกจากน้ียงั มีบทประพนั ธ์มหากาพย์ที่ยิง่ ใหญอ่ ีก 2 เรือ่ ง คือ มหากาพย์รามายณะ และมหาภารตะ บางทีจึงเรียกวา่ เป็นยคุ มหากาพย์ 1.3 สมยั พทุ ธกาล หรือสมัยก่อนราชวงศเ์ มารยะ (Maurya) ประมาณ 600-300 ปีกอ่ น ครสิ ต์ศักราช) เป็นชว่ งท่ีอินเดียถือกาเนดิ ศาสนาทีส่ าคัญ 2 ศาสนา คอื ศาสนาพุทธและศาสนาเชน 1.4 สมัยจักรวรรดิเมารยะ (Maurya) ประมาณ 321-184 ปีก่อนครสิ ต์ศักราช พระเจ้าจันทรคปุ ต์ ปฐมกษัตรยิ ร์ าชวงศ์เมารยะไดร้ วบรวมแวน่ แคว้นในดนิ แดนชมพู ทวีปใหเ้ ปน็ ปึกแผ่นภายใตจ้ ักรวรรดิท่ี ยง่ิ ใหญ่เปน็ คร้ังแรกของอนิ เดีย สมยั ราชวงศ์เมารยะ พระพุทธศาสนาไดร้ บั การอปุ ถมั ภใ์ หเ้ จริญรุ่งเรือง

เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 26 โดยเฉพาะในสมัยพระเจา้ อโศกมหาราช (Asoka) ได้ เผยแพร่พระพุทธศาสนาไปยังดนิ แดนทงั้ ใกลแ้ ละ ไกล รวมทงั้ ดินแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเผยแพร่เข้าสแู่ ผน่ ดินไทยในยคุ สมัยท่ียงั เป็น อาณาจักรทวารวดี 1.5 สมยั ราชวงศ์กษุ าณะ (ประมาณ 200 ปกี ่อนคริสต์ศกั ราช – ค.ศ.320 ) พวกกุษาณะ (Kushana)เปน็ ชนต่างชาตทิ ่เี ขา้ มารุกรานและตั้งอาณาจักรปกครองอินเดยี ทางตอนเหนือ กษตั รยิ ์ที่ ยงิ่ ใหญค่ ือ พระเจ้ากนิษกะ รชั สมยั ของพระองค์อนิ เดยี มีความเจริญรุ่งเรอื งทางดา้ นศลิ ปวิทยาการแขนง ต่างๆ โดยเฉพาะดา้ นการแพทย์ นอกจากน้ัน ยังทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา (นิกายมหายาน) ให้ เจริญรุ่งเรอื ง โดยจัดสง่ สมณทูตไปเผยแพร่พระศาสนายังจีนและทเิ บต มีการสรา้ งพระพทุ ธรปู ทมี่ ีศลิ ปะ งดงาม และสร้างเจดีย์ใหญ่ที่เมอื งเปชะวาร์ 1.6 สมัยจกั รวรรดคิ ุปตะ (Gupta) ประมาณ ค.ศ.320-550 พระเจ้าจนั ทรคุปตท์ ี่ 1 ตน้ ราชวงศ์คปุ ตะ ได้ทรงรวบรวมอนิ เดียให้เปน็ จักรวรรดอิ ีกคร้ังหน่งึ ได้ชื่อวา่ เป็นยคุ ทองของอนิ เดยี มคี วามเจรญิ รุง่ เรอื งใน ทุก ๆ ดา้ น ท้ังด้านศลิ ปวฒั นธรรม การเมือง การปกครอง ปรัชญาและศาสนา ตลอดจนการคา้ ขายกบั ตา่ งประเทศ 1.7 สมัยหลังราชวงศ์คุปตะ หรือยคุ กลางของอนิ เดีย (ค.ศ.550 – 1206) เป็นยคุ ทจ่ี กั รวรรดิแตกแยก เปน็ แควน้ หรืออาณาจักรจานวนมาก ต่างมีราชวงศ์แยกปกครองกนั เอง 1.8 สมัยสุลต่านแห่งเดลฮี หรอื อาณาจักรเดลฮี (ค.ศ. 1206-1526) เป็นยคุ ทพี่ วกมุสลิมเขา้ มา ปกครองอินเดยี มสี ลุ ต่านเป็นผ้ปู กครองท่เี มืองเดลฮี 1.9 สมัยจักรวรรดิโมกลุ (Mughul) ประมาณ ค.ศ. 1526 – 1858 พระเจ้าบาบูร์ ผู้ก่อตั้งราชวงศ์โม กลุ ได้รวบรวมอินเดียให้เป็นปึกแผน่ อีกคร้ังหน่ึง ได้ชือ่ ว่าเป็นจักรวรรดอิ สิ ลามและเปน็ ราชวงศ์สุดทา้ ย ของอินเดีย โดยอนิ เดยี ตกเปน็ อาณานิคมของอังกฤษในปี ค.ศ. 1858กษัตรยิ ร์ าชวงศโ์ มกุลทยี่ ิง่ ใหญ่ คือ พระเจ้าอกั บาร์มหาราช (Akbar) ทรงทะนุบารุงอินเดียใหม้ ีความเจริญรุ่งเรอื งในทุก ๆ ด้าน และในสมยั ของชาห์ เจฮนั (Shah Jahan) ทรงสรา้ ง “ทัชมาฮลั ” (Taj Mahal) ซึง่ เป็นอนสุ รณ์แหง่ ความรกั เป็นงาน สถาปัตยกรรมทผ่ี สมผสานศิลปะอนิ เดยี และเปอร์เซยี ที่มีความงดงามย่ิง ท่มี า : https://th.wikipedia.org/wiki

เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 27 2. อารยธรรมล่มุ แม่น้าสินธุ เป็นอารยธรรมในยคุ สาริด (ประมาณ 2500 - 1900 กอ่ นคริสตกาล) ถือ กาเนดิ ขึน้ บรเิ วณลุ่มแม่น้าสนิ ธใุ นประเทศอนิ เดียและปากสี ถานในปจั จบุ ัน ถือเปน็ อารยธรรมยคุ แรก ๆ ของโลก ซึ่งนักโบราณคดีเรยี กวา่ ยคุ ฮารัปปัน วัฒนธรรมเก่าสุดเร่มิ จาก เมืองอัมรี (Amri) บรเิ วณปากแมน่ า้ สินธุ อายุ 4,000 B.C. พบเคร่อื งปน้ั ดินเผาระบายสี คล้ายของเมโสโปเตเมยี เมอื งฮารบั ปา และโมเหนโจ –ดาโร อายุ 2,600 – 1,900 B.C. เมืองชคุ าร์ และจันหุดาโร อายุ 1,000 – 500 B.C. อารยธรรมลุม่ แมน่ า้ สินธุ มเี มืองสาคญั ที่ได้รบั การขุดคน้ แล้ว 2 แหง่ คอื เมืองฮารบั ปา และโมเหนโจดาโร ทัง้ สองเมอื งมีอารยธรรมทเี่ หมอื นกนั ทุกประการ แมห้ ่างกัน 350 ไมล์ (600 กิโลเมตร)จดั เปน็ สมัย แรกเริม่ ประวตั ศิ าสตร์อินเดยี เพราะพบจารึกจานวนมาก แต่ยังไม่มผี ู้ใดอ่านออกอารยธรรมลุ่มแม่น้า สนิ ธุถกู โจมตอี ยา่ งรุนแรง พบโครงกระดูกถูกฆา่ ตายจานวนมาก หรืออาจล่มสลายเพราะภยั ธรรมชาติ เชน่ น้าทว่ ม หรอื โรคระบาด หรือเพราะความมั่งค่ังชาวอารยันผูร้ ุกราน ค่อย ๆ แพรจ่ ากภาคเหนอื ไป ทางตะวนั ออก และลงไปทางใตอ้ ยา่ งช้า ๆ ลงไปยังดินแดนคาบสมทุ รเดคขา่ น (ซง่ึ ยงั เป็นวฒั นธรรม หินใหมอ่ ยู)่ นาเอาทองแดง และเหล็กไปเผยแพร่ ทางใตจ้ ึงเปลี่ยนจากหินใหม่เป็นโลหะทันทเี มือ่ อารยนั ตั้งหลกั แหล่งในประเทศอินเดยี แลว้ จงึ เข้าสูส่ มัยประวตั ิศาสตร์อนิ เดียอยา่ งแท้จริง ลกั ษณะส้าคัญของอารยธรรมลุ่มแม่น้าสนิ ธุ 1. ประตมิ ากรรมอารยธรรมสินธคุ อื ความเป็นแบบเดยี วกัน (Uniformity) และ เปน็ อนรุ ักษนิยม (Conservation) 2. การวางผังเมือง (City Planning) แผนผงั มีระเบยี บ งดงาม มถี นนตดั กนั แบ่งเมืองเปน็ ตาราง แยกพื้นทใี่ ช้สอยออกจากกัน เชน่ ทอี่ ยูอ่ าศยั อาคารสาธารณะ ทีอ่ ย่ชู ่างฝีมือ ยงุ้ ข้าว ปุาชา้ ทา่ เรือ พ้นื ท่ีทางศาสนาแสดงถึงความรู้ด้านวิศวกรรมการสารวจและเรขาคณิตอย่างดี 3. มีถนน และซอยตัดกนั เปน็ มุมฉาก บ้านอยู่ 2 ฟาก ถนนมีเสาตะเกียงเป็นระยะ ๆการสขุ าภิบาล มีประสิทธภิ าพมาก ทุกบา้ นมีหอ้ งน้า มีท่อระบายน้าเสยี -น้าดี พบอ่างอาบนา้ ใหญ่ เจริญกวา่ อารยธรรมอ่นื จนสมยั โรมนั จงึ มหี ้องน้าดี ๆ เทียบได้ 4. มีการสร้างกาแพงเมืองและปูอมปราการเพื่อกนั ผู้รุกราน มีอาวธุ กระสุนดินเผา 5. การคา้ และการขนสง่ ตดิ ต่อเอเชยี กลาง อัฟกานิสถาน เปอรเ์ ซยี อินเดียตอนใต้ เพื่อนาวัตถุดบิ มาผลติ เครอ่ื งใชเ้ คร่อื งประดบั พบภาพเรือบนดวงตรา ลกั ษณะเรือคลา้ ยอียปิ ต์ พบอฐู พาหนะ เทยี มเกวียนเทยี มววั มี 2 ล้อ 4 ล้อ พบลูกตุ้มนา้ หนัก 6. การเพาะปลูก ทานขา้ วสาลเี ป็นอาหารหลัก 7. เลยี้ งสตั ว์ สนุ ัข ววั ควาย หมู แกะ ปลา ไก่ ลา ช้าง แมว 8. ทอ่ี ยู่อาศยั ลกั ษณะอาคารแบบเดียวกันหมด หลงั คาแบนราบ มบี ้านใหญ่ บา้ นเล็ก ชน้ั เดียวและ หลายชน้ั มหี ้องเดยี วถึงหลายหอ้ ง สรา้ งแบบเรยี บ ๆ ไม่มีการประดบั ประดา อาคารทาด้วยอฐิ เผาไฟ อฐิ ขนาดเดยี วกนั ท้ังหมด 9. การแตง่ กาย ใชผ้ า้ ฝูาย และหนังสตั ว์ ชาย/หญิง แต่งกายด้วยผ้า 2 ช้นิ ลา่ งเปน็ ผ้านงุ่ แบบโธติ มเี ชอื กคาดเอว ท่อนบนเปดิ ไหลข่ วา มีเคร่อื งประดบั ผม และเครอ่ื งประดับอน่ื ๆ เชน่ สร้อย กาไล หวี แหวน เข็มขดั ตมุ้ หู ผ้ชู ายไว้ผมยาว มีสายคาดศีรษะ ผหู้ ญิงมีทรงผมหลายแบบ

เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 28 10. ศิลปกรรม ไมพ่ บศิลปกรรมช้ินใหญ่เลย เชน่ รูปแกะสลกั จากหนิ รูปชายมีเครา(อาจเปน็ นักบวช) สงู 7 นวิ้ ท่เี มอื งโมเหนโจ -ดาโร รปู หญงิ สาวในทา่ ร่ายรา ทาดว้ ยสาริด หนา้ ตาพ้นื เมือง รูปสลกั หินผู้ชายคลา้ ยศลิ ปะกรีกโบราณ รปู ปนั้ ดินเผาชาย/หญิง รปู ป้ันสตั ว์ เช่น ววั ตัวผู้ ควาย สุนัข แกะ ช้าง แรด หมู ลิง เตา่ นก พบเกวยี นมลี ้อ เกวียนเทียมววั เปน็ ของเด็กเลน่ พบภาชนะดนิ เผา ภาชนะโลหะพบนกหวดี พบลูกเต๋า พบของเขย่าเดก็ เล่น พบช้อนดินเผาโดยเฉพาะตรา ประทบั พบมากกวา่ 2,000 อัน สลกั จากหิน บนตรามีตัวอักษรและมีภาพสัตวต์ า่ ง ๆ ภาพสัตว์ ผสมหมกี ึ่งคน สตั วใ์ นจนิ ตนาการ 3-6 หวั ภาพคนใตต้ ้นไม้มีสัตว์ลอ้ มรอบ อาจเป็นต้นเค้าพระ ศวิ ะตอ่ มา ภาพตน้ โพธ์ิ ภาพวัวหน้าแทน่ บูชาหรอื รางหญา้ ภาพผ้หู ญิงกบั ต้นไม้ (ยักษิณี) ภาพ เรอื ดวงตราสลักฝีมอื ประณีตมาก ถูกต้องตามลกั ษณะธรรมชาติ อาจเป็นดวงตราบริษทั การคา้ หรือของพ่อค้าแตล่ ะคน หรอื ของคนสาคัญประจาตวั หรอื เคร่ืองรางของขลัง 11. ศาสนา ไม่พบโบสถ์วิหารใหญ่โต แต่ชาวสินธุคงนบั ถือเทพเจ้าหลายองค์ เช่น เทพีเจา้ แม่ เทพ เจ้าผ้ชู ายศวิ ลึงค์ นับถอื ต้นไทร ต้นโพ มา้ มเี ขา เทพมีงจู งอางแผ่แม่เบย้ี เหนือศีรษะ นับถือพระ อาทติ ย์ มรี ูปสวสั ดกิ ะ รูปวงลอ้ รถการทาศพ มีการเผาศพ เกบ็ ขี้เถ้าใสโ่ กศ หรอื ฝงั ศพพร้อมของ ใช้ และนาศพให้แร้งกากิน แล้วจึงเกบ็ กระดูกใส่โกศ 3. การรุกรานการพัฒนาการของอารยธรรมอารยนั พวกอนิ โดอารยนั ได้อพยพมาจากทร่ี าบภาคกลางของเอเชีย ใกล้ทะเลสาบแคสเปยี น บุกรกุ เขา้ มา ทางภาคตะวนั ตกเฉียงเหนือบรเิ วณช่องแคบไคเบอร์ เขา้ สู่อินเดียบรเิ วณล่มุ ้น้าสนิ ธุ ได้ท้าการรุกราน พวกดราวเิ ดยี น ชาวพ้นื เมืองทอี่ าศัยบรเิ วณนน้ั ถอยร่นลงมาทางใต้ แล้วเข้าครอบครองลมุ่ แม่นา้ สนิ ธแุ ทน และได้สร้างสรรค์อารยธรรมท่มี คี วามโดดเดน่ ทางภาคเหนือของอนิ เดยี ผลงานทางอารยธรรมทีส่ าคัญของพวกอินโด-อารยนั ชว่ งเวลาทีช่ าวอารยันเริ่มสรา้ งสรรคอ์ ารยธรรมอินเดยี ก่อนทจี่ ะมีพฒั นาการไปส่สู มัยจักรวรรดิ แบ่งได้ 2 ยุค คอื ยคุ พระเวท และยุคมหากาพย์ ซึ่งนา้ ไปสกู่ ารเกิดศาสนาเชนและศาสนาพุทธ • ยุคพระเวท ยคุ พระเวท คือ ชว่ งแรกทช่ี าวอารยนั เริ่มเข้ามาในอินเดีย หลักฐานที่กล่าวถงึ เร่ืองราวของชาว อารยนั ช่วงนี้ คือ คัมภีร์พระเวท ซึ่งเป็นตาราท่รี วบรวมโคลงและบทสวดทางศาสนา อารยธรรมยคุ มหา กาพย์ ปรากฏในลกั ษณะต่างๆดงั นี้ 1. การปกครองอาศัยรวมกนั เปน็ เผา่ มผี ู้นา คือ ผใู้ หญบ่ า้ น มหี น้าทแ่ี จกจ่ายทด่ี ินและเก็บภาษี 2. สรา้ งทีอ่ ยู่โดยก่อกาแพงดว้ ยโคลน พ้นื ปูดว้ ยดินเหนียว หลังคามุงดว้ ยหญา้ 3. ดารงชีพดว้ ยการเลี้ยงปศุสัตวท์ ้งั วัว มา้ แพะ แกะ ทาการเกษตรทง้ั ทา้ นาและทาไร่ 4. งานหัตถกรรมฝีมือเช่น ชา่ งป้นั ชา่ งไม้ ช่างทา้ อาวุธ • ยคุ มหากาพย์ ยุคมหากาพย์ คือ ช่วงเวลาท่ีชาวอารยันได้ขยายตัวเต็มท่ีไปทางตะวันออกเฉียงเหนือและทางใต้ แถบลมุ่ แม่นา้ คงคา อารยธรรมยคุ มหากาพยป์ รากฏในลกั ษณะต่างๆดงั นี้ การปกครองลักษณะคล้ายนครรัฐ เป็นอิสระไม่ขึ้นแก่กัน แคว้นที่มีชื่อเสียงและมีอ้านาจมากใน สมัยน้ัน คือ แคว้นมคธ เร่ืองราวของชาวอารยันปรากฏออกมาในลักษณะของวรรณคดี 2 เร่ือง คือ รามายณะและมหาภารตะ สะท้อนใหเ้ ห็นถงึ การปกครอง สงั คม และเศรษฐกิจของชาวอารยัน

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 29 มีการนาระบบวรรณะมาใช้เพ่ือแบ่งแยกชาวอารยันและพวกดราวิเดียน รวมถึงชาวอารยันด้วยกันเอง โดยแบ่งเป็น 4 วรรณะคือ พราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ และศูทร พวกที่ทาผิดกฎเกณฑ์ของระบบวรรณะ เรียกว่า จัณฑาล ยุคมหากาพย์ศาสนาพราหมณ์มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมามีการปรังปรุงความเช่ือ และคาสอนของศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาฮินดู เทพเจ้าท่ีนับถือสูดสุดมี 3 พระองค์ เรียกว่า ตรีมูรติ ได้แก่ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ ความเชื่อ โคลง บทสวดทางศาสนา ถูกรวบรวมไว้ในคัมภีร์ พระเวท แบ่งเป็น 3 ส่วน เรียกว่า ไตรเวท ฤคเวช ยชุรเวท และสามเวท และยังมีเวทท่ีเกิดขึ้นในสมัย หลังเรียกว่า อถรรพเวท และคัมภรี ์อุปนษิ ัท คมั ภีร์พระเวท วรรณกรรมรามายนะ ที่มา: https://supawann096.wordpress.com ที่มา: https://supawann096.wordpress.com ความร่งุ เรอื งของศาสนาพราหมณ์ ทาใหพ้ วกพราหมณ์มอี านาจมากในสังคม เกดิ ความไม่เสมอภาค ทาให้เกดิ ศาสนาทส่ี าคญั ข้ึนอีก 2 ศาสนา เพอื่ สร้างความเสมอภาคและความสงบสุขในสังคม ได้แก่ •ศาสนาเชน ผ้กู อ่ ตั้ง คือ พระมหาวีระ หลกั ความเชอื่ ท่สี าคัญของศาสนาเชน คือ การทาใจให้ บรสิ ุทธิไ์ มเ่ น้นความทุกข์ทางกายเพือ่ การหลดุ พน้ สู่โมกษะ •ศาสนาพทุ ธ ผู้ก่อตั้ง คือ พระพทุ ธเจ้า หรือเจ้าชายสทิ ธตั ถะ หลกั คาสอนท่ีสาคัญ คือ อรยิ สจั 4 ได้แก่ ทุกข์ สมุทยั นโิ รธ มรรค พระมหาวรี ะผูก้ ่อต้ังศาสนาเชน พระพทุ ธเจ้าผกู้ อ่ ตง้ั ศาสนาพทุ ธ ทีม่ า: https://supawann096.wordpress.com ทมี่ า: https://supawann096.wordpress.com

เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 30 4.การรวมตวั กันของอารยธรรมอินเดยี สมยั ราชวงศ์ •ราชวงศ์โมริยะ (พ.ศ. 220 - พ.ศ. 385) ประมาณพ.ศ. 200 แคว้นมคธภายใตร้ าชวงศน์ ันทาแผ่ อิทธพิ ลไปทว่ั อนิ เดยี เหนอื กลืนกินมหาชนบทท้ังหลายจนหมดแล้ว แต่ในพ.ศ. 223 โกตลิ ยะ จนกั ขยะ ปราชญ์คนหน่ึงได้ขอเขา้ รับราชการกับทางแควน้ มคธ แตพ่ ระเจา้ ธนาแห่งนันทาทรงปฏเิ สธ ทาให้โกตลิ ยะแคน้ จึงยยุ งเจ้าชายจนั ทรคุปต์ โมรยิ ะ เข้ายึดบัลลงั กจ์ ากราชวงศน์ ันทา ตั้งราชวงศโ์ มริยะ พระเจ้า จันทรคปุ ต์ทรงขับพวกกรีกออกจากปญั จาบและคันธาระ และไดด้ ินแดนจากเปอรเ์ ซียมาบางส่วน และ บุกลงไปทางใต้ ยดึ ไดอ้ นิ เดยี เกือบทั้งทวปี ยกเวน้ กลิงครัฐ ตอ่ มาสมัยพระเจา้ อโศกมหาราช ทรงมุง่ ม่ัน มากทจ่ี ะยึดกลงิ ครัฐ ประมาณพ.ศ. 270 จงึ ทรงทาสงครามอยา่ งหนักทาให้ชาวแควน้ กลงิ ครัฐตายเป็น เบือ พระเจา้ อโศกทรงสานึกและหนั เข้าหาพระพทุ ธศาสนาเพอื่ ชดเชยบาปท่ีทรงเคยก่อ หลักฐานท่สี าคญั ในสมัยพระเจา้ อโศกคือเสาต่างท่ีพระเจา้ อโศกทรงใหส้ ลกั พระราชโองการลงไป เรียกว่า เสาพระเจา้ อโศก ซง่ึ กระจายทวั่ อินเดยี พระเจ้าอโศกทรงส่งสมณทตู ออกไปเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาตามดินแดนต่างๆ เป็นการแพรก่ ระจายพระพุทธศาสนาไปยังดนิ แดนอื่น •ราชวงศ์สาตวหนะ (พ.ศ. 313 - 763) ประมาณพ.ศ. 300 อิทธิพลของราชวงศ์โมริยะในอินเดยี ใต้ เส่ือมลง ทาให้อาณาจักรตา่ งๆตั้งตนเป็นอสิ ระอีกคร้ัง ราชวงศ์สาตวหนะ ตง้ั ประเทศข้ึนในอนิ เดียกลาง ในราชวงศโ์ จฬะ และราชวงศ์ปัณฑยะสว่ นราชวงศโ์ มรยิ ะเองกถ็ ูกโคน่ ไปในพ.ศ. 358 โดยราชวงศ์สังกะ อานาจของแควน้ มคธอ่อนแอลง พระเจา้ เดเมตริอสุ ท่ี 1 แห่งแบคเทรีย เปน็ พนั ธมติ รกบั ราชวงศโ์ มรยิ ะ จงึ นาทัพเข้าบุกอินเดยี ตง้ั อาณาจกั รกรีกขึน้ ในแคว้นปญั จาบ ต่อมาพระเจ้าเมนนั เดอร์ (พระเจ้ามลิ ินท)์ สามารถยกทัพบุกปาฏลีบตุ ร เมอื งหลวงของแคว้นมคธได้ อาณาจักรกรีก-อินเดียร่งุ เรอื งภายใตพ้ ระเจา้ เมนนั เดอร์ ศิลปะแบบกรผี สมผสานกับพระพทุ ธศาสนากลายเปน็ พระพุทธรปู องคแ์ รก ในทางกลับกัน ราชวงศ์สงั กะกลบั กดข่ีพระพุทธศาสนา ทาใหช้ าวพทุ ธจานวนมากหนไี ปอยูท่ ี่อาณาจักรกรกี -อินเดยี ประมาณพ.ศ. 400 ราชวงศ์สาตวหนะบุกปาฏลีบตุ ร และยึดมัธยประเทศได้ ราชวงศสงั กะจงึ ถูกราชวงศ์ คันวะ ลม้ ใน พ.ศ. 468 ราชวงศค์ ันวะอยไู่ ด้ไม่นาน ก็ถูกลม้ โดยราชวงศส์ าตวหนะในพ.ศ. 517 ประมาณ พ.ศ. 500 พวกซิเทยี น (Scythians) จากเอเชยี กลางบุกเข้าอนิ เดยี ทาลายอาณาจักรกรีก-อนิ เดยี และยึด ลมุ่ แม่นา้ คงคาได้ ชาวอนิ เดยี เรียกว่าซเิ ทยี นว่าพวกสักกะ (Sakas) จนพวกสักกะตัง้ อาณาจักรยอ่ ย มากมายเรียกว่ากษตั ริยต์ ะวันตก (Western Kshatrapas หรอื Western Satraps) ทางตะวนั ตกของ ราชวงศส์ าตะวะหนะในแคว้นมลั ละ ราชวงศ์สาตวหนะถูกพวกสักกะรุกรานอยา่ งหนัก จนพระเจ้าโคตรมี บุตร สัตตการณ์ แห่งสาตวหนะ เอาชนะพวกสกั กะได้ในพ.ศ. 621 แต่ตอ่ มาพ.ศ. พระเจ้ารุทราดามันของ พวกสกั กะก็เข้าถล่มราชวงศ์สาตวหนะจนย่อยยับประมาณพ.ศ.700 อานาจของราชวงศ์สาตวหนะ เสื่อมลงอาณาจักรต่างๆแยกตัวออกไป

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 31 •ราชวงศก์ ษุ าณะ (พ.ศ. 600 - 918) พวกเยจ่ ่ือ (Yuezhi) เป็นชนเผ่าทางตะวนั ตกของจนี เร่ร่อนอ้อม เทอื กเขาหิมาลัยจนมาถงึ อินเดียประมาณพ.ศ. 600 กุจฬุ า กษุ าณะ รวบรวมเผา่ เย่จือ่ หรือพวกกุษาณะ ขนึ้ เปน็ อาณาจกั รพวกกุษาณะพบกับชาวกรกี -อนิ เดีย จึงรับอารยธรรมกรกี และพระพทุ ธศาสนา ราชวงศ์ กษุ าณะเรืองอานาจสมยั พระเจ้ากนษิ กะ พ.ศ. 670 แผอ่ ทิ ธพิ ลไปทัว่ ทั้งลุ่มแม่นา้ คงคา ขับพวกสกั กะลง ไปทางใต้ แต่พ.ศ. 783 ราชวงศซ์ าสสานิด (Sassanid dynasty) จากเปอร์เซียเข้าบุกยึดอินเดยี และขบั พวกกุษาณะออกไปทางเหนอื พระเจ้าชาร์ปรู แ์ ห่งเปอรเ์ ซียตง้ั ข้าหลวงปกครองอนิ เดยี เรียกวา่ กชุ านชาห์ (Kushanshah) แปลว่า เจ้าแห่งกุษาณะ •ราชวงศ์คปุ ตะ (พ.ศ. 863 - 1149) เมอื่ ไม่มีพวกกุษาณะเปน็ โอกาสใหแ้ ควน้ มคธเรืองอานาจอีกครง้ั ภายใตพ้ วกลจิ ฉวี ในพ.ศ. 863 จนั ทรคปุ ต์ แต่งงานกับลกู สาวพวกลจิ ฉวี จงึ ไดค้ รองแคว้นมคธภายใต้ ราชวงศค์ ปุ ตะ พระโอรสคอื พระเจา้ สมุทรคุปต์ แผ่ขยายอิทธพิ ลคุปตะไปทางใต้แทนทร่ี าชวงศส์ าตวหนะ ประมาณพ.ศ. 900 ราชวงศ์คุปตะก็ได้อนิ เดียไปคร่ึงทวีป และพ.ศ. 952 พระเจ้าจนั ทรคุปตท์ ่ี 2 ปราบ พวกสกั กะในแควน้ มัลละไดห้ มด สมยั คุปตะเปน็ สมยั ท่ีศิลปวัฒนธรรมอินเดียรุ่งเรอื ง เปน็ ยุคทองของ ศาสนาฮินดแู ละพุทธ คัมภรี ์ปุราณะก็ถือกาเนดิ ในสมัยน้ี แต่ราชวงศ์คุปตะกเ็ สอ่ื มลง ด้วยการรกุ ราน จากพวกหนุ ะ หรือ พวกฮ่นั (Huns) หรือ เฮฟทาไลท์ (Hephthalites) จากเอเชยี กลาง พวกหนุ ะบุก ทะลทุ ะลวงเข้ามายึดได้ตั้งแต่เทือกเขาฮนิ ดกู ูชถืงแคว้นมลั ละ ราชวงศ์คปุ ตะอ่อนแอลงและแตกออกเปน็ อาณาจักรย่อยๆ ขณะท่ีราชวงศค์ ปุ ตะยงั คงครองแควน้ มคธอยูแ่ ต่สูญเสยี การควบคุมอาณาจักรอน่ื ส่วนทางใตใ้ นพ.ศ. 888 ราชวงศค์ าดัมบา (Kadamba dynasty) เปน็ ราชวงศค์ ันนาดา เปน็ พวกฑราวทิ ตงั้ ตนขึ้นมามีอานาจแทนราชวงศ์สาตวหนะเดิมและตา้ นทานอนิ ธพิ ลของราชวงศ์คปุ ตะได้ นอกจากพวก ทมฬิ แล้วราชวงศ์คาดมั บาเป็นราชวงศด์ ราวเิ ดยี นราชวงศแ์ รกทไ่ี ด้ปกครองตนเอง ขณะท่ีพวกทมิฬก็ สูญเสยี เอกราชใหแ้ ก่ราชวงศ์กัลพร์ (Kalabhras) •การรกุ รานของชาวมุสลมิ (พ.ศ. 1754 - 1858) มุสลิมเชื้อสายเตริ ก์ (เอเชยี กลาง) ไดข้ ยายอานาจ เข้ามาปกครองลุ่มแม่นา้ สนิ ธุ ตัง้ ราชวงศ์ปกครองอินเดยี ให้เมอื งเดลีเป็นเมืองหลวง การเผยแผศ่ าสนา ของเติร์ก มุ่งใช้วธิ ปี ราบปรามและบบี บงั คับ และมีการเก็บภาษีจิซซา (jizya) จากประชาชนท่ีไม่ได้นบั ถือ ศาสนาอิสลามในอตั ราท่สี งู ผลกระทบท่ีเกิดข้ึน ทาให้มกี ารหาทางออกจากผู้ท่เี ล่ือมใสในศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ซึ่งได้ประยุกตห์ ลกั ของศาสนาให้เข้ากบั ศาสนาอิสลาม และเกิดศาสนาใหม่ขึ้น คอื ศาสนา สขิ จนกระท่งั พวกมคุ ลั ไดล้ ้มอานาจสลุ ต่านแหง่ เดลี และสถาปนาราชวงศ์ใหม่ คือราชวงศ์โมกุล แต่กระนน้ั ก็มกี ารกอ่ กบฏอยู่หลายคร้ัง จนกระท่ังการเขา้ มาของจักวรรดอิ งั กฤษในยุคลา่ อาณานิคม ราชวงศ์โมกลุ แพ้สงครามกบั อังกฤษหลายคร้ัง จนกระทั่งตกเปน็ รฐั อาณานคิ มของอังกฤษในปี พ.ศ. 1858 ภาพวาดท่ีถา้ อชนั ตะสมยั คุปตะ เสาอโศกในสมยั ราชวงศโ์ มรยิ ะ ท่มี า: https://www.google.co.th ทม่ี า: https://www.google.co.th

เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 32 ใบงานท่ี 2.1 เร่ือง ยคุ สมยั ทางประวตั ศิ าสตร์อารยธรรมอนิ เดีย วิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ผลการเรยี นรู้ : วิเคราะหอ์ ิทธิพลของอารยธรรมโลกตะวันออกสมยั โบราณ ที่มีผลต่อพัฒนาการ และการเปลยี่ นแปลงของโลก คา้ ส่งั ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาใบความรู้เร่อื ง ยุคสมยั ทางประวัตศิ าสตร์อนิ เดยี แลว้ เขียนเส้น Time line เพื่อแสดงเหตุการณท์ เ่ี กดิ ข้ึนตามยคุ สมยั ประวตั ิศาสตรอ์ ินเดยี

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 33 ใบงานท่ี 2.2 เรื่อง สภาพภมู ศิ าสตร์ทีส่ ่งผลต่อการสรา้ งอารยธรรมอินเดยี วชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ผลการเรียนรู้ : วิเคราะห์อทิ ธพิ ลของอารยธรรมโลกตะวันออกสมยั โบราณ ท่ีมผี ลต่อพฒั นาการ และการเปลยี่ นแปลงของโลก ค้าสั่ง : ให้นกั เรียนศึกษาแผนท่ขี องประเทศอนิ เดีย แลว้ อธบิ ายว่าสภาพทางภมู ศิ าสตร์ที่ส่งผลต่อการ สรา้ งอารยธรรมอนิ เดยี อยา่ งไร เทอื กเขาหิมาลัย ทีร่ าบสงู เดดข่าน แมน่ ้าคงคา สนิ ธุ มหาสมุทรอนิ เดยี ( นักเรียนสามารถคน้ ควา้ หาข้อมูลเพ่ิมเตมิ จากอนิ เตอรเ์ นตได้ ) .................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................... ............................................................................................................................. ....................................... .................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................... ............................................................................................................................. ....................................... .................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................... ..................................................................................................................................... ...............................

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 34 ใบงานที่ 2.3 เร่ือง การรุกรานและพฒั นาการของอารยธรรมอารยัน วชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ผลการเรียนรู้ : วิเคราะห์อิทธิพลของอารยธรรมโลกตะวันออกสมัยโบราณ ที่มีผลต่อพัฒนาการ และการเปล่ียนแปลงของโลก คา้ สั่ง : ใหน้ ักเรียนศกึ ษาการรกุ รานและพัฒนาการของอารยธรรมอารยันจากใบความรู้ แลว้ สรุป ประเด็นการศึกษาลงในใบงานให้ถกู ต้อง

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 35 ใบงานที่ 2.4 เรื่อง การรวมตวั กันของอารยธรรมอินเดียสมัยราชวงศ์ วชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ผลการเรยี นรู้ : วเิ คราะหอ์ ทิ ธพิ ลของอารยธรรมโลกตะวันออกสมัยโบราณ ที่มีผลต่อพัฒนาการ และการเปลี่ยนแปลงของโลก คา้ สง่ั ใหน้ ักเรียนจับค่ขู ้อทส่ี ัมพันธก์ ันโดยนาข้อความดา้ นบนไปเตมิ ในช่องว่างให้ถูกต้อง สมัยจกั รวรรดิโมกลุ สมยั ราชวงศ์เมารยะ สมยั พทุ ธกาล สมัยราชวงศ์กุษาณะ สมยั ราชวงศ์ คุปตะ .................................. เกดิ ศาสนาพทุ ธ และมกี ารใช้ภาษาบาลี (มคธ) .. เกิดศาสนาเชน ผู้ก่อตั้งคือ วรรธมาน มหาวรี ะ .................................. พวกกุษาณะเปน็ ชนต่างชาติท่ีเข้ามารกุ ราน .. และตงั้ อาณาจักรปกครองอนิ เดียทางตอน เหนือ ดา้ นการแพทย์เจริญมากในสมยั พระ เจา้ กนษิ กะส่งสมทตู ไปเผยแผ่พุทธศาสนา นิกายมหายานทจ่ี นี และธเิ บต พระเจา้ จนั ทรคปุ ต์ ได้รวบรวมแว่นแคว้นในดนิ แดนชมพทู วปี ใหเ้ ปน็ ปึกแผ่น .................................. เร่ิมการปกครองโดยรวบอานาจไว้ทีก่ ษัตรยิ ์และเมืองหลวง .. พระเจ้าอโศกมหาราช สง่ สมทตู ไปเผยแผ่พุทธศาสนาในแว่นแคว้นต่างๆ หลังราชวงศเ์ มารยะลม่ สลาย เกิดการแตกแยกเปน็ แวน่ แคว้น พระเจ้าจนั ทรคุปต์ท่ี 1 ทรงรวบรวมอินเดยี .................................. ใหเ้ ป็นจกั รวรรดิอีกคร้งั หนึ่ง เป็นยุคทองของ .. อินเดียทงั้ ด้านศิลปวัฒนธรรม การเมือง ปรัชญา ศาสนา .................................. .. พระเจ้าบาบรู ์ ผูก้ อ่ ต้ังราชวงศ์โมกลุ นับถือศาสนาอิสลาม เปน็ ราชวงศส์ ดุ ทา้ ยของอนิ เดีย พระเจา้ อักบาร์มหาราช ทรงทะนบุ ารุงอนิ เดียให้มีความเจรญิ รงุ่ เรอื งทกุ ด้าน และทรง ใหเ้ สรภี าพในการนบั ถอื ศาสนา สรา้ งสามคั คีใหเ้ กิดขน้ึ ในชาติ พระเจ้าซาร์ เจฮนั ทรงเปน็ มุสลมิ ทเี่ ครง่ ครดั และศรัทธาใน ศาสนาอิสลาม เปน็ ผสู้ ร้าง ทัชมาฮาล ท่มี ีความงดงาม

เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 36 แบบทดสอบหลังเรยี น เร่อื ง อารยธรรมอนิ เดียโบราณ วชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ผลการเรียนรู้ : วิเคราะหอ์ ิทธพิ ลของอารยธรรมโลกตะวันออกสมยั โบราณ ที่มผี ลต่อพัฒนาการ และการเปล่ียนแปลงของโลก คา้ สัง่ ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบทถี่ ูกทสี่ ุดเพียงข้อเดยี ว 1. จากการทปี่ ระเทศอินเดียเป็นแหล่งอารยธรรม 4. ข้อใด ไม่ใช่ เป็นลกั ษณะทางด้านสังคม โลกข้อใดเปน็ ขอ้ มูลที่สนับสนุนข้อความดงั กลา่ วที่ ในสมัยมหากาพย์หรือสมัยพระเวท สาคญั ที่สดุ ก. มกี ารแบ่งวรรณะอยา่ งเหน็ ชดั มากยิ่งข้ึน ก. เพราะอินเดียมีพน้ื ท่ีกวา้ งใหญ่ง่ายตอ่ การ ข. วรรณะกษตั รยิ ์ทาหน้าทป่ี กครองบา้ นเมือง พฒั นา เปน็ กาลงั ของสังคม ข. เพราะชาวอารยนั เข้ามามีบทบาทต่อการต้ังถิ่น ค. วรรณะพราหมณเ์ ปน็ ผู้ที่มีบทบาทเพ่ิมมาก ฐานและพัฒนาประวัตศิ าสตรอ์ ินเดี ขึน้ และมคี วามสาคญั มาก ค. เพราะอนิ เดียมแี มน่ ้าคงคา –สินธุ ที่มคี วาม ง. มีการปกครองแบบสาธารณรฐั ทีป่ กครอง อดุ มสมบรู ณท์ ีเ่ ปน็ ตัวแปรต่อการตั้งถ่ินฐานของ ด้วยสภาอามาตย์ในระบบรัฐสภา มนษุ ยใ์ นยคุ โบราณ 5. ระบบวรรณะในอินเดยี เกดิ มาจากสาเหตุใด ง. เพราะอนิ เดยี มสี ่งิ ปลูกสร้างทีย่ ิง่ ใหญ่ คือ ก. เม่อื ชาวอารยนั เข้ามาปกครองอนิ เดียและ ทชั มาฮาล 1 ใน 7 ส่งิ มหัสจรรยข์ องโลก กลวั วา่ ชาวดราวเิ ดียนจะกลนื เผา่ พันธ์ุและ 2. สิง่ ใดที่แสดงให้เห็นถึงความเจรญิ รุ่งเรืองของ ขนบธรรมเนียม ประเพณขี องพวกตน อารยธรรมอนิ เดยี ในยุคก่อนประวตั ศิ าสตร์ ข. ชาวอารยันขบั ไลด่ ราวิเดยี นออกไป ก. เมอื งโมเฮนโจดาโร- ฮารปั ปา ค. ชาวดราวเิ ดียนต้องการแยกตัวออกจาก ข. แมน่ า้ คงคา -สินธุ สงั คมอารยนั ค. ทัชมาฮาล ง. ชาวอารยนั มีระบบการปกครองท่ีแน่นอน ง. การนบั ถอื ระบบวรรณะ 6. ขอ้ ใดท่ีมวี รรณะทงั้ 4 ครบในสังคมอินเดยี 3. ความเจรญิ ทเี่ กิดขน้ึ ในยุคก่อนระวตั ิศาสตร์ ก. พราหมณ์ ช่างทอผา้ ขอทาน กรรมกร อินเดยี เป็นความเจริญของชนเผ่าใด ข. นายกรัฐมนตรี พอ่ คา้ ชา่ งตเี หล็ก ขอทาน ก. อารยัน ค. เกษตรกร นักบญั ชี อตุ สาหกรรมพราหมณ์ ข. ดราวิเดียน ง. พราหมณ์ รฐั มนตรี นักการธนาคาร กรรมกร ค. เซไมท์ ง. เปอร์เซีย

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 37 7. เพราะเหตุใดจงึ ถือว่าสมยั ราชวงศ์คุปตะเป็น 9.ขอ้ ใดมคี วามสัมพันธก์ ับราชวงศ์สุดท้ายของ ยคุ ทองของอารยธรรมอนิ เดยี อินเดีย ก. ราชวงศค์ ปุ ตะส่งเสรมิ ใหเ้ ขียนคัมภรี อ์ ุปนิษทั ก. ราชวงศ์นี้มีช่ือวา่ กุษาณะ ซึ่งมีความสาคัญตอ่ วิวฒั นาการของศาสนา ข. มีการสร้างทชั มาฮาลที่ยง่ิ ใหญ่ ตา่ ง ๆท้ังฮนิ ดู พทุ ธ และเซน ค. คมั ภรี พ์ ระเวทไดเ้ กดิ ขึน้ และแบ่งแยกระบบ ข. ราชวงศ์คปุ ตะฟน้ื ฟูพระพุทธศาสนาจน วรรณะไดอ้ ยา่ งชัดเจน ร่งุ เรอื งพรอ้ มทง้ั ลดหยอ่ นกฎเกณฑ์ของระบบ ง. มกี ารบชู าเทพสตรหี รอื เทพมารดา วรรณะลงทาใหช้ าวอินเดยี มชี วี ติ 10. ความเปน็ อย่ดู ขี น้ึ ค. ราชวงศค์ ปุ ตะรับอทิ ธิพลศิลปวัฒนธรรมจาก ภายนอกเข้ามามาก โดยเฉพาะจากกรกี และเปอรเ์ ซยี ทาให้ ศลิ ปวฒั นธรรมอินเดยี มี พัฒนาการรุ่งเรอื งขึ้นมาก ง. สมยั ราชวงศค์ ุปตะมเี สถียรภาพทางการเมือง ภาพน้มี คี วามสาคญั อยา่ งไร เอ้ือใหม้ กี ารส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมจน ก. สร้างขึน้ ในสมัยราชวงศโ์ มรยิ ะเพอ่ื เปน็ การ รุง่ เรืองโดยเฉพาะวรรณกรรมของกาลิทาสจติ เผยแผ่พระพุทธศาสนา กรรมและประติมากรรมในถ้าอชนั ตะ และ ข. เปน็ อนุสรณ์สถานแหง่ การชนะสงคราม พระพทุ ธรปู แบบคปุ ตะ ค. สร้างข้นึ เพ่ือเป็นอนสุ รณแ์ หง่ ความรักโดย 8. ราชวงศโ์ มริยะหรอื เมารยะไดส้ ร้างสรรค์ สมเดจ็ พระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดโิ มกลุ อารยธรรมไว้ต่างๆ มากมาย ยกเว้น ข้อใด ผู้มรี กั ม่นั คงต่อพระมเหสีของพระองค์ ก. ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชได้ก่อสรา้ ง ง. เป็นมหาวิทยาลัยท่ีมีชื่อเสยี งในสมัย ศาสนสถานโดยไดร้ บั อิทธพิ ลจากเปอรเ์ ซยี พทุ ธกาล ข. ภาพแกะสลักของพระเจ้าอโศก ค. สถูปท่ีเมืองสัญจี ง. ภาพเทพเจ้าอพอลโล โชคดจี ้า คะแนนทไ่ี ด้ คะแนนเต็ม 10

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 38 ใบความรูท้ ี่ 3 เรื่อง อารยธรรมญี่ปนุ่ วิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ผลการเรยี นรู้ : วเิ คราะห์อทิ ธิพลของอารยธรรมโลกตะวันออกสมัยโบราณ ที่มีผลต่อพัฒนาการ และการเปลย่ี นแปลงของโลก 1. ยคุ สมัยทางประวตั ิศาสตรญ์ ี่ป่นุ •ยุคโจมง ช่วงประมาณ 10,000 ปีที่แล้วก็ได้มีการผลิตเคร่ืองมือเครื่องใช้ท่ีทาจากหินด้วยความประณีต มีการพัฒนาวิธีการล่าสัตว์โดยใช้คันธนูและลูกธนู ตลอดจนมีการผลิตภาชนะเครื่องป้ันดินเผาใส่อาหาร และเกบ็ รักษาอาหารยคุ ประมาณ 14,000 ปี ถงึ 300 ปี ก่อนคริสตศ์ ักราชเรียกว่า สมัยโจมงตามรูปแบบ เคร่ืองป้ันดินเผาโจมงท่มี ีลวดลายเปน็ เชอื ก •ยคุ ยะโยอิ คาว่ายะโยอิน้ันได้มาจากแขวงหนึ่งในเขตบุงเกียว กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ค้นพบ รอ่ งรอยเกีย่ วกับยคุ นีช้ ว่ งต้นของยุคยะโยอิปรากฏให้เหน็ ถงึ การท่ีได้เรยี นรู้ถึงการเกษตร เช่นการปลูกข้าว การทาเครื่องใช้โลหะ การเคารพบูชาภูติผีปีศาจซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่เข้ามาทางเกาหลีแลแผ่นดินใหญ่ชาว ญี่ปุนใช้เคร่ืองมือเครื่องใช้ทาด้วยเหล็กที่ใช้ในการเพาะปลูกในชีวิตประจาวัน การจัดแบ่งงานทาให้ ช่องวา่ งระหวา่ งผ้ปู กครองดินแดนและผู้อยใู่ ต้การปกครองกว้างขึ้น ในช่วงน้ีรัฐเล็กๆ จานวนมากจึงได้ก่อ ตวั ขนึ้ ทัว่ ประเทศ แหลง่ โยะชโิ นะงะริ เปน็ แหล่งโบราณคดีขนาดใหญ่ของยุคยะโยอิทีต่ ้งั อย่บู นเกาะควิ ชู การขุดคน้ ปรากฏให้เหน็ ถึงส่วนท่เี ก่าแก่ท่สี ุดท่ีถูกสรา้ งขึ้นในช่วง 400 ปีกอ่ น ค.ศ. วัตถุส่วนมากทข่ี ุดคน้ พบนน้ั เปน็ วัตถทุ ี่ทาจากโลหะสมั ฤทธ์ิ รวมท้งั ส่งิ ท่นี าเข้ามาจากจีนแล้ว •ยคุ โคะฟุง โคะฟงุ สสุ านจกั รพรรดนิ ินโตะกุราวปี พ.ศ. 793 (ค.ศ. 250) เร่ือยมาจนถึงการเขา้ มาของศาสนา พุทธ กระท่ังคริสต์ศตวรรษท่ี 7 เรียกว่ายุคโคะฟุง ต้ังช่ือตามสุสานที่นิยมสร้างข้ึนกันในยุคดังกล่าวทั่ว ประเทศรัฐเล็กๆ เหล่านั้นค่อยๆ รวมตัวกัน ในศตวรรษที่ 4 กลุ่มผู้มีความเข้มแข็งทางการเมืองซึ่งมี ศูนย์กลางอยู่ท่ีราบยะมะโตะ ได้มีอานาจปกครองประเทศต้ังแต่ศตวรรษที่ 4 จนถึงศตวรรษที่ 6 มีการ พัฒนาทางด้านเกษตรกรรมขนานใหญ่ และวัฒนธรรมจีนรวมท้ังลัทธิขงจ๊ือและศาสนาพุทธได้เผยแพร่ เข้ามาในประเทศญ่ีปุนผ่านทางเกาหลี ถึงปลายศตวรรษที่ 4 ได้มีการติดต่อระหว่างญี่ปุนกับอาณาจักร บนคาบสมุทรเกาหลี ศิลปะ อุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การทอผ้า งานโลหะ การฟอกหนัง และการต่อเรือ ญ่ีปุนได้รับเอาตัวอักษรแบบจีนซ่ึงมีรากฐานมาจากอักษรภาพมาใช้ และโดยผ่านทางสื่อตัวอักษรน้ีเอง ชาวญีป่ นุ ไดเ้ รียนความรเู้ บอ้ื งตน้ ทางการแพทย์ การใช้ปฏิทินและดาราศาสตร์ ตลอดจนปรัชญาของลัทธิ ขงจอื๊

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 39 •ยุคอะซึกะ จิตรกรรมฝาผนังบนสสุ านทะกะมะสึซกึ ะ จังหวัดนะระ เขียนในชว่ งครสิ ต์ศตวรรษที่ 8 ยุคอะซกึ ะ ยุคอะซึกะคือยุคท่ีศูนย์กลางของระบอบกษัตริย์ยะมะโตะตั้งอยู่ในอะซึกะ จังหวัดนะระ ดารงอยู่ต้ังแต่ ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษท่ี 6 ถึง 8 ในปี ค.ศ. 538เมื่อศาสนาพุทธได้เข้ามาในญี่ปุนเป็นคร้ังแรกจาก ประเทศอินเดียโดยผ่านทางจีนและเกาหลี ผู้ปกครองญี่ปุนได้ถือระบบการปกครองของจีนเป็นแนวทาง ในการสร้างระบบการปกครองของตนราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 6ราชวงศ์สุยของจีนได้ทาการรวม ประเทศใหม่อีกครั้งในรอบ 400 ปี เจ้าชายโชโตะกุ ผู้สาเร็จราชการแทนจักรพรรดินีซุยโกะจึงทรงส่ง คณะราชทูต \"เคนซยุ ชิ\" ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับจีน แล้วด้วยเหตุน้ีญี่ปุนจึงได้รับถ่ายทอดนวัตกรรมจาก แผ่นดินใหญ่มามาก นอกจากน้ันยังทรงตรารัฐธรรมนูญสิบเจ็ดมาตรา ที่มีใจความสาคัญเก่ียวกับการ จดั ระบบของการเมอื งการปกครอง และความสงบสขุ ในบ้านเมือง •ยุคนะระ ญ่ีปุนก้าวเข้าสู่ยุคนะระในปีพ.ศ.1253 (ค.ศ.710) เม่ือเมืองหลวงถาวรแห่งแรกของญี่ปุน เฮโจเกียวได้รับการสถาปนาข้ึนโดยสร้างตามแบบเมืองฉางอาน (เมืองซีอานในปัจจุบัน) เมืองหลวงของ จีนในขณะนั้น มีราชวงศ์ของญ่ีปุนเป็นผู้ปกครอง ราชวงศ์ญี่ปุนประทับอยู่ท่ีเมืองนะระโดยตลอดและ ขยายอานาจไปทั่วประเทศทีละน้อยจนรวมประเทศเป็นปึกแผ่นได้ (ยกเว้นโอะกินะวะ และฮอกไกโด) หากแต่ว่าระบอบการปกครองในยุคน้ีใช้ตามแนวคิดแบบจีน ซึ่งเมื่อมาใช้กับญ่ีปุนแล้ว ไม่เหมาะสมนัก และเกดิ ผลกระทบจากความไม่เหมาะสมนน้ั และเกิดเป็นผลกระทบแบบลูกโซ่ ผลสุดท้ายคือต้องข้ึนภาษี ประชาชนอย่างหนัก ทาให้เฮโจเกียวเป็นเมืองหลวงได้ไม่นานนัก และเพ่ือหนีอิทธิพลของพระในศาสนา พุทธท่ีมีอานาจมาก เมืองหลวงเฮโจวเกียวจึงถูกย้ายไปยังนะงะโอะกะเกียวในปี พ.ศ. 1327 (ค.ศ. 784) และตอ่ มาทีเ่ ฮอังเกียวในปี พ.ศ. 1337 (ค.ศ. 794) ทางด้านวัฒนธรรม การแต่งตัว สถาปัตยกรรม ฯลฯ ยังปรากฏให้เห็นวัฒนธรรมท่ียังคงแบบจีนอยู่ อาจจะมีความแตกต่างกันนิดหน่อยในรายระเอียดย่อยๆ เช่นบันทึกที่เขียนเป็นตัวอักษรจีนแต่อ่านเป็นภาษาญี่ปุน โคะจิกิ บันทึกทางประวัติศาสตร์) นิฮงโชะกิ , บนั ทกึ ทางประวตั ิศาสตรม์ ังโยชู บนั ทึกเกี่ยวกับวรรณกรรม) ฟูโดะกิ (บันทึกเกี่ยวกับภูมิอากาศ) อิทธิพล ดังกล่าวน่าจะมาจากการที่ราชสานักญ่ีปุนได้ส่งคณะราชทูตสู่ ราชวงศ์ถังของจีน \"เคนโตชิ\" ไปสู่แผ่นดินใหญ่เป็นจานวนมากเพ่ือรับวัฒนธรรม และสิ่งของต่างๆ จากเส้นทางสายไหม เช่นถ้วยแก้ว จากยโุ รปตะวันออกกลบั มาสญู่ ป่ี นุ อีกดว้ ย •ยคุ เฮองั ญี่ปุนได้สร้างอารยธรรมใหม่ขึ้นพร้อมๆ กับการล่มสลายของนะระ โดยยุคถัดมาคือ ยุคเฮอัง, เม่ือเมืองหลวงใหม่ซ่ึงเลียนแบบเมืองหลวงของประเทศจีน \"เฮอังเกียว\" ได้รับการสถาปนาเมื่อปี พ.ศ. 1337 (ค.ศ. 794) การย้ายเมืองหลวงไปอยู่ท่ีเมืองเฮอังเกียว นับเป็นจุดเริ่มต้นของสมัยเฮอันซึ่งดารงอยู่ ยาวนาน รงุ่ เรอื ง และยิง่ ใหญ่ทีส่ ดุ สมัยหนึ่งของการพัฒนาการในประเทศญ่ีปุน การติดต่อกับประเทศจีน หยดุ ชะงกั ลงในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 และอารยธรรมญปี่ นุ เรม่ิ ท่ีจะมลี กั ษณะและรปู แบบเป็นของตนเอง ส่ิงเหล่าน้ีนับเป็นกระบวนการของการผสมกลมกลืนและการปรับเปล่ียน โดยท่ีสิ่งต่างๆ ซ่ึงญี่ปุนรับมา จากภายนอกค่อยๆ กลายเป็นรูปแบบของญี่ปุนไปโดยปริยาย ตัวอย่างท่ีเห็นได้โดยท่ัวไปของ กระบวนการนี้ คือการพัฒนาของตัวอักษรญ่ีปุนในสมัยเฮอัน ความซับซ้อนของการเขียนของจีนทาให้ นักเขียนและพระคิดค้นรูปพยางค์ข้ึนสองระบบโดยยึดรูปแบบอย่างของจีน ภายในกลางสมัยเฮอัน ได้มี การปรับปรุงพยัญชนะที่เรียกกันว่า ฮิระงะนะ และคะตะคะนะ และนามาใช้กันอย่างกว้างขวางเช่นการ

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 40 นามาเขยี นในวรรณคดีเรอื่ งนิทานเกนจินบั เป็นการเปิดทางให้แก่งานเขียนที่มีรูปแบบเป็นของญ่ีปุนอย่าง แท้จริง และมีการใช้กันอย่างแพร่หลายแทนถ้อยคาสานวนท่ียืมมาจากภาษาจีน ชีวิตในเมืองหลวงเป็น ชีวิตที่หรูหราและสะดวกสบาย ขณะที่ราชสานักใช้เวลาท้ังหมดไปกับศิลปะและความสุขทางสังคม อานาจท่ีเคยมีเหนือกลุ่มท่ีมีอิทธิพลทางการทหารในหัวเมืองต่างๆจึงเร่ิมจะคลอนแคลน อานาจในการ ควบคุมอาณาจักรอย่างมีประสิทธิภาพได้หลุดมือไป ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 อานาจการปกครอง บ้านเมืองได้หลุดไปอยู่ในมือของตระกูลฟุจิวะระ และได้กลายเป็นส่ิงล่อใจสาหรับตระกูลนักรบที่เป็น ปรปักษ์ต่อกันในช่วงปลายยุค ได้แก่ ตระกูลมินะโมะโตะ และไทระ ซ่ึงเป็นตระกูลท่ีสืบทอดเชื้อสายมา จากจกั รพรรดิองค์กอ่ นๆ ท้งั สองตระกลู ตระกลู มินะโมะโตะและไทระได้ต่อสู้ในการรบท่ีโด่งดังที่สุด และ มีความรุนแรงมากในยคุ กลางอนั วุ่นวายสับสนของญป่ี ุน ในท่สี ดุ ตระกลู มนิ ะโมะโตะเป็นฝุายชนะสงคราม โดยได้ทาลายล้างตระกูลไทระจนพินาศในศึกดันโนะอุระ (Battle of Dannoura) อันเกริกก้องและเลื่อง ลือในปี พ.ศ. 1728 (ค.ศ. 1185) ซึ่งเป็นจุดจบของยุคเฮอัง เมืองหลวงเฮอังเกียว หรือเกียวโตะยังคงมี ฐานะเป็นเมืองหลวงของญี่ปุนมาอีกกว่า 600 ปี กระทั่งสิ้นสุดยุคเอะโดะในปี พ.ศ. 2410 (ค.ศ. 1867) และยา้ ยเมอื งหลวงมาทีโ่ ตเกยี วในอกี 2 ปตี อ่ มา •ยุคคะมะกรุ ะ ชัยชนะของตระกูลมินะโมะโตะแสดงถึงความเส่ือมของบัลลังก์อานาจทางการเมืองของ จักรพรรดิอย่างแทจ้ รงิ และเปน็ จุดเร่ิมตน้ ของการปกครองโดยระบอบศักดินา ยุคกลางของญี่ปุน ภายใต้ การปกครองของ โชกุน หรือผ้ปู กครองทางการทหารท่ีสืบต่อกันมาอีก 700 ปีเร่ิมต้นในปี พ.ศ. 1728 (ค.ศ. 1185) โยะริโตะโมะ หัวหน้าตระกูลมินะโมะโตะที่เป็นผู้ชนะสงครามได้สถาปนาระบบโชกุน หรือ รฐั บาลทหารขึน้ ที่เมอื งคะมะกรุ ะใกลก้ ับนครหลวงโตเกียวในปัจจุบัน และยึดอานาจบริหารบางประการ ท่ีเคยเป็นอานาจของจักรพรรดิในกรุงเกียวโตะเพื่อต้านส่ิงที่ถือว่าเป็นความเส่ือมของเกียวโตะที่ได้ฝักใฝุ ในสันติภาพโชกุนที่เมืองคะมะกุระ ได้สนับสนุนความมัธยัสถ์อดออมและศิลปะการต่อสู้ปูองกันตัว ตลอดจนความมีระเบียบวินัยซ่ึงเป็นส่ิงจาเป็นท่ีจะฟ้ืนฟูอานาจการควบคุมท่ัวท้ังแผ่นดินอย่างมี ประสิทธิภาพกลบั คืนมา โดยเฉพาะอย่างย่ิงการควบคุมกลุ่มที่มีอิทธิพลทางการทหารในจังหวัดที่อยู่ไกล ออกไป สมัยคะมะกุระ ซ่ึงเป็นช่ือเรียกยุคของระบบโชกุนของโยริโตะโมะเป็นยุคที่มีแนวคิดในเรื่องของ ความกล้าหาญและรกั เกียรติยศ (bushido) ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของซามูไร •ยคุ มุโระมะจิ ตระกลู อะชิคะงะได้ขนึ้ เป็นตระกูลโชกุน โดยมีโชกุนคนแรกคืออะชิคะงะ ทะกะอุจิมีบะหรือค่าย ทหารอยู่ที่มุโระมะจิในกรงุ เกยี วโต ยคุ นี้มีการพัฒนาระบบชลประทาน การเพาะปลูก และเกิดการเติบโต ของกิจการค้าขายและบริการ ในยุคน้ีระเบียบวินัยที่เคร่งครัดของลัทธิบุชิโดแสดงให้ปรากฏท้ังในด้าน ความงามทางศิลปะและศาสนา และมีอิทธิพลลึกล้าต่อศิลปะของประเทศ ลักษณะเด่นซ่ึงคงอยู่แม้ใน ปัจจุบันน้ีคือลักษณะของความอดกลั้น และความเรียบง่าย ยุคน้ียังเป็นยุคแรกที่ชาวตะวันตกกลุ่มแรก ชาวโปรตุเกสได้เข้ามาสู่ญี่ปุน เกิดการลอบสังหารโชกุนขึ้น ทาให้การปกครองระบอบโชกุนเส่ือมถอยลง และเกิดเป็นสงครามกลางเมื่องข้ึนในปี พ.ศ. 2019 (ค.ศ. 1476) สงครามดาเนินมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 41 •ยุคอะซจุ ิโมโมะยะมะ ญ่ปี ุนเขา้ สู่ ยุคอะซุจิโมโมะยะมะ ในปี พ.ศ. 2116 (ค.ศ.1573) ผู้สถาปนาคือ โอะดะ โนะบุนะงะ เขามีเจตนารมณ์ท่ีจะรวมประเทศญี่ปุนที่ยังไม่เป็นปึกแผ่นให้อยู่ในผู้นาเพียงคนเดียว แต่เมื่อเกิด เหตุการณ์ที่วดั ฮนโนในปี พ.ศ. 2125 (ค.ศ. 1582) โนะบุนะงะเสียชีวิต โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ นายพล นายหนึ่งของเขาจึงได้เป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อมา และสามารถรวบรวบประเทศญ่ีปุนได้สาเร็จในปี พ.ศ. 2133 (ค.ศ. 1590) ยุคน้ีเป็นยุคท่ีมีการพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เซรามิก ภาพวาด เครื่องเงิน อุปกรณ์เก่ียวกับชา ฯลฯ ซ่ึงทาให้นับได้ว่ายุคนี้เป็นยุคท่ีหรูหราท่ีสุดยุคหนึ่งของญ่ีปุน วัฒนธรรมใหม่ๆ จากตะวนั ตก เช่นการใชป้ นื คาบศิลา การสอนคริสตศ์ าสนากไ็ ดเ้ จริญรงุ่ เรืองในยคุ นด้ี ว้ ย •ยุคเอะโดะ อิเอะยะสึต้ังตนเป็นผู้ปกครองญ่ีปุนทั้งประเทศท่ีมีอานาจอย่างแท้จริง โดยข้ึนดารงตาแหน่งโช กุนทเี่ มอื งเอโดะ ล้มล้างอารยธรรมโมโมะยะมะ และสร้างอารยธรรมใหม่ขึ้น ทาให้ยุคอะซุจิโมโมะยะมะ จบลงใน ค.ศ. 1603 และปเี ดียวกนั นน้ั กถ็ ือเป็นจุดเริ่มต้นของ ยุคเอะโดะซึ่งเป็นจุดแห่งการเปลี่ยนแปลง ทสี่ าคัญในประวตั ิศาสตรญ์ ี่ปุน โชกุนอเิ อะยะสไึ ด้สร้างแบบแผนแทบจะทุกแง่มุมของวิถีชีวิตของประเทศ ญ่ีปุน โดยเฉพาะอย่างย่ิงสถาบันทางการเมืองและสังคมให้เป็นแบบอย่างต่อมาอีก 265 ปี การที่โชกุน โทะกุงะวะดาเนินการปิดประเทศจากโลกภายนอกโดยส้ินเชิงในปี พ.ศ. 2182 (ค.ศ. 1639) นับเป็นวิธี หนง่ึ ท่จี ะรักษาเสถยี รภาพของโครงสร้างทางสงั คมและการเมอื งทีอ่ ิเอะยะสึได้ก่อตั้งขึ้น ชาวตะวันตกกลุ่ม แรกได้เดินทางมาถึงชายฝ่ังญ่ีปุนในศตวรรษก่อนคือในสมัยมุโรมาจิ พ่อค้าชาวโปรตุเกสขึ้นบกท่ีเกาะ เล็กๆ เกาะหน่ึงทางตะวันตกเฉียงใต้ของญ่ีปุนในปี พ.ศ. 2086 (ค.ศ. 1543) โดยได้นาอาวุธปืนเข้าใน ประเทศญี่ปุน อีกไม่ก่ีปีต่อมาคณะผู้สอนศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกนาโดยนักบุญ ฟรานซิสโก ซาเวียร์ ตลอดจนชาวสเปนอีกหลายกลุ่มได้เดินทางเข้ามาในประเทศญ่ีปุน กลุ่มพ่อค้าชาวเนเธอร์แลนด์ และอังกฤษก็ได้เขา้ มาตง้ั รกรากในแผน่ ดินญี่ปุนด้วยเช่นกนั การหลั่งไหลเข้ามาของชาวยโุ รปมีผลกระทบต่อญ่ีปุนอย่างมาก คณะผู้สอนศาสนาทาให้ชาวญี่ปุน เปล่ยี นศาสนากนั มาก โดยเฉพาะทางตอนใต้ของญ่ปี นุ โชกุนตระหนักดีว่าศาสนาคริสต์อาจจะมีอานุภาพ ในการทาลายทัดเทียมกับอาวุธปืนท่ีเข้ามาในญ่ีปุน ในที่สุดได้มีการส่ังห้ามเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในญ่ีปุน และโชกุนโทะกุงะวะได้ออกคาสั่งห้ามชาวต่างชาติทุกคนเข้าประเทศญ่ีปุน ยกเว้นกลุ่มพ่อค้าชาว เนเธอร์แลนด์กลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่ถูกจากัดบริเวณอยู่ที่เกาะเดะจิมะท่ีอ่าวนะงะซะกิ ตลอดจนชาวจีน จานวนหนึ่งท่ีอาศัยอยู่ท่ีนะงะซะกิ และทูตจากราชวงศ์ลีของประเทศเกาหลีท่ีเดินทางมาญี่ปุนเป็นครั้ง คราว เปน็ เวลา 250 ปที ่ีญ่ีปุนไดต้ ดิ ตอ่ กบั โลกภายนอกผ่านกลุ่มคนเหล่าน้ีเท่านั้น นักวิชาการญ่ีปุนได้รับ ความรู้เบ้ืองต้นเกี่ยวกับการแพทย์ตะวันตกและวิทยาศาสตร์แขนงอ่ืนๆ โดยผ่านทางกลุ่มพ่อค้าที่เมือง เดะจิมะในระหว่างระยะเวลาแห่งการแยกตัวอยู่อย่างโดดเดีย่ วอนั ยาวนานของประเทศ ประชากรท้งั หมดแบง่ ออกเปน็ 4 ระดบั เรียกกันว่า \"มิบงุ เซ\"ประกอบดว้ ย 1. นกั รบ หรอื ซามูไร (ประมาณรอ้ ยละ 5 ของประชากรทง้ั หมด) 2. ชาวไร่ชาวนาโนมิง, ประมาณรอ้ ยละ 80 ของประชากรทั้งหมด) 3. ช่างฝมี ือ 4. พอ่ คา้

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 42 ความสงบสุขจากการปิดประเทศเป็นเวลานานทาให้ชนท่ีอยู่ใต้อานาจปกครองอย่างเช่นชาวเมืองได้มี โอกาสท่ีจะประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ใหม่ๆ ข้ึนมาไปเป็นทางของตนเอง ได้เกิดความนิยมในการเรียนวิทยาการ ใหมๆ่ เชน่ แพทยศาสตร์ ดาราศาสตร์ ภูมศิ าสตร์ คณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ ชาวนาเองท่ีมีหน้าที่ ทานายงั ต้องมาศกึ ษาวทิ ยาการเหล่านี้เพือ่ คดิ คานวณผลกาไรท่ีตนเองได้ การศึกษาที่เสมือนกับการเรียน พิเศษที่เรยี กวา่ เทระโกะยะจึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในปี พ.ศ. 2396 (ค.ศ. 1853) พลเรือจัตวา แมทธิว ซี เพอร์รี แห่งสหรัฐอเมริกา นากองเรือ 4 ลาเข้ามาในอ่าวโตเกียว พลเรือจัตวาแมทธิวกลับมาอีกคร้ังในปีถัดมา และประสบความสาเร็จในการ ชักจูงให้ญี่ปุนลงนามในสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีกับประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อมาในปีเดียวกันนั้นเอง ญีป่ นุ ได้ลงนามในสนธิสัญญาทานองเดียวกันกับประเทศรัสเซีย อังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ ดังน้ันจึงเป็น การเปิดประเทศญี่ปุนอีกครั้งหนึ่ง ส่ีปีต่อมาสนธิสัญญาเหล่าน้ีได้ถูกเปล่ียนเป็นสนธิสัญญาทางการค้า และญ่ีปุนได้ลงนามในสนธิสัญญาทานองเดียวกันน้ีกับประเทศฝรั่งเศสด้วยผลกระทบจากเหตุการณ์ เหลา่ น้ี เพิ่มความกดดนั แห่งกระแสทางสังคมและการเมือง ซึ่งกัดกร่อนรากฐานของโครงสร้างระบบศักดิ นาทีละนอ้ ย ความวุน่ วายครงั้ ใหญไ่ ด้เกดิ ขึน้ กินเวลาประมาณทศวรรษ จนกระทั่งระบบศักดินาของโชกุน โตกงุ าวะไดส้ น้ิ สุดลงในปี พ.ศ. 2410 (ค.ศ. 1867) และได้ถวายอานาจอธิปไตยท้ังมวลคืนพระจักรพรรดิ ในการปฏิรปู เมจิ (Meiji Restoration) ในปตี ่อมา •ยุคเมจิ การปฏิรูปเมจิ ทาให้ยุคเอะโดะสิ้นสุดใน พ.ศ. 2411 (ค.ศ. 1868) และปีเดียวกันนั้นนับเป็น การเร่ิมต้นของยุคเมจิ เป็นสมัยท่ีเด่นที่สุดสมัยหนึ่งในบรรดาประวัติศาสตร์ของประเทศ ภายใต้การ ปกครองของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ ญ่ีปุนได้บรรลุความสาเร็จในการพัฒนาประเทศโดยใช้เวลาเพียง ไม่ก่ีทศวรรษ กล่าวคือการสร้างสรรค์ประเทศให้เข้าสู่ยุคใหม่ด้วยอุตสาหกรรม พัฒนาสถาบันทาง การเมอื งและรูปแบบของสงั คมแบบใหม่ ทงั้ ทป่ี ระเทศตะวนั ตกต้องใช้เวลาพัฒนานานนับศตวรรษในช่วง ปีแรกๆ ของการครองราชย์ สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิทรงย้ายเมืองหลวงจากกรุงเกียวโตไปอยู่ที่เมือง เอโดะ ซึ่งเป็นท่ีต้ังของรัฐบาลระบบศักดินาท่ีผ่านมา และได้ทรงเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงเป็นโตเกียว ซ่ึงแปลว่า \"เมืองหลวงตะวันออก\" มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ตลอดจนต้ังคณะรัฐมนตรี และสถาบัน นิตบิ ญั ญัติระบบสองสภา ยกเลิกการแบ่งชนชั้นแบบเก่าของสมัยศักดินา ญี่ปุนท้ังประเทศทุ่มเทพลังงาน และความกระตอื รือรน้ ในการศึกษาและรับอารยธรรมตะวันตกมาใช้ การปฏิรูปเมจิเหมือนกับการทลาย ของเขอื่ นทก่ี อปรดว้ ยพลังและแรงผลักดันสะสมมานบั ศตวรรษ ต่างชาติเองรู้สกึ ถงึ ความรุนแรงและความ ตื่นตัวท่ีเกิดจากการปลดปล่อยพลังเหล่านี้ออกมาในฉับพลัน ก่อนจะส้ินศตวรรษท่ี 19 ญ่ีปุนเข้าร่วม สงครามจีน-ญ่ีปุนครัง้ ทหี่ นึ่ง ระหวา่ งปี ค.ศ. 1894-95 ซง่ึ ลงเอยดว้ ยชยั ชนะของญ่ีปุน ผลของสงครามคือ ญ่ีปุนได้ไต้หวันมาจากจีน สิบปีต่อมาญี่ปุนประสบชัยชนะอีกคร้ังหน่ึงในสงครามรัสเซีย-ญ่ีปุน ระหว่างปี ค.ศ. 1904-05 และยดึ ได้ซคั คาลินตอนใต้ ซ่งึ ยกให้รสั เซียเม่ือปี ค.ศ. 1875 เพื่อแลกกับเกาะคูริล และทา ให้ชาวโลกรับรู้ว่าญี่ปุนมีความสนใจในดินแดนแมนจูเรียเป็นพิเศษ หลังจากท่ีได้กาจัดอานาจอื่นๆ ท่ีจะ มามีอิทธิพลเหนือเกาหลีแล้ว ในตอนแรกญ่ีปุนได้จัดการให้เกาหลีเป็นดินแดนในอารักขา และผนวก เกาหลีในเวลาต่อมาคือในปี ค.ศ. 1910 สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิทรงปกครองประเทศด้วยความเข้าใจ ถ่องแท้และสร้างสรรค์ ซึ่งการปกครองของพระองค์ช่วยนาประเทศให้ผ่านพ้นช่วงทศวรรษแห่งการ เปล่ียนแปลง พระองค์เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1912 ก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งท่ี 1 เมื่อสงครามโลก ครง้ั น้ีส้นิ สุดลง ญี่ปุนก็ไดร้ บั การยอมรบั ว่าเปน็ หนึ่งในประเทศมหาอานาจของโลก เพราะญ่ีปุนได้เข้าร่วม

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 43 สงครามโลกเน่ืองจากได้ทาสัญญาเป็นพันธมิตรกับประเทศอังกฤษไว้เมื่อปี ค.ศ. 1902และสมเด็จพระ จักรพรรดิไทโช ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ ใน ค.ศ. 1912 ทาให้ปี 1912 นับเป็นปีส้ินสุดของยุคเมจิ และเป็นจุดเร่ิมต้นของ ยุคไทโช และจักรพรรดิไทโชเสด็จสวรรคตใน ค.ศ. 1926 และสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโต ครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระจักรพรรดิไทโช ซ่ึงทาให้ปี 1926 เปน็ จุดส้ินสุดสมยั ไทโช และเปน็ จุดเร่มิ ต้นของยคุ โชวะ 2. สภาพภมู ศิ าสตรท์ ่ีมีผลต่อชาวญี่ปนุ่ มดี งั น้ี 1. มคี วามร้สู ึกโดดเดี่ยวและรักพวกพ้องอย่างแน่นแฟูน 2. ญ่ีปุนมีอารยธรรมส่วนใหญ่มาจากจีน ในเวลาต่อมาก็รบั มาจากชาตติ ะวนั ตก 3. มที า่ เรอื ดี ๆ ทาให้ชาวญ่ีปนุ ชอบใช้วธิ ที างทะเลเพื่อเปดิ ประเทศ และสามารถปรบั ปรงุ บา้ นเมืองได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะทางนาวี การขนส่ง และการคมนาคม 4. ชาวญ่ปี ุนตง้ั ใจทจี่ ะเขา้ ไปมีอิทธิพลในแผน่ ดนิ ใหญ่ของทวีปเอเชยี และพยายามกดี กันชนชาติ อ่ืน เนื่องจากญ่ปี ุนต้องการใช้จีนเป็นแหล่งระบายพลเมอื งและแสวงหาผลประโยชน์ 5. มีชนหลายเผา่ พันธอุ์ พยพเขา้ มาต้ังรกรากตง้ั แตส่ มัยก่อนประวตั ศิ าสตร์ เช่นพวกไอนุ มองโกลอยด์ ชนเผา่ ทางตอนเหนือทผี่ า่ นมาทางเกาหลี เปน็ ตน้ 6. ชาวญี่ปุนส่วนใหญ่ชอบต้ังบา้ นเรือนบนทร่ี าบตดิ ชายฝง่ั เชน่ โตเกยี ว โยโกฮามา ซับโปโร ฯลฯ และมีอาชพี ประมง 7. ในสมัยใหม่ ญี่ปุนจะคมุ การค้าและเส้นทางการเดินเรอื ขนส่ง หรือการคมนาคมต่าง ๆ ทางฝงั่ ตะวนั ออกของเอเชยี 8. สภาพภมู ศิ าสตรท์ ่ีเป็นเกาะ ภเู ขา หบุ เขา และท่ีราบผืนเลก็ ๆ ช่วยให้การอยูร่ วมกนั ในลกั ษณะ โครตตระกลู และระบอบศักดินาของญ่ปี ุนเกิดขน้ึ ได้อยา่ งงา่ ยดาย 9. สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาตทิ ง่ี ดงาม ทาให้ชาวญป่ี นุ รักสวยรกั งาม รกั ความสะอาด และเกิดลัทธิ ชนิ โต 10. เหตผุ ลทางภมู ิศาสตร์ช่วยให้ชาวญป่ี นุ เขา้ ใจตะวันตกได้อย่างรวดเรว็ และสามารถตอบโต้ได้ อยา่ งทันทว่ งที จนทาใหช้ าวญปี่ ุนเชือ่ ม่นั ว่า เทพเจา้ ได้กาหนดใหต้ นเปน็ ผู้ทาใหช้ าวเอเชยี ก้าวเขา้ สูค่ วาม เปน็ สมัยใหม่ 11. จากสภาพลมฟูาอากาศท่ีเหมาะสม ไมห่ นาวจดั ไม่รอ้ นจัด ทาใหช้ าวญ่ปี ุนเปน็ คนทมี่ คี วาม ขยันขันแข็ง อดทนพากเพยี รพยายาม และมีความมนั่ ใจในตนเองสงู ดว้ ยเหตุผลนจ้ี ึงทาใหช้ าวญี่ปุน ประสบความสาเร็จในดา้ นต่างๆ อีกท้ังเปน็ ปัจจยั ที่ทาให้ญ่ีปุนนาพาประเทศไปสคู่ วามเป็นผนู้ าและ กา้ วหนา้ ได้อย่างรวดเร็วดังเช่นในปจั จบุ นั ในปจั จุบนั นีช้ าวญี่ปุนสว่ นใหญม่ อี าชพี อยู่ในอตุ สาหกรรม ซึง่ ถงึ แมญ้ ป่ี นุ จะเปน็ ประเทศท่ีขาด แคลนทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ามนั เหล็ก ถา่ ยหนิ ฯลฯ แต่ญีป่ ุนก็ยังคงเปน็ ประเทศที่มีความก้าวหน้า มากท่ีสดุ ประเทศหนึ่งในกล่มุ ประเทศอุตสาหกรรมช้ันนาของโลก • เผา่ พนั ธโุ์ บราณของญ่ีปุน ชาวญป่ี ุนโบราณมี 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ดงั นี้ 1. พวกไอนุ ถือวา่ เปน็ บรรพบุรษุ กลุ่มแรกของญป่ี ุนทอ่ี พยพเข้ามาต้ังรกรากอย่บู นเกาะฮอกไกโด ทางภาคเหนือของญปี่ ุนในช่วงประมาณ 20,000 - 10,000 ปีก่อนครสิ ตกาล โดยเปน็ พวกทม่ี ีเชอ้ื สาย คอเคซอยด์มากกวา่ มองโกลอยด์ ดังนน้ั จึงมลี ักษณะคล้ายชาวยโุ รปมากกวา่ ชาวเอเชยี น่ันคอื เป็นคนผิว

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 44 ขาว หน้าแบน ตาสฟี าู จนดก และมีรปู ร่างไม่สงู นัก ปัจจุบันพวกไอนจุ ะอาศัยอยู่มากบนเกาะฮอกไกโด และเกาะคูริล 2. พวกมองโกลอยด์ เปน็ กล่มุ ชนจากทางภาคเหนือของเอเชยี ซงึ่ ต่อมาก็คือ ผู้สร้างความเจริญ ใหแ้ ก่ญ่ีปุน 3. ชาวจีน เป็นกลุ่มสุดทา้ ยทเี่ ดินทางเขา้ มาส่ญู ปี่ ุน โดยเป็นชาวจนี ทอี่ พยพมาจากทางใต้และ ภาคตะวนั ออกของจนี ทงั้ นี้จะรวมถงึ พวกท่ีอพยพไปจากหมเู่ กาะทางภาคใต้ โดยเฉพาะจากมลายูและ อนิ โดนีเซยี เราทราบเรอื่ งราวตา่ ง ๆ ของญป่ี ุนโบราณจากหลักฐาน 2 ประเภท ได้แก่ 1. หลกั ฐานทไ่ี มเ่ ป็นลายลกั ษณ์อักษร เชน่ หลกั ฐานทางดา้ นโบราณคดี โบราณวตั ถุตา่ ง ๆ ฯลฯ 2. หลกั ฐานทเ่ี ปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษร มี 3 แหล่ง คือ 2.1 เอกสารที่เป็นของชาวจีน เชน่ บนั ทึกของนักเดินทาง พ่อคา้ และพระสงฆ์ท่ีเดินทางเขา้ ไป ในญป่ี ุน 2.2 บนั ทึกของชาวเกาหลี ซึง่ เกาหลีเคยเป็นเมืองขึ้นของญีป่ นุ นานถึง 500 ปี 2.3 หนงั สอื ประวัติศาสตรก์ ารตง้ั ถิ่นฐานทชี่ าวญี่ปุนเรยี บเรยี งขึ้นมาเอง ซง่ึ ไดร้ ับแนวคดิ มาจาก นกั เขยี นชาวจนั มีอยู่ 2 เลม่ ได้แก่ หนงั สอื โคจิกิ หรือบันทึกเหตุการณใ์ นอดตี และหนงั สือนิฮอง โชกิ หรอื พงศาวดารญ่ีปุน • ความเจริญของญป่ี นุ โบราณท่ีทราบมาจากหลักฐานทีไ่ ม่เป็นลายลักษณ์อกั ษร ไดแ้ ก่ 1. วัฒนธรรมโจมอน (3,000 - 300 ปกี อ่ นคริสตกาล) เป็นวฒั นธรรมเครื่องป้นั ดินเผาร่นุ แรกของ ญปี่ ุนในสมัยหินกลาง หรือทีเ่ รยี กว่า \"วฒั นธรรมเคร่ืองป้นั ดินเผาโจมอน\" ซ่ึงเปน็ เครื่องปั้นดินเผาทม่ี ลี าย เชือกปรากฏอยู่ท่ีวไปอย่างเด่นชดั แหล่งที่พบมากที่สดุ ได้แก่ พ้ืนที่ทางภาคตะวนั ออกและทางภาคเหนอื ของญป่ี ุนสังคมในสมยั น้เี ป็นสังคมเรร่ ่อนพเนจร ล่าสัตวแ์ ละเก็บอาหารจากปุา รวมทงั้ ไม่มีทีอ่ ยู่อาศยั เป็น หลักแหลง่ ที่แนน่ อน 2. วฒั นธรรมยาโยอิ (300 ปกี อ่ นคริสตกาล - ค.ศ. 300) เป็นวฒั นธรรมในยตุ หนิ ใหม่ท่พี บมากบน เกาะควิ ชิว หลกั ฐานท่ีสาคญั เช่น เคร่อื งปั้นดนิ เผายาโยอิ การนาเหล็กและทองสาริดจากจนี มาหลอ่ เป็น ดาบ หอก และที่น่าสนใจท่ีสดุ คอื ระฆงั สาริดหรือโดทากุ สว่ นสังคมในสมยั นจี้ ะเปน็ สังคมแบบ เกษตรกรรม และไมเ่ น้นการลา่ สตั วเ์ หมือนในสมัยโจมอน 3. วฒั นธรรมทูมูลิ เปน็ วฒั นธรรมทร่ี ับมาจากเกาหลโี ดยผา่ นชนช้ันสูงในสงั คม ซึ่งจะมลี ักษณะเป็น สสุ านหรอื หลุมฝงั ศพขนาดใหญท่ ีใ่ ช้บรรจพุ ระศพของบุคคลสาคญั ของประเทศโดยเฉพาะองคจ์ ักรพรรดิ ทั้งนจ้ี ะมีการนาเครื่องมือเคร่ืองใช้ เชน่ รปู ตุ๊กตาดินเผาหรือตัวฮานีวา อาวุธของนักรบ และ เครอ่ื งประดับตา่ ง ๆ ฝังรวมลงไปในหลุมฝงั ศพดว้ ย ซึง่ ทีส่ วยงามทสี่ ุด ได้แก่ หลุมฝงั่ ศพของจักรพรรดิ นินโทกุ • ความเจริญของญีป่ ุนทีท่ ราบมาจากหลกั ฐานที่เปน็ ลายลกั ษณ์อักษร จากหนงั สือโคจิกิและหนงั สอื นิฮองโชกิ ได้กลา่ วถึงเรือ่ งราวของชาวญี่ปุนในลักษณะของเทพนิยาย วา่ แผน่ ดินญี่ปนุ สร้างขึ้นโดยเทพเจ้า มศี ูนย์กลางอยู่บนที่ราบยามาโตทางตอนกลางของเกาะฮอนชู องค์ จักพรรดิและประชาชนล้วนสืบทอดเช้ือสายมาจากเทพเจ้าทั้งส้ิน โดยจักรพรรดิพระองค์แรกซึ่งเป็นผู้ ก่อตง้ั ประเทศญ่ีปุนทรงมพี ระนามว่า \"จมิ มู เทนโน\" เป็นผู้สืบเช้ือสายมาจากเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์หรือ

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 45 เทพีอะมาเตระสึ ซึ่งขึ้นครองราชย์เม่ือประมาณปี 660 ก่อนคริสตกาล สัญลักษณ์ท่ีสาคัญขององค์ จักรพรรดิ ได้แก่ กระจกเงา เพชรพลอยรูปโค้ง และดาบเหล็ก ท้ังน้ีหลังจากขึ้นครองราชย์ จักพรรดิจิมมู เทนโน และจักรพรรดิองค์ต่อ ๆ มา ได้ขยายอาณาจักรไปทั่วเกาะญี่ปุน รวมทั้งขยายอิทธิพลทาง การเมืองไปทั่วคาบสมุทรเกาหลอี กี ด้วย เครื่องปั้นดินเผาสมยั โจมง การศกึ ษาในเทะระโกะยะในญีป่ ุน ท่ีมา: https://th.wikipedia.org. ทม่ี า: https://th.wikipedia.org. โทกกุ าวะ อเิ อยาสึ ผสู้ รา้ งชาตญิ ปี่ ุน ที่มา: https://th.wikipedia.org.

เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า อารยธรรมตะวนั ออก ส30270 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 46 ใบงานที่ 3.1 เร่อื ง ยุคสมัยอารยธรรมญีป่ ุน่ วิชา อารยธรรมตะวันออก ส30270 ผลการเรียนรู้ : วิเคราะห์อทิ ธพิ ลของอารยธรรมโลกตะวันออกสมัยโบราณ ท่ีมีผลต่อพัฒนาการ และการเปลย่ี นแปลงของโลก ตอนที่ 1 คาสั่ง : ใหน้ กั เรียนจับค่ขู ้อที่สมั พันธ์กนั 1.สมยั เริ่มแรก 2.สมัยนาระ 3. สมัยเฮอัง 4. สมยั โชกนุ 5.สมยั สรา้ งชาติ .......... 1. ญป่ี ุนรบั ระบบการถือครองที่ดนิ จากจีนเรยี กวา่ ระบบโชเอ็น เปน็ ระบบการกระจายอานาจใน การถือครองกรรมสิทธท์ิ ด่ี ิน .......... 2. มีการตรารัฐธรรมนญู ๑๗ มาตรา โดยกาหนดใหเ้ มืองยามาโตะ๊ (นาระ) เป็นศูนยก์ ลางการ ปกครองและรวมอานาจไว้ที่จักรพรรดิ ตามแบบราชวงศ์สยุ และราชวงศ์ถงั ของจนี ได้สาเร็จ .......... 3. เรียกว่า “ยคุ โคะฟงุ ” ตั้งชือ่ ตามสุสานทน่ี ิยมสรา้ งสุสานฝงั ศพของชนชัน้ สงู หรอื นกั ปกครอง ...........4.วรรณกรรมเรอ่ื ง มันโยชู เป็นงานชิ้นเอก ซึ่งได้บรรยายความร้สู ึกของการใช้ ชวี ิตอย่างสมถะ ของคนญีป่ นุ ในสมยั โบราณไดอ้ ย่างตรงไปตรงมา ...........5. มีเมอื งหลวงแหง่ แรกคือ “เมืองเฮโจเคียว ...........6. มวี ฒั นธรรมอาสุกะ เปน็ วัฒนธรรมพทุ ธศาสนาวัฒนธรรมแรกๆของญี่ปุนวัฒนธรรม ฮะคุโฮ๊ะ เป็นวัฒนธรรมทางพุทธศาสนาท่แี สดงถงึ ความทกุ ขย์ ากของมนษุ ย์ ...........7. มกี ารยึดระเบียบวินัยทเ่ี ครง่ ครดั ของลัทธิบูชิโด ซ่งึ ลทั ธินยี้ อมรบั และยก ย่องวิถีแห่งคนกล้าโดย ถือเป็นหลกั การของซามูไรที่ยึดหลกั ความ จงรักภกั ดี เสยี สละความละอาย มีมารยาท อ่อนนอ้ มเกียรติยศ ซ่ึงลัทธนิ ้ีเปน็ การผสมผสานความเชอ่ื ทางพระพทุ ธศาสนานิกายเชน คาสอนของขงจือ๊ และศรทั ธาในลัทธิชินโต ...........8. โอดะโนบนุ ากะ สามารถใชน้ กั รบเพียง ๓,๐๐๐ คน ต่อสแู้ ละพิชติ กองทัพขนาด ๒๕,๐๐๐ คน ...........9. วรรณกรรมเกดิ ขึน้ ในยคุ แรกเรยี กวา่ โคกิจิ เปน็ บันทกึ ประวตั ิศาสตร์ฉบบั เกา่ แกท่ ่สี ดุ ...........10. กาหนดให้มรี ะบบขุนนางราชการ ๑๒ ตาแหนง่ มกี ารปฏิรูปท่ีดนิ ทาลาย ระบบนายทุนทด่ี ิน และเรียกชื่อประเทศของตนวา่ “ นิฮอน” ...........11. แต่งต้งั รัฐบาลทหารขึน้ เรยี กวา่ บะกุฟุ ( Bakufu ) ...........12. สมัยนีถ้ อื ได้วา่ เปน็ ยคุ ทองของญป่ี ุน ...........13. มีการปกครองระบบศักดนิ า โชกุนมีอานาจมากกว่าจกั รพรรดิ ...........14. ชาวเกาหลไี ด้นาวิทยาการต่างๆ เช่น การผลติ โลหะ เคร่ืองป้ันดินเผา การถลุงเหล็ก ฟอกหนงั ศาสนา เขา้ มาเผยแพรใ่ นประเทศญีปนุ เรม่ิ มีการใช้ตวั อกั ษรคนั จิเกดิ ข้นึ