Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นวัตกรรม KING BHUMIBOL Model

นวัตกรรม KING BHUMIBOL Model

Published by nontawat50110, 2022-07-12 08:28:05

Description: นวัตกรรม KING BHUMIBOL Model

Keywords: KING BHUMIBOL Model

Search

Read the Text Version

การพฒั นานวตั กรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา อย่างมมี าตรฐาน ด้วย KING BHUMIBOL MODEL. ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ (ฉบับปรบั ปรงุ )

นวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาอย่างมีมาตรฐานด้วย KING BHUMIBOL MODELเป็นนวัตกรรมที่เกิดจากการร่วมคิดร่วมทำและร่วมพัฒนาของครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่าง สร้างสรรค์โดยการนำของผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยไคร้ ดร.สุทัด จันทะสินธ์ุ โดยการระดมความคิดของคณะครู บุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนบ้านห้วยไคร้ที่ได้ร่วมกันศึกษาวิเคราะห์สภาพความต้องการพัฒนา นำมาสู่กระบวนการ ถอดบทเรียนและสร้างองค์ความรู้ในการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชา หลักการทรงงาน ขององค์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 สู่การพัฒนา นวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาอย่างมีมาตรฐานด้วย KINGBHUMIBOL MODEL เชงิ บรู ณาการนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาให้เป็นโรงเรียนคุณภาพตามมาตรฐานการจัดการศกึ ษาโดยขับเคล่อื น กระบวนการพัฒนาผา่ นระบบงานประกันคุณภาพภายใน การพัฒนาโรงเรยี นนวัตกรรมสรา้ งสรรค์และการส่งเสริมพัฒนา ผเู้ รยี นใหเ้ ตม็ ศกั ยภาพผ่านระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี น นวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาด้วย KINGBHUMIBOL MODEL เป็นกระบวนการพัฒนาครู ให้เกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของระบบการประกันคุณภาพ ภายในสถานศึกษา สามารถพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาปฐมวัยและมาตรฐานการศึกษาข้ันพ้ืนฐานและ โรงเรียนได้ดำเนินการพัฒนาระบบการประกันคุณภายใน สู่การประกันคุณภาพระดับห้องเรียนสู่การพัฒนาให้เป็น หอ้ งเรยี นแห่งการเรียนรู้ และหอ้ งเรียนคุณภาพซงึ่ เป็นหัวใจสำคญั ของกลไกการพัฒนาคุณภาพสถานศกึ ษาใหเ้ กิดคุณภาพ อย่างมีมาตรฐานนวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาโรงเรียนนวัตกรรมสร้างสรรค์ ด้วย KING BHUMIBOLModel ซ่ึงเป็นกระบวนการในการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้ ความเข้าใจในการ พัฒนากิจกรรมการเรียนการรู้แบบ Active Learning ประกอบไปด้วยการสอนแบบมอนเตสซอร่ี ในระดับปฐมวัยการ เรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน CBL (Creativity-based Learning), การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน PBL(Problem Based Learning), BBl (Brain-based Learning) การเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับสมอง การจัดการเรียนรู้แบบCo5 step กจิ กรรมจติ ศึกษา และกจิ กรรมสร้างสุขดว้ ยสติ (Mind Fullness) สามารถพฒั นาครูให้เป็นครแู ห่งการเรยี นรู้สู่การพฒั นา คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน พัฒนาผู้เรียนให้เป็นนวัตกรแห่งการเรียนรู้รวมท้ังโรงเรียนได้มีการพัฒนา นวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยกระบวนการ PLC (Professional Learning community) โดยKING BHUMIBOL Model ซ่ึงเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ครูและ บุคลากรทางการศึกษาเพอื่ การพัฒนาครูสู่การพัฒนานักเรียนใหส้ ามารถพัฒนาตนเองให้มผี ลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนรู้สงู ขึ้น ตามเป้าหมายของโรงเรียน สามารถพัฒนาการอา่ นออกเขียนได้ พัฒนาภาษาเพ่ือการสื่อสาร และคณุ ธรรมจริยธรรมของ นกั เรียน ส่งผลให้ผู้บรหิ าร คณะครูและบุคลากรทางการศึกษา นักเรียนเป็นนวัตกร สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมทส่ี ่งผล ตอ่ การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ตลอดจนการพัฒนาจดั กระบวนการเรยี นรู้ใหเ้ หมาะสมกบั ศตวรรษที่ 21 นวัตกรรมน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้เต็มศักยภาพผ่านระบบดูแล ช่วยเหลือนักเรียนด้วย KING BHUMIBOL MODEL ซึ่งเป็นการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้เกิดความรู้ความ เข้าใจความตระหนักและเกิดจิตวิญญาณในการขับเคล่ือนและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือ ให้เกิดประสิทธิภาพในด้าน ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนสามารถพัฒนานวัตกรรมเพื่อพัฒนาผู้เรียนผ่าน 8 นวัตกรรม อันประกอบด้วยนวัตกรรม

รวมพลคนห้วยไคร้ต้านภัยยาเสพติด โดย “SUTHAD 555... MODEL” นวัตกรรมการจดั การยคุ ใหม่ใส่ใจเพ่ือการเรียนรู้ สู่การพัฒนาทักษะชีวิตที่ยั่งยืน นวัตกรรมใส่ใจกับชีวิตพิชิตความยากจนนวัตกรรมเรียนรู้กิจกรรมนำสู่อาชีพ นวัตกรรม สร้างระเบียบ เพ่ิมวินัย แก้ไขพฤติกรรม นวัตกรรมรากแก้วแห่งชีวิตนวัตกรรม สานสายใย สานใจผูกพัน และนวัตกรรม ลานกีฬา ลานดนตรี เวทีศิลปะท้ังน้ีได้พัฒนานวัตกรรมดังกล่าวเป็นวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Pactiess ) “สานรัก สาน ฝันสานสัมพันธ์ช่วยเหลือนักเรียน”พร้อมกันกับการขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาเชิงบูรณาการควบคู่กับการพัฒนาการ ดำเนินกิจกรรมสภานักเรยี นโรงเรยี นบ้านห้วยไคร้ โดยคณะครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาได้ร่วมกันพัฒนานวัตกรรมสภา โมเดลเพ่ือขับเคลื่อนกิจกรรมการดำเนินงานของสภานักเรียนในรูปแบบวิถีชีวิตประชาธิปไตย คารวะธรรมสามัคคีธรรม และปัญญาธรรมโดยเปิดโอกาสให้นักเรียนเข้ามามสี ่วนในการขับเคลื่อนการพฒั นาการบริหารและการจัดการสถานศึกษา และเกิดผลงานคณุ ภาพเชงิ ประจักษ์เปน็ ท่ียอมรบั ของสาธารณชน จนได้รับรางวัลยอดเยี่ยมและจุดเด่นซ่ึงเป็นส่ิงท่ีเป็นหัวใจหลักสำคัญที่ทำให้การพัฒนานวัตกรรมการ น้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาอย่างมีมาตรฐานด้วย KING BHUMIBOL MODEL.คือ เป็น นวัตกรรมท่ีเกิดจากการประสานความร่วมมือระหว่าง ผู้บริหาร คณะครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียนผู้ปกครอง นักเรียน กรรมการสถานศึกษา และภาคีผู้มีส่วนเก่ียวข้อง เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรม ส่งผลให้นวัตกรรม ดังกล่าวเป็นกระบวนการทีส่ ามารถใช้เป็นหลักในการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในทกุ ๆด้านของสถานศึกษาและยังถอื ว่า เป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มขีดความสามารถบุคลากรและนักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยไคร้ให้มีแรงบันดาลใจในการร่วมกัน ขับเคลื่อนและพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ให้ครอบคลุมในทุกด้านตามวิสัยทัศน์สถานศึกษา ที่ว่า “มุ่งม่ันเป็นโรงเรียน คุณภาพ ตามมาตรฐานการศึกษาข้ันพื้นฐานด้วยการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาเชิงระบบ ที่เน้นการมีส่วนร่วม ตาม แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจแบบพอเพียงร้อยเรียงสู่การพัฒนาครู ให้มีสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็น สำคัญ ด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์ สอ่ื เทคโนโลยีท่ีทนั สมัย เพ่อื พัฒนาให้ผู้เรียนมคี วามรู้ ควบคูก่ ับการมีคุณธรรมดำรงชีวิต ในสงั คมไดอ้ ย่างมคี วามสขุ บนพน้ื ฐานของความเปน็ ไทยและทอ้ งถ่นิ ” ความเปน็ มาและความสำคัญ ในกระแสแห่งความเปลย่ี นแปลงของสงั คมของยุคโลกาภิวัตน์ (Globalization) ที่มคี วามรวดเร็ว ทั่วถงึ และรุนแรงในปัจจุบันนั้นได้สง่ ผลกระทบต่อวถิ ชี วี ิตของคนในสงั คมรอบด้านในทุกพ้ืนทก่ี ารยืนอยู่ทา่ มกลางกระแสความ เปลย่ี นแปลงได้นั้นย่อมหมายถึงการปรับตัวให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนได้อยา่ งเหมาะสมและกลมกลนื ในวถิ ีของ การดำรงชีพของแตล่ ะคนปัจจัยหรอื เคร่ืองมือสำคัญของการสร้างความกา้ วทันและพฒั นาวถิ กี ารดำรงชพี ได้อยา่ ง เหมาะสมนนั้ กค็ ือ “การศึกษา(Education)” นน่ั เอง เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ได้กำหนดในมาตรา 54 ระบุว่ารัฐต้อง ดำเนินการให้เดก็ เล็กไดร้ บั การดูแลและพฒั นากอ่ นเข้ารับการศกึ ษาตามวรรคหน่งึ เพอื่ พัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินและภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วม ในการดำเนนิ การโดยรัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาเป็นเวลาสิบห้าปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษา ภาคบังคบั อยา่ งมคี ณุ ภาพโดยไม่เก็บคา่ ใชจ้ ่าย และตอ้ งดำเนินการให้ประชาชนไดร้ ับการศึกษาตามความต้องการในระบบ

ต่างๆรวมท้ังส่งเสริม ให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต และจัดให้มีการร่วมมือกันระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินและ ภาคเอกชน ในการจัดการศึกษาทุกระดับ โดยรัฐมีหน้าที่ดำเนินการ กำกับ ส่งเสริม และสนับสนุนให้การจัดการศึ กษา ดังกล่าวมีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล ท้ังนี้ ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติซ่ึงอย่างน้อยต้องมีบทบัญญัติ เก่ียวกับการจัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ และการดำเนินและตรวจสอบการดำเนินให้เป็นไปตามแผนการศึกษาแห่งชาติ ด้วย การศึกษาท้ังปวงต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติสามารถเช่ียวชาญได้ ตามความถนัดของตน และมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชมุ ชน สังคม และประเทศชาติ จากกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560-2564) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับท่ี 4 พ.ศ. 2562และแผนพัฒนาการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560 - 2564)นำไปสู่การกำหนดเป้าหมายหลักของการพัฒนาการศึกษา ของประเทศไทย คือ ผู้เรียนทุกคน ทุกกลุ่มเป้าหมายเข้าถึงการศึกษาท่ีมีคุณภาพและมีมาตรฐานอย่างท่ัวถึง และเท่า เทียมสถานศึกษาต้องสามารถพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุ ขีดความสามารถ เต็มตามศักยภาพระบบการบริหารจัดการศึกษา ตอ้ งมีประสิทธิภาพ เพ่อื สนองตอบและก้าวทนั การเปลีย่ นแปลงของโลกในยุคโลกาภวิ ัตน์การพฒั นาผูเ้ รยี นให้เป็นบุคคลที่ มีคุณภาพ ด้วยกระบวนการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญให้มีทักษะสำหรับเด็กในศตวรรษท่ี 21 ครูและบุคคลทางการ ศึกษาจะต้องสามารถถา่ ยทอดองค์ความรู้ตา่ งๆให้ผู้เรยี นให้มีคุณภาพตามเป้าหมายดงั กล่าว ดังน้ันครูผู้สอนจึงเป็นกลไกลหลักในการขับเคล่ือนการพัฒนาการศึกษาของประเทศทั้งระบบให้บรรลุ เจตนารมณ์ ตามรัฐธรรมนูญ ต้องมีทักษะในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีเจตคติต่อวิชาชีพครูท่ีดีมีแรง บันดาลใจในการมุ่งม่ันพัฒนาผู้เรียน เยาวชนในยุคใหม่ได้อย่างต่อเนื่องและ ย่ังยืนสอดคล้องหลักการจัดการศึกษาตาม มาตรา ๒๒ ท่ีวา่ การจัดการศึกษาตอ้ งยึดหลักว่า ผูเ้ รยี นทุกคนมคี วามสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถอื ว่าผู้เรียน มีความสำคญั ทสี่ ุด กระบวนการจดั การศึกษาต้องส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รียนสามารถพฒั นาตนเองให้เต็มศักยภาพ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ได้ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็น 1 ใน 5เป้าหมายของหลักสูตร มีการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้เก่ียวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตลอดจนการ พฒั นาโรงเรยี นใหป้ ระเมินผ่าน เป็นสถานศึกษาพอเพียง กรอบเน้ือหาในการจัดกิจกรรมเรยี นรหู้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ประกอบไปด้วยหลักความพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้นกันในตัวท่ีดี บนพ้ืนฐาน 2 เง่ือนไข ได้แก่การใช้ ความรู้อย่างรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง และมีคุณธรรม เพ่ือเตรียมความพร้อมที่จะรับต่อการเปล่ียนแปลงทั้งด้านวัตถุ สังคม ส่ิงแวดล้อม และวัฒนธรรม รัฐบาลได้อัญเชิญ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นปรัชญานำทางในการ จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ (20 ปี) ซ่ึงเป็นการเช่ือมโยงศาสตร์พระราชา ในเร่ืองหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนน้ันจากการวิเคราะห์สภาพปัญหาตามสภาพบริบทของโรงเรียนบ้านห้วยไคร้เช่ือมโยงกับ นโยบายในการจัดการศึกษาท่ีกล่าวมาข้างต้น พบวา่ ปัจจัยท่ีสำคญั ท่ีส่งผลตอ่ การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา คือ ครูและ บุคลากรทางการศึกษาซ่ึงถือเป็นกลไกลสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาอย่างรอบด้าน ท้ังระบบโรงเรียนบ้านห้วยไคร้ โดยผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนภาคีผู้มีส่วน เกี่ยวข้อง

เช่ือมโยงกับการน้อมนำเอาแนวคิด ศาสตร์พระราชาและหลักการทรงงานขององค์พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ผ่านขั้นตอนกระบวนการพัฒนา นวัตกรรม เป็นนวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาอย่างมีมาตรฐานด้วย KING BHUMIBOL MODELซึ่งเป็นรูปแบบกระบวนการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เกิดความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาอย่างมีมาตรฐานโดยการน้อมนำเอาแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและหลักการ ทรงงานของ องค์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิต รัชกาลท่ี 9 มาประยุกต์บูรณาใช้ในการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาผ่านกิจกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาระบบการ ประกันคุณภาพภายในการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาโรงเรียนนวัตกรรมสร้างสรรค์และการน้อมนำศาสตร์ พระราชาสู่การพฒั นาระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียนอย่างเต็มศักยภาพด้วย KING BHUMIBOLMODEL ภายใต้การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาเชิงระบบที่เน้นการมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นการนำแนวคิดการพัฒนา คุณภาพเชิงระบบมาพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ที่เน้นการมีส่วนร่วมของภาคีท่ีมีส่วนเก่ียวข้องใน การจัดการศึกษาของโรงเรียน ซ่ึงมีระบบในการพัฒนาประกอบด้วย ระบบหลัก 3 ระบบ ได้แก่ ระบบเรียนรู้ ระบบดูแล ช่วยเหลือนักเรียน ระบบกิจกรรมนักเรียน และมีระบบสนับสนุนทั้งส้ิน 7 ระบบ ประกอบด้วย ระบบยุทธศาสตร์ ระบบ นำองค์กร ระบบดูแลคุณธรรมจริยธรรมในวิชาชีพครู ระบบบริหารจัดการ ระบบพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ระบบชมุ ชนสมั พนั ธ์ และระบบสารสนเทศ ซ่ึงในแต่ละระบบจะมกี ระบวนการดำเนนิ การ ดงั น้ี -การกำหนด Flowchart ขน้ั ตอนการดำเนนิ งานไว้อยา่ งชัดเจน -กำหนดขั้นตอนวิธีการดำเนินงานในแต่ละข้ันตอนไว้อย่างชัดเจนด้วยกระบวนการ PDCA เปน็ ค่มู ือการดำเนินงานแตล่ ะระบบ -แต่ละระบบจะมีการประเมินทบทวนทุกสิ้นภาคเรียน และสรุปรายงาน พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปจั จบุ นั ทางโรงเรียนสามารถพัฒนาระบบนำไปส่วู ิธปี ฏิบัติที่เป็นเลศิ ทั้งน้ีเพ่ือนำไปสู่การพฒั นาคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรยี นบ้านห้วยไคร้ อย่างมีคุณภาพอย่างรอบ ด้านและย่ังยืน โรงเรียนได้มีการพัฒนานวัตกรรมเพ่ือการบริหารและการจัดการ โดยการน้อมนำหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงและหลักการทรงงานขององค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี ๙ มาเป็น กลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา ภายใต้ “นวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การ พัฒนาคณุ ภาพสถานศึกษา ดว้ ย KING BHUMIBOL MODEL” KING BHUMIBOL MODEL หมายถึง รูปแบบกระบวนการขับเคลื่อนการพฒั นาคุณภาพอย่างรอบด้าน ของการจัดการศึกษา ที่น้อมนำเอาแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและหลักการทรงงานขององค์พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผู้บริหารโรงเรียน ครูและบุคลากรทางการ ศกึ ษา นกั เรียนเพอ่ื การแก้ปญั หาและพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนบ้านห้วยไคร้ ให้เกิดการพัฒนาคุณภาพ

การจัดการศึกษาให้บรรลุตามเจตนารมณ์เป้าหมาย เป็นโรงเรียนท่ีมีคุณภาพตามมาตรฐานการจัดการศึกษา ประกอบด้วย K (Knowledge Management) หมายถึง การจัดการความรู้ เป็นพัฒนาครูและบุคลากรทางการ ศึกษาโดยการรวบรวมสร้าง จัดระเบียบ แลกเปลี่ยน และประยุกต์ใช้ความรู้ สู่การปฏิบัติ (Tacit Knowledge) ซ่ึงเป็น ความรู้ที่เกิดจากการเรียนรู้ เจตคติในงาน ประสบการณ์การทำงาน และพฤติกรรมการทำงานของแต่ละบุคคล ด้วย กระบวนการ PLC ทั้งน้ีโดยการรวมตัวกัน แลกเปลี่ยนเรียนรจู้ ากประสบการณ์ตรง เพ่ือพัฒนากระบวนการบรหิ ารจัดการ การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ นำไปสู่การพัฒนาการ ประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา เพอื่ ใหก้ ารจดั การศกึ ษามีคณุ ภาพตามมาตรฐานการจัดการศึกษา ซ่ึงสอดคล้องกับแนวคิดการบริหารจัดการความรู้ตามพระบรมราโชวาทของรัชกาลที่ 9 พระบรม ราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสถึงความสำคัญของการจัดการความรู้ไว้ว่า “ความรู้ที่จะศึกษามีสาม ส่วน คือ ความรู้วิชาการ ความรู้ปฏิบัติการ และความคิดอ่านตามเหตุผลที่เป็นจริง ซ่ึงแต่ละคนควรเรียนรู้และนำไปใช้ ประกอบการงาน การแก้ไขปัญหาท้ังปวงอย่างมีประสิทธิภาพ” ดังนั้นการจัดการความรู้ (Knowledge Management) รู้จึงเป็นกลยุทธ์ท่ีมีบทบาทและความสำคัญๆย่ิงในการสร้างความเข้มแข็งทางปัญญาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อัน เปน็ เครื่องมือสำคญั ในการพัฒนาคน พัฒนางานและพฒั นาองค์กรเพ่ือนำไปสู่การพฒั นาอย่างยงั่ ยนื I (Inspiration) หมายถึง การสร้างแรงบันดาลใจ เป็นการเสริมสร้างพัฒนาครูและบุคลากรทางการ ศึกษา ให้เกิดความตระหนักและจิตวิญญาณ ความคิดและการกระทำ เพ่ือการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของ โรงเรียน ท้ังด้านการบริหารจัดการ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียน ท่ีพึงประสงค์ให้ บรรลุความสำเร็จตามเป้าหมายของการพัฒนาคณุ ภาพการจัดการศึกษาตามมาตรฐานการจัดการศึกษา ด้วยกระบวนการ SUCCESS ประกอบด้วย S : Strive lihk สร้างความมุ่งม่ันเพ่ือเป้าหมาย U : Understand สร้างความเข้าใจและรู้จัก ตนเอง C : Create พัฒนาแปลความคิดให้เป็นการกระทำท่ีจับต้องได้ C: Condition พัฒนาเตรียมความพร้อมด้าน จิตใจ อารมณ์และร่างกายให้พร้อมฟันฝ่าไปให้ถึงเป้าหมาย E : Envision สร้างภาพฝันแห่งความสำเร็จ S: Savor ร่วม ชื่นชมกบั ความสำเร็จ S: Soar สร้างความฮกึ เหิมทจ่ี ะวางเปา้ หมายเพื่อนำไปส่คู วามสำเรจ็ ในครั้งตอ่ ไป ซ่ึงสอดคล้องกับหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ว่าการทำงานต้องมี ความสุขด้วย ถ้าเราทำอย่างไม่มีความสุขเราจะแพ้ แต่ถ้าเรามีความสุขเราจะชนะ สนุกกับการทำงานเพียงเท่านั้น ถือว่า เราชนะแล้ว หรือจะทำงานโดยคำนึงถึงความสุขที่เกิดจากการได้ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นก็สามารถทำได้ “…ทำงานกับ ฉัน ฉันไมม่ อี ะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกนั ในการทำประโยชน์ใหก้ บั ผอู้ ื่น…” N (NITES) หมายถึง เป็นกระบวนการพัฒนาการนิเทศกำกับติดตามเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการ พฒั นาคุณภาพการจัดการศึกษา ของโรงเรียนบ้านห้วยไคร้ โดยการสร้างพันธมิตรเครือข่ายการนิเทศ (N : Networking) การพัฒนานวัตกรรมท่ีทันสมัย (I : Innovation) การมุ่งพัฒนาส่งเสริมให้เกิดความศรัทธา (T : Trust) การพัฒนาให้เกิด ประสิทธิภาพและความเป็นเลิศ ( E : Efficiency & Excellence ) เปน็ การให้การบริการและพัฒนาด้วยใจ (S : Service mind)

ซ่ึงสอดคล้องกับหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ทรงเป็น นักประชาธิปไตย ทรงเปิดโอกาสให้สาธารณชน ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ทุกระดับได้มาร่วมแสดงความคิดเห็น “สำคัญ ทสี่ ดุ จะต้องหดั ทำใจให้กวา้ งขวาง หนักแน่น รู้จกั รบั ฟังความคิดเห็น แม้กระทัง่ การวิพากษ์วจิ ารณ์จากผู้อน่ื อย่างฉลาดน้ัน แท้จริงคือ การระดมสติปัญญาละประสบการณ์อันหลากหลายมาอำนวยการปฏิบัติบริหารงานให้ประสบผลสำเร็จท่ี สมบูรณน์ ัน่ เอง” G (Growth & Participation) หมายถึง การเปิดโอกาสให้ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการ ศึกษาไดพ้ ัฒนาตนเอง โดยเนน้ การมสี ว่ นร่วมของภาคผี ้มู ีส่วนเก่ียวขอ้ งในการจดั การศึกษา นำไปสู่การพัฒนาคณุ ภาพการ จัดการศกึ ษาอย่างมมี าตรฐานท้งั ตัวผเู้ รียน ผู้บรหิ ารครูและบุคลากรทางการศึกษา และโรงเรยี น ซ่ึงสอดคล้องกับหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ทรงมุ่งเน้น เรื่องการพัฒนาคน ทรงตรัสว่า \"ต้องระเบิดจากข้างใน\" หมายความว่า ต้องสรา้ งความเข้มแข็งให้คนในชุมชนที่เราเข้าไป พัฒนาให้มสี ภาพพร้อมทจ่ี ะรบั การพัฒนาเสียก่อน แล้วจึงออกมาส่สู ังคมภายนอก B (Being Professional) หมายถึง การพัฒนาผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ประสบ ความสำเรจ็ ในวชิ าชีพครู สามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้อยา่ งดจี นประสบความสำเร็จในหน้าทีก่ ารงานและมีความเจริญงอกงาม ก้าวหน้าในอาชีพครูอย่างต่อเน่ือง ด้วยกระบวนการ 3I ประกอบด้วย การสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiration) การพัฒนา ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและทักษะส่ือสาร (IT & Communication skills) และการออกแบบการเรียนรู้ (Instructional design) หรือออกแบบวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกันได้ ให้เหมาะกับบริบทของโรงเรียน เหมาะสมกับ นักเรียนในแต่ละระดับช้ันเรียน เพื่อพัฒนาให้นักเรียนเป็นบุคคลท่ีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้จน สามารถเปน็ แบบอย่างทดี่ แี ก่ผอู้ ่นื ซึ่งสอดคล้องกับพระราชดํารัสและพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 9 ท่ี พระราชทานในโอกาสต่าง ๆ คือ “ในการประกอบการงานทั้งปวงนั้น ทุกคนต้องมีความต้ังใจจริงและขยันหมั่นเพียรต้อง ร้จู กั คิดพจิ ารณาด้วยปัญญา และความรอบคอบยึดม่ันในความ สามัคคีและความซือ่ สตั ยส์ ุจริต ถือเอา ประโยชนส์ ่วนรวม เปน็ จุดประสงค์สำคัญจงึ จะ สามารถปฏิบตั ิงานตา่ ง ๆ ใหส้ ำเรจ็ ผลโดย สมบรู ณ์ได”้ (พระราชดำรัส ในพิธีพระราชทานพระพุทธนวราชบพิตรประจำจงั หวดั น่าน วนั ที่ 10 มนี าคม 2512) H (H – 9) หมายถึง การพัฒนาส่งเสริมครูและบุคลากรทางการศึกษาเพ่ือก่อให้เกิดกระบวนการการ พัฒนางานอย่างสรา้ งสรรค์ นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการ 9 H ได้แก่ (H : Hand) ส่งเสริมและ พัฒนาบุคลากรให้มีการทำงานมือสะอาดมีความซ่ือสัตย์สุจริตโปร่งใส (H : Heart) ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรให้มีน้ำใจ เต็มใจทำงาน (H : Head) ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรให้หัวดีมีการพัฒนาความรู้ความสามารถ (H : Health) ส่งเสริม และพัฒนาบุคลากรให้มีสุขภาพดี (H : Humor) ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรให้มีอารมณข์ นั ในการทำงานให้มีความสขุ (H : Humanity) ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรให้มีมนุษย-สัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน (H : Humility) ส่งเสริมและพัฒนา บคุ ลากรให้อ่อนน้อมถอ่ มตน และ(H : Honor) ส่งเสรมิ และพัฒนาบคุ ลากรใหม้ ีเกยี รตติ ามตำแหน่งหนา้ ที่ ซ่ึงสอดคล้องกับหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เก่ียวกับเรื่องการมีส่วน ร่วม โดยจะต้องหัดทำใจให้กว้างขวาง หนักแน่น รู้จักรับฟังความคิดเห็น แม้กระทั่งความวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อ่ืนอย่าง

ฉลาดน้ัน แท้จริงคือ การระดมสติปัญญาและประสบการณ์อันหลากหลายมาอำนวยการปฏิบัติบริหารงานให้ประสบ ผลสำเร็จที่สมบูรณ์ อีกท้ังยังต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม มีความสุจริตและบริสุทธิ์ใจ แม้จะมีความรู้น้อย ก็ย่อมทำ ประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้มากกว่าผู้ท่ีมีความรู้มาก แต่ไม่มีความสุจริต ไม่มีความบริสุทธ์ิใจ และทำงานต้องมีความสุข ด้วย ถ้าเราทำอย่างไม่มีความสุขเราจะแพ้ แต่ถ้าเรามีความสุขเราจะชนะ สนุกกับการทำงานถือว่าเราชนะแล้ว และรู้ ปัญหา รวู้ ธิ แี ก้ปญั หาด้วยความรักทีจ่ ะลงมือทำ ลงมือแก้ไขปญั หาโดยอาศัยความรว่ มมือร่วมใจกันอย่างสร้างสรรค์ U (Understand) หมายถึง การพัฒนาและเสริมสร้างครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนทุก คน ให้เข้าใจในกระบวนการบริหารท้ังระบบทุกขั้นตอนและมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน ในการพัฒนาคุณภาพการจัด การศึกษาของโรงเรียนบ้านห้วยไคร้ นำไปสู่โรงเรียนคุณภาพ ด้วยกระบวนการทำงานแบบกลุ่ม (Work Groups Process) ซ่ึง เป็นการรวมกลุ่มท่ีมีกระบวนการบริหารทั้งระบบไปในทิศทางเดียวกันภายใต้ขอบข่ายและวัตถุประสงค์ให้นำไปสู่โรงเรียนที่มี คณุ ภาพตามมาตรฐานอย่างมคี ุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชดํารัสและพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 9 ท่ีพระราชทานในโอกาสต่าง ๆ คือ “การทำงานใด ๆ ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ควรอย่างยิ่งที่จะต้ังเป้าหมาย ขอบเขต และ หลักการไว้ให้แน่นอน เพราะจะช่วยให้สามารถปฏิบัติมุ่งเข้าสู่ผลสำเร็จได้โดยตรงและถูกต้องพอเหมาะพอดี เป็นการ ป้องกันและขจัดความล่าช้า ความส้ินเปลือง ความเสียเปล่า ทุกอย่างได้อย่างสิ้นเชิง”(พระบรมราโชวาท ในพิธี พระราชทานปริญญาบตั รของจุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั วนั ที่ 17 กรกฎาคม 2530) M (Mental model building) หมายถึง การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อก่อให้เกิดการ พัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดอย่างสร้างสรรค์ที่ให้ผลการคิดเป็นสิ่งแปลกใหม่ มีคุณค่า และมีประโยชน์ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบบันได 5 ข้ัน (Five Steps) ประกอบด้วย ขั้นการตั้งคำถาม/สมมติฐาน (Learning to Question) เป็นขั้นตอนที่ครูต้องรู้จักคิด สังเกต และต้ังคำถาม ขั้นการสืบค้นความรู้และสารสนเทศ (Learning to Search) ครูต้องแสวงหาความรู้ สืบค้นข้อมูลและสารสนเทศต่างๆ ขั้นการสร้างความรู้ (Learning to Construct) ครูต้อง นำความรู้จากการศึกษาค้นคว้า มาใช้ในการอภิปรายความรู้ร่วมกัน เพ่ือนำไปสู่การสรุปและสร้างองค์ความรู้ ขั้นการสื่อสาร และนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (Learning to Communication) เป็นการนำความรู้ท่ีได้มาสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และ ข้ันการบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Learning to Serve) คือการท่ีครูต้องฝึกนำความรู้ที่เกิดจากการสรุปและสร้างองค์ ความรู้ มาสู่การปฏิบัติ สามารถเช่ือมโยงความรู้ไปสู่การทำประโยชน์ให้กับสังคม นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาตาม มาตรฐานสถานศึกษาอย่างมีคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชดํารัสและพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ท่ีพระราชทานในโอกาสต่าง ๆ คือ “การรู้จักประมาณตน ได้แก่ การรู้จักและยอมรับว่าตนเองมีภูมิปัญญาและ ความสามารถด้านไหนเพียงใด และควรจะทำงานด้านไหน อย่างไร การรู้จักประมาณตนนี้ จะทำให้คนเรารู้จักใช้ความรู้ ความสามารถท่ีมีอยู่ได้ถูกต้องเหมาะสมกับงาน และได้ประโยชน์สูงสุดเต็มตามประสิทธิภาพ ท้ังยังทำให้รู้จักขวนขวาย ศกึ ษาหาความรู้ และเพิ่มพูนประสบการณ์อยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ในตนเองให้ยิ่งสงู ข้ึน” (พระบรม ราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั รของจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย วนั ที่ 18 กรกฎาคม 2541)

I (Integration) หมายถึง การพัฒนากระบวนการบริหารจัดการ การพัฒนาครูและบุคลากรทางการ ศึกษา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้หลักการการบูรณาการเพ่ือก่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาอย่าง รอบด้านอย่างมีคุณภาพตามมาตรท้ังมาตรฐานด้านผู้เรียน มาตรฐานด้านการบริหารและการจัดการ มาตรฐานด้านการ จัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานอย่างมีเป้าหมายท่ีเช่ือมโยงกันของปัจจัย นำเข้า กระบวนการและผลลัพธ์ ด้วยการระดมทรัพยากรที่หลากหลาย การวางแผนกลยุทธ์ การมีส่วนร่วมของภาคีท่ี มีส่วนเก่ียวข้อง และมีความเป็นอิสระคล่องตัวในการบริหารจัดการท่ีมีขอบเขตและคงความเป็นเอกลักษณ์สอดรับกับ บริบทของโรงเรียน รวมทั้งมีการติดตามกำกับตามตัวบ่งชี้คุณภาพที่ชัดเจน จนบรรลุผลสัมฤทธ์ิอย่างมีประสิทธิผล ประสทิ ธภิ าพและเกิดประโยชน์สงู สดุ ต่อการพฒั นาคุณภาพของผเู้ รยี นและคณุ ภาพการจดั การศึกษาตามมาตรฐานการจัด การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เร่ือง“ทำงานแบบองค์ รวม” ใชว้ ธิ ีคิดเพื่อการทำงาน โดยวธิ ีคดิ อยา่ งองค์รวม คือการมองส่งิ ตา่ งๆ ที่เกดิ อย่างเปน็ ระบบครบวงจร ทุกสิ่งทกุ อย่าง มีมติ ิเช่ือมตอ่ กัน มองส่งิ ท่ีเกดิ ขน้ึ และแนวทางแก้ไขอย่างเช่อื มโยง B (Best practice to innovative school) หมายถึง การพัฒนาและเสริมสร้างครูและ บุคลากรทางการศึกษาให้เกิดการพัฒนางานและวิธีการปฏิบัติท่ีดีท่ีสุด เพ่ือให้การพัฒนาโรงเรียนบ้านห้วยไคร้เป็น โรงเรียนแห่งคุณภาพตามมาตรฐานการจัดการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยการพัฒนาระบบบริหาร เทคนิควิธีการต่าง ๆ ท่ีทำ ให้ผลงานบรรลุเป้าหมายระดับสูงสุด และมีผลงานคุณภาพเชิงประจักษ์ที่มีมาตรฐาน มีการพัฒนาอย่างต่อเน่ือง มี หลักฐานทีแ่ สดงผลงานหรอื ความสำเรจ็ ของงานอย่างชัดเจน เปน็ Best Practice to Innovative School ซ่ึงสอดคล้องกับพระราชดํารัสและพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ท่ีพระราชทานในโอกาสตา่ งๆ คือ “การศกึ ษาทม่ี ่งุ ทำเพือ่ ส่งเสริมบคุ คลให้มคี วามรู้ความสามารถ สรา้ งหลักฐานความมั่นคงในชวี ิต และทำ ประโยชน์แก่ส่วนรวมไดน้ นั้ ตอ้ งจัดอบรมให้ไดพ้ ร้อมทั้งดา้ นวชิ าการ ด้านการลงมอื ปฏบิ ัติ ดา้ นความคิดวนิ ิจฉยั และความ ประพฤติปฏิบัติ” (พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ วันที่ 28 มิถุนายน 2523) “ในฐานะท่ีเป็นผู้ได้รับการศึกษาสูง ท่านทั้งหลายย่อมมีความมุ่งหมายท่ีจะ ได้ใช้ความรู้ความสามารถ ทำงาน ตามแนวถนัด เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์คือ ความเจริญมั่นคงให้แก่ตนเอง แก่งาน และแก่ชาติบ้านเมือง ให้ประจักษ์ ผล” (พระบรมราโชวาท วันที่ 15 ธนั วาคม 2526) O (Organization of Quality) หมายถึง องค์กรคุณภาพหรือโรงเรียนคุณภาพ ที่มีการพัฒนาเปล่ียนแปลง ทางด้านกระบวนทัศน์ทางความคิด ด้านการบริหารจัดการ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านการพัฒนาครูและบุคลากร

ทางการศึกษา และการพัฒนาผู้เรียนอย่างสร้างสรรค์ ก่อให้เกิดการพัฒนาส่ิงใหม่ๆนำไปสู่โรงเรียนคุณภาพท่ีมีคุณภาพ ตามมาตรฐานการจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ท่ีประกอบด้วยผู้บริหาร ครูและบุคลากร นักเรียน ที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน สถานศึกษา ซ่ึงสอดคล้องกับพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 9 ท่ีพระราชทานในโอกาสต่างๆ คอื “การสรา้ งสรรค์นั้นมักเข้าใจกันโดยมากว่า คือ การสร้างขึ้นใหม่ ทำข้ึนใหม่ นักวิชาการก็ดี นักปฏบิ ัติการก็ดี มุ่ง แต่จะสร้างสรรค์และทำส่ิงใหม่ ของใหม่ โดยไม่คำนึงถึงความเจริญท่ีมีอยู่ก่อนแล้ว ว่าแท้จริงคือพ้ืนฐานเสริมสิ่งใหม่ต่อ ข้ึนไปนั้นเอง เม่ือต่างคนต่างมุ่งจะทำเป็นของใหม่ ให้เป็นผลงานของตนเป็นสำคัญ ความเจริญท่ีบังควรจะบังเกิดอย่าง ต่อเน่ืองกันอย่างม่ันคงตามลำดับก็หยุดชะงัก กลับกลายเป็นความติดขัดล้าช้า และเป็นปัญหายุ่งยากนานา ประการ เพราะงานที่ทำใหม่ดำเนินต่อจากงานเก่าไม่ได้ ต้องเริ่มต้นกันใหม่ตลอดเวลา ท่ีถูกควรจะเข้าใจว่า การสร้างสรรค์ความ เจริญก้าวหน้าทุกอย่างน้ัน ต้องเริ่มต้นท่ีการศึกษาพ้ืนฐานเดิมก่อน เม่ือได้ศึกษาทราบชัดถึงส่วนดีส่วนเสียแล้ว จึงรักษา สว่ นทด่ี ีที่มีอยู่แล้วให้คงไว้ แล้วพยายามปรับปรุงสร้างเสริมด้วยหลักวิชา ด้วยความคิดพิจารณา อันประกอบด้วยเหตุผล และความสุจริตจริงใน ให้ค่อยเจรญิ งอกงามม่ันคงบริบูรณ์ย่ิงๆ ขึ้นไป ตามความเหมาะสม ตามกำลังความสามารถและ ตามกำลังเศรษฐกิจท่ีมีอยู่ การงานทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านเมืองจึงจะเจริญก้าวหน้าย่ิงๆ ข้ึนได้อย่างต่อเน่ืองไม่หยุดชะงัก หาไม่ ความขดั ข้องลา้ ชา้ ตา่ งๆ ท่ีเกิดขนึ้ จะทำให้ต้องส้นิ เปลืองกำลงั งาน กำลงั สมอง กำลังเงินทองไปอย่างนา่ เสยี ดายโดย ไม่มีโอกาสจะกู้กลับคืนมาได้” (พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วนั ท่ี 1 พฤศจกิ ายน 2528) L = (leadership in the Quality) หมายถึง เป็นกระบวนการพัฒนาผู้นำแห่งคุณภาพ ซ่ึงเป็น ผลลัพธ์ความสำเร็จจากการพัฒนาตามกระบวนการทั้งผู้บริหารโรงเรียน ข้าราชการครูบุคลากรทางการศึกษา และ นกั เรียน ก่อให้เกิดการพัฒนาให้มีภาวะผู้นำแห่งคุณภาพ นำไปสู่โรงเรียนแห่งคุณภาพตามมาตรฐานการจัดการศึกษาขั้น พื้นฐาน ซ่ึงสอดคล้องกับพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 9 ทพี่ ระราชทานในโอกาสตา่ งๆ คอื “เมื่อจะเริ่มงานสิง่ ใด ใหพ้ ยายามคิด พิจารณาให้เห็นจุดหมายเหน็ สาระและประโยชน์ ท่ีแท้จรงิ ของงานนน้ั อยา่ ง แจ่มแจง้ แล้วจึง ลงมอื ทำด้วยความต้งั ใจ มน่ั ใจ ดว้ ยความ รบั ผดิ ชอบอย่างสงู ใหด้ ำเนินลุล่วงตลอดไปอยา่ ง ตอ่ เนื่อง โดย มิให้บกพร่องเสียหาย’’ (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหิดล วันที่ 5 กรกฎาคม 2533) ซ่ึงการขับเคล่ือนการพัฒนาการดำเนินการภายใต้ “นวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนา คณุ ภาพสถานศึกษา ด้วย KING BHUMIBOL MODEL” ดังกล่าวเป็นการดำเนินการพัฒนาคุณภาพอย่างรอบด้านโดย

การนำนวัตกรมน้ีไปพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ผบู้ ริหารสถานศึกษา นักเรียนและภาคีผู้มีส่วนเกยี่ วข้อง ใหเ้ กิด ความรู้ ความเข้าใจ ความตระหนักในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนอย่างรอบด้าน ในปัจจุบันนี้ทางโรงเรียน ได้นำแนวคิดจากนวตั กรรมดังกล่าวสูก่ ารพัฒนาคณุ ภาพการจัดการศึกษา ประกอบด้วย “นวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วย KING BHUMIBOL MODEL” “นวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้วย KING BHUMIBOL MODEL” “นวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาโรงเรียนนวัตกรรมสร้างสรรค์ ด้วย KING BHUMIBOL MODEL” “นวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาการยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ด้วย KING BHUMIBOL MODEL” “นวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาคุณภาพโรงเรียนพ้ืนสูงในถิ่นทุรกันดาร ด้วย KING BHUMIBOL MODEL” เป็นตน้ ผลจากการขับเคลื่อนการพัฒนาตาม“นวัตกรรมการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาคุณภาพ สถานศึกษา ด้วย KING BHUMIBOL MODEL”ดงั กล่าวก่อให้เกิดผลงานคณุ ภาพเชิงประจักษ์เป็นที่ยอมรับของ สาธารณชน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook