Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 6 ขั้นตอนสู่โรงเรียนคุณธรรม

6 ขั้นตอนสู่โรงเรียนคุณธรรม

Description: 6 ขั้นตอนสู่โรงเรียนคุณธรรม

Keywords: โรงเรียนคุณธรรม

Search

Read the Text Version

6 ข้ันตอน สู่ ช่ ว ย กั น ส ร้ า ง ค น ดี ใ ห้ บ้ า น เ มื อ ง เกษม วัฒนชัย

6 ขัน้ ตอนสโู่ รงเรยี นคุณธรรม ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เจ้าของ ศูนย์โรงเรียนคุณธรรม มูลนิธิยุวสถิรคุณ พิมพ์ครั้งแรก เมษายน 2559 จำ�นวนพิมพ์ 5,000 เล่ม จัดพิมพ์ : บริษัท ส�ำ นกั พมิ พ์ พ.ศ. พฒั นา จำ�กัด 12 หม่อมแผ้ว แยก 3 ถนนพระราม 6 ซอย 41 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400 โทร. 02-279-6222 โทรสาร 02-279-6203-4 พมิ พ์ที่ : บริษัท ธนธัชการพมิ พ์ จ�ำ กดั 480/1 ซอยแสงสนั ต์ ถนนประชาอทุ ศิ แขวงราษฎรบ์ ูรณะ กรุงเทพมหานคร 10140 ผูพ้ ิมพ์/ผู้โฆษณา : นางนงลักษณ์ ธนากลุ โรจน์

คำ�นำ�ของผู้เขียน พวกเราเริ่มออกแบบ “โรงเรียนคุณธรรม” ตั้งแต่ พ.ศ.2553 ต่อมา ได้ขยายเครือข่ายต่อภายใต้ “กองทุนการศึกษา” เมื่อ พ.ศ. 2555-2558 และ มูลนิธิยุวสถิรคุณ ตั้งแต่ พ.ศ.2557 เป็นต้นมา 6 ขั้นตอนจากโรงเรียนคุณธรรม ได้นำ�ไปประยุกต์เป็น 6 ขั้นตอน ของโรงพยาบาลคุณธรรม อาชีวะคุณธรรม บริษัทคุณธรรม อำ�เภอคุณธรรม และ อบต.คุณธรรม ทำ�ไป– ถอดบทเรียนไป เพื่อเรียนรู้ร่วมกัน แก้ไขและ ปรับปรุงร่วมกัน ขออนุโมทนาบุญในส่วนที่กัลยาณมิตรทุกท่านร่วมกันทำ�งานเพื่อ บ้านเมืองครับ เกษม วัฒนชัย 27 มีนาคม 2559

สารบัญ บทที่ 1 ความรู้คู่คุณธรรม 5 บทที่ 2 เครื่องตัดสินคุณธรรม 12 บทที่ 3 โครงการกองทุนการศึกษา และ พระราชกระแสเกี่ยวกับการศึกษา 33 บทที่ 4 การบริหารโรงเรียน 41 บทที่ 5 6 ขั้นตอนสู่โรงเรียนคุณธรรม 54

บทท่ี 1 ความรคู้ คู่ ุณธรรม 5

ประวัตศิ าสตร์ยคุ รัตนโกสนิ ทร์ 1. การฟน้ื ฟแู ละบูรณะบ้านเมือง (ร. 1-2-3) 2. การเปิดความสมั พันธ์กับตา่ งประเทศ (ร.3-4-5) 3. การรักษาเอกราชใหพ้ น้ ภยั จักรวรรดินยิ ม (ร.4-5-6) 4. การเข้าสปู่ ระชาคมโลกบนความเสมอภาค (ร.6) 5. การเปลย่ี นแปลงระบอบการปกครองประเทศ (ร.7) 6. การกู้ชาติในสมยั สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 (ร.8) 7. การพฒั นาเศรษฐกจิ ภายใตท้ ุนนยิ มโลกาภิวฒั น์ (ร.9) 6

อัตลักษณ์ชาวสยาม : หรรษา – อารี สังฆราชปาลาลกัวซ์ในหนังสือ “เล่าเรื่องกรุงสยาม” ได้บรรยายคุณลักษณะและนิสัยของ ชาวสยามในภาพรวมวา่ “......อัธยาศัยอันอ่อนโยนและมมี นษุ ยธรรม ผู้เยาว์เอาใจใสใ่ หค้ วามเคารพและปรนนิบัตวิ ัฏฐากมารดาเป็นอันดี บ้านเรือน เส้อื ผา้ และร่างกายสะอาดหมดจดไปเสยี ท้งั ส้นิ คนไทยสุภาพ มีอารยวิสยั ร่าเริง ยดึ ม่ันในพระพทุ ธศาสนา” 7

ลน้ เกลา้ รัชกาลที่ 5 กับการศกึ ษาเพอ่ื สร้างชาติ ระยะแรกอาศัยผเู้ ชย่ี วชาญฝร่ังจดั ระบบบริหารกระทรวง ทบวง กรม ทท่ี รงสร้างขึ้น ต่อมาทรงสง่ คนไทยไปเรยี นและดูงานต่างประเทศเพือ่ กลับมาทำ�งานในกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ เหล่านัน้ “เพราะฉะนน้ั เราจงึ ไดต้ ักเตอื นนกั เรยี นเหล่านั้นว่าใหพ้ งึ นึกในใจไวว้ า่ เราไมไ่ ด้ มาเรียนจะเปน็ ฝรงั่ เราเรียนเพอ่ื จะเป็นคนไทยที่มคี วามรเู้ สมอด้วยฝรงั่ ” (พระราชหัตถเลขา ลน้ เกลา้ ร.5 พ.ศ.2440) 8

ความรกู้ บั คุณธรรมจะตอ้ งเป็นเรื่องเดียวกนั “ให้มีความวติ กไปวา่ เด็กชั้นหลังจะหา่ งเหนิ จากศาสนาจนเลยกลาย เปนคนไมม่ ีธรรมในใจมากขึน้ ... คนทไ่ี มม่ ธี รรมเปนเคร่ืองดำ�เนินตาม คงจะหันไปทางทุจรติ โดยมาก ถา้ รนู้ อ้ ยกโ็ กงไมใ่ ครค่ ลอ่ ง ฤ าโกงไม่สนิท ถ้ารูม้ ากก็โกงคล่องข้นึ และโกงพิสดารมากข้นึ การท่หี ดั ให้รอู้ ่านอกั ขรวธิ ี ไมเ่ ปนเคร่ืองฝกึ หัดให้คนดแี ลคนช่วั เปนแต่ ได้วิธสี ำ�หรับจะเรียนความดคี วามช่ัวได้คล่องขึน้ (พระราชหตั ถเลขา ลน้ เกล้า ร.5 พ.ศ.2441) 9

พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั รแกน่ สิ ติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 5 กรกฎาคม 2505 “...ประเทศชาติของเราจะเจรญิ หรือเสื่อมลงนั้น ย่อมขึ้นอยูก่ บั การศกึ ษาของประชาชนแต่ละคนเปน็ ส�ำ คญั ผลการศึกษาอบรมในวันน้ีจะเปน็ เครื่อง ก�ำ หนดอนาคตของชาตใิ นวันขา้ งหนา้ ...” 10

พระบรมราโชวาท (พระราชทานเพ่อื เชิญลงพิมพใ์ นหนังสือวันเดก็ ประจ�ำ ปี 2530) “เดก็ ๆนอกจากจะตอ้ งเรียนความรูแ้ ล้ว ยังตอ้ งหดั ทำ�การงานและท�ำ ความดดี ้วย เพราะการท�ำ งานจะชว่ ยใหม้ ีความสามารถ มคี วามขยนั อดทน พึ่งตนเองได้ และการทำ�ดนี ้ันจะชว่ ยใหม้ คี วามสขุ ความเจรญิ ท้งั ป้องกนั ตนไวไ้ ม่ให้ตกตาํ่ ” (จากหนังสือ “ค�ำ พอ่ สอน” เล่ม 1 หนา้ 16) 11

บทท่ี 2 เครื่องตัดสนิ คณุ ธรรม 12

คุณธรรม คุณธรรม คือ สิ่งก�ำ กบั จติ ใจใหป้ รากฏเป็นพฤตกิ รรม (คำ�พูด-การกระท�ำ ) ทส่ี งั คมตัดสนิ ไดว้ ่า วางอยบู่ นความดี-ความจรงิ -ความงาม ความดี ความจรงิ ความงาม 13

เครอื่ งตดั สนิ คณุ ธรรม 1. ศาสนา 2. จริยธรรม 3. นติ ธิ รรม 4. ธรรมาภบิ าล 5. คุณธรรมในครอบครวั 6. กฎเกณฑ์สงั คม 14

ศาสนธรรม 1. ศาสนาทางการของไทย 5 ศาสนา (พทุ ธ-อิสลาม-คริสต์-ซกิ ส-์ ฮนิ ดู) 2. อุดมการณ์และพิธกี รรมตา่ งกนั ออกไป 3. หลกั ศาสนธรรมท่คี ลา้ ยคลึงกนั 3 ขอ้ - ยึดมั่นในความสัตย์ความจรงิ - ยกยอ่ งในคุณคา่ ของความเปน็ มนษุ ย์ - ปรารถนาความรัก ความเมตตาแก่กันและกนั 15

หน้าท่ขี องผู้บรหิ ารตอ่ การสง่ เสรมิ ศาสนา 1. ปฏบิ ัติตามศาสนธรรมจนเป็นแบบอย่างได ้ 2. สนับสนนุ การศกึ ษาและการปฏิบัตขิ องสมาชกิ ในองค์กร 3. กำ�หนดให้การเผยแพร่ศาสนธรรมเป็นกิจกรรมหนึ่งของ CSR (Corporate Social Responsibility) ขององค์กร 16

จริยธรรม จริยธรรมเป็นเครื่องกำ�หนดความประพฤติท่ีฆราวาสบัญญัติขึ้นเพ่ือให้สมาชิกปฏิบัติเพ่ือ ความเปน็ ปกตสิ ุขและเพื่อศกั ดศิ์ รีของมวลสมาชิก 1. จรยิ ธรรมท่วั ไป 2. จริยธรรมเฉพาะวิชาชพี (จรรยาบรรณ) 17

หนา้ ทขี่ องผู้บริหารต่อการส่งเสริมจริยธรรม 1. ออกนโยบายใหม้ ีการบัญญตั จิ รยิ ธรรมทว่ั ไปสำ�หรบั องคก์ รของตน 2. สง่ เสริมให้มกี ารกำ�หนด / และปฏบิ ตั ติ ามจรรยาบรรณวชิ าชพี สำ�หรบั ผู้ปฏบิ ตั งิ าน ในหนา้ ที่ดา้ นต่างๆในองคก์ ร 3. มีมาตรการส่งเสริมสนับสนุนสำ�หรับผู้ประพฤติดี ประพฤติชอบ และมาตรการ ลงโทษผลู้ ะเมดิ 18

นติ ธิ รรม นิติธรรมคือหลักกฎหมายและข้อบังคับซึ่งเป็นเคร่ืองมือของรัฐเพื่อให้การบริหารบ้านเมือง เปน็ ไปดว้ ยความเที่ยงธรรม ปราศจากการเอารัดเอาเปรียบและเพื่อความมีสันตสิ ขุ 19

หน้าที่ของผบู้ ริหารตอ่ การปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย 1. ผบู้ รหิ ารตอ้ งประพฤตใิ หป้ ระจกั ษว์ า่ ตนเคารพกฎหมาย ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย และ อยใู่ ต้กฎหมาย เชน่ เดยี วกบั ทกุ คน 2. ผบู้ ริหารต้องรบั ผดิ ชอบที่จะให้องค์กรของตนอย่ใู นกรอบของกฎหมาย 20

ธรรมาภิบาล หลักธรรมาภบิ าลเป็นเคร่ืองมอื ทก่ี �ำ หนดความสัมพนั ธ์ในระดบั ชน้ั ตา่ งๆ ขององคก์ รหรือหนว่ ยงานทกุ ประเภท เพื่อให้องค์กรหรือหนว่ ยงานเกดิ ความ ม่นั คงและย่ังยนื โดยเน้นเปา้ หมายทปี่ ระสทิ ธภิ าพและประสิทธิผล และโดยเน้น กลไกของการบริหารท่คี วามโปรง่ ใสและมรี ะบบตรวจสอบที่เชือ่ มั่นได้ 21

โครงสร้างธรรมาภบิ าล ระดบั ท่ี 1 เจา้ ของ : กำ�หนดวตั ถปุ ระสงค์ของการจดั ต้งั องค์กร ระดับที่ 2 คณะกรรมการนโยบาย : แปลงวัตถุประสงคเ์ ปน็ นโยบายหลักขององค์กร ระดับที่ 3 ผบู้ รหิ าร:แปลงนโยบายหลกั ขององคก์ รเปน็ แผนและยทุ ธศาสตรข์ องการบรหิ ารองคก์ ร และบรหิ ารองคก์ รใหบ้ รรลุวัตถปุ ระสงค์ ระดบั ท่ี 4 ผู้ปฏบิ ัติ : ปฏบิ ัติตามแผนงานและโครงการเพอื่ ใหบ้ รรลตุ ามแผนและยุทธศาสตร์นนั้ 22

ความรับผดิ ชอบ (responsibility) คือ พนั ธะสญั ญา ทจี่ ะปฏบิ ตั งิ านให้แกอ่ งคก์ ร ความรบั ผิดรบั ชอบ (accountability) คือพนั ธะ สัญญาที่จะรับผดิ ต่อความเสียหายและรับชอบต่อ ความสำ�เรจ็ เมอ่ื ได้เรม่ิ ปฏิบัตจิ นงานลุลว่ งแลว้ 23

โครงสรา้ งธรรมาภิบาล 4 ระดบั โปร่งใส รบั ผดิ ชอบ ตรวจสอบได ้ รับผิดรบั ชอบ ประสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธิผล 24

หน้าที่ของผู้บรหิ ารต่อการสรา้ งธรรมาภบิ าลในองคก์ ร 1. ก�ำ หนดใหม้ ีระบบธรรมาภบิ าลขององคก์ รและให้มีการปฏิบตั อิ ยา่ งเครง่ ครดั 2. มกี ารประเมินประสิทธภิ าพของระบบธรรมาภิบาลและมีการแก้ไขปรบั ปรงุ อยเู่ สมอ 3. เน้นความรับผดิ ชอบของทุกหนว่ ยงานยอ่ ยและทุกคน 25

กฎเกณฑ์สงั คม กฎเกณฑส์ งั คม ไดแ้ ก่ ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี มารยาท ฯลฯ ซึ่งเปน็ ข้อกำ�หนดทีส่ มาชกิ ในสงั คม ปฏิบตั ิตอ่ เน่ือง เพือ่ ความเป็นหมู่คณะเพ่ือความสมดุลและเพ่อื ความอยู่รอด วฒั นธรรมองค์กรเป็นตวั อย่างหนง่ึ ของการสร้างกฎเกณฑส์ งั คมเฉพาะองค์กร 26

หน้าท่ีของผู้บริหารตอ่ การส่งเสริม ขนบธรรมเนยี มประเพณี 1. เปน็ ผู้ให้นโยบายแกส่ มาชกิ ขององคก์ ร นโยบายเชิงอุดมการณห์ รือ เชิงปฏิบตั เิ หลา่ นี้จะพฒั นามาเป็นประเพณีหรอื วัฒนธรรมองค์กร 2. ต้องใส่ใจแนวโน้มแห่งพฤตกิ รรมองคก์ รว่ากำ�ลังจะไปในทศิ ทางบวก หรือลบ และตอ้ งมีมาตรการเฉพาะเพื่อปรับแก้ปรบั เสรมิ แนวโนม้ นัน้ 27

คุณธรรมประจ�ำ ครอบครัว o เปน็ หลกั คุณธรรมที่แตล่ ะครอบครวั เห็นคณุ ค่าและยดึ ถอื ปฏบิ ตั ิ รวมทง้ั ส่ังสอนอบรมลูกหลาน ถ่ายทอดสืบมา o ครอบครวั คอื แหล่งบ่มเพาะชวี ิต พ่อแมต่ อ้ งสอนความรู้ สอนความดีและสอนใหล้ ูกทำ�งานเป็น 28

ก. สอนลูกหลานใหย้ ึดม่นั อยู่ในความถกู ต้อง-เท่ยี งธรรม 1. แยกแยะวา่ อะไรถกู – อะไรผิด (สมั ปชญั ญะ) 2. ยึดมั่นในสิ่งทีถ่ กู ต้อง กลา้ ปฏเิ สธสงิ่ ท่ไี มถ่ กู ตอ้ ง แมต้ นจะเสียประโยชน์กภ็ มู ิใจ 29

องค์ประกอบของชดุ อปุ นสิ ัยทพ่ี ่อแมพ่ ึงสร้างให้เกดิ ขนึ้ ในตัวลูกหลาน 1. รักษาความสตั ย์ความจริง (trust) 2. มีจิตใจสุจริต (honesty) 3. ยดึ กฎกติกา (fair-play) 4. รกั ษาหนา้ ท่ี (duty) 5. เอาใจเขามาใส่ใจเรา (consideration of others) 6. อดทน (patience) 7. มีเมตตา (kindness) 30

ข. สอนลกู หลานใหเ้ ห็นคณุ คา่ ของเงนิ 1. สอนให้รู้จักหาเงินด้วยวิธสี ุจริต 2. สอนใหร้ ู้จักใชเ้ งิน (บญั ชีรับ-จา่ ย) อย่างพอประมาณและมีเหตผุ ล 3. เงนิ เหลอื ทุกเดอื น - เพอ่ื ออม - เพ่อื บรจิ าค 31

หนา้ ที่ของผ้บู รหิ ารในการสง่ เสรมิ ครอบครัวคณุ ธรรม 1. สง่ เสรมิ กจิ กรรมทส่ี ะทอ้ นการมคี ณุ ธรรมประจ�ำ ครอบครวั ของสมาชกิ ในองคก์ ร ซง่ึ นอกจากจะ สรา้ งความผาสกุ ใหแ้ ก่สมาชกิ แล้วยงั สร้างความแข็งแกรง่ ใหแ้ ก่องคก์ รด้วย 2. ให้การยกย่องเด็กและเยาวชนดเี ดน่ ในดา้ นต่างๆซึ่งน่าจะอยู่ในโครงการ CSR ก็ได้ 32

บทที่ 3 โครงการกองทุนการศกึ ษา และพระราชกระแสเกี่ยวกับการศึกษา 33

โครงการกองทุนการศึกษา (กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ.2555) จัดต้งั ข้ึนตามพระราชด�ำ ริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว โดยมพี ระราช ประสงคว์ า่ “เพอ่ื ใหโ้ รงเรียนสรา้ งคนดีให้แกบ่ ้านเมือง” 34

หลักการตามพระราชกระแส 1.นักเรยี น 1.1 ”ครตู อ้ งสอนใหเ้ ดก็ นกั เรยี นมนี าํ้ ใจ เชน่ คนเรยี นเกง่ ชว่ ยตวิ เพอื่ นทเ่ี รยี นลา้ หลงั มใิ ชส่ อนใหเ้ ดก็ คดิ แตจ่ ะแขง่ ขนั (compete) กบั เพอ่ื น เพอ่ื ใหต้ นเองไดล้ �ำ ดบั ดๆี เชน่ สอบไดท้ ห่ี นง่ึ ของชนั้ แตต่ อ้ งใหเ้ ดก็ แข่งกบั ตนเอง” (พระบรมราโชวาท 11 มถิ ุนายน 2555) 1.2 ”เราตอ้ งฝกึ หดั ใหน้ กั เรยี นรจู้ กั ท�ำ งานรว่ มกนั เปน็ กลมุ่ เปน็ หมคู่ ณะมากขน้ึ จะไดม้ คี วามสามคั ค ี รู้จกั ดูแลช่วยเหลอื ซึง่ กันและกนั เออื้ เฟอ้ื เผอ่ื แผ่ความรแู้ ละประสบการณแ์ กก่ นั ” (พระบรมราโชวาท 5 กรกฎาคม 2555) 1.3 ”ทำ�เปน็ ตวั อยา่ ง ใหน้ ักเรียนเป็นคนดี ใหน้ กั เรียนรักครู ครูรักนักเรียน” (พระบรมราโชวาท 9 กรกฎาคม 2555) 35

2.ครู 2.1 “เรอื่ งครมู คี วามส�ำ คญั ไมน่ อ้ ยกวา่ นกั เรยี น ปญั หาหนง่ึ คอื การขาดครเู พราะจ�ำ นวนไมพ่ อ และ ครูยา้ ยบอ่ ย ดังน้ัน ก่อนการคัดเลือกเด็กท่ีจะพัฒนาต้องพัฒนาครูก่อน ให้พร้อมที่จะสอนเด็กให้ได้ผลตามท่ี ตอ้ งการ จงึ จะตอ้ งคดั เลอื กครแู ละพฒั นาคร ู ตอ้ งตงั้ ฐานะในสงั คมของครใู หเ้ หมาะสม และปลกู จติ ส�ำ นกึ โดยใชป้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง” วิธีการคือการให้ทุนและอบรม กล่าวคือต้องมีความรู้ทางวิชาการในสาขาท่ีเหมาะสมที่จะสอน ตอ้ งอบรมวธิ ีการสอนใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ มีความเปน็ ครทู ี่แท้จริง คอื มคี วามรกั และเมตตาตอ่ เดก็ ควรเป็น ครูท้องทเี่ พื่อจะได้มีความผูกพนั และคิดท่ีจะพัฒนาทอ้ งถน่ิ ที่เกิดของตน ไมค่ ดิ ยา้ ยไปยา้ ยมา (พระบรมราโชวาท 11 มิถุนายน 2555) 2.2 “ตอ้ งปรับปรงุ ครู...ครทู ี่มีอายุ 40-50 ปี ก็ตอ้ งเรียนใหม่ ต้องปฏวิ ัติครูอย่างจรงิ จงั ” (พระบรมราโชวาท 6 มถิ นุ ายน 2555) 36

2.3 “ปัญหาปจั จบุ ันคอื ครมู ุง่ เขียนงานวทิ ยานิพนธ์ เขียนตำ�ราส่งผู้บริหาร เพ่อื ให้ไดต้ �ำ แหนง่ และเงินเดือนสงู ขึ้น แลว้ บางทกี ็ย้ายไปทใี่ หม่ สว่ นครูทมี่ ุ่งการสอนหนงั สอื กลบั ไม่ไดอ้ ะไรตอบแทน ระบบไมย่ ุตธิ รรม เราต้องเปลย่ี นระเบียบตรงจดุ นี้ การสอนหนังสอื ตอ้ งถอื วา่ เปน็ ความดี ความชอบ หากคนใดสอนดี ซึง่ ส่วนมากคือมีคณุ ภาพและปรมิ าณ ตอ้ งมี reward” (พระบรมราโชวาท 5 กรกฎาคม 2555) 2.4 ”ครไู มจ่ ำ�เปน็ ต้องมคี วามรทู้ างเทคโนโลยีมาก แต่ต้องม่งุ ปลูกฝังความดีให้นกั เรยี นท้งั ชั้น ต้องอบรมบม่ นิสัยใหเ้ ป็นพลเมืองดี เด็กโตกต็ ้องทำ�เชน่ กัน” (พระบรมราโชวาท 6 มถิ ุนายน 2555) 2.5 “ครูบางสว่ นเวลาสอนนักเรยี นจะสอนไมห่ มด แตเ่ กบ็ ไว้บางสว่ น หากนกั เรียนต้องการรู้ ทงั้ หมดวชิ ากต็ อ้ งเสยี เงนิ ไปสมคั รเรยี นพเิ ศษกบั ครทู า่ นนน้ั จะเปน็ การสอนในโรงเรยี นหรอื ส่วนตวั กต็ าม” (พระบรมราโชวาท 5 กรกฎาคม 2555) 37

กองทนุ การศึกษา (ก.พ.2555 – ธ.ค.2558) จำ�นวนโรงเรียน (แห่ง) รนุ่ สงั กดั สังกดั รวม สพฐ. สอศ. รุ่นท่ี 1(ภาคกลาง) รนุ่ ที่ 2(ภาคกลาง) 19 4 23 รนุ่ ท3ี่ (ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื และภาคใต)้ รนุ่ ที่ 4(ภาคเหนอื ) 32 8 40 รวมท้ังสน้ิ 46 - 46 46 - 46 143 12 155 38

ความเป็นมาของโรงเรยี นคุณธรรมจรยิ ธรรม ปฐมบท : พ.ศ.2553 “โรงเรยี นบางมลู นากภมู ิวทิ ยาคม จ.พิจิตร” ชว่ งที่ 1 : พ.ศ.2555 “โครงการกองทนุ การศกึ ษา” ช่วงที่ 2 : พ.ศ.2557 สำ�นักงานทรัพยส์ นิ ส่วนพระมหากษัตริย์ให้จัดตง้ั “มลู นิธยิ วุ สถิรคณุ ” เพือ่ ขยายผล ช่วงท่ี 3 : พ.ศ.2559 กระทรวงศึกษาธิการก�ำ หนดนโยบายขยายผลในสถานศกึ ษา ของกระทรวง 39

การประยกุ ตร์ ปู แบบจากโรงเรียนคณุ ธรรมไปสู่องค์กรอื่น 1. วทิ ยาลัยอาชวี ะคณุ ธรรม 2. มหาวทิ ยาลยั คุณธรรม 3. โรงพยาบาลคณุ ธรรม 4. บรษิ ทั / โรงงานคุณธรรม 5. อ�ำ เภอคุณธรรม 6. ต�ำ บลคุณธรรม 7. สำ�นักงานปลดั กระทรวงการคลัง 40

บทท่ี 4 การบรหิ ารโรงเรยี น 41

การบรหิ ารโรงเรยี น ระบบธรรมาภบิ าล โรงเรียนคณุ ธรรม โรงเรยี นคณุ ภาพ โรงเรียน ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง รมณยี สถาน คอื สะอาด–สะดวก–สบาย (กายและใจ) 42

ระบบธรรมาภบิ าล เป้าหมาย (1) เพิม่ ประสิทธภิ าพ (2) เพิ่มประสิทธิผล ปัจจยั บรหิ าร : ประหยดั กระบวนการ : เรยี บง่าย ผลทไี่ ด้ : ประโยชนส์ ูงสดุ (Output – Outcome – Impact) 43

โครงสรา้ งระบบธรรมาภบิ าล 1. เจ้าของ 2. ฝ่ายนโยบาย 3. ฝา่ ยบรหิ าร 4. ฝ่ายปฏบิ ัติ ความรบั ผดิ ชอบ (responsibility) : พนั ธะสญั ญาทแี่ ตล่ ะคนจะปฏบิ ัตใิ หอ้ งค์กร ความรับผิดรับชอบ (accountability) : พันธะสัญญาท่ีก�ำ หนดวา่ เม่อื ปฏิบตั งิ านแล้ว หากไดผ้ ลดีตอ้ งได้รับชอบ หากเกิดผลเสียตอ้ งรับผิด 44

การออกแบบระบบบริหารและระบบงาน ตอ้ งคำ�นงึ ถึง 1. ความโปร่งใส (transparency) 2. ระบบตรวจสอบ (audit) 3. การจัดการความเสย่ี ง (risk management) 4. หลกี เลยี่ งผลประโยชน์ทับซ้อน (conflict interest) 45

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เงอื่ นไขก่อนนำ�ปรชั ญาน้ไี ปประยุกต์ 1. ต้องพฒั นาจิตใจของทุกฝา่ ย – ทกุ คนใหม้ ีคณุ ธรรม โดยเฉพาะ ความซ่ือสัตยส์ ุจริต 2. ต้อง “รูจ้ รงิ ” ในการน�ำ ความรู้วิชาการมาใช้ในการวางแผนและ ลงมือปฏิบตั งิ านประจ�ำ และงานโครงการ 3. ต้องขยนั หมนั่ เพียร – อดทน ใชส้ ติ – ปญั ญา – ความรอบคอบ 46

เครอ่ื งมือในการพัฒนาโรงเรียนในทุกมิติ ระบบภูมิคุ้มกัน (ความเข้มแข็ง) 4 มิติ 1. ระบบภูมิคมุ้ กันด้านวัตถุ (การเงนิ – งบประมาณ, อาคารสถานท,่ี อุปกรณ์ – เครอื่ งมอื เคร่อื งใช้ ฯลฯ) 2. ระบบภมู ิค้มุ กนั ด้านสงั คม (ศลี ธรรม – สุขภาพ – การศกึ ษา) 3. ระบบภูมิคุ้มกันดา้ นส่งิ แวดลอ้ ม (ความรู้และนิสยั การจัดการขยะ การสร้างความสะอาด – สะดวก – สบาย 4. ระบบภูมคิ มุ้ กนั ด้านวฒั นธรรม (มัน่ คงในวัฒนธรรมไทย เข้าใจใน ความหลากหลายของวัฒนธรรมอาเซยี นและสากล) 47

ใช้ “วัคซีน” เพือ่ สร้าง “ระบบภมู ิคมุ้ กัน” ให้เข้มแข็ง ภูมิค้มุ กนั วคั ซนี โครงการ ประเมนิ ผลใน 1 ปี วัตถุ สงั คม สิ่งแวดล้อม วฒั นธรรม 48

เคร่ืองมือในการตัดสินใจ:ใช้หลักความพอเพียง ซง่ึ มี 3 องค์ประกอบ 1. ความพอประมาณตามอตั ภาพ 2. ความมเี หตุผล (ทางวชิ าการ, กฎหมาย, ศีลธรรม) 3. ตอ้ งไม่กระทบภมู คิ มุ้ กันมติ ใิ ดมติ ิหนงึ่ ใหอ้ ่อนแอลง 49

ผลของการปฏบิ ตั ติ ามปรัชญาน้ี 1. ในภาวะปกติ : เกดิ ความสุข – ความสมดลุ ในทกุ ภาคสว่ น 2. ในภาวะวิกฤติหรือเกดิ การเปลย่ี นแปลงมากระทบ : รบั มือได้ – เสยี หายนอ้ ย – ฟน้ื ตวั เร็ว น�ำ ไปสูค่ วามยั่งยนื (sustainability) 50