Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา

กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา

Published by teachers_piyaphong, 2020-06-25 11:21:29

Description: กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา
ประพันธ์โดยสุนทรภู่
เหมาะสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑

Keywords: กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา

Search

Read the Text Version

ยานี ๑๑ ๏ ข้นึ กกตกทกุ ขย าก แสนลําบากจากเวยี งไชย มันเผือกเลือกเผาไฟ กนิ ผลไมไดเ ปนแรง พระสุรยิ งเย็นยอแสง ๏ รอนรอนออ นอัสดง แฝงเมฆเขาเงาเมรธุ ร ชวงดังนาํ้ ครงั่ แดง ฝูงจิง้ จอกออกเหา หอน นกหกรอนนอนรงั เรยี ง ๏ ลิงคา งครางโครกครอก อา ปากรองซองแซเ สียง ชะนวี เิ วกวอน เลีย้ งลูกออ นปอนอาหาร เคยี งคลึงเคลาเยาวมาลย ๏ ลกู นกยกปกปอง สงสารนอ งหมองพักตรา แมน กปกปก เคยี ง ๏ ภธู รนอนเนนิ เขา ตกยากจากศฤงคาร แบบเรยี นวรรณคดวี จิ ักษอิเลก็ ทรอนกิ ส เรือ่ ง กาพยเ รื่องพระไชยสรุ ิยา (ครูแวน ) ๔๖

๏ ยากเยน็ เห็นหนาเจา สรางโศกเศราเจา พอี่ า อยูวังดงั จนั ทรา มาหมน หมองละอองนวล จะรักเจาเฝาสงวน ๏ เพอื่ นทุกขส ุขโศกเศรา นวลพกั ตรน องจะหมองศรี มง่ิ ขวญั อยารญั จวน มริ ูส ้นิ กล่ินมาลี ท่ที กุ ขร อนหยอ นเยน็ ทรวง ๏ ชวนช่นื กลืนกลา้ํ กล่ิน คลึงเคลา เยา ยวนยี ยานี ๑๑ เสยี งครืน้ ครน่ั ชน้ั เขาหลวง สตั วท ้งั ปวงงว งงนุ โงง ๏ ขึ้นกดบทอัศจรรย เสียงดงั ดจุ เพลงิ โพลง นกหกตกรังรวง โคลงคลอนเคล่อื นเขยื้อนโยน บา งตนื่ ไฟตกใจโจน ๏ แดนดนิ ถ่นิ มนษุ ย ลกุ โลดโผนโดนกันเอง ตึกกวานบานเรอื นโรง ตะโพนกลองรอ งเปน เพลง โหงง หงา งเหงง เกง กา งดงั ๏ บา นชอ งคลองเล็กใหญ ปลุกเพอ่ื นเตือนตะโกน ๏ พณิ พาทยระนาดฆอ ง ระฆังดังวังเวง แบบเรียนวรรณคดีวจิ กั ษอเิ ล็กทรอนิกส เร่ือง กาพยเรือ่ งพระไชยสรุ ยิ า (ครแู วน) ๔๗

๏ ขุนนางตางลกุ วิง่ ทานผหู ญิงว่ิงยุดหลงั พัลวันดันตึงตัง พลั้งพลัดตกหกคะเมน ๏ พระสงฆล งจากกุฏิ์ วงิ่ อุดตลตุ ฉุดมือเณร หลวงชีหนีหลวงเถร ลงโคลนเลนเผนผาดโผน ๏ พวกวดั พลดั เขาบา น ลานตอลา นซานเซโดน ตนไมไ กวเอนโอน ลงิ คา งโจนโผนหกหนั ๏ พวกผีที่ปน ลกู ตดิ จมกู ลกู ตาพลนั ขกิ ขิกระรกิ กนั ปนไมทันมันเดอื ดใจ ๏ สององคท รงสังวาส โลกธาตุหวาดหวัน่ ไหว ต่นื นอนออ นอกใจ เดินไมไ ดใหอาดรู ๔๘ แบบเรยี นวรรณคดวี จิ ักษอิเล็กทรอนกิ ส เร่อื ง กาพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า (ครแู วน )

ยานี ๑๑ พระดาบสบชู ากณู ฑ พนู สวัสดิ์สตั ถาวร ๏ ขน้ึ กบจบแมก ด เอนองคอ งิ พงิ สงิ ขร ผาสกุ รุกขมลู สงั วรศีลอภญิ ญาณ พืน้ พิภพจบจกั รวาล ๏ ระงบั หลบั เนตรน่ิง ทา นเห็นแจง แหลงโลกา เหมอื นกบั หลบั สนทิ นอน ไมเขย้อื นเคล่ือนกายา เปน ผาสกุ ทุกเดอื นป ๏ บาํ เพ็งเลง็ เหน็ จบ สวรรคช น้ั วิมาน ๏ เขา ฌานนานนับเดอื น จําศีลกินวาตา แบบเรียนวรรณคดวี จิ กั ษอเิ ล็กทรอนิกส เรอ่ื ง กาพยเ รื่องพระไชยสุริยา (ครแู วน) ๔๙

๏ วนั นน้ั ครั้นดินไหว เกิดเหตใุ หญใ นปถพี เล็งดูรูคดี กาลกิณีสป่ี ระการ กลบั จรติ ผิดโบราณ ๏ ประกอบชอบเปนผดิ ผลาญคนซ่อื ถอื สัตยธรรม สามัญอันธพาล ลูกไมรูคุณพอ มนั ลอบฆา ฟนคอื ตัณหา ๏ ลกู ศษิ ยคดิ ลางครู โจทกจ ับผิดริษยา สอ เสียดเบียดเบยี นกนั ปวนเปน บา ฟา บดบัง เกิดวิบตั ิปตติปาปง ๏ โลภลาภบาปบคิด สงั วจั ฉระอวสาน อรุ ะพสธุ า ๏ บรรดาสามัญสัตว ไตรยคุ ทุกขตรงั แบบเรียนวรรณคดีวจิ กั ษอิเลก็ ทรอนิกส เรื่อง กาพยเรื่องพระไชยสรุ ยิ า (ครแู วน ) ๕๐

ฉบัง ๑๖ ๏ ข้ึนกมสมเด็จจอมอารย เอ็นดภู ูบาล ผผู า นพาราสาวะถี ๏ ซือ่ ตรงหลงเลหเสนี กลอกกลับอปั รยี  บุรจี งึ ลม จมไป ๏ ประโยชนจะโปรดภูวไนย น่ิงนง่ั ตั้งใจ เล่อื มใสสาํ เรจ็ เมตตา ๏ เปลงเสยี งเพยี งพณิ อนิ ทรา บอกขอมรณา คงมาวันหน่ึงถึงตน ๏ เบยี นเบียดเสยี ดสอ ฉอ ฉล บาปกรรมนําตน ไปทนทกุ ขนบั กปั กัลป ๏ เมตตากรุณาสามญั จะไดไ ปสวรรค เปนสขุ ทกุ วนั หรรษา ๕๑ แบบเรียนวรรณคดีวจิ กั ษอิเล็กทรอนกิ ส เรอื่ ง กาพยเ รอื่ งพระไชยสรุ ิยา (ครูแวน )

๏ สมบัติสัตวม นษุ ยครฑุ า กลอกกลบั อัปรา เทวาสมบตั ชิ ัชวาล อ่มิ หนาํ สาํ ราญ ขับรําจาํ เรียง ๏ สขุ เกษมเปรมปรีดว์ิ ิมาน สงิ่ ใดใจหวงั ศฤงคารหอ มลอ มพรอมเพรียง สวดมนตภ าวนา พระองคทรงธรรม ๏ กระจบั ปสซี อทอเสียง สาํ เนียงนางฟา นา ฟง ๏ เดชะพระกุศลหนหลงั ไดดงั มุงมาดปรารถนา ๏ จรงิ นะประสกสีกา เบื้องหนาจะไดไ ปสวรรค ๏ จบเทศนเ สร็จคาํ รําพนั ดันดัน้ เมฆาไคล แบแบบเบรยีเรนียวนรวรรณรคณดควี ดจิ วี กั จิ ษกั อษเิ อล็กเิ ลทก็ รท(อครนรอกิูแนสวกิ น สเร) อื่เรง่อื กงากพายพเ รยือ่เรงอ่ืพงรพะรไะชไยชสยุรสยิ รุ าิย(าครูแวน ) ๕๒

ฉบงั ๑๖ ๏ ขึน้ เกยเลยกลาวทา วไท ฟงธรรมนํ้าใจ เล่อื มใสศรัทธากลา หาญ ๏ เหน็ ภัยในขันธสนั ดาน ตดั หวงบวงมาร สาํ ราญสาํ เรจ็ เมตตา ๏ สององคท รงหนังพยัคฆา จัดจีบกลบี ชฎา รกั ษาศลี ถอื ฤๅษี ๏ เชา ค่าํ ทาํ กิจพธิ ี กองกูณฑอัคคี เปนทบ่ี ชู าถาวร ๏ ปถพีเปนทบ่ี รรจถรณ เอนองคลงนอน เหนือขอนเขนยเกยเศียร ๏ คา่ํ เชาเอากราดกวาดเตียน เหน่อื ยยากพากเพยี ร เรยี นธรรมบาํ เพญ็ เครงครนั ๏ สําเร็จเสร็จไดไปสวรรค ๕๓เสวยสขุ ทุกวนั นานนับกัปกัลปพ ุทธันดร แบบเรยี นวรรณคดีวจิ ักษอิเล็กทรอนิกส เรื่อง กาพยเรอ่ื งพระไชยสรุ ิยา (ครแู วน)

๏ ภุมราการญุ สนุ ทร ไวหวงั ส่งั สอน เด็กออ นอนั เยาวเลา เรียน หนูนอ ยคอยเพียร ไมเรยี วเจยี วเหวย ๏ ก ข ก กา วา เวยี น หยกิ ซํ้าชํา้ เขียว อานเขียนผสมกมเกย เรียงเรยี บเทียบทาํ ใครเหน็ เปนคุณ ๏ ระวังตัวกลวั ครูหนเู อย กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว ๏ หันหวดปวดแสบแปลบเสยี ว อยาเท่ยี วเลนหลงจงจาํ ๏ บอกไวใหท ราบบาปกรรม แนะนําใหเ จาเอาบญุ ๏ เดชะพระมหาการุญ แบง บุญใหเ ราเจาเอยฯ แบบเรียนวรรณคดวี จิ กั ษอิเลก็ ทรอนิกส เร่ือง กาพยเ ร่อื งพระไชยสรุ ยิ า (ครแู วน ) ๕๔

คาํ อธบิ ายศพั ทแ ละขอความ คาํ ศพั ท ความหมาย กราด ไมก วาดท่ีทําเปนซย่ี าว ๆ หาง ๆ มีดามยาว สําหรบั ใชก วาดท่ีลานวัด กลอกกลับอัปรา เปลี่ยนกลับมาเอาชนะและไดสมบัติคืน (กลอกกลับในที่น้ีหมายถึงเปล่ียนกลับมา อปั รา หมายถึง อัปราชยั คือ ไมแพ) กลอกกลบั อปั รยี  ไมซือ่ ตรงและช่ัวรา ย กะลาง ชอื่ นกชนดิ หน่งึ ลาํ ตวั อวนปอ ม หากินเปนฝูง ตามพ้ืนดิน กะลิง ชือ่ นกปากขอชนิดหนง่ึ กะโห (กระโห) ช่ือปลานาํ้ จดื ชนิด กงั สดาล เครื่องตีใหเกิดเสียงอยางหนึ่ง เปนแผนโลหะ หลอจากสัมฤทธิห์ รือทองเหลอื ง รปู รางคลาย พัดท่ีคลี่ออก ดานบนเจาะรูแขวน ดานลาง เปน วงโคง คลายวงเดือน กปั กัลป ระยะเวลาอันยาวนานกอ นที่โลก จะสน้ิ สุดลงในแตล ะคร้ัง ๕๕กาลกิณี เสนียดจัญไร ลกั ษณะทเี่ ปน อปั มงคล แบบเรียนวรรณคดวี จิ กั ษอ ิเล็กทรอนกิ ส เรือ่ ง กาพยเรอ่ื งพระไชยสุริยา (ครแู วน )

คําอธบิ ายศพั ทแ ละขอ ความ (ตอ ) คําศัพท ความหมาย กินเพลงิ นอนผงึ่ แดด อาบแดด กินวาตา กนิ ลม ในความวา “จําศลี กนิ วาตา” หมายความวา พระดาบสจําศลี ไมก ินอาหาร ไกหมู ในท่นี ้หี มายถงึ ของทน่ี ําไปใหผพู ิพากษาเปน การติดสนิ บน ขวาบเขวยี ว มาจากคาํ วา “ขวับเขวียว” หมายถึง เสยี ง หวดไมเรียว ขอมรคา ขอถามทาง ขันธสันดาน นิสยั ตาง ๆ ของมนุษย ขาไท บรวิ ารของผูเ ปน ใหญ คนรับใชท ่ไี มใชทาส ขอ่ื เคร่ืองจองจํานักโทษ ทําดวยไมมีชองสําหรับ สอดมือหรือเทา แลว มีล่ิมตอกกํากบั กันข่ือหลุด เขนย หมอนหนุน เขาเขนิ เนินเขา ครา ฉุดลากไปอยางไมปรานี ๕๖ จับไปกนิ แบบเรียนวรรณคดวี จิ ักษอิเล็กทรอนกิ ส เร่อื ง กาพยเรือ่ งพระไชยสรุ ิยา (ครแู วน)

คาํ อธบิ ายศพั ทแ ละขอความ (ตอ) คาํ ศพั ท ความหมาย คลํา่ เกลอ่ื นกลน คอ นทอง ช่ือนกชนิดหนง่ึ ปจ จบุ ันเรียกวานกตีทอง คนั ทรง ช่ือไมพ มุ ชนิดหน่งึ ดอกสีเหลอื ง ยอดออ นกนิ ได ใชท ํายาได คางแขง็ แรง คางคอแข็งแรง บกึ บนึ เจง เคร่ืองดนตรจี นี ชนิดหนงึ่ มสี ายสาํ หรบั ดดี คลายจะเข บางก็เรียก กูเจงิ หรอื โกวเจง็ เจา สุภา ผพู พิ ากษา ฉอ โกง เฉโก ฉลาดแกมโกง มเี ลห เ หลี่ยม ไมตรงไปตรงมา ชอ ใบ ชักใบเรอื ขึ้น ชอ งนาง ชอื่ ไมพุม ชนิดหน่งึ ดอกสมี วงนํา้ เงนิ เขมหรอื ขาว ชาวแม พวกผูห ญิงในวงั ทเ่ี ปนผมู อี ายุ ชีบา นักบวชและผูรู ใชใ บ แลนไปดวยใบเรือ ๕๗ ตรีชา ดถู กู แบบเรียนวรรณคดวี จิ ักษอิเล็กทรอนิกส เรอ่ื ง กาพยเรือ่ งพระไชยสุรยิ า (ครแู วน )

คําอธบิ ายศพั ทแ ละขอความ (ตอ ) คําศพั ท ความหมาย ไตรยคุ ยุคท้ังสาม ตามคติโบราณเชื่อวาโลกมี ๔ ยุค คือ กฤดายุค ไตรดายุค ทวาปรยุค และ กลียุค เม่ือส้ินยุคท้ังสามแลวจะเขาสูกลียุค ซึ่งโลกจะมแี ตค วามวุน วาย ไตรสรณา ทพี่ ่ึงทงั้ ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ ถอนทยั มาจากคาํ วา ถอนพระทัย หมายถึง ถอนใจ ถือน้ํา ทําพธิ ถี ือน้ําพระพพิ ฒั นส ัตยาสาบานตน กอ นเขารบั ราชการ เถาแก ตาํ แหนง ขา ราชการฝายในพระราชสํานัก ทอ เสยี ง ประสานเสยี งกนั ทํามโหรี เลน ดนตรี ทีซ่ ่อื ถอื พระเจา ใครทนี่ ับถอื พระนับถอื เจา ก็ถกู หาวา โง วา โงเงา เตา ปูปลา ทุกขตรัง มที ุกขม ากขึ้น โทงเทง อาการเคลอ่ื นไหวอยา งโยงเยงสา ยไปมา เปน อาการของนกอโี กง ซึ่งมขี ายาวนว้ิ ยาว ๕๘ แบบเรยี นวรรณคดวี จิ กั ษอเิ ล็กทรอนกิ ส เรื่อง กาพยเรือ่ งพระไชยสุรยิ า (ครแู วน )

คําอธบิ ายศพั ทแ ละขอ ความ (ตอ) คาํ ศพั ท ความหมาย นํ้าครั่ง น้าํ ทมี่ ีสีแดงเหมอื นสขี องครงั่ บรรจถรณ ท่นี อน บาลมี ิไดแ กไข คัมภีรที่ไมม ีการแกไ ขเปล่ียนแปลง บําเพง็ คือบําเพ็ญ ในความวา “บําเพ็งเล็งเห็น จบ” หมายความวา บําเพ็ญพรตจนรูเห็น ไดต ลอด บชู ากูณฑ บชู าไฟ ประเวณี ประเพณี ประสกสีกา ในที่น้คี อื พระไชยสุรยิ าและพระนางสุมาลี ปตตปิ าปง บาปเกิดข้นึ ฝงดนิ นอนแชอ ยูในปลกั โคลน พญาลอ ชื่อนกขนาดใหญช นดิ หน่ึง ตัวผสู เี ทา ตะโพกสีแดงสด ขนหางยาวสีดาํ เหลือบ เขียว ตัวเมียสนี า้ํ ตาล มลี ายขวางสดี ํา, บา งกเ็ รยี ก ไกฟ าพญาลอ พยคั ฆา เสือโครง ๕๙ แบบเรียนวรรณคดวี จิ ักษอิเล็กทรอนกิ ส เรื่อง กาพยเ รอ่ื งพระไชยสุริยา (ครูแวน)

คําอธิบายศพั ทแ ละขอ ความ (ตอ ) คาํ ศัพท ความหมาย พยุ พายุ พระแกล หนาตา ง พระเจาเขา ใจ พระราชาเขาพระทัย พระสุริใส ดวงอาทติ ย พลวง ชอ่ื ไมต นชนดิ หนง่ึ ใบใหญ ใชหอ ยาสูบหรอื มุงหลงั คา บางกเ็ รียก คลุง ตองตึง หรอื ตึง พลอง ชอ่ื ไมต น ขนาดเล็กชนดิ หนงึ่ โพลเ พล เวลาพลบค่าํ เวลาจวนค่ํา ไพชยนตสถาน ปราสาท ภาษาไสย เรอ่ื งไสยศาสตร เภตรา เรอื สาํ เภา ภมุ ราการญุ สนุ ทร หมายถึงสนุ ทรภู (ภมุ รา หมายถึง แมลงภ)ู มา ลอ แผนโลหะสมั ฤทธ์ิ รปู คลายถาด ตีใหม เี สียงดงั เปนของจีนใช เมรไุ กร, เมรธุ ร ภเู ขาใหญ ๖๐ แบบเรียนวรรณคดีวจิ ักษอิเลก็ ทรอนิกส เร่อื ง กาพยเ รอื่ งพระไชยสรุ ิยา (ครูแวน )

คาํ อธิบายศพั ทแ ละขอ ความ (ตอ ) คําศพั ท ความหมาย เยาวภา ผอู ายุนอ ย โยโส มาจากคําวา ยโส หมายความวา เยอหย่ิง เพราะถือตัววามียศ มีปญญา มีความรู มกี ําลัง มที รัพย ฯลฯ ราหู ชื่อปลากระเบนทะเลชนิดหนึ่ง มีลักษณะ ท่ัวไปคลายปลากระเบนนก มีเนื้อย่ืนเปน แผนคลายใบหูอยูที่มุมขอบนอกปลายสุด ของหัวขางละอัน ใชตะลอมอาหารเขา ปาก ดา นบนลําตวั สีดาํ รกุ ขมูล โคนตน ไม รูคดี รูขอเทจ็ จรงิ ลอ กามา เสพกาม ลองเชงิ หยัง่ ทาทดี วู ามีความสามารถแคไหน ลา ล้ี ถอยหนไี ป โลกธาตุ แผนดนิ วา ในทีน่ ้ีหมายถงึ ปกครองดแู ล ๖๑ในความวา “มไิ ดวาหมูข าไท” แบบเรียนวรรณคดวี จิ ักษอ เิ ลก็ ทรอนกิ ส เรอ่ื ง กาพยเร่ืองพระไชยสรุ ยิ า (ครแู วน )

คาํ อธบิ ายศพั ทแ ละขอ ความ (ตอ ) คําศพั ท ความหมาย วิบตั ิ พิบัติ ความฉิบหาย ความหายนะ ความ เปน อปั มงคล เวรา เวรกรรม ศฤงคาร (อานวา สิง-คาน, สะ-หฺริง-คาน) สิ่งใหเกิด ความรกั บริวารหญงิ ผบู าํ เรอความรกั ศีรษะไม หัวไม ทาํ ใหไมกลัวการถูกลงโทษ หมายความวา หัวด้อื ษมา ขอโทษ สธรรม ธรรมะซงึ่ เปนส่ิงดีงาม สมเดจ็ จอมอารย ในทน่ี หี้ มายถึง พระดาบส สมอก็เกา ลากสมอเรือครดู ไปตามพ้นื ทองน้ํา เรอื ไมหยุดอยกู ับที่ สังวัจฉระ ป ในที่นี้หมายถึง เวลา สัตถาวร คอื สถาวร หมายถึง ย่ังยืน สาระยาํ เลว แบบเรียนวรรณคดีวจิ ักษอ ิเลก็ ทรอนกิ ส เร่อื ง กาพยเรือ่ งพระไชยสรุ ยิ า (ครูแวน) ๖๒

คําอธิบายศพั ทแ ละขอ ความ (ตอ) คาํ ศพั ท ความหมาย สาํ ภาที คือ สัมพาที เปนพญานกลูกพญาครุฑ และเปนพี่พญานกสดายุในเร่ืองรามเกียรต์ิ สัมพาทีเปนผูชี้ทางใหหนุมานไปเมือง ลงกา สินธุ แมนํา้ เสาใบทะลุ ใบเรอื ขาด ไสยา นอน หอ หอง เหรา (อานวา เห-รา) สตั วนํา้ ในนยิ าย มีลกั ษณะ คร่ึงนาคคร่ึงมังกร ไหลมาแตใ น เปน ความเชอ่ื ตามไตรภมู ิพระรว ง ตน ทาง คอโค ของนา้ํ ในมหาสมุทรคือสระอโนดาตใน ชมพทู วปี สระนนั้ มปี ากทางนํ้าเขาอยู ๔ ดา นเปนรูปหนา สงิ ห หนา ชา ง หนามา และหนา วัว ตามลําดับ ในความวา “ไหลมาแตในคอโค” หมายความวา ไหลมาจากดานปากวัว ๖๓ แบบเรียนวรรณคดีวจิ กั ษอิเล็กทรอนิกส เร่ือง กาพยเรอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า (ครูแวน )

คาํ อธิบายศพั ทแ ละขอความ (ตอ) คาํ ศัพท ความหมาย อภญิ ญา “ความรูยิ่ง” ในพระพุทธศาสนามี ๖ อยา ง คอื ๑. การแสดงฤทธไ์ิ ด ๒. หทู พิ ย ๓. ญาณรูจักกาํ หนดใจผอู ่ืน ๔. การระลึกชาตไิ ด ๕. ตาทิพย ๖. ญาณรูจกั ทาํ อาสวะใหส้นิ ไป อรไท นางผูเปนใหญ นางผูมีสกุล (ใชเรียกนาง กษตั ริย) ในท่ีนี้หมายถึงพระนางสุมาลี อยตู อ ธรณี อยรู มิ ฝง ไมไกลจากแผน ดิน อะโข คือ อักโข หมายความวา มาก อรุ ะพสธุ า อกของแผนดิน เปนความเปรียบหมายถึง พน้ื ดิน อาดรู เดอื ดรอน ทนทุกขเวทนาท้งั กายและใจ อีโกง ชือ่ นกขนาดกลางชนิดหนงึ่ ลาํ ตวั สีมวง เหลอื บน้ําเงิน ขนหางดานลางสีขาว ๖๔ แบบเรียนวรรณคดีวจิ ักษอเิ ล็กทรอนิกส เร่ือง กาพยเรอื่ งพระไชยสรุ ยิ า (ครูแวน)

เร่อื งยอ กาพยเรื่องพระไชยสุริยาเปนเรื่องของพระราชา ทรงพระนามวา “พระไชยสุริยา” ทรงครองเมืองสาวะถี หรือสาวัตถี มีมเหสีช่ือ “พระนางสุมาลี” บานเมืองมีความ อุดมสมบูรณและเปนสุขมาชานาน จนกระทั่งเม่ือขาราช บริพารและผูมีอํานาจพากันลุมหลงในอบายมุข และกระทํา การขมเหงราษฎรจนเดือดรอนกันไปทั่ว ในที่สุดน้ําปาก็ไหล บาทวมเมืองจนผูคนลมตาย ผูท่ีรอดชีวิตก็หนีออกจากเมือง ไปหมด ท้ิงใหส าวะถกี ลายเปน เมอื งรางไป พระไชยสุริยาพามเหสีและขาราชบริพารหนีลง เรือสําเถาออกจากเมือง แตก็ถูกพายุใหญพัดจนเรือแตก พระไชยสุริยากับพระนางสุมาลีลอยคอไปขึ้นฝงแลวรอน แรมไปในปาใหญอยูหลายวัน พระดาบสรูปหนึ่งเขาฌาน เห็นพระไชยสุริยากับพระนางสุมาลีระเหระหนอยูก็สงสาร เพราะเห็นวาพระราชาทรงเปนกษัตริยท่ีดี แตประสบ เคราะหกรรมเพราะหลงเชื่อเสนาอํามาตย จึงเทศนาโปรด จนท้ังสองพระองคศรัทธาถือเพศเปนฤๅษี และบําเพ็ญเพียร ธรรมจนไดไปเสวยสุขบนสวรรค แบบเรยี นวรรณคดีวจิ ักษอ เิ ลก็ ทรอนกิ ส เร่ือง กาพยเ ร่อื งพระไชยสรุ ยิ า (ครแู วน) ๖๕

แนวคดิ ของเรื่อง กาพยเร่ืองพระไชยสุริยาไดแสดงแนวคิดใหผูอาน เห็นวา ธรรมเปนสิ่งสําคัญตอสังคม บานเมืองใดมีผูปฏิบัติธรรม บานเมืองนั้นยอมเจริญ บานเมืองใดไรผูปฏิบัติธรรม บานเมือง นั้นพลันฉิบหาย ซึ่งก็เหมือนกับเมืองสาวะถีท่ีตองพังพินาศยอย ยับเพราะบานเมืองไรผูปฏิบัติธรรม ปญหาดังกลาวน้ีมีสาเหตุมา จากขุนนางขาราชการและพระสงฆที่ปฏิบัติตนไปในทางเสื่อม โดยเร่ิมจาก อยมู าหมขู าเฝา กห็ าเยาวนารี ๖๖ ทห่ี นา ตาดีดี ทาํ มโหรที เี่ คหา คํ่าเชาเฝา สซี อ เขาแตห อลอกามา หาไดใหภริยา โลโภพาใหบ า ใจ ไมจ าํ คาํ พระเจา เหไปเขาภาษาไสย ถือดีมขี า ไท ฉอแตไพรใสข ่อื คา คดที ม่ี ีคู คือไกหมูเจาสุภา ใครเอาขา วปลามา ใหสภุ ากว็ าดี ที่แพแกช นะ ไมถือพระประเวณี ขฉ้ี อก็ไดดี ไลดา ตมี ีอาญา ท่ีซ่อื ถอื พระเจา วา โงเงาเตาปูปลา ผูเฒา เหลาเมธา วาใบบา สาระยํา แบบเรยี นวรรณคดวี จิ ักษอ เิ ล็กทรอนิกส เรอื่ ง กาพยเ ร่อื งพระไชยสุรยิ า (ครแู วน )

บทวิเคราะห กาพยเรอ่ื งพระไชยสุรยิ าขึ้นตน ดวยบทไหวครู (ซึ่งเปน วรรณกรรมเร่ืองเดยี วของสุนทรภูที่มีบทไหวคร)ู ความวา สาธสุ ะจะขอไหว พระศรไี ตรสรณา พอแมแ ลครบู า เทวดาในราศี ขา เจาเอา ก ข เขามาตอ ก กา มี แกไขในเทานี้ ดีมดิ ีอยาตรีชา จากน้ันจึงดําเนินเรื่องโดยเลาวา มีพระมหากษัตริยองค หนึง่ ทรงพระนามวา พระไชยสรุ ยิ า ครองเมืองสาวะถี มีพระมเหสีนาม วาพระนางสุมาลี พระไชยสุริยาปกครองบานเมืองดวยความสงบสุข ขุนนางทั้งหลายยึดมั่นอยูในครรลองคลองธรรม พอคา ชาวเมือง ชาวไร ชาวนา ตางมีความสขุ กนั ถว นหนา ดังคําประพันธท วี่ า ธรณมี ีราชา เจา พาราสาวะถี ๖๗ ช่อื พระไชยสุรยิ า มีสดุ ามเหสี ชือ่ วาสมุ าลี อยบู รุ ีไมมภี ัย ขา เฝา เหลาเสนา มีกิริยาอัชฌาศยั พอคามาแตไ กล ไดอาศัยในพารา ไพรฟ าประชาชี ชาวบรุ กี ป็ รีดา ทาํ ไรขา วไถนา ไดเ ขา ปลาแลสาลี แบบเรียนวรรณคดีวจิ กั ษอเิ ล็กทรอนิกส เรื่อง กาพยเร่ืองพระไชยสรุ ยิ า (ครแู วน)

ตอมาไดเกิดอาเพศขึ้นในเมืองสาวะถี ทําใหบานเมืองพัง พินาศยอยยับ ทั้งน้ีเพราะพวกขุนนาง ขาราชการ ขาดศีลธรรม ไม ปฏิบัติตนตามระบอบที่เคยกระทํามาแตโบราณ มัวเมา ลุมหลง อิสตรี ไมน ับถือพระศาสนา นับถือแตไสยศาสตร ถือดีวาตนมีอํานาจ จนไร ความเมตตา ดังคาํ ประพนั ธท ีว่ า อยมู าหมูขาเฝา กห็ าเยาวนารี ท่หี นา ตาดีดี ทาํ มโหรที เี่ คหา ค่ําเชา เฝาสซี อ เขาแตหอลอ กามา หาไดใ หภ ริยา โลโภพาใหบา ใจ ไมจําคาํ พระเจา เหไปเขาภาษาไสย ถือดีมขี าไท ฉอ แตไ พรใสขื่อคา แลวพวกผูพิพากษาก็มัวแตรับสินบน ไมปฏิบัติหนาท่ี ตามควรของตนเอง ไมมีความยุติธรรม แถมยังดูหมิ่นผูนับถือศาสนา ดงั คําประพันธท ว่ี า คดที ่มี คี ู คอื ไกหมเู จา สภุ า ๖๘ ใครเอาขาวปลามา ใหส ภุ ากว็ าดี ที่แพแกช นะ ไมถ อื พระประเวณี ขี้ฉอกไ็ ดด ี ไลด า ตมี ีอาญา ทีซ่ ่อื ถอื พระเจา วา โงเงาเตา ปปู ลา ผเู ฒา เหลาเมธา วา ใบบ าสาระยาํ แบบเรยี นวรรณคดีวจิ กั ษอ ิเล็กทรอนกิ ส เรื่อง กาพยเร่ืองพระไชยสรุ ยิ า (ครแู วน)

อีกท้ังบรรดาพระสงฆก็มีพฤติกรรมท่ีไมสมกับเปน ผูสืบทอดพระศาสนา กลาวคือ ไมสนใจในทางธรรม ไมปฏิบัติ ตามกจิ ของสงฆ ถือดี ไมเ ชื่อฟง ผูใหญ ดังคําประพนั ธทวี่ า ภิกษสุ มณะ เลา กล็ ะพระสธรรม คาถาวาลาํ นํา ไปเรร ่ําทาํ เฉโก ไมจาํ คาํ ผใู หญ ศีรษะไมใจโยโส ท่ีดมี อี ะโข ขาขอโมทนาไป เมืองสาวะถีจึงกลายเปนเมืองที่มีสภาพทางสังคมอัน เลวรา ย เพราะไมม ีใครทจี่ ะใหค วามเมตตาปรานีแกกัน ผูมีอํานาจ ก็มักจะขมเหงรังแกผูนอย ทุกคนในเมืองเปนคนเห็นแกตัวกัน หมด ใครอยากไดอะไรก็ไปตีชิงว่ิงราวหรือปลนเอามาไดเลย ตามใจปรารถนา เหลาเสนาอํามาตยก็ปลอยปละละเลยไม ควบคุมดูแล และยังไรซึ่งความซ่ือสัตย ถือน้ําพระพิพัฒนสัตยา ไปก็เทา น้นั เหตกุ ารณดงั กลา วนีป้ รากฏอยูในคาํ ประพนั ธทวี่ า แบบเรยี นวรรณคดวี จิ กั ษอ เิ ลก็ ทรอนิกส เรอ่ื ง กาพยเรื่องพระไชยสุรยิ า (ครูแวน) ๖๙

พาราสาวะถี ใครไมมปี รานีใคร ดดุ อ้ื ถือแตใจ ทีใครไดใ สเอาพอ ผูทีม่ ฝี มือ ทาํ ดดุ อ้ื ไมซ ื้อขอ ไลควา ผาท่ีคอ อะไรลอ กเ็ อาไป ขาเฝา เหลาเสนา มิไดว า หมขู าไท ถอื นา้ํ ร่าํ เขาไป แตน า้ํ ใจไมน าํ พา หาไดใ ครหาเอา ไพรฟ าเศราเปลา อุรา ผูที่มีอาญา ไลต ีดา ไมป รานี เมื่อบานเมืองเสื่อมโทรม หาคนที่มีศีลมีธรรมไมไดแลว ก็ เกิดอาเพศหนกั ผีปาไดเขามายํ่ายีชาวเมืองจนลมตายเปนจํานวนมาก แลว จากน้นั ก็มนี ้าํ ไหลเขา ทว มเมอื ง ประชาชนตางไรที่อยูอาศัย จึงพา กันอพยพออกจากเมือง ทําใหเมืองสาวะถีกลายเปนเมืองราง ดังคํา ประพนั ธทีว่ า ผีปา มากระทํา มรณกรรมชาวบุรี ๗๐ นํา้ ปาเขาธานี กไ็ มม ที ่อี าศัย ขา เฝา เหลาเสนา หนีไปหาพาราไกล ชบี าลา ลไ้ี ป ไมมีใครในธานี แบบเรยี นวรรณคดวี จิ กั ษอิเลก็ ทรอนิกส เร่อื ง กาพยเ รื่องพระไชยสรุ ยิ า (ครูแวน )

พระไชยสุริยาจงึ พาพระมเหสีพรอมดวยนางสนมกํานัล หนีลงเรือสําเภา คร้ันสําเภาออกสูทะเลก็ถูกพายุใหญพัดจนสําเภา แตก นางสนมกํานัลและคนรับใชท่ีตามเสด็จส้ินชีวิตหมด เหลือแต พระไชยสุริยากับพระมเหสี ทั้งสองพระองคจึงทรงตะเกียกตะกาย วายน้ําข้ึนฝง แลวเดินซัดเซพเนจรไปในปา ไดรับความทุกขยาก หลากหลาย ค่ําลงที่ไหนก็ตองนอนท่ีน่ัน ใชแผนดินเปนที่นอน ใช ไมขอนเปนหมอนหนุน และขุดเผือกขุดมันเปนอาหารประทังชีวิต ดงั คําประพันธท ี่วา ก กา วาปน ขน้ึ ใหมในกน ๗๑ เอน็ ดูภูธร ระคนกันไป มณฑลตน ไทร มานอนในไพร วันทาสามี แทนไพชยนตส ถาน เฝา อยูดแู ล สว นสุมาลี ใหพระภบู าล เทวอี ยงู าน เขน็ ใจไมขอน แตก อนกาล ภธู รสอนมนต สาํ ราญวญิ ญา เยน็ คํ่าร่ําวา พระชวนนวลนอน เหมือนหมอนแมน า ใหบนภาวนา กันปา ภัยพาล แบบเรยี นวรรณคดวี จิ ักษอ เิ ลก็ ทรอนิกส เรอ่ื ง กาพยเ รื่องพระไชยสรุ ิยา (ครแู วน )

พระไชยสุริยากับพระนางสุมาลีรอนแรมอยูในปาเปน เวลาหลายวัน จนกระท่ังไดพบกับพระดาบสรูปหนึ่ง พระดาบสได ชี้ใหทั้งสองพระองคเห็นถึงสาเหตุของความพินาศยอยยับของเมือง สาวะถีวาเปน เพราะ “กาลกิณสี ป่ี ระการ” ดังคําประพนั ธทว่ี า พาราสาวะถี ใครไมมปี รานใี คร ดดุ ้ือถอื แตใจ ทีใครไดใสเอาพอ ผทู ่ีมฝี มือ ทําดุด้ือไมซ้ือขอ ไลค วาผา ทคี่ อ อะไรลอ กเ็ อาไป ขาเฝา เหลา เสนา มไิ ดว า หมขู า ไท ถอื นา้ํ ร่ําเขาไป แตนาํ้ ใจไมน ําพา หาไดใครหาเอา ไพรฟาเศรา เปลา อรุ า ผูท่ีมอี าญา ไลตีดา ไมปรานี และ ประกอบชอบเปน ผดิ กลบั จรติ ผดิ โบราณ สามญั อันธพาล ผลาญคนซ่อื ถอื สัตยธ รรม ลูกศษิ ยค ิดลางครู ลูกไมร ูคณุ พอมนั สอเสียดเบยี ดเบยี นกัน ลอบฆาฟน คอื ตัณหา โลภลาภบาปบคิด โจทกจ ับผิดรษิ ยา อรุ ะพสธุ า ปว นเปนบา ฟาบดบงั บรรดาสามัญสตั ว เกิดวบิ ตั ปิ ต ตปิ าปง ๗๒ ไตรยคุ ทุกขะตรัง สงั วจั ฉะระอวสาน แบบเรยี นวรรณคดีวจิ กั ษอ เิ ล็กทรอนิกส เร่ือง กาพยเรอ่ื งพระไชยสุรยิ า (ครแู วน)

แลวพระดาบสไดเทศนาธรรมโปรดพระไชยสุริยา (กษัตริยผูซึ่งมีความซื่อตรง แตตองพบกับความพินาศเพราะ หลงเชื่อขุนนางช่ัว) กับพระนางสุมาลีวา คนเราทุกคนเกิดมาแลวก็ ตองตาย เพราะฉะน้ันอยาเบียดเบียนกัน อยาฉอโกงผูอื่น เพราะ จะเปนบาป และจะไดรับความทุกข แตหากมีเมตตากรุณาก็จะได ไปสวรรค ซ่งึ เปนความสขุ ท่ยี ัง่ ยืนกวา ดงั คําประพันธทวี่ า เปลง เสยี งเพียงพณิ อนิ ทรา บอกขอมรณา คงมาวันหน่งึ ถงึ ตน บาปกรรมนําตน เบยี ดเบยี นเสยี ดสอ ฉอ ฉล จะไดไ ปสวรรค ไปทนทุกขนับกัปกัลป กลอกกลับอัปรา เมตตากรุณาสามญั อมิ่ หนาํ สําราญ เปนสขุ ทุกวันหรรษา ขบั ราํ จําเรียง สมบัตสิ ตั วม นษุ ยค รฑุ า เทวาสมบัติชัชวาล สุขเกษมเปรมปรดี วิ์ ิมาน ศฤงคารหอ มลอ มพรอมเพรยี ง กระจับปส ซี อทอ เสยี ง สาํ เนยี งนางฟานาฟง แบบเรียนวรรณคดวี จิ กั ษอ เิ ลก็ ทรอนกิ ส เรอ่ื ง กาพยเรื่องพระไชยสุริยา (ครูแวน ) ๗๓

เมื่อพระไชยสุริยากับพระนางสุมาลีไดฟงคําเทศนาของ พระดาบสแลว ก็เกิดความเล่ือมใสศรัทธาเปนอยางย่ิง ดังน้ัน ทั้งสอง พระองคจึงออกบวชเปนฤๅษีบําเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรม ถือศีลภาวนา ทําพิธีบูชาไฟ คร้ันสิ้นชีพก็ไปเกิดยังสรวงสวรรค เสวยทิพยสมบัติ ตลอดกาลนาน ดังคําประพันธทวี่ า ข้นึ เกยเลยกลา วทาวไท ฟง ธรรมน้ําใจ เลอื่ มใสศรัทธากลา หาญ เหน็ ภัยในขนั ธสนั ดาน ตัดหวงบว งมาร สาํ ราญสําเร็จเมตตา สององคท รงหนังพยัคฆา จดั จีบกลบี ชฎา รักษาถอื ศีลฤๅษี เชาคํ่าทาํ กิจพิธี กองกูณฑอ คั คี เปน ที่บูชาถาวร ปถพีเปน ทบ่ี รรจถรณ เอนองคล งนอน เหนอื ขอนเขนยเกยเศียร ค่ําเชาเอากราดกวาดเตยี น เหนือ่ ยยากพากเพียร เรียนธรรมบาํ เพ็ญเครงครัน สําเรจ็ เสรจ็ ไดไ ปสวรรค เสวยสขุ ทกุ วัน นานนบั กปั กัลปพ ทุ ธันดร ๗๔ แบบเรียนวรรณคดวี จิ ักษอเิ ลก็ ทรอนกิ ส เรอ่ื ง กาพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า (ครแู วน )

ทายที่สุดสุนทรภูไดแสดงวัตถุประสงคของการแตง กาพยเ รอื่ งพระไชยสุรยิ า พรอมกบั ส่ังสอนผูเรยี นดวยวา ภุมราการุญสุนทร ไวห วังสัง่ สอน เดก็ ออนอนั เยาวเ ลา เรยี น หนูนอยคอ ยเพียร ก ข ก กา วาเวียน ไมเรยี วเจยี วเหวย อา นเขยี นผสมกมเกย หยิกซ้าํ ช้าํ เขยี ว ระวงั ตัวกลัวครูหนูเอย เรยี งเรยี บเทียบทาํ กเู คยเข็ดหลาบขวาบเขวยี ว ใครเหน็ เปน คุณ หนั หวดปวดแสบแปลบเสยี ว อยา เทยี่ วเลน หลงจงจาํ บอกไวใหท ราบบาปกรรม แนะนําใหเ จา เอาบุญ เดชะพระมหาการุญ แบง บญุ ใหเ ราเจา เอย แบบเรยี นวรรณคดวี จิ กั ษอ ิเล็กทรอนกิ ส เรื่อง กาพยเ ร่ืองพระไชยสุรยิ า (ครูแวน ) ๗๕

วเิ คราะหต วั ละคร กาพยเร่ืองพระไชยสุริยามีเน้ือหาเปนนิทานขนาดสั้น ทั้งนี้อาจเปนเพราะสุนทรภูมุงหมายใหเปนหนังสือสอนอานสําหรับ เด็ก ดังน้ัน จึงมีตัวละครนอย ตัวละครสําคัญที่มีบทบาทในการ ดําเนินเรื่องมี ๓ ตัวละคร คือ พระไชยสุริยา พระนางสุมาลี และ พระดาบส ซ่ึงแตล ะตัวจะมีลกั ษณะเดนตางกนั ไป คอื ๑. พระไชยสุริยา เปนตัวละครเอกของเร่ือง เราไมอาจ ทราบวาพระไชยสุริยามีรูปโฉมอยางไร และมีความสามารถดานใด เปน พิเศษ ทราบแตเพยี งวา พระองคเปนคนดี เปนคนซื่อ และคงจะ เปน คนท่ีซือ่ มาก ๆ จนเสียรพู วกอํามาตยช ั่ว ดงั คาํ ประพนั ธทวี่ า ซ่อื ตรงหลงเลหเสนี กลอกกลบั อปั รยี  บุรีจึงลม จมไป แตพระไชยสุริยาก็ยังมีบุคลิกลักษณะที่เหมือนกับ พระเอกในวรรณคดีไทยทั่วไป คือ มีนิสัยเจาชู ดังจะเห็นไดจาก ตอนทพ่ี ระไชยสรุ ิยาหนีภยั พิบัติออกจากเมือง พระองคไดนําสาว ๆ ไปดวย ดงั คําประพนั ธท ่ีวา ขาวปลาหาไปไมเ บา นารีที่เยาว ๗๖ กเ็ อาไปในเภตรา แบบเรยี นวรรณคดีวจิ ักษอ ิเล็กทรอนิกส เรื่อง กาพยเ ร่อื งพระไชยสรุ ิยา (ครูแวน )

นอกจากน้ีสุนทรภูยังไดแสดงใหเห็นถึงธรรมชาติ ของคนผานลักษณะนิสัยของตัวละคร เชน พระไชยสุริยาที่มิได มีคุณวิเศษประการใดเลย เปนเพียงมนุษยปุถุชนธรรมดา ๆ ท่ี ยังคงมีความตองการในเร่ืองกามคุณ แมจะตองระหกระเหิน เดนิ ไพร ดังคําประพนั ธท ่วี า ขึน้ กดบทอศั จรรย เสยี งครน้ื คร่นั ชน้ั เขาหลวง นกหกตกรังรวง สัตวท ั้งปวงงว งงนุ โงง แมพระไชยสุริยาจะเปนคนเจาชู แตพระองคก็รัก พระมเหสีของพระองคมาก ดังจะเห็นไดจากตอนเรือสําเภาลม ความวา ราชาความอื อรไท เอาผาสไบ ตอไวไ มไ กลกายา แบบเรียนวรรณคดวี จิ กั ษอ ิเล็กทรอนกิ ส เรื่อง กาพยเ รือ่ งพระไชยสรุ ยิ า (ครแู วน ) ๗๗

เม่ือตกทุกขไดยากดวยกันกลางปา พระไชยสุริยาก็ ปฏิบัติกับพระมเหสีดวยความรักและความหวงใย ดังคํา ประพันธว า ภูธรนอนเนินเขา เคยี งคลงึ เคลาเยาวมาลย ตกยากจากศฤงคาร สงสารนองหมองพักตรา ยากเย็นเห็นหนา เจา สรา งโศกเศราเจาพีอ่ า อยวู งั ดงั จนั ทรา มาหมน หมองละอองนวล เพือ่ นทกุ ขส ขุ โศกเศรา จะรักเจา เฝา สงวน มิง่ ขวัญอยา รัญจวน นวลพกั ตรน อ งจะหมองศรี นอกจากนเ้ี รายงั ทราบอกี วา พระไชยสุริยาเปน คนท่ี ไมเ ขม แข็งและมพี ระทยั ออนไหวงา ย ดงั คําประพันธท ่ีวา ราชาวา เหวหฤทยั วายุพาคลาไคล มาในทะเลเอกา เปลาใจนัยนา แลไปไมปะพสธุ า โพลเพลเ วลาราตรี แบบเรยี นวรรณคดวี จิ ักษอ ิเลก็ ทรอนกิ ส เรอื่ ง กาพยเ รือ่ งพระไชยสรุ ยิ า (ครแู วน ) ๗๘

แตพระไชยสุริยาก็มีศรัทธาในพระศาสนา เมื่อไดฟงคํา สอนของพระดาบส พระองคก ็นาํ มาปฏิบัติ ดังคําประพนั ธท ี่วา ค่ําเชาเอากราดกวาดเตยี น เหน่ือยยากพากเพยี ร เรียนธรรมบําเพ็งเครงครัน แลวในท่ีสุดพระไชยสุริยาก็ไดพบกับสัจธรรมและไดรับ ความสุขทแี่ ทจ รงิ ดงั คําประพันธท ี่วา สาํ เร็จเสร็จไดไปสวรรค เสวยสุขทกุ วนั นานนบั กปั กลั ปพุทธนั ดร แบบเรยี นวรรณคดีวจิ กั ษอเิ ล็กทรอนกิ ส เรื่อง กาพยเ รอื่ งพระไชยสุริยา (ครแู วน ) ๗๙

๒. พระนางสุมาลี เปนตัวละครเอกของฝายหญิง ซ่ึง ไมปรากฏบทบาทใด ๆ เลย สุนทรภูไดกลาวถึงพระนางสุมาลีวา เปนคนทีม่ รี ูปรา งงดงาม ดังคาํ ประพันธท วี่ า ยากเย็นเหน็ หนา เจา สรางโศกเศรา เจา พี่อา อยวู งั ดงั จนั ทรา มาหมนหมองละอองนวล พระนางสุมาลีมีคุณสมบัติเหมือนกับสตรีท่ีมีสามีแลว ทั่วไป คือเปนภรรยาที่ดีของสามี คอยปรนนิบัติรับใชสามีแมใน ยามทต่ี กยาก อีกท้ังยังเชื่อฟงสามีและปฏิบัติตามคําสั่งสอน ดังคํา ประพันธท ่ีวา เขน็ ใจไมข อน พระชวนนวลนอน ภูธรสอนมนต เหมือนหมอนแมน า เย็นค่ําร่าํ วา ใหบ น ภาวนา กันปาภัยพาล คุณสมบัติของพระนางสุมาลีอีกประการหนึ่งคือ สามารถขมใจยอมรับในชะตากรรมที่เกิดข้ึน ณ ขณะน้ันได และ อดทนตอความยากลําบากในชะตากรรมนั้น เพราะคิดวาเปน “กรรม” ดงั คาํ ประพันธที่วา ราชานารีรํ่าไร มีกรรมจําใจ ๘๐ จําไปพอปะพสุธา แบบเรยี นวรรณคดีวจิ ักษอเิ ลก็ ทรอนกิ ส เรือ่ ง กาพยเรอื่ งพระไชยสุรยิ า (ครแู วน)

๓. พระดาบส บทบาทของพระดาบส (พระฤๅษี) ในวรรณคดีแทบทุกเร่ืองมักจะเปนผูชวยเหลือตัว ละครเอกให พนจากเคราะหกรรมที่กําลังเผชิญอยู ซึ่งในเร่ืองกาพยพระไชย สุริยาก็เชนกัน พระดาบสไดชวยเหลือพระไชยสุริยาและพระ นางสุมาลี โดยใหเห็นถึงสัจธรรมแหงชีวิตดวยการแสดงธรรม ดังคําประพันธท ่ีวา จริงนะประสกสีกา สวดมนตภาวนา เบือ้ งหนาจะไดไ ปสวรรค เมื่อพระไชยสุริยาและพระนางสุมาลีฟงธรรมเสร็จ ส้ินแลว ทง้ั สองพระองคก็ออกบวช และหม่ันบําเพ็ญเพียรจนได ไปเกิดในสรวงสวรรค แบบเรียนวรรณคดีวจิ ักษอเิ ลก็ ทรอนิกส เร่ือง กาพยเร่ืองพระไชยสรุ ยิ า (ครแู วน) ๘๑

คุณคา ทไี่ ดร บั จากเรอื่ ง กาพยเรื่องพระไชยสุริยามีเน้ือหาเปนนิทานขนาดส้ัน ท้ังน้ีอาจเปนเพราะสุนทรภูมุงหมายใหเปนหนังสือสําหรับสอน อาน แตอยางไรก็ตามกาพยพระไชยสุริยาก็ยังแสดงใหเห็นคุณคา ทางดานตาง ๆ อยบู าง เชน ๑. คุณคา ดา นวรรณศลิ ป ๑.๑การใชคํางายแตไดใจความชัดเจน กลาวมาหลาย ครั้งแลววาสุนทรภูแตงกาพยเร่ืองพระไชยสุริยา เพื่อเปนหนังสือสอน อานสําหรับเด็ก ดังนั้นจึงตองใชถอยคําที่งาย เด็ก ๆ อานแลวเขาใจ ไดทันที ตัวอยางเชน บทพรรณนาสภาพเมืองสาวะถีท่ีสุนทรภูได พรรณนาใหเห็นวา ขาเฝาเหลาเสนา มีกริ ิยาอัชฌาศยั พอคา มาแตไ กล ไดอ าศัยในพารา ไพรฟา ประชาชี ชาวบุรีกป็ รีดา ทําไรข า วไถนา ไดข าวปลาแลสาลี จากตัวอยางท่ียกมาน้ีจะเห็นไดวาสุนทรภูใชคําเพียงไมก่ี คําก็สามารถพรรณนาใหเห็นถึงสภาพของเมืองสาวะถีไดอยางชัดเจน วา เมืองสาวะถีเปนเมืองท่ีมีความสงบสุข มีพอคาจากตางเมืองนํา สิ่งของเขามาคาขาย ชาวบานก็อยูกันอยางมีความสุข ทําไรบาง ๘๒ทํานาบาง และไดผลผลติ เปนกอบเปนกาํ แบบเรียนวรรณคดวี จิ ักษอิเลก็ ทรอนิกส เรอื่ ง กาพยเร่ืองพระไชยสรุ ิยา (ครูแวน)

๑.๒ ใชถอยคําที่ทําใหเกิดจินตภาพ เม่ืออานแลวก็ สามารถเห็นภาพเกิดขึ้น มาในจินตนาการตามตัวอักษรไดทันที และเปนภาพที่ชัดเจน ดังเชนตอนที่พรรณนาถึงบรรยากาศและ สภาพของธรรมชาติในยามค่ํา ที่มองเห็นพระจันทรแวดลอมไปดวย ดวงดาว ธรรมชาติรอบขางมีแตความสดชื่น สายลมพัดมาออน ๆ พรอมพากลิ่นหอมของดอกไมใหหอมฟุงกระจายไปทั่ว ดังคํา ประพันธท ีว่ า มีดารากร วนั น้นั จันทร เหน็ ส้ินดนิ ฟา เปน บรวิ าร มาลคี ล่ีบาน ในปาทาธาร ใบกา นอรชร ๑.๓ การบรรยายใหเห็นนาฏการ กลาวคือ บรรยายให เหน็ ถึงความเคลือ่ นไหวของส่ิงตา ง ๆ อยางตอ เน่ือง เชนตอนทวี่ า เห็นกวางยางเยื้องชาํ เลืองเดิน เหมือนอยา งนางเชญิ พระแสงสาํ อางขางเคยี ง เขาสูงฝูงหงสล งเรยี ง เริงรอ งซองเสยี ง สําเนียงนาฟง วังเวง กลางไพรไกขันบรรเลง ฟง เสียงเพยี งเพลง ซอเจงจาํ เรยี งเวยี งวงั ยงู ทองรอ งกะโตง โหงดงั เพียงฆอ งกลองระฆัง ๘๓แตรสังขก ังสดาลขานเสยี ง แบบเรยี นวรรณคดวี จิ ักษอ ิเล็กทรอนกิ ส เรอ่ื ง กาพยเรอื่ งพระไชยสรุ ิยา (ครูแวน)

กะลิงกะลางนางนวลนอนเรยี ง พญาลอคลอเคียง แอน เอี้ยงอโี กงโทงเทง เพลินฟงวงั เวง คอ นทองเสยี งรอ งปอ งเปง คางแขง็ แรงเรงิ อเี กง เรงิ รอ งลองเชิง องึ คะนงึ ผึงโผง ฝงู ละม่ังฝง ดนิ กินเพลิง ยืนเบิ่งบึง้ หนา ตาโพลง ปาสูงยูงยางชางโขลง โยงกนั เลนนาํ้ คลา่ํ ไป ๑.๔ การใชอุปมาโวหาร กลาวคือ เปรียบเทียบ วาของส่ิงหนึ่งมีความเหมือนกับของอีกส่ิงหนึ่ง อานแลวได ใจความชดั เจน ดังตวั อยาง กลางไพรไกข นั บรรเลง ฟงเสียงเพียงเพลง ซอเจงจาํ เรยี งเวยี งวงั เพยี งฆองกลองระฆัง ยงู ทองรองกะโตงโหงดงั แตรสงั กังสดาลขานเสียง แบบเรยี นวรรณคดวี จิ กั ษอเิ ล็กทรอนิกส เร่ือง กาพยเรื่องพระไชยสุรยิ า (ครแู วน) ๘๔

๑.๕ การเลียนเสียงธรรมชาติ (สัทพจน) คือ กลวิธีการแตง คําประพันธอยางหน่ึงท่ีกวีนิยมใช เพื่อชวยเสริมความเปนจริง โดยกวี มกั จะแตงเลยี นเสียงส่ิงตาง ๆ ทางธรรมชาตทิ ี่ตนไดยนิ ดังตัวอยา ง ยงู ทองรอ งกะโตง โหงดงั เพยี งฆองกลองระฆัง แตรสงั ขก ังสดาลขานเสยี ง พญาลอคลอเคียง กะลงิ กะลางนางนวลนอนเรียง เพลินฟงวงั เวง แอนเอย้ี งอโี กง โทงเทง คอ นทองเสยี งรอ งปอ งเปง อีเกงเริงรองลองเชงิ ๑.๖ การเลนเสียง คือการเลนเสียงสัมผัส ซึ่งมีท้ังสัมผัสสระ และสมั ผสั อักษร ตัวอยา งเชน ขน้ึ กงจงจําสําคญั ทง้ั กนปนกัน ราํ พนั มง่ิ ไมใ นดง ไกรกรา งยางยูงสงู ระหง ตะลิงปลงิ ปริงประยงค คันทรงสงกลิน่ ฝน ฝาง หลน เกลื่อนเถ่ือนทาง มะมว งพลวงพลองชอ งนาง กนิ พลางเดนิ พลางหวางเนนิ ๘๕ แบบเรยี นวรรณคดวี จิ ักษอิเลก็ ทรอนิกส เรื่อง กาพยเรอ่ื งพระไชยสุริยา (ครูแวน )

จากตัวอยางท่ียกมานี้จะเห็นไดวา มีการใชเสียงสัมผัสท้ัง สัมผสั สระและสมั ผสั อกั ษร สมั ผสั สระ ไดแกคําวา กง-จง จํา-สํา กน-ปน ไม-ใน กราง- ยาง ยูง-สงู ลิง-ปรงิ ยงค- ทรง-สง มวง-พลวง พลอง-ชอง เกล่ือน-เถ่ือน และพลาง-หวา ง สัมผัสอักษร ไดแกคําวา จง-จํา มิ่ง-ไม ไกร-กราง ยาง-ยูง ปรงิ -ประยงค ฝน -ฝาง และพลวง-พลอง ๒. คณุ คา ดานเนอื้ หา ๒.๑ ใหความรูดานการสอนภาษาไทย กาพยเรื่องพระ ไชยสุริยาสามารถใชเปนแบบสอนอานหนังสือสําหรับเด็ก ใหสามารถ อานและเขียนหนังสือไทยไดอยางถูกตอง และสามารถนํามาสวดบท โอเ อว หิ ารรายประกอบการสอนศลี ธรรมไดอ กี ดว ย แบบเรียนวรรณคดีวจิ ักษอิเลก็ ทรอนิกส เรอื่ ง กาพยเร่ืองพระไชยสุรยิ า (ครแู วน ) ๘๖

๒.๒ ใหความรูเร่ืองสภาพสังคมไทย สังคมไทยที่วานี้ คือ สังคมสมัยรัตนโกสินทรตอนตน ซ่ึงเปนธรรมดาที่กวีจะตอง กลา วถึงสภาพของสังคมเอาไวใ นงานของตน เพราะกวีเปนสวนหนึ่ง ของสังคม สําหรับสภาพสังคมท่ีสุนทรภูไดสะทอนใหเห็นอาจเปน สภาพทางสังคมสมัยรัชกาลที่ ๓ เพราะในชวงนี้มีเรื่องการ ฉอราษฎรบังหลวงเกิดข้ึน สุนทรภูคงจะไดทราบเร่ืองราวอยูบาง ดังนั้น ทานจึงนําเอาเหตุการณอยางนี้มากลาวถึงไวในกาพยเรื่อง พระไชยสุริยาวา เสนาบดีไมใสใจบานเมือง ฉอราษฎรบังหลวง คดโกง ไมยุติธรรม หมกมุนอยูกับความสนุกสนาน เพลิดเพลิน มวั เมาในกาม ดังความวา อยูม าหมูขาเฝา กห็ าเยาวนารี ท่ีหนาตาดีดี ทํามโหรีที่เคหา คํ่าเชา เฝาสีซอ เขาแตหอลอ กามา หาได ใหภริยา โลโภพาใหบ า ใจ ไมจําคาํ พระเจา เหไปเขาภาษาไสย ถอื ดมี ขี า ไท ฉอแตไ พรใ สขอ่ื คา แบบเรยี นวรรณคดวี จิ ักษอ ิเลก็ ทรอนิกส เรอื่ ง กาพยเ รือ่ งพระไชยสรุ ิยา (ครูแวน ) ๘๗

นอกจากนก้ี ารตัดสนิ คดีความตาง ๆ ตุลาการท่ีชําระ ความก็ไมยุติธรรม ใครนําสินบนมาใหก็รับไว แลวแกคดีจากท่ี แพใหช นะ ทําใหคนชว่ั ไดดี คนดกี ลบั ถูกขม เหง ดังความวา คดที ี่มีคู คอื ไกหมเู จาสภุ า ใครเอาขา วปลามา ใหสภุ าก็วาดี ทแ่ี พแกช นะ ไมถือพระประเวณี ขี้ฉอกไ็ ดดี ไลดาตมี ีอาญา ซอื่ ถอื พระเจา วา โงเงา เตา ปูปลา ผเู ฒาเหลา เมธา วา ใบบ า สาระยํา ๒.๓ ใหความรูเร่ืองคานิยม ความเชื่อ ซี่งสามารถ จําแนกได ดงั น้ี ๑) ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร ไสยศาสตรเปนเร่ือง ท่ีอยูคูกับคนไทยมาชานานและไมสามารถแยกออกไปจากวิถี ชีวิตได บางคนถึงกับงมงายอยูกับไสยศาสตรก็มี ดังชาวเมืองสา วะถี เปน ตน ไมจ ําคําพระเจา เหไปเขา ภาษาไสย ๘๘ ถือดมี ีขาไท ฉอ แตไ พรใสข ื่อคา แบบเรียนวรรณคดวี จิ กั ษอ ิเล็กทรอนกิ ส เรอ่ื ง กาพยเ รอ่ื งพระไชยสุริยา (ครูแวน )

๒) คานิยมเร่ืองการดูแลปรนนิบัติสามี สมัยกอนเรา มีคานิยมที่วาสามีเปนชางเทาหนา ภรรยาเปนชางเทาหลัง ดังนั้น ภรรยาจึงตองดูแลปรนนิบัติสามีเปนอยางดี เปนตนวา ต่ืนกอน นอนทีหลัง ดงั ความวา วันทาสามี สว นสมุ าลี เฝาอยดู แู ล เทวีอยงู าน ใหพระภูบาล เหมอื นแตกอ นกาล สาํ ราญวิญญา ๓) คานิยมเร่ืองการนับถือพระรัตนตรัย พอแม ครู อาจารย เปนส่ิงที่คนไทยสมัยกอนยึดถือกันอยางเครงครัด เพราะมีความเชื่อวากอนจะทํากิจการงานส่ิงใดหากบูชาพระ รัตนตรัย รําลึกถึงพระคุณของพอแมและครูอาจารยแลว กิจการ งานนั้นก็จะเจริญและประสบความสําเร็จ ดังน้ัน สุนทรภูจึงเริ่ม เร่ืองนดี้ วยการกลา ววา สาธุสะจะขอไหว พระศรีไตรสรณา ๘๙ พอ แมแ ลครบู า เทวดาในราศี แบบเรียนวรรณคดวี จิ ักษอ เิ ล็กทรอนกิ ส เรื่อง กาพยเ รอ่ื งพระไชยสุริยา (ครแู วน )

๔) ใหขอคิดและคติธรรม สําหรับนําไปใชในการ ดาํ เนนิ ชวี ติ ดังน้ี “ขาราชการที่ดีตองไมคดโกง ฉอราษฎรบังหลวง กด ข่ีขมเหงประชาชน คนไทยไมควรหลงระเริง มัวเมาแตความ สนุกสนาน เพลิดเพลินในกามารมณ ผูนําประเทศตอง ควบคุมดูแลขาราชการ อยาใหรังแกประชาชน ถาขาราชการไม สุจริต คดโกง ผูนําไมเขมแข็ง ประชาชนหลงระเริง เอาแตสนุก ประเทศชาติจะประสบความหายนะตาง ๆ บานเมืองจะเกิดภัย พิบัติ ถาสังคมเกิดกาลกิณี ๔ประการ คือ ผูคนเห็นผิดเปนชอบ เปดโอกาสใหคนผิดทําลายลางคนดี ลูกศิษยคิดลางครู ลูกไม กตัญูตอพอแม ผูคนในสังคมเบียดเบียนกัน สังคมไมมีความสุข และเกิดความเดือดรอนไปทุกหยอมหญา คนเราทุกคนตองตาย ไมมีใครอยูค้ําฟา การอยูรวมกันอยางสงบสุข คือ ทุกคนตองไม เบียดเบียนกัน เมตตาตอกัน หม่ันรักษาศีล สวดมนตภาวนา ทาํ จติ ใจใหสงบ” แบบเรยี นวรรณคดีวจิ กั ษอ ิเล็กทรอนิกส เร่ือง กาพยเ ร่อื งพระไชยสุริยา (ครูแวน ) ๙๐

แหลงเรยี นรเู พ่มิ เตมิ ๑. เนือ้ เรอ่ื งยอกาพยเ รอ่ื งพระไชยสุรยิ า คลิก ๒. ตัวอยางการอานทํานองเสนาะ คลกิ กาพยย านี ๑๑ คลกิ ๓. ตวั อยา งการอานทํานองเสนาะ คลิก กาพยฉ บงั ๑๖ คลกิ ๔. ตวั อยา งการอา นทํานองเสนาะ กาพยสุรางคนางค ๒๘ ๕. ตัวอยาง การสวดโอเ อวหิ ารราย แบบเรียนวรรณคดีวจิ กั ษอเิ ลก็ ทรอนิกส เรอ่ื ง กาพยเ รื่องพระไชยสรุ ยิ า (ครูแวน) ๙๑

กิจกรรมสะทอ นคิด ใหนักเรียนเขียนสรุปสั้น ๆ เกี่ยวกับแนวคิดท่ีไดจาก รูปภาพท่ีปรากฏดังตอ ไปน้ี ภาพที่ ๑ ภาพที่ ๒ ภาพที่ ๓ ภาพที่ ๔ แบบเรียนวรรณคดวี จิ ักษอ ิเลก็ ทรอนิกส เร่อื ง กาพยเ ร่อื งพระไชยสุริยา (ครแู วน ) ๙๒

แบบฝกหัดทายบท คําสง่ั ใหนักเรยี นจบั คูคาํ กบั รปู ภาพตอ ไปนี้ใหถกู ตอ ง พลวง ละมัง่ ตะลิงปลิง เหรา บงึ้ ฝาง เจง อีโกง สัมพาที พญาลอ คาง คอ นทอง ๑ ๒๓ ๔๕๖ ๗ ๘๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๙๓ แบบเรยี นวรรณคดีวจิ กั ษอ เิ ล็กทรอนิกส เรอื่ ง กาพยเ รอื่ งพระไชยสุริยา (ครแู วน)

แบบทดสอบทายบท คําส่งั ใหนักเรยี นตอบคาํ ถามตอ ไปนใ้ี หถูกตอง ๑) ใครเปนผูแตงกาพยเ รื่องพระไชยสรุ ิยา ๑. เจา ฟา กุง ๒. ศรีปราชญ ๓. พระสุนทรโวหาร ๔. พระยาศรีสนุ ทรโวหาร ๒) ลักษณะคาํ ประพนั ธใ นขอใดไมป รากฏในเนื้อเรือ่ ง ๑. กาพยย านี ๑๑ ๒. กาพยฉบัง ๑๖ ๓. กาพยสุรางคนางค ๒๘ ๔. กาพยสุรางคนางค ๓๒ ๓) เนอื้ หาของกาพยเ รือ่ งพระไชยสรุ ยิ าเรมิ่ ตน ดวยบทอะไร ๑. บทไหวครู ๒. บทวิเคราะหขอคิด ๓. บทแนะนําประวตั ิผแู ตง ๔. บทสรรเสรญิ พระรตั นตรัย ๔) ขอ ใดบอกจดุ ประสงคข องกาพยเร่อื งพระไชยสรุ ิยาไดเ ดน ชดั ทีส่ ดุ ๑. สาธุสะจะขอไหว พระศรไี ตรสรณา พอแมและครูบา เทวดาในราศี ๒. ภุมราการญุ สุนทร ไวหวังส่ังสอน เด็กออ นอนั เยาวเ ลาเรียน ๓. ก ข ก กา วาเวยี น หนนู อยคอยเพียร อา นเขียนผสมกมเกย ๔. ระวงั ตัวกลัวครหู นูเอย ไมเรียวเจยี วเหวย ๙๔ กูเคยเขด็ หลาบขวาบเขวยี ว แบบเรยี นวรรณคดวี จิ ักษอ เิ ล็กทรอนกิ ส เร่ือง กาพยเ รื่องพระไชยสรุ ยิ า (ครูแวน )

๕) ขอใดมีคําทม่ี ตี ัวสะกดอยใู นมาตราตวั สะกด ๒ มาตรา ๑. รอนรอนออนอัสดง ๒. ขึน้ กกตกทุกขยาก ๓. แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร ๔. ตัดหว งบวงมาร ๖) คําประพันธในขอ ใดตอ ไปนม้ี ีคําท่ีมีตวั สะกดอยูน อยมาตราท่สี ดุ ๑. เชาค่ําทาํ กจิ พิธี กองกูณฑอัคคี ๒. จรงิ นะประสกสกี า สวดมนตภาวนา ๓. เบียนเบียดเสยี ดสอฉอ ฉล บาปกรรมนาํ ตน ๔. ข้นึ กบจบแมกด พระดาบสบชู ากูณฑ ๗) จงเรยี งลาํ ดบั เหตุการณต อ ไปนี้จากกอ นไปหลงั ใหถูกตอ งตามเน้อื เรือ่ ง ก) เรือสาํ เภาลม เหรา และจระเขล ากคนในเรอื ไปกนิ เปน อาหาร ข) พระดาบสเทศนาโปรดพระไชยสุรยิ าและพระนางสมุ าลี ค) เหลาขา ราชบริพารประพฤติช่วั หลงใหลในอบายมุข ง) นํ้าปา ไหลทว มบา นเมืองจนผูคนลมตายจํานวนมาก จ) พระไชยสรุ ยิ ากับพระนางสุมาลลี อยขึ้นฝง และรอนแรมอยใู นปา ๑. จ ก ค ง ข ๙๕ ๒. จ ก ค ข ง ๓. ค ง ก ข จ ๔. ค ง ก จ ข แบบเรียนวรรณคดีวจิ ักษอเิ ลก็ ทรอนิกส เรือ่ ง กาพยเร่อื งพระไชยสุริยา (ครแู วน)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook