Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนวิชาการขยายพันธุ์พืช ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา2564

แผนการสอนวิชาการขยายพันธุ์พืช ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา2564

Published by สิรวิชญ์ เฉียบแหลม, 2022-05-21 13:00:25

Description: แผนการสอนวิชาการขยายพันธุ์พืช ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา2564

Search

Read the Text Version

94 5) การตอนกิ่งแบบขดุ ร่อง (Trench Layering) การตอนกงิ่ แบบนีเ้ หมาะสำหรบั ไม้ผลเมอื งหนาว บางชนิด เช่น สาลี ทอ้ และเชอรี่ เป็นตน้ มขี ั้นตอน ดงั นี้ 1. ขุดร่องลึก ประมาณ 5 เซนติเมตร เพื่อเตรยี มสำหรับโน้มกงิ่ ไวก้ ่อน 2. เมื่อกิ่งต้นแม่เริ่มแตกยอดอ่อน ให้โน้มกิ่งขนานติดกับผิวหน้าดิน โดยใช้ตะขอเหล็กเส้นรูป ตัวยู (U) ปกั ยดึ ไว้ ใหก้ ่งิ นอนราบกบั พ้ืนรอ่ งที่เตรียมไว้ 3. ตดั ปลายก่งิ ออกเล็กน้อย แลว้ ใช้ดนิ รว่ นกลบใหห้ นา ประมาณ 3 – 5 เซนตเิ มตร 4. รดน้ำทกุ วนั และดแู ลอยา่ ให้วชั พืชขน้ึ บดบงั แสง 5. เมื่อตากิ่งเริ่มแตกยอดพ้นผิวดินที่กลบครั้งแรกให้กลบดินเพิ่มขึ้นอีก และต้องรีบกลบ กอ่ นทีย่ อดจะเร่ิมคลใี่ บ 6. ในช่วง 2-3 สัปดาห์ ให้กลบดินแบบนี้เรื่อย ๆ จนกว่าจะแน่ใจว่าบริเวณของกิ่งที่แตกยอด น้นั ไม่ไดร้ ับแสงแดด การกลบดนิ แตล่ ะครั้งให้กลบประมาณ ½ ของยอดทโี่ ผล่ออกมาพ้นดนิ 7. การเกิดราก จะเกิดขึ้นที่บริเวณฐานของกิ่งที่แตกยอดใหม่ ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 50 - 60 วัน 8. การยา้ ยปลูก ใหข้ ดุ เอาดนิ ท่ีกลบออก แลว้ ตัดกิง่ ออกเป็นท่อน ๆ ตามจำนวนต้นท่ีเกิดใหม่ นำไปชำในถุงดำ ดูแลรักษา จนกว่าตน้ สมบูรณด์ ี จงึ นำไปปลูกตอ่ ไป

95 6) การตอนแบบสุมโคน (Mound or Stool Layering) การตอนกิ่งแบบน้ี จะตอ้ งตัดตน้ พืชที่ ต้องการออกใหเ้ หลือส้ัน ตดิ ผิวดิน ในขณะทต่ี น้ พชื อยู่ในระยะพักตวั ส่วนมากทำกับตน้ พืชทมี่ ีก่ิงแข็งแรง ไม่ สะดวกตอ่ การโน้มก่ิงลงมายังพนื้ ดินหรือตดั กิ่งไดย้ าก แตม่ ีความสามารถทีจ่ ะแตกกงิ่ กา้ นจากตน้ ตอคอดนิ พืช ทนี่ ิยมทำสว่ นมากเป็นไมผ้ ล เช่น พทุ รา แอปเปลิ ลำไย ล้นิ จี่ เป็นตน้ มีขน้ั ตอนดังน้ี 1. เมือ่ ตดั ต้นทต่ี อ้ งการออกแลว้ จะสังเกตเหน็ ตามทโ่ี คนต้น เริ่มแตกเป็นต้นอ่อน 2. เมื่อตน้ อ่อนที่เกดิ ใหม่ ยาวประมาณ 6–12 เซนติเมตร ใช้ดินรว่ นสมุ โคน ประมาณ ½ ของ ยอดท่ีเกิดใหม่ 3. เมื่อต้นสูง ประมาณ 25 เซนติเมตร ให้สุมโคนครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 เมื่อกิ่งยาวประมาณ 50 เซนตเิ มตร 4. รดน้ำทุกวัน และดูแลอยา่ ให้วัชพืชขนึ้ บดบงั แสง 5. หลังจากนัน้ ประมาณ 2 สปั ดาห์ จงึ ตดั กิง่ ไปปลูกหรือชำ โดยตัดให้ชดิ โคนต้นและมรี ากติด ไปดว้ ยใหม้ ากท่สี ดุ 6. เมื่อตัดกิ่งไปแล้ว จะต้องเอาดินที่สุมโคนออก ให้ถึงต้นตอเดมิ เพื่อให้ตอเดิมแตกยอดใหม่ อกี และทำการสมุ โคนตอ่ ไปเมอ่ื ต้องการต้นใหม่

96 3. ขอ้ ดีขอ้ เสียของการตอนก่ิง 3.1 ข้อดีของการตอนก่ิง 1. สามารถใชก้ ับพืชท่อี อกรากยากที่ไมส่ ามารถตดั ชำได้ แตเ่ กิดรากได้ดีด้วยการตอนกง่ิ 2. ไดก้ ่งิ พนั ธท์ุ ีไ่ ม่กลายพนั ธ์ุ 3. การปฏบิ ตั ิบำรงุ รกั ษาง่าย 4. เป็นวธิ ที ี่ปฏบิ ัติไดง้ ่ายท้ังกลางแจง้ และในเรือนเพาะชำ 3.2 ข้อเสยี ของการตอนกิ่ง 1. ไมม่ รี ากแกว้ ระบบรากตื้น โคน่ ลม้ ง่าย ไม่ทนต่อความแหง้ แล้ง 2. ทำได้ชา้ ต้องใช้เทคนิคและฝีมอื มากขึน้ 3. ไมส่ ะดวกต่อการขนส่งในกรณกี ่งิ มขี นาดใหญ่ 4. ก่ิงมีขนาดโต จำนวนกง่ิ มีนอ้ ย ไมส่ ะดวกท่จี ะขยายพนั ธ์จุ ำนวนมากๆ เอกสารอ้างองิ การขยายพนั ธ์พุ ืช. 2552. แหล่งทม่ี า : http://free-ebook-ram.blogspot.com 10 มิ.ย. 2561 สนัน่ ขำเลิศ. 2541. หลักและวิธีปฏิบตั ิการขยายพันธพุ์ ชื . กรุงเทพฯ: รว้ั เขยี ว พมิ พค์ รัง้ ที่ 2 207 น. ศราวุธ อนิ ทรเทศ. ม.ป.ป. วชิ าเทคนิคการขยายพันธ์ุพชื . ม.ป.พ. : 218 หนา้

97 บันทึกผลหลงั การสอน ผลการเรยี นรู้ 1. กิจกรรมการเรียนการสอนที่กำหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยของ ผเู้ รียนและเหมาะสมกบั สาระการเรียนรู้ สามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอน  ไดต้ ามเวลาที่กำหนดทกุ กจิ กรรม  ไม่ทนั ตามเวลาทีก่ ำหนดในกิจกรรมเนอ่ื งจาก .............................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... 2. กิจกรรมการเรยี นการสอนคร้งั นี้ นกั เรียนทุกคนไดร้ ว่ มกจิ กรรมและเรียนรู้อยา่ งมคี วามสขุ 3. กิจกรรมช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจตรงตามสาระการเรียนรู้ เกิดคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และมีทักษะกระบวนการตามที่กำหนด 4. สื่อการเรียนการสอนที่กำหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ ได้ใช้สื่อหลากหลายเหมาะสมกับวัยของ ผู้เรียน สอดคล้องกับเนื้อหาสามารถใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้ ผเู้ รยี นเรยี นร้อู ยา่ งสนกุ สนานและเข้าใจบทเรียนไดเ้ รว็ ยิง่ ขึ้น 5. การวัดผลประเมินผล ในการจัดการเรียนการสอนครั้งนี้ครอบคลุมพฤติกรรมตามจุดประสงค์การ เรยี นรทู้ ่ีกำหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ ผลการวัดผลและประเมนิ ผลสรุปได้ ดังนี้ 5.1 ดา้ นความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) นักเรยี นผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ข้อท่ี ............. - นกั เรยี นที่ผา่ นจุดประสงคต์ ามเกณฑร์ ้อยละ................. จำนวน..............คน เลขท่ี ...........................................คดิ เป็นร้อยละ.................................. - นกั เรียนที่ไมผ่ า่ นจุดประสงค์ จำนวน............คน เลขที่ ...........................................คิดเปน็ ร้อยละ................................. และไดด้ ำเนินการแก้ปญั หา คอื  สอนเสริม  มอบงานใหท้ ำเพิ่มเติม ทำรายงาน  อืน่ ๆ................ 5.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรยี นทผ่ี า่ นทกั ษะกระบวนการตามเกณฑ์ร้อยละ................. จำนวน..............คน เลขท่ี ........................................... คิดเปน็ ร้อยละ.................................. - นกั เรยี นที่ไม่ผ่านทกั ษะกระบวนการ จำนวน............คน เลขท่ี ........................................... คิดเปน็ ร้อยละ.............................. และได้ดำเนินการแก้ปัญหา คือ ............................................................................ 5.3 ด้านค่านยิ ม (คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์) (A) - นกั เรียนท่มี คี า่ นิยมตามเกณฑร์ อ้ ยละ จำนวน............คน เลขที่ ...........................................คดิ เปน็ ร้อยละ ......................................

98 - นักเรียนท่ีต้องปรับเปล่ียนคา่ นิยม จำนวน............คน เลขท่ี ...........................................คดิ เป็นร้อยละ ....................................... และไดด้ ำเนินการปรบั เปลี่ยนคา่ นยิ ม (แจงรายละเอียดของการปรบั เปลี่ยนค่านยิ ม คือ............................................................. ...................................................................................................... การบรู ณาการ ในการจัดการเรียนการสอนได้บูรณาการการเรียนรู้โดยบูรณาการภายในเนื้อหาสาระของกลุ่มวิชา ............................................................ ซง่ึ เป็นการบูรณาการ (ตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง) เพอื่ ต้องการ ให้นักเรียนได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีทักษะชีวิตที่จะก้าวไปสู่สังคมภายนอกได้อย่างมีความรู้ที่ เทา่ ทันในยุคปจั จุบัน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นวตั กรรมท่ีใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน การจัดการเรียนการสอนในครั้งนี้ได้จัดทำสื่อการเรียนการสอนที่เป็นนวัตกรรม คือ (Power Point เรือ่ ง ............... , เอกสารประกอบการสอน เรื่อง ............. , เกม .............. , ฯลฯ ) ระบุชอ่ื นวตั กรรม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. วิจยั ในชนั้ เรยี น ในการแก้ปัญหานักเรยี นที่ไมผ่ ่านด้านความรู้ความเขา้ ใจ, ด้านทักษะกระบวนการ, ด้านค่านิยม จึงได้ ทำการศกึ ษาคน้ คว้า วจิ ยั ในชัน้ เรยี นเรือ่ ง..................................................................ผลปรากฎวา่ นักเรียน มผี ล ........................................................................................................................ ...................................................... .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. แนวทางการแก้ไขปญั หา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ……………………………………………ผู้สอน (นายสริ วชิ ญ์ เฉยี บแหลม)

99 ความเหน็ และข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .............................................. (นางผกาภรณ์ เซง่ ล้ำ) หวั หนา้ กลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................... ........................... .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .............................................. (นางยุพิน เรืองไชย) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบา้ นบางสาน

100 แผนการจดั การเรียนรู้ รหสั วชิ า ง 21205 รายวิชาการขยายพนั ธ์พุ ชื ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 7 การขยายพนั ธ์ุพชื โดยวิธีการติดตา เวลา 2 คาบ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้วี ดั (ผลการเรียนรู้) ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานร่วมกันและทักษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรมและลักษณะ นิสัยในการทำงาน มีจิตสำนึกในการทำงานใช้พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อการดำรงชีวิตและ ครอบครวั ง 2.1 เข้าใจมีทักษะที่จำเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในอาชีพ ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนา มคี ณุ ธรรม และมีเจตคตทิ ีด่ ตี ่ออาชพี ผลการเรยี นรู้ 1. สรุปความหมายของการขยายพันธ์พุ ืชแบบตา่ ง ๆ ได้ 2. อธบิ ายขั้นตอนการปฏิบัติการขยายพนั ธ์ุพชื วธิ ีการตา่ ง ๆ ได้ 3. สามารถปฏบิ ัติการขยายพนั ธพุ์ ืชไดอ้ ย่างน้อย 3 วธิ ี สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การติดตา คือ การนำแผ่นตาเพียงแผ่นเดียวจากกิ่งพันธุ์ดีไปติดกับต้นตอ เพื่อให้ได้พันธุ์ตามต้องการ และสามารถเจรญิ เตบิ โตเติบโตเป็นต้นพืชต้นเดยี วกนั ได้ สาระการเรยี นรู้ (เนอ้ื หาสาระ) 1. ความหมายของการขยายพนั ธุ์โดยการติดตา 2. การเลือกต้นตอและกิ่งพนั ธด์ุ ี 3. ขัน้ ตอนการขยายพนั ธโุ์ ดยการตดิ ตา จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม/วดั ได้) ดา้ นความรู้ (K) 1. สามารถอธิบายความหมายของการขยายพนั ธ์พืชโดยวิธีการตดิ ตาได้ 2. สามารถบอกวิธกี ารคัดเลือกตน้ ตอและก่งิ พนั ธ์ดุ ีได้ 3. สามารถอธบิ ายข้นั ตอนการขยายพันธพ์ุ ืชโดยวธิ กี ารตดิ ตาได้ ทกั ษะกระบวนการ (P) 1. สามารถนำเสนอวิธีการตดิ ตาได้ 2. คัดเลอื กต้นตอและกิง่ พันธด์ุ ีได้

101 ด้านคุณลกั ษณะ (A) 1. มคี วามซ่ือสตั ย์ 2. มคี วามขยนั อดทน 3.มีจิตสาธารณะ √คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)  รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ √ มีระเบยี บวินัย √ มคี วามซื่อสัตยส์ ุจริต √ มคี วามรับผดิ ชอบ ขยัน อดทน และพากเพยี ร √ มีวถิ ีชวี ิตอยา่ งพอเพียง √ มีความเปน็ ประชาธิปไตยและเปน็ ผนู้ ำกล้าแสดงออก √ มจี ิตสำนกึ ความเป็นไทย และกตญั ญูต่อผู้มีพระคณุ √ มีจติ อาสา จิตสาธารณะ และอนุรักษ์สิง่ แวดล้อม สมรรถนะสำคญั ผ้เู รยี น (C) √ ความสามารถในการเรียนรู้ การสื่อสาร √ ความสามารถในการคดิ อย่างเป็นระบบ √ ความสามารถในการแก้ปญั หา √ ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ √ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี การบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ความพอประมาณ มเี หตผุ ล มีภูมิคมุ กันในตัวทีด่ ี นักเรยี นใชท้ รพั ยากรไดอ้ ย่าง นักเรียนมสี มาธติ ลอดการเรียนการ นักเรยี นสามารถนำความรู้ไปใชใ้ น เหมาะสม ไมม่ ากจนเกินไป สอน เพอื่ นำความรู้ท่ีได้ไปใช้อย่าง การดำเนินชีวิต และพฒั นาต่อยอด คำนงึ ถึงสิง่ แวดล้อมเป็นหลัก ถกู ต้อง ในการประกอบอาชีพ อีกทั้งคำนงึ งบประมาณในการ ดำเนินการ สามารถอธิบายความหมายของการขยายพันธ์พืชโดยวิธีการติดตาได้ เงือ่ นไขความรู้ สามารถบอกวิธีการคัดเลือกต้นตอและกิ่งพันธุ์ดีได้ และสามารถอธิบาย ขนั้ ตอนการขยายพนั ธุพ์ ืชโดยวิธีการติดตาได้ เงอื่ นไขคณุ ธรรม มคี วามซ่ือสัตย์มีความขยนั อดทน และมีจิตสาธารณะ

กระบวนการจดั การเรียนรู้ 102 เทคนคิ การสอน √ กระบวนการกลุ่ม √ กระบวนการสบื คน้  การเรียนแบบสร้างแผนผงั √ การเรยี นแบบแก้ปัญหา √ การตัง้ คำถาม √ เทคนิคคู่คิด √ เกม  การอภปิ ราย  การฝกึ ปฏบิ ัติการ  อ่ืน ๆ กิจกรรมการเรยี นการสอน ( 2 ครง้ั ) ครง้ั ที่ 1 มีลำดบั ข้ันตอนดงั น้ี (ในกรณีจัดการเรียนการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ขั้นนำ (Introduction) 1. เรมิ่ การทักทายสวสั ดี เช็คชื่อผเู้ รยี น 2. เลน่ เกม Kahoot เพื่อทบทวนเนือ้ หาบทเรียน ขั้นสอน (Instruction) 1. เริ่มบรรยายโดยใช้สื่อ Power point และe-book ประกอบการบรรยาย ระหว่างนั้นจะมี การถามตอบ 2. นักเรียนชว่ ยกนั สืบค้นเพือ่ คน้ หาว่าพชื ชนิดใดสามารถขยายพนั ธดุ์ ้วยวิธีการตดิ ตาได้บ้าง 3. ครเู ปดิ ส่ือวดี โี อการขยายพนั ธพ์ุ ืชดว้ ยวิธกี ารติดตาใหน้ ักเรียนไดร้ บั ชม ขั้นสรปุ (Conclusion) 1. ครูสรุปเนื้อหาการขยายพันธ์ุพืชดว้ ยวธิ กี ารตดิ ตา ใหน้ กั เรียนอกี 1 ครงั้ 2. มอบหมายงานใหน้ ักเรียนแบง่ กล่มุ ออกเปน็ 5 กล่มุ กลมุ่ ละเทา่ ๆ กัน แต่ละกลุ่มศกึ ษา ประเภทของการตดิ ตากล่มละ 1 ประเภท เขียนวธิ กี ารลงในกระดาษที่ไดร้ ับ เตรยี มตัวนำเสนอในคาบถัดไป ครัง้ ที่ 2 มลี ำดบั ขั้นตอนดงั นี้ (ในกรณีจดั การเรยี นการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ขั้นนำ (Introduction) 1. เรม่ิ การทกั ทายสวัสดี เชค็ ชอื่ ผเู้ รียน 2. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มเตรยี มตัวนำเสนอการติดตาแต่ละประเภทท่ีได้รับมอบหมายจากคาบที่ แลว้ ขัน้ สอน (Instruction) 1. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ เร่มิ นำเสนอการขยายพนั ธุพ์ ืชแตล่ ะประเภทหน้าชน้ั เรยี น 2. เมื่อนำเสนอจบให้ตั้งคำถามกลุ่มละ 2 คำถาม เพื่อให้กลุ่มที่ฟังตอบคำถามเพื่อสะสม คะแนน

103 3. เมอื่ นำเสนอสนิ้ สดุ ทง้ั 5 กลุ่ม โดยใหก้ ลุม่ ท่ีตอบคำถามได้มากทส่ี ดุ รับรางวลั ขั้นสรุป (Conclusion) 1. ครูสรุปการขยายพนั ธพ์ุ ชื โดยวธิ ีการติดตาให้นักเรียนอกี ครงั้ เพื่อให้นกั เรยี นทุกคนมีความ เขา้ ใจที่ตรงกนั ชนิ้ งาน/ภาระงาน 1. นำเสนอวธิ ีการขยายพันธ์ุพืชโดยวธิ กี ารตดิ ตา สื่อและแหล่งเรยี นรู้ สอ่ื 1. E-book วชิ าการขยายพนั ธพ์ุ ืช 2. สือ่ Powerpoint 3. วัสดุ อุปกรณ์ เครอื่ งมือที่ใช้ในการขยายพันธพ์ุ ชื ด้วยวธิ ีการตดิ ตา 4. ส่อื วดี โี อการขยายพนั ธุ์พืชโดยวธิ ีการตดิ ตา แหล่งเรยี นรู้ 1. หอ้ งเรียน 2. สอื่ อินเทอรเ์ นต็ การวดั และประเมินผล วธิ ีวัดผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. คำถามระหวา่ งเรียน 3. การนำเสนอการขยายพนั ธพ์ุ ชื โดยวธิ ีารตดิ ตา เกณฑก์ ารวดั และประเมินผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. คำถามระหว่างเรยี น 3. แบบประเมนิ การนำเสนอการขยายพนั ธุ์พืชโดยวิธีารตดิ ตา

104 แบบบนั ทกึ การสงั เกตและประเมินผลพฤติกรรมรายบคุ คล คร้ังที่ ………… เรือ่ ง ................................................................ รหัสวิชา .......................... ภาคเรียนที่…....ปกี ารศกึ ษา………… ชน้ั ................ พฤติกรรม / ระดับคะแนน ลำดับ ชือ่ – สกลุ ความ การมีสว่ น การตอบ การ ทำงาน รวม ที่ สนใจใน รว่ มใน คำถาม ยอมรบั ฟัง ตามท่ี การทำ การแสดง ไดร้ ับ กจิ กรรม ความ ความ มอบหมาย คดิ เห็น คดิ เหน็ ผอู้ ืน่ 321321321321321 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมิน คะแนนเต็ม 15 คะแนน ระดับ 3 หมายถึง มพี ฤติกรรมในระดับ ดี คะแนน 13 - 15 หมายถึง ดี ระดับ 2 หมายถึง มีพฤตกิ รรมในระดับ ปานกลาง คะแนน 9 - 12 หมายถึง ปานกลาง ระดบั 1 หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ปรบั ปรุง คะแนน 5 - 8 หมายถงึ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ าร ผา่ น ร้อยละ 60 ( 9 คะแนน ) ลงชื่อ.......................................... ( ................................ ) ครผู ้สู อน / ผ้ปู ระเมิน

105 แบบประเมนิ การนำเสนอการขยายพันธพ์ุ ชื โดยวิธาี รตดิ ตา กลุ่มท่.ี .................ช้ัน………………. รหสั วิชา .......................... ภาคเรียนท่ี…….ปกี ารศึกษา………… ช้นั ................ ระดับคะแนน ความ พดู ได้ ความ การมสี ว่ น ความ ลำดบั ชอ่ื – สกุล ถกู ต้อง ถูกต้อง ตัง้ ใจใน ร่วม นา่ สนใจ ที่ ของ ตามหลัก การ ภายใน ในการ รวม เนอื้ หา ภาษา ทำงาน กลุ่ม นำเสนอ 321321321321321

106 เน้ือหาทใี่ ชใ้ นการเรียนการสอน หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 7 การขยายพนั ธ์พุ ืชด้วยวธิ ีการตดิ ตา การติดตา คือ การนำแผ่นตาเพียงแผ่นเดียวจากกิ่งพันธุ์ดีไปติดกับต้นตอ เพื่อให้ได้พันธุ์ตามต้องการ และสามารถเจริญเตบิ โตเติบโตเป็นต้นพืชต้นเดียวกันได้ 1. การเลอื กตน้ ตอและกิง่ พนั ธ์ดุ ี การเลือกต้นตอ 1. ควรมขี นาดโตพอสมควรเม่ือเทียบกับตาท่จี ะนำมาติด 2. ปราศจากโรคและแมลงตา่ ง ๆ 3. แขง็ แรงสมบรู ณ์ 4. มขี นาดเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางประมาณ 1 – 3 ซม. การเลือกก่ิงพันธุด์ ี 1. ควรปราศจากโรคและแมลง 2. ตาท่จี ะนำมาตดิ ควรเป็นตาทเี่ จริญเปน็ กิง่ ไมใ่ ชต่ าดอก 3. ไม่ควรใชต้ าท่ี 1 - 3 นบั จากปลายยอด เพราะตาดังกลา่ วสว่ นมากเปน็ ตาดอก 4. ควรเป็นตาที่สมบูรณ์พร้อมทจ่ี ะแตกยอด 2. ประเภทของการตดิ ตา การติดตาแบ่งออกได้ 5 ประเภทใหญ่ ๆ คอื 1) การติดตาแบบตัวที 1.1 การตดิ ตาแบบตัวที (T-Budding หรอื Shield Budding) เป็นวิธีท่ีได้รับความนิยมในการตดิ ตามากที่สุด สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว โดยการเตรียม ต้นตอ เป็นรูปตัวที จึงเรียกชื่อวิธีการติดตาตามรูปร่างของแผลที่เตรียมของต้นตอหรืออาจเรียกอีกชื่อว่า

107 Shield Budding ก็ได้ตามลักษณะการเฉือนแผน่ ตาเป็นรูปโล่ที่ใช้สอดเข้าไปในแผลที่เตรียมไว้ ต้นตอที่ใช้ควร อยู่ในระยะที่กำลังมีการเจริญเติบโต อายุต้น 1-2 ปี หรือต้นตอที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 นิ้ว สามารถลอก เปลือกของลำตน้ ไดง้ ่าย เปลอื กไม่บางหรอื หนาเกินไป นยิ มใชก้ ับ ส้ม กหุ ลาบ พทุ รา การเตรยี มตน้ ตอ เลือกตำแหน่งบนต้นตอบรเิ วณปล้อง กรีดเปลอื กเปน็ แนวยาวลงมา 1 นว้ิ และกรีด ขวางแนวบนรอยแรกทางด้านบนคล้ายรูปตัวที ใช้ปลายมีดและเปลือกจากหัวตัวที ให้เผยออกมาสำหรับสอด แผ่นตาได้ การเตรยี มแผน่ ตา 1. เฉือนแผ่นตาของกง่ิ พนั ธ์ดุ ีเป็นรปู โลค่ วามยาวประมาณ 1 นิว้ ให้มีเน้ือไม้ติดออกมาเลก็ น้อย 2. ใชม้ ือจบั ขอบของแผน่ ตาหรอื ก้านใบท่ีเหลอื อยู่ อย่าแตะหรอื จบั บริเวณเน้ือเยอ่ื ด้านใน 3. ลอกเอาเน้อื ไมอ้ อกจากแผน่ ตา และระวังอยา่ ให้จุดเจรญิ ของตาหลดุ ออกมาด้วย 4. สอดแผ่นตาเขา้ ไปในแผลของต้นตอที่เตรียมไว้ดันแผ่นตาทั้งแผน่ ให้เข้าไปอยู่ตรงกลางของตัวทถี า้ มสี ่วนบนของแผ่นตายังเลยหัวตัวทีออกมาทบั เปลือกต้นตอต้องใช้มีดตัดสว่ นเกนิ น้นั ออกมิฉะน้ันแผ่นตาจะเน่า และแหง้ ตายได้ 5. การพันด้วยพลาสตกิ ควรพันจากด้านล่างขึ้นด้านบนให้ทับตาหรอื เปิดคร่อมตาไวก้ ็ได้เพราะเปลือก ตน้ ตอปดิ ทบั แผ่นตาไวจ้ ึงไม่สญู เสยี ความช้นื ได้งา่ ยนกั ถ้าปิดผ้าพลาสติกทับตาไว้ต้องสังเกตในระยะท่ีตา เร่ิมมี การเจริญเตบิ โตใหก้ รีดผา่ พลาสตกิ บรเิ วณตาให้สามารถเจริญ ออกมาไดอ้ าจจะใช้เวลานานประมาณ 3 สัปดาห์ เมอ่ื แผน่ ตาเชือ่ มต่อกับต้นตอดแี ล้วให้ตัดปลายยอดของตน้ ตอเหนือแผ่นตาออก 2) การตดิ ตาแบบเพลท ใช้กับพืชที่ต้นตอมีเปลือกหนากว่าแผ่นตาและสามารถลอกเปลือกได้ ขนาดของต้นตอควรมี เส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 0.5 นิ้วขึ้นไป ใช้ได้ดีกับพืชที่ติดตาได้ยากและมีน้ำยางมาก เช่น ยางพารา มะม่วง เงาะ อาโวกาโด 2.1 การติดตาแบบ H-Budding การเตรียมต้นตอ กรีดเปลือกของต้นตอเป็นแนวยาวลงมา สองแนวให้ขนานกันแล้วกรีดขวางบริเวณ กลางเสน้ จะเป็นรปู รา่ งตวั H และลอกเปลือกออกทั้งดา้ นบนและล่าง การเตรียมแผ่นตา เฉือนแผ่นตาเป็นรูปสี่เหลี่ยมหรือรูปโล่ และลอกเนื้อไม้หลังแผ่นตาออกก่อนสอด เข้าไปในแผลทเ่ี ตรียมไว้

108 2.2 การตดิ ตาแบบ I - Budding (Window Budding) เป็นวิธีท่ีเตรียมต้นตอเปน็ รูปตัวไอแล้วเปดิ เปลือกออกมาจึงคลา้ ยกบั การเปิดหน้าตา่ งจึงอาจเรียกอีก ชอ่ื หนง่ึ ว่า Window Budding 3) การติดตาแบบแพทช์ 3.1 การตดิ ตาแบบ Patch Budding เป็นวิธีที่นิยมใช้กับพืชที่ติดได้ง่ายมีเปลือกหนา และสามารถลอกเปลือกได้ เช่น อาโวกาโด วอลนัท ขนาดของต้นตอและกิ่งพันธุ์ดีใกล้เคียงกัน มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ส่วนเปลือกต้นตอจะเอาแผ่น เปลอื กออกทง้ั หมด การเตรียมต้นตอ กรีดเปลือกต้นตอเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แกะเปลือกออกมาทั้งหมด อาจมีการกรีด แผลไว้โดยยังไม่ลอกเปลือกออกมา เพ่อื ชว่ ยใหเ้ กดิ การสรา้ งเน้ือเย่ือแคลลัสไว้กอ่ นระยะหน่ึงก็ได้ การเตรียมแผ่นตา เฉือนแผ่นตาเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยใช้วิธีการกรีดเปลือกต้นตอให้มีขนาด เท่ากบั แผลของต้นตอทเี่ ตรียมไว้ ควรใหส้ วมเข้าไปขนาดพอดกี ัน การพันด้วยพลาสติกให้ปิดทับแผ่นตาทั้งหมด จะได้ผลดีกว่าคร่อมแผ่นตาไว้ เพื่อช่วยไม่ให้มีการ สูญเสยี นำ้ จากรอยแผลได้ 4) การตดิ ตาแบบชพิ

109 การตดิ ตาแบบ Chip Budding เป็นวิธีที่ใช้กับพืชที่ไม่สามารถลอกเปลือกได้ มีเปลือกบางหรือต้นอยู่ในระยะการพักตัว มักใช้ กับ พืชที่ไม่มีน้ำยางและมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ของต้นตอประมาณ 0.5-1.0 นิ้ว เช่น องุ่น เป็น วิธีการเฉือนเข้า ไปในเนื้อไมจ้ ึงเรยี กชอ่ื ตามการทำงาน การเตรียมต้นตอ เฉือนต้นตอเข้าไปในเนื้อไม้ให้ลึก เลยแนวเนื้อเยื่อเจริญเข้าไปให้แผลยาวลงมา ประมาณ 0.5-1.0 นิ้ว ใช้มีด ตัดปลายด้านล่างของรอยแผลให้ จรดกับรอยที่เฉือนไว้เอียงทำมุม 45 องศา จากนั้นเฉือนขึ้นด้านบนลึกตามแนวเดิมและตดั ปลายด้านบน เอียงทำมุม 45 องศาเช่นกัน สำหรับเป็นสว่ นยดึ แผน่ ตาไว้ เป็นวธิ ที ี่เตรยี มตน้ ตอคอ่ นข้างช้ากว่าวธิ ีอืน่ ๆ การเฉือนแผน่ ตา ทำเชน่ เดียวกบั ขนาดของแผลทเ่ี ตรียม บนตน้ ตอใหส้ ่วนของตาอยู่ตรงกลางแผ่น ตาสอดแผ่นตาเข้าไปทางด้านข้างของแผลที่เตรียมไว้บนต้นตอ การพันด้วยพลาสติกให้ปิดมิดทับแผ่นตา ท้งั หมด เอกสารอ้างอิง การขยายพนั ธพ์ุ ืช. 2552. แหลง่ ที่มา : http://free-ebook-ram.blogspot.com 10 มิ.ย. 2561 สน่ัน ขำเลศิ . 2541. หลกั และวธิ ีปฏิบัติการขยายพนั ธ์ุพชื . กรุงเทพฯ: ร้ัวเขียว พิมพค์ ร้ังท่ี 2 207 น. ศราวธุ อนิ ทรเทศ. ม.ป.ป. วชิ าเทคนคิ การขยายพันธ์พุ ชื . ม.ป.พ. : 218 หนา้

110 บันทึกผลหลังการสอน ผลการเรยี นรู้ 1. กิจกรรมการเรียนการสอนที่กำหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยของ ผู้เรยี นและเหมาะสมกบั สาระการเรยี นรู้ สามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน  ได้ตามเวลาทก่ี ำหนดทุกกิจกรรม  ไม่ทนั ตามเวลาทกี่ ำหนดในกิจกรรมเนอื่ งจาก .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. กจิ กรรมการเรียนการสอนครั้งนี้ นกั เรียนทกุ คนไดร้ ่วมกิจกรรมและเรยี นรอู้ ยา่ งมีความสขุ 3. กิจกรรมช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจตรงตามสาระการเรียนรู้ เกิดคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และมที กั ษะกระบวนการตามท่ีกำหนด 4. สื่อการเรียนการสอนที่กำหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ ได้ใช้สื่อหลากหลายเหมาะสมกับวัยของ ผู้เรียน สอดคล้องกับเนื้อหาสามารถใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างเหมา ะสม ช่วยให้ ผเู้ รยี นเรียนรอู้ ยา่ งสนุกสนานและเข้าใจบทเรียนไดเ้ ร็วยงิ่ ขน้ึ 5. การวัดผลประเมินผล ในการจัดการเรียนการสอนครั้งนี้ครอบคลุมพฤติกรรมตามจุดประสงค์การ เรียนรทู้ ี่กำหนดในแผนการจัดการเรยี นรู้ ผลการวัดผลและประเมินผลสรปุ ได้ ดงั นี้ 5.1 ดา้ นความรู้ความเข้าใจ (K) นกั เรยี นผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ขอ้ ที่ ............. - นกั เรยี นทผ่ี ่านจดุ ประสงค์ตามเกณฑร์ อ้ ยละ................. จำนวน..............คน เลขท่ี ...........................................คิดเป็นรอ้ ยละ.................................. - นกั เรยี นทีไ่ มผ่ า่ นจุดประสงค์ จำนวน............คน เลขที่ ...........................................คิดเป็นร้อยละ................................. และไดด้ ำเนินการแก้ปญั หา คอื  สอนเสริม  มอบงานให้ทำเพิ่มเตมิ ทำรายงาน  อนื่ ๆ................ 5.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นทผี่ ่านทักษะกระบวนการตามเกณฑ์ร้อยละ................. จำนวน..............คน เลขท่ี ........................................... คิดเป็นรอ้ ยละ.................................. - นกั เรยี นที่ไมผ่ ่านทักษะกระบวนการ จำนวน............คน เลขท่ี ........................................... คดิ เปน็ รอ้ ยละ.............................. และได้ดำเนนิ การแก้ปัญหา คือ ............................................................................ 5.3 ด้านคา่ นยิ ม (คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์) (A) - นกั เรยี นทีม่ คี ่านิยมตามเกณฑ์รอ้ ยละ จำนวน............คน เลขท่ี ...........................................คิดเปน็ ร้อยละ ......................................

111 - นกั เรียนที่ตอ้ งปรับเปล่ยี นค่านยิ ม จำนวน............คน เลขที่ ...........................................คิดเปน็ ร้อยละ ....................................... และไดด้ ำเนินการปรับเปลย่ี นค่านยิ ม (แจงรายละเอียดของการปรบั เปล่ียนค่านยิ ม คือ.......................................................................................................................... ......................................... การบรู ณาการ ในการจัดการเรียนการสอนได้บูรณาการการเรียนรู้โดยบูรณาการภายในเนื้อหาสาระของกลุ่มวิชา ............................................................ ซึ่งเปน็ การบูรณาการ (ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง) เพื่อต้องการ ให้นักเรียนได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวนั มีทักษะชีวิตที่จะก้าวไปสู่สังคมภายนอกได้อย่างมีความรู้ท่ี เทา่ ทันในยุคปัจจบุ ัน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นวัตกรรมที่ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน การจัดการเรียนการสอนในครั้งนี้ได้จัดทำสื่อการเรียนการสอนที่เป็นนวัตกรรม คือ (Power Point เร่ือง ............... , เอกสารประกอบการสอน เรือ่ ง ............. , เกม .............. , ฯลฯ ) ระบชุ ่ือนวัตกรรม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. วจิ ยั ในช้นั เรียน ในการแก้ปัญหานักเรียนที่ไมผ่ ่านดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ, ด้านทักษะกระบวนการ, ด้านค่านิยม จึงได้ ทำการศกึ ษาค้นคว้า วจิ ัยในชน้ั เรียนเร่อื ง..................................................................ผลปรากฎวา่ นกั เรียน มผี ล ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. แนวทางการแกไ้ ขปญั หา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ……………………………………………ผสู้ อน (นายสิรวิชญ์ เฉยี บแหลม)

112 ความเห็นและขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................ ...................................... .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ.............................................. (นางผกาภรณ์ เซ่งลำ้ ) หัวหน้ากลุ่มบริหารงานวชิ าการ .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................... ........................... .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .............................................. (นางยุพิน เรืองไชย) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นบ้านบางสาน

113 แผนการจัดการเรยี นรู้ รหัสวิชา ง 21205 รายวิชาการขยายพันธ์พุ ืช ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 การขยายพันธ์ุโดยการทาบกง่ิ และตอ่ ก่งิ เวลา 2 คาบ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ัด (ผลการเรยี นรู้) ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานร่วมกันและทักษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรมและลักษณะ นิสัยในการทำงาน มีจิตสำนึกในการทำงานใช้พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อการดำรงชีวิตและ ครอบครวั ง 2.1 เข้าใจมีทักษะที่จำเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในอาชีพ ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนา มคี ุณธรรม และมเี จตคติทดี่ ตี ่ออาชพี ผลการเรยี นรู้ 1. สรุปความหมายของการขยายพันธพุ์ ชื แบบตา่ ง ๆ ได้ 2. อธบิ ายขนั้ ตอนการปฏบิ ตั กิ ารขยายพนั ธพุ์ ชื วิธีการต่าง ๆ ได้ 3. สามารถปฏบิ ัตกิ ารขยายพันธ์พุ ืชไดอ้ ยา่ งนอ้ ย 3 วธิ ี สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การติดตา คือ การนำแผ่นตาเพียงแผ่นเดียวจากกิ่งพันธุ์ดีไปติดกับต้นตอ เพื่อให้ได้พันธุ์ตามต้องการ และสามารถเจริญเตบิ โตเตบิ โตเปน็ ตน้ พืชตน้ เดียวกนั ได้ สาระการเรยี นรู้ (เน้ือหาสาระ) 1. ความหมายของการขยายพนั ธุ์โดยการทาบกิง่ และตอ่ ก่ิง 2. ขั้นตอนการขยายพนั ธ์โุ ดยการทาบกง่ิ และตอ่ กิ่ง จุดประสงค์การเรียนรู้ (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม/วัดได้) ดา้ นความรู้ (K) 1. สามารถอธบิ ายความหมายของการขยายพันธ์พืชโดยวธิ กี ารต่อก่ิงได้ 2. สามารถอธิบายความหมายของการขยายพันธ์พืชโดยวธิ ีการทาบกงิ่ ได้ 3. สามารถอธิบายประเภทของการขยายพันธุ์พชื โดยวธิ ีการต่อก่งิ ได้ 4. สามารถบอกประเภทของการขยายพนั ธุ์พชื โดยวิธีการทาบก่งิ ได้ ทักษะกระบวนการ (P) 1. เลอื กพชื ท่ีจะขยายพนั ธุโ์ ดยวิธกี ารตอ่ ก่งิ ได้ 2. เลอื กพชื ท่จี ะขยายพันธ์ุโดยวิธกี ารทาบก่ิงได้

114 ดา้ นคณุ ลักษณะ (A) 1. มคี วามซ่ือสตั ย์ 2. มคี วามขยนั อดทน 3.มีจิตสาธารณะ √คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)  รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ √ มีระเบียบวนิ ยั √ มคี วามซ่อื สัตย์สจุ ริต √ มีความรับผดิ ชอบ ขยัน อดทน และพากเพียร √ มวี ิถีชีวติ อยา่ งพอเพียง √ มีความเป็นประชาธิปไตยและเปน็ ผู้นำกลา้ แสดงออก √ มีจิตสำนกึ ความเปน็ ไทย และกตญั ญตู ่อผมู้ ีพระคณุ √ มจี ติ อาสา จติ สาธารณะ และอนุรักษ์สง่ิ แวดล้อม สมรรถนะสำคัญผเู้ รียน (C) √ ความสามารถในการเรียนรู้ การสื่อสาร √ ความสามารถในการคิดอยา่ งเปน็ ระบบ √ ความสามารถในการแก้ปญั หา √ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ √ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ความพอประมาณ มเี หตผุ ล มีภมู คิ ุมกันในตวั ทดี่ ี นักเรียนใช้ทรพั ยากรไดอ้ ยา่ ง นกั เรียนมีสมาธติ ลอดการเรียนการ นกั เรยี นสามารถนำความรู้ไปใชใ้ น เหมาะสม ไมม่ ากจนเกินไป สอน เพื่อนำความรู้ท่ีได้ไปใช้อย่าง การดำเนนิ ชีวิต และพฒั นาต่อยอด คำนงึ ถงึ สง่ิ แวดลอ้ มเปน็ หลัก ถูกต้อง ในการประกอบอาชีพ อีกทั้งคำนึงงบประมาณในการ ดำเนนิ การ สามารถอธิบายความหมายของการขยายพันธ์พืชโดยวิธีการต่อกิ่งได้ เงอื่ นไขความรู้ สามารถอธิบายความหมายของการขยายพันธ์พืชโดยวิธีการทาบกิ่งได้ สามารถอธิบายประเภทของการขยายพันธุ์พืชโดยวิธีการต่อกิ่งได้ และสามารถบอกประเภทของการขยายพนั ธ์ุพืชโดยวธิ ีการทาบกิ่งได้

115 ความพอประมาณ มเี หตผุ ล มีภูมคิ ุมกนั ในตัวทดี่ ี เง่ือนไขคณุ ธรรม มีความซ่ือสัตยม์ ีความขยันอดทน และมจี ิตสาธารณะ กระบวนการจดั การเรียนรู้ เทคนิคการสอน √ กระบวนการกลุ่ม √ กระบวนการสืบค้น √ การเรยี นแบบแก้ปญั หา  การเรยี นแบบสร้างแผนผัง √√√ การตงั้ คำถาม √ เทคนิคคคู่ ิด เกม  การอภิปราย  การฝึกปฏบิ ตั ิการ  อน่ื ๆ √ กิจกรรมการเรยี นการสอน ( 2 คร้งั ) ครัง้ ท่ี 1 มลี ำดับขน้ั ตอนดงั นี้ (ในกรณีจดั การเรียนการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ข้ันนำ (Introduction) 1. เริ่มการทักทายสวสั ดี เช็คช่ือผเู้ รียน 2. ตั้งคำถามปลายเปดิ เกย่ี วกบั ความนยิ มเพาะพนั ธุพ์ ืชกระท่อมเพ่ืออาชีพ ในชุมชน ขั้นสอน (Instruction) 1. เริ่มบรรยายโดยใช้สื่อ Power point และe-book ประกอบการบรรยาย ระหว่างนั้นจะมี การถามตอบ ซ่ึงจะแจง้ ใหน้ ักเรียนทราบวา่ ในคาบถัดไปจะใรการแข่งขันตอบคำถามเกี่ยวกับการขยายพันธ์ุพืช ดว้ ยวิธีการต่อก่งิ และการทาบกิ่ง 2. เมื่อจบการบรรยายให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 3-4 คน เพื่อแข่งขันตอบคำถาม การขยายพันธพ์ุ ืชโดยวิธกี ารตอ่ ก่ิงและการทาบกิ่งในคาบถดั ไป 3. ส่งรายชื่อสมาชิกในกลมุ่ ใหค้ รเู พอ่ื ใชใ้ นการใหค้ ะแนน ข้ันสรุป (Conclusion) 1. ครสู รุปเนื้อหาการขยายพนั ธ์พุ ืชดว้ ยวธิ กี ารต่อก่ิงและการทาบกิง่ ให้นักเรียนอีก 1 คร้ัง 2. มอบหมายงานให้นักเรยี นไปศกึ ษาทบทวนเน้ือหาที่ได้เรียนเพ่ือแขง่ ขันตอบคำถามในคาบ ถัดไป ครง้ั ที่ 2 มลี ำดบั ข้นั ตอนดงั นี้ (ในกรณีจัดการเรียนการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ขนั้ นำ (Introduction) 1. เร่มิ การทกั ทายสวสั ดี เช็คชื่อผ้เู รียน 2. นักเรียนเตรยี มตวั โดยนง่ั เปน็ กลุ่มตามรายชอื่ ท่ไี ดแ้ บ่งกล่มุ ในคาบทผ่ี ่านมา

116 ขน้ั สอน (Instruction) 1. นกั เรยี นเลน่ เกมตอบคำถามผา่ น Kahoot หรอื อนื่ ๆ โดยมคี ำถามทั้งหมด 10 ขอ้ 2. ครูเป็นผู้ดำเนินการควบคุมการเล่นเกม เมื่อเล่นจบทั้ง 10 ข้อ ทำการสรุปคะแนนแต่ละ กลุม่ โดยกลมุ่ ที่มคี ะแนนสงู ทีส่ ดุ จะได้รบั รางวัลในคาบถัดไป 3. เปิดโอกาสให้นักเรียนได้พูดคุยสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายพันธุ์พืชกระท่อมเพ่ือ การค้า ขนั้ สรุป (Conclusion) 1. ครูสรุปการขยายพนั ธ์ุพชื โดยวิธกี ารต่อกงิ่ และการทาบกิ่ง ใหน้ ักเรียนอีกครั้งเพื่อให้ นักเรยี นทกุ คนมีความเข้าใจที่ตรงกัน ช้นิ งาน/ภาระงาน 1. ทบทวนความรเู้ พ่ือแข่งขันเกม Kahoot ส่ือและแหล่งเรียนรู้ สอ่ื 1. E-book วชิ าการขยายพันธพ์ุ ืช 2. สือ่ Powerpoint 3. วสั ดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการขยายพนั ธพุ์ ชื ด้วยวิธีการทาบก่งิ และต่อกิ่ง 4. เกม Kahoot วิธีการทาบกิ่ง และต่อกงิ่ แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องเรียน 2. สอ่ื อนิ เทอรเ์ นต็ การวัดและประเมินผล วิธีวัดผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. คำถามระหวา่ งเรียน 3. การนำเสนอการขยายพันธพุ์ ชื โดยวิธีการทาบกง่ิ และตอ่ ก่งิ เกณฑ์การวัดและประเมินผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. คำถามระหว่างเรียน 3. แบบประเมนิ การนำเสนอการขยายพันธ์ุพชื โดยวิธีการทาบก่งิ และต่อก่ิง

117 แบบบนั ทกึ การสงั เกตและประเมินผลพฤติกรรมรายบคุ คล คร้ังที่ ………… เรือ่ ง ................................................................ รหัสวิชา .......................... ภาคเรียนที่…....ปกี ารศกึ ษา………… ชน้ั ................ พฤติกรรม / ระดับคะแนน ลำดับ ชือ่ – สกลุ ความ การมีสว่ น การตอบ การ ทำงาน รวม ที่ สนใจใน รว่ มใน คำถาม ยอมรบั ฟัง ตามท่ี การทำ การแสดง ได้รับ กจิ กรรม ความ ความ มอบหมาย คดิ เห็น คดิ เห็น ผูอ้ ่นื 321321321321321 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมิน คะแนนเตม็ 15 คะแนน ระดับ 3 หมายถึง มพี ฤติกรรมในระดับ ดี คะแนน 13 - 15 หมายถึง ดี ระดับ 2 หมายถึง มีพฤตกิ รรมในระดับ ปานกลาง คะแนน 9 - 12 หมายถึง ปานกลาง ระดบั 1 หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ปรบั ปรุง คะแนน 5 - 8 หมายถงึ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ าร ผา่ น ร้อยละ 60 ( 9 คะแนน ) ลงชื่อ.......................................... ( ................................ ) ครผู ้สู อน / ผปู้ ระเมิน

118 เนือ้ หาท่ใี ช้ในการเรยี นการสอน หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การขยายพนั ธพ์ุ ชื ด้วยวิธกี ารตอ่ กิง่ และทาบก่ิง 1. การต่อกิ่ง คือ การนำกิ่งพันธุ์ที่มีมากกว่า 1 ตา ไปทำการต่อกิ่งบนต้นตอ เพื่อให้ได้พันธุ์ดีตามต้องการ ก่ิง พนั ธด์ุ ีและตน้ ตอน้ีจะเจริญเปน็ ต้นพืชตน้ เดียวกนั เปน็ วธิ ีการขยายพันธ์ุพชื ท่ีใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนี้ พืชทข่ี ยายพนั ธเ์ุ ชน่ นี้ ชบา มะมว่ ง พุทรา โกสน เปน็ ต้น 1.1. ประเภทของการต่อกง่ิ แบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ 1. การต่อราก (Root Grafting) การนำเอากิ่งพันธุ์ดีมาต่อกับส่วนของรากของต้นตอ โดยตรง อาจเป็นรากท้ังหมด หรือบางส่วนของรากก็ได้ วิธีนีน้ ยิ มทำกับพืชเมืองหนาว เช่น แอปเปิ้ล แพร์ โดย การต่อเขา้ ลน้ิ 2. การต่อคอดิน (Crow Grafting) การนำเอากิ่งพันธุ์ดีมาต่อบนต้นตอในระดับใต้ดิน เล็กน้อย หรือตรงจุดที่เป็นรอยต่อระหว่าง ลำต้นและรากของต้นตอ นิยมใช้กับการเปลี่ยนพันธุ์องุ่นที่มีอายุ มาก ๆ แบบของการต่อกิ่งใชแ้ บบเสยี บล่ิม 3. การต่อยอด (Top Grafting) การนำเอากิ่งพันธุ์ดีมาต่อบนต้นตอเหนือระดับ ให้สูงกว่า การต่อระดับคอดิน รวมถึงการต่อต้นพืชที่อยู่สูงจากผิวดินมาก ๆ ด้วย เป็นวิธีที่นิยมแพร่หลายกันมากที่สุด เพราะใช้ได้กับพืชแทบทุกชนิด แบบต่าง ๆ ในการต่อยอด ซึ่งเป็นวิธีการที่นิยมแพร่หลายมากที่สุด สามารถ จำแนกออกได้หลายแบบ คอื 1) การต่อก่ิงแบบเสียบลิ่ม (Cleft Grafting) เป็นวิธีที่ต้องตัดยอดต้นตอและไม่ต้องลอกเปลือกต้นตอใช้ได้ทั้งกิ่งที่มีขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ แต่ ขนาดของกิ่งที่พอเหมาะจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 – 4 นิ้ว กิ่งพันธุ์ดีควรเป็นกิ่งแก่อายุประมาณ 1 ปี นิยมใช้ในการเปลี่ยนยอดไม้ผลหลายชนิด เช่น ลำไย ขนุน น้อยหน่า สาลี่ พืชที่ขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้ควรมี เสีย้ นเนอ้ื ไม้ตรงเม่ือกิ่งพันธ์ุดเี จริญแล้วรอยประสาน จะแข็งแรงกวา่ วธิ ีแบบอ่ืน ๆ ขอ้ เสยี คือ ต้องผ่าเนื้อไม้เข้า ไปจงึ อาจมเี ชื้อโรคเข้าทำลายไดง้ า่ ย และหากต่อกงิ่ ไม่ประสพผลสำเร็จจะทำให้ตน้ ตอเสียหายได้

119 2) การตอ่ กิ่งแบบฝานบวบ (Spliced Grafting) ขนาดของกิ่งพันธุ์ดีและต้นตอควรมีขนาดใกล้เคียงกันและมีลักษณะที่ต่อเรียบและตรง โดยการเฉือน กิง่ ต้นตอและกงิ่ พันธุด์ ีใหเ้ ฉยี งเป็นแนว ยาวประมาณ 1.0-1.5 น้วิ ประกบแผลท้ังสองกิ่งให้เข้ากันพอดี การพัน ด้วยผา้ พลาสตกิ ของวธิ นี ้ไี มส่ ามารถทำงานไดส้ ะดวกนกั 3) การต่อก่ิงแบบเขา้ เดอื ย (Saddle Grafting) นยิ มใชก้ บั การขยายพนั ธโุ์ ป๊ ยเซียน โดยการตดั ยอดตน้ ตอออกแลว้ เฉือนใหเ้ ฉียงทงั้ สองขา้ งของกง่ิ เขา้ มาจรดกนั ตรงกนั การเตรยี มกง่ิ พนั ธดุ์ ใี หเ้ ฉอื นเป็นรูปลม่ิ รูปรา่ งพอดีกบั แผลท่เี ตรียมไวบ้ นตน้ ตอแลว้ ครอ่ มบนต้นตอ 4) การตอ่ ก่งิ แบบเสียบเปลือก (Bark Grafting)

120 เป็นวิธีที่ต้องตัดยอดต้นตอและสามารถลอกเปลือกได้ จึงนิยมใช้กับพืชที่มีเปลือกหนา และต้นอยู่ใน ระยะกำลังเจริญเติบโต ข้อดีของวิธีนี้ คือ เนื้อไม้จะไม่ถูกผ่าออกจากกัน โอกาสที่รอยต่อจะเน่าหรือถูกทำลาย จากเชอื้ โรคจึงมีน้อย ขอ้ เสยี ของวิธนี ้ี คือ รอยตอ่ ของก่ิงพันธ์ุดแี ละต้นตออาจไมแ่ ข็งแรงนัก ฉีกหักได้ง่าย ใช้ได้ ดกี บั มะม่วง อาโวกาโด วธิ ีการการตอ่ กงิ่ แบบเสียบเปลอื ก Bark Grafting เลือกต้นตอที่มีลักษณะตรง ตัดยอดต้นตอออกบริเวณใต้ข้อ ใช้มีดกรีดเปลือกลงมายาวประมาณ 1-2 นิ้ว เผยอเปลอื กออกทัง้ สองขา้ งของรอยกรดี การเตรียมกิ่งพันธ์ุดเี ฉือนกิ่งพันธ์ุดีให้เฉียงลงเปน็ ปากฉลาม แล้วบากโคนแผลของรอยเฉือนให้เปน็ บ่า และเฉือนปลายรอยเฉือนทางด้านตรงข้ามเล็กน้อย เสียบยอดพันธุ์ดีให้รอยบากเข้าหาต้นตอ และให้บ่านั่งบน หัวต้นตอพอดี จงึ พันดว้ ยผา้ พลาสตกิ 5) การตอ่ กิ่งแบบเสยี บขา้ ง (Side Grafting) เป็นวิธีท่ีไม่ต้องลอกเปลือกต้นตอจึงใชไ้ ด้กับพืชที่อยู่ในระยะพักตัว ขณะทำการต่อกิ่งต้นตอจะมีเรือน ยอดชว่ ยในการสร้างอาหารและปอ้ งกันกิ่งพันธ์ดุ ีถูกแสงแดดมากเกนิ ไปได้ เมือ่ เกดิ การเชื่อมประสานแล้วจึงตัด ยอดต้นตอออก หากต่อกิ่งไว้ไม่ประสบผลสำเร็จต้นตอจะไม่เสียหายมาก ควรเลือกใช้กับต้นตอที่มีขนาดเล็ก ประมาณดนิ สอดำ และมขี นาดไม่ใหญม่ ากนกั นิยมใช้กับพชื หลายชนิด เชน่ สนประดบั โกสน เลบ็ ครุฑ วิธีการการตอ่ ก่งิ แบบเสียบขา้ ง เรยี กอกี ชือ่ หนึ่งว่า Stub Grafting เลือกต้นตอท่ีมี ลกั ษณะตรง ใชม้ ีดเฉอื นตน้ ตอเข้าไปในเน้ือไม้ เป็น มมุ 20-30 องศา เป็นแนวยาวลงไปความยาว 2-3 นวิ้

121 6) การตอ่ กิ่งแบบเข้าลนิ้ ( Tongue Grafting ) เปน็ วธิ ีทใี่ ช้กับพชื ท่มี ีตน้ ตอและก่ิงพันธุ์ดขี นาดเท่ากัน และเป็นกิง่ ทม่ี ขี นาดเล็กนิยมใช้กับพืชท่ีมีก่ิงตรง และเรียบ วธิ ีการตอ่ ก่งิ แบบเขา้ ลิน้ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Whip Grafting เฉือนต้นตอเฉียงขึ้นให้เป็นปากฉลาม ยาวประมาณ 1-2 นิ้ว แล้วแต่ขนาดของกิ่ง ผ่าต้นตอเข้าไปในเนื้อไม้จากตำแหน่งหนึ่งในสามจากปลายแผลลงมา ยาวเสมอถึงโคน แผลของรอยเฉือน นิยมใช้กับต้นตอที่มีรากแล้ว เพื่อต้องการใช้กิ่งพันธุ์ดีสำหรับเปลี่ยนยอดพันธุ์ส่วนบน จึง อาจเรียกตามตำแหน่งที่ต่อว่า Root Grafting บางครั้งเรียกว่า Bench Grafting เพราะเป็นแบบที่นิยมต่อก่ิง บนโต๊ะ และทำเป็นจำนวนมากกบั พชื พวก องนุ่ สาลี่ แอปเปลิ ไมย้ ืนต้นทีใ่ ช้ประดับหลายชนดิ 2. เทคนคิ การทาบกงิ่ การนำต้นพชื 2 ต้น ซ่งึ ต่างกนั กย็ งั มรี ากและยอดดว้ ยกนั มาทำให้เชื่อมประสานตดิ เป็นเนื้อเดียวกนั ก่ิง พนั ธุ์ที่ใช้ทาบกับต้นตอน้ัน ควรจะมขี นาดเท่า ๆ กบั ต้นตอหรอื จะใหญ่กวา่ กันบา้ งก็ได้ ถา้ กงิ่ พันธุ์ดีมีขนาดใหญ่ กว่าต้นตอมาก ๆ ควรใช้ต้นตอทาบให้มากกว่า 1 ต้น กิ่งพันธุ์ดีนี้จะต้องเป็นกิ่งพันธุ์ที่ต้องการจึงควรเป็นต้น พันธุ์ที่ทราบคุณภาพแน่นอนแล้วว่าเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตตามท่ีต้องการจริง ๆ จึงจะทาบกิ่งมาปลูก ข้อสำคัญ จะต้องเป็นพืชในตระกูลเดียวกัน หลังจากที่ทำการทาบกิ่งพันธุ์ดีกับต้นตอจนแผลเชื่อมกันดแี ละจะตัดกิ่งทาบ ออกจากต้นแม่ ในกรณีที่ทาบแบบประกับจะต้องตัดยอดต้นตอเหนือรอยตอ่ ออกทิง้ ไปเหลือเฉพาะส่วนของก่งิ พันธุ์ดเี ทา่ น้ัน ในปัจจุบันชาวสวนนิยมเตรียมต้นตอที่จะนำไปทาบ โดยอัดขุยมะพร้าวลงในถุงพลาสติกแทนการใช้ ดิน ทำให้มีนำ้ หนกั เบา และไม่ต้องรดนำ้ ได้เปน็ เวลานาน

122 ต้นตอ (Stock) ต้นพืชที่นำมาเป็นส่วนรากที่เรียกว่า ต้นตอ (Stock) ซึ่งเป็นส่วนระบบรากของต้นพืชที่จะมาทาบก่ิง ติดตา หรือต่อกิ่ง ในส่วนนี้จะทำหน้าที่เป็นระบบรากของต้นพืชจะเป็นส่วนที่อยู่ต่ำกว่ารอยต่อ กง่ิ พันธุด์ ี (Scion Wood) หรอื ตาพันธด์ุ ี (Bud Wood) ส่วนกิ่งหรือตาที่เราจะนำมาติดบนต้นตอนั้น เราเรียกว่า กิ่งพันธุ์ดีหรือถ้าเป็นตาจะเรียกว่าตาพันธุ์ดี เปน็ สว่ นทอ่ี ยู่เหนือรอยตอ่ ทำหนา้ ท่เี ปน็ ยอด ให้ดอกออกผลต่อไป 2.1 การทาบก่ิงแบบต่าง ๆ 1) การทาบกิง่ แบบประกับ Approach Grafting เปน็ วธิ กี ารทต่ี ้นพืชทง้ั สองที่นำมาต่อกนั ยังไม่ถูก ตดั ยอดออก ซงึ่ จะทำการต่อก่ิงใหเ้ กิดการเชื่อมต่อกันแล้วจึงตัดยอดของต้นที่ไมต่ ้องการออก รปู แบบการทาบก่งิ แบบประกับ Approach Grafting 1.1) การทาบก่ิงแบบประกบั ธรรมดา (Spliced Approach Graft) เลือกก่งิ พันธ์ุดีและต้นตอที่มีขนาดใกลเ้ คียงกัน ใช้มดี เฉอื นก่งิ พันธุด์ ีเป็นรูปโลใ่ ห้แผลยาว ประมาณ 2- 3 นิ้ว ส่วนเหนือรอยเฉือนของ กิ่งพันธุ์ ดียาว 30-50 เซนติเมตร จากนั้นเฉือนต้นตอเป็นแผลขนาดเท่ากัน บรเิ วณใกลก้ บั ส่วนโคนก่ิงแล้วทาบกนั ใหส้ นทิ จงึ พันด้วย ผ้าพลาสติก 1.2) การทาบกิ่งแบบเข้าลน้ิ (Tongued Approach Graft) ปฏิบัติเช่นเดียวกับแบบ Spliced Approach Graft แตกต่างกันบริเวณรอยเฉือนจะทำเป็นลิ้น โดย เฉือนเข้าในเนื้อไม้จากตำแหน่งหนึ่งในสามของ กิ่งทั้งสองให้หงายขึ้นและคว่ำลง ทาบกิ่งทั้งสองให้ลิ้นสอดกัน เพื่อทำให้รอยประสาน ไม่ฉีกหักง่ายและยังเป็นการเพิ่มพืน้ ที่สัมผัสของแนว เนื้อเยื่อเจริญอีกด้วยนอกจากน้นั ยังทำใหก้ ารพนั ผา้ พลาสตกิ ทำได้สะดวก

123 1.3) การทาบก่ิงแบบแกะเปลอื ก (Inlay Approach Graft) เป็นวิธีที่ใช้กับพืชที่มีขนาดแตกต่างกันมากระหว่าง ต้นตอและกิ่งพันธุ์ดีหรือพืชที่มีเปลือกของต้นตอ หนากว่า กิ่งพันธุ์ดีมักเป็นต้นที่มีขนาดใหญ่กว่าจะต้องมีเปลือกล่อน สามารถลอกออกได้จึงจะใช้วิธีนี้ นิยมใช้ กับมะม่วง มะปราง กระทอ้ น ขนุน มะขามหวาน ทุเรยี น 2) การทาบกิ่งแบบเสียบ Inarching เป็นวิธีการที่ตัดยอดออก แต่มีระบบรากมาเสียบเข้ากับต้นพชื อกี พนั ธุ์หนึง่ ที่มที ง้ั ระบบรากและยอด 3. ประโยชน์ทไี่ ดร้ ับจากการทาบก่ิง 1. ชว่ ยให้ไดพ้ ชื พนั ธด์ุ ีไปเพาะปลูก 2. ช่วยเปลีย่ นพนั ธุ์พืชที่ไม่ดีให้เป็นพันธุ์ทีต่ ้องการ เช่น นำต้นเงาะพันธุ์ดีไปทาบกับต้นเงาะที่คณุ ภาพ ไมด่ เี มื่อแผลเช่ือมสนทิ ดแี ล้วตัดต้นพันธุด์ ีใต้รอยต่อออกจะทำให้ได้กิ่งพนั ธ์ุดตี ิดอยู่บนต้นตอพันธ์ุที่มีคุณภาพไม่ ดี 3. เปน็ วธิ ีการท่ใี ช้กับพืชท่ไี มส่ ามารถตอ่ กิ่งกันได้ หรอื ต่อได้ยาก หากใช้วิธกี ารทาบกิง่ จะไดผ้ ลดีกวา่ 4. ทำใหไ้ ด้พชื หลายชนิดหลายพนั ธอุ์ ยู่บนตน้ เดยี วกนั เอกสารอ้างอิง การขยายพนั ธ์ุพชื . 2552. แหล่งทีม่ า : http://free-ebook-ram.blogspot.com 10 มิ.ย. 2561 สนั่น ขำเลศิ . 2541. หลกั และวธิ ปี ฏบิ ตั ิการขยายพันธุ์พืช. กรงุ เทพฯ: รั้วเขยี ว พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2 207 น. ศราวธุ อนิ ทรเทศ. ม.ป.ป. วชิ าเทคนคิ การขยายพนั ธพุ์ ืช. ม.ป.พ. : 218 หนา้ า

124 บนั ทกึ ผลหลงั การสอน ผลการเรยี นรู้ 1. กิจกรรมการเรียนการสอนที่กำหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยของ ผู้เรยี นและเหมาะสมกับสาระการเรียนรู้ สามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอน  ได้ตามเวลาทีก่ ำหนดทกุ กิจกรรม  ไม่ทันตามเวลาทก่ี ำหนดในกจิ กรรมเน่อื งจาก .............................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... 2. กจิ กรรมการเรียนการสอนคร้ังนี้ นกั เรยี นทุกคนได้ร่วมกจิ กรรมและเรยี นรู้อยา่ งมคี วามสุข 3. กิจกรรมช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจตรงตามสาระการเรียนรู้ เกิดคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และมที กั ษะกระบวนการตามที่กำหนด 4. สื่อการเรียนการสอนที่กำหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ ได้ใช้สื่อหลากหลายเหมาะสมกับวัยของ ผู้เรียน สอดคล้องกับเนื้อหาสามารถใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้ ผเู้ รยี นเรียนรอู้ ยา่ งสนุกสนานและเข้าใจบทเรียนไดเ้ ร็วย่ิงขึ้น 5. การวัดผลประเมินผล ในการจัดการเรียนการสอนครั้งนี้ครอบคลุมพฤติกรรมตามจุดประสงค์การ เรียนรทู้ ี่กำหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ ผลการวัดผลและประเมนิ ผลสรุปได้ ดังนี้ 5.1 ดา้ นความรู้ความเข้าใจ (K) นักเรยี นผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนร้ขู อ้ ท่ี ............. - นักเรียนท่ีผ่านจดุ ประสงคต์ ามเกณฑ์รอ้ ยละ................. จำนวน..............คน เลขท่ี ...........................................คิดเปน็ รอ้ ยละ.................................. - นกั เรยี นท่ไี ม่ผ่านจดุ ประสงค์ จำนวน............คน เลขท่ี ...........................................คิดเปน็ ร้อยละ................................. และได้ดำเนินการแก้ปญั หา คือ  สอนเสริม  มอบงานให้ทำเพิ่มเตมิ ทำรายงาน  อน่ื ๆ................ 5.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรยี นทผ่ี า่ นทักษะกระบวนการตามเกณฑร์ ้อยละ................. จำนวน..............คน เลขที่ ........................................... คิดเป็นรอ้ ยละ.................................. - นักเรียนทไ่ี ม่ผา่ นทักษะกระบวนการ จำนวน............คน เลขท่ี ........................................... คิดเปน็ ร้อยละ.............................. และได้ดำเนนิ การแกป้ ัญหา คอื ............................................................................ 5.3 ด้านคา่ นิยม (คุณลักษณะอนั พึงประสงค์) (A) - นักเรยี นที่มีค่านยิ มตามเกณฑ์รอ้ ยละ จำนวน............คน เลขที่ ...........................................คดิ เปน็ รอ้ ยละ ......................................

125 - นักเรียนท่ตี อ้ งปรับเปล่ยี นคา่ นยิ ม จำนวน............คน เลขท่ี ...........................................คดิ เปน็ ร้อยละ ....................................... และได้ดำเนนิ การปรับเปล่ียนคา่ นยิ ม (แจงรายละเอยี ดของการปรับเปลย่ี นคา่ นิยม คือ............................................................. ...................................................................................................... การบรู ณาการ ในการจัดการเรียนการสอนได้บูรณาการการเรียนรู้โดยบูรณาการภายในเนื้อหาสาระของกลุ่มวิชา ............................................................ ซึ่งเป็นการบูรณาการ (ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง) เพ่ือต้องการ ให้นักเรียนได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีทักษะชีวิตที่จะก้าวไปสู่สังคมภายนอกได้อย่างมีความรู้ที่ เท่าทันในยุคปัจจุบนั .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นวตั กรรมท่ีใช้ในการจดั การเรยี นการสอน การจัดการเรียนการสอนในครั้งนี้ได้จัดทำสื่อการเรียนการสอนที่เป็นนวัตกรรม คือ (Power Point เรื่อง ............... , เอกสารประกอบการสอน เรื่อง ............. , เกม .............. , ฯลฯ ) ระบุชื่อนวตั กรรม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. วิจัยในชน้ั เรียน ในการแก้ปัญหานักเรยี นท่ีไมผ่ ่านด้านความรู้ความเขา้ ใจ, ด้านทักษะกระบวนการ, ด้านค่านิยม จึงได้ ทำการศึกษาคน้ ควา้ วจิ ัยในช้นั เรยี นเร่ือง..................................................................ผลปรากฎว่า นักเรยี น มีผล ........................................................................................................................ ...................................................... .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. แนวทางการแก้ไขปัญหา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………………ผูส้ อน (นายสริ วิชญ์ เฉียบแหลม)

126 ความเหน็ และขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ.............................................. (นางผกาภรณ์ เซ่งลำ้ ) หวั หนา้ กลมุ่ บริหารงานวชิ าการ .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................... ........................... .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .............................................. (นางยุพิน เรอื งไชย) ผู้อำนวยการโรงเรยี นบา้ นบางสาน

127 แผนการจดั การเรียนรู้ รหัสวิชา ง 21205 รายวชิ าการขยายพนั ธุพ์ ชื ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 9 การขยายพันธพ์ุ ชื ด้วยวธิ กี ารเพาะเลยี้ งเนอื้ เยอื่ พชื เวลา 1 คาบ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั (ผลการเรยี นรู้) ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานร่วมกันและทักษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรมและลักษณะ นิสัยในการทำงาน มีจิตสำนึกในการทำงานใช้พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อการดำรงชีวิตและ ครอบครวั ง 2.1 เข้าใจมีทักษะที่จำเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในอาชีพ ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนา มีคณุ ธรรม และมีเจตคตทิ ่ดี ีต่ออาชีพ ผลการเรยี นรู้ 1. สรุปความหมายของการขยายพันธุ์พชื แบบต่าง ๆ ได้ 2. อธบิ ายข้นั ตอนการปฏิบตั ิการขยายพนั ธพ์ุ ืชวธิ กี ารตา่ ง ๆ ได้ สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ คือ การนำเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช ไม่ว่าจะเป็นส่วนอวัยวะ หรือส่วน เนื้อเยื่อ มาเลี้ยงในอาหารวิทยาศาสตร์ที่ประกอบด้วย แร่ธาตุ น้ำตาล วิตามิน และสารควบคุมความ เจริญเตบิ โต ภายใต้สภาพปลอดเช้ือจุลินทรีย์และอยู่ในสภาวะควบคุมอุณหภูมิ แสง ความชื้น โดยส่วนของพืช ที่นำมาเล้ียงนี้จะสามารถเติบโตพัฒนาได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะพัฒนาเป็นส่วนอวัยวะ เกิดเป็นกลุ่มเซลล์ที่ เรียกว่า แคลลัส หรือ คัภพะ (ต้นอ่อนขนาดเล็ก) ที่เรียกว่า “เอ็มบริโอ” ซึ่งในที่สุดก็จะสามารถบังคับให้ส่วน ต่าง ๆ เหล่าน้เี กิดเปน็ ต้นใหม่ท่ีมรี ากทีส่ มบูรณส์ ำหรับการนำไปปลูกลงดนิ ต่อไปได้ สาระการเรียนรู้ (เนื้อหาสาระ) 1. ความหมายของการขยายพนั ธพุ์ ชื โดยวธิ ีการเพาะเลยี้ งเน้ือเย่ือ 2. ประโยชนข์ องการเพาะเลย้ี งเนอื้ เยอ่ื พืช 3. ข้อจำกัดสำหรบั การขยายพันธุด์ ว้ ยเทคนคิ การเพาะเลยี้ งเนื้อเยื่อ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม/วดั ได)้ ดา้ นความรู้ (K) 1. สามารถอธิบายความหมายของการขยายพนั ธพ์ ืชโดยวธิ ีการเพาะเล้ยี งเนอ้ื เย่ือได้ 2. อธิบายประโยชน์และข้อจำกดั ของการขยายพนั ธ์พุ ชื ดว้ ยวิธีการเพาะเลีย้ งเนื้อเยื่อได้

128 ทกั ษะกระบวนการ (P) 1. คดั เลือกและแยกแยะช้นิ สว่ นของพืชในการใชเ้ พาะเลย้ี งเนื้อเยอ่ื ได้ ดา้ นคุณลักษณะ (A) 1. มีความซื่อสตั ย์ 2. มคี วามขยันอดทน 3. มีเจตคตทิ ี่ดีตอ่ วชิ าการขยายพนั ธพุ์ ชื √คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)  รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ √ มีระเบยี บวนิ ัย √ มคี วามซือ่ สัตย์สจุ ริต √ มีความรบั ผิดชอบ ขยนั อดทน และพากเพยี ร √ มวี ถิ ชี ีวติ อย่างพอเพยี ง √ มคี วามเป็นประชาธปิ ไตยและเป็นผูน้ ำกลา้ แสดงออก √ มีจติ สำนกึ ความเปน็ ไทย และกตัญญตู อ่ ผู้มีพระคณุ √ มจี ิตอาสา จิตสาธารณะ และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สมรรถนะสำคัญผเู้ รยี น (C) √ ความสามารถในการเรยี นรู้ การสื่อสาร √ ความสามารถในการคดิ อย่างเปน็ ระบบ √ ความสามารถในการแก้ปัญหา √ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ √ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี การบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ความพอประมาณ มเี หตุผล มภี มู คิ ุมกนั ในตวั ท่ดี ี นักเรียนใชท้ รัพยากรไดอ้ ย่าง นักเรียนมสี มาธติ ลอดการเรียนการ นกั เรียนสามารถนำความรู้ไปใชใ้ น เหมาะสม ไมม่ ากจนเกนิ ไป สอน เพือ่ นำความรทู้ ี่ได้ไปใช้อยา่ ง การดำเนนิ ชีวติ และพัฒนาต่อยอด คำนงึ ถงึ สิง่ แวดลอ้ มเป็นหลัก ถกู ต้อง ในการประกอบอาชีพ อีกท้ังคำนึงงบประมาณในการ ดำเนินการ

129 ความพอประมาณ มเี หตผุ ล มภี มู ิคมุ กนั ในตวั ท่ดี ี สามารถอธิบายความหมายของการขยายพันธ์พืชโดยวิธีการเพาะเลี้ยง เงอ่ื นไขความรู้ เนื้อเยื่อได้ และอธิบายประโยชน์และข้อจำกัดของการขยายพันธุ์พืชด้วย วธิ กี ารเพาะเล้ยี งเน้ือเย่อื ได้ เงอ่ื นไขคณุ ธรรม มีความซื่อสตั ย์ มีความขยนั อดทน และมีเจตคตทิ ด่ี ีต่อวิชาการขยายพันธุ์ พืช กระบวนการจดั การเรียนรู้ เทคนคิ การสอน √ กระบวนการกลมุ่ √ กระบวนการสืบคน้  การเรียนแบบสร้างแผนผัง √ การเรียนแบบแกป้ ัญหา √ การต้งั คำถาม √ เทคนคิ คู่คิด √√ เกม  การอภิปราย  การฝกึ ปฏิบัติการ  อืน่ ๆ √ กจิ กรรมการเรยี นการสอน ( 1 ครัง้ ) คร้ังท่ี 1 มีลำดบั ข้นั ตอนดังนี้ (ในกรณีจัดการเรยี นการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ขัน้ นำ (Introduction) 1. เริม่ การทักทายสวสั ดี เช็คช่ือผูเ้ รียน 2. ทบทวนการขยายพันธพุ์ ชื วิธีการต่างๆที่เรียนผา่ นมา เพ่ือทบทวนความรูเ้ ดิมทีไ่ ดเ้ รียน ขนั้ สอน (Instruction) 1. เริ่มบรรยายโดยใช้สื่อ Power point และe-book ประกอบการบรรยาย ระหว่างนั้นจะมี การถามตอบ ซ่งึ จะเปน็ การบรรยายแคค่ วามหมาย ประโยชน์ และขอ้ จำกัดโดยสังเขป 2. เปิดสื่อวีดีโอการขยายพันธุ์พืชด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อให้นักเรียนสามารถ มองเหน็ ภาพได้ชัดเจนย่ิงขน้ึ 3. เมื่อชมวีดีโอจบครูจะทำการพูดเพื่อเสริมเจตคติเกี่ยวกับการขยายพันธุ์พืช โดยสังเขปว่า นักเรียนจะเห็นได้ว่าการขยายพันธุ์พืชที่ดีและมีประสิทธิภาพต้องใช้ความรูทางวิชาการ และเทคโนโลยี ไม่ได้ เปน็ วิชาหรืออาชพี ทใ่ี ชแ้ รงงานเพยี งอยา่ งเดียว เพื่อเสรมิ เจตคตทิ ี่ดตี อ่ วิชาการขยายพันธุ์พืช

130 ขัน้ สรุป (Conclusion) 1. ครขู อตัวแทนสรุปการขยายพันธพ์ุ ชื ดว้ ยวิธีการเพาะเล้ียงเนือ้ เยื่อ และการขยายพนั ธ์ุพืช วธิ ีการตา่ งๆ 2. ครสู รปุ เนื้อหารายวิชาท้ังหมดท่ไี ด้เรยี นไปใน 1 ภาคเรียน พร้อมทัง้ ใหค้ ำแนะนำแก่ นกั เรยี นทส่ี นใจไปศกึ ษาต่อดา้ นการเกษตร หรือประกอบอาชีพการเกษตรในอนาคต ช้นิ งาน/ภาระงาน - ส่อื และแหล่งเรียนรู้ สอ่ื 1. E-book วชิ าการขยายพนั ธ์ุพชื 2. ส่อื Powerpoint 3. สื่อวดี โี อการขยายพนั ธุ์พืชด้วยวธิ ีการเพาเล้ยี งเนอ้ื เย่ือ แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องเรยี น 2. สื่ออนิ เทอร์เนต็ การวัดและประเมนิ ผล วิธีวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. คำถามระหว่างเรียน เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. คำถามระหว่างเรยี น

131 แบบบนั ทกึ การสงั เกตและประเมินผลพฤติกรรมรายบคุ คล คร้ังที่ ………… เรือ่ ง ................................................................ รหัสวิชา .......................... ภาคเรียนที่…....ปกี ารศกึ ษา………… ชน้ั ................ พฤติกรรม / ระดับคะแนน ลำดับ ชือ่ – สกลุ ความ การมีสว่ น การตอบ การ ทำงาน รวม ที่ สนใจใน รว่ มใน คำถาม ยอมรบั ฟัง ตามท่ี การทำ การแสดง ได้รับ กจิ กรรม ความ ความ มอบหมาย คดิ เห็น คดิ เห็น ผูอ้ ่นื 321321321321321 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมิน คะแนนเตม็ 15 คะแนน ระดับ 3 หมายถึง มพี ฤติกรรมในระดับ ดี คะแนน 13 - 15 หมายถึง ดี ระดับ 2 หมายถึง มีพฤตกิ รรมในระดับ ปานกลาง คะแนน 9 - 12 หมายถึง ปานกลาง ระดบั 1 หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ปรบั ปรุง คะแนน 5 - 8 หมายถงึ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ าร ผา่ น ร้อยละ 60 ( 9 คะแนน ) ลงชื่อ.......................................... ( ................................ ) ครผู ้สู อน / ผปู้ ระเมิน

132 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 9 การขยายพันธ์ุพืชด้วยวธิ ีการเพาะเลี้ยงเน้อื เยอ่ื พืช การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ คือ การนำเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช ไม่ว่าจะเป็นส่วนอวัยวะ หรือส่วน เนื้อเยื่อ มาเลี้ยงในอาหารวิทยาศาสตร์ที่ประกอบด้วย แร่ธาตุ น้ำตาล วิตามิน และสารควบคุมความ เจรญิ เตบิ โต ภายใตส้ ภาพปลอดเชื้อจลุ ินทรยี ์และอยู่ในสภาวะควบคุมอุณหภูมิ แสง ความชื้น โดยส่วนของพืช ที่นำมาเลี้ยงนี้จะสามารถเติบโตพัฒนาได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะพัฒนาเป็นส่วนอวัยวะ เกิดเป็นกลุ่มเซลล์ท่ี เรียกว่า แคลลัส หรือ คัภพะ (ต้นอ่อนขนาดเล็ก) ท่ีเรียกว่า “เอ็มบริโอ” ซึ่งในที่สุดก็จะสามารถบังคับให้ส่วน ต่าง ๆ เหล่านีเ้ กดิ เป็นต้นใหม่ท่ีมรี ากท่ีสมบูรณส์ ำหรับการนำไปปลกู ลงดนิ ต่อไปได้ ปัจจุบันมีการพัฒนา และนำมาใช้แก้ปัญหาหรือเพื่อประโยชน์ในภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม กันมากขึ้น เช่น การนำหน่อที่มีคุณลักษณะที่ดีของหน่อไม้ฝรั่งมาผลิต-ขยายด้วยวธิ ีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อลด ปัญหาการใช้เมล็ดซึ่งมีการคละเพศ นอกเหนือจากราคาของเมล็ดพันธุ์ที่ค่อนข้างสงู และยังตอ้ งนำเข้าจากต่าง ประเทศอีกดว้ ย เป็นต้น 1. ประโยชน์ของการเพาะเลย้ี งเนอ้ื เยือ่ พชื 1. เพ่อื การขยายพันธุ์พืชให้ไดเ้ ปน็ จำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว ไดแ้ ก่ การเพาะเลย้ี งแคลลสั การ เพาะเลย้ี งตายอด เปน็ ตน้ เพือ่ ผลติ พนั ธ์ุพืชซ่งึ เราสามารถขยายหรือเพ่ิมปริมาณพืชทีม่ ีลักษณะเหมือนพ่อแม่ใน ปริมาณมาก และรวดเร็ว โดยอาศัยสูตรอาหารสังเคราะห์ที่เหมาะสมต่อพืชแต่ละชนิดสามารถเพิ่มจำนวนต้น พืชเป็นทวีคูณ สะดวกต่อการเก็บรักษารวบรวมพันธุ์ แนวทางนี้ใช้กันแพร่หลายทั่วไปในประเทศ ไทย มีพืช หลายชนดิ ทเ่ี รานำมาขยายพันธุ์ดว้ ยวิธีน้ี เช่น กล้วยไม้ ปาล์มนำ้ มนั กล้วย สตรอเบอรี่ ไมด้ อกไม้ประดับต่าง ๆ เป็นตน้ 2. เพื่อการผลิตพืชที่ปราศจากโรค ปัญหาสำคัญประการหนึ่งในการผลิตพืช คือ การเกิดโรคพืช โดยเฉพาะโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อ แบคทีเรีย ไวรัส และไฟโตพลาสมา ที่ติดมากับเมล็ดหรือส่วนขยายพันธุ์ต่าง ๆ ที่มีความสำคัญมากต่อการผลิตพืช เนื่องจากทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก ทำโดยการใช้เทคนิคการ เพาะเลี้ยงเนือ้ เยอ่ื เจรญิ ปลายยอด จะสามารถผลติ พชื ทีป่ ราศจากเช้อื ได้ 3. เพื่อการเก็บรักษาเชื้อพันธุกรรมของพืช โดยเก็บรักษาในรูปแคลลัส หรือต้นที่สมบูรณ์ในหลอด ทดลองสามารถทำได้คราวละมาก ๆ แต่ใชเ้ นอื้ ที่แรงงานต้นทุนน้อย ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นใน แปลงรกั ษาพนั ธดุ์ ้วย 4. เพื่อการผลิตยาหรือสารเคมีจากพืช โดยนำเนื้อเยื่อของพืชบางชนิดที่มีคุณสมบัติเป็นยาหรือ สารเคมีท่มี ีประโยชนท์ างอุตสาหกรรม 5. เพือ่ การปรับปรุงพันธุ์ สามารถคัดเลือกสายพันธ์ุที่ทนทาน หรอื ต้านทาน ไดจ้ ากเง่ือนไขของอาหาร และสภาวะแวดล้อมของการเลย้ี ง หรือการชกั นำการกลายพนั ธุ์ โดยใชร้ ังสี หรอื สารเคมี

133 6. การศกึ ษาทางชีวเคมี สรรี วิทยา และพนั ธุศาสตร์ พชื ที่เล้ยี งในอาหารสังเคราะห์สามารถติดตามการ พัฒนาและการเปลี่ยนแปลงในด้านเหล่านี้ได้ง่าย ชัดเจน และถูกต้องแม่นยำ เนื่องจากการควบคมุ ตัวแปรต่าง ๆ ทำไดด้ กี ว่าในสภาพปลูกปกติ 2. ข้อจำกดั สำหรบั การขยายพันธด์ุ ้วยเทคนิคการเพาะเล้ียงเนอ้ื เยื่อ 1. ลักษณะทางพนั ธุกรรมท่ตี ้องการอาจเปลย่ี นแปลงไปจากเดิม (ในกรณกี ารชักนำต้นจากแคลลสั ) 2. ในพชื บางชนิด (ไม้เนือ้ แข็ง) ชกั นำการเกิดรากคอ่ นขา้ งยาก 3. การยา้ ยปลกู ตน้ ไม้จากการเพาะเล้ียงเนอื้ เยอื่ ลงปลกู ในดินค่อนข้างยุ่งยาก 4. การลงทนุ สูง เพราะต้องใช้ห้องปฏิบัติการ เคร่ืองมอื และสารเคมเี ฉพาะทาง ซง่ึ มีราคา งานประณีต จึงมีค่าแรงสูง ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการค้นคว้าหาเทคนิคและอาหารที่เหมาะสม รวมทั้งต้องลงทุนในการสร้ าง หอ้ งปฏบิ ัตงิ านสงู ทำใหต้ น้ ทุนการผลิตตอ่ หน่วยค่อนข้างสูง จะตอ้ งผลติ จำนวนมาก ๆ จึงจะค้มุ 4. นำต้นพืชแช่ในสารปอ้ งกันเชื้อราและแบคทเี รียเปน็ เวลา 3-5 นาที กอ่ นปลูกเพอ่ื ป้องกันโรคต้นเน่า เน่อื งจากพชื ยงั อ่อนแอ ตอ่ การเขา้ ทำลายของเชอื้ โรค 5. นำมาปลูกในถาดเพาะชำหรอื เขา้ สกู่ ารอนบุ าลต่อไป เอกสารอ้างอิง ธงชยั สวุ ฒั นเ์ มฆนิ ทร.์ (2522). การขยายพนั ธ์พุ ชื . หนว่ ยศกึ ษานเิ ทศก์ กรมอาชีวศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร. นนิ ทิยา วรรธนะภูต.ิ (2553). การขยายพนั ธุ์พชื . (พิมพ์ครงั้ ท่ี 4). กรุงเทพฯ : พมิ พท์ ่ี โอ. เอส. พริน้ ตงิ้ เฮ้าส์. มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. (2537). เอกสารประกอบการสอนชุดวชิ าเกษตรทั่วไป 2 : พืช เศรษฐกจิ . หนว่ ยที่ 1-7. (พิมพ์ครั้งที่ 7). นนทบุรี. โรงพมิ พ์ มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช.

134 บนั ทกึ ผลหลังการสอน ผลการเรยี นรู้ 1. กิจกรรมการเรียนการสอนที่กำหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยของ ผูเ้ รยี นและเหมาะสมกับสาระการเรยี นรู้ สามารถจดั กิจกรรมการเรียนการสอน  ได้ตามเวลาท่กี ำหนดทกุ กิจกรรม  ไม่ทนั ตามเวลาทีก่ ำหนดในกจิ กรรมเนอ่ื งจาก ........................................................................................................................................................... ................... .............................................................................................................................................................................. 2. กิจกรรมการเรยี นการสอนคร้ังน้ี นักเรยี นทกุ คนไดร้ ว่ มกิจกรรมและเรียนรูอ้ ยา่ งมคี วามสุข 3. กิจกรรมช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจตรงตามสาระการเรียนรู้ เกิดคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และมีทกั ษะกระบวนการตามทกี่ ำหนด 4. สื่อการเรียนการสอนที่กำหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ ได้ใช้สื่อหลากหลายเหมาะสมกับวัยของ ผู้เรียน สอดคล้องกับเนื้อหาสามารถใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้ ผเู้ รยี นเรยี นรู้อยา่ งสนุกสนานและเข้าใจบทเรียนไดเ้ ร็วยิง่ ขนึ้ 5. การวัดผลประเมินผล ในการจัดการเรียนการสอนครั้งนี้ครอบคลุมพฤติกรรมตามจุดประสงค์การ เรยี นรูท้ ก่ี ำหนดในแผนการจดั การเรยี นรู้ ผลการวัดผลและประเมินผลสรุปได้ ดงั นี้ 5.1 ด้านความร้คู วามเข้าใจ (K) นักเรยี นผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ข้อที่ ............. - นักเรยี นทผี่ า่ นจุดประสงค์ตามเกณฑ์ร้อยละ................. จำนวน..............คน เลขท่ี ...........................................คิดเปน็ ร้อยละ.................................. - นกั เรยี นที่ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์ จำนวน............คน เลขท่ี ...........................................คดิ เปน็ ร้อยละ................................. และไดด้ ำเนนิ การแก้ปัญหา คอื  สอนเสริม  มอบงานให้ทำเพม่ิ เติม ทำรายงาน  อน่ื ๆ................ 5.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรยี นที่ผา่ นทกั ษะกระบวนการตามเกณฑร์ ้อยละ................. จำนวน..............คน เลขที่ ........................................... คิดเปน็ ร้อยละ.................................. - นักเรยี นที่ไมผ่ า่ นทักษะกระบวนการ จำนวน............คน เลขท่ี ........................................... คดิ เป็นรอ้ ยละ.............................. และไดด้ ำเนนิ การแกป้ ัญหา คอื ............................................................................ 5.3 ด้านคา่ นิยม (คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์) (A) - นักเรยี นทม่ี คี ่านิยมตามเกณฑร์ ้อยละ จำนวน............คน เลขท่ี ...........................................คิดเปน็ ร้อยละ ......................................

135 - นกั เรียนที่ตอ้ งปรับเปลี่ยนค่านยิ ม จำนวน............คน เลขที่ ...........................................คดิ เป็นรอ้ ยละ ....................................... และไดด้ ำเนินการปรับเปลย่ี นค่านยิ ม (แจงรายละเอียดของการปรบั เปลี่ยนคา่ นยิ ม คือ.......................................................................................................................... ......................................... การบรู ณาการ ในการจัดการเรียนการสอนได้บูรณาการการเรียนรู้โดยบูรณาการภายในเนื้อหาสาระของกลุ่มวิชา ............................................................ ซึ่งเปน็ การบูรณาการ (ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง) เพื่อต้องการ ให้นักเรียนได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีทักษะชีวิตที่จะก้าวไปสู่สังคมภายนอกได้อย่างมีความรู้ท่ี เทา่ ทันในยุคปัจจบุ ัน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นวัตกรรมที่ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน การจัดการเรียนการสอนในครั้งนี้ได้จัดทำสื่อการเรียนการสอนที่เป็นนวัตกรรม คือ (Power Point เร่ือง ............... , เอกสารประกอบการสอน เร่ือง ............. , เกม .............. , ฯลฯ ) ระบชุ ื่อนวัตกรรม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. วจิ ยั ในช้นั เรียน ในการแก้ปัญหานักเรียนที่ไม่ผ่านด้านความรู้ความเขา้ ใจ, ด้านทักษะกระบวนการ, ด้านค่านิยม จึงได้ ทำการศกึ ษาค้นคว้า วจิ ัยในชน้ั เรียนเรือ่ ง..................................................................ผลปรากฎวา่ นกั เรียน มผี ล ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. แนวทางการแกไ้ ขปญั หา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ……………………………………………ผูส้ อน (นายสริ วชิ ญ์ เฉยี บแหลม)

136 ความเหน็ และข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................ ...................................... .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .............................................. (นางผกาภรณ์ เซง่ ล้ำ) หัวหน้ากล่มุ บริหารงานวิชาการ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ............................ ลงชอ่ื .............................................. (นางยพุ ิน เรืองไชย) ผู้อำนวยการโรงเรยี นบ้านบางสาน

โรงเรียนบา นบางสาน สาํ นกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสรุ าษฎรธ านี เขต 2 สาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร