Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนวิชาการขยายพันธุ์พืช ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา2564

แผนการสอนวิชาการขยายพันธุ์พืช ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา2564

Published by สิรวิชญ์ เฉียบแหลม, 2022-05-21 13:00:25

Description: แผนการสอนวิชาการขยายพันธุ์พืช ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา2564

Search

Read the Text Version

44 - นกั เรยี นทีต่ ้องปรับเปล่ยี นค่านยิ ม จำนวน............คน เลขท่ี ...........................................คดิ เปน็ ร้อยละ ....................................... และไดด้ ำเนินการปรับเปล่ยี นค่านิยม (แจงรายละเอียดของการปรับเปลี่ยนคา่ นิยม คอื ................................................................................................................................................................... การบูรณาการ ในการจัดการเรียนการสอนได้บูรณาการการเรียนรู้โดยบูรณาการภายในเนื้อหาสาระของกลุ่มวิชา ............................................................ ซ่ึงเปน็ การบรู ณาการ (ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง) เพ่ือตอ้ งการ ให้นักเรียนได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีทักษะชีวิตที่จะก้าวไปสู่สังคมภายนอกได้อย่างมีความรู้ที่ เท่าทันในยคุ ปจั จุบัน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นวตั กรรมที่ใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน การจัดการเรียนการสอนในครั้งนี้ได้จัดทำสื่อการเรียนการสอนที่เป็นนวัตกรรม คือ (Power Point เรอื่ ง ............... , เอกสารประกอบการสอน เร่อื ง ............. , เกม .............. , ฯลฯ ) ระบุชื่อนวตั กรรม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. วิจยั ในชนั้ เรียน ในการแก้ปัญหานักเรียนท่ีไม่ผ่านด้านความรู้ความเข้าใจ, ด้านทักษะกระบวนการ, ด้านค่านิยม จึงได้ ทำการศึกษาค้นคว้า วจิ ัยในช้นั เรยี นเรอ่ื ง..................................................................ผลปรากฎว่า นักเรยี นมีผล ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. แนวทางการแกไ้ ขปัญหา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ……………………………………………ผ้สู อน (นายสริ วชิ ญ์ เฉยี บแหลม)

45 ความเหน็ และขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ................................. ลงช่ือ.............................................. (นางผกาภรณ์ เซง่ ล้ำ) หัวหนา้ กลมุ่ บริหารงานวิชาการ .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................... ........................... .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ.............................................. (นางยุพิน เรอื งไชย) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบา้ นบางสาน

46 แผนการจัดการเรียนรู้ รหสั วิชา ง 21205 รายวชิ าการขยายพนั ธ์พุ ืช ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 การขยายพันธพ์ุ ืชดว้ ยวิธกี ารเพาะเมล็ด เวลา 3 คาบ มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชวี้ ดั (ผลการเรียนร)ู้ ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานร่วมกันและทักษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรมและลักษณะ นิสัยในการทำงาน มีจิตสำนึกในการทำงานใช้พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อการดำรงชีวิตและ ครอบครวั ง 2.1 เข้าใจมีทักษะที่จำเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในอาชีพ ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนา มคี ุณธรรม และมีเจตคตทิ ด่ี ตี ่ออาชพี ผลการเรียนรู้ 1. สรปุ ความหมายของการขยายพันธพุ์ ชื แบบต่าง ๆ ได้ 2. อธบิ ายขั้นตอนการปฏิบตั กิ ารขยายพันธุ์พชื วธิ ีการต่าง ๆ ได้ 3. สามารถปฏบิ ตั ิการขยายพันธพ์ุ ืชไดอ้ ย่างนอ้ ย 3 วิธี สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การเพาะเมล็ด หมายถึง เป็นการขยายพันธุ์โดยใช้ส่วนของเมล็ดที่เกิดจากการผสมเกสรระหว่างเกสร เพศผู้และเกสรเพศเมีย เป็นวิธีที่ง่ายต่อการขยายพันธุ์ และเป็นวิธีที่สามารถขยายพันธุ์ได้จำนวนมาก แต่มี ข้อเสยี ที่เดน่ ชดั คือต้นลูกทไี่ ดอ้ าจจะมีการกลายพนั ธม์ุ คี วามแตกตา่ งจากตน้ แม่ สาระการเรยี นรู้ (เนือ้ หาสาระ) 1. ความหมายของการขยายพันธพ์ุ ชื โดยการใช้เมล็ด 2. ขั้นตอนการขยายพันธ์ุพืชโดยการใชเ้ มล็ด 3. ข้อดี-ขอ้ เสยี ของการขยายพันธุพ์ ืชโดยการใชเ้ มล็ด จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม/วัดได้) ด้านความรู้ (K) 1. สามารถอธบิ ายความหมายของการขยายพนั ธพ์ ชื โดยการเพาะเมลด็ ได้ 2. สามารถอธิบายขั้นตอนในการขยายพันธพ์ ชื โดยการเพาะเมล็ดได้ 3. สามารถบอกข้อดี-ขอ้ เสยี ของการขยายพันธพ์ ืชโดยการเพาะเมลด็ ได้

47 ทกั ษะกระบวนการ (P) 1. สามารถทำการขยายพันธพุ์ ืชด้วยการเพาะเมล็ดได้ 2. เลอื กใช้วัสดุ อปุ กรณ์ ในการเพาะเมล็ดไดอ้ ย่างถูกต้อง ดา้ นคณุ ลักษณะ (A) 1. ใช้ทรพั ยากรไดอ้ ยา่ งคมุ้ คา่ 2. มีความซือ่ สัตย์ในการทำงาน 3. มคี วามรบั ผดิ ชอบต่องานทไี่ ด้รบั มอบหมาย √คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)  รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ √ มีระเบยี บวินัย √ มีความซอื่ สตั ย์สจุ ริต √ มีความรบั ผิดชอบ ขยัน อดทน และพากเพียร √ มวี ิถชี ีวติ อยา่ งพอเพยี ง √ มีความเป็นประชาธปิ ไตยและเป็นผู้นำกลา้ แสดงออก √ มีจติ สำนึกความเป็นไทย และกตญั ญูตอ่ ผมู้ ีพระคุณ √ มีจติ อาสา จิตสาธารณะ และอนรุ ักษ์สิ่งแวดล้อม สมรรถนะสำคญั ผเู้ รยี น (C) √ ความสามารถในการเรียนรู้ การสอ่ื สาร √ ความสามารถในการคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ √ ความสามารถในการแก้ปญั หา √ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ √ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี การบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ความพอประมาณ มเี หตผุ ล มภี มู ิคมุ กนั ในตัวทด่ี ี นกั เรียนใชท้ รพั ยากรไดอ้ ย่าง นักเรยี นมีสมาธติ ลอดการเรยี นการ นักเรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ใน เหมาะสม ไมม่ ากจนเกนิ ไป สอน เพื่อนำความรทู้ ่ีได้ไปใช้อยา่ ง การดำเนนิ ชีวิต และพัฒนาต่อยอด คำนึงถึงส่งิ แวดลอ้ มเป็นหลัก ถูกต้อง ในการประกอบอาชีพ อกี ท้ังคำนงึ งบประมาณในการ ดำเนินการ เงอื่ นไขความรู้ นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของการขยายพันธ์พืชโดยการเพาะ เมลด็ ได้ สามารถอธิบายข้นั ตอนในการขยายพนั ธ์พืชโดยการเพาะเมล็ดได้

48 ความพอประมาณ มเี หตุผล มภี ูมคิ มุ กนั ในตัวทีด่ ี เงื่อนไขคุณธรรม สามารถบอกข้อดี-ข้อเสียของการขยายพันธ์พืชโดยการเพาะเมล็ดได้ และปฏิบัติการขยายพันธพุ์ ชื ดว้ ยวิธีการเพาะเมลด็ ได้ ใช้ทรพั ยากรได้อย่างคุ้มค่า มีความซอ่ื สตั ย์ในการทำงาน และมคี วาม รบั ผดิ ชอบตอ่ งานท่ีไดร้ ับมอบหมาย กระบวนการจัดการเรียนรู้ √ กระบวนการกลมุ่ เทคนิคการสอน  การเรียนแบบสรา้ งแผนผัง √ กระบวนการสืบคน้ √ เทคนคิ คู่คิด √ การเรยี นแบบแก้ปัญหา √ การตั้งคำถาม  การอภิปราย √ เกม  อ่ืน ๆ  การฝึกปฏิบัติการ กิจกรรมการเรียนการสอน ( 3 คร้ัง ) ครั้งท่ี 1 มีลำดับข้ันตอนดงั น้ี (ในกรณีจดั การเรยี นการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ข้ันนำ (Introduction) 1. เรมิ่ การทกั ทายสวสั ดี เชค็ ชอ่ื ผู้เรยี น 2. เปดิ วดี โี อสว่ นประกอบของเมล็ดให้นักเรียนได้รับชม ข้นั สอน (Instruction) 1. ถามคำถามเพ่ือทบทวนการเกดิ ขน้ึ ของเมล็ดพืช 2. เริ่มบรรยายโดยใช้สื่อ Power point และe-book ประกอบการบรรยาย ระหว่างนั้นจะมี การถามตอบ

49 ข้นั สรุป (Conclusion) 1. ขอตวั แทนใหน้ ักเรยี นสรุปขัน้ ตอนการเพาะเมล็ด 2 ครสู รุปขน้ั ตอนการขยายพันธ์ุพืชด้วยการเพาะเมล็ด ครง้ั ท่ี 2 มีลำดับขัน้ ตอนดังนี้ (ในกรณีจัดการเรยี นการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ขน้ั นำ (Introduction) 1. เรมิ่ การทกั ทายสวสั ดี เช็คชื่อผเู้ รียน 2. สมุ่ ให้นกั เรยี นทบทวนอธบิ ายขน้ั ตอนการขยายพันธพ์ุ ืชด้วยวธิ กี ารเพาะเมล็ด ขน้ั สอน (Instruction) 1. ครแู นะนำวัสดุอุปกรณ์ทีใ่ ชข้ ยายพนั ธุ์พชื ด้วยการเพาะเมล็ด 2. สาธิตวิธีการขยายพันธุ์พืชด้วยการเพาะเมล็ด พร้อมทั้งอธิบายขั้นตอนไปพร้อมกับการ สาธิต 3. นักเรียนแต่ละคนดูวิธีการขยายพันธุ์พืชดว้ ยวิธีการเพาะเมล็ด และแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่ม ละ 3 – 4 คน ขน้ั สรปุ (Conclusion) 1. นักเรียนในแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันสรปุ ข้ันตอนการเพาะเมล็ดลงในกระดาษให้ถกู ต้อง 2. มอบหมายใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ เตรยี มวสั ดุอปุ กรณก์ ารเพาะเมล็ดในคาบถัดไป ครั้งท่ี 3 มีลำดบั ข้นั ตอนดงั น้ี (ในกรณีจดั การเรยี นการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ขนั้ นำ (Introduction) 1. เริม่ การทกั ทายสวสั ดี เช็คชื่อผู้เรยี น 2. สุ่มให้นกั เรียนอธิบายขน้ั ตอนวิธีการขยายพนั ธุพ์ ืชดว้ ยการเพาะเมลด็ เพอื่ ทบทวนก่อนการ ปฏบิ ตั ิ ขัน้ สอน (Instruction) 1. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ดำเนนิ การจดั เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ในการขยายพันธ์พุ ืชด้วยวธิ ีการเพาะ เมลด็ 2. นักเรียนเร่ิมทำการปฏบิ ตั ิการขยายพันธ์พุ ชื ด้วยวิธีการเพาเมลด็ 3. เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ให้นักเรียนดำเนินการเก็บวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้งานเสร็จแล้วให้ เรียบร้อย ขั้นสรปุ (Conclusion) 1. ตรวจสอบความเรียบร้อยของการขยายพนั ธ์ุพชื ดว้ ยวิธกี ารเพาะเมลด็ ของนักเรยี นในแต่ละ กลมุ่

50 ชน้ิ งาน/ภาระงาน 1. สรุปขน้ั ตอนการขยายพนั ธ์ุพืชดว้ ยวิธีการเพาเมล็ด 2. บทปฏิบัติการที่ 4 เรอื่ ง เทคนิคการขยายพันธด์ุ ้วยเมล็ด สอื่ และแหล่งเรียนรู้ สอ่ื 1. E-book วิชาการขยายพนั ธ์ุพืช 2. สอื่ Powerpoint 3. วสั ดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการขยายพนั ธุ์พชื ด้วยวิธีการเพาเมล็ด แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องเรยี น 2. สือ่ อนิ เทอรเ์ น็ต การวดั และประเมนิ ผล วิธวี ัดผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. คำถามระหวา่ งเรยี น 3. ปฏบิ ัติการขยายพนั ธุ์พืชดว้ ยวิธกี ารเพาะเมลด็ เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. คำถามระหว่างเรียน 3. แบบประเมินการปฏิบัติการขยายพนั ธ์พุ ชื ด้วยวธิ กี ารเพาะเมลด็

51 บทปฏบิ ัติการท่ี 4 เรื่อง เทคนคิ การขยายพนั ธ์ดุ ้วยเมลด็ จุดประสงค์ สามารถปฏบิ ตั กิ ารขยายพันธ์ุพชื ได้อย่างนอ้ ย 3 วิธี เนอื้ หา วธิ ีการเพาะเมลด็ ในภาชนะ 1. การบรรจุดนิ ลงภาชนะเพาะ ถึงแม้ภาชนะเพาะจะมีรูระบายนำ้ ไวแ้ ลว้ เพอื่ ให้นำ้ ท่ีใชร้ ดมีทางไหล ออกไปได้ แต่การบรรจดุ ินเพาะเมลด็ ล้วน ๆ ลงในภาชนะน้ัน ๆ ดินอาจไปอุดตนั รูระบายน้ำน้ันได้ เพ่ือป้องกัน ข้อบกพร่องข้อน้ี การบรรจดุ ินจงึ ควรมีวสั ดชุ ว่ ยระบายนำ้ อีกช้ันหนึง่ กอ่ นท่ีจะถงึ วัตถุที่ใชเ้ พาะ สำหรบั วสั ดชุ ว่ ย ระบายทนี่ ยิ มกนั อาจใชเ้ ศษอิฐหัก เศษหนิ หรอื เศษหญา้ แห้ง เปลือกถวั่ ลสิ ง ใยกาบมะพร้าว หรือแกลบดบิ อยา่ งใดอย่างหนง่ึ กไ็ ด้ สว่ นการบรรจดุ นิ ควรปฏบิ ัติดังน้ี คือ ใส่วัสดชุ ่วยระบายทีก่ น้ ภาชนะเพาะสงู 1/4 - 1/2 นวิ้ แล้วบรรจุดินทใ่ี ชเ้ พาะให้เตม็ ภาชนะเพาะ ปรับหนา้ ดนิ เพาะใหเ้ รียบและได้ระดบั และปรบั ให้ระดับหน้าดนิ เพาะตำ่ กวา่ ขอบภาชนะเล็กน้อย เพ่ือปอ้ งกนั การชะลา้ งหน้าดินเนอื่ งมาจากรดนำ้ มากเกินไป และหลังจากปรบั หนา้ ดนิ เรยี บรอ้ ยแล้วความหนาของเนื้อดนิ ท่ีใชเ้ พาะควรหนาอย่างน้อย 3 นิ้ว 2. การหว่านเมลด็ ภายในภาชนะเพาะ มักจะทำอยู่ 2 แบบ คือ หวา่ นเป็นแถว และหว่านท่ัวไปท้งั ภาชนะ ถ้าหวา่ นเป็นแถวมักจะวางแถวตามความยาวของภาชนะเพาะ ซงึ่ ถ้าเป็นกระบะเพาะขนาด 12\" x 15\" x 4\" กจ็ ะหวา่ นไดป้ ระมาณ 4-6 แถว การหวา่ นหรือโรยเมลด็ ขั้นแรกจะโรยพอ บาง ๆ ก่อน แตถ่ ้าเหน็ ว่ายงั บางไปก็อาจจะโรยซำ้ ให้หนาข้นึ ได้ ซ่งึ จะชว่ ยใหก้ ารตกของเมลด็ สมำ่ เสมอข้นึ สำหรับเมลด็ ทีม่ ขี นาดเล็กมาก ๆ ไมส่ ะดวกท่ีจะหยบิ โรยได้งา่ ย ควรจะผสมกบั วสั ดุอ่นื ท่ีมสี ีตา่ งไปจากดินทใ่ี ชเ้ พาะ เชน่ ผสมกบั ทรายหรือผง ถา่ นหรือปยุ มะพร้าวปน่ ทั้งนีเ้ พือ่ สะดวกในการหว่านหรอื โรยเมลด็ และช่วยให้เมล็ดไมต่ กหนาที่หนง่ึ ท่ใี ดมาก เกินไป 3. การกลบดินทับเมลด็ โดยปกติจะใช้ดินที่เพาะเมลด็ นัน้ ๆ สำหรบั การกลบเมลด็ ต้ืนหรือลึกขนาด ไหนนัน้ ข้นึ อยู่กบั ชนิดและขนาดของเมล็ดถ้าเป็นเมล็ดที่ต้องการแสงในการงอก กจ็ ะกลบแตพ่ อบาง ๆ แต่ถา้ เป็นเมลด็ ที่ไมต่ อ้ งการแสงในการงอก กจ็ ะกลบให้หนาหรือลึก แต่ก็ไม่ควรกลบเมลด็ ใหห้ นาเกิน 2-3 เท่าของ เส้นผา่ นศูนย์กลางของเมล็ด และหลังจากกลบดนิ ทบั เมล็ดแลว้ ควรจะกดดนิ ให้พอกระชับเมลด็ เพอ่ื ให้เมลด็ ได้รับความชืน้ และงอกได้สม่ำเสมอ จากน้ันจึงจะรดนำ้ ใหช้ ุ่ม 4. การดูแลรักษา การดูแลรกั ษากล้าพชื ในระยะแรก คอื การเปดิ ใหต้ ้นกลา้ ได้รบั แสงหลังจากทง่ี อก โผลพ่ ้นผวิ ดนิ นอกจากแสงแล้วอณุ หภูมิก็มสี ว่ นเกย่ี วข้องกับการเจรญิ ของกล้าพชื อีกดว้ ย โดยปกติอณุ หภูมิ ขนาดปานกลางถงึ คอ่ นข้างต่ำจะช่วยใหก้ ล้าพชื เจรญิ ไดแ้ ข็งแรง การใหน้ ้ำแกก่ ล้าพชื นัน้ จะต้องคอยสงั เกต

52 ความช้ืนในแปลงเพาะและความตอ้ งการน้ำของกลา้ พืชเป็นสำคัญ โดยรกั ษาระดบั ความช้ืนในแปลงเพาะให้ พอเหมาะไมม่ ากเกินไปจนทำใหอ้ ากาศถา่ ยเทในดนิ ไมส่ ะดวก อันจะเปน็ ทางหนง่ึ ท่ีทำให้เกดิ โรคโคนเน่าคอดนิ ระบาดได้รวดเร็ว การรดน้ำกลา้ พืชควรจะทำตอนเช้าหรอื ตอนบา่ ย 3 - 4 โมงเยน็ กิจกรรม 1. ครสู าธิตการทำบทปฏบิ ัติการให้แกผ่ ้เู รียนและสาธิตวธิ ีการเพาะเมล็ด 2. ผู้เรียนทำการเพาะเมลด็ ผัก ไม้ผลหรอื ไมด้ อกไมป้ ระดับตามที่สนใจ จากนน้ั ให้นักเรียนปฏิบตั ิ

53 แบบบันทกึ การสงั เกตและประเมินผลพฤตกิ รรมรายบคุ คล คร้ังท่ี ………… เรอ่ื ง ................................................................ รหัสวิชา .......................... ภาคเรยี นที่…....ปกี ารศกึ ษา………… ชั้น................ พฤติกรรม / ระดับคะแนน ลำดับ ชอื่ – สกลุ ความ การมสี ่วน การตอบ การ ทำงาน รวม ที่ สนใจใน ร่วมใน คำถาม ยอมรับฟัง ตามท่ี การทำ การแสดง ได้รบั กจิ กรรม ความ ความ มอบหมาย คิดเห็น คดิ เหน็ ผู้อื่น 321321321321321 เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนนเต็ม 15 คะแนน ระดับ 3 หมายถึง มพี ฤตกิ รรมในระดับ ดี คะแนน 13 - 15 หมายถึง ดี ระดบั 2 หมายถึง มพี ฤตกิ รรมในระดบั ปานกลาง คะแนน 9 - 12 หมายถึง ปานกลาง ระดบั 1 หมายถึง มีพฤตกิ รรมในระดับ ปรบั ปรงุ คะแนน 5 - 8 หมายถึง ปรับปรงุ เกณฑก์ าร ผ่าน รอ้ ยละ 60 ( 9 คะแนน ) ลงช่ือ.......................................... ( ................................ ) ครูผ้สู อน / ผู้ประเมิน

54 แบบประเมนิ การปฏิบัติการขยายพันธุ์พชื ด้วยวธิ กี ารเพาะเมลด็ กลุม่ ท…่ี ……..ชั้น………………. รหัสวชิ า .......................... ภาคเรียนที่…….ปกี ารศึกษา………… ชัน้ ................ ระดบั คะแนน ลำดับ ช่อื – สกลุ ความ ความ ความ ทำงาน ความ รวม ที่ ร่วมมอื กัน ถกู ต้อง ตั้งใจใน เสรจ็ ตาม สวยงาม การ ทำงาน เวลา 321321321321321

55 เน้ือหาทใ่ี ชใ้ นการเรียนการสอน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 การขยายพันธ์ุพืชด้วยวธิ ีการเพาะเมล็ด การเพาะเมล็ด หมายถึง เป็นการขยายพันธุ์โดยใช้ส่วนของเมล็ดที่เกิดจากการผสมเกสรระหวา่ งเกสร เพศผู้และเกสรเพศเมีย ขน้ั ตอนการเพาะเมล็ด 1. การเพาะเมลด็ ในภาชนะเพาะ เปน็ การเตรยี มกล้าพชื เพื่อใช้ปลูกก่อนท่ีจะปลูกในแปลงหรือในกระถางถาวร โดยเพาะเมล็ด ในเนื้อท่ี แคบ ๆ จนกระท่ังตน้ พืชท่ีเพาะหรือท่ีเรียกว่า “ ต้นกล้า ” มขี นาดโตพอถงึ จะทำการยา้ ยปลกู การเพาะเมล็ดใน ภาชนะเพาะ เป็นการเพาะเมล็ดที่ทำอยู่ในภาชนะที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย เช่น อาจเพาะในกระบะ ใน กระถาง หรือ ภาชนะอื่นใดที่มีคุณสมบัติทำนองเดียวกันก็ได้ เป็นวิธีที่มักใช้ในงานปลูกพืชที่ต้องการต้นพืช จำนวนไมม่ ากนกั เช่น ในการเพาะจำหนา่ ยพันธไ์ุ ม้ การปลูกผกั สวนครัวหลงั บ้าน การปลูกไม้ดอกไม้ประดับใน บริเวณบ้าน หรืออาจใช้ในการปลูกผักและไม้ดอกเพ่ือการค้า เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การปลูกมะเขือเทศจำหนา่ ย ผล หรือการปลูกแอสเทอร์จำหน่ายต้น และเพื่อให้ผลผลิตทันจำหน่ายในเทศกาลปีใหม่จึงต้องเพาะล่วงหน้า ในขณะที่สภาพฟ้าฝนไม่อำนวย ซึ่งไม่สามารถจะทำการเพาะภายนอกอาคารได้ แต่จะทำได้ดีในภาชนะเพาะ เพราะสามารถจะหลบหนหี รือปอ้ งกันภาชนะไม่ให้ตน้ พืชทีเ่ พาะได้รบั ความเสียหายได้งา่ ย 1.1 อุปกรณ์และวสั ดทุ ใี่ ชม้ ีดังน้ี 1. ภาชนะที่ใช้เพาะ ภาชนะที่เหมาะสำหรับใช้เพาะสำหรับพืชควรมีคุณสมบัติดังนี้ คือ มี นำ้ หนักเบา ไมแ่ ตกหักหรือผุพังง่าย หาได้งา่ ยและมีราคาถูก ไมเ่ ป็นพิษต่อต้นพชื ท่ีใชเ้ พาะ มีขนาดพอเหมาะท่ี จะหยิบยกไดส้ ะดวก และมีรรู ะบายนำ้ ใหไ้ หลออกได้ง่าย 2. วัสดุที่ใช้เพาะ วัสดุที่ใช้เพาะโดยปกติ หมายถึง ดินที่ใช้เพาะเมล็ด ควรจะมีคุณสมบัติ เหมาะกบั การงอกและการเจริญของกล้าพชื สำหรบั ดินท่ีมีคณุ สมบัติเหมาะสมในการเพาะเมล็ดพืช สูตรดนิ ทั่วไปสำหรับเพาะเมลด็ มีสว่ นผสม ดังน้ี ทราย 1 - 2 สว่ นโดยปรมิ าตร ดินร่วน 1 ส่วนโดยปริมาตร ใบไมผ้ ุหรือปยุ๋ หมัก 1 สว่ นโดยปริมาตร

56 3. เมล็ดทจ่ี ะนำมาเพาะ ควรจะเปน็ เมล็ดทไี่ ด้จากต้นแม่ทแ่ี ข็งแรง เมล็ดท่ีความสมบรู ณ์ดี คือ เมล็ดเต่งและมีน้ำหนักดี เป็นเมล็ดที่ไม่อยู่ในระยะพักตวั งอกได้มาก หรือมีเปอร์เซ็นต์ความงอกสูง งอกได้เร็ว และสม่ำเสมอ ไม่มีวัตถุอื่นเจือปนมากับเมล็ด เป็นเมล็ดที่ปราศจากเชื้อโรค หรือผ่านการคลุกยาฆ่าเชื้อโรค มาแล้ว 1.2 วิธีการเพาะเมลด็ ในภาชนะ 1. การบรรจุดินลงภาชนะเพาะ ถึงแม้ภาชนะเพาะจะมีรูระบายน้ำไว้แล้ว เพื่อให้น้ำที่ใชร้ ดมี ทางไหลออกไปได้ แตก่ ารบรรจุดินเพาะเมลด็ ลว้ น ๆ ลงในภาชนะนน้ั ๆ ดินอาจไปอดุ ตนั รูระบายนำ้ น้นั ได้ เพื่อ ป้องกันข้อบกพร่องขอ้ นี้ การบรรจุดินจงึ ควรมีวัสดุช่วยระบายนำ้ อีกช้ันหนึ่งกอ่ นท่ีจะถึงวัตถุท่ีใช้เพาะ สำหรับ วัสดุช่วยระบายที่นิยมกันอาจใช้เศษอิฐหัก เศษหิน หรือเศษหญ้าแห้ง เปลือกถั่วลิสง ใยกาบมะพร้าว หรือ แกลบดิบอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ส่วนการบรรจุดินควรปฏิบัติดังนี้ คือ ใส่วัสดุช่วยระบายที่ก้นภาชนะเพาะสูง 1/4 - 1/2 นิ้วแล้วบรรจุดินท่ีใช้เพาะให้เต็มภาชนะเพาะ ปรับหน้าดินเพาะให้เรียบและได้ระดับ และปรับให้ ระดับหน้าดินเพาะต่ำกว่าขอบภาชนะเล็กน้อย เพื่อป้องกันการชะล้างหน้าดินเนื่องมาจากรดน้ำมากเกินไป และหลงั จากปรับหน้าดินเรยี บรอ้ ยแลว้ ความหนาของเน้ือดินท่ใี ช้เพาะควรหนาอยา่ งน้อย 3 น้วิ 2. การหว่านเมล็ดภายในภาชนะเพาะ มักจะทำอยู่ 2 แบบ คือ หว่านเป็นแถว และหว่าน ทั่วไปทั้งภาชนะ ถ้าหว่านเป็นแถวมักจะวางแถวตามความยาวของภาชนะเพาะ ซึ่งถ้าเป็นกระบะเพาะขนาด 12\" x 15\" x 4\" กจ็ ะหว่านได้ประมาณ 4-6 แถว การหว่านหรือโรยเมล็ด ขนั้ แรกจะโรยพอ บาง ๆ ก่อน แต่ ถ้าเห็นว่ายังบางไปก็อาจจะโรยซ้ำให้หนาขึ้นได้ ซึ่งจะช่วยให้การตกของเมล็ดสม่ำเสมอขึ้น สำหรับเมล็ดที่มี ขนาดเล็กมาก ๆ ไม่สะดวกที่จะหยิบโรยได้ง่าย ควรจะผสมกับวัสดุอื่นที่มีสีต่างไปจากดินที่ใช้เพาะ เช่น ผสม กับทรายหรอื ผงถา่ นหรือปยุ มะพร้าวปน่ ทั้งนเี้ พือ่ สะดวกในการหว่านหรือโรยเมล็ด และช่วยใหเ้ มล็ดไม่ตกหนา ทหี่ นึ่งทีใ่ ดมากเกนิ ไป 3. การกลบดินทับเมล็ด โดยปกติจะใช้ดินที่เพาะเมลด็ นัน้ ๆ สำหรับการกลบเมล็ดตื้นหรือลึก ขนาดไหนนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของเมล็ดถ้าเป็นเมล็ดที่ต้องการแสงในการงอก ก็จะกลบแต่พอบาง ๆ แต่ถ้าเป็นเมล็ดท่ีไม่ต้องการแสงในการงอก ก็จะกลบใหห้ นาหรือลึก แต่ก็ไม่ควรกลบเมล็ดให้หนาเกนิ 2-3 เท่า ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเมล็ด และหลังจากกลบดินทับเมล็ดแล้วควรจะกดดินให้พอกระชับเมล็ด เพื่อให้ เมลด็ ไดร้ บั ความชืน้ และงอกไดส้ ม่ำเสมอ จากนั้นจึงจะรดน้ำให้ชุม่ 4. การดแู ลรกั ษา การดแู ลรกั ษากลา้ พชื ในระยะแรก คอื การเปดิ ใหต้ ้นกล้าไดร้ บั แสงหลงั จาก ที่งอกโผล่พ้นผิวดิน นอกจากแสงแล้วอุณหภูมิก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจริญของกล้าพืชอีกด้วย โดยปกติ อุณหภูมิขนาดปานกลางถึงค่อนข้างต่ำจะช่วยให้กล้าพืชเจริญได้แข็งแรง การให้น้ำแก่กล้าพืชนั้นจะต้องคอย สังเกตความชื้นในแปลงเพาะและความต้องการน้ำของกล้าพืชเป็นสำคัญ โดยรักษาระดับความชื้นในแปลง

57 เพาะให้พอเหมาะไม่มากเกินไปจนทำให้อากาศถ่ายเทในดินไม่สะดวก อันจะเป็นทางหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคโคน เน่าคอดินระบาดไดร้ วดเร็ว การรดน้ำกล้าพชื ควรจะทำตอนเช้าหรือตอนบา่ ย 3 - 4 โมงเยน็ 2. การเพาะเมล็ดในแปลงเพาะ การเพาะเมล็ดในแปลงเพาะ สว่ นมากเป็นการเพาะเมล็ดในฤดูกาลตามปกติ ซงึ่ มีดนิ ฟา้ อากาศอำนวย ฉะนั้นงานใดที่ต้องใช้กล้าจำนวนมาก ๆ จึงมักจะใช้การเพาะเมล็ดโดยวิธีนี้ ความสำเร็จของการเพาะเมล็ดใน แปลงเพาะสว่ นใหญ่มักจะขนึ้ อยู่กับการเลือกสภาพพนื้ ท่ีและวิธีการเตรียมแปลง สว่ นการดูแลรักษาต้นกล้านั้น สามารถทำได้งา่ ยในฤดนู ้ี 2.1 การเลือกพน้ื ที่และการเตรียมแปลงเพาะ มวี ธิ ีปฏิบัตดิ งั นี้ 1. เลือกพื้นที่ที่มีวัชพืชขึ้นน้อย และดินมีความสมบูรณ์พอสมควร ไม่เป็นที่ที่เคยปลูกพืชอ่ืน มาก่อน โดยเฉพาะพืชทเ่ี กดิ โรคง่าย หรือแมลงชอบทำลาย 2. ถางหญ้าและเก็บเศษวัชพชื ต่าง ๆ ออกให้หมด โดยเฉพาะวชั พชื ทมี่ ีหวั หรือเหง้า เช่น แห้ว หมู ผักเป็ด ชนั กาด หรอื หญา้ คา เปน็ ต้น 3. วางหรือกะแปลงเพาะใหห้ วั ท้ายของแปลงอยู่ในแนวทิศเหนือและทิศใต้ และกะให้แปลงมี ขนาดความยาว ประมาณ 6 เมตร กว้าง ประมาณ 1.20 เมตร 4. ถา้ เปน็ พน้ื ท่ดี ินเหนียว จะตอ้ งฟืน้ ดิน 5. ถ้าเป็นพื้นที่ดินเหนียวจะต้องฟื้นดินตากแดดให้แห้ง การฟื้นดินควรฟื้นขึ้นเป็นรูป D เพ่อื ใหม้ พี ้ืนท่ีถกู แดดไดม้ าก ซึ่งจะช่วยให้ดินแห้งเรว็ ข้ึน 6. เมื่อดินแห้งดีแล้วจึงค่อยย่อยดิน พร้อมกันนี้จะใส่ปุ๋ยคอกลงไป มากน้อยแล้วแต่ความ สมบูรณ์และชนิดของดิน และอาจใส่ปูนขาวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าดินมีฤทธิ์เป็นกรดมากเกินไป รดน้ำให้ดินชื้น จากนั้นจึงย่อยดินให้ทั่วแปลงสำหรับขนาดของดินที่ย่อยแล้ว ควรจะมีขนาดราว 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร โดยเฉพาะใน ระดับ 11 เซนติเมตร จากผิวหนา้ ดนิ แล้วจึงแตง่ ดินยกเป็นรปู แปลงตามขนาดที่กะไว้ โดยให้ตวั แปลงสงู จากพน้ื ทางเดิน ราว 15-20 เซนติเมตร 7. เพื่อความแน่ใจว่าแปลงเพาะจะไม่มีโรคหรือแมลงที่เป็นศัตรูของเมล็ดและกล้าพืชที่เพาะ จึงควรจะอบดินเสียก่อน เช่น อาจใชส้ ารเมทิลโบรไมด์ ในการอบฆา่ ศัตรูในดิน เปน็ ต้น 2.2 การหว่านเมล็ดในแปลงเพาะ นิยมหว่านเมล็ดทั่วแปลง แต่เนื่องจากแปลงเพาะมีขนาดกว้างจึงต้องแบ่งหว่านครั้งละซีก แปลง การหวา่ นถือหลักเช่นเดยี วกบั การหวา่ นเมลด็ ในภาชนะเพาะ ในกรณีทเ่ี มลด็ มขี นาดเล็ก หรือการย่อยดิน ไมล่ ะเอยี ดพอก่อนหว่านเมล็ด มกั นยิ มใชป้ ยุ๋ คอกเกา่ ๆ หวา่ นให้ท่วั แปลง แลว้ รดน้ำใหป้ ุย๋ คอกลงไปอุดช่องดิน

58 เสียก่อน ทั้งนี้เพื่อป้องกันเมล็ดตกลงไปตามซอกก้อนดินซึ่งลึกเกินไปจนไม่อาจงอกและโผล่พ้นผิวดินได้การ หว่านเมล็ดควรจะหว่านพอบาง ๆ ก่อนแล้วจึงหว่านทบั อีกเมือ่ เห็นว่าเมล็ดตกบางเกินไป ส่วนการกลบดินทับ เมล็ดกป็ ฏิบัติเช่นเดียวกับการเพาะเมลด็ ในภาชนะเพาะ 2.3 การทำร่มให้แก่ตน้ กล้าในแปลงเพาะ ไม่ว่าจะเป็นการเพาะเมล็ดในภาชนะเพาะหรือเพาะเมล็ดในแปลงเพาะ จะต้องทำร่มให้แก่ กล้าที่เพาะเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ระยะที่กล้าพืชเริ่มงอกจนกระทั่งถึงระยะย้ายปลูก ทั้งนี้เพื่อป้องกันสภาพ ธรรมชาติ เช่น ฝนแรง และแดดจัด ซึ่งกล้าพืชท่ียังอ่อน ๆ หรือเพิ่งเริ่มงอกไม่อาจทนได้ การทำร่มให้แก่แปลง เพาะนโ้ี ดยหลักการ คือ เม่ือต้นพืชยงั เล็กอยู่กจ็ ะให้แสงแตน่ ้อย คอื ให้เฉพาะเชา้ หรือเยน็ ขณะที่แดดยังไม่ร้อน เกินไป แต่เมื่อต้นพืชโตขึ้นก็จะให้แสงให้มากขึ้น ๆ จนกระทั่งถึงระยะถอนย้าย ซึ่งจะไม่ให้ร่มแก่กล้าพืชเลย ทั้งนี้เป็นการช่วยให้ต้นกล้าที่จะถูกถอนย้ายปรับตัวที่จะไปอยู่สภาพแปลงปลูกใหม่ได้ดีขึ้น สำหรับการทำร่ม พรางแสงนน้ั จะใชว้ ัสดุอะไรก็ได้ที่ทบึ แสงมาวางให้สูงจากกล้าพชื พอสม ควรโดยจดั วางใหก้ ล้าพืชได้รับแสงแต่ น้อย แต่ถ้าเป็นการให้ร่มที่ต้องการป้องกันฝนด้วยก็อาจใช้ผ้าพลาสติกที่โปร่งแสงหรือผ้าฝ้ายสีขาวทำเป็นผืน ยาวเท่าขนาดแปลงคลุมทับโครงไมท้ ป่ี กั คร่อมแปลงเพาะอยู่วธิ เี ตรียมโครงไม้และผา้ คลุม 2.4 การดแู ลรกั ษาแปลงเพาะ 1. การรดน้ำหลังจากหว่าเมล็ดใหม่ๆ ต้องรดน้ำให้ชุ่มในระยะ 7 วันแรก หลังจาก 10 วันไป แล้วควรรดน้ำให้น้อยลง และเมื่อต้นกล้าแกใบพอสมควร ก็ลดการให้นำ้ ลงอีกเพื่อป้องกันโรคโคนเน่า (Damping off) 2. การพน่ ยา ควรพ่นยาฆ่าแมลงและเชือ้ ราทุกๆ 7 วัน 3. การเปิด – ปิดผ้าคลุมแปลง เมือ่ ต้นกล้าเร่มิ งอกออกจากเมล็ดมีใบจรงิ 2-3 ใบ ควรเปิดผ้า คลุมในตอนเชา้ (เวลา 06.00 – 09.00 น.) และบ่าย (เวลา16.00 ไปตลอดคนื ) แดดอ่อนๆตอนบ่ายจะ ช่วยให้กล้าแขง็ แรงมากย่งิ ขน้ึ และคอ่ ยๆ เพ่ิมเวลาการเปิดผ้าจนสามมารถเปดิ ทงั้ หมดได้ 4. การเร่งปุ๋ย นอกเหนือจากปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้ในขณะเตรียมดินเพาะแล้วนิยมใช้ปุ๋ย วทิ ยาศาสตรเ์ พือ่ ให้ตน้ กลา้ แขง็ แรงยง่ิ ขน้ึ 5. การกำจัดวัชพืช ในแปลงเพาะ นิยมใช้มือถอนวัชพืชออกโดยต้องระวังอย่าให้ต้นกล้าติด ขึน้ มา 2.5 การยา้ ยกล้า 1. ก่อนการถอนย้ายต้นกล้าควรฝึกให้ต้นกล้าทนต่อการกระทบกระเทือน โดยการลดการให้ นำ้ 2 วัน

59 2. ก่อนการย้ายกลา้ ตอ้ งรดน้ำท้ิงไว้อย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ดินชุ่มทัว่ ถงึ กอ่ น เมื่อถอนราก ของตน้ กล้าจะไดไ้ มเ่ กดิ การเสียหาย 3. ในการถอนต้นกล้าถ้าเป็นไปได้ควรใช้ไม้หรือช้อนปลูกแซะต้นกล้าขึ้นมาให้มีดินติดมาก ท่ีสดุ 4. เมอ่ื ถอนย้ายต้นกลา้ แลว้ ควรเกบ็ ไว้ในที่มีความชืน้ อย่าให้ถูกแสงแดดโดยตรงจะทำให้กล้า เหย่ี วเฉา ถ้าเปน็ ไปไดค้ วรนำไปปลกู ทนั ที 5. การตอนกล้าควรทำในตอนเย็น เพราะต้นกล้าจะได้มีเวลาพักฟื้นในตอนกลางคืนทำให้ตงั้ ตัวไดเ้ ร็ว 6. ต้นกล้าที่เพาะไวใ้ นภาชนะต่างๆ เมื่อจะปลูกก็นำไปปลูกได้เลย แต่ควรจะถอดเอาภาชนะ ออกเสียก่อน การปลูกด้วยตน้ กล้าประเภทนี้จะตั้งตัวได้เรว็ กว่าตน้ กล้าท่ีต้องมกี ารถอนย้ายจากแปลง หรอื กระบะ 3. ข้อดแี ละข้อเสยี ของการขยายพันธแ์ุ บบอาศยั เพศโดยใช้เมลด็ 3.1 ขอ้ ดี 1. ทำได้ง่าย และได้ปริมาณมากเพราะสะดวกในการปฏิบัติงาน 2. เป็นวิธกี ารท่ีพชื บางชนดิ สามารถขยายพนั ธุไ์ ด้เองตามธรรมชาติ 3. สามารถทำได้เปน็ จำนวนมากตามความต้องการ 4. เสียคา่ ใชจ้ ่ายน้อย เพราะไมต่ อ้ งใชเ้ ครื่องมือหรืออปุ กรณ์ตลอดจนฝีมือในการปฏิบตั มิ ากนกั 5. เก็บรักษาได้นาน เพราะไม่ต้องการสิ่งแวดล้อมในการดำรงชีวิตมาก เพียงแต่ต้องมีการเก็บ รกั ษาที่ถกู ต้อง 6. ได้พืชที่มีระบบรากดี เพราะมีรากแก้ว ดังนั้นจึงมีรากหยัง่ ลกึ และการที่ต้นพชื มรี ากลกึ นี้ ทำ ให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้ดี เพราะสามารถดูดน้ำแลละธาตุอาหารจากทั้งผิวหน้าดิน และในระดบั ลกึ ๆ ได้ 7. อายยุ ืน ทนทานตอ่ เมลด็ ไม่ทรดุ โทรมเรว็ 8. ตน้ ท่ไี ด้ไมเ่ ปน็ ไวรัส 9. สามารถทำไดท้ ุกฤดูกาล 3.2 ข้อเสยี 1. เกดิ การกลายพนั ธุ์ได้ง่าย และมกั แสดงลกั ษณะทไี่ ม่ดี 2. ลำต้นสงู ใหญ่ ไมส่ ะดวกในการเก็บเกย่ี ว และดแู ลรกั ษา 3. ขนาดของต้นท่ไี ด้ ไมส่ ม่ำเสมอ 4. ตน้ มโี อกาสรบั แรงปะทะลมได้มาก ทำให้ดอกและผลร่วงหล่นเสยี หายมาก

60 5. มักให้ดอก ผลช้า ต้องใชเ้ วลาในการเลีย้ งดูนาน กวา่ จะให้ผลตอบแทน เช่น มังคุด มะม่วง 6. ปลกู ไดน้ ้อยตน้ ในเนื้อทเี่ ท่ากนั จึงอาจให้ผลนอ้ ยกว่าการขยายพนั ธโ์ุ ดยวิธอี น่ื เอกสารอา้ งอิง ธงชัย สุวัฒนเ์ มฆินทร.์ (2522). การขยายพนั ธพุ์ ืช. หนว่ ยศึกษานิเทศก์ กรมอาชวี ศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร. นินทยิ า วรรธนะภูต.ิ (2553). การขยายพันธพุ์ ืช. (พิมพ์ครง้ั ที่ 4). กรุงเทพฯ : พิมพ์ที่ โอ. เอส. พริน้ ตงิ้ เฮา้ ส์. มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช. (2537). เอกสารประกอบการสอนชุดวชิ าเกษตรท่ัวไป 2 : พืช เศรษฐกิจ. หน่วยท่ี 1-7. (พมิ พค์ ร้งั ท่ี 7). นนทบุร.ี โรงพมิ พ์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช.

61 บันทึกผลหลงั การสอน ผลการเรยี นรู้ 1. กิจกรรมการเรียนการสอนที่กำหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยของ ผเู้ รียนและเหมาะสมกบั สาระการเรียนรู้ สามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน  ไดต้ ามเวลาที่กำหนดทกุ กจิ กรรม  ไม่ทนั ตามเวลาที่กำหนดในกจิ กรรมเนอ่ื งจาก .............................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... 2. กิจกรรมการเรยี นการสอนคร้งั นี้ นกั เรียนทกุ คนได้รว่ มกิจกรรมและเรยี นรู้อย่างมคี วามสขุ 3. กิจกรรมช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจตรงตามสาระการเรียนรู้ เกิดคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และมีทักษะกระบวนการตามที่กำหนด 4. สื่อการเรียนการสอนที่กำหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ ได้ใช้สื่อหลากหลายเหมาะสมกับวัยของ ผู้เรียน สอดคล้องกับเนื้อหาสามารถใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้ ผเู้ รยี นเรยี นร้อู ยา่ งสนกุ สนานและเข้าใจบทเรยี นไดเ้ รว็ ยิง่ ขึ้น 5. การวัดผลประเมินผล ในการจัดการเรียนการสอนครั้งนี้ครอบคลุมพฤติกรรมตามจุดประสงค์การ เรยี นรทู้ ่ีกำหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ ผลการวัดผลและประเมินผลสรุปได้ ดงั นี้ 5.1 ดา้ นความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) นักเรยี นผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ขอ้ ท่ี ............. - นกั เรยี นที่ผา่ นจุดประสงค์ตามเกณฑร์ อ้ ยละ................. จำนวน..............คน เลขท่ี ...........................................คิดเป็นร้อยละ.................................. - นกั เรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงค์ จำนวน............คน เลขที่ ...........................................คิดเปน็ รอ้ ยละ................................. และไดด้ ำเนินการแก้ปัญหา คือ  สอนเสริม  มอบงานใหท้ ำเพ่ิมเตมิ ทำรายงาน  อืน่ ๆ................ 5.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรยี นทผ่ี า่ นทกั ษะกระบวนการตามเกณฑร์ ้อยละ................. จำนวน..............คน เลขท่ี ........................................... คิดเปน็ ร้อยละ.............................. .... - นกั เรยี นที่ไม่ผ่านทกั ษะกระบวนการ จำนวน............คน เลขท่ี ........................................... คดิ เปน็ ร้อยละ.............................. และได้ดำเนินการแก้ปญั หา คอื ................................................................... ......... 5.3 ด้านค่านยิ ม (คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์) (A) - นกั เรียนท่มี คี ่านิยมตามเกณฑ์ร้อยละ จำนวน............คน เลขที่ ...........................................คดิ เปน็ ร้อยละ ......................................

62 - นกั เรียนท่ีต้องปรับเปล่ียนคา่ นิยม จำนวน............คน เลขท่ี ...........................................คดิ เป็นรอ้ ยละ ....................................... และไดด้ ำเนินการปรบั เปลี่ยนคา่ นยิ ม (แจงรายละเอยี ดของการปรับเปลย่ี นค่านยิ ม คือ............................................................. ...................................................................................................... การบรู ณาการ ในการจัดการเรียนการสอนได้บูรณาการการเรียนรู้โดยบูรณาการภายในเนื้อหาสาระของกลุ่มวิชา ............................................................ ซง่ึ เป็นการบูรณาการ (ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง) เพอ่ื ตอ้ งการ ให้นักเรียนได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีทักษะชีวิตที่จะก้าวไปสู่สังคมภายนอกได้อย่างมีความรู้ท่ี เทา่ ทันในยุคปจั จุบัน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นวตั กรรมท่ีใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน การจัดการเรียนการสอนในครั้งนี้ได้จัดทำสื่อการเรียนการสอนที่เป็นนวัตกรรม คือ (Power Point เรือ่ ง ............... , เอกสารประกอบการสอน เรื่อง ............. , เกม .............. , ฯลฯ ) ระบุชื่อนวตั กรรม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. วิจยั ในชนั้ เรยี น ในการแก้ปัญหานักเรยี นที่ไมผ่ ่านด้านความรู้ความเขา้ ใจ, ด้านทักษะกระบวนการ, ด้านค่านิยม จึงได้ ทำการศกึ ษาคน้ คว้า วจิ ยั ในชัน้ เรยี นเรื่อง..................................................................ผลปรากฎวา่ นักเรยี นมีผล ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. แนวทางการแก้ไขปัญหา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ……………………………………………ผูส้ อน (นายสริ วชิ ญ์ เฉียบแหลม)

63 ความเหน็ และข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื .............................................. (นางผกาภรณ์ เซง่ ลำ้ ) หวั หนา้ กลุ่มบริหารงานวิชาการ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .............................................. (นางยพุ ิน เรอื งไชย) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นบา้ นบางสาน

64 แผนการจัดการเรียนรู้ รหสั วชิ า ง 21205 รายวชิ าการขยายพันธ์ุพชื ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 การขยายพนั ธพ์ุ ชื โดยการตดั ชำ (Cutting) เวลา 3 คาบ มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวดั (ผลการเรยี นร้)ู ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานร่วมกันและทักษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรมและลักษณะ นิสัยในการทำงาน มีจิตสำนึกในการทำงานใช้พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อการดำรงชีวิตและ ครอบครัว ง 2.1 เข้าใจมีทักษะที่จำเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในอาชีพ ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนา มคี ุณธรรม และมเี จตคตทิ ี่ดีต่ออาชพี ผลการเรยี นรู้ 1. สรุปความหมายของการขยายพนั ธพุ์ ืชแบบต่าง ๆ ได้ 2. อธบิ ายขนั้ ตอนการปฏบิ ัตกิ ารขยายพันธุพ์ ืชวิธีการต่าง ๆ ได้ 3. สามารถปฏิบัตกิ ารขยายพนั ธุพ์ ืชไดอ้ ย่างน้อย 3 วธิ ี สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การตัดชำ คือ การตัดส่วนหนึ่งส่วนใดของต้นพืช เช่น การตัดกิ่ง ตัดรากหรือตัดใบมาจากต้นพืชท่ี ต้องการขยายพนั ธ์ุ แลว้ นำไปไวใ้ นสภาพทเ่ี หมาะสม ทท่ี ำให้เกิดรากหรือตน้ โดยอาจใชส้ ารเคมีและ/หรือ ทำให้ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมช่วย โดยทั่วไปแล้วต้นพืชใหม่ที่ได้จะเป็นสายต้นหรือโคลนที่มีลักษณะ เหมือนต้น พชื เดมิ ทุกอยา่ ง สาระการเรยี นรู้ (เน้อื หาสาระ) 1. ความหมายของการขยายพนั ธุพ์ ชื โดยวิธกี ารตดั ชำ 2. ชนดิ ของการตดั ชำ 3. ขอ้ ดี และข้อเสียของการขยายพนั ธุด์ ้วยการตดั ชำ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม/วดั ได้) ด้านความรู้ (K) 1. สามารถอธบิ ายความหมายของการขยายพนั ธพ์ ชื โดยวธิ ีการตดั ชำได้ 2. สามารถอธิบายวธิ ีการขยายพนั ธ์พืชด้วยวิธกี ารตดั ชำได้ 3. สามารถบอกขอ้ ดี และข้อเสียของการขยายพนั ธ์ดุ ว้ ยการตดั ชำ

65 ทกั ษะกระบวนการ (P) 1. สามารถทำการขยายพนั ธ์พุ ชื ดว้ ยวิธกี ารตดั ชำได้ 2. เลอื กกิง่ ทเ่ี หมาะสมในการตัดชำได้ ด้านคุณลกั ษณะ (A) 1. ใช้ทรพั ยากรได้อย่างคมุ้ ค่า 2. มีความซื่อสัตย์ในการทำงาน 3. มคี วามรบั ผิดชอบต่องานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย √คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)  รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ √ มีระเบยี บวนิ ยั √ มคี วามซอื่ สตั ย์สุจรติ √ มคี วามรับผิดชอบ ขยัน อดทน และพากเพียร √ มีวถิ ีชวี ติ อย่างพอเพียง √ มคี วามเป็นประชาธปิ ไตยและเป็นผู้นำกล้าแสดงออก √ มีจติ สำนกึ ความเปน็ ไทย และกตญั ญตู ่อผ้มู ีพระคณุ √ มจี ติ อาสา จติ สาธารณะ และอนุรักษ์สิง่ แวดล้อม สมรรถนะสำคญั ผเู้ รยี น (C) √ ความสามารถในการเรียนรู้ การสือ่ สาร √ ความสามารถในการคิดอย่างเปน็ ระบบ √ ความสามารถในการแก้ปัญหา √ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต √ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ความพอประมาณ มเี หตผุ ล มีภมู ิคุมกันในตัวทีด่ ี นกั เรยี นใช้ทรัพยากรได้อย่าง นักเรียนมีสมาธติ ลอดการเรียนการ นกั เรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ใน เหมาะสม ไม่มากจนเกนิ ไป สอน เพ่อื นำความรูท้ ่ีได้ไปใช้อย่าง การดำเนนิ ชีวิต และพัฒนาต่อยอด คำนงึ ถึงสง่ิ แวดลอ้ มเป็นหลัก ถูกต้อง ในการประกอบอาชีพ อีกท้ังคำนงึ งบประมาณในการ ดำเนนิ การ

66 ความพอประมาณ มเี หตุผล มภี ูมิคุมกนั ในตวั ท่ีดี เง่อื นไขความรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของการขยายพันธ์พืชโดยวิธีการตัด ชำได้ สามารถอธิบายวิธีการขยายพันธ์พืชด้วยวิธีการตัดชำได้ สามารถ บอกข้อดี และข้อเสียของการขยายพันธุ์ด้วยการตัดชำ และทำการเลือก ก่งิ ทเี่ หมาะสมในการตัดชำได้ตลอดจนทำการขยายพันธุ์พืชด้วยวิธีการตัด ชำได้ ใชท้ รพั ยากรได้อยา่ งคุ้มคา่ มีความซอื่ สัตย์ในการทำงาน และมคี วาม รับผดิ ชอบตอ่ งานทไี่ ด้รบั มอบหมาย กระบวนการจัดการเรียนรู้ √ กระบวนการกลมุ่ เทคนคิ การสอน  การเรยี นแบบสรา้ งแผนผัง √ กระบวนการสืบคน้ √ เทคนิคคู่คิด √ การเรียนแบบแกป้ ัญหา √ การต้ังคำถาม  การอภปิ ราย √ เกม  อ่นื ๆ  การฝกึ ปฏบิ ัติการ กิจกรรมการเรียนการสอน ( 3 ครัง้ ) ครง้ั ท่ี 1 มลี ำดับขั้นตอนดงั นี้ (ในกรณีจัดการเรยี นการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ขั้นนำ (Introduction) 1. เริ่มการทักทายสวสั ดี เช็คชอ่ื ผู้เรียน 2. ถามคำถามนักเรยี น ว่า นกั เรียนทราบหรือไมว่ า่ รากของพืชมีหน้าที่อะไรบา้ ง ขน้ั สอน (Instruction) 1. ตั้งคำถามให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ ถามว่านักเรียนคิดว่ารากของพืชเกิดจากส่วนใดได้ บ้าง 2. เริ่มบรรยายโดยใช้สื่อ Power point และe-book ประกอบการบรรยาย ระหว่างนั้นจะมี การถามตอบ 3. นักเรยี นชว่ ยกันสบื คน้ เพือ่ ค้นหาวา่ พชื ชนิดใดสามารถขยายพนั ธ์ดุ ้วยวิธกี ารตัดชำได้บา้ ง ขัน้ สรุป (Conclusion) 1. ขอตวั แทนนักเรยี นสรุปความหมาย การตดั ชำชนดิ ตา่ งๆ และข้อดีข้อเสยี ของการตัดชำ

67 ครงั้ ที่ 2 มลี ำดบั ขน้ั ตอนดังน้ี (ในกรณีจัดการเรยี นการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ข้ันนำ (Introduction) 1. เรม่ิ การทกั ทายสวสั ดี เชค็ ชอ่ื ผู้เรยี น 2. ทบทวนความรู้เก่าโดยถามคำถามวา่ การขยายพนั ธุ์พชื โยวิธกี ารตดั ชำมีกี่ชนดิ อะไรบา้ ง ข้ันสอน (Instruction) 1. ครูแจกบทปฏบิ ตั ิการท่ี 5 เรือ่ ง เทคนิคการปกั ชำ แก่นักเรยี น 2. ครูแนะนำวัสดุอุปกรณ์ท่ใี ช้ขยายพนั ธพ์ุ ืชดว้ ยวธิ ีการตัดชำ 3. สาธิตวธิ กี ารขยายพนั ธุ์พืชโดยวิธกี ารตัดชำ พรอ้ มทั้งอธบิ ายข้นั ตอนไปพรอ้ มกับการสาธิต 4. นกั เรียนแต่ละคนดูวธิ กี ารขยายพนั ธุพ์ ืชโดยวิธีการตดั ชำ ขั้นสรุป (Conclusion) 1. ครสู รุปขั้นตอนการตัดชำพรอ้ มทงั้ มอบหมายใหน้ ักเรียนดูวิดีโอการตัดชำ เพ่ือเตรยี มตัว ปฏิบัตใิ นคาบถัดไป ครง้ั ที่ 3 มลี ำดับขน้ั ตอนดงั น้ี (ในกรณีจดั การเรียนการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ขั้นนำ (Introduction) 1. เร่ิมการทกั ทายสวสั ดี เชค็ ชื่อผ้เู รยี น 2. ทบทวนความรคู้ ณุ สมบตั ขิ องกิ่งพันธุ์ กิ่งแก่ ก่งิ ออ่ น โดยการสมุ่ ถาม ขั้นสอน (Instruction) 1. นกั เรยี นดำเนนิ การจดั เตรยี มวัสดุ อุปกรณ์ ในการขยายพนั ธพ์ุ ชื ดว้ ยวธิ ีการตัดชำ 2. นกั เรียนเร่มิ ทำการปฏิบัติการขยายพันธุ์พืชดว้ ยวิธกี ารตดั ชำ 3. เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ให้นักเรียนดำเนินการเก็บวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้งานเสร็จแล้วให้ เรยี บรอ้ ย ข้นั สรุป (Conclusion) 1. ตรวจสอบความเรียบร้อยของการขยายพันธุ์พืชด้วยวิธีการตัดชำของนักเรียนพร้อมให้ คำแนะนำ

68 ชิน้ งาน/ภาระงาน 1. บทปฏิบัตกิ ารที่ 5 เรอ่ื ง เทคนคิ การปักชำ สอ่ื และแหล่งเรียนรู้ สอ่ื 1. E-book วิชาการขยายพนั ธ์ุพืช 2. ส่ือ Powerpoint 3. วสั ดุ อุปกรณ์ เครอื่ งมือที่ใช้ในการขยายพนั ธุพ์ ืชดว้ ยวิธีตัดชำ แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งเรียน 2. สื่ออนิ เทอร์เน็ต การวดั และประเมนิ ผล วิธีวัดผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. คำถามระหว่างเรียน 3. ปฏบิ ตั กิ ารขยายพันธุ์พืชด้วยวิธกี ารตดั ชำ เกณฑ์การวัดและประเมินผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. คำถามระหว่างเรยี น 3. แบบประเมนิ การปฏิบัติการขยายพนั ธพุ์ ชื ด้วยวิธีการตัดชำ

69 บทปฏิบตั กิ ารที่ 5 เร่ือง เทคนิคการปักชำ จุดประสงค์ สามารถปฏิบัตกิ ารขยายพันธพ์ุ ืชไดอ้ ยา่ งน้อย 3 วธิ ี เนือ้ หา การตดั ชำ (Cutting) การตัดชำ คือ การตัดส่วนหนึ่งส่วนใดของต้นพืช เช่น การตัดกิ่ง ตัดรากหรือตัดใบมาจากต้นพืชท่ี ต้องการขยายพันธุ์ แล้วนำไปไวใ้ นสภาพทเี่ หมาะสม ทที่ ำให้เกิดรากหรือต้นโดยอาจใชส้ ารเคมีและ/หรือ ทำให้ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมช่วย โดยทั่วไปแล้วต้นพืชใหม่ที่ได้จะเป็นสายต้นหรือโคลนที่มีลักษณะ เหมือนต้น พชื เดิมทุกอย่าง ชนดิ ของการตัดชำ 1. การตัดชำกิง่ (Stem Cutting) 1.1 ก า ร ต ั ด ช ำ ก ิ ่ ง แ ก ่ ( hardwood cutting) ท ั ้ ง ท่ี เ ป ็ น ไ ม ้ ผ ล ิ ใ บ ( deciduous) แ ล ะ พืชใบ แคบเขยี วตลอดปี (narrow-leaved evergreen) 1.2 การตดั ชำก่งิ ถึงแก่กิง่ ออ่ น (Semi-hard wood cutting) 1.3 การตัดชำกง่ิ อ่อน (Soft wood cutting) 1.4 การตัดชำไม้ชมุ่ น้ำหรือไมอ้ วบนำ้ (Herbaceous Cutting) 2. การตัดชำใบ (Leaves Cutting) 2.1 การตดั ชำแผ่นใบ 2.2 การตดั ชำใบกบั กา้ นใบ 2.3 การตัดชำสว่ นของใบหรือแผน่ ใบ 3. การตัดชาํ ใบติดตา (leaves bud Cutting) บางคร้งั เรยี กวา่ single eye 4. การตัดชาํ ราก (Root Cutting) กิจกรรม 1. ครูสาธติ การทำบทปฏบิ ตั ิการใหแ้ ก่ผูเ้ รียนและสาธติ วธิ ีการปกั ชำ 2. ผ้เู รยี นดคู ลิปและสรปุ จากคลิป https://youtu.be/D3EWp_Zph1A เร่ือง การปักชำ

70 แบบบันทกึ การสงั เกตและประเมินผลพฤตกิ รรมรายบคุ คล คร้ังท่ี ………… เรอ่ื ง ................................................................ รหัสวิชา .......................... ภาคเรยี นที่…....ปกี ารศกึ ษา………… ชั้น................ พฤติกรรม / ระดับคะแนน ลำดับ ชอื่ – สกลุ ความ การมสี ่วน การตอบ การ ทำงาน รวม ที่ สนใจใน ร่วมใน คำถาม ยอมรับฟัง ตามท่ี การทำ การแสดง ได้รบั กจิ กรรม ความ ความ มอบหมาย คิดเห็น คดิ เหน็ ผู้อื่น 321321321321321 เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนนเต็ม 15 คะแนน ระดับ 3 หมายถึง มพี ฤตกิ รรมในระดับ ดี คะแนน 13 - 15 หมายถึง ดี ระดบั 2 หมายถึง มพี ฤตกิ รรมในระดบั ปานกลาง คะแนน 9 - 12 หมายถึง ปานกลาง ระดบั 1 หมายถึง มีพฤตกิ รรมในระดับ ปรบั ปรงุ คะแนน 5 - 8 หมายถึง ปรับปรงุ เกณฑก์ าร ผ่าน รอ้ ยละ 60 ( 9 คะแนน ) ลงช่ือ.......................................... ( ................................ ) ครูผ้สู อน / ผู้ประเมิน

71 แบบประเมนิ การปฏิบตั ิการขยายพันธ์พุ ืชด้วยวธิ ีการเพาะเมล็ด ช้ัน………………. รหัสวชิ า .......................... ภาคเรียนท่ี…….ปกี ารศึกษา………… ชั้น................ ระดบั คะแนน ลำดบั ช่อื – สกลุ ความ ความ ความ ทำงาน ความ รวม ท่ี รวดเรว็ ถกู ต้อง ตั้งใจใน เสรจ็ ตาม สวยงาม การ ทำงาน เวลา 321321321321321

72 เนือ้ หาทใ่ี ช้ในการเรยี นการสอน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 การขยายพันธุพ์ ืชโดยวิธีการตดั ชำ (Cutting) 1.การตดั ชำ (Cutting) การตัดชำ คือ การตัดส่วนหนึ่งส่วนใดของต้นพืช เช่น การตัดกิ่ง ตัดรากหรือตัดใบมาจากต้นพืชที่ ตอ้ งการขยายพันธุ์ แลว้ นำไปไวใ้ นสภาพทเ่ี หมาะสม ทท่ี ำใหเ้ กดิ รากหรือตน้ โดยอาจใชส้ ารเคมีและ/หรือ ทำให้ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมช่วย โดยทั่วไปแล้วต้นพืชใหม่ที่ได้จะเป็นสายต้นหรือโคลนที่มีลักษณะ เหมือนต้น พืชเดิมทุกอย่าง 2. ชนิดของการตดั ชำ 2.1. การตัดชํากิ่ง (Stem cutting) เป็นการตัดส่วนของกิ่งไปปักชำในวัสดุที่เหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไป ถึงจะมีจดุ กำเนดิ รากอย่แู ล้ว การ ตดั ชำก่งิ มีหลายประเภท โดยการจำแนกตามลกั ษณะของก่งิ ไดด้ ังน้ี รปู ท่ี 1 การปักชำก่งิ 1. การตัดชำกงิ่ แก่ (hardwood cutting) คือการตัดชำพชื พวกผลัดใบ ทอ่ี ยู่ในระยะพักตัว และ เพ่งิ เกิดมาเมื่อต้นฤดทู ่ีแล้ว หรอื อาจตดั ชำพืชท่ีมสี ีเขียวตลอดท้ังปี ทเ่ี ป็นกง่ิ แก่ และทำขณะที่ใบได้ร่วงไป แล้วก็ได้ วิธีการคือ ควรตัดให้กิ่งยาวประมาณ 6-8 นิ้ว โดยตัดให้ฐานรอยตัดชิดกับข้อ และตัดด้านปลาย ก่ิง เหนือตาบนเล็กน้อย กิ่งแก่ที่ทำการตัดชำสามารถเก็บไว้ได้นาน ทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้ ดีกว่า กิ่งประเภทอื่น ๆ และควรปักชำก่อนที่กิ่งจะเริ่มแตกยอดอ่อน พืชที่เหมาะสมในการตัดชำประเภทนี้ ได้แก่ เฟอ่ื งฟ้า วาสนา ไผ่ เป็นตน้

73 รปู ท่ี 2 ตน้ วาสนา 2. การตดั ชำกงิ่ ถึงแก่กิ่งอ่อน (Semi-hardwood cutting) คอื การตัดชำ พืชใบกว้างและ ใบแคบ ทีม่ ใี บเขยี วตลอดปี ควรตดั ชำกิง่ ให้มใี บตดิ มาดว้ ย ข้อดีคือสามารถตดั ชำไดท้ ุกฤดูกาล หรอื ทุกระยะ ถ้า ก่งิ ๆ นัน้ แข็งแรงพอ วิธกี ารคอื ตดั ก่ิงกิ่งออ่ นถงึ แก่ทีม่ ีความยาว 5-6 น้วิ โดยใหฐ้ านรอยตดั ชดิ ขอ้ และใหก้ ง่ิ มี ใบมากที่สุด เว้นแต่บริเวณโคนกิ่ง ควรปักชำในวัสดุปักชำที่มีความชื้นสูง วิธีนี้ใช้ได้กับไม้ทั่ว ๆ ไป เช่น ชมพู่ มะนาว ฝรงั่ โกสน ไทร เปน็ ตน้ รปู ท่ี 3 ต้นโกสน 3. การตัดชำกิ่งอ่อน หรือยอดอ่อน (Soft Wood Cutting) คือ การตัดชำยอดอ่อนของ ต้นไม้นั้น มีวิธีการคือ โดยการตัดให้กิ่งมคี วามยาว 3-5 นิ้ว แล้วริดใบท่ีโคนออก และปักชำในวสั ดทุ ี่มีความชื้น สงู การปักชำวธิ ีน้สี ามารถทำให้กิ่งพชื จะออกรากไดง้ ่าย เชน่ สาวน้อยปะแปง้ เขยี วหมื่นปี กุหลาบหิน กระดุม ทอง เบญจมาศ เป็นต้น รปู ที่ 4 ต้นเขียวหมื่นปี

74 4. การตัดชำไม้ชุ่มน้ำหรือไม้อวบนำ้ (Herbaceous Cutting) คลา้ ยกบั การตัดชำ ก่ิงอ่อน หรือ ยอดอ่อน โดยตัดให้กิ่งมีความยาว 3-5 นิ้ว ริดใบที่โคนออก นำกิ่งที่ตัดไปปักชำในวัสดุชำที่มีความชื้นสูง พชื ประเภทนไี้ ดแ้ ก่ ฤษีผสม บีโกเนีย เปน็ ต้น รูปท่ี 5 ต้นฤษีผสม เทคนิคในการขยายพนั ธด์ุ ว้ ยการตัดชำ การตัดชำกิ่งพืช ทั้งกิ่งอ่อนถึงแก่นั้น ควรตัดกิ่งให้ชิดข้อเฉียงเป็นมุม 45 - 60 องศา ทำรอยแผล บริเวณปลายกิ่งเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการออกราก และต้องดูแลวัสดุปักชำให้มีความชื้นที่สูงอยู่เสมอ โดยปกติ อุณหภมู ทิ ่ีโคนกิ่งนั้นควรสูงกวา่ ภายนอกเลก็ นอ้ ย รปู ที่ 6 ตดั ก่งิ เฉียง 45 องศา 2.2 การตัดชำใบ (Leaves Cutting) พืชหลายชนดิ สามารถขยายพันธไ์ุ ดด้ ้วยการตัดชำใบ ซึ่งการตัด ชำใบพืชจะเกิดรากได้เร็วกว่าเกิด ต้น รากใหม่พัฒนามาจาก Primary (preformed) meristem ซึ่งเป็นกลุ่ม ของเซลล์ที่มาจากเซลล์ เอ็มบริโอที่เป็นเนื้อเยื่อเจริญโดยตลอด เช่นโคมญี่ปุ่น, piggyback plant และ พืช ตระกูลเฟิร์น walking fern และพัฒนามาจาก Secondary (Wound) meristem คือ กลุ่มของเซลล์ท่ี เปลี่ยนแปลงไปแล้วและ ทำหน้าที่ในระบบเนื้อเยื่อมาก่อนแล้วจึงเปลี่ยนแปลงกลับมาเป็นเนื้อเยื่อเจริญใหม่ เพื่อสร้างส่วนที่พืชขาด ให้ได้ต้นใหม่ที่สมบูรณ์ เช่น อัฟริกันไวโอเล็ต ( Saintpaulia), ลิลี (Lithium longiflorum และ Lilium candidum)

75 รูปท่ี 7 ตดั ชำใบ การตัดชําใบ ส่วนใหญ่เป็นการขยายพันธุ์พืชที่มีใบอวบน้ํา (Fresh leaves) การตัดชําใบนี้โดย สว่ นมากจะออกรากได้เร็วกวา่ การปักชาํ กิ่ง การตดั ชําใบสามารถทําไดห้ ลายวธิ ีขน้ึ อยูก่ ับชนดิ ของพืช เช่น 1. การตัดชําแผน่ ใบ คือ การตัดใบทั้งใบไปปกั ชาํ เชน่ ใบโคมญปี่ ุ่น ใบลิ้นมังกร 2. การตัดชาํ ใบกับก้านใบ เป็นการตัดชําใบที่ติดก้านใบไปดว้ ย แลว้ นาํ ก้านใบไปปักชําลงในวัสดุปักชํา เช่นใบแอฟรกิ นั ไวโอเลต ใบบโี กเนีย 3. การตัดชาํ ส่วนของใบหรือแผ่นใบ คือ การตัดชาํ โดยตัดออกเป็นส่วน ๆ แล้วนําแต่ละส่วนไปปัก ชํา โดยใหม้ เี ส้นกลางใบตดิ อยู่ดว้ ย เพอื่ ใหเ้ กิดเปน็ พชื ต้นใหม่ จากเส้นกลางใบตอ่ ไป เชน่ ใบบีโกเนยี รูปที่ 7 ตัดชำใบล้ินมังกร 2.3 การตัดชําใบมีตาติด (Leaves with bud cutting) บางครั้งเรียกว่า single eye หรือ single node Cutting เป็นการตัดชําใบท่ีมีตาติดท่ีโคนกา้ นใบ (Axillary bud) ตดิ ไปดว้ ย ใช้กบั พชื ทอ่ี อกรากใหม่ แต่ ไม่ใช่ต้นใหม่ จึงต้องมีตาติดใบด้วย จะได้เกิดราก ด้วย และยอดด้วย โดยตัดให้มีใบเพียงใบเดียวที่มีตา (Axillary bud) เดยี วเทา่ นน้ั เช่น ยางอินเดีย

76 รปู ท่ี 8 ตดั ชำใบยางอนิ เดีย 2.4 การตดั ชําราก (Root cutting) การตัดชาํ รากนน้ั สามารถทาํ ได้ในพืชบางชนดิ เพราะที่รากจะมี ตาพเิ ศษทีเ่ รียกว่า Adventitious bud ซึง่ จะทาํ ให้เกดิ ต้นและราก บนรากของพชื ท่ีเราเอามาตัดชาํ โดยพืชจะ เกิดเป็นต้น (Adventitious shoot) ทางด้านโคนรากที่ติดกับลําต้นก่อนเกิดรากทางด้านปลายราก (distal end) พืชที่สามารถปักชํา รากได้น้นั โดยปกติเป็นพืชที่มีแนวโน้มตามธรรมชาตใิ นการเกิดหน่อท่ีราก (sucker) พชื ท่สี ามารถตดั ชําได้ ดดี ว้ ยวิธกี ารตัดชํารากน้ีได้แก่ สน แคแสด สาเก เป็นตน้ การขยายพันธ์ุพืชโดยใช้ส่วนต่าง ๆ ของลำตน้ เปน็ การขยายพนั ธพ์ุ ืชโดยไม่อาศยั เพศ ซึ่งการปัก ชำ เปน็ วธิ กี ารทีง่ า่ ยและทำได้สะดวก และสามารถทำได้หลายวิธเี ชน่ การตดั ชำก่งิ (Stem Cutting) การ ตัดชำใบ (Leaves Cutting) และการตัดชำราก (Root cutting) เป็นตน้ รปู ที่ 9 ตดั ชำราก 3.ข้อดี และข้อเสียของการขยายพนั ธ์ดุ ้วยการตดั ชำ การตดั ชำเปน็ วิธีขยายพันธ์ุท่สี ำคัญที่สุดของพชื จำพวกไม้ดอกและไม้ประดบั ทั้งที่เป็นไม้ล้มลุก ไม้พุ่ม ไม้ยืนตน้ ท่ใี ชป้ ระดับ ทั้งไมผ้ ลัดใบและไม้เขียวตลอดปี ท้งั พืชใบกวา้ งและพชื ใบแคบ และการตดั ชำ ใช้มากกับ การขยายพันธุ์พืชในโรงเรือน การขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตัดชำนี้มีข้อดีคือ ต้นพืชที่เกิดขึ้นใหม่จะ มีลักษณะ เหมอื นตน้ แมท่ กุ ประการ ใชเ้ วลาส้นั ๆ เปน็ วธิ ที ท่ี ำงา่ ย ใช้เทคนคิ วิธกี ารทีไ่ ม่สลับซบั ซอ้ น ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย เอกสารอ้างอิง การขยายพันธพุ์ ืช. 2552. แหลง่ ท่ีมา : http://free-ebook-ram.blogspot.com 10 ม.ิ ย. 2561 สนนั่ ขำเลิศ. 2541. หลกั และวิธีปฏบิ ัติการขยายพันธุ์พืช. กรุงเทพฯ: ร้ัวเขียว พมิ พค์ ร้งั ที่ 2 207 น. ศราวุธ อนิ ทรเทศ. ม.ป.ป. วชิ าเทคนิคการขยายพนั ธุ์พืช. ม.ป.พ. : 218 หน้า

77 บนั ทกึ ผลหลงั การสอน ผลการเรยี นรู้ 1. กิจกรรมการเรียนการสอนที่กำหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยของ ผเู้ รียนและเหมาะสมกบั สาระการเรยี นรู้ สามารถจดั กิจกรรมการเรียนการสอน  ไดต้ ามเวลาทกี่ ำหนดทกุ กิจกรรม  ไม่ทนั ตามเวลาทก่ี ำหนดในกจิ กรรมเนอื่ งจาก .............................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... 2. กิจกรรมการเรยี นการสอนคร้งั น้ี นกั เรียนทุกคนไดร้ ่วมกจิ กรรมและเรยี นร้อู ย่างมีความสขุ 3. กิจกรรมช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจตรงตามสาระการเรียนรู้ เกิดคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และมีทักษะกระบวนการตามที่กำหนด 4. สื่อการเรียนการสอนที่กำหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ ได้ใช้สื่อหลากหลายเหมาะสมกับวัยของ ผู้เรียน สอดคล้องกับเนื้อหาสามารถใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้ ผเู้ รยี นเรยี นร้อู ยา่ งสนกุ สนานและเข้าใจบทเรยี นได้เร็วยง่ิ ข้ึน 5. การวัดผลประเมินผล ในการจัดการเรียนการสอนครั้งนี้ครอบคลุมพฤติกรรมตามจุดประสงค์การ เรยี นรทู้ ่ีกำหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ ผลการวัดผลและประเมินผลสรุปได้ ดังนี้ 5.1 ดา้ นความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) นักเรยี นผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ข้อท่ี ............. - นกั เรยี นที่ผา่ นจุดประสงคต์ ามเกณฑร์ อ้ ยละ................. จำนวน..............คน เลขท่ี ...........................................คิดเปน็ ร้อยละ.................................. - นกั เรียนที่ไมผ่ า่ นจุดประสงค์ จำนวน............คน เลขที่ ...........................................คดิ เปน็ รอ้ ยละ................................. และไดด้ ำเนินการแกป้ ัญหา คือ  สอนเสริม  มอบงานให้ทำเพิ่มเตมิ ทำรายงาน  อน่ื ๆ................ 5.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรยี นทผ่ี า่ นทกั ษะกระบวนการตามเกณฑร์ ้อยละ................. จำนวน..............คน เลขท่ี ........................................... คิดเปน็ ร้อยละ.................................. - นกั เรยี นที่ไม่ผ่านทักษะกระบวนการ จำนวน............คน เลขท่ี ........................................... คดิ เปน็ รอ้ ยละ.............................. และได้ดำเนินการแก้ปญั หา คือ ............................................................................ 5.3 ด้านค่านยิ ม (คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์) (A) - นกั เรียนท่มี คี า่ นิยมตามเกณฑ์รอ้ ยละ จำนวน............คน เลขที่ ...........................................คดิ เปน็ ร้อยละ ......................................

78 - นักเรยี นทตี่ อ้ งปรบั เปล่ียนคา่ นิยม จำนวน............คน เลขท่ี ...........................................คดิ เป็นรอ้ ยละ ....................................... และไดด้ ำเนนิ การปรับเปลย่ี นคา่ นิยม (แจงรายละเอยี ดของการปรับเปลยี่ นคา่ นยิ ม คือ.......................................................................................................................... ......................................... การบรู ณาการ ในการจัดการเรียนการสอนได้บูรณาการการเรียนรู้โดยบูรณาการภายในเนื้อหาสาระของกลุ่มวิชา ............................................................ ซึ่งเปน็ การบูรณาการ (ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง) เพื่อต้องการ ให้นักเรียนได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีทักษะชีวิตที่จะก้าวไปสู่สังคมภายนอกได้อย่างมีความรู้ที่ เท่าทนั ในยุคปัจจุบนั .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................ .............................................. นวัตกรรมทีใ่ ชใ้ นการจดั การเรียนการสอน การจัดการเรียนการสอนในครั้งนี้ได้จัดทำสื่อการเรียนการสอนที่เป็นนวัตกรรม คือ (Power Point เร่ือง ............... , เอกสารประกอบการสอน เรื่อง ............. , เกม .............. , ฯลฯ ) ระบชุ อ่ื นวัตกรรม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. วจิ ัยในชน้ั เรียน ในการแก้ปัญหานักเรียนที่ไม่ผ่านด้านความรู้ความเข้าใจ, ด้านทักษะกระบวนการ, ด้านค่านิยม จึงได้ ทำการศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ัยในชนั้ เรียนเรอ่ื ง..................................................................ผลปรากฎว่า นักเรียน มผี ล ..................................................................................................................................................... ......................... .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. แนวทางการแก้ไขปญั หา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ……………………………………………ผูส้ อน (นายสิรวิชญ์ เฉียบแหลม)

79 ความเหน็ และข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... ลงชื่อ.............................................. (นางผกาภรณ์ เซ่งล้ำ) หัวหน้ากลมุ่ บริหารงานวิชาการ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .............................................. (นางยุพนิ เรืองไชย) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นบ้านบางสาน

80 แผนการจัดการเรยี นรู้ รหสั วิชา ง 21205 รายวชิ าการขยายพนั ธพุ์ ืช ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 การขยายพนั ธโุ์ ดยการตอนกง่ิ เวลา 3 คาบ มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชว้ี ดั (ผลการเรยี นรู้) ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานร่วมกันและทักษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรมและลักษณะ นิสัยในการทำงาน มีจิตสำนึกในการทำงานใช้พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อการดำรงชีวิตและ ครอบครวั ง 2.1 เข้าใจมีทักษะที่จำเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในอาชีพ ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนา มีคณุ ธรรม และมีเจตคติท่ีดตี ่ออาชพี ผลการเรยี นรู้ 1. สรุปความหมายของการขยายพนั ธพุ์ ชื แบบต่าง ๆ ได้ 2. อธบิ ายขั้นตอนการปฏิบัติการขยายพนั ธ์ุพชื วธิ ีการตา่ ง ๆ ได้ 3. สามารถปฏบิ ัตกิ ารขยายพนั ธุพ์ ชื ได้อยา่ งน้อย 3 วิธี สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การตอนกิ่ง หมายถึง การทำให้ก่ิงพืชเกดิ รากในขณะที่ยังติดอยู่กบั ต้นแม่ ซึง่ จะทำให้ได้ต้นพืชใหม่ที่มี ลักษณะทางสายพันธุ์เหมือนกับต้นแม่ทุกประการ เมื่อกิ่งออกรากดีแล้วจึงตัดไปชำก่อนปลูก หรือตัดปลูกเลย ต้นทปี่ ลกู และตัง้ ตัวไดแ้ ล้วจะกลายเป็นต้นพืชใหมต่ อ่ ไป สาระการเรียนรู้ (เนอ้ื หาสาระ) 1. ความหมายของการขยายพนั ธุ์พชื โดยวธิ กี ารตัดชำ 2. ชนิดของการตัดชำ 3. ข้อดี และข้อเสยี ของการขยายพนั ธุด์ ้วยการตัดชำ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม/วัดได)้ ดา้ นความรู้ (K) 1. สามารถอธบิ ายความหมายของการขยายพันธ์พชื โดยวิธีการตอนก่ิงได้ 2. สามารถอธบิ ายวิธีการขยายพันธพ์ ชื ดว้ ยวิธีการตอนก่ิงได้ 3. สามารถบอกขอ้ ดี และขอ้ เสยี ของการขยายพนั ธ์ุพืชดว้ ยวิธกี ารตอนกงิ่ ได้

81 ทกั ษะกระบวนการ (P) 1. สามารถทำการขยายพันธพุ์ ืชด้วยวธิ ีการตอนก่งิ ได้ 2. เลือกกิ่งที่เหมาะสมในการตอนกง่ิ ได้ ดา้ นคณุ ลักษณะ (A) 1. ใช้ทรพั ยากรไดอ้ ยา่ งคุม้ คา่ 2. มคี วามขยันอดทน 3. มจี ิตสาธารณะ √คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)  รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ √ มีระเบียบวินัย √ มคี วามซื่อสตั ยส์ ุจริต √ มีความรบั ผิดชอบ ขยนั อดทน และพากเพยี ร √ มวี ถิ ชี ีวิตอยา่ งพอเพยี ง √ มคี วามเปน็ ประชาธปิ ไตยและเป็นผู้นำกล้าแสดงออก √ มจี ิตสำนึกความเป็นไทย และกตัญญูต่อผูม้ ีพระคุณ √ มีจิตอาสา จิตสาธารณะ และอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม สมรรถนะสำคัญผู้เรยี น (C) √ ความสามารถในการเรียนรู้ การสอ่ื สาร √ ความสามารถในการคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ √ ความสามารถในการแก้ปัญหา √ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต √ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี การบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ความพอประมาณ มเี หตผุ ล มภี ูมคิ มุ กันในตวั ทีด่ ี นกั เรยี นใช้ทรัพยากรไดอ้ ย่าง นักเรยี นมีสมาธิตลอดการเรยี นการ นกั เรียนสามารถนำความรู้ไปใชใ้ น เหมาะสม ไมม่ ากจนเกินไป สอน เพ่ือนำความรู้ท่ีได้ไปใช้อย่าง การดำเนนิ ชวี ิต และพฒั นาต่อยอด คำนึงถงึ ส่ิงแวดลอ้ มเปน็ หลัก ถกู ต้อง ในการประกอบอาชีพ อีกทั้งคำนงึ งบประมาณในการ ดำเนนิ การ

82 ความพอประมาณ มเี หตุผล มภี ูมคิ ุมกนั ในตวั ทดี่ ี เงือ่ นไขความรู้ เง่ือนไขคุณธรรม สามารถอธิบายความหมายของการขยายพันธ์พืชโดยวิธีการตอนกิ่งได้ สามารถอธิบายวิธีการขยายพันธ์พืชด้วยวิธีการตอนกิ่งได้ และสามารถ บอกข้อดี และขอ้ เสยี ของการขยายพนั ธุพ์ ชื ดว้ ยวธิ ีการตอนกิ่งได้ ใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า มีความขยนั อดทน และมจี ิตสาธารณะ กระบวนการจัดการเรียนรู้ √ กระบวนการกล่มุ เทคนิคการสอน  การเรียนแบบสร้างแผนผัง √ กระบวนการสืบคน้ √ เทคนิคคู่คิด √ การเรียนแบบแกป้ ัญหา √ การตั้งคำถาม  การอภิปราย √ เกม  อ่ืน ๆ  การฝึกปฏบิ ตั ิการ กิจกรรมการเรยี นการสอน ( 3 คร้ัง ) คร้งั ท่ี 1 มีลำดับข้นั ตอนดังนี้ (ในกรณีจดั การเรยี นการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ขั้นนำ (Introduction) 1. เรม่ิ การทักทายสวสั ดี เชค็ ชอ่ื ผู้เรยี น 2. ครูถามคำถามว่านักเรียนทราบหรือไม่ว่าภายในลำต้นของพื้นใบเลี้ยงคู่ และใบเลี้ยงเดี่ยว เหมอื นหรือแตกตา่ งกันอย่างไร ขนั้ สอน (Instruction) 1. เริ่มบรรยายโดยใช้สื่อ Power point และe-book ประกอบการบรรยาย ระหว่างนั้นจะมี การถามตอบ 2. นักเรยี นช่วยกนั สบื ค้นเพื่อค้นหาว่าพชื ชนิดใดสามารถขยายพนั ธด์ุ ้วยวิธกี ารตอนกง่ิ ได้บ้าง 3. เล่นเกม Kahoot การขยายพันธพุ์ ืชดว้ ยวิธกี ารตอนก่ิง ขนั้ สรปุ (Conclusion) 1. ครสู รปุ ความหมายการตอนกง่ิ วิธกี ารตอนกงิ่ และขา้ อดขี อ้ เสียของการขยายพนั ธุพ์ ืชดว้ ย วิธีการตอนกงิ่

83 ครั้งที่ 2 มลี ำดับข้ันตอนดงั นี้ (ในกรณีจดั การเรยี นการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ขนั้ นำ (Introduction) 1. เรม่ิ การทักทายสวสั ดี เชค็ ชื่อผเู้ รียน 2. ทบทวนความรูเ้ กา่ โดยถามคำถามวา่ การขยายพันธ์พุ ืชโดยวิธีการตอนกิ่งมีกี่ชนิด อะไรบ้าง ขั้นสอน (Instruction) 1. ครแู จกบทปฏบิ ตั กิ ารท่ี 6เรอื่ ง เทคนิคการตอนก่ิง แกน่ ักเรียน 2. ครูแนะนำวัสดอุ ปุ กรณ์ท่ใี ช้ขยายพนั ธุ์พืชดว้ ยวธิ ีตอนกงิ่ 3. สาธติ วธิ กี ารขยายพนั ธพ์ุ ืชโดยวิธีการตอนกงิ่ พรอ้ มท้ังอธิบายขั้นตอนไปพร้อมกับการสาธิต 4. นกั เรยี นแต่ละคนดูวิธีการขยายพันธุพ์ ืชโดยวิธีการตอนก่งิ 5. นักเรยี นเตรยี มตมุ้ ตอนกิง่ เพ่ือปฏบิ ตั ิการรตอนก่ิงในคาบถัดไป ข้ันสรุป (Conclusion) 1. ครูสรุปข้ันตอนการตดั ตอนก่งิ ทจ่ี ะปฏิบตั ิในคาบถัดไปให้นกั เรยี นฟัง เพื่อเตรยี มตัวปฏบิ ตั ิ ในคาบถัดไป 2. มอบหมายใหน้ ักเรยี นศึกษาวธิ ีการตอนกิง่ เพ่ือเตรยี มตัวปฏิบตั ิในคาบถัดไป ครง้ั ที่ 3 มลี ำดับขัน้ ตอนดงั นี้ (ในกรณีจัดการเรยี นการสอน online ใช้ google meet ในการสอนออนไลน์) ขนั้ นำ (Introduction) 1. เร่มิ การทักทายสวัสดี เชค็ ช่ือผูเ้ รยี น 2. ทบทวนความรคู้ ุณสมบัตขิ องก่งิ พันธุ์ กง่ิ แก่ กง่ิ ออ่ น โดยการสมุ่ ถาม ขัน้ สอน (Instruction) 1. นกั เรียนดำเนินการจดั เตรียมวัสดุ อปุ กรณ์ ในการขยายพันธพุ์ ืชดว้ ยวธิ กี ารตอนกิง่ 2. นักเรียนเร่มิ ทำการปฏิบัติการขยายพันธุพ์ ชื ดว้ ยวิธกี ารตอนกิง่ 3. เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ให้นักเรียนดำเนินการเก็บวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้งานเสร็จแล้วให้ เรยี บรอ้ ย ขน้ั สรุป (Conclusion) 1. ตรวจสอบความเรียบร้อยของการขยายพันธุ์พืชด้วยวิธีการตอนกิ่งของนักเรียนพร้อมให้ คำแนะนำ ช้ินงาน/ภาระงาน 1. บทปฏิบัติการที่ 6 เรอื่ ง เทคนคิ การตอนก่งิ

84 ส่อื และแหล่งเรยี นรู้ สอ่ื 1. E-book วชิ าการขยายพันธุ์พืช 2. ส่ือ Powerpoint 3. วัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการขยายพันธุ์พชื ดว้ ยวธิ ีการตอนกงิ่ แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องเรียน 2. สื่ออนิ เทอรเ์ นต็ การวดั และประเมินผล วิธวี ัดผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. คำถามระหวา่ งเรยี น 3. ปฏบิ ัติการขยายพนั ธุ์พืชดว้ ยวธิ ีการตอนกิง่ เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. คำถามระหว่างเรียน 3. แบบประเมินการปฏิบัติการขยายพันธุพ์ ชื ด้วยวธิ ีการตอนกง่ิ

85 บทปฏบิ ตั ิการท่ี 6 เรอื่ ง เทคนคิ การตอนกิง่ จดุ ประสงค์ สามารถปฏบิ ัตกิ ารขยายพนั ธุ์พืชได้อยา่ งนอ้ ย 3 วิธี เน้อื หา การตอนกงิ่ หมายถงึ การทำให้ก่ิงพืชเกดิ รากในขณะที่ยังติดอยู่กบั ตน้ แม่ ซึง่ จะทำให้ได้ต้นพืชใหม่ที่มี ลักษณะทางสายพันธุ์เหมือนกับต้นแม่ทุกประการ เมื่อกิ่งออกรากดีแล้วจึงตัดไปชำก่อนปลูก หรือตัดปลูกเลย ตน้ ทป่ี ลกู และตง้ั ตัวได้แล้วจะกลายเป็นตน้ พชื ใหมต่ อ่ ไป อปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการตอนกิง่ 1. มดี ขยายพนั ธุ์หรือคตั เตอร์ (Cutter) หรือมีดตดิ ตาต่อก่งิ 2. ถงุ พลาสตกิ 3. วัสดุหมุ้ ก่ิงตอน เช่น กาบมะพรา้ ว ถ่านแกลบหรอื ขยุ มะพรา้ ว 4. เชอื กมดั วสั ดหุ ุ้มก่งิ ตอน เชน่ เชอื กฟาง 5. ฮอรโ์ มนเรง่ ราก ขนั้ ตอนการตอนกงิ่ ในอากาศ (Air Layering) การตอนก่ิงในอากาศ โดยเฉพาะแบบควั่นก่ิง เหมาะสำหรับไม้ดอกไมป้ ระดบั เชน่ กุหลาบ โมก โกสน แสงจันทร์ เล็บครฑุ ฯลฯ และไมผ้ ลบางชนดิ เช่น มะม่วง ลำไย มงั คดุ มะเฟือง ฯลฯ เป็นตน้ มขี น้ั ตอน ดงั นี้ 1. เลือกกิ่งที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี ซึ่งจะออกรากได้ดีกว่ากิ่งที่มีอายุมาก และควรเป็นกิ่งกระโดงหรือกิ่ง นำ้ ค้างที่สมบรู ณ์ ปราศจากโรคและแมลง 2. ควั่นเปลือกกิ่ง ความยาวของรอยแผล ประมาณเส้นรอบวงของกิ่ง ทั้งด้านบนและล่างของกิ่งแล้ว ลอกเอาเปลอื กออกและขูดเยอื่ เจรญิ ท่ีเป็นเมือกล่ืน ๆ รอบกิ่งออกให้หมด 3. นำตุ้มตอน (ขุยมะพร้าวเก่าที่แช่น้ำจนอิ่มตัว แล้วบีบน้ำออกพอหมาด ๆ อัดลงในถุงพลาสติกแล้ว ผกู ปากถุงให้แนน่ ) มาผา่ ตามความยาวแลว้ นำไปหุม้ รอยแผลของกงิ่ ตอน มัดด้วยเชือกทง้ั บนและล่างรอยแผลท่ี ควั่น 4. เมื่อกิ่งตอนงอกรากซึ่งจะเกิดตรงบริเวณรอยควั่นด้านบน และรากเริ่มแก่เป็นสีเหลือง หรือมีสี นำ้ ตาล ปลายรากมสี ขี าวและมจี ำนวนรากมากพอ จึงตดั กงิ่ ตอนไปชำหรือปลกู ได้ 5. ตัดก่งิ ตอนไปชำในภาชนะ ในกระถางหรอื ถุงพลาสตกิ เพอ่ื รอการปลกู ตอ่ ไป กิจกรรม 1. ครสู าธติ การทำบทปฏิบตั ิการให้แกผ่ เู้ รยี นและสาธิตวิธกี ารตอนก่งิ 2. ผู้เรยี นขยายพนั ธุ์โดยการตอนก่ิงตามท่ีครูสาธติ ซง่ึ ตอ้ งบอกอุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นการตอนกงิ่ วธิ ีการทำตมุ้ ตอน เลือกก่ิงที่เหมาะสมกบั การตอน และอธิบายขั้นตอนการตอนกง่ิ อยา่ งละเอียด

86 แบบบันทกึ การสงั เกตและประเมินผลพฤตกิ รรมรายบคุ คล คร้ังท่ี ………… เรอ่ื ง ................................................................ รหัสวิชา .......................... ภาคเรยี นที่…....ปกี ารศกึ ษา………… ชั้น................ พฤติกรรม / ระดับคะแนน ลำดับ ชอื่ – สกลุ ความ การมสี ่วน การตอบ การ ทำงาน รวม ที่ สนใจใน ร่วมใน คำถาม ยอมรับฟัง ตามท่ี การทำ การแสดง ได้รบั กจิ กรรม ความ ความ มอบหมาย คิดเห็น คดิ เหน็ ผู้อื่น 321321321321321 เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนนเต็ม 15 คะแนน ระดับ 3 หมายถึง มพี ฤตกิ รรมในระดับ ดี คะแนน 13 - 15 หมายถึง ดี ระดบั 2 หมายถึง มพี ฤตกิ รรมในระดบั ปานกลาง คะแนน 9 - 12 หมายถึง ปานกลาง ระดบั 1 หมายถึง มีพฤตกิ รรมในระดับ ปรบั ปรงุ คะแนน 5 - 8 หมายถึง ปรับปรงุ เกณฑก์ าร ผ่าน รอ้ ยละ 60 ( 9 คะแนน ) ลงช่ือ.......................................... ( ................................ ) ครูผ้สู อน / ผู้ประเมิน

87 แบบประเมนิ การปฏิบตั ิการขยายพันธ์พุ ืชด้วยวธิ ีการเพาะเมล็ด ช้ัน………………. รหัสวชิ า .......................... ภาคเรียนท่ี…….ปกี ารศึกษา………… ชั้น................ ระดบั คะแนน ลำดบั ช่อื – สกลุ ความ ความ ความ ทำงาน ความ รวม ท่ี รวดเรว็ ถกู ต้อง ตั้งใจใน เสรจ็ ตาม สวยงาม การ ทำงาน เวลา 321321321321321

88 เน้ือหาทีใ่ ช้ในการเรียนการสอน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 6 การขยายพนั ธพ์ุ ืชด้วยวธิ ีการตอนกงิ่ การตอนกิ่ง หมายถึง การทำใหก้ ่ิงพืชเกิดรากในขณะท่ียังติดอยู่กบั ต้นแม่ ซง่ึ จะทำให้ไดต้ ้นพชื ใหมท่ ม่ี ี ลกั ษณะทางสายพันธุเ์ หมือนกับตน้ แม่ทุกประการ เม่ือกง่ิ ออกรากดีแลว้ จงึ ตดั ไปชำก่อนปลกู หรือตัดปลกู เลย ต้นทีป่ ลูกและตัง้ ตวั ได้แล้วจะกลายเป็นตน้ พชื ใหม่ตอ่ ไป การตอนกิ่งเป็นการตัดท่อลำเลียงอาหารของพืชส่วนท่อน้ำยังมีอยู่ตามปกติ จึงทำให้กิ่งที่ทำการตอน ได้รับนำ้ อย่ตู ลอดเวลา ด้วยเหตนุ ี้จึงทำใหก้ ่งิ ตอนสดอย่เู สมอจนกวา่ จะออกราก การออกรากของกิ่งตอน จะขึ้นอยู่กับความชื้น การถ่ายเทอากาศ และระดับอุณหภูมิที่เหมาะสม แต่ ถ้าปลอ่ ยใหด้ ินหรือวัสดหุ ุ้มก่งิ แห้งโดยไม่ไดด้ ูแล ย่อมจะเป็นอุปสรรคต่อการเกดิ รากได้เช่นกัน ดังนั้น ฤดูกาลที่ เหมาะสมท่ีสุดในการตอนกิ่งควรเปน็ ฤดูฝน การตอนกิ่ง ใช้แก้ปัญหาโดยเฉพาะพืชบางชนดิ ทีไ่ ม่สามารถออกรากได้โดยใช้วิธีตัดชำ แต่ออกรากได้ โดยวิธตี อนกงิ่ สามารถทำได้งา่ ยทั้งกลางแจ้งและในเรือนเพาะชำ นอกจากนก้ี ิ่งตอนยังมจี ำนวนรากมากกว่าก่ิง ตัดชำ เมื่อนำไปปลกู จึงมโี อกาสตัง้ ตัวได้เร็วและมีเปอร์เซ็นตก์ ารตายนอ้ ยกว่าก่ิงตัดชำ ประการสำคัญอีกอย่าง หนึ่ง คือ พืชต้นใหม่ที่ได้จากการตอนจะมีลักษณะเป็นไม้พุ่มเตี้ย จึงสะดวกต่อการดูแลปฏิบัติบำรุงรักษาและ เก็บเกี่ยว โดยเฉพาะไม้ประดับจะได้ทรงพุ่มที่สวยงาม เป็นต้น แต่กิ่งตอนมีข้อเสีย คือ พืชที่นำไปปลูกเมื่อโต เตม็ ทจ่ี ะลม้ งา่ ย เพราะไมม่ ีรากแกว้ 1. อปุ กรณท์ ่ใี ช้ในการตอนกง่ิ 1. มดี ขยายพนั ธุห์ รอื คัตเตอร์ (Cutter) หรอื มีดตดิ ตาต่อก่ิง 2. ถงุ พลาสตกิ 3. วสั ดหุ ้มุ กง่ิ ตอน เชน่ กาบมะพรา้ ว ถ่านแกลบหรือขยุ มะพร้าว 4. เชอื กมัดวัสดหุ ุ้มกิ่งตอน เชน่ เชอื กฟาง 5. ฮอรโ์ มนเร่งราก 2. ประเภทการตอนกิง่ ทนี่ ยิ ม ไดแ้ ก่ 1) การตอนก่ิงในอากาศ (Air Layering) การตอนกิ่งในอากาศ โดยเฉพาะแบบควั่นกิ่ง เหมาะสำหรับไม้ดอกไม้ประดับ เช่น กุหลาบ โมก โกสน แสงจันทร์ เล็บครุฑ ฯลฯ และไม้ผลบางชนิด เช่น มะม่วง ลำไย มังคุด มะเฟือง ฯลฯ เป็นต้น มี ข้นั ตอน ดงั น้ี

89 1. เลือกกิ่งที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี หรืออยู่ในวัยหนุ่มสาว ซึ่งจะออกรากได้ดีกว่ากิ่งที่มีอายุมาก และควรเปน็ กิง่ กระโดงหรอื ก่งิ นำ้ คา้ งท่สี มบรู ณ์ ปราศจากโรคและแมลง 2. ควั่นเปลอื กกิ่ง ความยาวของรอยแผล ประมาณเสน้ รอบวงของกิ่ง ทั้งดา้ นบนและล่างของ กิง่ แลว้ ลอกเอาเปลอื กออกและขดู เย่ือเจรญิ ที่เปน็ เมอื กลื่น ๆ รอบก่ิงออกให้หมด 3. นำตุ้มตอน (ขุยมะพร้าวเก่าที่แช่น้ำจนอิ่มตัว แล้วบีบน้ำออกพอหมาด ๆ อัดลงใน ถุงพลาสติกแล้วผูกปากถุงให้แน่น) มาผ่าตามความยาวแล้วนำไปหุ้มรอยแผลของกิ่งตอน มัดด้วยเชือกทั้งบน และลา่ งรอยแผลทีค่ วน่ั 4. เมอื่ กิ่งตอนงอกรากซงึ่ จะเกิดตรงบริเวณรอยควน่ั ด้านบน และรากเร่ิมแกเ่ ปน็ สเี หลอื ง หรือ มสี ีน้ำตาล ปลายรากมีสขี าวและมจี ำนวนรากมากพอ จงึ ตดั ก่งิ ตอนไปชำหรือปลกู ได้ 5. ตดั กิ่งตอนไปชำในภาชนะ ในกระถางหรือถุงพลาสติก เพือ่ รอการปลูกตอ่ ไป

90

91 2) การตอนก่ิงแบบฝังยอด (Tip Layering) การตอนกง่ิ แบบนี้ รากจะออกตรงบริเวณใกลก้ ับยอดที่นำฝังลงดิน เหมาะกับพชื บาง ชนิด เชน่ ตน้ ประทดั จนี มีข้นั ตอน ดังนี้ 1. ใชเ้ สยี มหรือพล่ัวกาบออ้ ย ขดุ ดินให้เป็นหลุมลกึ ประมาณ 7 – 8 เซนติเมตร 2. สอดปลายยอดเขา้ ไปในหลมุ แล้วกลบดนิ ทับ 3. รดนำ้ ทุกวนั และดแู ลอยา่ ให้วชั พืชขึน้ บดบังแสง 4. ประมาณ 30 – 45 วัน เมื่อยอดใหม่โผล่ขึ้นมาจากดิน จะมีราก พร้อมที่จะย้ายปลูกได้ ทันที

92 3) การตอนกิ่งแบบฝังกง่ิ ใหย้ อดโผลพ่ น้ ดนิ (Simple Layering) การตอนกิ่งแบบนี้ เหมาะสำหรับพืชทม่ี ีกงิ่ ยาวและมลี ักษณะดดั โค้งได้งา่ ย เชน่ มะลชิ นดิ ต่าง ๆ เปน็ ต้น มขี ้ันตอน ดังนี้ 1. เลอื กกิง่ ที่มีอายุมากกวา่ 1 ปี 2. ทำแผลใหเ้ กดิ ขึน้ โดยการบดิ ให้แตกหรือใช้มดี ปาด 3. โน้มกิ่งลงหาพื้นดินแล้วกลบดินบริเวณบางส่วนของกิ่ง โดยให้ยอดโผล่ขึ้นเหนือดิน ยาว ประมาณ 15-30 เซนติเมตร 4. ใช้ไมป้ ัก ผกู มดั ยอดให้ตรง เพื่อให้รากเกิดขึน้ เร็วบริเวณกง่ิ ท่กี ลบดิน 5. รดนำ้ ทกุ วนั และดูแลอยา่ ให้วชั พืชขน้ึ บดบังแสง 6. ประมาณ 50 - 60 วนั จะมรี ากเกิดขึน้ บรเิ วณท่เี ป็นแผล พรอ้ มทจ่ี ะย้ายปลกู ได้ทันที

93 4) การตอนกิ่งแบบงูเล้อื ย (Compound Layering) การตอนก่ิงแบบนค้ี ล้ายกบั วิธที ี่ 3 เหมาะกบั พืชชนดิ ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ไมด้ อกไม้ประดับ เชน่ มะลิ เล็บมือนาง การเวก พลูชนิดต่าง ๆ ตีนตุ๊กแก และไม้ผลชนิดต่าง ๆ เช่น องุ่น มันเทศ พริกไทย เป็นต้น มี ขั้นตอน ดังนี้ 1. เลือกกงิ่ ยาวและมีลักษณะดัดโค้งได้งา่ ย แบ่งเป็นตอน ๆ ยาวประมาณ 30 เซนตเิ มตร 2. ใช้มีดปาดให้เกิดแผล แล้วกลบดินทับ เปน็ ตอน ๆ ตลอดความยาวของกิ่ง 3. รดนำ้ ทกุ วัน และดแู ลอยา่ ใหว้ ัชพชื ข้ึนบดบงั แสง 4. ประมาณ 30 – 45 วนั เมื่อยอดใหม่โผล่ขึน้ มาจากดิน จะมรี ากพร้อมทจี่ ะยา้ ยปลูกไดท้ ันที