Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore forPrajeen

forPrajeen

Published by rattana, 2018-03-29 03:57:34

Description: forPrajeen

Search

Read the Text Version

ทำควำมรูจ้ ักจติ อ.ภญ. ศริ ิวดี บุญมโหตม์ [email protected] 1

ทำควำมรจู้ กั กับ “ จติ ”• ธรรมชาตขิ องจิต• การทางานของจิต• ลักษณะของจิต 2

จิต• เป็นธรรมชาตทิ ่รี ้อู ารมณ์• เกดิ ดับตลอดเวลา จนดูเหมือนตอ่ เนือ่ ง• จิตทางานเป็นวถิ ี เรยี กวา่ “วถิ จี ติ ” 3

4

ลักษณะของจิต• จติ ขั้นพน้ื ฐาน  จติ ทำงำน – กำรตืน่  จติ พกั – กำรหลับ เป็นสภาวะจิตทีส่ ะสมความว้าวนุ่ และความเครยี ด• จิตข้ันสงู  เปน็ จิตท่ผี ำ่ นกำรฝึกสติ-สมำธิ เป็นสภาวะจิตทีม่ ีคุณภาพในการจดั การกบั อารมณ์ และความเครยี ด 5

พระพุทธเจ้าเคยทรงตรัสไว้ว่า“คนเรำอำจไมเ่ จบ็ ปว่ ยกำยสัก1วัน 1เดือน 1ปี หรอื กระทง่ั ตลอดชีวิตกย็ ังมี แต่ไมเ่ จ็บปว่ ยใจสกั วนั น้นั ไมม่ ีเลย” ทาไมตอ้ งสนใจเร่อื งน้ี ? 6

กำรพฒั นำจติ 7

มรรคมอี งค์ 8 = 8 ขั้นตอนของการฝึกจิต พัฒนาความคิด / ความเขา้ ใจ1. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ พัฒนาการใช้ชวี ติ2. สัมมาสงั กปั ปะ3. สัมมากัมมันตะ พัฒนาจติ4. สมั มาอาชวี ะ5. สมั มาวาจา6. สมั มาวายามะ7. สมั มาสติ8. สมั มาสมาธิ

สมำธิConcentrate 9

ควำมหมำยของสมำธิ• เปน็ ลักษณะทจี่ ติ มีความตัง้ มนั่ ราบเรยี บสมา่ เสมอ ไมส่ ั่นไหว• ภาวะทจ่ี ิตแนว่ แน่ตอ่ สงิ่ ท่ีกาหนด• เอกคั คตา = เอก+อคั ค(จุดยอด จุดปลาย=>อารมณ)์ +ตา(ภาวะ) = ภาวะจติ ท่ีมีอารมณห์ นง่ึ เดยี ว / แนว่ แน่ตอ่ อารมณเ์ ดียว• ภาวะท่จี ิตกาหนดแนว่ แนอ่ ยูก่ บั อารมณ์1อนั หน่งึ1 หมายถงึ สง่ิ ท่จี ิตไปยดึ เหน่ียว 10

ลักษณะของจิตทเ่ี ปน็ สมำธิ• มีพลัง เน่ืองจากมีลักษณะแนว่ แน่• ใส โดยว่างจากความคิดทงั้ ปวง  มองอะไรไดช้ ดั เจนเกื้อกลู ต่อการเกิดปญั ญา• สุข เปน็ ผลมาจากความสงบ เนอ่ื งจากเป็นภาวะทจ่ี ิตพกั  เป็นภาวะพักทย่ี ังรตู้ วั = เป็นภาวะพกั ทม่ี คี ุณภาพ 11

สิง่ สำคัญในกำรสร้ำงสมำธิอิทธิบาท 43 ทางแห่งความสาเร็จ ไดแ้ ก่• ความพอใจ = ฉนั ทะ• ความเพียร = วริ ิยะ• ความคิดจดจ่อ = จิตตะ• ความสอบสวน ไตร่ตรอง = วิมังสา “มใี จรกั พากเพียรทา เอาจิตฝักไฝ่ ใชป้ ัญญาสอบสวน” 12

ปญั หำและอุปสรรคของกำรฝกึ สมำธิ• ศัตรขู องสมาธิ• เปน็ สง่ิ ทตี่ ้องกาจดั เสยี จึงจะเกดิ สมาธิได้• เรียกวา่ “นวิ รณ์2”2 นวิ รณ์ แปลว่า เครือ่ งกดี กัน้ เคร่ืองขดั ขวาง 13

นวิ รณ์หมายถงึ• สิ่งที่กีดกนั้ การทางานของจิต• ส่งิ ท่ขี ดั ขวางความดีของจติ• สิ่งที่ทอนกาลังปัญญา• ส่งิ ที่กั้นจติ ไม่ให้กา้ วหน้าในกุศลธรรม (คุณความดี)• ทาใหจ้ ติ เศรา้ หมอง และทาให้ปัญญาออ่ นกาลัง 14

นวิ รณ์ 5• กามฉนั ทนิวรณ์ = ความเพง่ เลง็ อยากได้หมายถึง ความอยากไดใ้ น รูป รส กลนิ่ เสยี ง สมั ผสั ท่นี า่ปรารถนา นา่ ใคร่ น่าพอใจทาใหจ้ ติ อยากไดโ้ นน่ อยากไดน้ ี่ ตดิ ใจโนน่ ตดิ ใจนี่ คอยเขวออกไปหาอารมณ์อ่นื จิตจงึ ไม่ตง้ั ม่นั 15

นิวรณ์ 5• พยาบาทนิวรณ์ = ความขัดเคอื ง แค้นใจได้แก่ ความขดั ใจ แค้นเคอื ง เกลียดชงั ผูกใจเจ็บ การมองในแง่รา้ ย การคิดร้าย มองเห็นคนอน่ื เป็นศตั รู ความโกรธ ความหงดุ หงิด ฉุนเฉยี ว ความรู้สกึ ขดั ใจ ไม่พอใจทาให้จิตมัวกระทบน่นั กระทบน่ี สะดดุ นัน่ สะดุดนี่ เดินไมเ่ รยี บไม่ไหลตอ่ เนื่อง จงึ ไม่อาจเป็นสมาธิได้ 16

นิวรณ์ 5• ถีนมทิ ธนวิ รณ์ = ความหดหู่ และเซื่องซมึ หรอื เซ็ง และซึม ถนี ะ คือ ความหดหู่ ห่อเหย่ี ว ถดถอย ระยอ่ ทอ้ แท้ ซบเซา เหงาหงอย ละเห่ีย => อาการทางจิต มทิ ธะ คอื ความเซอ่ื งซึม เฉ่อื ยชา ง่วงเหงาหาวนอน โงกง่วง อืดอาด มึนมัว ตอ้ื ตนั => อาการซมึ ๆเฉาๆทางกาย 17

นวิ รณ์ 5• อทุ ธจั จกุกกจุ จนิวรณ์ = ความฟงุ้ ซา่ น และเดอื ดร้อนใจ อุทธจั จะ คอื ความทจ่ี ิตฟ้งุ ซาน ไม่สงบ ส่าย พล่านไป กกุ กจุ จะ คอื ความวุน่ วายใจ ราคาญใจ เดือดร้อนใจ ยงุ่ ใจ กลุ้มใจ กังวลใจ จิตที่ถูกอทุ ธัจจกุกกุจจะครอบงามีลกั ษณะควา้ ง ทาใหไ้ ม่อาจสงบลงได้ 18

นวิ รณ์ 5• วจิ ิกจิ ฉานิวรณ์ = ความลังเลสงสัยได้แก่ ความเคลือบแคลง ไม่แนใ่ จ สงสยั ในสิ่งที่กาลังกระทาเชน่ สงสยั วา่ การทาสมาธิน้ีดจี ริงหรอื มีคุณค่า มปี ระโยชน์แก่การปฏิบัตหิ รือไม่ ไดผ้ ลจรงิ หรอื ไม่ ทาใหค้ ดิ แยกเปน็ 2 ทาง ทาใหก้ าหนดจติ ใหเ้ ป็นอารมณ์เดียวไมล่ ง 19

หลกั กำรของกำรฝกึ สมำธิ• การใชอ้ ารมณ์ หรือสิง่ ใดสิ่งหนงึ่ มาเปน็ เครอ่ื งฝกึ หดั ใหจ้ ติ กาหนด เพ่ือใหจ้ ิตอยใู่ นความควบคุม สามารถจับอย่กู ับอารมณ์ อนั นัน้ อนั เดียวได้ ไม่ฟุ้งซา่ น ไม่เลอื่ นลอยไปหาอารมณ์อ่ืน• วัตถุ สิ่ง หรอื อารมณ์ทจี่ ะเอามาให้จิตกาหนด ควรเปน็ กลางๆ ไมล่ อ่ จติ ใหค้ ดิ ปรุงแตง่ โดยมากจะใช้ส่งิ ดงี าม หรอื สิ่งที่เป็น กลางๆ เช่น ความเมตตากรุณา พระรัตนตรยั ลมหายใจ วตั ถุสี 20

กำรฝกึ สมำธิรูส้ ัมผสั ของลมหายใจอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง1. ฝึกจดั การกับความคิด2. ฝึกจัดการกับความงว่ ง 21



ทำควำมรู้จักสติ อ.ภญ. ศิรวิ ดี บุญมโหตม์ [email protected] 23

สติMindfulness 24

มรรคมอี งค์ 8 = 8 ขั้นตอนของการฝึกจิต พัฒนาความคิด / ความเขา้ ใจ1. สมั มาทิฏฐิ เห็นชอบ พัฒนาการใช้ชวี ติ2. สัมมาสงั กปั ปะ3. สัมมากัมมนั ตะ พัฒนาจติ4. สมั มาอาชีวะ5. สมั มาวาจา6. สัมมาวายามะ7. สัมมาสติ8. สมั มาสมาธิ

สติคอื อะไร• สติ คือ ความระลกึ ได้ ความไม่เผลอ• สัมปชัญญะ คือ ความร้ตู วั• เปน็ มรรคองค์ที่ 7 = สมั มาสติ

สตสิ มั ปชญั ญะคอื การระลึกได้ และกลับมาร้ใู นสิง่ ทีก่ าลังทา หรอื การอยูก่ บัปจั จุบันน่ันเอง• คนปกตมิ สี ติ ยกเว้น ??• เป็นสิง่ ที่ต้องใชใ้ นการทางาน เพอื่ ให้งานลลุ ว่ ง อย่างถูกต้อง 27

สตสิ ัมปชญั ญะของคนปกติมจี ดุ ออ่ น2 ประการ คอื• วอกแวกงา่ ย เชน่ ในขณะท่ีฟัง.....• ถกู สอดแทรกดว้ ยอารมณไ์ ด้ง่าย เช่น ขณะขับรถ o คนอนื่ ขับรถปาดหน้า.......... o เหน็ ป้ายโฆษณา........... o รถติด........... 28

ประโยชน์ของใจที่มีสติ• รับรเู้ ร็ว จากภาวะต่ืนรูอ้ ยเู่ สมอ งานจบเรว็• ยืดหยุน่ ทางอารมณ์ มีอารมณ์เปน็ ปกติ และเป็นคนทม่ี ี อารมณ์ดี• ทาให้ความสัมพันธก์ บั ผอู้ ืน่ ดีขนึ้ 29

สังเกตุ• ภาวะของมสี ตสิ ัมปชัญญะมักเกิดได้ดี เม่ือ• ทาอะไรเป็นคร้งั แรก• ทาส่ิงที่ไมค่ ุ้นเคย เชน่ เขียนหนงั สือด้วยมอื ท่ไี ม่ถนัด• ต้องทาอะไรท่เี ส่ยี งอนั ตราย 30

วตั ถุประสงคข์ องกำรฝกึ สติ• เป็นพ้ืนฐานชว่ ยใหป้ ฏิบัตสิ มาธิไดด้ ขี ้ึน• ร้จู ักการปลอ่ ยวางความรูส้ กึ อารมณ์ ความคิดทางลบ ดว้ ยใจ ทีส่ งบ เป็นกลาง มากกว่าทีจ่ ะไปเปล่ียนแปลงและท้าทาย 31

หลักกำรฝกึ สติ อ.ภญ. ศิรวิ ดี บุญมโหตม์ [email protected] 32

สติปฏั ฐำน •กายานุปสั สนาสติปัฏฐาน => ร่างกาย• เป็นแนวคิด และแนว •เวทนานปุ ัสสนาสติปัฏฐาน ปฏบิ ตั ิในทางพุทธธรรม => ความรู้สึก เชน่ สุข ทุกข์ สบาย ไมส่ บาย เฉยๆ •จิตตานปุ ัสสนาสติปฏั ฐาน• = ฐานทตี่ ัง้ แหง่ สติ => การรู้ความคิด• มี 4 ฐาน •ธรรมมานปุ สั สนาสตปิ ัฏฐาน => ความจา อารมณ์ การคดิ ปรุงแต่ง

หลกั ของสตปิ ัฏฐำนอาตาปี = มีความเพยี รเผากิเลส = รู้บ่อยๆสมั ปะชาโน = มีความรสู้ ึกตวั ท่วั พร้อมสะติมา = ระลกึ ได้ ไมใ่ จลอย ไมเ่ ผลอ มีสติวเิ นยยะ = ละโลเก = ในนามและรูปอะภชิ ฌาโทมะนัสสงั = ความพอใจ ไมพ่ อใจ ยนิ ดี ยินรา้ ย 34

กระบวนกำรพฒั นำปญั ญำสงั เกต ลักษณะธรรมชาติท่เี กดิ ขนึ้ ? ปลอ่ ยวาง=> การดาเนนิ /เปลี่ยนแปลงไป ?=> การจางคลาย หายไป ?จนเขา้ ใจธรรมชาติของเคา้ ความรสู้ กึ ยดึ ตดิ ลดลง และหายไป 35

กำรปลอ่ ยวำง• เป็นสภาวะของจิต ทีไ่ มไ่ ปยึดถือ• เกดิ จากจิตฉลาด หรอื ที่เรยี กว่า ปญั ญา• เชน่ การทาความรจู้ กั กบั ความร้อน แลว้ ไม่ ไปถูกมนั อกี 36

ปฏบิ ัตธิ รรม ปฏิ = ตรงหนา้ ปตฺติ = เขา้ ถึง จิตใจยอมรบั ธมฺ ม = ธรรมชาติ ความจริง “จิตใจที่เขา้ ถึง/ยอมรบั ธรรมชาติท่อี ย่ตู รงหนา้ ” 37

วธิ ฝี กึ สติอ.ภญ. ศริ วิ ดี บุญมโหตม์[email protected] 38

ทุกคนมีสติ ทำไมตอ้ งฝกึ ? สามัญสติ วอกแวกง่ายถูกสอดแทรกด้วยอารมณ์ 39

40

เมอ่ื ฝกึ แลว้ จะเกิดอะไรขึน้รูต้ ัวไมต่ ่อเน่อื ง ความคิดวอกแวก อารมณ์แทรกรู้ตัวต่อเนื่อง ไมว่ อกแวก ควบคมุ ความคิด อารมณ์ไดด้ ี 41

กำรฝกึ สติ• เป็นการทาให้สตเิ พม่ิ พูน/เจรญิ ข้นึ อกี ข้นั หนึง่• ทาใหว้ อกแวก และถูกสอดแทรกด้วยอารมณไ์ ดน้ ้อยลง• ผลคือ ควบคมุ ความคิด และอารมณ์ได้ดีขึ้น• พบว่า คลนื่ สมองของคนที่ถูกฝึกสติ จะมลี กั ษณะของคล่นื สม่าเสมอกวา่ คลื่นสมองของคนทั่วไปขณะตื่น 42

รไู้ ดอ้ ย่ำงไรว่ำมีสติสัมปชญั ญะ ?• ลกั ษณะของสติ = อยู่ในปัจจุบนั อยา่ งเปน็ กลาง และไมต่ ดั สนิ• ลักษณะของใจทมี่ ีสติ = ผ่อนคลาย(Relax) และต่นื ตัว(Alert) ไปพรอ้ มๆกนั 43

กำรใช้ลมหำยใจเป็นฐำนสติ• ลมหายใจ มีอยู่ตลอดเวลา เปน็ ปจั จุบนั• เมอื่ ระลึกถึง/รู้ลมหายใจซงึ่ เปน็ ปจั จบุ ันได้ = ร้ใู นปัจจบุ นั• เมอ่ื รู้ในปจั จบุ นั = รตู้ ัวในกิจการงานที่กาลังทา• รู้ตวั ในกิจการงานที่กาลังทาไดบ้ ่อยๆ นาน = ชว่ ยใหเ้ รามสี มาธใิ นกจิ การงานไดด้ ีขนึ้ 44

ฐำนสติ คือ ลมหำยใจคุณลักษณะ• สังเกตได้ยาก เมอ่ื จติ ไปจบั /รบั รู้ ระลึกได้ ความคดิ หยดุ ได้สติ• เมอื่ ระลกึ ได้ และกลับมารสู้ กึ ตวั เปน็ ปจั จบุ ัน ไดส้ ัมปชญั ญะ• เมอ่ื รูส้ กึ ตวั เปน็ ปัจจุบัน ได้ขณะหนง่ึ ไดส้ มาธิ 45

ข้ันตอนกำรฝกึมี 3 ขั้น1. สตพิ ื้นฐาน: รู้กจิ ทีท่ าในปจั จบุ นั2. สติ: รคู้ วามรู้สกึ /อาการทางกาย / ร้คู วามรสู้ กึ ทางใจ3. สติ: รูอ้ ารมณ์ ความคิด ความจา “รู้ เพื่อให้เห็น และเข้าใจธรรมชาติของการเปลย่ี นแปลงที่เกดิ ขึ้น” 46

ฝกึ สตขิ ั้นพ้ืนฐำน(รกู้ ำย) รู้กจิ ที่ทำปจั จุบนั อ.ภญ. ศิริวดี บญุ มโหตม์ [email protected] 47

สตพิ นื้ ฐำน• สติร้ลู มหายใจขณะหลับตา• สตริ ู้ลมหายใจขณะลมื ตา• ลืมตารลู้ มหายใจเลก็ นอ้ ยรู้กจิ กรรมทางกาย 48

วธิ ีฝกึ สติพ้ืนฐำน• รู้ลมหายใจไวเ้ ลก็ น้อยเปน็ ฐานสติเปน็ การผูกสตไิ วก้ บั ลมหายใจที่เป็นปัจจุบัน• รใู้ นกิจที่ทา: แบง่ สตไิ ป ดู/ฟงั นั่ง ยืน เดิน 49

วธิ ีฝกึ• เมอื่ ต้องใส่ใจในกจิ ใดให้รู้ลมหายใจเลก็ น้อย รูใ้ นกจิ ทท่ี าใหม้ าก• เมอื่ จติ ใจว้าวนุ่รู้ลมหายใจใหม้ าก พร้อมไปกบั การทากจิ 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook